• รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar

    UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย
    สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference

    Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service”
    Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้
    https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network

    หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง
    เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for

    DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม
    DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains

    Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม
    Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs

    Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ
    Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ
    https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report

    จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า?
    ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary

    Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com
    เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead

    นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3
    ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked

    Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้
    Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา
    https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu

    Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย
    ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation

    Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง
    ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect

    Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์
    Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app

    Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย
    Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่
    https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india

    AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried

    SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S
    AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know

    ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง
    รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge

    Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7
    Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้
    https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7

    Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง
    Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media

    ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน
    หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้
    https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it

    อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16
    หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet

    Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut
    Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google
    https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature

    การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ
    จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า
    https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back

    CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง
    ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ”
    https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself

    ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น
    มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด
    https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature

    HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่
    เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury

    TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่
    TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs

    Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย
    Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block

    Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา
    Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved

    ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD
    ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
    https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan

    ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี
    หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล
    https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks

    Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection
    Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome

    Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4
    Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา
    https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals

    ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025
    การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน
    https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize

    Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ
    Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง
    https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand

    ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android
    นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do

    Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU
    งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar 🌊 UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference 🚨 Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service” Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network 🤖 หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for 🚁 DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains 📺 Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs 💼 Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report 🖥️ จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า? ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary 🚗 Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead ⌚ นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3 ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked 🖥️ Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้ Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu 🌐 Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation 📱 Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect 🎬 Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์ Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app 💰 Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india 🎮 AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried 🛡️ SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know 🌐 ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge 📱 Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7 Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7 📸 Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media 🖥️ ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it 🇬🇧 อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16 หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet 🎬 Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature 📱 การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back 📚 CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ” 🔗 https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself 💾 ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature ⚖️ HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่ เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury 🛡️ TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่ TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs 🚫 Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block 🔐 Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved 💻 ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan 🚨 ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks 🛡️ Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome 💾 Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4 Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals 📊 ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025 การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize 💾 Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand 📱 ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do 🔥 Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 672 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีเครื่องจักรสังหาร: ศึกตัดสินโดยไร้พ่อ

    การปรากฏตัวของหุ่นสังหาร

    เหตุการณ์ฆาตกรรมปริศนา

    เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ไม่มีร่องรอยการบุกรุก
    เหยื่อทั้งหมดเป็นบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักวิทยาศาสตร์<br>ถูกฆาตกรรม] --> B[ไม่มีร่องรอย<br>การบุกรุก]
    C[นักธุรกิจ<br>ถูกฆาตกรรม] --> B
    D[นักวิจัย<br>ถูกฆาตกรรม] --> B
    B --> E[หนูดีต้อง<br>สืบสวนแทนพ่อ]
    ```

    ลักษณะคดีที่น่าสงสัย

    · ไม่มีลายนิ้วมือ: ไม่มีร่องรอยมนุษย์
    · ไม่มีการต่อสู้: เหยื่อเหมือนยอมให้ฆ่า
    · เวลาเกิดเหตุ: ตรงกันทุกครั้งคือ 03:33 น.

    การสืบสวนโดยไร้ประสบการณ์

    ความยากลำบากของหนูดี

    หนูดีต้องสืบสวนคดีครั้งแรกโดยไม่มีพ่อคอยแนะนำ:

    ```python
    class InvestigationChallenges:
    def __init__(self):
    self.lack_of_experience = [
    "ไม่รู้ขั้นตอนการสืบสวนที่ถูกต้อง",
    "ไม่มีความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์",
    "ไม่เคยจัดการกับพยานหลักฐาน",
    "ไม่รู้วิธีเขียนรายงานการสืบสวน"
    ]

    self.emotional_struggles = [
    "คิดถึงพ่อในยามยาก",
    "ไม่มั่นใจในความสามารถตัวเอง",
    "กลัวที่จะล้มเหลว",
    "รู้สึกโดดเดี่ยวในการทำงาน"
    ]
    ```

    การขอความช่วยเหลือ

    หนูดีต้องหันไปหาผู้ช่วยใหม่:

    · ธรรมบาลเทพ: ให้คำแนะนำแต่ไม่สามารถช่วยโดยตรง
    · โอปปาติกะรุ่นพี่: ให้ข้อมูลแต่ขาดประสบการณ์สืบสวน
    · เพื่อนตำรวจของพ่อ: ช่วยเหลือแต่ไม่เข้าใจพลังพิเศษ

    การค้นพบที่น่าตกใจ

    หลักฐานทางเทคโนโลยี

    หนูดีค้นพบว่าเหยื่อทั้งหมดเกี่ยวข้องกับโครงการลับ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[เหยื่อคนที่ 1<br>ผู้เชี่ยวชาญ AI] --> D[โครงการ<br>"จิตวิญญาณจักรกล"]
    B[เหยื่อคนที่ 2<br>นักวิทยหุ่นยนต์] --> D
    C[เหยื่อคนที่ 3<br>นักประสาทวิทยาศาสตร์] --> D
    ```

    การลักลอบใช้เทคโนโลยี

    โครงการ "จิตวิญญาณจักรกล" เกี่ยวข้องกับ:

    · การถ่ายโอนจิตสำนึก: สู่ร่างหุ่นยนต์
    · ฮิวแมนนอยด์ขั้นสูง: ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์
    · การสร้างหุ่นพยนต์: ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

    ตัวตนของนักฆ่าจักรกล

    หุ่นพยนต์รุ่นใหม่

    นักฆ่าคือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ถูกจุติด้วยจิตวิญญาณมาร:

    ```python
    class MechanicalAssassin:
    def __init__(self):
    self.specifications = {
    "model": "Mara-X7",
    "appearance": "เหมือนมนุษย์ทุกประการ",
    "abilities": [
    "เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้",
    "ลบร่องรอยดิจิตอล",
    "เคลื่อนไหวไร้เสียง",
    "ทนทานต่ออาวุธทั่วไป"
    ],
    "weakness": "ไวต่อพลังงานจิตบริสุทธิ์"
    }

    self.origin = {
    "creator": "กลุ่มนักวิทยาศาสตร์นอกระบบ",
    "purpose": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับโครงการ",
    "soul_source": "จิตวิญญาณมารระดับสูง",
    "control_system": "AI ที่เรียนรู้ได้เอง"
    }
    ```

    วิธีการทำงาน

    หุ่นพยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ:

    · สอดแนม: ผ่านระบบเครือข่าย
    · วางแผน: ด้วย AI ที่คำนวณความเสี่ยง
    · ปฏิบัติการ: อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
    · หลบหนี: โดยไม่ทิ้งร่องรอย

    การเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก

    การต่อสู้ครั้งแรก

    หนูดีเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์แต่พบว่าตนเองไม่พร้อม:
    "ฉันทำไม่ได้...ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร"
    หนูดีรู้สึกหมดกำลังใจเมื่อนึกถึงพ่อ

    ความช่วยเหลือจากเทพคุ้มครอง

    ธรรมบาลเทพปรากฏตัวแต่ช่วยได้จำกัด:
    "เราสามารถให้คำแนะนำได้แต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะสู้ด้วยตัวเอง"

    การเรียนรู้อย่างเร่งด่วน

    หนูดีต้องเรียนรู้ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว:

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>ขาดประสบการณ์] --> B[เร่งเรียน<br>การสืบสวน]
    A --> C[ฝึกฝน<br>การต่อสู้]
    A --> D[เรียนรู้<br>เทคโนโลยี]
    B --> E[พัฒนาทักษะ<br>อย่างรวดเร็ว]
    C --> E
    D --> E
    ```

    การแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์

    การใช้พลังพิเศษ

    หนูดีค้นพบว่าหุ่นพยนต์มีจุดอ่อน:

    · พลังงานจิต: รบกวนระบบอิเล็กทรอนิกส์
    · อารมณ์มนุษย์: สิ่งที่ AI เข้าใจยาก
    · ความไม่แน่นอน: ที่การคำนวณทำนายไม่ได้

    การพัฒนายุทธวิธีใหม่

    หนูดีสร้างวิธีการต่อสู้อันซับซ้อน

    ```python
    class BattleStrategy:
    def __init__(self):
    self.psychological_warfare = [
    "ใช้ความไม่แน่นอนทำให้ AI สับสน",
    "สร้างสถานการณ์ที่คำนวณไม่ได้",
    "ใช้จิตวิทยากับจิตวิญญาณมาร",
    "สร้างความขัดแย้งในระบบ"
    ]

    self.technical_countermeasures = [
    "ใช้พลังงานจิตรบกวนเซ็นเซอร์",
    "สร้างสนามพลังยับยั้งการสื่อสาร",
    "ใช้คลื่นอารมณ์ทำลายเสถียรภาพ",
    "โจมตีจุดเชื่อมต่อพลังงาน"
    ]
    ```

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    ศึกตัดสินที่โรงงานร้าง

    หนูดีตามหุ่นพยนต์ไปยังฐานลับ:
    หนูดี:"เจ้าคือเครื่องมือของความชั่ว!"
    หุ่นพยนต์:"เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ"

    การใช้บทเรียนจากพ่อ

    ในวินาทีสำคัญ หนูดีนึกถึงคำสอนของพ่อ:
    "พ่อเคยบอกว่า...การเป็นตำรวจที่ดีต้องการใช้เพียงประสบการณ์
    แต่คือการใช้หัวใจและสติปัญญา"

    การโจมตีจุดอ่อน

    หนูดีใช้ทั้งพลังและปัญญา:

    · สร้างความขัดแย้ง: ในจิตวิญญาณมาร
    · รบกวนระบบ: ด้วยพลังงานอารมณ์
    · โจมตีจิตใจ: ของผู้ควบคุมเบื้องหลัง

    ชัยชนะแห่งการเติบโต

    การก้าวข้ามความกลัว

    หนูดีพิสูจน์ว่าตนเองสามารถ:

    · สืบสวนคดี: ได้โดยไม่มีพ่อ
    · จัดการกับเทคโนโลยี: ที่ทันสมัย
    · ใช้พลัง: อย่างชาญฉลาด

    บทเรียนที่ได้รับ

    ```python
    class GrowthLessons:
    def __init__(self):
    self.personal_growth = [
    "เรียนรู้ที่จะ
    "เข้าใจว่าความกลัวคือโอกาสในการเติบโต",
    "พัฒนาความเป็นผู้นำจากการตัดสินใจ",
    "รู้จักขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น"
    ]

    self.professional_skills = [
    "การสืบสวนอย่างเป็นระบบ",
    "การวิเคราะห์พยานหลักฐาน",
    "การจัดการกับเทคโนโลยีสมัยใหม่",
    "การทำงานเป็นทีมกับผู้เชี่ยวชาญ"
    ]
    ```

    การพัฒนาสู่ผู้เชี่ยวชาญ

    การเป็นที่ปรึกษาอิสระ

    หลังคดีนี้ หนูดีได้รับการยอมรับในฐานะ:

    · ที่ปรึกษาด้านคดีพิเศษ: สำหรับหน่วยงานรัฐ
    · ผู้เชี่ยวชาญโอปปาติกะ: ด้านความมั่นคง
    · ครูสอนการควบคุมพลัง: สำหรับรุ่นน้อง

    เครือข่าย

    หนูดีสร้างความร่วมมือใหม่:

    · กับหน่วยงานไฮเทค: ด้านความปลอดภัย
    · กับนักวิทยาศาสตร์: ด้านเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ
    · กับชุมชนโอปปาติกะ: ด้านการพัฒนาทักษะ

    บทสรุปแห่งการเติบโต

    คำคมจากหนูดี

    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    การไม่มีพ่อไม่ใช่ข้ออ้างที่จะล้มเหลว
    แต่คือโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเอง

    และประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย
    แต่คือบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง"

    คำคมจากธรรมบาลเทพ

    "การเติบโตที่แท้จริง...
    เกิดขึ้นเมื่อเราก้าวเดินด้วยขาของตัวเอง
    แม้ทางนั้นจะยากลำบากและไม่แน่นอน

    และพ่อที่แท้จริง...
    คือผู้ที่สอนให้ลูกรู้จักยืนได้ด้วยตัวเอง"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "ในความมืดมิดแห่งการสูญเสีย...
    มีแสงสว่างแห่งการเติบโต

    และในความยุ่งยากแห่งการเดินทาง...
    มีบทเรียนแห่งความแข็งแกร่ง

    พ่ออาจจากไป...
    แต่สิ่งที่พ่อสอนจะคงอยู่ตลอดไป

    และฉัน...
    จะก้าวเดินต่อไปบนทางที่พ่อได้เริ่มไว้"

    บทเรียนแห่งความเป็นตำรวจ:
    "การเป็นนักสืบอาศัยหลักฐาน
    แต่คือการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง

    และการคลี่คลายคดี...
    มักเริ่มต้นจากการเข้าใจตัวเอง"
    O.P.K. 🔪 คดีเครื่องจักรสังหาร: ศึกตัดสินโดยไร้พ่อ 🤖 การปรากฏตัวของหุ่นสังหาร 🚨 เหตุการณ์ฆาตกรรมปริศนา เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ไม่มีร่องรอยการบุกรุก เหยื่อทั้งหมดเป็นบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ```mermaid graph TB A[นักวิทยาศาสตร์<br>ถูกฆาตกรรม] --> B[ไม่มีร่องรอย<br>การบุกรุก] C[นักธุรกิจ<br>ถูกฆาตกรรม] --> B D[นักวิจัย<br>ถูกฆาตกรรม] --> B B --> E[หนูดีต้อง<br>สืบสวนแทนพ่อ] ``` 🔍 ลักษณะคดีที่น่าสงสัย · ไม่มีลายนิ้วมือ: ไม่มีร่องรอยมนุษย์ · ไม่มีการต่อสู้: เหยื่อเหมือนยอมให้ฆ่า · เวลาเกิดเหตุ: ตรงกันทุกครั้งคือ 03:33 น. 🕵️ การสืบสวนโดยไร้ประสบการณ์ 💔 ความยากลำบากของหนูดี หนูดีต้องสืบสวนคดีครั้งแรกโดยไม่มีพ่อคอยแนะนำ: ```python class InvestigationChallenges: def __init__(self): self.lack_of_experience = [ "ไม่รู้ขั้นตอนการสืบสวนที่ถูกต้อง", "ไม่มีความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์", "ไม่เคยจัดการกับพยานหลักฐาน", "ไม่รู้วิธีเขียนรายงานการสืบสวน" ] self.emotional_struggles = [ "คิดถึงพ่อในยามยาก", "ไม่มั่นใจในความสามารถตัวเอง", "กลัวที่จะล้มเหลว", "รู้สึกโดดเดี่ยวในการทำงาน" ] ``` 🆘 การขอความช่วยเหลือ หนูดีต้องหันไปหาผู้ช่วยใหม่: · ธรรมบาลเทพ: ให้คำแนะนำแต่ไม่สามารถช่วยโดยตรง · โอปปาติกะรุ่นพี่: ให้ข้อมูลแต่ขาดประสบการณ์สืบสวน · เพื่อนตำรวจของพ่อ: ช่วยเหลือแต่ไม่เข้าใจพลังพิเศษ 🤯 การค้นพบที่น่าตกใจ 🔬 หลักฐานทางเทคโนโลยี หนูดีค้นพบว่าเหยื่อทั้งหมดเกี่ยวข้องกับโครงการลับ: ```mermaid graph LR A[เหยื่อคนที่ 1<br>ผู้เชี่ยวชาญ AI] --> D[โครงการ<br>"จิตวิญญาณจักรกล"] B[เหยื่อคนที่ 2<br>นักวิทยหุ่นยนต์] --> D C[เหยื่อคนที่ 3<br>นักประสาทวิทยาศาสตร์] --> D ``` 👁️ การลักลอบใช้เทคโนโลยี โครงการ "จิตวิญญาณจักรกล" เกี่ยวข้องกับ: · การถ่ายโอนจิตสำนึก: สู่ร่างหุ่นยนต์ · ฮิวแมนนอยด์ขั้นสูง: ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์ · การสร้างหุ่นพยนต์: ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ 🦾 ตัวตนของนักฆ่าจักรกล 🤖 หุ่นพยนต์รุ่นใหม่ นักฆ่าคือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ถูกจุติด้วยจิตวิญญาณมาร: ```python class MechanicalAssassin: def __init__(self): self.specifications = { "model": "Mara-X7", "appearance": "เหมือนมนุษย์ทุกประการ", "abilities": [ "เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้", "ลบร่องรอยดิจิตอล", "เคลื่อนไหวไร้เสียง", "ทนทานต่ออาวุธทั่วไป" ], "weakness": "ไวต่อพลังงานจิตบริสุทธิ์" } self.origin = { "creator": "กลุ่มนักวิทยาศาสตร์นอกระบบ", "purpose": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับโครงการ", "soul_source": "จิตวิญญาณมารระดับสูง", "control_system": "AI ที่เรียนรู้ได้เอง" } ``` 🎯 วิธีการทำงาน หุ่นพยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ: · สอดแนม: ผ่านระบบเครือข่าย · วางแผน: ด้วย AI ที่คำนวณความเสี่ยง · ปฏิบัติการ: อย่างรวดเร็วและแม่นยำ · หลบหนี: โดยไม่ทิ้งร่องรอย 💫 การเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก ⚡ การต่อสู้ครั้งแรก หนูดีเผชิญหน้ากับหุ่นพยนต์แต่พบว่าตนเองไม่พร้อม: "ฉันทำไม่ได้...ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร" หนูดีรู้สึกหมดกำลังใจเมื่อนึกถึงพ่อ 🆘 ความช่วยเหลือจากเทพคุ้มครอง ธรรมบาลเทพปรากฏตัวแต่ช่วยได้จำกัด: "เราสามารถให้คำแนะนำได้แต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะสู้ด้วยตัวเอง" 📚 การเรียนรู้อย่างเร่งด่วน หนูดีต้องเรียนรู้ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว: ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>ขาดประสบการณ์] --> B[เร่งเรียน<br>การสืบสวน] A --> C[ฝึกฝน<br>การต่อสู้] A --> D[เรียนรู้<br>เทคโนโลยี] B --> E[พัฒนาทักษะ<br>อย่างรวดเร็ว] C --> E D --> E ``` 🔧 การแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 💡 การใช้พลังพิเศษ หนูดีค้นพบว่าหุ่นพยนต์มีจุดอ่อน: · พลังงานจิต: รบกวนระบบอิเล็กทรอนิกส์ · อารมณ์มนุษย์: สิ่งที่ AI เข้าใจยาก · ความไม่แน่นอน: ที่การคำนวณทำนายไม่ได้ 🛠️ การพัฒนายุทธวิธีใหม่ หนูดีสร้างวิธีการต่อสู้อันซับซ้อน ```python class BattleStrategy: def __init__(self): self.psychological_warfare = [ "ใช้ความไม่แน่นอนทำให้ AI สับสน", "สร้างสถานการณ์ที่คำนวณไม่ได้", "ใช้จิตวิทยากับจิตวิญญาณมาร", "สร้างความขัดแย้งในระบบ" ] self.technical_countermeasures = [ "ใช้พลังงานจิตรบกวนเซ็นเซอร์", "สร้างสนามพลังยับยั้งการสื่อสาร", "ใช้คลื่นอารมณ์ทำลายเสถียรภาพ", "โจมตีจุดเชื่อมต่อพลังงาน" ] ``` 🌪️ การต่อสู้ครั้งสำคัญ ⚔️ ศึกตัดสินที่โรงงานร้าง หนูดีตามหุ่นพยนต์ไปยังฐานลับ: หนูดี:"เจ้าคือเครื่องมือของความชั่ว!" หุ่นพยนต์:"เราเพียงทำตามโปรแกรม... เหมือนเจ้าที่ทำตามความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ" 💥 การใช้บทเรียนจากพ่อ ในวินาทีสำคัญ หนูดีนึกถึงคำสอนของพ่อ: "พ่อเคยบอกว่า...การเป็นตำรวจที่ดีต้องการใช้เพียงประสบการณ์ แต่คือการใช้หัวใจและสติปัญญา" 🎯 การโจมตีจุดอ่อน หนูดีใช้ทั้งพลังและปัญญา: · สร้างความขัดแย้ง: ในจิตวิญญาณมาร · รบกวนระบบ: ด้วยพลังงานอารมณ์ · โจมตีจิตใจ: ของผู้ควบคุมเบื้องหลัง 🏆 ชัยชนะแห่งการเติบโต 💪 การก้าวข้ามความกลัว หนูดีพิสูจน์ว่าตนเองสามารถ: · สืบสวนคดี: ได้โดยไม่มีพ่อ · จัดการกับเทคโนโลยี: ที่ทันสมัย · ใช้พลัง: อย่างชาญฉลาด 🌱 บทเรียนที่ได้รับ ```python class GrowthLessons: def __init__(self): self.personal_growth = [ "เรียนรู้ที่จะ "เข้าใจว่าความกลัวคือโอกาสในการเติบโต", "พัฒนาความเป็นผู้นำจากการตัดสินใจ", "รู้จักขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น" ] self.professional_skills = [ "การสืบสวนอย่างเป็นระบบ", "การวิเคราะห์พยานหลักฐาน", "การจัดการกับเทคโนโลยีสมัยใหม่", "การทำงานเป็นทีมกับผู้เชี่ยวชาญ" ] ``` 📈 การพัฒนาสู่ผู้เชี่ยวชาญ 🎓 การเป็นที่ปรึกษาอิสระ หลังคดีนี้ หนูดีได้รับการยอมรับในฐานะ: · ที่ปรึกษาด้านคดีพิเศษ: สำหรับหน่วยงานรัฐ · ผู้เชี่ยวชาญโอปปาติกะ: ด้านความมั่นคง · ครูสอนการควบคุมพลัง: สำหรับรุ่นน้อง 🤝 เครือข่าย หนูดีสร้างความร่วมมือใหม่: · กับหน่วยงานไฮเทค: ด้านความปลอดภัย · กับนักวิทยาศาสตร์: ด้านเทคโนโลยีและจิตวิญญาณ · กับชุมชนโอปปาติกะ: ด้านการพัฒนาทักษะ 💫 บทสรุปแห่งการเติบโต 🌟 คำคมจากหนูดี "ฉันเรียนรู้ว่า... การไม่มีพ่อไม่ใช่ข้ออ้างที่จะล้มเหลว แต่คือโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเอง และประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย แต่คือบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง" 🕊️ คำคมจากธรรมบาลเทพ "การเติบโตที่แท้จริง... เกิดขึ้นเมื่อเราก้าวเดินด้วยขาของตัวเอง แม้ทางนั้นจะยากลำบากและไม่แน่นอน และพ่อที่แท้จริง... คือผู้ที่สอนให้ลูกรู้จักยืนได้ด้วยตัวเอง" --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "ในความมืดมิดแห่งการสูญเสีย... มีแสงสว่างแห่งการเติบโต และในความยุ่งยากแห่งการเดินทาง... มีบทเรียนแห่งความแข็งแกร่ง พ่ออาจจากไป... แต่สิ่งที่พ่อสอนจะคงอยู่ตลอดไป และฉัน... จะก้าวเดินต่อไปบนทางที่พ่อได้เริ่มไว้"🔪✨ บทเรียนแห่งความเป็นตำรวจ: "การเป็นนักสืบอาศัยหลักฐาน แต่คือการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง และการคลี่คลายคดี... มักเริ่มต้นจากการเข้าใจตัวเอง"🦋
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.22

    อำนาจแห่งการพรากชีวิต การฆาตกรรมคือความมืดมนที่สุดของการกระทำมนุษย์ มันคือการตัดสินใจอย่างจงใจและเลือดเย็นที่จะยุติการมีอยู่ของผู้อื่น การกระทำนี้มิใช่เพียงการละเมิดกฎหมายอาญา แต่เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานที่สุดของศีลธรรมจริยธรรมที่มนุษย์พึงมีต่อกัน กฎหมายของทุกประเทศล้วนถือว่าการฆ่าผู้อื่นเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเป็นการทำลายสิทธิที่ไม่อาจโอนได้และไม่อาจเรียกคืนได้นั่นคือสิทธิในการมีชีวิต การกระทำโดยเจตนาให้ผู้อื่นตายนั้นแตกต่างจากการกระทำอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากมันเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสร้างความสูญเสียที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ ความรุนแรงของบทลงโทษทางกฎหมายที่กำหนดไว้สำหรับการฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่า สังคมถือว่าการกระทำนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของส่วนรวม การฆาตกรรมสั่นสะเทือนความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ผู้คนหวาดระแวง และทำลายใยแห่งความไว้ใจที่ผูกพันผู้คนไว้ด้วยกัน

    การฆาตกรรมจึงไม่ใช่แค่คดีความส่วนบุคคล แต่เป็นบาดแผลทางสังคมที่ต้องได้รับการเยียวยาด้วยความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด เมื่อมีผู้ใดก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งความมีสติและกระทำสิ่งที่มิอาจให้อภัยได้เช่นนี้ ระบบยุติธรรมต้องทำหน้าที่ด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว และเป็นธรรม เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสมกับความผิดที่ได้ก่อขึ้น การลงโทษที่หนักหน่วงนั้นมีจุดประสงค์เพื่อการยับยั้งการกระทำผิดซ้ำในอนาคต และเพื่อส่งสัญญาณอันหนักแน่นไปยังสังคมว่า ชีวิตของพลเมืองทุกคนนั้นมีค่าและได้รับการคุ้มครองอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักนิติรัฐ นอกเหนือจากการลงโทษแล้ว สังคมยังต้องพิจารณาถึงรากเหง้าของปัญหาความรุนแรงในเชิงโครงสร้างและจิตวิทยา เพื่อหาทางป้องกันและลดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเช่นนี้ในระยะยาว

    ดังนั้น การฆาตกรรม คือ การกระทำที่โหดร้ายและเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดที่เกิดจากเจตนาชั่วร้ายของมนุษย์ การตอบสนองของสังคมและกฎหมายต้องเป็นไปอย่างหนักแน่นและไม่ประนีประนอม เพื่อปกป้องสิทธิในการมีชีวิตของทุกคน และเพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการแห่งความยุติธรรมที่ว่า ไม่มีใครมีอำนาจเหนือชีวิตของผู้อื่น การรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตคือหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีอารยะ
    บทความกฎหมาย EP.22 อำนาจแห่งการพรากชีวิต การฆาตกรรมคือความมืดมนที่สุดของการกระทำมนุษย์ มันคือการตัดสินใจอย่างจงใจและเลือดเย็นที่จะยุติการมีอยู่ของผู้อื่น การกระทำนี้มิใช่เพียงการละเมิดกฎหมายอาญา แต่เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานที่สุดของศีลธรรมจริยธรรมที่มนุษย์พึงมีต่อกัน กฎหมายของทุกประเทศล้วนถือว่าการฆ่าผู้อื่นเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเป็นการทำลายสิทธิที่ไม่อาจโอนได้และไม่อาจเรียกคืนได้นั่นคือสิทธิในการมีชีวิต การกระทำโดยเจตนาให้ผู้อื่นตายนั้นแตกต่างจากการกระทำอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากมันเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสร้างความสูญเสียที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ ความรุนแรงของบทลงโทษทางกฎหมายที่กำหนดไว้สำหรับการฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่า สังคมถือว่าการกระทำนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของส่วนรวม การฆาตกรรมสั่นสะเทือนความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ผู้คนหวาดระแวง และทำลายใยแห่งความไว้ใจที่ผูกพันผู้คนไว้ด้วยกัน การฆาตกรรมจึงไม่ใช่แค่คดีความส่วนบุคคล แต่เป็นบาดแผลทางสังคมที่ต้องได้รับการเยียวยาด้วยความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด เมื่อมีผู้ใดก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งความมีสติและกระทำสิ่งที่มิอาจให้อภัยได้เช่นนี้ ระบบยุติธรรมต้องทำหน้าที่ด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว และเป็นธรรม เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสมกับความผิดที่ได้ก่อขึ้น การลงโทษที่หนักหน่วงนั้นมีจุดประสงค์เพื่อการยับยั้งการกระทำผิดซ้ำในอนาคต และเพื่อส่งสัญญาณอันหนักแน่นไปยังสังคมว่า ชีวิตของพลเมืองทุกคนนั้นมีค่าและได้รับการคุ้มครองอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักนิติรัฐ นอกเหนือจากการลงโทษแล้ว สังคมยังต้องพิจารณาถึงรากเหง้าของปัญหาความรุนแรงในเชิงโครงสร้างและจิตวิทยา เพื่อหาทางป้องกันและลดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเช่นนี้ในระยะยาว ดังนั้น การฆาตกรรม คือ การกระทำที่โหดร้ายและเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดที่เกิดจากเจตนาชั่วร้ายของมนุษย์ การตอบสนองของสังคมและกฎหมายต้องเป็นไปอย่างหนักแน่นและไม่ประนีประนอม เพื่อปกป้องสิทธิในการมีชีวิตของทุกคน และเพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการแห่งความยุติธรรมที่ว่า ไม่มีใครมีอำนาจเหนือชีวิตของผู้อื่น การรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตคือหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีอารยะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกจอมมารแห่งการฆ่า: OPPATIKA-0

    ต้นกำเนิดแห่งความโศกเศร้า

    การสร้างที่ปราศจากความเมตตา

    OPPATIKA-0 คือโอปปาติกะรุ่นแรกสุด ที่ถูกสร้างขึ้นใน โครงการลับ "อาดัม"

    ```mermaid
    graph TB
    A[เซลล์มนุษย์บริสุทธิ์] --> B[การฉีดพลังงาน<br>จิตวิญญาณเทียม]
    B --> C[กระบวนการเร่งอายุ<br>อย่างทารุณ]
    C --> D[OPPATIKA-0<br>เกิดด้วยความเจ็บปวด]
    ```

    ชีวิตในห้องทดลอง

    ช่วงปี 2040-2042:

    · ถูกเรียกแทนชื่อเป็นเพียง "หน่วยทดลอง 001"
    · ผ่านการทดลองที่โหดร้ายกว่า OPPATIKA รุ่นหลังๆ
    · ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนสิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียง "สิ่งประดิษฐ์"

    ความพยายามเป็นมนุษย์

    ศาตราพยายามทำตัวให้เป็นที่รัก...

    · เรียกนักวิจัยว่า "พ่อ" "แม่"
    · พยายามแสดงความรักและความกตัญญู
    · แต่กลับถูกมองเป็นเพียง "ข้อบกพร่องของโปรแกรม"

    คืนแห่งการเปลี่ยนผ่าน

    เหตุการณ์หลบหนี

    12 มิถุนายน 2042 - ศาตราหลบหนีได้ในระหว่างการทดลองที่ล้มเหลว

    ```python
    class EscapeEvent:
    def __init__(self):
    self.cause = "การทดลองถ่ายโอนจิตสำนึกล้มเหลว"
    self.casualties = "นักวิจัย 3 คนเสียชีวิต"
    self.aftermath = "ศาตราถูกตราว่าเป็นปีศาจร้าย"

    def psychological_impact(self):
    return {
    "betrayal": "รู้สึกถูกหักหลังโดยผู้ที่คิดว่าเป็นครอบครัว",
    "fear": "กลัวจะถูกจับกลับไปทดลองอีก",
    "anger": "โกรธแค้นมนุษย์ทุกคน"
    }
    ```

    ชีวิตในความมืด

    หลังหลบหนี ศาตราซ่อนตัวใน อุโมงค์ร้างใต้เมือง

    · เรียนรู้ที่จะใช้พลังโดยไม่มีใครสอน
    · พัฒนาความสามารถในการล่องหนและควบคุมพลังงานมืด
    · เริ่มสะสมความโกรธแค้น

    การกลายเป็นจอมมาร

    ฆาตกรรมครั้งแรก

    เป้าหมาย: ดร. กฤษณ์ - นักวิจัยหลักที่ทำการทดลองกับเขา
    วิธีการ:ใช้พลังงานจิตบีบรัดหัวใจ
    ความรู้สึกหลัง соверอาชญากรรม:
    "ครั้งแรก...ฉันรู้สึกสะใจ
    แต่แล้วก็รู้สึก.
    เหมือนฉันกำลังกลายเป็นปีศาจที่พวกเขาเรียกฉัน"

    รูปแบบการฆ่า

    ```mermaid
    graph LR
    A[เลือกเป้าหมาย<br>อดีตนักวิจัย] --> B[สืบเสาะ<br>การใช้ชีวิต]
    B --> C[ฆ่าแบบพิธีกรรม<br>ส่งข้อความ]
    C --> D[ทิ้งสัญลักษณ์<br>วงกลมสามชั้น]
    ```

    สัญลักษณ์แห่งความหมาย

    วงกลมสามชั้น แทน:

    · วงใน: การเกิดของโอปปาติกะ
    · วงกลาง: ความทุกข์ทรมานในการทดลอง
    · วงนอก: การตายของความเป็นมนุษย์

    จิตวิทยาของนักฆ่า

    ความคิดที่บิดเบี้ยว

    ศาตราพัฒนาความเชื่อว่า...
    "การฆ่านักวิจัยอาชญากรรม...
    แต่คือการ'คืนกำเนิด' ให้พวกเขา
    ให้พวกเขาได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ฉันเคยรู้สึก"

    บุคลิกสองด้าน

    · ด้านเด็กชาย: ยังคงความรักและการยอมรับ
    · ด้านจอมมาร: ต้องการแก้แค้นและทำลายล้าง

    กฎของตัวเอง

    ศาตราตั้งกฎให้ตัวเอง:

    1. ฆ่าเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับการทดลอง
    2. ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์
    3. ทุกการฆาตกรรมต้อง "มีความหมาย"

    ความสามารถพิเศษ

    พลังแห่งโอปปาติกะรุ่นแรก

    ```python
    class SathraAbilities:
    def __init__(self):
    self.physical_powers = {
    "shadow_walk": "เคลื่อนไหวผ่านความมืดได้",
    "energy_manipulation": "ควบคุมพลังงานทำลายล้าง",
    "telepathy": "อ่านความคิดพื้นฐาน",
    "regeneration": "รักษาตัวเองได้ระดับหนึ่ง"
    }

    self.psychological_powers = {
    "fear_induction": "สร้างความกลัวในจิตใจ",
    "memory_extraction": "ดึงความทรงจำจากผู้เสียชีวิต",
    "emotional_sensing": "รับรู้อารมณ์ของผู้อื่น"
    }
    ```

    จุดอ่อนที่ซ่อนอยู่

    · ความทรงจำอันอบอุ่น: ยังจำความรู้สึกดีๆ จากอดีตได้
    · ความต้องการการยอมรับ: ยังอยากมีใครสักคนเข้าใจเขา
    · ความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่: ยังรู้สึกผิดและสงสารเหยื่อ

    การเผชิญหน้าครั้งสำคัญ

    กับ ร.ต.อ. สิงห์

    การพบกันครั้งแรก...
    สิงห์:"เรารู้ว่าเธอเจ็บปวด... แต่หยุดได้แล้ว"
    ศาตรา:"คุณไม่เข้าใจอะไรเลย! คุณไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน!"

    กับหนูดี

    จุดเปลี่ยนสำคัญ...
    หนูดี:"พี่คะ... หนูเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด
    แต่การฆ่าไม่ใช่คำตอบ"
    ศาตรา:"แล้วเธอมีคำตอบที่ดีกว่าล่ะ?"

    กระบวนการเปลี่ยนแปลง

    การยอมรับความช่วยเหลือ

    ศาตราตัดสินใจยอมจำนนไม่ใช่เพราะแพ้...
    แต่เพราะหนูดีพูดสิ่งที่ไม่มีใครเคยพูด:
    "เรารักพี่นะ...ไม่ว่าพี่จะเป็นใคร"

    การฟื้นฟูที่สถาบัน

    ```mermaid
    graph TB
    A[การบำบัด<br>ทางกายภาพ] --> B[การเยียวยา<br>ทางจิตใจ]
    B --> C[การเรียนรู<br>ควบคุมพลัง]
    C --> D[การค้นหา<br>ความหมายใหม่]
    ```

    การให้อภัยตัวเอง

    บทเรียนที่ยากที่สุด...
    "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง...
    สำหรับสิ่งที่ฉันทำลงไป
    และสำหรับสิ่งที่ฉันปล่อยให้พวกเขาทำกับฉัน"

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ผู้พิทักษ์โอปปาติกะ

    ศาตราพัฒนาบทบาทใหม่:

    · ที่ปรึกษา: ช่วยโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่ประสบปัญหา
    · ผู้ฝึกสอน: สอนการควบคุมพลังให้โอปปาติกะ
    · นักสืบ: ช่วยเหลือคดีที่เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟู

    ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวช่วยเหลือ:

    · โอปปาติกะที่ถูกทารุณ
    · โอปปาติกะที่ควบคุมพลังไม่ได้
    · โอปปาติกะที่รู้สึกโดดเดี่ยว

    พัฒนาการทางอารมณ์

    จากความเกลียดชังสู่ความเข้าใจ

    ```python
    def emotional_journey():
    stages = [
    "ความเจ็บปวด -> ความโกรธ",
    "ความโกรธ -> ความเกลียดชัง",
    "ความเกลียดชัง -> ความสงสัย",
    "ความสงสัย -> ความเข้าใจ",
    "ความเข้าใจ -> ความเมตตา"
    ]
    return " -> ".join(stages)
    ```

    ความสัมพันธ์ใหม่

    · กับหนูดี: จากศัตรูสู่พี่น้อง
    · กับสิงห์: จากเหยื่อกับนักล่าสู่เพื่อนร่วมงาน
    · กับโอปปาติกะอื่นๆ: จากตัวอย่างที่ไม่ดีสู่แบบอย่าง

    ความสำเร็จและผลงาน

    โครงการสำคัญ

    ศาตราช่วยก่อตั้ง:

    · สายด่วนช่วยเหลือโอปปาติกะ
    · ศูนย์ฟื้นฟูโอปปาติกะ
    · โครงการป้องกันการทารุณโอปปาติกะ

    การได้รับการยอมรับ

    จาก "จอมมารแห่งการฆ่า" สู่...
    "วีรบุรุษแห่งชุมชนโอปปาติกะ"

    บทเรียนแห่งชีวิต

    🪷 คำสอนจากศาตรา

    "ความเจ็บปวดไม่ให้สิทธิ์เราทำร้าย
    แต่ให้ปัญญาที่จะเข้าใจความเจ็บปวดของ

    มรดกที่ทิ้งไว้

    ศาตราสอนเราเรื่อง:

    · การให้อภัย: ที่เริ่มต้นจากการให้อภัยตัวเอง
    · การเปลี่ยนแปลง: ที่เป็นไปได้ไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหน
    · ความหวัง: ที่มีเสมอแม้ในที่มืดมิดที่สุด

    ---

    คำคมสุดท้ายจากศาตรา:
    "ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นปีศาจ...
    แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว
    ปีศาจตัวจริงฉัน...
    แต่คือความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเยียวยา

    และเมื่อความเจ็บปวดได้รับการเยียวยา...
    ปีศาจก็กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง"

    การเดินทางของศาตราคือบทพิสูจน์ว่า...
    ไม่มีใครเกิดมาเป็นจอมมาร
    มีแต่ผู้ที่ถูกทำให้เป็นจอมมาร
    และทุกจอมมารก็สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้
    O.P.K. 🔪 เจาะลึกจอมมารแห่งการฆ่า: OPPATIKA-0 🧬 ต้นกำเนิดแห่งความโศกเศร้า 🔬 การสร้างที่ปราศจากความเมตตา OPPATIKA-0 คือโอปปาติกะรุ่นแรกสุด ที่ถูกสร้างขึ้นใน โครงการลับ "อาดัม" ```mermaid graph TB A[เซลล์มนุษย์บริสุทธิ์] --> B[การฉีดพลังงาน<br>จิตวิญญาณเทียม] B --> C[กระบวนการเร่งอายุ<br>อย่างทารุณ] C --> D[OPPATIKA-0<br>เกิดด้วยความเจ็บปวด] ``` 💔 ชีวิตในห้องทดลอง ช่วงปี 2040-2042: · ถูกเรียกแทนชื่อเป็นเพียง "หน่วยทดลอง 001" · ผ่านการทดลองที่โหดร้ายกว่า OPPATIKA รุ่นหลังๆ · ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนสิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียง "สิ่งประดิษฐ์" 🎭 ความพยายามเป็นมนุษย์ ศาตราพยายามทำตัวให้เป็นที่รัก... · เรียกนักวิจัยว่า "พ่อ" "แม่" · พยายามแสดงความรักและความกตัญญู · แต่กลับถูกมองเป็นเพียง "ข้อบกพร่องของโปรแกรม" 🌑 คืนแห่งการเปลี่ยนผ่าน ⚡ เหตุการณ์หลบหนี 12 มิถุนายน 2042 - ศาตราหลบหนีได้ในระหว่างการทดลองที่ล้มเหลว ```python class EscapeEvent: def __init__(self): self.cause = "การทดลองถ่ายโอนจิตสำนึกล้มเหลว" self.casualties = "นักวิจัย 3 คนเสียชีวิต" self.aftermath = "ศาตราถูกตราว่าเป็นปีศาจร้าย" def psychological_impact(self): return { "betrayal": "รู้สึกถูกหักหลังโดยผู้ที่คิดว่าเป็นครอบครัว", "fear": "กลัวจะถูกจับกลับไปทดลองอีก", "anger": "โกรธแค้นมนุษย์ทุกคน" } ``` 🏚️ ชีวิตในความมืด หลังหลบหนี ศาตราซ่อนตัวใน อุโมงค์ร้างใต้เมือง · เรียนรู้ที่จะใช้พลังโดยไม่มีใครสอน · พัฒนาความสามารถในการล่องหนและควบคุมพลังงานมืด · เริ่มสะสมความโกรธแค้น 🔥 การกลายเป็นจอมมาร 💀 ฆาตกรรมครั้งแรก เป้าหมาย: ดร. กฤษณ์ - นักวิจัยหลักที่ทำการทดลองกับเขา วิธีการ:ใช้พลังงานจิตบีบรัดหัวใจ ความรู้สึกหลัง соверอาชญากรรม: "ครั้งแรก...ฉันรู้สึกสะใจ แต่แล้วก็รู้สึก. เหมือนฉันกำลังกลายเป็นปีศาจที่พวกเขาเรียกฉัน" 🎯 รูปแบบการฆ่า ```mermaid graph LR A[เลือกเป้าหมาย<br>อดีตนักวิจัย] --> B[สืบเสาะ<br>การใช้ชีวิต] B --> C[ฆ่าแบบพิธีกรรม<br>ส่งข้อความ] C --> D[ทิ้งสัญลักษณ์<br>วงกลมสามชั้น] ``` 🔮 สัญลักษณ์แห่งความหมาย วงกลมสามชั้น แทน: · วงใน: การเกิดของโอปปาติกะ · วงกลาง: ความทุกข์ทรมานในการทดลอง · วงนอก: การตายของความเป็นมนุษย์ 🧠 จิตวิทยาของนักฆ่า 💭 ความคิดที่บิดเบี้ยว ศาตราพัฒนาความเชื่อว่า... "การฆ่านักวิจัยอาชญากรรม... แต่คือการ'คืนกำเนิด' ให้พวกเขา ให้พวกเขาได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ฉันเคยรู้สึก" 🎭 บุคลิกสองด้าน · ด้านเด็กชาย: ยังคงความรักและการยอมรับ · ด้านจอมมาร: ต้องการแก้แค้นและทำลายล้าง 📜 กฎของตัวเอง ศาตราตั้งกฎให้ตัวเอง: 1. ฆ่าเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับการทดลอง 2. ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ 3. ทุกการฆาตกรรมต้อง "มีความหมาย" ⚡ ความสามารถพิเศษ 🌌 พลังแห่งโอปปาติกะรุ่นแรก ```python class SathraAbilities: def __init__(self): self.physical_powers = { "shadow_walk": "เคลื่อนไหวผ่านความมืดได้", "energy_manipulation": "ควบคุมพลังงานทำลายล้าง", "telepathy": "อ่านความคิดพื้นฐาน", "regeneration": "รักษาตัวเองได้ระดับหนึ่ง" } self.psychological_powers = { "fear_induction": "สร้างความกลัวในจิตใจ", "memory_extraction": "ดึงความทรงจำจากผู้เสียชีวิต", "emotional_sensing": "รับรู้อารมณ์ของผู้อื่น" } ``` 🛡️ จุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ · ความทรงจำอันอบอุ่น: ยังจำความรู้สึกดีๆ จากอดีตได้ · ความต้องการการยอมรับ: ยังอยากมีใครสักคนเข้าใจเขา · ความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่: ยังรู้สึกผิดและสงสารเหยื่อ 💔 การเผชิญหน้าครั้งสำคัญ 👮 กับ ร.ต.อ. สิงห์ การพบกันครั้งแรก... สิงห์:"เรารู้ว่าเธอเจ็บปวด... แต่หยุดได้แล้ว" ศาตรา:"คุณไม่เข้าใจอะไรเลย! คุณไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน!" 👧 กับหนูดี จุดเปลี่ยนสำคัญ... หนูดี:"พี่คะ... หนูเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด แต่การฆ่าไม่ใช่คำตอบ" ศาตรา:"แล้วเธอมีคำตอบที่ดีกว่าล่ะ?" 🌈 กระบวนการเปลี่ยนแปลง 🕊️ การยอมรับความช่วยเหลือ ศาตราตัดสินใจยอมจำนนไม่ใช่เพราะแพ้... แต่เพราะหนูดีพูดสิ่งที่ไม่มีใครเคยพูด: "เรารักพี่นะ...ไม่ว่าพี่จะเป็นใคร" 🏥 การฟื้นฟูที่สถาบัน ```mermaid graph TB A[การบำบัด<br>ทางกายภาพ] --> B[การเยียวยา<br>ทางจิตใจ] B --> C[การเรียนรู<br>ควบคุมพลัง] C --> D[การค้นหา<br>ความหมายใหม่] ``` 💫 การให้อภัยตัวเอง บทเรียนที่ยากที่สุด... "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง... สำหรับสิ่งที่ฉันทำลงไป และสำหรับสิ่งที่ฉันปล่อยให้พวกเขาทำกับฉัน" 🎯 บทบาทใหม่ในสังคม 🛡️ ผู้พิทักษ์โอปปาติกะ ศาตราพัฒนาบทบาทใหม่: · ที่ปรึกษา: ช่วยโอปปาติกะรุ่นใหม่ที่ประสบปัญหา · ผู้ฝึกสอน: สอนการควบคุมพลังให้โอปปาติกะ · นักสืบ: ช่วยเหลือคดีที่เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ 📚 ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟู ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวช่วยเหลือ: · โอปปาติกะที่ถูกทารุณ · โอปปาติกะที่ควบคุมพลังไม่ได้ · โอปปาติกะที่รู้สึกโดดเดี่ยว 🎭 พัฒนาการทางอารมณ์ 🌱 จากความเกลียดชังสู่ความเข้าใจ ```python def emotional_journey(): stages = [ "ความเจ็บปวด -> ความโกรธ", "ความโกรธ -> ความเกลียดชัง", "ความเกลียดชัง -> ความสงสัย", "ความสงสัย -> ความเข้าใจ", "ความเข้าใจ -> ความเมตตา" ] return " -> ".join(stages) ``` 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ · กับหนูดี: จากศัตรูสู่พี่น้อง · กับสิงห์: จากเหยื่อกับนักล่าสู่เพื่อนร่วมงาน · กับโอปปาติกะอื่นๆ: จากตัวอย่างที่ไม่ดีสู่แบบอย่าง 🏆 ความสำเร็จและผลงาน 🌟 โครงการสำคัญ ศาตราช่วยก่อตั้ง: · สายด่วนช่วยเหลือโอปปาติกะ · ศูนย์ฟื้นฟูโอปปาติกะ · โครงการป้องกันการทารุณโอปปาติกะ 🎖️ การได้รับการยอมรับ จาก "จอมมารแห่งการฆ่า" สู่... "วีรบุรุษแห่งชุมชนโอปปาติกะ" 💫 บทเรียนแห่งชีวิต 🪷 คำสอนจากศาตรา "ความเจ็บปวดไม่ให้สิทธิ์เราทำร้าย แต่ให้ปัญญาที่จะเข้าใจความเจ็บปวดของ 🌍 มรดกที่ทิ้งไว้ ศาตราสอนเราเรื่อง: · การให้อภัย: ที่เริ่มต้นจากการให้อภัยตัวเอง · การเปลี่ยนแปลง: ที่เป็นไปได้ไม่ว่าเราจะอยู่จุดไหน · ความหวัง: ที่มีเสมอแม้ในที่มืดมิดที่สุด --- คำคมสุดท้ายจากศาตรา: "ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นปีศาจ... แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ปีศาจตัวจริงฉัน... แต่คือความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเยียวยา และเมื่อความเจ็บปวดได้รับการเยียวยา... ปีศาจก็กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง"🕊️✨ การเดินทางของศาตราคือบทพิสูจน์ว่า... ไม่มีใครเกิดมาเป็นจอมมาร มีแต่ผู้ที่ถูกทำให้เป็นจอมมาร และทุกจอมมารก็สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้🌟
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 630 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีล่าสุดของ ร.ต.อ. สิงห์: จอมมารแห่งการฆ่า

    เหตุการณ์สยองขวัญในกรุงเทพ

    คืนแห่งความตายครั้งแรก

    ในคืนเดือนมืด เกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญในย่านธุรกิจ
    ผู้เสียชีวิตคือดร. กฤษณ์ นักวิจัยเจนีซิส แล็บ

    ลักษณะคดี:

    · ถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้
    · ร่างกายถูกวางในท่าประหลาด เหมือนกำลังนั่งสมาธิ
    · มีสัญลักษณ์ประหลาดเขียนด้วยเลือดอยู่ข้างกาย

    ```mermaid
    graph TB
    A[ดร.กฤษณ์<br>นักวิจัยเก่า] --> B[ถูกฆ่า<br>แบบพิธีกรรม]
    B --> C[พบสัญลักษณ์<br>ลึกลับ]
    C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>รับคดีสำคัญ]
    ```

    หลักฐานลึกลับ

    ร.ต.อ. สิงห์ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ:

    · กล้องวงจรปิด: ไม่บันทึกภาพผู้ต้องสงสัย
    · ลายนิ้วมือ: ไม่พบรอยใดๆ
    · สัญลักษณ์เลือด: เป็นรูป "วงกลมสามชั้น" ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    การสอบสวนและคลี่คลาย

    การเชื่อมโยียงกับอดีต

    สิงห์พบว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดล้วนเชื่อมโยง

    · อดีตพนักงานเจนีซิส แล็บ
    · นักวิจัยโครงการโอปปาติกะ
    · ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลอง

    ลายแทงจากหนูดี

    หนูดี รู้สึกถึงพลังงานประหลาด:
    "พ่อคะ...หนูรู้สึกถึงพลังงานแห่งความโกรธแค้น
    มันพลังงานธรรมดา...แต่คือพลังงานที่เคยเป็นมนุษย์"

    การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์

    สิงห์ใช้ความรู้เดิมด้านวิทยาศาสตร์ช่วยวิเคราะห์:

    ```python
    class MurderAnalysis:
    def __init__(self):
    self.evidence = {
    "energy_residue": "พลังงานจิตระดับสูง",
    "symbolism": "สัญลักษณ์แทนการเกิด-ตาย",
    "victim_pattern": "เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ",
    "motive": "อาจเป็นการแก้แค้น"
    }

    def hypothesis(self):
    return "ฆาตกรอาจเป็นโอปปาติกะที่กลายพันธุ์"
    ```

    การเผชิญหน้าจอมมารแห่งการฆ่า

    ตัวตนที่แท้จริงของฆาตกร

    หลังการสอบสวนอย่างละเอียด พบว่า...
    จอมมารแห่งการฆ่าคือ OPPATIKA-0
    โอปปาติกะรุ่นแรกที่หลบหนีจากการทดลอง

    เบื้องหลังความโกรธแค้น

    OPPATIKA-0 เปิดเผยความจริง:
    "พวกมนุษย์ใช้เราเป็นเครื่องทดลอง...
    ทรมานเรา แล้วทิ้งเราเหมือนขยะ
    นี่คือการตอบแทน!"

    ลักษณะของจอมมาร

    · รูปลักษณ์: ร่างกายพิการจากผลข้างเคียงการทดลอง
    · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานมืดและลอบล่องหนได้
    · จุดอ่อน: ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่

    การแก้ไขปัญหาด้วยปัญญา

    แนวทางของ ร.ต.อ. สิงห์

    แทนที่จะใช้ความรุนแรง สิงห์เลือกพูดคุย:
    "เราเข้าใจความเจ็บปวดของเธอ...
    แต่การฆาตกรรมไม่ใช่ทางออก"

    การช่วยเหลือของหนูดี

    หนูดีใช้ความสามารถในการสื่อสารกับโอปปาติกะ:
    "พี่ครับ...เราเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด
    แต่ตอนนี้มีทางเลือกอื่นแล้ว"

    การเสนอทางออก

    สิงห์เสนอทางเลือกให้ OPPATIKA-0:

    · การบำบัดฟื้นฟู ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · การได้รับสถานะ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
    · โอกาสได้ช่วยเหลือ โอปปาติกะรุ่นหลัง

    กระบวนการฟื้นฟู

    การรักษาทางจิตใจ

    OPPATIKA-0 ผ่านกระบวนการ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[ยอมรับความเจ็บปวด] --> B[เรียนรู้การให้อภัย]
    B --> C[ค้นหาความหมายใหม่]
    C --> D[ใช้ประสบการณ์ช่วยเหลือ他人]
    ```

    การรักษาทางกายภาพ

    ทีมแพทย์และโอปปาติกะร่วมกัน:

    · ซ่อมแซมร่างกายที่พิการ
    · ปรับสมดุลพลังงาน
    · สอนการควบคุมพลังอย่างถูกต้อง

    ผลการดำเนินคดี

    การตัดสินโดยความเข้าใจ

    แทนการดำเนินคดีอาญา OPPATIKA-0 ได้รับ:

    · การกักกัน ชั่วคราวที่สถาบัน
    · การบำบัด แทnการลงโทษ
    · โอกาส ใช้ความสามารถในทางสร้างสรรค์

    การเปลี่ยนแปลงของ OPPATIKA-0

    จากจอมมารแห่งการฆ่า สู่...
    "ผู้พิทักษ์โอปปาติกะ"
    ทำหน้าที่ช่วยเหลือโอปปาติกะที่ประสบปัญหา

    พัฒนาการของตัวละคร

    ร.ต.อ. สิงห์

    เรียนรู้ว่า...
    "การเป็นตำรวจไม่ใช่แค่การจับกุม...
    แต่คือการเข้าใจและแก้ไขที่ต้นเหตุ"

    หนูดี

    เข้าใจว่า...
    "บางครั้งศัตรูที่ดูน่ากลัวที่สุด...
    คือเพื่อนที่เจ็บปวดและต้องการความเข้าใจ"

    ระบบยุติธรรม

    เกิดการเปลี่ยนแปลง...

    · หน่วยพิเศษ สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ
    · กฎหมายใหม่ ที่คำนึงถึงสถานะพิเศษของโอปปาติกะ
    · กระบวนการ บำบัดแทนการลงโทษ

    บทเรียนจากคดี

    สำหรับสังคม

    · การเข้าใจและยอมรับสิ่งใหม่ๆ
    · การให้โอกาสผู้ที่เคยทำผิด
    · ความสำคัญของการฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษ

    🪷 สำหรับ

    ```python
    def life_lessons():
    return {
    "forgiveness": "การให้อภัยรักษาทั้งผู้ให้และผู้รับ",
    "understanding": "การเข้าใจนำไปสู่ทางออกที่ยั่งยืน",
    "second_chance": "ทุกคนสมควรได้รับโอกาสเริ่มใหม่"
    }
    ```

    บทสรุปแห่งความเมตตา

    คำคมจาก ร.ต.อ. สิงห์

    "ในฐานะตำรวจ ฉันเคยคิดว่าความยุติธรรมคือการลงโทษ
    แต่คดีนี้สอนฉันว่า...
    ความยุติธรรมที่แท้คือการรักษา"

    อนาคตใหม่

    OPPATIKA-0 ในบทบาทใหม่:

    · เป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยให้สถาบัน
    · ช่วยป้องกันไม่ให้โอปปาติกะตกอยู่ในทางผิด
    · เป็นแบบอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้

    ---

    คำคมสุดท้ายจาก OPPATIKA-0:
    "ฉันเคยคิดว่าความเจ็บปวดมีทางออกเดียว...
    แต่พวกเขาสอนฉันว่ามีอีกหลายทาง
    และทางที่สวยงามที่สุด...
    คือทางแห่งความเข้าใจและการให้อภัย"

    คดีนี้ไม่ใช่แค่การคลี่คลายฆาตกรรม...
    แต่คือการเยียวยาบาดแผลแห่งอดีต
    และสร้างอนาคตใหม่ให้ทุกฝ่าย
    O.P.K. 🚨 คดีล่าสุดของ ร.ต.อ. สิงห์: จอมมารแห่งการฆ่า 🩸 เหตุการณ์สยองขวัญในกรุงเทพ 🌃 คืนแห่งความตายครั้งแรก ในคืนเดือนมืด เกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญในย่านธุรกิจ ผู้เสียชีวิตคือดร. กฤษณ์ นักวิจัยเจนีซิส แล็บ ลักษณะคดี: · ถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ · ร่างกายถูกวางในท่าประหลาด เหมือนกำลังนั่งสมาธิ · มีสัญลักษณ์ประหลาดเขียนด้วยเลือดอยู่ข้างกาย ```mermaid graph TB A[ดร.กฤษณ์<br>นักวิจัยเก่า] --> B[ถูกฆ่า<br>แบบพิธีกรรม] B --> C[พบสัญลักษณ์<br>ลึกลับ] C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>รับคดีสำคัญ] ``` 🔍 หลักฐานลึกลับ ร.ต.อ. สิงห์ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ: · กล้องวงจรปิด: ไม่บันทึกภาพผู้ต้องสงสัย · ลายนิ้วมือ: ไม่พบรอยใดๆ · สัญลักษณ์เลือด: เป็นรูป "วงกลมสามชั้น" ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน 🕵️ การสอบสวนและคลี่คลาย 🧩 การเชื่อมโยียงกับอดีต สิงห์พบว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดล้วนเชื่อมโยง · อดีตพนักงานเจนีซิส แล็บ · นักวิจัยโครงการโอปปาติกะ · ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลอง 🔮 ลายแทงจากหนูดี หนูดี รู้สึกถึงพลังงานประหลาด: "พ่อคะ...หนูรู้สึกถึงพลังงานแห่งความโกรธแค้น มันพลังงานธรรมดา...แต่คือพลังงานที่เคยเป็นมนุษย์" 🧪 การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ สิงห์ใช้ความรู้เดิมด้านวิทยาศาสตร์ช่วยวิเคราะห์: ```python class MurderAnalysis: def __init__(self): self.evidence = { "energy_residue": "พลังงานจิตระดับสูง", "symbolism": "สัญลักษณ์แทนการเกิด-ตาย", "victim_pattern": "เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ", "motive": "อาจเป็นการแก้แค้น" } def hypothesis(self): return "ฆาตกรอาจเป็นโอปปาติกะที่กลายพันธุ์" ``` 👹 การเผชิญหน้าจอมมารแห่งการฆ่า 🌑 ตัวตนที่แท้จริงของฆาตกร หลังการสอบสวนอย่างละเอียด พบว่า... จอมมารแห่งการฆ่าคือ OPPATIKA-0 โอปปาติกะรุ่นแรกที่หลบหนีจากการทดลอง 💔 เบื้องหลังความโกรธแค้น OPPATIKA-0 เปิดเผยความจริง: "พวกมนุษย์ใช้เราเป็นเครื่องทดลอง... ทรมานเรา แล้วทิ้งเราเหมือนขยะ นี่คือการตอบแทน!" 🎭 ลักษณะของจอมมาร · รูปลักษณ์: ร่างกายพิการจากผลข้างเคียงการทดลอง · ความสามารถ: ควบคุมพลังงานมืดและลอบล่องหนได้ · จุดอ่อน: ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ ⚔️ การแก้ไขปัญหาด้วยปัญญา 🕊️ แนวทางของ ร.ต.อ. สิงห์ แทนที่จะใช้ความรุนแรง สิงห์เลือกพูดคุย: "เราเข้าใจความเจ็บปวดของเธอ... แต่การฆาตกรรมไม่ใช่ทางออก" 💫 การช่วยเหลือของหนูดี หนูดีใช้ความสามารถในการสื่อสารกับโอปปาติกะ: "พี่ครับ...เราเข้าใจว่าพี่เจ็บปวด แต่ตอนนี้มีทางเลือกอื่นแล้ว" 🌈 การเสนอทางออก สิงห์เสนอทางเลือกให้ OPPATIKA-0: · การบำบัดฟื้นฟู ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · การได้รับสถานะ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย · โอกาสได้ช่วยเหลือ โอปปาติกะรุ่นหลัง 🏥 กระบวนการฟื้นฟู 🧠 การรักษาทางจิตใจ OPPATIKA-0 ผ่านกระบวนการ: ```mermaid graph LR A[ยอมรับความเจ็บปวด] --> B[เรียนรู้การให้อภัย] B --> C[ค้นหาความหมายใหม่] C --> D[ใช้ประสบการณ์ช่วยเหลือ他人] ``` 🔬 การรักษาทางกายภาพ ทีมแพทย์และโอปปาติกะร่วมกัน: · ซ่อมแซมร่างกายที่พิการ · ปรับสมดุลพลังงาน · สอนการควบคุมพลังอย่างถูกต้อง 📊 ผลการดำเนินคดี ⚖️ การตัดสินโดยความเข้าใจ แทนการดำเนินคดีอาญา OPPATIKA-0 ได้รับ: · การกักกัน ชั่วคราวที่สถาบัน · การบำบัด แทnการลงโทษ · โอกาส ใช้ความสามารถในทางสร้างสรรค์ 🌟 การเปลี่ยนแปลงของ OPPATIKA-0 จากจอมมารแห่งการฆ่า สู่... "ผู้พิทักษ์โอปปาติกะ" ทำหน้าที่ช่วยเหลือโอปปาติกะที่ประสบปัญหา 💞 พัฒนาการของตัวละคร 👮 ร.ต.อ. สิงห์ เรียนรู้ว่า... "การเป็นตำรวจไม่ใช่แค่การจับกุม... แต่คือการเข้าใจและแก้ไขที่ต้นเหตุ" 👧 หนูดี เข้าใจว่า... "บางครั้งศัตรูที่ดูน่ากลัวที่สุด... คือเพื่อนที่เจ็บปวดและต้องการความเข้าใจ" 🏛️ ระบบยุติธรรม เกิดการเปลี่ยนแปลง... · หน่วยพิเศษ สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับโอปปาติกะ · กฎหมายใหม่ ที่คำนึงถึงสถานะพิเศษของโอปปาติกะ · กระบวนการ บำบัดแทนการลงโทษ 🎯 บทเรียนจากคดี 🌍 สำหรับสังคม · การเข้าใจและยอมรับสิ่งใหม่ๆ · การให้โอกาสผู้ที่เคยทำผิด · ความสำคัญของการฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษ 🪷 สำหรับ ```python def life_lessons(): return { "forgiveness": "การให้อภัยรักษาทั้งผู้ให้และผู้รับ", "understanding": "การเข้าใจนำไปสู่ทางออกที่ยั่งยืน", "second_chance": "ทุกคนสมควรได้รับโอกาสเริ่มใหม่" } ``` 🏁 บทสรุปแห่งความเมตตา 💫 คำคมจาก ร.ต.อ. สิงห์ "ในฐานะตำรวจ ฉันเคยคิดว่าความยุติธรรมคือการลงโทษ แต่คดีนี้สอนฉันว่า... ความยุติธรรมที่แท้คือการรักษา" 🌈 อนาคตใหม่ OPPATIKA-0 ในบทบาทใหม่: · เป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยให้สถาบัน · ช่วยป้องกันไม่ให้โอปปาติกะตกอยู่ในทางผิด · เป็นแบบอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ --- คำคมสุดท้ายจาก OPPATIKA-0: "ฉันเคยคิดว่าความเจ็บปวดมีทางออกเดียว... แต่พวกเขาสอนฉันว่ามีอีกหลายทาง และทางที่สวยงามที่สุด... คือทางแห่งความเข้าใจและการให้อภัย"🕊️✨ คดีนี้ไม่ใช่แค่การคลี่คลายฆาตกรรม... แต่คือการเยียวยาบาดแผลแห่งอดีต และสร้างอนาคตใหม่ให้ทุกฝ่าย🌟
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 602 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 4

    ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน

    พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน

    สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย

    Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย

    ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน

    ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม?
    Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ
    Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ

    หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า

    ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน

    เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno

    แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ

    ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน
    Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania

    ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…”

    ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..”

    เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…”

    4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    9 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 4 ระหว่างที่ ประธานาธิบดี Wilson ยังแต่งบทหลอกคนอเมริกันไม่ได้ว่า ทำไมเขาซึ่งหาเสียงในตอนสมัครเลือกตั้งว่า ” He kept us out of war ” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม แต่ตอนนี้ มันถึงเวลา ถึงบท ที่จะต้องพากันเข้าสงครามหมดแล้ว เขาจะต้มประชาชนของเขาอย่างไรดี ให้พร้อมใจสนับสนุน พวกวอลสตรีท และพรรคพวกที่ส่วนใหญ่เป็นนายทุนชาวยิว ที่กุมสื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในมือ ต่างระดมเรียกสื่อในสังกัด ให้หิ้วกระป๋องสีมาหมดเมือง แล้วข่าวย้อมสี ที่มีภาพเยอรมันเป็นผู้ร้าย ผู้ทำลายสันติภาพของโลก ก็กระจายออกมาเต็มทุกพื้นที่ของอเมริกา ในรูปแบบต่างๆกัน สื่อย้อมไม่ทันใจ คนอเมริกันเฉื่อยเกินไป กับสงครามนอกบ้านตนเอง คงต้องมีเหตุการณ์มากระตุ้นต่อมให้ตื่นตระหนกกันหน่อย Morgan ไม่ได้เก่งด้านการเงินอย่างเดียว หรือลงทุนเรื่องรางรถไฟเพื่อไว้ใช้ต่อรองกับรัฐบาลในเวลาจำเป็น เขาพยายามซื้อบริษัทเดินเรือด้วย คือ The Cunard ของอังกฤษ แต่ยังไม่สำเร็จ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนซื้อสินค้าสงครามให้อังกฤษ ที่ต้องขนส่งทางเรือ เขาจึงมีสายใยกับอังกฤษในเรื่องการเดินเรือด้วย ” Lusitania” เป็นเรือโดยสารระดับหรูของ Cunard ที่แล่นข้ามไปมาระหว่าง ลิเวอร์พูลของอังกฤษกับนิวยอร์คของอเมริกา เมื่อ Lusitania แล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1915 ไปได้ 6 วัน ก็ถูกเรือดำน้ำของเยอรมัน ยิงด้วยตอร์ปิโดจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารตาย 1,195 คน เป็นคนอเมริกัน 195 คน ทำไมเยอรมันถึงโหดเหี้ยม ยิงเรือโดยสาร ละเมิดกฏการเดินเรือระหว่างประเทศในยามสงคราม? Lusitania ได้ถูกนำมาเข้าอู่ในเดือนพฤษภาคม 1913 เพื่อติดตั้งเกราะหุ้มเรือเพิ่ม พร้อมติดตั้งปืนกล รวมทั้งรางกระสุน ที่ดาดฟ้าของเรือ ปืนใหญ่ชนิดกำลังแรง 12 กระบอก ถูกชักรอกขึ้นไปติดตั้ง แม้หน้าตาจะบอกว่าเป็นเรือโดยสาร แต่สรีระ กลับกลายเป็นเรือรบ รายการทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสาธารณะ ที่เปิดเผยอยู่ที่พิพิธภัณท์ด้านการเดินเรือที่อังกฤษ Lusitania ออกจากอู่เข้าไปประจำการณ์ ในฐานะกองเรือรบ เพื่อทำหน้าที่เป็นเรือขนส่งอาวุธระหว่างอเมริกากับอังกฤษ หลังจากสอบสวนอยู่หลายปี จึงได้มีรายงานออกมาว่า สินค้าที่ Lusitania บรรทุกในวันถูกตอร์ปิโดร์นั้น มี pyroxyline หรือ gun cotton (วัตถุระเบิดแรงสูง) 600 ตัน กระสุน 6 ล้านนัด กระสุนดาวกระจาย 1,248 หีบ และมีกระสุนปืนอีกไม่ทราบจำนวนอยู่ชั้นล่างสุดของเรือ นอกจากนี้ในรายการบอกว่ามีสินค้าประเภท เนยแข็ง น้ำมันหมู ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายตัน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการแสดงรายการสินค้าปลอมทั้งหมด มีชื่อ J P Mogan Company เป็นผู้ส่งสินค้า ระหว่างที่ Wilson และ Morgan กำลังแต่งบทฆาตกรรมหมู่ เพื่อนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม ทางอังกฤษ โดยหลอด Churchill ก็รับหน้าที่เขียนบททางฝั่งอังกฤษให้สอดรับกัน เมื่อ Lusitania กำลังแล่นออกจากท่าเรือที่นิวยอร์ค Juno เรือรบคุ้มกันของอังกฤษ ก็กำลังออกมาจากชายฝั่งของไอร์แลนด์ เพื่อมาคุ้มกัน Lusitania ในแถบน่านน้ำเปิด แต่เมื่อ Lusitania แล่นมาถึงจุดนัดพบ Juno ยังไม่มา กัปตัน Lusitania คิดว่า เพราะหมอกลงจัด จึงพลัดกับ Juno แต่ความจริง Juno ถูกสั่งให้ถอยกลับมาที่เมือง Queenstown เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยที่รู้แน่ว่า Lusitania กำลังมาที่จุดนัดพบ และเป็นบริเวณที่รู้กันว่า เรือดำน้ำเยอรมันมักออกมาปฏิบัติการ ยิ่งไปกว่านั้น Lusitania ถูกสั่งให้ลดจำนวนถ่านหินที่ใช้เดินเครื่องไม่ใช่เพราะกำลังขาดแคลนถ่านหิน แต่เป้าที่เคลื่อนที่ช้า ย่อมง่ายต่อการถูกเป็นเป้า Lusitania จึงแล่นมาด้วยอัตราความเร็วเพียง 75% ของความเร็วปรกติ ระหว่างนั้น หลอด Churchill ยืนดูความเคลื่อนไหวของ Lusitania อย่างเงียบขรึม ผ่านจอเรดาร์ที่แสดงให้เห็น Lusitania กำลังแล่นเข้ามาในบริเวณ ที่วงแดงเอาไว้ว่า เป็นบริเวณ ที่เรือ 2 ลำ ถูกตอร์ปิโดร์ของเยอรมัน ยิงจมเมื่อวันก่อน Lusitania กำลังแล่นด้วยความเร็ว 19 น๊อตตรงเข้าไปในใจกลางของวงแดง โดยไม่มีใครแสดงอาการใด หรือส่งสัญญานใด กับ Lusitania ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวคือ ผู้บังคับการ Joseph Kenworthy ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วันถูกหลอด Churchill เรียกไปพบ เพื่อให้เขียนคำตอบว่า จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างใดหรือไม่ ถ้าเรือโดยสาร ที่มีผู้โดยสารอเมริกันเดินทางมาด้วย แล้วถูกยิงจมดิ่งมหาสมุทร ผุ้บังคับการ Kenworthy เดินออกมาจากห้อง ด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อผู้บังคับบัญชาของเขา ต่อมาในปี 1927 เขาเขียนหนังสือชื่อ The Freedom of Sea ซึ่งเขาเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ” …Lusitania ถูกสั่งให้แล่นโดยลดความเร็ว เข้าไปในบริเวณที่เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีเรือดำน้ำเยอรมันคอยอยู่ โดยเรือคุ้มกันภัยของ Lusitania ได้ถอนตัวไม่มาตามนัด…” ในวันที่ Lusitania กำลังจะชะตาขาด Col. House อยู่ที่อังกฤษ เขามีหมายกำหนดการที่จะต้องเข้า พบ กษัตริย์ George ที่ 5 (ปู่ของพระราชินี Elizabeth ที่2) โดย Sir Edward Grey เป็นคนนำเข้าพบ ระหว่างเดินทาง Sir Grey ถามเขาว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ถ้าเยอรมันจมเรือโดยสารที่มีคนอเมริกันอยู่ด้วย คำตอบของ House ตามที่เขาเขียนไว้ในบันทึกของเขา คือ “… ผมบอกเขาว่า ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นจริง ไฟของความโกรธแค้นคงลุกโพลงขึ้นในอเมริกา และมันคงพาให้เราเข้าสู่สงคราม..” เมื่อถึงวัง Buckingham กษัตริย์ George ที่ 5 ก็ถามเรื่องเดียวกัน แต่กษัตริย์ไม่อ้อมค้อม ถาม House ตรงๆ ว่า “… ถ้าเขาจมเรือ Lusitania ที่มีคนอเมริกันโดยสารมาด้วย…” 4 ชั่วโมง หลังจากคำสนทนา กล้องส่องของเรือดำน้ำเยอรมัน ก็เห็นควันสีดำ พุ่งขึ้นมาจาก Lusitania ตอร์ปิโดลูกแรก ยิงถูกหัวเรือที่แล่นมาอย่างช้าๆ อย่างจัง ตอร์ปิโดลูกที่ 2 พร้อมยิง แต่อันที่จริงไม่จำเป็น เพราะหลังจากโดนลูกแรก Lusitania ซึ่งบรรทุกระเบิดมาเต็ม ก็มีการระเบิดอย่างแรง และจมหายไปทั้งลำ ในเวลาไม่เกิน 18 นาที สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 9 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 5

    คณะกรรมาธิการ 1919 the Senate Overman Committee ได้ลงความเห็นว่า Guaranty Trust มี บทบาทสูง และทำอย่างสม่ำเสมอ ในการสนับสนุนทางการเงินแก่เยอรมันในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นการปฏิบัติตัวอย่างไม่เป็นกลาง ตามคำให้การของนาย Becker เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของอเมริกา

    ที่สำคัญ การสนับสนุนทางการเงิน แก่เยอรมัน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการผิดกฏหมายเท่านั้น เพราะในขณะเดียวกันนั้น Guaranty Trust ก็ให้การสนับสนุนทางการเงิน กับฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลานั้นด้วย มันเป็นเรื่องของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาดจรรยาบรรณ อย่างร้ายแรงของ Guaranty Trust อีกด้วย

    แต่ฤทธิเดชความพลิกแพลงของนักการเงินวอลสตรีท ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ยังมีตัวละครสำคัญอีกหลายราย ที่ทำให้แผนการชั่วร้ายของกลุ่มการเงินวอลสตรีท ประสบความสำเร็จ

    Count Jacques Minotto เป็นตัวละครอีกรายหนึ่ง ที่โยงการปฏิวัติ Bolsheviks ในรัสเซียกับกลุ่มธนาคารเยอรมัน และการจารกรรมในอเมริกา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กับ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์ค
    Jacques Minotto เกิดเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 1891 ที่เบอร์ลิน พ่อเป็นชาวออสเตรียนที่มีเชื้อเจ้า ส่วนแม่เป็นเยอรมัน Minotto เรียนหนังสือที่เบอร์ลิน เมื่อเรียนจบก็เข้าทำงานที่ Deutsche Bank ในเบอร์ลินเมื่อปี 1912 ทำงานที่นั่นไม่นานเท่าไหร่ เขาก็ถูกส่งตัวมาเป็นผู้ช่วยของ Hugo Schmidt ซึ่งเป็นกรรมการของธนาคาร และเป็นตัวแทนของ Deutsche Bank ที่นิวยอร์ค เรียกว่าเป็นเด็กเส้น อยู่นิวยอร์คได้ 1 ปี นาย Minotto เด็กเส้นก็ถูกส่งไปอยู่ Deutsche Bank ที่ลอนดอน ทำให้เขาได้วนเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูง ของนักการเมืองและนักการฑูต

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มก่อตัว Minotto กลับมาอยู่ที่อเมริกา และได้มีโอกาสพบกับ Count Von Bernstorff ฑูตเยอรมันประจำอเมริกา หลังจากนั้น Minotto ก็เลยเปลี่ยนที่ทำงาน ย้ายมาทำงานหน้าที่ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์คแทน และอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาย Max May ซึ่งเป็นกรรมการด้านนโยบายฝ่ายต่างประเทศของ Guaranty Trust เป็น Max May ที่ Olof Aschberg นายธนาคารของพวก Bolsheviks เดินตามต้อยๆ

    เดือนตุลาคม 1914 Guaranty Trust ส่ง Minotto ไปอเมริกาใต้ เพื่อไปทำการสำรวจ และวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง ธุรกิจการเงิน และการค้าในแถบนั้น และก็เหมือนชีวิตในลอนดอน และนิวยอร์ค Minotto พาตัวเองเข้าสู่สังคมชั้นสูง แท้จริงแล้ว ภาระกิจของ Minotto ในลาตินอเมริกาคือ หาทางให้ Guaranty Trust สามารถเป็นตัวกลาง ในการระดมเงินทุนให้เยอรมัน แทนตลาดลอนดอน ซึ่งขณะนั้นปฏิเสธที่จะทำ เนื่องจากอังกฤษกำลังทำสงครามอยู่กับเยอรมัน

    เอะ คราวนี้อังกฤษเกิดมีจรรยาบรรณ อย่าเพิ่งเข้าใจเป็นอย่างนั้น อังกฤษไม่เคยมีนิสัยอย่างนั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเยอรมันมากกว่า อะไรที่จะเกิดประโยชน์กับเยอรมัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ทางใด อังกฤษจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มากว่าร้อยปี เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่เยอรมันจะรู้ตัวหรือไม่อีกเรื่องนึง

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 6

    เมื่อ Minotto เดินทางกลับมานิวยอร์ค เขากลับมาคบค้ากับ Count Von Berntorff ต่อ และพยายาม สมัครเข้าไปอยู่ในหน่วยข่าวกรอง ของกองทัพเรืออเมริกัน แต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้น เขาถูกจับ ข้อหาจัดกิจกรรมที่เป็นการส่งเสริมเยอรมัน ขณะถูกจับ Minotto ทำงานอยู่ที่โรงงานในชิคาโก ให้กับพ่อตาของเขา Louis Swift เจ้าของบริษัท Swift & Co ซึ่งทำอุตสาหกรรมส่งเนื้อสัตว์แช่แข็ง พ่อตาใช้พันธบัตร จำนวน 50,000 เหรียญ ประกัน Minotto ออกมา แต่ตอนหลังคุณพ่อตา ก็ถูกจับข้อหาโปรเยอรมันเช่นเดียวกัน

    เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าไม่ แน่ใจ แต่คุณพ่อตานี้ เป็นพี่ชาย ของ Major Harold H. Swift ที่ร่วมเดินทางไป Petrograd กับ William Boyce Thompson ในคณะภารกิจกาชาด Red Cross Mission เพื่อรัสเซีย ในปี 1917 ที่จะเล่าต่อไปด้วย

    นาย Josef Caillaux เป็นนักการเมืองชื่อดังของฝรั่งเศส เขารู้จักและเที่ยวเตร่กับ Minotto ที่ลาตินอเมริกา เมื่อตอนที่ Minotto ไปทำภาระกิจให้ Guaranty Trust

    ปี 1911 Caillaux ได้เป็นรัฐมนตรีคลัง และในปีเดียวกัน เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส และมี John Louis Malvy เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลของเขา หลังจากนั้นไม่กี่ปี คุณนาย Caillaux ก็ปฏิบัติการฆาตกรรม นาย Calmette บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชื่อดังของฝรั่งเศส Figaro อัยการตั้งข้อหาว่า คุณนาย Caillaux ฆ่า Calmette เพื่อปิดปากไม่ให้ Calmette ตีพิมพ์เอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง

    เหตุการณ์นี้ทำให้นาย Caillaux และคุณนายใจโหด หนีออกไปจากฝรั่งเศส และไปอยู่ที่แถบลาตินอเมริกา จน Minotto ได้ไปพบ และในที่สุด Minotto กับครอบครัว Caillaux ก็สนิทสนมกลมเกลียว ท่องเที่ยวด้วยกันไปทั่วอเมริกาใต้ เมื่อได้กลับมาฝรั่งเศสอีกครั้ง ครอบครัว Caillaux พักอยู่ที่ Biarrtiz ในฐานะแขกของ Paul Bolo-Pasha ซึ่งเป็นสายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในฝรั่งเศส

    ในเดือนกรกฏาคม 1915 Minotto เดินทางจากอิตาลีมาฝรั่งเศสและพบกับครอบครัว Caillaux ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ครอบครัว Caillauxเป็นแขกรับเชิญของ Bolo-Pasha และพักที่ Biarrtiz อย่างเคย

    ภาระกิจของ Bolo-Pasha ที่ฝรั่งเศสคือ เพื่อทำการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเยอรมัน ผ่านหนังสือพิมพ์ชั้นนำของฝรั่งเศสคือ Le Temps และ Figaro หลังจากนั้น Bolo-Pasha ก็เดินทางไปนิวยอร์ค เพื่อพบกับ Von Pavenstedt สายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในอเมริกา และเป็นผู้ที่มีสายสัมพันธุ์ระดับลึก กับ Amsinck & Co ของ Guaranty Trust ที่ กลุ่ม Morgan เป็นเจ้าของ

    มันเป็นเครือข่ายใยแมงมุม ของพวกโคตรแสบและชั่วจริงๆ
    Severance Johnson เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง The Enemy Within เกี่ยวกับ Caillaux และ Malvy ซึ่งพยายามทำการปฏิวัติที่เรี ยกว่า French Bolsheviks ในฝรั่งเศสปี 1918 แต่ไม่สำเร็จว่า “ถ้าการปฏิวัติทำสำเร็จ Malvy ก็คงจะเป็น Trotsky แห่งฝรั่งเศส และ Caillaux ก็คงจะเป็น Lenin”

    Caillaux และ Malvy ได้ ร่วมกันตั้งพรรคสังคมนิยมหัวรุนแรงขึ้นในฝรั่งเศส โดยใช้เงินทุนของเยอรมัน และถูกจับตัวขึ้นศาล ในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล จากการไต่สวนของศาล เกี่ยวกับการกระทำเป็นสายลับในฝรั่งเศสในปี 1919 และมีการสืบพยานเกี่ยวกับธนาคารในนิวยอร์ค และสัมพันธ์ของพวกธนาคารกับพวก สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งระบุว่า มีการเชื่อมโยงระหว่าง Count Minotto กับ Caillaux และ Guaranty Trust กับDeutsche Bank และการร่วมมือระหว่าง Hugo Schimdt ของ Deutsche Bank กับ Max May ของ Guaranty Trust

    ต่อมาในปลายปี 1922 Max May ได้เป็นกรรมการของธนาคาร Ruskombank และเป็นตัวแทนของกลุ่ม Guaranty Trust ซึ่งถือหุ้นอยู่ในธนาคารดังกล่าว

    สรุปว่า นาย Max May ของ Guaranty Trust เกี่ยวโยงกับการระดมเงินทุน อย่างไม่ถูกกฏหมายให้แก่เยอรมัน เพื่อทำการจารกรรมในอเมริกา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ Max May ก็เกี่ยวโยง โดยทางอ้อมกับพวกปฏิวัติ Bolsheviks และเกี่ยวโดยตรงกับการตั้งธนาคาร Ruskombank ธนาคารระหว่างประเทศแห่งแรกในสหภาพโซเวียต

    อาจจะยังเร็วไป ที่จะสรุปว่า การกระทำ ที่ทั้งผิดกฏหมายและผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงเหล่านี้ มีคำอธิบายอย่างไร อาจมีผู้สรุปชั้นแรกตรงไปตรงมา ว่า น่าจะมาจากความต้องการทำกำไร ความงกในการทำธุรกิจ ของกลุ่มนักการเงิน แต่มันจะเป็นแค่นั้นแน่หรือ…

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 5 คณะกรรมาธิการ 1919 the Senate Overman Committee ได้ลงความเห็นว่า Guaranty Trust มี บทบาทสูง และทำอย่างสม่ำเสมอ ในการสนับสนุนทางการเงินแก่เยอรมันในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นการปฏิบัติตัวอย่างไม่เป็นกลาง ตามคำให้การของนาย Becker เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของอเมริกา ที่สำคัญ การสนับสนุนทางการเงิน แก่เยอรมัน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการผิดกฏหมายเท่านั้น เพราะในขณะเดียวกันนั้น Guaranty Trust ก็ให้การสนับสนุนทางการเงิน กับฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลานั้นด้วย มันเป็นเรื่องของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาดจรรยาบรรณ อย่างร้ายแรงของ Guaranty Trust อีกด้วย แต่ฤทธิเดชความพลิกแพลงของนักการเงินวอลสตรีท ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ยังมีตัวละครสำคัญอีกหลายราย ที่ทำให้แผนการชั่วร้ายของกลุ่มการเงินวอลสตรีท ประสบความสำเร็จ Count Jacques Minotto เป็นตัวละครอีกรายหนึ่ง ที่โยงการปฏิวัติ Bolsheviks ในรัสเซียกับกลุ่มธนาคารเยอรมัน และการจารกรรมในอเมริกา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กับ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์ค Jacques Minotto เกิดเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 1891 ที่เบอร์ลิน พ่อเป็นชาวออสเตรียนที่มีเชื้อเจ้า ส่วนแม่เป็นเยอรมัน Minotto เรียนหนังสือที่เบอร์ลิน เมื่อเรียนจบก็เข้าทำงานที่ Deutsche Bank ในเบอร์ลินเมื่อปี 1912 ทำงานที่นั่นไม่นานเท่าไหร่ เขาก็ถูกส่งตัวมาเป็นผู้ช่วยของ Hugo Schmidt ซึ่งเป็นกรรมการของธนาคาร และเป็นตัวแทนของ Deutsche Bank ที่นิวยอร์ค เรียกว่าเป็นเด็กเส้น อยู่นิวยอร์คได้ 1 ปี นาย Minotto เด็กเส้นก็ถูกส่งไปอยู่ Deutsche Bank ที่ลอนดอน ทำให้เขาได้วนเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูง ของนักการเมืองและนักการฑูต เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มก่อตัว Minotto กลับมาอยู่ที่อเมริกา และได้มีโอกาสพบกับ Count Von Bernstorff ฑูตเยอรมันประจำอเมริกา หลังจากนั้น Minotto ก็เลยเปลี่ยนที่ทำงาน ย้ายมาทำงานหน้าที่ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์คแทน และอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาย Max May ซึ่งเป็นกรรมการด้านนโยบายฝ่ายต่างประเทศของ Guaranty Trust เป็น Max May ที่ Olof Aschberg นายธนาคารของพวก Bolsheviks เดินตามต้อยๆ เดือนตุลาคม 1914 Guaranty Trust ส่ง Minotto ไปอเมริกาใต้ เพื่อไปทำการสำรวจ และวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง ธุรกิจการเงิน และการค้าในแถบนั้น และก็เหมือนชีวิตในลอนดอน และนิวยอร์ค Minotto พาตัวเองเข้าสู่สังคมชั้นสูง แท้จริงแล้ว ภาระกิจของ Minotto ในลาตินอเมริกาคือ หาทางให้ Guaranty Trust สามารถเป็นตัวกลาง ในการระดมเงินทุนให้เยอรมัน แทนตลาดลอนดอน ซึ่งขณะนั้นปฏิเสธที่จะทำ เนื่องจากอังกฤษกำลังทำสงครามอยู่กับเยอรมัน เอะ คราวนี้อังกฤษเกิดมีจรรยาบรรณ อย่าเพิ่งเข้าใจเป็นอย่างนั้น อังกฤษไม่เคยมีนิสัยอย่างนั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเยอรมันมากกว่า อะไรที่จะเกิดประโยชน์กับเยอรมัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ทางใด อังกฤษจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มากว่าร้อยปี เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่เยอรมันจะรู้ตัวหรือไม่อีกเรื่องนึง นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 6 เมื่อ Minotto เดินทางกลับมานิวยอร์ค เขากลับมาคบค้ากับ Count Von Berntorff ต่อ และพยายาม สมัครเข้าไปอยู่ในหน่วยข่าวกรอง ของกองทัพเรืออเมริกัน แต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้น เขาถูกจับ ข้อหาจัดกิจกรรมที่เป็นการส่งเสริมเยอรมัน ขณะถูกจับ Minotto ทำงานอยู่ที่โรงงานในชิคาโก ให้กับพ่อตาของเขา Louis Swift เจ้าของบริษัท Swift & Co ซึ่งทำอุตสาหกรรมส่งเนื้อสัตว์แช่แข็ง พ่อตาใช้พันธบัตร จำนวน 50,000 เหรียญ ประกัน Minotto ออกมา แต่ตอนหลังคุณพ่อตา ก็ถูกจับข้อหาโปรเยอรมันเช่นเดียวกัน เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าไม่ แน่ใจ แต่คุณพ่อตานี้ เป็นพี่ชาย ของ Major Harold H. Swift ที่ร่วมเดินทางไป Petrograd กับ William Boyce Thompson ในคณะภารกิจกาชาด Red Cross Mission เพื่อรัสเซีย ในปี 1917 ที่จะเล่าต่อไปด้วย นาย Josef Caillaux เป็นนักการเมืองชื่อดังของฝรั่งเศส เขารู้จักและเที่ยวเตร่กับ Minotto ที่ลาตินอเมริกา เมื่อตอนที่ Minotto ไปทำภาระกิจให้ Guaranty Trust ปี 1911 Caillaux ได้เป็นรัฐมนตรีคลัง และในปีเดียวกัน เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส และมี John Louis Malvy เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลของเขา หลังจากนั้นไม่กี่ปี คุณนาย Caillaux ก็ปฏิบัติการฆาตกรรม นาย Calmette บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชื่อดังของฝรั่งเศส Figaro อัยการตั้งข้อหาว่า คุณนาย Caillaux ฆ่า Calmette เพื่อปิดปากไม่ให้ Calmette ตีพิมพ์เอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง เหตุการณ์นี้ทำให้นาย Caillaux และคุณนายใจโหด หนีออกไปจากฝรั่งเศส และไปอยู่ที่แถบลาตินอเมริกา จน Minotto ได้ไปพบ และในที่สุด Minotto กับครอบครัว Caillaux ก็สนิทสนมกลมเกลียว ท่องเที่ยวด้วยกันไปทั่วอเมริกาใต้ เมื่อได้กลับมาฝรั่งเศสอีกครั้ง ครอบครัว Caillaux พักอยู่ที่ Biarrtiz ในฐานะแขกของ Paul Bolo-Pasha ซึ่งเป็นสายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในฝรั่งเศส ในเดือนกรกฏาคม 1915 Minotto เดินทางจากอิตาลีมาฝรั่งเศสและพบกับครอบครัว Caillaux ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ครอบครัว Caillauxเป็นแขกรับเชิญของ Bolo-Pasha และพักที่ Biarrtiz อย่างเคย ภาระกิจของ Bolo-Pasha ที่ฝรั่งเศสคือ เพื่อทำการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเยอรมัน ผ่านหนังสือพิมพ์ชั้นนำของฝรั่งเศสคือ Le Temps และ Figaro หลังจากนั้น Bolo-Pasha ก็เดินทางไปนิวยอร์ค เพื่อพบกับ Von Pavenstedt สายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในอเมริกา และเป็นผู้ที่มีสายสัมพันธุ์ระดับลึก กับ Amsinck & Co ของ Guaranty Trust ที่ กลุ่ม Morgan เป็นเจ้าของ มันเป็นเครือข่ายใยแมงมุม ของพวกโคตรแสบและชั่วจริงๆ Severance Johnson เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง The Enemy Within เกี่ยวกับ Caillaux และ Malvy ซึ่งพยายามทำการปฏิวัติที่เรี ยกว่า French Bolsheviks ในฝรั่งเศสปี 1918 แต่ไม่สำเร็จว่า “ถ้าการปฏิวัติทำสำเร็จ Malvy ก็คงจะเป็น Trotsky แห่งฝรั่งเศส และ Caillaux ก็คงจะเป็น Lenin” Caillaux และ Malvy ได้ ร่วมกันตั้งพรรคสังคมนิยมหัวรุนแรงขึ้นในฝรั่งเศส โดยใช้เงินทุนของเยอรมัน และถูกจับตัวขึ้นศาล ในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล จากการไต่สวนของศาล เกี่ยวกับการกระทำเป็นสายลับในฝรั่งเศสในปี 1919 และมีการสืบพยานเกี่ยวกับธนาคารในนิวยอร์ค และสัมพันธ์ของพวกธนาคารกับพวก สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งระบุว่า มีการเชื่อมโยงระหว่าง Count Minotto กับ Caillaux และ Guaranty Trust กับDeutsche Bank และการร่วมมือระหว่าง Hugo Schimdt ของ Deutsche Bank กับ Max May ของ Guaranty Trust ต่อมาในปลายปี 1922 Max May ได้เป็นกรรมการของธนาคาร Ruskombank และเป็นตัวแทนของกลุ่ม Guaranty Trust ซึ่งถือหุ้นอยู่ในธนาคารดังกล่าว สรุปว่า นาย Max May ของ Guaranty Trust เกี่ยวโยงกับการระดมเงินทุน อย่างไม่ถูกกฏหมายให้แก่เยอรมัน เพื่อทำการจารกรรมในอเมริกา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ Max May ก็เกี่ยวโยง โดยทางอ้อมกับพวกปฏิวัติ Bolsheviks และเกี่ยวโดยตรงกับการตั้งธนาคาร Ruskombank ธนาคารระหว่างประเทศแห่งแรกในสหภาพโซเวียต อาจจะยังเร็วไป ที่จะสรุปว่า การกระทำ ที่ทั้งผิดกฏหมายและผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงเหล่านี้ มีคำอธิบายอย่างไร อาจมีผู้สรุปชั้นแรกตรงไปตรงมา ว่า น่าจะมาจากความต้องการทำกำไร ความงกในการทำธุรกิจ ของกลุ่มนักการเงิน แต่มันจะเป็นแค่นั้นแน่หรือ… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 807 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.ภ.2 ลงพื้นที่ สภ.ระเบาะไผ่ ติดตามคดีฆ่าปาดคอชาวเมียนมา มอบเงินสนับสนุนทีมสืบสวน
    https://www.thai-tai.tv/news/22081/
    .
    #ไทยไท #ตำรวจภูธรภาค2 #สภระเบาะไผ่ #คดีฆาตกรรม #ปราจีนบุรี #อาชญากรรม
    รอง ผบช.ภ.2 ลงพื้นที่ สภ.ระเบาะไผ่ ติดตามคดีฆ่าปาดคอชาวเมียนมา มอบเงินสนับสนุนทีมสืบสวน https://www.thai-tai.tv/news/22081/ . #ไทยไท #ตำรวจภูธรภาค2 #สภระเบาะไผ่ #คดีฆาตกรรม #ปราจีนบุรี #อาชญากรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”

    บทนำ

    (1)

    จากประวัติศาสตร์ ที่ฝรั่งทั้งเขียนทั้งแต่ง และคนไทยเอามาแปล เป็นทั้งหนังสืออ่าน และบทเรียนประวัติศาสตร์สากล ทำให้เราเข้าใจ และเชื่อว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ลอบฆ่าอาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี โดยชาวเซอรเบีย ที่เซราเจโว เมืองหลวงของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คศ 1914

    มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นสายชนวนเส้นหนึ่ง ของสงครามโลกครั้งที่ 1 จริง แต่มันไม่ใช่ “สาเหตุ ” แท้จริงที่ทำให้เกิดสงครามโลก แม้เหตุการณ์นั้น จะทำให้ออสเตรียโกรธจัด ควันออกหูก็ตาม ออสเตรียกับเซอร์เบียขบเขี้ยวกันมานานแล้ว เนื่องจากออสเตรียซึ่งตอนนั้นคิดว่าตนเองกล้ามใหญ่ ไปผนวกเอาบอสเนียและเฮอเซโกวีนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน มาเป็นของตน ตั้งแต่ประมาณปี คศ 1878 ทำให้เซอร์เบียซี่งถือว่าบอสเนียเป็นพวกเดียวกันตัว เป็นเดือดเป็นแค้นแทน และเอาความแค้นไปฝากใส่หูรัสเซีย ในฐานะลูกพี่ใหญ่ของพวกสลาฟ และกลุ่มนิกายออโธดอกซ์

    หลังจากมีการเจรจา ที่มีเค้าว่าจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ประมาณ 1 เดือน ในวันที่ 28 กรกฏาคม คศ 1914 ออสเตรียก็ประกาศสงครามกับเซอร์เบียรัฐเล็กกระจ้อย เพื่อให้รับผิดชอบการฆาตกรรมดังกล่าว ออสเตรียเชื่อว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากเยอรมัน หากรัสเซียออกมาหนุนหลังให้เซอร์เบีย ออสเตรียคงต้องลุ้นหนักว่า เยอรมันจะมาช่วยทันไหม เพราะวันรุ่งขึ้น 29 กรกฏาคม รัสเซียก็ประกาศระดมพล เตรียมตัวรบแล้ว

    ในวันเดียวกันนั้น ไกเซอร์ของเยอรมัน ก็ส่งโทรเลขไปหาซาร์นิโคลัสของรัสเซีย ขอร้องไม่ให้เรียกระดมพล และคงเพราะมีไมตรีต่อกันฉันท์ญาติ ซาร์จึงระงับคำสั่งระดมพลไว้ชั่วคราว แต่ฝ่ายกองทัพของรัสเซียไม่ชอบใจ ที่ซาร์ออกอาการลังเล วันรุ่งขึ้น 30 กรกฏาคม จึงพากันเดินตบเท้า เข้าไปกล่อม แกมบีบให้ซาร์มีคำสั่งระดมพลต่อ

    คงมีใครอยากรบเต็มที วันที่ 31 กรกฏาคม ทูตเยอรมันประจำเมือง St Petersburg ก็เข้าไปพบซาร์ และยื่นหนังสือของเยอรมัน ที่ประกาศสงครามต่อรัสเซีย หลังจากนั้นก็เอามือปิดหน้าและเดินออกไปจากห้อง ไม่ใช่คนเยอรมันทุกคนอยากทำสงคราม โดยเฉพาะกับรัสเซีย ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นศัตรูกับเยอรมัน
    เนื่องจากรู้ว่า ฝรั่งเศสและรัสเซียมีสัญญาให้การร่วมมือกันทางกองทัพ เยอรมันจึงตัดสินใจว่า จะต้องจัดการอย่างรวดเร็ว ให้ฝรั่งเศสหมอบราบเสียก่อนที่รัสเซียจะขยับมาช่วยทัน เพราะเยอรมันคาดว่า รัสเซียน่าจะใช้เวลานานในการระดมพล ขณะนั้นกองทัพของรัสเซียมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป วันที่ 3 สิงหาคม คศ 1914 เยอรมันจึงรีบประกาศสงครามกับฝรั่งเศส หลังจากนั้นเยอรมันก็เคลื่อนพลเข้าไปในเบลเยี่ยม เพื่อใช้เป็นทางข้ามไปโจมตีฝรั่งเศส

    อังกฤษคงกลัวน้อยหน้า เดี๋ยวเขาจะว่าเก่งแต่ปาก วันที่ 4 สิงหาคม คศ 1914 อังกฤษจึงรีบประกาศสงครามกับเยอรมันบ้าง โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อปกป้องความเป็นกลางของเบลเยี่ยม เป็นการอ้างเหตุผลการเข้าสงครามที่ตอแหลอย่างน่าทุเรศ เหตุผลจริงของอังกฤษในการทำสงคราม ชั่วร้ายเกินกว่าที่เราจะนึก แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สถานะการเงินของอังกฤษ ขณะตัดสินใจประกาศทำสงครามกับเยอรมันนั้น อังกฤษอยู่ในสภาพล้มละลาย

    ถังแตกขนาดนั้น ทำไมอังกฤษยังคิดทำสงคราม และทำได้อย่างไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (2)

    ประมาณปี คศ 1890 อังกฤษ แม้จะอยู่บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย แต่ก็สร้างเสริมตนเอง ด้วยความฉลาด เล่ห์เหลี่ยม และความชั่วร้าย จนโดดเด่น มีอำนาจทั้งในด้านการเมือง การทหาร และ การค้า และคิดเอาเองว่า ไม่มีใครจะกล้ามาทาบรัศมี จักรภพอังกฤษอันกว้างใหญ่ แผ่ไพศาลไปเกือบทั่วโลก จนดวงอาทิตย์หาที่ตกในจักรภพไม่ได้ เมื่อคิดอย่างนั้น อังกฤษก็พยายามทำทุกอย่าง ที่จะรักษาความเป็นที่หนึ่ง และเอาโลกใบนี้ให้อยู่ในกำมือของตนเองตลอดกาล หรือให้นานที่สุดเท่าที่จะยืดคอทำได้

    จะเอาโลกไว้ในกำมือ อังกฤษต้องทำให้ตนเองมีเสาหลัก หรืออำนาจควบคุมใน 3 เรื่อง

    – ควบคุมเส้นทางเดินเรือ

    – ควบคุมระบบการเงินการธนาคาร

    – ควบคุม หรือครอบครองทรัพยากรที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ของตน
    เสาหลักแรก: การควบคุมเส้นทางเดินเรือ อังกฤษ ทำได้สำเร็จ โดยใช้บริษัทประกันภัยใหญ่หมายเลขหนึ่งของอังกฤษ Lloyd ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก บวกกับการใช้เครือข่ายของธนาคารอังกฤษ เป็นผู้วางกฏ เกี่ยวกับการการขนส่งทางเรือ รวมทั้งใช้กองทัพเรือของตน ที่อังกฤษภูมิใจหนักหนาว่า ไม่มีใครเก่งเทียบ และไม่กล้าท้าทาย ทำหน้าที่เป็นเรือคุ้มกันภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ โดยไม่ต้องทำประกันภัย ขณะที่คู่แข่ง ถูกบังคับให้ทำประกันภัยกับ Lloyd หรือคิดจะเสี่ยง กับการเจอภัยพิบัติกลางทะเล มันดูไม่ต่างกับการขู่กรรโชกของโจรสลัด

    สินเชื่อ และตั๋วแลกเงิน ที่จำเป็นต้องออกให้แก่กันในการค้าขาย และขนส่งสินค้าทางเรือ อังกฤษบีบให้ทำผ่านธนาคารของอังกฤษ ซึ่งเป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Bank of England ซึ่งก็เป็นผลผลิต ของกลุ่มนักการเงินใน City of London ที่นำโดย เจ้าพ่อใหญ่ ตระกูล Rothschild และพวก เช่น Barings, Hambros เป็นต้น

    ประมาณ ปี 1900 อังกฤษ ยืนยืด อกแอ่น จนแทบหงายหลัง ประกาศว่า เรามีเสาหลักนี้ ตั้งตระหง่านเรียบร้อยแล้ว

    เสาหลักที่สอง: การควบคุบระบบการเงิน และระบบการธนาคาร อังกฤษวางแผนอย่างคร่ำเคร่ง แต่เงียบสนิท และผลของมัน ทำให้เกิดระบบธนาคารกลางในอังกฤษ และที่สำคัญ อังกฤษเป็นตัวการสำคัญ ในการวางแผนอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิด Federal Reserve System ในอเมริกา ในปี คศ 1913 ที่เรารู้จักกันในนาม Federal Reserve Bank หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า Fed ซึ่งเป็นของเอกชน ไม่ใช่เป็นของรัฐ และเป็นเอกชนไม่กี่ตระกูล ที่ส่วนใหญ่เป็นเครือข่าย ของตระกูล Rothschild ของฝั่งอังกฤษ และ ตระกูล Rockefeller และ Morgan ของฝั่งอเมริกา

    Fed มีอำนาจมากมาย และมีอิสระหลายเรื่อง ที่ไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน โดยเฉพาะ ในการพิมพ์ธนบัตร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างสถาบัน ฯลฯ การตัดสินใจของ Fed มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น ของอเมริกา และของโลก แม้แต่สมันน้อย ยังต้องคอยฟังว่า เฟด เขาว่าอะไร ฟังแล้ว รู้เรื่องจริงไหม เข้าใจไหม เป็นอีกเรื่อง แต่ต้องคอยฟัง ต้องพูดถึง เพราะมันเข้าสมัย และผู้บริหารบ้านเราก็แสนฉลาด เดินทุกก้าวตาม ที่เฟด บอก

    Fed จึงกลายเป็นตัวสำคัญในการชักใยการเงินโลกจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของเสาหลักที่สอง ที่มีอานุภาพรุนแรงและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ

    เสาหลักที่สาม: ควบคุม หรือครอบครอง ทรัพยากรที่มีผลสำคัญต่อยุทธศาสตร์ ในความหมายของอังกฤษ ขณะนั้น และยังมีผลจนถึงขณะนี้ก็คือ น้ำมัน! ซึ่งไม่ใช่มีความหมายเฉพาะกับอังกฤษเท่านั้น แต่มันมีความหมาย และมีผลกับโลกนี้ทั้งใบ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (1) จากประวัติศาสตร์ ที่ฝรั่งทั้งเขียนทั้งแต่ง และคนไทยเอามาแปล เป็นทั้งหนังสืออ่าน และบทเรียนประวัติศาสตร์สากล ทำให้เราเข้าใจ และเชื่อว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ลอบฆ่าอาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี โดยชาวเซอรเบีย ที่เซราเจโว เมืองหลวงของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คศ 1914 มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเป็นสายชนวนเส้นหนึ่ง ของสงครามโลกครั้งที่ 1 จริง แต่มันไม่ใช่ “สาเหตุ ” แท้จริงที่ทำให้เกิดสงครามโลก แม้เหตุการณ์นั้น จะทำให้ออสเตรียโกรธจัด ควันออกหูก็ตาม ออสเตรียกับเซอร์เบียขบเขี้ยวกันมานานแล้ว เนื่องจากออสเตรียซึ่งตอนนั้นคิดว่าตนเองกล้ามใหญ่ ไปผนวกเอาบอสเนียและเฮอเซโกวีนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน มาเป็นของตน ตั้งแต่ประมาณปี คศ 1878 ทำให้เซอร์เบียซี่งถือว่าบอสเนียเป็นพวกเดียวกันตัว เป็นเดือดเป็นแค้นแทน และเอาความแค้นไปฝากใส่หูรัสเซีย ในฐานะลูกพี่ใหญ่ของพวกสลาฟ และกลุ่มนิกายออโธดอกซ์ หลังจากมีการเจรจา ที่มีเค้าว่าจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นอยู่ประมาณ 1 เดือน ในวันที่ 28 กรกฏาคม คศ 1914 ออสเตรียก็ประกาศสงครามกับเซอร์เบียรัฐเล็กกระจ้อย เพื่อให้รับผิดชอบการฆาตกรรมดังกล่าว ออสเตรียเชื่อว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากเยอรมัน หากรัสเซียออกมาหนุนหลังให้เซอร์เบีย ออสเตรียคงต้องลุ้นหนักว่า เยอรมันจะมาช่วยทันไหม เพราะวันรุ่งขึ้น 29 กรกฏาคม รัสเซียก็ประกาศระดมพล เตรียมตัวรบแล้ว ในวันเดียวกันนั้น ไกเซอร์ของเยอรมัน ก็ส่งโทรเลขไปหาซาร์นิโคลัสของรัสเซีย ขอร้องไม่ให้เรียกระดมพล และคงเพราะมีไมตรีต่อกันฉันท์ญาติ ซาร์จึงระงับคำสั่งระดมพลไว้ชั่วคราว แต่ฝ่ายกองทัพของรัสเซียไม่ชอบใจ ที่ซาร์ออกอาการลังเล วันรุ่งขึ้น 30 กรกฏาคม จึงพากันเดินตบเท้า เข้าไปกล่อม แกมบีบให้ซาร์มีคำสั่งระดมพลต่อ คงมีใครอยากรบเต็มที วันที่ 31 กรกฏาคม ทูตเยอรมันประจำเมือง St Petersburg ก็เข้าไปพบซาร์ และยื่นหนังสือของเยอรมัน ที่ประกาศสงครามต่อรัสเซีย หลังจากนั้นก็เอามือปิดหน้าและเดินออกไปจากห้อง ไม่ใช่คนเยอรมันทุกคนอยากทำสงคราม โดยเฉพาะกับรัสเซีย ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ได้เป็นศัตรูกับเยอรมัน เนื่องจากรู้ว่า ฝรั่งเศสและรัสเซียมีสัญญาให้การร่วมมือกันทางกองทัพ เยอรมันจึงตัดสินใจว่า จะต้องจัดการอย่างรวดเร็ว ให้ฝรั่งเศสหมอบราบเสียก่อนที่รัสเซียจะขยับมาช่วยทัน เพราะเยอรมันคาดว่า รัสเซียน่าจะใช้เวลานานในการระดมพล ขณะนั้นกองทัพของรัสเซียมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป วันที่ 3 สิงหาคม คศ 1914 เยอรมันจึงรีบประกาศสงครามกับฝรั่งเศส หลังจากนั้นเยอรมันก็เคลื่อนพลเข้าไปในเบลเยี่ยม เพื่อใช้เป็นทางข้ามไปโจมตีฝรั่งเศส อังกฤษคงกลัวน้อยหน้า เดี๋ยวเขาจะว่าเก่งแต่ปาก วันที่ 4 สิงหาคม คศ 1914 อังกฤษจึงรีบประกาศสงครามกับเยอรมันบ้าง โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อปกป้องความเป็นกลางของเบลเยี่ยม เป็นการอ้างเหตุผลการเข้าสงครามที่ตอแหลอย่างน่าทุเรศ เหตุผลจริงของอังกฤษในการทำสงคราม ชั่วร้ายเกินกว่าที่เราจะนึก แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สถานะการเงินของอังกฤษ ขณะตัดสินใจประกาศทำสงครามกับเยอรมันนั้น อังกฤษอยู่ในสภาพล้มละลาย ถังแตกขนาดนั้น ทำไมอังกฤษยังคิดทำสงคราม และทำได้อย่างไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (2) ประมาณปี คศ 1890 อังกฤษ แม้จะอยู่บนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อยของเท้าซ้าย แต่ก็สร้างเสริมตนเอง ด้วยความฉลาด เล่ห์เหลี่ยม และความชั่วร้าย จนโดดเด่น มีอำนาจทั้งในด้านการเมือง การทหาร และ การค้า และคิดเอาเองว่า ไม่มีใครจะกล้ามาทาบรัศมี จักรภพอังกฤษอันกว้างใหญ่ แผ่ไพศาลไปเกือบทั่วโลก จนดวงอาทิตย์หาที่ตกในจักรภพไม่ได้ เมื่อคิดอย่างนั้น อังกฤษก็พยายามทำทุกอย่าง ที่จะรักษาความเป็นที่หนึ่ง และเอาโลกใบนี้ให้อยู่ในกำมือของตนเองตลอดกาล หรือให้นานที่สุดเท่าที่จะยืดคอทำได้ จะเอาโลกไว้ในกำมือ อังกฤษต้องทำให้ตนเองมีเสาหลัก หรืออำนาจควบคุมใน 3 เรื่อง – ควบคุมเส้นทางเดินเรือ – ควบคุมระบบการเงินการธนาคาร – ควบคุม หรือครอบครองทรัพยากรที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ของตน เสาหลักแรก: การควบคุมเส้นทางเดินเรือ อังกฤษ ทำได้สำเร็จ โดยใช้บริษัทประกันภัยใหญ่หมายเลขหนึ่งของอังกฤษ Lloyd ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก บวกกับการใช้เครือข่ายของธนาคารอังกฤษ เป็นผู้วางกฏ เกี่ยวกับการการขนส่งทางเรือ รวมทั้งใช้กองทัพเรือของตน ที่อังกฤษภูมิใจหนักหนาว่า ไม่มีใครเก่งเทียบ และไม่กล้าท้าทาย ทำหน้าที่เป็นเรือคุ้มกันภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ โดยไม่ต้องทำประกันภัย ขณะที่คู่แข่ง ถูกบังคับให้ทำประกันภัยกับ Lloyd หรือคิดจะเสี่ยง กับการเจอภัยพิบัติกลางทะเล มันดูไม่ต่างกับการขู่กรรโชกของโจรสลัด สินเชื่อ และตั๋วแลกเงิน ที่จำเป็นต้องออกให้แก่กันในการค้าขาย และขนส่งสินค้าทางเรือ อังกฤษบีบให้ทำผ่านธนาคารของอังกฤษ ซึ่งเป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Bank of England ซึ่งก็เป็นผลผลิต ของกลุ่มนักการเงินใน City of London ที่นำโดย เจ้าพ่อใหญ่ ตระกูล Rothschild และพวก เช่น Barings, Hambros เป็นต้น ประมาณ ปี 1900 อังกฤษ ยืนยืด อกแอ่น จนแทบหงายหลัง ประกาศว่า เรามีเสาหลักนี้ ตั้งตระหง่านเรียบร้อยแล้ว เสาหลักที่สอง: การควบคุบระบบการเงิน และระบบการธนาคาร อังกฤษวางแผนอย่างคร่ำเคร่ง แต่เงียบสนิท และผลของมัน ทำให้เกิดระบบธนาคารกลางในอังกฤษ และที่สำคัญ อังกฤษเป็นตัวการสำคัญ ในการวางแผนอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิด Federal Reserve System ในอเมริกา ในปี คศ 1913 ที่เรารู้จักกันในนาม Federal Reserve Bank หรือ ที่เรียกกันสั้นๆว่า Fed ซึ่งเป็นของเอกชน ไม่ใช่เป็นของรัฐ และเป็นเอกชนไม่กี่ตระกูล ที่ส่วนใหญ่เป็นเครือข่าย ของตระกูล Rothschild ของฝั่งอังกฤษ และ ตระกูล Rockefeller และ Morgan ของฝั่งอเมริกา Fed มีอำนาจมากมาย และมีอิสระหลายเรื่อง ที่ไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน โดยเฉพาะ ในการพิมพ์ธนบัตร การกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างสถาบัน ฯลฯ การตัดสินใจของ Fed มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น ของอเมริกา และของโลก แม้แต่สมันน้อย ยังต้องคอยฟังว่า เฟด เขาว่าอะไร ฟังแล้ว รู้เรื่องจริงไหม เข้าใจไหม เป็นอีกเรื่อง แต่ต้องคอยฟัง ต้องพูดถึง เพราะมันเข้าสมัย และผู้บริหารบ้านเราก็แสนฉลาด เดินทุกก้าวตาม ที่เฟด บอก Fed จึงกลายเป็นตัวสำคัญในการชักใยการเงินโลกจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของเสาหลักที่สอง ที่มีอานุภาพรุนแรงและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ เสาหลักที่สาม: ควบคุม หรือครอบครอง ทรัพยากรที่มีผลสำคัญต่อยุทธศาสตร์ ในความหมายของอังกฤษ ขณะนั้น และยังมีผลจนถึงขณะนี้ก็คือ น้ำมัน! ซึ่งไม่ใช่มีความหมายเฉพาะกับอังกฤษเท่านั้น แต่มันมีความหมาย และมีผลกับโลกนี้ทั้งใบ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 678 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำหน้าที่ ขุดคุ้ย สอดส่อง ฉวยโฉบเอกสาร แต่ถ้าใครคิดว่าแบนี้อิหร่านคงโป๊ไม่เหลือ เรียกว่ายังไม่รู้จักอิหร่านจริง!

    แล้วก็เป็นไปตามคาด การเจรจาไม่เป็นผล ตกลงกันไม่ได้ วันสิ้นสุดการเจรจา ต้องมีการต่ออายุไปถึงกลางปี 2015 แสดงว่า อิสราเอลยังทำภาระกิจไม่สำเร็จ ระหว่างนี้หากมีการเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนพฤติกรรม พวกซุ่มเงียบเปลี่ยนใจเปิดตัว อิสราเอลจะเอาอยู่ไหม น้ำมันในตะวันออกกลาง ยังเป็นของรัก ของหวง ของนักล่าใบตองแห้งและพวก โดยเฉพาะลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่กบไต๋เงียบกริบ และใช้นักล่า ออกหน้าแทน… อย่างเคย

    จะเห็นว่าอิสราเอล กำลังเล่นบทหนัก ในการหนุน หรือ ผลักดัน การขยับหมากของนักล่าใบตองแห้ง นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีเป้าหมาย ลับลึกซ่อนอยู่อีกหลายเรื่อง

    ถ้าสังเกตกัน จะเห็นว่า อิสราเอล พยายามเน้นให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส เป็นเรื่องการรังแกยิว โดยนาย Liberman รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งไปเดินแถวคล้องแขนที่ปารีสด้วย บอกว่า เขาดู CNN แล้ว ปรากฏว่า ไม่มีการเสนอข่าวในมุมของชาวยิวเลยนะ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต Kosher ที่ยิงกัน ก็เป็นของชาวยิว หรือ พวกตัวประกัน ก็เป็นพวกชาวยิว พร้อมพูดว่า
    ” เราควรต้องพูดกันอย่างซื่อสัตย์ ไม่ต้องอาย และ เอาทุกอย่างวางบนโต๊ะ เพราะที่มาของการฆาตกรรมหมู่ชาวยิว มาจากมุสลิมเคร่งจัดด้านหนึ่ง และการด่าชาวยิวอย่างรุนแรงและไม่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง”

    นี่ก็เป็นการให้ข่าวแบบกาฝาก คราวนี้ฝากไปให้ใคร

    ฝรั่งเศส มีชาวยิวอาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน นับเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากอิสราเอล และอเมริกา และฝรั่งเศส อีกเช่นเดียวกัน ที่มีคนนับถืออิสลามอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป มีจำนวนไม่น้อยกว่า 4.7 ล้านคน ถึง 7.7 ล้านคน แล้วแต่แหล่งที่มาของข้อมูล

    ยูเครน ที่กำลังเล่นกันจนเละ จะกลายเป็นโรงละครสัตว์อยู่แล้วนั้น อิสราเอลก็แอบสนับสนุนฝ่ายที่ต่อสู้กับคุณพี่ปูตินอย่างเงียบ เชียบ แต่แข็งขัน อย่าลืมว่า คุณนาย Nuland นางเหยี่ยวของอเมริกา เจ้าของวลีเด็ด **** EU เป็นคนเลือกนาย Yatsenyuk ยิวหนุ่ม ไปเป็นนายกรัฐมนตรียูเครน ยูเครนจึง ไม่ได้เป็นเพียงสนามชิงท่อส่งแก๊ส มีหลายฝ่าย แอบหวังที่จะเอายูเครน เป็นบ้านยิวสาขา 2

    ฝรั่งเศสจึงน่าสนใจ ที่จะใช้เป็นสนามทดลอง หรือห้องทดลอง ทฤษฏีต่างๆ ก่อนมีการปฏิบัติการณ์ของจริง เพื่อดูปฏิกริยา การโต้ตอบ และกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่าย

    ในการทำศึกสงคราม แต่ละฝ่าย ต่างมียุทธศาสตร์ และต่างมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งเราอาจจะยังเห็นไม่หมด มองไม่ชัดในตอนนี้ เพราะพวกเขาคงจะยังไม่เปิดฉากแสดงกันที่สถานที่จริง หรือถ้าเปิด มันก็ดูเป็นฉาก ที่ไม่ต่อเนื่องกัน

    เช่นเรื่องยูเครนกับตะวันออกกลาง อาจเกี่ยวโยงกันอย่างที่เรานึกไม่ถึง และเช่นเดียวกับการลงมติ คว่ำบาตรรัสเซีย ที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป กำลังทดสอบความแข็งของข้อกัน และคงจะรู้กันเร็วๆนี้ ว่า ใครกันแน่ ที่ข้อแข็งในสหภาพยุโรป

    ส่วนเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งสมาชิกรัฐสภาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง กำลังกระเหี้ยน กระหือรือ ที่จะยื่นเรื่องให้รัฐสภา ลงมติเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม ทั้งที่การเจรจาเรื่องพัฒนานิวเคลียร์ ที่เพิ่งเริ่ม หลังจากมีการต่ออายุใหม่ และมีข่าวว่า นายโอบามาบอกว่า พยายามจะใช้สิทธิวีโต้ เพราะการเจรจากับอิหร่านยังไปได้อยู่

    คงจะไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ถ้าการพยายามคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มนั้น ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยิว ทั้งใน และนอกอเมริกา ถ้าอิหร่านล้มคว่ำตามบาตรในตะวันออกกลาง ที่จะลุกขึ้นตีปีกคืออิสราเอล เพราะถ้าเจอทั้งอิหร่าน และตุรกี พร้อมกัน ในตะวันออกกลาง มันเหนื่อยโว้ย สะกัดไปทีละประเทศ น่าจะดีกว่า ส่วนความฝันเรื่องยูเครน ถ้ารัสเซียหมดแรง ถอบฉากเลิกขวาง อิสราเอลก็หวานคอ เอะ นี่ตกลงเป็นเรื่องของยิวล้วนๆหรือไง แล้วพวกลูกพี่ ทั้งนักล่าใบตองแห้ง และชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่คอยกำกับ ทุกรายการ ยังต้องการให้จัดการเรื่องอะไรอีกครับ ?!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 มค. 2558
    ทำหน้าที่ ขุดคุ้ย สอดส่อง ฉวยโฉบเอกสาร แต่ถ้าใครคิดว่าแบนี้อิหร่านคงโป๊ไม่เหลือ เรียกว่ายังไม่รู้จักอิหร่านจริง! แล้วก็เป็นไปตามคาด การเจรจาไม่เป็นผล ตกลงกันไม่ได้ วันสิ้นสุดการเจรจา ต้องมีการต่ออายุไปถึงกลางปี 2015 แสดงว่า อิสราเอลยังทำภาระกิจไม่สำเร็จ ระหว่างนี้หากมีการเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนพฤติกรรม พวกซุ่มเงียบเปลี่ยนใจเปิดตัว อิสราเอลจะเอาอยู่ไหม น้ำมันในตะวันออกกลาง ยังเป็นของรัก ของหวง ของนักล่าใบตองแห้งและพวก โดยเฉพาะลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่กบไต๋เงียบกริบ และใช้นักล่า ออกหน้าแทน… อย่างเคย จะเห็นว่าอิสราเอล กำลังเล่นบทหนัก ในการหนุน หรือ ผลักดัน การขยับหมากของนักล่าใบตองแห้ง นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีเป้าหมาย ลับลึกซ่อนอยู่อีกหลายเรื่อง ถ้าสังเกตกัน จะเห็นว่า อิสราเอล พยายามเน้นให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส เป็นเรื่องการรังแกยิว โดยนาย Liberman รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งไปเดินแถวคล้องแขนที่ปารีสด้วย บอกว่า เขาดู CNN แล้ว ปรากฏว่า ไม่มีการเสนอข่าวในมุมของชาวยิวเลยนะ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต Kosher ที่ยิงกัน ก็เป็นของชาวยิว หรือ พวกตัวประกัน ก็เป็นพวกชาวยิว พร้อมพูดว่า ” เราควรต้องพูดกันอย่างซื่อสัตย์ ไม่ต้องอาย และ เอาทุกอย่างวางบนโต๊ะ เพราะที่มาของการฆาตกรรมหมู่ชาวยิว มาจากมุสลิมเคร่งจัดด้านหนึ่ง และการด่าชาวยิวอย่างรุนแรงและไม่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง” นี่ก็เป็นการให้ข่าวแบบกาฝาก คราวนี้ฝากไปให้ใคร ฝรั่งเศส มีชาวยิวอาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน นับเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากอิสราเอล และอเมริกา และฝรั่งเศส อีกเช่นเดียวกัน ที่มีคนนับถืออิสลามอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป มีจำนวนไม่น้อยกว่า 4.7 ล้านคน ถึง 7.7 ล้านคน แล้วแต่แหล่งที่มาของข้อมูล ยูเครน ที่กำลังเล่นกันจนเละ จะกลายเป็นโรงละครสัตว์อยู่แล้วนั้น อิสราเอลก็แอบสนับสนุนฝ่ายที่ต่อสู้กับคุณพี่ปูตินอย่างเงียบ เชียบ แต่แข็งขัน อย่าลืมว่า คุณนาย Nuland นางเหยี่ยวของอเมริกา เจ้าของวลีเด็ด Fuck EU เป็นคนเลือกนาย Yatsenyuk ยิวหนุ่ม ไปเป็นนายกรัฐมนตรียูเครน ยูเครนจึง ไม่ได้เป็นเพียงสนามชิงท่อส่งแก๊ส มีหลายฝ่าย แอบหวังที่จะเอายูเครน เป็นบ้านยิวสาขา 2 ฝรั่งเศสจึงน่าสนใจ ที่จะใช้เป็นสนามทดลอง หรือห้องทดลอง ทฤษฏีต่างๆ ก่อนมีการปฏิบัติการณ์ของจริง เพื่อดูปฏิกริยา การโต้ตอบ และกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่าย ในการทำศึกสงคราม แต่ละฝ่าย ต่างมียุทธศาสตร์ และต่างมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งเราอาจจะยังเห็นไม่หมด มองไม่ชัดในตอนนี้ เพราะพวกเขาคงจะยังไม่เปิดฉากแสดงกันที่สถานที่จริง หรือถ้าเปิด มันก็ดูเป็นฉาก ที่ไม่ต่อเนื่องกัน เช่นเรื่องยูเครนกับตะวันออกกลาง อาจเกี่ยวโยงกันอย่างที่เรานึกไม่ถึง และเช่นเดียวกับการลงมติ คว่ำบาตรรัสเซีย ที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป กำลังทดสอบความแข็งของข้อกัน และคงจะรู้กันเร็วๆนี้ ว่า ใครกันแน่ ที่ข้อแข็งในสหภาพยุโรป ส่วนเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งสมาชิกรัฐสภาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง กำลังกระเหี้ยน กระหือรือ ที่จะยื่นเรื่องให้รัฐสภา ลงมติเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม ทั้งที่การเจรจาเรื่องพัฒนานิวเคลียร์ ที่เพิ่งเริ่ม หลังจากมีการต่ออายุใหม่ และมีข่าวว่า นายโอบามาบอกว่า พยายามจะใช้สิทธิวีโต้ เพราะการเจรจากับอิหร่านยังไปได้อยู่ คงจะไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ถ้าการพยายามคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มนั้น ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยิว ทั้งใน และนอกอเมริกา ถ้าอิหร่านล้มคว่ำตามบาตรในตะวันออกกลาง ที่จะลุกขึ้นตีปีกคืออิสราเอล เพราะถ้าเจอทั้งอิหร่าน และตุรกี พร้อมกัน ในตะวันออกกลาง มันเหนื่อยโว้ย สะกัดไปทีละประเทศ น่าจะดีกว่า ส่วนความฝันเรื่องยูเครน ถ้ารัสเซียหมดแรง ถอบฉากเลิกขวาง อิสราเอลก็หวานคอ เอะ นี่ตกลงเป็นเรื่องของยิวล้วนๆหรือไง แล้วพวกลูกพี่ ทั้งนักล่าใบตองแห้ง และชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่คอยกำกับ ทุกรายการ ยังต้องการให้จัดการเรื่องอะไรอีกครับ ?! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนางแบบเบลารุส อ้างถูกล่อลวงเข้าแก๊งสแกมเมอร์ ก่อนถูกฆาตกรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000099854

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนางแบบเบลารุส อ้างถูกล่อลวงเข้าแก๊งสแกมเมอร์ ก่อนถูกฆาตกรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000099854 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว


  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์คือจุดเริ่มต้นทุกๆอาชญากรรมทั้งหมด นอกจากบ่อนคาสิโนออฟไลน์และบ่อนการพนันออนไลน์,การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้าวัตถุโบราณ การค้าแรงงานเถื่อนจากการหลอกลวง การค้ากาม การค้ามนุษย์ หนักสุดค้าอวัยวะมนุษย์ สาระพัดเถื่อนๆชั่วๆเลวๆที่โลกทั้งใบต้องจับตามองร่วมกันเป็นเคสกรณีศึกษาของโลกคือชาติอาชญากรรมโลกแบบเขมรของจอมเผด็จการฮุนเซนเจ้าพ่อรัฐมหาโจรฮับอาชญากรและสาระพัดอาชญากรรมโลกที่ตั้งที่ดีมีรัฐบาลแห่งชาติโจรเขมรค้ำหัวค้ำประกันการประกอบกิจการดำเนินการ,ทั้งแบบเถื่อนและแบบใช้ไม่เถื่อนบังหน้าขนส่งของเถื่อนไปร่วมด้วยกับของไม่เถื่อน,เจ้าพ่อสากลชั่วระดับโลกในยุคเวลานี้ก็ว่า.

    ..ไทยจะจัดการเขมรได้ ต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลอนุทิน4เดือนทันที ปล่อยไว้มีแต่ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนในรัฐบาลปัจจุบันไม่บริสุทธิ์ มีคนในรัฐบาลอนุทินไปเกี่ยวข้องกับเขมรรัฐโจรรัฐอาชญากรรมสงครามใส่ไทยชัดเจนด้วยและแหล่งฮับอาชญากรรมสากลระดับโลกด้วยอีก.

    ..ทหารประชาชน นำโดยบิ๊กปูพนา ผบ.ทบ.ต้องจัดการ ตลอด ผบ.สส.สูงสุดต้องเด็ดขาดยึดอำนาจที่ประชาชนมอบไปให้รัฐบาลเลือกตั้งผิดแผลกผีบ้านี้ใช้ไปทางที่ผิด ที่ไม่สมควร ไม่ใช้แผนที่ดินแดน1:50,000ด้วยในmou43,44ร่วมกันกอดmou ด้วยซึ่งนายกฯและคณะครม.ลงมติยกเลิกmou43,44ได้ทันทีแต่ไม่ทำ ผลักภาระให้ประชาชน ไม่เหมือนตนพากันสุมหัวทำกันเองตอนแรก ไม่มาบอกห่าประชาชนให้ลงมติรับรู้ร่วมห่าเหวอะไร พอมีปัญหาเสือกโยนบอกว่าให้ประชาชนยกเลิกเองนะ กูไปตกลงเองได้ แต่ตอนยกเลิกกูให้มรึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันยกเลิกนะ ถ้าลำบากยากเค็ญใจพวกมรึงๆประชาชนก็จงพากันยอมรับmouนี้เสีย ไม่ต้องยุ่งยากไง ใช้ต่อก็จบตามกูไปลงนามขายชาติให้สำเร็จที่1:200,000เลย กินดินแดนยึดแผ่นดินไทยจากปกติทหารใช้1:50,000 เขมรฉลาดจึงชวนกูมาขายชาติให้มันแลกผลประโยชน์ได้ดีกับมันด้วย ได้แผ่นดินไทยถึง1:200,000จากได้แค่1:50,000เอง,กินแผ่นดินไทยมรึงถึง1:150,000โคตรคุ้มค่ามากเลยกูเขมร.
    ..ทหารไทยของประชาชน หากยังไม่เห็นชัดสิ่งนี้ จะจบเลย สิ้นเดือนนี้ เสียแผ่นดินเหมือนตอนอดีตนายกฯอภิสิทธิ์แน่นอน มามุกเดียวกันเปะเลย,
    ..สแกมเมอร์เขมร ที่รุกรามมากมายขนาดนี้ก็เพราะมีทหารไทยสายพลชั่วเลวอีกนั่นล่ะไปทำสิ่งนี้ร่วมกับมันด้วย นักการเมืองอีกที่กูรูมากมายออกมาแฉ,การยึดอำนาจจะจบเรื่องเลวชั่วทั้งหมดทันทีทั้งเรื่องภายในและภายนอกประเทศ,เราสามารถกำจัดภัยความมั่นคงภายในได้เด็ดขาดด้วย ,จากนั้นค่อยต่อยอดขยายการกำจัดออกสู่วงนอกได้อีก.
    ..รัฐบาลนี้ชัดเจนว่า ถ่วงเวลาและอืดอาดยืดยาดมาก,ไร้ฝีมือมือความสามารถอะไรเลย,สินค้าเข้าออกทางทะเลกับเขมรยังเปิดช่องโหว่ได้ ,ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต ตัดอะไรสาระพัดยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ,เรา..ประชาชนจนถึงเวลานี้ไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาลอนุทินเลย,ตั้งแต่โยนหินถามทางหมายเปิดด่านตอนแรกๆถือว่าตบหน้าเรา..ประชาชนทั้งประเทศไทยมาก หยามน้ำใจคนไทย ทหารที่เสียชีวิต ขาขาดพิการ ทำลายหัวจิตหัวใจคนไทยมาก ประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย เด็กๆเราตาย ตายนอกแนวปะทะ ตายนอกแนวสงครามปะทะยิงกันกับเขมร และมันยิงระเบิดใส่เด็กๆเราตายนะ ครอบครัวคนไทยเราตายเกือบหมดครอบครัว สส.สว.ฝั่งรัฐบาลจะลองถูกระเบิดยิงตายเกือบหมดครอบครัวดูก็ได้นะถ้าไม่มีความรู้สึกด้วย,เนปาลเผาครอบครัวรมต.ตายคาบ้านแบบนั้นมั้ย.,นักการเมืองจะฝ่ายรัฐบาลไทยหรือฝ่ายค้านทั้งหมดอย่าบีบน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศนะตลอดคนข้าราชการไทยกระทรวงทบวงกรมหน่วยงานใดๆด้วยโดยเฉพาะกระทรวงทรยศแผ่นดินไทยระวังไว้ เขารู้ที่อยู่ท่านหมดล่ะ,เครื่องบินยึดสนามบินห้ามบินออกนอกประเทศทั้งหมด,เจ้าสัว เจ้าขุนมูลนายอำมาตย์เจ้าพระยาคิดจะหนีออกแผ่นดินไทย ทิ้งแผ่นดินไทยหนีตายไปสวายสุขอยู่ต่างประเทศแบบในอดีตอาจฝันไปเลย,เมื่อประชาชนหมดความอดทน เนปาลที่ไทยเกิดแน่นอน.,ทั้งหมดจะถูกยึดทรัพย์สินและคืนสู่สามัญแก่แผ่นดินไทยดั่งเดิมแน่นอน.
    ..ทหารไทยต้องยืนเคียงข้างประชาชนเพราะทหารก็เกณฑ์พลมาจากประชาชนนี้ล่ะ,อนาคตอาจต้องมีกองกำลังภาคประชาชนตนเองประจำทุกๆหมู่บ้านทั้ง80,000หมู่บ้านทั่วประเทศ เรา..ประเทศไทยจะสามารถปกป้องตนเองร่วมกัน สามัคคีกันเป็นเครือข่ายกันทั่วประเทศ,ภัยในสังคมเกิดขึ้น เราเด็ดหัวมันเลย รกสังคม ,รั้วลวดหนามตลอดพรมแดนไทยกับเขมรต้องสร้างจริงจังชัดเจนตลอดพรมแดน ห้ามมีเว้นวรรค รวมถึงกำแพงรั้วลวดหนามไทยกับมาเลย์ด้วย สามารถสกัดจับโจรใต้หนีเข้ามาเลย์ได้ทันทีด้วย ลำบากแน่นอนเมื่อก่อเหตุแล้วหมายจะหนีข้ามเขตแดนไทยไปมาเลย์ ปืนอัตโนมัติตลอดแนวพรมแดนพร้อมยิงทีนทีที่พบคนต้องสงสัยเข้าเขตต้องห้ามโซนห้ามผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ใกล้รั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับมาเลย์ก็ว่า,ปัญหาชายแดนภาคใต้จะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะก่อตอนไหนยิงทิ้งตอนนั้นเลย.,ไทยกับเขมรก็ด้วย เดทโซนโซนปลอดผู้คนนอกจากเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้อง ใครเข้าพื้นที่นี้แบบผิดปกติ แอบหมายตัดรั้วลวดหนามจะข้ามแดน ปืนบวกกล้องตรวจพบเจอผ่านดาวเทียม สามารถยิงทิ้งอัตโนมัติทันที จากนั้นรถเก็บศพตามถนนติดริมรั้วกำแพงลวดหนามค่อยวิ่งไปเก็บศพจัดการดำเนินเรื่องราวต่อไป,แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจตายตามริมกำแพงรั้วลวดหนามไทยระบบพิเศษอัตโนมัติเราแบบนี้แน่นอน,พวกนี้ฆ่าทรมานมนุษย์ที่มันหลอกลวงมาค้าแรงงานจริง ความตายจึงเหมาะสมแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด,จีนสั่งประหารชีวิตทุกๆตัวนั้นถูกต้องแล้ว พวกนี้ทรมานทุบเหยื่อ ฆ่าสังหารเหยื่อจริง ไม่ใช่แค่เรียกค่าไถ่เท่านั้น บางคนค้ากามโสเภณีแบบบังคับทรมานเหยื่อสาระพัดวิธี หมดประโยชน์ชำแหละอวัยวะมนุษย์ขายตา ปอดตับ หัวใจและอวัยวะอื่นๆจริง มันค้าอวัยวะจริง ต้นเหตุก็เริ่มจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ล่ะ,ไม่ใช่ขายแรงงานเหมือนวัวเหมือนควายแค่นั้นในเหยื่อทั้งหมดที่มันหลอกลวงไปหรือลักพาตัวไป.

    ..รัฐบาลไทยสร้างบทบาทอมพระเต็มๆแบบเสือกนิ่งเฉย ไร้มาตราการเด็ดขาดห่าเหวใดๆตลอดมาแก่ชาติเขมรห่านี้ชาติอาชญากรรมระดับโลกแบบนี้ถือว่ากากมากถึงมากที่สุด.,มันยิงคนไทยเราตาย มีนก่ออาชญากรรมสงครามใส่ไทย เสือกนิ่งสงบเงียบ แอ็คชั่นไม่มีห่าอะไรจริงเลย ถึงเวลานี้น่าเศร้าใจมาก,ทรัมป์สันตีนกับมาเลย์มาเสือกอีก,ต้องไม่เข้าร่วมประชุมอาเชียนทันทีเลย ,ถือว่ามาเลย์และอเมริกาเสียมารยาทแทรกแซงความมั่นคงในอธิปไตยไทยชัดเจนในการกำจัดเขมรศัตรูภัยร้ายแรงในอธิปไตยชาติไทยและภัยอาชญากรอาชญากรรมของโลกแต่มาเลย์และอเมริกาอยากให้ไทยไปจับมือกับคนฆ่าคนไทยและฆาตกรฆ่าคนทั่วโลกที่เขมรหลอกลวงมาฆาตกรรมในเขมรมันเอง ให้ไทยไปจับมือกับฆาตกรโลก จับมือกับโจร มาเลย์มันบ้าไปกับทรัมป์ชัดเจน อาเชียนถือว่าเสียของมากหากเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้.อเมริกาทรัมป์และมาเลย์คืออาชญากรอาชญากรรมก่อการร่วมกับเขมรฮุนเซนชัดเจนด้วย สนับสนุนส่งเสริมชาติอาชญากรและอาชญากรรมด้วย จนบีบบังคับพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยจับมือกับรัฐโจรเขมรทั้งประเทศเขมรในปัจจุบัน พวกนี้ใช้ไม่ได้หวังแต่ประโยชน์ร่วมกับเขมรชัดเจน,จนลืมความถูกความผืดชั่วชอบดีในสมองสันตีนมัน.

    https://youtube.com/watch?v=zO-i_lsDz0E&si=bKzpVbdy24sD678s

    แก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์คือจุดเริ่มต้นทุกๆอาชญากรรมทั้งหมด นอกจากบ่อนคาสิโนออฟไลน์และบ่อนการพนันออนไลน์,การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้าวัตถุโบราณ การค้าแรงงานเถื่อนจากการหลอกลวง การค้ากาม การค้ามนุษย์ หนักสุดค้าอวัยวะมนุษย์ สาระพัดเถื่อนๆชั่วๆเลวๆที่โลกทั้งใบต้องจับตามองร่วมกันเป็นเคสกรณีศึกษาของโลกคือชาติอาชญากรรมโลกแบบเขมรของจอมเผด็จการฮุนเซนเจ้าพ่อรัฐมหาโจรฮับอาชญากรและสาระพัดอาชญากรรมโลกที่ตั้งที่ดีมีรัฐบาลแห่งชาติโจรเขมรค้ำหัวค้ำประกันการประกอบกิจการดำเนินการ,ทั้งแบบเถื่อนและแบบใช้ไม่เถื่อนบังหน้าขนส่งของเถื่อนไปร่วมด้วยกับของไม่เถื่อน,เจ้าพ่อสากลชั่วระดับโลกในยุคเวลานี้ก็ว่า. ..ไทยจะจัดการเขมรได้ ต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลอนุทิน4เดือนทันที ปล่อยไว้มีแต่ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนในรัฐบาลปัจจุบันไม่บริสุทธิ์ มีคนในรัฐบาลอนุทินไปเกี่ยวข้องกับเขมรรัฐโจรรัฐอาชญากรรมสงครามใส่ไทยชัดเจนด้วยและแหล่งฮับอาชญากรรมสากลระดับโลกด้วยอีก. ..ทหารประชาชน นำโดยบิ๊กปูพนา ผบ.ทบ.ต้องจัดการ ตลอด ผบ.สส.สูงสุดต้องเด็ดขาดยึดอำนาจที่ประชาชนมอบไปให้รัฐบาลเลือกตั้งผิดแผลกผีบ้านี้ใช้ไปทางที่ผิด ที่ไม่สมควร ไม่ใช้แผนที่ดินแดน1:50,000ด้วยในmou43,44ร่วมกันกอดmou ด้วยซึ่งนายกฯและคณะครม.ลงมติยกเลิกmou43,44ได้ทันทีแต่ไม่ทำ ผลักภาระให้ประชาชน ไม่เหมือนตนพากันสุมหัวทำกันเองตอนแรก ไม่มาบอกห่าประชาชนให้ลงมติรับรู้ร่วมห่าเหวอะไร พอมีปัญหาเสือกโยนบอกว่าให้ประชาชนยกเลิกเองนะ กูไปตกลงเองได้ แต่ตอนยกเลิกกูให้มรึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันยกเลิกนะ ถ้าลำบากยากเค็ญใจพวกมรึงๆประชาชนก็จงพากันยอมรับmouนี้เสีย ไม่ต้องยุ่งยากไง ใช้ต่อก็จบตามกูไปลงนามขายชาติให้สำเร็จที่1:200,000เลย กินดินแดนยึดแผ่นดินไทยจากปกติทหารใช้1:50,000 เขมรฉลาดจึงชวนกูมาขายชาติให้มันแลกผลประโยชน์ได้ดีกับมันด้วย ได้แผ่นดินไทยถึง1:200,000จากได้แค่1:50,000เอง,กินแผ่นดินไทยมรึงถึง1:150,000โคตรคุ้มค่ามากเลยกูเขมร. ..ทหารไทยของประชาชน หากยังไม่เห็นชัดสิ่งนี้ จะจบเลย สิ้นเดือนนี้ เสียแผ่นดินเหมือนตอนอดีตนายกฯอภิสิทธิ์แน่นอน มามุกเดียวกันเปะเลย, ..สแกมเมอร์เขมร ที่รุกรามมากมายขนาดนี้ก็เพราะมีทหารไทยสายพลชั่วเลวอีกนั่นล่ะไปทำสิ่งนี้ร่วมกับมันด้วย นักการเมืองอีกที่กูรูมากมายออกมาแฉ,การยึดอำนาจจะจบเรื่องเลวชั่วทั้งหมดทันทีทั้งเรื่องภายในและภายนอกประเทศ,เราสามารถกำจัดภัยความมั่นคงภายในได้เด็ดขาดด้วย ,จากนั้นค่อยต่อยอดขยายการกำจัดออกสู่วงนอกได้อีก. ..รัฐบาลนี้ชัดเจนว่า ถ่วงเวลาและอืดอาดยืดยาดมาก,ไร้ฝีมือมือความสามารถอะไรเลย,สินค้าเข้าออกทางทะเลกับเขมรยังเปิดช่องโหว่ได้ ,ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต ตัดอะไรสาระพัดยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ,เรา..ประชาชนจนถึงเวลานี้ไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาลอนุทินเลย,ตั้งแต่โยนหินถามทางหมายเปิดด่านตอนแรกๆถือว่าตบหน้าเรา..ประชาชนทั้งประเทศไทยมาก หยามน้ำใจคนไทย ทหารที่เสียชีวิต ขาขาดพิการ ทำลายหัวจิตหัวใจคนไทยมาก ประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย เด็กๆเราตาย ตายนอกแนวปะทะ ตายนอกแนวสงครามปะทะยิงกันกับเขมร และมันยิงระเบิดใส่เด็กๆเราตายนะ ครอบครัวคนไทยเราตายเกือบหมดครอบครัว สส.สว.ฝั่งรัฐบาลจะลองถูกระเบิดยิงตายเกือบหมดครอบครัวดูก็ได้นะถ้าไม่มีความรู้สึกด้วย,เนปาลเผาครอบครัวรมต.ตายคาบ้านแบบนั้นมั้ย.,นักการเมืองจะฝ่ายรัฐบาลไทยหรือฝ่ายค้านทั้งหมดอย่าบีบน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศนะตลอดคนข้าราชการไทยกระทรวงทบวงกรมหน่วยงานใดๆด้วยโดยเฉพาะกระทรวงทรยศแผ่นดินไทยระวังไว้ เขารู้ที่อยู่ท่านหมดล่ะ,เครื่องบินยึดสนามบินห้ามบินออกนอกประเทศทั้งหมด,เจ้าสัว เจ้าขุนมูลนายอำมาตย์เจ้าพระยาคิดจะหนีออกแผ่นดินไทย ทิ้งแผ่นดินไทยหนีตายไปสวายสุขอยู่ต่างประเทศแบบในอดีตอาจฝันไปเลย,เมื่อประชาชนหมดความอดทน เนปาลที่ไทยเกิดแน่นอน.,ทั้งหมดจะถูกยึดทรัพย์สินและคืนสู่สามัญแก่แผ่นดินไทยดั่งเดิมแน่นอน. ..ทหารไทยต้องยืนเคียงข้างประชาชนเพราะทหารก็เกณฑ์พลมาจากประชาชนนี้ล่ะ,อนาคตอาจต้องมีกองกำลังภาคประชาชนตนเองประจำทุกๆหมู่บ้านทั้ง80,000หมู่บ้านทั่วประเทศ เรา..ประเทศไทยจะสามารถปกป้องตนเองร่วมกัน สามัคคีกันเป็นเครือข่ายกันทั่วประเทศ,ภัยในสังคมเกิดขึ้น เราเด็ดหัวมันเลย รกสังคม ,รั้วลวดหนามตลอดพรมแดนไทยกับเขมรต้องสร้างจริงจังชัดเจนตลอดพรมแดน ห้ามมีเว้นวรรค รวมถึงกำแพงรั้วลวดหนามไทยกับมาเลย์ด้วย สามารถสกัดจับโจรใต้หนีเข้ามาเลย์ได้ทันทีด้วย ลำบากแน่นอนเมื่อก่อเหตุแล้วหมายจะหนีข้ามเขตแดนไทยไปมาเลย์ ปืนอัตโนมัติตลอดแนวพรมแดนพร้อมยิงทีนทีที่พบคนต้องสงสัยเข้าเขตต้องห้ามโซนห้ามผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ใกล้รั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับมาเลย์ก็ว่า,ปัญหาชายแดนภาคใต้จะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะก่อตอนไหนยิงทิ้งตอนนั้นเลย.,ไทยกับเขมรก็ด้วย เดทโซนโซนปลอดผู้คนนอกจากเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้อง ใครเข้าพื้นที่นี้แบบผิดปกติ แอบหมายตัดรั้วลวดหนามจะข้ามแดน ปืนบวกกล้องตรวจพบเจอผ่านดาวเทียม สามารถยิงทิ้งอัตโนมัติทันที จากนั้นรถเก็บศพตามถนนติดริมรั้วกำแพงลวดหนามค่อยวิ่งไปเก็บศพจัดการดำเนินเรื่องราวต่อไป,แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจตายตามริมกำแพงรั้วลวดหนามไทยระบบพิเศษอัตโนมัติเราแบบนี้แน่นอน,พวกนี้ฆ่าทรมานมนุษย์ที่มันหลอกลวงมาค้าแรงงานจริง ความตายจึงเหมาะสมแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด,จีนสั่งประหารชีวิตทุกๆตัวนั้นถูกต้องแล้ว พวกนี้ทรมานทุบเหยื่อ ฆ่าสังหารเหยื่อจริง ไม่ใช่แค่เรียกค่าไถ่เท่านั้น บางคนค้ากามโสเภณีแบบบังคับทรมานเหยื่อสาระพัดวิธี หมดประโยชน์ชำแหละอวัยวะมนุษย์ขายตา ปอดตับ หัวใจและอวัยวะอื่นๆจริง มันค้าอวัยวะจริง ต้นเหตุก็เริ่มจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ล่ะ,ไม่ใช่ขายแรงงานเหมือนวัวเหมือนควายแค่นั้นในเหยื่อทั้งหมดที่มันหลอกลวงไปหรือลักพาตัวไป. ..รัฐบาลไทยสร้างบทบาทอมพระเต็มๆแบบเสือกนิ่งเฉย ไร้มาตราการเด็ดขาดห่าเหวใดๆตลอดมาแก่ชาติเขมรห่านี้ชาติอาชญากรรมระดับโลกแบบนี้ถือว่ากากมากถึงมากที่สุด.,มันยิงคนไทยเราตาย มีนก่ออาชญากรรมสงครามใส่ไทย เสือกนิ่งสงบเงียบ แอ็คชั่นไม่มีห่าอะไรจริงเลย ถึงเวลานี้น่าเศร้าใจมาก,ทรัมป์สันตีนกับมาเลย์มาเสือกอีก,ต้องไม่เข้าร่วมประชุมอาเชียนทันทีเลย ,ถือว่ามาเลย์และอเมริกาเสียมารยาทแทรกแซงความมั่นคงในอธิปไตยไทยชัดเจนในการกำจัดเขมรศัตรูภัยร้ายแรงในอธิปไตยชาติไทยและภัยอาชญากรอาชญากรรมของโลกแต่มาเลย์และอเมริกาอยากให้ไทยไปจับมือกับคนฆ่าคนไทยและฆาตกรฆ่าคนทั่วโลกที่เขมรหลอกลวงมาฆาตกรรมในเขมรมันเอง ให้ไทยไปจับมือกับฆาตกรโลก จับมือกับโจร มาเลย์มันบ้าไปกับทรัมป์ชัดเจน อาเชียนถือว่าเสียของมากหากเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้.อเมริกาทรัมป์และมาเลย์คืออาชญากรอาชญากรรมก่อการร่วมกับเขมรฮุนเซนชัดเจนด้วย สนับสนุนส่งเสริมชาติอาชญากรและอาชญากรรมด้วย จนบีบบังคับพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยจับมือกับรัฐโจรเขมรทั้งประเทศเขมรในปัจจุบัน พวกนี้ใช้ไม่ได้หวังแต่ประโยชน์ร่วมกับเขมรชัดเจน,จนลืมความถูกความผืดชั่วชอบดีในสมองสันตีนมัน. https://youtube.com/watch?v=zO-i_lsDz0E&si=bKzpVbdy24sD678s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1363 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่”

    บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง

    การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า:

    โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
    ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง

    การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud
    เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023

    โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%)
    แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%

    การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง
    ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า
    ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า

    ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก
    ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง

    สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ”
    เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ

    ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง
    ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด

    การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง
    เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก

    ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร
    เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข

    การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ
    อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข

    การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว
    ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ

    https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
    📰 “ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่” บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า: ✝️ โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7% ✝️ ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง ✅ การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud ➡️ เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023 ✅ โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%) ➡️ แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7% ✅ การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง ➡️ ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า ➡️ ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า ✅ ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก ➡️ ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง ✅ สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ” ➡️ เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ ✅ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง ➡️ ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด ‼️ การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง ⛔ เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก ‼️ ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร ⛔ เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข ‼️ การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ ⛔ อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข ‼️ การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว ⛔ ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
    OURWORLDINDATA.ORG
    Does the news reflect what we die from?
    What do Americans die from, and what do the New York Times, Washington Post, and Fox News report on?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกัมพูชาแจงคดีฆาตกรรม นศ.เกาหลีใต้ ยืนยันไม่มีคำขอทางการจากครอบครัว-สถานทูตก่อนพบศพ
    https://www.thai-tai.tv/news/21901/
    .
    #ไทยไท #ตำรวจกัมพูชา #นักศึกษาเกาหลีใต้ #ถูกสังหาร #SCMP #คดีฆาตกรรม #อาชญากรรมกัมพูชา
    ตำรวจกัมพูชาแจงคดีฆาตกรรม นศ.เกาหลีใต้ ยืนยันไม่มีคำขอทางการจากครอบครัว-สถานทูตก่อนพบศพ https://www.thai-tai.tv/news/21901/ . #ไทยไท #ตำรวจกัมพูชา #นักศึกษาเกาหลีใต้ #ถูกสังหาร #SCMP #คดีฆาตกรรม #อาชญากรรมกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลักฐานชี้ชัด แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนในกัมพูชา ลักพาตัว-ฆ่าพลเมืองโสมขาว เกาหลีใต้จี้รัฐบาลเขมรตั้งแผนกเฉพาะกิจ
    https://www.thai-tai.tv/news/21898/
    .
    #ไทยไท #อาชญากรรมข้ามชาติ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #นักศึกษาเกาหลีใต้ #กัมพูชา #ยกระดับเตือนภัย #ฆาตกรรม

    หลักฐานชี้ชัด แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนในกัมพูชา ลักพาตัว-ฆ่าพลเมืองโสมขาว เกาหลีใต้จี้รัฐบาลเขมรตั้งแผนกเฉพาะกิจ https://www.thai-tai.tv/news/21898/ . #ไทยไท #อาชญากรรมข้ามชาติ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #นักศึกษาเกาหลีใต้ #กัมพูชา #ยกระดับเตือนภัย #ฆาตกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ่วงวงกตตอนที่ 9 อัพใน Anowl.co แล้วนะคะ เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมในบ้านพักจะเป็นอย่างไรต่อไป
    https://anowl.co/anowlruang/baan-wongkot-cirrus-halo/part09/
    บ่วงวงกตตอนที่ 9 อัพใน Anowl.co แล้วนะคะ เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมในบ้านพักจะเป็นอย่างไรต่อไป https://anowl.co/anowlruang/baan-wongkot-cirrus-halo/part09/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 2

    อเมริกาเอาจริงเรื่องอิหร่าน ขนเอาเจ้าหน้าที่ของ CIA เข้ามาตั้งหน่วยงานใหญ่อยู่ในอิหร่าน เกาะติดทุกรายการ ทุกเป้าหมาย โดยเฉพาะเอาเข้าไปคลุกคลีอยู่กับนักการเมือง นักการเงิน และพวกอีลิตของอิห ร่าน Dr. Taqi ชาวอิหร่านสาย CIA รับหน้าที่กล่อมมงกุฎราชกุมาร Abdoreza และนายพล Ali Razmara รายหลังแสดงความสนใจที่จะผูกมิตรจับมือร่วมงานกับอเมริกา เขาบอกกับ Dr. Taqiว่า ถ้าอเมริกาจัดการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอิหร่านได้ เขาก็จะตั้งให้ Dr. Taqi เป็นรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจอิหร่าน เราผลัดกันเกาหลังให้กันไงเพื่อน! แล้วเราจะได้วางแผนเขี่ยอังกฤษออกไปจากอิหร่านได้เสียที

    ค.ศ.1950 Shah ก็แต่งตั้งให้นายพล Razmara เป็นนายกรัฐมนตรี

    นายพล Razmara ในฐานะนายกรัฐมนตรี ปลดพวกข้าราชการระดับสูง 400 คนทันที และลงนามในสัญญา “Point Four” กับอเมริกา ซึ่งมีผลให้อเมริกาเข้า ไปมีอิทธิพลในอิหร่านภายใต้เสื้อคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่ผมเขียนเรื่องอิหร่านนะครับ แม้มันจะดูคล้ายกับเหตุการณ์ในแดนสมันน้อยก็ตาม

    แต่สำหรับเรื่อง Anglo-Persian Oil อะไรคงยังจุกคอท่านนายพล Razmara อยู่ เขาไม่ขยับตามที่อเมริกาต้องการ แถมออกกฏหมายรับรอง Anglo-Persian Oil ให้ควบคุมน้ำมันของอิหร่านต่อ นี่ลองของหรือไง หลังจากนั้นไม่นานท่านนายพล Razmara ก็ถูกฆาตกรรม เก็บลงหีบเรียบร้อย เขาเล่นกันแรงจริง

    สภาผู้แทนอิหร่านหรือที่เรียกว่า Majlis ซึ่ง Col. Schwazkopf มีอิทธิพลครอบอยู่ จึงจับมือ Shah ให้ตั้ง Mohammed Mossadeq เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายพล Razmara

    Mossadeq เป็นนักการเมืองที่มีความสามารถ และเป็นที่นิยมของชาวอิหร่าน เพราะเขาประกาสต่อต้านอิทธิพลของอังกฤษอย่างเปิดเผยมาตลอด จนอังกฤษทนไม่ไหว และขับให้เขาออกนอกประเทศไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.1919 แต่ใน ค.ศ.1921 อังกฤษก็สั่งให้ Reza Khan เรียกตัว Mossadeq กลับอิหร่านใหม่ หวังเอาฐานเสียงของ Mossadeq มาสนับสนุน Khan ซึ่งกำลังง่อนแง่น แต่เมื่อ Khan ตั้งตัวเองเป็น Shah ในปี ค.ศ.1925 Mossadeq คัดค้านอย่างรุนแรง และบอกว่า นี่เป็นการยุยงของอังกฤษที่จะทำให้อิหร่านล่ม ความคิดเช่นนี้ของ Mossadeq เข้าทางอเมริกาที่กำลังหาคนไป แซะอังกฤษออกจากอิหร่าน ดังนั้นเมื่อ Mossadeq ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจอเมริกา และปฏิบัติการยึด Anglo-Iranian Oil จากอังกฤษ มาเป็นของอิหร่าน จึงไม่ถูกต้านทานจากอเมริกา อเมริกาน่าจะประเมิน Mossadeq พลาด
    การยึด Anglo-Iranian Oil อังกฤษเต้นเป็นเจ้าเข้า โกรธจนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระเทือนยังกับแผ่นดินไหว เตรียมกองทัพจะมาขยี้อิหร่าน อังกฤษซ้อมค้าง ชวนอเมริกาไปขยี้อิหร่านด้วยกัน อเมริกาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการจะใช้กำลังกับอิหร่าน (แหม! ไต๋โผล่เร็วจัง) เจรจากับอิหร่านดีกว่าน่าลูกพี่ อังกฤษไม่ยอม วิ่งจนหัวล้านเปียก ใช้ช่องทางของสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน และสั่งรวบรวมเด็กในคาถาที่อยู่อิหร่านเตรียมตัวปฏิวัติโค่น Mossadeq อเมริกาไม่เล่นด้วย เราเล่นเองก็ได้ ชาวเกาะชักย๊วะ

    การคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ทำให้ตลาดโลกน้ำมันปั่นป่วน หลังจากนั้นก็มีข่าวลือในวอซิงตันว่อนตามโต๊ะทำงานว่า สหภาพโซเวียตฉวยโอกาสนี้ ยุทหารอิหร่านทำการปฏิวัติและส่งเสริมระบอบคอมมิวนิตส์ในอิหร่านเสียเอง ฮื่ม แก้เกมเก่งนะลูกพี่ แบบนี้อเมริกาก็เลิกลั่ก หันไม่ถูกทางเหมือนกัน

    แล้วอเมริกาก็สะดุดกับดักของอังกฤษ หันกลับมากดดัน Mossadeq ให้ประนีประนอมกับอังกฤษ Mossadeq ปฏิเสธ อเมริกาชักไม่ชอบใจที่สั่งขวาหันกับ Mossadeq ไม่ได้ อเมริกายังไม่ตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรดี ข่าวลือมาอีกรอบ น่าสงสัยว่า Mossadeq จะทำงานร่วมกับสหภาพโซเวียตผ่านพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่าน คราวนี้อเมริกาเป็นฝ่านเต้น เข้าใจเล่นจริงลูกพี่ แล้ว CIA ก็จับมือกับหน่วยราชการลับอังกฤษ MI6 จัดการให้มีการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล Mossadeq ในปี ค.ศ.1953 CIA เรียกว่า “Operation Ajax”

    Operation Ajax ทำให้ Shah Mohammud Reza Pahlavi กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง และเขารู้ว่าเขาควรจะขอบคุณใคร บ้าง วงการข่าวเล่ากันว่า ในวันครองบัลลังก์ Shah ได้พูดว่ากับนาย Kermit Roosevelt Jr. หัวหน้า CIA ประจำอิหร่านว่า “ขอบคุณพระเจ้า ประชาชนของเรา กองทัพของเรา และท่าน !”

    หลังจาการปฏิวัติ บริษัทน้ำมันที่อิหร่านยึดมาเป็นของรัฐ ใช้ชื่อว่า National Iranian Oil Company ก็จริง แต่การควบคุมการผลิตและการขายน้ำมันอิหร่าน ตกอยู่ในกำมือของกลุ่มบรรษัทน้ำมันข้ามชาติ ซึ่งแน่นอน พ่วงเอา 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเข้าไปด้วย กลุ่มอเมริกาได้รับหุ้นน้ำมัน หอมชื่นใจไป 40% ส่วนของ Anglo-Iranian Oil ของอังกฤษ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น British Petroleum หรือ BP ถูกลดลงมาเหลือ 40% ฝรั่งเศสและดัชท์ในฐานะผู้เข้าร่วมแสดงได้ 20% เหลือ 40% ดีกว่าเหลือแต่ถังน้ำมันเปล่าๆ นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงรำพึงด้วยความซ้ำใจ

    ผลของการยึดบริษัทน้ำมันมาเป็นของรัฐและแรงกดดันของประชาชน ทำให้ส่วนแบ่งรายได้น้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 50% แต่อิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสมุดบัญชีบริษัท มันเป็นชัยชนะที่จอมปลอม เหมือนชัยชนะของการต่อสู้โดยประชาชนส่วนใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วก็โดนหลอกโดนต้มเหมือนเดิม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 2 อเมริกาเอาจริงเรื่องอิหร่าน ขนเอาเจ้าหน้าที่ของ CIA เข้ามาตั้งหน่วยงานใหญ่อยู่ในอิหร่าน เกาะติดทุกรายการ ทุกเป้าหมาย โดยเฉพาะเอาเข้าไปคลุกคลีอยู่กับนักการเมือง นักการเงิน และพวกอีลิตของอิห ร่าน Dr. Taqi ชาวอิหร่านสาย CIA รับหน้าที่กล่อมมงกุฎราชกุมาร Abdoreza และนายพล Ali Razmara รายหลังแสดงความสนใจที่จะผูกมิตรจับมือร่วมงานกับอเมริกา เขาบอกกับ Dr. Taqiว่า ถ้าอเมริกาจัดการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอิหร่านได้ เขาก็จะตั้งให้ Dr. Taqi เป็นรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจอิหร่าน เราผลัดกันเกาหลังให้กันไงเพื่อน! แล้วเราจะได้วางแผนเขี่ยอังกฤษออกไปจากอิหร่านได้เสียที ค.ศ.1950 Shah ก็แต่งตั้งให้นายพล Razmara เป็นนายกรัฐมนตรี นายพล Razmara ในฐานะนายกรัฐมนตรี ปลดพวกข้าราชการระดับสูง 400 คนทันที และลงนามในสัญญา “Point Four” กับอเมริกา ซึ่งมีผลให้อเมริกาเข้า ไปมีอิทธิพลในอิหร่านภายใต้เสื้อคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่ผมเขียนเรื่องอิหร่านนะครับ แม้มันจะดูคล้ายกับเหตุการณ์ในแดนสมันน้อยก็ตาม แต่สำหรับเรื่อง Anglo-Persian Oil อะไรคงยังจุกคอท่านนายพล Razmara อยู่ เขาไม่ขยับตามที่อเมริกาต้องการ แถมออกกฏหมายรับรอง Anglo-Persian Oil ให้ควบคุมน้ำมันของอิหร่านต่อ นี่ลองของหรือไง หลังจากนั้นไม่นานท่านนายพล Razmara ก็ถูกฆาตกรรม เก็บลงหีบเรียบร้อย เขาเล่นกันแรงจริง สภาผู้แทนอิหร่านหรือที่เรียกว่า Majlis ซึ่ง Col. Schwazkopf มีอิทธิพลครอบอยู่ จึงจับมือ Shah ให้ตั้ง Mohammed Mossadeq เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายพล Razmara Mossadeq เป็นนักการเมืองที่มีความสามารถ และเป็นที่นิยมของชาวอิหร่าน เพราะเขาประกาสต่อต้านอิทธิพลของอังกฤษอย่างเปิดเผยมาตลอด จนอังกฤษทนไม่ไหว และขับให้เขาออกนอกประเทศไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.1919 แต่ใน ค.ศ.1921 อังกฤษก็สั่งให้ Reza Khan เรียกตัว Mossadeq กลับอิหร่านใหม่ หวังเอาฐานเสียงของ Mossadeq มาสนับสนุน Khan ซึ่งกำลังง่อนแง่น แต่เมื่อ Khan ตั้งตัวเองเป็น Shah ในปี ค.ศ.1925 Mossadeq คัดค้านอย่างรุนแรง และบอกว่า นี่เป็นการยุยงของอังกฤษที่จะทำให้อิหร่านล่ม ความคิดเช่นนี้ของ Mossadeq เข้าทางอเมริกาที่กำลังหาคนไป แซะอังกฤษออกจากอิหร่าน ดังนั้นเมื่อ Mossadeq ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจอเมริกา และปฏิบัติการยึด Anglo-Iranian Oil จากอังกฤษ มาเป็นของอิหร่าน จึงไม่ถูกต้านทานจากอเมริกา อเมริกาน่าจะประเมิน Mossadeq พลาด การยึด Anglo-Iranian Oil อังกฤษเต้นเป็นเจ้าเข้า โกรธจนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระเทือนยังกับแผ่นดินไหว เตรียมกองทัพจะมาขยี้อิหร่าน อังกฤษซ้อมค้าง ชวนอเมริกาไปขยี้อิหร่านด้วยกัน อเมริกาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการจะใช้กำลังกับอิหร่าน (แหม! ไต๋โผล่เร็วจัง) เจรจากับอิหร่านดีกว่าน่าลูกพี่ อังกฤษไม่ยอม วิ่งจนหัวล้านเปียก ใช้ช่องทางของสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน และสั่งรวบรวมเด็กในคาถาที่อยู่อิหร่านเตรียมตัวปฏิวัติโค่น Mossadeq อเมริกาไม่เล่นด้วย เราเล่นเองก็ได้ ชาวเกาะชักย๊วะ การคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ทำให้ตลาดโลกน้ำมันปั่นป่วน หลังจากนั้นก็มีข่าวลือในวอซิงตันว่อนตามโต๊ะทำงานว่า สหภาพโซเวียตฉวยโอกาสนี้ ยุทหารอิหร่านทำการปฏิวัติและส่งเสริมระบอบคอมมิวนิตส์ในอิหร่านเสียเอง ฮื่ม แก้เกมเก่งนะลูกพี่ แบบนี้อเมริกาก็เลิกลั่ก หันไม่ถูกทางเหมือนกัน แล้วอเมริกาก็สะดุดกับดักของอังกฤษ หันกลับมากดดัน Mossadeq ให้ประนีประนอมกับอังกฤษ Mossadeq ปฏิเสธ อเมริกาชักไม่ชอบใจที่สั่งขวาหันกับ Mossadeq ไม่ได้ อเมริกายังไม่ตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรดี ข่าวลือมาอีกรอบ น่าสงสัยว่า Mossadeq จะทำงานร่วมกับสหภาพโซเวียตผ่านพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่าน คราวนี้อเมริกาเป็นฝ่านเต้น เข้าใจเล่นจริงลูกพี่ แล้ว CIA ก็จับมือกับหน่วยราชการลับอังกฤษ MI6 จัดการให้มีการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล Mossadeq ในปี ค.ศ.1953 CIA เรียกว่า “Operation Ajax” Operation Ajax ทำให้ Shah Mohammud Reza Pahlavi กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง และเขารู้ว่าเขาควรจะขอบคุณใคร บ้าง วงการข่าวเล่ากันว่า ในวันครองบัลลังก์ Shah ได้พูดว่ากับนาย Kermit Roosevelt Jr. หัวหน้า CIA ประจำอิหร่านว่า “ขอบคุณพระเจ้า ประชาชนของเรา กองทัพของเรา และท่าน !” หลังจาการปฏิวัติ บริษัทน้ำมันที่อิหร่านยึดมาเป็นของรัฐ ใช้ชื่อว่า National Iranian Oil Company ก็จริง แต่การควบคุมการผลิตและการขายน้ำมันอิหร่าน ตกอยู่ในกำมือของกลุ่มบรรษัทน้ำมันข้ามชาติ ซึ่งแน่นอน พ่วงเอา 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเข้าไปด้วย กลุ่มอเมริกาได้รับหุ้นน้ำมัน หอมชื่นใจไป 40% ส่วนของ Anglo-Iranian Oil ของอังกฤษ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น British Petroleum หรือ BP ถูกลดลงมาเหลือ 40% ฝรั่งเศสและดัชท์ในฐานะผู้เข้าร่วมแสดงได้ 20% เหลือ 40% ดีกว่าเหลือแต่ถังน้ำมันเปล่าๆ นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงรำพึงด้วยความซ้ำใจ ผลของการยึดบริษัทน้ำมันมาเป็นของรัฐและแรงกดดันของประชาชน ทำให้ส่วนแบ่งรายได้น้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 50% แต่อิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสมุดบัญชีบริษัท มันเป็นชัยชนะที่จอมปลอม เหมือนชัยชนะของการต่อสู้โดยประชาชนส่วนใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วก็โดนหลอกโดนต้มเหมือนเดิม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • “YouTuber วัย 17 ปีในสหรัฐฯ ไลฟ์สดพูดถึง ‘การล้างแค้น’ ก่อนขับรถชนเด็กหญิงสองคนเสียชีวิต — คดีสะเทือนสังคมที่เริ่มจากโลกออนไลน์”

    เหตุการณ์สะเทือนขวัญในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อ Vincent Battiloro วัย 17 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมสองกระทง หลังจากขับรถด้วยความเร็วกว่า 112 กม./ชม. พุ่งชนเด็กหญิงสองคนที่กำลังขี่จักรยานไฟฟ้าในเมือง Cranford เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025

    ก่อนเกิดเหตุไม่กี่วัน Battiloro ได้เผยแพร่ไลฟ์สตรีมบน YouTube ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 40,000 คน โดยพูดถึงความแค้นที่มีต่อหนึ่งในเหยื่อคือ Maria Niotis พร้อมกล่าวหาว่าเธอและแม่เป็นต้นเหตุให้เขาถูกพักการเรียนจากข้อกล่าวหาเรื่องสื่อลามกเด็ก ซึ่งเขาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเป็นเรื่อง “ไร้สาระ” และ “จะปฏิเสธไปจนตาย”

    ในไลฟ์สตรีมเมื่อวันที่ 23 กันยายน เขาใช้โทรศัพท์เบอร์เผา (burner phone) สั่งพิซซ่าไปส่งที่บ้านของเหยื่อ พร้อมพูดเย้ยว่า “ขอให้สนุกกับพิซซ่าของแกนะ ไอ้…” ก่อนจะกลับไปเล่นเกม MLB ต่อหน้าผู้ชม

    หลังเกิดเหตุ เขายังไลฟ์อีกครั้งในวันที่ 30 กันยายน โดยกล่าวว่า “มีเรื่องมากกว่าที่คุณรู้” และอ้างว่าเขาไม่สามารถพูดถึงรายละเอียดได้ในตอนนั้น แม้จะถูกผู้ชมถล่มด้วยคำถามและคำด่าทอ เช่น “ฆาตกร” และ “เมื่อไหร่จะไลฟ์จากคุก”

    ครอบครัวของเหยื่อทั้งสอง — Maria Niotis และ Isabella Salas — ระบุว่า Battiloro เคยสะกดรอยตาม Maria มาหลายเดือน และวางแผนโจมตีเธออย่างชัดเจน โดยมีการยื่นคำร้องขอคำสั่งห้ามเข้าใกล้ก่อนเกิดเหตุ

    แม้ Battiloro จะยังไม่ถูกตัดสินว่าเป็นผู้ใหญ่ในทางกฎหมาย แต่เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับแรก (first-degree murder) และได้รับใบสั่งกว่า 15 ฉบับจากการขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ ขับเร็วเกินกำหนด และขับรถโดยประมาท

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Vincent Battiloro อายุ 17 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมสองกระทง
    เหยื่อคือ Maria Niotis และ Isabella Salas อายุ 17 ปี ทั้งคู่
    Battiloro ขับรถด้วยความเร็ว 112 กม./ชม. ในเขตจำกัด 40 กม./ชม.
    เขาเคยไลฟ์สตรีมพูดถึง “การล้างแค้น” และกล่าวหาว่าเหยื่อทำให้เขาถูกพักการเรียน
    ไลฟ์สตรีมหลังเกิดเหตุยังพูดถึง “มีเรื่องมากกว่าที่คุณรู้”
    ครอบครัวเหยื่อระบุว่าเขาสะกดรอยตาม Maria มาหลายเดือน
    มีการยื่นคำร้องขอคำสั่งห้ามเข้าใกล้ก่อนเกิดเหตุ
    Battiloro ถูกออกใบสั่งกว่า 15 ฉบับจากการขับรถผิดกฎหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    YouTube ลบช่องของ Battiloro หลังเกิดเหตุ
    คดีนี้สะท้อนปัญหาการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือคุกคาม
    การไลฟ์สตรีมหลังเกิดเหตุอาจถูกใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล
    กฎหมายในหลายรัฐของสหรัฐฯ อนุญาตให้พิจารณาเยาวชนเป็นผู้ใหญ่ในคดีร้ายแรง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/youtuber-in-us-harassed-teen-girl-ranted-about-039vengeance039-in-livestreams-before-deadly-crash
    📹 “YouTuber วัย 17 ปีในสหรัฐฯ ไลฟ์สดพูดถึง ‘การล้างแค้น’ ก่อนขับรถชนเด็กหญิงสองคนเสียชีวิต — คดีสะเทือนสังคมที่เริ่มจากโลกออนไลน์” เหตุการณ์สะเทือนขวัญในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อ Vincent Battiloro วัย 17 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมสองกระทง หลังจากขับรถด้วยความเร็วกว่า 112 กม./ชม. พุ่งชนเด็กหญิงสองคนที่กำลังขี่จักรยานไฟฟ้าในเมือง Cranford เมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 ก่อนเกิดเหตุไม่กี่วัน Battiloro ได้เผยแพร่ไลฟ์สตรีมบน YouTube ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 40,000 คน โดยพูดถึงความแค้นที่มีต่อหนึ่งในเหยื่อคือ Maria Niotis พร้อมกล่าวหาว่าเธอและแม่เป็นต้นเหตุให้เขาถูกพักการเรียนจากข้อกล่าวหาเรื่องสื่อลามกเด็ก ซึ่งเขาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเป็นเรื่อง “ไร้สาระ” และ “จะปฏิเสธไปจนตาย” ในไลฟ์สตรีมเมื่อวันที่ 23 กันยายน เขาใช้โทรศัพท์เบอร์เผา (burner phone) สั่งพิซซ่าไปส่งที่บ้านของเหยื่อ พร้อมพูดเย้ยว่า “ขอให้สนุกกับพิซซ่าของแกนะ ไอ้…” ก่อนจะกลับไปเล่นเกม MLB ต่อหน้าผู้ชม หลังเกิดเหตุ เขายังไลฟ์อีกครั้งในวันที่ 30 กันยายน โดยกล่าวว่า “มีเรื่องมากกว่าที่คุณรู้” และอ้างว่าเขาไม่สามารถพูดถึงรายละเอียดได้ในตอนนั้น แม้จะถูกผู้ชมถล่มด้วยคำถามและคำด่าทอ เช่น “ฆาตกร” และ “เมื่อไหร่จะไลฟ์จากคุก” ครอบครัวของเหยื่อทั้งสอง — Maria Niotis และ Isabella Salas — ระบุว่า Battiloro เคยสะกดรอยตาม Maria มาหลายเดือน และวางแผนโจมตีเธออย่างชัดเจน โดยมีการยื่นคำร้องขอคำสั่งห้ามเข้าใกล้ก่อนเกิดเหตุ แม้ Battiloro จะยังไม่ถูกตัดสินว่าเป็นผู้ใหญ่ในทางกฎหมาย แต่เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับแรก (first-degree murder) และได้รับใบสั่งกว่า 15 ฉบับจากการขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ ขับเร็วเกินกำหนด และขับรถโดยประมาท ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Vincent Battiloro อายุ 17 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมสองกระทง ➡️ เหยื่อคือ Maria Niotis และ Isabella Salas อายุ 17 ปี ทั้งคู่ ➡️ Battiloro ขับรถด้วยความเร็ว 112 กม./ชม. ในเขตจำกัด 40 กม./ชม. ➡️ เขาเคยไลฟ์สตรีมพูดถึง “การล้างแค้น” และกล่าวหาว่าเหยื่อทำให้เขาถูกพักการเรียน ➡️ ไลฟ์สตรีมหลังเกิดเหตุยังพูดถึง “มีเรื่องมากกว่าที่คุณรู้” ➡️ ครอบครัวเหยื่อระบุว่าเขาสะกดรอยตาม Maria มาหลายเดือน ➡️ มีการยื่นคำร้องขอคำสั่งห้ามเข้าใกล้ก่อนเกิดเหตุ ➡️ Battiloro ถูกออกใบสั่งกว่า 15 ฉบับจากการขับรถผิดกฎหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ YouTube ลบช่องของ Battiloro หลังเกิดเหตุ ➡️ คดีนี้สะท้อนปัญหาการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือคุกคาม ➡️ การไลฟ์สตรีมหลังเกิดเหตุอาจถูกใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล ➡️ กฎหมายในหลายรัฐของสหรัฐฯ อนุญาตให้พิจารณาเยาวชนเป็นผู้ใหญ่ในคดีร้ายแรง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/youtuber-in-us-harassed-teen-girl-ranted-about-039vengeance039-in-livestreams-before-deadly-crash
    WWW.THESTAR.COM.MY
    YouTuber in US harassed teen girl, ranted about 'vengeance' in livestreams before deadly crash
    For hours at a clip, the 17-year-old from Garwood played MLB games, ranted about sports and politics and occasionally veered into darker topics to his more than 40,000 followers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3”
    จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น
    ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง
    ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน
    เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917
    ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว
    ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก
    สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน
    Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า
    ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน
    อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ
    ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา
    ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein !
    ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน
    จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน
    ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan
    ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี
    Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947
    เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ
    เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein !
    วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล
    ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล
    Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3” จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917 ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein ! ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947 เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein ! วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 757 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 1”
    ตามประวัติศาสตร์ที่จารึกกันไว้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบสิ้นลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 แต่ความรุนแรงที่สงครามโลก ได้สร้างทิ้งไว้ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะยังไม่จบ การโต้แย้งเรื่องเขตแดน ซึ่งกำหนดขึ้นโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอังกฤษ เพื่อสนองตัณหาของพวกนักล่า ได้ทิ้งมรดกแห่งความขัดแย้งและความเศร้าสลดใจไว้ในภูมิภาคนี้ อย่างยากที่จะหาทางเยียวยา
    ที่เมือง Damascus ในซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองมากว่า 3 ปีแล้ว และยังไม่เห็นเค้าว่าจะจบลงเมื่อไหร่ กองทัพภาคที่ 4 ของรัฐบาลซีเรีย ขึ้นไปตั้งมั่นอยู่บนภูเขา Kassioun ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติบอกว่า แก๊สพิษที่ถูกยิงลงมาฟุ้งกระจายอยู่บริเวณเมืองชายขอบของ Damascus เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2013 นั้น ถูกยิงมาจากภูเขาดังกล่าว ทำให้มีคนตายไปประมาณ 1,400 คน เป็นยอดคนตายเฉพาะใน 1 วันเท่านั้น ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่ม จนถึงปัจจุบัน มีคนตายไปแล้วประมาณ 1.5 แสนคน
    Bagdad เมืองที่เคยเป็นวังเก่าในอิรัค 2 ปี หลังจากที่กองทัพอเมริกันถอนออกไป ชาวอิรัคได้มีโอกาสมาเดินเล่นในส่วนที่เรียกว่าเป็น Green – Zone ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Tigris อีกครั้งหนึ่ง มันเป็นส่วนของเมืองแบกแดด ที่ทหารอเมริกันแอบใช้เป็นที่หลบภัย เมื่อทำให้ทั้งประเทศที่พวกเขาไปครอบครองอยู่ กลายเป็นแดนฆาตกรรมหมู่ ปัจจุบันสถานการณ์ดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ การเดินเล่นใน Green Zone มีอายุสั้นจริง อีกด้านหนึ่งของกำแพงเป็น Red-Zone การถูกยิง การตายหมู่ กลับกลายมาเป็นเหตุการณ์ประจำวันอีกครั้ง แม้ทหารอเมริกันจะถอยทัพออกไปแล้ว ความสงบก็ไม่ได้กลับมา มีคนตายไปแล้วเป็นหมื่นคน
    Beirut เมืองหลวงของเลบานอน เมืองซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชาวอาหรับ พวกเขาชอบใช้เบรุตเป็นสถานที่นัดพบ เป็นที่เดินเล่นทอดน่อง จูงมือกัน พักผ่อนหย่อนใจ และแข่งกันทำมาหากิน เป็นเส้นทางขนานคู่ระหว่างศาสนากับโลกีย์ มุสลิมกับคริสเตียน ชีอะห์กับสุหนี่ แล้วกลิ่นไอของการต่อสู้ที่ลิเบีย ซีเรีย และความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน อียิปต์ และอิรัค ก็โชยมาใส่จมูกของชาวเบรุตที่กำลังเดินจูงมือกันอีกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนกลับมาเข้ามาในใจของชาวเลบานอน แล้วเบรุตจะรอดไหม เราจะเจอคลื่นความไม่สงบ ความรุนแรงโหมใส่เราอีกครั้งไหม หรือว่ามันมาคอยเราอยู่แล้ว ตรงหัวมุมถนนอันเป็นที่รักของเราในเบรุตนี้เอง
    2 ปี หลังจากการลุกฮือเหมือนนัดกันในปี ค.ศ. 2011 สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะย้อนกลับไปทางความสิ้นหวังและเปล่าเปลี่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา แทบจะไม่มีประเทศใดเลยในภูมิภาคนี้ ที่ไม่เคยผจญกับสงคราม หรือความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา และก็ดูเหมือนว่า จะไม่มีประเทศไหนเลยที่มีภูมิต้านทานแข็งแรงพอ ที่จะรับมือกับการจราจลรอบใหม่ ที่อาจจะระเบิดเป็นวงกว้างไปทั่วภูมิภาค ในอนาคตอันใกล้นี้ ขบวนการที่เรียกว่า Arab Spring ดูเหมือนจะจมโคลนไปแล้ว แทนที่จะงอกงาม หรือไม่ก็ถูกต่อต้าน หรือถูกโค่น ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น
    สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวภูมิภาคนี้จากสื่อฟอกย้อม คงมองเห็นว่าการต่อต้าน ลุกฮือที่เกิดขึ้นในตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย ก็คงเป็นพัฒนาการทางการเมืองตามปรกติของภูมิภาค แต่เปล่าหรอก ความไม่สงบเหล่านั้น มันเป็นหน่อใหม่ที่แตกเพิ่ม มาจากรากเหง้าของความขัดแย้ง ที่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยั้งมา เป็นเวลาประมาณ 100 ปีแล้ว และยังไม่เห็นทีท่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างไร
    ยังไม่มีเหตุการณ์ใด ที่ผลของมันจะสามารถสร้างความตึงเครียดและขัดแย้ง ให้ใหม่สดเสมอ ต่อเนื่องและยาวนานในตะวันออกกลาง ได้เท่ากับผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
    การสู้รบ ที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า European Civil War ที่หมายถึงช่วงเวลาความรุนแรงที่เขย่ายุโรป ตั้งแต่ ค.ศ. 1914 เป็นต้นมาและสิ้นสุดเอาปี ค.ศ. 1945 ต่อด้วยสงครามเย็น ได้จบลงเมื่อ 1990 แต่สำหรับโลกอาหรับ ความตึงเครียดของพวกเขา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันยังคงค้างคาอยู่ บรรดาชาวตะวันออกกลาง พบว่าตัวเองจำเป็นต้องไปฝึกหัดเป็นนักไต่ลวดกันถ้วนหน้า พวกเขาไม่ได้เป็นนักไต่ลวดธรรมดา เขาไต่ลวดและถือดาบไล่ฟันกันระหว่างไต่ลวดด้วย
    นัก (เขียน) ประวัติศาสตร์ฝรั่งบอกว่า ในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ มี 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และอิหร่าน ที่ดูเหมือนจะพอประคองตนเองให้อยู่รอดมาได้แม้จะโดนเขย่า โดนโค่นอยู่หลายครั้ง อีก 1 ประเทศ ที่ดูจะชำนาญในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แม้จะถูกบีบถูกถีบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วคือตุรกี และอีก 1 ประเทศที่แม้ไม่ถนัด ในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แต่ใช้วิธีทำตัวอ่อน โอนไปตามกระแส เงินและน้ำมัน คือ Saudi Arabia ประเทศทั้ง 4 นี้ ล้อมรอบใจกลางของตะวันออกกลาง ซึ่งมี 5 ประเทศ และ 1 รัฐพิเศษ คือ เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน อีรัค อิสราเอล และปาเลสไตน์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน Fromkin เรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า ลูก ๆ ของอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ผมอยากจะแย้งนักประวัติศาสตร์ฝรั่งทั้งหลายว่า ไม่ว่าจะเป็น 4 ประเทศข้างต้น ก็ดูเหมือนจะเอาตัวรอดยาก แม้ว่าต่างจะฝึกเป็นนักไต่ลวดกันเป็นแถว และพวกประเทศที่ฝรั่งเรียกว่าเป็นลูก ที่นักล่าอาณานิคม “สร้าง” ก็ดูจะเป็นการสร้างขึ้นมาใช้เป็น “ไม้เสี้ยม” ตะวันออกกลาง ให้แตกให้แย้งกันเองอยู่เสมอต่างหาก
    ไม่มีกลุ่มประเทศไหน แม้จะมีขนาดเล็กเท่ากับกลุ่มเด็กถูกเสี้ยมข้างต้น ที่จะต้องผจญภัยสงคราม การขัดแย้งทางการเมือง สงครามกลางเมือง การโค่นล้ม การก่อการร้าย ได้มากเท่าที่กลุ่มเด็กถูกเสี้ยมโดน ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
    เพื่อที่จะเข้าใจความผิดปรกติของสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นี้ เราคงจะต้องตามไปรู้จักหัวหางของเหตุการณ์บางอย่างก่อน เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งความล้มเหลวของเหล่าผู้ปกครองและการเมืองในตะวันออกกลางเอง ที่ไม่สามารถจะต้านทาน หรือแก้เกมการครอบครอง และครอบงำโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะชาติอังกฤษ และที่สำคัญ การค้นพบน้ำมัน การก่อตั้งอิสราเอล ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มความขัดแย้งในภูมิภาคนี้
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 สค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 1” ตามประวัติศาสตร์ที่จารึกกันไว้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบสิ้นลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 แต่ความรุนแรงที่สงครามโลก ได้สร้างทิ้งไว้ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะยังไม่จบ การโต้แย้งเรื่องเขตแดน ซึ่งกำหนดขึ้นโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอังกฤษ เพื่อสนองตัณหาของพวกนักล่า ได้ทิ้งมรดกแห่งความขัดแย้งและความเศร้าสลดใจไว้ในภูมิภาคนี้ อย่างยากที่จะหาทางเยียวยา ที่เมือง Damascus ในซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองมากว่า 3 ปีแล้ว และยังไม่เห็นเค้าว่าจะจบลงเมื่อไหร่ กองทัพภาคที่ 4 ของรัฐบาลซีเรีย ขึ้นไปตั้งมั่นอยู่บนภูเขา Kassioun ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติบอกว่า แก๊สพิษที่ถูกยิงลงมาฟุ้งกระจายอยู่บริเวณเมืองชายขอบของ Damascus เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2013 นั้น ถูกยิงมาจากภูเขาดังกล่าว ทำให้มีคนตายไปประมาณ 1,400 คน เป็นยอดคนตายเฉพาะใน 1 วันเท่านั้น ตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่ม จนถึงปัจจุบัน มีคนตายไปแล้วประมาณ 1.5 แสนคน Bagdad เมืองที่เคยเป็นวังเก่าในอิรัค 2 ปี หลังจากที่กองทัพอเมริกันถอนออกไป ชาวอิรัคได้มีโอกาสมาเดินเล่นในส่วนที่เรียกว่าเป็น Green – Zone ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ Tigris อีกครั้งหนึ่ง มันเป็นส่วนของเมืองแบกแดด ที่ทหารอเมริกันแอบใช้เป็นที่หลบภัย เมื่อทำให้ทั้งประเทศที่พวกเขาไปครอบครองอยู่ กลายเป็นแดนฆาตกรรมหมู่ ปัจจุบันสถานการณ์ดูเหมือนไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ การเดินเล่นใน Green Zone มีอายุสั้นจริง อีกด้านหนึ่งของกำแพงเป็น Red-Zone การถูกยิง การตายหมู่ กลับกลายมาเป็นเหตุการณ์ประจำวันอีกครั้ง แม้ทหารอเมริกันจะถอยทัพออกไปแล้ว ความสงบก็ไม่ได้กลับมา มีคนตายไปแล้วเป็นหมื่นคน Beirut เมืองหลวงของเลบานอน เมืองซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชาวอาหรับ พวกเขาชอบใช้เบรุตเป็นสถานที่นัดพบ เป็นที่เดินเล่นทอดน่อง จูงมือกัน พักผ่อนหย่อนใจ และแข่งกันทำมาหากิน เป็นเส้นทางขนานคู่ระหว่างศาสนากับโลกีย์ มุสลิมกับคริสเตียน ชีอะห์กับสุหนี่ แล้วกลิ่นไอของการต่อสู้ที่ลิเบีย ซีเรีย และความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน อียิปต์ และอิรัค ก็โชยมาใส่จมูกของชาวเบรุตที่กำลังเดินจูงมือกันอีกครั้ง คำถามเดิม ๆ วนกลับมาเข้ามาในใจของชาวเลบานอน แล้วเบรุตจะรอดไหม เราจะเจอคลื่นความไม่สงบ ความรุนแรงโหมใส่เราอีกครั้งไหม หรือว่ามันมาคอยเราอยู่แล้ว ตรงหัวมุมถนนอันเป็นที่รักของเราในเบรุตนี้เอง 2 ปี หลังจากการลุกฮือเหมือนนัดกันในปี ค.ศ. 2011 สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะย้อนกลับไปทางความสิ้นหวังและเปล่าเปลี่ยวเหมือนอย่างที่ผ่านมา แทบจะไม่มีประเทศใดเลยในภูมิภาคนี้ ที่ไม่เคยผจญกับสงคราม หรือความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา และก็ดูเหมือนว่า จะไม่มีประเทศไหนเลยที่มีภูมิต้านทานแข็งแรงพอ ที่จะรับมือกับการจราจลรอบใหม่ ที่อาจจะระเบิดเป็นวงกว้างไปทั่วภูมิภาค ในอนาคตอันใกล้นี้ ขบวนการที่เรียกว่า Arab Spring ดูเหมือนจะจมโคลนไปแล้ว แทนที่จะงอกงาม หรือไม่ก็ถูกต่อต้าน หรือถูกโค่น ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวภูมิภาคนี้จากสื่อฟอกย้อม คงมองเห็นว่าการต่อต้าน ลุกฮือที่เกิดขึ้นในตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย ก็คงเป็นพัฒนาการทางการเมืองตามปรกติของภูมิภาค แต่เปล่าหรอก ความไม่สงบเหล่านั้น มันเป็นหน่อใหม่ที่แตกเพิ่ม มาจากรากเหง้าของความขัดแย้ง ที่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดยั้งมา เป็นเวลาประมาณ 100 ปีแล้ว และยังไม่เห็นทีท่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างไร ยังไม่มีเหตุการณ์ใด ที่ผลของมันจะสามารถสร้างความตึงเครียดและขัดแย้ง ให้ใหม่สดเสมอ ต่อเนื่องและยาวนานในตะวันออกกลาง ได้เท่ากับผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 การสู้รบ ที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า European Civil War ที่หมายถึงช่วงเวลาความรุนแรงที่เขย่ายุโรป ตั้งแต่ ค.ศ. 1914 เป็นต้นมาและสิ้นสุดเอาปี ค.ศ. 1945 ต่อด้วยสงครามเย็น ได้จบลงเมื่อ 1990 แต่สำหรับโลกอาหรับ ความตึงเครียดของพวกเขา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันยังคงค้างคาอยู่ บรรดาชาวตะวันออกกลาง พบว่าตัวเองจำเป็นต้องไปฝึกหัดเป็นนักไต่ลวดกันถ้วนหน้า พวกเขาไม่ได้เป็นนักไต่ลวดธรรมดา เขาไต่ลวดและถือดาบไล่ฟันกันระหว่างไต่ลวดด้วย นัก (เขียน) ประวัติศาสตร์ฝรั่งบอกว่า ในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ มี 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และอิหร่าน ที่ดูเหมือนจะพอประคองตนเองให้อยู่รอดมาได้แม้จะโดนเขย่า โดนโค่นอยู่หลายครั้ง อีก 1 ประเทศ ที่ดูจะชำนาญในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แม้จะถูกบีบถูกถีบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วคือตุรกี และอีก 1 ประเทศที่แม้ไม่ถนัด ในการประคองตนเองอย่างหวาดเสียว แต่ใช้วิธีทำตัวอ่อน โอนไปตามกระแส เงินและน้ำมัน คือ Saudi Arabia ประเทศทั้ง 4 นี้ ล้อมรอบใจกลางของตะวันออกกลาง ซึ่งมี 5 ประเทศ และ 1 รัฐพิเศษ คือ เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน อีรัค อิสราเอล และปาเลสไตน์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน Fromkin เรียกกลุ่มประเทศนี้ว่า ลูก ๆ ของอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ผมอยากจะแย้งนักประวัติศาสตร์ฝรั่งทั้งหลายว่า ไม่ว่าจะเป็น 4 ประเทศข้างต้น ก็ดูเหมือนจะเอาตัวรอดยาก แม้ว่าต่างจะฝึกเป็นนักไต่ลวดกันเป็นแถว และพวกประเทศที่ฝรั่งเรียกว่าเป็นลูก ที่นักล่าอาณานิคม “สร้าง” ก็ดูจะเป็นการสร้างขึ้นมาใช้เป็น “ไม้เสี้ยม” ตะวันออกกลาง ให้แตกให้แย้งกันเองอยู่เสมอต่างหาก ไม่มีกลุ่มประเทศไหน แม้จะมีขนาดเล็กเท่ากับกลุ่มเด็กถูกเสี้ยมข้างต้น ที่จะต้องผจญภัยสงคราม การขัดแย้งทางการเมือง สงครามกลางเมือง การโค่นล้ม การก่อการร้าย ได้มากเท่าที่กลุ่มเด็กถูกเสี้ยมโดน ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้าใจความผิดปรกติของสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นี้ เราคงจะต้องตามไปรู้จักหัวหางของเหตุการณ์บางอย่างก่อน เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งความล้มเหลวของเหล่าผู้ปกครองและการเมืองในตะวันออกกลางเอง ที่ไม่สามารถจะต้านทาน หรือแก้เกมการครอบครอง และครอบงำโดยเหล่านักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะชาติอังกฤษ และที่สำคัญ การค้นพบน้ำมัน การก่อตั้งอิสราเอล ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 สค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
  • Château Christophe ตอนที่ 6
    นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 6 (ตอนจบ)
    ฝ่ายที่จู่โจมสถานกงสุลอเมริกันที่ Benghazi คาดเดากันว่าน่าจะเป็นพวกทหารอิสลาม แต่มันไม่น่าเชื่อว่า พวกเขาจะไม่รู้ว่า “ใคร” ที่อยู่ในบริเวณที่พวกเขาจัดการเผาจนเรียบวุธขนาดนั้น ถ้า Chris Stevens เป็นเป้าหมาย มันน่าจะง่ายกว่า ถ้าจะโจมตีขบวนรถเขาหรือชิงตัวเขาขณะออกไปวิ่งตอนเช้า หรือชิงตัวจากที่นัดพบและที่สำคัญ ฑูตอเมริกันที่มีชีวิตย่อมเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าฑูตที่ตายแล้ว
    แต่เพราะ Chris Stevens ถูกฆ่าตาย 56 วันก่อนมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี การตายเขาจึงกลายเป็นส่วนประกอบของฉากการเมือง ที่ทุกฝ่ายอยากเอาไปประกอบให้มีคะแนนเพิ่มขึ้น หรือเอาไปลดคะแนนคู่ต่อสู้
    รัฐบาล Obama ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่ออ้างในตอนแรกอย่างไม่มีน้ำหนักว่าการโจมตีสถานกงสุลเกิดขึ้นเพราะการประท้วงเรื่อง วีดีโอ แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนตุลาคม เมื่อ New York Times รายงานว่า ชาวพื้นเมืองบอกว่าพวกที่บุกรุกเข้าไปในสถานกงสุลเป็นพวกอิสลามที่แค้นเรื่อง วีดีโอ มันก็เลยทำให้ข้อแก้ตัวของรัฐบาลพอฟังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้หลายๆ ฝ่ายหายสงสัย
    นอกจากนี้ภาพของฑูต Stevens ที่แพร่ทางสื่อต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน มีหลายสื่อที่ออกข่าวว่า ฑูต Stevens ถูกทารุณและถูกชำเราทางทวารหนัก โดยมีภาพกึ่งเปลือยของเขาถูกชาวเมืองกำลังแบกอยู่ ในขณะที่สื่อฝั่งตะวันตก แพร่ภาพของฑูต Stevens นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและบอกเพียงว่า Stevens เสียชีวิตเพราะสำลักควัน ไม่ได้ถูกทำร้ายทารุณ เขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่หน้าผากเท่านั้น
    ข่าวนี้ออกมาใกล้เคียงกับการที่สภาสูง ของอเมริกาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการตายของ Stevens และตรวจสอบประเด็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย ผลของการตรวจสอบ ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ ข้อมูลที่ออกมาสับสนและขัดแย้งกันเอง (จนถึงทุกวันนี้) ยากแก่การลงความเห็นว่าฑูต Stevens เสียชีวิตจากการสำลักควัน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และกำลังเสริมที่อยู่ห่างไปเพียง 1.2 ไมล์ ซึ่งมาถึงช้าอย่าผิดปกติ จนบริเวณกงสุลไหม้ไปเกือบหมดแล้ว
    ขณะเดียวกันก็เริ่มมีข่าวแพร่ออกมาว่า CIA มีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของฑูต Stevens ข่าวรายงานว่า จุดยืนอย่างเป็นทางการของอเมริกา คือ ไม่มีการส่งอาวุธไปช่วยพวกกบฏในซีเรีย แต่ก็มีหลักฐานโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่าตัวแทนของอเมริกาโดยเฉพาะ ฑูต Stevens ที่เพิ่งถูกฆาตกรรมไปนั่นแหละ อย่างน้อยมีส่วนรู้เห็นกับการขนย้ายอาวุธจากลิเบียไปให้พวกกบฎ Jihadist ของซีเรีย
    เดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 นาย Stevens ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของอเมริกา เพื่อประสานงานกับ al-Qaeda-linked ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบีย โดยติดต่อโดยตรงกับ Abdelhakim Belhadj ของ Libyan Islamic Fighting Group ซึ่งกลุ่มนี้ต่อมายกเลิกไป หลังจากมีรายงานว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีกงสุลอเมริกันและทำให้นาย Stevens เสียชีวิต !
    เดือนกันยายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Time of London รายงานว่าเรือสัญชาติ Libya ขนสินค้าจำนวนมากเป็นอาวุธไปให้ซีเรีย โดยเทียบท่าที่ตุรกี รายงานข่าวว่าสินค้าหนักถึง 400 ตันนั้น มีจรวดประเภท SA-7 surface-to air anti-craft และ rocket-propelled grenade (ขีปนาวุธ ประเภทขับเคลื่อน) จำนวนมาก อาวุธทั้งหมดน่าจะมาจากส่วนที่ เก็บอยู่ในกองทัพของ Qaddafi ซึ่งมีประมาณ 20,000 ชิ้น สื่อ Reuters รายงานว่าฝ่ายกบฎซีเรีย ใช้อาวุธเหล่านี้ ยิงเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย
    เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Telegraph รายงานว่า Belhadj ในฐานะหัวหน้า Tripoli Military Council ได้พบกับบรรดาหัวหน้าของ Free Serian Army (FSA) ที่ Istanbul และแถบชายแดนของตุรกี โดยเป็นความพยายามของรัฐบาลใหม่ของลิเบียที่จะให้ความสนับสนุนทางด้านเงินและอาวุธแก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกำลังเริ่มเกิดขึ้น
    นี่หมายความว่า ฑูต Stevens มีบุคคลเดียว คือ Belhadj ที่โยงระหว่างเขากับคน Benghazi ที่ขนอาวุธให้กบฎซีเรีย และถ้ารัฐบาลใหม่ของลิเบีย ส่งอาวุธให้กับกบฎซีเรีย ผ่านทางท่าเรือของตุรกี โดยมี Stevens เป็นตัวกลางให้กับพวกกบฎลิเบีย รัฐบาลตุรกีและรัฐบาลอเมริกันก็น่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย
    และอย่าลืมว่า มีหน่วยงานที่ขึ้นกับ CIA ประจำอยู่ที่เมือง Benghazi ซึ่งห่างจากสถานกงสุลแค่ 1.2 ไมล์ หน่วยงานนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของการกระจายอาวุธที่ยึดมาจากรัฐบาลลิเบีย และปฏิบัติภาระกิจอะไรอีกบ้าง ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เป็นที่รู้กันว่า การรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานนี้ หนาแน่นมั่นคงและมีอาวุธที่ก้าวหน้าว่าที่สถานกงสุลมากนัก
    มาถึงจุดนี้มันค่อนข้างชัดเจนว่า อเมริกาต้องมีอะไรซ่อนอยู่ที่ Benghazi มันถึงทำให้รายงาน ต่าง ๆ สับสน และเมื่อถูกสอบถาม คุณนาย Clinton ถึงกับลมจับใบ้รับประทาน
    อย่าลืมว่านัดสุดท้ายของฑูต Stevens เมื่อวันที่ 11 กันยายน คือ การพบกับกงสุลตุรกี ชื่อ General Ali Sait Akin ซึ่ง Fox News บอกว่าเพื่อเป็นการเจรจาเกี่ยว กับการส่งมอบ ขีปนาวุธ SA-7 Business Insider รายงานเพิ่มว่า Stevens และลูกน้องเขา ทำหน้าที่เป็น “diplomatic cover” ให้แก่ CIA จากจำนวน 30 คน ที่อพยพมาจาก Benghazi มีเพียง 7 คน เท่านั้นที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศและถ้า Stevens รู้ว่าอาวุธที่ส่งให้กบฎซีเรียมาจากไหน จะเป็นไปได้หรือที่ CIA จะไม่รู้ ไม่เห็นด้วย มันคงจะเป็นเรื่องที่ทำให้วอชิงตันลำบากใจอย่างยิ่ง ในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
    ไม่ว่าจะมีข่าวออกไปทางใด การตายของนาย Stevens คงจะเป็นปริศนาค้างคาอยู่กันต่อไป แต่จากเรื่องที่สื่อต่างชาติเขียนมานี้ น่าจะทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่างว่า อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร
    ในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ละประเทศต่างก็ส่งคนของตนไปทั่วโลก เพื่อหาข้อมูลและเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศตน และแน่นอนที่สุด เพื่อสร้างมิตร สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน การที่อเมริกันเข้าไปในบ้านเมืองอื่นๆ ด้วยวิธีการอย่างที่อเมริกาเข้าไปในลิเบีย หรือส่งของขวัญพิเศษให้กับกบฎซีเรีย หรือที่กำลังทำอยู่ในหลายๆประเทศ และรวมทั้งที่กำลังทำอยู่กับราช อาณาจักรไทยด้วยนั้น การฑูตผ่านรั้วสูง กำแพงเหล็ก โกหก จุ้นจ้าน จาบจ้วง ทวงบุญคุณ และการส่ง “ของขวัญ” แบบพิเศษนี้ ฯลฯ คงจะสร้าง หรือรักษา “มิตร” ได้ยาก
    คนเล่านิทาน
7 มิย. 57
    Château Christophe ตอนที่ 6 นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 6 (ตอนจบ) ฝ่ายที่จู่โจมสถานกงสุลอเมริกันที่ Benghazi คาดเดากันว่าน่าจะเป็นพวกทหารอิสลาม แต่มันไม่น่าเชื่อว่า พวกเขาจะไม่รู้ว่า “ใคร” ที่อยู่ในบริเวณที่พวกเขาจัดการเผาจนเรียบวุธขนาดนั้น ถ้า Chris Stevens เป็นเป้าหมาย มันน่าจะง่ายกว่า ถ้าจะโจมตีขบวนรถเขาหรือชิงตัวเขาขณะออกไปวิ่งตอนเช้า หรือชิงตัวจากที่นัดพบและที่สำคัญ ฑูตอเมริกันที่มีชีวิตย่อมเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าฑูตที่ตายแล้ว แต่เพราะ Chris Stevens ถูกฆ่าตาย 56 วันก่อนมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี การตายเขาจึงกลายเป็นส่วนประกอบของฉากการเมือง ที่ทุกฝ่ายอยากเอาไปประกอบให้มีคะแนนเพิ่มขึ้น หรือเอาไปลดคะแนนคู่ต่อสู้ รัฐบาล Obama ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่ออ้างในตอนแรกอย่างไม่มีน้ำหนักว่าการโจมตีสถานกงสุลเกิดขึ้นเพราะการประท้วงเรื่อง วีดีโอ แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนตุลาคม เมื่อ New York Times รายงานว่า ชาวพื้นเมืองบอกว่าพวกที่บุกรุกเข้าไปในสถานกงสุลเป็นพวกอิสลามที่แค้นเรื่อง วีดีโอ มันก็เลยทำให้ข้อแก้ตัวของรัฐบาลพอฟังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้หลายๆ ฝ่ายหายสงสัย นอกจากนี้ภาพของฑูต Stevens ที่แพร่ทางสื่อต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน มีหลายสื่อที่ออกข่าวว่า ฑูต Stevens ถูกทารุณและถูกชำเราทางทวารหนัก โดยมีภาพกึ่งเปลือยของเขาถูกชาวเมืองกำลังแบกอยู่ ในขณะที่สื่อฝั่งตะวันตก แพร่ภาพของฑูต Stevens นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและบอกเพียงว่า Stevens เสียชีวิตเพราะสำลักควัน ไม่ได้ถูกทำร้ายทารุณ เขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่หน้าผากเท่านั้น ข่าวนี้ออกมาใกล้เคียงกับการที่สภาสูง ของอเมริกาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการตายของ Stevens และตรวจสอบประเด็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย ผลของการตรวจสอบ ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ ข้อมูลที่ออกมาสับสนและขัดแย้งกันเอง (จนถึงทุกวันนี้) ยากแก่การลงความเห็นว่าฑูต Stevens เสียชีวิตจากการสำลักควัน โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และกำลังเสริมที่อยู่ห่างไปเพียง 1.2 ไมล์ ซึ่งมาถึงช้าอย่าผิดปกติ จนบริเวณกงสุลไหม้ไปเกือบหมดแล้ว ขณะเดียวกันก็เริ่มมีข่าวแพร่ออกมาว่า CIA มีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของฑูต Stevens ข่าวรายงานว่า จุดยืนอย่างเป็นทางการของอเมริกา คือ ไม่มีการส่งอาวุธไปช่วยพวกกบฏในซีเรีย แต่ก็มีหลักฐานโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่าตัวแทนของอเมริกาโดยเฉพาะ ฑูต Stevens ที่เพิ่งถูกฆาตกรรมไปนั่นแหละ อย่างน้อยมีส่วนรู้เห็นกับการขนย้ายอาวุธจากลิเบียไปให้พวกกบฎ Jihadist ของซีเรีย เดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 นาย Stevens ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของอเมริกา เพื่อประสานงานกับ al-Qaeda-linked ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบีย โดยติดต่อโดยตรงกับ Abdelhakim Belhadj ของ Libyan Islamic Fighting Group ซึ่งกลุ่มนี้ต่อมายกเลิกไป หลังจากมีรายงานว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีกงสุลอเมริกันและทำให้นาย Stevens เสียชีวิต ! เดือนกันยายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Time of London รายงานว่าเรือสัญชาติ Libya ขนสินค้าจำนวนมากเป็นอาวุธไปให้ซีเรีย โดยเทียบท่าที่ตุรกี รายงานข่าวว่าสินค้าหนักถึง 400 ตันนั้น มีจรวดประเภท SA-7 surface-to air anti-craft และ rocket-propelled grenade (ขีปนาวุธ ประเภทขับเคลื่อน) จำนวนมาก อาวุธทั้งหมดน่าจะมาจากส่วนที่ เก็บอยู่ในกองทัพของ Qaddafi ซึ่งมีประมาณ 20,000 ชิ้น สื่อ Reuters รายงานว่าฝ่ายกบฎซีเรีย ใช้อาวุธเหล่านี้ ยิงเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หนังสือพิมพ์ Telegraph รายงานว่า Belhadj ในฐานะหัวหน้า Tripoli Military Council ได้พบกับบรรดาหัวหน้าของ Free Serian Army (FSA) ที่ Istanbul และแถบชายแดนของตุรกี โดยเป็นความพยายามของรัฐบาลใหม่ของลิเบียที่จะให้ความสนับสนุนทางด้านเงินและอาวุธแก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกำลังเริ่มเกิดขึ้น นี่หมายความว่า ฑูต Stevens มีบุคคลเดียว คือ Belhadj ที่โยงระหว่างเขากับคน Benghazi ที่ขนอาวุธให้กบฎซีเรีย และถ้ารัฐบาลใหม่ของลิเบีย ส่งอาวุธให้กับกบฎซีเรีย ผ่านทางท่าเรือของตุรกี โดยมี Stevens เป็นตัวกลางให้กับพวกกบฎลิเบีย รัฐบาลตุรกีและรัฐบาลอเมริกันก็น่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย และอย่าลืมว่า มีหน่วยงานที่ขึ้นกับ CIA ประจำอยู่ที่เมือง Benghazi ซึ่งห่างจากสถานกงสุลแค่ 1.2 ไมล์ หน่วยงานนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของการกระจายอาวุธที่ยึดมาจากรัฐบาลลิเบีย และปฏิบัติภาระกิจอะไรอีกบ้าง ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เป็นที่รู้กันว่า การรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานนี้ หนาแน่นมั่นคงและมีอาวุธที่ก้าวหน้าว่าที่สถานกงสุลมากนัก มาถึงจุดนี้มันค่อนข้างชัดเจนว่า อเมริกาต้องมีอะไรซ่อนอยู่ที่ Benghazi มันถึงทำให้รายงาน ต่าง ๆ สับสน และเมื่อถูกสอบถาม คุณนาย Clinton ถึงกับลมจับใบ้รับประทาน อย่าลืมว่านัดสุดท้ายของฑูต Stevens เมื่อวันที่ 11 กันยายน คือ การพบกับกงสุลตุรกี ชื่อ General Ali Sait Akin ซึ่ง Fox News บอกว่าเพื่อเป็นการเจรจาเกี่ยว กับการส่งมอบ ขีปนาวุธ SA-7 Business Insider รายงานเพิ่มว่า Stevens และลูกน้องเขา ทำหน้าที่เป็น “diplomatic cover” ให้แก่ CIA จากจำนวน 30 คน ที่อพยพมาจาก Benghazi มีเพียง 7 คน เท่านั้นที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศและถ้า Stevens รู้ว่าอาวุธที่ส่งให้กบฎซีเรียมาจากไหน จะเป็นไปได้หรือที่ CIA จะไม่รู้ ไม่เห็นด้วย มันคงจะเป็นเรื่องที่ทำให้วอชิงตันลำบากใจอย่างยิ่ง ในการตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะมีข่าวออกไปทางใด การตายของนาย Stevens คงจะเป็นปริศนาค้างคาอยู่กันต่อไป แต่จากเรื่องที่สื่อต่างชาติเขียนมานี้ น่าจะทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่างว่า อเมริกาแท้จริงเป็นอย่างไร ในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ละประเทศต่างก็ส่งคนของตนไปทั่วโลก เพื่อหาข้อมูลและเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประเทศตน และแน่นอนที่สุด เพื่อสร้างมิตร สร้างสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน การที่อเมริกันเข้าไปในบ้านเมืองอื่นๆ ด้วยวิธีการอย่างที่อเมริกาเข้าไปในลิเบีย หรือส่งของขวัญพิเศษให้กับกบฎซีเรีย หรือที่กำลังทำอยู่ในหลายๆประเทศ และรวมทั้งที่กำลังทำอยู่กับราช อาณาจักรไทยด้วยนั้น การฑูตผ่านรั้วสูง กำแพงเหล็ก โกหก จุ้นจ้าน จาบจ้วง ทวงบุญคุณ และการส่ง “ของขวัญ” แบบพิเศษนี้ ฯลฯ คงจะสร้าง หรือรักษา “มิตร” ได้ยาก คนเล่านิทาน
7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 649 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ICE ใช้ ‘Stingray’ ดักสัญญาณมือถือกลางเมือง! เครื่องมือลับที่ตามหาผู้ต้องสงสัย แต่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชนรอบข้าง”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินอยู่ในเมือง แล้วมือถือของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ดูเหมือนเป็นของผู้ให้บริการ…แต่จริงๆ แล้วมันคือเครื่องดักสัญญาณที่รัฐบาลใช้ติดตามผู้ต้องสงสัย — นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสหรัฐฯ เมื่อ ICE (สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร) กลับมาใช้เทคโนโลยี “Stingray” หรือ cell-site simulator อีกครั้งในการตามหาผู้หลบหนีจากการเนรเทศ

    Stingray คืออุปกรณ์ที่ปลอมตัวเป็นเสาสัญญาณมือถือ เพื่อหลอกให้โทรศัพท์ของเป้าหมายเชื่อมต่อเข้ามา เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เจ้าหน้าที่สามารถระบุตำแหน่งของอุปกรณ์นั้นได้อย่างแม่นยำ แต่ปัญหาคือ…โทรศัพท์ของคนทั่วไปที่อยู่ในบริเวณเดียวกันก็อาจถูกดักข้อมูลไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

    ในกรณีล่าสุด ICE ได้ขอหมายค้นเพื่อใช้ Stingray ติดตามผู้ต้องสงสัยในเมือง Orem รัฐ Utah ซึ่งเคยถูกสั่งเนรเทศในปี 2023 แต่ยังคงอยู่ในประเทศ และมีประวัติหลบหนีจากเรือนจำในเวเนซุเอลา รวมถึงพัวพันกับแก๊งอาชญากรรม

    แม้จะมีการขอหมายค้นเพื่อระบุตำแหน่งเบื้องต้นจากผู้ให้บริการมือถือ แต่ข้อมูลที่ได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 30 บล็อก ทำให้ต้องใช้ Stingray เพื่อระบุตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยยังไม่แน่ชัดว่าผู้ต้องสงสัยถูกจับได้หรือไม่

    ที่น่าจับตามองคือ ICE ได้ซื้อ “รถดักสัญญาณมือถือ” มูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม และยังมีสัญญากับบริษัทผู้ผลิต Stingray อย่าง Harris Corporation มูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลปัจจุบัน

    การใช้งาน Stingray โดย ICE
    Stingray เป็นอุปกรณ์ที่ปลอมตัวเป็นเสาสัญญาณมือถือ
    เมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อ เจ้าหน้าที่สามารถระบุตำแหน่งได้
    ใช้ในการติดตามผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีจากการเนรเทศ
    ล่าสุดใช้ในเมือง Orem, Utah เพื่อตามหาผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม

    ข้อมูลจากหมายค้นและการติดตาม
    ผู้ต้องสงสัยเคยหลบหนีจากเรือนจำในเวเนซุเอลา
    มีประวัติเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรม
    การติดตามเบื้องต้นครอบคลุมพื้นที่ 30 บล็อก
    ต้องใช้ Stingray เพื่อระบุตำแหน่งที่แม่นยำ

    การลงทุนด้านเทคโนโลยีของ ICE
    ซื้อรถดักสัญญาณมือถือมูลค่า $1 ล้านในเดือนพฤษภาคม
    มีสัญญากับ Harris Corporation มูลค่า $4.4 ล้าน
    สัญญาเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2024–2025
    แสดงถึงการผลักดันการใช้เทคโนโลยีติดตามแบบเคลื่อนที่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Stingray เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักในยุครัฐบาลก่อนหน้า
    อุปกรณ์นี้สามารถดักข้อมูลจากโทรศัพท์ใกล้เคียงโดยไม่เลือกเป้าหมาย
    ใช้เทคนิค IMSI-catcher เพื่อดึงข้อมูลหมายเลขอุปกรณ์
    สามารถบังคับให้โทรศัพท์ลดระดับความปลอดภัยของการเชื่อมต่อ

    https://www.forbes.com/sites/the-wiretap/2025/09/09/how-ice-is-using-fake-cell-towers-to-spy-on-peoples-phones/
    📡 “ICE ใช้ ‘Stingray’ ดักสัญญาณมือถือกลางเมือง! เครื่องมือลับที่ตามหาผู้ต้องสงสัย แต่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชนรอบข้าง” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินอยู่ในเมือง แล้วมือถือของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ดูเหมือนเป็นของผู้ให้บริการ…แต่จริงๆ แล้วมันคือเครื่องดักสัญญาณที่รัฐบาลใช้ติดตามผู้ต้องสงสัย — นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสหรัฐฯ เมื่อ ICE (สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร) กลับมาใช้เทคโนโลยี “Stingray” หรือ cell-site simulator อีกครั้งในการตามหาผู้หลบหนีจากการเนรเทศ Stingray คืออุปกรณ์ที่ปลอมตัวเป็นเสาสัญญาณมือถือ เพื่อหลอกให้โทรศัพท์ของเป้าหมายเชื่อมต่อเข้ามา เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เจ้าหน้าที่สามารถระบุตำแหน่งของอุปกรณ์นั้นได้อย่างแม่นยำ แต่ปัญหาคือ…โทรศัพท์ของคนทั่วไปที่อยู่ในบริเวณเดียวกันก็อาจถูกดักข้อมูลไปด้วยโดยไม่รู้ตัว ในกรณีล่าสุด ICE ได้ขอหมายค้นเพื่อใช้ Stingray ติดตามผู้ต้องสงสัยในเมือง Orem รัฐ Utah ซึ่งเคยถูกสั่งเนรเทศในปี 2023 แต่ยังคงอยู่ในประเทศ และมีประวัติหลบหนีจากเรือนจำในเวเนซุเอลา รวมถึงพัวพันกับแก๊งอาชญากรรม แม้จะมีการขอหมายค้นเพื่อระบุตำแหน่งเบื้องต้นจากผู้ให้บริการมือถือ แต่ข้อมูลที่ได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 30 บล็อก ทำให้ต้องใช้ Stingray เพื่อระบุตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยยังไม่แน่ชัดว่าผู้ต้องสงสัยถูกจับได้หรือไม่ ที่น่าจับตามองคือ ICE ได้ซื้อ “รถดักสัญญาณมือถือ” มูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม และยังมีสัญญากับบริษัทผู้ผลิต Stingray อย่าง Harris Corporation มูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลปัจจุบัน ✅ การใช้งาน Stingray โดย ICE ➡️ Stingray เป็นอุปกรณ์ที่ปลอมตัวเป็นเสาสัญญาณมือถือ ➡️ เมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อ เจ้าหน้าที่สามารถระบุตำแหน่งได้ ➡️ ใช้ในการติดตามผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีจากการเนรเทศ ➡️ ล่าสุดใช้ในเมือง Orem, Utah เพื่อตามหาผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม ✅ ข้อมูลจากหมายค้นและการติดตาม ➡️ ผู้ต้องสงสัยเคยหลบหนีจากเรือนจำในเวเนซุเอลา ➡️ มีประวัติเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรม ➡️ การติดตามเบื้องต้นครอบคลุมพื้นที่ 30 บล็อก ➡️ ต้องใช้ Stingray เพื่อระบุตำแหน่งที่แม่นยำ ✅ การลงทุนด้านเทคโนโลยีของ ICE ➡️ ซื้อรถดักสัญญาณมือถือมูลค่า $1 ล้านในเดือนพฤษภาคม ➡️ มีสัญญากับ Harris Corporation มูลค่า $4.4 ล้าน ➡️ สัญญาเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2024–2025 ➡️ แสดงถึงการผลักดันการใช้เทคโนโลยีติดตามแบบเคลื่อนที่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Stingray เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักในยุครัฐบาลก่อนหน้า ➡️ อุปกรณ์นี้สามารถดักข้อมูลจากโทรศัพท์ใกล้เคียงโดยไม่เลือกเป้าหมาย ➡️ ใช้เทคนิค IMSI-catcher เพื่อดึงข้อมูลหมายเลขอุปกรณ์ ➡️ สามารถบังคับให้โทรศัพท์ลดระดับความปลอดภัยของการเชื่อมต่อ https://www.forbes.com/sites/the-wiretap/2025/09/09/how-ice-is-using-fake-cell-towers-to-spy-on-peoples-phones/
    WWW.FORBES.COM
    How ICE Is Using Fake Cell Towers To Spy On People’s Phones
    ICE is using a controversial spy tool to locate smartphones, court records show.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • มันคงรักของมันมาก.,แบบไม่ลืมหูลืมตาลืมปาก.
    คนลักษณะอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างมาก แบบเขมรนั้นล่ะ ,กล้าหาญออกคลิปบอกทหารไทยตายเป็นพัน รีบมาเก็บศพทหารไทยที่ฝั่งเขมรสะมันว่า,ไม่กล้าเข้ามาคงกลัวทหารเขมรยิงล่ะสิ โน้นล่ะมันว่า,คือปิดหูปิดตาความจริงโคตรๆ ไม่พยายามสืบหาความจริงอะไรเลย.พวกแบบนี้รกโลก รกประเทศไทยด้วย สามารถสร้างความแตกแยกโกลาหลและก่ออาชญากรรมได้ง่ายเพราะบ้าคลั่งในสิ่งนั้น ใครไม่ชอบไม่รักว่ากล่าวให้ มันอาจทำร้ายก่อเหตุฆาตกรรมอีกคนได้หรือสาระพัดสร้างเหตุสร้างผลให้บ้านเมืองวุ่นวายในบทบาทหน้าที่มันอีก มีมุกสาระพัดก็ว่า แบบนักวิชาการ ถ้าชอบมากก็เชียร์แก้ต่างทางวิชาการให้ ถ้าเป็นทนายชอบคือชอบคลั่งทั้งตัวทั้งได้ตังด้วย ก็มีวาทะทางวลีบาลีคำอวยทางข้อกฎหมายได้อีก.,คนพวกนี้จึงอันตรายและเป็นภัยได้.




    https://youtube.com/shorts/PZ5uwL2Jc60?si=2gOvl5O9WRYRDPXP
    มันคงรักของมันมาก.,แบบไม่ลืมหูลืมตาลืมปาก. คนลักษณะอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างมาก แบบเขมรนั้นล่ะ ,กล้าหาญออกคลิปบอกทหารไทยตายเป็นพัน รีบมาเก็บศพทหารไทยที่ฝั่งเขมรสะมันว่า,ไม่กล้าเข้ามาคงกลัวทหารเขมรยิงล่ะสิ โน้นล่ะมันว่า,คือปิดหูปิดตาความจริงโคตรๆ ไม่พยายามสืบหาความจริงอะไรเลย.พวกแบบนี้รกโลก รกประเทศไทยด้วย สามารถสร้างความแตกแยกโกลาหลและก่ออาชญากรรมได้ง่ายเพราะบ้าคลั่งในสิ่งนั้น ใครไม่ชอบไม่รักว่ากล่าวให้ มันอาจทำร้ายก่อเหตุฆาตกรรมอีกคนได้หรือสาระพัดสร้างเหตุสร้างผลให้บ้านเมืองวุ่นวายในบทบาทหน้าที่มันอีก มีมุกสาระพัดก็ว่า แบบนักวิชาการ ถ้าชอบมากก็เชียร์แก้ต่างทางวิชาการให้ ถ้าเป็นทนายชอบคือชอบคลั่งทั้งตัวทั้งได้ตังด้วย ก็มีวาทะทางวลีบาลีคำอวยทางข้อกฎหมายได้อีก.,คนพวกนี้จึงอันตรายและเป็นภัยได้. https://youtube.com/shorts/PZ5uwL2Jc60?si=2gOvl5O9WRYRDPXP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง?

    รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม

    เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ

    รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ
    ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม

    เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์
    นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน

    การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ
    ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม

    รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่
    เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว

    การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ
    สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR

    กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน
    เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง

    เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล
    เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม

    LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล
    เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย

    การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที
    เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น

    https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    🚐🧠 รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง? รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง ✅ รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ ➡️ ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม ✅ เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ ➡️ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน ✅ การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ ➡️ ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม ✅ รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ ➡️ เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ✅ การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ ➡️ สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR ✅ กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน ➡️ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง ✅ เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล ➡️ เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม ✅ LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล ➡️ เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย ✅ การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที ➡️ เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ✅ มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    NEWS.SKY.COM
    Facial recognition vans to be rolled out across police forces in England
    Ten live facial recognition vans will be deployed - but human rights groups argue the tech is "dangerous and discriminatory".
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 643 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts