• "เราจะผ่านไปด้วยกัน"

    วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น

    แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน

    อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568

    #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand 🎶✊💙
    "เราจะผ่านไปด้วยกัน" วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568 #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand 🎶✊💙
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    ✅ มีไข้
    ✅ ไอแห้ง
    ✅ หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ✅ ล้างมือบ่อยๆ
    ✅ สวมหน้ากากอนามัย
    ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม
    ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    📚 ผลกระทบต่อการศึกษา
    🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง
    📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครพนม ​- หวย 12 ล้านบาทที่นครพนมเริ่มอลเวง "ผู้กองเข้ม" แจ้งจับ "ยายแหล่" ฐานยักยอกทรัพย์ ยันไม่ได้แบ่งล็อตเตอรี่ 1 ใบให้เพื่อจ่ายหนี้ค่าลาบ 120 บาท แค่ฝากไว้และตกลงกันถ้าถูกจะแบ่งคนละครึ่ง 3 ล้าน พอหวยออกตามทวงถามกลับหนีหาย ล่าสุดทราบว่าขึ้นเงินแล้วไปอิตาลี ส่วนผู้กองก็โดนทวงหนี้เหมือนกัน

    จากกรณีนางบุญล้อม มิควาฬ อายุ 68 ปี หรือ ยายแหล่ เจ้าของร้านลาบก้อยยายใน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกลอตเตอรี่ หมายเลข 807777 งวดวันที่ 17 ม.ค.68 ได้เงินรางวัล 6 ล้านบาท อ้างว่าลอตเตอรี่ใบนี้ ผู้กองเข้มนำมาใช้หนี้ติดค่าลาบก้อย 120 บาท โดยนำมาขึ้นเงินรางวัลที่ร้านทองแห่งหนึ่ง อ.ธาตุพนม ขณะที่ผู้กองเข้ม ก็ได้นำสลากที่ถูกรางวัลมาขึ้นเงินที่ร้านทองเดียวกัน

    ความคืบหน้า วันนี้( 21 ม.ค.) ร.ต.อ.ฐิติพัฒน์ พัฒนภูมิเศรษฐ์ อายุ 65 ปี หรือ ผู้กองเข้ม อดีตตำรวจ ตชด.235 นำหวยที่ซื้อ 7 ใบในจำนวน 9 ใบที่สลักหลังชื่อเข้มมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเปิดเผยว่า ตนได้ไปซื้อลอตเตอรี่กับแม่ค้าเร่ ขี่จักรยานมาขายให้ที่บ้านหนองหอย ซื้อทั้งหมด 9 ใบเป็นเลขชุด 2 ใบเลขเดี่ยว 1 ใบ เป็นเงิน 900 บาท ในจำนวนนี้มีถูกรางวัลที่ 1 รวม 2 ใบมูลค่า 12 ล้านบาท ตรวจดูวันประกาศผลรางวัลในแอปพิเคชั่นทางโทรศัพท์ช่วง 5 โมงเย็นจึงรู้ว่าถูกได้โชคก้อนใหญ่ จึงรีบนำลอตเตอรี่ที่ถูก 1 ใบมาแจ้งความไว้ที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อเป็นหลักฐาน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000006469

    #MGROnline #นครพนม ​#หวย #12ล้านบาท #นครพนม #ผู้กองเข้ม #ยายแหล่ #ค่าลาบ
    นครพนม ​- หวย 12 ล้านบาทที่นครพนมเริ่มอลเวง "ผู้กองเข้ม" แจ้งจับ "ยายแหล่" ฐานยักยอกทรัพย์ ยันไม่ได้แบ่งล็อตเตอรี่ 1 ใบให้เพื่อจ่ายหนี้ค่าลาบ 120 บาท แค่ฝากไว้และตกลงกันถ้าถูกจะแบ่งคนละครึ่ง 3 ล้าน พอหวยออกตามทวงถามกลับหนีหาย ล่าสุดทราบว่าขึ้นเงินแล้วไปอิตาลี ส่วนผู้กองก็โดนทวงหนี้เหมือนกัน • จากกรณีนางบุญล้อม มิควาฬ อายุ 68 ปี หรือ ยายแหล่ เจ้าของร้านลาบก้อยยายใน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกลอตเตอรี่ หมายเลข 807777 งวดวันที่ 17 ม.ค.68 ได้เงินรางวัล 6 ล้านบาท อ้างว่าลอตเตอรี่ใบนี้ ผู้กองเข้มนำมาใช้หนี้ติดค่าลาบก้อย 120 บาท โดยนำมาขึ้นเงินรางวัลที่ร้านทองแห่งหนึ่ง อ.ธาตุพนม ขณะที่ผู้กองเข้ม ก็ได้นำสลากที่ถูกรางวัลมาขึ้นเงินที่ร้านทองเดียวกัน • ความคืบหน้า วันนี้( 21 ม.ค.) ร.ต.อ.ฐิติพัฒน์ พัฒนภูมิเศรษฐ์ อายุ 65 ปี หรือ ผู้กองเข้ม อดีตตำรวจ ตชด.235 นำหวยที่ซื้อ 7 ใบในจำนวน 9 ใบที่สลักหลังชื่อเข้มมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเปิดเผยว่า ตนได้ไปซื้อลอตเตอรี่กับแม่ค้าเร่ ขี่จักรยานมาขายให้ที่บ้านหนองหอย ซื้อทั้งหมด 9 ใบเป็นเลขชุด 2 ใบเลขเดี่ยว 1 ใบ เป็นเงิน 900 บาท ในจำนวนนี้มีถูกรางวัลที่ 1 รวม 2 ใบมูลค่า 12 ล้านบาท ตรวจดูวันประกาศผลรางวัลในแอปพิเคชั่นทางโทรศัพท์ช่วง 5 โมงเย็นจึงรู้ว่าถูกได้โชคก้อนใหญ่ จึงรีบนำลอตเตอรี่ที่ถูก 1 ใบมาแจ้งความไว้ที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อเป็นหลักฐาน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000006469 • #MGROnline #นครพนม ​#หวย #12ล้านบาท #นครพนม #ผู้กองเข้ม #ยายแหล่ #ค่าลาบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุมพร - ตำรวจส่งตัว กานต์ซ้อมเมีย พร้อมแม่ ให้อัยการจังหวัดชุมพร ส่งฟ้องต่อศาล เปิดใจอีกครั้งยอมรับผิดทั้งหมด ผมพลาดไปแล้ว พร้อมโต้ขณะก่อเหตุไม่ได้เมาหรือเสพยาเสพติด ตำรวจตรวจแล้วไม่พบสารใด ๆ ส่วนแม่เผยถูกทัวร์ลงยับ เชื่อว่าลูกสะใภ้ตั้งใจยั่วยุลูกชายให้เกิดความรุนแรง

    เมื่อเวลา เวลา 10.30 น.วันที่ 1 ม.ค.68 ที่หน้าสำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร นางสาวกาญจนา แตงเลี่ยน และ นายธนกานต์ แตงเลี่ยน ผู้ต้องหาสองแม่ลูกเดินทางมาตามนัดหมายกับพนักงานสอบสวน เพื่อส่งตัวและสำนวนการสอบสวนต่อการ เพื่อส่งฟ้อศาลจังหวัดชุมพร โดยนายธนกานต์ถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และนางกาญจนาผู้เป็นแม่ ถูกดำเนินคดีข้อหาข่มขู่ผู้อื่นให้เกิดความกลัว ซึ่งในทางคดีความ เมื่อแม่ลูกสองคนเข้าพบอัยการจังหวัดชุมพรแล้ว ทางอัยการก็จะส่งฟ้องต่อให้ศาลต่อไป

    นายธนกานต์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอีกครั้งก่อนขึ้นไปพบกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร ว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นต้องขอโทษ ผมทำพลาดไปแล้วผมต้องขอโทษจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดแต่ว่าผมพยายามให้เขาออกจากบ้านไป ทั้ง ๆ ที่เราหย่ากันแล้วและผมไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อีก แต่เค้าก็ยังมาใช้นิสัยแบบเดิมยังด่าแม่ผม ผมยอมรับว่าผมใช้แต่อารมณ์ แต่ในส่วนลูกผมก็ยังจะดูแลเหมือนเดิม เพราะสิทธิ์หลังใบหย่าผมก็ยังดูแลคนละครึ่ง

    แม้เวลาจะผ่านไปผมก็ยังอยากได้ลูกเหมือนเดิม อยากได้สิทธิ์รับเลี้ยงลูก สำหรับลูกนั้นผมไม่เคยขึ้นเสียง หรือทำอะไรให้ลูกตกใจ ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับลูกเลย แต่การกระทำในวันนั้น ผมไม่ได้มึนเมาและไม่ได้เสพสารเสพติดใด ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวไปตรวจสอบสารเสพติดภายในร่างกาย ผลออกมาก็ไม่สารเสพติดใด ๆ ในร่างกายเลย หลังจากนี้ก็จะขอให้เป็นไปตามกระบวนทางกฎหมาย ผมยอมรับทุกข้อกล่าวหา ทุกอย่างผมผิดเองครับผมพลาดไปแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9680000000136

    #MGROnline #กานต์ซ้อมเมีย
    ชุมพร - ตำรวจส่งตัว กานต์ซ้อมเมีย พร้อมแม่ ให้อัยการจังหวัดชุมพร ส่งฟ้องต่อศาล เปิดใจอีกครั้งยอมรับผิดทั้งหมด ผมพลาดไปแล้ว พร้อมโต้ขณะก่อเหตุไม่ได้เมาหรือเสพยาเสพติด ตำรวจตรวจแล้วไม่พบสารใด ๆ ส่วนแม่เผยถูกทัวร์ลงยับ เชื่อว่าลูกสะใภ้ตั้งใจยั่วยุลูกชายให้เกิดความรุนแรง • เมื่อเวลา เวลา 10.30 น.วันที่ 1 ม.ค.68 ที่หน้าสำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร นางสาวกาญจนา แตงเลี่ยน และ นายธนกานต์ แตงเลี่ยน ผู้ต้องหาสองแม่ลูกเดินทางมาตามนัดหมายกับพนักงานสอบสวน เพื่อส่งตัวและสำนวนการสอบสวนต่อการ เพื่อส่งฟ้อศาลจังหวัดชุมพร โดยนายธนกานต์ถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และนางกาญจนาผู้เป็นแม่ ถูกดำเนินคดีข้อหาข่มขู่ผู้อื่นให้เกิดความกลัว ซึ่งในทางคดีความ เมื่อแม่ลูกสองคนเข้าพบอัยการจังหวัดชุมพรแล้ว ทางอัยการก็จะส่งฟ้องต่อให้ศาลต่อไป • นายธนกานต์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอีกครั้งก่อนขึ้นไปพบกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานอัยการจังหวัดชุมพร ว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นต้องขอโทษ ผมทำพลาดไปแล้วผมต้องขอโทษจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดแต่ว่าผมพยายามให้เขาออกจากบ้านไป ทั้ง ๆ ที่เราหย่ากันแล้วและผมไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อีก แต่เค้าก็ยังมาใช้นิสัยแบบเดิมยังด่าแม่ผม ผมยอมรับว่าผมใช้แต่อารมณ์ แต่ในส่วนลูกผมก็ยังจะดูแลเหมือนเดิม เพราะสิทธิ์หลังใบหย่าผมก็ยังดูแลคนละครึ่ง • แม้เวลาจะผ่านไปผมก็ยังอยากได้ลูกเหมือนเดิม อยากได้สิทธิ์รับเลี้ยงลูก สำหรับลูกนั้นผมไม่เคยขึ้นเสียง หรือทำอะไรให้ลูกตกใจ ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับลูกเลย แต่การกระทำในวันนั้น ผมไม่ได้มึนเมาและไม่ได้เสพสารเสพติดใด ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวไปตรวจสอบสารเสพติดภายในร่างกาย ผลออกมาก็ไม่สารเสพติดใด ๆ ในร่างกายเลย หลังจากนี้ก็จะขอให้เป็นไปตามกระบวนทางกฎหมาย ผมยอมรับทุกข้อกล่าวหา ทุกอย่างผมผิดเองครับผมพลาดไปแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9680000000136 • #MGROnline #กานต์ซ้อมเมีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถไฟ ECRL มาเลย์ฯ-จีนแบกคนละครึ่ง

    โครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย หรือ ECRL (East Coast Rail Link) ระยะทาง 665 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 50,270 ล้านริงกิต อาจเรียกว่ากำลังจะเป็นรถไฟมาเลย์ฯ-จีนก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. บริษัท มาเลเซีย เรล ลิงก์ (MRL) และบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน อีซีอาร์แอล (CCCECRL) ประเทศจีน ได้ทำพิธีลงนามการออกแบบภายนอกขบวนรถรถไฟฟ้าอีเอ็มยู (EMU) ตามข้อตกลงร่วมทุนด้านการดำเนินงานและการบำรุงรักษาของโครงการ ECRL พร้อมเปิดตัวโลโก้อย่างเป็นทางการของ ECRL ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเข็มทิศ ที่มีเข็มชี้ไปทางทิศตะวันออกภายในดอกไม้สีฟ้า 4 กลีบ

    โดยทั้งสองบริษัทได้จัดตั้งบริษัทดำเนินงาน (OpCo) แบกรับความเสี่ยงฝ่ายละ 50:50 เพื่อดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ ECRL ซึ่งนายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายแบ่งเบาภาระต้นทุนการดำเนินงานของโครงการ อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค โดย MRL จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินของโครงการ ECRL ในนามรัฐบาลมาเลเซีย ส่วนบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน (CCCC) จากประเทศจีน จะเป็นผู้รับเหมาทางด้านวิศวกรรม จัดซื้อจัดจ้าง ก่อสร้าง และดำเนินการ (EPCC) ตลอดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้

    หากเกิดการขาดทุนระหว่างดำเนินงาน บริษัทจีนและมาเลเซียแบกรับความเสี่ยง 50% เท่ากัน แต่หากมีกำไรถึง 80% บริษัทจีนจะลงทุนใน MRL ส่วนที่เหลือลงทุนใน CCCECRL สำหรับความคืบหน้าโครงการ ECRL ณ เดือน พ.ย. 2567 อยู่ที่ 76.06% ซึ่งตามกำหนดคาดว่าทางรถไฟช่วงสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค รัฐสลังงอร์ แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2569 และระยะที่สองจากสถานีกอมบัค ถึงท่าเรือแคลง ภายในเดือน ธ.ค. 2570 คาดหวังว่าจะเชื่อมโยงกับโครงข่ายรถไฟทางไกลของประเทศไทย เพราะจากสถานีรถไฟโกตาบารู กับชายแดนมาเลเซีย-ไทย ที่ด่านรันเตาปันจัง เมืองปาร์เซมัส ห่างกัน 20 กิโลเมตร

    โครงการทางรถไฟ ECRL มีทั้งหมด 20 สถานี แบ่งเป็นสถานีเฉพาะผู้โดยสาร 10 สถานี สถานีผู้โดยสารและขนส่งสินค้า 10 สถานี พาดผ่าน 4 รัฐ ได้แก่ กลันตัน ตรังกานู ปาหัง และสลังงอร์ มีอุโมงค์ 59 แห่ง ขบวนรถโดยสารใช้รถไฟ EMU รวม 11 ขบวน ขบวนละ 6 ตู้โดยสาร รองรับผู้โดยสารสูงสุด 430 คน ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าขบวนรถล้านช้างของรถไฟลาว-จีน จากสถานีโกตาบารูไปยังสถานีกอมบัคใช้เวลาเดินทางเพียง 4 ชั่วโมง คาดว่าจะส่งมอบขบวนรถชุดแรกภายในสิ้นปี 2568 ส่วนขบวนรถสินค้าใช้ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    #Newskit
    รถไฟ ECRL มาเลย์ฯ-จีนแบกคนละครึ่ง โครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย หรือ ECRL (East Coast Rail Link) ระยะทาง 665 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 50,270 ล้านริงกิต อาจเรียกว่ากำลังจะเป็นรถไฟมาเลย์ฯ-จีนก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. บริษัท มาเลเซีย เรล ลิงก์ (MRL) และบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน อีซีอาร์แอล (CCCECRL) ประเทศจีน ได้ทำพิธีลงนามการออกแบบภายนอกขบวนรถรถไฟฟ้าอีเอ็มยู (EMU) ตามข้อตกลงร่วมทุนด้านการดำเนินงานและการบำรุงรักษาของโครงการ ECRL พร้อมเปิดตัวโลโก้อย่างเป็นทางการของ ECRL ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเข็มทิศ ที่มีเข็มชี้ไปทางทิศตะวันออกภายในดอกไม้สีฟ้า 4 กลีบ โดยทั้งสองบริษัทได้จัดตั้งบริษัทดำเนินงาน (OpCo) แบกรับความเสี่ยงฝ่ายละ 50:50 เพื่อดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ ECRL ซึ่งนายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายแบ่งเบาภาระต้นทุนการดำเนินงานของโครงการ อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค โดย MRL จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินของโครงการ ECRL ในนามรัฐบาลมาเลเซีย ส่วนบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชันส์ คอนสตรัคชัน (CCCC) จากประเทศจีน จะเป็นผู้รับเหมาทางด้านวิศวกรรม จัดซื้อจัดจ้าง ก่อสร้าง และดำเนินการ (EPCC) ตลอดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ หากเกิดการขาดทุนระหว่างดำเนินงาน บริษัทจีนและมาเลเซียแบกรับความเสี่ยง 50% เท่ากัน แต่หากมีกำไรถึง 80% บริษัทจีนจะลงทุนใน MRL ส่วนที่เหลือลงทุนใน CCCECRL สำหรับความคืบหน้าโครงการ ECRL ณ เดือน พ.ย. 2567 อยู่ที่ 76.06% ซึ่งตามกำหนดคาดว่าทางรถไฟช่วงสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค รัฐสลังงอร์ แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2569 และระยะที่สองจากสถานีกอมบัค ถึงท่าเรือแคลง ภายในเดือน ธ.ค. 2570 คาดหวังว่าจะเชื่อมโยงกับโครงข่ายรถไฟทางไกลของประเทศไทย เพราะจากสถานีรถไฟโกตาบารู กับชายแดนมาเลเซีย-ไทย ที่ด่านรันเตาปันจัง เมืองปาร์เซมัส ห่างกัน 20 กิโลเมตร โครงการทางรถไฟ ECRL มีทั้งหมด 20 สถานี แบ่งเป็นสถานีเฉพาะผู้โดยสาร 10 สถานี สถานีผู้โดยสารและขนส่งสินค้า 10 สถานี พาดผ่าน 4 รัฐ ได้แก่ กลันตัน ตรังกานู ปาหัง และสลังงอร์ มีอุโมงค์ 59 แห่ง ขบวนรถโดยสารใช้รถไฟ EMU รวม 11 ขบวน ขบวนละ 6 ตู้โดยสาร รองรับผู้โดยสารสูงสุด 430 คน ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าขบวนรถล้านช้างของรถไฟลาว-จีน จากสถานีโกตาบารูไปยังสถานีกอมบัคใช้เวลาเดินทางเพียง 4 ชั่วโมง คาดว่าจะส่งมอบขบวนรถชุดแรกภายในสิ้นปี 2568 ส่วนขบวนรถสินค้าใช้ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 530 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวเขมรนั้นเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมเสมอมาโดยเฉพาะในเรื่อง “ความกตัญญูกตเวทีอันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษยชาติ” (แต่จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการตอบแทนบุญคุณชาติบ้านเมือง บุพกษัตริย์และวีรชนของชาติซึ่งยิ่งใหญ่มหาศาลมากกว่ามากมายนัก)ไม่ต้องพูดถึงอดีตกาลโบราณ เอาแค่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฝรั่งเศสให้เอกราชกัมพูชา ซึ่งมีไทยส่งเสริมสนับสนุนและเป็นชาติแรกๆ ที่รับรองกัมพูชาเป็นสมาชิก UNช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชา ๒๕๑๕ เป็นต้นไป “รัฐบาลไทยสนับสนุนรัฐบาลเจ้านโรดมสีหนุซึ่งวางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในยุคสงครามเย็น”แต่ CIA เห็นว่าเจ้าสีหนุที่เป็นทั้งพระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีและไว้ใจไม่ได้ จึงสนับสนุนนายพลลอนนนอลรัฐประหารล้มระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาฝ่ายพรรคคคอมมิวนิสต์กัมพูชาเห็นความอ่อนแอของรัฐ จึงยึดประเทศเกิดสงครามกลางเมือง (นี่ คือจุดอ่อนของระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาจึงง่ายกับการถูกรัฐประหารและล้มล้างระบอบการปกครอง)สงครามกลางเมืองขยายขอบเขตสร้างความเดือนร้อนต่อประชาชนอย่างมหาศาลและกลายเป็นผู้ลี้ภัยทะลักเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนนับหมิ่นๆ คนตลอดแนวชายแดนไทย/กัมพูชาโดยเฉพาะที่บริเวณเขาอีด่าง จังหวัดสระแก้วในปัจจุบัน (ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ เสด็จไปเยี่ยมผู้อพยพเขมรจนพระองค์ติดเชื้อโรคร้ายเกือบสิ้นพระชนม์ชีพในช่วงนั้นเลย) จิตอาสาแพทย์ไทยหลายสิบๆ คนเสียสละไปช่วยรักษาโรคให้ผู้อพยพเขมรจำนวนมากกองทัพไทยส่งหน่วยทหารไปวางแผนช่วยรัฐบาลนายพลลอนนอลรบกับคอมมิวนิสต์ โดยกองทัพอากาศส่งเครื่องบินไปโจมตีที่ตั้งเขมรแดงในเขตยึดครองเขมรแดงสนับสนุนนายพลลอนนอล (มีตำนานเล่าขานว่า มีนักบิน T-28 ทอ.ไทยถูกยิงตกที่บริเวณทะเลสาปเขมรแต่ก่อนตายถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมมากๆ) ขณะเดียวกันรัฐบาลลอนนอลฉวยโอกาสประกาศอ้างสิทธิ์เขตไหล่ทวีปทับทะเลอาณาเขตของไทย (ที่เป็นช่องทางให้สมเด็จฮุนเซนและลูกใช้อ้างเป็นพื้นที่ทับซ้อนและหวังนำสู่ศาลโลกเพื่อพลิกผันให้มีการตกลงแบ่งกันคนละครึ่งโดยมีคนไทยในระบอบทักษิณสมรู้ร่วมคิดนายพลลอนนอลคงไม่รู้คำว่า “กตัญญูกตเวทิตา” เป็นแน่แท้ (นายพลลอนนอลหนีไปสหรัฐฯ และเป็นโรคร้ายตายในสหรัฐฯ ไปแล้วและเรื่องที่ต้องเล่าแม้เป็นตำนานแต่ก็เป็นที่รู้กัน คือ เรื่องนี้เพราะ รร.นายร้อย West Piont นั้นไม่ใช่จะสมัครสอบเข้าเรียนได้เหมือนอย่างแหล่งอุดมศึกษาอื่นๆ ในสหรัฐฯ แต่มีเงื่อนไขทางกฎหมายสหรัฐฯ กำกับไว้สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์อย่างชัดเจนคือ นายพล ฮุน มาเน็ต ที่เรียนจบจาก รร.นายร้อย West Point นั้นได้เข้าเรียนเพราะกองทัพบกไทย (โดยนายพลท่านหนึ่งสั่งการและอนุมัติให้กองทับบกดำเนินการเอาโคว้ต้าของนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สามารถเข้าเรียนได้ตามสิทธิ์ในข้อตกลงระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ ไปให้ ฮุน มาเน็ต บุตรชายสมเด็จฮุนเซนได้เข้าเรียนที่ West Point เป็นกรณีพิเศษเพื่อสัมพันธไมตรีระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับนายพลท่านผู้นั้น)ผมไม่ได้ตำหนิ “นายพลคนใดคนหนึ่งในกองทัพบก” เพราะท่านก็ทำเพื่อสัมพันธไมตรีอันดีเพื่อชาติ (สัมพันธไมตรีนั้นเป็น “นามธรรม” มูลค่าวัดไม่ได้) แต่เรื่องที่ผมอยากพูด คือ คนเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณคนไทยทั้งชาติ สำหรับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ไม่รู้บุญคุณนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สละสิทธิ์ให้เขาไปเรียน :Vachara Riddhagni
    เรื่องราวเขมรนั้นเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมเสมอมาโดยเฉพาะในเรื่อง “ความกตัญญูกตเวทีอันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของมนุษยชาติ” (แต่จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการตอบแทนบุญคุณชาติบ้านเมือง บุพกษัตริย์และวีรชนของชาติซึ่งยิ่งใหญ่มหาศาลมากกว่ามากมายนัก)ไม่ต้องพูดถึงอดีตกาลโบราณ เอาแค่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฝรั่งเศสให้เอกราชกัมพูชา ซึ่งมีไทยส่งเสริมสนับสนุนและเป็นชาติแรกๆ ที่รับรองกัมพูชาเป็นสมาชิก UNช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชา ๒๕๑๕ เป็นต้นไป “รัฐบาลไทยสนับสนุนรัฐบาลเจ้านโรดมสีหนุซึ่งวางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในยุคสงครามเย็น”แต่ CIA เห็นว่าเจ้าสีหนุที่เป็นทั้งพระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีและไว้ใจไม่ได้ จึงสนับสนุนนายพลลอนนนอลรัฐประหารล้มระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาฝ่ายพรรคคคอมมิวนิสต์กัมพูชาเห็นความอ่อนแอของรัฐ จึงยึดประเทศเกิดสงครามกลางเมือง (นี่ คือจุดอ่อนของระบอบกษัตริย์ในกัมพูชาจึงง่ายกับการถูกรัฐประหารและล้มล้างระบอบการปกครอง)สงครามกลางเมืองขยายขอบเขตสร้างความเดือนร้อนต่อประชาชนอย่างมหาศาลและกลายเป็นผู้ลี้ภัยทะลักเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนนับหมิ่นๆ คนตลอดแนวชายแดนไทย/กัมพูชาโดยเฉพาะที่บริเวณเขาอีด่าง จังหวัดสระแก้วในปัจจุบัน (ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ เสด็จไปเยี่ยมผู้อพยพเขมรจนพระองค์ติดเชื้อโรคร้ายเกือบสิ้นพระชนม์ชีพในช่วงนั้นเลย) จิตอาสาแพทย์ไทยหลายสิบๆ คนเสียสละไปช่วยรักษาโรคให้ผู้อพยพเขมรจำนวนมากกองทัพไทยส่งหน่วยทหารไปวางแผนช่วยรัฐบาลนายพลลอนนอลรบกับคอมมิวนิสต์ โดยกองทัพอากาศส่งเครื่องบินไปโจมตีที่ตั้งเขมรแดงในเขตยึดครองเขมรแดงสนับสนุนนายพลลอนนอล (มีตำนานเล่าขานว่า มีนักบิน T-28 ทอ.ไทยถูกยิงตกที่บริเวณทะเลสาปเขมรแต่ก่อนตายถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมมากๆ) ขณะเดียวกันรัฐบาลลอนนอลฉวยโอกาสประกาศอ้างสิทธิ์เขตไหล่ทวีปทับทะเลอาณาเขตของไทย (ที่เป็นช่องทางให้สมเด็จฮุนเซนและลูกใช้อ้างเป็นพื้นที่ทับซ้อนและหวังนำสู่ศาลโลกเพื่อพลิกผันให้มีการตกลงแบ่งกันคนละครึ่งโดยมีคนไทยในระบอบทักษิณสมรู้ร่วมคิดนายพลลอนนอลคงไม่รู้คำว่า “กตัญญูกตเวทิตา” เป็นแน่แท้ (นายพลลอนนอลหนีไปสหรัฐฯ และเป็นโรคร้ายตายในสหรัฐฯ ไปแล้วและเรื่องที่ต้องเล่าแม้เป็นตำนานแต่ก็เป็นที่รู้กัน คือ เรื่องนี้เพราะ รร.นายร้อย West Piont นั้นไม่ใช่จะสมัครสอบเข้าเรียนได้เหมือนอย่างแหล่งอุดมศึกษาอื่นๆ ในสหรัฐฯ แต่มีเงื่อนไขทางกฎหมายสหรัฐฯ กำกับไว้สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์อย่างชัดเจนคือ นายพล ฮุน มาเน็ต ที่เรียนจบจาก รร.นายร้อย West Point นั้นได้เข้าเรียนเพราะกองทัพบกไทย (โดยนายพลท่านหนึ่งสั่งการและอนุมัติให้กองทับบกดำเนินการเอาโคว้ต้าของนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สามารถเข้าเรียนได้ตามสิทธิ์ในข้อตกลงระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ ไปให้ ฮุน มาเน็ต บุตรชายสมเด็จฮุนเซนได้เข้าเรียนที่ West Point เป็นกรณีพิเศษเพื่อสัมพันธไมตรีระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับนายพลท่านผู้นั้น)ผมไม่ได้ตำหนิ “นายพลคนใดคนหนึ่งในกองทัพบก” เพราะท่านก็ทำเพื่อสัมพันธไมตรีอันดีเพื่อชาติ (สัมพันธไมตรีนั้นเป็น “นามธรรม” มูลค่าวัดไม่ได้) แต่เรื่องที่ผมอยากพูด คือ คนเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณคนไทยทั้งชาติ สำหรับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ไม่รู้บุญคุณนักเรียนนายร้อย จปร.ที่สละสิทธิ์ให้เขาไปเรียน :Vachara Riddhagni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 744 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำพผูดของ"พูมทำ" บิดพลิ้วได้เหมือนเปลือกถั่ว ตามระดับภูมิปัญญาคิดคดของตน

    ข้าวเก่าเก็บ 15 ปี ยังสามารถพูดให้กินได้มาแล้ว นับประสาอะไรกับ MOU44 เขาจะบิดให้เสียสิทธิ์และอธิปไตยทางทะเลไม่ได้..

    คำว่า "แบ่งกันคนละครึ่ง" นั้นแหละ เสร็จฮุนเซน
    แน่ ๆๆ
    คำพผูดของ"พูมทำ" บิดพลิ้วได้เหมือนเปลือกถั่ว ตามระดับภูมิปัญญาคิดคดของตน ข้าวเก่าเก็บ 15 ปี ยังสามารถพูดให้กินได้มาแล้ว นับประสาอะไรกับ MOU44 เขาจะบิดให้เสียสิทธิ์และอธิปไตยทางทะเลไม่ได้.. คำว่า "แบ่งกันคนละครึ่ง" นั้นแหละ เสร็จฮุนเซน แน่ ๆๆ
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนแรกๆ การประท้วงเป็นไปด้วยความสงบ ชาวบ้านเชื่อว่าหากได้เข้าเป็นสมาชิกNATO พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ โดยไม่ต้องรอมาตรการคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อ่า....ขอโทษครับ คนละประเทศ...
    ตอนแรกๆ การประท้วงเป็นไปด้วยความสงบ ชาวบ้านเชื่อว่าหากได้เข้าเป็นสมาชิกNATO พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ โดยไม่ต้องรอมาตรการคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อ่า....ขอโทษครับ คนละประเทศ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7/11/67

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109

    เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน

    1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส

    2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น

    3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย

    4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    7/11/67 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109 เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน 1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส 2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น 3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย 4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม

    ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า

    จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว

    ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต

    ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท

    #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    Like
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 745 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม

    มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง

    แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน

    ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544

    แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น

    #Newskit #เกาะกูด
    ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544 แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น #Newskit #เกาะกูด
    Like
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 884 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือคนละครึ่ง อย่าให้มีนักท่องเที่ยวผี

    โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ หลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง)

    สถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญมีทั้งหมด 554 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่พัก 326 แห่ง ร้านอาหาร คาเฟ่ 160 แห่ง ร้านของฝากของที่ระลึก 38 แห่ง และอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 30 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ หรือไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้

    แม้รัฐบาลและ ททท.คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท แต่พบว่าจำนวนสิทธิมีเพียงแค่ 10,000 สิทธิเท่านั้น ในขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เป็นฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซันของภาคเหนือ ส่วนมากที่พักจะเต็ม คนที่จองห้องพักไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์เพื่อเป็นส่วนลดค่าที่พักได้ แต่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโรงแรมที่ร่วมโครงการก่อน เพื่อให้นำสิทธิ์ไปใช้ในสถานประกอบการอื่นๆ ได้

    นอกจากเสียงวิจารณ์ว่าชื่อโครงการไปพ้องกับ "โครงการคนละครึ่ง" สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ การทุจริต เพราะมีเพียงให้ผู้ประกอบการถ่ายภาพใบเสร็จหรือบิลเงินสด แล้วอัปโหลดลงในระบบทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมาสแกนใช้สิทธิส่วนลด เป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงหรือนักท่องเที่ยวผี อีกทั้งส่วนลดเพียงแค่ 400 บาท หากใช้กับโรงแรมที่พักราคาเกิน 800 บาทขึ้นไป ก็ไม่เหลือใช้กับร้านอาหาร ร้านของฝากแล้ว

    ที่ผ่านมาเคยมีการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยใช้วิธีชักชวนให้จองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน โดยไม่ได้เข้าพักจริง หรือการนำคูปองสำหรับใช้จ่ายร้านค้า ร้านอาหารไปสแกนใช้จ่าย แต่ไม่มีการซื้อสินค้าและบริการจริง มีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุจริตไปหลายราย ทำให้ภายหลังต้องออกมาตรการที่เข้มงวด เช่น ให้โรงแรมสแกนใบหน้าผู้เข้าพัก หากไม่สามารถป้องกันปัญหาทุจริตที่จะเกิดขึ้นได้ ก็จะกระทบความเชื่อมั่นกับโครงการอื่นๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในอนาคต

    #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ททท
    แอ่วเหนือคนละครึ่ง อย่าให้มีนักท่องเที่ยวผี โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ หลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) สถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญมีทั้งหมด 554 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่พัก 326 แห่ง ร้านอาหาร คาเฟ่ 160 แห่ง ร้านของฝากของที่ระลึก 38 แห่ง และอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 30 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ หรือไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ แม้รัฐบาลและ ททท.คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท แต่พบว่าจำนวนสิทธิมีเพียงแค่ 10,000 สิทธิเท่านั้น ในขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เป็นฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซันของภาคเหนือ ส่วนมากที่พักจะเต็ม คนที่จองห้องพักไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์เพื่อเป็นส่วนลดค่าที่พักได้ แต่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโรงแรมที่ร่วมโครงการก่อน เพื่อให้นำสิทธิ์ไปใช้ในสถานประกอบการอื่นๆ ได้ นอกจากเสียงวิจารณ์ว่าชื่อโครงการไปพ้องกับ "โครงการคนละครึ่ง" สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ การทุจริต เพราะมีเพียงให้ผู้ประกอบการถ่ายภาพใบเสร็จหรือบิลเงินสด แล้วอัปโหลดลงในระบบทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมาสแกนใช้สิทธิส่วนลด เป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงหรือนักท่องเที่ยวผี อีกทั้งส่วนลดเพียงแค่ 400 บาท หากใช้กับโรงแรมที่พักราคาเกิน 800 บาทขึ้นไป ก็ไม่เหลือใช้กับร้านอาหาร ร้านของฝากแล้ว ที่ผ่านมาเคยมีการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยใช้วิธีชักชวนให้จองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน โดยไม่ได้เข้าพักจริง หรือการนำคูปองสำหรับใช้จ่ายร้านค้า ร้านอาหารไปสแกนใช้จ่าย แต่ไม่มีการซื้อสินค้าและบริการจริง มีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุจริตไปหลายราย ทำให้ภายหลังต้องออกมาตรการที่เข้มงวด เช่น ให้โรงแรมสแกนใบหน้าผู้เข้าพัก หากไม่สามารถป้องกันปัญหาทุจริตที่จะเกิดขึ้นได้ ก็จะกระทบความเชื่อมั่นกับโครงการอื่นๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในอนาคต #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ททท
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ แอ่วเหนือคนละครึ่ง โครงการสิ้นคิด ช่วยคนละ 400 บาท จะทำอะไรได้ ค่ากาแฟทั้งครอบครัวก็เกินแล้ว ค่าที่พักไม่ต้องพูดถึง ยิ่งโปรโมทยิ่งประจานสติปัญญารัฐบาล
    #7ดอกจิก
    #แอ่วเหนือ
    #เที่ยวภาคเหนือ
    ♣️ แอ่วเหนือคนละครึ่ง โครงการสิ้นคิด ช่วยคนละ 400 บาท จะทำอะไรได้ ค่ากาแฟทั้งครอบครัวก็เกินแล้ว ค่าที่พักไม่ต้องพูดถึง ยิ่งโปรโมทยิ่งประจานสติปัญญารัฐบาล #7ดอกจิก #แอ่วเหนือ #เที่ยวภาคเหนือ
    Like
    Sad
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือคนละครึ่ง' เปิดลงทะเบียน 1 พ.ย.นี้ ให้ประชาชน 10,000 สิทธิ์ ท่องเที่ยวใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ติดตามวิธีการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง .com

    30 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนแคมเปญ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง“ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวการท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยจะเปิดลงทะเบียน 1 พฤศจิกายนนี้ เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1.จองที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 2.ลงทะเบียนรับสิทธิ์ โดยสแกนคิวอาร์โค้ดที่ที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 3.ใช้สิทธิ์ส่วนลด โดยสแกนคิวอาร์โค้ดกับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ

    -สำหรับการ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับที่พัก-โรงแรมที่ร่วมโครงการ รับส่วนลด 400 บาท หลังจากสแกนลงทะเบียนรับสิทธิ์แล้ว จะได้รับ SMS ยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ และใช้ส่วนลดภายใน 3 วัน

    -สำหรับการ ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือร้านที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อรับส่วนลด 50% สูงสุด 400 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

    โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง สามารถใช้ในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด 17 จังหวัด ดังนี้ 1.เชียงราย 2.น่าน 3.พะเยา 4.เชียงใหม่ 5.แม่ฮ่องสอน 6.แพร่
    7.ลำปาง8.ลำพูน 9.ตาก 10.อุตรดิตถ์ 11.พิษณุโลก 12.สุโขทัย 13.เพชรบูรณ์ 14.พิจิตร15.กำแพงเพชร
    16.นครสวรรค์ 17.อุทัยธานี

    #Thaitimes
    แอ่วเหนือคนละครึ่ง' เปิดลงทะเบียน 1 พ.ย.นี้ ให้ประชาชน 10,000 สิทธิ์ ท่องเที่ยวใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ติดตามวิธีการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง .com 30 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนแคมเปญ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง“ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวการท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยจะเปิดลงทะเบียน 1 พฤศจิกายนนี้ เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1.จองที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 2.ลงทะเบียนรับสิทธิ์ โดยสแกนคิวอาร์โค้ดที่ที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 3.ใช้สิทธิ์ส่วนลด โดยสแกนคิวอาร์โค้ดกับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ -สำหรับการ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับที่พัก-โรงแรมที่ร่วมโครงการ รับส่วนลด 400 บาท หลังจากสแกนลงทะเบียนรับสิทธิ์แล้ว จะได้รับ SMS ยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ และใช้ส่วนลดภายใน 3 วัน -สำหรับการ ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือร้านที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อรับส่วนลด 50% สูงสุด 400 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง สามารถใช้ในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด 17 จังหวัด ดังนี้ 1.เชียงราย 2.น่าน 3.พะเยา 4.เชียงใหม่ 5.แม่ฮ่องสอน 6.แพร่ 7.ลำปาง8.ลำพูน 9.ตาก 10.อุตรดิตถ์ 11.พิษณุโลก 12.สุโขทัย 13.เพชรบูรณ์ 14.พิจิตร15.กำแพงเพชร 16.นครสวรรค์ 17.อุทัยธานี #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัดเจนบ่ายนี้ แอ่วเหนือคนละครึ่ง หมื่นสิทธิ์แรก (15/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ช่วยเหลือเมืองน้ำท่วม #กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี
    ชัดเจนบ่ายนี้ แอ่วเหนือคนละครึ่ง หมื่นสิทธิ์แรก (15/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ช่วยเหลือเมืองน้ำท่วม #กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1403 มุมมอง 494 0 รีวิว
  • ♣ ถนัดผลาญงบ แอ่วเหนือคนละครึ่ง 400 บาทได้แค่นั่งรถไปกินไส้อั่ว ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ก็หมดแล้ว
    #7ดอกจิก
    ♣ ถนัดผลาญงบ แอ่วเหนือคนละครึ่ง 400 บาทได้แค่นั่งรถไปกินไส้อั่ว ข้าวซอย น้ำเงี้ยว ก็หมดแล้ว #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยเตรียมแพคเกจ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดประสบอุทกภัยภาคเหนือ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097900

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยเตรียมแพคเกจ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดประสบอุทกภัยภาคเหนือ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097900 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    16
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2382 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภูมิธรรม” ไม่หวั่น "ไพบูลย์" ขู่ 10 ต.ค.นี้ จ่อเปิดจุดเริ่มต้นรัฐบาลล่มสลาย ขอ อย่าคาดเดา หลังสะพัดนายกฯคนละครึ่ง มอง "แพทองธาร" ทำงานได้เดือนเศษ คงไม่ไปไวขนาดนั้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000096017

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ภูมิธรรม” ไม่หวั่น "ไพบูลย์" ขู่ 10 ต.ค.นี้ จ่อเปิดจุดเริ่มต้นรัฐบาลล่มสลาย ขอ อย่าคาดเดา หลังสะพัดนายกฯคนละครึ่ง มอง "แพทองธาร" ทำงานได้เดือนเศษ คงไม่ไปไวขนาดนั้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000096017 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    15
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2053 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัดพัลวันดีลนายกฯคนละครึ่ง (08/10/67)#news1 #นายกคนละครึ่ง #อนุทิน
    ปัดพัลวันดีลนายกฯคนละครึ่ง (08/10/67)#news1 #นายกคนละครึ่ง #อนุทิน
    Like
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1250 มุมมอง 310 0 รีวิว
  • “อนุทิน” รับแล้ว ชวน “เนวิน” กินข้าวบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “ทักษิณ” บอกไปเบิร์ธเดย์ จบนะไม่ต้องถามต่อ แค่กินข้าว เผย ได้แจ๊ก​เก็ตเป็นของขวัญ​ ยันไม่เคยโกรธอะไรกัน พร้อมย้อนถาม วลี “มันจบแล้วครับนาย” ใครจะกล้าพูด​ โต้กระแส “นายกฯ คนละครึ่ง” เป็นไปไม่ได้​ ชี้ “ครูใหญ่” อวยพรเป็นนายก​ฯ เป็นเรื่องธรรมดา อวยกันมาเป็น 10 ปีแล้ว​ยังไม่ได้เป็นเลย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095863

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อนุทิน” รับแล้ว ชวน “เนวิน” กินข้าวบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “ทักษิณ” บอกไปเบิร์ธเดย์ จบนะไม่ต้องถามต่อ แค่กินข้าว เผย ได้แจ๊ก​เก็ตเป็นของขวัญ​ ยันไม่เคยโกรธอะไรกัน พร้อมย้อนถาม วลี “มันจบแล้วครับนาย” ใครจะกล้าพูด​ โต้กระแส “นายกฯ คนละครึ่ง” เป็นไปไม่ได้​ ชี้ “ครูใหญ่” อวยพรเป็นนายก​ฯ เป็นเรื่องธรรมดา อวยกันมาเป็น 10 ปีแล้ว​ยังไม่ได้เป็นเลย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095863 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2008 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ เรียกผู้ว่าฯ ททท. หารือแผนกระตุ้นท่องเที่ยวปี 68 ย้ำเม็ดเงินต้องกระจายลงทุกพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯ ททท. เตรียมเสนอแผนท่องเที่ยว 1-2 สัปดาห์นี้ให้นายกฯ รับทราบ หนุนหาก “สรวงศ์” รื้อโครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง หากส่งเสริมท่องเที่ยวได้อย่างดี แต่ยังไม่มีการหารือมาตรการอื่นๆ
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000087439

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายกฯ เรียกผู้ว่าฯ ททท. หารือแผนกระตุ้นท่องเที่ยวปี 68 ย้ำเม็ดเงินต้องกระจายลงทุกพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯ ททท. เตรียมเสนอแผนท่องเที่ยว 1-2 สัปดาห์นี้ให้นายกฯ รับทราบ หนุนหาก “สรวงศ์” รื้อโครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง หากส่งเสริมท่องเที่ยวได้อย่างดี แต่ยังไม่มีการหารือมาตรการอื่นๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000087439 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    Yay
    42
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7052 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานพี่คิงส์ฯให้เปิดข้อมูลเรื่อง
    วอลเลทถึงทางตันเงินสดไม่ช่วยอะไร
    ใครพลาด เดี๋ยวแปะลิงค์ในคอมเม้นไว้ให้
    แต่เรื่องวอลเลทก็ยังพอมีทางออก
    ไอ่ที่จะแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ยังไงก็ไม่ได้
    เพราะผิดวัตถุประสงค์มาตรา 9
    ส่วนจะเอาเข้าวอลเลทก็ทำไม่ได้
    สุดท้ายแจกเงินสดไม่นำไปสู่การหมุนวนทางเศรษฐกิจ
    แต่เป็นงบด้านสังคมสงเคราะห์มันคนละเรื่องกัน
    ดังนั้น ทางออกจริงๆก็มี คือโครงการคนละครึ่ง
    กับแอพเป๋าตัง ที่มีอยู่แล้ว ระบบก็เสถียร
    คนไทยใช้เป็น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
    ก่อนที่งบจะต้องถูกตีคืนคลังถ้าใช้ไม่ทันสิ้นกย.
    ถ้านำงบมาเข้าระบบแอพคนละครึ่ง
    ระบบเศรษฐกิจจะหมนุวนทันที
    แม้กระทั่งช่วงโรคระบาด เรายังผ่านการใช้โครงการนี้
    ทำให้เศรษฐกิจชาติไม่เสียหายหนักอย่างที่ควรจะเป็น
    ชาวประชาชื่นบาน
    แต่ประเด็นคือ รัฐบาลอิ๊ง ยอมลดศักดิ์ศรีลงมั๊ย
    วางอัตตา ว่าคนละครึ่งคือไอเดียลุงตู่
    แต่ยอมนำกลับมาใช้ เพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจจริงๆ
    พี่คิงส์รับรอง ไม่ผิดมาตรา 9 แถมยังทำให้ได้คะแนนนิยม
    จากมวลชน ไม่สุ่มเสี่ยงโดนเล่นย้อนหลังด้วย
    อยากให้นำไปปรับใช้และพิจารณา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เมื่อวานพี่คิงส์ฯให้เปิดข้อมูลเรื่อง วอลเลทถึงทางตันเงินสดไม่ช่วยอะไร ใครพลาด เดี๋ยวแปะลิงค์ในคอมเม้นไว้ให้ แต่เรื่องวอลเลทก็ยังพอมีทางออก ไอ่ที่จะแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ยังไงก็ไม่ได้ เพราะผิดวัตถุประสงค์มาตรา 9 ส่วนจะเอาเข้าวอลเลทก็ทำไม่ได้ สุดท้ายแจกเงินสดไม่นำไปสู่การหมุนวนทางเศรษฐกิจ แต่เป็นงบด้านสังคมสงเคราะห์มันคนละเรื่องกัน ดังนั้น ทางออกจริงๆก็มี คือโครงการคนละครึ่ง กับแอพเป๋าตัง ที่มีอยู่แล้ว ระบบก็เสถียร คนไทยใช้เป็น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ก่อนที่งบจะต้องถูกตีคืนคลังถ้าใช้ไม่ทันสิ้นกย. ถ้านำงบมาเข้าระบบแอพคนละครึ่ง ระบบเศรษฐกิจจะหมนุวนทันที แม้กระทั่งช่วงโรคระบาด เรายังผ่านการใช้โครงการนี้ ทำให้เศรษฐกิจชาติไม่เสียหายหนักอย่างที่ควรจะเป็น ชาวประชาชื่นบาน แต่ประเด็นคือ รัฐบาลอิ๊ง ยอมลดศักดิ์ศรีลงมั๊ย วางอัตตา ว่าคนละครึ่งคือไอเดียลุงตู่ แต่ยอมนำกลับมาใช้ เพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจจริงๆ พี่คิงส์รับรอง ไม่ผิดมาตรา 9 แถมยังทำให้ได้คะแนนนิยม จากมวลชน ไม่สุ่มเสี่ยงโดนเล่นย้อนหลังด้วย อยากให้นำไปปรับใช้และพิจารณา #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 697 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเกาะกูด ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่มโน โทนี่ไปทอร์คที่เนชั่น ชัดเจน จะแบ่งทรัพยากรคนละครึ่งกับฮุนเซน ไอ่ฉัดเอ๊ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เรื่องเกาะกูด ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่มโน โทนี่ไปทอร์คที่เนชั่น ชัดเจน จะแบ่งทรัพยากรคนละครึ่งกับฮุนเซน ไอ่ฉัดเอ๊ย #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่แปลกหรอกถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย:

    ๑.ผมสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ทำรัฐประหาร เพราะช่วงนั้น คุณทักษิณ ชินวัตรโกงชาติโกงแผ่นดินมากมายแล้วกฎหมายบ้านเมืองเอาผิดไม่ได้

    คุณทักษิณคุมทหาร คุมตำรวจ คุมอัยการ คุมกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เมื่อกฎหมายเอาผิดคุณทักษิณไม่ได้ ประชาชนก็ออกถนน กลายเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง พอเห็นเสื้อเหลืองออกถนน คุณทักษิณก็สร้างมวลชนเสื้อแดงมาต่อต้าน ถึงขั้นเผาศาลากลางจังหวัดด้วย

    เมื่อประชาธิปไตยเดินหน้าไม่ได้ ทหารก็จำเป็นต้องทำรัฐประหาร ผมมองว่าการทำรัฐประหารเป็นการผ่าทางตันและนำหลักนิติธรรมนิติรัฐกลับมา

    ถ้าพรรคประชาชนหรือนักการเมืองพรรคนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ก็เป็นเรื่องของท่าน อเมริกาทำรัฐประหารในประเทศอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดตนเองเป็นประจำ เช่น ที่ปากีสถาน บังกลาเทศ ตอนนี้ กำลังหาทางทำที่บราซิลและเวเนซุเอล่า ทำไมคนไทยจะทำไม่ได้บ้างละครับ เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงกลับคืนมา?

    รัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ก็ทำโครงการดีๆ หลายเรื่อง เอาคนเก่งมาทำงาน สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัดดีขึ้นจนผิดหูผิดตา เศรษฐกิจไม่ดี ท่านก็มีเป๋าตังค์หรือโครงการคนละครึ่งช่วยเหลือประชาชน

    ข้อสำคัญ ไม่มีใครสงสัยในความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของท่าน และอีกข้อคือท่านไม่มีประเด็นด่างพร้อยเรื่องทุจริต อย่างน้อยก็ไม่มีใครเอาผิดท่านได้

    จึงไม่แปลกหรอกที่ประชาชนไทยจำนวนมากจะคิดถึงท่านพลเอกประยุทธ์ แม้ท่านจะหมดอำนาจจากรัฐบาลไปแล้ว

    ๒.ปัญหาก็คือพอทำรัฐประหารได้อำนาจมา พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตั้งใจหาทางแก้กฎหมายด้านความมั่นคงหลายๆ ด้านให้รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น

    ไม่ออกกฎหมายกวาดล้าง NGOs ที่แทรกแซงการเมืองภายในประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการคนที่ไลฟ์สดคุยกับนักโทษที่หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการสื่อโซเชียลมิเดียที่หมิ่นประมาทต่อสถาบันกษัตริย์เหมือนรัฐบาลประเทศอื่นๆ หลายปรเทศ ไม่ออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมิเดียที่โฆษณาบ่อนพนันเป็นอาจิณ ฯลฯ คุณทักษิณจึงไลฟ์สดเข้าประเทศไทย หาเสียงได้อย่างสบายๆ ต่างชาติก็ยังใช้ NGOs ปลุกระดมประชาชนช่วยพรรคฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายๆ เหมือนเดิม

    ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หันไปเน้นสร้างถนนและรถไฟฟ้ามากมายหลายเส้นสายแทน

    ผมเคยวิจารณ์ว่าแค่สร้างรถไฟทางคู่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศก็พอแล้ว หันไปเน้นขุดคลองส่งน้ำในชนบทภาคอีสานและภาคอื่นๆ อย่างทั่วถึงจะดีกว่า ประชาชนจะได้อยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้นเพราะรายได้ประชาชนยังมีไม่มาก ถ้าสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นสายแล้วประชาชนไม่มีเงินนั่ง จะเจ๊งเอาได้

    ตอนนี้ก็มีข่าวว่าเริ่มเป็นปัญหาคือรถไฟฟ้าหลายเส้นทางก่อหนี้สิ้นมากขึ้นแล้ว เพราะค่ารถไฟฟ้าแพง คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะไปนั่ง

    แถมรัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ยังเปิดทาง ปล่อยคุณยิ่งลักษณ์ให้หลบหนีไปต่างประเทศอย่างสะดวกสบายอีกด้วย

    ๓.ต่อมา พอมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคท่านพลเอกประยุทธ์พ่ายแพ้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ก็มีดีลพาคุณทักษิณ ชินวัตรกลับบ้าน มีการเสนออภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร โดยพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชการโองการ มีวุฒิสมาชิกสายพลเอกประยุทธ์โหวตให้คุณเศรษฐาเป็นนายก

    แล้วคุณทักษิณ ชินวัตรก็กลับประเทศไทย และทำผิดกติกา ไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว เป็นการทำลายระบบนิติธรรมนิติรัฐ คุณทักษิณกลายเป็นผู้กว้างขวางนอกรัฐธรรมนูญหรืออภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยขึ้นมา

    ตอนนี้ คุณทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้นัดพบนักการเมืองพรรคต่างๆ ไปพบ แล้วเอาลูกตัวเองเป็นนายิการัฐมนตรี

    จะแปลกอะไรถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย?


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ไม่แปลกหรอกถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย: ๑.ผมสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ทำรัฐประหาร เพราะช่วงนั้น คุณทักษิณ ชินวัตรโกงชาติโกงแผ่นดินมากมายแล้วกฎหมายบ้านเมืองเอาผิดไม่ได้ คุณทักษิณคุมทหาร คุมตำรวจ คุมอัยการ คุมกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เมื่อกฎหมายเอาผิดคุณทักษิณไม่ได้ ประชาชนก็ออกถนน กลายเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง พอเห็นเสื้อเหลืองออกถนน คุณทักษิณก็สร้างมวลชนเสื้อแดงมาต่อต้าน ถึงขั้นเผาศาลากลางจังหวัดด้วย เมื่อประชาธิปไตยเดินหน้าไม่ได้ ทหารก็จำเป็นต้องทำรัฐประหาร ผมมองว่าการทำรัฐประหารเป็นการผ่าทางตันและนำหลักนิติธรรมนิติรัฐกลับมา ถ้าพรรคประชาชนหรือนักการเมืองพรรคนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ก็เป็นเรื่องของท่าน อเมริกาทำรัฐประหารในประเทศอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดตนเองเป็นประจำ เช่น ที่ปากีสถาน บังกลาเทศ ตอนนี้ กำลังหาทางทำที่บราซิลและเวเนซุเอล่า ทำไมคนไทยจะทำไม่ได้บ้างละครับ เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงกลับคืนมา? รัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ก็ทำโครงการดีๆ หลายเรื่อง เอาคนเก่งมาทำงาน สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัดดีขึ้นจนผิดหูผิดตา เศรษฐกิจไม่ดี ท่านก็มีเป๋าตังค์หรือโครงการคนละครึ่งช่วยเหลือประชาชน ข้อสำคัญ ไม่มีใครสงสัยในความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของท่าน และอีกข้อคือท่านไม่มีประเด็นด่างพร้อยเรื่องทุจริต อย่างน้อยก็ไม่มีใครเอาผิดท่านได้ จึงไม่แปลกหรอกที่ประชาชนไทยจำนวนมากจะคิดถึงท่านพลเอกประยุทธ์ แม้ท่านจะหมดอำนาจจากรัฐบาลไปแล้ว ๒.ปัญหาก็คือพอทำรัฐประหารได้อำนาจมา พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตั้งใจหาทางแก้กฎหมายด้านความมั่นคงหลายๆ ด้านให้รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น ไม่ออกกฎหมายกวาดล้าง NGOs ที่แทรกแซงการเมืองภายในประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการคนที่ไลฟ์สดคุยกับนักโทษที่หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการสื่อโซเชียลมิเดียที่หมิ่นประมาทต่อสถาบันกษัตริย์เหมือนรัฐบาลประเทศอื่นๆ หลายปรเทศ ไม่ออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมิเดียที่โฆษณาบ่อนพนันเป็นอาจิณ ฯลฯ คุณทักษิณจึงไลฟ์สดเข้าประเทศไทย หาเสียงได้อย่างสบายๆ ต่างชาติก็ยังใช้ NGOs ปลุกระดมประชาชนช่วยพรรคฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายๆ เหมือนเดิม ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หันไปเน้นสร้างถนนและรถไฟฟ้ามากมายหลายเส้นสายแทน ผมเคยวิจารณ์ว่าแค่สร้างรถไฟทางคู่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศก็พอแล้ว หันไปเน้นขุดคลองส่งน้ำในชนบทภาคอีสานและภาคอื่นๆ อย่างทั่วถึงจะดีกว่า ประชาชนจะได้อยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้นเพราะรายได้ประชาชนยังมีไม่มาก ถ้าสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นสายแล้วประชาชนไม่มีเงินนั่ง จะเจ๊งเอาได้ ตอนนี้ก็มีข่าวว่าเริ่มเป็นปัญหาคือรถไฟฟ้าหลายเส้นทางก่อหนี้สิ้นมากขึ้นแล้ว เพราะค่ารถไฟฟ้าแพง คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะไปนั่ง แถมรัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ยังเปิดทาง ปล่อยคุณยิ่งลักษณ์ให้หลบหนีไปต่างประเทศอย่างสะดวกสบายอีกด้วย ๓.ต่อมา พอมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคท่านพลเอกประยุทธ์พ่ายแพ้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ก็มีดีลพาคุณทักษิณ ชินวัตรกลับบ้าน มีการเสนออภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร โดยพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชการโองการ มีวุฒิสมาชิกสายพลเอกประยุทธ์โหวตให้คุณเศรษฐาเป็นนายก แล้วคุณทักษิณ ชินวัตรก็กลับประเทศไทย และทำผิดกติกา ไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว เป็นการทำลายระบบนิติธรรมนิติรัฐ คุณทักษิณกลายเป็นผู้กว้างขวางนอกรัฐธรรมนูญหรืออภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยขึ้นมา ตอนนี้ คุณทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้นัดพบนักการเมืองพรรคต่างๆ ไปพบ แล้วเอาลูกตัวเองเป็นนายิการัฐมนตรี จะแปลกอะไรถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย? ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 752 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พี่คิงส์ก็ช่วยลุ้นแฟนคลับเพื่อไทยมาโดยตลอด
    ดิจิม่อน เอ้ย ดิจิตอลวอลเล็ต
    ซึ่งพลาดก็ตั้งแต่แนวคิดกระดุมเม็ดแรกแล้ว
    นายกนิดก็โล่งใจ บินไปดูบอลอังกฤษ
    ส่วนอิ๊ง ก็โดนป่ะป๊าให้มาเป็นหุ่นเชิด
    ระบบวอลเล็ตมันไปไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขติดตอหลายตอ
    เลยจะเปลี่ยนแบบชุ่ยๆ ใส่บัตรคนจน ต่อเนื่องจนถึงบัตรเกษตรกร
    แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น
    ตอแรก... ครม.ยังไม่เรียบร้อย แต่ต้องจ่ายก่อนสิ้นเดือนกย.67
    ถ้าจ่ายไม่ทัน ต้องคืนคลังทันที ถ้าไม่ทันก็โดนร้อง
    ตอที่สอง.... กระบวนการอย่างเร็วสุด ครม.จะจัดทัพก็กลางเดือน กย.67
    แปลว่า ต้องเอาเข้าครมหลังจากนั้น ในขณะที่ พรรคร่วมจะแตกแถวมั๊ย เพราะถ้าอนุมัติไป ผิดเงื่อนไข จากวอลเลทเป็นเงินสด คนโหวตโดนด้วย
    ตอที่สาม... กรณีสร้างโครงการวอลเลท คือแนวคิดให้เงินหมุนเวียน ต้องรอบที่สองรอบที่สามถึงมาเบิกเป็นเงินสดได้ ต่างจากการจ่ายสดมันไม่เกิดพายุหมุนอย่างที่แจงกับครม.ไว้ เพราะการจ่ายสดไม่ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นลักษณะของเงินสงเคราะห์ ถ้าจ่ายสด ก็โดนร้อง ผิด พรบ.มาตรา 9 วินัยการเงินการคลัง
    และถ้ายังดันทุรังจ่ายสดอีก กลายเป็นสร้างความนิยมทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดนร้องอีกดอก เหมือนงูกินหางไม่มีจบไม่มมีสิ้น
    หรือตัวเลือกสุดท้าย ยัดเข้าระบบคนละครึ่งของลุงตู่
    ระยะเวลาจากกลางเดือนถึงปลายเดือน การเสนอครม.
    การอนุมัติ จนถึงกระบวนการทางเทคนิค ยังไงก็ไม่ทัน
    ดังนั้น ต้องขอแสดงความเสียใจกับคนที่เฝ้ารอ
    งานนี้ไม่ง่าย มีโอกาสเป็นหมัน สูงมาก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #พี่คิงส์ก็ช่วยลุ้นแฟนคลับเพื่อไทยมาโดยตลอด ดิจิม่อน เอ้ย ดิจิตอลวอลเล็ต ซึ่งพลาดก็ตั้งแต่แนวคิดกระดุมเม็ดแรกแล้ว นายกนิดก็โล่งใจ บินไปดูบอลอังกฤษ ส่วนอิ๊ง ก็โดนป่ะป๊าให้มาเป็นหุ่นเชิด ระบบวอลเล็ตมันไปไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขติดตอหลายตอ เลยจะเปลี่ยนแบบชุ่ยๆ ใส่บัตรคนจน ต่อเนื่องจนถึงบัตรเกษตรกร แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น ตอแรก... ครม.ยังไม่เรียบร้อย แต่ต้องจ่ายก่อนสิ้นเดือนกย.67 ถ้าจ่ายไม่ทัน ต้องคืนคลังทันที ถ้าไม่ทันก็โดนร้อง ตอที่สอง.... กระบวนการอย่างเร็วสุด ครม.จะจัดทัพก็กลางเดือน กย.67 แปลว่า ต้องเอาเข้าครมหลังจากนั้น ในขณะที่ พรรคร่วมจะแตกแถวมั๊ย เพราะถ้าอนุมัติไป ผิดเงื่อนไข จากวอลเลทเป็นเงินสด คนโหวตโดนด้วย ตอที่สาม... กรณีสร้างโครงการวอลเลท คือแนวคิดให้เงินหมุนเวียน ต้องรอบที่สองรอบที่สามถึงมาเบิกเป็นเงินสดได้ ต่างจากการจ่ายสดมันไม่เกิดพายุหมุนอย่างที่แจงกับครม.ไว้ เพราะการจ่ายสดไม่ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นลักษณะของเงินสงเคราะห์ ถ้าจ่ายสด ก็โดนร้อง ผิด พรบ.มาตรา 9 วินัยการเงินการคลัง และถ้ายังดันทุรังจ่ายสดอีก กลายเป็นสร้างความนิยมทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดนร้องอีกดอก เหมือนงูกินหางไม่มีจบไม่มมีสิ้น หรือตัวเลือกสุดท้าย ยัดเข้าระบบคนละครึ่งของลุงตู่ ระยะเวลาจากกลางเดือนถึงปลายเดือน การเสนอครม. การอนุมัติ จนถึงกระบวนการทางเทคนิค ยังไงก็ไม่ทัน ดังนั้น ต้องขอแสดงความเสียใจกับคนที่เฝ้ารอ งานนี้ไม่ง่าย มีโอกาสเป็นหมัน สูงมาก #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 863 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts