• ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT

    การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง

    ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช.

    และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ

    ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที

    ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย

    1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568

    2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน

    4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite)

    5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels)

    6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย

    #Newskit
    ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช. และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย 1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568 2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า 3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน 4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite) 5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels) 6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย #Newskit
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • ผมเฉยๆกับหมอไห่นะ แต่ถ้าให้หมอฉันชาย หมอสุภัทร หมออั้ม หมอฉิก หมอ นพ. จากพรรคประชาชนพม่า หมอพม่าที่ไหนก็ตามแต่ หรือหมอตระกูล ส. และเกี่ยวดองหาผลประโยชน์กับ สปสช. มานาน มาเป็นประธาน กสทช. ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ เพราะหมอเส็งเคร็งพรรค์นี้จ้องจะเล่นแต่ทรูค่ายเดียว เอไอเอสกลับไม่เล่นงาน
    ผมเฉยๆกับหมอไห่นะ แต่ถ้าให้หมอฉันชาย หมอสุภัทร หมออั้ม หมอฉิก หมอ นพ. จากพรรคประชาชนพม่า หมอพม่าที่ไหนก็ตามแต่ หรือหมอตระกูล ส. และเกี่ยวดองหาผลประโยชน์กับ สปสช. มานาน มาเป็นประธาน กสทช. ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ เพราะหมอเส็งเคร็งพรรค์นี้จ้องจะเล่นแต่ทรูค่ายเดียว เอไอเอสกลับไม่เล่นงาน
    สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    13
    0 Comments 1 Shares 965 Views 0 Reviews
  • Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? - 070368(Full)
    Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? (Full)
    - ปฏิบัติการส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน
    - “ฉีกหน้ากาก”ชาติตะวันตก ใช้ “ซินเจียง-อุยกูร์” บ่อนทำลาย “จีน”
    - ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ
    - เกมเลือกข้าง ? “รัสเซีย-ทวาย”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #อุยกูร์ #ซินเจียง #กสทช #รัสเซียพม่า #ทวาย #อุยกูรย์กลับจีน
    Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? - 070368(Full) Sondhitalk EP 283 : ใครชักใย “แก็งปั่นอุยกูร์”? (Full) - ปฏิบัติการส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน - “ฉีกหน้ากาก”ชาติตะวันตก ใช้ “ซินเจียง-อุยกูร์” บ่อนทำลาย “จีน” - ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ - เกมเลือกข้าง ? “รัสเซีย-ทวาย” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #อุยกูร์ #ซินเจียง #กสทช #รัสเซียพม่า #ทวาย #อุยกูรย์กลับจีน
    Like
    Love
    Wow
    Haha
    Yay
    123
    3 Comments 1 Shares 2547 Views 325 18 Reviews
  • เฮลโล กระทรวง DE กับ กสทช อยู่ไหน มาโปรโมทหน่อยเร็ว !!!

    Electronic Frontier Foundation (EFF) ได้เปิดตัวเครื่องมือโอเพ่นซอร์สชื่อ 'Rayhunter' เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจจับเครื่องจำลองเซลล์ไซต์ (CSS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ IMSI catchers หรือ Stingrays เครื่องมือเหล่านี้สามารถปลอมเป็นสถานีฐานโทรศัพท์มือถือเพื่อหลอกให้โทรศัพท์เชื่อมต่อ และสามารถจับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้ และอาจดักจับการสื่อสารได้

    เครื่องมือ Rayhunter ทำงานโดยจับและวิเคราะห์การจราจรสัญญาณควบคุมระหว่างจุดเชื่อมต่อเคลื่อนที่กับสถานีฐานที่เชื่อมต่ออยู่ โดยไม่ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ Rayhunter จะตรวจสอบการสื่อสารในแบบเรียลไทม์และค้นหาเหตุการณ์ที่น่าสงสัย เช่น การที่สถานีฐานพยายามลดระดับการเชื่อมต่อของคุณเป็น 2G ที่อ่อนแอต่อการโจมตี หรือการที่สถานีฐานขอ IMSI ของคุณในสภาวะที่น่าสงสัย

    เครื่องมือนี้สามารถใช้งานบนอุปกรณ์พกพา Orbic RC400L ซึ่งเป็นโมเด็ม 4G LTE ที่มีราคาถูกเพียง 20 ดอลลาร์ และมีจำหน่ายทั่วไป การใช้เครื่องมือ Rayhunter นี้ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ที่มีการรูทหรือซอฟต์แวร์วิทยุที่มีราคาแพง

    เมื่อ Rayhunter ตรวจพบการสื่อสารเครือข่ายที่น่าสงสัย หน้าจอของ Orbic จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจากสีเขียว/น้ำเงินปกติ เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงการโจมตี Stingray ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดบันทึก PCAP จากอุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือใช้เพื่อสนับสนุนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/open-source-tool-rayhunter-helps-users-detect-stingray-attacks/
    เฮลโล กระทรวง DE กับ กสทช อยู่ไหน มาโปรโมทหน่อยเร็ว !!! Electronic Frontier Foundation (EFF) ได้เปิดตัวเครื่องมือโอเพ่นซอร์สชื่อ 'Rayhunter' เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจจับเครื่องจำลองเซลล์ไซต์ (CSS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ IMSI catchers หรือ Stingrays เครื่องมือเหล่านี้สามารถปลอมเป็นสถานีฐานโทรศัพท์มือถือเพื่อหลอกให้โทรศัพท์เชื่อมต่อ และสามารถจับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้ และอาจดักจับการสื่อสารได้ เครื่องมือ Rayhunter ทำงานโดยจับและวิเคราะห์การจราจรสัญญาณควบคุมระหว่างจุดเชื่อมต่อเคลื่อนที่กับสถานีฐานที่เชื่อมต่ออยู่ โดยไม่ตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ Rayhunter จะตรวจสอบการสื่อสารในแบบเรียลไทม์และค้นหาเหตุการณ์ที่น่าสงสัย เช่น การที่สถานีฐานพยายามลดระดับการเชื่อมต่อของคุณเป็น 2G ที่อ่อนแอต่อการโจมตี หรือการที่สถานีฐานขอ IMSI ของคุณในสภาวะที่น่าสงสัย เครื่องมือนี้สามารถใช้งานบนอุปกรณ์พกพา Orbic RC400L ซึ่งเป็นโมเด็ม 4G LTE ที่มีราคาถูกเพียง 20 ดอลลาร์ และมีจำหน่ายทั่วไป การใช้เครื่องมือ Rayhunter นี้ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ที่มีการรูทหรือซอฟต์แวร์วิทยุที่มีราคาแพง เมื่อ Rayhunter ตรวจพบการสื่อสารเครือข่ายที่น่าสงสัย หน้าจอของ Orbic จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจากสีเขียว/น้ำเงินปกติ เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ถึงการโจมตี Stingray ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดบันทึก PCAP จากอุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือใช้เพื่อสนับสนุนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/open-source-tool-rayhunter-helps-users-detect-stingray-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Open-source tool 'Rayhunter' helps users detect Stingray attacks
    The Electronic Frontier Foundation (EFF) has released a free, open-source tool named Rayhunter that is designed to detect cell-site simulators (CSS), also known as IMSI catchers or Stingrays.
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์

    การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท

    สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย

    สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท

    #Newskit
    รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์ การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท #Newskit
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • คุณธรรมกี่โมง!!

    วิจารณ์สนั่น! ละครคุณธรรมกี่โมง มีเนื้อหาภาพโป๊เปลือย หวั่นเด็กเลียนแบบพฤติกรรม

    #News1 #Newsstory #ละครคุณธรรม #คุณธรรมกี่โมง #เนื้อหาไม่เหมาะสม #กสทช
    คุณธรรมกี่โมง!! วิจารณ์สนั่น! ละครคุณธรรมกี่โมง มีเนื้อหาภาพโป๊เปลือย หวั่นเด็กเลียนแบบพฤติกรรม #News1 #Newsstory #ละครคุณธรรม #คุณธรรมกี่โมง #เนื้อหาไม่เหมาะสม #กสทช
    0 Comments 0 Shares 427 Views 15 0 Reviews
  • SCOOP : 088-888-8888 เบอร์นี้ 10 ล้านบาท

    การประมูลเลขหมายสวย ครั้งที่ 1/2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีเลขหมายสวยที่มีผู้ชนะการประมูลรวม 99 เลขหมาย จากทั้งหมด 310 เลขหมาย รวมเป็นเงินประมูลทั้งสิ้น 119,173,000 บาท รายได้จากการประมูลนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน โดยเลขหมายสวยที่มีราคาการประมูลสูงที่สุด ได้แก่ หมายเลข 088-888-8888 ราคาที่ชนะประมูล 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาขั้นต่ำที่ กสทช. กำหนด โดยลดราคาลงมาจากที่ตั้งราคาก่อนหน้านี้ 20 ล้านบาท นับว่าขายออกเสียที หลังรอคอยมานาน 8 ปี ส่วนหมายเลข 099-999-9999 ปรากฎว่าไม่มีผู้เสนอราคา จึงยังคงขายไม่ออกในขณะนี้

    สำหรับเลขหมายที่ชนะการประมูลด้วยราคาสูงรองลงมา ได้แก่ 064-444-4444 ราคาที่ชนะประมูล 5,600,000 บาท อันดับสาม 090-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 3,060,000 บาท อันดับสี่ 090-777-7777 ราคาที่ชนะประมูล 3,000,000 บาท และอันดับห้า 091-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 2,970,000 บาท ส่วนเลขหมายที่ได้รับความนิยมในการประมูลครั้งนี้ คือ เลขหมาย 6 ตัวเหมือนติดกัน มีผู้เสนอราคา 61 ราย สูงที่สุดในกลุ่มได้แก่ 093-366-6666 ราคาที่ชนะประมูล 770,000 บาท รองลงมาคือ 090-566-6666 ราคาที่ชนะประมูล 750,000 บาท และอันดับสาม 088-966-6666 ราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท ส่วนหมายเลข 099-988-9999 ที่ตั้งราคาเริ่มต้น 50,000 บาท พบว่าราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,410%

    การประมูลเลขหมายสวย จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 โดยนำเลขหมายที่ได้จัดสรรเลขสวยเก็บไว้เกือบ 500,000 เลขหมาย เพื่อนำมาเปิดประมูล โดยมีลักษณะเดียวกับการเปิดประมูลทะเบียนรถยนต์ ของกรมการขนส่งทางบก มีลักษณะเฉพาะพิเศษ ที่หายากและได้รับความนิยมในตลาด และเลขหมายสวยมากบางประเภทไม่เคยมีจำหน่ายในท้องตลาดมาก่อน ที่ผ่านมาจัดการประมูลไปแล้ว 5 ครั้ง รวม 533 เลขหมาย รายได้ 321,304,652 บาท แต่ได้เว้นวรรคการประมูล 5 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ก่อนจะประมูลอีกครั้ง คาดว่าจะมีเลขหมายประมูลสะสม 632 เลขหมาย รายได้ 440,477,652 บาท

    สำหรับการประมูลในครั้งต่อไปติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://auction.nbtc.go.th

    ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 กสทช.จัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่สะสม 133,276,500 เลขหมาย แบ่งเป็นเอไอเอส 52,273,621 เลขหมาย ทรู 43,852,839 เลขหมาย ดีแทค 28,016,060 โทรคมนาคมแห่งชาติ 9,033,372 เลขหมาย และบริษัทผู้ให้บริการ MVNO จำนวน 100,608 เลขหมาย

    #Newskit
    SCOOP : 088-888-8888 เบอร์นี้ 10 ล้านบาท การประมูลเลขหมายสวย ครั้งที่ 1/2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีเลขหมายสวยที่มีผู้ชนะการประมูลรวม 99 เลขหมาย จากทั้งหมด 310 เลขหมาย รวมเป็นเงินประมูลทั้งสิ้น 119,173,000 บาท รายได้จากการประมูลนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน โดยเลขหมายสวยที่มีราคาการประมูลสูงที่สุด ได้แก่ หมายเลข 088-888-8888 ราคาที่ชนะประมูล 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาขั้นต่ำที่ กสทช. กำหนด โดยลดราคาลงมาจากที่ตั้งราคาก่อนหน้านี้ 20 ล้านบาท นับว่าขายออกเสียที หลังรอคอยมานาน 8 ปี ส่วนหมายเลข 099-999-9999 ปรากฎว่าไม่มีผู้เสนอราคา จึงยังคงขายไม่ออกในขณะนี้ สำหรับเลขหมายที่ชนะการประมูลด้วยราคาสูงรองลงมา ได้แก่ 064-444-4444 ราคาที่ชนะประมูล 5,600,000 บาท อันดับสาม 090-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 3,060,000 บาท อันดับสี่ 090-777-7777 ราคาที่ชนะประมูล 3,000,000 บาท และอันดับห้า 091-666-6666 ราคาที่ชนะประมูล 2,970,000 บาท ส่วนเลขหมายที่ได้รับความนิยมในการประมูลครั้งนี้ คือ เลขหมาย 6 ตัวเหมือนติดกัน มีผู้เสนอราคา 61 ราย สูงที่สุดในกลุ่มได้แก่ 093-366-6666 ราคาที่ชนะประมูล 770,000 บาท รองลงมาคือ 090-566-6666 ราคาที่ชนะประมูล 750,000 บาท และอันดับสาม 088-966-6666 ราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท ส่วนหมายเลข 099-988-9999 ที่ตั้งราคาเริ่มต้น 50,000 บาท พบว่าราคาที่ชนะประมูล 705,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,410% การประมูลเลขหมายสวย จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 โดยนำเลขหมายที่ได้จัดสรรเลขสวยเก็บไว้เกือบ 500,000 เลขหมาย เพื่อนำมาเปิดประมูล โดยมีลักษณะเดียวกับการเปิดประมูลทะเบียนรถยนต์ ของกรมการขนส่งทางบก มีลักษณะเฉพาะพิเศษ ที่หายากและได้รับความนิยมในตลาด และเลขหมายสวยมากบางประเภทไม่เคยมีจำหน่ายในท้องตลาดมาก่อน ที่ผ่านมาจัดการประมูลไปแล้ว 5 ครั้ง รวม 533 เลขหมาย รายได้ 321,304,652 บาท แต่ได้เว้นวรรคการประมูล 5 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ก่อนจะประมูลอีกครั้ง คาดว่าจะมีเลขหมายประมูลสะสม 632 เลขหมาย รายได้ 440,477,652 บาท สำหรับการประมูลในครั้งต่อไปติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://auction.nbtc.go.th ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 กสทช.จัดสรรเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่สะสม 133,276,500 เลขหมาย แบ่งเป็นเอไอเอส 52,273,621 เลขหมาย ทรู 43,852,839 เลขหมาย ดีแทค 28,016,060 โทรคมนาคมแห่งชาติ 9,033,372 เลขหมาย และบริษัทผู้ให้บริการ MVNO จำนวน 100,608 เลขหมาย #Newskit
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 373 Views 0 Reviews
  • เพจตำรวจภูธรภาค 2 แจงงานตัดริบบิ้นไม่ใช่กรณีปิดสวิตช์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เป็นงานเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    วันนี้ (12 ก.พ.) จากกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว "ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกสทช. ตัดริบบิ้นปิดสวิตช์สัญญาณอินเทอร์เน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์" จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จากการตรวจสอบกับเพจเฟซบุ๊กตำรวจภูธรภาค 2 พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการจัดงานต่อเนื่องกัน 3 งาน โดยงานแรก เป็นการแถลงข่าวเรื่องยุทธการอรัญ 68 Seal Border ซึ่งเริ่มดำเนินการมาได้ 1 เดือนแล้ว ตามนโยบายรัฐบาล

    ส่วนงานที่มีการตัดริบบิ้น คือ กรณี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมตัดริบบิ้นเปิดศูนย์ NRM (National Referral Mechanism) จ.สระแก้ว ตั้งอยู่ที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเป็นทางการ

    พิธีเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญและเล็งเห็นถึงปัญหาที่นักท่องเที่ยวต้องเผชิญ เช่น การถูกหลอกลวง โดนโกง ทำของหาย หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ รวมถึงความเดือดร้อนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ประสานงานแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014205

    #MGROnline #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยว #ผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    เพจตำรวจภูธรภาค 2 แจงงานตัดริบบิ้นไม่ใช่กรณีปิดสวิตช์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เป็นงานเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ • วันนี้ (12 ก.พ.) จากกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว "ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับกสทช. ตัดริบบิ้นปิดสวิตช์สัญญาณอินเทอร์เน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์" จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จากการตรวจสอบกับเพจเฟซบุ๊กตำรวจภูธรภาค 2 พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการจัดงานต่อเนื่องกัน 3 งาน โดยงานแรก เป็นการแถลงข่าวเรื่องยุทธการอรัญ 68 Seal Border ซึ่งเริ่มดำเนินการมาได้ 1 เดือนแล้ว ตามนโยบายรัฐบาล • ส่วนงานที่มีการตัดริบบิ้น คือ กรณี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมตัดริบบิ้นเปิดศูนย์ NRM (National Referral Mechanism) จ.สระแก้ว ตั้งอยู่ที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเป็นทางการ • พิธีเปิดศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญและเล็งเห็นถึงปัญหาที่นักท่องเที่ยวต้องเผชิญ เช่น การถูกหลอกลวง โดนโกง ทำของหาย หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ รวมถึงความเดือดร้อนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ประสานงานแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014205 • #MGROnline #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยว #ผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    0 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
  • “ภูมิธรรม” ตรวจชายแดนสระแก้ว ส่งกำลังใจ จนท.สู้ภัยออนไลน์-ภัยมนุษย์ เข้ม หากพบใครพัวพันทำผิดดึงพ้นพื้นที่ก่อน สั่งทหาร-ตร.คุมเข้มชายแดน รับข้อเสนอ ผวจ.สระแก้ว กำหนดความสูงเสาสัญญาณมือถือ ขอ 385 ล้านทำรั้วชายแดน ตั้งสถานกงสุลดูแลคนไทยใน 8 จังหวัดเขมร ด้าน กสทช.จ่อรื้อเสาใกล้ชายแดน 1 กม.พร้อมลดกำลังส่ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014139

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ภูมิธรรม” ตรวจชายแดนสระแก้ว ส่งกำลังใจ จนท.สู้ภัยออนไลน์-ภัยมนุษย์ เข้ม หากพบใครพัวพันทำผิดดึงพ้นพื้นที่ก่อน สั่งทหาร-ตร.คุมเข้มชายแดน รับข้อเสนอ ผวจ.สระแก้ว กำหนดความสูงเสาสัญญาณมือถือ ขอ 385 ล้านทำรั้วชายแดน ตั้งสถานกงสุลดูแลคนไทยใน 8 จังหวัดเขมร ด้าน กสทช.จ่อรื้อเสาใกล้ชายแดน 1 กม.พร้อมลดกำลังส่ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014139 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 812 Views 0 Reviews
  • “ภูมิธรรม” ส่งกำลังใจ จนท.สู้ภัยออนไลน์-ภัยมนุษย์ เข้ม หากพบใครพัวพันทำผิดดึงพ้นพื้นที่ก่อน สั่ง ทหาร-ตร.คุมเข้มชายแดน กสทช.ใช้มาตรการ “ซิม,สาย,เสา” ตัดวงจร แก๊งค์คอลฯ รับข้อเสนอผวจ.สระแก้ว ชง 3 ข้อ “กำหนดความสูงเสาสัญญาณ-ทำรั้วชายแดน-ตั้งสถานกงสุล” แก้ปัญหาพื้นที่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014139

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ภูมิธรรม” ส่งกำลังใจ จนท.สู้ภัยออนไลน์-ภัยมนุษย์ เข้ม หากพบใครพัวพันทำผิดดึงพ้นพื้นที่ก่อน สั่ง ทหาร-ตร.คุมเข้มชายแดน กสทช.ใช้มาตรการ “ซิม,สาย,เสา” ตัดวงจร แก๊งค์คอลฯ รับข้อเสนอผวจ.สระแก้ว ชง 3 ข้อ “กำหนดความสูงเสาสัญญาณ-ทำรั้วชายแดน-ตั้งสถานกงสุล” แก้ปัญหาพื้นที่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014139 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 702 Views 0 Reviews
  • นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เผยแพร่บทความเรื่อง “มาตรฐานการใช้อำนาจหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗ มีเนื้อหา ดังนี้

    ด้วยเห็นว่าบรรดาคำวิจารณ์ต่อคำพิพากษาศาลคดีทุจริต ให้จำคุก อาจารย์พิรงรอง รามสูต ๒ ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง กสทช. โดยมิชอบ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์กันระงมอยู่ในทุกวันนี้นั้น ยังคลาดเคลื่อนตกหล่น ไม่เพียงพอต่อการรับรู้โดยสมบูรณ์ ของสาธารณะ จำต้องขอวิพากษ์ให้ปรากฏในทำนอง ถาม-ตอบ ไว้ ดังต่อไปนี้


    ๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗

    “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

    ๒) กฎหมายมีช่องว่าง ???

    ถาม : TRUE ID ที่อ้างว่าตนถูกอาจารย์พิรงรอง ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเสียหายนั้น เขาเสนอบริการอะไร ต่อเราครับ
    ตอบ : เขาทำแพลตฟอร์ม ที่เรียกว่า OTT (Over The Top) คือ มีกล่องสัญญาณ รวมเอารายการทั้งปวง ที่ทีวีดิจิตอล หรือเคเบิลทีวี ถ่ายทอดออกมา มารวมไว้เป็นบริการให้เราเปิดเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทำให้เราไม่จำต้องเฝ้ารอดูหน้าจอ ตามเวลาที่ ทีวีเขาถ่ายทอดอีกต่อไป OTT แบบนี้ มีมากมาย มีทั้งที่ขายสมาชิกภาพ เช่น Netflix หรือ เข้าถึงได้โดยเสรี เช่น TRUE ID

    ถาม : กิจการพวกนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือครับ

    ตอบ : กิจการแบบ OTT นี้ อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นถนนขนส่งข้อมูล ไม่ได้อาศัยคลื่นความถี่ที่กฎหมายไทยถือเป็นทรัพยากรของชาติ กฎหมาย กสทช.ปัจจุบันจึงยังไม่มีระบบใบอนุญาตมาควบคุมเหมือนทีวี ทำให้เถียงกันมาหลายปีแล้วว่า รัฐควรมีอำนาจควบคุม หรือไม่ อย่างไร

    ถาม : อาจารย์ว่าเราควรมีไหม

    ตอบ : อินเตอร์เน็ตมันเป็นทางหลวงของโลกไปแล้ว คุณจะให้ NETFLIX ที่เป็น OTT ชนิด ข้ามชาติข้ามโลก มาขออนุญาต กสทช.ไทย มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเก่งบางรัฐเขาก็ทำได้แค่ ห้ามถ่ายทอดรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามเท่านั้น

    ถาม : เมื่อยังไม่มีกฎหมาย แล้วมันเกิดคดีระหว่างทรู กับอาจารย์พิรงรอง ได้อย่างไร
    ตอบ : มีผู้มาร้องเรียนต่อ กสทช. ว่า OTT ของทรู มีโฆษณาคอยแทรกตอนเปลี่ยนรายการอยู่ด้วยทุกครั้ง ผู้ร้องอ้างว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค

    ถาม : อ้าว…เมื่อเขาต้องลงทุน เขาก็ต้องโฆษณาหารายได้เป็นธรรมดา ใจคอคุณจะต้องบริโภคฟรีทุกอย่างเลยหรือ ไม่ชอบก็ไปดูแพลทฟอร์มอื่น สิครับ
    ตอบ : ในชั้นพิจารณาคำร้องทุกข์ TRUE ID นี้ ก็ยุติกันตรงจุดนี้เหมือนกัน ว่า เรายังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมเขา เรื่องก็เลยยุติไป แต่ปรากฏว่า อาจารย์พิรงรอง ไม่ยอมยุติ กลับนำปัญหานี้เข้ามาในอนุกรรมการใบอนุญาตโทรทัศน์ ที่ตนเป็นประธาน เพื่อผลักดัน จัดการกับ TRUE ID ให้ได้

    ๓) ยุทธการตลบหลัง!
    ถาม : เขาไม่ใช่ทีวี แล้ว กสทช. จะไปจัดการเขาได้อย่างไร
    ตอบ : หลังจากถกเถียงกันอยู่นานในที่ประชุมอนุกรรมการกำกับใบอนุญาตโทรทัศน์ อาจารย์พิรงรอง ก็ผลักดันออกมาจนเป็นความเห็นได้ว่า แม้จะยังไม่มีกฎหมายคุม OTT แต่เราก็มีอำนาจตามกฎหมาย ทีวี เตือนไปยังทีวีทั้งหมด ทั้ง ดิจิตอลและเคเบิ้ล ได้ว่า คุณจะถ่ายทอดได้ก็แต่เฉพาะช่องทางที่เราอนุญาตไว้ และถ้ามีรายการประเภทบังคับให้ถ่ายทอด ( Must Carry) คุณก็จะให้มีโฆษณาปรากฏด้วย ไม่ได้

    ถาม : หมายความว่า จะจัดการให้พวกทีวี ต้องยอมปฏิเสธ ไม่ให้พวก OTT เอารายการของตน ไปใส่กล่องสัญญาณ เช่นนั้นหรือ
    ตอบ : ถูกต้องครับ เมื่อยังไม่มีกฎหมาย OTT เราก็ใช้กฎหมายทีวีนี่แหละ ไป “ตลบหลัง” บีบทีวีทั้งหลาย ให้ปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทอดรายการของตนได้ ซึ่งหลังจากเถียงกันอยู่นาน ในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังสือเตือนถึง ทีวี ๑๒๗ เจ้า เมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ จนได้

    ๔) ล้มยักษ์!


    ถาม : เขาเตือนมาเป็นการทั่วไป ตามการตีความกฎหมายของเขา ถูกผิดอย่างไร ก็ไปให้ศาลปกครองชี้ขาดได้ ทำไม ทรู มาฟ้องเป็นคดีอาญา เอาถึงติดคุก ๒ ปี แบบนี้
    ตอบ : มันมีการออกหนังสือเตือนฉบับที่สอง เตือนซ้ำมาอีกครั้ง เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖ ครั้งนี้เติมความมาอีกว่า การถ่ายทอดทีวี ผ่านช่องทางอื่น เช่น OTT นั้น OTT ดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตด้วย จากนั้นก็เลยระบุถึง TRUE ID โดยเจาะจงเลยว่า รายนี้ยังใม่ได้ขออนุญาต จึงเรียนมาให้ทุกท่านทราบ และทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย

    พอออกหนังสือเตือนเติมมาอย่างนี้แล้ว อาจารย์พิรงรอง ก็สั่งให้แก้ไขรายงานการประชุม เพิ่มความลงไปอีกว่า ที่ประชุมมีมติให้ ระบุ กรณี TRUE ID ลงไปในคำเตือนด้วย



    ถาม : เห็นศาลระบุว่า รายงานส่วนที่เติมนี้เป็นความเท็จ คือ ที่ประชุมไม่ได้มีมติเช่นนั้นเลย
    ตอบ : ครับ คดียังได้ความจากเทปประชุมอีกนะครับว่า อาจารย์พิรงรอง พูดว่า งานนี้เราต้องเตียมตัว “ล้มยักษ์” พอศาล ถามว่า “ยักษ์” ในที่นี้คือใคร อาจารย์ก็รับกับศาลว่า ตนหมายถึง TRUE ID เรื่องมันก็เลยชัดเจนต่อศาล ว่า กสทช. คนนี้ใช้อำนาจหน้าที่ครั้งที่สองนี้ เพื่อมุ่งจัดการกับกล่องสัญญาณของทรู โดยเฉพาะ

    ทรู เขาเห็นว่า อยู่ดีๆ มาหยิบเฉพาะกล่องสัญญาณของเขารายเดียว มาระบุว่า ยังไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่า กสทช. ยังไม่มีประกาศรับอนุญาตกล่องสัญญาณ OTT เลย การระบุชื่อเขาขึ้นมาลอยๆ ในคำเตือนอย่างนี้ ยังผลทำให้ทีวีช่องต่างๆ พากันไม่ไว้วางใจที่จะตกลงกับ TRUE ID อีกต่อไป ทรูเขาก็เลยอ้างความเสียหายนี้มาฟ้อง ๑๕๗ ในที่สุด

    ถาม : เทปรายงานการประชุมที่ว่านี้ ฝ่ายต่อต้านเอ็นจีโอใน กสทช. ต้องส่งมาให้ TRUE แน่ๆ เลย
    ตอบ : ผมพอรู้จักคนใน กสทช.อยู่บ้าง ได้เช็กกับเขาแล้ว พบว่า เทปนี้ปรากฏขึ้นในศาลเองครับ เพราะชั้นแรก ทรู ฟ้อง ผอ.ที่ลงนามในหนังสือเท่านั้น ผอ.คนนี้ก็เลยต้องเอาเทปมาแสดงต่อศาลว่า ตนทำตามคำสั่งของประธาน ที่สั่งไว้อย่างนี้ ทรูเลยหันมาฟ้องอาจารย์พิรงรอง ในที่สุด

    ๕) “ความผิด” ตามคำพิพากษา


    ถาม : สรุปแล้วหนังสือเตือนฉบับนี้ ผิดพลาดจากกฎหมายอย่างไร
    ตอบ : ที่ชัดเป็นข้อแรก คือ การตีความกฎหมายทีวี ไปตลบหลังจัดการกับ OTT อย่างนี้ มันมีประเด็นต้องเถียงกันได้อีกมากว่า ทำได้โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องสำคัญอย่างนี้ต้องผ่านมติ กสทช.ก่อน อนุกรรมการที่คุมทีวี ไม่มีอำนาจชี้ขาดเอง เตือนเองได้เลย ตรงจุดนี้นับเป็นพฤติการณ์ล้ำหน้าชัดเจน

    ถาม : แล้วการแต่งรายงานประชุมเป็นเท็จ ล่ะครับ
    ตอบ : นั่นแสดงถึงความไม่สุจริต จะเอาให้ได้ดั่งใจตนให้จงได้ ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมไม่ได้มีมติอย่างนั้น และค้านกันไว้ระงมว่า ทำไม่ได้ ถูกฟ้องได้ ก็ไม่ยอมเชื่อ

    ถาม : แล้วใครยอมออกหนังสือเตือนเป็นทางการ ในนาม กสทช.
    ตอบ : เป็นระดับ ผอ.เท่านั้น เพราะระดับ รองเลขาฯ กสทช. ไม่ยอมลงนาม รู้ทัน พากันติดราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดกันหมด มี ผอ.ใจถึง ยอมอยู่คนเดียว ท่านก็เลยโดนฟ้องไปด้วย

    ถาม : ลำพังออกหนังสือเตือนโดยไม่ผ่านมติ กสทช. ไม่ผ่านมติอนุกรรมการ ก็ติดคุก ผิด ๑๕๗ เลยหรือครับ
    ตอบ : มันมีองค์ประกอบข้อสองมาสมทบว่า นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเท่านั้น แต่มันมีเจตนาพิเศษยืนอยู่ในใจ ทำไปเพื่อจะให้ TRUE ID เขาเสียหาย การทำรายงานการประชุมเป็นเท็จ ดื้อดึง เติมคดี TRUE ID ลงไปในหนังสือเตือนฉบับที่สอง ด้วยคำรับว่าจะ “ล้มยักษ์” นั้น มันแสดงชัดเจนว่า งานนี้ไม่ใช่คำเตือนทั่วไปเพื่อแก้ปัญหาทั่วไป หากแต่มุ่งจะจัดการกับทรู เท่านั้น จริงๆ
    แม้ภายหลังจากที่เกิดเป็นคดีแล้ว จะมีการเตือนเพิ่มเติมไปถึง OTT ของ AIS เพื่อให้ดูดีขึ้น เที่ยงธรรมขึ้น ก็ตาม แต่นั่นก็สายเกินการไปเสียแล้ว

    ถาม : ตกลง อาจารย์เห็นว่า ศาลอาญาคดีทุจริต ไม่ได้ใช้มาตรา ๑๕๗ โดยพร่ำเพื่อ อย่างที่เขาวิพากษ์กันใช่ไหมครับ
    ตอบ : “ตัวการกระทำ” มันนอกกฎหมายจริงๆ ส่วน “ตัวคน” ก็มีเจตนาทำไปเพื่อจะให้เขาเสียหายชัดเจน ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เห็นทางจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ทราบจริงๆ ว่า ใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาจารย์ พามาตายกลางถนนอย่างนี้ได้อย่างไร

    คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะฝังใจคิดทำเพื่อมวลมหาผู้บริโภค จนเป็นความสุจริตฝังแน่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม แต่ตำแหน่ง กสทช.ที่คุณเข้ามานั่งนั้น มันมีกรอบกฎหมายรอครอบหัวคุณอยู่เสมอว่า ตัวคุณนั้นไม่มีอำนาจในตัวเอง เรืองแสงด้วยตัวเองไม่ได้ อย่าทำอะไรที่เกินกฎหมาย และต้องเที่ยงตรงเสมอภาคทุกครั้ง

    ถาม : ความเสมอภาคที่ว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เข้าทำนองว่า นโยบายกวาดล้างซ่องของท่านผู้กำกับนั้นถูกต้องก็จริง แต่ท่านจะประกาศออกมาเพื่อจ้องจับอยู่ซ่องเดียว ไม่ได้ ใช่มั้ยครับ
    ตอบ : ถูกต้อง…ถ้ากฎหมายถูกเลือกใช้ได้ตามอำเภอใจ มันก็ไม่ใช่กฎหมายแล้ว ประเทศไทยเรานี้ มีปัญหาเรื่องความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายแบบนี้มากจริงๆ นะครับ

    คุณดูสิ… ขนาดไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ยังทำได้เลย เห็นไหม แล้วอย่างนี้บ้านเมืองเราจะไปรอดได้อย่างไร ?????
    นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เผยแพร่บทความเรื่อง “มาตรฐานการใช้อำนาจหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗ มีเนื้อหา ดังนี้ ด้วยเห็นว่าบรรดาคำวิจารณ์ต่อคำพิพากษาศาลคดีทุจริต ให้จำคุก อาจารย์พิรงรอง รามสูต ๒ ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง กสทช. โดยมิชอบ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์กันระงมอยู่ในทุกวันนี้นั้น ยังคลาดเคลื่อนตกหล่น ไม่เพียงพอต่อการรับรู้โดยสมบูรณ์ ของสาธารณะ จำต้องขอวิพากษ์ให้ปรากฏในทำนอง ถาม-ตอบ ไว้ ดังต่อไปนี้ ๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ” ๒) กฎหมายมีช่องว่าง ??? ถาม : TRUE ID ที่อ้างว่าตนถูกอาจารย์พิรงรอง ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเสียหายนั้น เขาเสนอบริการอะไร ต่อเราครับ ตอบ : เขาทำแพลตฟอร์ม ที่เรียกว่า OTT (Over The Top) คือ มีกล่องสัญญาณ รวมเอารายการทั้งปวง ที่ทีวีดิจิตอล หรือเคเบิลทีวี ถ่ายทอดออกมา มารวมไว้เป็นบริการให้เราเปิดเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทำให้เราไม่จำต้องเฝ้ารอดูหน้าจอ ตามเวลาที่ ทีวีเขาถ่ายทอดอีกต่อไป OTT แบบนี้ มีมากมาย มีทั้งที่ขายสมาชิกภาพ เช่น Netflix หรือ เข้าถึงได้โดยเสรี เช่น TRUE ID ถาม : กิจการพวกนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือครับ ตอบ : กิจการแบบ OTT นี้ อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นถนนขนส่งข้อมูล ไม่ได้อาศัยคลื่นความถี่ที่กฎหมายไทยถือเป็นทรัพยากรของชาติ กฎหมาย กสทช.ปัจจุบันจึงยังไม่มีระบบใบอนุญาตมาควบคุมเหมือนทีวี ทำให้เถียงกันมาหลายปีแล้วว่า รัฐควรมีอำนาจควบคุม หรือไม่ อย่างไร ถาม : อาจารย์ว่าเราควรมีไหม ตอบ : อินเตอร์เน็ตมันเป็นทางหลวงของโลกไปแล้ว คุณจะให้ NETFLIX ที่เป็น OTT ชนิด ข้ามชาติข้ามโลก มาขออนุญาต กสทช.ไทย มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเก่งบางรัฐเขาก็ทำได้แค่ ห้ามถ่ายทอดรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามเท่านั้น ถาม : เมื่อยังไม่มีกฎหมาย แล้วมันเกิดคดีระหว่างทรู กับอาจารย์พิรงรอง ได้อย่างไร ตอบ : มีผู้มาร้องเรียนต่อ กสทช. ว่า OTT ของทรู มีโฆษณาคอยแทรกตอนเปลี่ยนรายการอยู่ด้วยทุกครั้ง ผู้ร้องอ้างว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ถาม : อ้าว…เมื่อเขาต้องลงทุน เขาก็ต้องโฆษณาหารายได้เป็นธรรมดา ใจคอคุณจะต้องบริโภคฟรีทุกอย่างเลยหรือ ไม่ชอบก็ไปดูแพลทฟอร์มอื่น สิครับ ตอบ : ในชั้นพิจารณาคำร้องทุกข์ TRUE ID นี้ ก็ยุติกันตรงจุดนี้เหมือนกัน ว่า เรายังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมเขา เรื่องก็เลยยุติไป แต่ปรากฏว่า อาจารย์พิรงรอง ไม่ยอมยุติ กลับนำปัญหานี้เข้ามาในอนุกรรมการใบอนุญาตโทรทัศน์ ที่ตนเป็นประธาน เพื่อผลักดัน จัดการกับ TRUE ID ให้ได้ ๓) ยุทธการตลบหลัง! ถาม : เขาไม่ใช่ทีวี แล้ว กสทช. จะไปจัดการเขาได้อย่างไร ตอบ : หลังจากถกเถียงกันอยู่นานในที่ประชุมอนุกรรมการกำกับใบอนุญาตโทรทัศน์ อาจารย์พิรงรอง ก็ผลักดันออกมาจนเป็นความเห็นได้ว่า แม้จะยังไม่มีกฎหมายคุม OTT แต่เราก็มีอำนาจตามกฎหมาย ทีวี เตือนไปยังทีวีทั้งหมด ทั้ง ดิจิตอลและเคเบิ้ล ได้ว่า คุณจะถ่ายทอดได้ก็แต่เฉพาะช่องทางที่เราอนุญาตไว้ และถ้ามีรายการประเภทบังคับให้ถ่ายทอด ( Must Carry) คุณก็จะให้มีโฆษณาปรากฏด้วย ไม่ได้ ถาม : หมายความว่า จะจัดการให้พวกทีวี ต้องยอมปฏิเสธ ไม่ให้พวก OTT เอารายการของตน ไปใส่กล่องสัญญาณ เช่นนั้นหรือ ตอบ : ถูกต้องครับ เมื่อยังไม่มีกฎหมาย OTT เราก็ใช้กฎหมายทีวีนี่แหละ ไป “ตลบหลัง” บีบทีวีทั้งหลาย ให้ปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทอดรายการของตนได้ ซึ่งหลังจากเถียงกันอยู่นาน ในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังสือเตือนถึง ทีวี ๑๒๗ เจ้า เมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ จนได้ ๔) ล้มยักษ์! ถาม : เขาเตือนมาเป็นการทั่วไป ตามการตีความกฎหมายของเขา ถูกผิดอย่างไร ก็ไปให้ศาลปกครองชี้ขาดได้ ทำไม ทรู มาฟ้องเป็นคดีอาญา เอาถึงติดคุก ๒ ปี แบบนี้ ตอบ : มันมีการออกหนังสือเตือนฉบับที่สอง เตือนซ้ำมาอีกครั้ง เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖ ครั้งนี้เติมความมาอีกว่า การถ่ายทอดทีวี ผ่านช่องทางอื่น เช่น OTT นั้น OTT ดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตด้วย จากนั้นก็เลยระบุถึง TRUE ID โดยเจาะจงเลยว่า รายนี้ยังใม่ได้ขออนุญาต จึงเรียนมาให้ทุกท่านทราบ และทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย พอออกหนังสือเตือนเติมมาอย่างนี้แล้ว อาจารย์พิรงรอง ก็สั่งให้แก้ไขรายงานการประชุม เพิ่มความลงไปอีกว่า ที่ประชุมมีมติให้ ระบุ กรณี TRUE ID ลงไปในคำเตือนด้วย ถาม : เห็นศาลระบุว่า รายงานส่วนที่เติมนี้เป็นความเท็จ คือ ที่ประชุมไม่ได้มีมติเช่นนั้นเลย ตอบ : ครับ คดียังได้ความจากเทปประชุมอีกนะครับว่า อาจารย์พิรงรอง พูดว่า งานนี้เราต้องเตียมตัว “ล้มยักษ์” พอศาล ถามว่า “ยักษ์” ในที่นี้คือใคร อาจารย์ก็รับกับศาลว่า ตนหมายถึง TRUE ID เรื่องมันก็เลยชัดเจนต่อศาล ว่า กสทช. คนนี้ใช้อำนาจหน้าที่ครั้งที่สองนี้ เพื่อมุ่งจัดการกับกล่องสัญญาณของทรู โดยเฉพาะ ทรู เขาเห็นว่า อยู่ดีๆ มาหยิบเฉพาะกล่องสัญญาณของเขารายเดียว มาระบุว่า ยังไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่า กสทช. ยังไม่มีประกาศรับอนุญาตกล่องสัญญาณ OTT เลย การระบุชื่อเขาขึ้นมาลอยๆ ในคำเตือนอย่างนี้ ยังผลทำให้ทีวีช่องต่างๆ พากันไม่ไว้วางใจที่จะตกลงกับ TRUE ID อีกต่อไป ทรูเขาก็เลยอ้างความเสียหายนี้มาฟ้อง ๑๕๗ ในที่สุด ถาม : เทปรายงานการประชุมที่ว่านี้ ฝ่ายต่อต้านเอ็นจีโอใน กสทช. ต้องส่งมาให้ TRUE แน่ๆ เลย ตอบ : ผมพอรู้จักคนใน กสทช.อยู่บ้าง ได้เช็กกับเขาแล้ว พบว่า เทปนี้ปรากฏขึ้นในศาลเองครับ เพราะชั้นแรก ทรู ฟ้อง ผอ.ที่ลงนามในหนังสือเท่านั้น ผอ.คนนี้ก็เลยต้องเอาเทปมาแสดงต่อศาลว่า ตนทำตามคำสั่งของประธาน ที่สั่งไว้อย่างนี้ ทรูเลยหันมาฟ้องอาจารย์พิรงรอง ในที่สุด ๕) “ความผิด” ตามคำพิพากษา ถาม : สรุปแล้วหนังสือเตือนฉบับนี้ ผิดพลาดจากกฎหมายอย่างไร ตอบ : ที่ชัดเป็นข้อแรก คือ การตีความกฎหมายทีวี ไปตลบหลังจัดการกับ OTT อย่างนี้ มันมีประเด็นต้องเถียงกันได้อีกมากว่า ทำได้โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องสำคัญอย่างนี้ต้องผ่านมติ กสทช.ก่อน อนุกรรมการที่คุมทีวี ไม่มีอำนาจชี้ขาดเอง เตือนเองได้เลย ตรงจุดนี้นับเป็นพฤติการณ์ล้ำหน้าชัดเจน ถาม : แล้วการแต่งรายงานประชุมเป็นเท็จ ล่ะครับ ตอบ : นั่นแสดงถึงความไม่สุจริต จะเอาให้ได้ดั่งใจตนให้จงได้ ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมไม่ได้มีมติอย่างนั้น และค้านกันไว้ระงมว่า ทำไม่ได้ ถูกฟ้องได้ ก็ไม่ยอมเชื่อ ถาม : แล้วใครยอมออกหนังสือเตือนเป็นทางการ ในนาม กสทช. ตอบ : เป็นระดับ ผอ.เท่านั้น เพราะระดับ รองเลขาฯ กสทช. ไม่ยอมลงนาม รู้ทัน พากันติดราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดกันหมด มี ผอ.ใจถึง ยอมอยู่คนเดียว ท่านก็เลยโดนฟ้องไปด้วย ถาม : ลำพังออกหนังสือเตือนโดยไม่ผ่านมติ กสทช. ไม่ผ่านมติอนุกรรมการ ก็ติดคุก ผิด ๑๕๗ เลยหรือครับ ตอบ : มันมีองค์ประกอบข้อสองมาสมทบว่า นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเท่านั้น แต่มันมีเจตนาพิเศษยืนอยู่ในใจ ทำไปเพื่อจะให้ TRUE ID เขาเสียหาย การทำรายงานการประชุมเป็นเท็จ ดื้อดึง เติมคดี TRUE ID ลงไปในหนังสือเตือนฉบับที่สอง ด้วยคำรับว่าจะ “ล้มยักษ์” นั้น มันแสดงชัดเจนว่า งานนี้ไม่ใช่คำเตือนทั่วไปเพื่อแก้ปัญหาทั่วไป หากแต่มุ่งจะจัดการกับทรู เท่านั้น จริงๆ แม้ภายหลังจากที่เกิดเป็นคดีแล้ว จะมีการเตือนเพิ่มเติมไปถึง OTT ของ AIS เพื่อให้ดูดีขึ้น เที่ยงธรรมขึ้น ก็ตาม แต่นั่นก็สายเกินการไปเสียแล้ว ถาม : ตกลง อาจารย์เห็นว่า ศาลอาญาคดีทุจริต ไม่ได้ใช้มาตรา ๑๕๗ โดยพร่ำเพื่อ อย่างที่เขาวิพากษ์กันใช่ไหมครับ ตอบ : “ตัวการกระทำ” มันนอกกฎหมายจริงๆ ส่วน “ตัวคน” ก็มีเจตนาทำไปเพื่อจะให้เขาเสียหายชัดเจน ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เห็นทางจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ทราบจริงๆ ว่า ใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาจารย์ พามาตายกลางถนนอย่างนี้ได้อย่างไร คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะฝังใจคิดทำเพื่อมวลมหาผู้บริโภค จนเป็นความสุจริตฝังแน่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม แต่ตำแหน่ง กสทช.ที่คุณเข้ามานั่งนั้น มันมีกรอบกฎหมายรอครอบหัวคุณอยู่เสมอว่า ตัวคุณนั้นไม่มีอำนาจในตัวเอง เรืองแสงด้วยตัวเองไม่ได้ อย่าทำอะไรที่เกินกฎหมาย และต้องเที่ยงตรงเสมอภาคทุกครั้ง ถาม : ความเสมอภาคที่ว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เข้าทำนองว่า นโยบายกวาดล้างซ่องของท่านผู้กำกับนั้นถูกต้องก็จริง แต่ท่านจะประกาศออกมาเพื่อจ้องจับอยู่ซ่องเดียว ไม่ได้ ใช่มั้ยครับ ตอบ : ถูกต้อง…ถ้ากฎหมายถูกเลือกใช้ได้ตามอำเภอใจ มันก็ไม่ใช่กฎหมายแล้ว ประเทศไทยเรานี้ มีปัญหาเรื่องความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายแบบนี้มากจริงๆ นะครับ คุณดูสิ… ขนาดไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ยังทำได้เลย เห็นไหม แล้วอย่างนี้บ้านเมืองเราจะไปรอดได้อย่างไร ?????
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 370 Views 0 Reviews
  • นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “มาตรฐานการใช้อำนาจหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗

    ด้วยเห็นว่าบรรดาคำวิจารณ์ต่อคำพิพากษาศาลคดีทุจริต ให้จำคุกอาจารย์พิรงรอง รามสูต ๒ ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง กสทช. โดยมิชอบ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์กันระงมอยู่ในทุกวันนี้นั้น ยังคลาดเคลื่อนตกหล่น ไม่เพียงพอต่อการรับรู้โดยสมบูรณ์ของสาธารณะ จำต้องขอวิพากษ์ให้ปรากฏในทำนอง ถาม-ตอบ ไว้ ดังต่อไปนี้

    ๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗

    “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”

    ๒) กฎหมายมีช่องว่าง???

    - ถาม TRUE ID ที่อ้างว่าตนถูกอาจารย์พิรงรองใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ตนเสียหายนั้น เขาเสนอบริการอะไร
    ต่อเราครับ

    ตอบ เขาทำแพลทฟอ์มที่เรียกว่า OTT (Over The Top) คือมีกล่องสัญญาณรวมเอารายการทั้งปวง ที่ทีวีดิจิตอล หรือเคเบิลทีวี ถ่ายทอดออกมา มารวมไว้เป็นบริการให้เราเปิดเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทำให้เราไม่จำต้องเฝ้ารอดูหน้าจอตามเวลาที่ ทีวีเขาถ่ายทอดอีกต่อไป OTT แบบนี้ มีมากมาย มีทั้งที่ขายสมาชิกภาพ เช่น Netflix หรือเข้าถึงได้โดยเสรีเช่น TRUE ID

    - ถาม กิจการพวกนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือครับ

    ตอบ กิจการแบบ OTT นี้อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นถนนขนส่งข้อมูล ไม่ได้อาศัยคลื่นความถี่ . ที่กฎหมายไทยถือเป็นทรัพยากรของชาติ กฎหมาย กสทช.ปัจจุบันจึงยังไม่มีระบบใบอนุญาตมาควบคุมเหมือนทีวี ทำให้เถียงกันมาหลายปีแล้วว่ารัฐควรมีอำนาจควบคุมหรือไม่ อย่างไร

    - ถาม อาจารย์ว่าเราควรมีไหม

    ตอบ อินเตอร์เน็ตมันเป็นทางหลวงของโลกไปแล้ว คุณจะให้ NETFLIX ที่เป็น OTT ชนิด ข้ามชาติข้ามโลก มาขออนุญาต กสทช.ไทย มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเก่งบางรัฐเขาก็ทำได้แค่ห้ามถ่ายทอดรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามเท่านั้น

    - ถาม เมื่อยังไม่มีกฎหมายแล้วมันเกิดคดีระหว่างทรูกับอาจารย์พิรงรองได้อย่างไร

    ตอบ มีผู้มาร้องเรียนต่อ กสทช.ว่า OTT ของทรู มีโฆษณาคอยแทรกตอนเปลี่ยนรายการอยู่ด้วยทุกครั้ง ผู้ร้องอ้างว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค

    - ถาม อ้าว…เมื่อเขาต้องลงทุน เขาก็ต้องโฆษณาหารายได้เป็นธรรมดา ใจคอคุณจะต้องบริโภคฟรีทุกอย่างเลยหรือ ไม่ชอบก็ไปดูแพลทฟอร์มอื่นสิครับ

    ตอบ ในชั้นพิจารณาคำร้องทุกข์ TRUE ID นี้ ก็ยุติกันตรงจุดนี้เหมือนกันว่า เรายังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมเขา เรื่องก็เลยยุติไป แต่ปรากฏว่าอาจารย์พิรงรอง ไม่ยอมยุติ กลับนำปัญหานี้เข้ามาในอนุกรรมการใบอนุญาตโทรทัศน์ที่ตนเป็นประธาน เพื่อผลักดันจัดการกับ TRUE ID ให้ได้

    ๓) ยุทธการตลบหลัง!

    - ถาม เขาไม่ใช่ทีวี แล้ว กสทช.จะไปจัดการเขาได้อย่างไร

    ตอบ หลังจากถกเถียงกันอยู่นานในที่ประชุมอนุกรรมการกำกับใบอนุญาตโทรทัศน์ อาจารย์พิรงรองก็ผลักดันออกมาจนเป็นความเห็นได้ว่า แม้จะยังไม่มีกฎหมายคุม OTT แต่เราก็มีอำนาจตามกฎหมาย ทีวี เตือนไปยังทีวีทั้งหมดทั้ง ดิจิตอลและเคเบิ้ลได้ว่า คุณจะถ่ายทอดได้ก็แต่เฉพาะช่องทางที่เราอนุญาตไว้ และถ้ามีรายการประเภทบังคับให้ถ่ายทอด ( Must Carry) คุณก็จะให้มีโฆษณาปรากฏด้วยไม่ได้

    - ถาม หมายความว่า จะจัดการให้พวกทีวี ต้องยอมปฏิเสธไม่ให้พวก OTT เอารายการของตนไปใส่กล่องสัญญาณ เช่นนั้นหรือ

    ตอบ ถูกต้องครับ เมื่อยังไม่มีกฎหมาย OTT เราก็ใช้กฎหมายทีวีนี่แหละ ไป“ตลบหลัง”บีบทีวีทั้งหลายให้ปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทอดรายการของตนได้ ซึ่งหลังจากเถียงกันอยู่นานในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังสือเตือนถึงทีวี ๑๒๗ เจ้า เมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ จนได้

    ๔) ล้มยักษ์!

    - ถาม เขาเตือนมาเป็นการทั่วไป ตามการตีความกฎหมายของเขา ถูกผิดอย่างไรก็ไปให้ศาลปกครองชี้ขาดได้ ทำไมทรูมาฟ้องเป็นคดีอาญาเอาถึงติดคุก ๒ ปีแบบนี้

    ตอบ มันมีการออกหนังสือเตือนฉบับที่สองเตือนซ้ำมาอีกครั้ง เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖ ครั้งนี้เติมความมาอีกว่า การถ่ายทอดทีวีผ่านช่องทางอื่นเช่น OTT นั้น OTT ดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตด้วย จากนั้นก็เลยระบุถึงTRUE ID โดยเจาะจงเลยว่า รายนี้ยังใม่ได้ขออนุญาต จึงเรียนมาให้ทุกท่านทราบและทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย

    พอออกหนังสือเตือนเติมมาอย่างนี้แล้ว อาจารย์พิรงรอง ก็สั่งให้แก้ไขรายงานการประชุมเพิ่มความลงไปอีกว่าที่ประชุมมีมติให้ระบุ กรณี TRUE IDลงไปในคำเตือนด้วย

    - ถาม เห็นศาลระบุว่า รายงานส่วนที่เติมนี้เป็นความเท็จ คือที่ประชุมไม่ได้มีมติเช่นนั้นเลย

    ตอบ ครับ คดียังได้ความจากเทปประชุมอีกนะครับว่า อาจารย์พิรงรอง พูดว่า งานนี้เราต้องเตียมตัว ”ล้มยักษ์” พอศาลถามว่า “ยักษ์”ในที่นี้คือใคร อาจารย์ก็รับกับศาลว่าตนหมายถึง TRUE ID เรื่องมันก็เลยชัดเจนต่อศาลว่า กสทช.คนนี้ใช้อำนาจหน้าที่ครั้งที่สองนี้ เพื่อมุ่งจัดการกับกล่องสัญญาณของทรูโดยเฉพาะ

    ทรูเขาเห็นว่า อยู่ดีๆ มาหยิบเฉพาะกล่องสัญญาณของเขารายเดียว มาระบุว่ายังไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่า กสทช.ยังไม่มีประกาศรับอนุญาตกล่องสัญญาณ OTT เลย การระบุชื่อเขาขึ้นมาลอยๆ ในคำเตือนอย่างนี้ ยังผลทำให้ทีวีช่องต่างๆ พากันไม่ไว้วางใจที่จะตกลงกับ TRUE ID อีกต่อไป ทรูเขาก็เลยอ้างความเสียหายนี้มาฟ้อง ๑๕๗ ในที่สุด

    - ถาม เทปรายงานการประชุมที่ว่านี้ ฝ่ายต่อต้านเอ็นจีโอ ใน กสทช. ต้องส่งมาให้ TRUE แน่ๆ เลย

    ตอบ ผมพอรู้จักคนใน กสทช. อยู่บ้าง ได้เช็กกับเขาแล้วพบว่า เทปนี้ปรากฏขึ้นในศาลเองครับ เพราะชั้นแรกทรูฟ้อง ผอ.ที่ลงนามในหนังสือ เท่านั้น ผอ.คนนี้ก็เลยต้องเอาเทปมาแสดงต่อศาลว่า ตนทำตามคำสั่งของประธานที่สั่งไว้อย่างนี้ ทรูเลยหันมาฟ้องอาจารย์พิรงรองในที่สุด

    ๕) “ความผิด” ตามคำพิพากษา

    - ถาม สรุปแล้วหนังสือเตือนฉบับนี้ ผิดพลาดจากกฎหมายอย่างไร

    ตอบ ที่ชัดเป็นข้อแรก คือการตีความกฎหมายทีวีไปตลบหลังจัดการกับ OTT อย่างนี้มันมีประเด็นต้องเถียงกันได้อีกมากว่า ทำได้โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องสำคัญอย่างนี้ต้องผ่านมติ กสทช.ก่อน อนุกรรมการที่คุมทีวีไม่มีอำนาจชี้ขาดเองเตือนเองได้เลย ตรงจุดนี้นับเป็นพฤติการณ์ล้ำหน้าชัดเจน

    - ถาม แล้วการแต่งรายงานประชุมเป็นเท็จล่ะครับ

    ตอบ นั่นแสดงถึงความไม่สุจริต จะเอาให้ได้ดั่งใจตนให้จงได้ ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมไม่ได้มีมติอย่างนั้น และค้านกันไว้ระงมว่าทำไม่ได้ ถูกฟ้องได้ ก็ไม่ยอมเชื่อ

    - ถาม แล้วใครยอมออกหนังสือเตือนเป็นทางการ ในนาม กสทช.

    ตอบ เป็นระดับ ผอ.เท่านั้น เพราะระดับรองเลขาฯ กสทช. ไม่ยอมลงนาม รู้ทัน พากันติดราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดกันหมด มี ผอ.ใจถึง ยอมอยู่คนเดียว ท่านก็เลยโดนฟ้องไปด้วย

    - ถาม ลำพังออกหนังสือเตือนโดยไม่ผ่านมติ กสทช. ไม่ผ่านมติอนุกรรมการ ก็ติดคุกผิด ๑๕๗ เลยหรือครับ

    ตอบ มันมีองค์ประกอบข้อสองมาสมทบว่า นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเท่านั้น แต่มันมีเจตนาพิเศษยืนอยู่ในใจ ทำไปเพื่อจะให้ TRUE ID เขาเสียหาย การทำรายงานการประชุมเป็นเท็จ ดื้อดึงเติมคดี TRUE ID ลงไปในหนังสือเตือนฉบับที่สอง ด้วยคำรับว่าจะ “ล้มยักษ์”นั้น มันแสดงชัดเจนว่า งานนี้ไม่ใช่คำเตือนทั่วไปเพื่อแก้ปัญหาทั่วไป หากแต่มุ่งจะจัดการกับทรูเท่านั้นจริงๆ

    แม้ภายหลังจากที่เกิดเป็นคดีแล้ว จะมีการเตือนเพิ่มเติมไปถึง OTT ของ AIS เพื่อให้ดูดีขึ้นเที่ยงธรรมขึ้นก็ตาม แต่นั่นก็สายเกินการไปเสียแล้ว

    - ถาม ตกลง อาจารย์เห็นว่า ศาลอาญาคดีทุจริตไม่ได้ใช้มาตรา ๑๕๗ โดยพร่ำเพื่อ อย่างที่เขาวิพากษ์กันใช่ไหมครับ

    ตอบ “ตัวการกระทำ”มันนอกกฎหมายจริงๆ ส่วน “ตัวคน” ก็มีเจตนาทำไปเพื่อจะให้เขาเสียหายชัดเจน ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เห็นทางจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ทราบจริงๆ ว่าใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาจารย์ พามาตายกลางถนนอย่างนี้ได้อย่างไร

    คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะ ฝังใจคิดทำเพื่อมวลมหาผู้บริโภค จนเป็นความสุจริตฝังแน่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม แต่ตำแหน่ง กสทช. ที่คุณเข้ามานั่งนั้น มันมีกรอบกฎหมายรอครอบหัวคุณอยู่เสมอว่า ตัวคุณนั้นไม่มีอำนาจในตัวเอง เรืองแสงด้วยตัวเองไม่ได้ อย่าทำอะไรที่เกินกฎหมายและต้องเที่ยงตรงเสมอภาคทุกครั้ง

    - ถาม ความเสมอภาคที่ว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เข้าทำนองว่า นโยบายกวาดล้างซ่องของ
    ท่านผู้กำกับนั้น ถูกต้องก็จริง แต่ท่านจะประกาศออกมาเพื่อจ้องจับอยู่ซ่องเดียว
    ไม่ได้ ใช่มั้ยครับ

    ตอบ ถูกต้อง…ถ้ากฎหมายถูกเลือกใช้ได้ตามอำเภอใจ มันก็ไม่ใช่กฎหมายแล้ว ประเทศ
    ไทยเรานี้ มีปัญหาเรื่องความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายแบบนี้มากจริงๆ นะครับ

    คุณดูสิ… ขนาดไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ยังทำได้เลยเห็นไหม แล้วอย่างนี้บ้านเมืองเราจะไปรอดได้อย่างไร?????

    .
    https://www.thaipost.net/hi-light/737423/
    นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “มาตรฐานการใช้อำนาจหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗ ด้วยเห็นว่าบรรดาคำวิจารณ์ต่อคำพิพากษาศาลคดีทุจริต ให้จำคุกอาจารย์พิรงรอง รามสูต ๒ ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง กสทช. โดยมิชอบ ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์กันระงมอยู่ในทุกวันนี้นั้น ยังคลาดเคลื่อนตกหล่น ไม่เพียงพอต่อการรับรู้โดยสมบูรณ์ของสาธารณะ จำต้องขอวิพากษ์ให้ปรากฏในทำนอง ถาม-ตอบ ไว้ ดังต่อไปนี้ ๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ” ๒) กฎหมายมีช่องว่าง??? - ถาม TRUE ID ที่อ้างว่าตนถูกอาจารย์พิรงรองใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ตนเสียหายนั้น เขาเสนอบริการอะไร ต่อเราครับ ตอบ เขาทำแพลทฟอ์มที่เรียกว่า OTT (Over The Top) คือมีกล่องสัญญาณรวมเอารายการทั้งปวง ที่ทีวีดิจิตอล หรือเคเบิลทีวี ถ่ายทอดออกมา มารวมไว้เป็นบริการให้เราเปิดเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทำให้เราไม่จำต้องเฝ้ารอดูหน้าจอตามเวลาที่ ทีวีเขาถ่ายทอดอีกต่อไป OTT แบบนี้ มีมากมาย มีทั้งที่ขายสมาชิกภาพ เช่น Netflix หรือเข้าถึงได้โดยเสรีเช่น TRUE ID - ถาม กิจการพวกนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือครับ ตอบ กิจการแบบ OTT นี้อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นถนนขนส่งข้อมูล ไม่ได้อาศัยคลื่นความถี่ . ที่กฎหมายไทยถือเป็นทรัพยากรของชาติ กฎหมาย กสทช.ปัจจุบันจึงยังไม่มีระบบใบอนุญาตมาควบคุมเหมือนทีวี ทำให้เถียงกันมาหลายปีแล้วว่ารัฐควรมีอำนาจควบคุมหรือไม่ อย่างไร - ถาม อาจารย์ว่าเราควรมีไหม ตอบ อินเตอร์เน็ตมันเป็นทางหลวงของโลกไปแล้ว คุณจะให้ NETFLIX ที่เป็น OTT ชนิด ข้ามชาติข้ามโลก มาขออนุญาต กสทช.ไทย มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเก่งบางรัฐเขาก็ทำได้แค่ห้ามถ่ายทอดรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามเท่านั้น - ถาม เมื่อยังไม่มีกฎหมายแล้วมันเกิดคดีระหว่างทรูกับอาจารย์พิรงรองได้อย่างไร ตอบ มีผู้มาร้องเรียนต่อ กสทช.ว่า OTT ของทรู มีโฆษณาคอยแทรกตอนเปลี่ยนรายการอยู่ด้วยทุกครั้ง ผู้ร้องอ้างว่าทำอย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค - ถาม อ้าว…เมื่อเขาต้องลงทุน เขาก็ต้องโฆษณาหารายได้เป็นธรรมดา ใจคอคุณจะต้องบริโภคฟรีทุกอย่างเลยหรือ ไม่ชอบก็ไปดูแพลทฟอร์มอื่นสิครับ ตอบ ในชั้นพิจารณาคำร้องทุกข์ TRUE ID นี้ ก็ยุติกันตรงจุดนี้เหมือนกันว่า เรายังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมเขา เรื่องก็เลยยุติไป แต่ปรากฏว่าอาจารย์พิรงรอง ไม่ยอมยุติ กลับนำปัญหานี้เข้ามาในอนุกรรมการใบอนุญาตโทรทัศน์ที่ตนเป็นประธาน เพื่อผลักดันจัดการกับ TRUE ID ให้ได้ ๓) ยุทธการตลบหลัง! - ถาม เขาไม่ใช่ทีวี แล้ว กสทช.จะไปจัดการเขาได้อย่างไร ตอบ หลังจากถกเถียงกันอยู่นานในที่ประชุมอนุกรรมการกำกับใบอนุญาตโทรทัศน์ อาจารย์พิรงรองก็ผลักดันออกมาจนเป็นความเห็นได้ว่า แม้จะยังไม่มีกฎหมายคุม OTT แต่เราก็มีอำนาจตามกฎหมาย ทีวี เตือนไปยังทีวีทั้งหมดทั้ง ดิจิตอลและเคเบิ้ลได้ว่า คุณจะถ่ายทอดได้ก็แต่เฉพาะช่องทางที่เราอนุญาตไว้ และถ้ามีรายการประเภทบังคับให้ถ่ายทอด ( Must Carry) คุณก็จะให้มีโฆษณาปรากฏด้วยไม่ได้ - ถาม หมายความว่า จะจัดการให้พวกทีวี ต้องยอมปฏิเสธไม่ให้พวก OTT เอารายการของตนไปใส่กล่องสัญญาณ เช่นนั้นหรือ ตอบ ถูกต้องครับ เมื่อยังไม่มีกฎหมาย OTT เราก็ใช้กฎหมายทีวีนี่แหละ ไป“ตลบหลัง”บีบทีวีทั้งหลายให้ปฏิเสธไม่ให้ถ่ายทอดรายการของตนได้ ซึ่งหลังจากเถียงกันอยู่นานในที่สุดก็ออกมาเป็นหนังสือเตือนถึงทีวี ๑๒๗ เจ้า เมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ จนได้ ๔) ล้มยักษ์! - ถาม เขาเตือนมาเป็นการทั่วไป ตามการตีความกฎหมายของเขา ถูกผิดอย่างไรก็ไปให้ศาลปกครองชี้ขาดได้ ทำไมทรูมาฟ้องเป็นคดีอาญาเอาถึงติดคุก ๒ ปีแบบนี้ ตอบ มันมีการออกหนังสือเตือนฉบับที่สองเตือนซ้ำมาอีกครั้ง เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖ ครั้งนี้เติมความมาอีกว่า การถ่ายทอดทีวีผ่านช่องทางอื่นเช่น OTT นั้น OTT ดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตด้วย จากนั้นก็เลยระบุถึงTRUE ID โดยเจาะจงเลยว่า รายนี้ยังใม่ได้ขออนุญาต จึงเรียนมาให้ทุกท่านทราบและทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัดด้วย พอออกหนังสือเตือนเติมมาอย่างนี้แล้ว อาจารย์พิรงรอง ก็สั่งให้แก้ไขรายงานการประชุมเพิ่มความลงไปอีกว่าที่ประชุมมีมติให้ระบุ กรณี TRUE IDลงไปในคำเตือนด้วย - ถาม เห็นศาลระบุว่า รายงานส่วนที่เติมนี้เป็นความเท็จ คือที่ประชุมไม่ได้มีมติเช่นนั้นเลย ตอบ ครับ คดียังได้ความจากเทปประชุมอีกนะครับว่า อาจารย์พิรงรอง พูดว่า งานนี้เราต้องเตียมตัว ”ล้มยักษ์” พอศาลถามว่า “ยักษ์”ในที่นี้คือใคร อาจารย์ก็รับกับศาลว่าตนหมายถึง TRUE ID เรื่องมันก็เลยชัดเจนต่อศาลว่า กสทช.คนนี้ใช้อำนาจหน้าที่ครั้งที่สองนี้ เพื่อมุ่งจัดการกับกล่องสัญญาณของทรูโดยเฉพาะ ทรูเขาเห็นว่า อยู่ดีๆ มาหยิบเฉพาะกล่องสัญญาณของเขารายเดียว มาระบุว่ายังไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่า กสทช.ยังไม่มีประกาศรับอนุญาตกล่องสัญญาณ OTT เลย การระบุชื่อเขาขึ้นมาลอยๆ ในคำเตือนอย่างนี้ ยังผลทำให้ทีวีช่องต่างๆ พากันไม่ไว้วางใจที่จะตกลงกับ TRUE ID อีกต่อไป ทรูเขาก็เลยอ้างความเสียหายนี้มาฟ้อง ๑๕๗ ในที่สุด - ถาม เทปรายงานการประชุมที่ว่านี้ ฝ่ายต่อต้านเอ็นจีโอ ใน กสทช. ต้องส่งมาให้ TRUE แน่ๆ เลย ตอบ ผมพอรู้จักคนใน กสทช. อยู่บ้าง ได้เช็กกับเขาแล้วพบว่า เทปนี้ปรากฏขึ้นในศาลเองครับ เพราะชั้นแรกทรูฟ้อง ผอ.ที่ลงนามในหนังสือ เท่านั้น ผอ.คนนี้ก็เลยต้องเอาเทปมาแสดงต่อศาลว่า ตนทำตามคำสั่งของประธานที่สั่งไว้อย่างนี้ ทรูเลยหันมาฟ้องอาจารย์พิรงรองในที่สุด ๕) “ความผิด” ตามคำพิพากษา - ถาม สรุปแล้วหนังสือเตือนฉบับนี้ ผิดพลาดจากกฎหมายอย่างไร ตอบ ที่ชัดเป็นข้อแรก คือการตีความกฎหมายทีวีไปตลบหลังจัดการกับ OTT อย่างนี้มันมีประเด็นต้องเถียงกันได้อีกมากว่า ทำได้โดยชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องสำคัญอย่างนี้ต้องผ่านมติ กสทช.ก่อน อนุกรรมการที่คุมทีวีไม่มีอำนาจชี้ขาดเองเตือนเองได้เลย ตรงจุดนี้นับเป็นพฤติการณ์ล้ำหน้าชัดเจน - ถาม แล้วการแต่งรายงานประชุมเป็นเท็จล่ะครับ ตอบ นั่นแสดงถึงความไม่สุจริต จะเอาให้ได้ดั่งใจตนให้จงได้ ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมไม่ได้มีมติอย่างนั้น และค้านกันไว้ระงมว่าทำไม่ได้ ถูกฟ้องได้ ก็ไม่ยอมเชื่อ - ถาม แล้วใครยอมออกหนังสือเตือนเป็นทางการ ในนาม กสทช. ตอบ เป็นระดับ ผอ.เท่านั้น เพราะระดับรองเลขาฯ กสทช. ไม่ยอมลงนาม รู้ทัน พากันติดราชการต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดกันหมด มี ผอ.ใจถึง ยอมอยู่คนเดียว ท่านก็เลยโดนฟ้องไปด้วย - ถาม ลำพังออกหนังสือเตือนโดยไม่ผ่านมติ กสทช. ไม่ผ่านมติอนุกรรมการ ก็ติดคุกผิด ๑๕๗ เลยหรือครับ ตอบ มันมีองค์ประกอบข้อสองมาสมทบว่า นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเท่านั้น แต่มันมีเจตนาพิเศษยืนอยู่ในใจ ทำไปเพื่อจะให้ TRUE ID เขาเสียหาย การทำรายงานการประชุมเป็นเท็จ ดื้อดึงเติมคดี TRUE ID ลงไปในหนังสือเตือนฉบับที่สอง ด้วยคำรับว่าจะ “ล้มยักษ์”นั้น มันแสดงชัดเจนว่า งานนี้ไม่ใช่คำเตือนทั่วไปเพื่อแก้ปัญหาทั่วไป หากแต่มุ่งจะจัดการกับทรูเท่านั้นจริงๆ แม้ภายหลังจากที่เกิดเป็นคดีแล้ว จะมีการเตือนเพิ่มเติมไปถึง OTT ของ AIS เพื่อให้ดูดีขึ้นเที่ยงธรรมขึ้นก็ตาม แต่นั่นก็สายเกินการไปเสียแล้ว - ถาม ตกลง อาจารย์เห็นว่า ศาลอาญาคดีทุจริตไม่ได้ใช้มาตรา ๑๕๗ โดยพร่ำเพื่อ อย่างที่เขาวิพากษ์กันใช่ไหมครับ ตอบ “ตัวการกระทำ”มันนอกกฎหมายจริงๆ ส่วน “ตัวคน” ก็มีเจตนาทำไปเพื่อจะให้เขาเสียหายชัดเจน ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เห็นทางจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ทราบจริงๆ ว่าใครเป็นที่ปรึกษากฎหมายของอาจารย์ พามาตายกลางถนนอย่างนี้ได้อย่างไร คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะ ฝังใจคิดทำเพื่อมวลมหาผู้บริโภค จนเป็นความสุจริตฝังแน่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตาม แต่ตำแหน่ง กสทช. ที่คุณเข้ามานั่งนั้น มันมีกรอบกฎหมายรอครอบหัวคุณอยู่เสมอว่า ตัวคุณนั้นไม่มีอำนาจในตัวเอง เรืองแสงด้วยตัวเองไม่ได้ อย่าทำอะไรที่เกินกฎหมายและต้องเที่ยงตรงเสมอภาคทุกครั้ง - ถาม ความเสมอภาคที่ว่านี้ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เข้าทำนองว่า นโยบายกวาดล้างซ่องของ ท่านผู้กำกับนั้น ถูกต้องก็จริง แต่ท่านจะประกาศออกมาเพื่อจ้องจับอยู่ซ่องเดียว ไม่ได้ ใช่มั้ยครับ ตอบ ถูกต้อง…ถ้ากฎหมายถูกเลือกใช้ได้ตามอำเภอใจ มันก็ไม่ใช่กฎหมายแล้ว ประเทศ ไทยเรานี้ มีปัญหาเรื่องความไม่เสมอภาคภายใต้กฎหมายแบบนี้มากจริงๆ นะครับ คุณดูสิ… ขนาดไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ยังทำได้เลยเห็นไหม แล้วอย่างนี้บ้านเมืองเราจะไปรอดได้อย่างไร????? . https://www.thaipost.net/hi-light/737423/
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 Reviews
  • 5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน

    📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥

    📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
    จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡

    🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย

    🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง
    เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท

    🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว
    เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม

    นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫

    ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม
    🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก
    📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้

    🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์
    📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย

    🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช
    📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์

    🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช
    📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน
    📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨
    📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส
    📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง

    ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช
    เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ...
    🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้?
    🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่?
    🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์
    🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ

    📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต
    📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ
    📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย

    🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
    ห้างเทอร์มินอล 21
    เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง

    🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่
    - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร
    - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร
    - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง

    📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน
    - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว
    - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ

    📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568

    📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน 📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥 📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡 🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย 🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท 🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫 ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม 🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก 📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้ 🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์ 📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย 🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช 📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21 จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ 🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช 📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน 📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨 📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส 📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ... 🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้? 🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่? 🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์ 🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ 📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต 📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ 📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย 🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ห้างเทอร์มินอล 21 เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง 🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ 📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่ - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง 📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ 📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568 📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    0 Comments 0 Shares 582 Views 0 Reviews
  • งานนี้สงครามยังไม่จบ ยังต้องรบกันอีกยาว

    #พิรงรองการ์ดตก #ทางสู้คดียังอีกยาว #กรรมการกสทช #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ

    งานนี้สงครามยังไม่จบ ยังต้องรบกันอีกยาว #พิรงรองการ์ดตก #ทางสู้คดียังอีกยาว #กรรมการกสทช #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    8
    0 Comments 1 Shares 1685 Views 27 0 Reviews
  • พิรงรองจะล้มยักษ์ ยกแรกคุก 2 ปี

    ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องกรณีที่ กสทช.มีหนังสือแจ้งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ไม่ให้นำช่องรายการไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม True ID เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา

    ศาลเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 ประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Over-The-Top หรือ OTT) ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อ 16 ก.พ. 2566 จำเลยทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมนำวาระการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องทรูไอดี และแอปฯ True ID มาพิจารณา แต่ที่ประชุมไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ให้บริการ OTT เช่นเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและกำกับดูแลจาก กสทช. และยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย

    ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ 127 ราย โดยเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ จัดทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. ตามระบบสารบัญ คนที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. สอบถามเหตุผลและความจำเป็นว่าทำไมต้องระบุชื่อ True ID เป็นการเฉพาะ ได้รับแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทำ ต่อมาการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จำเลยต่อว่าและตำหนิฝ่ายเลขานุการที่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID และในรายงานการประชุมครั้งที่ 3/2566 ไม่ได้มีมติให้ทำหนังสือแจ้งถึงบริการ True ID แต่บันทึกรายงานการประชุมกลับระบุว่ามีมติรับรอง อันเป็นการทำเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ

    นอกจากนี้ จำเลยยังได้กล่าวถ้อยคำในการประชุมครั้งที่ 3/2566 พยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมจำเลยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์" และยอมรับว่าหมายถึงโจทก์ สื่อความหมายชัดเจนว่าประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์และใช้อำนาจไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์

    น.ส.พิรงรองได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1.2 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. เช่นเดิม ถึงกระนั้นยังต้องต่อสู้อีกสองศาลที่เหลือ ได้แก่ ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา

    #Newskit
    พิรงรองจะล้มยักษ์ ยกแรกคุก 2 ปี ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องกรณีที่ กสทช.มีหนังสือแจ้งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ไม่ให้นำช่องรายการไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม True ID เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ศาลเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 ประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Over-The-Top หรือ OTT) ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อ 16 ก.พ. 2566 จำเลยทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมนำวาระการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องทรูไอดี และแอปฯ True ID มาพิจารณา แต่ที่ประชุมไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ให้บริการ OTT เช่นเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและกำกับดูแลจาก กสทช. และยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ 127 ราย โดยเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ จัดทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. ตามระบบสารบัญ คนที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. สอบถามเหตุผลและความจำเป็นว่าทำไมต้องระบุชื่อ True ID เป็นการเฉพาะ ได้รับแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทำ ต่อมาการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จำเลยต่อว่าและตำหนิฝ่ายเลขานุการที่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID และในรายงานการประชุมครั้งที่ 3/2566 ไม่ได้มีมติให้ทำหนังสือแจ้งถึงบริการ True ID แต่บันทึกรายงานการประชุมกลับระบุว่ามีมติรับรอง อันเป็นการทำเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ นอกจากนี้ จำเลยยังได้กล่าวถ้อยคำในการประชุมครั้งที่ 3/2566 พยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมจำเลยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์" และยอมรับว่าหมายถึงโจทก์ สื่อความหมายชัดเจนว่าประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์และใช้อำนาจไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์ น.ส.พิรงรองได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1.2 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. เช่นเดิม ถึงกระนั้นยังต้องต่อสู้อีกสองศาลที่เหลือ ได้แก่ ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 533 Views 0 Reviews
  • คำชี้แจงของศาลคือ บริการทรูไอดีตัวนี้ยังไม่มีหลักเกณฑ์การควบคุมจาก กสทช. พูดง่ายๆ กสทช.ไม่มีอำนาจไปทำอะไรเขา เพราะยังไม่มีกฏหมายรองรับว่าสิ่งที่ทรูทำมันผิด

    และจากเอกสารหน้า 3 มีการสร้างเอกสารการประชุมเท็จ
    คำชี้แจงของศาลคือ บริการทรูไอดีตัวนี้ยังไม่มีหลักเกณฑ์การควบคุมจาก กสทช. พูดง่ายๆ กสทช.ไม่มีอำนาจไปทำอะไรเขา เพราะยังไม่มีกฏหมายรองรับว่าสิ่งที่ทรูทำมันผิด และจากเอกสารหน้า 3 มีการสร้างเอกสารการประชุมเท็จ
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • เปิดรายละเอียดคำพิพากษา จำคุก 2 ปี “พิรงรอง” ชี้ทำรายงานประชุมเท็จอ้างมีมติให้เตือนทรูฯ แถมบอกในที่ประชุม “เตรียมตัวจะล้มยักษ์” เล็งใช้วิธีตลบหลังระงับบริการทรูไอดี ทั้งที่ กสทช.ยังไม่มีหลักเกณฑ์กำกับดูแลบริการ OTT ส่อจงใจกลั่นแกล้ง ทำให้โจทก์เสียหาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012168

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เปิดรายละเอียดคำพิพากษา จำคุก 2 ปี “พิรงรอง” ชี้ทำรายงานประชุมเท็จอ้างมีมติให้เตือนทรูฯ แถมบอกในที่ประชุม “เตรียมตัวจะล้มยักษ์” เล็งใช้วิธีตลบหลังระงับบริการทรูไอดี ทั้งที่ กสทช.ยังไม่มีหลักเกณฑ์กำกับดูแลบริการ OTT ส่อจงใจกลั่นแกล้ง ทำให้โจทก์เสียหาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012168 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 Comments 0 Shares 903 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย
    .
    สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง
    .
    ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช.
    .
    ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต)
    .
    อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ
    .
    เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน
    .
    ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้
    .
    แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที
    .
    ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที . วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย . สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง . ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช. . ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต) . อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ . เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน . ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ . แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที . ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    25
    0 Comments 1 Shares 2343 Views 0 Reviews
  • ค่ายมือถือ MVNO ไทยมืดมน ล็อกซเล่ย์อำลา NT ไม่ขอไปต่อ

    ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค. 2568 แม้ว่าลูกค้า NT Mobile มีแผนโอนย้ายลูกค้าคลื่น 850 MHz. จำนวน 1.6 ล้านเลขหมายไปยังคลื่น 700 MHz. แต่ลูกค้าผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ของ NT ที่มีหลักแสนราย กลับไม่มีแผนดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อโอนย้ายลูกค้าไปยังโครงข่ายใหม่ของ NT ประกอบกับต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บางค่ายอาจหายไปจากตลาด

    เช่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ i-Kool 3G ประกาศว่าจะยุติให้บริการ โดยมีแผนที่จะสิ้นสุดบริการในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ลูกค้า i-Kool 3G ต้องย้ายค่ายเบอร์เดิมไปยังผู้ให้บริการรายอื่น หรือปิดเบอร์ ยกเลิกการใช้บริการ แล้วขอรับเงินคืนค่าใช้บริการทั้งหมด ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2568 นับเป็นการปิดฉากธุรกิจ MVNO หลังล็อกซเล่ย์เช่าใช้โครงข่ายและทำตลาดในระบบ 3G บนเครือข่ายของ TOT เมื่อปี 2552 เป็นระยะเวลา 16 ปี

    ขณะที่บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE หนึ่งใน MVNO ของ NT กำลังเจรจากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจในฐานะ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น ราคาความจุ มาตรฐานคุณภาพบริการ ซึ่งเรดวันเป็นแบรนด์ MVNO ของมาเลเซีย ใช้เครือข่าย Celcom Axiata ก่อนเปิดให้บริการในสิงคโปร์ ใช้เครือข่าย StarHub และให้บริการในไทยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564

    MVNO ของ NT นอกจาก i-Kool 3G และ redONE แล้ว ยังมี บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด (Penguin) บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด (Infinite) บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Feels) และบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4) ปัญหาก็คือ นอกจากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแก่ กสทช. เดือนละ 1.50 บาทต่อเบอร์แล้ว ยังต้องจ่ายค่าบริการอื่น ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านของ NT เช่น ระบบ MVNE และการใช้งานอุปกรณ์ HLR เดือนละ 10 บาทต่อเบอร์ ทำให้แข่งขันได้ยาก

    พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการ MVNO หลายรายขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระค่าบริการให้ NT ได้ ประกอบกับต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง กระทบความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ NT กำลังจะหมดอายุ จึงตัดสินใจถอนตัวจากตลาด MVNO ไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ของ กสทช. หากไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาสนับสนุน

    #Newskit
    ค่ายมือถือ MVNO ไทยมืดมน ล็อกซเล่ย์อำลา NT ไม่ขอไปต่อ ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค. 2568 แม้ว่าลูกค้า NT Mobile มีแผนโอนย้ายลูกค้าคลื่น 850 MHz. จำนวน 1.6 ล้านเลขหมายไปยังคลื่น 700 MHz. แต่ลูกค้าผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ของ NT ที่มีหลักแสนราย กลับไม่มีแผนดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อโอนย้ายลูกค้าไปยังโครงข่ายใหม่ของ NT ประกอบกับต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บางค่ายอาจหายไปจากตลาด เช่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ i-Kool 3G ประกาศว่าจะยุติให้บริการ โดยมีแผนที่จะสิ้นสุดบริการในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ลูกค้า i-Kool 3G ต้องย้ายค่ายเบอร์เดิมไปยังผู้ให้บริการรายอื่น หรือปิดเบอร์ ยกเลิกการใช้บริการ แล้วขอรับเงินคืนค่าใช้บริการทั้งหมด ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2568 นับเป็นการปิดฉากธุรกิจ MVNO หลังล็อกซเล่ย์เช่าใช้โครงข่ายและทำตลาดในระบบ 3G บนเครือข่ายของ TOT เมื่อปี 2552 เป็นระยะเวลา 16 ปี ขณะที่บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE หนึ่งใน MVNO ของ NT กำลังเจรจากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจในฐานะ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น ราคาความจุ มาตรฐานคุณภาพบริการ ซึ่งเรดวันเป็นแบรนด์ MVNO ของมาเลเซีย ใช้เครือข่าย Celcom Axiata ก่อนเปิดให้บริการในสิงคโปร์ ใช้เครือข่าย StarHub และให้บริการในไทยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 MVNO ของ NT นอกจาก i-Kool 3G และ redONE แล้ว ยังมี บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด (Penguin) บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด (Infinite) บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Feels) และบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4) ปัญหาก็คือ นอกจากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแก่ กสทช. เดือนละ 1.50 บาทต่อเบอร์แล้ว ยังต้องจ่ายค่าบริการอื่น ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านของ NT เช่น ระบบ MVNE และการใช้งานอุปกรณ์ HLR เดือนละ 10 บาทต่อเบอร์ ทำให้แข่งขันได้ยาก พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการ MVNO หลายรายขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระค่าบริการให้ NT ได้ ประกอบกับต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง กระทบความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ NT กำลังจะหมดอายุ จึงตัดสินใจถอนตัวจากตลาด MVNO ไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ของ กสทช. หากไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาสนับสนุน #Newskit
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 349 Views 0 Reviews
  • กมธ.ปกครอง จี้ สมช.เร่งสแกนหาเพื่อนบ้านเอื้อไฟ ‘แก๊งคอลฯ-ธุรกิจสีเทา’ อีกหรือไม่ เกาะติด กสทช.-ดีอี ฟันซ้ำตัด ‘น้ำมัน-โทรคมนาคม’ ชายแดนเมียนมา เผย กฟภ.มั่นใจสู้คดีได้หากถูกฟ้อง กต.ยันไร้กระทบสัมพันธ์ รบ.พม่า‘ เข้าใจสถานการณ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011869

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กมธ.ปกครอง จี้ สมช.เร่งสแกนหาเพื่อนบ้านเอื้อไฟ ‘แก๊งคอลฯ-ธุรกิจสีเทา’ อีกหรือไม่ เกาะติด กสทช.-ดีอี ฟันซ้ำตัด ‘น้ำมัน-โทรคมนาคม’ ชายแดนเมียนมา เผย กฟภ.มั่นใจสู้คดีได้หากถูกฟ้อง กต.ยันไร้กระทบสัมพันธ์ รบ.พม่า‘ เข้าใจสถานการณ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011869 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 1008 Views 0 Reviews
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติจับมือกสทช. เดินหน้า “ระเบิดสะพานโจร” ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งปิดสวิตซ์เสาสัญญาณ 3 จุดใกล้แนวชายแดน ส่งสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต ขู่เอาผิดคนไทยข้ามแดนไปทำงาน

    วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมสรุปสถานการณ์อาชญากรรมคดีออนไลน์ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่ห้องประชุม ศปก.ตม.จว.สระแก้ว จากนั้นลงพื้นที่บริเวณชายแดนเพื่อตรวจดูตึก 25 ชั้นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่มองเห็นจากฝั่งไทย และลงพื้นที่ข้างเคียงเพื่อตรวจสอบเสา และสายส่งสัญญาณ พร้อมแถลงข่าว ณ ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000124737

    #MGROnline #ระเบิดสะพานโจร
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติจับมือกสทช. เดินหน้า “ระเบิดสะพานโจร” ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งปิดสวิตซ์เสาสัญญาณ 3 จุดใกล้แนวชายแดน ส่งสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต ขู่เอาผิดคนไทยข้ามแดนไปทำงาน • วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมสรุปสถานการณ์อาชญากรรมคดีออนไลน์ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่ห้องประชุม ศปก.ตม.จว.สระแก้ว จากนั้นลงพื้นที่บริเวณชายแดนเพื่อตรวจดูตึก 25 ชั้นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่มองเห็นจากฝั่งไทย และลงพื้นที่ข้างเคียงเพื่อตรวจสอบเสา และสายส่งสัญญาณ พร้อมแถลงข่าว ณ ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000124737 • #MGROnline #ระเบิดสะพานโจร
    0 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • สว.ยัวะ รุมจวก รบ.ไม่เห็นหัว เทตอบ 5 กระทู้ “ยุคล”ตั้งฉายา “นายกฯ นินจา” หนีสภา ด้าน “หมอเปรม” อาลัย “แพทองโพย” ไร้รับผิดชอบ แขวะใส่ชุดนอนตรวจทหาร หิ้วผัวใต้ออกงาน

    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. มีการประชุมวุฒิสภา ช่วงวาระตั้งกระทู้ถามรัฐบาล โดยจะมีการกระทู้ถามถึง 6 กระทู้ ปรากฏว่ามีเพียงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาชี้แจงกระทู้ถาม เรื่องการระงับคลื่นวิทยุของ กสทช. ของน.ส.นันทนา นันทวโรภาส เพียงกระทู้เดียว ส่วนที่เหลืออีก 5 กระทู้นั้น รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีกลับไม่มาชี้แจงแม้แต่คนเดียว

    นายยุคคล ชนะวัฒน์ปัญญา สว.กล่าวว่าการตั้งกระทู้ถามทั้ง 2 เรื่องของตนตั้งถามนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเรื่อง เอ็มโอยู 2544 ที่บังคับใช้ไม่ได้ทำไมถึงไม่ยกเลิก และกรณีเรื่องของว้าแดง อย่างไรก็ดีจากกรณีที่นายกฯ หนีตอบกระทู้ของวุฒิสภา ตนขอตั้งฉายาว่า นายกฯ นินจา อนิจจัง หนีตอบกระทู้ในสภาอย่างน่าสังเวช ทั้งนี้ตนจะสอบถามทุกสัปดาห์ว่านายกฯจะหนีอีกหรือไม่

    ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กล่าวว่า ไม่ว่านายกฯ ที่รับตำแหน่ง 100 วัน ที่ผ่านมานายกฯ แถลงผลงานเมื่อครบ 90 วัน ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนแถลงนโยบายเมื่อทำงานได้ 90 วัน มีแต่ผลงานครบ 1 ปี ซึ่งการรีบแถลงผลงานเหมือนกับจะรีบไป ตนไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเล่นตลกกับสว.แบบนี้ เพราะทำลายระบบการตรวจสอบสว.

    “ผมจะถามว่านายกฯ อายไหมถึงแต่งกายคล้ายชุดนอนมาเดินแถวเกียรติยศ บางงานเอาสามีมาด้วย และแต่งตัวไม่เข้าระบบการทำงานฐานะผู้นำประชาชน ซึ่งการตรวจแถวเกียรติยศ การทำงานของนายกฯ จะมาทำเล่นทำหัวไม่ได้ เอาลูกมาเดินเล่นในทำเนียบไม่ได้ จะบอกว่า แฟมิลี่เกิร์ลไม่ได้ เป็นคนละเรื่องกัน การตรวจสอบเป็นหน้าที่สว. แต่นายกฯไม่เคยให้เกียรติเลย ผมขอไว้อาลัยกับความไร้ความรับผิดชอบของนายกฯ” นพ.เปรมศักดิ์ อภิปราย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000122892

    #MGROnline #สว #วุฒิสภา
    สว.ยัวะ รุมจวก รบ.ไม่เห็นหัว เทตอบ 5 กระทู้ “ยุคล”ตั้งฉายา “นายกฯ นินจา” หนีสภา ด้าน “หมอเปรม” อาลัย “แพทองโพย” ไร้รับผิดชอบ แขวะใส่ชุดนอนตรวจทหาร หิ้วผัวใต้ออกงาน • เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. มีการประชุมวุฒิสภา ช่วงวาระตั้งกระทู้ถามรัฐบาล โดยจะมีการกระทู้ถามถึง 6 กระทู้ ปรากฏว่ามีเพียงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาชี้แจงกระทู้ถาม เรื่องการระงับคลื่นวิทยุของ กสทช. ของน.ส.นันทนา นันทวโรภาส เพียงกระทู้เดียว ส่วนที่เหลืออีก 5 กระทู้นั้น รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีกลับไม่มาชี้แจงแม้แต่คนเดียว • นายยุคคล ชนะวัฒน์ปัญญา สว.กล่าวว่าการตั้งกระทู้ถามทั้ง 2 เรื่องของตนตั้งถามนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเรื่อง เอ็มโอยู 2544 ที่บังคับใช้ไม่ได้ทำไมถึงไม่ยกเลิก และกรณีเรื่องของว้าแดง อย่างไรก็ดีจากกรณีที่นายกฯ หนีตอบกระทู้ของวุฒิสภา ตนขอตั้งฉายาว่า นายกฯ นินจา อนิจจัง หนีตอบกระทู้ในสภาอย่างน่าสังเวช ทั้งนี้ตนจะสอบถามทุกสัปดาห์ว่านายกฯจะหนีอีกหรือไม่ • ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กล่าวว่า ไม่ว่านายกฯ ที่รับตำแหน่ง 100 วัน ที่ผ่านมานายกฯ แถลงผลงานเมื่อครบ 90 วัน ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนแถลงนโยบายเมื่อทำงานได้ 90 วัน มีแต่ผลงานครบ 1 ปี ซึ่งการรีบแถลงผลงานเหมือนกับจะรีบไป ตนไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเล่นตลกกับสว.แบบนี้ เพราะทำลายระบบการตรวจสอบสว. • “ผมจะถามว่านายกฯ อายไหมถึงแต่งกายคล้ายชุดนอนมาเดินแถวเกียรติยศ บางงานเอาสามีมาด้วย และแต่งตัวไม่เข้าระบบการทำงานฐานะผู้นำประชาชน ซึ่งการตรวจแถวเกียรติยศ การทำงานของนายกฯ จะมาทำเล่นทำหัวไม่ได้ เอาลูกมาเดินเล่นในทำเนียบไม่ได้ จะบอกว่า แฟมิลี่เกิร์ลไม่ได้ เป็นคนละเรื่องกัน การตรวจสอบเป็นหน้าที่สว. แต่นายกฯไม่เคยให้เกียรติเลย ผมขอไว้อาลัยกับความไร้ความรับผิดชอบของนายกฯ” นพ.เปรมศักดิ์ อภิปราย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000122892 • #MGROnline #สว #วุฒิสภา
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 Reviews
  • #หนักไม่แพ้มิจคอลเซ็งเตอร์ก็ค่ายมือถือนี่แหละ
    มีคนร้องเรียนมาที่พี่คิงส์พอสมควร
    เกี่ยวกับ การคิดค่าโปsเสริม แบบงงๆ
    บางค่าย เพิ่ม200 บางค่ายมากกว่า
    เอาง่ายๆ ทำเป็นเนียนๆ คนละ 200 ถ้าแค่ล้านคน
    เช็ดดดด เนียนๆ ได้มา 200 ล ในเดือนเดียว
    นี่ยังไม่นับ ค่าเจ้าสัวนะ บอกอันนี้เน็ตไม่ลดซาปีด
    ไอ่ห่าน ใช้ไปแป๊บเดียว ซาปีดดด กลายเป็น ซาปูด
    วิ่งชนิดเต่ากันสายไฟเลยทีเดียว
    พอไปแจ้ง กสทช อุ๊ย ไม่พบตามที่แจ้ง
    กรรมของคนไทย บังลัยโอเปอเรเตอร์จริงๆ
    แล้วคนเค้าก็บอกแล้ว ว่าอย่าไปยอมให้รวมสองค่าย
    มันจะลักไก่ ผูกขาด แล้วเป็นไงล่ะ
    แทนที่เน็ตจะแรง กลายเป็นเน็ตกากกว่าเดิม
    เพราะการแข่งขันน้อย ไม่ต้องกั๊กความห็นแก่ตัวกันอีกต่อไป
    คนโทรไปร้องเรียน หรือไปสนงในห้าง จะไปสำนักงานใหญ่
    สนที่ไหน ไม่ใช่ของข้า ก็ไปอีกค่ายดิ อ้าว หลายพื้นที่ก็มีของเมิง
    กับที่เมิงไปซื้อมาผูกขาด ปชช ต้องรับสภาพ
    ยังไม่พอ เมื่อก่อน สังญาเน็ตบ้าน 12 เดือน
    ตอนนี้ แทบไม่มีละ แม่มผูก 2 ปี 24 เดือน เป็นผ่ อนรถเลย
    แล้วเกิดมีความจำเป็นต้องเลิกใช้นะ ไอ่ฉัด เมิงต้องจ่ายเต็มสัญญา
    ถ้าเมิงไม่จ่าย มันตัดเน็ตไม่ให้เมิงใช้ แต่ มันก็คิดเมิงเหมือนเดิมที่เมิงใช้
    สังญาเฮี้ยๆแบบนี้ มาจากการผูกขาดทางการค้า
    ที่คนดีๆเค้าออกมาเตือน ฟังกันซะที่ไหน
    สุดท้าย ความฉิ๊บหายคือ ปชช
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #หนักไม่แพ้มิจคอลเซ็งเตอร์ก็ค่ายมือถือนี่แหละ มีคนร้องเรียนมาที่พี่คิงส์พอสมควร เกี่ยวกับ การคิดค่าโปsเสริม แบบงงๆ บางค่าย เพิ่ม200 บางค่ายมากกว่า เอาง่ายๆ ทำเป็นเนียนๆ คนละ 200 ถ้าแค่ล้านคน เช็ดดดด เนียนๆ ได้มา 200 ล ในเดือนเดียว นี่ยังไม่นับ ค่าเจ้าสัวนะ บอกอันนี้เน็ตไม่ลดซาปีด ไอ่ห่าน ใช้ไปแป๊บเดียว ซาปีดดด กลายเป็น ซาปูด วิ่งชนิดเต่ากันสายไฟเลยทีเดียว พอไปแจ้ง กสทช อุ๊ย ไม่พบตามที่แจ้ง กรรมของคนไทย บังลัยโอเปอเรเตอร์จริงๆ แล้วคนเค้าก็บอกแล้ว ว่าอย่าไปยอมให้รวมสองค่าย มันจะลักไก่ ผูกขาด แล้วเป็นไงล่ะ แทนที่เน็ตจะแรง กลายเป็นเน็ตกากกว่าเดิม เพราะการแข่งขันน้อย ไม่ต้องกั๊กความห็นแก่ตัวกันอีกต่อไป คนโทรไปร้องเรียน หรือไปสนงในห้าง จะไปสำนักงานใหญ่ สนที่ไหน ไม่ใช่ของข้า ก็ไปอีกค่ายดิ อ้าว หลายพื้นที่ก็มีของเมิง กับที่เมิงไปซื้อมาผูกขาด ปชช ต้องรับสภาพ ยังไม่พอ เมื่อก่อน สังญาเน็ตบ้าน 12 เดือน ตอนนี้ แทบไม่มีละ แม่มผูก 2 ปี 24 เดือน เป็นผ่ อนรถเลย แล้วเกิดมีความจำเป็นต้องเลิกใช้นะ ไอ่ฉัด เมิงต้องจ่ายเต็มสัญญา ถ้าเมิงไม่จ่าย มันตัดเน็ตไม่ให้เมิงใช้ แต่ มันก็คิดเมิงเหมือนเดิมที่เมิงใช้ สังญาเฮี้ยๆแบบนี้ มาจากการผูกขาดทางการค้า ที่คนดีๆเค้าออกมาเตือน ฟังกันซะที่ไหน สุดท้าย ความฉิ๊บหายคือ ปชช ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • กสทช.-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” ตัดสายเคเบิ้ลเถื่อนใหญ่สุดในประเทศ พบลากข้ามสะพานแม่สอด-เมียวดี ยาวกว่า 3 กม. ส่งอินเทอร์เน็ตข้ามแดนเอื้อทุนจีนเทา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเพื่อนบ้าน รัศมีนับร้อยตารางกิโลเมตร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115830

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กสทช.-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” ตัดสายเคเบิ้ลเถื่อนใหญ่สุดในประเทศ พบลากข้ามสะพานแม่สอด-เมียวดี ยาวกว่า 3 กม. ส่งอินเทอร์เน็ตข้ามแดนเอื้อทุนจีนเทา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเพื่อนบ้าน รัศมีนับร้อยตารางกิโลเมตร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115830 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    7
    0 Comments 0 Shares 988 Views 0 Reviews
More Results