• รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251213 #securityonline

    Core Banking System Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Fineract
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบธนาคารดิจิทัล Apache Fineract ที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีช่องโหว่หลักคือ IDOR (Insecure Direct Object Reference) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ เช่น user ID หรือ account number เพื่อเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าคนอื่นได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ นอกจากนี้ยังพบปัญหานโยบายรหัสผ่านที่อ่อนแอ และการเก็บ server key ที่ไม่ถูกป้องกันอย่างเหมาะสม ทีม Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
    https://securityonline.info/core-banking-system-flaw-apache-fineract-idor-risks-authorization-bypass-customer-data-access

    React Patches Two New Flaws: ช่องโหว่ใหม่ใน React Server Components
    หลังจากที่ React เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงไปไม่นาน นักวิจัยก็พบช่องโหว่ใหม่อีกสองรายการ ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ DoS ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันทีด้วยการส่ง request ที่ออกแบบมาเฉพาะ ส่วนอีกช่องโหว่หนึ่งคือการเปิดเผย source code ของ server function ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง แม้จะไม่ถึงขั้นยึดระบบได้ แต่ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลภายใน ทีม React ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้วและแนะนำให้อัปเดตทันที
    https://securityonline.info/react-patches-two-new-flaws-risking-server-crashing-dos-and-source-code-disclosure

    Farewell, Tabs: Google เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Disco
    Google Labs กำลังทดลองเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Disco ที่ใช้ AI มาช่วยจัดการแท็บและสร้าง web apps แบบโต้ตอบได้ทันที จุดเด่นคือระบบ GenTab ที่สามารถเปลี่ยนข้อมูลจากเว็บให้กลายเป็น Progressive Web Apps เช่น การสร้าง itinerary ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้เหมือนแอปจริงๆ เบราว์เซอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบบน macOS และเปิดให้ลงชื่อเข้าร่วมใน waitlist เท่านั้น ถือเป็นการทดลองที่อาจเปลี่ยนวิธีการใช้งานเว็บในอนาคต
    https://securityonline.info/farewell-tabs-googles-experimental-disco-browser-generates-web-apps-with-ai

    YouTube TV Plans: สตรีมมิ่งกำลังกลับไปเป็นเคเบิลอีกครั้ง
    YouTube TV ประกาศว่าจะปรับรูปแบบการสมัครสมาชิกใหม่ในปี 2026 โดยเปลี่ยนจากแพ็กเกจรวมทั้งหมดเป็นการเลือก bundle ตามความสนใจ เช่น Sports, News หรือ Family & Entertainment ผู้ใช้สามารถเลือกเฉพาะหมวดที่ต้องการได้ ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายเพื่อคอนเทนต์ที่ไม่ดู อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่านี่คือการย้อนกลับไปสู่โมเดลเคเบิลทีวีในอดีตที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่ยืดหยุ่น
    https://securityonline.info/youtube-tvs-new-subscription-bundles-is-streaming-becoming-cable-all-over-again

    The “USB-C of AI”: Google เปิดตัว Managed Servers สำหรับ MCP Protocol
    Google ประกาศสนับสนุนเต็มรูปแบบต่อ MCP (Model Context Protocol) ที่ถูกเรียกว่า “USB-C ของ AI” เพราะเป็นมาตรฐานกลางที่ทำให้ AI เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดย Google เปิดตัว managed servers ที่รองรับ MCP ทำให้ AI agents สามารถใช้งาน Google Maps, BigQuery และจัดการโครงสร้างพื้นฐานบน Cloud ได้โดยตรงโดยไม่ต้องสร้าง integration เอง นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ AI สามารถทำงานเชิงปฏิบัติได้จริงและปลอดภัยมากขึ้น
    https://securityonline.info/the-usb-c-of-ai-is-here-google-launches-managed-servers-for-mcp-protocol

    The AI Super-App: Photoshop & Adobe Express รวมพลังกับ ChatGPT
    Adobe กำลังยกระดับการใช้งาน AI โดยการรวม Photoshop และ Adobe Express เข้ากับ ChatGPT ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้านการออกแบบและแก้ไขภาพได้ด้วยข้อความ เช่น การปรับแต่งรูปภาพหรือสร้างงานกราฟิกใหม่โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมแยกต่างหาก นี่คือการก้าวสู่ “AI Super-App” ที่รวมเครื่องมือสร้างสรรค์เข้ากับระบบสนทนาอัจฉริยะ เพื่อให้การทำงานด้านครีเอทีฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น
    https://securityonline.info/the-ai-super-app-rises-photoshop-adobe-express-integrate-into-chatgpt

    The IP Wall Falls: Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI
    Disney สร้างความฮือฮาด้วยการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อเปิดสิทธิ์ใช้ตัวละครกว่า 200 ตัวในระบบ AI นั่นหมายความว่า AI จะสามารถเข้าถึงและใช้ตัวละครจากจักรวาล Disney ได้อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกบันเทิงและเทคโนโลยี ที่อาจนำไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่าง AI และตัวละครที่คนทั่วโลกคุ้นเคย
    https://securityonline.info/the-ip-wall-falls-disney-invests-1b-in-openai-to-license-200-characters-for-ai

    OpenAI Fights Back: เปิดตัว GPT-5.2 ท้าชน Gemini 3 Pro
    OpenAI เปิดตัว GPT-5.2 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Gemini 3 Pro ของ Google จุดเด่นคือการปรับปรุงความสามารถในการ reasoning และการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดียิ่งขึ้น GPT-5.2 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ของ OpenAI เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโมเดลภาษา AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด
    https://securityonline.info/openai-fights-back-gpt-5-2-unveiled-to-rival-googles-gemini-3-pro

    Critical React2Shell Vulnerability: ช่องโหว่ใหม่โจมตีบริการ RSC ทั่วโลก
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงชื่อ React2Shell (CVE-2025-55182) ที่กำลังถูกโจมตีเพิ่มขึ้นทั่วโลก ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อบริการที่ใช้ React Server Components (RSC) โดยผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งอัปเดตและติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรง
    https://securityonline.info/critical-react2shell-vulnerability-cve-2025-55182-analysis-surge-in-attacks-targeting-rsc-enabled-services-worldwide
    📌🔐🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣🔐📌 #รวมข่าวIT #20251213 #securityonline 🛡️ Core Banking System Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Fineract เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบธนาคารดิจิทัล Apache Fineract ที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีช่องโหว่หลักคือ IDOR (Insecure Direct Object Reference) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ เช่น user ID หรือ account number เพื่อเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าคนอื่นได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ นอกจากนี้ยังพบปัญหานโยบายรหัสผ่านที่อ่อนแอ และการเก็บ server key ที่ไม่ถูกป้องกันอย่างเหมาะสม ทีม Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด 🔗 https://securityonline.info/core-banking-system-flaw-apache-fineract-idor-risks-authorization-bypass-customer-data-access ⚠️ React Patches Two New Flaws: ช่องโหว่ใหม่ใน React Server Components หลังจากที่ React เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงไปไม่นาน นักวิจัยก็พบช่องโหว่ใหม่อีกสองรายการ ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ DoS ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันทีด้วยการส่ง request ที่ออกแบบมาเฉพาะ ส่วนอีกช่องโหว่หนึ่งคือการเปิดเผย source code ของ server function ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง แม้จะไม่ถึงขั้นยึดระบบได้ แต่ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลภายใน ทีม React ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้วและแนะนำให้อัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/react-patches-two-new-flaws-risking-server-crashing-dos-and-source-code-disclosure 🌐 Farewell, Tabs: Google เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Disco Google Labs กำลังทดลองเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Disco ที่ใช้ AI มาช่วยจัดการแท็บและสร้าง web apps แบบโต้ตอบได้ทันที จุดเด่นคือระบบ GenTab ที่สามารถเปลี่ยนข้อมูลจากเว็บให้กลายเป็น Progressive Web Apps เช่น การสร้าง itinerary ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้เหมือนแอปจริงๆ เบราว์เซอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบบน macOS และเปิดให้ลงชื่อเข้าร่วมใน waitlist เท่านั้น ถือเป็นการทดลองที่อาจเปลี่ยนวิธีการใช้งานเว็บในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/farewell-tabs-googles-experimental-disco-browser-generates-web-apps-with-ai 📺 YouTube TV Plans: สตรีมมิ่งกำลังกลับไปเป็นเคเบิลอีกครั้ง YouTube TV ประกาศว่าจะปรับรูปแบบการสมัครสมาชิกใหม่ในปี 2026 โดยเปลี่ยนจากแพ็กเกจรวมทั้งหมดเป็นการเลือก bundle ตามความสนใจ เช่น Sports, News หรือ Family & Entertainment ผู้ใช้สามารถเลือกเฉพาะหมวดที่ต้องการได้ ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายเพื่อคอนเทนต์ที่ไม่ดู อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่านี่คือการย้อนกลับไปสู่โมเดลเคเบิลทีวีในอดีตที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่ยืดหยุ่น 🔗 https://securityonline.info/youtube-tvs-new-subscription-bundles-is-streaming-becoming-cable-all-over-again 🔌 The “USB-C of AI”: Google เปิดตัว Managed Servers สำหรับ MCP Protocol Google ประกาศสนับสนุนเต็มรูปแบบต่อ MCP (Model Context Protocol) ที่ถูกเรียกว่า “USB-C ของ AI” เพราะเป็นมาตรฐานกลางที่ทำให้ AI เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดย Google เปิดตัว managed servers ที่รองรับ MCP ทำให้ AI agents สามารถใช้งาน Google Maps, BigQuery และจัดการโครงสร้างพื้นฐานบน Cloud ได้โดยตรงโดยไม่ต้องสร้าง integration เอง นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ AI สามารถทำงานเชิงปฏิบัติได้จริงและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-usb-c-of-ai-is-here-google-launches-managed-servers-for-mcp-protocol 🎨 The AI Super-App: Photoshop & Adobe Express รวมพลังกับ ChatGPT Adobe กำลังยกระดับการใช้งาน AI โดยการรวม Photoshop และ Adobe Express เข้ากับ ChatGPT ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้านการออกแบบและแก้ไขภาพได้ด้วยข้อความ เช่น การปรับแต่งรูปภาพหรือสร้างงานกราฟิกใหม่โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมแยกต่างหาก นี่คือการก้าวสู่ “AI Super-App” ที่รวมเครื่องมือสร้างสรรค์เข้ากับระบบสนทนาอัจฉริยะ เพื่อให้การทำงานด้านครีเอทีฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-ai-super-app-rises-photoshop-adobe-express-integrate-into-chatgpt 🏰 The IP Wall Falls: Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI Disney สร้างความฮือฮาด้วยการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อเปิดสิทธิ์ใช้ตัวละครกว่า 200 ตัวในระบบ AI นั่นหมายความว่า AI จะสามารถเข้าถึงและใช้ตัวละครจากจักรวาล Disney ได้อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกบันเทิงและเทคโนโลยี ที่อาจนำไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่าง AI และตัวละครที่คนทั่วโลกคุ้นเคย 🔗 https://securityonline.info/the-ip-wall-falls-disney-invests-1b-in-openai-to-license-200-characters-for-ai 🤖 OpenAI Fights Back: เปิดตัว GPT-5.2 ท้าชน Gemini 3 Pro OpenAI เปิดตัว GPT-5.2 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Gemini 3 Pro ของ Google จุดเด่นคือการปรับปรุงความสามารถในการ reasoning และการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดียิ่งขึ้น GPT-5.2 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ของ OpenAI เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโมเดลภาษา AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด 🔗 https://securityonline.info/openai-fights-back-gpt-5-2-unveiled-to-rival-googles-gemini-3-pro 🚨 Critical React2Shell Vulnerability: ช่องโหว่ใหม่โจมตีบริการ RSC ทั่วโลก นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงชื่อ React2Shell (CVE-2025-55182) ที่กำลังถูกโจมตีเพิ่มขึ้นทั่วโลก ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อบริการที่ใช้ React Server Components (RSC) โดยผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งอัปเดตและติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรง 🔗 https://securityonline.info/critical-react2shell-vulnerability-cve-2025-55182-analysis-surge-in-attacks-targeting-rsc-enabled-services-worldwide
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • กลยุทธ์ใหม่ของ Intel

    Intel วางแผนจะหันไปเน้นการผลิต ASIC สำหรับงาน inference และการใช้งานเฉพาะทาง แทนที่จะทุ่มแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ที่ใช้ทรัพยากรมหาศาล กลยุทธ์นี้คล้ายกับ Broadcom ที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง ASIC สำหรับลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ Meta

    ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training
    ตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ถูกครอบครองโดย Nvidia ที่มี CUDA ecosystem และ H100/H200 GPUs ที่ทรงพลัง Intel มองว่าการแข่งขันตรงนี้เป็นเรื่องยาก จึงเลือกที่จะเน้นไปที่ การใช้งานจริง (inference) ซึ่งมีตลาดกว้างและต้องการโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

    การใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
    Intel มีจุดแข็งในด้าน Foundry Services และ Packaging ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้าง ASIC ที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Intel สามารถสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันในตลาด GPU training ที่มีต้นทุนสูง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    หาก Intel เดินหน้ากลยุทธ์นี้จริง จะทำให้ตลาด AI มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีผู้เล่นที่เน้น ASIC สำหรับงานเฉพาะทาง ควบคู่ไปกับ GPU ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กรที่ต้องการโซลูชัน AI ที่เหมาะสมกับงานของตน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กลยุทธ์ใหม่ของ Intel
    เน้น ASIC สำหรับงาน inference
    คล้ายกับ Broadcom ที่ทำสำเร็จในตลาด

    ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training
    Nvidia ครองตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI
    Intel หันไปเน้นตลาดที่กว้างกว่าและคุ้มค่ากว่า

    ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
    Foundry Services และ Packaging เป็นจุดแข็ง
    สร้างรายได้โดยไม่ต้องแข่งขันตรงกับ Nvidia

    ผลกระทบเชิงบวก
    เพิ่มความหลากหลายในตลาด AI
    ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กร

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ตลาด ASIC ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
    หากไม่สามารถสร้าง ecosystem ที่แข็งแรง อาจเสียเปรียบต่อ Nvidia

    https://wccftech.com/intel-ai-strategy-will-favor-a-broadcom-like-asic-model-over-the-training-hype/
    🏭 กลยุทธ์ใหม่ของ Intel Intel วางแผนจะหันไปเน้นการผลิต ASIC สำหรับงาน inference และการใช้งานเฉพาะทาง แทนที่จะทุ่มแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ที่ใช้ทรัพยากรมหาศาล กลยุทธ์นี้คล้ายกับ Broadcom ที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง ASIC สำหรับลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ Meta ⚡ ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training ตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ถูกครอบครองโดย Nvidia ที่มี CUDA ecosystem และ H100/H200 GPUs ที่ทรงพลัง Intel มองว่าการแข่งขันตรงนี้เป็นเรื่องยาก จึงเลือกที่จะเน้นไปที่ การใช้งานจริง (inference) ซึ่งมีตลาดกว้างและต้องการโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า 🔧 การใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ Intel มีจุดแข็งในด้าน Foundry Services และ Packaging ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้าง ASIC ที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Intel สามารถสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันในตลาด GPU training ที่มีต้นทุนสูง 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI หาก Intel เดินหน้ากลยุทธ์นี้จริง จะทำให้ตลาด AI มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีผู้เล่นที่เน้น ASIC สำหรับงานเฉพาะทาง ควบคู่ไปกับ GPU ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กรที่ต้องการโซลูชัน AI ที่เหมาะสมกับงานของตน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Intel ➡️ เน้น ASIC สำหรับงาน inference ➡️ คล้ายกับ Broadcom ที่ทำสำเร็จในตลาด ✅ ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training ➡️ Nvidia ครองตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ➡️ Intel หันไปเน้นตลาดที่กว้างกว่าและคุ้มค่ากว่า ✅ ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ➡️ Foundry Services และ Packaging เป็นจุดแข็ง ➡️ สร้างรายได้โดยไม่ต้องแข่งขันตรงกับ Nvidia ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ เพิ่มความหลากหลายในตลาด AI ➡️ ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กร ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ตลาด ASIC ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ⛔ หากไม่สามารถสร้าง ecosystem ที่แข็งแรง อาจเสียเปรียบต่อ Nvidia https://wccftech.com/intel-ai-strategy-will-favor-a-broadcom-like-asic-model-over-the-training-hype/
    WCCFTECH.COM
    Intel’s AI Strategy Will Favor a “Broadcom-Like” ASIC Model Over the Training Hype, Offering Customers Foundry & Packaging Services
    Intel's AI plans have been under uncertainity, but it appears that the firm is expected to target two main segments: ASICs and edge AI.
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • การพบเห็นซีพียูใหม่ Intel Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ในอินเดีย

    รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ถูกเพิ่มเข้ารายการสินค้าของร้านค้าปลีกในอินเดีย แม้ไม่มีรายละเอียดด้านราคาและสเปกเต็ม แต่การปรากฏชื่อรุ่นถือเป็นการยืนยันว่า Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Arrow Lake Refresh

    การต่อยอดจาก Arrow Lake
    ซีพียูรุ่น "Plus" นี้คาดว่าจะเป็นการปรับปรุงจาก Arrow Lake รุ่นแรก ที่เปิดตัวในปี 2024 โดยอาจมีการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา (clock speed) และปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน เพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุดในตลาด high-end desktop

    ตลาดและกลยุทธ์ Intel
    การพบเห็นในอินเดียสะท้อนว่า Intel กำลังเตรียมกระจายสินค้าไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นการประกอบเครื่องเอง (DIY PC) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของซีพียู high-end การเปิดตัวรุ่น "Plus" อาจเป็นการรักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนการมาถึงของสถาปัตยกรรมใหม่ในปี 2026

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้ยังไม่มีข้อมูลราคา แต่คาดว่า Core Ultra 9 290K Plus จะเป็นรุ่นท็อปที่แข่งขันกับ Ryzen 9 series ส่วน Core Ultra 7 270K Plus จะจับตลาดระดับกลางถึงสูง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของ Intel ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดซีพียูเดสก์ท็อป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การพบเห็นซีพียูใหม่
    Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus
    รายชื่อสินค้าปรากฏในร้านค้าปลีกอินเดีย

    การต่อยอดจาก Arrow Lake
    รุ่น "Plus" อาจเพิ่ม clock speed และปรับปรุงพลังงาน
    แข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุด

    กลยุทธ์ตลาด
    เน้นตลาด DIY PC และตลาดเกิดใหม่
    รักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนสถาปัตยกรรมใหม่

    แนวโน้มอนาคต
    Core Ultra 9 290K Plus จับตลาด high-end
    Core Ultra 7 270K Plus จับตลาด mid-high segment

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-7-270k-plus-and-core-ultra-9-290k-plus-spotted-at-indian-retailer-listings-appear-to-corroborate-prior-leaks-but-dont-reveal-pricing-or-new-info-for-upcoming-arrow-lake-refresh
    🖥️ การพบเห็นซีพียูใหม่ Intel Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ในอินเดีย รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ถูกเพิ่มเข้ารายการสินค้าของร้านค้าปลีกในอินเดีย แม้ไม่มีรายละเอียดด้านราคาและสเปกเต็ม แต่การปรากฏชื่อรุ่นถือเป็นการยืนยันว่า Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Arrow Lake Refresh ⚙️ การต่อยอดจาก Arrow Lake ซีพียูรุ่น "Plus" นี้คาดว่าจะเป็นการปรับปรุงจาก Arrow Lake รุ่นแรก ที่เปิดตัวในปี 2024 โดยอาจมีการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา (clock speed) และปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน เพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุดในตลาด high-end desktop 🌐 ตลาดและกลยุทธ์ Intel การพบเห็นในอินเดียสะท้อนว่า Intel กำลังเตรียมกระจายสินค้าไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นการประกอบเครื่องเอง (DIY PC) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของซีพียู high-end การเปิดตัวรุ่น "Plus" อาจเป็นการรักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนการมาถึงของสถาปัตยกรรมใหม่ในปี 2026 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้ยังไม่มีข้อมูลราคา แต่คาดว่า Core Ultra 9 290K Plus จะเป็นรุ่นท็อปที่แข่งขันกับ Ryzen 9 series ส่วน Core Ultra 7 270K Plus จะจับตลาดระดับกลางถึงสูง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของ Intel ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดซีพียูเดสก์ท็อป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การพบเห็นซีพียูใหม่ ➡️ Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ➡️ รายชื่อสินค้าปรากฏในร้านค้าปลีกอินเดีย ✅ การต่อยอดจาก Arrow Lake ➡️ รุ่น "Plus" อาจเพิ่ม clock speed และปรับปรุงพลังงาน ➡️ แข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุด ✅ กลยุทธ์ตลาด ➡️ เน้นตลาด DIY PC และตลาดเกิดใหม่ ➡️ รักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนสถาปัตยกรรมใหม่ ✅ แนวโน้มอนาคต ➡️ Core Ultra 9 290K Plus จับตลาด high-end ➡️ Core Ultra 7 270K Plus จับตลาด mid-high segment https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-7-270k-plus-and-core-ultra-9-290k-plus-spotted-at-indian-retailer-listings-appear-to-corroborate-prior-leaks-but-dont-reveal-pricing-or-new-info-for-upcoming-arrow-lake-refresh
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • จีนกำลังพิจารณาอัดฉีดเงินลงทุนสูงสุดถึง 70 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปภายในประเทศ

    รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาโครงการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมชิปวงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดำเนินการเต็มจำนวน จะมากกว่าการลงทุนโดยตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการออกแบบและการผลิตชิปขั้นสูง ลดการพึ่งพาซัพพลายจากต่างประเทศ และแก้ปัญหาการขาดแคลนชิปที่กระทบเศรษฐกิจโลก

    ผู้เล่นหลัก: Huawei และ Cambricon
    สองบริษัทจีนที่ถูกมองว่าเป็นผู้รับเงินทุนหลักคือ Huawei และ Cambricon ซึ่งมีบทบาทสำคัญในตลาด AI และการประมวลผลขั้นสูง Huawei มีชิป Ascend สำหรับ AI inference ส่วน Cambricon กำลังเร่งการผลิต AI chip ให้ได้ถึง 500,000 ชิ้นภายในปี 2026 ทั้งสองบริษัทถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกแทน Nvidia ในตลาดจีน

    กลยุทธ์ "Whole-Nation" ของจีน
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงผลักดันแนวทาง “Whole-Nation Approach” เพื่อสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี โดยมีมาตรการบังคับใช้ชิปที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล และให้เงินอุดหนุนด้านพลังงานแก่บริษัทที่ใช้ชิปจีน แม้จะมีความพยายามบังคับใช้กับงานฝึก AI แต่หลายบริษัท เช่น DeepSeek ยังเลือกใช้ Nvidia เนื่องจากประสิทธิภาพเหนือกว่า

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การลงทุนครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลก หากจีนสามารถเร่งพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับคู่แข่งตะวันตก อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้าน yield, ความร้อน และการล้าหลังของ process node ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ จีนจึงต้องใช้ทั้งการลงทุนและนโยบายเชิงรุกเพื่อปิดช่องว่างนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การลงทุนมหาศาล
    วงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์
    ใหญ่กว่าการลงทุนตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act

    ผู้เล่นหลัก
    Huawei: ชิป Ascend สำหรับ AI
    Cambricon: ตั้งเป้าผลิต 500,000 AI chip ภายในปี 2026

    กลยุทธ์ชาติ
    Whole-Nation Approach ผลักดันการใช้ชิปในประเทศ
    บังคับใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล

    ผลกระทบเชิงบวก
    ลดการพึ่งพาต่างชาติ
    เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

    ความเสี่ยงและข้อจำกัด
    ปัญหาด้าน yield และความร้อนของชิปจีน
    ประสิทธิภาพยังตามหลัง Nvidia และ AMD หลายรุ่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-mulls-usd70-billion-domestic-chip-fabrication-injection-would-be-largest-of-any-government-semiconductor-investment-huawei-and-cambricon-among-candidates-in-push-to-compete-with-nvidia-other-u-s-firms
    💰 จีนกำลังพิจารณาอัดฉีดเงินลงทุนสูงสุดถึง 70 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปภายในประเทศ รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาโครงการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมชิปวงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดำเนินการเต็มจำนวน จะมากกว่าการลงทุนโดยตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการออกแบบและการผลิตชิปขั้นสูง ลดการพึ่งพาซัพพลายจากต่างประเทศ และแก้ปัญหาการขาดแคลนชิปที่กระทบเศรษฐกิจโลก 🏢 ผู้เล่นหลัก: Huawei และ Cambricon สองบริษัทจีนที่ถูกมองว่าเป็นผู้รับเงินทุนหลักคือ Huawei และ Cambricon ซึ่งมีบทบาทสำคัญในตลาด AI และการประมวลผลขั้นสูง Huawei มีชิป Ascend สำหรับ AI inference ส่วน Cambricon กำลังเร่งการผลิต AI chip ให้ได้ถึง 500,000 ชิ้นภายในปี 2026 ทั้งสองบริษัทถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกแทน Nvidia ในตลาดจีน ⚙️ กลยุทธ์ "Whole-Nation" ของจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงผลักดันแนวทาง “Whole-Nation Approach” เพื่อสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี โดยมีมาตรการบังคับใช้ชิปที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล และให้เงินอุดหนุนด้านพลังงานแก่บริษัทที่ใช้ชิปจีน แม้จะมีความพยายามบังคับใช้กับงานฝึก AI แต่หลายบริษัท เช่น DeepSeek ยังเลือกใช้ Nvidia เนื่องจากประสิทธิภาพเหนือกว่า 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การลงทุนครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลก หากจีนสามารถเร่งพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับคู่แข่งตะวันตก อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้าน yield, ความร้อน และการล้าหลังของ process node ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ จีนจึงต้องใช้ทั้งการลงทุนและนโยบายเชิงรุกเพื่อปิดช่องว่างนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การลงทุนมหาศาล ➡️ วงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ใหญ่กว่าการลงทุนตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act ✅ ผู้เล่นหลัก ➡️ Huawei: ชิป Ascend สำหรับ AI ➡️ Cambricon: ตั้งเป้าผลิต 500,000 AI chip ภายในปี 2026 ✅ กลยุทธ์ชาติ ➡️ Whole-Nation Approach ผลักดันการใช้ชิปในประเทศ ➡️ บังคับใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ ลดการพึ่งพาต่างชาติ ➡️ เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ‼️ ความเสี่ยงและข้อจำกัด ⛔ ปัญหาด้าน yield และความร้อนของชิปจีน ⛔ ประสิทธิภาพยังตามหลัง Nvidia และ AMD หลายรุ่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-mulls-usd70-billion-domestic-chip-fabrication-injection-would-be-largest-of-any-government-semiconductor-investment-huawei-and-cambricon-among-candidates-in-push-to-compete-with-nvidia-other-u-s-firms
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • Rivian เปิดตัวชิป RAP1 และแพลตฟอร์ม ACM3

    Rivian ประกาศเปิดตัว Rivian Autonomy Processor (RAP1) ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบเอง ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 พร้อม 14 คอร์ Cortex-A720AE ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อผ่าน RivLink ที่สามารถขยายกำลังประมวลผลโดยเพิ่มชิปอื่นเข้ามาได้ RAP1 ถูกนำมาใช้ใน Autonomy Compute Module 3 (ACM3) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ

    จุดแข็งเหนือ Tesla: รองรับ LiDAR
    ACM3 สามารถประมวลผลได้ถึง 1,800 TOPS ของการ inference แบบ INT8 และรองรับการประมวลผลภาพจากกล้องถึง 5 พันล้านพิกเซลต่อวินาที ที่สำคัญคือ Rivian เลือกที่จะรองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ปฏิเสธการใช้ โดย Rivian มองว่า LiDAR จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และจะถูกนำมาใช้ในรถรุ่น R2 ที่จะเปิดตัวปี 2026

    ฟีเจอร์เสริม: Universal Hands Free และ Autonomy+
    สำหรับรถรุ่น R1 รุ่นที่สอง Rivian จะเพิ่มระบบ Universal Hands Free (UHF) ซึ่งเป็นผู้ช่วยขับขี่ที่ทำงานได้บนถนนกว่า 3.5 ล้านไมล์ในสหรัฐฯ และแคนาดา ไม่จำกัดเฉพาะทางด่วน นอกจากนี้ยังมีบริการ Autonomy+ ที่คิดค่าบริการแบบครั้งเดียว $2,500 หรือสมัครสมาชิก $49.99 ต่อเดือน โดย Rivian ย้ำว่าเป็นระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัย ไม่ใช่การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ

    กลยุทธ์และอนาคต
    Rivian ยังพัฒนา Large Driving Model (LDM) ซึ่งเป็นโมเดล AI สำหรับการขับขี่ คล้ายกับ LLM ของ chatbot แต่ปรับใช้กับการตัดสินใจบนท้องถนน บริษัทตั้งเป้าไปสู่ Level 4 Autonomous Driving ในอนาคต และอาจขายเทคโนโลยีนี้ให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นด้วย ถือเป็นการขยายธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ไปสู่การขายโซลูชันเทคโนโลยี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่
    RAP1: ชิป Armv9, 14 คอร์, 5nm
    ACM3: รองรับ 1,800 TOPS, 5 พันล้านพิกเซล/วินาที

    จุดแข็งเหนือคู่แข่ง
    รองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ไม่ใช้
    เตรียมใช้ในรถ R2 ปี 2026

    ฟีเจอร์เสริม
    Universal Hands Free (UHF) ครอบคลุมถนน 3.5 ล้านไมล์
    Autonomy+ บริการเสริม $2,500 หรือ $49.99/เดือน

    กลยุทธ์อนาคต
    พัฒนา Large Driving Model (LDM)
    ตั้งเป้า Level 4 Autonomous Driving

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Autonomy+ ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    เทคโนโลยี LiDAR และ ACM3 ยังอยู่ระหว่างการทดสอบและ validation

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/rivian-unveils-its-own-in-house-rap1-ai-chip-and-acm3-self-driving-platform-automaker-one-ups-tesla-with-lidar-support
    🚗 Rivian เปิดตัวชิป RAP1 และแพลตฟอร์ม ACM3 Rivian ประกาศเปิดตัว Rivian Autonomy Processor (RAP1) ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบเอง ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 พร้อม 14 คอร์ Cortex-A720AE ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อผ่าน RivLink ที่สามารถขยายกำลังประมวลผลโดยเพิ่มชิปอื่นเข้ามาได้ RAP1 ถูกนำมาใช้ใน Autonomy Compute Module 3 (ACM3) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ 🛰️ จุดแข็งเหนือ Tesla: รองรับ LiDAR ACM3 สามารถประมวลผลได้ถึง 1,800 TOPS ของการ inference แบบ INT8 และรองรับการประมวลผลภาพจากกล้องถึง 5 พันล้านพิกเซลต่อวินาที ที่สำคัญคือ Rivian เลือกที่จะรองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ปฏิเสธการใช้ โดย Rivian มองว่า LiDAR จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และจะถูกนำมาใช้ในรถรุ่น R2 ที่จะเปิดตัวปี 2026 💡 ฟีเจอร์เสริม: Universal Hands Free และ Autonomy+ สำหรับรถรุ่น R1 รุ่นที่สอง Rivian จะเพิ่มระบบ Universal Hands Free (UHF) ซึ่งเป็นผู้ช่วยขับขี่ที่ทำงานได้บนถนนกว่า 3.5 ล้านไมล์ในสหรัฐฯ และแคนาดา ไม่จำกัดเฉพาะทางด่วน นอกจากนี้ยังมีบริการ Autonomy+ ที่คิดค่าบริการแบบครั้งเดียว $2,500 หรือสมัครสมาชิก $49.99 ต่อเดือน โดย Rivian ย้ำว่าเป็นระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัย ไม่ใช่การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🌐 กลยุทธ์และอนาคต Rivian ยังพัฒนา Large Driving Model (LDM) ซึ่งเป็นโมเดล AI สำหรับการขับขี่ คล้ายกับ LLM ของ chatbot แต่ปรับใช้กับการตัดสินใจบนท้องถนน บริษัทตั้งเป้าไปสู่ Level 4 Autonomous Driving ในอนาคต และอาจขายเทคโนโลยีนี้ให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นด้วย ถือเป็นการขยายธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ไปสู่การขายโซลูชันเทคโนโลยี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ➡️ RAP1: ชิป Armv9, 14 คอร์, 5nm ➡️ ACM3: รองรับ 1,800 TOPS, 5 พันล้านพิกเซล/วินาที ✅ จุดแข็งเหนือคู่แข่ง ➡️ รองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ไม่ใช้ ➡️ เตรียมใช้ในรถ R2 ปี 2026 ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ Universal Hands Free (UHF) ครอบคลุมถนน 3.5 ล้านไมล์ ➡️ Autonomy+ บริการเสริม $2,500 หรือ $49.99/เดือน ✅ กลยุทธ์อนาคต ➡️ พัฒนา Large Driving Model (LDM) ➡️ ตั้งเป้า Level 4 Autonomous Driving ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Autonomy+ ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ⛔ เทคโนโลยี LiDAR และ ACM3 ยังอยู่ระหว่างการทดสอบและ validation https://www.tomshardware.com/tech-industry/rivian-unveils-its-own-in-house-rap1-ai-chip-and-acm3-self-driving-platform-automaker-one-ups-tesla-with-lidar-support
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • Nintendo Switch 2 เจอวิกฤติหน่วยความจำ

    ราคาชิปหน่วยความจำที่ใช้ใน Nintendo Switch 2 พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ RAM ขนาด 12 GB ที่เพิ่มขึ้นถึง 41% ในไตรมาสเดียว และ NAND flash ที่เพิ่มขึ้นอีก 8% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทันที หุ้นของ Nintendo ร่วงลงกว่า 4.7% และมูลค่าตลาดหายไปกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ นักลงทุนกังวลว่ากำไรจากการขายเครื่องอาจลดลงจนบางตลาดขายแทบไม่มีกำไร

    ตลาดโลก DRAM และ NAND กำลังร้อนแรง
    ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาด DRAM และ NAND ทั่วโลกกำลังขาดแคลน เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ทำให้ราคาสัญญาซื้อขาย DRAM และ NAND ขยับขึ้นต่อเนื่อง 15–30% ในหลายเซกเมนต์ ขณะเดียวกันการผลิต DRAM รุ่นเก่าลดลง เพราะผู้ผลิตหันไปลงทุนใน HBM และ DDR5 ที่ทำกำไรสูงกว่า ส่งผลให้สินค้ารุ่นที่ยังใช้ DDR4 หรือ LPDDR4X ขาดตลาดหนัก

    ผลกระทบต่อกำไรและกลยุทธ์ Nintendo
    Nintendo ยอมรับว่า Switch 2 มี margin ต่ำกว่า Switch รุ่นแรก เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นจากจอภาพที่ดีขึ้น, ชิปใหม่ที่รองรับ 4K และหน่วยความจำที่แพงขึ้น แม้ยอดขายเปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรต่อเครื่องลดลงอย่างชัดเจน บริษัทจึงพยายามชดเชยด้วยการขายเกมและคอนเทนต์เสริม ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักที่มี margin สูงกว่า

    แนวโน้มปี 2026 และคำเตือน
    นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาหน่วยความจำจะยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 เนื่องจากผู้ผลิตยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตใหม่ และความต้องการจาก AI ยังคงรุนแรง ผู้บริโภคอาจต้องเจอกับราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมที่แพงขึ้น รวมถึง microSD card ที่จำเป็นต่อการเล่นเกมก็มีแนวโน้มขาดตลาดและแพงขึ้นเช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    RAM ขนาด 12 GB เพิ่มขึ้น 41%
    NAND flash เพิ่มขึ้น 8%

    ผลกระทบต่อ Nintendo
    หุ้นร่วง 4.7% มูลค่าตลาดหายไป 14 พันล้านดอลลาร์
    กำไรต่อเครื่อง Switch 2 ต่ำกว่ารุ่นแรก

    ตลาดโลกหน่วยความจำ
    DRAM และ NAND ขาดแคลนจากความต้องการ AI
    ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ DDR5 มากขึ้น

    กลยุทธ์ Nintendo
    เน้นรายได้จากเกมและคอนเทนต์เสริม
    ใช้โปรโมชั่น เช่น bundle Mario Kart World

    คำเตือนต่อผู้บริโภค
    ราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมอาจแพงขึ้น
    microSD card มีแนวโน้มขาดตลาดและจำเป็นต่อการเล่นเกม

    https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/nintendo-switch-2-ram-prices-rise-41-percent-nand-flash-up-8-percent-console-giant-shares-nosedive-in-face-of-increased-cost-warnings
    🎮 Nintendo Switch 2 เจอวิกฤติหน่วยความจำ ราคาชิปหน่วยความจำที่ใช้ใน Nintendo Switch 2 พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ RAM ขนาด 12 GB ที่เพิ่มขึ้นถึง 41% ในไตรมาสเดียว และ NAND flash ที่เพิ่มขึ้นอีก 8% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทันที หุ้นของ Nintendo ร่วงลงกว่า 4.7% และมูลค่าตลาดหายไปกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ นักลงทุนกังวลว่ากำไรจากการขายเครื่องอาจลดลงจนบางตลาดขายแทบไม่มีกำไร 💾 ตลาดโลก DRAM และ NAND กำลังร้อนแรง ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาด DRAM และ NAND ทั่วโลกกำลังขาดแคลน เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ทำให้ราคาสัญญาซื้อขาย DRAM และ NAND ขยับขึ้นต่อเนื่อง 15–30% ในหลายเซกเมนต์ ขณะเดียวกันการผลิต DRAM รุ่นเก่าลดลง เพราะผู้ผลิตหันไปลงทุนใน HBM และ DDR5 ที่ทำกำไรสูงกว่า ส่งผลให้สินค้ารุ่นที่ยังใช้ DDR4 หรือ LPDDR4X ขาดตลาดหนัก 📉 ผลกระทบต่อกำไรและกลยุทธ์ Nintendo Nintendo ยอมรับว่า Switch 2 มี margin ต่ำกว่า Switch รุ่นแรก เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นจากจอภาพที่ดีขึ้น, ชิปใหม่ที่รองรับ 4K และหน่วยความจำที่แพงขึ้น แม้ยอดขายเปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรต่อเครื่องลดลงอย่างชัดเจน บริษัทจึงพยายามชดเชยด้วยการขายเกมและคอนเทนต์เสริม ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักที่มี margin สูงกว่า 🌐 แนวโน้มปี 2026 และคำเตือน นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาหน่วยความจำจะยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 เนื่องจากผู้ผลิตยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตใหม่ และความต้องการจาก AI ยังคงรุนแรง ผู้บริโภคอาจต้องเจอกับราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมที่แพงขึ้น รวมถึง microSD card ที่จำเป็นต่อการเล่นเกมก็มีแนวโน้มขาดตลาดและแพงขึ้นเช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ RAM ขนาด 12 GB เพิ่มขึ้น 41% ➡️ NAND flash เพิ่มขึ้น 8% ✅ ผลกระทบต่อ Nintendo ➡️ หุ้นร่วง 4.7% มูลค่าตลาดหายไป 14 พันล้านดอลลาร์ ➡️ กำไรต่อเครื่อง Switch 2 ต่ำกว่ารุ่นแรก ✅ ตลาดโลกหน่วยความจำ ➡️ DRAM และ NAND ขาดแคลนจากความต้องการ AI ➡️ ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ DDR5 มากขึ้น ✅ กลยุทธ์ Nintendo ➡️ เน้นรายได้จากเกมและคอนเทนต์เสริม ➡️ ใช้โปรโมชั่น เช่น bundle Mario Kart World ‼️ คำเตือนต่อผู้บริโภค ⛔ ราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมอาจแพงขึ้น ⛔ microSD card มีแนวโน้มขาดตลาดและจำเป็นต่อการเล่นเกม https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/nintendo-switch-2-ram-prices-rise-41-percent-nand-flash-up-8-percent-console-giant-shares-nosedive-in-face-of-increased-cost-warnings
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • “อนุทิน” เผยหารือโทรศัพท์กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งแสดงความห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และอยากให้หยุดยิงตามปฏิญญาที่มาเลเซีย โดยฝ่ายไทยย้ำชัด ไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลง แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มและทำให้ไทยสูญเสีย จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชน
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ระบุเข้าใจจุดยืนไทย พร้อมเปิดช่องติดต่อโดยตรงหากมีสถานการณ์เร่งด่วน ขณะที่ “สีหศักดิ์” ชี้การหยุดยิงคือกลยุทธ์ ยืนยันทุกการดำเนินการของไทยอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งในประเทศและสากล
    .
    อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119720
    .
    #News1live #News1 #อนุทิน #ทรัมป์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อธิปไตยไทย #การทูต #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    “อนุทิน” เผยหารือโทรศัพท์กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งแสดงความห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และอยากให้หยุดยิงตามปฏิญญาที่มาเลเซีย โดยฝ่ายไทยย้ำชัด ไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลง แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มและทำให้ไทยสูญเสีย จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชน . ผู้นำสหรัฐฯ ระบุเข้าใจจุดยืนไทย พร้อมเปิดช่องติดต่อโดยตรงหากมีสถานการณ์เร่งด่วน ขณะที่ “สีหศักดิ์” ชี้การหยุดยิงคือกลยุทธ์ ยืนยันทุกการดำเนินการของไทยอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งในประเทศและสากล . อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119720 . #News1live #News1 #อนุทิน #ทรัมป์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อธิปไตยไทย #การทูต #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • GPT‑5.2 บนโครงสร้างพื้นฐาน NVIDIA

    OpenAI เปิดตัว GPT‑5.2 โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานของ NVIDIA ทั้ง Hopper และ Blackwell GPUs รวมถึงศูนย์ข้อมูล Azure ของ Microsoft การร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้โมเดลใหม่มีความฉลาดขึ้นและสามารถประหยัดเวลาให้ผู้ใช้ระดับองค์กรได้ถึง 40–60 นาทีต่อวัน และผู้ใช้หนักสามารถประหยัดได้มากกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

    Blackwell Ultra: เร็วกว่า Hopper หลายเท่า
    NVIDIA รายงานว่า Blackwell Ultra มีความเร็วสูงกว่า Hopper H100 ถึง 4.2 เท่า และเร็วกว่า GB200 NVL72 ถึง 1.9 เท่า ในการทดสอบ MLPerf ล่าสุด โดยเฉพาะการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น Llama 3.1 405B ที่ใช้ GPU กว่า 512 ตัว นอกจากนี้ Blackwell ยังให้ ประสิทธิภาพต่อมูลค่า (performance per dollar) สูงกว่า Hopper ถึง 90%

    ประสิทธิภาพและความคุ้มค่า
    แพลตฟอร์ม GB200 NVL72 ของ Blackwell สามารถให้ประสิทธิภาพการฝึกสูงขึ้นถึง 3.2 เท่า เมื่อเทียบกับ Hopper และยังลดต้นทุนการฝึกโมเดลลงอย่างมาก ทำให้การลงทุนใน AI มีความคุ้มค่ามากขึ้นสำหรับบริษัทที่ต้องการฝึกโมเดลขนาดใหญ่

    บริบทเพิ่มเติมจากวงการ AI
    การเปิดตัว GPT‑5.2 และการใช้ Blackwell Ultra GPUs สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ระหว่าง NVIDIA, AMD และผู้ผลิตรายใหม่ ๆ ขณะเดียวกันยังชี้ให้เห็นว่า ฮาร์ดแวร์ AI กำลังพัฒนาเร็วกว่ารอบการลงทุน ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมราคาของชิปเร็วเกินไป

    สรุปสาระสำคัญ
    GPT‑5.2 เปิดตัวโดย OpenAI
    ใช้ NVIDIA Hopper และ Blackwell GPUs บน Azure

    Blackwell Ultra เร็วกว่า Hopper H100
    สูงสุด 4.2 เท่า และคุ้มค่ากว่า 90%

    GB200 NVL72 ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น
    3.2 เท่าเมื่อเทียบกับ Hopper

    ผู้ใช้ระดับองค์กรได้ประโยชน์
    ประหยัดเวลา 40–60 นาทีต่อวัน

    ความเสี่ยงด้านการลงทุนฮาร์ดแวร์ AI
    ชิปใหม่ออกเร็ว ทำให้รุ่นเก่าเสื่อมมูลค่าไว

    การแข่งขันในตลาด AI รุนแรง
    บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนจม

    https://wccftech.com/nvidia-ai-gpus-openai-gpt-5-2-blackwell-ultra-faster-performance-value/
    🚀 GPT‑5.2 บนโครงสร้างพื้นฐาน NVIDIA OpenAI เปิดตัว GPT‑5.2 โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานของ NVIDIA ทั้ง Hopper และ Blackwell GPUs รวมถึงศูนย์ข้อมูล Azure ของ Microsoft การร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้โมเดลใหม่มีความฉลาดขึ้นและสามารถประหยัดเวลาให้ผู้ใช้ระดับองค์กรได้ถึง 40–60 นาทีต่อวัน และผู้ใช้หนักสามารถประหยัดได้มากกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ⚡ Blackwell Ultra: เร็วกว่า Hopper หลายเท่า NVIDIA รายงานว่า Blackwell Ultra มีความเร็วสูงกว่า Hopper H100 ถึง 4.2 เท่า และเร็วกว่า GB200 NVL72 ถึง 1.9 เท่า ในการทดสอบ MLPerf ล่าสุด โดยเฉพาะการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น Llama 3.1 405B ที่ใช้ GPU กว่า 512 ตัว นอกจากนี้ Blackwell ยังให้ ประสิทธิภาพต่อมูลค่า (performance per dollar) สูงกว่า Hopper ถึง 90% 📉 ประสิทธิภาพและความคุ้มค่า แพลตฟอร์ม GB200 NVL72 ของ Blackwell สามารถให้ประสิทธิภาพการฝึกสูงขึ้นถึง 3.2 เท่า เมื่อเทียบกับ Hopper และยังลดต้นทุนการฝึกโมเดลลงอย่างมาก ทำให้การลงทุนใน AI มีความคุ้มค่ามากขึ้นสำหรับบริษัทที่ต้องการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากวงการ AI การเปิดตัว GPT‑5.2 และการใช้ Blackwell Ultra GPUs สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ระหว่าง NVIDIA, AMD และผู้ผลิตรายใหม่ ๆ ขณะเดียวกันยังชี้ให้เห็นว่า ฮาร์ดแวร์ AI กำลังพัฒนาเร็วกว่ารอบการลงทุน ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมราคาของชิปเร็วเกินไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ GPT‑5.2 เปิดตัวโดย OpenAI ➡️ ใช้ NVIDIA Hopper และ Blackwell GPUs บน Azure ✅ Blackwell Ultra เร็วกว่า Hopper H100 ➡️ สูงสุด 4.2 เท่า และคุ้มค่ากว่า 90% ✅ GB200 NVL72 ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ➡️ 3.2 เท่าเมื่อเทียบกับ Hopper ✅ ผู้ใช้ระดับองค์กรได้ประโยชน์ ➡️ ประหยัดเวลา 40–60 นาทีต่อวัน ‼️ ความเสี่ยงด้านการลงทุนฮาร์ดแวร์ AI ⛔ ชิปใหม่ออกเร็ว ทำให้รุ่นเก่าเสื่อมมูลค่าไว ‼️ การแข่งขันในตลาด AI รุนแรง ⛔ บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนจม https://wccftech.com/nvidia-ai-gpus-openai-gpt-5-2-blackwell-ultra-faster-performance-value/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's AI GPUs Used To Train OpenAI's GPT-5.2, Blackwell & Blackwell Ultra Continue To Blaze Ahead With Better Performance & Value
    OpenAI has introduced its new GPT-5.2 model, which was trained and deployed on NVIDIA's AI GPUs, including Blackwell & Hopper.
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • Intel แพ้คดีผูกขาดในยุโรป ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์

    Intel พยายามอุทธรณ์เพื่อยกเลิกคำตัดสินคดีผูกขาดที่ดำเนินมากว่า 16 ปี แต่ศาลทั่วไปของสหภาพยุโรป (EU General Court) ได้ตัดสินยืนตามคณะกรรมาธิการยุโรป โดยปรับเป็นเงิน 237 ล้านยูโร (278 ล้านดอลลาร์) หลังพบว่า Intel ใช้กลยุทธ์ส่วนลดและการจ่ายเงินเพื่อกีดกันคู่แข่งอย่าง AMD ระหว่างปี 2000–2008

    เส้นทางคดีที่ยืดเยื้อ
    คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 เมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปปรับ Intel เป็นเงินกว่า 1.06 พันล้านยูโร แต่ต่อมามีการอุทธรณ์และการพิจารณาซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งปี 2022 ศาลได้ยกเลิกค่าปรับเดิมเนื่องจากการวิเคราะห์ไม่ครบถ้วน ก่อนจะมีการคำนวณใหม่ในปี 2023 และล่าสุดศาลทั่วไปตัดสินให้ปรับลดลงเหลือ 278 ล้านดอลลาร์

    ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU
    การตัดสินครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ EU ในการรักษาความเป็นธรรมในตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้บริษัทใหญ่ใช้อำนาจเหนือตลาดกีดกันคู่แข่ง AMD ซึ่งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา AMD ค่อย ๆ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดด้วยนวัตกรรม เช่น Ryzen และ EPYC ที่ทำให้การแข่งขันกลับมาสมดุลมากขึ้น

    บริบทเพิ่มเติมจากวงการเทคโนโลยีและกฎหมาย
    กรณีนี้เป็นหนึ่งในหลายคดีที่ EU ใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเพื่อควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น การบังคับให้ Microsoft เสนอ “browser choice” หรือการปรับ Google เรื่องการจัดอันดับผลการค้นหา การตัดสินต่อ Intel จึงเป็นสัญญาณว่า EU จะยังคงเข้มงวดต่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจเหนือตลาด

    สรุปสาระสำคัญ
    Intel ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์โดยศาลทั่วไปของ EU
    หลังพบว่ากีดกัน AMD ระหว่างปี 2000–2008

    คดีเริ่มตั้งแต่ปี 2009
    เดิมถูกปรับ 1.06 พันล้านยูโร ก่อนลดลง

    AMD ได้ประโยชน์จากการแข่งขันที่เป็นธรรม
    Ryzen และ EPYC ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

    ความเสี่ยงต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
    EU อาจใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเข้มงวดต่อไป

    ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ Intel
    ถูกมองว่าใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ไม่เป็นธรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-fails-to-get-eu-antitrust-ruling-overturned-in-longstanding-16-year-amd-competition-case-chipmaker-sees-usd1-2-billion-fine-reduced-to-usd278-million
    ⚖️ Intel แพ้คดีผูกขาดในยุโรป ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์ Intel พยายามอุทธรณ์เพื่อยกเลิกคำตัดสินคดีผูกขาดที่ดำเนินมากว่า 16 ปี แต่ศาลทั่วไปของสหภาพยุโรป (EU General Court) ได้ตัดสินยืนตามคณะกรรมาธิการยุโรป โดยปรับเป็นเงิน 237 ล้านยูโร (278 ล้านดอลลาร์) หลังพบว่า Intel ใช้กลยุทธ์ส่วนลดและการจ่ายเงินเพื่อกีดกันคู่แข่งอย่าง AMD ระหว่างปี 2000–2008 🏛️ เส้นทางคดีที่ยืดเยื้อ คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 เมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปปรับ Intel เป็นเงินกว่า 1.06 พันล้านยูโร แต่ต่อมามีการอุทธรณ์และการพิจารณาซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งปี 2022 ศาลได้ยกเลิกค่าปรับเดิมเนื่องจากการวิเคราะห์ไม่ครบถ้วน ก่อนจะมีการคำนวณใหม่ในปี 2023 และล่าสุดศาลทั่วไปตัดสินให้ปรับลดลงเหลือ 278 ล้านดอลลาร์ 💻 ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU การตัดสินครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ EU ในการรักษาความเป็นธรรมในตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้บริษัทใหญ่ใช้อำนาจเหนือตลาดกีดกันคู่แข่ง AMD ซึ่งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา AMD ค่อย ๆ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดด้วยนวัตกรรม เช่น Ryzen และ EPYC ที่ทำให้การแข่งขันกลับมาสมดุลมากขึ้น 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากวงการเทคโนโลยีและกฎหมาย กรณีนี้เป็นหนึ่งในหลายคดีที่ EU ใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเพื่อควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น การบังคับให้ Microsoft เสนอ “browser choice” หรือการปรับ Google เรื่องการจัดอันดับผลการค้นหา การตัดสินต่อ Intel จึงเป็นสัญญาณว่า EU จะยังคงเข้มงวดต่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจเหนือตลาด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Intel ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์โดยศาลทั่วไปของ EU ➡️ หลังพบว่ากีดกัน AMD ระหว่างปี 2000–2008 ✅ คดีเริ่มตั้งแต่ปี 2009 ➡️ เดิมถูกปรับ 1.06 พันล้านยูโร ก่อนลดลง ✅ AMD ได้ประโยชน์จากการแข่งขันที่เป็นธรรม ➡️ Ryzen และ EPYC ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ‼️ ความเสี่ยงต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ⛔ EU อาจใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเข้มงวดต่อไป ‼️ ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ Intel ⛔ ถูกมองว่าใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ไม่เป็นธรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-fails-to-get-eu-antitrust-ruling-overturned-in-longstanding-16-year-amd-competition-case-chipmaker-sees-usd1-2-billion-fine-reduced-to-usd278-million
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงานที่ญี่ปุ่นสู่เทคโนโลยี 4nm

    รายงานระบุว่า TSMC กำลังพิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น จากเดิมที่วางแผนผลิตชิป 6nm และ 7nm ให้สามารถผลิตชิป N4 (4nm-class) และ N5 (5nm-class) ได้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าในญี่ปุ่นเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น

    ความท้าทายด้านการก่อสร้างและเครื่องจักร
    แม้การอัปเกรดจะเป็นไปได้เพราะเครื่องจักรที่ใช้ใน N7/N6 และ N5/N4 มีความคล้ายกันถึง 90% แต่การผลิต N4 ต้องใช้เครื่อง EUV lithography ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่า ทำให้ต้องมีการออกแบบใหม่บางส่วน ขณะเดียวกัน TSMC ได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในญี่ปุ่นตลอดปี 2026 เนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า

    สัญญาณการหยุดชะงัก
    ภาพถ่ายล่าสุดจากไซต์ก่อสร้างแสดงให้เห็นว่าเครื่องจักรหนัก เช่น เครนและรถขุด ถูกนำออกไปแล้ว และมีการแจ้งซัพพลายเออร์ว่าการทำงานจะหยุดชั่วคราว นั่นหมายความว่าโรงงานอาจไม่พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ในปีหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของโครงการ แม้จะมีแผนรองรับการผลิตขั้นสูงในอนาคต

    บริบทเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    การอัปเกรดโรงงานในญี่ปุ่นถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ กระจายการผลิตนอกไต้หวัน ของ TSMC เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันคู่แข่งอย่าง Rapidus ก็มีแผนสร้างโรงงาน 1.4nm ในญี่ปุ่นภายในปี 2027 ซึ่งอาจทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการผลิตชิปขั้นสูงในเอเชีย

    สรุปสาระสำคัญ
    TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2
    จาก 6nm/7nm เป็น 4nm/5nm

    เครื่องจักร N7/N6 และ N5/N4 คล้ายกันถึง 90%
    ทำให้การอัปเกรดเป็นไปได้ง่ายขึ้น

    การก่อสร้างล่าช้า
    TSMC แจ้งว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในปี 2026

    ความไม่แน่นอนของโครงการ
    การหยุดชั่วคราวและการนำเครื่องจักรออกจากไซต์

    ความท้าทายด้าน EUV lithography
    ต้องใช้เครื่องที่ใหญ่และซับซ้อนกว่า DUV

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    🏭 TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงานที่ญี่ปุ่นสู่เทคโนโลยี 4nm รายงานระบุว่า TSMC กำลังพิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น จากเดิมที่วางแผนผลิตชิป 6nm และ 7nm ให้สามารถผลิตชิป N4 (4nm-class) และ N5 (5nm-class) ได้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าในญี่ปุ่นเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น ⚙️ ความท้าทายด้านการก่อสร้างและเครื่องจักร แม้การอัปเกรดจะเป็นไปได้เพราะเครื่องจักรที่ใช้ใน N7/N6 และ N5/N4 มีความคล้ายกันถึง 90% แต่การผลิต N4 ต้องใช้เครื่อง EUV lithography ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่า ทำให้ต้องมีการออกแบบใหม่บางส่วน ขณะเดียวกัน TSMC ได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในญี่ปุ่นตลอดปี 2026 เนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า 📉 สัญญาณการหยุดชะงัก ภาพถ่ายล่าสุดจากไซต์ก่อสร้างแสดงให้เห็นว่าเครื่องจักรหนัก เช่น เครนและรถขุด ถูกนำออกไปแล้ว และมีการแจ้งซัพพลายเออร์ว่าการทำงานจะหยุดชั่วคราว นั่นหมายความว่าโรงงานอาจไม่พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ในปีหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของโครงการ แม้จะมีแผนรองรับการผลิตขั้นสูงในอนาคต 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การอัปเกรดโรงงานในญี่ปุ่นถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ กระจายการผลิตนอกไต้หวัน ของ TSMC เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันคู่แข่งอย่าง Rapidus ก็มีแผนสร้างโรงงาน 1.4nm ในญี่ปุ่นภายในปี 2027 ซึ่งอาจทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการผลิตชิปขั้นสูงในเอเชีย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2 ➡️ จาก 6nm/7nm เป็น 4nm/5nm ✅ เครื่องจักร N7/N6 และ N5/N4 คล้ายกันถึง 90% ➡️ ทำให้การอัปเกรดเป็นไปได้ง่ายขึ้น ✅ การก่อสร้างล่าช้า ➡️ TSMC แจ้งว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในปี 2026 ‼️ ความไม่แน่นอนของโครงการ ⛔ การหยุดชั่วคราวและการนำเครื่องจักรออกจากไซต์ ‼️ ความท้าทายด้าน EUV lithography ⛔ ต้องใช้เครื่องที่ใหญ่และซับซ้อนกว่า DUV https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • Disney ลงทุนครั้งใหญ่ใน OpenAI

    ดิสนีย์ประกาศลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ใน OpenAI และทำข้อตกลงการอนุญาตใช้สิทธิ์เป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอด้วยตัวละครกว่า 200 ตัวจาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars ผ่านแอป Sora ที่เปิดตัวไปเมื่อกันยายนที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการที่ดิสนีย์ต้องการใช้ Generative AI ขยายการเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ ๆ โดยยังคงเคารพสิทธิ์ของผู้สร้างและผลงาน

    ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
    นอกจากการอนุญาตให้ใช้ตัวละคร ดิสนีย์ยังจะนำ ChatGPT มาใช้ภายในองค์กรเพื่อสร้างเครื่องมือและประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมถึงได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มใน OpenAI การจับมือครั้งนี้ทำให้ดิสนีย์ไม่เพียงเป็นผู้ลงทุน แต่ยังเป็น ลูกค้ารายใหญ่ ของ OpenAI ด้วย ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีการผลิตคอนเทนต์และการสื่อสารภายในบริษัท

    การปกป้องลิขสิทธิ์
    ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์เคยส่งจดหมาย Cease and Desist ไปยัง Google และ Character.AI รวมถึงฟ้อง Midjourney เรื่องการใช้ตัวละครโดยไม่ได้รับอนุญาต การลงทุนครั้งนี้จึงสะท้อนว่า ดิสนีย์ไม่ได้ปฏิเสธ AI แต่เลือกที่จะ ควบคุมและร่วมมือ กับแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างรายได้และปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาไปพร้อมกัน

    การใช้งานจริงและอนาคต
    ผู้ใช้ Sora และ ChatGPT Images จะสามารถสร้างวิดีโอและภาพด้วยตัวละครดัง เช่น Mickey Mouse, Ariel, Cinderella, Iron Man และ Darth Vader โดยจะมีการคัดเลือกคลิปบางส่วนไปเผยแพร่บน Disney+ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่ครอบคลุม เสียงและหน้าตาของนักแสดงจริง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์และการละเมิดสิทธิ์บุคคล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI
    ทำข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิ์ 3 ปีสำหรับตัวละครกว่า 200 ตัว

    ผู้ใช้ Sora และ ChatGPT Images สามารถสร้างคอนเทนต์ด้วยตัวละคร Disney
    ตัวละครที่ใช้ได้ เช่น Mickey Mouse, Ariel, Cinderella, Iron Man, Darth Vader

    Disney จะใช้ ChatGPT ภายในองค์กร
    เพื่อสร้างเครื่องมือและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้พนักงาน

    คลิปจาก Sora จะถูกเผยแพร่บน Disney+
    ขยายการเข้าถึงคอนเทนต์ AI สู่ผู้ชมทั่วโลก

    ความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์ยังคงมีอยู่
    Disney เคยฟ้อง Midjourney และส่งจดหมายเตือน Google, Character.AI เรื่องการใช้ตัวละครโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การใช้ตัวละครไม่ครอบคลุมเสียงและหน้าตานักแสดงจริง
    เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิ์บุคคลและปัญหาทางกฎหมาย

    https://www.cnbc.com/2025/12/11/disney-openai-sora-characters-video.html
    🎬 Disney ลงทุนครั้งใหญ่ใน OpenAI ดิสนีย์ประกาศลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ ใน OpenAI และทำข้อตกลงการอนุญาตใช้สิทธิ์เป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอด้วยตัวละครกว่า 200 ตัวจาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars ผ่านแอป Sora ที่เปิดตัวไปเมื่อกันยายนที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการที่ดิสนีย์ต้องการใช้ Generative AI ขยายการเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ ๆ โดยยังคงเคารพสิทธิ์ของผู้สร้างและผลงาน 🤝 ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ นอกจากการอนุญาตให้ใช้ตัวละคร ดิสนีย์ยังจะนำ ChatGPT มาใช้ภายในองค์กรเพื่อสร้างเครื่องมือและประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมถึงได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มใน OpenAI การจับมือครั้งนี้ทำให้ดิสนีย์ไม่เพียงเป็นผู้ลงทุน แต่ยังเป็น ลูกค้ารายใหญ่ ของ OpenAI ด้วย ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีการผลิตคอนเทนต์และการสื่อสารภายในบริษัท ⚖️ การปกป้องลิขสิทธิ์ ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์เคยส่งจดหมาย Cease and Desist ไปยัง Google และ Character.AI รวมถึงฟ้อง Midjourney เรื่องการใช้ตัวละครโดยไม่ได้รับอนุญาต การลงทุนครั้งนี้จึงสะท้อนว่า ดิสนีย์ไม่ได้ปฏิเสธ AI แต่เลือกที่จะ ควบคุมและร่วมมือ กับแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างรายได้และปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาไปพร้อมกัน 📺 การใช้งานจริงและอนาคต ผู้ใช้ Sora และ ChatGPT Images จะสามารถสร้างวิดีโอและภาพด้วยตัวละครดัง เช่น Mickey Mouse, Ariel, Cinderella, Iron Man และ Darth Vader โดยจะมีการคัดเลือกคลิปบางส่วนไปเผยแพร่บน Disney+ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่ครอบคลุม เสียงและหน้าตาของนักแสดงจริง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์และการละเมิดสิทธิ์บุคคล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ➡️ ทำข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิ์ 3 ปีสำหรับตัวละครกว่า 200 ตัว ✅ ผู้ใช้ Sora และ ChatGPT Images สามารถสร้างคอนเทนต์ด้วยตัวละคร Disney ➡️ ตัวละครที่ใช้ได้ เช่น Mickey Mouse, Ariel, Cinderella, Iron Man, Darth Vader ✅ Disney จะใช้ ChatGPT ภายในองค์กร ➡️ เพื่อสร้างเครื่องมือและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้พนักงาน ✅ คลิปจาก Sora จะถูกเผยแพร่บน Disney+ ➡️ ขยายการเข้าถึงคอนเทนต์ AI สู่ผู้ชมทั่วโลก ‼️ ความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์ยังคงมีอยู่ ⛔ Disney เคยฟ้อง Midjourney และส่งจดหมายเตือน Google, Character.AI เรื่องการใช้ตัวละครโดยไม่ได้รับอนุญาต ‼️ การใช้ตัวละครไม่ครอบคลุมเสียงและหน้าตานักแสดงจริง ⛔ เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิ์บุคคลและปัญหาทางกฎหมาย https://www.cnbc.com/2025/12/11/disney-openai-sora-characters-video.html
    WWW.CNBC.COM
    Disney making $1 billion investment in OpenAI, will allow characters on Sora AI video generator
    Disney is investing in OpenAI and has licensed its iconic characters like Mickey Mouse, Ariel and Iron Man to be used in the Sora AI video generator.
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • ด้านมืดของ Nintendo

    บทความจาก SlashGear เปิดเผยด้านมืดของ Nintendo ที่มักถูกมองว่าเป็นบริษัทเกมครอบครัว แต่เบื้องหลังมีหลายกรณีที่เป็นข้อถกเถียง เช่น การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s, การฟ้องร้องคู่แข่ง, การโฆษณาที่แปลกและก้าวร้าวในยุค 90s, ปัญหา Joy-Con Drift ของ Switch, ไปจนถึงการจัดการที่เข้มงวดกับแฟน ๆ และนักพัฒนา.

    Nintendo: เบื้องหลังภาพลักษณ์ครอบครัว
    แม้ Nintendo จะสร้างชื่อเสียงจากเกมอมตะอย่าง Mario และ Zelda และรักษาภาพลักษณ์ครอบครัวมาตลอด แต่ในความเป็นจริงบริษัทก็มีพฤติกรรมเชิงธุรกิจที่เข้มงวดและบางครั้งก่อให้เกิดข้อถกเถียงรุนแรงในวงการเกม.

    การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s
    หลังจากวิกฤตเกมปี 1983 Nintendo ใช้ระบบ 10NES lockout chip บังคับให้ผู้พัฒนาต้องผ่านการอนุญาตและจ่ายค่าลิขสิทธิ์ จำกัดการออกเกมเพียง 5 เกมต่อปี ส่งผลให้บริษัทครองตลาดกว่า 65% ในปี 1987 และทำให้คู่แข่งอย่าง Atari และ Sega ตกต่ำลง.

    กรณี Donkey Kong และการฟ้องร้อง
    เกม Donkey Kong ถูกพัฒนาโดยบริษัท Ikegami Tsushinki แต่ Nintendo สร้าง PCB เพิ่มโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อมาใช้โค้ดที่ reverse-engineer ใน Donkey Kong Jr. จนถูกฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ในปี 1983.

    โฆษณาและกลยุทธ์ก้าวร้าว
    ยุค 90s Nintendo ใช้โฆษณาแนว gross-out เช่น Super Mario World 2 ที่มีภาพผู้ชายกินจนท้องแตก รวมถึงการใช้ข้อความอ้างถึงพระเจ้าในโฆษณา N64 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม.

    ปัญหา Joy-Con Drift และการฟ้องร้อง
    Nintendo Switch แม้จะขายได้กว่า 140 ล้านเครื่อง แต่ก็มีปัญหา Joy-Con Drift ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวผิดพลาด จนบริษัทต้องออกมาขอโทษและเผชิญคดีฟ้องร้องแบบ class action.

    ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา
    Nintendo มีชื่อเสียงด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด เช่น การฟ้อง PocketPair เรื่อง Palworld ที่คล้าย Pokémon, การปิด emulator Yuzu และ Ryujinx, รวมถึงการลบวิดีโอ YouTube ของแฟน ๆ ที่ใช้เนื้อหาเกมของบริษัท.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s
    ใช้ 10NES lockout chip และจำกัดการออกเกม

    กรณีละเมิดลิขสิทธิ์ Donkey Kong
    ฟ้องร้องกับ Ikegami Tsushinki

    กลยุทธ์โฆษณาและการตลาด
    โฆษณา gross-out และข้อความก้าวร้าว

    ปัญหาฮาร์ดแวร์และการฟ้องร้อง
    Joy-Con Drift และ class action lawsuits

    ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา
    ฟ้อง PocketPair, ปิด emulator, ลบคอนเทนต์แฟน ๆ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักพัฒนา
    Nintendo ปกป้อง IP อย่างเข้มงวด อาจกระทบต่อแฟน ๆ และคอมมูนิตี้
    ปัญหาฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้ใช้

    https://www.slashgear.com/1725390/nintendo-shady-side-hidden-controversy-incidents-business-practice-explained/
    🎮 ด้านมืดของ Nintendo บทความจาก SlashGear เปิดเผยด้านมืดของ Nintendo ที่มักถูกมองว่าเป็นบริษัทเกมครอบครัว แต่เบื้องหลังมีหลายกรณีที่เป็นข้อถกเถียง เช่น การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s, การฟ้องร้องคู่แข่ง, การโฆษณาที่แปลกและก้าวร้าวในยุค 90s, ปัญหา Joy-Con Drift ของ Switch, ไปจนถึงการจัดการที่เข้มงวดกับแฟน ๆ และนักพัฒนา. 🎮 Nintendo: เบื้องหลังภาพลักษณ์ครอบครัว แม้ Nintendo จะสร้างชื่อเสียงจากเกมอมตะอย่าง Mario และ Zelda และรักษาภาพลักษณ์ครอบครัวมาตลอด แต่ในความเป็นจริงบริษัทก็มีพฤติกรรมเชิงธุรกิจที่เข้มงวดและบางครั้งก่อให้เกิดข้อถกเถียงรุนแรงในวงการเกม. 🏆 การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s หลังจากวิกฤตเกมปี 1983 Nintendo ใช้ระบบ 10NES lockout chip บังคับให้ผู้พัฒนาต้องผ่านการอนุญาตและจ่ายค่าลิขสิทธิ์ จำกัดการออกเกมเพียง 5 เกมต่อปี ส่งผลให้บริษัทครองตลาดกว่า 65% ในปี 1987 และทำให้คู่แข่งอย่าง Atari และ Sega ตกต่ำลง. 🧩 กรณี Donkey Kong และการฟ้องร้อง เกม Donkey Kong ถูกพัฒนาโดยบริษัท Ikegami Tsushinki แต่ Nintendo สร้าง PCB เพิ่มโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อมาใช้โค้ดที่ reverse-engineer ใน Donkey Kong Jr. จนถูกฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ในปี 1983. 📺 โฆษณาและกลยุทธ์ก้าวร้าว ยุค 90s Nintendo ใช้โฆษณาแนว gross-out เช่น Super Mario World 2 ที่มีภาพผู้ชายกินจนท้องแตก รวมถึงการใช้ข้อความอ้างถึงพระเจ้าในโฆษณา N64 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม. 🎮 ปัญหา Joy-Con Drift และการฟ้องร้อง Nintendo Switch แม้จะขายได้กว่า 140 ล้านเครื่อง แต่ก็มีปัญหา Joy-Con Drift ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวผิดพลาด จนบริษัทต้องออกมาขอโทษและเผชิญคดีฟ้องร้องแบบ class action. 👥 ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา Nintendo มีชื่อเสียงด้านการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด เช่น การฟ้อง PocketPair เรื่อง Palworld ที่คล้าย Pokémon, การปิด emulator Yuzu และ Ryujinx, รวมถึงการลบวิดีโอ YouTube ของแฟน ๆ ที่ใช้เนื้อหาเกมของบริษัท. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การผูกขาดตลาดเกมยุค 80s ➡️ ใช้ 10NES lockout chip และจำกัดการออกเกม ✅ กรณีละเมิดลิขสิทธิ์ Donkey Kong ➡️ ฟ้องร้องกับ Ikegami Tsushinki ✅ กลยุทธ์โฆษณาและการตลาด ➡️ โฆษณา gross-out และข้อความก้าวร้าว ✅ ปัญหาฮาร์ดแวร์และการฟ้องร้อง ➡️ Joy-Con Drift และ class action lawsuits ✅ ความสัมพันธ์กับแฟน ๆ และนักพัฒนา ➡️ ฟ้อง PocketPair, ปิด emulator, ลบคอนเทนต์แฟน ๆ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักพัฒนา ⛔ Nintendo ปกป้อง IP อย่างเข้มงวด อาจกระทบต่อแฟน ๆ และคอมมูนิตี้ ⛔ ปัญหาฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้ใช้ https://www.slashgear.com/1725390/nintendo-shady-side-hidden-controversy-incidents-business-practice-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The Shady Side Of Nintendo: Hidden Controversies & Questionable Incidents - SlashGear
    With mascots like Mario and Link, Nintendo has cultivated one of the most family-friendly reputations in gaming. But the company also has a dark side too.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • การเติบโตของชิป Huawei Ascend 910C อาจเป็นเหตุผลที่สหรัฐฯ พลิกนโยบายส่งออก NVIDIA H200

    รายงานล่าสุดเผยว่า การพัฒนาของ Huawei Ascend 910C AI Accelerator ซึ่งถือเป็นรุ่นต่อยอดจาก Ascend 910 ที่เปิดตัวในปี 2019 ได้สร้างแรงกดดันต่อสหรัฐฯ จนทำให้เกิดการทบทวนและกลับคำสั่งห้ามส่งออกชิป NVIDIA H200 ไปยังจีน การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการแข่งขันด้านเทคโนโลยี AI ที่ร้อนแรงระหว่างสองประเทศ และความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ

    ความก้าวหน้าของ Huawei Ascend 910C
    Huawei ได้พัฒนาชิป Ascend 910C ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถรองรับงาน AI ที่ซับซ้อนมากกว่าเดิม โดยมุ่งเน้นการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและการประมวลผลเชิงลึก (deep learning) ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นว่าจีนสามารถสร้างฮาร์ดแวร์ที่แข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลกได้ แม้จะเผชิญข้อจำกัดจากการคว่ำบาตร

    ผลกระทบต่อ NVIDIA และสหรัฐฯ
    ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้จำกัดการส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงไปยังจีนเพื่อควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง แต่เมื่อ Huawei แสดงศักยภาพในการผลิตชิปที่ใกล้เคียงกับ NVIDIA การห้ามส่งออกกลับกลายเป็นการผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองเร็วขึ้น การกลับคำสั่งครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการรักษาส่วนแบ่งตลาดและอิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

    มิติทางภูมิรัฐศาสตร์
    การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่ยังเกี่ยวพันกับความมั่นคงและอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับโลก การที่จีนสามารถพัฒนาชิป AI ได้เองถือเป็นการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานโลก ขณะที่สหรัฐฯ ต้องหาทางรักษาความได้เปรียบโดยไม่ผลักดันคู่แข่งให้แข็งแกร่งขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ

    การพัฒนาของ Huawei Ascend 910C
    ชิป AI รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับงาน deep learning
    แสดงศักยภาพจีนในการแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลก

    ผลกระทบต่อ NVIDIA และสหรัฐฯ
    การห้ามส่งออก H200 เดิมกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาเอง
    การกลับคำสั่งช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดของ NVIDIA

    มิติทางภูมิรัฐศาสตร์
    จีนลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก
    สหรัฐฯ ต้องหากลยุทธ์ใหม่เพื่อรักษาความได้เปรียบ

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การแข่งขันด้าน AI อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเมือง
    การพัฒนาเทคโนโลยีคู่ขนานอาจทำให้เกิดการแบ่งแยกในห่วงโซ่อุปทานโลก

    https://www.techpowerup.com/343932/huawei-ascend-910c-accelerators-maturation-allegedly-spurred-nvidia-h200-export-reversal
    ⚡ การเติบโตของชิป Huawei Ascend 910C อาจเป็นเหตุผลที่สหรัฐฯ พลิกนโยบายส่งออก NVIDIA H200 รายงานล่าสุดเผยว่า การพัฒนาของ Huawei Ascend 910C AI Accelerator ซึ่งถือเป็นรุ่นต่อยอดจาก Ascend 910 ที่เปิดตัวในปี 2019 ได้สร้างแรงกดดันต่อสหรัฐฯ จนทำให้เกิดการทบทวนและกลับคำสั่งห้ามส่งออกชิป NVIDIA H200 ไปยังจีน การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการแข่งขันด้านเทคโนโลยี AI ที่ร้อนแรงระหว่างสองประเทศ และความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ 🖥️ ความก้าวหน้าของ Huawei Ascend 910C Huawei ได้พัฒนาชิป Ascend 910C ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถรองรับงาน AI ที่ซับซ้อนมากกว่าเดิม โดยมุ่งเน้นการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและการประมวลผลเชิงลึก (deep learning) ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นว่าจีนสามารถสร้างฮาร์ดแวร์ที่แข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลกได้ แม้จะเผชิญข้อจำกัดจากการคว่ำบาตร 🔬 ผลกระทบต่อ NVIDIA และสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้จำกัดการส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงไปยังจีนเพื่อควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง แต่เมื่อ Huawei แสดงศักยภาพในการผลิตชิปที่ใกล้เคียงกับ NVIDIA การห้ามส่งออกกลับกลายเป็นการผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองเร็วขึ้น การกลับคำสั่งครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการรักษาส่วนแบ่งตลาดและอิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ 🌍 มิติทางภูมิรัฐศาสตร์ การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่ยังเกี่ยวพันกับความมั่นคงและอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับโลก การที่จีนสามารถพัฒนาชิป AI ได้เองถือเป็นการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานโลก ขณะที่สหรัฐฯ ต้องหาทางรักษาความได้เปรียบโดยไม่ผลักดันคู่แข่งให้แข็งแกร่งขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพัฒนาของ Huawei Ascend 910C ➡️ ชิป AI รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับงาน deep learning ➡️ แสดงศักยภาพจีนในการแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลก ✅ ผลกระทบต่อ NVIDIA และสหรัฐฯ ➡️ การห้ามส่งออก H200 เดิมกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาเอง ➡️ การกลับคำสั่งช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดของ NVIDIA ✅ มิติทางภูมิรัฐศาสตร์ ➡️ จีนลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก ➡️ สหรัฐฯ ต้องหากลยุทธ์ใหม่เพื่อรักษาความได้เปรียบ ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การแข่งขันด้าน AI อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเมือง ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีคู่ขนานอาจทำให้เกิดการแบ่งแยกในห่วงโซ่อุปทานโลก https://www.techpowerup.com/343932/huawei-ascend-910c-accelerators-maturation-allegedly-spurred-nvidia-h200-export-reversal
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Huawei Ascend 910C Accelerator's Maturation Allegedly Spurred NVIDIA H200 Export Reversal
    Earlier this week, the US government approved exports of NVIDIA H200 data center-grade accelerators to China. This reverses a previous decision, to prevent "full fat" H200 hardware reaching Chinese shores. Team Green engineers were reportedly working on a severely reduced "H20" alternative—whispers ...
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar

    UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย
    สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference

    Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service”
    Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้
    https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network

    หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง
    เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for

    DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม
    DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains

    Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม
    Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs

    Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ
    Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ
    https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report

    จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า?
    ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary

    Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com
    เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead

    นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3
    ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked

    Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้
    Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา
    https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu

    Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย
    ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation

    Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง
    ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect

    Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์
    Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app

    Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย
    Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่
    https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india

    AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried

    SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S
    AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know

    ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง
    รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge

    Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7
    Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้
    https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7

    Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง
    Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media

    ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน
    หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้
    https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it

    อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16
    หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet

    Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut
    Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google
    https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature

    การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ
    จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า
    https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back

    CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง
    ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ”
    https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself

    ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น
    มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด
    https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature

    HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่
    เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury

    TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่
    TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs

    Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย
    Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block

    Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา
    Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved

    ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD
    ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
    https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan

    ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี
    หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล
    https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks

    Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection
    Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome

    Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4
    Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา
    https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals

    ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025
    การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน
    https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize

    Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ
    Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง
    https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand

    ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android
    นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do

    Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU
    งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251211 #TechRadar 🌊 UK เสริมความปลอดภัยสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยรัสเซีย สหราชอาณาจักรประกาศโครงการ Atlantic Bastion เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำอย่างสายเคเบิลและท่อส่งพลังงานจากการคุกคามของรัสเซีย หลังจากมีเหตุการณ์สายเคเบิลในทะเลบอลติกถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้งในช่วงสงครามรัสเซีย–ยูเครน โครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเรืออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจจับ และกองทัพเรือ โดยมีแผนเริ่มนำไปใช้จริงตั้งแต่ปี 2026 เพื่อให้การป้องกันครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/uk-strengthens-subsea-cables-against-russian-interference 🚨 Europol ปราบเครือข่าย “Violence-as-a-Service” Europol เปิดเผยแนวโน้มใหม่ของอาชญากรรมที่เรียกว่า “Violence-as-a-Service” ซึ่งเป็นการจ้างคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้ก่อเหตุรุนแรง ตั้งแต่ข่มขู่ ทรมาน ไปจนถึงฆาตกรรม เครือข่ายนี้เริ่มจากสวีเดนและแพร่ไปทั่วยุโรป จนต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจ GRIMM เพื่อสกัดกั้นการรับสมัครผ่านโซเชียลมีเดีย ภายใน 6 เดือนแรกสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 193 คน พร้อมยึดอาวุธและกระสุนจำนวนมาก ถือเป็นการป้องกันโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-cracks-down-on-violence-as-a-service-network 🤖 หุ่นยนต์ไล่เตะ CEO – โลกอนาคตที่เราเซ็นรับหรือยัง เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลคือหุ่นยนต์ T800 ของบริษัท EngineAI ที่โชว์พลังเตะใส่ CEO ของตัวเองจนกระเด็นไปไกล ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างด้วย CGI แต่ทำได้จริง หุ่นยนต์รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่เดินหรือโต้ตอบ แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 6 mph และทำท่าต่อสู้เหมือนมนุษย์ จุดประสงค์เบื้องหลังคือการโปรโมตงาน “Robot Boxing Match” ที่จะจัดขึ้นในจีน แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่าอนาคตหุ่นยนต์อาจไม่ใช่ผู้ช่วยในบ้าน แต่กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสังเวียนแทน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/now-weve-got-robots-that-can-chase-and-kick-us-is-this-the-robot-revolution-we-signed-up-for 🚁 DJI FlyCart 100 – โดรนยักษ์แบกของหนัก 100 กิโลกรัม DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ FlyCart 100 ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งหนักโดยเฉพาะ สามารถแบกน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม และบินสูงถึง 6,000 เมตร พร้อมระบบวินซ์ยกของด้วยสายเคเบิล 30 เมตร มีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้แบบ hot-swap และทนสภาพอากาศตั้งแต่ -20°C ถึง 40°C รวมถึงทนลมแรงและมีระบบหลบสิ่งกีดขวางด้วย LiDAR จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานในพื้นที่ก่อสร้างหรือภูเขาสูง แต่รูปลักษณ์ที่ดุดันทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับเครื่องจักรในหนังไซไฟมากกว่าจะเป็นโดรนส่งพัสดุทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/djis-terrifying-new-delivery-drone-is-its-most-powerful-so-far-the-flycart-100-can-carry-100kg-loads-and-climb-6-000m-mountains 📺 Sam Altman บน Tonight Show – AI คือพลังแห่งความเท่าเทียม Sam Altman CEO ของ OpenAI ไปออกรายการ Tonight Show กับ Jimmy Fallon เพื่อเล่าถึงการเติบโตของ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ เขาเปรียบ AI ว่าเป็น “พลังแห่งความเท่าเทียม” คล้ายกับการมาของสมาร์ทโฟนที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่เขาย้ำว่า AI กำลังช่วยให้คนทั่วไปมีเครื่องมือทรงพลังในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เขียนเรซูเม่ไปจนถึงวางแผนการเดินทาง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/sam-altman-tells-jimmy-fallon-that-ai-is-the-equalizing-force-the-world-needs 💼 Salesforce Agentforce – เดิมพันอนาคตด้วย AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ Salesforce ประกาศเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้าง AI Agent สำหรับงานบริการลูกค้าและการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้รายได้ไตรมาสล่าสุดจะโตถึง 9% เป็น 10.3 พันล้านดอลลาร์ แต่หุ้นยังร่วงลงกว่า 29% ในปีนี้ การเปิดตัว Agentforce จึงถูกมองว่าเป็นการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น ตำรวจ Thames Valley ที่ทดลองใช้ AI Assistant “Bobbi” ตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ แม้ยังมีข้อกังวลเรื่องความผิดพลาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามาอยู่ในงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/salesforce-bets-on-agentic-ai-platform-following-cautiously-optimistic-earnings-report 🖥️ จอมอนิเตอร์ 1000Hz – เร็วเกินไปหรือเปล่า? ข่าวที่ทำให้สายเกมเมอร์ต้องขมวดคิ้วคือการเปิดตัวจอมอนิเตอร์ “dual-mode” ที่สามารถรีเฟรชเรตได้สูงถึง 1000Hz ฟังดูเหมือนจะเป็นการปฏิวัติ แต่หลายคนกลับมองว่ามันเกินความจำเป็น เพราะแม้แต่เกมแข่งขันระดับ eSports ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ไม่ถึง 360Hz การกระโดดไปถึง 1000Hz จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการตลาดมากกว่าความต้องการจริงของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดแวร์ยังคงพยายามหาจุดขายใหม่ ๆ อยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/monitors/the-worlds-first-1-000hz-dual-mode-gaming-monitors-are-coming-but-they-sound-completely-unnecessary 🚗 Lamborghini ชนะคดีโดเมน Lambo.com เรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์คือการที่ Lamborghini ฟ้องร้องเจ้าของโดเมน Lambo.com หลังจากเจ้าของพยายามขายชื่อโดเมนนี้ในราคา 75 ล้านดอลลาร์ ศาลตัดสินว่าเจ้าของกระทำโดยไม่สุจริต และสั่งให้โดเมนตกเป็นของ Lamborghini ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชื่อแบรนด์ในโลกดิจิทัล และการที่บริษัทใหญ่พร้อมจะปกป้องทรัพย์สินทางออนไลน์ของตนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/man-attempts-to-break-world-record-with-usd75-million-domain-name-pitch-ends-up-empty-handed-instead ⌚ นาฬิกาฟิตเนสรุ่นใหม่ – คู่แข่ง Apple Watch SE 3 ข่าวหลุดล่าสุดเผยว่ากำลังจะมีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดรุ่นใหม่ ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch SE 3 จุดเด่นคือการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นยอดนิยม แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้หลายคนคาดว่าจะเป็น “ภาคต่อ” ของนาฬิกาฟิตเนสที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/forget-the-apple-watch-se-3-it-looks-like-a-big-sequel-to-our-best-ever-cheap-fitness-watch-has-just-leaked 🖥️ Windows 11 ปรับเมนูคลิกขวา ลบ AI Actions ที่ไม่ใช้ Microsoft กำลังทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ช่วยลดความรกใน Windows 11 โดยหากผู้ใช้ปิดการทำงานของ AI Actions ทั้งหมด เมนูคลิกขวาใน File Explorer จะไม่แสดงโฟลเดอร์ว่าง ๆ ของ AI อีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้ปิดแล้วก็ยังเห็นเมนูแต่ไม่มีฟังก์ชัน ซึ่งทำให้หลายคนงง การแก้ไขนี้จึงเป็นเหมือนการจัดระเบียบให้ใช้งานง่ายขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้ Windows 11 ดูสะอาดตาและตรงไปตรงมา 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/think-ai-actions-in-windows-11-are-pointless-microsoft-is-letting-you-banish-them-from-the-right-click-menu 🌐 Norton VPN ปรับปรุงครั้งใหญ่ เพิ่มความเร็วและความปลอดภัย ปีนี้ Norton VPN เดินหน้าอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง 25Gbps ในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับ P2P และเพิ่มตัวเลือก OpenVPN ทั้ง UDP และ TCP เพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ตามความต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น Norton ยังผ่านการตรวจสอบจากบริษัทภายนอกเกี่ยวกับโปรโตคอล Mimic ที่พัฒนาขึ้นเอง ผลคือไม่มีความเสี่ยงด้านเทคนิคและยังรองรับการเข้ารหัสที่ต้านทานคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต ทำให้บริการนี้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในตลาด VPN 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/faster-speeds-more-locations-norton-vpn-caps-off-a-year-of-transformation 📱 Samsung Galaxy S26 อาจได้ MagSafe เวอร์ชันของตัวเอง ข่าวลือใหม่เผยว่า Galaxy S26 จะมาพร้อมระบบแม่เหล็กคล้าย MagSafe ของ Apple ซึ่งจะเปิดทางให้มีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย เช่น เคสแม่เหล็ก แท่นชาร์จ และที่ยึดติดรถยนต์ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ecosystem ของ Samsung เพราะจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกเสริมที่สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น หากเป็นจริง Galaxy S26 จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้กว้างขวางที่สุดรุ่นหนึ่ง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-s26-might-finally-be-getting-its-version-of-magsafe-here-are-8-accessories-to-expect 🎬 Adobe จับมือ YouTube: เพิ่มเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์ Adobe และ YouTube ร่วมกันเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Premiere สำหรับการสร้าง YouTube Shorts โดยตรง จุดเด่นคือมีเอฟเฟกต์พิเศษ ทรานซิชัน และเทมเพลตที่ออกแบบมาเฉพาะ ทำให้การตัดต่อและอัปโหลดคลิปสั้นง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามเทรนด์เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจว่าคอนเทนต์แบบไหนกำลังมาแรง ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่าง Adobe และ Google ที่เคยนำโมเดล AI เข้ามาใช้ในเครื่องมือสร้างสรรค์ต่าง ๆ การอัปเดตนี้ช่วยให้การทำงานของครีเอเตอร์เร็วขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/adobe-and-youtube-love-in-delivers-new-tools-for-content-creators-and-resolves-the-biggest-issue-we-had-with-adobes-free-video-editing-app 💰 Amazon ทุ่มงบ 35 พันล้านดอลลาร์ลงทุน AI ในอินเดีย Amazon ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย มูลค่าถึง 35 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลงทุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางด้าน AI และคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานจำนวนมาก ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ของ Amazon ในตลาดเกิดใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-and-to-commit-usd35bn-into-ai-in-india 🎮 AMD Redstone: อัปเดตใหม่ที่อาจทำให้ Nvidia ต้องกังวล AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone สำหรับเทคโนโลยี FSR (FidelityFX Super Resolution) ที่ใช้ในการเรนเดอร์ภาพเกมบนพีซี การอัปเดตนี้ถูกคาดว่าจะช่วยยกระดับคุณภาพภาพและประสิทธิภาพให้ดีขึ้นมาก จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ DLSS จาก Nvidia หาก Redstone ทำได้ตามที่คาดไว้ มันอาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในตลาดกราฟิกการ์ด และทำให้ผู้เล่นเกมมีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-redstone-update-could-revitalize-fsr-for-pc-games-heres-why-nvidia-should-be-worried 🛡️ SAP อุดช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุด เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ S AP ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยที่ถูกจัดว่าเป็นระดับวิกฤติถึง 3 จุด ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญหรือควบคุมระบบได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการแก้ไขครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันว่า SAP ให้ความสำคัญกับการปกป้องลูกค้าในระดับองค์กรอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/three-critical-vulnerabilities-patched-by-sap-heres-what-we-know 🌐 ไต้หวันบล็อกแอป RedNote จุดกระแส VPN พุ่งแรง รัฐบาลไต้หวันได้สั่งบล็อกการใช้งานแอป RedNote ซึ่งเป็นแอปที่ได้รับความนิยมในบางกลุ่ม ส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดด้านการควบคุมข้อมูลและการสื่อสารในประเทศ และทำให้ตลาด VPN เติบโตขึ้นทันทีหลังจากมาตรการถูกประกาศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/taiwan-blocks-rednote-app-sparking-vpn-surge 📱 Motorola โชว์มือถือพับใหม่ท้าชน Samsung Galaxy Z Fold 7 Motorola กำลังกลับมาสู่ตลาดมือถือพับได้อีกครั้ง โดยล่าสุดได้ปล่อยทีเซอร์มือถือรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Samsung Galaxy Z Fold 7 แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม ๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดมือถือพับได้ยังคงร้อนแรง และ Motorola ต้องการกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Samsung ที่ครองตลาดอยู่ในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/motorola-phones/motorola-just-teased-a-new-foldable-to-rival-the-samsung-galaxy-z-fold-7 📸 Instagram เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมอัลกอริทึมเอง Instagram ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการเห็นโพสต์แบบไหน โดยสามารถปรับการแสดงผลให้เป็นไปตามความต้องการ เช่น การจัดลำดับตามเวลา หรือการเลือกเนื้อหาที่สนใจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนใช้แพลตฟอร์ม และอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโซเชียลมีเดียในอนาคต เพราะเป็นการคืนอำนาจการควบคุมให้กับผู้ใช้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/social-media/instagram-just-gave-users-algorithm-control-and-this-could-change-the-face-of-social-media 🖥️ ทำไมระบบเทคโนโลยีที่ไม่เชื่อมต่อกันกำลังบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงาน หลายองค์กรลงทุนในเทคโนโลยีมากมาย แต่กลับสูญเสียเงินมหาศาลเพราะระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้พนักงานต้องเสียเวลามากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพียงเพื่อค้นหาข้อมูลหรือแก้ปัญหาซ้ำ ๆ สิ่งนี้ไม่เพียงลดประสิทธิภาพ แต่ยังทำให้คนเก่ง ๆ หมดไฟและลาออกไปในที่สุด ทางออกคือการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันอย่างชาญฉลาด มีความสามารถในการแก้ไขตัวเองอัตโนมัติ และปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดีขึ้นและรักษาคนเก่งไว้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-disconnected-tech-stacks-are-undermining-your-workforce-and-how-to-fix-it 🇬🇧 อังกฤษยังไม่คิดทำตามออสเตรเลียเรื่องแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16 หลังจากออสเตรเลียประกาศห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย อังกฤษถูกถามว่าจะทำตามหรือไม่ รัฐมนตรีวัฒนธรรม Lisa Nandy ยืนยันว่า “ยังไม่มีแผน” เพราะกังวลเรื่องการบังคับใช้และผลกระทบที่อาจผลักเด็กไปใช้ช่องทางอื่น แต่ก็เปิดช่องว่า หากมาตรการนี้ได้ผล อังกฤษอาจพิจารณาในอนาคต ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างการปกป้องเยาวชนกับสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-has-no-plans-to-replicate-australias-social-media-ban-yet 🎬 Google Photos เพิ่มเครื่องมือใหม่สู้ CapCut Google Photos เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับการตัดต่อวิดีโอ โดยเพิ่ม “template” สำเร็จรูปที่มีเพลงและข้อความพร้อม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างคลิปสั้น ๆ สไตล์ TikTok หรือ Reels ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน้าตา editor ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชันใส่เพลงและข้อความลงในคลิป ฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้ทั้งบน Android และ iOS และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการตัดต่อวิดีโอบนมือถือของ Google 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-photos-takes-on-capcut-with-5-handy-new-video-editing-tools-including-a-time-saving-template-feature 📱 การหลอกลวงผ่าน SMS หรือ Smishing กำลังกลายเป็นภัยต่อธุรกิจ จากเดิมที่เป็นเพียงการหลอกผู้บริโภค ตอนนี้ Smishing หรือการส่งข้อความ SMS หลอกลวงได้พัฒนาไปถึงระดับที่คุกคามองค์กร โดยอาชญากรใช้เครื่อง “SMS Blaster” ที่สามารถส่งข้อความปลอมจำนวนมหาศาลได้ในไม่กี่วินาที ทำให้พนักงานตกเป็นเป้าหมายและอาจเผลอให้ข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและหน่วยงานกำกับดูแลกำลังหาทางป้องกัน ทั้งการบล็อกข้อความลิงก์ต้องสงสัย และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง RCS ที่มีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแรงกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/smishings-evolution-from-consumer-scam-to-enterprise-threat-how-industry-is-fighting-back 📚 CEO มองว่าเรื่องการเรียนรู้ AI ต้องฝึกเอง ในโลกธุรกิจปัจจุบัน AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริหารหลายคนกลับมองว่า การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะด้าน AI ไม่ควรพึ่งพาองค์กรจัดฝึกอบรมให้ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเองที่จะต้องหาความรู้ ฝึกฝน และพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าภาพลักษณ์ของการทำงานยุคใหม่คือ “ใครปรับตัวได้เร็ว คนนั้นได้เปรียบ” 🔗 https://www.techradar.com/pro/need-ai-training-ceos-think-you-should-train-yourself 💾 ชิป PCIe ตัวเดียวเปลี่ยน DDR4 ให้มีพลังเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจมากสำหรับวงการเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ คืออุปกรณ์ PCIe ที่สามารถทำให้หน่วยความจำ DDR4 รุ่นเก่ากลับมามีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกือบสามเท่า โดยใช้เทคโนโลยี CXL เพื่อเชื่อมต่อและขยายความสามารถ เท่ากับว่าบริษัทใหญ่ที่มีฮาร์ดแวร์เก่าอยู่แล้วสามารถรีไซเคิลมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ DDR5 ในราคาสูง ถือเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำได้อย่างชาญฉลาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-tiny-chip-could-singlehandedly-solve-the-ram-shortage-by-allowing-hyperscalers-to-reuse-old-ddr4-memory-via-cxl-and-it-even-comes-with-an-extraordinary-feature ⚖️ HBO Max ผู้ใช้ฟ้อง Netflix ด้วยคดีใหญ่ เกิดคดีความที่น่าสนใจในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อผู้ใช้ HBO Max รายหนึ่งยื่นฟ้อง Netflix ในรูปแบบคดีแบบกลุ่ม โดยอ้างว่าข้อตกลงระหว่าง Netflix และ Warner Bros จะสร้างความเสียหายต่อการแข่งขัน และอาจทำให้เกิดการผูกขาดในตลาดสตรีมมิ่ง ผู้ฟ้องร้องมองว่าตนเองและผู้ใช้รายอื่นจะได้รับผลกระทบในเชิง “การเลือกที่น้อยลงและราคาที่สูงขึ้น” เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นคดีที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดสตรีมมิ่งในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/hbo-max-subscriber-sues-netflix-in-dramatic-class-action-lawsuit-claiming-the-warner-bros-deal-will-cause-irreparable-antitrust-injury 🛡️ TunnelBear ปรับโมเดล VPN ฟรีใหม่ TunnelBear กำลังปรับเปลี่ยนบริการ VPN ฟรีของตัวเอง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้แบบฟรีจะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อีกต่อไป และฟีเจอร์ SplitBear หรือ split tunneling ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน ผู้ใช้ฟรียังคงได้ใช้งาน 2GB ต่อเดือน แต่จะถูกสุ่มเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ระบบเลือกให้ จุดประสงค์คือเพื่อรักษาความยั่งยืนของบริการโดยไม่ต้องพึ่งโฆษณาหรือขายข้อมูล ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเป็นแบบพรีเมียม 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/tunnelbear-reshapes-its-free-vpn-model-amid-rising-infrastructure-costs 🚫 Bluesky บังคับตรวจสอบอายุ ตามกฎหมายออสเตรเลีย Bluesky ต้องปรับตัวตามกฎหมายใหม่ของออสเตรเลียที่ห้ามผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดีย จึงเริ่มบังคับตรวจสอบอายุผู้ใช้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับ นอกจากนี้ยังมีการกลับคำสั่งบล็อกผู้ใช้ในรัฐ Mississippi ที่เคยถูกจำกัดการเข้าถึง ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มยังคงดำเนินงานได้ในหลายประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/bluesky-enforces-age-checks-to-comply-with-australias-under-16s-social-media-ban-and-reverses-mississippis-block 🔐 Proton Pass เพิ่ม CLI สำหรับนักพัฒนา Proton Pass ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวจัดการรหัสผ่านที่ได้รับความนิยม ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือ Command-Line Interface (CLI) ให้นักพัฒนาสามารถดึงข้อมูลลับจาก terminal ได้โดยตรง ทำให้สามารถสร้าง workflow อัตโนมัติที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังคงรักษาการเข้ารหัสแบบ end-to-end และรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม CI/CD หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มี UI ผู้ใช้ฟรีจะไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจแบบเสียเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/proton-pass-just-made-it-even-easier-for-developers-to-retrieve-secrets-and-thats-a-win-for-everyone-involved 💻 ญี่ปุ่นเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังมีพอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD ในยุคที่โน้ตบุ๊กทั่วโลกตัดพอร์ตเก่า ๆ ออกไปหมด ญี่ปุ่นกลับยังคงมีตลาดที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ล่าสุด NEC เปิดตัว VersaPro VX-R ที่ใช้ชิป Intel Core Ultra รุ่นใหม่ แต่ยังคงใส่พอร์ต VGA และไดรฟ์ DVD มาให้ เหตุผลคือหลายองค์กร โรงเรียน และสถาบันในญี่ปุ่นยังใช้โปรเจกเตอร์และระบบเก็บข้อมูลแบบเก่าอยู่ ทำให้การมีพอร์ตเหล่านี้ยังจำเป็น ตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi 7, มีระบบความปลอดภัยครบ และยังคงเป็นโน้ตบุ๊กที่ผสมผสานเทคโนโลยีใหม่กับความต้องการดั้งเดิมของตลาดญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-only-core-ultra-265u-laptop-with-a-vga-port-and-a-dvd-writer-just-launched-and-yes-it-has-to-be-in-japan 🚨 ช่องโหว่ React2Shell ถูกแฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้โจมตี หลังจากที่จีนถูกพบว่าใช้ช่องโหว่ React2Shell ในการโจมตี ตอนนี้มีรายงานว่าเกาหลีเหนือก็เข้ามาใช้ช่องโหว่นี้เช่นกัน โดยพวกเขาพัฒนา malware ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ซับซ้อนกว่าเดิม ใช้ smart contract ของ Ethereum เป็นระบบควบคุม, มีวิธีฝังตัวใน Linux ถึง 5 แบบ และยังดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อทำงานต่อ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่า “critical” ระดับ 10/10 และนักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดต React เป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันที เพราะเป็นการโจมตีที่อาจกระทบผู้พัฒนาเว็บจำนวนมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/maximum-severity-react2shell-flaw-exploited-by-north-korean-hackers-in-malware-attacks 🛡️ Google เสริมเกราะป้องกัน Chrome จากการโจมตีแบบ Prompt Injection Google ประกาศเพิ่มระบบป้องกันใหม่ใน Chrome เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เรียกว่า Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในเว็บเพจหรือ extension เพื่อหลอกให้ AI ทำงานผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยตรวจจับและบล็อกคำสั่งที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่ผู้ใช้จะโดนหลอกหรือข้อมูลจะรั่วไหล ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้เบราว์เซอร์ปลอดภัยขึ้นในยุคที่ AI ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/google-adds-prompt-injection-defenses-to-chrome 💾 Teamgroup เปิดตัว PD40 SSD พกพาเล็กแต่แรงด้วย USB4 Teamgroup เปิดตัวไดรฟ์ PD40 ที่ใช้มาตรฐาน USB4 ทำให้มีความเร็วสูงมากเมื่อเทียบกับ SSD พกพาทั่วไป จุดเด่นคือขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ยังคงให้ความเร็วระดับสูงที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ โดยตั้งใจจะเจาะตลาดที่ SSD พกพามีราคาสูงเกินไป รุ่นนี้จึงถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความสะดวกในการพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/finally-another-external-usb4-ssd-hit-the-market-and-this-one-is-likely-to-be-far-more-affordable-than-rivals 📊 ศึกชิงแชมป์โลก Excel 2025 การแข่งขัน Excel World Championship ปีนี้จัดขึ้นที่ลาสเวกัส และผู้ชนะคือ Diarmuid Early ที่ถูกขนานนามว่า “LeBron James แห่ง Excel” เขาสามารถเอาชนะ Andrew Ngai แชมป์เก่าถึงสามสมัยได้ ด้วยการทำโจทย์สุดโหด ทั้งการจัดการข้อมูลมหาศาล การสร้าง Pivot Table ซับซ้อน และแม้กระทั่งโจทย์พับโมดูล Excel แบบ Origami ผู้ชนะได้รับเงินรางวัล 5,000 ดอลลาร์ พร้อมเข็มขัดแชมป์แบบนักมวยปล้ำ ถือเป็นการยกระดับการใช้ Excel จากเครื่องมือทำงานสู่กีฬาแข่งขันที่จริงจังและสนุกสนาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/battle-of-the-pivot-tables-diarmuid-the-lebron-james-of-excel-defeats-three-time-champion-andrew-ngai-to-claim-the-2025-title-and-usd5-000-cash-prize 💾 Beelink เปิดตัว NAS จิ๋วแต่จุใจ Beelink เตรียมปล่อย NAS รุ่น ME Pro ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 2 ช่องและ 4 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ จุดเด่นคือรุ่น 4 ช่องสามารถรองรับความจุรวมสูงสุดถึง 120TB แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเพียง 4 ลิตรเท่านั้น ใช้โครงสร้างแบบ Unibody ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในและทำให้เครื่องเล็กกว่าคู่แข่งมาก แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่อง CPU หรือระบบปฏิบัติการ แต่การออกแบบนี้สะท้อนแนวทางใหม่ของ Beelink ที่ต้องการทำให้ NAS มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความจุสูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/beelink-promises-a-4-liter-4-drive-nas-that-could-hold-120tb-in-the-palm-of-your-hand 📱 ลังเลใจระหว่าง iPhone และ Android นักเขียนจาก TechRadar เล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าใช้ iPhone มานานกว่า 4 ปีหลังจากย้ายจาก Android แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะกลับไปใช้ Android อีกครั้ง เหตุผลมาจากการเจอปัญหากับ iOS 26 และความสนใจใน Samsung Galaxy S25 Ultra ที่อยู่ตรงหน้า เขายังเปิดโพลให้ผู้อ่านช่วยตัดสินใจว่าจะควรกลับไป Android หรือไม่ พร้อมบอกว่าถ้าเปลี่ยนจริงก็อยากลอง Pixel 10 Pro หรือรุ่นเรือธงจาก Oppo และ OnePlus ถือเป็นการเปิดใจถามความเห็นจากชุมชนผู้ใช้มือถือโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/should-i-abandon-my-iphone-for-a-return-to-android-tell-me-what-to-do 🔥 Imec เผยความท้าทายของ 3D Memory-on-GPU งานประชุม IEDM 2025 มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่จาก Imec ที่วางซ้อนหน่วยความจำ HBM แบบ 3D บน GPU เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการประมวลผลสำหรับงาน AI แม้จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2.5D แต่การจำลองความร้อนพบว่าชิปสามารถร้อนทะลุ 140°C ซึ่งเกินขีดจำกัดการทำงาน ต้องใช้วิธีลดความเร็ว GPU ลงครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมอุณหภูมิ แต่ก็ทำให้การฝึก AI ช้าลงถึง 28% เทคโนโลยีนี้จึงยังเป็นดาบสองคมที่ต้องหาทางแก้เรื่องความร้อนก่อนจะนำไปใช้จริงในศูนย์ข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/hbm-on-gpu-set-to-power-the-next-revolution-in-ai-accelerators-and-just-to-confirm-theres-no-way-this-will-come-to-your-video-card-anytime-soon
    0 Comments 0 Shares 361 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251211 #securityonline

    Makop Ransomware กลับมาอีกครั้งพร้อมกลยุทธ์ใหม่
    ภัยคุกคามที่เคยคุ้นชื่อ Makop ransomware ได้พัฒนาวิธีการโจมตีให้ซับซ้อนขึ้น แม้จะยังใช้ช่องโหว่เดิมคือการเจาะผ่านพอร์ต RDP ที่ไม่ได้ป้องกัน แต่ครั้งนี้พวกเขาเสริมเครื่องมืออย่าง GuLoader เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เพิ่มเติม และยังใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อฆ่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในระดับ kernel ได้โดยตรง การโจมตีส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่องค์กรในอินเดีย แต่ก็พบในหลายประเทศอื่นด้วย จุดสำคัญคือ แม้จะเป็นการโจมตีที่ดู “ง่าย” แต่ผลลัพธ์กลับสร้างความเสียหายรุนแรงต่อองค์กรที่ละเลยการอัปเดตและการตั้งค่าความปลอดภัย
    https://securityonline.info/makop-ransomware-evolves-guloader-and-byovd-edr-killers-used-to-attack-rdp-exposed-networks

    DeadLock Ransomware ใช้ช่องโหว่ไดรเวอร์ Baidu เจาะระบบ
    กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่หวังผลทางการเงินได้ปล่อยแรนซัมแวร์ชื่อ DeadLock โดยใช้เทคนิค BYOVD เช่นกัน คราวนี้พวกเขาอาศัยไดรเวอร์จาก Baidu Antivirus ที่มีช่องโหว่ ทำให้สามารถสั่งงานในระดับ kernel และปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันได้ทันที หลังจากนั้นยังใช้ PowerShell script ปิดบริการสำคัญ เช่น SQL Server และลบ shadow copies เพื่อกันไม่ให้เหยื่อกู้คืนข้อมูลได้ ตัวแรนซัมแวร์ถูกเขียนขึ้นใหม่ด้วย C++ และใช้วิธีเข้ารหัสเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ที่น่าสนใจคือพวกเขาไม่ใช้วิธี “double extortion” แต่ให้เหยื่อติดต่อผ่านแอป Session เพื่อเจรจาจ่ายค่าไถ่เป็น Bitcoin หรือ Monero
    https://securityonline.info/deadlock-ransomware-deploys-byovd-edr-killer-by-exploiting-baidu-driver-for-kernel-level-defense-bypass

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน PCIe 6.0 เสี่ยงข้อมูลเสียหาย
    มาตรฐาน PCIe 6.0 ที่ใช้ในการส่งข้อมูลความเร็วสูงถูกพบว่ามีช่องโหว่ในกลไก IDE (Integrity and Data Encryption) ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึงฮาร์ดแวร์สามารถฉีดข้อมูลที่ผิดพลาดหรือเก่าเข้ามาในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-9612, 9613 และ 9614 แม้จะไม่สามารถโจมตีจากระยะไกล แต่ก็เป็นภัยใหญ่สำหรับศูนย์ข้อมูลหรือระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง ตอนนี้ PCI-SIG ได้ออก Draft Engineering Change Notice เพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ผลิตอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้โดยเร็ว
    https://securityonline.info/critical-pcie-6-0-flaws-risk-secure-data-integrity-via-stale-data-injection-in-ide-mechanism

    EtherRAT Malware ใช้บล็อกเชน Ethereum ซ่อนร่องรอย
    หลังจากเกิดช่องโหว่ React2Shell เพียงไม่กี่วัน นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ใช้บล็อกเชน Ethereum เป็นช่องทางสื่อสารกับผู้ควบคุม โดยอาศัย smart contracts เพื่อรับคำสั่ง ทำให้แทบไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะเครือข่าย Ethereum เป็นระบบกระจายศูนย์ นอกจากนี้ EtherRAT ยังมีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือที่เคยใช้โดยกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ และถูกออกแบบให้ฝังตัวแน่นหนาในระบบ Linux ด้วยหลายวิธีการ persistence พร้อมทั้งดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อกลมกลืนกับการทำงานปกติ ถือเป็นการยกระดับการโจมตีจากช่องโหว่ React2Shell ไปสู่ระดับ APT ที่อันตรายยิ่งขึ้น
    https://securityonline.info/etherrat-malware-hijacks-ethereum-blockchain-for-covert-c2-after-react2shell-exploit

    Slack CEO ย้ายไปร่วมทีม OpenAI เป็น CRO
    OpenAI กำลังเร่งหาทางสร้างรายได้เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการประมวลผล AI ล่าสุดได้ดึง Denise Dresser ซีอีโอของ Slack เข้ามารับตำแหน่ง Chief Revenue Officer (CRO) เพื่อดูแลกลยุทธ์รายได้และการขยายตลาดองค์กร การเข้ามาของเธอสะท้อนให้เห็นว่า OpenAI กำลังใช้แนวทางแบบ Silicon Valley อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการขยายฐานผู้ใช้และการหาช่องทางทำเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขาย subscription หรือแม้กระทั่งโฆษณาใน ChatGPT อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือการทำให้รายได้เติบโตทันกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วจากการสร้างและดูแลโครงสร้างพื้นฐาน AI
    https://securityonline.info/slack-ceo-denise-dresser-joins-openai-as-cro-to-solve-the-profitability-puzzle

    Jenkins เจอช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงถูกโจมตี DoS และ XSS
    ทีมพัฒนา Jenkins ออกประกาศเตือนครั้งใหญ่ หลังพบช่องโหว่หลายรายการที่อาจทำให้ระบบ CI/CD ถูกโจมตีจนหยุดทำงาน หรือโดนฝังสคริปต์อันตราย (XSS) โดยเฉพาะช่องโหว่ CVE-2025-67635 ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์ส่งคำสั่งผ่าน HTTP CLI โดยไม่ต้องล็อกอิน ทำให้เซิร์ฟเวอร์ทรัพยากรถูกใช้จนล่ม อีกช่องโหว่ CVE-2025-67641 ใน Coverage Plugin ก็เปิดทางให้ผู้โจมตีฝังโค้ด JavaScript ลงในรายงาน เมื่อผู้ดูแลเปิดดู รายงานนั้นจะรันสคริปต์ทันที เสี่ยงต่อการถูกขโมย session และข้อมูลสำคัญ แม้จะมีการอัปเดตแก้ไขหลายจุด เช่น การเข้ารหัส token และการปิดช่องโหว่การเห็นรหัสผ่าน แต่ยังมีบางปลั๊กอินที่ยังไม่มีแพตช์ออกมา ทำให้ผู้ดูแลระบบต้องรีบอัปเดต Jenkins และปลั๊กอินที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความเสียหาย
    https://securityonline.info/high-severity-jenkins-flaws-risk-unauthenticated-dos-via-http-cli-and-xss-via-coverage-reports

    Gogs Zero-Day โดนเจาะกว่า 700 เซิร์ฟเวอร์ ผ่าน Symlink Path Traversal
    นักวิจัยจาก Wiz พบช่องโหว่ใหม่ใน Gogs (CVE-2025-8110) ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์อันตรายลงในระบบได้ง่าย ๆ ผ่านการใช้ symlink โดยช่องโหว่นี้เป็นการเลี่ยงแพตช์เก่าที่เคยแก้ไขไปแล้ว ทำให้กว่า 700 เซิร์ฟเวอร์จาก 1,400 ที่ตรวจสอบถูกเจาะสำเร็จ การโจมตีมีลักษณะเป็นแคมเปญ “smash-and-grab” คือเข้ามาเร็ว ใช้ symlink เขียนทับไฟล์สำคัญ เช่น .git/config แล้วรันคำสั่งอันตราย จากนั้นติดตั้ง payload ที่ใช้ Supershell เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล ปัจจุบันยังไม่มีแพตช์ออกมา ผู้ดูแลระบบจึงถูกแนะนำให้ปิดการสมัครสมาชิกสาธารณะ และจำกัดการเข้าถึงระบบทันที
    https://securityonline.info/gogs-zero-day-cve-2025-8110-risks-rce-for-700-servers-via-symlink-path-traversal-bypass

    GitLab พบช่องโหว่ XSS เสี่ยงโดนขโมย session ผ่าน Wiki
    GitLab ออกอัปเดตด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-12716 ที่มีความรุนแรงสูง (CVSS 8.7) โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในฟีเจอร์ Wiki ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเพจได้ หากมีการฝังโค้ดอันตรายลงไป เมื่อผู้ใช้รายอื่นเปิดดู เพจนั้นจะรันคำสั่งแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เสี่ยงต่อการถูกยึด session และสั่งงานแทนเจ้าของบัญชี นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ เช่น การ inject HTML ในรายงานช่องโหว่ และการเปิดเผยข้อมูลโครงการที่ควรเป็น private ผ่าน error message และ GraphQL query GitLab.com และ GitLab Dedicated ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ใช้ self-managed instance ต้องรีบอัปเดตเวอร์ชัน 18.6.2, 18.5.4 หรือ 18.4.6 เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้
    https://securityonline.info/high-severity-gitlab-xss-flaw-cve-2025-12716-risks-session-hijack-via-malicious-wiki-pages

    Facebook ปรับโฉมใหม่ แต่ Instagram ใช้ AI ดึง SEO
    มีรายงานว่า Facebook ได้ปรับโฉมหน้าตาใหม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Instagram ถูกเปิดโปงว่าใช้ AI เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดึง SEO ให้ติดอันดับการค้นหา คล้ายกับการทำ content farm โดยไม่ได้บอกผู้ใช้ตรง ๆ เรื่องนี้จึงถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและจริยธรรมของ Meta ที่อาจใช้ AI เพื่อผลักดันการเข้าถึงโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
    https://securityonline.info/facebook-gets-new-look-but-instagram-secretly-uses-ai-for-seo-bait

    SpaceX เตรียม IPO มูลค่าเป้าหมายทะลุ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าแผน IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยตั้งเป้าระดมทุนกว่า 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำลายสถิติของ Saudi Aramco ที่เคยทำไว้ในปี 2019 ที่ 29 พันล้านดอลลาร์ สิ่งที่ทำให้ตลาดตะลึงคือการตั้งเป้ามูลค่าบริษัทไว้สูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้รายได้ของ SpaceX ในปี 2025 จะอยู่ที่ประมาณ 15.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่า Tesla ถึง 6 เท่า แต่ความคาดหวังอยู่ที่อนาคตของ Starlink และ Starship รวมถึงแผนสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศเพื่อรองรับ AI และการสื่อสารผ่านดาวเทียม Musk เชื่อว่าการรวมพลังของ Starlink และ Starship จะขยายตลาดได้มหาศาล และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่สุดของ SpaceX
    https://securityonline.info/spacex-ipo-targeting-a-1-5-trillion-valuation-to-fund-space-data-centers

    จีนเปิดปฏิบัติการไซเบอร์ WARP PANDA ใช้ BRICKSTORM เจาะ VMware และ Azure
    มีการเปิดโปงแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์จากจีนชื่อ WARP PANDA พวกเขาไม่ได้โจมตีแบบธรรมดา แต่เลือกเจาะเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐาน IT ที่สำคัญอย่าง VMware vCenter และ ESXi รวมถึงระบบคลาวด์ Microsoft Azure จุดเด่นคือการใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเองชื่อ BRICKSTORM ซึ่งเป็น backdoor ที่แฝงตัวเหมือนโปรเซสของระบบ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเสริมอย่าง Junction และ GuestConduit ที่ช่วยควบคุมการสื่อสารในระบบเสมือนจริงได้อย่างแนบเนียน สิ่งที่น่ากังวลคือพวกเขาสามารถอยู่ในระบบได้นานเป็นปีโดยไม่ถูกพบ และยังขยายการโจมตีไปสู่บริการ Microsoft 365 เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงจูงใจเชิงรัฐมากกว่าการเงิน เพราะเป้าหมายคือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของรัฐบาลจีน
    https://securityonline.info/chinas-warp-panda-apt-deploys-brickstorm-backdoor-to-hijack-vmware-vcenter-esxi-and-azure-cloud

    ช่องโหว่ร้ายแรง TOTOLINK AX1800 เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึง root โดยไม่ต้องล็อกอิน
    มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ TOTOLINK AX1800 ที่ใช้กันแพร่หลายในบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP เพียงครั้งเดียวเพื่อเปิดบริการ Telnet โดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตน เมื่อ Telnet ถูกเปิดแล้ว แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root และควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ผลกระทบคือสามารถดักจับข้อมูล เปลี่ยนเส้นทาง DNS หรือใช้เป็นฐานโจมตีอุปกรณ์อื่นในเครือข่ายได้ ที่น่ากังวลคือยังไม่มีแพตช์แก้ไขจากผู้ผลิต ทำให้ผู้ใช้ต้องป้องกันตัวเองด้วยการปิดการเข้าถึงจาก WAN และตรวจสอบการเปิดใช้งาน Telnet อย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/unpatched-totolink-ax1800-router-flaw-allows-unauthenticated-telnet-root-rce

    FBI และ CISA เตือนกลุ่มแฮกเกอร์สายโปรรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานผ่าน VNC ที่ไม่ปลอดภัย
    หน่วยงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ รวมถึง FBI และ CISA ออกคำเตือนว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซียกำลังโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบน้ำ พลังงาน และอาหาร โดยใช้วิธีง่าย ๆ คือค้นหา Human-Machine Interfaces (HMI) ที่เชื่อมต่อผ่าน VNC แต่ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง เมื่อเข้าถึงได้ พวกเขาจะปรับเปลี่ยนค่าการทำงาน เช่น ความเร็วปั๊ม หรือปิดระบบแจ้งเตือน ทำให้ผู้ควบคุมไม่เห็นภาพจริงของโรงงาน กลุ่มที่ถูกระบุมีทั้ง Cyber Army of Russia Reborn, NoName057(16), Z-Pentest และ Sector16 ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐรัสเซีย แม้จะไม่ซับซ้อน แต่การโจมตีแบบนี้สร้างความเสียหายได้จริงและยากต่อการคาดเดา
    https://securityonline.info/fbi-cisa-warn-pro-russia-hacktivists-target-critical-infrastructure-via-unsecured-vnc-hmis

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน CCTV (CVE-2025-13607) เสี่ยงถูกแฮกดูภาพสดและขโมยรหัสผ่าน
    CISA ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อเครือข่าย โดยเฉพาะรุ่น D-Link DCS-F5614-L1 ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงการตั้งค่าและข้อมูลบัญชีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ผลคือสามารถดูภาพสดจากกล้องและขโมยรหัสผ่านผู้ดูแลเพื่อเจาะลึกเข้าไปในระบบต่อไปได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.4 และแม้ D-Link จะออกเฟิร์มแวร์แก้ไขแล้ว แต่ผู้ใช้แบรนด์อื่นอย่าง Securus และ Sparsh ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบและติดต่อผู้ผลิตเองเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/critical-cctv-flaw-cve-2025-13607-risks-video-feed-hijack-credential-theft-via-missing-authentication

    ข่าวด่วน: Google ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ช่องโหว่ Zero-Day บน Chrome
    เรื่องนี้เป็นการอัปเดตที่สำคัญมากของ Google Chrome เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ถูกโจมตีจริงแล้วในโลกออนไลน์ Google จึงรีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ 143.0.7499.109/.110 เพื่ออุดช่องโหว่ โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น “Under coordination” ซึ่งหมายถึงยังอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ทำให้รายละเอียดเชิงเทคนิคยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ที่แน่ ๆ คือมีผู้ไม่หวังดีนำไปใช้โจมตีแล้ว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ระดับกลางอีกสองรายการ ได้แก่ปัญหาใน Password Manager และ Toolbar ที่นักวิจัยภายนอกรายงานเข้ามา พร้อมได้รับรางวัลบั๊กบาวน์ตี้รวม 4,000 ดอลลาร์ เรื่องนี้จึงเป็นการเตือนผู้ใช้ทุกคนให้รีบตรวจสอบและอัปเดต Chrome ด้วยตนเองทันที ไม่ควรรอการอัปเดตอัตโนมัติ เพราะความเสี่ยงกำลังเกิดขึ้นจริงแล้ว
    https://securityonline.info/emergency-chrome-update-google-patches-new-zero-day-under-active-attack

    นวัตกรรมใหม่: สถาปัตยกรรม AI ของ Google แรงกว่า GPT-4 ในด้านความจำ
    Google เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ Titans และกรอบแนวคิด MIRAS ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการจำข้อมูลระยะยาวของโมเดล AI แบบเดิม ๆ จุดเด่นคือสามารถ “อ่านไป จำไป” ได้เหมือนสมองมนุษย์ โดยใช้โมดูลความจำระยะยาวที่ทำงานคล้ายการแยกความจำสั้นและยาวในสมองจริง ๆ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ “surprise metric” กลไกที่เลือกจำเฉพาะข้อมูลที่แปลกใหม่หรือไม่คาดคิด เช่นเดียวกับที่มนุษย์มักจำเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาได้ชัดเจน ผลลัพธ์คือโมเดลนี้สามารถจัดการข้อมูลยาวมหาศาลได้ถึงสองล้านโทเคน และยังทำงานได้ดีกว่า GPT-4 แม้จะมีพารามิเตอร์น้อยกว่า นอกจากนี้ MIRAS ยังเปิดทางให้สร้างโมเดลใหม่ ๆ ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน เช่นการทนต่อสัญญาณรบกวนหรือการรักษาความจำระยะยาวอย่างมั่นคง การทดสอบกับชุดข้อมูล BABILong แสดงให้เห็นว่า Titans มีศักยภาพเหนือกว่าโมเดลชั้นนำอื่น ๆ ในการดึงข้อมูลที่กระจายอยู่ในเอกสารขนาดใหญ่ ทำให้อนาคตของ AI ในการทำความเข้าใจทั้งเอกสารหรือแม้แต่ข้อมูลทางพันธุกรรมดูสดใสและทรงพลังมากขึ้น
    https://securityonline.info/the-surprise-metric-googles-new-ai-architecture-outperforms-gpt-4-in-memory

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251211 #securityonline 🛡️ Makop Ransomware กลับมาอีกครั้งพร้อมกลยุทธ์ใหม่ ภัยคุกคามที่เคยคุ้นชื่อ Makop ransomware ได้พัฒนาวิธีการโจมตีให้ซับซ้อนขึ้น แม้จะยังใช้ช่องโหว่เดิมคือการเจาะผ่านพอร์ต RDP ที่ไม่ได้ป้องกัน แต่ครั้งนี้พวกเขาเสริมเครื่องมืออย่าง GuLoader เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เพิ่มเติม และยังใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อฆ่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในระดับ kernel ได้โดยตรง การโจมตีส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่องค์กรในอินเดีย แต่ก็พบในหลายประเทศอื่นด้วย จุดสำคัญคือ แม้จะเป็นการโจมตีที่ดู “ง่าย” แต่ผลลัพธ์กลับสร้างความเสียหายรุนแรงต่อองค์กรที่ละเลยการอัปเดตและการตั้งค่าความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/makop-ransomware-evolves-guloader-and-byovd-edr-killers-used-to-attack-rdp-exposed-networks 💻 DeadLock Ransomware ใช้ช่องโหว่ไดรเวอร์ Baidu เจาะระบบ กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่หวังผลทางการเงินได้ปล่อยแรนซัมแวร์ชื่อ DeadLock โดยใช้เทคนิค BYOVD เช่นกัน คราวนี้พวกเขาอาศัยไดรเวอร์จาก Baidu Antivirus ที่มีช่องโหว่ ทำให้สามารถสั่งงานในระดับ kernel และปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันได้ทันที หลังจากนั้นยังใช้ PowerShell script ปิดบริการสำคัญ เช่น SQL Server และลบ shadow copies เพื่อกันไม่ให้เหยื่อกู้คืนข้อมูลได้ ตัวแรนซัมแวร์ถูกเขียนขึ้นใหม่ด้วย C++ และใช้วิธีเข้ารหัสเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ที่น่าสนใจคือพวกเขาไม่ใช้วิธี “double extortion” แต่ให้เหยื่อติดต่อผ่านแอป Session เพื่อเจรจาจ่ายค่าไถ่เป็น Bitcoin หรือ Monero 🔗 https://securityonline.info/deadlock-ransomware-deploys-byovd-edr-killer-by-exploiting-baidu-driver-for-kernel-level-defense-bypass ⚙️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน PCIe 6.0 เสี่ยงข้อมูลเสียหาย มาตรฐาน PCIe 6.0 ที่ใช้ในการส่งข้อมูลความเร็วสูงถูกพบว่ามีช่องโหว่ในกลไก IDE (Integrity and Data Encryption) ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึงฮาร์ดแวร์สามารถฉีดข้อมูลที่ผิดพลาดหรือเก่าเข้ามาในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-9612, 9613 และ 9614 แม้จะไม่สามารถโจมตีจากระยะไกล แต่ก็เป็นภัยใหญ่สำหรับศูนย์ข้อมูลหรือระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง ตอนนี้ PCI-SIG ได้ออก Draft Engineering Change Notice เพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ผลิตอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/critical-pcie-6-0-flaws-risk-secure-data-integrity-via-stale-data-injection-in-ide-mechanism 🪙 EtherRAT Malware ใช้บล็อกเชน Ethereum ซ่อนร่องรอย หลังจากเกิดช่องโหว่ React2Shell เพียงไม่กี่วัน นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ใช้บล็อกเชน Ethereum เป็นช่องทางสื่อสารกับผู้ควบคุม โดยอาศัย smart contracts เพื่อรับคำสั่ง ทำให้แทบไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะเครือข่าย Ethereum เป็นระบบกระจายศูนย์ นอกจากนี้ EtherRAT ยังมีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือที่เคยใช้โดยกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ และถูกออกแบบให้ฝังตัวแน่นหนาในระบบ Linux ด้วยหลายวิธีการ persistence พร้อมทั้งดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อกลมกลืนกับการทำงานปกติ ถือเป็นการยกระดับการโจมตีจากช่องโหว่ React2Shell ไปสู่ระดับ APT ที่อันตรายยิ่งขึ้น 🔗 https://securityonline.info/etherrat-malware-hijacks-ethereum-blockchain-for-covert-c2-after-react2shell-exploit 🤝 Slack CEO ย้ายไปร่วมทีม OpenAI เป็น CRO OpenAI กำลังเร่งหาทางสร้างรายได้เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการประมวลผล AI ล่าสุดได้ดึง Denise Dresser ซีอีโอของ Slack เข้ามารับตำแหน่ง Chief Revenue Officer (CRO) เพื่อดูแลกลยุทธ์รายได้และการขยายตลาดองค์กร การเข้ามาของเธอสะท้อนให้เห็นว่า OpenAI กำลังใช้แนวทางแบบ Silicon Valley อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการขยายฐานผู้ใช้และการหาช่องทางทำเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขาย subscription หรือแม้กระทั่งโฆษณาใน ChatGPT อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือการทำให้รายได้เติบโตทันกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วจากการสร้างและดูแลโครงสร้างพื้นฐาน AI 🔗 https://securityonline.info/slack-ceo-denise-dresser-joins-openai-as-cro-to-solve-the-profitability-puzzle 🛠️ Jenkins เจอช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงถูกโจมตี DoS และ XSS ทีมพัฒนา Jenkins ออกประกาศเตือนครั้งใหญ่ หลังพบช่องโหว่หลายรายการที่อาจทำให้ระบบ CI/CD ถูกโจมตีจนหยุดทำงาน หรือโดนฝังสคริปต์อันตราย (XSS) โดยเฉพาะช่องโหว่ CVE-2025-67635 ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์ส่งคำสั่งผ่าน HTTP CLI โดยไม่ต้องล็อกอิน ทำให้เซิร์ฟเวอร์ทรัพยากรถูกใช้จนล่ม อีกช่องโหว่ CVE-2025-67641 ใน Coverage Plugin ก็เปิดทางให้ผู้โจมตีฝังโค้ด JavaScript ลงในรายงาน เมื่อผู้ดูแลเปิดดู รายงานนั้นจะรันสคริปต์ทันที เสี่ยงต่อการถูกขโมย session และข้อมูลสำคัญ แม้จะมีการอัปเดตแก้ไขหลายจุด เช่น การเข้ารหัส token และการปิดช่องโหว่การเห็นรหัสผ่าน แต่ยังมีบางปลั๊กอินที่ยังไม่มีแพตช์ออกมา ทำให้ผู้ดูแลระบบต้องรีบอัปเดต Jenkins และปลั๊กอินที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความเสียหาย 🔗 https://securityonline.info/high-severity-jenkins-flaws-risk-unauthenticated-dos-via-http-cli-and-xss-via-coverage-reports 🐙 Gogs Zero-Day โดนเจาะกว่า 700 เซิร์ฟเวอร์ ผ่าน Symlink Path Traversal นักวิจัยจาก Wiz พบช่องโหว่ใหม่ใน Gogs (CVE-2025-8110) ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์อันตรายลงในระบบได้ง่าย ๆ ผ่านการใช้ symlink โดยช่องโหว่นี้เป็นการเลี่ยงแพตช์เก่าที่เคยแก้ไขไปแล้ว ทำให้กว่า 700 เซิร์ฟเวอร์จาก 1,400 ที่ตรวจสอบถูกเจาะสำเร็จ การโจมตีมีลักษณะเป็นแคมเปญ “smash-and-grab” คือเข้ามาเร็ว ใช้ symlink เขียนทับไฟล์สำคัญ เช่น .git/config แล้วรันคำสั่งอันตราย จากนั้นติดตั้ง payload ที่ใช้ Supershell เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล ปัจจุบันยังไม่มีแพตช์ออกมา ผู้ดูแลระบบจึงถูกแนะนำให้ปิดการสมัครสมาชิกสาธารณะ และจำกัดการเข้าถึงระบบทันที 🔗 https://securityonline.info/gogs-zero-day-cve-2025-8110-risks-rce-for-700-servers-via-symlink-path-traversal-bypass 🧩 GitLab พบช่องโหว่ XSS เสี่ยงโดนขโมย session ผ่าน Wiki GitLab ออกอัปเดตด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-12716 ที่มีความรุนแรงสูง (CVSS 8.7) โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในฟีเจอร์ Wiki ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเพจได้ หากมีการฝังโค้ดอันตรายลงไป เมื่อผู้ใช้รายอื่นเปิดดู เพจนั้นจะรันคำสั่งแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เสี่ยงต่อการถูกยึด session และสั่งงานแทนเจ้าของบัญชี นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ เช่น การ inject HTML ในรายงานช่องโหว่ และการเปิดเผยข้อมูลโครงการที่ควรเป็น private ผ่าน error message และ GraphQL query GitLab.com และ GitLab Dedicated ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ใช้ self-managed instance ต้องรีบอัปเดตเวอร์ชัน 18.6.2, 18.5.4 หรือ 18.4.6 เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้ 🔗 https://securityonline.info/high-severity-gitlab-xss-flaw-cve-2025-12716-risks-session-hijack-via-malicious-wiki-pages 📱 Facebook ปรับโฉมใหม่ แต่ Instagram ใช้ AI ดึง SEO มีรายงานว่า Facebook ได้ปรับโฉมหน้าตาใหม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Instagram ถูกเปิดโปงว่าใช้ AI เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดึง SEO ให้ติดอันดับการค้นหา คล้ายกับการทำ content farm โดยไม่ได้บอกผู้ใช้ตรง ๆ เรื่องนี้จึงถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและจริยธรรมของ Meta ที่อาจใช้ AI เพื่อผลักดันการเข้าถึงโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ 🔗 https://securityonline.info/facebook-gets-new-look-but-instagram-secretly-uses-ai-for-seo-bait 🚀 SpaceX เตรียม IPO มูลค่าเป้าหมายทะลุ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าแผน IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยตั้งเป้าระดมทุนกว่า 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำลายสถิติของ Saudi Aramco ที่เคยทำไว้ในปี 2019 ที่ 29 พันล้านดอลลาร์ สิ่งที่ทำให้ตลาดตะลึงคือการตั้งเป้ามูลค่าบริษัทไว้สูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้รายได้ของ SpaceX ในปี 2025 จะอยู่ที่ประมาณ 15.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่า Tesla ถึง 6 เท่า แต่ความคาดหวังอยู่ที่อนาคตของ Starlink และ Starship รวมถึงแผนสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศเพื่อรองรับ AI และการสื่อสารผ่านดาวเทียม Musk เชื่อว่าการรวมพลังของ Starlink และ Starship จะขยายตลาดได้มหาศาล และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่สุดของ SpaceX 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-targeting-a-1-5-trillion-valuation-to-fund-space-data-centers 🐼 จีนเปิดปฏิบัติการไซเบอร์ WARP PANDA ใช้ BRICKSTORM เจาะ VMware และ Azure มีการเปิดโปงแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์จากจีนชื่อ WARP PANDA พวกเขาไม่ได้โจมตีแบบธรรมดา แต่เลือกเจาะเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐาน IT ที่สำคัญอย่าง VMware vCenter และ ESXi รวมถึงระบบคลาวด์ Microsoft Azure จุดเด่นคือการใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเองชื่อ BRICKSTORM ซึ่งเป็น backdoor ที่แฝงตัวเหมือนโปรเซสของระบบ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเสริมอย่าง Junction และ GuestConduit ที่ช่วยควบคุมการสื่อสารในระบบเสมือนจริงได้อย่างแนบเนียน สิ่งที่น่ากังวลคือพวกเขาสามารถอยู่ในระบบได้นานเป็นปีโดยไม่ถูกพบ และยังขยายการโจมตีไปสู่บริการ Microsoft 365 เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงจูงใจเชิงรัฐมากกว่าการเงิน เพราะเป้าหมายคือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของรัฐบาลจีน 🔗 https://securityonline.info/chinas-warp-panda-apt-deploys-brickstorm-backdoor-to-hijack-vmware-vcenter-esxi-and-azure-cloud 📡 ช่องโหว่ร้ายแรง TOTOLINK AX1800 เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึง root โดยไม่ต้องล็อกอิน มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ TOTOLINK AX1800 ที่ใช้กันแพร่หลายในบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP เพียงครั้งเดียวเพื่อเปิดบริการ Telnet โดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตน เมื่อ Telnet ถูกเปิดแล้ว แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root และควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ผลกระทบคือสามารถดักจับข้อมูล เปลี่ยนเส้นทาง DNS หรือใช้เป็นฐานโจมตีอุปกรณ์อื่นในเครือข่ายได้ ที่น่ากังวลคือยังไม่มีแพตช์แก้ไขจากผู้ผลิต ทำให้ผู้ใช้ต้องป้องกันตัวเองด้วยการปิดการเข้าถึงจาก WAN และตรวจสอบการเปิดใช้งาน Telnet อย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/unpatched-totolink-ax1800-router-flaw-allows-unauthenticated-telnet-root-rce ⚠️ FBI และ CISA เตือนกลุ่มแฮกเกอร์สายโปรรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานผ่าน VNC ที่ไม่ปลอดภัย หน่วยงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ รวมถึง FBI และ CISA ออกคำเตือนว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซียกำลังโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบน้ำ พลังงาน และอาหาร โดยใช้วิธีง่าย ๆ คือค้นหา Human-Machine Interfaces (HMI) ที่เชื่อมต่อผ่าน VNC แต่ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง เมื่อเข้าถึงได้ พวกเขาจะปรับเปลี่ยนค่าการทำงาน เช่น ความเร็วปั๊ม หรือปิดระบบแจ้งเตือน ทำให้ผู้ควบคุมไม่เห็นภาพจริงของโรงงาน กลุ่มที่ถูกระบุมีทั้ง Cyber Army of Russia Reborn, NoName057(16), Z-Pentest และ Sector16 ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐรัสเซีย แม้จะไม่ซับซ้อน แต่การโจมตีแบบนี้สร้างความเสียหายได้จริงและยากต่อการคาดเดา 🔗 https://securityonline.info/fbi-cisa-warn-pro-russia-hacktivists-target-critical-infrastructure-via-unsecured-vnc-hmis 🎥 ช่องโหว่ร้ายแรงใน CCTV (CVE-2025-13607) เสี่ยงถูกแฮกดูภาพสดและขโมยรหัสผ่าน CISA ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อเครือข่าย โดยเฉพาะรุ่น D-Link DCS-F5614-L1 ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงการตั้งค่าและข้อมูลบัญชีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ผลคือสามารถดูภาพสดจากกล้องและขโมยรหัสผ่านผู้ดูแลเพื่อเจาะลึกเข้าไปในระบบต่อไปได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.4 และแม้ D-Link จะออกเฟิร์มแวร์แก้ไขแล้ว แต่ผู้ใช้แบรนด์อื่นอย่าง Securus และ Sparsh ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบและติดต่อผู้ผลิตเองเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/critical-cctv-flaw-cve-2025-13607-risks-video-feed-hijack-credential-theft-via-missing-authentication 🛡️ ข่าวด่วน: Google ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ช่องโหว่ Zero-Day บน Chrome เรื่องนี้เป็นการอัปเดตที่สำคัญมากของ Google Chrome เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ถูกโจมตีจริงแล้วในโลกออนไลน์ Google จึงรีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ 143.0.7499.109/.110 เพื่ออุดช่องโหว่ โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น “Under coordination” ซึ่งหมายถึงยังอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ทำให้รายละเอียดเชิงเทคนิคยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ที่แน่ ๆ คือมีผู้ไม่หวังดีนำไปใช้โจมตีแล้ว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ระดับกลางอีกสองรายการ ได้แก่ปัญหาใน Password Manager และ Toolbar ที่นักวิจัยภายนอกรายงานเข้ามา พร้อมได้รับรางวัลบั๊กบาวน์ตี้รวม 4,000 ดอลลาร์ เรื่องนี้จึงเป็นการเตือนผู้ใช้ทุกคนให้รีบตรวจสอบและอัปเดต Chrome ด้วยตนเองทันที ไม่ควรรอการอัปเดตอัตโนมัติ เพราะความเสี่ยงกำลังเกิดขึ้นจริงแล้ว 🔗 https://securityonline.info/emergency-chrome-update-google-patches-new-zero-day-under-active-attack 🤖 นวัตกรรมใหม่: สถาปัตยกรรม AI ของ Google แรงกว่า GPT-4 ในด้านความจำ Google เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ Titans และกรอบแนวคิด MIRAS ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการจำข้อมูลระยะยาวของโมเดล AI แบบเดิม ๆ จุดเด่นคือสามารถ “อ่านไป จำไป” ได้เหมือนสมองมนุษย์ โดยใช้โมดูลความจำระยะยาวที่ทำงานคล้ายการแยกความจำสั้นและยาวในสมองจริง ๆ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ “surprise metric” กลไกที่เลือกจำเฉพาะข้อมูลที่แปลกใหม่หรือไม่คาดคิด เช่นเดียวกับที่มนุษย์มักจำเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาได้ชัดเจน ผลลัพธ์คือโมเดลนี้สามารถจัดการข้อมูลยาวมหาศาลได้ถึงสองล้านโทเคน และยังทำงานได้ดีกว่า GPT-4 แม้จะมีพารามิเตอร์น้อยกว่า นอกจากนี้ MIRAS ยังเปิดทางให้สร้างโมเดลใหม่ ๆ ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน เช่นการทนต่อสัญญาณรบกวนหรือการรักษาความจำระยะยาวอย่างมั่นคง การทดสอบกับชุดข้อมูล BABILong แสดงให้เห็นว่า Titans มีศักยภาพเหนือกว่าโมเดลชั้นนำอื่น ๆ ในการดึงข้อมูลที่กระจายอยู่ในเอกสารขนาดใหญ่ ทำให้อนาคตของ AI ในการทำความเข้าใจทั้งเอกสารหรือแม้แต่ข้อมูลทางพันธุกรรมดูสดใสและทรงพลังมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-surprise-metric-googles-new-ai-architecture-outperforms-gpt-4-in-memory
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • Framework ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบบโมดูลาร์ ออกมาโจมตีคู่แข่งเรื่องราคา RAM

    Framework กล่าวว่าการอัปเกรด RAM บนโน้ตบุ๊ก Dell และ Apple มีราคาสูงเกินจริง เช่น Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บถึง 550 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB (แม้ภายหลังจะถูกแก้ไขว่าเป็นความเข้าใจผิด) ขณะที่ Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB มานานหลายปี

    จุดยืนของ Framework
    Framework ยืนยันว่าการปรับขึ้นราคาที่จะเกิดขึ้นเป็นผลจากต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น แต่จะไม่ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาเปรียบลูกค้า โดยปัจจุบันการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB บนโน้ตบุ๊ก Framework มีค่าใช้จ่ายเพียง 80 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งอย่างมาก

    สถานการณ์ตลาดหน่วยความจำ
    ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตหลายราย เช่น CyberPowerPC และ Minisforum ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าที่ใช้ RAM และ SSD โดยบางรายเพิ่มราคามากกว่า 100% ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาดโน้ตบุ๊กและพีซี

    ความหมายต่อผู้บริโภค
    การออกมาโจมตีครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ Framework ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ “เป็นมิตรกับผู้ใช้” และโปร่งใสด้านราคา แม้จะต้องขึ้นราคาตามตลาด แต่ก็ยังพยายามรักษาความยุติธรรมในการขาย ซึ่งอาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความแตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การโจมตีคู่แข่ง
    Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บ 550 ดอลลาร์สำหรับอัปเกรด RAM
    Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB

    จุดยืนของ Framework
    จะขึ้นราคาตามต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น
    ปัจจุบันอัปเกรด 16GB → 32GB เพียง 80 ดอลลาร์

    สถานการณ์ตลาด DRAM
    ภาวะขาดแคลนทำให้หลายบริษัทขึ้นราคา
    CyberPowerPC และ Minisforum ปรับขึ้นมากกว่า 100%

    ความหมายต่อผู้บริโภค
    Framework สร้างภาพลักษณ์โปร่งใสและยุติธรรม
    แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ที่ถูกมองว่า “โก่งราคา”

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ราคาหน่วยความจำมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
    ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นแม้กับแบรนด์ที่โปร่งใส
    ตลาด DRAM ยังมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนและการเก็งกำไร

    https://www.tomshardware.com/laptops/framework-puts-dell-and-apple-on-blast-over-egregious-ram-prices-modular-laptop-maker-will-be-forced-to-increase-memory-prices-but-wont-gouge-customers-like-other-vendors
    💻 Framework ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแบบโมดูลาร์ ออกมาโจมตีคู่แข่งเรื่องราคา RAM Framework กล่าวว่าการอัปเกรด RAM บนโน้ตบุ๊ก Dell และ Apple มีราคาสูงเกินจริง เช่น Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บถึง 550 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB (แม้ภายหลังจะถูกแก้ไขว่าเป็นความเข้าใจผิด) ขณะที่ Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB มานานหลายปี 🛠️ จุดยืนของ Framework Framework ยืนยันว่าการปรับขึ้นราคาที่จะเกิดขึ้นเป็นผลจากต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น แต่จะไม่ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาเปรียบลูกค้า โดยปัจจุบันการอัปเกรดจาก 16GB เป็น 32GB บนโน้ตบุ๊ก Framework มีค่าใช้จ่ายเพียง 80 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งอย่างมาก ⚡ สถานการณ์ตลาดหน่วยความจำ ตลาด DRAM กำลังเผชิญภาวะขาดแคลน ทำให้ผู้ผลิตหลายราย เช่น CyberPowerPC และ Minisforum ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าที่ใช้ RAM และ SSD โดยบางรายเพิ่มราคามากกว่า 100% ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาดโน้ตบุ๊กและพีซี 🔍 ความหมายต่อผู้บริโภค การออกมาโจมตีครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ Framework ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ “เป็นมิตรกับผู้ใช้” และโปร่งใสด้านราคา แม้จะต้องขึ้นราคาตามตลาด แต่ก็ยังพยายามรักษาความยุติธรรมในการขาย ซึ่งอาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความแตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การโจมตีคู่แข่ง ➡️ Dell ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บ 550 ดอลลาร์สำหรับอัปเกรด RAM ➡️ Apple เรียกเก็บ 400 ดอลลาร์สำหรับการอัปเกรด 16GB ✅ จุดยืนของ Framework ➡️ จะขึ้นราคาตามต้นทุน DRAM ที่สูงขึ้น ➡️ ปัจจุบันอัปเกรด 16GB → 32GB เพียง 80 ดอลลาร์ ✅ สถานการณ์ตลาด DRAM ➡️ ภาวะขาดแคลนทำให้หลายบริษัทขึ้นราคา ➡️ CyberPowerPC และ Minisforum ปรับขึ้นมากกว่า 100% ✅ ความหมายต่อผู้บริโภค ➡️ Framework สร้างภาพลักษณ์โปร่งใสและยุติธรรม ➡️ แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ที่ถูกมองว่า “โก่งราคา” ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ราคาหน่วยความจำมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ⛔ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นแม้กับแบรนด์ที่โปร่งใส ⛔ ตลาด DRAM ยังมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนและการเก็งกำไร https://www.tomshardware.com/laptops/framework-puts-dell-and-apple-on-blast-over-egregious-ram-prices-modular-laptop-maker-will-be-forced-to-increase-memory-prices-but-wont-gouge-customers-like-other-vendors
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • การประชุมฉุกเฉินของรัฐบาลจีน พิจารณาจำกัดการนำเข้าชิป Nvidia H200

    หน่วยงานกำกับดูแลของจีน เช่น National Development and Reform Commission (NDRC) และ Ministry of Industry and Information Technology (MIIT) ได้จัดประชุมกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ Alibaba, ByteDance และ Tencent เพื่อสอบถามความต้องการชิป H200 หลังสหรัฐอนุญาตให้ส่งออก โดยจีนกำลังพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ซื้อในปริมาณเท่าใด

    ความขัดแย้งระหว่างความต้องการและนโยบาย
    แม้ H200 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป H20 ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดจีน แต่รัฐบาลยังคงกดดันให้บริษัทหันไปใช้ชิปในประเทศ เช่น Huawei Ascend การนำเข้า H200 จึงถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่เสี่ยงต่อการลดแรงจูงใจในการพัฒนาชิปจีนเอง

    ผลกระทบต่อ Nvidia
    ก่อนหน้านี้ Nvidia สูญเสียรายได้ในจีนกว่า 63% เมื่อไม่สามารถขาย H100 ได้ แต่หากจีนอนุญาตให้ซื้อ H200 ความต้องการคาดว่าจะสูงมาก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนอาจใช้มาตรการจำกัด เช่น กำหนดโควตาการซื้อ หรือห้ามใช้ในอุตสาหกรรมที่ถือว่า “มีความอ่อนไหวเชิงกลยุทธ์” เช่น การเงินและพลังงาน

    ความหมายต่อการแข่งขัน AI
    การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการหาจุดสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีต่างชาติและการสร้างความพึ่งพาตนเอง หากจีนจำกัดการนำเข้า H200 จะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทหันไปลงทุนในชิปภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งอาจเร่งการพัฒนา ecosystem AI ของจีนในระยะยาว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การประชุมฉุกเฉินของจีน
    NDRC และ MIIT เรียก Alibaba, ByteDance, Tencent เข้าหารือ
    ประเมินความต้องการชิป H200

    ความขัดแย้งด้านนโยบาย
    H200 มีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป H20
    รัฐบาลจีนกดดันให้ใช้ชิปในประเทศ เช่น Huawei Ascend

    ผลกระทบต่อ Nvidia
    สูญเสียรายได้ในจีนกว่า 63% หลังห้ามขาย H100
    หากอนุญาต H200 ความต้องการจะสูง แต่มีโควตาจำกัด

    ความหมายต่อการแข่งขัน AI
    จีนพยายามหาสมดุลระหว่างการนำเข้าและการพึ่งพาตนเอง
    อาจเร่งการพัฒนาชิปและ ecosystem AI ภายในประเทศ

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    อาจห้ามใช้ H200 ในอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ เช่น การเงินและพลังงาน
    การนำเข้า H200 มากเกินไปอาจลดแรงจูงใจในการพัฒนาชิปจีน
    ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์จากการพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-weighs-import-limits-on-nvidias-h200-after-us-export-rules-relaxed
    🇨🇳 การประชุมฉุกเฉินของรัฐบาลจีน พิจารณาจำกัดการนำเข้าชิป Nvidia H200 หน่วยงานกำกับดูแลของจีน เช่น National Development and Reform Commission (NDRC) และ Ministry of Industry and Information Technology (MIIT) ได้จัดประชุมกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ Alibaba, ByteDance และ Tencent เพื่อสอบถามความต้องการชิป H200 หลังสหรัฐอนุญาตให้ส่งออก โดยจีนกำลังพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ซื้อในปริมาณเท่าใด ⚡ ความขัดแย้งระหว่างความต้องการและนโยบาย แม้ H200 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป H20 ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดจีน แต่รัฐบาลยังคงกดดันให้บริษัทหันไปใช้ชิปในประเทศ เช่น Huawei Ascend การนำเข้า H200 จึงถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่เสี่ยงต่อการลดแรงจูงใจในการพัฒนาชิปจีนเอง 💹 ผลกระทบต่อ Nvidia ก่อนหน้านี้ Nvidia สูญเสียรายได้ในจีนกว่า 63% เมื่อไม่สามารถขาย H100 ได้ แต่หากจีนอนุญาตให้ซื้อ H200 ความต้องการคาดว่าจะสูงมาก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนอาจใช้มาตรการจำกัด เช่น กำหนดโควตาการซื้อ หรือห้ามใช้ในอุตสาหกรรมที่ถือว่า “มีความอ่อนไหวเชิงกลยุทธ์” เช่น การเงินและพลังงาน 🔍 ความหมายต่อการแข่งขัน AI การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการหาจุดสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีต่างชาติและการสร้างความพึ่งพาตนเอง หากจีนจำกัดการนำเข้า H200 จะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทหันไปลงทุนในชิปภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งอาจเร่งการพัฒนา ecosystem AI ของจีนในระยะยาว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การประชุมฉุกเฉินของจีน ➡️ NDRC และ MIIT เรียก Alibaba, ByteDance, Tencent เข้าหารือ ➡️ ประเมินความต้องการชิป H200 ✅ ความขัดแย้งด้านนโยบาย ➡️ H200 มีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป H20 ➡️ รัฐบาลจีนกดดันให้ใช้ชิปในประเทศ เช่น Huawei Ascend ✅ ผลกระทบต่อ Nvidia ➡️ สูญเสียรายได้ในจีนกว่า 63% หลังห้ามขาย H100 ➡️ หากอนุญาต H200 ความต้องการจะสูง แต่มีโควตาจำกัด ✅ ความหมายต่อการแข่งขัน AI ➡️ จีนพยายามหาสมดุลระหว่างการนำเข้าและการพึ่งพาตนเอง ➡️ อาจเร่งการพัฒนาชิปและ ecosystem AI ภายในประเทศ ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ อาจห้ามใช้ H200 ในอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ เช่น การเงินและพลังงาน ⛔ การนำเข้า H200 มากเกินไปอาจลดแรงจูงใจในการพัฒนาชิปจีน ⛔ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์จากการพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-weighs-import-limits-on-nvidias-h200-after-us-export-rules-relaxed
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • การกลับลำของสหรัฐ อนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปยังจีน

    ทำเนียบขาวอนุญาตให้ Nvidia ส่งออกชิป H200 ไปยังจีน แม้ก่อนหน้านี้มีข้อจำกัดเข้มงวด โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม 25% การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความเป็นผู้นำของ “American tech stack” และยังคงควบคุมไม่ให้จีนเข้าถึงสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดอย่าง Blackwell

    ความท้าทายจาก Huawei
    Huawei เปิดตัวระบบ CloudMatrix 384 ที่ใช้ชิป Ascend 910C จำนวน 384 ตัว ซึ่งถูกวางตำแหน่งแข่งกับ Nvidia GB200 NVL72 แม้ยังมีข้อด้อยด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้จีนมีทางเลือกนอกเหนือจาก CUDA ของ Nvidia

    กลยุทธ์ของสหรัฐ
    รายงานเผยว่ามีการพิจารณาหลายทางเลือก ตั้งแต่การห้ามส่งออกทั้งหมด ไปจนถึงการ “ท่วมตลาด” ด้วยชิป Nvidia เพื่อกดดัน Huawei สุดท้ายเลือกแนวทางกลาง ๆ คืออนุญาตให้ส่งออก H200 แต่ไม่ใช่ Blackwell เพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงสถาปัตยกรรม

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในตลาด AI ที่กำลังร้อนแรง Nvidia ยังคงครองความได้เปรียบด้วย CUDA แต่ Huawei กำลังเร่งผลิตชิป 910C ให้ได้ถึง 600,000 ตัวในปีหน้า และอาจแตะระดับ “หลายล้านตัว” ภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการท้าทายอำนาจผูกขาดของ Nvidia

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การกลับลำของสหรัฐ
    อนุญาตส่งออก Nvidia H200 ไปจีน
    เก็บค่าธรรมเนียม 25%

    ความท้าทายจาก Huawei
    เปิดตัว CloudMatrix 384 ใช้ชิป Ascend 910C
    แข่งกับ Nvidia GB200 NVL72

    กลยุทธ์ของสหรัฐ
    พิจารณาหลายทางเลือก ตั้งแต่ห้ามส่งออกจนถึงท่วมตลาด
    เลือกอนุญาต H200 แต่ห้าม Blackwell

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    Nvidia ยังคงครองตลาดด้วย CUDA
    Huawei ตั้งเป้าผลิตชิป 910C หลายล้านตัวในปี 2026

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    การแข่งขันอาจทำให้ตลาด AI แบ่งขั้วชัดเจน
    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงหากจีนเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง
    อาจกระทบต่อซัพพลายเชนและราคาชิปทั่วโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/white-house-u-turn-on-nvidia-h200-ai-accelerator-exports-down-to-huaweis-powerful-new-ascend-chips-report-claims-u-s-committed-to-dominance-of-the-american-tech-stack
    🇺🇸 การกลับลำของสหรัฐ อนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปยังจีน ทำเนียบขาวอนุญาตให้ Nvidia ส่งออกชิป H200 ไปยังจีน แม้ก่อนหน้านี้มีข้อจำกัดเข้มงวด โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม 25% การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความเป็นผู้นำของ “American tech stack” และยังคงควบคุมไม่ให้จีนเข้าถึงสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดอย่าง Blackwell 🇨🇳 ความท้าทายจาก Huawei Huawei เปิดตัวระบบ CloudMatrix 384 ที่ใช้ชิป Ascend 910C จำนวน 384 ตัว ซึ่งถูกวางตำแหน่งแข่งกับ Nvidia GB200 NVL72 แม้ยังมีข้อด้อยด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้จีนมีทางเลือกนอกเหนือจาก CUDA ของ Nvidia ⚡ กลยุทธ์ของสหรัฐ รายงานเผยว่ามีการพิจารณาหลายทางเลือก ตั้งแต่การห้ามส่งออกทั้งหมด ไปจนถึงการ “ท่วมตลาด” ด้วยชิป Nvidia เพื่อกดดัน Huawei สุดท้ายเลือกแนวทางกลาง ๆ คืออนุญาตให้ส่งออก H200 แต่ไม่ใช่ Blackwell เพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงสถาปัตยกรรม 🔍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในตลาด AI ที่กำลังร้อนแรง Nvidia ยังคงครองความได้เปรียบด้วย CUDA แต่ Huawei กำลังเร่งผลิตชิป 910C ให้ได้ถึง 600,000 ตัวในปีหน้า และอาจแตะระดับ “หลายล้านตัว” ภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการท้าทายอำนาจผูกขาดของ Nvidia 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การกลับลำของสหรัฐ ➡️ อนุญาตส่งออก Nvidia H200 ไปจีน ➡️ เก็บค่าธรรมเนียม 25% ✅ ความท้าทายจาก Huawei ➡️ เปิดตัว CloudMatrix 384 ใช้ชิป Ascend 910C ➡️ แข่งกับ Nvidia GB200 NVL72 ✅ กลยุทธ์ของสหรัฐ ➡️ พิจารณาหลายทางเลือก ตั้งแต่ห้ามส่งออกจนถึงท่วมตลาด ➡️ เลือกอนุญาต H200 แต่ห้าม Blackwell ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI ➡️ Nvidia ยังคงครองตลาดด้วย CUDA ➡️ Huawei ตั้งเป้าผลิตชิป 910C หลายล้านตัวในปี 2026 ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ การแข่งขันอาจทำให้ตลาด AI แบ่งขั้วชัดเจน ⛔ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงหากจีนเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ⛔ อาจกระทบต่อซัพพลายเชนและราคาชิปทั่วโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/white-house-u-turn-on-nvidia-h200-ai-accelerator-exports-down-to-huaweis-powerful-new-ascend-chips-report-claims-u-s-committed-to-dominance-of-the-american-tech-stack
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • YouTube TV เปิดตัวแพ็กเกจตามประเภทคอนเทนต์ เน้นเจาะตลาดกีฬา

    YouTube TV ประกาศว่าจะเปิดตัว แพ็กเกจสมัครสมาชิกตามประเภท (genre-based plans) ในสหรัฐฯ ต้นปี 2026 โดยมีมากกว่า 10 แพ็กเกจ เช่น กีฬา ข่าว และครอบครัว เพื่อให้ผู้ใช้เลือกตามความสนใจ จุดเด่นคือแพ็กเกจกีฬา ที่รวมช่องดังอย่าง ESPN, FS1 และ NBC Sports Network พร้อมตัวเลือกเสริมอย่าง NFL Sunday Ticket และ RedZone

    กลยุทธ์เจาะตลาดกีฬา
    YouTube TV มองว่ากีฬาเป็นสมรภูมิสำคัญในการแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Netflix และ Disney การเพิ่มแพ็กเกจเฉพาะด้านกีฬา พร้อมฟีเจอร์ multiview (ดูได้ 4 สตรีมพร้อมกัน) และ unlimited DVR จะช่วยดึงดูดแฟนกีฬาและผู้ลงโฆษณาให้มากขึ้น Nielsen รายงานว่า YouTube TV ตอนนี้ครองสัดส่วนการรับชมทีวีในสหรัฐฯ มากที่สุด แซงหน้า Netflix และบริษัทสื่อดั้งเดิม

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด
    ผู้ใช้จะมีอิสระมากขึ้นในการเลือกแพ็กเกจที่ตรงกับความต้องการ เช่น เลือกเฉพาะกีฬา หรือเน้นข่าวและครอบครัว โดยไม่ต้องจ่ายเต็มราคาเหมือนแพ็กเกจหลักเดิม แม้ยังไม่มีการเปิดเผยราคา แต่การปรับโครงสร้างนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการทำให้บริการสตรีมมิง “ยืดหยุ่นและเฉพาะกลุ่ม” มากขึ้น

    ความหมายต่ออนาคตสตรีมมิง
    การเปิดตัว genre-based plans ของ YouTube TV อาจเป็นต้นแบบให้แพลตฟอร์มอื่นปรับตาม เพราะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และสร้างรายได้จากโฆษณาได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันสตรีมมิงรุนแรงและผู้ใช้ต้องการความคุ้มค่าในการเลือกคอนเทนต์

    สรุปสาระสำคัญ
    YouTube TV เตรียมเปิดแพ็กเกจตามประเภทคอนเทนต์ต้นปี 2026
    มีมากกว่า 10 แพ็กเกจ เช่น กีฬา ข่าว ครอบครัว

    แพ็กเกจกีฬาเป็นจุดขายหลัก
    รวม ESPN, FS1, NBC Sports และเสริม NFL Sunday Ticket

    ฟีเจอร์ multiview และ unlimited DVR ยังคงอยู่
    ดูได้ 4 สตรีมพร้อมกันและบันทึกไม่จำกัด

    Nielsen ระบุ YouTube TV ครองสัดส่วนการรับชมทีวีสูงสุดในสหรัฐฯ
    แซงหน้า Netflix และ Disney

    ราคายังไม่เปิดเผย อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเข้าถึง
    หากแพ็กเกจแพงเกินไป ผู้ใช้บางกลุ่มอาจไม่เลือก

    การแข่งขันสตรีมมิงรุนแรง อาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับหลายแพ็กเกจ
    เสี่ยงต่อการกระจายฐานผู้ชมและความภักดีต่อแบรนด์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/11/youtube-tv-to-roll-out-genre-based-plans-deepens-sports-streaming-bet
    📺 YouTube TV เปิดตัวแพ็กเกจตามประเภทคอนเทนต์ เน้นเจาะตลาดกีฬา YouTube TV ประกาศว่าจะเปิดตัว แพ็กเกจสมัครสมาชิกตามประเภท (genre-based plans) ในสหรัฐฯ ต้นปี 2026 โดยมีมากกว่า 10 แพ็กเกจ เช่น กีฬา ข่าว และครอบครัว เพื่อให้ผู้ใช้เลือกตามความสนใจ จุดเด่นคือแพ็กเกจกีฬา ที่รวมช่องดังอย่าง ESPN, FS1 และ NBC Sports Network พร้อมตัวเลือกเสริมอย่าง NFL Sunday Ticket และ RedZone ⚡ กลยุทธ์เจาะตลาดกีฬา YouTube TV มองว่ากีฬาเป็นสมรภูมิสำคัญในการแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Netflix และ Disney การเพิ่มแพ็กเกจเฉพาะด้านกีฬา พร้อมฟีเจอร์ multiview (ดูได้ 4 สตรีมพร้อมกัน) และ unlimited DVR จะช่วยดึงดูดแฟนกีฬาและผู้ลงโฆษณาให้มากขึ้น Nielsen รายงานว่า YouTube TV ตอนนี้ครองสัดส่วนการรับชมทีวีในสหรัฐฯ มากที่สุด แซงหน้า Netflix และบริษัทสื่อดั้งเดิม 🎮 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด ผู้ใช้จะมีอิสระมากขึ้นในการเลือกแพ็กเกจที่ตรงกับความต้องการ เช่น เลือกเฉพาะกีฬา หรือเน้นข่าวและครอบครัว โดยไม่ต้องจ่ายเต็มราคาเหมือนแพ็กเกจหลักเดิม แม้ยังไม่มีการเปิดเผยราคา แต่การปรับโครงสร้างนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการทำให้บริการสตรีมมิง “ยืดหยุ่นและเฉพาะกลุ่ม” มากขึ้น 🌐 ความหมายต่ออนาคตสตรีมมิง การเปิดตัว genre-based plans ของ YouTube TV อาจเป็นต้นแบบให้แพลตฟอร์มอื่นปรับตาม เพราะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และสร้างรายได้จากโฆษณาได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันสตรีมมิงรุนแรงและผู้ใช้ต้องการความคุ้มค่าในการเลือกคอนเทนต์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ YouTube TV เตรียมเปิดแพ็กเกจตามประเภทคอนเทนต์ต้นปี 2026 ➡️ มีมากกว่า 10 แพ็กเกจ เช่น กีฬา ข่าว ครอบครัว ✅ แพ็กเกจกีฬาเป็นจุดขายหลัก ➡️ รวม ESPN, FS1, NBC Sports และเสริม NFL Sunday Ticket ✅ ฟีเจอร์ multiview และ unlimited DVR ยังคงอยู่ ➡️ ดูได้ 4 สตรีมพร้อมกันและบันทึกไม่จำกัด ✅ Nielsen ระบุ YouTube TV ครองสัดส่วนการรับชมทีวีสูงสุดในสหรัฐฯ ➡️ แซงหน้า Netflix และ Disney ‼️ ราคายังไม่เปิดเผย อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเข้าถึง ⛔ หากแพ็กเกจแพงเกินไป ผู้ใช้บางกลุ่มอาจไม่เลือก ‼️ การแข่งขันสตรีมมิงรุนแรง อาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับหลายแพ็กเกจ ⛔ เสี่ยงต่อการกระจายฐานผู้ชมและความภักดีต่อแบรนด์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/11/youtube-tv-to-roll-out-genre-based-plans-deepens-sports-streaming-bet
    WWW.THESTAR.COM.MY
    YouTube TV to roll out genre-based plans, deepens sports streaming bet
    (Corrects to remove reference to number of subscribers in paragraph 5)
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • "Exynos 2600 เปิดตัวเฉพาะในเกาหลีใต้"

    Samsung เตรียมเปิดตัว Exynos 2600 ในเดือนมกราคม 2026 โดยจะใช้เฉพาะในรุ่น Galaxy S26 non-Ultra ในตลาดเกาหลีใต้ . การตัดสินใจนี้เกิดจากปัญหา yield ที่ยังไม่เสถียร และข้อตกลงกับ Qualcomm ที่ครองส่วนแบ่งชิป Snapdragon ใน Galaxy S26 ถึง 75%

    เทคโนโลยีและประสิทธิภาพ
    Exynos 2600 ผลิตด้วยกระบวนการ 2nm GAA (Gate-All-Around) ของ Samsung ซึ่งให้ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าด้านพลังงานดีกว่ารุ่น 3nm เดิม . ฟีเจอร์เด่นคือ Heat Pass Block (HPB) ที่ช่วยจัดการความร้อน . ผลทดสอบ Geekbench 6 ล่าสุดเผยว่า Exynos 2600 ทำคะแนน 3,455 (single-core) และ 11,621 (multi-core) โดยมีคอร์สูงสุดที่ความเร็ว 3.8 GHz

    ปัญหาและข้อจำกัด
    แม้ประสิทธิภาพจะดีขึ้น แต่ Samsung ยังต้องเผชิญกับ ปัญหาภาพลักษณ์ของ Exynos ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและประสิทธิภาพด้อยกว่า Snapdragon นอกจากนี้ ข้อตกลงกับ Qualcomm ทำให้ Samsung ต้องจำกัดการใช้ Exynos 2600 เฉพาะตลาดในประเทศ เพื่อไม่กระทบยอดขายระดับโลกของ Galaxy S26

    มุมมองตลาด
    การเปิดตัว Exynos 2600 เฉพาะในเกาหลีใต้สะท้อนถึงกลยุทธ์ระมัดระวังของ Samsung ที่ต้องการทดสอบตลาดก่อน หากผลตอบรับดี อาจขยายการใช้งานไปยังรุ่นอื่นหรือภูมิภาคอื่นในอนาคต . อย่างไรก็ตาม Qualcomm ยังคงครองตลาดโลกด้วย Snapdragon ทำให้ Exynos ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเพื่อกลับมาแข่งขัน .

    สรุปสาระสำคัญ
    Exynos 2600 เปิดตัวในเกาหลีใต้เท่านั้น
    ใช้ใน Galaxy S26 non-Ultra รุ่นท้องถิ่น

    เทคโนโลยีใหม่ 2nm GAA
    ประสิทธิภาพสูงขึ้น, ฟีเจอร์ Heat Pass Block, คะแนน Geekbench 3,455/11,621

    ข้อตกลงกับ Qualcomm
    Snapdragon ครอง 75% ของ Galaxy S26 ทำให้ Exynos ถูกจำกัดตลาด

    คำเตือนด้านภาพลักษณ์
    Exynos เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและด้อยกว่า Snapdragon

    คำเตือนด้านการผลิต
    Yield ยังไม่เสถียร อาจกระทบต่อการผลิตจำนวนมาก

    https://wccftech.com/samsungs-exynos-2600-chip-to-debut-only-in-its-home-market/
    📱 "Exynos 2600 เปิดตัวเฉพาะในเกาหลีใต้" Samsung เตรียมเปิดตัว Exynos 2600 ในเดือนมกราคม 2026 โดยจะใช้เฉพาะในรุ่น Galaxy S26 non-Ultra ในตลาดเกาหลีใต้ . การตัดสินใจนี้เกิดจากปัญหา yield ที่ยังไม่เสถียร และข้อตกลงกับ Qualcomm ที่ครองส่วนแบ่งชิป Snapdragon ใน Galaxy S26 ถึง 75% ⚡ เทคโนโลยีและประสิทธิภาพ Exynos 2600 ผลิตด้วยกระบวนการ 2nm GAA (Gate-All-Around) ของ Samsung ซึ่งให้ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าด้านพลังงานดีกว่ารุ่น 3nm เดิม . ฟีเจอร์เด่นคือ Heat Pass Block (HPB) ที่ช่วยจัดการความร้อน . ผลทดสอบ Geekbench 6 ล่าสุดเผยว่า Exynos 2600 ทำคะแนน 3,455 (single-core) และ 11,621 (multi-core) โดยมีคอร์สูงสุดที่ความเร็ว 3.8 GHz 🔧 ปัญหาและข้อจำกัด แม้ประสิทธิภาพจะดีขึ้น แต่ Samsung ยังต้องเผชิญกับ ปัญหาภาพลักษณ์ของ Exynos ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและประสิทธิภาพด้อยกว่า Snapdragon นอกจากนี้ ข้อตกลงกับ Qualcomm ทำให้ Samsung ต้องจำกัดการใช้ Exynos 2600 เฉพาะตลาดในประเทศ เพื่อไม่กระทบยอดขายระดับโลกของ Galaxy S26 🌍 มุมมองตลาด การเปิดตัว Exynos 2600 เฉพาะในเกาหลีใต้สะท้อนถึงกลยุทธ์ระมัดระวังของ Samsung ที่ต้องการทดสอบตลาดก่อน หากผลตอบรับดี อาจขยายการใช้งานไปยังรุ่นอื่นหรือภูมิภาคอื่นในอนาคต . อย่างไรก็ตาม Qualcomm ยังคงครองตลาดโลกด้วย Snapdragon ทำให้ Exynos ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเพื่อกลับมาแข่งขัน . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Exynos 2600 เปิดตัวในเกาหลีใต้เท่านั้น ➡️ ใช้ใน Galaxy S26 non-Ultra รุ่นท้องถิ่น ✅ เทคโนโลยีใหม่ 2nm GAA ➡️ ประสิทธิภาพสูงขึ้น, ฟีเจอร์ Heat Pass Block, คะแนน Geekbench 3,455/11,621 ✅ ข้อตกลงกับ Qualcomm ➡️ Snapdragon ครอง 75% ของ Galaxy S26 ทำให้ Exynos ถูกจำกัดตลาด ‼️ คำเตือนด้านภาพลักษณ์ ⛔ Exynos เคยถูกวิจารณ์เรื่องความร้อนและด้อยกว่า Snapdragon ‼️ คำเตือนด้านการผลิต ⛔ Yield ยังไม่เสถียร อาจกระทบต่อการผลิตจำนวนมาก https://wccftech.com/samsungs-exynos-2600-chip-to-debut-only-in-its-home-market/
    WCCFTECH.COM
    Exynos 2600: Samsung's New Chip Is Korea-Only
    Samsung's Exynos 2600 deployment is now being limited to South Korea, owing to lingering yield issues and existing contracts with Qualcomm.
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • "อุตสาหกรรมชิปเข้าสู่ Giga Cycle"

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเข้าสู่สิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “Giga Cycle” ซึ่งเกิดจากการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ความต้องการชิปทุกประเภท—ตั้งแต่ CPU, GPU, หน่วยความจำ ไปจนถึงการบรรจุขั้นสูง—พุ่งขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    รายงานจาก Creative Strategies ระบุว่า ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 จากเดิมที่มีรายได้ราว 650 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 . ปัจจัยหลักคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่กว่าทุกการขยายตัวในอดีต . ทั้ง AMD, Nvidia และ Broadcom ต่างยืนยันว่าตลาดนี้คือโอกาสมหาศาล โดย AMD คาดว่าตลาดฮาร์ดแวร์ AI จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 .

    การเติบโตของ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์
    AI Accelerators ที่มีมูลค่าไม่ถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถูกคาดว่าจะโตถึง 300–350 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029–2030 . ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ก็จะพุ่งจาก 140 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 850 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . สิ่งนี้ทำให้การพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนงานของ Hyperscaler รายใหญ่ เช่น Broadcom ที่คาดว่าธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษ .

    หน่วยความจำและการบรรจุ: คอขวดสำคัญ
    ตลาดหน่วยความจำ โดยเฉพาะ HBM (High Bandwidth Memory) กำลังกลายเป็นคอขวดหลัก . รายได้จาก HBM ถูกคาดว่าจะโตจาก 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการบรรจุขั้นสูงอย่าง CoWoS ก็กำลังถูกขยายกำลังการผลิตกว่า 60% ระหว่างปี 2025–2026 เพื่อรองรับความต้องการ .

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    สิ่งที่ทำให้ Giga Cycle แตกต่างจากรอบการเติบโตในอดีตคือ ทุกเซ็กเมนต์ของตลาดกำลังขยายตัวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Compute, Memory, Networking หรือ Storage . นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ไม่ใช่แค่ “รอบบูม” แต่เป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก .

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกโตแรง
    คาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029

    AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI
    โตจาก 140 พันล้าน → 850 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030

    ASIC และ Custom Silicon
    Broadcom คาดธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์

    HBM และการบรรจุขั้นสูง
    HBM โตจาก 16 พันล้าน → 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030
    CoWoS ขยายกำลังผลิตกว่า 60% ภายในปี 2026

    คำเตือนด้านคอขวดการผลิต
    หน่วยความจำและการบรรจุอาจไม่ทันต่อความต้องการ AI

    คำเตือนด้านความเสี่ยงตลาด
    หากการลงทุน AI ชะลอตัว อาจกระทบต่อการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/semiconductor-industry-enters-giga-cycle-as-ai-infrastructure-spending-reshapes-demand
    🌐 "อุตสาหกรรมชิปเข้าสู่ Giga Cycle" ข่าวนี้เล่าถึงการที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเข้าสู่สิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “Giga Cycle” ซึ่งเกิดจากการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ความต้องการชิปทุกประเภท—ตั้งแต่ CPU, GPU, หน่วยความจำ ไปจนถึงการบรรจุขั้นสูง—พุ่งขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน รายงานจาก Creative Strategies ระบุว่า ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 จากเดิมที่มีรายได้ราว 650 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 . ปัจจัยหลักคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่กว่าทุกการขยายตัวในอดีต . ทั้ง AMD, Nvidia และ Broadcom ต่างยืนยันว่าตลาดนี้คือโอกาสมหาศาล โดย AMD คาดว่าตลาดฮาร์ดแวร์ AI จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 . ⚡ การเติบโตของ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI Accelerators ที่มีมูลค่าไม่ถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถูกคาดว่าจะโตถึง 300–350 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029–2030 . ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ก็จะพุ่งจาก 140 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 850 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . สิ่งนี้ทำให้การพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนงานของ Hyperscaler รายใหญ่ เช่น Broadcom ที่คาดว่าธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษ . 🧠 หน่วยความจำและการบรรจุ: คอขวดสำคัญ ตลาดหน่วยความจำ โดยเฉพาะ HBM (High Bandwidth Memory) กำลังกลายเป็นคอขวดหลัก . รายได้จาก HBM ถูกคาดว่าจะโตจาก 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการบรรจุขั้นสูงอย่าง CoWoS ก็กำลังถูกขยายกำลังการผลิตกว่า 60% ระหว่างปี 2025–2026 เพื่อรองรับความต้องการ . 🌍 มุมมองเชิงกลยุทธ์ สิ่งที่ทำให้ Giga Cycle แตกต่างจากรอบการเติบโตในอดีตคือ ทุกเซ็กเมนต์ของตลาดกำลังขยายตัวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Compute, Memory, Networking หรือ Storage . นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ไม่ใช่แค่ “รอบบูม” แต่เป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกโตแรง ➡️ คาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 ✅ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI ➡️ โตจาก 140 พันล้าน → 850 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ✅ ASIC และ Custom Silicon ➡️ Broadcom คาดธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ ✅ HBM และการบรรจุขั้นสูง ➡️ HBM โตจาก 16 พันล้าน → 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 ➡️ CoWoS ขยายกำลังผลิตกว่า 60% ภายในปี 2026 ‼️ คำเตือนด้านคอขวดการผลิต ⛔ หน่วยความจำและการบรรจุอาจไม่ทันต่อความต้องการ AI ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยงตลาด ⛔ หากการลงทุน AI ชะลอตัว อาจกระทบต่อการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/semiconductor-industry-enters-giga-cycle-as-ai-infrastructure-spending-reshapes-demand
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • "Intel จับมือ Tata Group ผลักดันอินเดียสู่ศูนย์กลางชิปโลก"

    Intel ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ Tata Group หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดของอินเดีย เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตชิป รวมถึงการบรรจุ (packaging) สำหรับตลาดท้องถิ่น . ความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมการพัฒนา AI PC ทั้งในตลาดผู้บริโภคและองค์กร โดยตั้งเป้าให้อินเดียติดอันดับ Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030.

    การลงทุนครั้งใหญ่: "โรงงานมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์"
    Tata Group กำลังสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่งในอินเดีย มูลค่ารวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ ได้แก่ โรงงานผลิตชิปในรัฐคุชราต และโรงงาน OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) ในรัฐอัสสัม. การลงทุนนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน .

    ผลักดัน India Semiconductor Mission (ISM)
    ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อโครงการ India Semiconductor Mission (ISM) ที่รัฐบาลอินเดียเปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 ด้วยงบประมาณกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการทดสอบชิป . โครงการนี้ยังดึงดูดผู้เล่นระดับโลก เช่น Micron, Foxconn และ Clas-SiC Wafer Fab เข้ามาร่วมลงทุน.

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    Intel มองว่าอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยความต้องการ PC และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . การจับมือกับ Tata ไม่เพียงช่วยขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างฐานการผลิตที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาประเทศอื่นและเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน.

    สรุปสาระสำคัญ
    Intel จับมือ Tata Group
    ลงนาม MoU เพื่อผลิตและบรรจุชิปในอินเดีย

    การลงทุนครั้งใหญ่
    โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่ง มูลค่า ~14 พันล้านดอลลาร์

    พัฒนา AI PC
    ตั้งเป้าให้อินเดียติด Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030

    สนับสนุน India Semiconductor Mission
    โครงการรัฐบาลมูลค่า ~10 พันล้านดอลลาร์ ดึงดูดผู้เล่นระดับโลก

    คำเตือนด้านห่วงโซ่อุปทาน
    หากโครงการล่าช้า อินเดียอาจเสียโอกาสแข่งขันกับจีนและไต้หวัน

    คำเตือนด้านความเสี่ยงการลงทุน
    โรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเทคโนโลยีสูง อาจเจออุปสรรคด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-boosts-indias-chip-push-with-new-tata-group-strategic-partnership-includes-manufacturing-and-packaging-of-intel-products-for-local-markets
    🤝 "Intel จับมือ Tata Group ผลักดันอินเดียสู่ศูนย์กลางชิปโลก" Intel ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ Tata Group หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดของอินเดีย เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตชิป รวมถึงการบรรจุ (packaging) สำหรับตลาดท้องถิ่น . ความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมการพัฒนา AI PC ทั้งในตลาดผู้บริโภคและองค์กร โดยตั้งเป้าให้อินเดียติดอันดับ Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030. 🏭 การลงทุนครั้งใหญ่: "โรงงานมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์" Tata Group กำลังสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่งในอินเดีย มูลค่ารวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ ได้แก่ โรงงานผลิตชิปในรัฐคุชราต และโรงงาน OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) ในรัฐอัสสัม. การลงทุนนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน . ⚡ ผลักดัน India Semiconductor Mission (ISM) ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อโครงการ India Semiconductor Mission (ISM) ที่รัฐบาลอินเดียเปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 ด้วยงบประมาณกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการทดสอบชิป . โครงการนี้ยังดึงดูดผู้เล่นระดับโลก เช่น Micron, Foxconn และ Clas-SiC Wafer Fab เข้ามาร่วมลงทุน. 🌍 มุมมองเชิงกลยุทธ์ Intel มองว่าอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยความต้องการ PC และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . การจับมือกับ Tata ไม่เพียงช่วยขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างฐานการผลิตที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาประเทศอื่นและเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Intel จับมือ Tata Group ➡️ ลงนาม MoU เพื่อผลิตและบรรจุชิปในอินเดีย ✅ การลงทุนครั้งใหญ่ ➡️ โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่ง มูลค่า ~14 พันล้านดอลลาร์ ✅ พัฒนา AI PC ➡️ ตั้งเป้าให้อินเดียติด Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030 ✅ สนับสนุน India Semiconductor Mission ➡️ โครงการรัฐบาลมูลค่า ~10 พันล้านดอลลาร์ ดึงดูดผู้เล่นระดับโลก ‼️ คำเตือนด้านห่วงโซ่อุปทาน ⛔ หากโครงการล่าช้า อินเดียอาจเสียโอกาสแข่งขันกับจีนและไต้หวัน ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยงการลงทุน ⛔ โรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเทคโนโลยีสูง อาจเจออุปสรรคด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-boosts-indias-chip-push-with-new-tata-group-strategic-partnership-includes-manufacturing-and-packaging-of-intel-products-for-local-markets
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • AI ในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์: ความจริงที่ไม่ควรมองข้าม

    รายงานล่าสุดเผยว่า แม้บางนักวิจัยจะมองว่า ภัยคุกคามจาก AI เป็นเพียงการโฆษณาเกินจริง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน threat intelligence ยืนยันว่า AI ได้ถูกนำมาใช้จริงแล้วในหลายขั้นตอนของการโจมตีไซเบอร์ ตั้งแต่การสร้างมัลแวร์ที่ซับซ้อนขึ้น ไปจนถึงการทำ social engineering ที่แนบเนียนกว่าเดิม.

    ผู้เชี่ยวชาญจาก SentinelOne ระบุว่า AI ถูกใช้เพื่อปรับปรุงมัลแวร์ให้เร็วขึ้น และช่วยสร้างโค้ดหรือข้อความหลอกลวง ทำให้การโจมตีมีความยืดหยุ่นและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น ซึ่งต่างจากมัลแวร์แบบดั้งเดิมที่มีรูปแบบตายตัว.

    หลักฐานใหม่จากงานวิจัย
    สองรายงานวิจัยล่าสุดจาก Google Threat Intelligence Group และ Anthropic ยืนยันว่า ผู้โจมตีได้เข้าสู่เฟสใหม่ของการใช้ AI ไม่ใช่แค่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เริ่มนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือปฏิบัติการ เช่น มัลแวร์ที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ระหว่างการทำงาน หรือการใช้ AI เพื่อช่วยในการจารกรรมไซเบอร์.

    Anthropic ยังเปิดเผยกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐจีนใช้ AI เพื่อพยายามเจาะระบบขององค์กรระดับโลกกว่า 30 แห่ง ซึ่งแม้จะสำเร็จเพียงบางส่วน แต่ก็สะท้อนว่า ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่เรื่องสมมติอีกต่อไป.

    ความท้าทายสำหรับ CISO และองค์กร
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเพิกเฉยต่อภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบ เพราะผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันให้ทัน องค์กรอาจไม่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

    นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และไซเบอร์ ซึ่งทำให้การป้องกันยากขึ้น ขณะเดียวกันการสื่อสารกับผู้บริหารและบอร์ดก็เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและยอมลงทุนในมาตรการป้องกันที่เหมาะสม.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AI ถูกนำมาใช้จริงในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์
    ใช้ปรับปรุงมัลแวร์ให้ซับซ้อนและเร็วขึ้น
    ใช้สร้างโค้ดและข้อความหลอกลวงเพื่อ social engineering

    งานวิจัยล่าสุดยืนยันการใช้ AI โดยผู้โจมตี
    Google พบมัลแวร์ที่ใช้ AI เปลี่ยนพฤติกรรมระหว่างทำงาน
    Anthropic พบการใช้ AI ในการจารกรรมไซเบอร์โดยกลุ่มรัฐจีน

    ผลกระทบต่อองค์กรและ CISO
    ผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า
    การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI ทำให้การป้องกันยากขึ้น
    ต้องสื่อสารกับบอร์ดเพื่อเพิ่มงบประมาณและมาตรการป้องกัน

    คำเตือนสำหรับธุรกิจ
    การมองข้ามภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบอย่างรุนแรง
    การพึ่งพาเครื่องมือ AI ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์อาจสร้างความเสี่ยงใหม่
    หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันทันเวลา อาจไม่สามารถรับมือกับการโจมตีได้

    https://www.csoonline.com/article/4101936/ignoring-ai-in-the-threat-chain-could-be-a-costly-mistake-experts-warn.html
    🤖 AI ในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์: ความจริงที่ไม่ควรมองข้าม รายงานล่าสุดเผยว่า แม้บางนักวิจัยจะมองว่า ภัยคุกคามจาก AI เป็นเพียงการโฆษณาเกินจริง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน threat intelligence ยืนยันว่า AI ได้ถูกนำมาใช้จริงแล้วในหลายขั้นตอนของการโจมตีไซเบอร์ ตั้งแต่การสร้างมัลแวร์ที่ซับซ้อนขึ้น ไปจนถึงการทำ social engineering ที่แนบเนียนกว่าเดิม. ผู้เชี่ยวชาญจาก SentinelOne ระบุว่า AI ถูกใช้เพื่อปรับปรุงมัลแวร์ให้เร็วขึ้น และช่วยสร้างโค้ดหรือข้อความหลอกลวง ทำให้การโจมตีมีความยืดหยุ่นและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น ซึ่งต่างจากมัลแวร์แบบดั้งเดิมที่มีรูปแบบตายตัว. 📑 หลักฐานใหม่จากงานวิจัย สองรายงานวิจัยล่าสุดจาก Google Threat Intelligence Group และ Anthropic ยืนยันว่า ผู้โจมตีได้เข้าสู่เฟสใหม่ของการใช้ AI ไม่ใช่แค่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เริ่มนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือปฏิบัติการ เช่น มัลแวร์ที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ระหว่างการทำงาน หรือการใช้ AI เพื่อช่วยในการจารกรรมไซเบอร์. Anthropic ยังเปิดเผยกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐจีนใช้ AI เพื่อพยายามเจาะระบบขององค์กรระดับโลกกว่า 30 แห่ง ซึ่งแม้จะสำเร็จเพียงบางส่วน แต่ก็สะท้อนว่า ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่เรื่องสมมติอีกต่อไป. ⚠️ ความท้าทายสำหรับ CISO และองค์กร ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเพิกเฉยต่อภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบ เพราะผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันให้ทัน องค์กรอาจไม่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ. นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และไซเบอร์ ซึ่งทำให้การป้องกันยากขึ้น ขณะเดียวกันการสื่อสารกับผู้บริหารและบอร์ดก็เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและยอมลงทุนในมาตรการป้องกันที่เหมาะสม. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AI ถูกนำมาใช้จริงในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์ ➡️ ใช้ปรับปรุงมัลแวร์ให้ซับซ้อนและเร็วขึ้น ➡️ ใช้สร้างโค้ดและข้อความหลอกลวงเพื่อ social engineering ✅ งานวิจัยล่าสุดยืนยันการใช้ AI โดยผู้โจมตี ➡️ Google พบมัลแวร์ที่ใช้ AI เปลี่ยนพฤติกรรมระหว่างทำงาน ➡️ Anthropic พบการใช้ AI ในการจารกรรมไซเบอร์โดยกลุ่มรัฐจีน ✅ ผลกระทบต่อองค์กรและ CISO ➡️ ผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า ➡️ การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI ทำให้การป้องกันยากขึ้น ➡️ ต้องสื่อสารกับบอร์ดเพื่อเพิ่มงบประมาณและมาตรการป้องกัน ‼️ คำเตือนสำหรับธุรกิจ ⛔ การมองข้ามภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบอย่างรุนแรง ⛔ การพึ่งพาเครื่องมือ AI ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์อาจสร้างความเสี่ยงใหม่ ⛔ หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันทันเวลา อาจไม่สามารถรับมือกับการโจมตีได้ https://www.csoonline.com/article/4101936/ignoring-ai-in-the-threat-chain-could-be-a-costly-mistake-experts-warn.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ignoring AI in the threat chain could be a costly mistake, experts warn
    While some researchers dismiss reports of AI-driven cyberattacks as merely marketing messages, threat intel experts counter that CISOs ignore mounting evidence of AI use in the threat chain at their own peril.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • เศรษฐกิจมืดเบื้องหลัง Ad Fraud – เมื่อบอทและ Deepfake สูบงบโฆษณา

    รายงานล่าสุดเผยให้เห็นว่า เครือข่าย Ad Fraud กำลังเติบโตอย่างเป็นระบบในโลกมืด โดยใช้เครื่องมืออย่าง บอท, Deepfake และการปลอมแปลงทราฟฟิก เพื่อดูดงบโฆษณาออนไลน์ไปอย่างมหาศาล ปัญหานี้ทำให้ผู้ลงโฆษณาสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยที่ข้อมูลในแดชบอร์ดยังคงดู “ปกติ” จนยากจะตรวจจับได้

    หนึ่งในวิธีการที่พบคือการใช้ Botnets และมัลแวร์ เปลี่ยนอุปกรณ์ทั่วไปให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างคลิกปลอม ทำให้ระบบ PPC (Pay-Per-Click) แสดงผลเหมือนมีผู้ชมจริง ทั้งที่เป็นเพียงทราฟฟิกหลอกลวง นอกจากนี้ยังมีการใช้ Traffic Laundering และโดเมนปลอม เช่นกรณี Methbot ที่สร้างวิดีโอวิวปลอมกว่า 300 ล้านครั้งต่อวัน สร้างความเสียหายหลายร้อยล้านยูโร

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีเหล่านี้ร้ายแรงคือการ เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ ได้อย่างแนบเนียน ทั้งการคลิก, การเลื่อนหน้า, และการใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าเพื่อให้ดูสมจริง ทำให้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติไม่สามารถแยกแยะได้ง่าย ผู้ลงโฆษณาจึงมักเข้าใจผิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือพฤติกรรมผู้บริโภค

    ผลกระทบไม่ใช่แค่การสูญเสียงบประมาณ แต่ยังทำให้ ข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน ส่งผลต่อการวางกลยุทธ์การตลาดในระยะยาว นักวิเคราะห์ชี้ว่าการตรวจจับต้องใช้ Forensic PPC Analysis และเครื่องมือเสริม เช่น Ads.txt, Sellers.json, TrafficForensics หรือระบบตรวจสอบ IP reputation เพื่อแยกทราฟฟิกจริงออกจากทราฟฟิกปลอม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เครือข่าย Ad Fraud ในโลกมืด
    ใช้บอท, Deepfake และทราฟฟิกปลอมดูดงบโฆษณา

    เทคนิคที่ใช้
    Botnets, Traffic Laundering, โดเมนปลอม เช่น Methbot

    การเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์
    คลิกและเลื่อนหน้าเหมือนผู้ใช้จริง ทำให้ตรวจจับยาก

    ผลกระทบต่อธุรกิจ
    สูญเสียงบประมาณและข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน

    ความเสี่ยงจากการไม่ตรวจสอบทราฟฟิก
    อาจทำให้กลยุทธ์การตลาดผิดพลาดและงบประมาณสูญเปล่า

    การพึ่งพาแดชบอร์ดมาตรฐานเพียงอย่างเดียว
    ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณผิดปกติที่ซ่อนอยู่ได้

    https://hackread.com/ad-fraud-dark-web-economy-market/
    💰 เศรษฐกิจมืดเบื้องหลัง Ad Fraud – เมื่อบอทและ Deepfake สูบงบโฆษณา รายงานล่าสุดเผยให้เห็นว่า เครือข่าย Ad Fraud กำลังเติบโตอย่างเป็นระบบในโลกมืด โดยใช้เครื่องมืออย่าง บอท, Deepfake และการปลอมแปลงทราฟฟิก เพื่อดูดงบโฆษณาออนไลน์ไปอย่างมหาศาล ปัญหานี้ทำให้ผู้ลงโฆษณาสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยที่ข้อมูลในแดชบอร์ดยังคงดู “ปกติ” จนยากจะตรวจจับได้ หนึ่งในวิธีการที่พบคือการใช้ Botnets และมัลแวร์ เปลี่ยนอุปกรณ์ทั่วไปให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างคลิกปลอม ทำให้ระบบ PPC (Pay-Per-Click) แสดงผลเหมือนมีผู้ชมจริง ทั้งที่เป็นเพียงทราฟฟิกหลอกลวง นอกจากนี้ยังมีการใช้ Traffic Laundering และโดเมนปลอม เช่นกรณี Methbot ที่สร้างวิดีโอวิวปลอมกว่า 300 ล้านครั้งต่อวัน สร้างความเสียหายหลายร้อยล้านยูโร สิ่งที่ทำให้การโจมตีเหล่านี้ร้ายแรงคือการ เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ ได้อย่างแนบเนียน ทั้งการคลิก, การเลื่อนหน้า, และการใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าเพื่อให้ดูสมจริง ทำให้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติไม่สามารถแยกแยะได้ง่าย ผู้ลงโฆษณาจึงมักเข้าใจผิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือพฤติกรรมผู้บริโภค ผลกระทบไม่ใช่แค่การสูญเสียงบประมาณ แต่ยังทำให้ ข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน ส่งผลต่อการวางกลยุทธ์การตลาดในระยะยาว นักวิเคราะห์ชี้ว่าการตรวจจับต้องใช้ Forensic PPC Analysis และเครื่องมือเสริม เช่น Ads.txt, Sellers.json, TrafficForensics หรือระบบตรวจสอบ IP reputation เพื่อแยกทราฟฟิกจริงออกจากทราฟฟิกปลอม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เครือข่าย Ad Fraud ในโลกมืด ➡️ ใช้บอท, Deepfake และทราฟฟิกปลอมดูดงบโฆษณา ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ Botnets, Traffic Laundering, โดเมนปลอม เช่น Methbot ✅ การเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ ➡️ คลิกและเลื่อนหน้าเหมือนผู้ใช้จริง ทำให้ตรวจจับยาก ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจ ➡️ สูญเสียงบประมาณและข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน ‼️ ความเสี่ยงจากการไม่ตรวจสอบทราฟฟิก ⛔ อาจทำให้กลยุทธ์การตลาดผิดพลาดและงบประมาณสูญเปล่า ‼️ การพึ่งพาแดชบอร์ดมาตรฐานเพียงอย่างเดียว ⛔ ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณผิดปกติที่ซ่อนอยู่ได้ https://hackread.com/ad-fraud-dark-web-economy-market/
    HACKREAD.COM
    The Dark Web Economy Behind Ad Fraud: What Marketers Don’t See
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷

    #รวมข่าวIT #20251209 #TechRadar

    Android XR: จุดเปลี่ยนของสมาร์ทแว่น
    เรื่องราวเริ่มจากประสบการณ์ของ Juston Payne ผู้บริหาร Google ที่ได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR กับลูกชายวัย 10 ขวบในกรุงโรม พอเด็กถามแว่นว่าอยากไปกินเจลาโต้ที่ไหน แว่นก็แสดงแผนที่และนำทางตรงหน้า ทำให้ทั้งครอบครัวเดินตามไปถึงร้านเหมือนเป็นคนท้องถิ่น นี่คือ “aha moment” ที่ทำให้ Payne เชื่อว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทคโนโลยี wearable แว่นตาเหล่านี้จะไม่ใช่เพียง gadget แต่จะกลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวติ้งใหม่ที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้ในอนาคต แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ Google และพันธมิตรอย่าง Samsung, Warby Parker กำลังปูทางให้สมาร์ทแว่นกลายเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปในร้านแว่นตา
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/android-xr-head-on-the-ecosystem-we-think-that-this-is-actually-a-very-early-space-and-the-history-is-not-yet-written-for-it

    WordPress RCE Flaw: ช่องโหว่ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Sneeit Framework ของ WordPress ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินเองได้ทันที และเข้าควบคุมเว็บไซต์เต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับความรุนแรงสูงสุด 9.8/10 และมีการโจมตีจริงเกิดขึ้นทันทีหลังการเปิดเผย โดยวันแรกมีการบล็อกกว่า 131,000 ครั้ง วิธีป้องกันคืออัปเดตปลั๊กอินเป็นเวอร์ชัน 8.4 และตรวจสอบว่ามีบัญชีแอดมินแปลกปลอม หรือไฟล์ PHP ที่ไม่รู้จักอยู่ในระบบหรือไม่ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการดูแลความปลอดภัยของเว็บไซต์ต้องทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/sneeit-wordpress-rce-flaw-allows-hackers-to-add-themselves-as-admin-heres-how-to-stay-safe

    กฎหมายห้ามเด็กใช้โซเชียล: ออสเตรเลียจุดประกายทั่วโลก
    ออสเตรเลียกำลังจะบังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย พร้อมบทลงโทษปรับสูงถึง 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้ทำให้หลายประเทศจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งสหราชอาณาจักร สหรัฐ และสหภาพยุโรปที่เริ่มพิจารณามาตรการคล้ายกัน แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวจากการตรวจสอบอายุ แต่หลายฝ่ายเห็นว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้อาจกลายเป็นต้นแบบที่แพร่ไปทั่วโลกในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/were-going-to-be-watching-really-closely-politicians-around-the-world-are-taking-inspiration-from-australias-social-media-ban

    Windows 11 กับปัญหา RAM: Discord ตัวการใหญ่
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนพบว่าแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron framework อย่าง Discord กิน RAM มากผิดปกติ จากเดิมประมาณ 1GB พุ่งขึ้นไปถึง 4GB โดยเฉพาะเมื่อใช้งาน voice chat หรือสตรีมวิดีโอ ปัญหาคือแม้หยุดใช้งานแล้ว RAM ก็ไม่ลดลง ต้องรีสตาร์ทโปรแกรมใหม่ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานอื่น ๆ ยิ่งในช่วงที่ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงเพราะกระแส AI ทำให้ผู้ใช้ยิ่งรู้สึกเดือดร้อนมากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/memory/some-windows-11-apps-have-a-massive-ram-problem-and-this-app-is-the-worst-offender

    NordVPN: ป้องกันฟิชชิ่งถึงกล่องอีเมล
    NordVPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Threat Protection Pro ที่สามารถสแกนลิงก์ในอีเมลแบบเรียลไทม์ หากพบว่าเป็นลิงก์อันตราย เช่น ฟิชชิ่งหรือมัลแวร์ จะมีสัญลักษณ์เตือนและแบนเนอร์แจ้งทันที จุดเด่นคือทำงานโดยไม่ต้องเข้าถึงเนื้อหาอีเมลทั้งหมด จึงยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการคลิกลิงก์โดยไม่ตั้งใจ และเป็นอีกชั้นการป้องกันที่สำคัญในยุคที่อีเมลฟิชชิ่งถูกส่งออกมาหลายพันล้านฉบับต่อวัน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-extends-phishing-and-malware-protection-to-your-inbox

    GPT‑5.2: การแข่งเดือดระหว่าง OpenAI และ Gemini
    OpenAI เปิดตัว GPT‑5.2 เพื่อเร่งแข่งกับ Gemini 3 ของ Google จุดเด่นคือความเร็วและความสามารถ reasoning ที่ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ลื่นไหลกว่าเดิม การอัปเดตนี้สะท้อนว่าการแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรง และแต่ละค่ายพยายามผลักดันเทคโนโลยีให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-races-gemini-3-to-the-top-with-gpt-5-2-drop-this-week

    จีนกับข้อได้เปรียบด้าน AI: คำเตือนจาก CEO Nvidia
    Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia เตือนว่าจีนมีข้อได้เปรียบมหาศาลในด้าน AI ทั้งด้านการก่อสร้างและพลังงาน โดยรายงานล่าสุดเผยว่าจีนมีสัดส่วนการใช้งาน AI ถึง 30% ของโลก ความสามารถในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว เช่น “สร้างโรงพยาบาลในสุดสัปดาห์เดียว” ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลในสนาม AI ระดับโลก
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/they-can-build-a-hospital-in-a-weekend-nvidia-ceo-warns-about-chinas-big-ai-advantages-as-report-reveals-it-now-has-30-percent-of-global-ai-usage

    Subaru กับโฆษณา Pop‑up ในรถ
    Subaru เข้าร่วมกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ทดลองใส่โฆษณา pop‑up ในระบบ infotainment ของรถยนต์ ซึ่งสร้างเสียงวิจารณ์อย่างมาก หลายคนกังวลว่าโฆษณาจะรบกวนสมาธิในการขับขี่ และอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยบนท้องถนน แม้ผู้ผลิตจะมองว่าเป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/subaru-joins-controversial-list-of-carmakers-experimenting-with-infotainment-system-pop-up-ads

    Android XR Prototype: สมาร์ทแว่นรุ่นใหม่ที่พร้อมโชว์
    นักข่าวได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR รุ่นต้นแบบ พบว่ามีดีไซน์บางเบาและเลนส์โปร่งใสที่สามารถแสดงข้อมูลตรงหน้าได้ทันที ทั้งการนำทางและการใช้งานร่วมกับ AI Gemini จุดเด่นคือการออกแบบที่ไม่ทำให้ผู้ใช้ดูแปลกตา และสวมใส่สบาย ทำให้สมาร์ทแว่นรุ่นนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญของ wearable ที่จะเข้าสู่ตลาดในอนาคต
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/i-tried-the-next-gen-android-xr-prototype-smart-glasses-and-these-frames-are-ready-for-your-close-up

    Samsung Galaxy XR: ยกระดับประสบการณ์ Spatial
    Samsung เปิดตัว Galaxy XR ที่ผสมผสานเทคโนโลยี mixed reality และ AI Gemini เข้าด้วยกัน จุดขายคือคุณภาพการแสดงผลที่คมชัดและฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงในราคาที่จับต้องได้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุปกรณ์ XR และสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีตามให้ทัน
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsung-galaxy-xr-raises-the-bar-while-lowering-the-price-for-premium-spatial-experiences

    รัฐบาลสหรัฐฯ กดดัน Google และ Apple ให้ลบแอปติดตามเจ้าหน้าที่ ICE
    เรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เมื่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาผู้แทนราษฎรออกแรงกดดันให้ Google และ Apple ลบแอปที่สามารถติดตามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ICE) ได้ โดยเฉพาะแอปชื่อ ICEBlock ที่เคยมีผู้ใช้มากกว่าล้านคน แม้ตอนนี้จะไม่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ แต่ยังคงใช้งานได้ในเครื่องที่ติดตั้งไว้แล้ว ปัญหาคือแอปนี้ถูกใช้โดยมือปืนในการก่อเหตุยิงที่ศูนย์ ICE ในเมืองดัลลัส ทำให้เกิดข้อถกเถียงระหว่างความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กับสิทธิในการรับรู้ข้อมูลของประชาชน นักพัฒนาแอปเองก็ยืนยันว่า แอปนี้ไม่ต่างจากการแชร์ตำแหน่งด่านตรวจความเร็วในแผนที่ ซึ่งถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ
    https://www.techradar.com/pro/us-gov-wants-google-and-apple-to-take-down-websites-tracking-ice-and-friends

    Pebble โผล่กลับมาอีกครั้งกับสมาร์ทวอชลึกลับ
    Pebble ที่เคยเป็นแบรนด์สมาร์ทวอชสุดฮิตในยุคแรกๆ กำลังสร้างความตื่นเต้นอีกครั้ง หลังจากปล่อยทีเซอร์สมาร์ทวอชใหม่ที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก หลายคนคาดว่ามันอาจจะเป็นการกลับมาของแบรนด์ในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น หรืออาจจะเป็นการรีแบรนด์เพื่อเจาะตลาดสุขภาพและฟิตเนสที่กำลังมาแรง ความลึกลับนี้ทำให้แฟนๆ ที่เคยรัก Pebble ต่างตั้งตารอว่าจะมีอะไรใหม่ที่แตกต่างจากสมาร์ทวอชในตลาดตอนนี้
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/pebble-just-teased-a-mysterious-new-smartwatch-and-were-excited-to-see-what-it-is

    Magnetar เปิดตัวเครื่องเล่น Blu-ray 4K รุ่นใหม่
    สำหรับคนที่ยังรักการดูหนังผ่านแผ่น Blu-ray Magnetar ได้เปิดตัวเครื่องเล่นรุ่นใหม่ที่ถูกยกให้เป็น “เครื่องเล่นแผ่นสุดท้ายที่คุณต้องมี” เพราะรองรับการเล่นแผ่น 4K ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมคุณภาพเสียงและภาพที่เหนือกว่า เหมาะกับนักสะสมและคนที่จริงจังกับการดูหนังในบ้าน แม้ยุคสตรีมมิ่งจะครองตลาด แต่เครื่องเล่นนี้ก็ยังตอบโจทย์คนที่ต้องการประสบการณ์ภาพและเสียงระดับสูงสุด
    https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/magnetars-new-4k-blu-ray-players-are-the-last-disc-spinners-youll-ever-need-and-theyre-now-available-to-buy

    ข้อมูลคนไข้และเจ้าหน้าที่ NHS ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p
    ระบบสุขภาพในอังกฤษเจอปัญหาใหญ่เมื่อ Barts Health NHS Trust ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p ทำให้ข้อมูลทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่รั่วไหลออกไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และยังสะท้อนให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ การโจมตีครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่าหน่วยงานด้านสุขภาพต้องลงทุนมากขึ้นในระบบป้องกันภัยไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/patient-and-staff-data-impacted-by-cl0p-ransomware-attack-on-barts-health-nhs

    รีวิว Bissell PowerClean FurFinder เครื่องดูดฝุ่นไร้สายราคาประหยัด
    ใครที่เลี้ยงสัตว์น่าจะสนใจเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ เพราะ Bissell PowerClean FurFinder ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการขนสัตว์โดยเฉพาะ แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่รีวิวบอกว่ามันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และเหมาะกับการทำความสะอาดบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง จุดเด่นคือความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี
    https://www.techradar.com/home/vacuums/bissell-powerclean-furfinder-cordless-vacuum-review

    Samsung เปิดตัว One UI 8.5 Beta พร้อม 6 ฟีเจอร์ใหม่
    Samsung ปล่อยเวอร์ชันเบต้าของ One UI 8.5 ให้ผู้ใช้ได้ลองก่อนใคร โดยมีการอัปเกรดถึง 6 จุดสำคัญ เช่น การปรับปรุงการทำงานแบบหลายหน้าต่างให้ลื่นไหลขึ้น, ฟีเจอร์ใหม่ด้านความเป็นส่วนตัว, การปรับแต่งหน้าจอหลักที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม และการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม จุดเด่นคือการทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในอนาคต
    https://www.techradar.com/phones/samsung-just-launched-the-one-ui-8-5-beta-with-6-big-upgrades-heres-how-to-try-it

    ผู้บริหาร UI ของ Apple ถูก Meta ดึงตัว พร้อมการอพยพครั้งใหญ่ในทีม AI
    Apple กำลังเผชิญกับการสูญเสียบุคลากรสำคัญในทีม AI และ UI เมื่อผู้บริหารระดับสูงถูก Meta ดึงตัวไป และอีกสามคนลาออกตามมา เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้าน AI ที่กำลังเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาอุปกรณ์และบริการใหม่ๆ การสูญเสียบุคลากรจำนวนมากในเวลาเดียวกันอาจส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาของ Apple ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/apples-ui-executive-poached-by-meta-and-three-other-executives-leave-in-apple-ai-exodus

    เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในอินโดนีเซียถูกสลายหลังดำเนินงานมา 14 ปี
    อินโดนีเซียสามารถสลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ดำเนินงานมายาวนานถึง 14 ปี ซึ่งมีการโจมตีและหลอกลวงผู้คนจำนวนมากทั่วโลก การปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และเป็นสัญญาณว่าประเทศกำลังจริงจังกับการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง
    https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia

    รีวิวแผ่น Blu-ray 4K ที่ดีจนถูกนำมาใช้ทดสอบทีวี
    นักรีวิวที่ทำงานกับทีวีมืออาชีพเผยว่าเจอแผ่น Blu-ray 4K ใหม่ 5 เรื่องที่คุณภาพดีมากจนถูกนำมาใช้เป็นสื่อทดสอบทีวีในห้องแล็บ ความละเอียดและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมทำให้แผ่นเหล่านี้ไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นมาตรฐานในการวัดประสิทธิภาพของทีวีรุ่นใหม่ๆ สำหรับคนที่รักการดูหนังแบบเต็มประสบการณ์ นี่คือแผ่นที่ควรมีไว้สะสม
    https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/i-review-4k-blu-rays-for-a-living-these-5-new-discs-are-so-good-theyve-entered-my-tv-testing-rotation

    อุปกรณ์ถ่ายทำ TikTok ที่ครบในกระเป๋าใบเล็ก
    นักสร้างคอนเทนต์ TikTok แชร์ว่าเขามีกล้องและอุปกรณ์เสริม 9 ชิ้นที่สามารถใส่รวมกันในกระเป๋าสะพายใบเล็กได้ทั้งหมด ตั้งแต่กล้องคุณภาพสูง ขาตั้ง ไปจนถึงอุปกรณ์เสียง จุดเด่นคือความคล่องตัวและความสามารถในการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับคนที่อยากทำคอนเทนต์แบบมืออาชีพโดยไม่ต้องแบกอุปกรณ์ใหญ่ๆ
    https://www.techradar.com/cameras/i-swear-by-these-9-cameras-and-accessories-for-shooting-tiktok-content-and-they-all-fit-in-one-small-sling-bag

    FBI เตือนภัย Deepfake ใช้หลอกเรียกค่าไถ่
    เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่อาชญากรเริ่มใช้ Generative AI สร้างวิดีโอปลอมเป็น “หลักฐานการมีชีวิต” ของเหยื่อที่ถูกอ้างว่าถูกลักพาตัว พวกเขาจะนำภาพและวิดีโอจากโซเชียลมีเดียไปสร้างเป็นคลิปที่ดูสมจริง แล้วส่งไปหาญาติหรือคนใกล้ชิดเพื่อเรียกค่าไถ่ทันที FBI ออกประกาศเตือนว่าภาพเหล่านี้มักมีจุดผิดพลาด เช่น รอยสักหายไปหรือสัดส่วนร่างกายไม่ถูกต้อง แต่ผู้ร้ายจะใช้วิธีส่งแบบข้อความหมดเวลาเพื่อไม่ให้เหยื่อมีเวลาตรวจสอบ ทางออกคือควรระวังการโพสต์ข้อมูลส่วนตัว ตั้งรหัสลับในครอบครัว และพยายามติดต่อคนที่ถูกอ้างว่าถูกจับก่อนจะโอนเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-of-kidnapping-scams-as-hackers-turn-to-ai-to-provide-proof-of-life

    Honor Magic 8 Lite: มือถือแบตอึดราคาประหยัด
    รีวิวนี้บอกว่า Honor Magic 8 Lite เป็นสมาร์ทโฟนที่เด่นเรื่องแบตเตอรี่ ใช้งานได้ยาวนานเกินคาด แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด ดีไซน์ดูทันสมัย หน้าจอใหญ่พอเหมาะ และประสิทธิภาพถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป กล้องอาจไม่ได้โดดเด่นเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา เหมาะสำหรับคนที่มองหามือถือใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย
    https://www.techradar.com/phones/honor-phones/honor-magic-8-lite-review

    FBI มองหาดรอนที่ “กันเจาะสัญญาณ” ได้
    อีกข่าวหนึ่งเล่าถึงความพยายามของ FBI ที่กำลังค้นหาดรอนซึ่งไม่สามารถถูกโจมตีด้วยการรบกวนสัญญาณได้ วิธีที่ใช้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการหันกลับไปใช้เทคนิคแบบเก่าเพื่อป้องกันการแฮ็กหรือการควบคุมจากระยะไกล จุดประสงค์คือทำให้ดรอนยังคงทำงานได้แม้มีการพยายามโจมตีทางไซเบอร์ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับวิธีดั้งเดิมเพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/cameras/drones/the-fbi-is-hunting-for-unjammable-drones-and-these-flying-cameras-use-one-very-old-school-trick-to-stop-remote-attacks

    ปี 2026 “Sustainability” กลายเป็น Stack ใหม่
    บทความนี้เล่าว่าในปี 2026 แนวคิดด้านความยั่งยืนจะไม่ใช่แค่เรื่องเสริม แต่จะถูกมองว่าเป็น “stack” ใหม่ของธุรกิจ เทียบได้กับการมีเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น องค์กรต่าง ๆ จะต้องผสมผสานการใช้พลังงานสะอาด การจัดการทรัพยากร และการออกแบบระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก ไม่ใช่แค่ CSR แต่เป็นแกนกลางของการดำเนินงาน
    https://www.techradar.com/pro/in-2026-sustainability-is-the-new-stack

    Gartner เตือน “AI Browsers” อาจเป็นภัยต่อธุรกิจ
    รายงานจาก Gartner ชี้ว่าเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีเสมอไป เพราะอาจสร้างความเสี่ยงต่อข้อมูลและความปลอดภัยขององค์กร แม้จะช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น แต่ก็มีช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีหรือทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้ Gartner แนะนำให้ธุรกิจระมัดระวังและไม่ควรพึ่งพา AI browsers โดยไม่ตรวจสอบมาตรการป้องกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/gartner-advisory-states-ai-browsers-are-not-your-friend-and-are-putting-your-business-at-risk

    IT ที่ “รักษาตัวเอง” ไม่ใช่วิทยาศาสตร์อีกต่อไป
    บทความนี้เล่าว่าแนวคิด Self-healing IT หรือระบบที่สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง กำลังกลายเป็นจริงและช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ระบบเหล่านี้สามารถวิเคราะห์ความผิดพลาด คาดการณ์ปัญหา และดำเนินการแก้ไขโดยอัตโนมัติ ทำให้ลดเวลาหยุดชะงักและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ
    https://www.techradar.com/pro/self-healing-it-is-no-longer-science-fiction-its-driving-businesses-forward

    ChatGPT Wrapped: สรุปปีแห่งการใช้ AI
    ผู้ใช้ ChatGPT กำลังสร้าง “Spotify Wrapped” เวอร์ชันของตัวเอง เพื่อย้อนดูว่าตลอดปีที่ผ่านมาได้ใช้ AI ทำอะไรบ้าง เช่น คำถามที่ถามบ่อยที่สุด หรือหัวข้อที่พูดถึงมากที่สุด วิธีทำก็ไม่ซับซ้อน เพียงดึงข้อมูลการใช้งานแล้วจัดเรียงเป็นรูปแบบที่แชร์ได้บนโซเชียล ถือเป็นการเล่นสนุกที่สะท้อนว่า AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-users-are-making-a-spotify-wrapped-for-their-year-in-ai-heres-how-to-do-it

    ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การสร้างบ้านชะลอตัว
    รายงานนี้ชี้ว่าความต้องการศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับ AI กำลังเพิ่มสูงจนโครงสร้างพื้นฐานไม่สามารถตามทัน ส่งผลให้การพัฒนาโครงการบ้านเรือนถูกชะลอ เพราะทรัพยากรด้านพลังงานและพื้นที่ถูกใช้ไปกับการสร้างศูนย์ข้อมูลแทน ปัญหานี้สะท้อนว่าการเติบโตของ AI ไม่ได้กระทบแค่ธุรกิจเทคโนโลยี แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนโดยตรง
    https://www.techradar.com/pro/data-centers-are-throttling-home-building-as-infrastructure-struggles-to-keep-up-with-ai-demands

    OpenAI ถอยแผน “แนะนำแอปคล้ายโฆษณา”
    OpenAI เคยทดลองใส่ฟีเจอร์แนะนำแอปใน ChatGPT ที่ดูเหมือนโฆษณา แต่หลังจากได้รับเสียงวิจารณ์ว่าทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่สบายใจ จึงออกมาประกาศว่าจะปรับปรุงและให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้น การถอยครั้งนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องหาสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และการรักษาประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-walks-back-ad-like-app-suggestions-in-chatgpt-saying-it-fell-short-and-will-improve-controls

    React2Shell RCE Flaw ถูกแฮ็กเกอร์จีนโจมตีหลังประกาศไม่กี่ชั่วโมง
    เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในวงการไซเบอร์ เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกตั้งชื่อว่า React2Shell โดยมีรหัส CVE-2025-55182 และถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้ก่อนการยืนยันตัวตน ซึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการเปิดเผย ก็มีรายงานว่าแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีนเริ่มใช้ช่องโหว่นี้โจมตีจริงแล้ว เป้าหมายคือองค์กรในหลายภาคส่วนทั่วโลก ตั้งแต่การเงิน โลจิสติกส์ ไปจนถึงมหาวิทยาลัยและรัฐบาล จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและสร้างการเข้าถึงถาวร นักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-rce-flaw-exploited-by-chinese-hackers-hours-after-disclosure

    SwitchBot เปิดตัวโคมไฟที่ละลายเทียนได้
    SwitchBot สร้างไอเดียใหม่ที่ผสมผสานความเป็นสมาร์ทโฮมเข้ากับความอบอุ่นแบบ hygge โดยออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นทั้งโคมไฟอัจฉริยะและเครื่องละลายเทียนในตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากได้บรรยากาศผ่อนคลายและโรแมนติกในบ้าน สามารถควบคุมผ่านแอปได้เหมือนอุปกรณ์สมาร์ทอื่น ๆ และยังช่วยให้การใช้เทียนปลอดภัยขึ้นเพราะไม่ต้องใช้ไฟจริง ผลิตภัณฑ์นี้ถูกมองว่าเป็นของขวัญที่ลงตัวสำหรับสาย gadget ที่ชอบความ cozy
    https://www.techradar.com/home/small-appliances/switchbot-crossed-a-smart-lamp-with-a-candle-melter-and-its-the-ultimate-hygge-gift-for-gadget-fans-who-just-want-to-get-cozy

    Katsuhiro Harada ประกาศลาออกจาก Bandai Namco
    แฟนเกม Tekken ต้องสะเทือนใจเมื่อ Katsuhiro Harada ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของซีรีส์นี้ ประกาศว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งใน Bandai Namco เขาอธิบายว่าถึงเวลาที่เหมาะสมในการปิดฉากหนึ่งบทของชีวิตการทำงาน หลังจากอยู่กับบริษัทมานานและสร้างชื่อเสียงให้ Tekken กลายเป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่โด่งดังที่สุดในโลก การจากไปครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเกม และแฟน ๆ ต่างจับตามองว่าอนาคตของ Tekken จะเดินไปในทิศทางใด
    https://www.techradar.com/gaming/tekken-lead-katsuhiro-harada-to-leave-bandai-namco-i-felt-this-was-the-most-fitting-moment-to-bring-one-chapter-to-a-close

    X ถูกปรับ 140 ล้านดอลลาร์ในยุโรป
    แพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) ถูกสหภาพยุโรปปรับเงินมหาศาลถึง 140 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากละเมิดกฎระเบียบด้านดิจิทัลและความโปร่งใส ข่าวนี้ยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อ Elon Musk ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก EU ทั้งหมด โดยมองว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นการกีดกันนวัตกรรมและเสรีภาพทางออนไลน์ เรื่องนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกับหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของการควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/x-fined-usd140-million-for-breaching-eu-rules-elon-calls-for-bloc-abolition

    Windows 11 25H2 เปิดให้ทุกเครื่องอัปเดตแล้ว
    Microsoft ปล่อยอัปเดตใหญ่ Windows 11 25H2 ให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถติดตั้งได้แล้ว การอัปเดตนี้มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ Windows Update เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันที ถือเป็นการอัปเดตที่สำคัญสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร เพราะช่วยให้ระบบมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-25h2-update-is-now-available-for-all-pcs-heres-how-to-get-it

    มือถือ Linux เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ยังรันแอป Android ได้
    มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux โดยเน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก ถูกมองว่าเป็นอีกทางเลือกแทน Android และ iOS จุดเด่นคือแม้จะใช้ Linux แต่ยังสามารถรันแอป Android ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแอปยอดนิยม แนวคิดนี้ตอบโจทย์ผู้ที่อยากได้ความปลอดภัยและการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ยังคงความสะดวกสบายของแอปที่คุ้นเคย
    https://www.techradar.com/phones/forget-android-vs-ios-this-new-privacy-focused-linux-phone-promises-to-be-the-alternative-we-need-but-it-still-runs-android-apps

    AI จากสหราชอาณาจักรอ้างว่าเหนือกว่า ChatGPT
    มีสตาร์ทอัพในสหราชอาณาจักรเปิดตัว AI ใหม่ที่ประกาศว่ามีความสามารถเหนือกว่า ChatGPT ทีมงาน TechRadar ได้ลองใช้งานจริงและพบว่ามีจุดแข็งหลายด้าน เช่น ความเร็วในการตอบสนองและการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม การแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และการมาของผู้เล่นใหม่รายนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-new-uk-ai-says-it-can-beat-chatgpt-we-tried-it-and-heres-what-we-found

    Trump แสดงความกังวลต่อการควบรวม Netflix และ Warner Bros
    Donald Trump แสดงความคิดเห็นว่าการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ระหว่าง Netflix และ Warner Bros อาจสร้างปัญหา โดยมองว่าอาจกระทบต่อการแข่งขันและความหลากหลายของตลาดสตรีมมิ่ง ความเห็นนี้สะท้อนถึงความกังวลว่าบริษัทขนาดใหญ่จะมีอำนาจมากเกินไป และอาจทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลงในอนาคต
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/trump-says-the-big-netflix-warner-bros-merger-could-be-a-problem-heres-why

    แบรนด์คู่แข่ง Anker เรียกคืน Power Bank หลังพบเสี่ยงไฟไหม้
    มีการเรียกคืน Power Bank รุ่นหนึ่งจากแบรนด์ที่เป็นคู่แข่งของ Anker เนื่องจากพบว่ามีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ข่าวนี้ทำให้ผู้ใช้ที่ซื้อไปแล้วต้องตรวจสอบและหยุดใช้งานทันที พร้อมติดต่อเพื่อขอคืนหรือเปลี่ยนสินค้า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของมาตรฐานความปลอดภัยในอุปกรณ์พกพา และเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อแบตเตอรี่สำรอง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/this-popular-anker-rival-has-just-recalled-a-power-bank-due-to-a-fire-hazard-heres-what-to-do
    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251209 #TechRadar 👓 Android XR: จุดเปลี่ยนของสมาร์ทแว่น เรื่องราวเริ่มจากประสบการณ์ของ Juston Payne ผู้บริหาร Google ที่ได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR กับลูกชายวัย 10 ขวบในกรุงโรม พอเด็กถามแว่นว่าอยากไปกินเจลาโต้ที่ไหน แว่นก็แสดงแผนที่และนำทางตรงหน้า ทำให้ทั้งครอบครัวเดินตามไปถึงร้านเหมือนเป็นคนท้องถิ่น นี่คือ “aha moment” ที่ทำให้ Payne เชื่อว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทคโนโลยี wearable แว่นตาเหล่านี้จะไม่ใช่เพียง gadget แต่จะกลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวติ้งใหม่ที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้ในอนาคต แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ Google และพันธมิตรอย่าง Samsung, Warby Parker กำลังปูทางให้สมาร์ทแว่นกลายเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปในร้านแว่นตา 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/android-xr-head-on-the-ecosystem-we-think-that-this-is-actually-a-very-early-space-and-the-history-is-not-yet-written-for-it 🛡️ WordPress RCE Flaw: ช่องโหว่ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Sneeit Framework ของ WordPress ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินเองได้ทันที และเข้าควบคุมเว็บไซต์เต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับความรุนแรงสูงสุด 9.8/10 และมีการโจมตีจริงเกิดขึ้นทันทีหลังการเปิดเผย โดยวันแรกมีการบล็อกกว่า 131,000 ครั้ง วิธีป้องกันคืออัปเดตปลั๊กอินเป็นเวอร์ชัน 8.4 และตรวจสอบว่ามีบัญชีแอดมินแปลกปลอม หรือไฟล์ PHP ที่ไม่รู้จักอยู่ในระบบหรือไม่ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการดูแลความปลอดภัยของเว็บไซต์ต้องทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/sneeit-wordpress-rce-flaw-allows-hackers-to-add-themselves-as-admin-heres-how-to-stay-safe 🌍 กฎหมายห้ามเด็กใช้โซเชียล: ออสเตรเลียจุดประกายทั่วโลก ออสเตรเลียกำลังจะบังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย พร้อมบทลงโทษปรับสูงถึง 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้ทำให้หลายประเทศจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งสหราชอาณาจักร สหรัฐ และสหภาพยุโรปที่เริ่มพิจารณามาตรการคล้ายกัน แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวจากการตรวจสอบอายุ แต่หลายฝ่ายเห็นว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้อาจกลายเป็นต้นแบบที่แพร่ไปทั่วโลกในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/were-going-to-be-watching-really-closely-politicians-around-the-world-are-taking-inspiration-from-australias-social-media-ban 💻 Windows 11 กับปัญหา RAM: Discord ตัวการใหญ่ ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนพบว่าแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron framework อย่าง Discord กิน RAM มากผิดปกติ จากเดิมประมาณ 1GB พุ่งขึ้นไปถึง 4GB โดยเฉพาะเมื่อใช้งาน voice chat หรือสตรีมวิดีโอ ปัญหาคือแม้หยุดใช้งานแล้ว RAM ก็ไม่ลดลง ต้องรีสตาร์ทโปรแกรมใหม่ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานอื่น ๆ ยิ่งในช่วงที่ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงเพราะกระแส AI ทำให้ผู้ใช้ยิ่งรู้สึกเดือดร้อนมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/some-windows-11-apps-have-a-massive-ram-problem-and-this-app-is-the-worst-offender 📧 NordVPN: ป้องกันฟิชชิ่งถึงกล่องอีเมล NordVPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Threat Protection Pro ที่สามารถสแกนลิงก์ในอีเมลแบบเรียลไทม์ หากพบว่าเป็นลิงก์อันตราย เช่น ฟิชชิ่งหรือมัลแวร์ จะมีสัญลักษณ์เตือนและแบนเนอร์แจ้งทันที จุดเด่นคือทำงานโดยไม่ต้องเข้าถึงเนื้อหาอีเมลทั้งหมด จึงยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการคลิกลิงก์โดยไม่ตั้งใจ และเป็นอีกชั้นการป้องกันที่สำคัญในยุคที่อีเมลฟิชชิ่งถูกส่งออกมาหลายพันล้านฉบับต่อวัน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-extends-phishing-and-malware-protection-to-your-inbox 🤓 GPT‑5.2: การแข่งเดือดระหว่าง OpenAI และ Gemini OpenAI เปิดตัว GPT‑5.2 เพื่อเร่งแข่งกับ Gemini 3 ของ Google จุดเด่นคือความเร็วและความสามารถ reasoning ที่ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ลื่นไหลกว่าเดิม การอัปเดตนี้สะท้อนว่าการแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรง และแต่ละค่ายพยายามผลักดันเทคโนโลยีให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-races-gemini-3-to-the-top-with-gpt-5-2-drop-this-week ⚡ จีนกับข้อได้เปรียบด้าน AI: คำเตือนจาก CEO Nvidia Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia เตือนว่าจีนมีข้อได้เปรียบมหาศาลในด้าน AI ทั้งด้านการก่อสร้างและพลังงาน โดยรายงานล่าสุดเผยว่าจีนมีสัดส่วนการใช้งาน AI ถึง 30% ของโลก ความสามารถในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว เช่น “สร้างโรงพยาบาลในสุดสัปดาห์เดียว” ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลในสนาม AI ระดับโลก 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/they-can-build-a-hospital-in-a-weekend-nvidia-ceo-warns-about-chinas-big-ai-advantages-as-report-reveals-it-now-has-30-percent-of-global-ai-usage 🚗 Subaru กับโฆษณา Pop‑up ในรถ Subaru เข้าร่วมกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ทดลองใส่โฆษณา pop‑up ในระบบ infotainment ของรถยนต์ ซึ่งสร้างเสียงวิจารณ์อย่างมาก หลายคนกังวลว่าโฆษณาจะรบกวนสมาธิในการขับขี่ และอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยบนท้องถนน แม้ผู้ผลิตจะมองว่าเป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/subaru-joins-controversial-list-of-carmakers-experimenting-with-infotainment-system-pop-up-ads 👓 Android XR Prototype: สมาร์ทแว่นรุ่นใหม่ที่พร้อมโชว์ นักข่าวได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR รุ่นต้นแบบ พบว่ามีดีไซน์บางเบาและเลนส์โปร่งใสที่สามารถแสดงข้อมูลตรงหน้าได้ทันที ทั้งการนำทางและการใช้งานร่วมกับ AI Gemini จุดเด่นคือการออกแบบที่ไม่ทำให้ผู้ใช้ดูแปลกตา และสวมใส่สบาย ทำให้สมาร์ทแว่นรุ่นนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญของ wearable ที่จะเข้าสู่ตลาดในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/i-tried-the-next-gen-android-xr-prototype-smart-glasses-and-these-frames-are-ready-for-your-close-up 🕶️ Samsung Galaxy XR: ยกระดับประสบการณ์ Spatial Samsung เปิดตัว Galaxy XR ที่ผสมผสานเทคโนโลยี mixed reality และ AI Gemini เข้าด้วยกัน จุดขายคือคุณภาพการแสดงผลที่คมชัดและฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงในราคาที่จับต้องได้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุปกรณ์ XR และสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีตามให้ทัน 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsung-galaxy-xr-raises-the-bar-while-lowering-the-price-for-premium-spatial-experiences 🛡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กดดัน Google และ Apple ให้ลบแอปติดตามเจ้าหน้าที่ ICE เรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เมื่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาผู้แทนราษฎรออกแรงกดดันให้ Google และ Apple ลบแอปที่สามารถติดตามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ICE) ได้ โดยเฉพาะแอปชื่อ ICEBlock ที่เคยมีผู้ใช้มากกว่าล้านคน แม้ตอนนี้จะไม่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ แต่ยังคงใช้งานได้ในเครื่องที่ติดตั้งไว้แล้ว ปัญหาคือแอปนี้ถูกใช้โดยมือปืนในการก่อเหตุยิงที่ศูนย์ ICE ในเมืองดัลลัส ทำให้เกิดข้อถกเถียงระหว่างความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กับสิทธิในการรับรู้ข้อมูลของประชาชน นักพัฒนาแอปเองก็ยืนยันว่า แอปนี้ไม่ต่างจากการแชร์ตำแหน่งด่านตรวจความเร็วในแผนที่ ซึ่งถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ 🔗 https://www.techradar.com/pro/us-gov-wants-google-and-apple-to-take-down-websites-tracking-ice-and-friends ⌚ Pebble โผล่กลับมาอีกครั้งกับสมาร์ทวอชลึกลับ Pebble ที่เคยเป็นแบรนด์สมาร์ทวอชสุดฮิตในยุคแรกๆ กำลังสร้างความตื่นเต้นอีกครั้ง หลังจากปล่อยทีเซอร์สมาร์ทวอชใหม่ที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก หลายคนคาดว่ามันอาจจะเป็นการกลับมาของแบรนด์ในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น หรืออาจจะเป็นการรีแบรนด์เพื่อเจาะตลาดสุขภาพและฟิตเนสที่กำลังมาแรง ความลึกลับนี้ทำให้แฟนๆ ที่เคยรัก Pebble ต่างตั้งตารอว่าจะมีอะไรใหม่ที่แตกต่างจากสมาร์ทวอชในตลาดตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/pebble-just-teased-a-mysterious-new-smartwatch-and-were-excited-to-see-what-it-is 💿 Magnetar เปิดตัวเครื่องเล่น Blu-ray 4K รุ่นใหม่ สำหรับคนที่ยังรักการดูหนังผ่านแผ่น Blu-ray Magnetar ได้เปิดตัวเครื่องเล่นรุ่นใหม่ที่ถูกยกให้เป็น “เครื่องเล่นแผ่นสุดท้ายที่คุณต้องมี” เพราะรองรับการเล่นแผ่น 4K ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมคุณภาพเสียงและภาพที่เหนือกว่า เหมาะกับนักสะสมและคนที่จริงจังกับการดูหนังในบ้าน แม้ยุคสตรีมมิ่งจะครองตลาด แต่เครื่องเล่นนี้ก็ยังตอบโจทย์คนที่ต้องการประสบการณ์ภาพและเสียงระดับสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/magnetars-new-4k-blu-ray-players-are-the-last-disc-spinners-youll-ever-need-and-theyre-now-available-to-buy 🏥 ข้อมูลคนไข้และเจ้าหน้าที่ NHS ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p ระบบสุขภาพในอังกฤษเจอปัญหาใหญ่เมื่อ Barts Health NHS Trust ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p ทำให้ข้อมูลทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่รั่วไหลออกไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และยังสะท้อนให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ การโจมตีครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่าหน่วยงานด้านสุขภาพต้องลงทุนมากขึ้นในระบบป้องกันภัยไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/patient-and-staff-data-impacted-by-cl0p-ransomware-attack-on-barts-health-nhs 🧹 รีวิว Bissell PowerClean FurFinder เครื่องดูดฝุ่นไร้สายราคาประหยัด ใครที่เลี้ยงสัตว์น่าจะสนใจเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ เพราะ Bissell PowerClean FurFinder ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการขนสัตว์โดยเฉพาะ แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่รีวิวบอกว่ามันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และเหมาะกับการทำความสะอาดบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง จุดเด่นคือความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/bissell-powerclean-furfinder-cordless-vacuum-review 📱 Samsung เปิดตัว One UI 8.5 Beta พร้อม 6 ฟีเจอร์ใหม่ Samsung ปล่อยเวอร์ชันเบต้าของ One UI 8.5 ให้ผู้ใช้ได้ลองก่อนใคร โดยมีการอัปเกรดถึง 6 จุดสำคัญ เช่น การปรับปรุงการทำงานแบบหลายหน้าต่างให้ลื่นไหลขึ้น, ฟีเจอร์ใหม่ด้านความเป็นส่วนตัว, การปรับแต่งหน้าจอหลักที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม และการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม จุดเด่นคือการทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-just-launched-the-one-ui-8-5-beta-with-6-big-upgrades-heres-how-to-try-it 🧑‍💻 ผู้บริหาร UI ของ Apple ถูก Meta ดึงตัว พร้อมการอพยพครั้งใหญ่ในทีม AI Apple กำลังเผชิญกับการสูญเสียบุคลากรสำคัญในทีม AI และ UI เมื่อผู้บริหารระดับสูงถูก Meta ดึงตัวไป และอีกสามคนลาออกตามมา เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้าน AI ที่กำลังเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาอุปกรณ์และบริการใหม่ๆ การสูญเสียบุคลากรจำนวนมากในเวลาเดียวกันอาจส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาของ Apple ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/apples-ui-executive-poached-by-meta-and-three-other-executives-leave-in-apple-ai-exodus 🌐 เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในอินโดนีเซียถูกสลายหลังดำเนินงานมา 14 ปี อินโดนีเซียสามารถสลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ดำเนินงานมายาวนานถึง 14 ปี ซึ่งมีการโจมตีและหลอกลวงผู้คนจำนวนมากทั่วโลก การปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และเป็นสัญญาณว่าประเทศกำลังจริงจังกับการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia 🎬 รีวิวแผ่น Blu-ray 4K ที่ดีจนถูกนำมาใช้ทดสอบทีวี นักรีวิวที่ทำงานกับทีวีมืออาชีพเผยว่าเจอแผ่น Blu-ray 4K ใหม่ 5 เรื่องที่คุณภาพดีมากจนถูกนำมาใช้เป็นสื่อทดสอบทีวีในห้องแล็บ ความละเอียดและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมทำให้แผ่นเหล่านี้ไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นมาตรฐานในการวัดประสิทธิภาพของทีวีรุ่นใหม่ๆ สำหรับคนที่รักการดูหนังแบบเต็มประสบการณ์ นี่คือแผ่นที่ควรมีไว้สะสม 🔗 https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/i-review-4k-blu-rays-for-a-living-these-5-new-discs-are-so-good-theyve-entered-my-tv-testing-rotation 🎥 อุปกรณ์ถ่ายทำ TikTok ที่ครบในกระเป๋าใบเล็ก นักสร้างคอนเทนต์ TikTok แชร์ว่าเขามีกล้องและอุปกรณ์เสริม 9 ชิ้นที่สามารถใส่รวมกันในกระเป๋าสะพายใบเล็กได้ทั้งหมด ตั้งแต่กล้องคุณภาพสูง ขาตั้ง ไปจนถึงอุปกรณ์เสียง จุดเด่นคือความคล่องตัวและความสามารถในการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับคนที่อยากทำคอนเทนต์แบบมืออาชีพโดยไม่ต้องแบกอุปกรณ์ใหญ่ๆ 🔗 https://www.techradar.com/cameras/i-swear-by-these-9-cameras-and-accessories-for-shooting-tiktok-content-and-they-all-fit-in-one-small-sling-bag 🛡️ FBI เตือนภัย Deepfake ใช้หลอกเรียกค่าไถ่ เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่อาชญากรเริ่มใช้ Generative AI สร้างวิดีโอปลอมเป็น “หลักฐานการมีชีวิต” ของเหยื่อที่ถูกอ้างว่าถูกลักพาตัว พวกเขาจะนำภาพและวิดีโอจากโซเชียลมีเดียไปสร้างเป็นคลิปที่ดูสมจริง แล้วส่งไปหาญาติหรือคนใกล้ชิดเพื่อเรียกค่าไถ่ทันที FBI ออกประกาศเตือนว่าภาพเหล่านี้มักมีจุดผิดพลาด เช่น รอยสักหายไปหรือสัดส่วนร่างกายไม่ถูกต้อง แต่ผู้ร้ายจะใช้วิธีส่งแบบข้อความหมดเวลาเพื่อไม่ให้เหยื่อมีเวลาตรวจสอบ ทางออกคือควรระวังการโพสต์ข้อมูลส่วนตัว ตั้งรหัสลับในครอบครัว และพยายามติดต่อคนที่ถูกอ้างว่าถูกจับก่อนจะโอนเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-of-kidnapping-scams-as-hackers-turn-to-ai-to-provide-proof-of-life 🔋 Honor Magic 8 Lite: มือถือแบตอึดราคาประหยัด รีวิวนี้บอกว่า Honor Magic 8 Lite เป็นสมาร์ทโฟนที่เด่นเรื่องแบตเตอรี่ ใช้งานได้ยาวนานเกินคาด แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด ดีไซน์ดูทันสมัย หน้าจอใหญ่พอเหมาะ และประสิทธิภาพถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป กล้องอาจไม่ได้โดดเด่นเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา เหมาะสำหรับคนที่มองหามือถือใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย 🔗 https://www.techradar.com/phones/honor-phones/honor-magic-8-lite-review 🚁 FBI มองหาดรอนที่ “กันเจาะสัญญาณ” ได้ อีกข่าวหนึ่งเล่าถึงความพยายามของ FBI ที่กำลังค้นหาดรอนซึ่งไม่สามารถถูกโจมตีด้วยการรบกวนสัญญาณได้ วิธีที่ใช้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการหันกลับไปใช้เทคนิคแบบเก่าเพื่อป้องกันการแฮ็กหรือการควบคุมจากระยะไกล จุดประสงค์คือทำให้ดรอนยังคงทำงานได้แม้มีการพยายามโจมตีทางไซเบอร์ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับวิธีดั้งเดิมเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/the-fbi-is-hunting-for-unjammable-drones-and-these-flying-cameras-use-one-very-old-school-trick-to-stop-remote-attacks 🌱 ปี 2026 “Sustainability” กลายเป็น Stack ใหม่ บทความนี้เล่าว่าในปี 2026 แนวคิดด้านความยั่งยืนจะไม่ใช่แค่เรื่องเสริม แต่จะถูกมองว่าเป็น “stack” ใหม่ของธุรกิจ เทียบได้กับการมีเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น องค์กรต่าง ๆ จะต้องผสมผสานการใช้พลังงานสะอาด การจัดการทรัพยากร และการออกแบบระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก ไม่ใช่แค่ CSR แต่เป็นแกนกลางของการดำเนินงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/in-2026-sustainability-is-the-new-stack ⚠️ Gartner เตือน “AI Browsers” อาจเป็นภัยต่อธุรกิจ รายงานจาก Gartner ชี้ว่าเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีเสมอไป เพราะอาจสร้างความเสี่ยงต่อข้อมูลและความปลอดภัยขององค์กร แม้จะช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น แต่ก็มีช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีหรือทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้ Gartner แนะนำให้ธุรกิจระมัดระวังและไม่ควรพึ่งพา AI browsers โดยไม่ตรวจสอบมาตรการป้องกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/gartner-advisory-states-ai-browsers-are-not-your-friend-and-are-putting-your-business-at-risk 🤖 IT ที่ “รักษาตัวเอง” ไม่ใช่วิทยาศาสตร์อีกต่อไป บทความนี้เล่าว่าแนวคิด Self-healing IT หรือระบบที่สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง กำลังกลายเป็นจริงและช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ระบบเหล่านี้สามารถวิเคราะห์ความผิดพลาด คาดการณ์ปัญหา และดำเนินการแก้ไขโดยอัตโนมัติ ทำให้ลดเวลาหยุดชะงักและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/self-healing-it-is-no-longer-science-fiction-its-driving-businesses-forward 🎧 ChatGPT Wrapped: สรุปปีแห่งการใช้ AI ผู้ใช้ ChatGPT กำลังสร้าง “Spotify Wrapped” เวอร์ชันของตัวเอง เพื่อย้อนดูว่าตลอดปีที่ผ่านมาได้ใช้ AI ทำอะไรบ้าง เช่น คำถามที่ถามบ่อยที่สุด หรือหัวข้อที่พูดถึงมากที่สุด วิธีทำก็ไม่ซับซ้อน เพียงดึงข้อมูลการใช้งานแล้วจัดเรียงเป็นรูปแบบที่แชร์ได้บนโซเชียล ถือเป็นการเล่นสนุกที่สะท้อนว่า AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-users-are-making-a-spotify-wrapped-for-their-year-in-ai-heres-how-to-do-it 🏗️ ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การสร้างบ้านชะลอตัว รายงานนี้ชี้ว่าความต้องการศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับ AI กำลังเพิ่มสูงจนโครงสร้างพื้นฐานไม่สามารถตามทัน ส่งผลให้การพัฒนาโครงการบ้านเรือนถูกชะลอ เพราะทรัพยากรด้านพลังงานและพื้นที่ถูกใช้ไปกับการสร้างศูนย์ข้อมูลแทน ปัญหานี้สะท้อนว่าการเติบโตของ AI ไม่ได้กระทบแค่ธุรกิจเทคโนโลยี แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/pro/data-centers-are-throttling-home-building-as-infrastructure-struggles-to-keep-up-with-ai-demands 📱 OpenAI ถอยแผน “แนะนำแอปคล้ายโฆษณา” OpenAI เคยทดลองใส่ฟีเจอร์แนะนำแอปใน ChatGPT ที่ดูเหมือนโฆษณา แต่หลังจากได้รับเสียงวิจารณ์ว่าทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่สบายใจ จึงออกมาประกาศว่าจะปรับปรุงและให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้น การถอยครั้งนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องหาสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และการรักษาประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-walks-back-ad-like-app-suggestions-in-chatgpt-saying-it-fell-short-and-will-improve-controls 🛡️ React2Shell RCE Flaw ถูกแฮ็กเกอร์จีนโจมตีหลังประกาศไม่กี่ชั่วโมง เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในวงการไซเบอร์ เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกตั้งชื่อว่า React2Shell โดยมีรหัส CVE-2025-55182 และถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้ก่อนการยืนยันตัวตน ซึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการเปิดเผย ก็มีรายงานว่าแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีนเริ่มใช้ช่องโหว่นี้โจมตีจริงแล้ว เป้าหมายคือองค์กรในหลายภาคส่วนทั่วโลก ตั้งแต่การเงิน โลจิสติกส์ ไปจนถึงมหาวิทยาลัยและรัฐบาล จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและสร้างการเข้าถึงถาวร นักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-rce-flaw-exploited-by-chinese-hackers-hours-after-disclosure 🕯️ SwitchBot เปิดตัวโคมไฟที่ละลายเทียนได้ SwitchBot สร้างไอเดียใหม่ที่ผสมผสานความเป็นสมาร์ทโฮมเข้ากับความอบอุ่นแบบ hygge โดยออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นทั้งโคมไฟอัจฉริยะและเครื่องละลายเทียนในตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากได้บรรยากาศผ่อนคลายและโรแมนติกในบ้าน สามารถควบคุมผ่านแอปได้เหมือนอุปกรณ์สมาร์ทอื่น ๆ และยังช่วยให้การใช้เทียนปลอดภัยขึ้นเพราะไม่ต้องใช้ไฟจริง ผลิตภัณฑ์นี้ถูกมองว่าเป็นของขวัญที่ลงตัวสำหรับสาย gadget ที่ชอบความ cozy 🔗 https://www.techradar.com/home/small-appliances/switchbot-crossed-a-smart-lamp-with-a-candle-melter-and-its-the-ultimate-hygge-gift-for-gadget-fans-who-just-want-to-get-cozy 🎮 Katsuhiro Harada ประกาศลาออกจาก Bandai Namco แฟนเกม Tekken ต้องสะเทือนใจเมื่อ Katsuhiro Harada ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของซีรีส์นี้ ประกาศว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งใน Bandai Namco เขาอธิบายว่าถึงเวลาที่เหมาะสมในการปิดฉากหนึ่งบทของชีวิตการทำงาน หลังจากอยู่กับบริษัทมานานและสร้างชื่อเสียงให้ Tekken กลายเป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่โด่งดังที่สุดในโลก การจากไปครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเกม และแฟน ๆ ต่างจับตามองว่าอนาคตของ Tekken จะเดินไปในทิศทางใด 🔗 https://www.techradar.com/gaming/tekken-lead-katsuhiro-harada-to-leave-bandai-namco-i-felt-this-was-the-most-fitting-moment-to-bring-one-chapter-to-a-close 💸 X ถูกปรับ 140 ล้านดอลลาร์ในยุโรป แพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) ถูกสหภาพยุโรปปรับเงินมหาศาลถึง 140 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากละเมิดกฎระเบียบด้านดิจิทัลและความโปร่งใส ข่าวนี้ยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อ Elon Musk ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก EU ทั้งหมด โดยมองว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นการกีดกันนวัตกรรมและเสรีภาพทางออนไลน์ เรื่องนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกับหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของการควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/x-fined-usd140-million-for-breaching-eu-rules-elon-calls-for-bloc-abolition 💻 Windows 11 25H2 เปิดให้ทุกเครื่องอัปเดตแล้ว Microsoft ปล่อยอัปเดตใหญ่ Windows 11 25H2 ให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถติดตั้งได้แล้ว การอัปเดตนี้มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ Windows Update เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันที ถือเป็นการอัปเดตที่สำคัญสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร เพราะช่วยให้ระบบมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-25h2-update-is-now-available-for-all-pcs-heres-how-to-get-it 📱 มือถือ Linux เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ยังรันแอป Android ได้ มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux โดยเน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก ถูกมองว่าเป็นอีกทางเลือกแทน Android และ iOS จุดเด่นคือแม้จะใช้ Linux แต่ยังสามารถรันแอป Android ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแอปยอดนิยม แนวคิดนี้ตอบโจทย์ผู้ที่อยากได้ความปลอดภัยและการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ยังคงความสะดวกสบายของแอปที่คุ้นเคย 🔗 https://www.techradar.com/phones/forget-android-vs-ios-this-new-privacy-focused-linux-phone-promises-to-be-the-alternative-we-need-but-it-still-runs-android-apps 🤖 AI จากสหราชอาณาจักรอ้างว่าเหนือกว่า ChatGPT มีสตาร์ทอัพในสหราชอาณาจักรเปิดตัว AI ใหม่ที่ประกาศว่ามีความสามารถเหนือกว่า ChatGPT ทีมงาน TechRadar ได้ลองใช้งานจริงและพบว่ามีจุดแข็งหลายด้าน เช่น ความเร็วในการตอบสนองและการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม การแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และการมาของผู้เล่นใหม่รายนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-new-uk-ai-says-it-can-beat-chatgpt-we-tried-it-and-heres-what-we-found 📺 Trump แสดงความกังวลต่อการควบรวม Netflix และ Warner Bros Donald Trump แสดงความคิดเห็นว่าการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ระหว่าง Netflix และ Warner Bros อาจสร้างปัญหา โดยมองว่าอาจกระทบต่อการแข่งขันและความหลากหลายของตลาดสตรีมมิ่ง ความเห็นนี้สะท้อนถึงความกังวลว่าบริษัทขนาดใหญ่จะมีอำนาจมากเกินไป และอาจทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลงในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/trump-says-the-big-netflix-warner-bros-merger-could-be-a-problem-heres-why 🔋 แบรนด์คู่แข่ง Anker เรียกคืน Power Bank หลังพบเสี่ยงไฟไหม้ มีการเรียกคืน Power Bank รุ่นหนึ่งจากแบรนด์ที่เป็นคู่แข่งของ Anker เนื่องจากพบว่ามีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ข่าวนี้ทำให้ผู้ใช้ที่ซื้อไปแล้วต้องตรวจสอบและหยุดใช้งานทันที พร้อมติดต่อเพื่อขอคืนหรือเปลี่ยนสินค้า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของมาตรฐานความปลอดภัยในอุปกรณ์พกพา และเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อแบตเตอรี่สำรอง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/this-popular-anker-rival-has-just-recalled-a-power-bank-due-to-a-fire-hazard-heres-what-to-do
    0 Comments 0 Shares 525 Views 0 Reviews
More Results