• ความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร?

    ผมและทีม 10X Consulting และ Life Alignmentor 2 แบรนด์ ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป มักจะได้รับคำถามทำนองนี้เมื่อเรานำเสนอว่าเราคือที่ปรึกษากลยุทธ์พัฒนาการจัดการองค์กร หรือ Management Development & Strategy Consultant

    ในทุกๆที่ซึ่ง 10X Consulting และ Life Alignmentor ได้รับความไว้วางใจเกือบ 100% ของผู้รับบริการจากเรามักบอกต่อ และเมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เราโดดเด่น พอประมวลเป็นภาพรวมๆได้ว่า ...

    เรามีสิ่งที่ผู้รับบริการชื่นชอบคือการนำพา และพา(จับมือ)ทำ กระทั่งสะเด็ดน้ำ - คนเกิดความเข้าใจร่วม ซึ่งผมมักพูดเป็นประจำว่าจากประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้านนี้ คน ทีม และองค์กรจะพัฒนาเมื่อเกิดการประชุมพร้อมของ 3 อย่าง นี้ ... "คิดได้ ทำเป็น เห็นผล"

    และที่สำคัญควรอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงเข้าถึง "โลกด้านใน"

    เพราะ ...

    -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อความยั่งยืนในการเปลี่ยนแปลง
    -มิติภายในเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม
    -การเรียนรู้มิติภายในทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
    และนำไปสู่การรับมือที่สอดคล้องกัน
    -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงและมีมุมมองที่กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่
    -มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการค้นหาการอยู่ร่วมกันด้วยสัมพันธภาพที่ดี
    -ทำให้ค้นพบศักยภาพในตนเอง และช่วยขยายศักยภาพและความสามารถ
    -ช่วยกระตุ้นการตื่นรู้ภายในตัว

    ซึ่งส่งผลให้ ...
    -เกิดพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เราข้ามพ้นจุดที่ติดขัดภายในตนเอง
    -เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง
    -มีการส่งต่อพลังงานดีๆต่อไป
    -เกิดคุณภาพใหม่ ในการใช้ชีวิต
    -ความสัมพันธ์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นดีขึ้น

    การพัฒนาคน พัฒนาทีม พัฒนาองค์กร มีหลากหลายรูปแบบ จะใช้อะไร และใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับจริต ของคน ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ผู้ก่อตั้ง ฯลฯ

    หากมองลุแก่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าจะต้องการให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้

    มิติการพัฒนาจากโลกด้านในเป้นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเส้นผมบังภูเขา ในหนังสือผลงานล่าสุดที่เพิ่งออก FAIL FAST, SUCCEED MORE "ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด" จึงเขียนคำอุทิศ แด่ผู้ที่สร้างโลกด้านใน

    ผู้สนใจมาติดตามอ่านต่อได้วันพรุ่งนี้ ส่งท้ายก่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์กันครับ

    WWW.10-XCONSULTING.COM

    ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore
    #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
    #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
    #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    ความเชี่ยวชาญของคุณคืออะไร? ผมและทีม 10X Consulting และ Life Alignmentor 2 แบรนด์ ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป มักจะได้รับคำถามทำนองนี้เมื่อเรานำเสนอว่าเราคือที่ปรึกษากลยุทธ์พัฒนาการจัดการองค์กร หรือ Management Development & Strategy Consultant ในทุกๆที่ซึ่ง 10X Consulting และ Life Alignmentor ได้รับความไว้วางใจเกือบ 100% ของผู้รับบริการจากเรามักบอกต่อ และเมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เราโดดเด่น พอประมวลเป็นภาพรวมๆได้ว่า ... เรามีสิ่งที่ผู้รับบริการชื่นชอบคือการนำพา และพา(จับมือ)ทำ กระทั่งสะเด็ดน้ำ - คนเกิดความเข้าใจร่วม ซึ่งผมมักพูดเป็นประจำว่าจากประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้านนี้ คน ทีม และองค์กรจะพัฒนาเมื่อเกิดการประชุมพร้อมของ 3 อย่าง นี้ ... "คิดได้ ทำเป็น เห็นผล" และที่สำคัญควรอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยงเข้าถึง "โลกด้านใน" เพราะ ... -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อความยั่งยืนในการเปลี่ยนแปลง -มิติภายในเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม -การเรียนรู้มิติภายในทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น และนำไปสู่การรับมือที่สอดคล้องกัน -เป็นการมุ่งเป้าเพื่อให้ผู้เรียนเห็นความเชื่อมโยงและมีมุมมองที่กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่ -มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการค้นหาการอยู่ร่วมกันด้วยสัมพันธภาพที่ดี -ทำให้ค้นพบศักยภาพในตนเอง และช่วยขยายศักยภาพและความสามารถ -ช่วยกระตุ้นการตื่นรู้ภายในตัว ซึ่งส่งผลให้ ... -เกิดพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เราข้ามพ้นจุดที่ติดขัดภายในตนเอง -เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง -มีการส่งต่อพลังงานดีๆต่อไป -เกิดคุณภาพใหม่ ในการใช้ชีวิต -ความสัมพันธ์ต่อตนเอง และต่อผู้อื่นดีขึ้น การพัฒนาคน พัฒนาทีม พัฒนาองค์กร มีหลากหลายรูปแบบ จะใช้อะไร และใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับจริต ของคน ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ผู้ก่อตั้ง ฯลฯ หากมองลุแก่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าจะต้องการให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ มิติการพัฒนาจากโลกด้านในเป้นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเส้นผมบังภูเขา ในหนังสือผลงานล่าสุดที่เพิ่งออก FAIL FAST, SUCCEED MORE "ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด" จึงเขียนคำอุทิศ แด่ผู้ที่สร้างโลกด้านใน ผู้สนใจมาติดตามอ่านต่อได้วันพรุ่งนี้ ส่งท้ายก่อนวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์กันครับ WWW.10-XCONSULTING.COM ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ ถูกถ่ายภาพวิดีโอขณะกำลังพูดจากันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนมหาเศรษฐีของเขาที่ทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้จากกลยุทธ์ด้านภาษีศุลกากรและการจัดการตลาดหุ้นของทรัมป์

    ในคลิปวิดีโอ ทรัมป์ชี้มาที่ชายสองคนแล้วพูดว่า “เขาทำเงินได้ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในวันนี้ ส่วนคนนี้ทำเงินได้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ”


    👉ในขณะที่ผู้ใกล้ชิดที่เป็นวงในของทรัมป์ได้กำไรมหาศาล แต่คนทั่วไปล่ะ!?!
    👉หากว่านี่คือการจัดการตลาดเพียงเพื่อช่วยให้ฐานเสียงของเขาได้รับกำไร การกระทำเช่นนี้ถูกกฎหมายหรือไม่!?!
    👉การชลอการขึ้นภาษีออกไป 90 วัน มีข่าวออกมาก่อนหน้านั้น แต่ทำเนียบขาวปฏิเสธ

    ทรัมป์ ถูกถ่ายภาพวิดีโอขณะกำลังพูดจากันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนมหาเศรษฐีของเขาที่ทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้จากกลยุทธ์ด้านภาษีศุลกากรและการจัดการตลาดหุ้นของทรัมป์ ในคลิปวิดีโอ ทรัมป์ชี้มาที่ชายสองคนแล้วพูดว่า “เขาทำเงินได้ 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในวันนี้ ส่วนคนนี้ทำเงินได้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ” 👉ในขณะที่ผู้ใกล้ชิดที่เป็นวงในของทรัมป์ได้กำไรมหาศาล แต่คนทั่วไปล่ะ!?! 👉หากว่านี่คือการจัดการตลาดเพียงเพื่อช่วยให้ฐานเสียงของเขาได้รับกำไร การกระทำเช่นนี้ถูกกฎหมายหรือไม่!?! 👉การชลอการขึ้นภาษีออกไป 90 วัน มีข่าวออกมาก่อนหน้านั้น แต่ทำเนียบขาวปฏิเสธ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำสมาร์ทซิตี้ (Smart City Leader) หมายถึง บุคคลหรือทีมที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ

    ### คุณลักษณะสำคัญของผู้นำสมาร์ทซิตี้:
    1. **วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์**
    - กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด หรือพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ
    - สร้างแผนงานที่สอดคล้องกับบริบทของเมือง เช่น การแก้ปัญหาจราจร หรือการจัดการขยะ

    2. **การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล**
    - นำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things), Big Data, AI, และระบบคลาวด์มาใช้ในการเก็บ-วิเคราะห์ข้อมูลเมือง
    - ตัวอย่าง: ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ระบบจราจรอัจฉริยะ

    3. **การมีส่วนร่วมของประชาชน**
    - สร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (เช่น แอปพลิเคชันรายงานปัญหาสาธารณะ)
    - ส่งเสริมการรับรู้ข้อมูลแบบเปิด (Open Data)

    4. **ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน**
    - ร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชน ในการพัฒนาโซลูชัน เช่น การสร้างเครือข่าย Wi-Fi ฟรี หรือโครงการพลังงานทดแทน

    5. **ความยั่งยืน**
    - มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือการออกแบบพื้นที่สีเขียว

    ### ตัวอย่างเมืองอัจฉริยะระดับโลก:
    - **สิงคโปร์**: ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรและระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **บาร์เซโลนา**: นำ IoT มาใช้ในการจัดการน้ำและพลังงาน
    - **โตเกียว**: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับสังคมสูงวัยด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ

    ### ความท้าทายของผู้นำสมาร์ทซิตี้:
    - **ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล**: การจัดการข้อมูลประชาชนต้องมีความปลอดภัย
    - **ความเหลื่อมล้ำดิจิทัล**: ต้องให้ทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่าเทียม
    - **การลงทุน**: ต้องสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ระยะยาว

    ผู้นำสมาร์ทซิตี้จึงไม่เพียงต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ต้องมีทักษะการสื่อสาร การบริหารโครงการขนาดใหญ่ และความเข้าใจในความต้องการของประชาชนอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเมืองที่ "อัจฉริยะ" อย่างแท้จริง
    ผู้นำสมาร์ทซิตี้ (Smart City Leader) หมายถึง บุคคลหรือทีมที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ### คุณลักษณะสำคัญของผู้นำสมาร์ทซิตี้: 1. **วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์** - กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด หรือพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ - สร้างแผนงานที่สอดคล้องกับบริบทของเมือง เช่น การแก้ปัญหาจราจร หรือการจัดการขยะ 2. **การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล** - นำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things), Big Data, AI, และระบบคลาวด์มาใช้ในการเก็บ-วิเคราะห์ข้อมูลเมือง - ตัวอย่าง: ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ระบบจราจรอัจฉริยะ 3. **การมีส่วนร่วมของประชาชน** - สร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (เช่น แอปพลิเคชันรายงานปัญหาสาธารณะ) - ส่งเสริมการรับรู้ข้อมูลแบบเปิด (Open Data) 4. **ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน** - ร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชน ในการพัฒนาโซลูชัน เช่น การสร้างเครือข่าย Wi-Fi ฟรี หรือโครงการพลังงานทดแทน 5. **ความยั่งยืน** - มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือการออกแบบพื้นที่สีเขียว ### ตัวอย่างเมืองอัจฉริยะระดับโลก: - **สิงคโปร์**: ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรและระบบสุขภาพดิจิทัล - **บาร์เซโลนา**: นำ IoT มาใช้ในการจัดการน้ำและพลังงาน - **โตเกียว**: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับสังคมสูงวัยด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ### ความท้าทายของผู้นำสมาร์ทซิตี้: - **ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล**: การจัดการข้อมูลประชาชนต้องมีความปลอดภัย - **ความเหลื่อมล้ำดิจิทัล**: ต้องให้ทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่าเทียม - **การลงทุน**: ต้องสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ระยะยาว ผู้นำสมาร์ทซิตี้จึงไม่เพียงต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ต้องมีทักษะการสื่อสาร การบริหารโครงการขนาดใหญ่ และความเข้าใจในความต้องการของประชาชนอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเมืองที่ "อัจฉริยะ" อย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ กล่าวว่าทรัมป์ไม่ได้หวังแค่จะขึ้นภาษีเท่านั้น แต่เขากำลังวางกับดักไว้ นี่คือกลยุทธ์ของประธานาธิบดีและจีนก็เดินเข้าไปหาทันที

    ตลาดกำลังฟื้นตัวหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 125% ในขณะที่ให้เวลา 90 วันกับประเทศอื่นๆ

    ผลลัพธ์ที่ได้คือ จีนต้องยืนอยู่เพียงลำพัง “ผมกับทรัมป์เราใช้เวลาหารืออย่างยาวในวันอาทิตย์ และนี่คือกลยุทธ์ของเขามาตลอด”


    “หากคุณไม่ตอบโต้ คุณจะได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้นทุกประเทศในโลกต้องการเข้าร่วมการเจรจา เรายินดีที่จะรับฟังคุณ เราจะลดภาษีศุลกากรพื้นฐานของเราต่อพวกเขาลงเหลือ 10% และเนื่องจากจีนยืนกรานที่จะยกระดับสงครามการค้า ภาษีศุลกากรของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้นเป็น 125%”
    สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ กล่าวว่าทรัมป์ไม่ได้หวังแค่จะขึ้นภาษีเท่านั้น แต่เขากำลังวางกับดักไว้ นี่คือกลยุทธ์ของประธานาธิบดีและจีนก็เดินเข้าไปหาทันที ตลาดกำลังฟื้นตัวหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 125% ในขณะที่ให้เวลา 90 วันกับประเทศอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ จีนต้องยืนอยู่เพียงลำพัง “ผมกับทรัมป์เราใช้เวลาหารืออย่างยาวในวันอาทิตย์ และนี่คือกลยุทธ์ของเขามาตลอด” “หากคุณไม่ตอบโต้ คุณจะได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้นทุกประเทศในโลกต้องการเข้าร่วมการเจรจา เรายินดีที่จะรับฟังคุณ เราจะลดภาษีศุลกากรพื้นฐานของเราต่อพวกเขาลงเหลือ 10% และเนื่องจากจีนยืนกรานที่จะยกระดับสงครามการค้า ภาษีศุลกากรของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้นเป็น 125%”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • Micron Technology ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำชั้นนำ ประกาศเพิ่มราคาสินค้าบางประเภท เช่น SSD และ โมดูลหน่วยความจำ เพื่อตอบสนองต่อภาษีการค้าใหม่ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

    🌐 เหตุผลที่ต้องปรับราคา:

    📋 ผลกระทบจากภาษี: แม้ชิปเซมิคอนดักเตอร์จะได้รับการยกเว้นจากภาษี แต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น SSD และหน่วยความจำ ไม่ได้รับการยกเว้น

    💡 การส่งต่อค่าใช้จ่าย: Micron แจ้งลูกค้าว่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายนี้ได้เอง

    ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:

    🌏 การปรับตัวของผู้ผลิตในเอเชีย: ผู้ผลิต NAND ในเอเชีย เช่น จีนและไต้หวัน ใช้กลยุทธ์เดียวกัน โดยแจ้งลูกค้าในสหรัฐฯ ให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายภาษีเอง

    🖥️ การขึ้นราคาสินค้าอื่น ๆ: ผู้ผลิตเทคโนโลยี เช่น Acer ก็ประกาศเพิ่มราคาสินค้าสำหรับตลาดสหรัฐฯ ถึง 10%

    https://www.techspot.com/news/107484-micron-raises-prices-memory-products-response-trump-tariffs.html
    Micron Technology ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำชั้นนำ ประกาศเพิ่มราคาสินค้าบางประเภท เช่น SSD และ โมดูลหน่วยความจำ เพื่อตอบสนองต่อภาษีการค้าใหม่ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ 🌐 เหตุผลที่ต้องปรับราคา: 📋 ผลกระทบจากภาษี: แม้ชิปเซมิคอนดักเตอร์จะได้รับการยกเว้นจากภาษี แต่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น SSD และหน่วยความจำ ไม่ได้รับการยกเว้น 💡 การส่งต่อค่าใช้จ่าย: Micron แจ้งลูกค้าว่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายนี้ได้เอง ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: 🌏 การปรับตัวของผู้ผลิตในเอเชีย: ผู้ผลิต NAND ในเอเชีย เช่น จีนและไต้หวัน ใช้กลยุทธ์เดียวกัน โดยแจ้งลูกค้าในสหรัฐฯ ให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายภาษีเอง 🖥️ การขึ้นราคาสินค้าอื่น ๆ: ผู้ผลิตเทคโนโลยี เช่น Acer ก็ประกาศเพิ่มราคาสินค้าสำหรับตลาดสหรัฐฯ ถึง 10% https://www.techspot.com/news/107484-micron-raises-prices-memory-products-response-trump-tariffs.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Micron raises prices on SSDs, memory products in response to tariffs
    In a letter to its US clients, Micron explained that the surcharge is necessary under the new trade conditions. Executives had already warned customers during a March...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงาน Kyiv International Cyber Resilience Forum 2025 ที่จัดขึ้นในยูเครน มีการพูดถึงบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะในบริบทของสงครามไซเบอร์ที่ยูเครนต้องเผชิญจากการโจมตีของรัสเซีย

    ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ:
    - ยูเครนสามารถป้องกันการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความช่วยเหลือจากองค์กรเอกชนในสหรัฐฯ และยุโรป
    - การโจมตีของรัสเซียไม่ได้มาจากหน่วยงานรัฐอย่าง GRU, SVR และ FSB เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการโจมตี

    ✅ กลยุทธ์ของรัสเซีย:
    - รัสเซียมีความเชี่ยวชาญในด้าน Social Engineering โดยใช้ QR Code เพื่อหลอกลวงเป้าหมายให้ติดตั้งมัลแวร์ผ่านแอปพลิเคชัน Signal
    - Google Threat Intelligence Group ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับวิธีการโจมตีนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025

    ✅ ความยืดหยุ่นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง:
    - ยูเครนต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อพันธมิตรบางราย เช่น Signal หยุดให้ความร่วมมือ
    - การมีแผนสำรองและทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การใช้ระบบสื่อสารหรือภาพถ่ายดาวเทียมจากแหล่งอื่น เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น

    บทเรียนที่องค์กรสามารถนำไปปรับใช้:
    💡 อย่าพึ่งพาแหล่งเดียว:
    - การมีแผนสำรองสำหรับกรณีที่บริการหรือพันธมิตรหยุดให้ความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญ

    💡 การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด:
    - การวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การโจมตีไซเบอร์หรือภัยพิบัติ ช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

    💡 การสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ:
    - การทำงานร่วมกับพันธมิตรในระดับโลกช่วยเพิ่มศักยภาพในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/3950749/some-lessons-learned-about-resilience-in-cybersecurity-from-a-visit-to-ukraine.html
    ในงาน Kyiv International Cyber Resilience Forum 2025 ที่จัดขึ้นในยูเครน มีการพูดถึงบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะในบริบทของสงครามไซเบอร์ที่ยูเครนต้องเผชิญจากการโจมตีของรัสเซีย ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ: - ยูเครนสามารถป้องกันการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความช่วยเหลือจากองค์กรเอกชนในสหรัฐฯ และยุโรป - การโจมตีของรัสเซียไม่ได้มาจากหน่วยงานรัฐอย่าง GRU, SVR และ FSB เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการโจมตี ✅ กลยุทธ์ของรัสเซีย: - รัสเซียมีความเชี่ยวชาญในด้าน Social Engineering โดยใช้ QR Code เพื่อหลอกลวงเป้าหมายให้ติดตั้งมัลแวร์ผ่านแอปพลิเคชัน Signal - Google Threat Intelligence Group ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับวิธีการโจมตีนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ✅ ความยืดหยุ่นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง: - ยูเครนต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อพันธมิตรบางราย เช่น Signal หยุดให้ความร่วมมือ - การมีแผนสำรองและทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การใช้ระบบสื่อสารหรือภาพถ่ายดาวเทียมจากแหล่งอื่น เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น บทเรียนที่องค์กรสามารถนำไปปรับใช้: 💡 อย่าพึ่งพาแหล่งเดียว: - การมีแผนสำรองสำหรับกรณีที่บริการหรือพันธมิตรหยุดให้ความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญ 💡 การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด: - การวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การโจมตีไซเบอร์หรือภัยพิบัติ ช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว 💡 การสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ: - การทำงานร่วมกับพันธมิตรในระดับโลกช่วยเพิ่มศักยภาพในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/3950749/some-lessons-learned-about-resilience-in-cybersecurity-from-a-visit-to-ukraine.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Lessons learned about cyber resilience from a visit to Ukraine
    When systems fail, it’s important to have a plan to replace lost resources however and from wherever you can source them, as the embattled country has learned over more than a decade of conflict.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดย Lip-Bu Tan ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัทที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2025 ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หุ้นของ Intel ลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของ นโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นรวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

    == ผลกระทบต่อ Intel และผู้บริหาร ==
    ✅ มูลค่าหุ้นลดลงในจุดต่ำสุด:
    - Lip-Bu Tan ลงทุนซื้อหุ้นของ Intel จำนวน $25 ล้านในช่วงที่รับตำแหน่ง CEO ด้วยราคา $23.96 ต่อหุ้น แต่ปัจจุบันหุ้นลดลงเหลือ $18.90 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนของเขาลดลงมากกว่า $5 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึงเดือน

    ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่:
    - การลดลงของหุ้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานของ CEO ใหม่ แต่เกิดจากแรงกดดันของ ภาษีนำเข้า ที่รัฐบาลประกาศใช้ ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท

    == แนวทางและความหวังใหม่ ==
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่:
    - Intel ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา 18A process node ซึ่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงทดลอง (risk production) นี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

    ✅ การฟื้นฟูสถานะการเงิน:
    - นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า Intel อาจเลือกใช้วิธีการปรับโครงสร้างการเงิน เช่น การซื้อหุ้นคืน (stock buyback) แบบเดียวกับ Broadcom แต่สถานะการเงินของ Intel ในปัจจุบันยังไม่เอื้อให้ใช้กลยุทธ์นี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-lip-bu-tan-loses-usd5-million-in-intel-investment-value-as-stock-tumbles
    Intel ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดย Lip-Bu Tan ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัทที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2025 ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หุ้นของ Intel ลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของ นโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นรวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน == ผลกระทบต่อ Intel และผู้บริหาร == ✅ มูลค่าหุ้นลดลงในจุดต่ำสุด: - Lip-Bu Tan ลงทุนซื้อหุ้นของ Intel จำนวน $25 ล้านในช่วงที่รับตำแหน่ง CEO ด้วยราคา $23.96 ต่อหุ้น แต่ปัจจุบันหุ้นลดลงเหลือ $18.90 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนของเขาลดลงมากกว่า $5 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่: - การลดลงของหุ้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานของ CEO ใหม่ แต่เกิดจากแรงกดดันของ ภาษีนำเข้า ที่รัฐบาลประกาศใช้ ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท == แนวทางและความหวังใหม่ == ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: - Intel ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา 18A process node ซึ่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงทดลอง (risk production) นี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ✅ การฟื้นฟูสถานะการเงิน: - นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า Intel อาจเลือกใช้วิธีการปรับโครงสร้างการเงิน เช่น การซื้อหุ้นคืน (stock buyback) แบบเดียวกับ Broadcom แต่สถานะการเงินของ Intel ในปัจจุบันยังไม่เอื้อให้ใช้กลยุทธ์นี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-lip-bu-tan-loses-usd5-million-in-intel-investment-value-as-stock-tumbles
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • การค้าโลกปั่นป่วน ‘ปธด.โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ’ มุ่งเป้าจัดระเบียบโลกใหม่ /กูรูแนะไทย ใช้กลยุทธ์เจรจาที่มากกว่ามาตรการภาษี วางตำแหน่งของไทยในด้านภูมิรัฐศาสตร์การเมือง รักษาความเป็นมิตรกับทั้งสหรัฐฯและจีน อย่าตกเป็นเครื่องมือถูกนำเข้าไปเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อรวมกลุ่มโจมตีกันและกัน
    การค้าโลกปั่นป่วน ‘ปธด.โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ’ มุ่งเป้าจัดระเบียบโลกใหม่ /กูรูแนะไทย ใช้กลยุทธ์เจรจาที่มากกว่ามาตรการภาษี วางตำแหน่งของไทยในด้านภูมิรัฐศาสตร์การเมือง รักษาความเป็นมิตรกับทั้งสหรัฐฯและจีน อย่าตกเป็นเครื่องมือถูกนำเข้าไปเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อรวมกลุ่มโจมตีกันและกัน
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เป็นภัยคุกคามระดับโลกและพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ได้ถูกยกระดับเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของทีมไซเบอร์ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดช่องว่างความสามารถด้านความปลอดภัย แต่ยังสร้างทีมงานที่สามารถป้องกันและตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    == ความสำคัญของ DEI ในความปลอดภัยไซเบอร์ ==
    ✅ การรวมความหลากหลายทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น:
    - ทีมงานที่มีความหลากหลายไม่เพียงแต่ช่วยให้มีมุมมองที่แตกต่าง แต่ยังช่วยลดจุดบอดที่ทีมงานทั่วไปอาจมองไม่เห็น
    - เช่น ความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมช่วยให้เข้าใจวิธีการใช้เทคโนโลยีในแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างกลยุทธ์ป้องกัน

    ✅ สร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ถูกมองข้าม:
    - การให้ความสำคัญกับ DEI ช่วยเปิดทางให้บุคคลที่เคยขาดโอกาสได้เข้าสู่สายงานไซเบอร์ เช่น ผู้หญิงที่ยังเป็นเพียง 15% ในวงการนี้ และชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเพียง 8% ในสายงานเทคโนโลยี

    ✅ ช่วยลดปัญหาขาดแคลนบุคลากร:
    - ปัจจุบัน มีตำแหน่งงานด้านไซเบอร์กว่า 450,000 ตำแหน่ง ในสหรัฐฯ ที่ยังขาดแคลนบุคลากร และ DEI จะช่วยสร้างเส้นทางสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

    == โครงการและมาตรการที่ช่วยผลักดัน DEI ==
    #ShareTheMicInCyber (#STMIC):
    - แคมเปญที่ช่วยสร้างพื้นที่และยกระดับความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ที่เป็นคนผิวดำ พร้อมกับจัดตั้งทุนการศึกษาที่ช่วยสร้างโอกาสในสายงานนี้

    ✅ การสร้างแนวทางที่มีมิติทางสังคมและเทคโนโลยี:
    - DEI ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีที่แตกต่างตามวัฒนธรรม ช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3953961/why-dei-is-key-for-a-cyber-safe-future.html
    ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เป็นภัยคุกคามระดับโลกและพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ได้ถูกยกระดับเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของทีมไซเบอร์ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดช่องว่างความสามารถด้านความปลอดภัย แต่ยังสร้างทีมงานที่สามารถป้องกันและตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ == ความสำคัญของ DEI ในความปลอดภัยไซเบอร์ == ✅ การรวมความหลากหลายทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น: - ทีมงานที่มีความหลากหลายไม่เพียงแต่ช่วยให้มีมุมมองที่แตกต่าง แต่ยังช่วยลดจุดบอดที่ทีมงานทั่วไปอาจมองไม่เห็น - เช่น ความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมช่วยให้เข้าใจวิธีการใช้เทคโนโลยีในแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างกลยุทธ์ป้องกัน ✅ สร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ถูกมองข้าม: - การให้ความสำคัญกับ DEI ช่วยเปิดทางให้บุคคลที่เคยขาดโอกาสได้เข้าสู่สายงานไซเบอร์ เช่น ผู้หญิงที่ยังเป็นเพียง 15% ในวงการนี้ และชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเพียง 8% ในสายงานเทคโนโลยี ✅ ช่วยลดปัญหาขาดแคลนบุคลากร: - ปัจจุบัน มีตำแหน่งงานด้านไซเบอร์กว่า 450,000 ตำแหน่ง ในสหรัฐฯ ที่ยังขาดแคลนบุคลากร และ DEI จะช่วยสร้างเส้นทางสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ == โครงการและมาตรการที่ช่วยผลักดัน DEI == ✅ #ShareTheMicInCyber (#STMIC): - แคมเปญที่ช่วยสร้างพื้นที่และยกระดับความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ที่เป็นคนผิวดำ พร้อมกับจัดตั้งทุนการศึกษาที่ช่วยสร้างโอกาสในสายงานนี้ ✅ การสร้างแนวทางที่มีมิติทางสังคมและเทคโนโลยี: - DEI ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีที่แตกต่างตามวัฒนธรรม ช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น https://www.csoonline.com/article/3953961/why-dei-is-key-for-a-cyber-safe-future.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why DEI is key for a cyber safe future
    Diversity, equity, and inclusion (DEI) can be a cyber superpower — not just for reducing security skills gaps but for ensuring cybersecurity teams make defenses stronger and more adaptive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้แสดงท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนใน ศูนย์ข้อมูล AI โดยมีรายงานว่าบริษัทได้ยุติหรือเลื่อนโครงการศูนย์ข้อมูลในหลายภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ แม้จะยังคงยืนยันงบประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณนี้ แต่ก็มีแผนที่จะเปลี่ยนโฟกัสจากการก่อสร้างใหม่ไปสู่การอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แทน

    ✅ ความต้องการ AI ที่คาดไม่ถึง:
    - เทคโนโลยี AI บางประเภท เช่น DeepSeek แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการประมวลผลสามารถทำได้โดยใช้งบประมาณที่น้อยกว่าที่เคยคาดไว้ ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

    ✅ ปัญหาการใช้ทรัพยากรต่ำ:
    - ในประเทศจีน ซึ่งมีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่กว่า 500 แห่ง พบว่าประมาณ 80% ของทรัพยากรเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ ทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาอุปทานที่เกินความต้องการในวงการ

    ✅ การเลื่อนหรือยกเลิกแผน:
    - Microsoft ได้ถอนตัวจากโครงการศูนย์ข้อมูลในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรและอินโดนีเซีย รวมถึงเลื่อนการขยายโครงการในสหรัฐฯ เช่น วิสคอนซิน แม้จะลงทุนไปแล้วกว่า 262 ล้านดอลลาร์

    ✅ ผลกระทบและมุมมองใหม่ของอุตสาหกรรม:
    - สมดุลใหม่ในตลาด: ความระมัดระวังนี้อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังพิจารณาแผนการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตมากกว่าความคาดหวังที่สูงเกินจริงในปัจจุบัน
    - การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์: Microsoft ตั้งใจที่จะใช้ทรัพยากรเพื่อปรับปรุงระบบที่มีอยู่ มากกว่าที่จะสร้างใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจนำไปสู่ความยั่งยืนที่มากขึ้นในระยะยาว

    https://www.techradar.com/pro/does-microsoft-know-something-we-dont-tech-giant-cools-down-on-ai-data-center-investment-as-third-report-emerges-on-pullbacks
    Microsoft ได้แสดงท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนใน ศูนย์ข้อมูล AI โดยมีรายงานว่าบริษัทได้ยุติหรือเลื่อนโครงการศูนย์ข้อมูลในหลายภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ แม้จะยังคงยืนยันงบประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณนี้ แต่ก็มีแผนที่จะเปลี่ยนโฟกัสจากการก่อสร้างใหม่ไปสู่การอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แทน ✅ ความต้องการ AI ที่คาดไม่ถึง: - เทคโนโลยี AI บางประเภท เช่น DeepSeek แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการประมวลผลสามารถทำได้โดยใช้งบประมาณที่น้อยกว่าที่เคยคาดไว้ ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ✅ ปัญหาการใช้ทรัพยากรต่ำ: - ในประเทศจีน ซึ่งมีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่กว่า 500 แห่ง พบว่าประมาณ 80% ของทรัพยากรเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ ทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาอุปทานที่เกินความต้องการในวงการ ✅ การเลื่อนหรือยกเลิกแผน: - Microsoft ได้ถอนตัวจากโครงการศูนย์ข้อมูลในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรและอินโดนีเซีย รวมถึงเลื่อนการขยายโครงการในสหรัฐฯ เช่น วิสคอนซิน แม้จะลงทุนไปแล้วกว่า 262 ล้านดอลลาร์ ✅ ผลกระทบและมุมมองใหม่ของอุตสาหกรรม: - สมดุลใหม่ในตลาด: ความระมัดระวังนี้อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังพิจารณาแผนการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตมากกว่าความคาดหวังที่สูงเกินจริงในปัจจุบัน - การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์: Microsoft ตั้งใจที่จะใช้ทรัพยากรเพื่อปรับปรุงระบบที่มีอยู่ มากกว่าที่จะสร้างใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจนำไปสู่ความยั่งยืนที่มากขึ้นในระยะยาว https://www.techradar.com/pro/does-microsoft-know-something-we-dont-tech-giant-cools-down-on-ai-data-center-investment-as-third-report-emerges-on-pullbacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • PoisonSeed เป็นกลุ่มผู้โจมตีที่ใช้กลยุทธ์ฟิชชิ่งซับซ้อนโดยเล็งเป้าหมายไปยังผู้ใช้งานของ Mailchimp และบริษัทคริปโต เช่น Coinbase เพื่อขโมยข้อมูลผ่านหน้าล็อกอินหลอกลวงและ Seed Phrase องค์กรและผู้ใช้งานควรเพิ่มการตระหนักรู้และใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อป้องกันภัยฟิชชิ่งที่พัฒนาขึ้นทุกวัน

    == กลยุทธ์โจมตีที่ PoisonSeed ใช้ ==
    ✅ การสร้างหน้าฟิชชิ่งที่เหมือนจริง:
    - PoisonSeed สร้างหน้าเว็บฟิชชิ่งที่มีความคล้ายคลึงกับหน้าล็อกอินของผู้ให้บริการอีเมล เช่น Mailchimp โดยใช้โดเมนหลอกลวง เช่น mail-chimpservices[.]com
    - หลังจากที่ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลล็อกอิน ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลและตั้งค่า API Key ใหม่เพื่อรักษาการเข้าถึง แม้ผู้เสียหายจะเปลี่ยนรหัสผ่าน

    ✅ ฟิชชิ่งและการหลอกลวงด้วย Seed Phrases:
    - ในบางกรณี ผู้โจมตีใช้วิธีหลอกลวงผู้ใช้งานคริปโตให้ตั้ง Seed Phrase ใหม่ โดยมอบ Seed Phrase ที่ตั้งไว้เพื่อให้ผู้ใช้ใช้ซ้ำ ซึ่งช่วยให้ผู้โจมตีเข้าถึงทรัพย์สินในภายหลัง

    ✅ การพัฒนากลยุทธ์:
    - PoisonSeed มีการใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ขั้นสูง เช่น CryptoChameleon ซึ่งเคยประสบความสำเร็จในปี 2024 ในการโจมตีเป้าหมายใหญ่ เช่น Coinbase

    == ผลกระทบและความท้าทายในการป้องกัน ==
    ✅ การเข้าถึงข้อมูลอีเมลจำนวนมาก:
    - กรณีศึกษาของ Troy Hunt แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีสามารถดาวน์โหลดรายการอีเมลและใช้ข้อมูลเพื่อหลอกลวงในวงกว้าง

    ✅ ความเสี่ยงต่อบริษัทใหญ่:
    - นอกจาก Mailchimp และ Zoho บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านข้อมูลและคริปโตอย่าง Coinbase และ Ledger เป็นเป้าหมายของการโจมตีที่ซับซ้อน

    ✅ การเตรียมตัวของผู้ใช้งานและองค์กร:
    - นักวิเคราะห์จาก Silent Push ย้ำว่าการป้องกันฟิชชิ่งต้องมุ่งเน้นที่ความรู้และการใช้เครื่องมือความปลอดภัยในการตรวจจับโดเมนที่หลอกลวง

    https://www.csoonline.com/article/3956008/poisonseed-targets-mailchimp-mailgun-and-zoho-to-phish-high-value-accounts.html
    PoisonSeed เป็นกลุ่มผู้โจมตีที่ใช้กลยุทธ์ฟิชชิ่งซับซ้อนโดยเล็งเป้าหมายไปยังผู้ใช้งานของ Mailchimp และบริษัทคริปโต เช่น Coinbase เพื่อขโมยข้อมูลผ่านหน้าล็อกอินหลอกลวงและ Seed Phrase องค์กรและผู้ใช้งานควรเพิ่มการตระหนักรู้และใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อป้องกันภัยฟิชชิ่งที่พัฒนาขึ้นทุกวัน == กลยุทธ์โจมตีที่ PoisonSeed ใช้ == ✅ การสร้างหน้าฟิชชิ่งที่เหมือนจริง: - PoisonSeed สร้างหน้าเว็บฟิชชิ่งที่มีความคล้ายคลึงกับหน้าล็อกอินของผู้ให้บริการอีเมล เช่น Mailchimp โดยใช้โดเมนหลอกลวง เช่น mail-chimpservices[.]com - หลังจากที่ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลล็อกอิน ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลและตั้งค่า API Key ใหม่เพื่อรักษาการเข้าถึง แม้ผู้เสียหายจะเปลี่ยนรหัสผ่าน ✅ ฟิชชิ่งและการหลอกลวงด้วย Seed Phrases: - ในบางกรณี ผู้โจมตีใช้วิธีหลอกลวงผู้ใช้งานคริปโตให้ตั้ง Seed Phrase ใหม่ โดยมอบ Seed Phrase ที่ตั้งไว้เพื่อให้ผู้ใช้ใช้ซ้ำ ซึ่งช่วยให้ผู้โจมตีเข้าถึงทรัพย์สินในภายหลัง ✅ การพัฒนากลยุทธ์: - PoisonSeed มีการใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ขั้นสูง เช่น CryptoChameleon ซึ่งเคยประสบความสำเร็จในปี 2024 ในการโจมตีเป้าหมายใหญ่ เช่น Coinbase == ผลกระทบและความท้าทายในการป้องกัน == ✅ การเข้าถึงข้อมูลอีเมลจำนวนมาก: - กรณีศึกษาของ Troy Hunt แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีสามารถดาวน์โหลดรายการอีเมลและใช้ข้อมูลเพื่อหลอกลวงในวงกว้าง ✅ ความเสี่ยงต่อบริษัทใหญ่: - นอกจาก Mailchimp และ Zoho บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านข้อมูลและคริปโตอย่าง Coinbase และ Ledger เป็นเป้าหมายของการโจมตีที่ซับซ้อน ✅ การเตรียมตัวของผู้ใช้งานและองค์กร: - นักวิเคราะห์จาก Silent Push ย้ำว่าการป้องกันฟิชชิ่งต้องมุ่งเน้นที่ความรู้และการใช้เครื่องมือความปลอดภัยในการตรวจจับโดเมนที่หลอกลวง https://www.csoonline.com/article/3956008/poisonseed-targets-mailchimp-mailgun-and-zoho-to-phish-high-value-accounts.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    PoisonSeed targets Mailchimp, Mailgun, and Zoho to phish high-value accounts
    Researchers identified PoisonSeed as the same threat actors behind Troy Hunt’s Mailchimp and Akamai’s SendGrid phishing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงสุดถึง 54% จีนได้ตอบโต้ด้วยการตั้งภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 34% และประกาศ ห้ามส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ที่สำคัญต่อการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูงไปยังสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างแรงสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงาน

    ✅ แร่หายากที่ถูกห้ามส่งออก
    - จีนระบุแร่ 7 ชนิดที่ห้ามส่งออก ได้แก่ Samarium, Gadolinium, Terbium, Dysprosium, Lutetium, Scandium และ Yttrium
    - แร่เหล่านี้มีความสำคัญต่อ มอเตอร์ยานยนต์ไฟฟ้า, การผลิตตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวด (superconductors), สื่อบันทึกข้อมูล, และ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ
    - การขาดแคลนแร่หายากจะทำให้ผู้ผลิตต้องพึ่งพาแหล่งทรัพยากรที่มีราคาแพงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
    - หลายบริษัทในสหรัฐฯ เช่น ผู้ผลิตชิปและอุปกรณ์เทคโนโลยี จะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทาน

    ✅ ยุทธศาสตร์ตอบโต้แบบสองจังหวะของจีน
    - จีนใช้กลยุทธ์การตอบโต้ด้วยภาษีและข้อจำกัดด้านส่งออก เพื่อต่อรองในการเจรจาทางเศรษฐกิจ
    - นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นความพยายามที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อสหรัฐฯ ในกรณีความขัดแย้งอื่น ๆ เช่น การบังคับขาย TikTok

    ✅ ข้อยกเว้นสำหรับอุตสาหกรรมบางส่วน
    - อุตสาหกรรมชิปและทองแดงในสหรัฐฯ ได้รับการยกเว้นจากภาษีรอบนี้ แต่ภาษีสำหรับอุปกรณ์การผลิตชิปกลับยังส่งผลกระทบหนัก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-strikes-back-on-trump-tariffs-bans-rare-earth-exports-to-the-u-s
    หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงสุดถึง 54% จีนได้ตอบโต้ด้วยการตั้งภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 34% และประกาศ ห้ามส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ที่สำคัญต่อการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูงไปยังสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างแรงสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงาน ✅ แร่หายากที่ถูกห้ามส่งออก - จีนระบุแร่ 7 ชนิดที่ห้ามส่งออก ได้แก่ Samarium, Gadolinium, Terbium, Dysprosium, Lutetium, Scandium และ Yttrium - แร่เหล่านี้มีความสำคัญต่อ มอเตอร์ยานยนต์ไฟฟ้า, การผลิตตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวด (superconductors), สื่อบันทึกข้อมูล, และ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ - การขาดแคลนแร่หายากจะทำให้ผู้ผลิตต้องพึ่งพาแหล่งทรัพยากรที่มีราคาแพงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น - หลายบริษัทในสหรัฐฯ เช่น ผู้ผลิตชิปและอุปกรณ์เทคโนโลยี จะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทาน ✅ ยุทธศาสตร์ตอบโต้แบบสองจังหวะของจีน - จีนใช้กลยุทธ์การตอบโต้ด้วยภาษีและข้อจำกัดด้านส่งออก เพื่อต่อรองในการเจรจาทางเศรษฐกิจ - นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นความพยายามที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อสหรัฐฯ ในกรณีความขัดแย้งอื่น ๆ เช่น การบังคับขาย TikTok ✅ ข้อยกเว้นสำหรับอุตสาหกรรมบางส่วน - อุตสาหกรรมชิปและทองแดงในสหรัฐฯ ได้รับการยกเว้นจากภาษีรอบนี้ แต่ภาษีสำหรับอุปกรณ์การผลิตชิปกลับยังส่งผลกระทบหนัก https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-strikes-back-on-trump-tariffs-bans-rare-earth-exports-to-the-u-s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ประกาศเลิกใช้งานแอป Unison ที่เคยช่วยเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ PC Windows อย่างไร้รอยต่อ โดยจะหยุดให้บริการส่วนใหญ่ภายในเดือนมิถุนายน 2025 ทั้งนี้ การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ลดต้นทุนเพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังผลิตภัณฑ์หลัก การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่บริษัทใหญ่ต้องปรับตัวตามความท้าทายและการแข่งขันในตลาด ขณะเดียวกัน Microsoft Phone Link ยังคงเป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์แบบเดียวกัน

    ✅ Unison กับการพยายามสร้างความแตกต่างในตลาด Windows PCs
    - แอป Unison เปิดตัวในปี 2022 โดย Intel ตั้งเป้าสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ใกล้เคียงกับระบบของ Apple ที่มีการเชื่อมต่อ MacOS กับ iOS
    - แอปช่วยให้ผู้ใช้ทำงานต่าง ๆ เช่น การโทร, ส่งข้อความ, รับการแจ้งเตือน และโอนถ่ายไฟล์ ระหว่างสมาร์ทโฟนและ PC ได้อย่างง่ายดาย

    ✅ การเลิกสนับสนุนเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุน
    - Intel มีแผนตัดสินใจเลิกสนับสนุนโครงการหรือแอปที่ ไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์หลัก ซึ่งแอป Unison ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Intel มุ่งเน้นทรัพยากรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำคัญ เช่น โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่

    ✅ การเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนกับ Windows PCs ยังคงมีทางเลือกอื่น
    - แม้ Unison จะเลิกให้บริการ แต่ Microsoft มีแอป Phone Link ที่ช่วยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน
    - Samsung Flow และ Dell Mobile Connect เป็นตัวเลือกที่เคยมีในตลาด แต่ Dell ก็ยุติแอปนี้เช่นเดียวกัน

    https://www.tomshardware.com/software/intel-discontinues-unison-app-for-connecting-pcs-and-smartphones
    Intel ประกาศเลิกใช้งานแอป Unison ที่เคยช่วยเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ PC Windows อย่างไร้รอยต่อ โดยจะหยุดให้บริการส่วนใหญ่ภายในเดือนมิถุนายน 2025 ทั้งนี้ การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ลดต้นทุนเพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังผลิตภัณฑ์หลัก การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่บริษัทใหญ่ต้องปรับตัวตามความท้าทายและการแข่งขันในตลาด ขณะเดียวกัน Microsoft Phone Link ยังคงเป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์แบบเดียวกัน ✅ Unison กับการพยายามสร้างความแตกต่างในตลาด Windows PCs - แอป Unison เปิดตัวในปี 2022 โดย Intel ตั้งเป้าสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ใกล้เคียงกับระบบของ Apple ที่มีการเชื่อมต่อ MacOS กับ iOS - แอปช่วยให้ผู้ใช้ทำงานต่าง ๆ เช่น การโทร, ส่งข้อความ, รับการแจ้งเตือน และโอนถ่ายไฟล์ ระหว่างสมาร์ทโฟนและ PC ได้อย่างง่ายดาย ✅ การเลิกสนับสนุนเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุน - Intel มีแผนตัดสินใจเลิกสนับสนุนโครงการหรือแอปที่ ไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์หลัก ซึ่งแอป Unison ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Intel มุ่งเน้นทรัพยากรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำคัญ เช่น โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ ✅ การเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนกับ Windows PCs ยังคงมีทางเลือกอื่น - แม้ Unison จะเลิกให้บริการ แต่ Microsoft มีแอป Phone Link ที่ช่วยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน - Samsung Flow และ Dell Mobile Connect เป็นตัวเลือกที่เคยมีในตลาด แต่ Dell ก็ยุติแอปนี้เช่นเดียวกัน https://www.tomshardware.com/software/intel-discontinues-unison-app-for-connecting-pcs-and-smartphones
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดชี้ว่าแม้ความปลอดภัยของ Operational Technology (OT) จะกลายเป็นประเด็นสำคัญในอุตสาหกรรมทั่วโลก แต่ยังคงได้รับงบประมาณที่จำกัด โดยมีเพียง 27% ของบริษัทที่ให้อำนาจในการควบคุมงบประมาณด้านนี้แก่ CISO หรือ CSO ทำให้ความต้องการด้านความปลอดภัยที่สำคัญบางอย่างถูกมองข้าม

    ✅ งบประมาณความปลอดภัยของ OT ไม่ได้รับการจัดสรรอย่างเพียงพอ
    - เกือบครึ่งหนึ่งขององค์กรที่ถูกสำรวจ ใช้งบประมาณด้านความปลอดภัยเพียง 25% สำหรับการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
    - แม้ว่า 27% ของบริษัทได้รายงานการโจมตีระบบควบคุมภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา

    ✅ ภัยคุกคามส่วนใหญ่มาจากช่องโหว่ที่เกิดจาก IT
    - 58% ของการโจมตี OT เริ่มต้นจากช่องโหว่ในระบบ IT ที่เชื่อมต่อกัน
    - แหล่งโจมตีอื่น ๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (33%) และการเจาะระบบสถานีงานวิศวกรรม (30%)

    ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: พัฒนาการฝึกอบรมเฉพาะทางสำหรับ ICS/OT
    - การลงทุนใน การฝึกอบรมสำหรับผู้ตรวจสอบระบบควบคุม (ICS controllers) สามารถช่วยเสริมสร้างความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับเครือข่ายของระบบควบคุม
    - ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการไม่ปรับตัวต่อภัยคุกคามในระบบ ICS จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

    ✅ กลยุทธ์ความปลอดภัยที่ผสาน IT และ OT อย่างเต็มรูปแบบจำเป็นอย่างยิ่ง
    - การป้องกันความเสี่ยงต้องการ กลยุทธ์ที่ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อลดจุดอ่อนที่เกิดจากความเชื่อมโยงระหว่าง IT และ OT

    https://www.csoonline.com/article/3951163/too-little-budget-for-ot-security.html
    รายงานล่าสุดชี้ว่าแม้ความปลอดภัยของ Operational Technology (OT) จะกลายเป็นประเด็นสำคัญในอุตสาหกรรมทั่วโลก แต่ยังคงได้รับงบประมาณที่จำกัด โดยมีเพียง 27% ของบริษัทที่ให้อำนาจในการควบคุมงบประมาณด้านนี้แก่ CISO หรือ CSO ทำให้ความต้องการด้านความปลอดภัยที่สำคัญบางอย่างถูกมองข้าม ✅ งบประมาณความปลอดภัยของ OT ไม่ได้รับการจัดสรรอย่างเพียงพอ - เกือบครึ่งหนึ่งขององค์กรที่ถูกสำรวจ ใช้งบประมาณด้านความปลอดภัยเพียง 25% สำหรับการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ - แม้ว่า 27% ของบริษัทได้รายงานการโจมตีระบบควบคุมภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา ✅ ภัยคุกคามส่วนใหญ่มาจากช่องโหว่ที่เกิดจาก IT - 58% ของการโจมตี OT เริ่มต้นจากช่องโหว่ในระบบ IT ที่เชื่อมต่อกัน - แหล่งโจมตีอื่น ๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (33%) และการเจาะระบบสถานีงานวิศวกรรม (30%) ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: พัฒนาการฝึกอบรมเฉพาะทางสำหรับ ICS/OT - การลงทุนใน การฝึกอบรมสำหรับผู้ตรวจสอบระบบควบคุม (ICS controllers) สามารถช่วยเสริมสร้างความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับเครือข่ายของระบบควบคุม - ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการไม่ปรับตัวต่อภัยคุกคามในระบบ ICS จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ✅ กลยุทธ์ความปลอดภัยที่ผสาน IT และ OT อย่างเต็มรูปแบบจำเป็นอย่างยิ่ง - การป้องกันความเสี่ยงต้องการ กลยุทธ์ที่ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อลดจุดอ่อนที่เกิดจากความเชื่อมโยงระหว่าง IT และ OT https://www.csoonline.com/article/3951163/too-little-budget-for-ot-security.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Too little budget for OT security despite rising threats
    According to a recent study, many organizations still invest too little in protecting their operational technology (OT).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD เตรียมเปิดตัว RX 9070 GRE ที่มาพร้อม VRAM 12 GB ซึ่งน้อยกว่ารุ่น RX 9070 และ RX 9070 XT โดยลดความกว้างของหน่วยความจำลงเพื่อปรับต้นทุน แบนด์วิดท์ลดลงจาก 640 GB/s เป็น 480 GB/s ทำให้ การเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p อาจเผชิญข้อจำกัดกับเกมสมัยใหม่ AMD เล็งเจาะตลาดจีนเป็นหลักก่อนขยายไปยังประเทศอื่น และยังไม่เปิดเผยรายละเอียดด้าน Compute Units กับราคาขาย แต่คาดว่า ราคาที่ต่ำกว่า $400 อาจทำให้การ์ดรุ่นนี้น่าสนใจมากขึ้น

    ✅ ใช้ชิป Navi 48 แบบเดียวกับ RX 9070 Series
    - RX 9070 GRE ยังคงใช้ GPU die Navi 48 เช่นเดียวกับรุ่น RX 9070 และ RX 9070 XT
    - ลดต้นทุนด้วยการปรับหน่วยความจำลง เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในตลาดระดับกลาง

    ✅ ผลกระทบต่อการเล่นเกมที่ความละเอียดสูง
    - ในการรีวิว RX 9070 XT พบว่า 16 GB VRAM เพียงพอต่อการเล่นเกมในระดับ 1440p
    - แต่ RX 9070 GRE 12 GB VRAM อาจเผชิญปัญหากับเกมสมัยใหม่ที่ใช้ VRAM สูงกว่า 9 GB

    ✅ เจาะตลาดจีนเป็นหลักก่อนเข้าสู่ตลาดโลก
    - AMD มุ่งเน้น เปิดตัว RX 9070 GRE ในตลาดจีนเป็นอันดับแรก ก่อนกระจายไปยังประเทศอื่น
    - นี่เป็นกลยุทธ์ที่ AMD ใช้กับ SKU GRE รุ่นก่อนหน้า

    ✅ ราคายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องรอดู
    - แม้ว่า 12 GB VRAM อาจไม่ใช่จุดด้อยหากราคาต่ำกว่า $400 แต่ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของ Compute Units หรือ Stream Processors

    https://www.neowin.net/news/amds-alleged-rx-9070-gre-will-have-less-vram-than-9070-xt-and-9070-says-new-report/
    AMD เตรียมเปิดตัว RX 9070 GRE ที่มาพร้อม VRAM 12 GB ซึ่งน้อยกว่ารุ่น RX 9070 และ RX 9070 XT โดยลดความกว้างของหน่วยความจำลงเพื่อปรับต้นทุน แบนด์วิดท์ลดลงจาก 640 GB/s เป็น 480 GB/s ทำให้ การเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p อาจเผชิญข้อจำกัดกับเกมสมัยใหม่ AMD เล็งเจาะตลาดจีนเป็นหลักก่อนขยายไปยังประเทศอื่น และยังไม่เปิดเผยรายละเอียดด้าน Compute Units กับราคาขาย แต่คาดว่า ราคาที่ต่ำกว่า $400 อาจทำให้การ์ดรุ่นนี้น่าสนใจมากขึ้น ✅ ใช้ชิป Navi 48 แบบเดียวกับ RX 9070 Series - RX 9070 GRE ยังคงใช้ GPU die Navi 48 เช่นเดียวกับรุ่น RX 9070 และ RX 9070 XT - ลดต้นทุนด้วยการปรับหน่วยความจำลง เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในตลาดระดับกลาง ✅ ผลกระทบต่อการเล่นเกมที่ความละเอียดสูง - ในการรีวิว RX 9070 XT พบว่า 16 GB VRAM เพียงพอต่อการเล่นเกมในระดับ 1440p - แต่ RX 9070 GRE 12 GB VRAM อาจเผชิญปัญหากับเกมสมัยใหม่ที่ใช้ VRAM สูงกว่า 9 GB ✅ เจาะตลาดจีนเป็นหลักก่อนเข้าสู่ตลาดโลก - AMD มุ่งเน้น เปิดตัว RX 9070 GRE ในตลาดจีนเป็นอันดับแรก ก่อนกระจายไปยังประเทศอื่น - นี่เป็นกลยุทธ์ที่ AMD ใช้กับ SKU GRE รุ่นก่อนหน้า ✅ ราคายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องรอดู - แม้ว่า 12 GB VRAM อาจไม่ใช่จุดด้อยหากราคาต่ำกว่า $400 แต่ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของ Compute Units หรือ Stream Processors https://www.neowin.net/news/amds-alleged-rx-9070-gre-will-have-less-vram-than-9070-xt-and-9070-says-new-report/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD's alleged RX 9070 GRE will have less VRAM than 9070 XT and 9070, says new report
    We recently learned that AMD may be working on a 9070 GRE graphics card. The latest report about it suggests that the SKU could pack less VRAM than the 9070 and 9070 XT.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยเตือนว่าบอท AI Scrapers กำลังดูดข้อมูลจำนวนมากจากเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจ, ลิขสิทธิ์ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers โดยเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ บอทเหล่านี้ยังส่งผลต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ ทำให้ธุรกิจตัดสินใจผิดพลาดได้

    ✅ บอท AI Scrapers ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก
    - Good Bots เช่น บอท SEO หรือบอทบริการลูกค้า ที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์
    - Bad Bots ที่มุ่งโจมตี เช่น บอทขโมยข้อมูล, บอททำธุรกรรมหลอกลวง และบอทเจาะระบบบัญชี
    - Gray Bots ซึ่งอยู่ตรงกลาง—มีพฤติกรรมที่ คลุมเครือและก้าวร้าวกว่า โดยดึงข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ฝึกโมเดล AI

    ✅ ปริมาณการร้องขอข้อมูลจาก AI Bots เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - ระบบตรวจจับของ Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI Scrapers มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน
    - บอทเหล่านี้สามารถ ดูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และส่งผลให้เว็บไซต์โหลดช้าลงหรือหยุดทำงาน

    ✅ ผลกระทบต่อลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    - AI Scrapers อาจนำข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - เว็บไซต์ที่มีข้อมูลลูกค้า เช่น แพลตฟอร์มด้านสุขภาพและการเงิน อาจตกอยู่ในความเสี่ยง

    ✅ กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers
    - ในสหราชอาณาจักร มีการเปิดตัวแคมเปญ "Make it Fair" เพื่อเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของผู้สร้างเนื้อหา
    - เป้าหมายของแคมเปญคือ ป้องกันไม่ให้ AI ใช้รูปภาพ, วิดีโอ และข้อความที่สร้างโดยมนุษย์โดยไม่มีเครดิต

    ✅ AI Scrapers ยังส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์
    - เว็บไซต์ที่ถูกบอทเหล่านี้โจมตี อาจไม่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้จริงได้แม่นยำ
    - ส่งผลให้ ธุรกิจตัดสินใจทางกลยุทธ์ผิดพลาด เนื่องจากข้อมูลการเข้าชมถูกรบกวน

    https://www.techradar.com/pro/security/genai-bots-could-well-be-scraping-your-web-apps-researchers-warn
    นักวิจัยเตือนว่าบอท AI Scrapers กำลังดูดข้อมูลจำนวนมากจากเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจ, ลิขสิทธิ์ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers โดยเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ บอทเหล่านี้ยังส่งผลต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ ทำให้ธุรกิจตัดสินใจผิดพลาดได้ ✅ บอท AI Scrapers ถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก - Good Bots เช่น บอท SEO หรือบอทบริการลูกค้า ที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ - Bad Bots ที่มุ่งโจมตี เช่น บอทขโมยข้อมูล, บอททำธุรกรรมหลอกลวง และบอทเจาะระบบบัญชี - Gray Bots ซึ่งอยู่ตรงกลาง—มีพฤติกรรมที่ คลุมเครือและก้าวร้าวกว่า โดยดึงข้อมูลจำนวนมากเพื่อใช้ฝึกโมเดล AI ✅ ปริมาณการร้องขอข้อมูลจาก AI Bots เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - ระบบตรวจจับของ Barracuda พบว่า บางเว็บแอปได้รับคำร้องขอจาก AI Scrapers มากกว่า 9.7 ล้านครั้งใน 30 วัน - บอทเหล่านี้สามารถ ดูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และส่งผลให้เว็บไซต์โหลดช้าลงหรือหยุดทำงาน ✅ ผลกระทบต่อลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล - AI Scrapers อาจนำข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต - เว็บไซต์ที่มีข้อมูลลูกค้า เช่น แพลตฟอร์มด้านสุขภาพและการเงิน อาจตกอยู่ในความเสี่ยง ✅ กลุ่มผู้สร้างเนื้อหาเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน AI Scrapers - ในสหราชอาณาจักร มีการเปิดตัวแคมเปญ "Make it Fair" เพื่อเรียกร้องให้ AI เคารพลิขสิทธิ์ของผู้สร้างเนื้อหา - เป้าหมายของแคมเปญคือ ป้องกันไม่ให้ AI ใช้รูปภาพ, วิดีโอ และข้อความที่สร้างโดยมนุษย์โดยไม่มีเครดิต ✅ AI Scrapers ยังส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ - เว็บไซต์ที่ถูกบอทเหล่านี้โจมตี อาจไม่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้จริงได้แม่นยำ - ส่งผลให้ ธุรกิจตัดสินใจทางกลยุทธ์ผิดพลาด เนื่องจากข้อมูลการเข้าชมถูกรบกวน https://www.techradar.com/pro/security/genai-bots-could-well-be-scraping-your-web-apps-researchers-warn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก NETSCOUT ชี้ว่า การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วง การเลือกตั้ง, การประท้วง และความขัดแย้งทางนโยบาย กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีแรงจูงใจทางการเมืองใช้การโจมตีลักษณะนี้เพื่อ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นในสถาบันต่าง ๆ และก่อกวนบริการสาธารณะ

    ✅ กลุ่ม NoName057(16) จากรัสเซีย—ผู้นำด้านการโจมตี DDoS ที่มุ่งเป้าไปยังยุโรป
    - รายงานระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย NoName057(16) กำลังโจมตีระบบของรัฐบาลใน สหราชอาณาจักร, เบลเยียม และสเปน
    - จอร์เจียได้รับผลกระทบหนัก โดยมีจำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น 1,489% ก่อนการพิจารณากฎหมาย "Russia Bill"

    ✅ จำนวนการโจมตีพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว—ครึ่งหลังของปี 2024 มีการโจมตีถึง 9 ล้านครั้ง
    - เพิ่มขึ้น 12.75% จากครึ่งแรกของปี 2024
    - อิสราเอลโดนโจมตีหนักที่สุด เพิ่มขึ้น 2,844% มีการโจมตีสูงสุดถึง 519 ครั้งในหนึ่งวัน

    ✅ DDoS ต่างจาก Ransomware—เป้าหมายคือทำลาย ไม่ใช่เรียกค่าไถ่
    - Ransomware ถูกใช้เพื่อเรียกค่าไถ่ ในขณะที่ DDoS มุ่งเน้นสร้างความปั่นป่วนโดยไม่มีข้อเรียกร้องทางการเงิน
    - ทำให้เป็น เครื่องมือทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน

    ✅ องค์กรต้องใช้กลยุทธ์การป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น
    - การเฝ้าระวังและใช้ระบบตรวจจับล่วงหน้า เป็นสิ่งจำเป็น
    - ต้องมี มาตรการป้องกันขั้นสูงเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/ddos-attacks-are-becoming-a-critical-tool-in-geopolitical-battles
    รายงานจาก NETSCOUT ชี้ว่า การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วง การเลือกตั้ง, การประท้วง และความขัดแย้งทางนโยบาย กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีแรงจูงใจทางการเมืองใช้การโจมตีลักษณะนี้เพื่อ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นในสถาบันต่าง ๆ และก่อกวนบริการสาธารณะ ✅ กลุ่ม NoName057(16) จากรัสเซีย—ผู้นำด้านการโจมตี DDoS ที่มุ่งเป้าไปยังยุโรป - รายงานระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย NoName057(16) กำลังโจมตีระบบของรัฐบาลใน สหราชอาณาจักร, เบลเยียม และสเปน - จอร์เจียได้รับผลกระทบหนัก โดยมีจำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้น 1,489% ก่อนการพิจารณากฎหมาย "Russia Bill" ✅ จำนวนการโจมตีพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว—ครึ่งหลังของปี 2024 มีการโจมตีถึง 9 ล้านครั้ง - เพิ่มขึ้น 12.75% จากครึ่งแรกของปี 2024 - อิสราเอลโดนโจมตีหนักที่สุด เพิ่มขึ้น 2,844% มีการโจมตีสูงสุดถึง 519 ครั้งในหนึ่งวัน ✅ DDoS ต่างจาก Ransomware—เป้าหมายคือทำลาย ไม่ใช่เรียกค่าไถ่ - Ransomware ถูกใช้เพื่อเรียกค่าไถ่ ในขณะที่ DDoS มุ่งเน้นสร้างความปั่นป่วนโดยไม่มีข้อเรียกร้องทางการเงิน - ทำให้เป็น เครื่องมือทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ✅ องค์กรต้องใช้กลยุทธ์การป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น - การเฝ้าระวังและใช้ระบบตรวจจับล่วงหน้า เป็นสิ่งจำเป็น - ต้องมี มาตรการป้องกันขั้นสูงเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/ddos-attacks-are-becoming-a-critical-tool-in-geopolitical-battles
    WWW.TECHRADAR.COM
    DDoS attacks are becoming a critical tool in geopolitical battles
    Critical infrastructure is the top target, report warns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT

    ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991
    - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง
    - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์

    ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
    - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี
    - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series
    - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน

    ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่
    - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร
    - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว

    ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น
    - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย

    ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี
    - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991 - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์ ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่ - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ AI ข้อมูลบิดเบือนจะไม่พลิกผลเลือกตั้งปี 2024 แต่ภัยคุกคามของมันยังคงอยู่และกำลังพัฒนา แฮกเกอร์ใช้ AI ไม่เพียงแค่สร้างข่าวปลอม แต่ยังช่วยซ่อนร่องรอยในระบบไซเบอร์ ดีพเฟกเสียงและเอกสารปลอมถูกนำมาใช้เพื่อเจาะระบบความปลอดภัยขององค์กร และทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น ภัยคุกคามนี้ยังคงขยายตัว และองค์กรต้องปรับกลยุทธ์รับมือโดยเร็ว

    ✅ AI กำลังถูกนำมาใช้โจมตีองค์กรและโครงสร้างพื้นฐาน
    - จากเดิมที่ใช้เพื่อชักจูงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง AI ข้อมูลบิดเบือนถูกนำไปใช้ในการโจมตีองค์กรและซัพพลายเชน
    - ภัยคุกคามไซเบอร์รูปแบบใหม่ เช่น AI-generated phishing และการปลอมตัวเป็นผู้บริหาร กำลังเพิ่มขึ้น

    ✅ ภัยคุกคาม AI ไม่ได้จบลง แค่กำลังปรับตัว
    - แม้จะมีมาตรการตอบโต้ เช่น การตรวจจับดีพเฟกและการกำกับดูแลจากยุโรป
    - แต่ผู้ไม่หวังดี กำลังพัฒนา AI นอกระบบตรวจสอบ และใช้เครื่องมือที่หลบเลี่ยงการตรวจจับ

    ✅ AI ช่วยให้แฮกเกอร์ซ่อนร่องรอยได้ดีขึ้น
    - แฮกเกอร์สามารถ สร้างข้อมูลเท็จภายในเครือข่ายที่ถูกโจมตี ทำให้ผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์หลงทาง
    - บางกลุ่มใช้ AI-generated logs และการปลอมแปลงหลักฐานดิจิทัล เพื่อบิดเบือนการตรวจสอบ

    ✅ องค์กรต้องปรับกลยุทธ์รับมือภัยคุกคาม AI
    - ต้องพัฒนา เทคนิคใหม่ในการตรวจจับความผิดปกติของข้อมูล
    - ระบบยืนยันตัวตนแบบเดิม เช่นการสแกนเสียงและวิดีโอ อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

    https://www.csoonline.com/article/3852770/ai-disinformation-didnt-upend-2024-elections-but-the-threat-is-very-real.html
    แม้ AI ข้อมูลบิดเบือนจะไม่พลิกผลเลือกตั้งปี 2024 แต่ภัยคุกคามของมันยังคงอยู่และกำลังพัฒนา แฮกเกอร์ใช้ AI ไม่เพียงแค่สร้างข่าวปลอม แต่ยังช่วยซ่อนร่องรอยในระบบไซเบอร์ ดีพเฟกเสียงและเอกสารปลอมถูกนำมาใช้เพื่อเจาะระบบความปลอดภัยขององค์กร และทำให้การตรวจจับการโจมตียากขึ้น ภัยคุกคามนี้ยังคงขยายตัว และองค์กรต้องปรับกลยุทธ์รับมือโดยเร็ว ✅ AI กำลังถูกนำมาใช้โจมตีองค์กรและโครงสร้างพื้นฐาน - จากเดิมที่ใช้เพื่อชักจูงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง AI ข้อมูลบิดเบือนถูกนำไปใช้ในการโจมตีองค์กรและซัพพลายเชน - ภัยคุกคามไซเบอร์รูปแบบใหม่ เช่น AI-generated phishing และการปลอมตัวเป็นผู้บริหาร กำลังเพิ่มขึ้น ✅ ภัยคุกคาม AI ไม่ได้จบลง แค่กำลังปรับตัว - แม้จะมีมาตรการตอบโต้ เช่น การตรวจจับดีพเฟกและการกำกับดูแลจากยุโรป - แต่ผู้ไม่หวังดี กำลังพัฒนา AI นอกระบบตรวจสอบ และใช้เครื่องมือที่หลบเลี่ยงการตรวจจับ ✅ AI ช่วยให้แฮกเกอร์ซ่อนร่องรอยได้ดีขึ้น - แฮกเกอร์สามารถ สร้างข้อมูลเท็จภายในเครือข่ายที่ถูกโจมตี ทำให้ผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์หลงทาง - บางกลุ่มใช้ AI-generated logs และการปลอมแปลงหลักฐานดิจิทัล เพื่อบิดเบือนการตรวจสอบ ✅ องค์กรต้องปรับกลยุทธ์รับมือภัยคุกคาม AI - ต้องพัฒนา เทคนิคใหม่ในการตรวจจับความผิดปกติของข้อมูล - ระบบยืนยันตัวตนแบบเดิม เช่นการสแกนเสียงและวิดีโอ อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป https://www.csoonline.com/article/3852770/ai-disinformation-didnt-upend-2024-elections-but-the-threat-is-very-real.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    AI disinformation didn’t upend 2024 elections, but the threat is very real
    The next phase of AI disinformation won’t just target voters but target organizations, supply chains, and critical infrastructure.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารผ่านศึก—กำลังสำคัญของวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม

    ทหารผ่านศึกถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในการทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เนื่องจากมีทักษะด้านความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคเรื่องการแปลทักษะ และการสร้างเครือข่ายในภาคเอกชน หน่วยงานอย่าง SANS Veterans Cyber Academy และโครงการ Onward to Opportunity ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้และได้รับใบรับรองที่จำเป็น ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ สามารถมีส่วนร่วมโดยสร้างโครงการรับสมัครและให้การสนับสนุนทหารผ่านศึก

    ==จุดแข็งของทหารผ่านศึกในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้==
    ✅ ความเข้าใจด้านความปลอดภัยเป็นพื้นฐานสำคัญ
    - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ หรือข้อมูลดิจิทัล
    - หน่วยงานด้านไซเบอร์เช่น CISA สนับสนุนให้ทหารผ่านศึกก้าวสู่สายงานนี้

    ✅ ทักษะการวิเคราะห์และจัดการปัญหาเฉพาะหน้า
    - พวกเขาคุ้นเคยกับ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และการวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้

    ✅ ความสามารถในการทำงานเป็นทีมและปฏิบัติงานภายใต้แรงกดดัน
    - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ทำงานร่วมกันเป็นทีม และสามารถรับมือกับสภาวะความกดดันสูงได้ดี

    ==อุปสรรคที่ทหารผ่านศึกต้องเผชิญ==
    ❌ การแปลทักษะจากโลกทหารสู่คำศัพท์พลเรือน
    - การใช้คำศัพท์เฉพาะทางในกองทัพอาจไม่ถูกเข้าใจโดยบริษัทเทคโนโลยี
    - ระบบตรวจสอบเรซูเม่อัตโนมัติอาจไม่สามารถจับคู่ทักษะของพวกเขากับตำแหน่งงานที่เปิดรับ

    ❌ ขาดเครือข่ายและการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม
    - หลายคนพบว่าการหางานที่เหมาะสมเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากขาดเครือข่ายในภาคเอกชน

    ==แนวทางสนับสนุนที่ช่วยให้ทหารผ่านศึกก้าวเข้าสู่สายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้==
    💡 หลักสูตรอบรมเฉพาะทาง เช่น SANS Veterans Cyber Academy และ Onward to Opportunity
    - ช่วยให้ทหารผ่านศึกเรียนรู้พื้นฐานด้านไซเบอร์ และได้รับใบรับรองอุตสาหกรรม

    💡 การมีพี่เลี้ยงและเครือข่ายสนับสนุน
    - การพูดคุยกับผู้ที่อยู่ในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้สามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจวิธีเปลี่ยนทักษะจากโลกทหารให้เหมาะสมกับงานพลเรือน

    💡 บริษัทควรมีโครงการสนับสนุนและรับสมัครทหารผ่านศึก
    - องค์กรสามารถเข้าร่วมงานจัดหางานในฐานทัพเพื่อดึงดูดผู้สมัครที่มีศักยภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3853771/veterans-are-an-obvious-fit-for-cybersecurity-but-some-tailored-support-helps-ensure-they-succeed.html
    ทหารผ่านศึก—กำลังสำคัญของวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ทหารผ่านศึกถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในการทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เนื่องจากมีทักษะด้านความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคเรื่องการแปลทักษะ และการสร้างเครือข่ายในภาคเอกชน หน่วยงานอย่าง SANS Veterans Cyber Academy และโครงการ Onward to Opportunity ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้และได้รับใบรับรองที่จำเป็น ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ สามารถมีส่วนร่วมโดยสร้างโครงการรับสมัครและให้การสนับสนุนทหารผ่านศึก ==จุดแข็งของทหารผ่านศึกในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้== ✅ ความเข้าใจด้านความปลอดภัยเป็นพื้นฐานสำคัญ - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ หรือข้อมูลดิจิทัล - หน่วยงานด้านไซเบอร์เช่น CISA สนับสนุนให้ทหารผ่านศึกก้าวสู่สายงานนี้ ✅ ทักษะการวิเคราะห์และจัดการปัญหาเฉพาะหน้า - พวกเขาคุ้นเคยกับ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และการวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ✅ ความสามารถในการทำงานเป็นทีมและปฏิบัติงานภายใต้แรงกดดัน - ทหารผ่านศึกมีประสบการณ์ทำงานร่วมกันเป็นทีม และสามารถรับมือกับสภาวะความกดดันสูงได้ดี ==อุปสรรคที่ทหารผ่านศึกต้องเผชิญ== ❌ การแปลทักษะจากโลกทหารสู่คำศัพท์พลเรือน - การใช้คำศัพท์เฉพาะทางในกองทัพอาจไม่ถูกเข้าใจโดยบริษัทเทคโนโลยี - ระบบตรวจสอบเรซูเม่อัตโนมัติอาจไม่สามารถจับคู่ทักษะของพวกเขากับตำแหน่งงานที่เปิดรับ ❌ ขาดเครือข่ายและการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม - หลายคนพบว่าการหางานที่เหมาะสมเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากขาดเครือข่ายในภาคเอกชน ==แนวทางสนับสนุนที่ช่วยให้ทหารผ่านศึกก้าวเข้าสู่สายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้== 💡 หลักสูตรอบรมเฉพาะทาง เช่น SANS Veterans Cyber Academy และ Onward to Opportunity - ช่วยให้ทหารผ่านศึกเรียนรู้พื้นฐานด้านไซเบอร์ และได้รับใบรับรองอุตสาหกรรม 💡 การมีพี่เลี้ยงและเครือข่ายสนับสนุน - การพูดคุยกับผู้ที่อยู่ในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้สามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจวิธีเปลี่ยนทักษะจากโลกทหารให้เหมาะสมกับงานพลเรือน 💡 บริษัทควรมีโครงการสนับสนุนและรับสมัครทหารผ่านศึก - องค์กรสามารถเข้าร่วมงานจัดหางานในฐานทัพเพื่อดึงดูดผู้สมัครที่มีศักยภาพ https://www.csoonline.com/article/3853771/veterans-are-an-obvious-fit-for-cybersecurity-but-some-tailored-support-helps-ensure-they-succeed.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Veterans are an obvious fit for cybersecurity, but tailored support ensures they succeed
    Paying attention to the specific needs of military members transitioning to civilian security positions can help organizations improve their recruitment and retention, and the process can benefit hiring programs in general.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นข่าวร้ายสำหรับลุงเลยทีเดียว

    Microsoft ประกาศขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์แบบ On-Premises ถึง 10% รวมถึง Exchange Server, Skype for Business และ SharePoint Server นอกจากนี้ Core CAL Suite และ Enterprise CAL Suite ก็เพิ่มขึ้น 15-20% โดยมีผลในเดือนกรกฎาคม กลยุทธ์นี้ชัดเจนว่า Microsoft กำลังผลักดันให้ลูกค้าหันไปใช้ Cloud มากขึ้น ขณะที่บริการ Cloud อย่าง Exchange Online และ Microsoft Teams ยังคงราคาเดิม

    ✅ Exchange Server และ Skype for Business รุ่น Subscription Edition จะเริ่มเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม
    - Exchange Server 2016 และ 2019 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    - ลูกค้าที่ต้องการใช้ Exchange Server SE ต้องมี Microsoft 365 E3/E5 หรือ Software Assurance (SA) ที่ใช้งานอยู่

    ✅ Core CAL Suite และ Enterprise CAL Suite ขึ้นราคา 15% และ 20% ตามลำดับ
    - ราคานี้จะมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2025

    ✅ บริการ Cloud เช่น SharePoint Online, Exchange Online และ Microsoft Teams ยังคงราคาเดิม
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Microsoft ที่ต้องการผลักดันให้ องค์กรเปลี่ยนมาใช้บริการ Cloud มากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/microsoft-increases-prices-of-all-standalone-on-premises-server-products/
    เป็นข่าวร้ายสำหรับลุงเลยทีเดียว Microsoft ประกาศขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์แบบ On-Premises ถึง 10% รวมถึง Exchange Server, Skype for Business และ SharePoint Server นอกจากนี้ Core CAL Suite และ Enterprise CAL Suite ก็เพิ่มขึ้น 15-20% โดยมีผลในเดือนกรกฎาคม กลยุทธ์นี้ชัดเจนว่า Microsoft กำลังผลักดันให้ลูกค้าหันไปใช้ Cloud มากขึ้น ขณะที่บริการ Cloud อย่าง Exchange Online และ Microsoft Teams ยังคงราคาเดิม ✅ Exchange Server และ Skype for Business รุ่น Subscription Edition จะเริ่มเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม - Exchange Server 2016 และ 2019 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 - ลูกค้าที่ต้องการใช้ Exchange Server SE ต้องมี Microsoft 365 E3/E5 หรือ Software Assurance (SA) ที่ใช้งานอยู่ ✅ Core CAL Suite และ Enterprise CAL Suite ขึ้นราคา 15% และ 20% ตามลำดับ - ราคานี้จะมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 ✅ บริการ Cloud เช่น SharePoint Online, Exchange Online และ Microsoft Teams ยังคงราคาเดิม - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Microsoft ที่ต้องการผลักดันให้ องค์กรเปลี่ยนมาใช้บริการ Cloud มากขึ้น https://www.neowin.net/news/microsoft-increases-prices-of-all-standalone-on-premises-server-products/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft increases prices of all standalone on-premises server products
    Microsoft is increasing the prices for its on-premises server products and introducing new subscription editions. They are also increasing the prices of Core and Enterprise CAL Suites.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เตือนว่ามีสายลับจากเกาหลีเหนือแฝงตัวเป็นนักพัฒนา IT ในบริษัทตะวันตก เพื่อขโมยข้อมูลและสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล DPRK มีรายงานว่าบางคนขู่เปิดเผยข้อมูลบริษัทหลังถูกไล่ออก ปฏิบัติการนี้สร้างรายได้กว่า 6.8 ล้านดอลลาร์ และเริ่มขยายไปสู่ บริษัทในยุโรป บริษัทไอทีบางแห่งใช้แนวทาง Bring Your Own Device (BYOD) เพื่อลดความเสี่ยง แต่แนวทางนี้ก็ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    ✅ พนักงานที่ถูกไล่ออกบางรายขู่เปิดเผยข้อมูลบริษัท
    - มีกรณีที่นักพัฒนา IT ซึ่งถูกไล่ออกจากบริษัทขู่จะ เปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลภายในแก่คู่แข่ง
    - ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบรวมถึง ซอฟต์แวร์ที่ยังไม่ได้เปิดตัวและทรัพย์สินทางปัญญา

    ✅ การแทรกซึมเข้าสู่บริษัทไอทีระดับโลกเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ
    - Google รายงานว่าการแทรกซึมดังกล่าวสร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือถึง 6.8 ล้านดอลลาร์
    - พบหลักฐานว่ามี ทีมสนับสนุนในสหรัฐฯ และอังกฤษ ที่ช่วยส่งอุปกรณ์ให้สายลับใช้ในการทำงาน

    ✅ แฮกเกอร์ของ DPRK เริ่มหันไปเน้นยุโรปมากขึ้น
    - การตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานพบว่า มีการเพิ่มจำนวนการโจมตีและความพยายามล้วงข้อมูลในยุโรป
    - อาจเป็นสัญญาณของการขยายปฏิบัติการไปทั่วโลก

    ✅ บริษัทส่วนใหญ่เริ่มใช้แนวทาง "Bring Your Own Device" แต่ยังมีจุดอ่อน
    - องค์กรที่อนุญาตให้พนักงานใช้ อุปกรณ์ของตัวเอง (BYOD) พบว่าเป็นช่องโหว่สำคัญ
    - เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ ขาดระบบความปลอดภัยและการบันทึกข้อมูลที่ช่วยตรวจจับภัยคุกคาม

    https://www.techradar.com/pro/security/google-warns-north-korean-spies-are-gaining-positions-in-western-firms
    Google เตือนว่ามีสายลับจากเกาหลีเหนือแฝงตัวเป็นนักพัฒนา IT ในบริษัทตะวันตก เพื่อขโมยข้อมูลและสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล DPRK มีรายงานว่าบางคนขู่เปิดเผยข้อมูลบริษัทหลังถูกไล่ออก ปฏิบัติการนี้สร้างรายได้กว่า 6.8 ล้านดอลลาร์ และเริ่มขยายไปสู่ บริษัทในยุโรป บริษัทไอทีบางแห่งใช้แนวทาง Bring Your Own Device (BYOD) เพื่อลดความเสี่ยง แต่แนวทางนี้ก็ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ✅ พนักงานที่ถูกไล่ออกบางรายขู่เปิดเผยข้อมูลบริษัท - มีกรณีที่นักพัฒนา IT ซึ่งถูกไล่ออกจากบริษัทขู่จะ เปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลภายในแก่คู่แข่ง - ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบรวมถึง ซอฟต์แวร์ที่ยังไม่ได้เปิดตัวและทรัพย์สินทางปัญญา ✅ การแทรกซึมเข้าสู่บริษัทไอทีระดับโลกเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ - Google รายงานว่าการแทรกซึมดังกล่าวสร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือถึง 6.8 ล้านดอลลาร์ - พบหลักฐานว่ามี ทีมสนับสนุนในสหรัฐฯ และอังกฤษ ที่ช่วยส่งอุปกรณ์ให้สายลับใช้ในการทำงาน ✅ แฮกเกอร์ของ DPRK เริ่มหันไปเน้นยุโรปมากขึ้น - การตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานพบว่า มีการเพิ่มจำนวนการโจมตีและความพยายามล้วงข้อมูลในยุโรป - อาจเป็นสัญญาณของการขยายปฏิบัติการไปทั่วโลก ✅ บริษัทส่วนใหญ่เริ่มใช้แนวทาง "Bring Your Own Device" แต่ยังมีจุดอ่อน - องค์กรที่อนุญาตให้พนักงานใช้ อุปกรณ์ของตัวเอง (BYOD) พบว่าเป็นช่องโหว่สำคัญ - เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ ขาดระบบความปลอดภัยและการบันทึกข้อมูลที่ช่วยตรวจจับภัยคุกคาม https://www.techradar.com/pro/security/google-warns-north-korean-spies-are-gaining-positions-in-western-firms
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักต้มตุ๋นคริปโต 438 รายใช้ Telegram เพื่อปั่นราคาผ่านแผน Pump-and-Dump สร้างรายได้ถึง 250 ล้านดอลลาร์ต่อปี งานวิจัยจาก University College London พบว่าพวกเขาควบคุม ธุรกรรมเทียม 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ และใช้กลยุทธ์ ปั่นเหรียญเพื่อหลอกนักลงทุน เครื่องมือ Perseus สามารถตรวจจับการโกง แต่ ตลาดคริปโตยังคงเสี่ยงเพราะขาดกฎหมายกำกับดูแล

    ✅ Telegram กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักในการปั่นตลาดคริปโต
    - นักต้มตุ๋นใช้ ช่องแชทและกลุ่มลับ เพื่อสร้างกระแสปลอมเกี่ยวกับเหรียญ
    - ปั่นราคาโดย เผยแพร่ข่าวปลอมและแผนลงทุนที่ดูมีอนาคต เพื่อให้คนแห่เข้าซื้อ

    ✅ เครื่องมือ Perseus วิเคราะห์และติดตามการโกงคริปโตแบบเรียลไทม์
    - Perseus มีสามองค์ประกอบหลัก ได้แก่ ตัวดึงข้อมูล, กราฟเครือข่าย และระบบตรวจจับนักต้มตุ๋น
    - คล้าย AI Detector ของ McAfee ซึ่งช่วยเปิดโปงนักต้มตุ๋นก่อนที่พวกเขาจะทำเหยื่อรายใหม่

    ✅ ตลาดคริปโตยังคงเสี่ยงเพราะขาดการกำกับดูแล
    - การลงทุนในคริปโต ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองที่ชัดเจนในหลายประเทศ
    - งานวิจัยระบุว่าการใช้ AI เช่น Perseus สามารถช่วยตรวจจับพฤติกรรมโกง แต่การออกกฎควบคุมยังเป็นสิ่งจำเป็น

    https://www.techradar.com/pro/438-crypto-masterminds-are-responsible-for-the-majority-of-pump-and-dump-crypto-coin-schemes-globally-researchers-find
    นักต้มตุ๋นคริปโต 438 รายใช้ Telegram เพื่อปั่นราคาผ่านแผน Pump-and-Dump สร้างรายได้ถึง 250 ล้านดอลลาร์ต่อปี งานวิจัยจาก University College London พบว่าพวกเขาควบคุม ธุรกรรมเทียม 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ และใช้กลยุทธ์ ปั่นเหรียญเพื่อหลอกนักลงทุน เครื่องมือ Perseus สามารถตรวจจับการโกง แต่ ตลาดคริปโตยังคงเสี่ยงเพราะขาดกฎหมายกำกับดูแล ✅ Telegram กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักในการปั่นตลาดคริปโต - นักต้มตุ๋นใช้ ช่องแชทและกลุ่มลับ เพื่อสร้างกระแสปลอมเกี่ยวกับเหรียญ - ปั่นราคาโดย เผยแพร่ข่าวปลอมและแผนลงทุนที่ดูมีอนาคต เพื่อให้คนแห่เข้าซื้อ ✅ เครื่องมือ Perseus วิเคราะห์และติดตามการโกงคริปโตแบบเรียลไทม์ - Perseus มีสามองค์ประกอบหลัก ได้แก่ ตัวดึงข้อมูล, กราฟเครือข่าย และระบบตรวจจับนักต้มตุ๋น - คล้าย AI Detector ของ McAfee ซึ่งช่วยเปิดโปงนักต้มตุ๋นก่อนที่พวกเขาจะทำเหยื่อรายใหม่ ✅ ตลาดคริปโตยังคงเสี่ยงเพราะขาดการกำกับดูแล - การลงทุนในคริปโต ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองที่ชัดเจนในหลายประเทศ - งานวิจัยระบุว่าการใช้ AI เช่น Perseus สามารถช่วยตรวจจับพฤติกรรมโกง แต่การออกกฎควบคุมยังเป็นสิ่งจำเป็น https://www.techradar.com/pro/438-crypto-masterminds-are-responsible-for-the-majority-of-pump-and-dump-crypto-coin-schemes-globally-researchers-find
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน

    ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024
    - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%)
    - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%)
    - Amazon Redshift: $134,103 (+15%)
    - BigQuery: $120,434 (+15%)
    - COBOL: $130,243 (+15%)
    - Ruby: $136,920 (+13%)
    - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%)
    - Blockchain: $113,143 (+12%)
    - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%)
    - Application Delivery: $123,336 (+11%)

    ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น
    - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน
    - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้

    ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที
    - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000
    - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้
    - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต

    ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน

    https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024 - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%) - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%) - Amazon Redshift: $134,103 (+15%) - BigQuery: $120,434 (+15%) - COBOL: $130,243 (+15%) - Ruby: $136,920 (+13%) - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%) - Blockchain: $113,143 (+12%) - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%) - Application Delivery: $123,336 (+11%) ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้ ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000 - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้ - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    WWW.ZDNET.COM
    These tech skills drove the biggest salary increases over the past year
    A new tech salaries report suggests that working with AI boosts both pay and satisfaction - but it also cautions that excessive job hopping can work against you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้ CEO Lip-Bu Tan ซึ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า และปรับตัวให้เหมาะกับธุรกิจโรงงานผลิตชิป Tan เตรียมเดินหน้าสู่ การผลิต High-Volume ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A พร้อมมุ่งเน้นการจ้างงานและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่เขาตัดสินใจเก็บธุรกิจโรงงานไว้โดยไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ

    ✅ ความท้าทายของ Intel กับธุรกิจ Foundry
    - Intel ถูกวิจารณ์มานานว่า ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้
    - ปี 2011 Tim Cook เคยบอกกับ Morris Chang (ผู้ก่อตั้ง TSMC) ว่า Intel "ไม่เข้าใจการทำธุรกิจโรงงานผลิตชิป"
    - จุดนี้ทำให้ TSMC กลายเป็นผู้นำตลาด โดยสามารถรองรับลูกค้ารายใหญ่เช่น Apple และ Nvidia

    ✅ Lip-Bu Tan ต้องการปรับโครงสร้างเพื่อดึงลูกค้ากลับมา
    - Tan กล่าวว่า "Foundry เป็นธุรกิจบริการ และต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า"
    - เขาเชื่อว่า ลูกค้าแต่ละรายมีรูปแบบการออกแบบชิปที่แตกต่างกัน และ Intel ต้อง เรียนรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับแต่ละบริษัท
    - กลยุทธ์นี้เคยประสบความสำเร็จในยุคที่เขาเป็น CEO ของ Cadence

    ✅ Intel ไม่ได้ยอมแพ้—เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่
    - Tan กล่าวว่า Intel พร้อมเข้าสู่การผลิตขนาดใหญ่ (High-Volume Production) ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A ในปีนี้
    - นอกจากนี้ Intel กำลังทำงานบน 14A Node ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีระดับสูงกว่า

    ✅ มุ่งเน้นการจ้างงานและฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร
    - Tan มองว่า Intel สูญเสียบุคลากรสำคัญไปหลายปี และเขาต้องการดึงวิศวกรชั้นนำกลับมา
    - เป้าหมายคือ สร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

    ✅ Intel จะเก็บธุรกิจโรงงานไว้—ไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ
    - ก่อนที่ Tan จะรับตำแหน่ง CEO มีข่าวลือว่า Intel อาจแยกธุรกิจโรงงานออกจากกันเพื่อเพิ่มผลกำไร
    - อย่างไรก็ตาม หลังจากสุนทรพจน์ครั้งแรกของ Tan ดูเหมือนว่า เขาจะพยายามรักษาธุรกิจนี้ไว้และดึงลูกค้ากลับมา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/lip-bu-tans-first-speech-as-intel-ceo-focuses-on-innovation-and-working-with-foundry-customers
    Intel กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้ CEO Lip-Bu Tan ซึ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า และปรับตัวให้เหมาะกับธุรกิจโรงงานผลิตชิป Tan เตรียมเดินหน้าสู่ การผลิต High-Volume ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A พร้อมมุ่งเน้นการจ้างงานและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่เขาตัดสินใจเก็บธุรกิจโรงงานไว้โดยไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ ✅ ความท้าทายของ Intel กับธุรกิจ Foundry - Intel ถูกวิจารณ์มานานว่า ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้ - ปี 2011 Tim Cook เคยบอกกับ Morris Chang (ผู้ก่อตั้ง TSMC) ว่า Intel "ไม่เข้าใจการทำธุรกิจโรงงานผลิตชิป" - จุดนี้ทำให้ TSMC กลายเป็นผู้นำตลาด โดยสามารถรองรับลูกค้ารายใหญ่เช่น Apple และ Nvidia ✅ Lip-Bu Tan ต้องการปรับโครงสร้างเพื่อดึงลูกค้ากลับมา - Tan กล่าวว่า "Foundry เป็นธุรกิจบริการ และต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า" - เขาเชื่อว่า ลูกค้าแต่ละรายมีรูปแบบการออกแบบชิปที่แตกต่างกัน และ Intel ต้อง เรียนรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับแต่ละบริษัท - กลยุทธ์นี้เคยประสบความสำเร็จในยุคที่เขาเป็น CEO ของ Cadence ✅ Intel ไม่ได้ยอมแพ้—เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ - Tan กล่าวว่า Intel พร้อมเข้าสู่การผลิตขนาดใหญ่ (High-Volume Production) ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A ในปีนี้ - นอกจากนี้ Intel กำลังทำงานบน 14A Node ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีระดับสูงกว่า ✅ มุ่งเน้นการจ้างงานและฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร - Tan มองว่า Intel สูญเสียบุคลากรสำคัญไปหลายปี และเขาต้องการดึงวิศวกรชั้นนำกลับมา - เป้าหมายคือ สร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ✅ Intel จะเก็บธุรกิจโรงงานไว้—ไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ - ก่อนที่ Tan จะรับตำแหน่ง CEO มีข่าวลือว่า Intel อาจแยกธุรกิจโรงงานออกจากกันเพื่อเพิ่มผลกำไร - อย่างไรก็ตาม หลังจากสุนทรพจน์ครั้งแรกของ Tan ดูเหมือนว่า เขาจะพยายามรักษาธุรกิจนี้ไว้และดึงลูกค้ากลับมา https://www.tomshardware.com/tech-industry/lip-bu-tans-first-speech-as-intel-ceo-focuses-on-innovation-and-working-with-foundry-customers
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Lip-Bu Tan's first speech as Intel CEO focuses on innovation and working with foundry customers
    “I can’t do it alone: I need your help as a customer — give me honest feedback.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts