• รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar

     Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto
    Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you

    Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT
    Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you

    ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026
    หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why

    รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล
    TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ
    https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office

     AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่
    AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages

    Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10
    Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด
    https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10

     OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT
    OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted

     Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี
    Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17

     ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี
    สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know

     Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it

    หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง
    ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง
    https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday

    Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router
    Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud
    https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง
    TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options

    OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel
    OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know

    Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น
    Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs

    มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update
    มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware

    ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware

    Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days

    Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง
    Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar 🛠️ Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you 🛒 Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you 🚗 ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026 หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why 🖤 รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office 🌐 AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่ AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages 💻 Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10 Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10 🏢 OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted 📱 Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17 🚫 ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know 📸 Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it 🎧 หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday 🔐 Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know ☁️ ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud 🔗 https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options 🛡️ OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know 🤖 Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs 🪟 มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware 🎨 ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware 🧑‍⚖️ Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์ รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days 🚀 Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline

    The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง
    https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack

    One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM
    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล
    https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam

    Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0
    Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0

    Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens
    ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต
    https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens

    500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends
    Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline 🛡️ The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง 🔗 https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack ✨ One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam ⚙️ Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0 Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🔗 https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0 💰 Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต 🔗 https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens 💻 500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    SECURITYONLINE.INFO
    The "Korean Leaks" Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    Qilin & North Korean hackers launch "Korean Leaks," a massive supply chain attack on South Korea's financial sector via a compromised MSP.
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลสเปกรั่ว Intel Xeon 696X Granite Rapids-WS

    ข่าวนี้รายงานการรั่วไหลของซีพียู Intel Xeon 696X Granite Rapids-WS ที่มาพร้อม 64 คอร์ 128 เธรด ความเร็วสูงสุด 4.6 GHz และแคช L3 ขนาด 336 MB โดยมีค่า TDP อยู่ที่ 350W ถือเป็นรุ่นเรือธงใหม่ในสายเวิร์กสเตชันที่ถูกออกแบบมาแข่งกับ AMD Threadripper

    สเปกที่รั่วไหลของ Xeon 696X
    สถาปัตยกรรม Redwood Cove P-Core
    ความเร็ว Base Clock 2.2 GHz และ Boost Clock สูงสุด 4.6 GHz
    แคช L3 ขนาด 336 MB และ L2 ขนาด 128 MB
    รองรับ 128 เธรด พร้อมค่า TDP 350W
    ถูกทดสอบบนแพลตฟอร์ม AdLink AXE-7400GRW ที่ออกแบบมาสำหรับ Granite Rapids

    ผลการทดสอบ Benchmark
    ในการทดสอบ SiSoftware Multi-Media Benchmark Xeon 696X ทำคะแนน 12,389 Mpix/s สูงกว่า Xeon W9-3495X (56 คอร์) ที่ทำได้ 8,463 Mpix/s หรือเพิ่มขึ้น 46%
    เมื่อเทียบกับ Threadripper Pro 7985WX (64 คอร์ Zen 4) Xeon 696X ยังตามหลังเล็กน้อย แต่ถือว่าใกล้เคียง
    ในคะแนนรวม CPU Xeon 696X ได้ 59.22 ซึ่งเหนือกว่า W9-3495X แต่ยังตามหลัง Threadripper Zen 4 ที่ได้ 71.82

    ความหมายต่อการแข่งขัน
    การมาของ Xeon 696X แสดงให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาแข่งในตลาดเวิร์กสเตชันที่ AMD ครองอยู่ ด้วยจำนวนคอร์ที่สูงและแคชขนาดใหญ่ จุดแข็งคือการเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์และการรองรับงานที่ใช้การประมวลผลหลายเธรด แต่ความท้าทายยังอยู่ที่ ราคาและความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

    แนวโน้มในอนาคต
    Granite Rapids-WS จะมีหลายรุ่น เช่น Xeon 698X (86 คอร์) และ Xeon 654 (18 คอร์) ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ตลาดระดับสูงไปจนถึงเวิร์กสเตชันทั่วไป หาก Intel สามารถตั้งราคาที่แข่งขันได้ อาจช่วยให้บริษัทกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผู้ใช้มืออาชีพ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Xeon 696X Granite Rapids-WS รั่วไหล
    64 คอร์ 128 เธรด, Boost 4.6 GHz, แคช L3 336 MB

    ผลการทดสอบ Benchmark
    เร็วกว่า Xeon W9-3495X 46% แต่ยังตามหลัง Threadripper Zen 4

    ความหมายต่อการแข่งขัน
    Intel พยายามกลับมาแข่งกับ AMD ในตลาดเวิร์กสเตชัน

    รุ่นอื่น ๆ ในตระกูล Granite Rapids
    มีตั้งแต่ 18 คอร์ไปจนถึง 86 คอร์ ครอบคลุมหลายระดับตลาด

    ความเสี่ยงด้านราคาและความคุ้มค่า
    หากตั้งราคาสูงเกินไป อาจไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้จาก AMD ได้

    ความท้าทายด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์
    แม้จะดีขึ้น แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าเหนือกว่า Threadripper ในการใช้งานจริง

    https://wccftech.com/intel-xeon-696x-granite-rapids-workstation-cpu-leak-64-cores-4-6-ghz-336-mb-cache-350w/
    ⚙️ ข้อมูลสเปกรั่ว Intel Xeon 696X Granite Rapids-WS ข่าวนี้รายงานการรั่วไหลของซีพียู Intel Xeon 696X Granite Rapids-WS ที่มาพร้อม 64 คอร์ 128 เธรด ความเร็วสูงสุด 4.6 GHz และแคช L3 ขนาด 336 MB โดยมีค่า TDP อยู่ที่ 350W ถือเป็นรุ่นเรือธงใหม่ในสายเวิร์กสเตชันที่ถูกออกแบบมาแข่งกับ AMD Threadripper ⚙️ สเปกที่รั่วไหลของ Xeon 696X 🪛 สถาปัตยกรรม Redwood Cove P-Core 🪛 ความเร็ว Base Clock 2.2 GHz และ Boost Clock สูงสุด 4.6 GHz 🪛 แคช L3 ขนาด 336 MB และ L2 ขนาด 128 MB 🪛 รองรับ 128 เธรด พร้อมค่า TDP 350W 🪛 ถูกทดสอบบนแพลตฟอร์ม AdLink AXE-7400GRW ที่ออกแบบมาสำหรับ Granite Rapids 📊 ผลการทดสอบ Benchmark 🔷 ในการทดสอบ SiSoftware Multi-Media Benchmark Xeon 696X ทำคะแนน 12,389 Mpix/s ➡️ สูงกว่า Xeon W9-3495X (56 คอร์) ที่ทำได้ 8,463 Mpix/s หรือเพิ่มขึ้น 46% 🔷 เมื่อเทียบกับ Threadripper Pro 7985WX (64 คอร์ Zen 4) Xeon 696X ยังตามหลังเล็กน้อย แต่ถือว่าใกล้เคียง 🔷 ในคะแนนรวม CPU Xeon 696X ได้ 59.22 ซึ่งเหนือกว่า W9-3495X แต่ยังตามหลัง Threadripper Zen 4 ที่ได้ 71.82 🚀 ความหมายต่อการแข่งขัน การมาของ Xeon 696X แสดงให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาแข่งในตลาดเวิร์กสเตชันที่ AMD ครองอยู่ ด้วยจำนวนคอร์ที่สูงและแคชขนาดใหญ่ จุดแข็งคือการเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์และการรองรับงานที่ใช้การประมวลผลหลายเธรด แต่ความท้าทายยังอยู่ที่ ราคาและความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับคู่แข่ง 🔮 แนวโน้มในอนาคต Granite Rapids-WS จะมีหลายรุ่น เช่น Xeon 698X (86 คอร์) และ Xeon 654 (18 คอร์) ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ตลาดระดับสูงไปจนถึงเวิร์กสเตชันทั่วไป หาก Intel สามารถตั้งราคาที่แข่งขันได้ อาจช่วยให้บริษัทกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผู้ใช้มืออาชีพ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Xeon 696X Granite Rapids-WS รั่วไหล ➡️ 64 คอร์ 128 เธรด, Boost 4.6 GHz, แคช L3 336 MB ✅ ผลการทดสอบ Benchmark ➡️ เร็วกว่า Xeon W9-3495X 46% แต่ยังตามหลัง Threadripper Zen 4 ✅ ความหมายต่อการแข่งขัน ➡️ Intel พยายามกลับมาแข่งกับ AMD ในตลาดเวิร์กสเตชัน ✅ รุ่นอื่น ๆ ในตระกูล Granite Rapids ➡️ มีตั้งแต่ 18 คอร์ไปจนถึง 86 คอร์ ครอบคลุมหลายระดับตลาด ‼️ ความเสี่ยงด้านราคาและความคุ้มค่า ⛔ หากตั้งราคาสูงเกินไป อาจไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้จาก AMD ได้ ‼️ ความท้าทายด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์ ⛔ แม้จะดีขึ้น แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าเหนือกว่า Threadripper ในการใช้งานจริง https://wccftech.com/intel-xeon-696x-granite-rapids-workstation-cpu-leak-64-cores-4-6-ghz-336-mb-cache-350w/
    WCCFTECH.COM
    Intel Xeon 696X Granite Rapids Leak: 64 Cores, 4.6 GHz Workstation CPU Specs
    Intel's Xeon 696X CPU has leaked out, offering up to 64 cores on the Granite Rapids Workstation platform & up to 4.6 GHz clocks.
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • IPO ครั้งใหญ่ของ Moore Threads

    บริษัท Moore Threads ผู้ผลิต GPU ของจีนที่ถูกขนานนามว่าเป็น “NVIDIA of China” ก่อนการทำ IPO มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ แต่ยังมีข้อสงสัยว่าบริษัทมีศักยภาพจริงหรือไม่เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

    Moore Threads เตรียมเข้าตลาดหุ้น STAR Market ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าระดมทุนกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม GPU ของจีน ความสนใจจากนักลงทุนสูงมาก มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 4,000 ราย สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะเป็นเสาหลักด้านเทคโนโลยีของประเทศ

    ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี
    Moore Threads มีไลน์ผลิตภัณฑ์ GPU สำหรับผู้บริโภค เช่น MTT S80 และ MTT S90 รวมถึงเวิร์กสเตชัน MTT S4000 และ MTT X300 จุดเด่นคือการรองรับ PCIe Gen 5 และเทคโนโลยี MTLink ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจริงยังไม่สามารถแข่งขันกับ GPU รุ่นใหม่ของ NVIDIA ได้ โดย MTT S80 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GTX 1050 Ti รุ่นเก่า ขณะที่ MTT S90 เพิ่งเริ่มทดสอบว่ามีระดับใกล้เคียง RTX 4060

    จุดแข็งและข้อจำกัด
    แม้ Moore Threads จะเป็นบริษัทแรกในจีนที่พัฒนา GPU ที่รองรับ AI และ HPC workloads แต่ยังขาดซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าคู่แข่งระดับโลก การพัฒนา AI chip platform ยังอยู่ในขั้นต้น ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าบริษัทสมควรได้รับฉายา “NVIDIA of China” หรือไม่

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    การผลักดัน Moore Threads สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี เพื่อลดการพึ่งพา NVIDIA และ AMD แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถแข่งขันได้เต็มที่ แต่การระดมทุนครั้งใหญ่จะช่วยเพิ่มงบวิจัยและพัฒนา ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด GPU ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Moore Threads เตรียม IPO มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์
    มีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมกว่า 4,000 ราย

    ผลิตภัณฑ์ GPU ที่เปิดตัว
    MTT S80, S90 สำหรับผู้บริโภค และ S4000, X300 สำหรับเวิร์กสเตชัน

    เทคโนโลยีที่ใช้
    รองรับ PCIe Gen 5 และ MTLink สำหรับการเชื่อมต่อหลาย GPU

    จุดแข็งเชิงยุทธศาสตร์
    ลดการพึ่งพา NVIDIA และ AMD สร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    ข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ
    MTT S80 ยังด้อยกว่า GPU รุ่นใหม่ของ NVIDIA และ AMD

    ปัญหาซอฟต์แวร์และไดรเวอร์
    ยังไม่สามารถแข่งขันกับ ecosystem ของ NVIDIA ได้เต็มที่

    https://wccftech.com/moore-threads-is-being-touted-as-the-nvidia-of-china-ahead-of-its-mega-ipo-but-is-the-firm-worth-of-this-title/
    💹 IPO ครั้งใหญ่ของ Moore Threads บริษัท Moore Threads ผู้ผลิต GPU ของจีนที่ถูกขนานนามว่าเป็น “NVIDIA of China” ก่อนการทำ IPO มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ แต่ยังมีข้อสงสัยว่าบริษัทมีศักยภาพจริงหรือไม่เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับโลก Moore Threads เตรียมเข้าตลาดหุ้น STAR Market ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าระดมทุนกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม GPU ของจีน ความสนใจจากนักลงทุนสูงมาก มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 4,000 ราย สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะเป็นเสาหลักด้านเทคโนโลยีของประเทศ 🎮 ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี Moore Threads มีไลน์ผลิตภัณฑ์ GPU สำหรับผู้บริโภค เช่น MTT S80 และ MTT S90 รวมถึงเวิร์กสเตชัน MTT S4000 และ MTT X300 จุดเด่นคือการรองรับ PCIe Gen 5 และเทคโนโลยี MTLink ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบจริงยังไม่สามารถแข่งขันกับ GPU รุ่นใหม่ของ NVIDIA ได้ โดย MTT S80 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GTX 1050 Ti รุ่นเก่า ขณะที่ MTT S90 เพิ่งเริ่มทดสอบว่ามีระดับใกล้เคียง RTX 4060 ⚡ จุดแข็งและข้อจำกัด แม้ Moore Threads จะเป็นบริษัทแรกในจีนที่พัฒนา GPU ที่รองรับ AI และ HPC workloads แต่ยังขาดซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าคู่แข่งระดับโลก การพัฒนา AI chip platform ยังอยู่ในขั้นต้น ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าบริษัทสมควรได้รับฉายา “NVIDIA of China” หรือไม่ 🌍 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ การผลักดัน Moore Threads สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี เพื่อลดการพึ่งพา NVIDIA และ AMD แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถแข่งขันได้เต็มที่ แต่การระดมทุนครั้งใหญ่จะช่วยเพิ่มงบวิจัยและพัฒนา ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด GPU ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Moore Threads เตรียม IPO มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ➡️ มีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมกว่า 4,000 ราย ✅ ผลิตภัณฑ์ GPU ที่เปิดตัว ➡️ MTT S80, S90 สำหรับผู้บริโภค และ S4000, X300 สำหรับเวิร์กสเตชัน ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ ➡️ รองรับ PCIe Gen 5 และ MTLink สำหรับการเชื่อมต่อหลาย GPU ✅ จุดแข็งเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ลดการพึ่งพา NVIDIA และ AMD สร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ‼️ ข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ ⛔ MTT S80 ยังด้อยกว่า GPU รุ่นใหม่ของ NVIDIA และ AMD ‼️ ปัญหาซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ ⛔ ยังไม่สามารถแข่งขันกับ ecosystem ของ NVIDIA ได้เต็มที่ https://wccftech.com/moore-threads-is-being-touted-as-the-nvidia-of-china-ahead-of-its-mega-ipo-but-is-the-firm-worth-of-this-title/
    WCCFTECH.COM
    Moore Threads Is Being Touted as the “NVIDIA of China” Ahead of Its Mega-IPO, But Is the Firm Truly Worthy of the Title?
    Moore Threads is on its way to a mega-IPO in Shanghai, and some call the Chinese firm the "NVIDIA" of the region.
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • 5 วิธีรับมือกับวิกฤตราคา RAM ที่พุ่งสูง

    บทความนี้จาก Tom’s Hardware แนะนำ 5 วิธีรับมือกับวิกฤตราคา RAM ที่พุ่งสูง โดยเน้นการใช้ทรัพยากรเดิมให้คุ้มค่า และเลือกอัปเกรดส่วนอื่น ๆ ของเครื่องแทนการลงทุนกับ DDR5 ที่แพงเกินไป

    ใช้จอภาพใหม่เพื่อดึงศักยภาพเกม
    หากยังใช้จอ 1080p 60Hz รุ่นเก่า การอัปเกรด GPU หรือ CPU อาจไม่เห็นผลชัดเจน การเปลี่ยนไปใช้จอ 1440p หรือ 4K ที่มีรีเฟรชเรตสูง จะช่วยให้ภาพคมชัดและลดภาระการทำงานของ RAM และ CPU ได้

    อัปเกรด GPU ก่อนราคาพุ่ง
    การ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon RX 9070 XT และ Nvidia RTX 5070 Ti กำลังมีราคาลดลงต่ำกว่า MSRP การซื้อในช่วงนี้ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะตลาดคาดว่าความต้องการหน่วยความจำจะกระทบราคาการ์ดจอในอนาคต

    อัปเกรด CPU บนแพลตฟอร์ม DDR4
    หากยังใช้เมนบอร์ด DDR4 การอัปเกรด CPU รุ่นใหม่ เช่น Intel Core i5-13400F สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ที่แพงกว่า ถือเป็นการยืดอายุเครื่องโดยใช้ทรัพยากรเดิมให้คุ้มค่า

    ซื้อพีซีสำเร็จรูปแทนการประกอบเอง
    เนื่องจากราคาของ DDR5 ทำให้การประกอบเครื่องใหม่แพงกว่าซื้อพีซีสำเร็จรูป การเลือกซื้อ Gaming PC หรือ Laptop ที่มีโปรโมชั่นลดราคาช่วงนี้อาจช่วยประหยัดได้หลายร้อยดอลลาร์

    มองหาดีล Bundle ที่รวม RAM
    บางร้านค้าเช่น Newegg หรือ Micro Center มีการขาย Bundle CPU + RAM + เมนบอร์ด ที่ราคาถูกกว่าซื้อแยก แม้ส่วนใหญ่ยังเป็น DDR4 แต่ก็ช่วยลดต้นทุนและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ใช้จอภาพใหม่เพื่อเพิ่มคุณภาพเกม
    1440p/4K + รีเฟรชเรตสูงช่วยลดภาระ CPU และ RAM

    อัปเกรด GPU ก่อนราคาพุ่ง
    Radeon RX 9070 XT และ RTX 5070 Ti ราคาลดลงต่ำกว่า MSRP

    อัปเกรด CPU บน DDR4
    Intel Core i5-13400F เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

    ซื้อพีซีสำเร็จรูปแทนการประกอบเอง
    ราคาถูกกว่าการซื้อ DDR5 มาประกอบเอง

    มองหาดีล Bundle ที่รวม RAM
    ลดต้นทุนการอัปเกรดแม้ยังเป็น DDR4

    ความเสี่ยงจากราคาหน่วยความจำ
    DDR5 อาจทำให้ต้นทุนการประกอบเครื่องสูงเกินไป

    ความเสี่ยงจากการใช้จอเก่า
    GPU และ CPU ใหม่อาจไม่แสดงศักยภาพเต็มที่หากยังใช้ 1080p 60Hz

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/five-smart-ways-to-ride-out-the-the-ram-price-apocalypse-get-the-most-of-your-old-ddr4-buy-a-prebuilt-or-new-gpu-before-prices-rise-get-a-better-cpu-for-your-socket-or-make-your-game-frames-look-better-with-a-new-monitor
    💰 5 วิธีรับมือกับวิกฤตราคา RAM ที่พุ่งสูง บทความนี้จาก Tom’s Hardware แนะนำ 5 วิธีรับมือกับวิกฤตราคา RAM ที่พุ่งสูง โดยเน้นการใช้ทรัพยากรเดิมให้คุ้มค่า และเลือกอัปเกรดส่วนอื่น ๆ ของเครื่องแทนการลงทุนกับ DDR5 ที่แพงเกินไป 💻 ใช้จอภาพใหม่เพื่อดึงศักยภาพเกม หากยังใช้จอ 1080p 60Hz รุ่นเก่า การอัปเกรด GPU หรือ CPU อาจไม่เห็นผลชัดเจน การเปลี่ยนไปใช้จอ 1440p หรือ 4K ที่มีรีเฟรชเรตสูง จะช่วยให้ภาพคมชัดและลดภาระการทำงานของ RAM และ CPU ได้ 🎮 อัปเกรด GPU ก่อนราคาพุ่ง การ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon RX 9070 XT และ Nvidia RTX 5070 Ti กำลังมีราคาลดลงต่ำกว่า MSRP การซื้อในช่วงนี้ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะตลาดคาดว่าความต้องการหน่วยความจำจะกระทบราคาการ์ดจอในอนาคต ⚡ อัปเกรด CPU บนแพลตฟอร์ม DDR4 หากยังใช้เมนบอร์ด DDR4 การอัปเกรด CPU รุ่นใหม่ เช่น Intel Core i5-13400F สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ที่แพงกว่า ถือเป็นการยืดอายุเครื่องโดยใช้ทรัพยากรเดิมให้คุ้มค่า 🖥️ ซื้อพีซีสำเร็จรูปแทนการประกอบเอง เนื่องจากราคาของ DDR5 ทำให้การประกอบเครื่องใหม่แพงกว่าซื้อพีซีสำเร็จรูป การเลือกซื้อ Gaming PC หรือ Laptop ที่มีโปรโมชั่นลดราคาช่วงนี้อาจช่วยประหยัดได้หลายร้อยดอลลาร์ 📦 มองหาดีล Bundle ที่รวม RAM บางร้านค้าเช่น Newegg หรือ Micro Center มีการขาย Bundle CPU + RAM + เมนบอร์ด ที่ราคาถูกกว่าซื้อแยก แม้ส่วนใหญ่ยังเป็น DDR4 แต่ก็ช่วยลดต้นทุนและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ใช้จอภาพใหม่เพื่อเพิ่มคุณภาพเกม ➡️ 1440p/4K + รีเฟรชเรตสูงช่วยลดภาระ CPU และ RAM ✅ อัปเกรด GPU ก่อนราคาพุ่ง ➡️ Radeon RX 9070 XT และ RTX 5070 Ti ราคาลดลงต่ำกว่า MSRP ✅ อัปเกรด CPU บน DDR4 ➡️ Intel Core i5-13400F เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ✅ ซื้อพีซีสำเร็จรูปแทนการประกอบเอง ➡️ ราคาถูกกว่าการซื้อ DDR5 มาประกอบเอง ✅ มองหาดีล Bundle ที่รวม RAM ➡️ ลดต้นทุนการอัปเกรดแม้ยังเป็น DDR4 ‼️ ความเสี่ยงจากราคาหน่วยความจำ ⛔ DDR5 อาจทำให้ต้นทุนการประกอบเครื่องสูงเกินไป ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้จอเก่า ⛔ GPU และ CPU ใหม่อาจไม่แสดงศักยภาพเต็มที่หากยังใช้ 1080p 60Hz https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/five-smart-ways-to-ride-out-the-the-ram-price-apocalypse-get-the-most-of-your-old-ddr4-buy-a-prebuilt-or-new-gpu-before-prices-rise-get-a-better-cpu-for-your-socket-or-make-your-game-frames-look-better-with-a-new-monitor
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • Thermaltake เปิดตัวชุดระบายความร้อนด้วยน้ำรุ่นใหม่ Minecube 360 Ultra Liquid AIO

    Minecube 360 Ultra มาพร้อมจอ LCD ขนาดเล็ก 4 จอที่ติดตั้งบนหม้อน้ำ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ทั้ง ข้อมูลระบบ (CPU/GPU Temp, Fan Speed) หรือแม้แต่ ภาพเคลื่อนไหวและโลโก้ส่วนตัว ทำให้ชุดระบายความร้อนนี้ไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งพีซี

    ประสิทธิภาพการระบายความร้อน
    ด้วยหม้อน้ำขนาด 360 มม. และพัดลมที่ออกแบบมาเพื่อการไหลเวียนอากาศสูง Minecube 360 Ultra สามารถรองรับซีพียูระดับสูงที่ใช้พลังงานมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ AIO นี้ยังคงความสะดวกในการติดตั้งเหมือนเดิม แต่เพิ่มความสามารถในการตรวจสอบสถานะเครื่องแบบเรียลไทม์ผ่านจอ LCD

    ราคาและการวางจำหน่าย
    Thermaltake ตั้งราคาที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงกว่าชุด AIO ทั่วไป แต่เน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความแตกต่างและการตกแต่งที่โดดเด่นในเครื่องพีซีเกมมิ่งหรือเวิร์กสเตชัน

    ความหมายต่อวงการ PC Modding
    การมาของ Minecube 360 Ultra แสดงให้เห็นว่า การระบายความร้อน ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของประสิทธิภาพ แต่ยังเป็น แฟชั่นและการแสดงออก ของผู้ใช้พีซี การมีจอ LCD หลายจอช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Thermaltake เปิดตัว Minecube 360 Ultra Liquid AIO
    มาพร้อมจอ LCD 4 หน้าจอบนหม้อน้ำ

    ประสิทธิภาพการระบายความร้อน
    หม้อน้ำ 360 มม. รองรับซีพียูระดับสูงได้ดี

    ราคาเปิดตัว
    350 ดอลลาร์สหรัฐ เน้นกลุ่มผู้ใช้ที่ชอบความแตกต่าง

    ความหมายต่อวงการ PC Modding
    การระบายความร้อนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งและการแสดงออก

    ราคาสูงกว่าชุด AIO ทั่วไป
    อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นความคุ้มค่า

    ความเสี่ยงด้านความทนทานของจอ LCD
    หากจอเสียหายอาจกระทบต่อการใช้งานและการแสดงผลข้อมูลระบบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/liquid-cooling/you-can-now-buy-thermaltakes-head-turning-minecube-360-ultra-liquid-aio-get-four-lcd-displays-on-your-cooler-for-usd350
    💧 Thermaltake เปิดตัวชุดระบายความร้อนด้วยน้ำรุ่นใหม่ Minecube 360 Ultra Liquid AIO Minecube 360 Ultra มาพร้อมจอ LCD ขนาดเล็ก 4 จอที่ติดตั้งบนหม้อน้ำ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ทั้ง ข้อมูลระบบ (CPU/GPU Temp, Fan Speed) หรือแม้แต่ ภาพเคลื่อนไหวและโลโก้ส่วนตัว ทำให้ชุดระบายความร้อนนี้ไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งพีซี 💧 ประสิทธิภาพการระบายความร้อน ด้วยหม้อน้ำขนาด 360 มม. และพัดลมที่ออกแบบมาเพื่อการไหลเวียนอากาศสูง Minecube 360 Ultra สามารถรองรับซีพียูระดับสูงที่ใช้พลังงานมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ AIO นี้ยังคงความสะดวกในการติดตั้งเหมือนเดิม แต่เพิ่มความสามารถในการตรวจสอบสถานะเครื่องแบบเรียลไทม์ผ่านจอ LCD ⚡ ราคาและการวางจำหน่าย Thermaltake ตั้งราคาที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงกว่าชุด AIO ทั่วไป แต่เน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความแตกต่างและการตกแต่งที่โดดเด่นในเครื่องพีซีเกมมิ่งหรือเวิร์กสเตชัน 🌍 ความหมายต่อวงการ PC Modding การมาของ Minecube 360 Ultra แสดงให้เห็นว่า การระบายความร้อน ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของประสิทธิภาพ แต่ยังเป็น แฟชั่นและการแสดงออก ของผู้ใช้พีซี การมีจอ LCD หลายจอช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Thermaltake เปิดตัว Minecube 360 Ultra Liquid AIO ➡️ มาพร้อมจอ LCD 4 หน้าจอบนหม้อน้ำ ✅ ประสิทธิภาพการระบายความร้อน ➡️ หม้อน้ำ 360 มม. รองรับซีพียูระดับสูงได้ดี ✅ ราคาเปิดตัว ➡️ 350 ดอลลาร์สหรัฐ เน้นกลุ่มผู้ใช้ที่ชอบความแตกต่าง ✅ ความหมายต่อวงการ PC Modding ➡️ การระบายความร้อนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งและการแสดงออก ‼️ ราคาสูงกว่าชุด AIO ทั่วไป ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นความคุ้มค่า ‼️ ความเสี่ยงด้านความทนทานของจอ LCD ⛔ หากจอเสียหายอาจกระทบต่อการใช้งานและการแสดงผลข้อมูลระบบ https://www.tomshardware.com/pc-components/liquid-cooling/you-can-now-buy-thermaltakes-head-turning-minecube-360-ultra-liquid-aio-get-four-lcd-displays-on-your-cooler-for-usd350
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • Nvidia อาจหยุดการจัดส่ง VRAM ควบคู่กับ GPU ให้กับผู้ผลิตการ์ดจอ (AIBs)

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว Golden Pig Upgrade Nvidia จะไม่จัดส่ง VRAM พร้อมกับ GPU อีกต่อไป แต่จะส่งเฉพาะ GPU die ให้กับพันธมิตร ซึ่งต่างจากแนวทางเดิมที่ Nvidia มักจะจัดชุด GPU + VRAM ให้พร้อมใช้งาน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงวิกฤตหน่วยความจำที่กำลังทวีความรุนแรงทั่วโลก

    วิกฤตหน่วยความจำ
    หน่วยความจำ GDDR ที่ใช้ใน GPU ผลิตโดยบริษัทอย่าง Samsung, Micron และ SK Hynix ซึ่งกำลังเผชิญความต้องการสูงจากตลาด AI ทำให้เกิดการขาดแคลนอย่างหนัก Nvidia จึงเลือกที่จะไม่แบกรับภาระการจัดหาหน่วยความจำเอง และผลักภาระไปยังพันธมิตรที่ต้องจัดหาตามสเปกที่ Nvidia กำหนด

    ผลกระทบต่อพันธมิตรและตลาด
    ผู้ผลิตรายใหญ่ ที่มีเครือข่ายจัดหาหน่วยความจำอยู่แล้วอาจไม่เจอปัญหามากนัก
    ผู้ผลิตรายเล็ก อาจได้รับผลกระทบหนัก เพราะต้องแข่งขันจัดหาหน่วยความจำในตลาดที่ตึงตัว ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและเสี่ยงต่อการขาดสต็อก
    อาจเกิดการปรับขึ้นราคาการ์ดจอในอนาคต เนื่องจากต้นทุน VRAM ที่สูงขึ้น

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการที่ AI กำลังแย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป หากวิกฤตหน่วยความจำยังดำเนินต่อไป อาจทำให้ผู้ผลิตการ์ดจอรายเล็กต้องถอนตัวจากตลาด และส่งผลต่อการแข่งขันในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Nvidia หยุดจัดส่ง VRAM พร้อม GPU
    พันธมิตรต้องจัดหาหน่วยความจำเองตามสเปก

    วิกฤตหน่วยความจำทั่วโลก
    ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ GDDR ขาดแคลน

    ผลกระทบต่อพันธมิตร
    ผู้ผลิตรายใหญ่ปรับตัวได้ แต่รายเล็กเสี่ยงสูง

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    AI แย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป

    ความเสี่ยงด้านต้นทุนและราคา
    การ์ดจออาจแพงขึ้นและขาดสต็อกในอนาคต

    ความเสี่ยงต่อผู้ผลิตรายเล็ก
    อาจไม่สามารถแข่งขันได้และต้องถอนตัวจากตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-no-longer-supplying-vram-to-its-gpu-board-partners-in-response-to-memory-crunch-rumor-claims-vendors-will-only-get-the-die-forced-to-source-memory-on-their-own
    🧩 Nvidia อาจหยุดการจัดส่ง VRAM ควบคู่กับ GPU ให้กับผู้ผลิตการ์ดจอ (AIBs) ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว Golden Pig Upgrade Nvidia จะไม่จัดส่ง VRAM พร้อมกับ GPU อีกต่อไป แต่จะส่งเฉพาะ GPU die ให้กับพันธมิตร ซึ่งต่างจากแนวทางเดิมที่ Nvidia มักจะจัดชุด GPU + VRAM ให้พร้อมใช้งาน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงวิกฤตหน่วยความจำที่กำลังทวีความรุนแรงทั่วโลก 💾 วิกฤตหน่วยความจำ หน่วยความจำ GDDR ที่ใช้ใน GPU ผลิตโดยบริษัทอย่าง Samsung, Micron และ SK Hynix ซึ่งกำลังเผชิญความต้องการสูงจากตลาด AI ทำให้เกิดการขาดแคลนอย่างหนัก Nvidia จึงเลือกที่จะไม่แบกรับภาระการจัดหาหน่วยความจำเอง และผลักภาระไปยังพันธมิตรที่ต้องจัดหาตามสเปกที่ Nvidia กำหนด ⚠️ ผลกระทบต่อพันธมิตรและตลาด 🔷 ผู้ผลิตรายใหญ่ ที่มีเครือข่ายจัดหาหน่วยความจำอยู่แล้วอาจไม่เจอปัญหามากนัก 🔷 ผู้ผลิตรายเล็ก อาจได้รับผลกระทบหนัก เพราะต้องแข่งขันจัดหาหน่วยความจำในตลาดที่ตึงตัว ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและเสี่ยงต่อการขาดสต็อก 🔷 อาจเกิดการปรับขึ้นราคาการ์ดจอในอนาคต เนื่องจากต้นทุน VRAM ที่สูงขึ้น 🌍 ความหมายต่ออุตสาหกรรม การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการที่ AI กำลังแย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป หากวิกฤตหน่วยความจำยังดำเนินต่อไป อาจทำให้ผู้ผลิตการ์ดจอรายเล็กต้องถอนตัวจากตลาด และส่งผลต่อการแข่งขันในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Nvidia หยุดจัดส่ง VRAM พร้อม GPU ➡️ พันธมิตรต้องจัดหาหน่วยความจำเองตามสเปก ✅ วิกฤตหน่วยความจำทั่วโลก ➡️ ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ GDDR ขาดแคลน ✅ ผลกระทบต่อพันธมิตร ➡️ ผู้ผลิตรายใหญ่ปรับตัวได้ แต่รายเล็กเสี่ยงสูง ✅ ความหมายต่ออุตสาหกรรม ➡️ AI แย่งทรัพยากรจากตลาดเกมมิ่งและผู้บริโภคทั่วไป ‼️ ความเสี่ยงด้านต้นทุนและราคา ⛔ การ์ดจออาจแพงขึ้นและขาดสต็อกในอนาคต ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ผลิตรายเล็ก ⛔ อาจไม่สามารถแข่งขันได้และต้องถอนตัวจากตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-reportedly-no-longer-supplying-vram-to-its-gpu-board-partners-in-response-to-memory-crunch-rumor-claims-vendors-will-only-get-the-die-forced-to-source-memory-on-their-own
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • จีนกำลังพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators สู้กับ Nvidia Blackwell GPUs

    Hybrid bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันในระดับนาโนเมตร ทำให้สามารถรวมหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำไว้ใกล้กันมากขึ้น ลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้าง AI accelerators ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจีนกำลังเร่งพัฒนาเพื่อใช้ในระบบ AI ขนาดใหญ่

    เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell
    Nvidia Blackwell GPUs ซึ่งเปิดตัวในปี 2025 ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดของการประมวลผล AI ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ที่รองรับโมเดลขนาดหลายพันล้านพารามิเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า Hybrid-Bonded AI Accelerators ของจีนอาจมีศักยภาพใกล้เคียงหรือเทียบเท่า Blackwell โดยเฉพาะในด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และ การควบคุมห่วงโซ่อุปทาน

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    การพัฒนา AI accelerators ภายในประเทศช่วยให้จีนลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงโดยสหรัฐฯ หากจีนสามารถผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียง Blackwell ได้จริง จะเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    ความท้าทายและโอกาส
    แม้เทคโนโลยี hybrid bonding จะมีศักยภาพสูง แต่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ว่าชิปที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานได้จริงในสเกลใหญ่ หากสำเร็จ จีนจะมีทางเลือกที่ “ควบคุมได้เองทั้งหมด” ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด AI hardware

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จีนพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators
    ใช้เทคนิคเชื่อมต่อชิปหลายตัวเพื่อลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์

    เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell GPUs
    มุ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    โอกาสในการเปลี่ยนสมดุลตลาด AI
    หากสำเร็จ จีนจะมีชิปที่ควบคุมได้เองทั้งหมด

    ความท้าทายด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
    ต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาลเพื่อพิสูจน์ความเสถียร

    ความเสี่ยงด้านการใช้งานจริง
    หากชิปไม่สามารถทำงานได้ในสเกลใหญ่ อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้จริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-hybrid-bonded-ai-accelerators-could-rival-nvidias-blackwell-gpus-top-semiconductor-expert-hints-at-fully-controllable-domestic-solution
    ⚙️ จีนกำลังพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators สู้กับ Nvidia Blackwell GPUs Hybrid bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันในระดับนาโนเมตร ทำให้สามารถรวมหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำไว้ใกล้กันมากขึ้น ลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้าง AI accelerators ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจีนกำลังเร่งพัฒนาเพื่อใช้ในระบบ AI ขนาดใหญ่ 🚀 เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell Nvidia Blackwell GPUs ซึ่งเปิดตัวในปี 2025 ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดของการประมวลผล AI ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ที่รองรับโมเดลขนาดหลายพันล้านพารามิเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า Hybrid-Bonded AI Accelerators ของจีนอาจมีศักยภาพใกล้เคียงหรือเทียบเท่า Blackwell โดยเฉพาะในด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และ การควบคุมห่วงโซ่อุปทาน 🌍 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ การพัฒนา AI accelerators ภายในประเทศช่วยให้จีนลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงโดยสหรัฐฯ หากจีนสามารถผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียง Blackwell ได้จริง จะเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก 🔮 ความท้าทายและโอกาส แม้เทคโนโลยี hybrid bonding จะมีศักยภาพสูง แต่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ว่าชิปที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานได้จริงในสเกลใหญ่ หากสำเร็จ จีนจะมีทางเลือกที่ “ควบคุมได้เองทั้งหมด” ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด AI hardware 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จีนพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators ➡️ ใช้เทคนิคเชื่อมต่อชิปหลายตัวเพื่อลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ ✅ เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell GPUs ➡️ มุ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ✅ โอกาสในการเปลี่ยนสมดุลตลาด AI ➡️ หากสำเร็จ จีนจะมีชิปที่ควบคุมได้เองทั้งหมด ‼️ ความท้าทายด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ⛔ ต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาลเพื่อพิสูจน์ความเสถียร ‼️ ความเสี่ยงด้านการใช้งานจริง ⛔ หากชิปไม่สามารถทำงานได้ในสเกลใหญ่ อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้จริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-hybrid-bonded-ai-accelerators-could-rival-nvidias-blackwell-gpus-top-semiconductor-expert-hints-at-fully-controllable-domestic-solution
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • Alibaba และ ByteDance กำลังย้ายการฝึกโมเดล AI ไปยังศูนย์ข้อมูลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเข้าถึง GPU ของ Nvidia

    รายงานจาก Financial Times ระบุว่า Alibaba (Qwen LLM) และ ByteDance (Doubao LLM) ได้เช่าศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อใช้ GPU ขั้นสูงของ Nvidia เช่น A100 และ H100 ในการฝึกโมเดลใหม่ ๆ การย้ายฐานนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ออกข้อจำกัดเข้มงวดในการส่งออกชิป AI ไปยังจีน

    ช่องโหว่ของข้อจำกัด
    แม้สหรัฐฯ จะห้ามขาย GPU ขั้นสูงให้จีนโดยตรง แต่การเช่าศูนย์ข้อมูลที่ดำเนินการโดยบริษัทต่างชาติในต่างประเทศยังถือว่า ถูกกฎหมาย ภายใต้กฎปัจจุบัน กฎ “AI diffusion rule” ที่เคยเสนอเพื่อปิดช่องโหว่นี้ถูกยกเลิกไปในปี 2025 ทำให้บริษัทจีนสามารถใช้ทรัพยากรคอมพิวต์ในต่างประเทศได้โดยไม่ผิดข้อบังคับ

    ผลลัพธ์ต่อการพัฒนา AI
    การเข้าถึง GPU ขั้นสูงช่วยให้โมเดลจีนอย่าง Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้ในระดับโลก หลังจากฝึกเสร็จ โมเดลเหล่านี้จะถูกนำกลับมารันในจีนบนฮาร์ดแวร์ที่ผลิตโดยบริษัทท้องถิ่น เช่น Huawei เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความมั่นคงข้อมูล

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการรักษาความได้เปรียบด้าน AI แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ตะวันตก ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ยังมีช่องโหว่ ที่ทำให้จีนสามารถเดินหน้าพัฒนา AI ได้ต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บริษัทจีนย้ายการฝึกโมเดลไปต่างประเทศ
    Alibaba และ ByteDance ใช้ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย

    ช่องโหว่ของข้อจำกัดสหรัฐฯ
    การเช่าศูนย์ข้อมูลต่างประเทศยังถือว่าถูกกฎหมาย

    ผลลัพธ์ต่อโมเดล AI จีน
    Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้

    การนำโมเดลกลับมารันในจีน
    ใช้ฮาร์ดแวร์จาก Huawei และบริษัทท้องถิ่น

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูล
    ข้อมูลผู้ใช้จีนยังต้องถูกประมวลผลภายในประเทศเท่านั้น

    ความท้าทายต่อข้อจำกัดสหรัฐฯ
    ช่องโหว่ทางกฎหมายอาจทำให้มาตรการควบคุมไม่บรรลุผลเต็มที่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinas-top-ai-firms-shift-model-training-overseas-to-access-nvidia-gpus
    🌏 Alibaba และ ByteDance กำลังย้ายการฝึกโมเดล AI ไปยังศูนย์ข้อมูลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเข้าถึง GPU ของ Nvidia รายงานจาก Financial Times ระบุว่า Alibaba (Qwen LLM) และ ByteDance (Doubao LLM) ได้เช่าศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อใช้ GPU ขั้นสูงของ Nvidia เช่น A100 และ H100 ในการฝึกโมเดลใหม่ ๆ การย้ายฐานนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ออกข้อจำกัดเข้มงวดในการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ⚖️ ช่องโหว่ของข้อจำกัด แม้สหรัฐฯ จะห้ามขาย GPU ขั้นสูงให้จีนโดยตรง แต่การเช่าศูนย์ข้อมูลที่ดำเนินการโดยบริษัทต่างชาติในต่างประเทศยังถือว่า ถูกกฎหมาย ภายใต้กฎปัจจุบัน กฎ “AI diffusion rule” ที่เคยเสนอเพื่อปิดช่องโหว่นี้ถูกยกเลิกไปในปี 2025 ทำให้บริษัทจีนสามารถใช้ทรัพยากรคอมพิวต์ในต่างประเทศได้โดยไม่ผิดข้อบังคับ 💻 ผลลัพธ์ต่อการพัฒนา AI การเข้าถึง GPU ขั้นสูงช่วยให้โมเดลจีนอย่าง Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้ในระดับโลก หลังจากฝึกเสร็จ โมเดลเหล่านี้จะถูกนำกลับมารันในจีนบนฮาร์ดแวร์ที่ผลิตโดยบริษัทท้องถิ่น เช่น Huawei เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความมั่นคงข้อมูล 🔮 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการรักษาความได้เปรียบด้าน AI แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ตะวันตก ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ยังมีช่องโหว่ ที่ทำให้จีนสามารถเดินหน้าพัฒนา AI ได้ต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บริษัทจีนย้ายการฝึกโมเดลไปต่างประเทศ ➡️ Alibaba และ ByteDance ใช้ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย ✅ ช่องโหว่ของข้อจำกัดสหรัฐฯ ➡️ การเช่าศูนย์ข้อมูลต่างประเทศยังถือว่าถูกกฎหมาย ✅ ผลลัพธ์ต่อโมเดล AI จีน ➡️ Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้ ✅ การนำโมเดลกลับมารันในจีน ➡️ ใช้ฮาร์ดแวร์จาก Huawei และบริษัทท้องถิ่น ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูล ⛔ ข้อมูลผู้ใช้จีนยังต้องถูกประมวลผลภายในประเทศเท่านั้น ‼️ ความท้าทายต่อข้อจำกัดสหรัฐฯ ⛔ ช่องโหว่ทางกฎหมายอาจทำให้มาตรการควบคุมไม่บรรลุผลเต็มที่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinas-top-ai-firms-shift-model-training-overseas-to-access-nvidia-gpus
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • การอัปเกรด GPU อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า RAM

    ราคาของ DDR5 RAM พุ่งสูงจนบางครั้งแพงกว่า CPU รุ่นใหม่ ทำให้การอัปเกรด RAM ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับผู้ใช้พีซีทั่วไป บทความแนะนำว่า การเปลี่ยน GPU เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่า เพราะราคาการ์ดจอหลายรุ่นกลับลดลงถึงระดับ MSRP หรือถูกกว่า เช่น AMD Radeon RX 9070 XT และ Nvidia GeForce RTX 5070 Ti

    ความสำคัญของจอภาพ
    แม้จะได้ GPU ใหม่ แต่หากยังใช้จอ 1080p 60Hz รุ่นเก่า จะไม่สามารถเห็นความแตกต่างได้มากนัก เนื่องจากเฟรมเรตที่สูงกว่าความสามารถของจอจะถูก “ทิ้ง” ไป การใช้จอ 1440p หรือ 4K ที่มีรีเฟรชเรตสูง จะช่วยให้ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพและได้ภาพที่คมชัดกว่า

    เทคโนโลยี Upscaling และ Frame Generation
    เทคโนโลยีอย่าง DLSS, FSR และ XeSS รวมถึง Frame Generation ช่วยให้ GPU สามารถสร้างเฟรมเสริมเพื่อเพิ่มความลื่นไหล โดยเฉพาะเมื่อใช้กับจอความละเอียดสูง เช่น 4K ที่มีรีเฟรชเรต 144Hz ขึ้นไป ทำให้แม้ CPU รุ่นเก่าก็ยังสามารถทำงานร่วมกับ GPU รุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ตัวอย่างการทดสอบ
    การทดสอบกับเกม Spider-Man 2 โดยใช้ Ryzen 9 5950X (CPU อายุ 5 ปี) และ Radeon RX 9070 XT พบว่า:
    ที่ 1080p GPU ถูกจำกัดการทำงาน ใช้เพียง 88%
    ที่ 1440p GPU ใช้งานได้ถึง 95% พร้อมภาพคมชัดขึ้น
    ที่ 4K + FSR + Framegen GPU ใช้งานเต็ม 99% และเฟรมเรตพุ่งถึง 164 FPS

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาของ DDR5 RAM พุ่งสูง
    ทำให้การอัปเกรด GPU เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า

    GPU รุ่นใหม่ราคาลดลง
    เช่น Radeon RX 9070 XT และ RTX 5070 Ti

    จอภาพมีผลต่อประสิทธิภาพ
    1080p 60Hz จำกัด GPU แต่ 1440p/4K + รีเฟรชเรตสูงช่วยดึงศักยภาพเต็มที่

    เทคโนโลยี Upscaling และ Framegen
    ช่วยเพิ่มเฟรมเรตและคุณภาพภาพแม้ใช้ CPU รุ่นเก่า

    ความเสี่ยงหากใช้จอเก่า
    เฟรมเรตสูงจาก GPU จะสูญเปล่า ไม่ถูกแสดงผลจริง

    ปัญหาคอขวดจาก CPU รุ่นเก่า
    หากไม่ใช้เทคโนโลยีเสริม GPU อาจถูกจำกัดการทำงาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/in-the-era-of-stratospheric-ram-prices-putting-a-new-gpu-in-an-old-pc-might-be-your-best-upgrade-bet-but-be-sure-to-grab-the-right-monitor-too
    🎮 การอัปเกรด GPU อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า RAM ราคาของ DDR5 RAM พุ่งสูงจนบางครั้งแพงกว่า CPU รุ่นใหม่ ทำให้การอัปเกรด RAM ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับผู้ใช้พีซีทั่วไป บทความแนะนำว่า การเปลี่ยน GPU เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่า เพราะราคาการ์ดจอหลายรุ่นกลับลดลงถึงระดับ MSRP หรือถูกกว่า เช่น AMD Radeon RX 9070 XT และ Nvidia GeForce RTX 5070 Ti 🖥️ ความสำคัญของจอภาพ แม้จะได้ GPU ใหม่ แต่หากยังใช้จอ 1080p 60Hz รุ่นเก่า จะไม่สามารถเห็นความแตกต่างได้มากนัก เนื่องจากเฟรมเรตที่สูงกว่าความสามารถของจอจะถูก “ทิ้ง” ไป การใช้จอ 1440p หรือ 4K ที่มีรีเฟรชเรตสูง จะช่วยให้ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพและได้ภาพที่คมชัดกว่า ⚡ เทคโนโลยี Upscaling และ Frame Generation เทคโนโลยีอย่าง DLSS, FSR และ XeSS รวมถึง Frame Generation ช่วยให้ GPU สามารถสร้างเฟรมเสริมเพื่อเพิ่มความลื่นไหล โดยเฉพาะเมื่อใช้กับจอความละเอียดสูง เช่น 4K ที่มีรีเฟรชเรต 144Hz ขึ้นไป ทำให้แม้ CPU รุ่นเก่าก็ยังสามารถทำงานร่วมกับ GPU รุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 💡 ตัวอย่างการทดสอบ การทดสอบกับเกม Spider-Man 2 โดยใช้ Ryzen 9 5950X (CPU อายุ 5 ปี) และ Radeon RX 9070 XT พบว่า: 🎗️ ที่ 1080p GPU ถูกจำกัดการทำงาน ใช้เพียง 88% 🎗️ ที่ 1440p GPU ใช้งานได้ถึง 95% พร้อมภาพคมชัดขึ้น 🎗️ ที่ 4K + FSR + Framegen GPU ใช้งานเต็ม 99% และเฟรมเรตพุ่งถึง 164 FPS 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาของ DDR5 RAM พุ่งสูง ➡️ ทำให้การอัปเกรด GPU เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า ✅ GPU รุ่นใหม่ราคาลดลง ➡️ เช่น Radeon RX 9070 XT และ RTX 5070 Ti ✅ จอภาพมีผลต่อประสิทธิภาพ ➡️ 1080p 60Hz จำกัด GPU แต่ 1440p/4K + รีเฟรชเรตสูงช่วยดึงศักยภาพเต็มที่ ✅ เทคโนโลยี Upscaling และ Framegen ➡️ ช่วยเพิ่มเฟรมเรตและคุณภาพภาพแม้ใช้ CPU รุ่นเก่า ‼️ ความเสี่ยงหากใช้จอเก่า ⛔ เฟรมเรตสูงจาก GPU จะสูญเปล่า ไม่ถูกแสดงผลจริง ‼️ ปัญหาคอขวดจาก CPU รุ่นเก่า ⛔ หากไม่ใช้เทคโนโลยีเสริม GPU อาจถูกจำกัดการทำงาน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/in-the-era-of-stratospheric-ram-prices-putting-a-new-gpu-in-an-old-pc-might-be-your-best-upgrade-bet-but-be-sure-to-grab-the-right-monitor-too
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • การโจมตีครั้งใหญ่ต่อ Upbit

    ตลาดคริปโตสะเทือนเมื่อ Upbit แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ถูกแฮ็กสูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ Naver บริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการบริษัทแม่ของ Upbit

    Upbit ตรวจพบการโอนสินทรัพย์บนเครือข่าย Solana มูลค่ากว่า 44.5 พันล้านวอน (ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์) ไปยังวอลเล็ตที่ไม่รู้จักทันทีที่เกิดการโจมตี บริษัทจึงรีบระงับการฝากและถอนทั้งหมด พร้อมย้ายสินทรัพย์ไปเก็บไว้ใน cold wallet เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

    ดีลยักษ์ของ Naver กับ Dunamu
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก Naver Corp. ประกาศซื้อกิจการ Dunamu บริษัทแม่ของ Upbit ด้วยมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจไปสู่ คริปโตและฟินเทค พร้อมลงทุนเพิ่มกว่า 6.8 พันล้านดอลลาร์ ใน AI และบล็อกเชนภายใน 5 ปีข้างหน้า

    ผลกระทบต่อตลาดและนักลงทุน
    แม้การโจมตีครั้งนี้ถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับการแฮ็กคริปโตที่สูญเงินระดับพันล้านดอลลาร์ในอดีต แต่การเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับดีลใหญ่ ทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อความมั่นคงของ Upbit และอาจส่งผลให้หุ้นของ Naver มีแรงกดดันระยะสั้น

    มุมมองเชิงบวก
    นักวิเคราะห์มองว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็น “สัญญาณเตือน” ที่ช่วยให้ Naver ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของ Upbit ก่อนการควบรวมอย่างสมบูรณ์ หากแก้ไขได้ทันเวลา อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่ใหญ่กว่านี้ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การแฮ็ก Upbit สูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์
    โอนสินทรัพย์ Solana ไปยังวอลเล็ตไม่ทราบที่มา

    การเข้าซื้อกิจการโดย Naver
    ดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายสู่คริปโตและฟินเทค

    ผลกระทบต่อตลาด
    นักลงทุนกังวลต่อความมั่นคงและราคาหุ้น Naver

    มุมมองเชิงบวก
    โอกาสในการตรวจสอบและเสริมความปลอดภัยก่อนการควบรวม

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มคริปโต
    หากไม่แก้ไข อาจนำไปสู่การโจมตีที่ใหญ่กว่าและสูญเงินมหาศาล

    ความไม่แน่นอนต่อดีลการเข้าซื้อ
    อาจทำให้นักลงทุนลังเลและตลาดผันผวนในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/south-korean-crypto-exchange-upbit-reports-usd30-million-theft-hack-discovered-hours-after-countrys-largest-search-engine-announced-usd10-billion-acquisition-of-crypto-platforms-parent-company
    💰 การโจมตีครั้งใหญ่ต่อ Upbit ตลาดคริปโตสะเทือนเมื่อ Upbit แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ถูกแฮ็กสูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ Naver บริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการบริษัทแม่ของ Upbit Upbit ตรวจพบการโอนสินทรัพย์บนเครือข่าย Solana มูลค่ากว่า 44.5 พันล้านวอน (ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์) ไปยังวอลเล็ตที่ไม่รู้จักทันทีที่เกิดการโจมตี บริษัทจึงรีบระงับการฝากและถอนทั้งหมด พร้อมย้ายสินทรัพย์ไปเก็บไว้ใน cold wallet เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม 🏢 ดีลยักษ์ของ Naver กับ Dunamu เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก Naver Corp. ประกาศซื้อกิจการ Dunamu บริษัทแม่ของ Upbit ด้วยมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจไปสู่ คริปโตและฟินเทค พร้อมลงทุนเพิ่มกว่า 6.8 พันล้านดอลลาร์ ใน AI และบล็อกเชนภายใน 5 ปีข้างหน้า ⚠️ ผลกระทบต่อตลาดและนักลงทุน แม้การโจมตีครั้งนี้ถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับการแฮ็กคริปโตที่สูญเงินระดับพันล้านดอลลาร์ในอดีต แต่การเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับดีลใหญ่ ทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อความมั่นคงของ Upbit และอาจส่งผลให้หุ้นของ Naver มีแรงกดดันระยะสั้น 🔍 มุมมองเชิงบวก นักวิเคราะห์มองว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็น “สัญญาณเตือน” ที่ช่วยให้ Naver ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของ Upbit ก่อนการควบรวมอย่างสมบูรณ์ หากแก้ไขได้ทันเวลา อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่ใหญ่กว่านี้ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การแฮ็ก Upbit สูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ ➡️ โอนสินทรัพย์ Solana ไปยังวอลเล็ตไม่ทราบที่มา ✅ การเข้าซื้อกิจการโดย Naver ➡️ ดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายสู่คริปโตและฟินเทค ✅ ผลกระทบต่อตลาด ➡️ นักลงทุนกังวลต่อความมั่นคงและราคาหุ้น Naver ✅ มุมมองเชิงบวก ➡️ โอกาสในการตรวจสอบและเสริมความปลอดภัยก่อนการควบรวม ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มคริปโต ⛔ หากไม่แก้ไข อาจนำไปสู่การโจมตีที่ใหญ่กว่าและสูญเงินมหาศาล ‼️ ความไม่แน่นอนต่อดีลการเข้าซื้อ ⛔ อาจทำให้นักลงทุนลังเลและตลาดผันผวนในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/south-korean-crypto-exchange-upbit-reports-usd30-million-theft-hack-discovered-hours-after-countrys-largest-search-engine-announced-usd10-billion-acquisition-of-crypto-platforms-parent-company
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • เที่ยวจีน จางเจียเจี้ย ❄ เริ่ม 10,999 เดินทาง ธ.ค. 68

    🗓 จำนวนวัน 5 วัน 4 คืน
    ✈ SL-ไทยไลอ้อนแอร์
    พักโรงแรม

    ภูเขาเจ็ดดาว
    เมืองโบราณฟูหรงเจิ้น
    พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนหินทรายจวินเชิง
    Zhangjiajie Ice and Snow World
    ตึกมหัศจรรย์ 72 ชั้น

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จางเจียเจี้ย #china #zhangjiajie #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวจีน จางเจียเจี้ย 🇨🇳❄ เริ่ม 10,999 🔥🔥 🗓️ เดินทาง ธ.ค. 68 😍 🗓 จำนวนวัน 5 วัน 4 คืน ✈ SL-ไทยไลอ้อนแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ภูเขาเจ็ดดาว 📍 เมืองโบราณฟูหรงเจิ้น 📍 พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนหินทรายจวินเชิง 📍 Zhangjiajie Ice and Snow World 📍 ตึกมหัศจรรย์ 72 ชั้น รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จางเจียเจี้ย #china #zhangjiajie #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 0 Reviews
  • การพัฒนา GPTPU ของ Zhonghao Xinying

    สตาร์ทอัพจีนชื่อ Zhonghao Xinying ที่ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Google อ้างว่าพัฒนา General Purpose TPU (GPTPU) ได้เอง โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia A100 ถึง 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 42% ถือเป็นก้าวสำคัญของจีนในการสร้างชิป AI โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก

    บริษัท Zhonghao Xinying เปิดตัวชิป “Ghana” GPTPU ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการเทรนและประมวลผลโมเดล AI โดยอ้างว่าใช้ Intellectual Property ที่พัฒนาเองทั้งหมด ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ซอฟต์แวร์ และการผลิต จุดเด่นคือการออกแบบแบบ ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) ที่ตัดส่วนการประมวลผลที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น

    ประสิทธิภาพเทียบกับ Nvidia A100
    เร็วกว่า 1.5 เท่า เมื่อเทียบกับ Nvidia A100 (เปิดตัวปี 2020)
    ใช้พลังงานน้อยลง 42% โดยลดการใช้พลังงานลงเหลือ 75% ของ A100
    แม้ยังตามหลังสถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Hopper (2022) และ Blackwell Ultra (2025) แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับตลาดภายในจีนที่ยังต้องพึ่งพา GPU รุ่นเก่า

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    การพัฒนาชิปนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความเป็นอิสระด้านซิลิคอน เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก โดยเฉพาะในช่วงที่มีข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปขั้นสูง การมีทางเลือกภายในประเทศช่วยให้จีนสามารถเดินหน้าพัฒนา AI ได้ต่อเนื่อง

    อนาคตของตลาด AI Hardware
    แม้ GPU จาก Nvidia และ AMD จะยังครองตลาดด้วยความยืดหยุ่นสูง แต่การมาของ ASICs อย่าง GPTPU อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับบริษัทที่ต้องการลดต้นทุนพลังงานและหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ตะวันตก หากชิปนี้พิสูจน์ได้จริง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันใหม่ในตลาด AI

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัวชิป GPTPU “Ghana” โดย Zhonghao Xinying
    พัฒนาเองทั้งหมด ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก

    ประสิทธิภาพเทียบกับ Nvidia A100
    เร็วกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 42%

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ลดการพึ่งพา GPU ต่างชาติและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    ศักยภาพของ ASICs ในตลาด AI
    อาจเป็นทางเลือกใหม่แทน GPU สำหรับงานเฉพาะด้าน

    ข้อจำกัดเมื่อเทียบกับ GPU รุ่นใหม่
    ยังตามหลัง Hopper และ Blackwell Ultra ในด้านประสิทธิภาพรวม

    ความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือ
    หากไม่สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์จริง อาจถูกมองว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-startup-founded-by-google-engineer-claims-to-have-developed-its-own-tpu-reportedly-1-5-times-faster-than-nvidias-a100-gpu-from-2020-42-percent-more-efficient
    🚀 การพัฒนา GPTPU ของ Zhonghao Xinying สตาร์ทอัพจีนชื่อ Zhonghao Xinying ที่ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Google อ้างว่าพัฒนา General Purpose TPU (GPTPU) ได้เอง โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia A100 ถึง 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 42% ถือเป็นก้าวสำคัญของจีนในการสร้างชิป AI โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก บริษัท Zhonghao Xinying เปิดตัวชิป “Ghana” GPTPU ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการเทรนและประมวลผลโมเดล AI โดยอ้างว่าใช้ Intellectual Property ที่พัฒนาเองทั้งหมด ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ซอฟต์แวร์ และการผลิต จุดเด่นคือการออกแบบแบบ ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) ที่ตัดส่วนการประมวลผลที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ⚡ ประสิทธิภาพเทียบกับ Nvidia A100 🔷 เร็วกว่า 1.5 เท่า เมื่อเทียบกับ Nvidia A100 (เปิดตัวปี 2020) 🔷 ใช้พลังงานน้อยลง 42% โดยลดการใช้พลังงานลงเหลือ 75% ของ A100 🔷 แม้ยังตามหลังสถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Hopper (2022) และ Blackwell Ultra (2025) แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับตลาดภายในจีนที่ยังต้องพึ่งพา GPU รุ่นเก่า 🌍 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ การพัฒนาชิปนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความเป็นอิสระด้านซิลิคอน เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก โดยเฉพาะในช่วงที่มีข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปขั้นสูง การมีทางเลือกภายในประเทศช่วยให้จีนสามารถเดินหน้าพัฒนา AI ได้ต่อเนื่อง 🔮 อนาคตของตลาด AI Hardware แม้ GPU จาก Nvidia และ AMD จะยังครองตลาดด้วยความยืดหยุ่นสูง แต่การมาของ ASICs อย่าง GPTPU อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับบริษัทที่ต้องการลดต้นทุนพลังงานและหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ตะวันตก หากชิปนี้พิสูจน์ได้จริง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันใหม่ในตลาด AI 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัวชิป GPTPU “Ghana” โดย Zhonghao Xinying ➡️ พัฒนาเองทั้งหมด ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก ✅ ประสิทธิภาพเทียบกับ Nvidia A100 ➡️ เร็วกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลง 42% ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ลดการพึ่งพา GPU ต่างชาติและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ✅ ศักยภาพของ ASICs ในตลาด AI ➡️ อาจเป็นทางเลือกใหม่แทน GPU สำหรับงานเฉพาะด้าน ‼️ ข้อจำกัดเมื่อเทียบกับ GPU รุ่นใหม่ ⛔ ยังตามหลัง Hopper และ Blackwell Ultra ในด้านประสิทธิภาพรวม ‼️ ความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือ ⛔ หากไม่สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์จริง อาจถูกมองว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-startup-founded-by-google-engineer-claims-to-have-developed-its-own-tpu-reportedly-1-5-times-faster-than-nvidias-a100-gpu-from-2020-42-percent-more-efficient
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • รัฐยะโฮร์ของมาเลเซียประกาศห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 เนื่องจากกังวลเรื่องการใช้น้ำมหาศาล

    การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกสร้างแรงกดดันต่อทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในระบบระบายความร้อน รัฐยะโฮร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของมาเลเซีย พบว่าศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 ใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงเกินกว่าภาคอุตสาหกรรมทั่วไปจะรับได้

    ทางเลือกที่ยั่งยืน
    รัฐบาลยะโฮร์จึงกำหนดให้การสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ต้องเป็น Tier 3 หรือ Tier 4 เท่านั้น เนื่องจากมีระบบไฟฟ้าและการระบายความร้อนที่ซ้ำซ้อนและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้การใช้น้ำลดลงเหลือเพียง 200,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งใกล้เคียงกับการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป

    โครงการที่กำลังดำเนินการ
    ปัจจุบันยะโฮร์มีโครงการศูนย์ข้อมูลทั้งหมด 51 แห่ง โดยเปิดใช้งานแล้ว 17 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 11 แห่ง และได้รับอนุมัติอีก 23 แห่ง การลงทุนเหล่านี้สร้างงานหลายพันตำแหน่ง แต่ก็ทำให้รัฐบาลต้องเข้มงวดกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันวิกฤตน้ำในอนาคต

    นวัตกรรมลดการใช้น้ำ
    แนวทางใหม่ที่ถูกพูดถึงคือการใช้ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำ และระบบ closed-loop cooling ที่คล้ายกับระบบระบายความร้อนในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Nvidia เองก็พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า ซึ่งอาจเป็นทางออกสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2
    เนื่องจากใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน

    การอนุญาตเฉพาะ Tier 3 และ Tier 4
    ใช้น้ำเพียง 200,000 ลิตรต่อวันและมีประสิทธิภาพสูงกว่า

    สถานะโครงการศูนย์ข้อมูลในยะโฮร์
    มีทั้งหมด 51 โครงการ ทั้งเปิดใช้งาน ก่อสร้าง และอนุมัติแล้ว

    แนวทางลดการใช้น้ำ
    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำและระบบ closed-loop cooling ที่มีประสิทธิภาพสูง

    ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
    หากไม่ควบคุม อาจเกิดวิกฤตน้ำและกระทบต่อประชาชนในพื้นที่

    ความท้าทายต่อการลงทุน
    มาตรการเข้มงวดอาจทำให้นักลงทุนลังเลและชะลอโครงการใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/malaysian-state-of-johor-drowns-any-ideas-for-tier-1-and-tier-2-data-centers-water-concerns-have-authorities-only-allowing-energy-efficient-builds
    💧 รัฐยะโฮร์ของมาเลเซียประกาศห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 เนื่องจากกังวลเรื่องการใช้น้ำมหาศาล การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกสร้างแรงกดดันต่อทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในระบบระบายความร้อน รัฐยะโฮร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของมาเลเซีย พบว่าศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 ใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงเกินกว่าภาคอุตสาหกรรมทั่วไปจะรับได้ ⚡ ทางเลือกที่ยั่งยืน รัฐบาลยะโฮร์จึงกำหนดให้การสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ต้องเป็น Tier 3 หรือ Tier 4 เท่านั้น เนื่องจากมีระบบไฟฟ้าและการระบายความร้อนที่ซ้ำซ้อนและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้การใช้น้ำลดลงเหลือเพียง 200,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งใกล้เคียงกับการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป 🌐 โครงการที่กำลังดำเนินการ ปัจจุบันยะโฮร์มีโครงการศูนย์ข้อมูลทั้งหมด 51 แห่ง โดยเปิดใช้งานแล้ว 17 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 11 แห่ง และได้รับอนุมัติอีก 23 แห่ง การลงทุนเหล่านี้สร้างงานหลายพันตำแหน่ง แต่ก็ทำให้รัฐบาลต้องเข้มงวดกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันวิกฤตน้ำในอนาคต 🛠️ นวัตกรรมลดการใช้น้ำ แนวทางใหม่ที่ถูกพูดถึงคือการใช้ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำ และระบบ closed-loop cooling ที่คล้ายกับระบบระบายความร้อนในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Nvidia เองก็พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า ซึ่งอาจเป็นทางออกสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 ➡️ เนื่องจากใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน ✅ การอนุญาตเฉพาะ Tier 3 และ Tier 4 ➡️ ใช้น้ำเพียง 200,000 ลิตรต่อวันและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ✅ สถานะโครงการศูนย์ข้อมูลในยะโฮร์ ➡️ มีทั้งหมด 51 โครงการ ทั้งเปิดใช้งาน ก่อสร้าง และอนุมัติแล้ว ✅ แนวทางลดการใช้น้ำ ➡️ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำและระบบ closed-loop cooling ที่มีประสิทธิภาพสูง ‼️ ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ หากไม่ควบคุม อาจเกิดวิกฤตน้ำและกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ‼️ ความท้าทายต่อการลงทุน ⛔ มาตรการเข้มงวดอาจทำให้นักลงทุนลังเลและชะลอโครงการใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/malaysian-state-of-johor-drowns-any-ideas-for-tier-1-and-tier-2-data-centers-water-concerns-have-authorities-only-allowing-energy-efficient-builds
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI

    นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล

    ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ
    การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

    การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย
    Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI

    ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก
    แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index
    AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7%

    มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ
    คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

    การใช้งานจริงของ Iceberg Index
    รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย

    ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar
    งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่

    ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน

    ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน
    หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    🤖 การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล 📉 ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 🏛️ การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI 🌍 ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index ➡️ AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7% ✅ มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ ➡️ คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ การใช้งานจริงของ Iceberg Index ➡️ รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย ✅ ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar ➡️ งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่ ‼️ ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน ‼️ ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน ⛔ หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • ก้าวใหม่ของซีพียูจีน

    บริษัท Thunderobot ได้เปิดตัว Black Warrior Hunter Pro ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เกมมิ่งเครื่องแรกของจีนที่ใช้ซีพียู Hygon C86-4G ผลิตภายในประเทศ จุดเด่นคือมีสถาปัตยกรรม x86 ทำให้สามารถรัน Windows และเกมยอดนิยมได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านการแปลงคำสั่งเหมือนชิปที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm หรือ RISC-V

    สเปกและเทคโนโลยี
    Hygon C86-4G มาพร้อม 16 คอร์ 32 เธรด และแคช L3 ขนาด 32MB รองรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง DDR5 และ PCIe 5.0 แม้จะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพียง 2.8 GHz แต่ก็สามารถแข่งขันกับ Intel Core i7-12700, i7-13700 และ i7-14700 ได้ในหลายการทดสอบ โดยเฉพาะงานที่ใช้การประมวลผลหลายเธรด

    ผลการทดสอบ Benchmark
    ในการทดสอบ SPEC CPU 2006 แม้ประสิทธิภาพแบบ Single-thread จะด้อยกว่า Intel แต่ในงาน Multi-threaded Hygon C86-4G สามารถทำคะแนนเหนือกว่า Core i7-13700 และใกล้เคียง Core i7-14700

    ในการทดสอบ V-Ray Benchmark ซีพียูจีนทำคะแนนสูงกว่า Core i7-13700 ถึง 7% แต่ยังตามหลัง Core i7-14700K อยู่ประมาณ 22%

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ โดยเฉพาะในตลาดเกมมิ่งและการประมวลผลทั่วไป แม้กราฟิกการ์ดยังต้องใช้ Nvidia แต่การมีซีพียูภายในประเทศที่แข่งขันได้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัวคอมพิวเตอร์เกมมิ่งจีน Black Warrior Hunter Pro
    ใช้ซีพียู Hygon C86-4G ที่พัฒนาในประเทศ

    สเปกของ Hygon C86-4G
    16 คอร์ 32 เธรด, รองรับ DDR5 และ PCIe 5.0

    ผลการทดสอบ Benchmark
    Multi-threaded ดีกว่า Core i7-13700 และใกล้เคียง Core i7-14700

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ลดการพึ่งพาซีพียูต่างชาติและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    ข้อจำกัดด้าน Single-thread performance
    ยังด้อยกว่า Intel Core i7 รุ่นใหม่ ทำให้บางงานยังไม่เต็มประสิทธิภาพ

    การพึ่งพากราฟิกการ์ดต่างชาติ
    Thunderobot ยังต้องใช้ Nvidia GeForce RTX ในเครื่องเกมมิ่ง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/homegrown-chinese-cpus-bring-core-i7-raptor-lake-performance-to-domestic-gaming-pcs-hygon-c86-4g-lands-between-a-core-i7-13700-and-core-i7-14700
    🖥️ ก้าวใหม่ของซีพียูจีน บริษัท Thunderobot ได้เปิดตัว Black Warrior Hunter Pro ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เกมมิ่งเครื่องแรกของจีนที่ใช้ซีพียู Hygon C86-4G ผลิตภายในประเทศ จุดเด่นคือมีสถาปัตยกรรม x86 ทำให้สามารถรัน Windows และเกมยอดนิยมได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านการแปลงคำสั่งเหมือนชิปที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm หรือ RISC-V ⚙️ สเปกและเทคโนโลยี Hygon C86-4G มาพร้อม 16 คอร์ 32 เธรด และแคช L3 ขนาด 32MB รองรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง DDR5 และ PCIe 5.0 แม้จะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพียง 2.8 GHz แต่ก็สามารถแข่งขันกับ Intel Core i7-12700, i7-13700 และ i7-14700 ได้ในหลายการทดสอบ โดยเฉพาะงานที่ใช้การประมวลผลหลายเธรด 📊 ผลการทดสอบ Benchmark ในการทดสอบ SPEC CPU 2006 แม้ประสิทธิภาพแบบ Single-thread จะด้อยกว่า Intel แต่ในงาน Multi-threaded Hygon C86-4G สามารถทำคะแนนเหนือกว่า Core i7-13700 และใกล้เคียง Core i7-14700 ในการทดสอบ V-Ray Benchmark ซีพียูจีนทำคะแนนสูงกว่า Core i7-13700 ถึง 7% แต่ยังตามหลัง Core i7-14700K อยู่ประมาณ 22% 🌐 ความหมายต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ โดยเฉพาะในตลาดเกมมิ่งและการประมวลผลทั่วไป แม้กราฟิกการ์ดยังต้องใช้ Nvidia แต่การมีซีพียูภายในประเทศที่แข่งขันได้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัวคอมพิวเตอร์เกมมิ่งจีน Black Warrior Hunter Pro ➡️ ใช้ซีพียู Hygon C86-4G ที่พัฒนาในประเทศ ✅ สเปกของ Hygon C86-4G ➡️ 16 คอร์ 32 เธรด, รองรับ DDR5 และ PCIe 5.0 ✅ ผลการทดสอบ Benchmark ➡️ Multi-threaded ดีกว่า Core i7-13700 และใกล้เคียง Core i7-14700 ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ลดการพึ่งพาซีพียูต่างชาติและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ‼️ ข้อจำกัดด้าน Single-thread performance ⛔ ยังด้อยกว่า Intel Core i7 รุ่นใหม่ ทำให้บางงานยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ‼️ การพึ่งพากราฟิกการ์ดต่างชาติ ⛔ Thunderobot ยังต้องใช้ Nvidia GeForce RTX ในเครื่องเกมมิ่ง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/homegrown-chinese-cpus-bring-core-i7-raptor-lake-performance-to-domestic-gaming-pcs-hygon-c86-4g-lands-between-a-core-i7-13700-and-core-i7-14700
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel

    TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน

    Intel ยืนยันความโปร่งใส
    Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป

    เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A
    Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo
    กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน

    Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่
    ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล

    ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A
    ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก
    อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย
    หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด

    ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A
    หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    ⚖️ ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน 🏢 Intel ยืนยันความโปร่งใส Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป 💻 เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo ➡️ กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน ✅ Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่ ➡️ ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล ✅ ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A ➡️ ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก ➡️ อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย ⛔ หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด ‼️ ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A ⛔ หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • EU ออกกฎใหม่ป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์

    สหภาพยุโรป (EU) และรัฐสภายุโรปได้บรรลุข้อตกลงใหม่เพื่อบังคับให้ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันการฉ้อโกง รวมถึงความโปร่งใสด้านค่าธรรมเนียมและการดูแลข้อมูลลูกค้า กฎหมายใหม่นี้ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยทางการเงินในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว.

    ความรับผิดชอบของธนาคารและผู้ให้บริการ
    ตามกฎใหม่ หากธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงินไม่สามารถป้องกันการฉ้อโกงได้ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบในการชดเชยความเสียหายให้ลูกค้า นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดให้ ระงับธุรกรรมที่น่าสงสัยทันที และต้องจัดให้มีการเข้าถึง บริการลูกค้ามนุษย์ ไม่ใช่เพียงแค่ chatbot เท่านั้น.

    บทบาทของแพลตฟอร์มออนไลน์
    แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น marketplace และ social media จะต้องรับผิดชอบในการลบโฆษณาหรือคอนเทนต์ที่เป็นการฉ้อโกง หากไม่ดำเนินการ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่ธนาคารใช้ในการชดเชยลูกค้า กฎนี้มีเป้าหมายเพื่อปิดช่องโหว่ที่ทำให้ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อโฆษณาหลอกลวง.

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    กฎหมายใหม่นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการชำระเงิน การเข้าถึงเงินสดในพื้นที่ชนบท และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันให้ผู้ให้บริการทางการเงินและแพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลงทุนเพิ่มในระบบความปลอดภัยและการตรวจสอบ.

    สรุปสาระสำคัญ
    EU และรัฐสภายุโรปบรรลุกฎใหม่ป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์
    เพิ่มความโปร่งใสด้านค่าธรรมเนียมและการดูแลข้อมูลลูกค้า

    ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย
    หากไม่สามารถป้องกันการฉ้อโกงได้

    ต้องระงับธุรกรรมที่น่าสงสัยทันที
    และจัดให้มีบริการลูกค้ามนุษย์

    แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลบโฆษณาหลอกลวง
    มิฉะนั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการชดเชย

    หากผู้ให้บริการไม่ปรับปรุงระบบ อาจถูกลงโทษทางการเงิน
    เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า

    แพลตฟอร์มที่ไม่จัดการโฆษณาหลอกลวงอาจถูกฟ้องร้อง
    กระทบต่อชื่อเสียงและรายได้ในระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/28/eu-agrees-on-new-rules-for-online-fraud-protection
    🛡️ EU ออกกฎใหม่ป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์ สหภาพยุโรป (EU) และรัฐสภายุโรปได้บรรลุข้อตกลงใหม่เพื่อบังคับให้ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันการฉ้อโกง รวมถึงความโปร่งใสด้านค่าธรรมเนียมและการดูแลข้อมูลลูกค้า กฎหมายใหม่นี้ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยทางการเงินในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว. 💳 ความรับผิดชอบของธนาคารและผู้ให้บริการ ตามกฎใหม่ หากธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงินไม่สามารถป้องกันการฉ้อโกงได้ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบในการชดเชยความเสียหายให้ลูกค้า นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดให้ ระงับธุรกรรมที่น่าสงสัยทันที และต้องจัดให้มีการเข้าถึง บริการลูกค้ามนุษย์ ไม่ใช่เพียงแค่ chatbot เท่านั้น. 📢 บทบาทของแพลตฟอร์มออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น marketplace และ social media จะต้องรับผิดชอบในการลบโฆษณาหรือคอนเทนต์ที่เป็นการฉ้อโกง หากไม่ดำเนินการ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่ธนาคารใช้ในการชดเชยลูกค้า กฎนี้มีเป้าหมายเพื่อปิดช่องโหว่ที่ทำให้ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อโฆษณาหลอกลวง. 🌍 ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด กฎหมายใหม่นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการชำระเงิน การเข้าถึงเงินสดในพื้นที่ชนบท และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันให้ผู้ให้บริการทางการเงินและแพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลงทุนเพิ่มในระบบความปลอดภัยและการตรวจสอบ. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ EU และรัฐสภายุโรปบรรลุกฎใหม่ป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์ ➡️ เพิ่มความโปร่งใสด้านค่าธรรมเนียมและการดูแลข้อมูลลูกค้า ✅ ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย ➡️ หากไม่สามารถป้องกันการฉ้อโกงได้ ✅ ต้องระงับธุรกรรมที่น่าสงสัยทันที ➡️ และจัดให้มีบริการลูกค้ามนุษย์ ✅ แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลบโฆษณาหลอกลวง ➡️ มิฉะนั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการชดเชย ‼️ หากผู้ให้บริการไม่ปรับปรุงระบบ อาจถูกลงโทษทางการเงิน ⛔ เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า ‼️ แพลตฟอร์มที่ไม่จัดการโฆษณาหลอกลวงอาจถูกฟ้องร้อง ⛔ กระทบต่อชื่อเสียงและรายได้ในระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/28/eu-agrees-on-new-rules-for-online-fraud-protection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    EU agrees on new rules for online fraud protection
    BRUSSELS (Reuters) -EU member states and the European Parliament have agreed on new rules to force banks and other payment service providers to better protect their customers against online fraud, hidden fees and data leaks, the Parliament said on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ เปิดทาง Android รองรับ AirDrop

    สหภาพยุโรป (EU) ได้บังคับให้ Apple ต้องปรับเปลี่ยนมาตรฐาน Wi-Fi ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการแชร์ไฟล์ไร้สาย โดยผลลัพธ์ที่ตามมาคือ Android สามารถรองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop ได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดข้อจำกัดระหว่างแพลตฟอร์มและเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งาน.

    การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี
    ก่อนหน้านี้ AirDrop เป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple ที่ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ iOS และ macOS แต่ด้วยการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ ทำให้ระบบการเชื่อมต่อไร้สายมีความเป็นสากลมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ Android สามารถใช้วิธีการแชร์ไฟล์ที่ใกล้เคียงกับ AirDrop ได้โดยตรง.

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ได้ง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากที่เคยต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันเสริม เช่น Google Drive หรือการส่งผ่านแอปแชท นอกจากนี้ยังช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่างระบบเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปที่มีการบังคับใช้ข้อกำหนดนี้.

    ความหมายต่ออนาคต
    การที่ EU กำหนดมาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อ Apple แต่ยังเป็นการสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นต้องปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลมากขึ้นทั่วโลก และลดการแบ่งแยกระหว่างระบบนิเวศของแต่ละบริษัท.

    สรุปสาระสำคัญ
    EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่
    ส่งผลให้ Android รองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop

    AirDrop เดิมเป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple
    ใช้ Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์

    การเปลี่ยนแปลงช่วยให้แชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ง่ายขึ้น
    ลดการพึ่งพาแอปเสริม เช่น Google Drive

    สร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน
    อาจนำไปสู่การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลทั่วโลก

    การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้บางรายต้องปรับตัว
    แอปหรือบริการที่เคยใช้ในการแชร์ไฟล์อาจถูกลดความสำคัญ

    ผู้ผลิตที่ไม่ปรับตามมาตรฐานใหม่เสี่ยงต่อการถูกจำกัดตลาดในยุโรป
    อาจกระทบต่อยอดขายและการเข้าถึงผู้ใช้

    https://arstechnica.com/gadgets/2025/11/the-eu-made-apple-adopt-new-wi-fi-standards-and-now-android-can-support-airdrop/
    📡 EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ เปิดทาง Android รองรับ AirDrop สหภาพยุโรป (EU) ได้บังคับให้ Apple ต้องปรับเปลี่ยนมาตรฐาน Wi-Fi ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการแชร์ไฟล์ไร้สาย โดยผลลัพธ์ที่ตามมาคือ Android สามารถรองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop ได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดข้อจำกัดระหว่างแพลตฟอร์มและเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งาน. 🔄 การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ก่อนหน้านี้ AirDrop เป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple ที่ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ iOS และ macOS แต่ด้วยการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ ทำให้ระบบการเชื่อมต่อไร้สายมีความเป็นสากลมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ Android สามารถใช้วิธีการแชร์ไฟล์ที่ใกล้เคียงกับ AirDrop ได้โดยตรง. 📱 ผลกระทบต่อผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ได้ง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากที่เคยต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันเสริม เช่น Google Drive หรือการส่งผ่านแอปแชท นอกจากนี้ยังช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่างระบบเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปที่มีการบังคับใช้ข้อกำหนดนี้. 🌍 ความหมายต่ออนาคต การที่ EU กำหนดมาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อ Apple แต่ยังเป็นการสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นต้องปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลมากขึ้นทั่วโลก และลดการแบ่งแยกระหว่างระบบนิเวศของแต่ละบริษัท. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ EU บังคับ Apple ใช้มาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ ➡️ ส่งผลให้ Android รองรับฟีเจอร์แบบ AirDrop ✅ AirDrop เดิมเป็นฟีเจอร์เฉพาะของ Apple ➡️ ใช้ Wi-Fi และ Bluetooth ในการส่งไฟล์ ✅ การเปลี่ยนแปลงช่วยให้แชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ง่ายขึ้น ➡️ ลดการพึ่งพาแอปเสริม เช่น Google Drive ✅ สร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นปรับตัวตามมาตรฐานเดียวกัน ➡️ อาจนำไปสู่การเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นสากลทั่วโลก ‼️ การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้บางรายต้องปรับตัว ⛔ แอปหรือบริการที่เคยใช้ในการแชร์ไฟล์อาจถูกลดความสำคัญ ‼️ ผู้ผลิตที่ไม่ปรับตามมาตรฐานใหม่เสี่ยงต่อการถูกจำกัดตลาดในยุโรป ⛔ อาจกระทบต่อยอดขายและการเข้าถึงผู้ใช้ https://arstechnica.com/gadgets/2025/11/the-eu-made-apple-adopt-new-wi-fi-standards-and-now-android-can-support-airdrop/
    ARSTECHNICA.COM
    The EU made Apple adopt new Wi-Fi standards, and now Android can support AirDrop
    Google’s Pixel 10 works with AirDrop, and other phones should follow later.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง

    บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก.

    สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้
    NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน.

    จุดเด่นของการออกแบบ
    การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น.

    ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต
    DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses
    เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay

    ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM
    รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน

    ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1
    มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน

    รองรับ 10GbE networking
    เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K

    DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก

    ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท
    ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ

    https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    💾 DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก. ⚙️ สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้ NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน. 📈 จุดเด่นของการออกแบบ การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น. 🔮 ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses ➡️ เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay ✅ ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM ➡️ รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน ✅ ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ➡️ มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน ✅ รองรับ 10GbE networking ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K ‼️ DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก ‼️ ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท ⛔ ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    BLOG.BRIANCMOSES.COM
    DIY NAS: 2026 Edition
    An 8-bay DIY NAS with 10GbE networking, TrueNAS 25.10.0.1, an Intel N355 CPU, 32GB of DDR5 RAM, and a smallish form factor that occupies less than 20 liters of your office space.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools

    ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด.

    สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools
    องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่:
    การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง
    การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration)
    ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation)
    การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา.

    ประโยชน์และข้อควรระวัง
    CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด.

    ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM
    ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย.

    สรุปสาระสำคัญ
    CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์
    ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด

    ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์
    AWS, Azure, Google Cloud

    ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration
    ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว

    ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ
    เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance

    ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable
    มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE

    หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ
    ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec

    การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง
    อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด

    https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    ☁️ คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด. 🔎 สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่: 🎗️ การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง 🎗️ การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration) 🎗️ ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation) 🎗️ การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา. 🛡️ ประโยชน์และข้อควรระวัง CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด. 🏢 ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์ ➡️ ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด ✅ ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์ ➡️ AWS, Azure, Google Cloud ✅ ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration ➡️ ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว ✅ ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ ➡️ เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance ✅ ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable ➡️ มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE ‼️ หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec ‼️ การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง ⛔ อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CSPM buyer’s guide: How to choose the best cloud security posture management tools
    With hybrid multicloud environments becoming prevalent across all industries, it pays to invest in the right CSPM tools to minimize risk, protect cloud assets, and manage compliance.
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • Cronos เปิดตัว Hackathon มูลค่า $42,000 ขับเคลื่อนการชำระเงินบนบล็อกเชนด้วย AI

    เครือข่าย Cronos ได้ประกาศจัดงาน x402 PayTech Hackathon โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลักดันการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน งานนี้เปิดให้เหล่านักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม โดยใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดของ Cronos และ Crypto.com..

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของ Cronos
    ในช่วงที่ผ่านมา Cronos ได้ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ เช่น ลดค่า gas ลงถึง 10 เท่า, เพิ่มปริมาณธุรกรรมรายวันกว่า 400%, และลดเวลาในการสร้างบล็อกเหลือไม่ถึง 1 วินาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cronos กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูงและรองรับ AI-native ได้อย่างเต็มรูปแบบ.

    สิ่งที่นักพัฒนาจะได้ทดลอง
    ผู้เข้าร่วม Hackathon จะได้ทดลองสร้างโซลูชันที่หลากหลาย เช่น การทำธุรกรรมอัตโนมัติ, smart wallet ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การเชื่อมโยงสินทรัพย์จริงเข้ากับบล็อกเชน, และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยมีการสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก Cronos และ Crypto.com ทั้ง workshop, office hours, และเอกสารทางเทคนิค.

    เป้าหมายระยะยาวและโอกาสต่อยอด
    Hackathon ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นการทดสอบว่า AI agents สามารถจัดการและเคลื่อนย้ายมูลค่าได้จริง ทีมที่โดดเด่นอาจได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น เงินทุน, การบ่มเพาะโครงการ และการร่วมมือกับระบบนิเวศของ Cronos ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์.

    สรุปสาระสำคัญ
    Cronos จัด x402 PayTech Hackathon มูลค่า $42,000
    เปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม

    ใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานใหม่
    รองรับการสร้าง AI-native applications

    Cronos ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่
    ลดค่า gas 10 เท่า, เพิ่มธุรกรรม 400%, block time < 1 วินาที

    ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองสร้าง smart wallet, automated flows และ asset integration
    มี workshop และ office hours สนับสนุน

    การแข่งขันเน้นการทดสอบความสามารถของ AI agents
    ทีมที่ไม่สามารถสร้างโซลูชันที่ใช้งานจริงอาจไม่ผ่านการคัดเลือก

    การพัฒนา AI-native บนบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
    อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการปรับใช้ในตลาดจริง

    https://hackread.com/cronos-hackathon-ai-powered-chain-payments/
    🌍 Cronos เปิดตัว Hackathon มูลค่า $42,000 ขับเคลื่อนการชำระเงินบนบล็อกเชนด้วย AI เครือข่าย Cronos ได้ประกาศจัดงาน x402 PayTech Hackathon โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลักดันการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน งานนี้เปิดให้เหล่านักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม โดยใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดของ Cronos และ Crypto.com.. ⚡ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของ Cronos ในช่วงที่ผ่านมา Cronos ได้ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ เช่น ลดค่า gas ลงถึง 10 เท่า, เพิ่มปริมาณธุรกรรมรายวันกว่า 400%, และลดเวลาในการสร้างบล็อกเหลือไม่ถึง 1 วินาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cronos กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูงและรองรับ AI-native ได้อย่างเต็มรูปแบบ. 🛠️ สิ่งที่นักพัฒนาจะได้ทดลอง ผู้เข้าร่วม Hackathon จะได้ทดลองสร้างโซลูชันที่หลากหลาย เช่น การทำธุรกรรมอัตโนมัติ, smart wallet ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การเชื่อมโยงสินทรัพย์จริงเข้ากับบล็อกเชน, และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยมีการสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก Cronos และ Crypto.com ทั้ง workshop, office hours, และเอกสารทางเทคนิค. 🚀 เป้าหมายระยะยาวและโอกาสต่อยอด Hackathon ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นการทดสอบว่า AI agents สามารถจัดการและเคลื่อนย้ายมูลค่าได้จริง ทีมที่โดดเด่นอาจได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น เงินทุน, การบ่มเพาะโครงการ และการร่วมมือกับระบบนิเวศของ Cronos ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Cronos จัด x402 PayTech Hackathon มูลค่า $42,000 ➡️ เปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม ✅ ใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ➡️ รองรับการสร้าง AI-native applications ✅ Cronos ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ ➡️ ลดค่า gas 10 เท่า, เพิ่มธุรกรรม 400%, block time < 1 วินาที ✅ ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองสร้าง smart wallet, automated flows และ asset integration ➡️ มี workshop และ office hours สนับสนุน ‼️ การแข่งขันเน้นการทดสอบความสามารถของ AI agents ⛔ ทีมที่ไม่สามารถสร้างโซลูชันที่ใช้งานจริงอาจไม่ผ่านการคัดเลือก ‼️ การพัฒนา AI-native บนบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ⛔ อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการปรับใช้ในตลาดจริง https://hackread.com/cronos-hackathon-ai-powered-chain-payments/
    HACKREAD.COM
    Cronos Kicks Off $42K Global Hackathon Focused on AI-Powered On-Chain Payments
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • ยุคใหม่ของ AI Meeting Assistants

    TicNote AI เป็นเครื่องมือผู้ช่วยประชุมที่แตกต่างจาก AI note-taker ทั่วไป เพราะเน้นทั้งการจัดการข้อมูลและความปลอดภัย โดยใช้ระบบ “Agentic OS” ที่ช่วยแปลงการสนทนาให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้าง พร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Deep Research, Aha Moments และ AI Podcast Mode.

    AI meeting assistants กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมืออาชีพที่ต้องการการถอดความรวดเร็วและแม่นยำ แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้คือคำถามเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล TicNote AI จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด “intelligence with responsibility” เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อมูลการประชุมจะถูกจัดการอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์มากกว่าแค่การบันทึกเสียง.

    TicNote ในฐานะ Agentic OS
    TicNote ไม่ใช่เพียงเครื่องบันทึกเสียง แต่เป็นระบบ Agentic OS ที่สามารถตีความการสนทนา เชื่อมโยงแนวคิด และจัดโครงสร้างข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่:
    Shadow and Projects: รวมเสียง ภาพ เอกสาร แล้วสรุปเป็นข้อมูลที่สะอาดด้วย multimodal AI
    Deep Research: ค้นหาคำตอบจากไฟล์และการบันทึกด้วยบริบทที่ชัดเจน
    Aha Moments: ค้นหาความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล
    AI Podcast Mode: แปลงการบันทึกเป็นเสียงสไตล์พอดแคสต์
    AI Voiceprint Recognition: ระบุผู้พูดอัตโนมัติและสร้าง transcript ที่เป็นระเบียบ.

    การใช้งานและแพ็กเกจราคา
    TicNote มีแพ็กเกจหลายระดับ:
    Free (Plus): 600 นาที/เดือน พร้อมการถอดความหลายภาษาและการนำเข้าเอกสาร
    Pro: 2100 นาที/ปี พร้อม unlimited cloud storage และฟีเจอร์ขั้นสูง
    Business: 6600 นาที/ปี รองรับการประชุม 8 ชั่วโมง และ workflow สำหรับทีม. การเปิดตัวในช่วง Black Friday 2025 มีราคาพิเศษเริ่มต้นที่ $99.99 ในสหรัฐฯ และ EUR 169.99 ในยุโรป (ลดเหลือ EUR 135.99 ในบางวัน).

    ความสำคัญต่อผู้ใช้
    ในยุคที่ข้อมูลล้นเกิน TicNote ช่วยเปลี่ยนการสนทนาที่กระจัดกระจายให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้างและปลอดภัย เหมาะสำหรับทีมรีโมต นักข่าว นักวิจัย และผู้จัดพอดแคสต์ จุดขายหลักคือการเป็น “thinking partner” ที่ไม่เพียงบันทึก แต่ช่วยให้ผู้ใช้คิดและวางแผนได้ชัดเจนขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    TicNote AI เป็น Agentic OS ไม่ใช่แค่ note-taker
    ตีความ เชื่อมโยง และจัดโครงสร้างข้อมูล

    ฟีเจอร์หลัก: Shadow & Projects, Deep Research, Aha Moments, Podcast Mode, Voiceprint Recognition
    รองรับการใช้งานทั้งบุคคลและทีม

    มีแพ็กเกจ Free, Pro และ Business
    ราคาเริ่มต้น $99.99 ในสหรัฐฯ ช่วง Black Friday

    เน้นความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
    เหมาะกับนักข่าว ทีมรีโมต และผู้สร้างคอนเทนต์

    ความกังวลเรื่องการจัดการข้อมูลยังคงอยู่ในตลาด AI meeting assistants
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวก่อนใช้งาน

    ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างอาจจำกัดเฉพาะแพ็กเกจ Pro และ Business
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มรูปแบบ

    https://hackread.com/ai-meeting-assistants-data-security-ticnote-ai/
    📊 ยุคใหม่ของ AI Meeting Assistants TicNote AI เป็นเครื่องมือผู้ช่วยประชุมที่แตกต่างจาก AI note-taker ทั่วไป เพราะเน้นทั้งการจัดการข้อมูลและความปลอดภัย โดยใช้ระบบ “Agentic OS” ที่ช่วยแปลงการสนทนาให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้าง พร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Deep Research, Aha Moments และ AI Podcast Mode. AI meeting assistants กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมืออาชีพที่ต้องการการถอดความรวดเร็วและแม่นยำ แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้คือคำถามเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล TicNote AI จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด “intelligence with responsibility” เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อมูลการประชุมจะถูกจัดการอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์มากกว่าแค่การบันทึกเสียง. 🧠 TicNote ในฐานะ Agentic OS TicNote ไม่ใช่เพียงเครื่องบันทึกเสียง แต่เป็นระบบ Agentic OS ที่สามารถตีความการสนทนา เชื่อมโยงแนวคิด และจัดโครงสร้างข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่: 🔷 Shadow and Projects: รวมเสียง ภาพ เอกสาร แล้วสรุปเป็นข้อมูลที่สะอาดด้วย multimodal AI 🔷 Deep Research: ค้นหาคำตอบจากไฟล์และการบันทึกด้วยบริบทที่ชัดเจน 🔷 Aha Moments: ค้นหาความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล 🔷 AI Podcast Mode: แปลงการบันทึกเป็นเสียงสไตล์พอดแคสต์ 🔷 AI Voiceprint Recognition: ระบุผู้พูดอัตโนมัติและสร้าง transcript ที่เป็นระเบียบ. 💼 การใช้งานและแพ็กเกจราคา TicNote มีแพ็กเกจหลายระดับ: 🔷 Free (Plus): 600 นาที/เดือน พร้อมการถอดความหลายภาษาและการนำเข้าเอกสาร 🔷 Pro: 2100 นาที/ปี พร้อม unlimited cloud storage และฟีเจอร์ขั้นสูง 🔷 Business: 6600 นาที/ปี รองรับการประชุม 8 ชั่วโมง และ workflow สำหรับทีม. การเปิดตัวในช่วง Black Friday 2025 มีราคาพิเศษเริ่มต้นที่ $99.99 ในสหรัฐฯ และ EUR 169.99 ในยุโรป (ลดเหลือ EUR 135.99 ในบางวัน). 🔐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ ในยุคที่ข้อมูลล้นเกิน TicNote ช่วยเปลี่ยนการสนทนาที่กระจัดกระจายให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้างและปลอดภัย เหมาะสำหรับทีมรีโมต นักข่าว นักวิจัย และผู้จัดพอดแคสต์ จุดขายหลักคือการเป็น “thinking partner” ที่ไม่เพียงบันทึก แต่ช่วยให้ผู้ใช้คิดและวางแผนได้ชัดเจนขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ TicNote AI เป็น Agentic OS ไม่ใช่แค่ note-taker ➡️ ตีความ เชื่อมโยง และจัดโครงสร้างข้อมูล ✅ ฟีเจอร์หลัก: Shadow & Projects, Deep Research, Aha Moments, Podcast Mode, Voiceprint Recognition ➡️ รองรับการใช้งานทั้งบุคคลและทีม ✅ มีแพ็กเกจ Free, Pro และ Business ➡️ ราคาเริ่มต้น $99.99 ในสหรัฐฯ ช่วง Black Friday ✅ เน้นความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เหมาะกับนักข่าว ทีมรีโมต และผู้สร้างคอนเทนต์ ‼️ ความกังวลเรื่องการจัดการข้อมูลยังคงอยู่ในตลาด AI meeting assistants ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวก่อนใช้งาน ‼️ ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างอาจจำกัดเฉพาะแพ็กเกจ Pro และ Business ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มรูปแบบ https://hackread.com/ai-meeting-assistants-data-security-ticnote-ai/
    HACKREAD.COM
    AI Meeting Assistants Are Rising – But Is Your Data Safe? A Deep Look at TicNote AI
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • ใครคือเจ้าของ Claude AI?

    Claude AI เป็นผลงานของบริษัท Anthropic สตาร์ทอัพจากซานฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2021 โดยอดีตผู้บริหาร OpenAI คือ Dario และ Daniela Amodei จุดเด่นของ Anthropic คือการมุ่งเน้นเรื่อง ความปลอดภัยและความโปร่งใสในการพัฒนา AI โดย Claude ได้รับการตั้งชื่อตาม Claude Shannon บิดาแห่งทฤษฎีสารสนเทศ และเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023.

    การลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่
    แม้ว่า Anthropic จะยังคงเป็นบริษัทอิสระ แต่ก็ได้รับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากหลายบริษัท เช่น Amazon ที่ทุ่มสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ พร้อมให้ใช้โครงสร้างพื้นฐาน AWS และชิป AI ของตนเอง, Google ที่ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์, รวมถึง Salesforce และ Spark Capital ที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทำให้ Anthropic มีพันธมิตรเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งในตลาด.

    ความสัมพันธ์กับ Microsoft และการใช้งานจริง
    นอกจาก Amazon และ Google แล้ว Microsoft ก็มีบทบาทเช่นกัน โดยนำ Claude มารวมไว้ในชุด Microsoft 365 Copilot ควบคู่กับ GPT models สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Claude ไม่ได้เป็นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นเทคโนโลยีที่หลายยักษ์ใหญ่ในวงการเข้ามามีส่วนร่วมและผลักดัน.

    โครงสร้างบริษัทและความสำคัญ
    Anthropic ถูกจัดตั้งเป็น Public-Benefit Corporation (PBC) ซึ่งหมายความว่ามีพันธกิจด้านความปลอดภัยระยะยาวควบคู่ไปกับการทำกำไร ทำให้แม้จะมีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ยากที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะเข้ามาควบคุมทั้งหมดได้ การที่ Claude อยู่ในกลุ่ม AI ระดับแนวหน้าจึงทำให้โครงสร้างการถือครองและการลงทุนมีความสำคัญต่ออนาคตของวงการ AI โดยรวม.

    สรุปสาระสำคัญ
    Claude AI เป็นผลงานของ Anthropic
    ก่อตั้งโดย Dario และ Daniela Amodei อดีตผู้บริหาร OpenAI

    เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023
    ตั้งชื่อตาม Claude Shannon

    Amazon ลงทุนสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์
    พร้อมให้ใช้ AWS และชิป AI

    Google ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์
    มี Salesforce และ Spark Capital ร่วมด้วย

    Microsoft นำ Claude ไปใช้ใน 365 Copilot
    ทำงานร่วมกับ GPT models

    Anthropic แม้มีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ยังคงเป็นบริษัทอิสระ
    ไม่มีบริษัทใดครอบครองทั้งหมด

    โครงสร้างแบบ Public-Benefit Corporation เน้นความปลอดภัยระยะยาว
    ทำให้การควบคุมโดยนักลงทุนรายเดียวเป็นไปได้ยาก

    https://www.slashgear.com/2035429/who-owns-claude-ai/
    🧠 ใครคือเจ้าของ Claude AI? Claude AI เป็นผลงานของบริษัท Anthropic สตาร์ทอัพจากซานฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2021 โดยอดีตผู้บริหาร OpenAI คือ Dario และ Daniela Amodei จุดเด่นของ Anthropic คือการมุ่งเน้นเรื่อง ความปลอดภัยและความโปร่งใสในการพัฒนา AI โดย Claude ได้รับการตั้งชื่อตาม Claude Shannon บิดาแห่งทฤษฎีสารสนเทศ และเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023. 💵 การลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แม้ว่า Anthropic จะยังคงเป็นบริษัทอิสระ แต่ก็ได้รับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากหลายบริษัท เช่น Amazon ที่ทุ่มสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ พร้อมให้ใช้โครงสร้างพื้นฐาน AWS และชิป AI ของตนเอง, Google ที่ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์, รวมถึง Salesforce และ Spark Capital ที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทำให้ Anthropic มีพันธมิตรเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งในตลาด. 🔗 ความสัมพันธ์กับ Microsoft และการใช้งานจริง นอกจาก Amazon และ Google แล้ว Microsoft ก็มีบทบาทเช่นกัน โดยนำ Claude มารวมไว้ในชุด Microsoft 365 Copilot ควบคู่กับ GPT models สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Claude ไม่ได้เป็นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นเทคโนโลยีที่หลายยักษ์ใหญ่ในวงการเข้ามามีส่วนร่วมและผลักดัน. ⚖️ โครงสร้างบริษัทและความสำคัญ Anthropic ถูกจัดตั้งเป็น Public-Benefit Corporation (PBC) ซึ่งหมายความว่ามีพันธกิจด้านความปลอดภัยระยะยาวควบคู่ไปกับการทำกำไร ทำให้แม้จะมีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ยากที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะเข้ามาควบคุมทั้งหมดได้ การที่ Claude อยู่ในกลุ่ม AI ระดับแนวหน้าจึงทำให้โครงสร้างการถือครองและการลงทุนมีความสำคัญต่ออนาคตของวงการ AI โดยรวม. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Claude AI เป็นผลงานของ Anthropic ➡️ ก่อตั้งโดย Dario และ Daniela Amodei อดีตผู้บริหาร OpenAI ✅ เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023 ➡️ ตั้งชื่อตาม Claude Shannon ✅ Amazon ลงทุนสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ ➡️ พร้อมให้ใช้ AWS และชิป AI ✅ Google ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ➡️ มี Salesforce และ Spark Capital ร่วมด้วย ✅ Microsoft นำ Claude ไปใช้ใน 365 Copilot ➡️ ทำงานร่วมกับ GPT models ‼️ Anthropic แม้มีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ยังคงเป็นบริษัทอิสระ ⛔ ไม่มีบริษัทใดครอบครองทั้งหมด ‼️ โครงสร้างแบบ Public-Benefit Corporation เน้นความปลอดภัยระยะยาว ⛔ ทำให้การควบคุมโดยนักลงทุนรายเดียวเป็นไปได้ยาก https://www.slashgear.com/2035429/who-owns-claude-ai/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Who Owns Claude AI (And Is It Amazon?) - SlashGear
    Anthropic owns Claude AI, not Amazon. Big-tech funding and cloud partnerships exist, but no single company controls the model or the startup.
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • หุ่นยนต์ AgiBot A2 จากจีน ทำสถิติ Guinness World Record

    บริษัท AgiBot จากเซี่ยงไฮ้ได้สร้างความฮือฮาในโลกหุ่นยนต์ โดยหุ่นยนต์ AgiBot A2 สามารถเดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 66.04 ไมล์ (106.286 กิโลเมตร) โดยไม่หยุดพัก จนได้รับการบันทึกลงใน Guinness World Record ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวที่สุดของหุ่นยนต์มนุษย์ (humanoid robot).

    เส้นทางการเดินและความท้าทาย
    การเดินครั้งนี้เริ่มจาก Jinji Lake ในเมืองซูโจว ไปจนถึง North Bund ในเซี่ยงไฮ้ ครอบคลุมทั้งถนนในเมือง สะพาน ทางหลวง และทางเดินที่เปลี่ยว หุ่นยนต์สามารถเดินต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่เกิดการ shutdown หรือหยุดพัก ซึ่งถือว่าน่าทึ่งมาก เพราะก่อนหน้านี้หุ่นยนต์กว่า 70% ที่ร่วมวิ่งมาราธอนกับมนุษย์ไม่สามารถไปถึงเส้นชัยได้ เนื่องจากแบตหมด ความร้อนสูง หรือเดินไม่สมดุล.

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง AgiBot A2
    AgiBot A2 มีน้ำหนักประมาณ 152 ปอนด์ สูงราว 5.5 ฟุต ใช้แบตเตอรี่ 700Wh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และทำงานต่อเนื่องได้ราว 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หุ่นยนต์ถูกออกแบบให้มี ระบบ ActionGPT ซึ่งเป็น AI แบบมัลติโหมด รองรับข้อความ ภาพ และเสียง ทำให้สามารถใช้งานในงานบริการ เช่น ต้อนรับลูกค้า หรือจัดแสดงในงานนิทรรศการได้ นอกจากนี้ยังมี กล้อง 6 ตัวและ LiDAR เพื่อมองเห็นรอบทิศทาง 360° และสามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน.

    การใช้งานเชิงพาณิชย์และอนาคต
    หุ่นยนต์รุ่นปรับแต่งพิเศษชื่อ A2-W ได้ถูกนำไปใช้ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของ Fulin Precision เพื่อขนย้ายวัสดุ ลดภาระงานซ้ำซากของมนุษย์ ปัจจุบัน AgiBot A2 ยังมีวางขายบนแพลตฟอร์ม JD ของจีน โดยรุ่น Youth Edition มีราคาอยู่ที่ประมาณ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาของหุ่นยนต์ Tesla Optimus ที่กำลังเป็นคู่แข่งในตลาด.

    สรุปสาระสำคัญ
    AgiBot A2 ทำสถิติ Guinness World Record
    เดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 106.286 กิโลเมตร

    เส้นทางจาก Jinji Lake ถึง North Bund
    ครอบคลุมทั้งถนน สะพาน และทางหลวง

    ใช้ระบบ ActionGPT รองรับข้อความ ภาพ และเสียง
    เหมาะกับงานบริการและการจัดแสดง

    มี LiDAR และกล้อง 6 ตัวเพื่อการมองเห็นรอบทิศทาง
    สามารถควบคุมจากสมาร์ทโฟนได้

    รุ่น A2-W ถูกใช้งานในโรงงาน Fulin Precision
    ช่วยขนย้ายวัสดุ ลดงานซ้ำซากของมนุษย์

    มีวางขายบน JD China ราคาประมาณ 27,000 ดอลลาร์
    อยู่ในระดับเดียวกับ Tesla Optimus

    แบตเตอรี่ทำงานต่อเนื่องได้เพียง 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จ
    ต้องเปลี่ยนแบตบ่อยเมื่อใช้งานจริง

    หุ่นยนต์ยังอยู่ในช่วงทดสอบและพัฒนา
    อาจยังไม่เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง

    https://www.slashgear.com/2036667/china-agibot-a2-humanoid-robot-guinness-world-record-longest-journey/
    🤖 หุ่นยนต์ AgiBot A2 จากจีน ทำสถิติ Guinness World Record บริษัท AgiBot จากเซี่ยงไฮ้ได้สร้างความฮือฮาในโลกหุ่นยนต์ โดยหุ่นยนต์ AgiBot A2 สามารถเดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 66.04 ไมล์ (106.286 กิโลเมตร) โดยไม่หยุดพัก จนได้รับการบันทึกลงใน Guinness World Record ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวที่สุดของหุ่นยนต์มนุษย์ (humanoid robot). 🚶‍♂️ เส้นทางการเดินและความท้าทาย การเดินครั้งนี้เริ่มจาก Jinji Lake ในเมืองซูโจว ไปจนถึง North Bund ในเซี่ยงไฮ้ ครอบคลุมทั้งถนนในเมือง สะพาน ทางหลวง และทางเดินที่เปลี่ยว หุ่นยนต์สามารถเดินต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่เกิดการ shutdown หรือหยุดพัก ซึ่งถือว่าน่าทึ่งมาก เพราะก่อนหน้านี้หุ่นยนต์กว่า 70% ที่ร่วมวิ่งมาราธอนกับมนุษย์ไม่สามารถไปถึงเส้นชัยได้ เนื่องจากแบตหมด ความร้อนสูง หรือเดินไม่สมดุล. ⚙️ เทคโนโลยีเบื้องหลัง AgiBot A2 AgiBot A2 มีน้ำหนักประมาณ 152 ปอนด์ สูงราว 5.5 ฟุต ใช้แบตเตอรี่ 700Wh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และทำงานต่อเนื่องได้ราว 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หุ่นยนต์ถูกออกแบบให้มี ระบบ ActionGPT ซึ่งเป็น AI แบบมัลติโหมด รองรับข้อความ ภาพ และเสียง ทำให้สามารถใช้งานในงานบริการ เช่น ต้อนรับลูกค้า หรือจัดแสดงในงานนิทรรศการได้ นอกจากนี้ยังมี กล้อง 6 ตัวและ LiDAR เพื่อมองเห็นรอบทิศทาง 360° และสามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน. 🏭 การใช้งานเชิงพาณิชย์และอนาคต หุ่นยนต์รุ่นปรับแต่งพิเศษชื่อ A2-W ได้ถูกนำไปใช้ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของ Fulin Precision เพื่อขนย้ายวัสดุ ลดภาระงานซ้ำซากของมนุษย์ ปัจจุบัน AgiBot A2 ยังมีวางขายบนแพลตฟอร์ม JD ของจีน โดยรุ่น Youth Edition มีราคาอยู่ที่ประมาณ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาของหุ่นยนต์ Tesla Optimus ที่กำลังเป็นคู่แข่งในตลาด. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AgiBot A2 ทำสถิติ Guinness World Record ➡️ เดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 106.286 กิโลเมตร ✅ เส้นทางจาก Jinji Lake ถึง North Bund ➡️ ครอบคลุมทั้งถนน สะพาน และทางหลวง ✅ ใช้ระบบ ActionGPT รองรับข้อความ ภาพ และเสียง ➡️ เหมาะกับงานบริการและการจัดแสดง ✅ มี LiDAR และกล้อง 6 ตัวเพื่อการมองเห็นรอบทิศทาง ➡️ สามารถควบคุมจากสมาร์ทโฟนได้ ✅ รุ่น A2-W ถูกใช้งานในโรงงาน Fulin Precision ➡️ ช่วยขนย้ายวัสดุ ลดงานซ้ำซากของมนุษย์ ✅ มีวางขายบน JD China ราคาประมาณ 27,000 ดอลลาร์ ➡️ อยู่ในระดับเดียวกับ Tesla Optimus ‼️ แบตเตอรี่ทำงานต่อเนื่องได้เพียง 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จ ⛔ ต้องเปลี่ยนแบตบ่อยเมื่อใช้งานจริง ‼️ หุ่นยนต์ยังอยู่ในช่วงทดสอบและพัฒนา ⛔ อาจยังไม่เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง https://www.slashgear.com/2036667/china-agibot-a2-humanoid-robot-guinness-world-record-longest-journey/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Humanoid Robot Just Scored A Guinness World Record - SlashGear
    The A2 robot from Shanghai-based company AgiBot just set a Guinness World Record for being the first robot to accomplish a surprisingly human feat.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
More Results