• เพจ Army Military Force โพสต์ภาพสุดสะเทือนใจปนขำ ทหารกัมพูชาถูกกระสุนยางเข้าตาขวา 1 แผล แต่ได้รางวัลตอบแทนเป็นข้าวแกง ไก่ย่าง ชาเขียวนม พร้อมตั้งคำถามหรือสงครามจบด้วยเมนูนี้?

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089486

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เพจ Army Military Force โพสต์ภาพสุดสะเทือนใจปนขำ ทหารกัมพูชาถูกกระสุนยางเข้าตาขวา 1 แผล แต่ได้รางวัลตอบแทนเป็นข้าวแกง ไก่ย่าง ชาเขียวนม พร้อมตั้งคำถามหรือสงครามจบด้วยเมนูนี้? อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089486 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ทักษิณไม่ใช่ฮีโร่ เป็นได้แค่คนหมดหนทาง!!! (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ทักษิณ
    #การเมืองไทย
    ทักษิณไม่ใช่ฮีโร่ เป็นได้แค่คนหมดหนทาง!!! (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทักษิณ #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 0 Reviews
  • ตาสว่างสักที สนธิแฉบิ๊กเล็ก ที่แท้คนของ...??? (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #สนธิ
    #บิ๊กเล็ก
    #การเมืองไทย
    ตาสว่างสักที สนธิแฉบิ๊กเล็ก ที่แท้คนของ...??? (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สนธิ #บิ๊กเล็ก #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 0 Reviews
  • เซอร์ไพรส์! “ลิซ่า” ปรากฏตัวที่งานเทศกาลหนังปูซาน : [News story]

    ฮือฮา ลิซ่า เดินพรมแดงเทศกาลหนังปูซาน ในฐานะแขกเซอร์ไพรส์ สมมงซุปตาร์ระดับโลก
    เซอร์ไพรส์! “ลิซ่า” ปรากฏตัวที่งานเทศกาลหนังปูซาน : [News story] ฮือฮา ลิซ่า เดินพรมแดงเทศกาลหนังปูซาน ในฐานะแขกเซอร์ไพรส์ สมมงซุปตาร์ระดับโลก
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 0 Reviews
  • ห๊ะ!! อะไรนะ ฮุนเซนถังแตก ถึงเสี้ยนเพียงนี้..!!! (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ฮุนเซน
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #การเมืองกัมพูชา
    ห๊ะ!! อะไรนะ ฮุนเซนถังแตก ถึงเสี้ยนเพียงนี้..!!! (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ฮุนเซน #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #การเมืองกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 0 Reviews
  • ให้คะแนนไม่ถูก ลีลาพระงานมิลเล่อร์ กับวัยรุ่นทรงเอเขมร ใคร "เปรี้ยว" กว่ากัน (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    ให้คะแนนไม่ถูก ลีลาพระงานมิลเล่อร์ กับวัยรุ่นทรงเอเขมร ใคร "เปรี้ยว" กว่ากัน (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 0 Reviews
  • สส.ประกอบ-ปชป. เผย สมาชิกพรรค-ประชาชนเรียกร้อง อภิสิทธิ์ กลับมากอบกู้ประชาธิปัตย์ (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #อภิสิทธิ์
    #ประชาธิปัตย์
    #การเมืองไทย
    สส.ประกอบ-ปชป. เผย สมาชิกพรรค-ประชาชนเรียกร้อง อภิสิทธิ์ กลับมากอบกู้ประชาธิปัตย์ (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อภิสิทธิ์ #ประชาธิปัตย์ #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 0 Reviews
  • ละครเขมรเริ่มแล้ว เหลี่ยมล่าสุด พาฝูงเขมร+นักข่าว สู่หนองหญ้าแก้ว (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    #หนองหญ้าแก้ว
    ละครเขมรเริ่มแล้ว เหลี่ยมล่าสุด พาฝูงเขมร+นักข่าว สู่หนองหญ้าแก้ว (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร #หนองหญ้าแก้ว
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 0 Reviews
  • เขมรไม่หลาบ ละเมิดทุกข้อตกลง ผู้นำไทยทำอะไรอยู่..??? (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #SaveThailand
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    #ผู้นำไทย
    เขมรไม่หลาบ ละเมิดทุกข้อตกลง ผู้นำไทยทำอะไรอยู่..??? (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #SaveThailand #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร #ผู้นำไทย
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 0 Reviews
  • ขะแมร์แห่แชร์คลิป ฝูงวัยรุ่นเขมร มุ่งหน้าชายแดน (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    #ชายแดนไทย
    ขะแมร์แห่แชร์คลิป ฝูงวัยรุ่นเขมร มุ่งหน้าชายแดน (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร #ชายแดนไทย
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 0 Reviews
  • ประชาธิปัตย์พลาด พังตั้งแต่ข้างใน วันนี้เลยกลับตาลปัตร (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ประชาธิปัตย์
    #การเมืองไทย
    ประชาธิปัตย์พลาด พังตั้งแต่ข้างใน วันนี้เลยกลับตาลปัตร (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ประชาธิปัตย์ #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 0 Reviews
  • โฆษก ทภ.1มาแล้ว รู้แล้วเขมรไม่จริงใจ แต่ก็จะเจรจาต่อ (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #SaveThailand
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    #ทภ1
    โฆษก ทภ.1มาแล้ว รู้แล้วเขมรไม่จริงใจ แต่ก็จะเจรจาต่อ (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #SaveThailand #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร #ทภ1
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 0 Reviews
  • เปิดหน้าพระเขมรสุดห้าว + เปรี้ยวสุด ใส่สบงทรงพลัง (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    #พระเขมร
    เปิดหน้าพระเขมรสุดห้าว + เปรี้ยวสุด ใส่สบงทรงพลัง (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร #พระเขมร
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 0 Reviews
  • แพ้เสียงใน “หู” ไทยจัดLARD วิ่งแตกฝูงกระเจิง (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #SaveThailand
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    แพ้เสียงใน “หู” ไทยจัดLARD วิ่งแตกฝูงกระเจิง (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #SaveThailand #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 0 Reviews
  • ถ้าคนไทยไม่ช่วยกัน โดรนบรรลัยกัลป์เขมรมาแน่! (18/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #SaveThailand
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #เขมร
    #โดรน
    ถ้าคนไทยไม่ช่วยกัน โดรนบรรลัยกัลป์เขมรมาแน่! (18/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #SaveThailand #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #เขมร #โดรน
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 0 Reviews
  • ห้องน้ำสาธารณะในจีนบังคับดูโฆษณาก่อนรับกระดาษชำระ — เมื่อความสะอาดกลายเป็นสินค้าภายใต้ระบบเฝ้าระวัง

    ในภาพที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยาย Orwell อย่าง “1984” ประเทศจีนได้เริ่มทดลองระบบใหม่ในห้องน้ำสาธารณะบางแห่ง ที่ผู้ใช้ต้อง “สแกน QR code และดูโฆษณา” บนสมาร์ตโฟนก่อนจะได้รับกระดาษชำระเพียงเล็กน้อย หากไม่ต้องการดูโฆษณา ก็สามารถจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน (ราว 70 สตางค์) เพื่อข้ามขั้นตอนนี้ได้ทันที

    เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่านี่เป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินความจำเป็น และป้องกันการขโมยกระดาษชำระ ซึ่งเคยเกิดขึ้นบ่อยในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น สวน Temple of Heaven ในปักกิ่ง ที่เคยติดตั้งเครื่องจ่ายกระดาษแบบ “จดจำใบหน้า” ตั้งแต่ปี 2017 โดยจำกัดความยาวกระดาษไว้ที่ 60 ซม. และต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับเพิ่มได้

    แม้จะมีเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและการควบคุมทรัพยากร แต่ระบบใหม่นี้ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย โดยผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่า หากไม่มีโทรศัพท์ หรือแบตหมด จะทำอย่างไร รวมถึงความเสี่ยงด้านสุขอนามัย และความเป็นส่วนตัวที่อาจถูกละเมิดจากการสแกนและติดตามพฤติกรรมผู้ใช้

    ห้องน้ำสาธารณะในจีนเริ่มใช้ระบบ “ดูโฆษณาแลกกระดาษชำระ”
    ต้องสแกน QR code และดูโฆษณาบนมือถือก่อนรับกระดาษ
    หากไม่ต้องการดูโฆษณา ต้องจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน

    เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่าเป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินจำเป็น
    ป้องกันการขโมยกระดาษชำระในสถานที่ท่องเที่ยว
    เคยมีกรณีผู้ใช้ห้องน้ำเอากระดาษกลับบ้านเป็นจำนวนมาก

    ระบบนี้เคยถูกทดลองในปี 2017 ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า
    เครื่องจ่ายกระดาษที่ Temple of Heaven จำกัดความยาวไว้ที่ 60 ซม.
    ต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับกระดาษเพิ่มได้

    โซเชียลมีเดียวิจารณ์ระบบนี้ว่า “ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน”
    ผู้ใช้ตั้งคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและสุขอนามัย
    บางคนเสนอให้พกกระดาษเองแทนการพึ่งระบบที่ไม่แน่นอน

    https://wccftech.com/orwellian-nightmare-some-public-washrooms-in-china-wont-dispense-toilet-paper-unless-you-watch-an-ad/
    📰 ห้องน้ำสาธารณะในจีนบังคับดูโฆษณาก่อนรับกระดาษชำระ — เมื่อความสะอาดกลายเป็นสินค้าภายใต้ระบบเฝ้าระวัง ในภาพที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยาย Orwell อย่าง “1984” ประเทศจีนได้เริ่มทดลองระบบใหม่ในห้องน้ำสาธารณะบางแห่ง ที่ผู้ใช้ต้อง “สแกน QR code และดูโฆษณา” บนสมาร์ตโฟนก่อนจะได้รับกระดาษชำระเพียงเล็กน้อย หากไม่ต้องการดูโฆษณา ก็สามารถจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน (ราว 70 สตางค์) เพื่อข้ามขั้นตอนนี้ได้ทันที เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่านี่เป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินความจำเป็น และป้องกันการขโมยกระดาษชำระ ซึ่งเคยเกิดขึ้นบ่อยในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น สวน Temple of Heaven ในปักกิ่ง ที่เคยติดตั้งเครื่องจ่ายกระดาษแบบ “จดจำใบหน้า” ตั้งแต่ปี 2017 โดยจำกัดความยาวกระดาษไว้ที่ 60 ซม. และต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับเพิ่มได้ แม้จะมีเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและการควบคุมทรัพยากร แต่ระบบใหม่นี้ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย โดยผู้ใช้หลายคนตั้งคำถามว่า หากไม่มีโทรศัพท์ หรือแบตหมด จะทำอย่างไร รวมถึงความเสี่ยงด้านสุขอนามัย และความเป็นส่วนตัวที่อาจถูกละเมิดจากการสแกนและติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ ✅ ห้องน้ำสาธารณะในจีนเริ่มใช้ระบบ “ดูโฆษณาแลกกระดาษชำระ” ➡️ ต้องสแกน QR code และดูโฆษณาบนมือถือก่อนรับกระดาษ ➡️ หากไม่ต้องการดูโฆษณา ต้องจ่ายเงินประมาณ 0.5 หยวน ✅ เจ้าหน้าที่จีนอ้างว่าเป็นมาตรการลดการใช้กระดาษเกินจำเป็น ➡️ ป้องกันการขโมยกระดาษชำระในสถานที่ท่องเที่ยว ➡️ เคยมีกรณีผู้ใช้ห้องน้ำเอากระดาษกลับบ้านเป็นจำนวนมาก ✅ ระบบนี้เคยถูกทดลองในปี 2017 ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ➡️ เครื่องจ่ายกระดาษที่ Temple of Heaven จำกัดความยาวไว้ที่ 60 ซม. ➡️ ต้องรอ 9 นาทีจึงจะรับกระดาษเพิ่มได้ ✅ โซเชียลมีเดียวิจารณ์ระบบนี้ว่า “ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน” ➡️ ผู้ใช้ตั้งคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและสุขอนามัย ➡️ บางคนเสนอให้พกกระดาษเองแทนการพึ่งระบบที่ไม่แน่นอน https://wccftech.com/orwellian-nightmare-some-public-washrooms-in-china-wont-dispense-toilet-paper-unless-you-watch-an-ad/
    WCCFTECH.COM
    Orwellian Nightmare: Some Public Washrooms In China Won't Dispense Toilet Paper Unless You Watch An Ad
    People in some public washrooms in China now have to scan a QR code printed on toilet paper dispensers, and then watch an ad on their phones.
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • Apple เตรียมทดสอบสายการผลิต iPhone พับได้ — ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย 10% ในปี 2026 พร้อมขยายฐานการผลิตสู่อินเดีย

    Apple กำลังเดินหมากครั้งสำคัญในตลาดสมาร์ตโฟน ด้วยการเตรียมทดสอบสายการผลิต iPhone รุ่นพับได้ ซึ่งอาจเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของบริษัทในกลุ่มผลิตภัณฑ์ foldable ที่คู่แข่งอย่าง Samsung และ Huawei ได้ลงสนามไปก่อนแล้ว โดยมีรายงานจาก Nikkei Asia ว่า Apple ได้เริ่มพูดคุยกับซัพพลายเออร์เกี่ยวกับการตั้งสายการผลิตทดลองในไต้หวัน และมีแผนจะขยายไปสู่การผลิตจริงในอินเดียภายในปี 2026

    เป้าหมายของ Apple คือการเพิ่มยอดขาย iPhone ให้ได้ 10% จากปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 241 ล้านเครื่อง โดยตั้งเป้าไว้ที่ 265 ล้านเครื่องในปี 2026 ซึ่งหากทำได้จริง จะเป็นสถิติใหม่ของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2015 ที่ยอดขาย iPhone แกว่งอยู่ระหว่าง 200–250 ล้านเครื่องต่อปี

    นอกจากการเปิดตัว iPhone พับได้แล้ว Apple ยังเตรียมเปิดตัว iPhone 18 รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2026 ซึ่งรวมถึง iPhone 18 Pro, Pro Max, Air 2 และรุ่นพับได้ โดยคาดว่าจะมี “halo effect” คือผู้บริโภคที่สนใจรุ่นพับได้ อาจตัดสินใจซื้อรุ่นธรรมดาแทน ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นทั้งไลน์ผลิตภัณฑ์

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก Bank of America ระบุว่า iPhone 17 Pro และ Pro Max ในปีนี้มีระยะเวลารอจัดส่งนานกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะ iPhone 17 รุ่นพื้นฐานที่มีเวลารอจัดส่งเฉลี่ยถึง 19 วัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ iPhone 11 ในปี 2019

    Apple เตรียมทดสอบสายการผลิต iPhone พับได้
    เริ่มพูดคุยกับซัพพลายเออร์ในไต้หวัน
    มีแผนขยายการผลิตจริงไปยังอินเดียในปี 2026

    ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย iPhone 10% ในปี 2026
    จาก 241 ล้านเครื่องในปี 2025 เป็น 265 ล้านเครื่องในปี 2026
    หากสำเร็จ จะเป็นสถิติใหม่ของบริษัท

    iPhone พับได้จะเป็นส่วนหนึ่งของไลน์ iPhone 18
    รวมถึงรุ่น Pro, Pro Max และ Air 2
    คาดว่าจะเกิด halo effect เพิ่มยอดขายรุ่นธรรมดา

    iPhone 17 มีระยะเวลารอจัดส่งนานกว่ารุ่นก่อน
    iPhone 17 Pro: รอ 18 วัน / Pro Max: รอ 25 วัน
    iPhone 17 รุ่นพื้นฐาน: รอ 19 วัน เทียบกับ 10 วันใน iPhone 16

    https://wccftech.com/apple-mulling-a-possible-test-production-line-for-a-foldable-iphone-targets-10-shipment-growth-in-2026/
    📰 Apple เตรียมทดสอบสายการผลิต iPhone พับได้ — ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย 10% ในปี 2026 พร้อมขยายฐานการผลิตสู่อินเดีย Apple กำลังเดินหมากครั้งสำคัญในตลาดสมาร์ตโฟน ด้วยการเตรียมทดสอบสายการผลิต iPhone รุ่นพับได้ ซึ่งอาจเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของบริษัทในกลุ่มผลิตภัณฑ์ foldable ที่คู่แข่งอย่าง Samsung และ Huawei ได้ลงสนามไปก่อนแล้ว โดยมีรายงานจาก Nikkei Asia ว่า Apple ได้เริ่มพูดคุยกับซัพพลายเออร์เกี่ยวกับการตั้งสายการผลิตทดลองในไต้หวัน และมีแผนจะขยายไปสู่การผลิตจริงในอินเดียภายในปี 2026 เป้าหมายของ Apple คือการเพิ่มยอดขาย iPhone ให้ได้ 10% จากปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 241 ล้านเครื่อง โดยตั้งเป้าไว้ที่ 265 ล้านเครื่องในปี 2026 ซึ่งหากทำได้จริง จะเป็นสถิติใหม่ของบริษัทนับตั้งแต่ปี 2015 ที่ยอดขาย iPhone แกว่งอยู่ระหว่าง 200–250 ล้านเครื่องต่อปี นอกจากการเปิดตัว iPhone พับได้แล้ว Apple ยังเตรียมเปิดตัว iPhone 18 รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2026 ซึ่งรวมถึง iPhone 18 Pro, Pro Max, Air 2 และรุ่นพับได้ โดยคาดว่าจะมี “halo effect” คือผู้บริโภคที่สนใจรุ่นพับได้ อาจตัดสินใจซื้อรุ่นธรรมดาแทน ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นทั้งไลน์ผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก Bank of America ระบุว่า iPhone 17 Pro และ Pro Max ในปีนี้มีระยะเวลารอจัดส่งนานกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะ iPhone 17 รุ่นพื้นฐานที่มีเวลารอจัดส่งเฉลี่ยถึง 19 วัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ iPhone 11 ในปี 2019 ✅ Apple เตรียมทดสอบสายการผลิต iPhone พับได้ ➡️ เริ่มพูดคุยกับซัพพลายเออร์ในไต้หวัน ➡️ มีแผนขยายการผลิตจริงไปยังอินเดียในปี 2026 ✅ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย iPhone 10% ในปี 2026 ➡️ จาก 241 ล้านเครื่องในปี 2025 เป็น 265 ล้านเครื่องในปี 2026 ➡️ หากสำเร็จ จะเป็นสถิติใหม่ของบริษัท ✅ iPhone พับได้จะเป็นส่วนหนึ่งของไลน์ iPhone 18 ➡️ รวมถึงรุ่น Pro, Pro Max และ Air 2 ➡️ คาดว่าจะเกิด halo effect เพิ่มยอดขายรุ่นธรรมดา ✅ iPhone 17 มีระยะเวลารอจัดส่งนานกว่ารุ่นก่อน ➡️ iPhone 17 Pro: รอ 18 วัน / Pro Max: รอ 25 วัน ➡️ iPhone 17 รุ่นพื้นฐาน: รอ 19 วัน เทียบกับ 10 วันใน iPhone 16 https://wccftech.com/apple-mulling-a-possible-test-production-line-for-a-foldable-iphone-targets-10-shipment-growth-in-2026/
    WCCFTECH.COM
    Apple Mulling A Possible Test Production Line For A Foldable iPhone, Targets 10% Shipment Growth In 2026
    Apple has held talks with its suppliers regarding the possibility of building a test production line for its planned foldable iPhones.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • Intel Gaudi 3 ฝ่าด่านตลาด AI ด้วยการจับมือ Dell — เปิดตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge XE7740 พร้อมความหวังใหม่ในยุคที่ NVIDIA ครองเกม

    หลังจากที่ Intel พยายามผลักดันไลน์ผลิตภัณฑ์ด้าน AI มาหลายปีโดยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ล่าสุด Gaudi 3 ซึ่งเป็นชิปเร่งความเร็ว AI รุ่นใหม่ของ Intel ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740 อย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งใน “ชัยชนะเล็ก ๆ” ที่อาจพลิกเกมให้ Intel กลับมาแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้อีกครั้ง

    PowerEdge XE7740 เป็นเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว พร้อมระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังรองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Deepseek, Phi4 และ Falcon3

    Dell ชูจุดเด่นของ Gaudi 3 ว่า “คุ้มค่า” และ “ปรับขนาดได้ง่าย” โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน ซึ่ง Gaudi 3 ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีในแร็คขนาด ~10kW ที่พบได้ทั่วไปในดาต้าเซ็นเตอร์

    แม้ Dell ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพอย่างเป็นทางการ แต่จากการทดสอบก่อนหน้านี้ Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ที่เร็วกว่า NVIDIA H100 และ H200 ในบางงาน inferencing ซึ่งหากเป็นจริง ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Intel ในตลาด AI ที่เคยถูกมองว่า “ช้าเกินไป”

    Intel Gaudi 3 ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740
    ถือเป็นการบุกตลาดองค์กรครั้งสำคัญของ Intel
    Dell เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายแรกที่นำ Gaudi 3 มาใช้ในระบบจริง

    PowerEdge XE7740 รองรับงาน AI เต็มรูปแบบ
    รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว
    มีระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC
    รองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Phi4, Falcon3

    จุดเด่นของ Gaudi 3 คือความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น
    เหมาะกับองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน
    รองรับการเชื่อมต่อแบบ RoCE v2 สำหรับงานขนาดใหญ่

    Dell ชูจุดเด่นด้านการปรับขนาดและการติดตั้งง่าย
    ใช้แชสซีแบบ 4U ที่ระบายความร้อนได้ดี
    รองรับการติดตั้งในแร็คมาตรฐาน ~10kW โดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง

    Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ดีกว่า NVIDIA H100/H200 ในบางงาน
    โดยเฉพาะงาน inferencing ที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์
    ยังต้องรอผลการทดสอบจาก Dell เพื่อยืนยัน

    https://wccftech.com/intel-gaudi-3-ai-chips-secure-rare-integration-in-dell-poweredge-servers/
    📰 Intel Gaudi 3 ฝ่าด่านตลาด AI ด้วยการจับมือ Dell — เปิดตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge XE7740 พร้อมความหวังใหม่ในยุคที่ NVIDIA ครองเกม หลังจากที่ Intel พยายามผลักดันไลน์ผลิตภัณฑ์ด้าน AI มาหลายปีโดยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ล่าสุด Gaudi 3 ซึ่งเป็นชิปเร่งความเร็ว AI รุ่นใหม่ของ Intel ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740 อย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งใน “ชัยชนะเล็ก ๆ” ที่อาจพลิกเกมให้ Intel กลับมาแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้อีกครั้ง PowerEdge XE7740 เป็นเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว พร้อมระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังรองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Deepseek, Phi4 และ Falcon3 Dell ชูจุดเด่นของ Gaudi 3 ว่า “คุ้มค่า” และ “ปรับขนาดได้ง่าย” โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน ซึ่ง Gaudi 3 ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีในแร็คขนาด ~10kW ที่พบได้ทั่วไปในดาต้าเซ็นเตอร์ แม้ Dell ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพอย่างเป็นทางการ แต่จากการทดสอบก่อนหน้านี้ Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ที่เร็วกว่า NVIDIA H100 และ H200 ในบางงาน inferencing ซึ่งหากเป็นจริง ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Intel ในตลาด AI ที่เคยถูกมองว่า “ช้าเกินไป” ✅ Intel Gaudi 3 ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740 ➡️ ถือเป็นการบุกตลาดองค์กรครั้งสำคัญของ Intel ➡️ Dell เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายแรกที่นำ Gaudi 3 มาใช้ในระบบจริง ✅ PowerEdge XE7740 รองรับงาน AI เต็มรูปแบบ ➡️ รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว ➡️ มีระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC ➡️ รองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Phi4, Falcon3 ✅ จุดเด่นของ Gaudi 3 คือความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น ➡️ เหมาะกับองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน ➡️ รองรับการเชื่อมต่อแบบ RoCE v2 สำหรับงานขนาดใหญ่ ✅ Dell ชูจุดเด่นด้านการปรับขนาดและการติดตั้งง่าย ➡️ ใช้แชสซีแบบ 4U ที่ระบายความร้อนได้ดี ➡️ รองรับการติดตั้งในแร็คมาตรฐาน ~10kW โดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง ✅ Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ดีกว่า NVIDIA H100/H200 ในบางงาน ➡️ โดยเฉพาะงาน inferencing ที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์ ➡️ ยังต้องรอผลการทดสอบจาก Dell เพื่อยืนยัน https://wccftech.com/intel-gaudi-3-ai-chips-secure-rare-integration-in-dell-poweredge-servers/
    WCCFTECH.COM
    Intel’s Gaudi 3 AI Chips Secure Integration in Dell’s PowerEdge Servers, Marking One of the Few Wins for the Struggling Lineup
    Intel's Gaudi 3 AI chips have seen a rather 'rare' feature from Dell's AI servers, which are claimed to be cost-efficient and scalable.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/ukLwGWkop50?si=xe5VvOrBgi7fKmgy
    https://youtu.be/ukLwGWkop50?si=xe5VvOrBgi7fKmgy
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • Agentic AI กับภารกิจ Red Teaming ยุคใหม่ — เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ผู้เล่น” ที่ต้องถูกทดสอบ

    ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่โมเดลที่ตอบคำถาม แต่กลายเป็น “ตัวแทนอัตโนมัติ” หรือ Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจ ทำงาน และสื่อสารกับระบบอื่นได้เอง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองตามคำสั่ง แต่ยังสามารถ “คิดต่อยอด” และ “เชื่อมโยง” กับระบบอื่นได้โดยไม่มีผู้ใช้ควบคุมโดยตรง

    Cloud Security Alliance (CSA) ได้ออกคู่มือ Agentic AI Red Teaming Guide เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI แบบใหม่ได้อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการจำลองการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การแทรกคำสั่งแฝง (prompt injection), การเปลี่ยนเป้าหมายของ agent, การข้ามระบบควบคุมสิทธิ์ และการใช้หลาย agent ร่วมกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    หนึ่งในเทคนิคที่ถูกพูดถึงมากคือ EchoLeak ซึ่งเป็นการแอบขโมยข้อมูลผ่านคำสั่งที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่สามารถหลอกให้ agent ทำงานผิดจากที่ตั้งใจไว้ เช่น การแอบฝังมัลแวร์ในคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสด้วย base64 หรือใช้ภาษากฎหมายเพื่อหลบการตรวจสอบ

    OWASP และ GitHub ก็ได้ร่วมกันจัดทำรายการ “Top 10 ความเสี่ยงของ Agentic AI” ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงหน่วยความจำ, การปลอมเป้าหมาย, การโจมตีแบบ time-based และการใช้ช่องทางลับในการส่งข้อมูลออกจากระบบ

    นักวิจัยยังพบว่า แม้จะมีการป้องกันไว้ดีเพียงใด แต่การโจมตีแบบ prompt injection ก็ยังสามารถทะลุผ่านได้ในบางกรณี โดยมีการทดลองกว่า 2 ล้านครั้ง พบว่ามีการโจมตีสำเร็จถึง 60,000 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า agentic AI ยังมีช่องโหว่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง

    5 ขั้นตอนสำหรับการทำ Agentic AI Red Teaming

    1️⃣ เปลี่ยนมุมมองการป้องกันใหม่
    ต้องมอง Agentic AI ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่เป็น “ผู้เล่น” ที่มีพฤติกรรมซับซ้อน
    ใช้ AI agent ทำงานซ้ำ ๆ ที่น่าเบื่อ แล้วให้มนุษย์เน้นโจมตีเชิงสร้างสรรค์
    ทดสอบจากมุมมองผู้ใช้จริง เช่น ความเข้าใจผิด ความไว้ใจเกินเหตุ หรือการหาทางลัดหลบระบบป้องกัน
    หากยังใช้วิธีคิดแบบเดิม จะมองไม่เห็นช่องโหว่ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้และ agent

    2️⃣ รู้จักและทดสอบ “Guardrails” และระบบกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง
    ต้องรู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน เช่น ใน cloud, workflow หรือในตัว agent
    ทดสอบก่อนนำ agent เข้าสู่ production และต้องมีระบบสังเกตการณ์ที่ดี
    หากไม่รู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน อาจเปิดช่องให้ agent ถูกเปลี่ยนเป้าหมายหรือหลบเลี่ยงการควบคุม

    3️⃣ ขยายฐานทีม Red Team ให้หลากหลาย
    ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเสมอไป
    คนที่เข้าใจภาษา เช่น นักเรียนสายมนุษย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบ prompt injection ได้
    หากจำกัดทีมไว้เฉพาะสายเทคนิค อาจพลาดมุมมองการโจมตีที่ใช้ภาษาหรือพฤติกรรมผู้ใช้

    4️⃣ ขยายขอบเขตการมองหาโซลูชัน
    Agentic AI ไม่ทำงานตามลำดับเวลาแบบเดิมอีกต่อไป
    ต้องมองระบบเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง
    AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ และอาจกลายเป็น “คู่แข่ง” ได้
    หากยังมองว่า AI เป็นแค่เครื่องมือ จะพลาดการตรวจจับพฤติกรรมที่เกิดจากการตัดสินใจของ agent

    5️⃣ ใช้เครื่องมือและเทคนิคล่าสุดในการทดสอบ
    มีเครื่องมือใหม่มากมาย เช่น AgentDojo, SPLX Agentic Radar, HuggingFace Fujitsu benchmark
    Microsoft, Salesforce, Crowdstrike และ HiddenLayer ก็มีระบบ red teaming สำหรับ agent โดยเฉพาะ
    ควรทดสอบตั้งแต่ช่วงพัฒนาโมเดล, พัฒนาแอป, ไปจนถึงก่อนปล่อยใช้งานจริง
    หากไม่ใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ agentic AI จะไม่สามารถจำลองการโจมตีที่ซับซ้อนได้

    https://www.csoonline.com/article/4055224/5-steps-for-deploying-agentic-ai-red-teaming.html
    📰 Agentic AI กับภารกิจ Red Teaming ยุคใหม่ — เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ผู้เล่น” ที่ต้องถูกทดสอบ ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่โมเดลที่ตอบคำถาม แต่กลายเป็น “ตัวแทนอัตโนมัติ” หรือ Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจ ทำงาน และสื่อสารกับระบบอื่นได้เอง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองตามคำสั่ง แต่ยังสามารถ “คิดต่อยอด” และ “เชื่อมโยง” กับระบบอื่นได้โดยไม่มีผู้ใช้ควบคุมโดยตรง Cloud Security Alliance (CSA) ได้ออกคู่มือ Agentic AI Red Teaming Guide เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI แบบใหม่ได้อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการจำลองการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การแทรกคำสั่งแฝง (prompt injection), การเปลี่ยนเป้าหมายของ agent, การข้ามระบบควบคุมสิทธิ์ และการใช้หลาย agent ร่วมกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ หนึ่งในเทคนิคที่ถูกพูดถึงมากคือ EchoLeak ซึ่งเป็นการแอบขโมยข้อมูลผ่านคำสั่งที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่สามารถหลอกให้ agent ทำงานผิดจากที่ตั้งใจไว้ เช่น การแอบฝังมัลแวร์ในคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสด้วย base64 หรือใช้ภาษากฎหมายเพื่อหลบการตรวจสอบ OWASP และ GitHub ก็ได้ร่วมกันจัดทำรายการ “Top 10 ความเสี่ยงของ Agentic AI” ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงหน่วยความจำ, การปลอมเป้าหมาย, การโจมตีแบบ time-based และการใช้ช่องทางลับในการส่งข้อมูลออกจากระบบ นักวิจัยยังพบว่า แม้จะมีการป้องกันไว้ดีเพียงใด แต่การโจมตีแบบ prompt injection ก็ยังสามารถทะลุผ่านได้ในบางกรณี โดยมีการทดลองกว่า 2 ล้านครั้ง พบว่ามีการโจมตีสำเร็จถึง 60,000 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า agentic AI ยังมีช่องโหว่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง 🧠 5 ขั้นตอนสำหรับการทำ Agentic AI Red Teaming ✅ 1️⃣ ✅ เปลี่ยนมุมมองการป้องกันใหม่ ➡️ ต้องมอง Agentic AI ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่เป็น “ผู้เล่น” ที่มีพฤติกรรมซับซ้อน ➡️ ใช้ AI agent ทำงานซ้ำ ๆ ที่น่าเบื่อ แล้วให้มนุษย์เน้นโจมตีเชิงสร้างสรรค์ ➡️ ทดสอบจากมุมมองผู้ใช้จริง เช่น ความเข้าใจผิด ความไว้ใจเกินเหตุ หรือการหาทางลัดหลบระบบป้องกัน ⛔ หากยังใช้วิธีคิดแบบเดิม จะมองไม่เห็นช่องโหว่ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้และ agent ✅ 2️⃣ ✅ รู้จักและทดสอบ “Guardrails” และระบบกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง ➡️ ต้องรู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน เช่น ใน cloud, workflow หรือในตัว agent ➡️ ทดสอบก่อนนำ agent เข้าสู่ production และต้องมีระบบสังเกตการณ์ที่ดี ⛔ หากไม่รู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน อาจเปิดช่องให้ agent ถูกเปลี่ยนเป้าหมายหรือหลบเลี่ยงการควบคุม ✅ 3️⃣ ✅ ขยายฐานทีม Red Team ให้หลากหลาย ➡️ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเสมอไป ➡️ คนที่เข้าใจภาษา เช่น นักเรียนสายมนุษย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบ prompt injection ได้ ⛔ หากจำกัดทีมไว้เฉพาะสายเทคนิค อาจพลาดมุมมองการโจมตีที่ใช้ภาษาหรือพฤติกรรมผู้ใช้ ✅ 4️⃣ ✅ ขยายขอบเขตการมองหาโซลูชัน ➡️ Agentic AI ไม่ทำงานตามลำดับเวลาแบบเดิมอีกต่อไป ➡️ ต้องมองระบบเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง ➡️ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ และอาจกลายเป็น “คู่แข่ง” ได้ ⛔ หากยังมองว่า AI เป็นแค่เครื่องมือ จะพลาดการตรวจจับพฤติกรรมที่เกิดจากการตัดสินใจของ agent ✅ 5️⃣ ✅ ใช้เครื่องมือและเทคนิคล่าสุดในการทดสอบ ➡️ มีเครื่องมือใหม่มากมาย เช่น AgentDojo, SPLX Agentic Radar, HuggingFace Fujitsu benchmark ➡️ Microsoft, Salesforce, Crowdstrike และ HiddenLayer ก็มีระบบ red teaming สำหรับ agent โดยเฉพาะ ➡️ ควรทดสอบตั้งแต่ช่วงพัฒนาโมเดล, พัฒนาแอป, ไปจนถึงก่อนปล่อยใช้งานจริง ⛔ หากไม่ใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ agentic AI จะไม่สามารถจำลองการโจมตีที่ซับซ้อนได้ https://www.csoonline.com/article/4055224/5-steps-for-deploying-agentic-ai-red-teaming.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    5 steps for deploying agentic AI red teaming
    Agentic AI functions like an autonomous operator rather than a system that is why it is important to stress test it with AI-focused red team frameworks.
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • Raven Stealer: มัลแวร์สายลับยุคใหม่ที่ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์แล้วส่งผ่าน Telegram — ภัยเงียบที่ซ่อนตัวในความเบา

    ภัยคุกคามไซเบอร์ล่าสุดที่ถูกเปิดโปงโดยทีม Lat61 Threat Intelligence จาก Point Wild คือมัลแวร์ชื่อ “Raven Stealer” ซึ่งแม้จะดูเล็กและเรียบง่าย แต่กลับมีความสามารถในการขโมยข้อมูลส่วนตัวจากเบราว์เซอร์ยอดนิยมอย่าง Chrome และ Edge ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคนิคล้ำสมัย เช่น process hollowing และการส่งข้อมูลผ่าน Telegram bot แบบเรียลไทม์

    Raven Stealer ถูกเขียนด้วยภาษา Delphi และ C++ และถูกแจกจ่ายผ่านฟอรั่มใต้ดินหรือมากับซอฟต์แวร์เถื่อน โดยเมื่อถูกติดตั้ง มัลแวร์จะทำงานแบบไร้ร่องรอยในหน่วยความจำ ไม่ทิ้งไฟล์ไว้บนฮาร์ดดิสก์ ทำให้แอนตี้ไวรัสทั่วไปตรวจจับได้ยากมาก

    สิ่งที่ Raven ขโมยมีตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ ข้อมูลบัตรเครดิต ไปจนถึง session cookies ที่สามารถใช้ข้ามระบบ MFA ได้ นอกจากนี้ยังสามารถขโมยข้อมูลจากแอปอื่น ๆ และกระเป๋าเงินคริปโตได้ด้วย โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บใน ZIP แล้วส่งผ่าน Telegram API ไปยังผู้โจมตี ซึ่งมักใช้ Telegram เป็นช่องทางควบคุมและรับข้อมูลแบบ C2 (Command and Control)

    แม้การทดสอบบางครั้งจะล้มเหลวในการส่งข้อมูลเพราะ token ผิดพลาด แต่โครงสร้างของมัลแวร์นี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มใหม่ของ “commodity malware” ที่แม้ผู้โจมตีจะไม่มีทักษะสูง ก็สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

    Raven Stealer เป็นมัลแวร์ขโมยข้อมูลที่ถูกพัฒนาอย่างลับ
    เขียนด้วย Delphi และ C++
    ถูกแจกจ่ายผ่านฟอรั่มใต้ดินและซอฟต์แวร์เถื่อน

    ใช้เทคนิค process hollowing เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ทำงานในหน่วยความจำโดยไม่ทิ้งไฟล์บนดิสก์
    ปลอมตัวเป็นโปรเซสของเบราว์เซอร์ เช่น chrome.exe

    ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และแอปอื่น ๆ
    รหัสผ่าน คุกกี้ ข้อมูลบัตรเครดิต และ session cookies
    ข้อมูลจากกระเป๋าเงินคริปโตและแอปอื่น ๆ ก็ถูกเก็บ

    ส่งข้อมูลผ่าน Telegram bot แบบเรียลไทม์
    ใช้ API /sendDocument เพื่อส่ง ZIP file
    Telegram ถูกใช้เป็นช่องทางควบคุมและรับข้อมูล

    มีโครงสร้างที่เอื้อต่อผู้โจมตีที่ไม่มีทักษะสูง
    ใช้ builder สร้าง payload ได้ง่าย
    มี UI ที่เรียบง่ายและรองรับโมดูลแบบ dynamic

    คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงจาก Raven Stealer
    การทำงานแบบ in-memory ทำให้แอนตี้ไวรัสทั่วไปตรวจจับได้ยาก
    session cookies ที่ถูกขโมยสามารถใช้ข้าม MFA ได้
    การใช้ Telegram เป็นช่องทางส่งข้อมูลอาจหลบเลี่ยง firewall ขององค์กร
    ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เถื่อนมีความเสี่ยงสูงต่อการติดมัลแวร์นี้

    https://hackread.com/raven-stealer-malware-browsers-passwords-payment-data/
    📰 Raven Stealer: มัลแวร์สายลับยุคใหม่ที่ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์แล้วส่งผ่าน Telegram — ภัยเงียบที่ซ่อนตัวในความเบา ภัยคุกคามไซเบอร์ล่าสุดที่ถูกเปิดโปงโดยทีม Lat61 Threat Intelligence จาก Point Wild คือมัลแวร์ชื่อ “Raven Stealer” ซึ่งแม้จะดูเล็กและเรียบง่าย แต่กลับมีความสามารถในการขโมยข้อมูลส่วนตัวจากเบราว์เซอร์ยอดนิยมอย่าง Chrome และ Edge ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคนิคล้ำสมัย เช่น process hollowing และการส่งข้อมูลผ่าน Telegram bot แบบเรียลไทม์ Raven Stealer ถูกเขียนด้วยภาษา Delphi และ C++ และถูกแจกจ่ายผ่านฟอรั่มใต้ดินหรือมากับซอฟต์แวร์เถื่อน โดยเมื่อถูกติดตั้ง มัลแวร์จะทำงานแบบไร้ร่องรอยในหน่วยความจำ ไม่ทิ้งไฟล์ไว้บนฮาร์ดดิสก์ ทำให้แอนตี้ไวรัสทั่วไปตรวจจับได้ยากมาก สิ่งที่ Raven ขโมยมีตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ ข้อมูลบัตรเครดิต ไปจนถึง session cookies ที่สามารถใช้ข้ามระบบ MFA ได้ นอกจากนี้ยังสามารถขโมยข้อมูลจากแอปอื่น ๆ และกระเป๋าเงินคริปโตได้ด้วย โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บใน ZIP แล้วส่งผ่าน Telegram API ไปยังผู้โจมตี ซึ่งมักใช้ Telegram เป็นช่องทางควบคุมและรับข้อมูลแบบ C2 (Command and Control) แม้การทดสอบบางครั้งจะล้มเหลวในการส่งข้อมูลเพราะ token ผิดพลาด แต่โครงสร้างของมัลแวร์นี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มใหม่ของ “commodity malware” ที่แม้ผู้โจมตีจะไม่มีทักษะสูง ก็สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ✅ Raven Stealer เป็นมัลแวร์ขโมยข้อมูลที่ถูกพัฒนาอย่างลับ ➡️ เขียนด้วย Delphi และ C++ ➡️ ถูกแจกจ่ายผ่านฟอรั่มใต้ดินและซอฟต์แวร์เถื่อน ✅ ใช้เทคนิค process hollowing เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ทำงานในหน่วยความจำโดยไม่ทิ้งไฟล์บนดิสก์ ➡️ ปลอมตัวเป็นโปรเซสของเบราว์เซอร์ เช่น chrome.exe ✅ ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และแอปอื่น ๆ ➡️ รหัสผ่าน คุกกี้ ข้อมูลบัตรเครดิต และ session cookies ➡️ ข้อมูลจากกระเป๋าเงินคริปโตและแอปอื่น ๆ ก็ถูกเก็บ ✅ ส่งข้อมูลผ่าน Telegram bot แบบเรียลไทม์ ➡️ ใช้ API /sendDocument เพื่อส่ง ZIP file ➡️ Telegram ถูกใช้เป็นช่องทางควบคุมและรับข้อมูล ✅ มีโครงสร้างที่เอื้อต่อผู้โจมตีที่ไม่มีทักษะสูง ➡️ ใช้ builder สร้าง payload ได้ง่าย ➡️ มี UI ที่เรียบง่ายและรองรับโมดูลแบบ dynamic ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงจาก Raven Stealer ⛔ การทำงานแบบ in-memory ทำให้แอนตี้ไวรัสทั่วไปตรวจจับได้ยาก ⛔ session cookies ที่ถูกขโมยสามารถใช้ข้าม MFA ได้ ⛔ การใช้ Telegram เป็นช่องทางส่งข้อมูลอาจหลบเลี่ยง firewall ขององค์กร ⛔ ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เถื่อนมีความเสี่ยงสูงต่อการติดมัลแวร์นี้ https://hackread.com/raven-stealer-malware-browsers-passwords-payment-data/
    HACKREAD.COM
    New Raven Stealer Malware Hits Browsers for Passwords and Payment Data
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • Codeless Testing Tools กับความหวังใหม่ในการตรวจจับช่องโหว่ความปลอดภัย — แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ Cybersecurity

    ในยุคที่การพัฒนาแอปพลิเคชันต้องเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือทดสอบแบบ “ไม่ต้องเขียนโค้ด” หรือ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการโปรเจกต์ สามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว

    เครื่องมือเหล่านี้ เช่น testRigor ใช้การคลิก ลากวาง หรือคำสั่งภาษาธรรมชาติในการสร้างชุดทดสอบ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาอย่างมาก และยังเพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบในระดับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การตรวจสอบการกรอกข้อมูลผิด หรือการตั้งรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย

    แต่เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคไซเบอร์ ช่องโหว่ที่ซับซ้อน เช่น SQL Injection, XSS, หรือการตั้งค่าความปลอดภัยผิดพลาด ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น SAST และ DAST ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดลึกหรือจำลองการโจมตีจริงได้

    แม้ Codeless Tools จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานได้ดี เช่น การตรวจสอบ input validation หรือการทดสอบ regression patch แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่เครื่องมือด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะได้อย่างสมบูรณ์

    Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมในทีมพัฒนา
    ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด
    ช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคสามารถร่วมทดสอบได้

    เพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบทั่วไป
    ลดเวลาและต้นทุนในการสร้าง test case
    เพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบพฤติกรรมผู้ใช้

    สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานด้านความปลอดภัย
    ตรวจสอบ input validation ที่อ่อนแอ
    ตรวจสอบการตั้งรหัสผ่านและ UI ที่ไม่ปลอดภัย
    ทำ regression test สำหรับ patch ที่เคยติดตั้ง

    ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบบ่อยยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
    SQL Injection, XSS, API ที่ไม่ปลอดภัย, การตั้งค่าผิด
    ต้องใช้ SAST (วิเคราะห์โค้ด) และ DAST (จำลองการโจมตีจริง)

    เครื่องมือ Codeless อาจพัฒนาได้ในอนาคต
    มีแนวโน้มจะรวม AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ
    อาจช่วยตรวจจับช่องโหว่ลึกได้มากขึ้นในเวอร์ชันถัดไป

    https://hackread.com/codeless-testing-tools-detect-security-vulnerabilities/
    📰 Codeless Testing Tools กับความหวังใหม่ในการตรวจจับช่องโหว่ความปลอดภัย — แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ Cybersecurity ในยุคที่การพัฒนาแอปพลิเคชันต้องเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือทดสอบแบบ “ไม่ต้องเขียนโค้ด” หรือ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการโปรเจกต์ สามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว เครื่องมือเหล่านี้ เช่น testRigor ใช้การคลิก ลากวาง หรือคำสั่งภาษาธรรมชาติในการสร้างชุดทดสอบ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาอย่างมาก และยังเพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบในระดับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การตรวจสอบการกรอกข้อมูลผิด หรือการตั้งรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย แต่เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคไซเบอร์ ช่องโหว่ที่ซับซ้อน เช่น SQL Injection, XSS, หรือการตั้งค่าความปลอดภัยผิดพลาด ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น SAST และ DAST ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดลึกหรือจำลองการโจมตีจริงได้ แม้ Codeless Tools จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานได้ดี เช่น การตรวจสอบ input validation หรือการทดสอบ regression patch แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่เครื่องมือด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะได้อย่างสมบูรณ์ ✅ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมในทีมพัฒนา ➡️ ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด ➡️ ช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคสามารถร่วมทดสอบได้ ✅ เพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบทั่วไป ➡️ ลดเวลาและต้นทุนในการสร้าง test case ➡️ เพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบพฤติกรรมผู้ใช้ ✅ สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานด้านความปลอดภัย ➡️ ตรวจสอบ input validation ที่อ่อนแอ ➡️ ตรวจสอบการตั้งรหัสผ่านและ UI ที่ไม่ปลอดภัย ➡️ ทำ regression test สำหรับ patch ที่เคยติดตั้ง ✅ ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบบ่อยยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ➡️ SQL Injection, XSS, API ที่ไม่ปลอดภัย, การตั้งค่าผิด ➡️ ต้องใช้ SAST (วิเคราะห์โค้ด) และ DAST (จำลองการโจมตีจริง) ✅ เครื่องมือ Codeless อาจพัฒนาได้ในอนาคต ➡️ มีแนวโน้มจะรวม AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ ➡️ อาจช่วยตรวจจับช่องโหว่ลึกได้มากขึ้นในเวอร์ชันถัดไป https://hackread.com/codeless-testing-tools-detect-security-vulnerabilities/
    HACKREAD.COM
    Can Codeless Testing Tools Detect Common Security Vulnerabilities?
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • 5 ไอเดียสุดสร้างสรรค์สำหรับ Raspberry Pi เครื่องเก่าของคุณ — เปลี่ยนบอร์ดเล็กให้กลายเป็นอุปกรณ์ทรงพลัง

    แม้ Raspberry Pi รุ่นเก่าจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Pi 5 ที่มีพัดลมในตัว แต่ความสามารถของมันยังคงน่าทึ่ง หากคุณมีบอร์ดที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชัก ลองนำมันกลับมาใช้ใหม่ด้วยโปรเจกต์ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเราเตอร์พกพา สถานีตรวจอากาศ หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์เกมส่วนตัว

    บทความนี้แนะนำ 5 โปรเจกต์ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถทำได้แม้ใช้ Raspberry Pi รุ่นเก่า โดยแต่ละโปรเจกต์มีแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การใช้ OpenWrt เพื่อสร้างเราเตอร์ ไปจนถึงการติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย

    สร้างเราเตอร์พกพาด้วย Raspberry Pi
    ใช้ Raspberry Pi CM4 ร่วมกับโมเด็ม 4G และ OpenWrt
    สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเราเตอร์ Verizon Hotspot
    เหมาะสำหรับการเดินทางหรือใช้แทนเราเตอร์บ้านที่ล้าสมัย

    สร้างสถานีตรวจอากาศส่วนตัว
    ใช้ Raspberry Pi Zero W ร่วมกับ Weather HAT หรือเซ็นเซอร์แยก
    แสดงข้อมูลบนหน้าจอและสร้างแดชบอร์ดออนไลน์ได้
    ช่วยให้เข้าใจสภาพอากาศในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น

    เปลี่ยน Pi ให้เป็นเซิร์ฟเวอร์เกม Minecraft
    ใช้ Raspberry Pi 3 หรือ 4 ติดตั้ง Nukkit server
    รองรับผู้เล่นสูงสุด 10 คนในเครือข่ายเดียวกัน
    เหมาะสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำ เช่น Minecraft หรือเกมอินดี้

    ใช้ Pi เป็นอุปกรณ์สตรีมเกมผ่านคลาวด์
    ติดตั้ง Chromium เพื่อเข้าถึง Xbox Cloud Gaming หรือ Steam Link
    เชื่อมต่อกับทีวีผ่าน HDMI เพื่อเล่นเกมแบบสตรีม
    แนะนำให้ใช้สาย LAN และจอยแบบมีสายเพื่อลด latency

    ติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย
    กรองโดเมนโฆษณาและมัลแวร์ก่อนถึงอุปกรณ์
    ใช้งานง่ายและสามารถตั้งค่าได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
    เหมาะสำหรับบ้านที่มีหลายอุปกรณ์และต้องการความปลอดภัย

    https://www.slashgear.com/1967517/creative-uses-for-old-raspberry-pi/
    📰 5 ไอเดียสุดสร้างสรรค์สำหรับ Raspberry Pi เครื่องเก่าของคุณ — เปลี่ยนบอร์ดเล็กให้กลายเป็นอุปกรณ์ทรงพลัง แม้ Raspberry Pi รุ่นเก่าจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Pi 5 ที่มีพัดลมในตัว แต่ความสามารถของมันยังคงน่าทึ่ง หากคุณมีบอร์ดที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชัก ลองนำมันกลับมาใช้ใหม่ด้วยโปรเจกต์ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเราเตอร์พกพา สถานีตรวจอากาศ หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์เกมส่วนตัว บทความนี้แนะนำ 5 โปรเจกต์ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถทำได้แม้ใช้ Raspberry Pi รุ่นเก่า โดยแต่ละโปรเจกต์มีแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การใช้ OpenWrt เพื่อสร้างเราเตอร์ ไปจนถึงการติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย ✅ สร้างเราเตอร์พกพาด้วย Raspberry Pi ➡️ ใช้ Raspberry Pi CM4 ร่วมกับโมเด็ม 4G และ OpenWrt ➡️ สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเราเตอร์ Verizon Hotspot ➡️ เหมาะสำหรับการเดินทางหรือใช้แทนเราเตอร์บ้านที่ล้าสมัย ✅ สร้างสถานีตรวจอากาศส่วนตัว ➡️ ใช้ Raspberry Pi Zero W ร่วมกับ Weather HAT หรือเซ็นเซอร์แยก ➡️ แสดงข้อมูลบนหน้าจอและสร้างแดชบอร์ดออนไลน์ได้ ➡️ ช่วยให้เข้าใจสภาพอากาศในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น ✅ เปลี่ยน Pi ให้เป็นเซิร์ฟเวอร์เกม Minecraft ➡️ ใช้ Raspberry Pi 3 หรือ 4 ติดตั้ง Nukkit server ➡️ รองรับผู้เล่นสูงสุด 10 คนในเครือข่ายเดียวกัน ➡️ เหมาะสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำ เช่น Minecraft หรือเกมอินดี้ ✅ ใช้ Pi เป็นอุปกรณ์สตรีมเกมผ่านคลาวด์ ➡️ ติดตั้ง Chromium เพื่อเข้าถึง Xbox Cloud Gaming หรือ Steam Link ➡️ เชื่อมต่อกับทีวีผ่าน HDMI เพื่อเล่นเกมแบบสตรีม ➡️ แนะนำให้ใช้สาย LAN และจอยแบบมีสายเพื่อลด latency ✅ ติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย ➡️ กรองโดเมนโฆษณาและมัลแวร์ก่อนถึงอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานง่ายและสามารถตั้งค่าได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ➡️ เหมาะสำหรับบ้านที่มีหลายอุปกรณ์และต้องการความปลอดภัย https://www.slashgear.com/1967517/creative-uses-for-old-raspberry-pi/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Creative Uses For Your Old Raspberry Pi - SlashGear
    Turn an unused Raspberry Pi into something useful with projects like a travel router, weather station, game server, streaming hub, or ad blocker.
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน

    ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น

    ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว

    ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF

    Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ

    Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว
    เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน
    เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025

    Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว
    รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน

    รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง
    บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์
    ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF

    ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้
    เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ”
    คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป

    ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้
    ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop
    แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที

    รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์
    ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ
    กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects
    โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด
    หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด
    ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้
    ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings

    https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    📰 ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ✅ Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว ➡️ เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน ➡️ เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025 ✅ Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว ➡️ รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน ✅ รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง ➡️ บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์ ➡️ ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF ✅ ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้ ➡️ เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ” ➡️ คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป ✅ ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้ ➡️ ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop ➡️ แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที ✅ รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ➡️ กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects ⛔ โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด ⛔ หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด ⛔ ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้ ⛔ ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Was One Of ChatGPT's Best Paid Features (And Now It's Free) - SlashGear
    ChatGPT’s “Projects” feature -- once exclusive to paid users -- is now available for free, letting everyone better organize chats into folders.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • PorteuX 2.3 เปิดตัวพร้อม GNOME 49 — ดิสโทรสาย Slackware ที่เบา ลื่น และรองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น

    PorteuX 2.3 ดิสโทร Linux สาย Slackware ที่เน้นความเร็ว ขนาดเล็ก และความยืดหยุ่น ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้ยังคงใช้ Linux Kernel 6.16.7 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการอัปเดตหลายจุดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการเพิ่ม GNOME 49 เป็นหนึ่งในเดสก์ท็อปหลัก พร้อมรองรับ KDE Plasma 6.4.5 และไดรเวอร์ NVIDIA รุ่นใหม่ 580.82.09

    GNOME 49 ที่มาพร้อมใน PorteuX 2.3 ได้เพิ่มแอปเทอร์มินัลใหม่ชื่อ Ptyxis และปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ให้สามารถลบได้ง่ายผ่านคำสั่ง removepkg ในเทอร์มินัล นอกจากนี้ยังมีการแก้บั๊กหลายจุด เช่น ปัญหา Openbox ไม่เริ่มทำงานเมื่อไม่มีโมดูลเดสก์ท็อป, ปัญหา Super + L ไม่ล็อกหน้าจอใน GNOME และ Alt + F4 ไม่ทำงานใน Labwc Wayland

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือการปรับปรุงการรองรับกล้องเว็บแคมให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานวิดีโอคอลหรือบันทึกภาพผ่านแอปต่าง ๆ โดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเอง รวมถึงการปรับปรุงระบบ build script ให้เร็วขึ้น ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็วขึ้น

    PorteuX 2.3 ยังเพิ่มแพ็กเกจใหม่ เช่น Fastfetch และ GNU nano และลบแพ็กเกจที่ล้าสมัยออก เช่น codec บางตัวและไดรเวอร์ GPU ที่ไม่จำเป็นจาก Mesa stack พร้อมรองรับเดสก์ท็อปหลากหลาย เช่น Xfce 4.20, Cinnamon 6.4.12, MATE 1.28.2, LXQt 2.2 และ LXDE 0.11.1

    PorteuX 2.3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ใช้ Linux Kernel 6.16.7
    รองรับ GNOME 49, KDE Plasma 6.4.5 และเดสก์ท็อปอื่นอีก 5 แบบ

    GNOME 49 มาพร้อมแอปใหม่และปรับปรุงระบบ
    เพิ่มเทอร์มินัล Ptyxis
    ปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ผ่าน removepkg
    แก้ปัญหา shortcut และการทำงานของ window manager

    รองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น
    ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่ม
    เหมาะสำหรับการประชุมออนไลน์และงานมัลติมีเดีย

    ปรับปรุงระบบ build script และแพ็กเกจ
    ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็ว
    เพิ่ม Fastfetch และ GNU nano เป็นค่าเริ่มต้น
    ลบ codec และ GPU driver ที่ล้าสมัย

    รองรับหลายเดสก์ท็อปให้เลือกใช้งาน
    GNOME, KDE Plasma, Xfce, Cinnamon, MATE, LXQt, LXDE
    เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน PorteuX 2.3
    การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบกับแอปที่ต้องใช้ codec เฉพาะ
    GNOME Shell extensions ที่ลบผ่าน removepkg อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หากลบผิด
    การใช้ build script แบบใหม่อาจไม่รองรับกับบางโปรเจกต์เก่า
    ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นกับ Slackware อาจต้องเรียนรู้ระบบแพ็กเกจใหม่ก่อนใช้งาน

    https://9to5linux.com/slackware-based-porteux-2-3-is-out-with-gnome-49-improved-webcam-support
    📰 PorteuX 2.3 เปิดตัวพร้อม GNOME 49 — ดิสโทรสาย Slackware ที่เบา ลื่น และรองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น PorteuX 2.3 ดิสโทร Linux สาย Slackware ที่เน้นความเร็ว ขนาดเล็ก และความยืดหยุ่น ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้ยังคงใช้ Linux Kernel 6.16.7 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการอัปเดตหลายจุดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการเพิ่ม GNOME 49 เป็นหนึ่งในเดสก์ท็อปหลัก พร้อมรองรับ KDE Plasma 6.4.5 และไดรเวอร์ NVIDIA รุ่นใหม่ 580.82.09 GNOME 49 ที่มาพร้อมใน PorteuX 2.3 ได้เพิ่มแอปเทอร์มินัลใหม่ชื่อ Ptyxis และปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ให้สามารถลบได้ง่ายผ่านคำสั่ง removepkg ในเทอร์มินัล นอกจากนี้ยังมีการแก้บั๊กหลายจุด เช่น ปัญหา Openbox ไม่เริ่มทำงานเมื่อไม่มีโมดูลเดสก์ท็อป, ปัญหา Super + L ไม่ล็อกหน้าจอใน GNOME และ Alt + F4 ไม่ทำงานใน Labwc Wayland อีกหนึ่งจุดเด่นคือการปรับปรุงการรองรับกล้องเว็บแคมให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานวิดีโอคอลหรือบันทึกภาพผ่านแอปต่าง ๆ โดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเอง รวมถึงการปรับปรุงระบบ build script ให้เร็วขึ้น ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็วขึ้น PorteuX 2.3 ยังเพิ่มแพ็กเกจใหม่ เช่น Fastfetch และ GNU nano และลบแพ็กเกจที่ล้าสมัยออก เช่น codec บางตัวและไดรเวอร์ GPU ที่ไม่จำเป็นจาก Mesa stack พร้อมรองรับเดสก์ท็อปหลากหลาย เช่น Xfce 4.20, Cinnamon 6.4.12, MATE 1.28.2, LXQt 2.2 และ LXDE 0.11.1 ✅ PorteuX 2.3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.16.7 ➡️ รองรับ GNOME 49, KDE Plasma 6.4.5 และเดสก์ท็อปอื่นอีก 5 แบบ ✅ GNOME 49 มาพร้อมแอปใหม่และปรับปรุงระบบ ➡️ เพิ่มเทอร์มินัล Ptyxis ➡️ ปรับปรุงการจัดการ GNOME Shell extensions ผ่าน removepkg ➡️ แก้ปัญหา shortcut และการทำงานของ window manager ✅ รองรับกล้องเว็บแคมดีขึ้น ➡️ ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่ม ➡️ เหมาะสำหรับการประชุมออนไลน์และงานมัลติมีเดีย ✅ ปรับปรุงระบบ build script และแพ็กเกจ ➡️ ใช้ meson/ninja และ lld เพื่อสร้าง binary ที่เล็กและเร็ว ➡️ เพิ่ม Fastfetch และ GNU nano เป็นค่าเริ่มต้น ➡️ ลบ codec และ GPU driver ที่ล้าสมัย ✅ รองรับหลายเดสก์ท็อปให้เลือกใช้งาน ➡️ GNOME, KDE Plasma, Xfce, Cinnamon, MATE, LXQt, LXDE ➡️ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน PorteuX 2.3 ⛔ การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบกับแอปที่ต้องใช้ codec เฉพาะ ⛔ GNOME Shell extensions ที่ลบผ่าน removepkg อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หากลบผิด ⛔ การใช้ build script แบบใหม่อาจไม่รองรับกับบางโปรเจกต์เก่า ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นกับ Slackware อาจต้องเรียนรู้ระบบแพ็กเกจใหม่ก่อนใช้งาน https://9to5linux.com/slackware-based-porteux-2-3-is-out-with-gnome-49-improved-webcam-support
    9TO5LINUX.COM
    Slackware-Based PorteuX 2.3 Is Out with GNOME 49, Improved Webcam Support - 9to5Linux
    PorteuX 2.3 Linux distribution is now available for download with Linux kernel 6.16, GNOME 49, KDE Plasma 6.4.5, and more.
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
More Results