• รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar

    Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า
    เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้
    https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10

    เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน
    https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation

    Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons

    5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น
    แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos

    วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน
    บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress

    OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด
    ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset

    Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar 🖥️ Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10 🔒 เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation 🚗 Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons 📸 5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos ⚙️ วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress 📱 OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset 🌐 Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์ รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251201 #securityonline


    GeoServer พบช่องโหว่ร้ายแรง XXE (CVE-2025-58360)
    เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่สำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ GeoServer ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สด้านข้อมูลภูมิสารสนเทศ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟังก์ชัน Web Map Service (WMS) ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ผลคือสามารถดึงไฟล์ลับจากเซิร์ฟเวอร์ ทำการ SSRF เพื่อเจาะระบบภายใน หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ ไม่เช่นนั้นระบบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแผนที่อาจถูกเจาะได้ง่าย
    https://securityonline.info/high-severity-geoserver-flaw-cve-2025-58360-allows-unauthenticated-xxe-for-file-theft-and-ssrf

    TAG-150 ผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service รายใหม่ ใช้ ClickFix หลอกเหยื่อ
    กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์หน้าใหม่ชื่อ TAG-150 โผล่ขึ้นมาในปี 2025 และสร้างความปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คิดว่ากำลังทำขั้นตอนยืนยันหรืออัปเดตซอฟต์แวร์ แต่จริง ๆ แล้วคือการบังคับให้เหยื่อรันคำสั่ง PowerShell ที่เป็นมัลแวร์เอง หลังจากนั้นจะถูกติดตั้ง CastleLoader และ CastleRAT ซึ่งให้สิทธิ์ควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการดักคีย์บอร์ด จับภาพหน้าจอ และเปิดเชลล์ระยะไกล ถือเป็นการโจมตีที่เน้นหลอกเหยื่อให้ “แฮ็กตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices

    แคมเปญ “Contagious Interview” ของเกาหลีเหนือ ปล่อยแพ็กเกจ npm กว่า 200 ตัว
    นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าล่าผู้พัฒนาในสายบล็อกเชนและ Web3 พวกเขาใช้วิธีปลอมเป็นการสัมภาษณ์งาน โดยให้ผู้สมัครทำ “แบบทดสอบโค้ด” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแพ็กเกจ npm ที่ฝังมัลแวร์ OtterCookie รุ่นใหม่เข้าไป แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่าหมื่นครั้ง และสามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น seed phrase ของกระเป๋าเงินคริปโต รหัสผ่าน และไฟล์ลับต่าง ๆ ได้ทันที ถือเป็นการโจมตีที่ใช้กระบวนการสมัครงานเป็นเครื่องมือในการเจาะระบบ
    https://securityonline.info/north-koreas-contagious-interview-floods-npm-with-200-new-packages-using-fake-crypto-jobs-to-deploy-ottercookie-spyware

    ShadowV2 Mirai Botnet ทดสอบโจมตี IoT ระหว่าง AWS ล่มทั่วโลก
    ในช่วงที่ AWS เกิดการล่มครั้งใหญ่เมื่อเดือนตุลาคม กลุ่มผู้โจมตีใช้โอกาสนี้ปล่อย ShadowV2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของ Mirai botnet โดยมุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ IoT เช่น เราเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายที่มีช่องโหว่ การโจมตีครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “การทดสอบ” มากกว่าการโจมตีเต็มรูปแบบ แต่ก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกได้แล้ว ShadowV2 ใช้เทคนิคเข้ารหัสเพื่อหลบการตรวจจับ และสามารถทำ DDoS ได้หลายรูปแบบ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า IoT ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญในโลกไซเบอร์
    https://securityonline.info/shadowv2-mirai-botnet-launched-coordinated-iot-test-attack-during-global-aws-outage

    Bloody Wolf APT ขยายการโจมตีสู่เอเชียกลาง ใช้ NetSupport RAT
    กลุ่ม APT ที่ชื่อ Bloody Wolf ซึ่งเคยโจมตีในรัสเซียและคาซัคสถาน ตอนนี้ขยายไปยังคีร์กีซสถานและอุซเบกิสถาน พวกเขาใช้วิธีส่งอีเมล spear-phishing ที่ปลอมเป็นเอกสารทางราชการ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์จะถูกนำไปดาวน์โหลด JAR ที่ฝังโค้ดอันตราย ซึ่งสุดท้ายติดตั้ง NetSupport RAT ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ปกติใช้ในการช่วยเหลือด้านไอที แต่ถูกนำมาใช้ควบคุมเครื่องเหยื่อแบบลับ ๆ ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก การใช้เครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทำการโจมตีเช่นนี้ เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นการใช้งานจริงหรือการแฮ็ก
    https://securityonline.info/bloody-wolf-apt-expands-to-central-asia-deploys-netsupport-rat-via-custom-java-droppers-and-geo-fencing

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache bRPC (CVE-2025-59789)
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ที่อันตรายมากใน Apache bRPC ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์ก RPC ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับระบบประสิทธิภาพสูง เช่น การค้นหา การจัดเก็บ และแมชชีนเลิร์นนิง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล JSON ที่มีโครงสร้างซ้อนลึกเกินไป ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำสแต็กจนล้นและทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ง่าย ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูล JSON ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ระบบ crash โดยเฉพาะ องค์กรที่เปิดรับทราฟฟิกจากเครือข่ายภายนอกจึงเสี่ยงสูง ทางทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.15.0 โดยเพิ่มการจำกัดความลึกของการ recursion ที่ค่าเริ่มต้น 100 เพื่อป้องกันการโจมตี แต่ก็อาจทำให้บางคำขอที่ถูกต้องถูกปฏิเสธไปด้วย
    https://securityonline.info/cve-2025-59789-critical-flaw-in-apache-brpc-framework-exposes-high-performance-systems-to-crash-risks

    Apple เตรียมใช้ Intel Foundry ผลิตชิป M-Series บนเทคโนโลยี 18A ปี 2027
    มีรายงานว่า Apple ได้ทำข้อตกลงลับกับ Intel เพื่อให้ผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นบนกระบวนการผลิต 18A โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตจำนวนมากได้ในช่วงกลางปี 2027 นี่ถือเป็นการกลับมาของ Intel ในห่วงโซ่อุปทานของ Apple หลังจากที่ TSMC ครองบทบาทหลักมานาน ชิปที่ผลิตจะถูกใช้ใน MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องในปี 2025 การเคลื่อนไหวนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Intel ในฐานะโรงงานผลิต แต่ยังไม่กระทบต่อรายได้ของ TSMC ในระยะสั้น
    https://securityonline.info/apple-eyes-intel-foundry-for-m-series-chips-on-18a-node-by-2027

    Windows 11 พบปัญหาไอคอนล็อกอินด้วยรหัสผ่านหายไปหลังอัปเดต
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนเจอปัญหาหลังติดตั้งอัปเดตเดือนสิงหาคม 2025 หรือเวอร์ชันหลังจากนั้น โดยไอคอนสำหรับเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกสกรีน ทำให้ดูเหมือนว่ามีเพียงการเข้าสู่ระบบด้วย PIN เท่านั้นที่ใช้ได้ แม้จริง ๆ แล้วฟังก์ชันยังอยู่ แต่ผู้ใช้ต้องคลิกตรงพื้นที่ว่างที่ควรมีไอคอน ซึ่งสร้างความสับสนและยุ่งยาก Microsoft ยืนยันว่ากำลังแก้ไขและคาดว่าจะปล่อยแพตช์แก้ในอัปเดตถัดไป
    https://securityonline.info/windows-11-bug-makes-lock-screen-password-icon-vanish-after-update

    กลยุทธ์ AI ของ Google Pixel เน้นประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่คำโฆษณา
    Google กำลังผลักดัน Pixel ให้เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้าน AI โดยเน้นการใช้งานที่จับต้องได้ เช่น ฟีเจอร์ “Auto Best Take” ที่ช่วยให้ทุกคนดูดีที่สุดในภาพถ่ายกลุ่ม Adrienne Lofton รองประธานฝ่ายการตลาดของ Pixel ชี้ว่าแม้ AI จะเป็นกระแส แต่ผู้ใช้ยังแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ทั้งที่เชื่อและที่สงสัย ดังนั้นกลยุทธ์ของ Google คือการทำให้ AI เป็นสิ่งที่ผู้ใช้เห็นคุณค่า ไม่ใช่แค่คำโฆษณา ทีมงานยังใช้ AI ภายในอย่าง Gemini Live และ Veo 3 เพื่อเร่งกระบวนการทำตลาดให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 15 สัปดาห์
    https://securityonline.info/googles-pixel-ai-strategy-focusing-on-tangible-benefits-not-just-hype

    OpenAI ถูกท้าทายอย่างหนักจาก Gemini 3 ของ Google
    หลังจาก ChatGPT ครองตลาดมานาน ตอนนี้ OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่เมื่อ Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนเหนือ GPT-5 ในหลายการทดสอบ และมีผู้ใช้งานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 400 ล้านเป็น 650 ล้านรายต่อเดือน ความได้เปรียบของ Google คือการใช้ TPU ของตัวเองแทนการพึ่งพา NVIDIA ทำให้พัฒนาได้เร็วและต้นทุนต่ำลง ขณะที่ OpenAI ต้องลงทุนมหาศาลกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ สถานการณ์นี้ทำให้ตลาด AI กลับมาดุเดือดอีกครั้ง และอนาคตของ OpenAI ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
    https://securityonline.info/openai-under-siege-googles-gemini-3-surge-threatens-to-end-chatgpts-early-lead

    ฟีเจอร์ใหม่ Android Hotspot แชร์สัญญาณพร้อมกัน 2.4 GHz + 6 GHz
    Android กำลังเพิ่มความสามารถให้ผู้ใช้สามารถแชร์ฮอตสปอตได้พร้อมกันทั้งย่านความถี่ 2.4 GHz และ 6 GHz ซึ่งช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าและใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน การอัปเกรดนี้ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีหลายอุปกรณ์หลากหลายรุ่นต้องเชื่อมต่อพร้อมกัน ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ยุค Wi-Fi 6E
    https://securityonline.info/android-hotspot-upgrade-new-feature-allows-simultaneous-2-4-ghz-6-ghz-dual-band-sharing

    ปฏิบัติการ Hanoi Thief: ใช้ไฟล์ LNK/รูปภาพโจมตีด้วย LOTUSHARVEST Stealer
    แฮกเกอร์ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า “Pseudo-Polyglot” โดยใช้ไฟล์ LNK หรือรูปภาพที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่จริง ๆ แล้วซ่อนโค้ดอันตรายไว้เพื่อโหลดมัลแวร์ LOTUSHARVEST Stealer ผ่าน DLL Sideloading การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้ที่เปิดไฟล์ดังกล่าวเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหลอกลวงทางไซเบอร์
    https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Devolutions Server (CVE-2025-13757)
    มีการค้นพบช่องโหว่ SQL Injection ที่ร้ายแรงใน Devolutions Server ซึ่งทำให้ผู้โจมตีที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถดึงข้อมูลรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะเปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดของระบบ การโจมตีลักษณะนี้สามารถทำให้ทั้งองค์กรเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและถูกบุกรุกอย่างหนัก ผู้ดูแลระบบจึงควรเร่งอัปเดตแพตช์แก้ไขทันที
    https://securityonline.info/critical-devolutions-server-flaw-cve-2025-13757-allows-authenticated-sql-injection-to-steal-all-passwords

    มัลแวร์ TangleCrypt Packer ซ่อน EDR Killer แต่พลาดจนแครชเอง
    นักวิจัยพบว่า TangleCrypt ซึ่งเป็นแพ็กเกอร์มัลแวร์รุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อซ่อนฟังก์ชัน EDR Killer ที่สามารถทำลายระบบตรวจจับภัยคุกคามได้ แต่เนื่องจากมีข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด ทำให้มัลแวร์นี้เกิดการแครชเองโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นภัยคุกคามที่น่ากังวล แต่ความผิดพลาดนี้ก็ทำให้การโจมตีไม่เสถียร และอาจเป็นจุดอ่อนที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถตรวจจับและป้องกันได้ง่ายขึ้น
    https://securityonline.info/new-tanglecrypt-packer-hides-edr-killer-but-coding-flaws-cause-ransomware-to-crash-unexpectedly

    กลยุทธ์ใหม่ของ Russian Tomiris APT ใช้ Telegram/Discord เป็นช่องทางสอดแนม
    กลุ่มแฮกเกอร์ Tomiris APT จากรัสเซียถูกพบว่าใช้วิธี “Polyglot” ในการแฝงตัว โดยเปลี่ยนแพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมอย่าง Telegram และ Discord ให้กลายเป็นช่องทางควบคุมการสอดแนมทางการทูต เทคนิคนี้ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เพราะดูเหมือนการใช้งานปกติของผู้ใช้ทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ควบคุมและเครื่องที่ถูกบุกรุก ถือเป็นการยกระดับการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/russian-tomiris-apt-adopts-polyglot-strategy-hijacking-telegram-discord-as-covert-c2-for-diplomatic-spies
    📌🔐🟡 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟡🔐📌 #รวมข่าวIT #20251201 #securityonline 🛡️ GeoServer พบช่องโหว่ร้ายแรง XXE (CVE-2025-58360) เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่สำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ GeoServer ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สด้านข้อมูลภูมิสารสนเทศ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟังก์ชัน Web Map Service (WMS) ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ผลคือสามารถดึงไฟล์ลับจากเซิร์ฟเวอร์ ทำการ SSRF เพื่อเจาะระบบภายใน หรือแม้แต่ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่ ไม่เช่นนั้นระบบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแผนที่อาจถูกเจาะได้ง่าย 🔗 https://securityonline.info/high-severity-geoserver-flaw-cve-2025-58360-allows-unauthenticated-xxe-for-file-theft-and-ssrf 🕵️ TAG-150 ผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service รายใหม่ ใช้ ClickFix หลอกเหยื่อ กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์หน้าใหม่ชื่อ TAG-150 โผล่ขึ้นมาในปี 2025 และสร้างความปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คิดว่ากำลังทำขั้นตอนยืนยันหรืออัปเดตซอฟต์แวร์ แต่จริง ๆ แล้วคือการบังคับให้เหยื่อรันคำสั่ง PowerShell ที่เป็นมัลแวร์เอง หลังจากนั้นจะถูกติดตั้ง CastleLoader และ CastleRAT ซึ่งให้สิทธิ์ควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการดักคีย์บอร์ด จับภาพหน้าจอ และเปิดเชลล์ระยะไกล ถือเป็นการโจมตีที่เน้นหลอกเหยื่อให้ “แฮ็กตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices 💻 แคมเปญ “Contagious Interview” ของเกาหลีเหนือ ปล่อยแพ็กเกจ npm กว่า 200 ตัว นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าล่าผู้พัฒนาในสายบล็อกเชนและ Web3 พวกเขาใช้วิธีปลอมเป็นการสัมภาษณ์งาน โดยให้ผู้สมัครทำ “แบบทดสอบโค้ด” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแพ็กเกจ npm ที่ฝังมัลแวร์ OtterCookie รุ่นใหม่เข้าไป แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่าหมื่นครั้ง และสามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น seed phrase ของกระเป๋าเงินคริปโต รหัสผ่าน และไฟล์ลับต่าง ๆ ได้ทันที ถือเป็นการโจมตีที่ใช้กระบวนการสมัครงานเป็นเครื่องมือในการเจาะระบบ 🔗 https://securityonline.info/north-koreas-contagious-interview-floods-npm-with-200-new-packages-using-fake-crypto-jobs-to-deploy-ottercookie-spyware 🌐 ShadowV2 Mirai Botnet ทดสอบโจมตี IoT ระหว่าง AWS ล่มทั่วโลก ในช่วงที่ AWS เกิดการล่มครั้งใหญ่เมื่อเดือนตุลาคม กลุ่มผู้โจมตีใช้โอกาสนี้ปล่อย ShadowV2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของ Mirai botnet โดยมุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ IoT เช่น เราเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายที่มีช่องโหว่ การโจมตีครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “การทดสอบ” มากกว่าการโจมตีเต็มรูปแบบ แต่ก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกได้แล้ว ShadowV2 ใช้เทคนิคเข้ารหัสเพื่อหลบการตรวจจับ และสามารถทำ DDoS ได้หลายรูปแบบ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า IoT ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญในโลกไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/shadowv2-mirai-botnet-launched-coordinated-iot-test-attack-during-global-aws-outage 🐺 Bloody Wolf APT ขยายการโจมตีสู่เอเชียกลาง ใช้ NetSupport RAT กลุ่ม APT ที่ชื่อ Bloody Wolf ซึ่งเคยโจมตีในรัสเซียและคาซัคสถาน ตอนนี้ขยายไปยังคีร์กีซสถานและอุซเบกิสถาน พวกเขาใช้วิธีส่งอีเมล spear-phishing ที่ปลอมเป็นเอกสารทางราชการ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์จะถูกนำไปดาวน์โหลด JAR ที่ฝังโค้ดอันตราย ซึ่งสุดท้ายติดตั้ง NetSupport RAT ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ปกติใช้ในการช่วยเหลือด้านไอที แต่ถูกนำมาใช้ควบคุมเครื่องเหยื่อแบบลับ ๆ ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก การใช้เครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทำการโจมตีเช่นนี้ เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นการใช้งานจริงหรือการแฮ็ก 🔗 https://securityonline.info/bloody-wolf-apt-expands-to-central-asia-deploys-netsupport-rat-via-custom-java-droppers-and-geo-fencing 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache bRPC (CVE-2025-59789) เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ที่อันตรายมากใน Apache bRPC ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์ก RPC ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับระบบประสิทธิภาพสูง เช่น การค้นหา การจัดเก็บ และแมชชีนเลิร์นนิง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล JSON ที่มีโครงสร้างซ้อนลึกเกินไป ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำสแต็กจนล้นและทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ง่าย ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูล JSON ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ระบบ crash โดยเฉพาะ องค์กรที่เปิดรับทราฟฟิกจากเครือข่ายภายนอกจึงเสี่ยงสูง ทางทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.15.0 โดยเพิ่มการจำกัดความลึกของการ recursion ที่ค่าเริ่มต้น 100 เพื่อป้องกันการโจมตี แต่ก็อาจทำให้บางคำขอที่ถูกต้องถูกปฏิเสธไปด้วย 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-59789-critical-flaw-in-apache-brpc-framework-exposes-high-performance-systems-to-crash-risks 💻 Apple เตรียมใช้ Intel Foundry ผลิตชิป M-Series บนเทคโนโลยี 18A ปี 2027 มีรายงานว่า Apple ได้ทำข้อตกลงลับกับ Intel เพื่อให้ผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นบนกระบวนการผลิต 18A โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตจำนวนมากได้ในช่วงกลางปี 2027 นี่ถือเป็นการกลับมาของ Intel ในห่วงโซ่อุปทานของ Apple หลังจากที่ TSMC ครองบทบาทหลักมานาน ชิปที่ผลิตจะถูกใช้ใน MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องในปี 2025 การเคลื่อนไหวนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Intel ในฐานะโรงงานผลิต แต่ยังไม่กระทบต่อรายได้ของ TSMC ในระยะสั้น 🔗 https://securityonline.info/apple-eyes-intel-foundry-for-m-series-chips-on-18a-node-by-2027 🖥️ Windows 11 พบปัญหาไอคอนล็อกอินด้วยรหัสผ่านหายไปหลังอัปเดต ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนเจอปัญหาหลังติดตั้งอัปเดตเดือนสิงหาคม 2025 หรือเวอร์ชันหลังจากนั้น โดยไอคอนสำหรับเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกสกรีน ทำให้ดูเหมือนว่ามีเพียงการเข้าสู่ระบบด้วย PIN เท่านั้นที่ใช้ได้ แม้จริง ๆ แล้วฟังก์ชันยังอยู่ แต่ผู้ใช้ต้องคลิกตรงพื้นที่ว่างที่ควรมีไอคอน ซึ่งสร้างความสับสนและยุ่งยาก Microsoft ยืนยันว่ากำลังแก้ไขและคาดว่าจะปล่อยแพตช์แก้ในอัปเดตถัดไป 🔗 https://securityonline.info/windows-11-bug-makes-lock-screen-password-icon-vanish-after-update 📱 กลยุทธ์ AI ของ Google Pixel เน้นประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่คำโฆษณา Google กำลังผลักดัน Pixel ให้เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้าน AI โดยเน้นการใช้งานที่จับต้องได้ เช่น ฟีเจอร์ “Auto Best Take” ที่ช่วยให้ทุกคนดูดีที่สุดในภาพถ่ายกลุ่ม Adrienne Lofton รองประธานฝ่ายการตลาดของ Pixel ชี้ว่าแม้ AI จะเป็นกระแส แต่ผู้ใช้ยังแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ทั้งที่เชื่อและที่สงสัย ดังนั้นกลยุทธ์ของ Google คือการทำให้ AI เป็นสิ่งที่ผู้ใช้เห็นคุณค่า ไม่ใช่แค่คำโฆษณา ทีมงานยังใช้ AI ภายในอย่าง Gemini Live และ Veo 3 เพื่อเร่งกระบวนการทำตลาดให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 15 สัปดาห์ 🔗 https://securityonline.info/googles-pixel-ai-strategy-focusing-on-tangible-benefits-not-just-hype 🤖 OpenAI ถูกท้าทายอย่างหนักจาก Gemini 3 ของ Google หลังจาก ChatGPT ครองตลาดมานาน ตอนนี้ OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่เมื่อ Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนเหนือ GPT-5 ในหลายการทดสอบ และมีผู้ใช้งานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 400 ล้านเป็น 650 ล้านรายต่อเดือน ความได้เปรียบของ Google คือการใช้ TPU ของตัวเองแทนการพึ่งพา NVIDIA ทำให้พัฒนาได้เร็วและต้นทุนต่ำลง ขณะที่ OpenAI ต้องลงทุนมหาศาลกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ สถานการณ์นี้ทำให้ตลาด AI กลับมาดุเดือดอีกครั้ง และอนาคตของ OpenAI ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด 🔗 https://securityonline.info/openai-under-siege-googles-gemini-3-surge-threatens-to-end-chatgpts-early-lead 📶 ฟีเจอร์ใหม่ Android Hotspot แชร์สัญญาณพร้อมกัน 2.4 GHz + 6 GHz Android กำลังเพิ่มความสามารถให้ผู้ใช้สามารถแชร์ฮอตสปอตได้พร้อมกันทั้งย่านความถี่ 2.4 GHz และ 6 GHz ซึ่งช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าและใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน การอัปเกรดนี้ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีหลายอุปกรณ์หลากหลายรุ่นต้องเชื่อมต่อพร้อมกัน ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ยุค Wi-Fi 6E 🔗 https://securityonline.info/android-hotspot-upgrade-new-feature-allows-simultaneous-2-4-ghz-6-ghz-dual-band-sharing 🕵️‍♂️ ปฏิบัติการ Hanoi Thief: ใช้ไฟล์ LNK/รูปภาพโจมตีด้วย LOTUSHARVEST Stealer แฮกเกอร์ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า “Pseudo-Polyglot” โดยใช้ไฟล์ LNK หรือรูปภาพที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่จริง ๆ แล้วซ่อนโค้ดอันตรายไว้เพื่อโหลดมัลแวร์ LOTUSHARVEST Stealer ผ่าน DLL Sideloading การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้ที่เปิดไฟล์ดังกล่าวเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหลอกลวงทางไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading 🔐 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Devolutions Server (CVE-2025-13757) มีการค้นพบช่องโหว่ SQL Injection ที่ร้ายแรงใน Devolutions Server ซึ่งทำให้ผู้โจมตีที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถดึงข้อมูลรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะเปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดของระบบ การโจมตีลักษณะนี้สามารถทำให้ทั้งองค์กรเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและถูกบุกรุกอย่างหนัก ผู้ดูแลระบบจึงควรเร่งอัปเดตแพตช์แก้ไขทันที 🔗 https://securityonline.info/critical-devolutions-server-flaw-cve-2025-13757-allows-authenticated-sql-injection-to-steal-all-passwords 💣 มัลแวร์ TangleCrypt Packer ซ่อน EDR Killer แต่พลาดจนแครชเอง นักวิจัยพบว่า TangleCrypt ซึ่งเป็นแพ็กเกอร์มัลแวร์รุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อซ่อนฟังก์ชัน EDR Killer ที่สามารถทำลายระบบตรวจจับภัยคุกคามได้ แต่เนื่องจากมีข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ด ทำให้มัลแวร์นี้เกิดการแครชเองโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นภัยคุกคามที่น่ากังวล แต่ความผิดพลาดนี้ก็ทำให้การโจมตีไม่เสถียร และอาจเป็นจุดอ่อนที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถตรวจจับและป้องกันได้ง่ายขึ้น 🔗 https://securityonline.info/new-tanglecrypt-packer-hides-edr-killer-but-coding-flaws-cause-ransomware-to-crash-unexpectedly 🌐 กลยุทธ์ใหม่ของ Russian Tomiris APT ใช้ Telegram/Discord เป็นช่องทางสอดแนม กลุ่มแฮกเกอร์ Tomiris APT จากรัสเซียถูกพบว่าใช้วิธี “Polyglot” ในการแฝงตัว โดยเปลี่ยนแพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมอย่าง Telegram และ Discord ให้กลายเป็นช่องทางควบคุมการสอดแนมทางการทูต เทคนิคนี้ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เพราะดูเหมือนการใช้งานปกติของผู้ใช้ทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนการสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์ควบคุมและเครื่องที่ถูกบุกรุก ถือเป็นการยกระดับการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/russian-tomiris-apt-adopts-polyglot-strategy-hijacking-telegram-discord-as-covert-c2-for-diplomatic-spies
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • “AMD vs Intel – ศึก CPU ปี 2025”

    การแข่งขันระหว่าง AMD และ Intel ยังคงดุเดือดในตลาดเดสก์ท็อป โดยปี 2025 AMD เปิดตัว Ryzen 9000 series (Zen 5) และรุ่น X3D ที่ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache ทำให้ได้เปรียบด้านเกมมิ่งอย่างชัดเจน ขณะที่ Intel เปิดตัว Core Ultra 200S (Arrow Lake) ที่เน้นสถาปัตยกรรมไฮบริด P-core + E-core เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงาน productivity แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าประสิทธิภาพเกมมิ่งลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

    AMD Ryzen 9000X3D เช่น Ryzen 9 9800X3D ถูกยกให้เป็น CPU เกมมิ่งที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยการเพิ่ม L3 cache ขนาดใหญ่ ทำให้เฟรมเรตสูงกว่า Intel ถึง 30% ในหลายเกม ขณะที่ Intel Core Ultra 7 285K แม้จะมีประสิทธิภาพ single-thread สูง แต่โครงสร้าง chiplet แบบใหม่กลับทำให้เกมมิ่งช้าลง

    ในด้าน งาน productivity และ content creation Intel ยังคงได้เปรียบในงาน single-thread ด้วย P-core ที่แรงกว่า แต่ AMD ชนะในงาน multi-thread ด้วยจำนวนคอร์ที่มากกว่าและรองรับ AVX-512 ทำให้เหมาะกับงาน render และ simulation

    ด้าน พลังงานและความร้อน AMD ได้เปรียบชัดเจนด้วยกระบวนการผลิต 4nm ของ TSMC ที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า Intel Arrow Lake ที่ยังใช้พลังงานมากกว่า แม้ Intel จะปรับปรุงแล้วแต่ยังไม่สามารถสู้ AMD ได้ใน efficiency

    สรุปสาระสำคัญ
    AMD ได้เปรียบ
    เกมมิ่ง: Ryzen 9000X3D เร็วกว่า Intel ~30%
    Multi-thread: เหมาะกับงาน render, simulation
    พลังงาน: 4nm TSMC ประหยัดไฟและเย็นกว่า
    ความปลอดภัย: เจอช่องโหว่น้อยกว่า Intel

    Intel ได้เปรียบ
    Single-thread: P-core แรงกว่า เหมาะกับงาน latency-sensitive
    Overclocking: มี headroom สูงกว่า AMD
    ไดรเวอร์/ซอฟต์แวร์: เสถียรกว่าใน ecosystem OEM

    ข้อควรระวัง
    Intel Arrow Lake ไม่ backward-compatible กับเมนบอร์ดรุ่นเก่า (LGA 1851)
    AMD X3D แม้แรง แต่ราคาสูงกว่ารุ่นปกติ

    https://www.tomshardware.com/features/amd-vs-intel-cpus
    🖥️ “AMD vs Intel – ศึก CPU ปี 2025” การแข่งขันระหว่าง AMD และ Intel ยังคงดุเดือดในตลาดเดสก์ท็อป โดยปี 2025 AMD เปิดตัว Ryzen 9000 series (Zen 5) และรุ่น X3D ที่ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache ทำให้ได้เปรียบด้านเกมมิ่งอย่างชัดเจน ขณะที่ Intel เปิดตัว Core Ultra 200S (Arrow Lake) ที่เน้นสถาปัตยกรรมไฮบริด P-core + E-core เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงาน productivity แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าประสิทธิภาพเกมมิ่งลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน AMD Ryzen 9000X3D เช่น Ryzen 9 9800X3D ถูกยกให้เป็น CPU เกมมิ่งที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยการเพิ่ม L3 cache ขนาดใหญ่ ทำให้เฟรมเรตสูงกว่า Intel ถึง 30% ในหลายเกม ขณะที่ Intel Core Ultra 7 285K แม้จะมีประสิทธิภาพ single-thread สูง แต่โครงสร้าง chiplet แบบใหม่กลับทำให้เกมมิ่งช้าลง ในด้าน งาน productivity และ content creation Intel ยังคงได้เปรียบในงาน single-thread ด้วย P-core ที่แรงกว่า แต่ AMD ชนะในงาน multi-thread ด้วยจำนวนคอร์ที่มากกว่าและรองรับ AVX-512 ทำให้เหมาะกับงาน render และ simulation ด้าน พลังงานและความร้อน AMD ได้เปรียบชัดเจนด้วยกระบวนการผลิต 4nm ของ TSMC ที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า Intel Arrow Lake ที่ยังใช้พลังงานมากกว่า แม้ Intel จะปรับปรุงแล้วแต่ยังไม่สามารถสู้ AMD ได้ใน efficiency 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AMD ได้เปรียบ ➡️ เกมมิ่ง: Ryzen 9000X3D เร็วกว่า Intel ~30% ➡️ Multi-thread: เหมาะกับงาน render, simulation ➡️ พลังงาน: 4nm TSMC ประหยัดไฟและเย็นกว่า ➡️ ความปลอดภัย: เจอช่องโหว่น้อยกว่า Intel ✅ Intel ได้เปรียบ ➡️ Single-thread: P-core แรงกว่า เหมาะกับงาน latency-sensitive ➡️ Overclocking: มี headroom สูงกว่า AMD ➡️ ไดรเวอร์/ซอฟต์แวร์: เสถียรกว่าใน ecosystem OEM ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Intel Arrow Lake ไม่ backward-compatible กับเมนบอร์ดรุ่นเก่า (LGA 1851) ⛔ AMD X3D แม้แรง แต่ราคาสูงกว่ารุ่นปกติ https://www.tomshardware.com/features/amd-vs-intel-cpus
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel vs AMD: Which CPUs Are Better in 2025?
    We put Intel vs AMD in a battle of processor prowess.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • “AMD แย้ม Ryzen 7 9850X3D – อาจเป็น CPU เล่นเกมที่เร็วที่สุดรุ่นใหม่”

    AMD ได้มีการกล่าวถึงชื่อ Ryzen 7 9850X3D ในหน้า Drivers and Downloads ของเว็บไซต์ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Ryzen 7 9800X3D มี 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 5.2 GHz และ L3 cache 96MB ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น CPU เล่นเกมที่ดีที่สุดในตลาด หากรุ่นใหม่มีหมายเลขสูงกว่า ย่อมบ่งชี้ถึงการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ

    สิ่งที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงคือ การปรับปรุง clock speed และ boosting behavior โดยใช้เทคโนโลยีการแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ที่ช่วยลดปัญหาความร้อน ทำให้สามารถดันความเร็วสูงขึ้นโดยไม่กระทบเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการพลังงานและเฟิร์มแวร์ เพื่อเพิ่ม responsiveness ในงานที่ใช้เธรดน้อย เช่น เกมและงาน UI

    อย่างไรก็ตาม AMD ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเต็ม เช่น ความเร็ว base/boost ที่แน่นอน หรือวันเปิดตัว ทำให้ข้อมูลยังอยู่ในระดับ “การยืนยันการมีอยู่” เท่านั้น นักวิเคราะห์คาดว่า CPU รุ่นนี้จะยังคงใช้ 8 คอร์/16 เธรด และ L3 cache แบบ 3D V-Cache เช่นเดิม แต่จะเน้นการปรับแต่งเพื่อให้ได้ single-thread performance ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมเมอร์

    สิ่งที่ต้องระวังคือ ความร้อนและการระบายความร้อน เนื่องจาก clock speed ที่สูงขึ้นจะเพิ่มความหนาแน่นของความร้อน ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหากต้องการดึงศักยภาพสูงสุดของ CPU รุ่นนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การกล่าวถึง Ryzen 7 9850X3D
    ปรากฏในหน้า Drivers ของ AMD
    คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกม

    คุณสมบัติที่คาดการณ์
    8 คอร์/16 เธรด พร้อม L3 cache 3D V-Cache
    ปรับปรุง clock speed และ boosting behavior
    ใช้เทคโนโลยีแพ็กเกจใหม่จาก TSMC

    เป้าหมายการปรับปรุง
    เพิ่ม single-thread performance สำหรับเกม
    ปรับปรุง responsiveness ในงานเบา

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มหรือวันเปิดตัว
    ความร้อนสูงขึ้น อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-mentions-unreleased-gaming-optimized-ryzen-7-9850x3d-could-be-the-next-fastest-gaming-cpu-ever
    🖥️ “AMD แย้ม Ryzen 7 9850X3D – อาจเป็น CPU เล่นเกมที่เร็วที่สุดรุ่นใหม่” AMD ได้มีการกล่าวถึงชื่อ Ryzen 7 9850X3D ในหน้า Drivers and Downloads ของเว็บไซต์ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Ryzen 7 9800X3D มี 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 5.2 GHz และ L3 cache 96MB ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น CPU เล่นเกมที่ดีที่สุดในตลาด หากรุ่นใหม่มีหมายเลขสูงกว่า ย่อมบ่งชี้ถึงการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ สิ่งที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงคือ การปรับปรุง clock speed และ boosting behavior โดยใช้เทคโนโลยีการแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ที่ช่วยลดปัญหาความร้อน ทำให้สามารถดันความเร็วสูงขึ้นโดยไม่กระทบเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการพลังงานและเฟิร์มแวร์ เพื่อเพิ่ม responsiveness ในงานที่ใช้เธรดน้อย เช่น เกมและงาน UI อย่างไรก็ตาม AMD ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเต็ม เช่น ความเร็ว base/boost ที่แน่นอน หรือวันเปิดตัว ทำให้ข้อมูลยังอยู่ในระดับ “การยืนยันการมีอยู่” เท่านั้น นักวิเคราะห์คาดว่า CPU รุ่นนี้จะยังคงใช้ 8 คอร์/16 เธรด และ L3 cache แบบ 3D V-Cache เช่นเดิม แต่จะเน้นการปรับแต่งเพื่อให้ได้ single-thread performance ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมเมอร์ สิ่งที่ต้องระวังคือ ความร้อนและการระบายความร้อน เนื่องจาก clock speed ที่สูงขึ้นจะเพิ่มความหนาแน่นของความร้อน ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหากต้องการดึงศักยภาพสูงสุดของ CPU รุ่นนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การกล่าวถึง Ryzen 7 9850X3D ➡️ ปรากฏในหน้า Drivers ของ AMD ➡️ คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกม ✅ คุณสมบัติที่คาดการณ์ ➡️ 8 คอร์/16 เธรด พร้อม L3 cache 3D V-Cache ➡️ ปรับปรุง clock speed และ boosting behavior ➡️ ใช้เทคโนโลยีแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ✅ เป้าหมายการปรับปรุง ➡️ เพิ่ม single-thread performance สำหรับเกม ➡️ ปรับปรุง responsiveness ในงานเบา ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มหรือวันเปิดตัว ⛔ ความร้อนสูงขึ้น อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-mentions-unreleased-gaming-optimized-ryzen-7-9850x3d-could-be-the-next-fastest-gaming-cpu-ever
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • “จีนโชว์ GPU รุ่นแรกบนสถาปัตยกรรม Imagination DXD – รองรับ Ray Tracing”

    บริษัท Xiang Di Xian ได้เปิดตัวการ์ดจอที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ในงาน ICCAD 2025 ที่เมืองเฉิงตู โดยระบุว่าเป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากในตลาด GPU ของจีน จุดเด่นคือการรองรับ DirectX Feature Level 11_0, Vulkan และ OpenGL รวมถึงการออกแบบแบบ multicore decentralized ที่สามารถขยายไปยังเวิร์กสเตชันและโครงสร้างพื้นฐาน cloud gaming ได้

    บริษัทอ้างว่า GPU รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพการเรนเดอร์มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (BXT family) และสามารถทำงานกับ digital twin workloads และ 3D simulation ได้อย่างราบรื่น พร้อมสาธิตการใช้งาน ray tracing และ super resolution ในงานเปิดตัว แม้จะยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่นหรือสเปกเต็ม แต่มีการกล่าวถึงตัวเลขเช่น 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DXD ถูกออกแบบเป็น “raster-first architecture” แต่ยังสามารถผสานการทำงานกับ DXT mobile IP ที่มี hardware ray tracing ทำให้เกิดคำถามว่าการ์ดที่เปิดตัวนี้ใช้การปรับแต่งพิเศษหรือเป็นเวอร์ชันขยายของ DXD เพื่อรองรับ ray tracing โดยตรง

    อย่างไรก็ตาม บทความชี้ว่า ยังไม่มีการทดสอบอิสระ และการ์ดยังไม่ถูกส่งออกนอกจีน ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าประสิทธิภาพจริงตรงตามที่บริษัทเคลมไว้หรือไม่ นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ภายในประเทศ แต่ยังต้องรอการพิสูจน์ในตลาดโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว GPU DXD
    เปิดตัวโดย Xiang Di Xian ในงาน ICCAD 2025
    เป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD

    คุณสมบัติเด่น
    รองรับ DirectX, Vulkan, OpenGL
    Multicore decentralized design ขยายสู่ cloud gaming
    Ray Tracing และ Super Resolution

    ประสิทธิภาพที่เคลม
    เรนเดอร์เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
    2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่มีการทดสอบอิสระนอกจีน
    ไม่เปิดเผยสเปกเต็มและชื่อรุ่น ทำให้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-vendor-showcases-first-mass-produced-imagination-dxd-gpu-with-ray-tracing
    🎮 “จีนโชว์ GPU รุ่นแรกบนสถาปัตยกรรม Imagination DXD – รองรับ Ray Tracing” บริษัท Xiang Di Xian ได้เปิดตัวการ์ดจอที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ในงาน ICCAD 2025 ที่เมืองเฉิงตู โดยระบุว่าเป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากในตลาด GPU ของจีน จุดเด่นคือการรองรับ DirectX Feature Level 11_0, Vulkan และ OpenGL รวมถึงการออกแบบแบบ multicore decentralized ที่สามารถขยายไปยังเวิร์กสเตชันและโครงสร้างพื้นฐาน cloud gaming ได้ บริษัทอ้างว่า GPU รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพการเรนเดอร์มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (BXT family) และสามารถทำงานกับ digital twin workloads และ 3D simulation ได้อย่างราบรื่น พร้อมสาธิตการใช้งาน ray tracing และ super resolution ในงานเปิดตัว แม้จะยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่นหรือสเปกเต็ม แต่มีการกล่าวถึงตัวเลขเช่น 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์ สิ่งที่น่าสนใจคือ DXD ถูกออกแบบเป็น “raster-first architecture” แต่ยังสามารถผสานการทำงานกับ DXT mobile IP ที่มี hardware ray tracing ทำให้เกิดคำถามว่าการ์ดที่เปิดตัวนี้ใช้การปรับแต่งพิเศษหรือเป็นเวอร์ชันขยายของ DXD เพื่อรองรับ ray tracing โดยตรง อย่างไรก็ตาม บทความชี้ว่า ยังไม่มีการทดสอบอิสระ และการ์ดยังไม่ถูกส่งออกนอกจีน ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าประสิทธิภาพจริงตรงตามที่บริษัทเคลมไว้หรือไม่ นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ภายในประเทศ แต่ยังต้องรอการพิสูจน์ในตลาดโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว GPU DXD ➡️ เปิดตัวโดย Xiang Di Xian ในงาน ICCAD 2025 ➡️ เป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ รองรับ DirectX, Vulkan, OpenGL ➡️ Multicore decentralized design ขยายสู่ cloud gaming ➡️ Ray Tracing และ Super Resolution ✅ ประสิทธิภาพที่เคลม ➡️ เรนเดอร์เร็วกว่าเดิม 2 เท่า ➡️ 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีการทดสอบอิสระนอกจีน ⛔ ไม่เปิดเผยสเปกเต็มและชื่อรุ่น ทำให้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-vendor-showcases-first-mass-produced-imagination-dxd-gpu-with-ray-tracing
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • “แรงงานนอกระบบในศูนย์กลาง e-waste ของเดลี กำลังสูญเสียงาน”

    ในย่าน Seelampur ของกรุงเดลี มีแรงงานนับหมื่นที่ทำงานรีไซเคิลอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่เป็นทางการมานานหลายสิบปี พวกเขาแยกชิ้นส่วนสายไฟและอุปกรณ์เก่าเพื่อขายโลหะ เช่น ทองแดงและอะลูมิเนียม แต่ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียกำลังผลักดันให้การรีไซเคิลเข้าสู่ระบบโรงงานที่ได้รับอนุญาต เพื่อสนับสนุน National Critical Minerals Mission มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ ที่ตั้งเป้าผลิตแร่สำคัญอย่างทองแดง ลิเทียม และ rare earths

    แรงงานในชุมชนเล่าว่ารายได้ลดลงอย่างหนัก เช่น Shahjahan ที่เคยหาเงินได้วันละ 2 ดอลลาร์จากการแยกสายไฟ แต่ตอนนี้อุปกรณ์ถูกส่งตรงไปยังโรงงาน ทำให้เธอแทบไม่มีงาน ขณะที่ Mohammad Saleem รายได้ลดลงครึ่งหนึ่งจากการทำงานแยกสายไฟมานาน 8 ปี รัฐบาลยังใช้มาตรการเข้มงวด เช่น ตัดไฟบ้านที่ใช้เป็นเวิร์กช็อป และปรับผู้ประกอบการรายเล็ก

    แม้รัฐบาลตั้งเป้าสร้างงานใหม่กว่า 70,000 ตำแหน่งในโรงงานรีไซเคิล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แรงงานนอกระบบคือ “ชั้นแรก” ของห่วงโซ่รีไซเคิล หากไม่สร้างช่องทางให้พวกเขาเข้าสู่ระบบ จะยิ่งทำให้เกิดการกีดกันและความเหลื่อมล้ำมากขึ้น บริษัทรีไซเคิลบางแห่งพยายามฝึกอบรมแรงงานเหล่านี้ แต่ยังไม่สามารถดูดซับแรงงานทั้งหมดได้

    อีกด้านหนึ่ง บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Samsung และ LG กำลังฟ้องรัฐบาลอินเดียเรื่องกฎราคารีไซเคิลที่กำหนดขั้นต่ำ 22 รูปีต่อกิโลกรัม โดยอ้างว่าบิดเบือนตลาด ขณะที่นักลงทุนมองว่ากฎนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของระบบรีไซเคิลอินเดีย ว่าจะสามารถผสานแรงงานนอกระบบเข้ามาได้หรือไม่

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบโรงงาน
    รัฐบาลผลักดัน National Critical Minerals Mission มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์
    ตั้งเป้าผลิตทองแดง ลิเทียม และ rare earths

    ผลกระทบต่อแรงงานนอกระบบ
    รายได้ลดลง เช่น Shahjahan และ Saleem สูญเสียงาน
    มีมาตรการเข้มงวด เช่น ตัดไฟและปรับผู้ประกอบการรายเล็ก

    เป้าหมายของรัฐบาล
    ตั้งเป้าสร้างงานใหม่กว่า 70,000 ตำแหน่ง
    เพิ่มกำลังการรีไซเคิล 270,000 ตันต่อปี

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    หากไม่ผสานแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบ จะเพิ่มความเหลื่อมล้ำ
    กฎราคารีไซเคิลขั้นต่ำอาจบิดเบือนตลาดและสร้างความขัดแย้งกับบริษัทใหญ่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/in-delhi039s-e-waste-hub-india039s-informal-workers-lose-business
    ♻️ “แรงงานนอกระบบในศูนย์กลาง e-waste ของเดลี กำลังสูญเสียงาน” ในย่าน Seelampur ของกรุงเดลี มีแรงงานนับหมื่นที่ทำงานรีไซเคิลอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่เป็นทางการมานานหลายสิบปี พวกเขาแยกชิ้นส่วนสายไฟและอุปกรณ์เก่าเพื่อขายโลหะ เช่น ทองแดงและอะลูมิเนียม แต่ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียกำลังผลักดันให้การรีไซเคิลเข้าสู่ระบบโรงงานที่ได้รับอนุญาต เพื่อสนับสนุน National Critical Minerals Mission มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ ที่ตั้งเป้าผลิตแร่สำคัญอย่างทองแดง ลิเทียม และ rare earths แรงงานในชุมชนเล่าว่ารายได้ลดลงอย่างหนัก เช่น Shahjahan ที่เคยหาเงินได้วันละ 2 ดอลลาร์จากการแยกสายไฟ แต่ตอนนี้อุปกรณ์ถูกส่งตรงไปยังโรงงาน ทำให้เธอแทบไม่มีงาน ขณะที่ Mohammad Saleem รายได้ลดลงครึ่งหนึ่งจากการทำงานแยกสายไฟมานาน 8 ปี รัฐบาลยังใช้มาตรการเข้มงวด เช่น ตัดไฟบ้านที่ใช้เป็นเวิร์กช็อป และปรับผู้ประกอบการรายเล็ก แม้รัฐบาลตั้งเป้าสร้างงานใหม่กว่า 70,000 ตำแหน่งในโรงงานรีไซเคิล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แรงงานนอกระบบคือ “ชั้นแรก” ของห่วงโซ่รีไซเคิล หากไม่สร้างช่องทางให้พวกเขาเข้าสู่ระบบ จะยิ่งทำให้เกิดการกีดกันและความเหลื่อมล้ำมากขึ้น บริษัทรีไซเคิลบางแห่งพยายามฝึกอบรมแรงงานเหล่านี้ แต่ยังไม่สามารถดูดซับแรงงานทั้งหมดได้ อีกด้านหนึ่ง บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Samsung และ LG กำลังฟ้องรัฐบาลอินเดียเรื่องกฎราคารีไซเคิลที่กำหนดขั้นต่ำ 22 รูปีต่อกิโลกรัม โดยอ้างว่าบิดเบือนตลาด ขณะที่นักลงทุนมองว่ากฎนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของระบบรีไซเคิลอินเดีย ว่าจะสามารถผสานแรงงานนอกระบบเข้ามาได้หรือไม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบโรงงาน ➡️ รัฐบาลผลักดัน National Critical Minerals Mission มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ตั้งเป้าผลิตทองแดง ลิเทียม และ rare earths ✅ ผลกระทบต่อแรงงานนอกระบบ ➡️ รายได้ลดลง เช่น Shahjahan และ Saleem สูญเสียงาน ➡️ มีมาตรการเข้มงวด เช่น ตัดไฟและปรับผู้ประกอบการรายเล็ก ✅ เป้าหมายของรัฐบาล ➡️ ตั้งเป้าสร้างงานใหม่กว่า 70,000 ตำแหน่ง ➡️ เพิ่มกำลังการรีไซเคิล 270,000 ตันต่อปี ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ หากไม่ผสานแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบ จะเพิ่มความเหลื่อมล้ำ ⛔ กฎราคารีไซเคิลขั้นต่ำอาจบิดเบือนตลาดและสร้างความขัดแย้งกับบริษัทใหญ่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/in-delhi039s-e-waste-hub-india039s-informal-workers-lose-business
    WWW.THESTAR.COM.MY
    In Delhi's e-waste hub, India's informal workers lose business
    As e-waste shifts from neighbourhoods to licensed factories, informal recyclers fear being left out.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • “สังคม Tap-to-Pay กำลังทิ้งชาวนิวยอร์กบางกลุ่มไว้ข้างหลัง”

    บทความจาก The Star เล่าถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดในนิวยอร์ก โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด เช่น คนไร้บ้าน ผู้ขายอาหารริมทาง และนักแสดงข้างถนน แม้การจ่ายเงินแบบ tap-to-pay และ mobile wallet จะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต แต่กลับสร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนขึ้น

    ตัวอย่างเช่น Rob Brender ผู้พิการที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนพิการ เขายังคงใช้แก้วพลาสติกขอเงินตามท้องถนน แต่รายได้ลดลงมากเพราะคนส่วนใหญ่ไม่พกเงินสดแล้ว แม้เพื่อนจะช่วยทำป้ายพร้อม Venmo username แต่เขาไม่รู้วิธีใช้งานและไม่มีบัญชีธนาคารที่เชื่อมต่อได้จริง ขณะที่นักออกแบบและคนทำงานรุ่นใหม่บางคนยอมพกเงินสดเล็กน้อยเพื่อยังสามารถให้ทิปแก่ศิลปินข้างถนน เพราะพวกเขารู้สึกว่า “การให้เงินสดคือการเชื่อมต่อมนุษย์”

    อีกด้านหนึ่ง ผู้ขายอาหารริมทาง อย่าง Mohamed Attia เล่าว่าเงินสดยังจำเป็นเพราะการทำธุรกิจต้องใช้ทุนหมุนเวียนทันที แต่การรับเงินผ่านแอปต้องรอหลายวันกว่าจะเข้าบัญชี ทำให้ไม่สามารถซื้อวัตถุดิบได้ทันเวลา เขาและเพื่อน ๆ จึงค่อย ๆ ติดตั้งระบบจ่ายเงินดิจิทัล แต่ก็ยังเจอปัญหาด้านภาษาและการเข้าถึงธนาคาร โดยเฉพาะผู้ขายที่เป็นผู้อพยพ

    แม้เมืองนิวยอร์กจะออกกฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธการรับเงินสดตั้งแต่ปี 2020 แต่ในทางปฏิบัติหลายร้านยังคงไม่ปฏิบัติตาม และผู้ที่ไม่มีบัตรหรือบัญชีธนาคารก็ยังถูกกีดกันจากการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดยังมีผลกระทบต่อความเท่าเทียมและการเข้าถึงอย่างมาก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด
    Tap-to-pay และ mobile wallet ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต
    แต่สร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจสำหรับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด

    ผลกระทบต่อผู้คน
    คนไร้บ้านและนักแสดงข้างถนนรายได้ลดลงเพราะคนไม่พกเงินสด
    ผู้ขายอาหารริมทางต้องใช้เงินสดเพื่อทุนหมุนเวียนทันที

    ความพยายามแก้ปัญหา
    บางคนพยายามใช้ Venmo, Zelle หรือ Cash App แต่มีอุปสรรคด้านเทคนิคและภาษา
    นักออกแบบบางคนยังพกเงินสดเพื่อรักษาการเชื่อมต่อทางสังคม

    คำเตือนและข้อสังเกต
    กฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธเงินสดยังถูกละเมิดในหลายพื้นที่
    ผู้ไม่มีบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตถูกกีดกันจากการเข้าถึงสินค้าและบริการ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/a-tap-to-pay-society-is-leaving-these-new-yorkers-behind
    💳 “สังคม Tap-to-Pay กำลังทิ้งชาวนิวยอร์กบางกลุ่มไว้ข้างหลัง” บทความจาก The Star เล่าถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดในนิวยอร์ก โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด เช่น คนไร้บ้าน ผู้ขายอาหารริมทาง และนักแสดงข้างถนน แม้การจ่ายเงินแบบ tap-to-pay และ mobile wallet จะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต แต่กลับสร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนขึ้น ตัวอย่างเช่น Rob Brender ผู้พิการที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนพิการ เขายังคงใช้แก้วพลาสติกขอเงินตามท้องถนน แต่รายได้ลดลงมากเพราะคนส่วนใหญ่ไม่พกเงินสดแล้ว แม้เพื่อนจะช่วยทำป้ายพร้อม Venmo username แต่เขาไม่รู้วิธีใช้งานและไม่มีบัญชีธนาคารที่เชื่อมต่อได้จริง ขณะที่นักออกแบบและคนทำงานรุ่นใหม่บางคนยอมพกเงินสดเล็กน้อยเพื่อยังสามารถให้ทิปแก่ศิลปินข้างถนน เพราะพวกเขารู้สึกว่า “การให้เงินสดคือการเชื่อมต่อมนุษย์” อีกด้านหนึ่ง ผู้ขายอาหารริมทาง อย่าง Mohamed Attia เล่าว่าเงินสดยังจำเป็นเพราะการทำธุรกิจต้องใช้ทุนหมุนเวียนทันที แต่การรับเงินผ่านแอปต้องรอหลายวันกว่าจะเข้าบัญชี ทำให้ไม่สามารถซื้อวัตถุดิบได้ทันเวลา เขาและเพื่อน ๆ จึงค่อย ๆ ติดตั้งระบบจ่ายเงินดิจิทัล แต่ก็ยังเจอปัญหาด้านภาษาและการเข้าถึงธนาคาร โดยเฉพาะผู้ขายที่เป็นผู้อพยพ แม้เมืองนิวยอร์กจะออกกฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธการรับเงินสดตั้งแต่ปี 2020 แต่ในทางปฏิบัติหลายร้านยังคงไม่ปฏิบัติตาม และผู้ที่ไม่มีบัตรหรือบัญชีธนาคารก็ยังถูกกีดกันจากการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดยังมีผลกระทบต่อความเท่าเทียมและการเข้าถึงอย่างมาก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด ➡️ Tap-to-pay และ mobile wallet ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นสำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนและบัตรเครดิต ➡️ แต่สร้างช่องว่างทางเศรษฐกิจสำหรับผู้ที่ยังพึ่งพาเงินสด ✅ ผลกระทบต่อผู้คน ➡️ คนไร้บ้านและนักแสดงข้างถนนรายได้ลดลงเพราะคนไม่พกเงินสด ➡️ ผู้ขายอาหารริมทางต้องใช้เงินสดเพื่อทุนหมุนเวียนทันที ✅ ความพยายามแก้ปัญหา ➡️ บางคนพยายามใช้ Venmo, Zelle หรือ Cash App แต่มีอุปสรรคด้านเทคนิคและภาษา ➡️ นักออกแบบบางคนยังพกเงินสดเพื่อรักษาการเชื่อมต่อทางสังคม ‼️ คำเตือนและข้อสังเกต ⛔ กฎหมายห้ามร้านค้าปฏิเสธเงินสดยังถูกละเมิดในหลายพื้นที่ ⛔ ผู้ไม่มีบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตถูกกีดกันจากการเข้าถึงสินค้าและบริการ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/a-tap-to-pay-society-is-leaving-these-new-yorkers-behind
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A tap-to-pay society is leaving these New Yorkers behind
    As fewer people carry cash, vendors, street performers and people experiencing homelessness and unemployment are at a disadvantage.
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • “วัยรุ่นนิวยอร์กสร้างเว็บหาบ้านราคาถูก – แก้ปัญหาที่ผู้ใหญ่ทำไม่สำเร็จ”

    ในนิวยอร์กซิตี้ที่ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยพุ่งสูงถึงราว 4,000 ดอลลาร์ต่อเดือน การหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาเป็นเรื่องยากเย็น เด็กนักเรียนมัธยมปลายสองคน Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr. จึงตัดสินใจสร้างเว็บไซต์ชื่อ Realer Estate เพื่อช่วยให้ผู้คนค้นหาอพาร์ตเมนต์ที่มีค่าเช่าต่ำกว่าตลาดและห้องพักที่อยู่ในโครงการ rent-stabilized ได้ง่ายขึ้น

    Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ครอบครัวต้องดิ้นรนหาบ้านเช่า เขาจึงสอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI ตลอดช่วงฤดูร้อน ก่อนจะร่วมมือกับ Webster ในการสร้างระบบอีเมลแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีห้องพักใหม่ที่ตรงกับเงื่อนไข เว็บไซต์นี้ใช้ อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและขาย แล้วเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอาคารที่มีห้อง rent-stabilized เพื่อคำนวณว่าอพาร์ตเมนต์ใด “ต่ำกว่าราคาตลาด” อย่างน้อย 15%

    โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน และได้รับคำชื่นชมจาก Adrienne Adams ประธานสภาเมืองนิวยอร์ก ที่กล่าวว่า “ประทับใจในความมุ่งมั่นของ Beckett ที่ช่วยเหลือชาวนิวยอร์กให้หาที่อยู่อาศัยได้” นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนสตาร์ทอัพอย่าง Audos ที่สนับสนุนเงินทุนสูงสุดถึง 25,000 ดอลลาร์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มต่อไป

    แม้จะยังมีข้อจำกัด เช่น บางย่านมีข้อมูลน้อย และระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่ครอบคลุมทุกงบประมาณ แต่ Realer Estate ได้พิสูจน์ว่า เยาวชนก็สามารถสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาสังคมที่ผู้ใหญ่ยังทำไม่สำเร็จ และอาจเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่เผชิญวิกฤติค่าเช่าบ้านสูงเช่นกัน

    สรุปสาระสำคัญ
    การสร้าง Realer Estate
    พัฒนาโดยนักเรียนมัธยมปลาย Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr.
    ใช้อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและฐานข้อมูลอาคาร rent-stabilized

    แรงบันดาลใจและการทำงาน
    Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ครอบครัวหาบ้านเช่ายาก
    สอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI

    ผลตอบรับและการสนับสนุน
    มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน
    ได้รับคำชื่นชมจากประธานสภาเมืองนิวยอร์ก
    นักลงทุน Audos สนับสนุนเงินทุนสูงสุด 25,000 ดอลลาร์

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    บางย่านมีข้อมูลน้อย ทำให้การค้นหาไม่ครอบคลุม
    ระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่เหมาะกับทุกงบประมาณ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/new-york-lacked-an-affordable-housing-portal-so-these-teenagers-made-one
    🏙️ “วัยรุ่นนิวยอร์กสร้างเว็บหาบ้านราคาถูก – แก้ปัญหาที่ผู้ใหญ่ทำไม่สำเร็จ” ในนิวยอร์กซิตี้ที่ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยพุ่งสูงถึงราว 4,000 ดอลลาร์ต่อเดือน การหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาเป็นเรื่องยากเย็น เด็กนักเรียนมัธยมปลายสองคน Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr. จึงตัดสินใจสร้างเว็บไซต์ชื่อ Realer Estate เพื่อช่วยให้ผู้คนค้นหาอพาร์ตเมนต์ที่มีค่าเช่าต่ำกว่าตลาดและห้องพักที่อยู่ในโครงการ rent-stabilized ได้ง่ายขึ้น Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ครอบครัวต้องดิ้นรนหาบ้านเช่า เขาจึงสอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI ตลอดช่วงฤดูร้อน ก่อนจะร่วมมือกับ Webster ในการสร้างระบบอีเมลแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีห้องพักใหม่ที่ตรงกับเงื่อนไข เว็บไซต์นี้ใช้ อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและขาย แล้วเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอาคารที่มีห้อง rent-stabilized เพื่อคำนวณว่าอพาร์ตเมนต์ใด “ต่ำกว่าราคาตลาด” อย่างน้อย 15% โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน และได้รับคำชื่นชมจาก Adrienne Adams ประธานสภาเมืองนิวยอร์ก ที่กล่าวว่า “ประทับใจในความมุ่งมั่นของ Beckett ที่ช่วยเหลือชาวนิวยอร์กให้หาที่อยู่อาศัยได้” นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนสตาร์ทอัพอย่าง Audos ที่สนับสนุนเงินทุนสูงสุดถึง 25,000 ดอลลาร์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มต่อไป แม้จะยังมีข้อจำกัด เช่น บางย่านมีข้อมูลน้อย และระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่ครอบคลุมทุกงบประมาณ แต่ Realer Estate ได้พิสูจน์ว่า เยาวชนก็สามารถสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาสังคมที่ผู้ใหญ่ยังทำไม่สำเร็จ และอาจเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่เผชิญวิกฤติค่าเช่าบ้านสูงเช่นกัน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การสร้าง Realer Estate ➡️ พัฒนาโดยนักเรียนมัธยมปลาย Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr. ➡️ ใช้อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและฐานข้อมูลอาคาร rent-stabilized ✅ แรงบันดาลใจและการทำงาน ➡️ Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ครอบครัวหาบ้านเช่ายาก ➡️ สอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI ✅ ผลตอบรับและการสนับสนุน ➡️ มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน ➡️ ได้รับคำชื่นชมจากประธานสภาเมืองนิวยอร์ก ➡️ นักลงทุน Audos สนับสนุนเงินทุนสูงสุด 25,000 ดอลลาร์ ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ บางย่านมีข้อมูลน้อย ทำให้การค้นหาไม่ครอบคลุม ⛔ ระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่เหมาะกับทุกงบประมาณ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/new-york-lacked-an-affordable-housing-portal-so-these-teenagers-made-one
    WWW.THESTAR.COM.MY
    New York lacked an affordable housing portal. So these teenagers made one.
    Two "children of the pandemic" did something the grown-ups who run the city have never managed to do.
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z”

    บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต

    แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ

    สรุปสาระสำคัญ
    Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z
    สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\
    รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\

    การทำงานของ Windows Object Manager
    Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง
    ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U)

    ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป
    Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z
    ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้
    ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด

    https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    💻 “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z” บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z ➡️ สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\ ➡️ รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\ ✅ การทำงานของ Windows Object Manager ➡️ Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง ➡️ ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U) ✅ ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป ➡️ Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z ➡️ ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้ ⛔ ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • เที่ยวโซล เกาหลี อิสระ 2 วัน เริ่ม 7,999 เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69

    🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    AURORA MEDIA SHOW
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวโซล เกาหลี อิสระ 2 วัน 🇰🇷 เริ่ม 7,999 🔥🔥 🗓️ เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69 😍 🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 AURORA MEDIA SHOW 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 0 Reviews
  • ภายในปี 2026 การร่วมมือกันระหว่างเรือ 2 แบรนด์หรู เรือล่องแม่น้ำ Uniworld และ เรือล่องทะเล Seabourn
    เตรียมเปิดตัวโปรเจคใหม่ "Venice & the Mediterranean Sea" เส้นทางจากเวนิส มุ่งหน้าสู่เอเธนส์
    เต็มอิ่ม ประสบการณ์สุดพิเศษ ล่องผ่านหมู่เกาะสำคัญอย่าง โครเอเชีย มอนเตเนโกร และกรีซ

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #Uniworldrivercruise #Seabourncruise #Venice #MediterraneanSea #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ
    ภายในปี 2026 การร่วมมือกันระหว่างเรือ 2 แบรนด์หรู เรือล่องแม่น้ำ Uniworld และ เรือล่องทะเล Seabourn เตรียมเปิดตัวโปรเจคใหม่ "Venice & the Mediterranean Sea" เส้นทางจากเวนิส มุ่งหน้าสู่เอเธนส์ เต็มอิ่ม ประสบการณ์สุดพิเศษ ล่องผ่านหมู่เกาะสำคัญอย่าง โครเอเชีย มอนเตเนโกร และกรีซ ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #Uniworldrivercruise #Seabourncruise #Venice #MediterraneanSea #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • “ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล – อุปกรณ์เก่ากำลังหายไป”

    การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กลงและทรงพลังมากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ และเกมที่ใช้พื้นที่มหาศาลในเครื่องคอนโซลหรือ PC ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากและเร็วขึ้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt และ USB-C รุ่นใหม่ ก็ช่วยให้การใช้ external SSD สำหรับงานหนักอย่างตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมเป็นไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไดรฟ์ภายใน

    หนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังถูกแทนที่คือ SATA HDD ซึ่งแม้ยังไม่สูญพันธุ์ แต่แทบไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาแล้ว เนื่องจาก HDD มีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ความเร็วต่ำสุดราว 300 MB/s, เสี่ยงต่อความเสียหายจากแรงกระแทก และทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไปเพราะ fragmentation ในทางตรงกันข้าม SSD ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว มีขนาดเล็กกว่า และมีความเร็วสูงกว่าหลายสิบเท่า ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป

    อีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังหายไปคือ CD และ DVD ซึ่งเคยเป็นมาตรฐานสำหรับเก็บภาพยนตร์ เกม และซอฟต์แวร์ แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดดิจิทัลและบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Xbox Game Pass เนื่องจากไฟล์สมัยใหม่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่แผ่นดิสก์จะรองรับได้ อย่างไรก็ตาม optical discs ยังมีบทบาทในงาน เก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในภาคการแพทย์และหน่วยงานรัฐ เพราะทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็ก และนักสะสมภาพยนตร์ยังคงนิยม Blu-ray สำหรับคุณภาพเสียงและภาพที่ดีที่สุด

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ การเก็บข้อมูลเน้นความเร็ว ความหนาแน่น และความสะดวก มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์แบบเก่า แม้ HDD และ optical discs จะยังมีพื้นที่ในตลาดเฉพาะ แต่ผู้ใช้ทั่วไปกำลังหันไปใช้ SSD และ Cloud Storage เป็นหลัก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเก็บข้อมูล
    สมาร์ทโฟนและเกมต้องการพื้นที่มากขึ้น
    Thunderbolt และ USB-C ทำให้ external SSD ใช้งานได้สะดวก

    SATA HDD กำลังถูกแทนที่
    ความเร็วต่ำและเสี่ยงต่อความเสียหาย
    SSD เร็วกว่า 20 เท่าและเป็นมาตรฐานใหม่

    CD และ DVD กำลังหายไป
    ถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง
    ยังมีบทบาทในงานเก็บข้อมูลระยะยาวและ Blu-ray สำหรับนักสะสม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์เก่า
    HDD เสี่ยงต่อการเสียหายและทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป
    Optical discs ไม่รองรับไฟล์ขนาดใหญ่และอาจไม่สะดวกในยุคดิจิทัล

    https://www.slashgear.com/2037771/old-storage-types-outdated-being-replaced/
    💾 “ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล – อุปกรณ์เก่ากำลังหายไป” การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กลงและทรงพลังมากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ และเกมที่ใช้พื้นที่มหาศาลในเครื่องคอนโซลหรือ PC ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากและเร็วขึ้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt และ USB-C รุ่นใหม่ ก็ช่วยให้การใช้ external SSD สำหรับงานหนักอย่างตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมเป็นไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไดรฟ์ภายใน หนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังถูกแทนที่คือ SATA HDD ซึ่งแม้ยังไม่สูญพันธุ์ แต่แทบไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาแล้ว เนื่องจาก HDD มีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ความเร็วต่ำสุดราว 300 MB/s, เสี่ยงต่อความเสียหายจากแรงกระแทก และทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไปเพราะ fragmentation ในทางตรงกันข้าม SSD ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว มีขนาดเล็กกว่า และมีความเร็วสูงกว่าหลายสิบเท่า ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป อีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังหายไปคือ CD และ DVD ซึ่งเคยเป็นมาตรฐานสำหรับเก็บภาพยนตร์ เกม และซอฟต์แวร์ แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดดิจิทัลและบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Xbox Game Pass เนื่องจากไฟล์สมัยใหม่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่แผ่นดิสก์จะรองรับได้ อย่างไรก็ตาม optical discs ยังมีบทบาทในงาน เก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในภาคการแพทย์และหน่วยงานรัฐ เพราะทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็ก และนักสะสมภาพยนตร์ยังคงนิยม Blu-ray สำหรับคุณภาพเสียงและภาพที่ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ การเก็บข้อมูลเน้นความเร็ว ความหนาแน่น และความสะดวก มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์แบบเก่า แม้ HDD และ optical discs จะยังมีพื้นที่ในตลาดเฉพาะ แต่ผู้ใช้ทั่วไปกำลังหันไปใช้ SSD และ Cloud Storage เป็นหลัก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเก็บข้อมูล ➡️ สมาร์ทโฟนและเกมต้องการพื้นที่มากขึ้น ➡️ Thunderbolt และ USB-C ทำให้ external SSD ใช้งานได้สะดวก ✅ SATA HDD กำลังถูกแทนที่ ➡️ ความเร็วต่ำและเสี่ยงต่อความเสียหาย ➡️ SSD เร็วกว่า 20 เท่าและเป็นมาตรฐานใหม่ ✅ CD และ DVD กำลังหายไป ➡️ ถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง ➡️ ยังมีบทบาทในงานเก็บข้อมูลระยะยาวและ Blu-ray สำหรับนักสะสม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์เก่า ⛔ HDD เสี่ยงต่อการเสียหายและทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป ⛔ Optical discs ไม่รองรับไฟล์ขนาดใหญ่และอาจไม่สะดวกในยุคดิจิทัล https://www.slashgear.com/2037771/old-storage-types-outdated-being-replaced/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    These Old Storage Types Are Seeing Their Way Out - SlashGear
    Storage in electronic devices has changed a lot over the decades, with CDs, DVDs, and now hard drivers being phased out by better storage solutions like SSDs.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • “Google Photos เก็บภาพคุณได้ตลอดไปจริงหรือ?”

    Google Photos กลายเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยมสำหรับการสำรองรูปภาพและวิดีโอ เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงดาวน์โหลดแอปและเปิดฟีเจอร์สำรองข้อมูล ทุกภาพที่ถ่ายหรือบันทึกจะถูกอัปโหลดไปยังคลาวด์ของ Google พร้อมเครื่องมือ AI ฟรีที่ช่วยจัดการและแก้ไขได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงกังวลว่า Google จะรักษาบริการนี้ไว้ตลอดไปหรือไม่ เพราะบริษัทเคยยุติผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาแล้วหลายครั้ง

    Google ระบุว่าไฟล์ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย หากยังคงใช้งานบัญชีและชำระค่าบริการตรงเวลา สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะได้รับพื้นที่ฟรี 15GB ซึ่งรวมทั้ง Gmail, Drive และ Photos หากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถสมัคร Google One แบบรายเดือน แต่หากการชำระเงินหยุดลง ระบบจะเริ่มนับถอยหลังสองปี และอาจลบไฟล์เมื่อครบกำหนด โดย Google จะส่งการแจ้งเตือนล่วงหน้าสามเดือนเพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสแก้ไข

    นอกจากนี้ หากบัญชีเกินโควต้าเก็บข้อมูล ผู้ใช้จะไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Google Docs, Sheets และบริการอื่น ๆ ได้ แม้ไฟล์จะยังไม่ถูกลบทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงควรตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่เสมอ และหากใกล้เต็มสามารถหยุดการสำรองรูปภาพใหม่หรือดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดเก็บไว้เอง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Google ยังคงเคารพนโยบายเดิมสำหรับไฟล์ที่อัปโหลดก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2021 หากเลือกคุณภาพ High Quality หรือ Express Quality ไฟล์เหล่านั้นจะไม่ถูกนับรวมในโควต้า ทำให้ผู้ใช้บางรายยังมีพื้นที่เหลือมากกว่าที่คิด แต่สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมดจะถูกนับรวมตามโควต้าอย่างเคร่งครัด

    สรุปสาระสำคัญ
    การเก็บไฟล์ใน Google Photos
    ไฟล์จะถูกเก็บไว้หากยังใช้งานบัญชีและไม่เกินโควต้า
    พื้นที่ฟรี 15GB รวม Gmail, Drive และ Photos

    การสมัครสมาชิก Google One
    หากชำระเงินตรงเวลา ไฟล์จะไม่ถูกลบ
    หากหยุดชำระ จะมีเวลาผ่อนผัน 2 ปี ก่อนถูกลบ

    ผลกระทบเมื่อเกินโควต้า
    ไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Docs/Sheets
    ต้องลบไฟล์หรือหยุดสำรองเพื่อคืนพื้นที่

    นโยบายไฟล์เก่า
    ไฟล์ที่อัปโหลดก่อน 1 มิ.ย. 2021 แบบ High/Express Quality ไม่ถูกนับรวมโควต้า

    คำเตือนด้านการใช้งาน
    หากไม่เข้าสู่ระบบนานเกิน 2 ปี บัญชีเสี่ยงถูกลบ
    หากไม่ชำระค่าบริการ Google One ไฟล์อาจถูกลบหลังครบกำหนด

    https://www.slashgear.com/2037600/oogle-photos-store-forever/
    📸 “Google Photos เก็บภาพคุณได้ตลอดไปจริงหรือ?” Google Photos กลายเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยมสำหรับการสำรองรูปภาพและวิดีโอ เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงดาวน์โหลดแอปและเปิดฟีเจอร์สำรองข้อมูล ทุกภาพที่ถ่ายหรือบันทึกจะถูกอัปโหลดไปยังคลาวด์ของ Google พร้อมเครื่องมือ AI ฟรีที่ช่วยจัดการและแก้ไขได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงกังวลว่า Google จะรักษาบริการนี้ไว้ตลอดไปหรือไม่ เพราะบริษัทเคยยุติผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาแล้วหลายครั้ง Google ระบุว่าไฟล์ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย หากยังคงใช้งานบัญชีและชำระค่าบริการตรงเวลา สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะได้รับพื้นที่ฟรี 15GB ซึ่งรวมทั้ง Gmail, Drive และ Photos หากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถสมัคร Google One แบบรายเดือน แต่หากการชำระเงินหยุดลง ระบบจะเริ่มนับถอยหลังสองปี และอาจลบไฟล์เมื่อครบกำหนด โดย Google จะส่งการแจ้งเตือนล่วงหน้าสามเดือนเพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสแก้ไข นอกจากนี้ หากบัญชีเกินโควต้าเก็บข้อมูล ผู้ใช้จะไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Google Docs, Sheets และบริการอื่น ๆ ได้ แม้ไฟล์จะยังไม่ถูกลบทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงควรตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่เสมอ และหากใกล้เต็มสามารถหยุดการสำรองรูปภาพใหม่หรือดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดเก็บไว้เอง สิ่งที่น่าสนใจคือ Google ยังคงเคารพนโยบายเดิมสำหรับไฟล์ที่อัปโหลดก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2021 หากเลือกคุณภาพ High Quality หรือ Express Quality ไฟล์เหล่านั้นจะไม่ถูกนับรวมในโควต้า ทำให้ผู้ใช้บางรายยังมีพื้นที่เหลือมากกว่าที่คิด แต่สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมดจะถูกนับรวมตามโควต้าอย่างเคร่งครัด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเก็บไฟล์ใน Google Photos ➡️ ไฟล์จะถูกเก็บไว้หากยังใช้งานบัญชีและไม่เกินโควต้า ➡️ พื้นที่ฟรี 15GB รวม Gmail, Drive และ Photos ✅ การสมัครสมาชิก Google One ➡️ หากชำระเงินตรงเวลา ไฟล์จะไม่ถูกลบ ➡️ หากหยุดชำระ จะมีเวลาผ่อนผัน 2 ปี ก่อนถูกลบ ✅ ผลกระทบเมื่อเกินโควต้า ➡️ ไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Docs/Sheets ➡️ ต้องลบไฟล์หรือหยุดสำรองเพื่อคืนพื้นที่ ✅ นโยบายไฟล์เก่า ➡️ ไฟล์ที่อัปโหลดก่อน 1 มิ.ย. 2021 แบบ High/Express Quality ไม่ถูกนับรวมโควต้า ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน ⛔ หากไม่เข้าสู่ระบบนานเกิน 2 ปี บัญชีเสี่ยงถูกลบ ⛔ หากไม่ชำระค่าบริการ Google One ไฟล์อาจถูกลบหลังครบกำหนด https://www.slashgear.com/2037600/oogle-photos-store-forever/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Does Google Photos Store Your Photos Forever? - SlashGear
    Google Photos will keep your photos as long as you stay under your storage limit or sign in every so often. Inactive accounts risk deletion.
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • “Google เปิดตัว Antigravity IDE – ก้าวใหม่ของการเขียนโค้ดด้วยทีม AI Agents”

    Google ได้เปิดตัว Antigravity IDE เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ควบคู่กับโมเดล Gemini 3 โดยชูจุดเด่นว่าเป็นสภาพแวดล้อมการพัฒนา (IDE) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีม AI agents ทำงานร่วมกันได้เหมือนทีมมนุษย์จริง ๆ นักพัฒนาสามารถปล่อยให้ AI วางแผน สร้างไฟล์ และทดสอบโค้ดได้โดยไม่ต้องสั่งทีละขั้นตอน ทำให้มนุษย์มีบทบาทใหม่คือ “สถาปนิกโซลูชัน” มากกว่าการลงมือเขียนโค้ดทุกบรรทัดเอง

    สิ่งที่ทำให้ Antigravity แตกต่างคือการใช้ multi-agent system ที่สามารถแบ่งงานย่อย เช่น การดีบัก การสร้าง UI หรือการจัดการ API ให้กับ AI แต่ละตัวที่ทำงานคู่ขนานกันได้ นอกจากนี้ยังมี โหมดการจัดการงานสองแบบ ได้แก่ Planning Mode สำหรับโครงการซับซ้อน และ Fast Mode สำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว พร้อมระบบ Artifacts ที่บันทึกผลลัพธ์เป็นเอกสาร ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

    อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับจากนักพัฒนายังไม่แรงเท่าที่ Google คาดหวัง หลายคนชื่นชมความสามารถในการเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็มีข้อวิจารณ์ว่าเครื่องมือยัง “half-baked” หรือยังไม่สมบูรณ์ บางครั้งทำงานช้า มีบั๊ก และพบปัญหาในการจัดการภาพหรือการทำงานที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยปรับแก้เองอยู่บ่อยครั้ง

    นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้าน ความปลอดภัย ที่นักวิจัยด้านไซเบอร์เตือนว่า Antigravity อาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีแทรกโค้ดอันตรายผ่านไฟล์การตั้งค่าได้ หากผู้ใช้ทำงานใน “trusted workspace” โดยไม่ระวัง อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูล ซึ่งเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Antigravity IDE
    เปิดตัวพร้อม Gemini 3 เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2025
    ใช้ทีม AI agents ทำงานคู่ขนานเหมือนทีมมนุษย์จริง

    คุณสมบัติเด่น
    Multi-agent system สำหรับแบ่งงานย่อย
    โหมด Planning และ Fast Mode จัดการงานได้ยืดหยุ่น
    ระบบ Artifacts บันทึกผลลัพธ์ตรวจสอบได้

    เสียงตอบรับจากผู้ใช้
    ชื่นชมความเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ
    แต่ยังถูกวิจารณ์ว่า “half-baked” มีบั๊กและทำงานช้า

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    นักวิจัยพบช่องโหว่ที่อาจเปิดทางให้มัลแวร์แทรกตัว
    การใช้ trusted workspace โดยไม่ระวังอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    https://www.slashgear.com/2037355/google-antigravity-ai-coding-tool/
    📰 “Google เปิดตัว Antigravity IDE – ก้าวใหม่ของการเขียนโค้ดด้วยทีม AI Agents” Google ได้เปิดตัว Antigravity IDE เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ควบคู่กับโมเดล Gemini 3 โดยชูจุดเด่นว่าเป็นสภาพแวดล้อมการพัฒนา (IDE) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีม AI agents ทำงานร่วมกันได้เหมือนทีมมนุษย์จริง ๆ นักพัฒนาสามารถปล่อยให้ AI วางแผน สร้างไฟล์ และทดสอบโค้ดได้โดยไม่ต้องสั่งทีละขั้นตอน ทำให้มนุษย์มีบทบาทใหม่คือ “สถาปนิกโซลูชัน” มากกว่าการลงมือเขียนโค้ดทุกบรรทัดเอง สิ่งที่ทำให้ Antigravity แตกต่างคือการใช้ multi-agent system ที่สามารถแบ่งงานย่อย เช่น การดีบัก การสร้าง UI หรือการจัดการ API ให้กับ AI แต่ละตัวที่ทำงานคู่ขนานกันได้ นอกจากนี้ยังมี โหมดการจัดการงานสองแบบ ได้แก่ Planning Mode สำหรับโครงการซับซ้อน และ Fast Mode สำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว พร้อมระบบ Artifacts ที่บันทึกผลลัพธ์เป็นเอกสาร ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับจากนักพัฒนายังไม่แรงเท่าที่ Google คาดหวัง หลายคนชื่นชมความสามารถในการเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็มีข้อวิจารณ์ว่าเครื่องมือยัง “half-baked” หรือยังไม่สมบูรณ์ บางครั้งทำงานช้า มีบั๊ก และพบปัญหาในการจัดการภาพหรือการทำงานที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยปรับแก้เองอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้าน ความปลอดภัย ที่นักวิจัยด้านไซเบอร์เตือนว่า Antigravity อาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีแทรกโค้ดอันตรายผ่านไฟล์การตั้งค่าได้ หากผู้ใช้ทำงานใน “trusted workspace” โดยไม่ระวัง อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูล ซึ่งเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Antigravity IDE ➡️ เปิดตัวพร้อม Gemini 3 เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2025 ➡️ ใช้ทีม AI agents ทำงานคู่ขนานเหมือนทีมมนุษย์จริง ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ Multi-agent system สำหรับแบ่งงานย่อย ➡️ โหมด Planning และ Fast Mode จัดการงานได้ยืดหยุ่น ➡️ ระบบ Artifacts บันทึกผลลัพธ์ตรวจสอบได้ ✅ เสียงตอบรับจากผู้ใช้ ➡️ ชื่นชมความเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ ➡️ แต่ยังถูกวิจารณ์ว่า “half-baked” มีบั๊กและทำงานช้า ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ นักวิจัยพบช่องโหว่ที่อาจเปิดทางให้มัลแวร์แทรกตัว ⛔ การใช้ trusted workspace โดยไม่ระวังอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี https://www.slashgear.com/2037355/google-antigravity-ai-coding-tool/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Google's Newest Tool Is A Big Leap Forward For AI Coding - SlashGear
    Google launched a new tool for developers to use multiple AI agents to accomplish different parts of coding simultaneously. We tested it. He's what we found.
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • Linux Kernel 6.18 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ และอาจเป็น LTS รุ่นถัดไป

    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 Linus Torvalds ได้ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.18 อย่างเป็นทางการ รุ่นนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์ ไดรเวอร์ และระบบไฟล์จำนวนมาก โดยมีการถอดการรองรับ Bcachefs file system ออกจาก kernel หลัก และให้ใช้งานผ่านโมดูล DKMS แทน

    ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น
    Linux 6.18 เพิ่มการรองรับ Rust Binder driver, ฟีเจอร์ dm-pcache สำหรับใช้ persistent memory เป็น cache, และตัวเลือกใหม่ microcode= สำหรับควบคุมการโหลด microcode บนแพลตฟอร์ม x86 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Btrfs ให้รองรับ block size ที่ใหญ่กว่า page size และเพิ่มการทำงานร่วมกับ FreeBSD Bhyve hypervisor

    การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    รุ่นนี้มีการปรับปรุง audit subsystem ให้รองรับหลาย Linux security modules พร้อมกัน, เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs, และปรับปรุงการเข้ารหัส TCP (PSP encryption) รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพ swap, UDP receive และ NFS server scaling เพื่อรองรับการใช้งานในระดับองค์กรได้ดียิ่งขึ้น

    แนวโน้มและการเป็น LTS
    เนื่องจาก Linux Kernel 6.18 เป็นรุ่นสุดท้ายของปี 2025 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเลือกเป็น LTS (Long-Term Support) ซึ่งจะได้รับการดูแลและอัปเดตต่อเนื่องหลายปี อย่างไรก็ตาม ต้องรอการยืนยันจากนักพัฒนา Greg Kroah-Hartman ว่าจะประกาศสถานะ LTS อย่างเป็นทางการหรือไม่

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต Linux Kernel 6.18
    ถอด Bcachefs ออกจาก kernel หลัก
    เพิ่ม Rust Binder driver และ dm-pcache
    ปรับปรุง Btrfs และรองรับ FreeBSD Bhyve

    การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    audit subsystem รองรับหลาย security modules
    เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs
    ปรับปรุง swap, UDP และ NFS server

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การถอด Bcachefs อาจกระทบผู้ที่ใช้งานไฟล์ระบบนี้โดยตรง
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อาจมีบั๊กหรือข้อจำกัด
    การอัปเดต kernel ควรรอให้ distro ปล่อยเวอร์ชันเสถียรก่อน

    https://9to5linux.com/linux-kernel-6-18-officially-released-could-be-the-next-lts-kernel-series
    🐧 Linux Kernel 6.18 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ และอาจเป็น LTS รุ่นถัดไป เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 Linus Torvalds ได้ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.18 อย่างเป็นทางการ รุ่นนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์ ไดรเวอร์ และระบบไฟล์จำนวนมาก โดยมีการถอดการรองรับ Bcachefs file system ออกจาก kernel หลัก และให้ใช้งานผ่านโมดูล DKMS แทน ⚙️ ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น Linux 6.18 เพิ่มการรองรับ Rust Binder driver, ฟีเจอร์ dm-pcache สำหรับใช้ persistent memory เป็น cache, และตัวเลือกใหม่ microcode= สำหรับควบคุมการโหลด microcode บนแพลตฟอร์ม x86 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Btrfs ให้รองรับ block size ที่ใหญ่กว่า page size และเพิ่มการทำงานร่วมกับ FreeBSD Bhyve hypervisor 🔒 การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ รุ่นนี้มีการปรับปรุง audit subsystem ให้รองรับหลาย Linux security modules พร้อมกัน, เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs, และปรับปรุงการเข้ารหัส TCP (PSP encryption) รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพ swap, UDP receive และ NFS server scaling เพื่อรองรับการใช้งานในระดับองค์กรได้ดียิ่งขึ้น 🌐 แนวโน้มและการเป็น LTS เนื่องจาก Linux Kernel 6.18 เป็นรุ่นสุดท้ายของปี 2025 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเลือกเป็น LTS (Long-Term Support) ซึ่งจะได้รับการดูแลและอัปเดตต่อเนื่องหลายปี อย่างไรก็ตาม ต้องรอการยืนยันจากนักพัฒนา Greg Kroah-Hartman ว่าจะประกาศสถานะ LTS อย่างเป็นทางการหรือไม่ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต Linux Kernel 6.18 ➡️ ถอด Bcachefs ออกจาก kernel หลัก ➡️ เพิ่ม Rust Binder driver และ dm-pcache ➡️ ปรับปรุง Btrfs และรองรับ FreeBSD Bhyve ✅ การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ➡️ audit subsystem รองรับหลาย security modules ➡️ เพิ่มการเซ็นชื่อ BPF programs ➡️ ปรับปรุง swap, UDP และ NFS server ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การถอด Bcachefs อาจกระทบผู้ที่ใช้งานไฟล์ระบบนี้โดยตรง ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อาจมีบั๊กหรือข้อจำกัด ⛔ การอัปเดต kernel ควรรอให้ distro ปล่อยเวอร์ชันเสถียรก่อน https://9to5linux.com/linux-kernel-6-18-officially-released-could-be-the-next-lts-kernel-series
    9TO5LINUX.COM
    Linux Kernel 6.18 Officially Released, Could Be the Next LTS Kernel Series - 9to5Linux
    Linux kernel 6.18 is now available for download with new features, enhanced hardware support through new and updated drivers, and more.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • KaOS Linux 2025.11 เปิดตัว รองรับ Limine Bootloader และ KDE Plasma 6.5

    เวอร์ชันใหม่ของ KaOS Linux 2025.11 ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 โดยเป็นดิสโทรอิสระที่เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ KDE และ Qt ล่าสุด รุ่นนี้ใช้ Linux Kernel 6.17 และมาพร้อมกับ KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20 ซึ่งทั้งหมดสร้างบน Qt 6.10.1 ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เดสก์ท็อปที่ทันสมัยและเสถียร

    Limine Bootloader และการปรับปรุงระบบติดตั้ง
    หนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้คือการเพิ่มการรองรับ Limine Bootloader สำหรับการติดตั้งแบบ UEFI ผ่าน Calamares installer ที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้หน้า Welcome page ถูกออกแบบใหม่ โดยไม่ต้องเปิดเว็บเบราว์เซอร์ แต่ใช้ QML Drawer เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ใช้โดยตรง

    ซอฟต์แวร์ใหม่และการอัปเดตระบบ
    KaOS Linux 2025.11 ยังมาพร้อมกับแอปใหม่ เช่น Niri (Wayland compositor แบบ scrollable-tiling), Quickshell (toolkit สำหรับสร้าง desktop shells ด้วย QtQuick), และ Noctalia Shell (minimal Wayland shell) รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์หลัก เช่น Mesa 25.2.7, PipeWire 1.4.9, systemd 257.10, GStreamer 1.26.8, OpenZFS 2.3.5, Boost 1.89.0 และอื่น ๆ อีกมากมาย

    การอัปเดตสำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน
    ผู้ใช้ที่มี KaOS อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด ISO ใหม่ แต่สามารถอัปเดตระบบได้ด้วยคำสั่ง sudo pacman -Syu เนื่องจาก KaOS ใช้โมเดล rolling release ทำให้ติดตั้งครั้งเดียวแล้วสามารถอัปเดตต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับ Arch Linux

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต KaOS Linux 2025.11
    ใช้ Linux Kernel 6.17
    มาพร้อม KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20
    เพิ่มการรองรับ Limine Bootloader ผ่าน Calamares installer

    ซอฟต์แวร์ใหม่และการปรับปรุง
    แอปใหม่: Niri, Quickshell, Noctalia Shell
    อัปเดต Mesa, PipeWire, systemd, GStreamer, OpenZFS และ Boost

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การเปลี่ยนแปลง bootloader อาจทำให้บางระบบต้องปรับแต่งเพิ่มเติม
    ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้
    การอัปเดต rolling release ต้องตรวจสอบแพ็กเกจเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

    https://9to5linux.com/kaos-linux-2025-11-adds-support-for-the-limine-bootloader-kde-plasma-6-5
    🐧 KaOS Linux 2025.11 เปิดตัว รองรับ Limine Bootloader และ KDE Plasma 6.5 เวอร์ชันใหม่ของ KaOS Linux 2025.11 ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 โดยเป็นดิสโทรอิสระที่เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ KDE และ Qt ล่าสุด รุ่นนี้ใช้ Linux Kernel 6.17 และมาพร้อมกับ KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20 ซึ่งทั้งหมดสร้างบน Qt 6.10.1 ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เดสก์ท็อปที่ทันสมัยและเสถียร 🔐 Limine Bootloader และการปรับปรุงระบบติดตั้ง หนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนี้คือการเพิ่มการรองรับ Limine Bootloader สำหรับการติดตั้งแบบ UEFI ผ่าน Calamares installer ที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้หน้า Welcome page ถูกออกแบบใหม่ โดยไม่ต้องเปิดเว็บเบราว์เซอร์ แต่ใช้ QML Drawer เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ใช้โดยตรง ⚙️ ซอฟต์แวร์ใหม่และการอัปเดตระบบ KaOS Linux 2025.11 ยังมาพร้อมกับแอปใหม่ เช่น Niri (Wayland compositor แบบ scrollable-tiling), Quickshell (toolkit สำหรับสร้าง desktop shells ด้วย QtQuick), และ Noctalia Shell (minimal Wayland shell) รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์หลัก เช่น Mesa 25.2.7, PipeWire 1.4.9, systemd 257.10, GStreamer 1.26.8, OpenZFS 2.3.5, Boost 1.89.0 และอื่น ๆ อีกมากมาย 🌐 การอัปเดตสำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน ผู้ใช้ที่มี KaOS อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด ISO ใหม่ แต่สามารถอัปเดตระบบได้ด้วยคำสั่ง sudo pacman -Syu เนื่องจาก KaOS ใช้โมเดล rolling release ทำให้ติดตั้งครั้งเดียวแล้วสามารถอัปเดตต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับ Arch Linux 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต KaOS Linux 2025.11 ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.17 ➡️ มาพร้อม KDE Plasma 6.5.3, KDE Gear 25.08.3 และ KDE Frameworks 6.20 ➡️ เพิ่มการรองรับ Limine Bootloader ผ่าน Calamares installer ✅ ซอฟต์แวร์ใหม่และการปรับปรุง ➡️ แอปใหม่: Niri, Quickshell, Noctalia Shell ➡️ อัปเดต Mesa, PipeWire, systemd, GStreamer, OpenZFS และ Boost ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การเปลี่ยนแปลง bootloader อาจทำให้บางระบบต้องปรับแต่งเพิ่มเติม ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าอาจพบปัญหาความเข้ากันได้ ⛔ การอัปเดต rolling release ต้องตรวจสอบแพ็กเกจเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง https://9to5linux.com/kaos-linux-2025-11-adds-support-for-the-limine-bootloader-kde-plasma-6-5
    9TO5LINUX.COM
    KaOS Linux 2025.11 Adds Support for the Limine Bootloader, KDE Plasma 6.5 - 9to5Linux
    KaOS Linux 2025.11 independent distribution is now available for download with the latest KDE Plasma 6.5 desktop environment.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • Armbian 25.11 เปิดตัว รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D, NanoPi M5 และ Debian Forky

    ทีมพัฒนา Armbian ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ Armbian 25.11 ซึ่งเป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ ARM โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการรองรับบอร์ดใหม่ ๆ เช่น Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 รวมถึงการปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างเสถียรและทันสมัยมากขึ้น

    การปรับปรุงระบบและซอฟต์แวร์
    Armbian 25.11 มาพร้อมกับการอัปเดตแพ็กเกจและ kernel ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการบูตและการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ ARM รุ่นใหม่ ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งและใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในงานด้าน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM
    การรองรับบอร์ดใหม่อย่าง Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 ช่วยขยายขอบเขตการใช้งานของ Armbian ให้ครอบคลุมอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานพัฒนาโปรแกรม การทดลองระบบ หรือการใช้งานจริงในองค์กร

    แนวโน้มและความปลอดภัย
    Armbian 25.11 ยังเน้นการปรับปรุงด้านความปลอดภัย โดยอัปเดตแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายและการเข้ารหัส เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าการใช้งานบนอุปกรณ์ ARM จะมีความปลอดภัยและทันสมัย รองรับการใช้งานระยะยาวในหลายสถานการณ์

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต Armbian 25.11
    รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5
    ปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด
    อัปเดต kernel และแพ็กเกจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM
    ขยายการรองรับอุปกรณ์ ARM หลากหลาย
    เหมาะสำหรับงาน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การอัปเดตอาจทำให้บางแพ็กเกจหรือระบบที่ปรับแต่งเองไม่เข้ากัน
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของบอร์ดและซอฟต์แวร์ก่อนอัปเกรด
    การใช้งานบนอุปกรณ์ใหม่อาจต้องปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เสถียร

    https://9to5linux.com/armbian-25-11-is-out-with-support-for-radxa-rock-4d-nanopi-m5-and-debian-forky
    🐧 Armbian 25.11 เปิดตัว รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D, NanoPi M5 และ Debian Forky ทีมพัฒนา Armbian ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ Armbian 25.11 ซึ่งเป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ ARM โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการรองรับบอร์ดใหม่ ๆ เช่น Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 รวมถึงการปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างเสถียรและทันสมัยมากขึ้น ⚙️ การปรับปรุงระบบและซอฟต์แวร์ Armbian 25.11 มาพร้อมกับการอัปเดตแพ็กเกจและ kernel ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการบูตและการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ ARM รุ่นใหม่ ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งและใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในงานด้าน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM การรองรับบอร์ดใหม่อย่าง Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 ช่วยขยายขอบเขตการใช้งานของ Armbian ให้ครอบคลุมอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานพัฒนาโปรแกรม การทดลองระบบ หรือการใช้งานจริงในองค์กร 🔒 แนวโน้มและความปลอดภัย Armbian 25.11 ยังเน้นการปรับปรุงด้านความปลอดภัย โดยอัปเดตแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายและการเข้ารหัส เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าการใช้งานบนอุปกรณ์ ARM จะมีความปลอดภัยและทันสมัย รองรับการใช้งานระยะยาวในหลายสถานการณ์ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต Armbian 25.11 ➡️ รองรับบอร์ดใหม่ Radxa ROCK 4D และ NanoPi M5 ➡️ ปรับปรุงให้เข้ากับ Debian Forky รุ่นล่าสุด ➡️ อัปเดต kernel และแพ็กเกจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ความสำคัญต่อผู้ใช้ ARM ➡️ ขยายการรองรับอุปกรณ์ ARM หลากหลาย ➡️ เหมาะสำหรับงาน IoT และเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การอัปเดตอาจทำให้บางแพ็กเกจหรือระบบที่ปรับแต่งเองไม่เข้ากัน ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของบอร์ดและซอฟต์แวร์ก่อนอัปเกรด ⛔ การใช้งานบนอุปกรณ์ใหม่อาจต้องปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เสถียร https://9to5linux.com/armbian-25-11-is-out-with-support-for-radxa-rock-4d-nanopi-m5-and-debian-forky
    9TO5LINUX.COM
    Armbian 25.11 Is Out with Support for Radxa ROCK 4D, NanoPi M5, and Debian Forky - 9to5Linux
    Armbian 25.11 Linux distribution based on Debian and designed for ARM devices is now available for download with support for new boards.
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • NixOS 25.11 เปิดตัวพร้อม GNOME 49, COSMIC Beta และ FirewallD เพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ Linux

    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 ทีมพัฒนา NixOS ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ NixOS 25.11 (โค้ดเนม Xantusia) โดยใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการรองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการปรับแต่งสภาพแวดล้อมการทำงาน

    FirewallD และการจัดการระบบที่ทันสมัย
    เวอร์ชันนี้เพิ่มการรองรับ FirewallD ซึ่งสามารถทำงานเป็นบริการแยก หรือใช้เป็น backend ของระบบ firewall เดิมใน NixOS ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ rEFInd boot manager สำหรับระบบ UEFI และ Secure Boot กับ Limine bootloader เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบูตเครื่อง

    เครื่องมือใหม่และการอัปเดตซอฟต์แวร์
    NixOS 25.11 มาพร้อมกับ nixos-rebuild-ng ที่เขียนใหม่ด้วย Python เพื่อปรับปรุงการจัดการระบบ และ nixos-init ที่ใช้ Rust ทำให้การสร้าง initrd ไม่ต้องพึ่ง interpreter อีกต่อไป รวมถึงการอัปเดต toolchain เช่น LLVM 21, GCC 14 และ CMake 4 พร้อมกับซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17

    การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ และแนวโน้ม
    ทีมพัฒนาได้ถอดซอฟต์แวร์ที่ยังใช้ Qt5 ออก เช่น KDE Gear และ Plasma รุ่นเก่า เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปยัง KDE Plasma 6 และ KDE Gear 25.08 นอกจากนี้ NetworkManager จะไม่ติดตั้งปลั๊กอิน VPN มาโดยค่าเริ่มต้นอีกต่อไป ผู้ใช้ต้องกำหนดเอง ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต NixOS 25.11
    ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS
    รองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta
    เพิ่ม FirewallD, rEFInd และ Secure Boot

    เครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่
    nixos-rebuild-ng เขียนใหม่ด้วย Python
    nixos-init เขียนด้วย Rust
    อัปเดต LLVM 21, GCC 14, CMake 4, Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Qt5-based KDE Gear และ Plasma ถูกถอดออก ต้องย้ายไป Plasma 6
    NetworkManager ไม่ติดตั้ง VPN plugins โดยค่าเริ่มต้น ต้องกำหนดเอง
    การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าเจอปัญหาความเข้ากันได้

    https://9to5linux.com/nixos-25-11-released-with-gnome-49-cosmic-beta-and-firewalld-support
    🐧 NixOS 25.11 เปิดตัวพร้อม GNOME 49, COSMIC Beta และ FirewallD เพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ Linux เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 ทีมพัฒนา NixOS ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ NixOS 25.11 (โค้ดเนม Xantusia) โดยใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการรองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการปรับแต่งสภาพแวดล้อมการทำงาน 🔐 FirewallD และการจัดการระบบที่ทันสมัย เวอร์ชันนี้เพิ่มการรองรับ FirewallD ซึ่งสามารถทำงานเป็นบริการแยก หรือใช้เป็น backend ของระบบ firewall เดิมใน NixOS ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ rEFInd boot manager สำหรับระบบ UEFI และ Secure Boot กับ Limine bootloader เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบูตเครื่อง ⚙️ เครื่องมือใหม่และการอัปเดตซอฟต์แวร์ NixOS 25.11 มาพร้อมกับ nixos-rebuild-ng ที่เขียนใหม่ด้วย Python เพื่อปรับปรุงการจัดการระบบ และ nixos-init ที่ใช้ Rust ทำให้การสร้าง initrd ไม่ต้องพึ่ง interpreter อีกต่อไป รวมถึงการอัปเดต toolchain เช่น LLVM 21, GCC 14 และ CMake 4 พร้อมกับซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17 🌐 การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ และแนวโน้ม ทีมพัฒนาได้ถอดซอฟต์แวร์ที่ยังใช้ Qt5 ออก เช่น KDE Gear และ Plasma รุ่นเก่า เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปยัง KDE Plasma 6 และ KDE Gear 25.08 นอกจากนี้ NetworkManager จะไม่ติดตั้งปลั๊กอิน VPN มาโดยค่าเริ่มต้นอีกต่อไป ผู้ใช้ต้องกำหนดเอง ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต NixOS 25.11 ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ รองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ➡️ เพิ่ม FirewallD, rEFInd และ Secure Boot ✅ เครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่ ➡️ nixos-rebuild-ng เขียนใหม่ด้วย Python ➡️ nixos-init เขียนด้วย Rust ➡️ อัปเดต LLVM 21, GCC 14, CMake 4, Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Qt5-based KDE Gear และ Plasma ถูกถอดออก ต้องย้ายไป Plasma 6 ⛔ NetworkManager ไม่ติดตั้ง VPN plugins โดยค่าเริ่มต้น ต้องกำหนดเอง ⛔ การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าเจอปัญหาความเข้ากันได้ https://9to5linux.com/nixos-25-11-released-with-gnome-49-cosmic-beta-and-firewalld-support
    9TO5LINUX.COM
    NixOS 25.11 Released with GNOME 49, COSMIC Beta, and FirewallD Support - 9to5Linux
    NixOS 25.11 independent distribution is now available for download with Linux 6.12 LTS, GNOME 49, and more.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix และ CastleLoader โจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ กว่า 469 เครื่อง

    รายงานล่าสุดเผยว่า TAG-150 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service (MaaS) ได้เริ่มกิจกรรมตั้งแต่ต้นปี 2025 และสามารถโจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ ได้มากกว่า 469 เครื่องภายในเวลาไม่กี่เดือน กลุ่มนี้ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนเพื่อรองรับการโจมตีในวงกว้าง โดยเน้นเป้าหมายไปที่ผู้ใช้งานทั่วไปในสหรัฐอเมริกา

    เทคนิค ClickFix: หลอกให้เหยื่อ “แฮกตัวเอง”
    TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix ซึ่งไม่เน้นการเจาะระบบด้วยช่องโหว่ แต่ใช้การหลอกล่อเหยื่อแทน โดยสร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริง เช่น Google Meet หรือหน้าการอัปเดตเบราว์เซอร์ เมื่อผู้ใช้คลิก “ขั้นตอนการยืนยัน” ปลอม ระบบจะคัดลอกคำสั่ง PowerShell อันตรายไปยังคลิปบอร์ด และผู้ใช้ถูกหลอกให้วางและรันคำสั่งนั้นเอง ทำให้มัลแวร์ถูกติดตั้งโดยตรง

    CastleLoader และ CastleRAT: เครื่องมือโจมตีแบบแยกชั้น
    เมื่อเหยื่อรันคำสั่ง มัลแวร์ CastleLoader จะถูกติดตั้งเป็นตัวโหลดหลัก โดยใช้เทคนิคการซ่อนโค้ดและการบีบอัดเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นจะปล่อย CastleRAT ซึ่งเป็น payload หลักที่สามารถควบคุมเครื่องเหยื่อได้เต็มรูปแบบ เช่น การบันทึกคีย์บอร์ด การจับภาพหน้าจอ และการเข้าถึง shell ระยะไกล

    PyNightShade: เวอร์ชันลับที่ตรวจจับยาก
    นอกจากนี้ TAG-150 ยังพัฒนา PyNightShade ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่เขียนด้วย Python และออกแบบมาให้ตรวจจับได้ยากมาก โดยมันจะสื่อสารกับบริการ geolocation จริงอย่าง ip-api[.]com เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของเหยื่อก่อนเริ่มโจมตีเต็มรูปแบบ ทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจสอบ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการโจมตี TAG-150
    ใช้เทคนิค ClickFix หลอกผู้ใช้ให้รันคำสั่งเอง
    CastleLoader เป็นตัวโหลดหลัก ปล่อย CastleRAT ควบคุมเครื่อง
    PyNightShade RAT ตรวจจับได้ยากและใช้ geolocation จริง

    ผลกระทบและเป้าหมาย
    โจมตีอุปกรณ์กว่า 469 เครื่องในสหรัฐฯ
    มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริงอาจทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อ
    การคัดลอกและรันคำสั่งจากคลิปบอร์ดเป็นช่องทางติดมัลแวร์
    RAT สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล

    https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices/
    🕵️‍♀️ กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix และ CastleLoader โจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ กว่า 469 เครื่อง รายงานล่าสุดเผยว่า TAG-150 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Malware-as-a-Service (MaaS) ได้เริ่มกิจกรรมตั้งแต่ต้นปี 2025 และสามารถโจมตีอุปกรณ์ในสหรัฐฯ ได้มากกว่า 469 เครื่องภายในเวลาไม่กี่เดือน กลุ่มนี้ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนเพื่อรองรับการโจมตีในวงกว้าง โดยเน้นเป้าหมายไปที่ผู้ใช้งานทั่วไปในสหรัฐอเมริกา 💻 เทคนิค ClickFix: หลอกให้เหยื่อ “แฮกตัวเอง” TAG-150 ใช้เทคนิค ClickFix ซึ่งไม่เน้นการเจาะระบบด้วยช่องโหว่ แต่ใช้การหลอกล่อเหยื่อแทน โดยสร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริง เช่น Google Meet หรือหน้าการอัปเดตเบราว์เซอร์ เมื่อผู้ใช้คลิก “ขั้นตอนการยืนยัน” ปลอม ระบบจะคัดลอกคำสั่ง PowerShell อันตรายไปยังคลิปบอร์ด และผู้ใช้ถูกหลอกให้วางและรันคำสั่งนั้นเอง ทำให้มัลแวร์ถูกติดตั้งโดยตรง 🧩 CastleLoader และ CastleRAT: เครื่องมือโจมตีแบบแยกชั้น เมื่อเหยื่อรันคำสั่ง มัลแวร์ CastleLoader จะถูกติดตั้งเป็นตัวโหลดหลัก โดยใช้เทคนิคการซ่อนโค้ดและการบีบอัดเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นจะปล่อย CastleRAT ซึ่งเป็น payload หลักที่สามารถควบคุมเครื่องเหยื่อได้เต็มรูปแบบ เช่น การบันทึกคีย์บอร์ด การจับภาพหน้าจอ และการเข้าถึง shell ระยะไกล 🌐 PyNightShade: เวอร์ชันลับที่ตรวจจับยาก นอกจากนี้ TAG-150 ยังพัฒนา PyNightShade ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่เขียนด้วย Python และออกแบบมาให้ตรวจจับได้ยากมาก โดยมันจะสื่อสารกับบริการ geolocation จริงอย่าง ip-api[.]com เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของเหยื่อก่อนเริ่มโจมตีเต็มรูปแบบ ทำให้การโจมตีมีความแม่นยำและยากต่อการตรวจสอบ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการโจมตี TAG-150 ➡️ ใช้เทคนิค ClickFix หลอกผู้ใช้ให้รันคำสั่งเอง ➡️ CastleLoader เป็นตัวโหลดหลัก ปล่อย CastleRAT ควบคุมเครื่อง ➡️ PyNightShade RAT ตรวจจับได้ยากและใช้ geolocation จริง ✅ ผลกระทบและเป้าหมาย ➡️ โจมตีอุปกรณ์กว่า 469 เครื่องในสหรัฐฯ ➡️ มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบบริการจริงอาจทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อ ⛔ การคัดลอกและรันคำสั่งจากคลิปบอร์ดเป็นช่องทางติดมัลแวร์ ⛔ RAT สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล https://securityonline.info/new-maas-operator-tag-150-uses-clickfix-lure-and-custom-castleloader-to-compromise-469-us-devices/
    SECURITYONLINE.INFO
    New MaaS Operator TAG-150 Uses ClickFix Lure and Custom CastleLoader to Compromise 469 US Devices
    Darktrace exposed TAG-150, a new MaaS operator compromising 469+ US devices in months. The group uses ClickFix to trick victims into running malicious PowerShell that deploys the CastleLoader/CastleRAT backdoor.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • Operation Hanoi Thief: การโจมตีผ่านไฟล์เรซูเม่ปลอม

    แคมเปญไซเบอร์สอดแนมใหม่ที่ถูกเรียกว่า Operation Hanoi Thief กำลังแพร่กระจายไปยังภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม โดยใช้ อีเมลฟิชชิ่ง ที่แนบไฟล์ ZIP ซึ่งภายในมีเรซูเม่ปลอมของผู้สมัครงานชื่อ “Le Xuan Son” และไฟล์ LNK ที่ซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ การโจมตีนี้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 โดยทีม SEQRITE Labs และถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือผ่าน GitHub โปรไฟล์ปลอมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2021

    เทคนิค Pseudo-Polyglot และการซ่อนโค้ด
    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้โดดเด่นคือการใช้ ไฟล์ pseudo-polyglot ซึ่งสามารถทำงานได้หลายรูปแบบในไฟล์เดียว เช่น ภาพ PNG ที่ดูเหมือนเรซูเม่ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนทั้ง PDF และสคริปต์ batch ไว้พร้อมกัน เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ LNK ระบบจะเรียกใช้ ftp.exe เพื่อดึงคำสั่งที่ซ่อนอยู่และถอดรหัสเป็น DLL อันตรายชื่อ MsCtfMonitor.dll ซึ่งเป็นตัวหลักของมัลแวร์ LOTUSHARVEST

    LOTUSHARVEST: ตัวขโมยข้อมูลที่แฝงตัว
    มัลแวร์ LOTUSHARVEST ใช้เทคนิค DLL sideloading โดยอาศัยโปรแกรมที่ถูกต้องอย่าง ctfmon.exe เพื่อโหลด DLL ปลอมเข้ามา เมื่อทำงานแล้ว มัลแวร์จะขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ 20 รายการล่าสุด และรหัสผ่านที่เก็บไว้ในเบราว์เซอร์ Chrome และ Edge ก่อนส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้โจมตีควบคุม

    แนวโน้มการโจมตี DLL Sideloading และ Polyglot
    การใช้ DLL sideloading ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังถูกใช้มากขึ้นในปี 2025 โดยกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น LockBit และ APT จากจีน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ขณะเดียวกันเทคนิค polyglot file ก็ถูกใช้แพร่หลายในการซ่อนโค้ดในไฟล์รูปภาพหรือเอกสาร ทำให้การตรวจจับด้วยวิธีดั้งเดิมยากขึ้น องค์กรต่าง ๆ จึงต้องพัฒนาเครื่องมือที่ตรวจสอบทั้งพฤติกรรมและโครงสร้างไฟล์อย่างละเอียด

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการโจมตี Operation Hanoi Thief
    ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีเรซูเม่ปลอมและไฟล์ LNK
    ใช้เทคนิค pseudo-polyglot ซ่อนโค้ดในไฟล์ PNG
    โหลด DLL อันตราย LOTUSHARVEST ผ่าน DLL sideloading

    เป้าหมายและผลกระทบ
    มุ่งโจมตีภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม
    ขโมยข้อมูลรหัสผ่านและประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    ไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารหรือภาพ อาจซ่อนโค้ดอันตราย
    DLL sideloading สามารถทำให้มัลแวร์รันโดยไม่ถูกตรวจจับ
    การโจมตีลักษณะนี้อาจแพร่ไปยังองค์กรในภูมิภาคอื่น

    https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading/
    🕵️‍♂️ Operation Hanoi Thief: การโจมตีผ่านไฟล์เรซูเม่ปลอม แคมเปญไซเบอร์สอดแนมใหม่ที่ถูกเรียกว่า Operation Hanoi Thief กำลังแพร่กระจายไปยังภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม โดยใช้ อีเมลฟิชชิ่ง ที่แนบไฟล์ ZIP ซึ่งภายในมีเรซูเม่ปลอมของผู้สมัครงานชื่อ “Le Xuan Son” และไฟล์ LNK ที่ซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ การโจมตีนี้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 โดยทีม SEQRITE Labs และถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือผ่าน GitHub โปรไฟล์ปลอมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2021 💻 เทคนิค Pseudo-Polyglot และการซ่อนโค้ด สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้โดดเด่นคือการใช้ ไฟล์ pseudo-polyglot ซึ่งสามารถทำงานได้หลายรูปแบบในไฟล์เดียว เช่น ภาพ PNG ที่ดูเหมือนเรซูเม่ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนทั้ง PDF และสคริปต์ batch ไว้พร้อมกัน เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ LNK ระบบจะเรียกใช้ ftp.exe เพื่อดึงคำสั่งที่ซ่อนอยู่และถอดรหัสเป็น DLL อันตรายชื่อ MsCtfMonitor.dll ซึ่งเป็นตัวหลักของมัลแวร์ LOTUSHARVEST 🔓 LOTUSHARVEST: ตัวขโมยข้อมูลที่แฝงตัว มัลแวร์ LOTUSHARVEST ใช้เทคนิค DLL sideloading โดยอาศัยโปรแกรมที่ถูกต้องอย่าง ctfmon.exe เพื่อโหลด DLL ปลอมเข้ามา เมื่อทำงานแล้ว มัลแวร์จะขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ 20 รายการล่าสุด และรหัสผ่านที่เก็บไว้ในเบราว์เซอร์ Chrome และ Edge ก่อนส่งออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้โจมตีควบคุม 🌐 แนวโน้มการโจมตี DLL Sideloading และ Polyglot การใช้ DLL sideloading ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังถูกใช้มากขึ้นในปี 2025 โดยกลุ่มแฮกเกอร์หลายกลุ่ม เช่น LockBit และ APT จากจีน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ขณะเดียวกันเทคนิค polyglot file ก็ถูกใช้แพร่หลายในการซ่อนโค้ดในไฟล์รูปภาพหรือเอกสาร ทำให้การตรวจจับด้วยวิธีดั้งเดิมยากขึ้น องค์กรต่าง ๆ จึงต้องพัฒนาเครื่องมือที่ตรวจสอบทั้งพฤติกรรมและโครงสร้างไฟล์อย่างละเอียด 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการโจมตี Operation Hanoi Thief ➡️ ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีเรซูเม่ปลอมและไฟล์ LNK ➡️ ใช้เทคนิค pseudo-polyglot ซ่อนโค้ดในไฟล์ PNG ➡️ โหลด DLL อันตราย LOTUSHARVEST ผ่าน DLL sideloading ✅ เป้าหมายและผลกระทบ ➡️ มุ่งโจมตีภาคเทคโนโลยีและการสรรหาบุคลากรในเวียดนาม ➡️ ขโมยข้อมูลรหัสผ่านและประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ ไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารหรือภาพ อาจซ่อนโค้ดอันตราย ⛔ DLL sideloading สามารถทำให้มัลแวร์รันโดยไม่ถูกตรวจจับ ⛔ การโจมตีลักษณะนี้อาจแพร่ไปยังองค์กรในภูมิภาคอื่น https://securityonline.info/operation-hanoi-thief-hackers-use-pseudo-polyglot-lnk-image-to-deploy-lotusharvest-stealer-via-dll-sideloading/
    SECURITYONLINE.INFO
    Operation Hanoi Thief: Hackers Use 'Pseudo-Polyglot' LNK/Image to Deploy LOTUSHARVEST Stealer via DLL Sideloading
    Operation Hanoi Thief targets Vietnam with a pseudo-polyglot LNK/image file that executes malicious code via ftp.exe. The attack deploys LOTUSHARVEST stealer via DLL sideloading to steal Chrome/Edge credentials.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • EP 94
    ดู DELTA เป็น indicator แล้ววิเคราะห์
    EP 94 ดู DELTA เป็น indicator แล้ววิเคราะห์
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 0 Reviews
  • BIOS 2000W ของ ASUS RTX 5090 รั่วไหล

    มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Overclock เผยแพร่ BIOS รุ่นพิเศษที่เดิมทีสร้างขึ้นสำหรับ ASUS GeForce Astral RTX 5090 D ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว BIOS นี้ปลดล็อกเพดานพลังงานสูงสุดถึง 2002W แม้การ์ดจริงจะไม่สามารถดึงพลังงานได้มากขนาดนั้น แต่ก็มีรายงานว่า RTX 5090 รุ่นปกติสามารถดึงไฟได้ถึง 1000W เมื่อแฟลช BIOS ดังกล่าว

    ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ
    ผู้ใช้ที่ทดลองแฟลช BIOS บน Gigabyte RTX 5090 สามารถทำคะแนนได้กว่า 18,173 คะแนนใน 3DMark Steel Nomad DX12 ซึ่งติดอันดับ Top 25 ของโลก ขณะที่ YouTuber ชื่อดัง Jayztwocents ก็เคยทดสอบและได้คะแนนใกล้เคียงกันที่ 18,186 คะแนน โดยประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องแลกกับการใช้พลังงานสูงถึง 900W

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    แม้จะเพิ่ม FPS ได้ 10–20 เฟรม แต่การดันพลังงานสูงเกินไปทำให้ สายไฟและคอนเน็กเตอร์เสี่ยงต่อการหลอมละลาย ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟไหม้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่ายมาก ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแม้ BIOS 800W ของ ASUS Matrix ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว การใช้งาน BIOS 2000W จึงเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    BIOS ASUS RTX 5090 XOC 2000W ถูกเผยแพร่ในฟอรั่ม Overclock
    เดิมที BIOS นี้สร้างขึ้นสำหรับรุ่น Astral RTX 5090 D ที่ถูกยกเลิก
    ผู้ใช้แฟลชแล้วทำคะแนน 3DMark Steel Nomad DX12 ได้กว่า 18,000 คะแนน

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    Jayztwocents เคยทดสอบ BIOS นี้และได้คะแนนใกล้เคียง Top 20 ของโลก
    ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องใช้พลังงานสูงถึง 900W–1000W

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การใช้ BIOS 2000W เสี่ยงต่อการหลอมละลายของสายไฟและคอนเน็กเตอร์
    อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไฟไหม้ได้ง่าย
    แม้ BIOS 800W ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว

    https://wccftech.com/asus-rtx-5090-2000w-xoc-bios-leaked/
    ⚡ BIOS 2000W ของ ASUS RTX 5090 รั่วไหล มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Overclock เผยแพร่ BIOS รุ่นพิเศษที่เดิมทีสร้างขึ้นสำหรับ ASUS GeForce Astral RTX 5090 D ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว BIOS นี้ปลดล็อกเพดานพลังงานสูงสุดถึง 2002W แม้การ์ดจริงจะไม่สามารถดึงพลังงานได้มากขนาดนั้น แต่ก็มีรายงานว่า RTX 5090 รุ่นปกติสามารถดึงไฟได้ถึง 1000W เมื่อแฟลช BIOS ดังกล่าว 🖥️ ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ ผู้ใช้ที่ทดลองแฟลช BIOS บน Gigabyte RTX 5090 สามารถทำคะแนนได้กว่า 18,173 คะแนนใน 3DMark Steel Nomad DX12 ซึ่งติดอันดับ Top 25 ของโลก ขณะที่ YouTuber ชื่อดัง Jayztwocents ก็เคยทดสอบและได้คะแนนใกล้เคียงกันที่ 18,186 คะแนน โดยประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องแลกกับการใช้พลังงานสูงถึง 900W 🔥 ความเสี่ยงและคำเตือน แม้จะเพิ่ม FPS ได้ 10–20 เฟรม แต่การดันพลังงานสูงเกินไปทำให้ สายไฟและคอนเน็กเตอร์เสี่ยงต่อการหลอมละลาย ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟไหม้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่ายมาก ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแม้ BIOS 800W ของ ASUS Matrix ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว การใช้งาน BIOS 2000W จึงเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ BIOS ASUS RTX 5090 XOC 2000W ถูกเผยแพร่ในฟอรั่ม Overclock ➡️ เดิมที BIOS นี้สร้างขึ้นสำหรับรุ่น Astral RTX 5090 D ที่ถูกยกเลิก ➡️ ผู้ใช้แฟลชแล้วทำคะแนน 3DMark Steel Nomad DX12 ได้กว่า 18,000 คะแนน ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ Jayztwocents เคยทดสอบ BIOS นี้และได้คะแนนใกล้เคียง Top 20 ของโลก ➡️ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 10% แต่ต้องใช้พลังงานสูงถึง 900W–1000W ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การใช้ BIOS 2000W เสี่ยงต่อการหลอมละลายของสายไฟและคอนเน็กเตอร์ ⛔ อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไฟไหม้ได้ง่าย ⛔ แม้ BIOS 800W ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับการ์ดส่วนใหญ่แล้ว https://wccftech.com/asus-rtx-5090-2000w-xoc-bios-leaked/
    WCCFTECH.COM
    ASUS RTX 5090 2000W XOC BIOS Leaked; Use At Your Own Risk
    A user on the Overclock forums have uploaded the ASUS RTX 5090 2000W XOC BIOS, which unlocks inane power limit for the RTX 5090.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • ข่าว: Intel อาจกลับมาผลิตชิปให้ Apple

    รายงานล่าสุดเผยว่า Apple ได้ลงนาม NDA กับ Intel และเริ่มทดสอบ PDK (Process Design Kit) ของกระบวนการผลิต 18A โดยผลการจำลองใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทำให้ Apple อาจเลือก Intel เป็น ผู้ผลิตสำรอง (second source) สำหรับชิป M-series รุ่นเริ่มต้น เช่น MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี

    ความหมายต่อ Intel และอุตสาหกรรม
    นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังจากถูกแทนที่โดย TSMC ในปี 2020 หากสำเร็จ Intel จะได้ลูกค้ารายใหญ่ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิต 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่บริษัทพยายามผลักดันให้เป็น แพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก การมี Apple เป็นลูกค้าจะช่วยให้ Intel มีจุดยืนแข็งแกร่งขึ้นในการแข่งขันกับ TSMC และ Samsung

    บริบทการแข่งขันและความเสี่ยง
    แม้การทดสอบจะเป็นไปตามแผน แต่ Intel ต้องพิสูจน์ว่า 18A สามารถผลิตได้ในปริมาณมากและมี yield ที่เสถียร ก่อนปี 2027 หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในโรงงานและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น

    มุมมองจากตลาดโลก
    การที่ Appleพิจารณา Intel เป็นผู้ผลิตสำรองสะท้อนถึง กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว และสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ หาก Intel สามารถผลิตชิป M-series ได้จริง จะเป็นการเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนและลดความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    Apple ลงนาม NDA กับ Intel เพื่อทดสอบกระบวนการผลิต 18A
    คาดว่า Intel จะเริ่มผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นได้ในปี 2027
    ถือเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังปี 2020

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    MacBook Air และ iPad Pro มียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี
    Intel พยายามผลักดัน 18A ให้เป็นแพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก
    Apple ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐฯ

    คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม
    Intel ต้องพิสูจน์ yield และความเสถียรของ 18A ก่อนปี 2027
    หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป
    การลงทุนขนาดใหญ่มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-moves-closer-to-building-apples-entry-level-m-series-chips-on-18a
    🍏 ข่าว: Intel อาจกลับมาผลิตชิปให้ Apple รายงานล่าสุดเผยว่า Apple ได้ลงนาม NDA กับ Intel และเริ่มทดสอบ PDK (Process Design Kit) ของกระบวนการผลิต 18A โดยผลการจำลองใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทำให้ Apple อาจเลือก Intel เป็น ผู้ผลิตสำรอง (second source) สำหรับชิป M-series รุ่นเริ่มต้น เช่น MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี 🏭 ความหมายต่อ Intel และอุตสาหกรรม นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังจากถูกแทนที่โดย TSMC ในปี 2020 หากสำเร็จ Intel จะได้ลูกค้ารายใหญ่ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิต 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่บริษัทพยายามผลักดันให้เป็น แพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก การมี Apple เป็นลูกค้าจะช่วยให้ Intel มีจุดยืนแข็งแกร่งขึ้นในการแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ⚡ บริบทการแข่งขันและความเสี่ยง แม้การทดสอบจะเป็นไปตามแผน แต่ Intel ต้องพิสูจน์ว่า 18A สามารถผลิตได้ในปริมาณมากและมี yield ที่เสถียร ก่อนปี 2027 หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในโรงงานและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น 🌍 มุมมองจากตลาดโลก การที่ Appleพิจารณา Intel เป็นผู้ผลิตสำรองสะท้อนถึง กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว และสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ หาก Intel สามารถผลิตชิป M-series ได้จริง จะเป็นการเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนและลดความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ Apple ลงนาม NDA กับ Intel เพื่อทดสอบกระบวนการผลิต 18A ➡️ คาดว่า Intel จะเริ่มผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นได้ในปี 2027 ➡️ ถือเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังปี 2020 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ MacBook Air และ iPad Pro มียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี ➡️ Intel พยายามผลักดัน 18A ให้เป็นแพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก ➡️ Apple ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม ⛔ Intel ต้องพิสูจน์ yield และความเสถียรของ 18A ก่อนปี 2027 ⛔ หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป ⛔ การลงทุนขนาดใหญ่มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-moves-closer-to-building-apples-entry-level-m-series-chips-on-18a
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ข่าว: Micron ลงทุนสร้างโรงงาน HBM ในญี่ปุ่น

    Micron วางแผนขยายโรงงานที่ฮิโรชิมาเพื่อสร้างโรงงานผลิต High-Bandwidth Memory (HBM) โดยใช้งบลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านเยน (9.6 พันล้านดอลลาร์) การก่อสร้างจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ในปี 2028

    การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น
    กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) คาดว่าจะสนับสนุนเงินอุดหนุนสูงสุดถึง 500 พันล้านเยน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ญี่ปุ่นใช้กับโครงการของ TSMC และ Rapidus ที่ได้รับการสนับสนุนเช่นกัน

    บริบทการแข่งขันในตลาด HBM
    ตลาด HBM กำลังเป็นหัวใจสำคัญของซัพพลายเชน AI โดย SK hynix ครองตลาดหลักและส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026 ขณะที่ Samsung กำลังเร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น ส่วน Micron เองก็มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดไปถึง 20% การสร้างโรงงานใหม่ในญี่ปุ่นจะช่วยเพิ่มศักยภาพและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

    ความสำคัญต่ออนาคต AI
    โรงงานใหม่นี้จะตรงกับช่วงที่ GPU รุ่นถัดไป (HBM4/HBM4E) เริ่มเข้าสู่ตลาด ซึ่งต้องการหน่วยความจำที่มีความเร็วและความหนาแน่นสูงขึ้น หาก Micron สามารถผลิตได้ตามแผนในปี 2028 จะช่วยให้บริษัทมีบทบาทสำคัญในตลาด AI accelerators ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    Micron ลงทุน 9.6 พันล้านดอลลาร์สร้างโรงงาน HBM ที่ฮิโรชิมา
    เริ่มก่อสร้างปีหน้า และคาดว่าจะผลิตได้ในปี 2028

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    SK hynix ครองตลาด HBM และส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026
    Samsung เร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น
    Micron มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดถึง 20%

    คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม
    ความต้องการ HBM สูงมาก อาจทำให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่ง
    การแข่งขันระหว่าง SK hynix, Samsung และ Micron อาจทำให้ตลาดผันผวน
    ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน อาจกระทบซัพพลายเชน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/micron-plans-hbm-fab-in-japan-as-ai-memory-race-accelerates
    🏭 ข่าว: Micron ลงทุนสร้างโรงงาน HBM ในญี่ปุ่น Micron วางแผนขยายโรงงานที่ฮิโรชิมาเพื่อสร้างโรงงานผลิต High-Bandwidth Memory (HBM) โดยใช้งบลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านเยน (9.6 พันล้านดอลลาร์) การก่อสร้างจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ในปี 2028 💰 การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) คาดว่าจะสนับสนุนเงินอุดหนุนสูงสุดถึง 500 พันล้านเยน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ญี่ปุ่นใช้กับโครงการของ TSMC และ Rapidus ที่ได้รับการสนับสนุนเช่นกัน ⚡ บริบทการแข่งขันในตลาด HBM ตลาด HBM กำลังเป็นหัวใจสำคัญของซัพพลายเชน AI โดย SK hynix ครองตลาดหลักและส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026 ขณะที่ Samsung กำลังเร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น ส่วน Micron เองก็มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดไปถึง 20% การสร้างโรงงานใหม่ในญี่ปุ่นจะช่วยเพิ่มศักยภาพและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ 🚀 ความสำคัญต่ออนาคต AI โรงงานใหม่นี้จะตรงกับช่วงที่ GPU รุ่นถัดไป (HBM4/HBM4E) เริ่มเข้าสู่ตลาด ซึ่งต้องการหน่วยความจำที่มีความเร็วและความหนาแน่นสูงขึ้น หาก Micron สามารถผลิตได้ตามแผนในปี 2028 จะช่วยให้บริษัทมีบทบาทสำคัญในตลาด AI accelerators ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ Micron ลงทุน 9.6 พันล้านดอลลาร์สร้างโรงงาน HBM ที่ฮิโรชิมา ➡️ เริ่มก่อสร้างปีหน้า และคาดว่าจะผลิตได้ในปี 2028 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ SK hynix ครองตลาด HBM และส่งออกให้ Nvidia จนถึงปี 2026 ➡️ Samsung เร่งพัฒนา HBM3E แบบ 12 ชั้น ➡️ Micron มีสัญญาซัพพลายกับ Nvidia และ AMD และกำลังขยายส่วนแบ่งตลาดถึง 20% ‼️ คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม ⛔ ความต้องการ HBM สูงมาก อาจทำให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่ง ⛔ การแข่งขันระหว่าง SK hynix, Samsung และ Micron อาจทำให้ตลาดผันผวน ⛔ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน อาจกระทบซัพพลายเชน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/micron-plans-hbm-fab-in-japan-as-ai-memory-race-accelerates
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Micron plans $9.6 billion HBM fab in Japan as AI memory race accelerates
    U.S. chipmaker set to expand Hiroshima site with heavy support from Tokyo.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกอิน

    ข่าวนี้เล่าถึงบั๊กจาก Windows Update ที่ทำให้ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกอิน แต่ผู้ใช้ยังสามารถคลิกที่ช่องว่างเพื่อใส่รหัสผ่านได้ตามปกติ

    Microsoft ยอมรับว่าการอัปเดต KB5064081 ใน Windows 11 Preview มีปัญหาที่ทำให้ ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าจอล็อกอิน แม้ปุ่มจะไม่แสดง แต่ผู้ใช้ยังสามารถคลิกที่ตำแหน่งเดิมเพื่อเปิดช่องกรอกรหัสผ่านได้ตามปกติ ปัญหานี้เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่ม Windows Insider ที่ใช้เวอร์ชันทดลองเท่านั้น

    ผลกระทบและการแก้ไข
    แม้จะไม่ใช่ปัญหาด้านความปลอดภัย แต่บั๊กนี้สร้างความสับสนให้ผู้ใช้ที่ลืม PIN ของ Windows Hello และต้องการเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่าน Microsoft ระบุว่ากำลังทำงานเพื่อแก้ไขและจะปล่อยข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคต ปัญหาลักษณะนี้สะท้อนว่า การอัปเดต Windows อาจแก้บั๊กหนึ่ง แต่สร้างบั๊กใหม่ขึ้นมา

    สาระเพิ่มเติมจาก Internet
    ก่อนหน้านี้ Microsoft เคยปล่อยอัปเดตที่ทำให้ คีย์บอร์ดและเมาส์ไม่ทำงานใน Windows Recovery Environment และยังมีกรณีที่ Media Creation Tool เสียหาย ก่อนวันสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 นอกจากนี้ Nvidia ก็เคยต้องออก ไดรเวอร์ฉุกเฉิน หลังอัปเดต Windows 11 ทำให้เกมบางเกมประสิทธิภาพลดลงถึง 50% สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าผู้ใช้ควรระวังการอัปเดตที่ยังอยู่ในสถานะ Preview หรือเพิ่งปล่อยใหม่

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    Windows Update KB5064081 ทำให้ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกอิน
    ผู้ใช้ยังสามารถคลิกที่ช่องว่างเพื่อใส่รหัสผ่านได้ตามปกติ
    ปัญหานี้เกิดเฉพาะใน Windows Insider Preview

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    Microsoft เคยปล่อยอัปเดตที่ทำให้คีย์บอร์ดและเมาส์ไม่ทำงานใน Recovery Environment
    Media Creation Tool เคยเสียหายก่อน Windows 10 หมดอายุการสนับสนุน
    Nvidia เคยออกไดรเวอร์ฉุกเฉินหลังอัปเดต Windows 11 ทำให้เกมบางเกมประสิทธิภาพลดลง

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Windows
    การอัปเดต Preview อาจมีบั๊กที่สร้างความสับสนหรือทำให้เครื่องทำงานผิดปกติ
    ควรสำรองข้อมูลและตรวจสอบเวอร์ชันก่อนติดตั้งอัปเดตใหม่
    ผู้ใช้ทั่วไปควรรอเวอร์ชัน Stable แทนการใช้ Preview เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-update-makes-sign-in-password-icon-invisible-microsoft-says-you-can-still-click-on-empty-space-to-enter-your-password
    🔐 ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกอิน ข่าวนี้เล่าถึงบั๊กจาก Windows Update ที่ทำให้ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกอิน แต่ผู้ใช้ยังสามารถคลิกที่ช่องว่างเพื่อใส่รหัสผ่านได้ตามปกติ Microsoft ยอมรับว่าการอัปเดต KB5064081 ใน Windows 11 Preview มีปัญหาที่ทำให้ ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าจอล็อกอิน แม้ปุ่มจะไม่แสดง แต่ผู้ใช้ยังสามารถคลิกที่ตำแหน่งเดิมเพื่อเปิดช่องกรอกรหัสผ่านได้ตามปกติ ปัญหานี้เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่ม Windows Insider ที่ใช้เวอร์ชันทดลองเท่านั้น 🛠️ ผลกระทบและการแก้ไข แม้จะไม่ใช่ปัญหาด้านความปลอดภัย แต่บั๊กนี้สร้างความสับสนให้ผู้ใช้ที่ลืม PIN ของ Windows Hello และต้องการเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่าน Microsoft ระบุว่ากำลังทำงานเพื่อแก้ไขและจะปล่อยข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคต ปัญหาลักษณะนี้สะท้อนว่า การอัปเดต Windows อาจแก้บั๊กหนึ่ง แต่สร้างบั๊กใหม่ขึ้นมา 🌐 สาระเพิ่มเติมจาก Internet ก่อนหน้านี้ Microsoft เคยปล่อยอัปเดตที่ทำให้ คีย์บอร์ดและเมาส์ไม่ทำงานใน Windows Recovery Environment และยังมีกรณีที่ Media Creation Tool เสียหาย ก่อนวันสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 นอกจากนี้ Nvidia ก็เคยต้องออก ไดรเวอร์ฉุกเฉิน หลังอัปเดต Windows 11 ทำให้เกมบางเกมประสิทธิภาพลดลงถึง 50% สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าผู้ใช้ควรระวังการอัปเดตที่ยังอยู่ในสถานะ Preview หรือเพิ่งปล่อยใหม่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ Windows Update KB5064081 ทำให้ไอคอนรหัสผ่านหายไปจากหน้าล็อกอิน ➡️ ผู้ใช้ยังสามารถคลิกที่ช่องว่างเพื่อใส่รหัสผ่านได้ตามปกติ ➡️ ปัญหานี้เกิดเฉพาะใน Windows Insider Preview ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ Microsoft เคยปล่อยอัปเดตที่ทำให้คีย์บอร์ดและเมาส์ไม่ทำงานใน Recovery Environment ➡️ Media Creation Tool เคยเสียหายก่อน Windows 10 หมดอายุการสนับสนุน ➡️ Nvidia เคยออกไดรเวอร์ฉุกเฉินหลังอัปเดต Windows 11 ทำให้เกมบางเกมประสิทธิภาพลดลง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Windows ⛔ การอัปเดต Preview อาจมีบั๊กที่สร้างความสับสนหรือทำให้เครื่องทำงานผิดปกติ ⛔ ควรสำรองข้อมูลและตรวจสอบเวอร์ชันก่อนติดตั้งอัปเดตใหม่ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปควรรอเวอร์ชัน Stable แทนการใช้ Preview เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-update-makes-sign-in-password-icon-invisible-microsoft-says-you-can-still-click-on-empty-space-to-enter-your-password
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
More Results