• UP Bhulekh is one of the most important digital platforms launched by the Government of Uttar Pradesh to provide online land-related information to citizens in a transparent and convenient way. Before the introduction of this portal, people struggled a lot to obtain their land records, khasra-khatauni details, or ownership papers. They needed to visit the Lekhpal,
    https://uplandrecord.com/
    UP Bhulekh is one of the most important digital platforms launched by the Government of Uttar Pradesh to provide online land-related information to citizens in a transparent and convenient way. Before the introduction of this portal, people struggled a lot to obtain their land records, khasra-khatauni details, or ownership papers. They needed to visit the Lekhpal, https://uplandrecord.com/
    UPLANDRECORD.COM
    Bhulekh UP 2025 – भूलेख उत्तर प्रदेश खसरा / खतौनी की नकल (Online)
    उत्तर प्रदेश राज्य का भूलेख राजस्व विभाग द्वारा Up Bhulekh के तहत एक जबरदस्त प्लेटफॉर्म तैयार किया गया है जिसमें कृषक, जमींदार, स्वामित्व जो अपनी जमीन को
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3”

    ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย:
    Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz
    Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์
    Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB
    Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB

    ผลทดสอบประสิทธิภาพ
    Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย
    Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า
    Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V
    Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด

    การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา
    มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน

    ความคาดหวังใน CES 2026
    Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench
    Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332

    ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี
    Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme

    OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H
    Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld

    ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น
    อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์

    รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง
    อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    ⚡ หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย: 💠 Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz 💠 Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์ 💠 Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB 💠 Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB 📊 ผลทดสอบประสิทธิภาพ 🎗️ Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย 🎗️ Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า 🎗️ Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V 🎗️ Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด 🎮 การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน 🌍 ความคาดหวังใน CES 2026 Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench ➡️ Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332 ✅ ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี ➡️ Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme ✅ OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H ➡️ Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld ‼️ ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น ⛔ อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ ‼️ รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง ⛔ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    WCCFTECH.COM
    Several Intel Panther Lake CPU Benchmarks Leak: Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365, & Ultra 5 332, First Panther Lake Handheld Spotted
    Several Intel Panther Lake "Core Ultra Series 3" CPUs & a handheld have been leaked and benchmarked within the PassMark Software suite.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • ความทนทานของ MacBook Pro M5

    ข่าวนี้เล่าถึงกรณีที่ MacBook Pro M5 ของผู้ใช้รายหนึ่งถูกลืมไว้บนหลังคารถ ก่อนจะตกลงและถูกล้อรถทับ แต่กลับเสียหายเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของโครงสร้าง Unibody Aluminum ที่ Apple ใช้มานาน

    ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งเล่าว่าเขาลืมวาง MacBook Pro M5 ไว้บนหลังคารถ เมื่อขับออกไปเครื่องตกลงและถูกล้อรถทับ แต่เมื่อเก็บกลับมา พบว่าเครื่องยังทำงานได้สมบูรณ์ มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น เหตุการณ์นี้สร้างความประหลาดใจและยืนยันถึงคุณภาพวัสดุที่ Apple ใช้

    โครงสร้าง Unibody Aluminum
    Apple ใช้การออกแบบ Unibody Aluminum มานานหลายปี ซึ่งช่วยให้เครื่องแข็งแรงและทนทานต่อแรงกดและแรงบิด เหตุการณ์นี้จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าโครงสร้างดังกล่าวสามารถป้องกันความเสียหายได้ดีกว่าลaptops ส่วนใหญ่ในตลาด

    มุมมองจากฟิสิกส์
    ผู้เชี่ยวชาญบางคนอธิบายว่า การที่เครื่องไม่แตกหักเกิดจากแรงกดที่กระจายไปทั่วพื้นที่กว้าง ทำให้แรงไม่กระจุกตัวจนทำลายโครงสร้าง อีกทั้ง MacBook ยังถูกใส่ในซองราคาถูกที่ช่วยลดแรงกระแทกเล็กน้อย

    ผลสะท้อนในชุมชนออนไลน์
    เหตุการณ์นี้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางใน Reddit และสื่อเทคโนโลยี โดยหลายคนยกให้เป็น “หลักฐานภาคสนาม” ของความทนทาน MacBook และบางรายถึงกับเปรียบว่า “อาจกันกระสุนได้” เนื่องจากเคยมีกรณีที่ MacBook ช่วยชีวิตคนในเหตุกราดยิง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    MacBook Pro M5 ถูกล้อรถทับแต่ยังใช้งานได้
    มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อย

    โครงสร้าง Unibody Aluminum ของ Apple
    แข็งแรงและทนทานกว่า Laptops ส่วนใหญ่

    แรงกดถูกกระจายออกไปทั่วพื้นที่
    ลดความเสียหายจากการทับโดยตรง

    ชุมชนออนไลน์ยกเป็นตัวอย่างความทนทาน
    มีการเปรียบเทียบถึงความสามารถกันกระสุน

    เหตุการณ์นี้เป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่การรับประกัน
    ผู้ใช้ทั่วไปไม่ควรทดสอบด้วยการทำให้เครื่องตกหรือถูกทับ

    ความเสี่ยงจากการใช้งานผิดวิธี
    อาจทำให้เครื่องเสียหายถาวรแม้มีโครงสร้างแข็งแรง

    https://wccftech.com/m5-macbook-pro-ran-over-by-car-by-sustains-minor-scratches/
    💻 ความทนทานของ MacBook Pro M5 ข่าวนี้เล่าถึงกรณีที่ MacBook Pro M5 ของผู้ใช้รายหนึ่งถูกลืมไว้บนหลังคารถ ก่อนจะตกลงและถูกล้อรถทับ แต่กลับเสียหายเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของโครงสร้าง Unibody Aluminum ที่ Apple ใช้มานาน ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งเล่าว่าเขาลืมวาง MacBook Pro M5 ไว้บนหลังคารถ เมื่อขับออกไปเครื่องตกลงและถูกล้อรถทับ แต่เมื่อเก็บกลับมา พบว่าเครื่องยังทำงานได้สมบูรณ์ มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น เหตุการณ์นี้สร้างความประหลาดใจและยืนยันถึงคุณภาพวัสดุที่ Apple ใช้ 🛡️ โครงสร้าง Unibody Aluminum Apple ใช้การออกแบบ Unibody Aluminum มานานหลายปี ซึ่งช่วยให้เครื่องแข็งแรงและทนทานต่อแรงกดและแรงบิด เหตุการณ์นี้จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าโครงสร้างดังกล่าวสามารถป้องกันความเสียหายได้ดีกว่าลaptops ส่วนใหญ่ในตลาด 🔬 มุมมองจากฟิสิกส์ ผู้เชี่ยวชาญบางคนอธิบายว่า การที่เครื่องไม่แตกหักเกิดจากแรงกดที่กระจายไปทั่วพื้นที่กว้าง ทำให้แรงไม่กระจุกตัวจนทำลายโครงสร้าง อีกทั้ง MacBook ยังถูกใส่ในซองราคาถูกที่ช่วยลดแรงกระแทกเล็กน้อย 🌍 ผลสะท้อนในชุมชนออนไลน์ เหตุการณ์นี้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางใน Reddit และสื่อเทคโนโลยี โดยหลายคนยกให้เป็น “หลักฐานภาคสนาม” ของความทนทาน MacBook และบางรายถึงกับเปรียบว่า “อาจกันกระสุนได้” เนื่องจากเคยมีกรณีที่ MacBook ช่วยชีวิตคนในเหตุกราดยิง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ MacBook Pro M5 ถูกล้อรถทับแต่ยังใช้งานได้ ➡️ มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อย ✅ โครงสร้าง Unibody Aluminum ของ Apple ➡️ แข็งแรงและทนทานกว่า Laptops ส่วนใหญ่ ✅ แรงกดถูกกระจายออกไปทั่วพื้นที่ ➡️ ลดความเสียหายจากการทับโดยตรง ✅ ชุมชนออนไลน์ยกเป็นตัวอย่างความทนทาน ➡️ มีการเปรียบเทียบถึงความสามารถกันกระสุน ‼️ เหตุการณ์นี้เป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่การรับประกัน ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปไม่ควรทดสอบด้วยการทำให้เครื่องตกหรือถูกทับ ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้งานผิดวิธี ⛔ อาจทำให้เครื่องเสียหายถาวรแม้มีโครงสร้างแข็งแรง https://wccftech.com/m5-macbook-pro-ran-over-by-car-by-sustains-minor-scratches/
    WCCFTECH.COM
    M5 MacBook Pro’s Superior Build Quality Demonstrated In An Extreme Scenario When Its Owner Accidentally Ran Over It And It Only Sustained ‘Minor Scratches’
    An M5 MacBook Pro owner was thoroughly surprised at how durable his machine is because it only obtained minor scratches after being run over by a car
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • Intel เพิ่มการรองรับ Big Battlemage

    ข่าวนี้กล่าวถึงการที่ Intel เพิ่มการรองรับ Arc Battlemage BMG-G31 GPU ในซอฟต์แวร์ VTune Profiler ล่าสุด ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “Big Battlemage” กำลังเข้าใกล้การเปิดตัวจริง อาจเกิดขึ้นในงาน CES 2026 ควบคู่กับซีพียู Panther Lake

    Intel ได้อัปเดต VTune Profiler (เวอร์ชัน 2025.7) โดยเพิ่มการรองรับ GPU รุ่น Arc Battlemage BMG-G31 และซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Big Battlemage กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีข่าวลือมานานกว่าหนึ่งปี

    สเปกที่คาดการณ์
    Arc BMG-G31 คาดว่าจะมีสูงสุด 32 Xe2 Cores, หน่วยความจำ 16GB GDDR6, และบัส 256-bit ที่ให้แบนด์วิดท์ถึง 608 GB/s หากตั้งราคาในช่วง 300–400 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถแข่งขันกับ NVIDIA RTX 5060 และ AMD RX 9060 ได้อย่างสูสี

    ความคืบหน้าและความล่าช้า
    เดิมที Intel มีแผนเปิดตัวรุ่น Arc B770 เร็วกว่านี้ แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง จนถึงปลายปี 2025 จึงยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ การเพิ่มการรองรับใน VTune จึงถูกตีความว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวในงาน CES 2026

    ผลกระทบต่อการแข่งขันตลาด GPU
    หาก Big Battlemage เปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า จะเป็นการกลับมาท้าทาย NVIDIA และ AMD อีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีการแข่งขันสูง และอาจช่วยให้ Intel ขยายส่วนแบ่งตลาด GPU ได้มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel เพิ่มการรองรับ Arc BMG-G31 ใน VTune Profiler
    สัญญาณว่า Big Battlemage ใกล้เปิดตัว

    สเปกที่คาดการณ์ของ BMG-G31
    32 Xe2 Cores, 16GB GDDR6, 256-bit bus, 608 GB/s

    ราคาที่คาดว่าจะอยู่ราว 300–400 ดอลลาร์
    แข่งขันกับ RTX 5060 และ RX 9060

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    พร้อมกับซีพียู Panther Lake

    การเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งในปี 2025
    ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจในแผน GPU ของ Intel

    การแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ยังเข้มข้น
    Intel ต้องพิสูจน์ความเสถียรและประสิทธิภาพจริง

    https://wccftech.com/intel-arc-battlemage-bmg-g31-gpu-brand-new-support-big-battlemage-finally-ready/
    🖥️ Intel เพิ่มการรองรับ Big Battlemage ข่าวนี้กล่าวถึงการที่ Intel เพิ่มการรองรับ Arc Battlemage BMG-G31 GPU ในซอฟต์แวร์ VTune Profiler ล่าสุด ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “Big Battlemage” กำลังเข้าใกล้การเปิดตัวจริง อาจเกิดขึ้นในงาน CES 2026 ควบคู่กับซีพียู Panther Lake Intel ได้อัปเดต VTune Profiler (เวอร์ชัน 2025.7) โดยเพิ่มการรองรับ GPU รุ่น Arc Battlemage BMG-G31 และซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Big Battlemage กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีข่าวลือมานานกว่าหนึ่งปี ⚡ สเปกที่คาดการณ์ Arc BMG-G31 คาดว่าจะมีสูงสุด 32 Xe2 Cores, หน่วยความจำ 16GB GDDR6, และบัส 256-bit ที่ให้แบนด์วิดท์ถึง 608 GB/s หากตั้งราคาในช่วง 300–400 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถแข่งขันกับ NVIDIA RTX 5060 และ AMD RX 9060 ได้อย่างสูสี 🔍 ความคืบหน้าและความล่าช้า เดิมที Intel มีแผนเปิดตัวรุ่น Arc B770 เร็วกว่านี้ แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง จนถึงปลายปี 2025 จึงยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ การเพิ่มการรองรับใน VTune จึงถูกตีความว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวในงาน CES 2026 🌍 ผลกระทบต่อการแข่งขันตลาด GPU หาก Big Battlemage เปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า จะเป็นการกลับมาท้าทาย NVIDIA และ AMD อีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีการแข่งขันสูง และอาจช่วยให้ Intel ขยายส่วนแบ่งตลาด GPU ได้มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel เพิ่มการรองรับ Arc BMG-G31 ใน VTune Profiler ➡️ สัญญาณว่า Big Battlemage ใกล้เปิดตัว ✅ สเปกที่คาดการณ์ของ BMG-G31 ➡️ 32 Xe2 Cores, 16GB GDDR6, 256-bit bus, 608 GB/s ✅ ราคาที่คาดว่าจะอยู่ราว 300–400 ดอลลาร์ ➡️ แข่งขันกับ RTX 5060 และ RX 9060 ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ พร้อมกับซีพียู Panther Lake ‼️ การเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งในปี 2025 ⛔ ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจในแผน GPU ของ Intel ‼️ การแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ยังเข้มข้น ⛔ Intel ต้องพิสูจน์ความเสถียรและประสิทธิภาพจริง https://wccftech.com/intel-arc-battlemage-bmg-g31-gpu-brand-new-support-big-battlemage-finally-ready/
    WCCFTECH.COM
    Intel Arc Battlemage "BMG-G31" GPU Receives Brand New Support By The Chipmaker Itself, Is Big Battlemage Finally Ready For Launch?
    Intel has just added the latest support for its Arc Battlemage "BMG-G31" GPU, hinting that the launch should be closer than we think.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench

    ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D

    ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก

    เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D
    แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้

    จุดเด่นและข้อสังเกต
    Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D

    ความคาดหวังในตลาด
    การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่”

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench
    ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core)

    บูสต์สูงสุด 5.6 GHz
    เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D

    ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3%
    แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series

    ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง
    RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง

    การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D
    หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    ⚡ ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก 📊 เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้ 🔥 จุดเด่นและข้อสังเกต Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D 🌍 ความคาดหวังในตลาด การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่” 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ➡️ ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ✅ บูสต์สูงสุด 5.6 GHz ➡️ เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D ✅ ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3% ➡️ แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series ‼️ ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง ⛔ RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง ‼️ การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D ⛔ หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • การแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าแต่มีน้ำใจ

    ข่าวนี้เล่าถึงผู้ใช้ Facebook ที่ตัดสินใจแลก DDR5 RAM ขนาด 192GB มูลค่ากว่า 2,200 ดอลลาร์ กับการ์ดจอ RTX 5070 Ti เพียงตัวเดียว แม้จะขาดทุนมหาศาล แต่เจ้าของยืนยันว่า “ไม่อยากขายในราคาที่สูงเกินไปเพราะรู้สึกไม่ถูกต้อง”

    ผู้ใช้ชื่อ Abdul Kareem As ในกลุ่ม Facebook “PC, Gaming, Setups, and Building Advice” ได้แลกชุด Corsair Vengeance DDR5-5200 C38 192GB (4x48GB) กับการ์ดจอ PNY RTX 5070 Ti แม้ค่า RAM จะมีมูลค่ามากกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า แต่เขายืนยันว่าไม่ต้องการ “กอบโกยกำไร” จากวิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูง

    วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งทะยาน
    ราคาของ DDR5 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยชุด 192GB ที่เคยขายราว 650 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,201 ดอลลาร์ ทำให้หลายคนมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้เป็นการเสียเปรียบอย่างมาก แต่ Abdul บอกว่าเขาซื้อ RAM มาด้วยราคาเพียง 375 ดอลลาร์ และไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง

    ตัวเลือกที่พลาดไป
    นอกจากการ์ดจอ RTX 5070 Ti Abdul ยังมีทางเลือกที่จะแลกกับจอ Asus QD-OLED 240Hz ที่มีมูลค่าราว 699–949 ดอลลาร์ ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่า แต่เขาตัดสินใจเลือกการ์ดจอแทน โดยมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้คือการ “ทำให้ใครบางคนมีความสุข” มากกว่าการหากำไร

    มุมมองต่อชุมชนและจริยธรรม
    กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างระหว่าง “ตลาดมืดที่เน้นกำไรสูงสุด” กับ “การแบ่งปันในชุมชน” Abdul เลือกที่จะรักษาจริยธรรมและความเป็นมิตร แม้จะขาดทุนไปกว่า 600–700 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในวงการไอทีว่าเป็น “Christmas story ของเหล่าเกมเมอร์”

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การแลก DDR5 192GB กับ RTX 5070 Ti
    มูลค่า RAM สูงกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า

    ราคาของ DDR5 พุ่งสูงกว่า 2,200 ดอลลาร์
    จากเดิมเพียง 650 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

    เจ้าของ RAM ซื้อมาเพียง 375 ดอลลาร์
    ไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง

    มีทางเลือกแลกกับจอ Asus QD-OLED
    แต่เลือกการ์ดจอแทนเพื่อความสุขของอีกฝ่าย

    ความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนที่เสียเปรียบ
    ขาดทุนกว่า 600–700 ดอลลาร์จากมูลค่าตลาดจริง

    วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูงผิดปกติ
    ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ยากและเกิดการกักตุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/benevolent-facebook-trader-exchanges-192gb-of-ddr5-worth-usd1-400-for-one-rtx-5070-ti-says-selling-at-such-a-high-price-would-have-been-unethical-despite-huge-loss
    💾 การแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าแต่มีน้ำใจ ข่าวนี้เล่าถึงผู้ใช้ Facebook ที่ตัดสินใจแลก DDR5 RAM ขนาด 192GB มูลค่ากว่า 2,200 ดอลลาร์ กับการ์ดจอ RTX 5070 Ti เพียงตัวเดียว แม้จะขาดทุนมหาศาล แต่เจ้าของยืนยันว่า “ไม่อยากขายในราคาที่สูงเกินไปเพราะรู้สึกไม่ถูกต้อง” ผู้ใช้ชื่อ Abdul Kareem As ในกลุ่ม Facebook “PC, Gaming, Setups, and Building Advice” ได้แลกชุด Corsair Vengeance DDR5-5200 C38 192GB (4x48GB) กับการ์ดจอ PNY RTX 5070 Ti แม้ค่า RAM จะมีมูลค่ามากกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า แต่เขายืนยันว่าไม่ต้องการ “กอบโกยกำไร” จากวิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูง 📈 วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งทะยาน ราคาของ DDR5 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยชุด 192GB ที่เคยขายราว 650 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,201 ดอลลาร์ ทำให้หลายคนมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้เป็นการเสียเปรียบอย่างมาก แต่ Abdul บอกว่าเขาซื้อ RAM มาด้วยราคาเพียง 375 ดอลลาร์ และไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง 🎮 ตัวเลือกที่พลาดไป นอกจากการ์ดจอ RTX 5070 Ti Abdul ยังมีทางเลือกที่จะแลกกับจอ Asus QD-OLED 240Hz ที่มีมูลค่าราว 699–949 ดอลลาร์ ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่า แต่เขาตัดสินใจเลือกการ์ดจอแทน โดยมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้คือการ “ทำให้ใครบางคนมีความสุข” มากกว่าการหากำไร 🌍 มุมมองต่อชุมชนและจริยธรรม กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างระหว่าง “ตลาดมืดที่เน้นกำไรสูงสุด” กับ “การแบ่งปันในชุมชน” Abdul เลือกที่จะรักษาจริยธรรมและความเป็นมิตร แม้จะขาดทุนไปกว่า 600–700 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในวงการไอทีว่าเป็น “Christmas story ของเหล่าเกมเมอร์” 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การแลก DDR5 192GB กับ RTX 5070 Ti ➡️ มูลค่า RAM สูงกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า ✅ ราคาของ DDR5 พุ่งสูงกว่า 2,200 ดอลลาร์ ➡️ จากเดิมเพียง 650 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ✅ เจ้าของ RAM ซื้อมาเพียง 375 ดอลลาร์ ➡️ ไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง ✅ มีทางเลือกแลกกับจอ Asus QD-OLED ➡️ แต่เลือกการ์ดจอแทนเพื่อความสุขของอีกฝ่าย ‼️ ความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนที่เสียเปรียบ ⛔ ขาดทุนกว่า 600–700 ดอลลาร์จากมูลค่าตลาดจริง ‼️ วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูงผิดปกติ ⛔ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ยากและเกิดการกักตุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/benevolent-facebook-trader-exchanges-192gb-of-ddr5-worth-usd1-400-for-one-rtx-5070-ti-says-selling-at-such-a-high-price-would-have-been-unethical-despite-huge-loss
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • จุดเริ่มต้นของ Deep Learning บน GTX 580

    ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดเผยของ Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ว่า การปฏิวัติ Deep Learning เริ่มต้นขึ้นในปี 2012 จากการใช้การ์ดจอ GTX 580 จำนวนสองตัวในโหมด SLI โดยทีมวิจัยมหาวิทยาลัยโตรอนโต ซึ่งนำไปสู่การสร้างโมเดล AlexNet ที่เปลี่ยนโลก AI ไปตลอดกาล

    ในปี 2011–2012 ทีมวิจัยของ Alex Krizhevsky, Ilya Sutskever และ Geoffrey Hinton ได้พัฒนาโมเดล AlexNet เพื่อแก้ปัญหาการจำแนกรูปภาพ โดยใช้การ์ดจอ GTX 580 (3GB) จำนวนสองตัวเชื่อมต่อแบบ SLI แม้การ์ดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกม แต่ความสามารถด้านการประมวลผลแบบขนานกลับเหมาะสมกับการฝึก Neural Network อย่างยิ่ง

    ผลลัพธ์ที่พลิกวงการ
    AlexNet มีโครงสร้าง 8 ชั้นและพารามิเตอร์กว่า 60 ล้านตัว เมื่อถูกฝึกบน GTX 580s ผลลัพธ์สามารถเอาชนะอัลกอริทึมการจำแนกรูปภาพที่ดีที่สุดในยุคนั้นได้มากกว่า 70% ทำให้โลกวิชาการและอุตสาหกรรมหันมาสนใจ Deep Learning อย่างจริงจัง

    Nvidia เข้าสู่เส้นทาง AI
    Jensen Huang เปิดเผยว่า หลังจากเห็นศักยภาพของ Deep Learning บน GPU บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนอย่างเต็มที่ในเทคโนโลยีนี้ ตั้งแต่การพัฒนา DGX systems ในปี 2016 ไปจนถึงสถาปัตยกรรม Volta ที่มี Tensor Cores และต่อยอดสู่ DLSS และการใช้งาน AI ในวงกว้าง

    ผลกระทบต่อโลก AI
    หากไม่มีการทดลองบน GTX 580s ในปี 2012 Nvidia อาจยังคงเป็นบริษัทที่เน้นกราฟิกเกมเท่านั้น แต่การค้นพบนี้ได้เปลี่ยนทิศทางบริษัท และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ที่เรากำลังเห็นในปัจจุบัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ทีมมหาวิทยาลัยโตรอนโตใช้ GTX 580s ใน SLI
    เพื่อฝึกโมเดล AlexNet ในปี 2012

    AlexNet เอาชนะอัลกอริทึมเดิมกว่า 70%
    กลายเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ Computer Vision

    Nvidia หันมาลงทุนใน AI อย่างเต็มที่
    พัฒนา DGX, Volta Tensor Cores และ DLSS

    GTX 580s กลายเป็นการ์ดจอแรกที่ใช้กับ AI
    แม้ถูกออกแบบมาเพื่อเกม แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของ Deep Learning

    หากไม่มีการทดลองนี้ Nvidia อาจไม่เข้าสู่ AI
    โลกอาจไม่มีการเติบโตของ AI ในรูปแบบที่เราเห็นทุกวันนี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/two-gtx-580s-in-sli-are-responsible-for-the-ai-we-have-today-nvidias-huang-revealed-that-the-invention-of-deep-learning-began-with-two-flagship-fermi-gpus-in-2012
    🖥️ จุดเริ่มต้นของ Deep Learning บน GTX 580 ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดเผยของ Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ว่า การปฏิวัติ Deep Learning เริ่มต้นขึ้นในปี 2012 จากการใช้การ์ดจอ GTX 580 จำนวนสองตัวในโหมด SLI โดยทีมวิจัยมหาวิทยาลัยโตรอนโต ซึ่งนำไปสู่การสร้างโมเดล AlexNet ที่เปลี่ยนโลก AI ไปตลอดกาล ในปี 2011–2012 ทีมวิจัยของ Alex Krizhevsky, Ilya Sutskever และ Geoffrey Hinton ได้พัฒนาโมเดล AlexNet เพื่อแก้ปัญหาการจำแนกรูปภาพ โดยใช้การ์ดจอ GTX 580 (3GB) จำนวนสองตัวเชื่อมต่อแบบ SLI แม้การ์ดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกม แต่ความสามารถด้านการประมวลผลแบบขนานกลับเหมาะสมกับการฝึก Neural Network อย่างยิ่ง 📊 ผลลัพธ์ที่พลิกวงการ AlexNet มีโครงสร้าง 8 ชั้นและพารามิเตอร์กว่า 60 ล้านตัว เมื่อถูกฝึกบน GTX 580s ผลลัพธ์สามารถเอาชนะอัลกอริทึมการจำแนกรูปภาพที่ดีที่สุดในยุคนั้นได้มากกว่า 70% ทำให้โลกวิชาการและอุตสาหกรรมหันมาสนใจ Deep Learning อย่างจริงจัง 🚀 Nvidia เข้าสู่เส้นทาง AI Jensen Huang เปิดเผยว่า หลังจากเห็นศักยภาพของ Deep Learning บน GPU บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนอย่างเต็มที่ในเทคโนโลยีนี้ ตั้งแต่การพัฒนา DGX systems ในปี 2016 ไปจนถึงสถาปัตยกรรม Volta ที่มี Tensor Cores และต่อยอดสู่ DLSS และการใช้งาน AI ในวงกว้าง 🌍 ผลกระทบต่อโลก AI หากไม่มีการทดลองบน GTX 580s ในปี 2012 Nvidia อาจยังคงเป็นบริษัทที่เน้นกราฟิกเกมเท่านั้น แต่การค้นพบนี้ได้เปลี่ยนทิศทางบริษัท และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI ที่เรากำลังเห็นในปัจจุบัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ทีมมหาวิทยาลัยโตรอนโตใช้ GTX 580s ใน SLI ➡️ เพื่อฝึกโมเดล AlexNet ในปี 2012 ✅ AlexNet เอาชนะอัลกอริทึมเดิมกว่า 70% ➡️ กลายเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ Computer Vision ✅ Nvidia หันมาลงทุนใน AI อย่างเต็มที่ ➡️ พัฒนา DGX, Volta Tensor Cores และ DLSS ✅ GTX 580s กลายเป็นการ์ดจอแรกที่ใช้กับ AI ➡️ แม้ถูกออกแบบมาเพื่อเกม แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของ Deep Learning ‼️ หากไม่มีการทดลองนี้ Nvidia อาจไม่เข้าสู่ AI ⛔ โลกอาจไม่มีการเติบโตของ AI ในรูปแบบที่เราเห็นทุกวันนี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/two-gtx-580s-in-sli-are-responsible-for-the-ai-we-have-today-nvidias-huang-revealed-that-the-invention-of-deep-learning-began-with-two-flagship-fermi-gpus-in-2012
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เหตุการณ์เครื่องบินเบาตกจากชิ้นส่วน 3D Printing

    เครื่องบินเบา Cozy Mk IV ในสหราชอาณาจักรตกลงระหว่างการลงจอด หลังชิ้นส่วน ท่ออากาศพลาสติกที่พิมพ์ด้วย 3D ละลายและยุบตัว ทำให้เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ นักบินรอดชีวิตด้วยบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เครื่องบินเสียหายทั้งหมด

    รายงานจาก Air Accidents Investigation Branch (AAIB) ระบุว่าเครื่องบินเบา Cozy Mk IV ประสบปัญหาเครื่องยนต์ดับขณะเข้าใกล้สนามบิน Gloucestershire เนื่องจากท่ออากาศพลาสติกที่พิมพ์ด้วย 3D “ละลายและยุบตัว” ปิดกั้นการไหลของอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ ทำให้สูญเสียกำลังและตกลงก่อนถึงรันเวย์

    ปัญหาการออกแบบและวัสดุ
    นักบินได้ซื้อชิ้นส่วนนี้จากงานแสดงเครื่องบินในสหรัฐฯ โดยผู้ขายอ้างว่าใช้วัสดุ CF-ABS (Carbon Fiber Acrylonitrile Butadiene Styrene) ที่ทนความร้อนได้ถึง 105°C แต่การทดสอบพบว่าชิ้นส่วนจริงล้มเหลวที่อุณหภูมิ 52.8–54°C ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตเครื่องบินกำหนดไว้ (84°C) และยังขาดการเสริมด้วยท่ออลูมิเนียมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง

    การอนุมัติที่ไม่สมบูรณ์
    แม้นักบินจะยื่นขออนุมัติการดัดแปลงเครื่องบินกับ Light Aircraft Association (LAA) แต่ไม่ได้แจ้งว่ามีการใช้ชิ้นส่วน 3D Printing นี้ ทำให้การตรวจสอบไม่ครอบคลุม และนำไปสู่ความเสี่ยงที่ไม่ได้รับการประเมินอย่างถูกต้อง

    บทเรียนด้านความปลอดภัยการบิน
    กรณีนี้สะท้อนว่าแม้ 3D Printing จะถูกใช้ในอุตสาหกรรมการบินอย่างแพร่หลาย แต่ต้องผ่านกระบวนการรับรองที่เข้มงวด การละเลยมาตรฐานหรือการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ อาจนำไปสู่เหตุการณ์อันตรายที่คล้าย “Swiss Cheese Model” ซึ่งความผิดพลาดหลายชั้นซ้อนทับกันจนเกิดอุบัติเหตุ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์ Cozy Mk IV ตกจากท่ออากาศ 3D Printing
    ชิ้นส่วนละลายและยุบตัว ทำให้เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ

    วัสดุ CF-ABS ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
    ล้มเหลวที่ 52.8–54°C ต่ำกว่าที่กำหนด 84°C

    การออกแบบขาดท่ออลูมิเนียมเสริม
    ทำให้ชิ้นส่วนอ่อนแอต่อความร้อนและแรงดัน

    การอนุมัติการดัดแปลงไม่ครอบคลุม
    นักบินไม่ได้แจ้งการใช้ชิ้นส่วน 3D Printing

    ความเสี่ยงจากการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ได้รับรอง
    อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงแม้เป็นการบินทดสอบ

    การละเลยมาตรฐานความปลอดภัยการบิน
    แสดงให้เห็นว่าความผิดพลาดเล็ก ๆ หลายชั้นสามารถนำไปสู่เหตุการณ์ใหญ่

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-part-failure-causes-light-aircraft-crash-after-plastic-air-intake-melts-during-flight-pilot-escapes-with-minor-injuries
    ✈️ เหตุการณ์เครื่องบินเบาตกจากชิ้นส่วน 3D Printing เครื่องบินเบา Cozy Mk IV ในสหราชอาณาจักรตกลงระหว่างการลงจอด หลังชิ้นส่วน ท่ออากาศพลาสติกที่พิมพ์ด้วย 3D ละลายและยุบตัว ทำให้เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ นักบินรอดชีวิตด้วยบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เครื่องบินเสียหายทั้งหมด รายงานจาก Air Accidents Investigation Branch (AAIB) ระบุว่าเครื่องบินเบา Cozy Mk IV ประสบปัญหาเครื่องยนต์ดับขณะเข้าใกล้สนามบิน Gloucestershire เนื่องจากท่ออากาศพลาสติกที่พิมพ์ด้วย 3D “ละลายและยุบตัว” ปิดกั้นการไหลของอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ ทำให้สูญเสียกำลังและตกลงก่อนถึงรันเวย์ 🔧 ปัญหาการออกแบบและวัสดุ นักบินได้ซื้อชิ้นส่วนนี้จากงานแสดงเครื่องบินในสหรัฐฯ โดยผู้ขายอ้างว่าใช้วัสดุ CF-ABS (Carbon Fiber Acrylonitrile Butadiene Styrene) ที่ทนความร้อนได้ถึง 105°C แต่การทดสอบพบว่าชิ้นส่วนจริงล้มเหลวที่อุณหภูมิ 52.8–54°C ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตเครื่องบินกำหนดไว้ (84°C) และยังขาดการเสริมด้วยท่ออลูมิเนียมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง 🛠️ การอนุมัติที่ไม่สมบูรณ์ แม้นักบินจะยื่นขออนุมัติการดัดแปลงเครื่องบินกับ Light Aircraft Association (LAA) แต่ไม่ได้แจ้งว่ามีการใช้ชิ้นส่วน 3D Printing นี้ ทำให้การตรวจสอบไม่ครอบคลุม และนำไปสู่ความเสี่ยงที่ไม่ได้รับการประเมินอย่างถูกต้อง 🌍 บทเรียนด้านความปลอดภัยการบิน กรณีนี้สะท้อนว่าแม้ 3D Printing จะถูกใช้ในอุตสาหกรรมการบินอย่างแพร่หลาย แต่ต้องผ่านกระบวนการรับรองที่เข้มงวด การละเลยมาตรฐานหรือการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ อาจนำไปสู่เหตุการณ์อันตรายที่คล้าย “Swiss Cheese Model” ซึ่งความผิดพลาดหลายชั้นซ้อนทับกันจนเกิดอุบัติเหตุ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์ Cozy Mk IV ตกจากท่ออากาศ 3D Printing ➡️ ชิ้นส่วนละลายและยุบตัว ทำให้เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ ✅ วัสดุ CF-ABS ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ➡️ ล้มเหลวที่ 52.8–54°C ต่ำกว่าที่กำหนด 84°C ✅ การออกแบบขาดท่ออลูมิเนียมเสริม ➡️ ทำให้ชิ้นส่วนอ่อนแอต่อความร้อนและแรงดัน ✅ การอนุมัติการดัดแปลงไม่ครอบคลุม ➡️ นักบินไม่ได้แจ้งการใช้ชิ้นส่วน 3D Printing ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ได้รับรอง ⛔ อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงแม้เป็นการบินทดสอบ ‼️ การละเลยมาตรฐานความปลอดภัยการบิน ⛔ แสดงให้เห็นว่าความผิดพลาดเล็ก ๆ หลายชั้นสามารถนำไปสู่เหตุการณ์ใหญ่ https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-part-failure-causes-light-aircraft-crash-after-plastic-air-intake-melts-during-flight-pilot-escapes-with-minor-injuries
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • เคสเคลม RTX 5090 ที่กลายเป็นดราม่า

    ข่าวนี้เล่าถึงกรณีผู้ใช้ RTX 5090 ที่ส่งเคลมไปยัง Asus แต่ถูกปฏิเสธการรับประกัน เนื่องจากพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ Asus จึงเสนอค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ ก่อนจะลดให้ 50% หลังจากเจรจายาวนานหลายเดือน

    ผู้ใช้รายหนึ่งส่งการ์ดจอ ROG Astral GeForce RTX 5090 ไปเคลม หลังพบปัญหาจอดับและรีบูตเครื่องบ่อยครั้ง แต่ Asus ปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่ามี “surface irregularity” หรือรอยแตกเล็ก ๆ บริเวณขอบ PCB ซึ่งตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น

    ค่าซ่อมแพงกว่าการ์ดใหม่
    Asus แจ้งค่าซ่อมถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 116,000 บาท) ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายอยู่ราว 3,299 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจอย่างมาก และมองว่าเป็นการจัดการที่ไม่เป็นธรรม

    ปัญหาน้ำหนักและดีไซน์
    RTX 5090 มีขนาดใหญ่และหนักถึง 3 กิโลกรัม ทำให้ PCB และขั้วต่อ PCIe ต้องรับแรงกดสูงตลอดเวลา ผู้ใช้รายนี้ยืนยันว่าได้ติดตั้งอย่างระมัดระวังและใช้ขาตั้งเสริม แต่ก็ยังเกิดรอยแตกเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาด้านการออกแบบที่อาจเกิดขึ้นกับการ์ดรุ่นใหญ่

    ข้อเสนอส่วนลดหลังการเจรจา
    หลังจากเจรจานานหลายเดือน Asus เสนอส่วนลด 50% ให้ผู้ใช้ แต่กรณีนี้ก็ยังสร้างเสียงวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ว่าผู้ผลิตควรหาทางแก้ไขปัญหาดีไซน์และการรับประกันที่ชัดเจนมากกว่านี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Asus ปฏิเสธการรับประกัน RTX 5090
    อ้างพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์

    ค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ
    แพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายในตลาด

    น้ำหนักการ์ดสูงถึง 3 กิโลกรัม
    PCB และขั้วต่อ PCIe เสี่ยงต่อแรงกดและรอยแตก

    Asus เสนอส่วนลด 50% หลังการเจรจา
    แต่ยังถูกวิจารณ์เรื่องความยุติธรรมในการรับประกัน

    ความเสี่ยงจากดีไซน์การ์ดที่ใหญ่และหนักเกินไป
    อาจทำให้ PCB แตกแม้ติดตั้งอย่างระมัดระวัง

    นโยบายการรับประกันที่เข้มงวดเกินไป
    ผู้ใช้เสี่ยงเสียค่าใช้จ่ายสูงแม้ไม่ใช่ความผิดพลาดของตน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-quotes-customer-usd3-350-repair-bill-for-rtx-5090-with-microscopic-surface-irregularity-more-than-the-entire-cards-value-offers-50-percent-discount-after-months-of-haggling
    💻 เคสเคลม RTX 5090 ที่กลายเป็นดราม่า ข่าวนี้เล่าถึงกรณีผู้ใช้ RTX 5090 ที่ส่งเคลมไปยัง Asus แต่ถูกปฏิเสธการรับประกัน เนื่องจากพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ Asus จึงเสนอค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ ก่อนจะลดให้ 50% หลังจากเจรจายาวนานหลายเดือน ผู้ใช้รายหนึ่งส่งการ์ดจอ ROG Astral GeForce RTX 5090 ไปเคลม หลังพบปัญหาจอดับและรีบูตเครื่องบ่อยครั้ง แต่ Asus ปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่ามี “surface irregularity” หรือรอยแตกเล็ก ๆ บริเวณขอบ PCB ซึ่งตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น 💰 ค่าซ่อมแพงกว่าการ์ดใหม่ Asus แจ้งค่าซ่อมถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 116,000 บาท) ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายอยู่ราว 3,299 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจอย่างมาก และมองว่าเป็นการจัดการที่ไม่เป็นธรรม 🏋️‍♂️ ปัญหาน้ำหนักและดีไซน์ RTX 5090 มีขนาดใหญ่และหนักถึง 3 กิโลกรัม ทำให้ PCB และขั้วต่อ PCIe ต้องรับแรงกดสูงตลอดเวลา ผู้ใช้รายนี้ยืนยันว่าได้ติดตั้งอย่างระมัดระวังและใช้ขาตั้งเสริม แต่ก็ยังเกิดรอยแตกเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาด้านการออกแบบที่อาจเกิดขึ้นกับการ์ดรุ่นใหญ่ 🤝 ข้อเสนอส่วนลดหลังการเจรจา หลังจากเจรจานานหลายเดือน Asus เสนอส่วนลด 50% ให้ผู้ใช้ แต่กรณีนี้ก็ยังสร้างเสียงวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ว่าผู้ผลิตควรหาทางแก้ไขปัญหาดีไซน์และการรับประกันที่ชัดเจนมากกว่านี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Asus ปฏิเสธการรับประกัน RTX 5090 ➡️ อ้างพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ ✅ ค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ➡️ แพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายในตลาด ✅ น้ำหนักการ์ดสูงถึง 3 กิโลกรัม ➡️ PCB และขั้วต่อ PCIe เสี่ยงต่อแรงกดและรอยแตก ✅ Asus เสนอส่วนลด 50% หลังการเจรจา ➡️ แต่ยังถูกวิจารณ์เรื่องความยุติธรรมในการรับประกัน ‼️ ความเสี่ยงจากดีไซน์การ์ดที่ใหญ่และหนักเกินไป ⛔ อาจทำให้ PCB แตกแม้ติดตั้งอย่างระมัดระวัง ‼️ นโยบายการรับประกันที่เข้มงวดเกินไป ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงเสียค่าใช้จ่ายสูงแม้ไม่ใช่ความผิดพลาดของตน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-quotes-customer-usd3-350-repair-bill-for-rtx-5090-with-microscopic-surface-irregularity-more-than-the-entire-cards-value-offers-50-percent-discount-after-months-of-haggling
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เครื่องคิดเลขเชิงกลยุค 1950 พบกับโจทย์ "หารด้วยศูนย์"

    ในยุคก่อนคอมพิวเตอร์ดิจิทัล เครื่องคิดเลขเชิงกลถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อมีการป้อนคำสั่งให้หารด้วยศูนย์ กลไกภายในไม่สามารถหยุดหรือแจ้งข้อผิดพลาดได้ ผลลัพธ์คือเฟืองและเกียร์หมุนอย่างไร้ทิศทาง คล้ายกับการเข้าสู่ “วงจรอนันต์” ที่ไม่สามารถออกมาได้

    การพัฒนาสู่ยุคไมโครโปรเซสเซอร์
    เมื่อ Intel เปิดตัวชิป 4004 ในปี 1971 แม้ยังไม่มีคำสั่งหารโดยตรง แต่ก็เริ่มมีการตรวจจับข้อผิดพลาดผ่านเฟิร์มแวร์ในเครื่องคิดเลขเชิงดิจิทัล ทำให้สามารถแสดงข้อความ error แทนการเข้าสู่ภาวะค้างหรือหมุนไม่หยุดเหมือนเครื่องเชิงกล

    จุดเปลี่ยนสำคัญ: Intel 8086 และมาตรฐาน IEEE 754
    ปี 1978 Intel เปิดตัว 8086 ที่สามารถตรวจจับการหารด้วยศูนย์ในระดับฮาร์ดแวร์ และต่อมาในปี 1985 มาตรฐาน IEEE 754 ได้เพิ่มการจัดการตัวเลขทศนิยมแบบพิเศษ เช่น Infinity และ NaN ซึ่งช่วยให้ระบบไม่ล่ม แต่แสดงผลลัพธ์ที่บ่งบอกถึงความผิดพลาดแทน

    ปัญหาที่ยังคงอยู่ในยุคใหม่
    แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปมาก แต่รายงานล่าสุดยังพบว่าเกมบางเกม เช่น World of Warcraft บนซีพียูรุ่นใหม่ Raptor Lake ยังประสบปัญหา crash จากการหารด้วยศูนย์ แสดงให้เห็นว่าปัญหานี้ยังคงเป็น “บทเรียนอมตะ” ของวงการคอมพิวเตอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เครื่องคิดเลขเชิงกลยุค 1950
    เมื่อถูกสั่งหารด้วยศูนย์ เฟืองหมุนไม่หยุดและไม่สามารถแจ้ง error ได้

    Intel 4004 และการตรวจจับข้อผิดพลาดผ่านเฟิร์มแวร์
    เริ่มต้นการป้องกันการ crash ในเครื่องคิดเลขดิจิทัล

    Intel 8086 และ IEEE 754
    เพิ่มการตรวจจับในฮาร์ดแวร์และการแสดงผล Infinity/NaN

    ปัญหายังคงพบในซอฟต์แวร์ยุคใหม่
    เกมบางเกมยัง crash เมื่อเจอการหารด้วยศูนย์

    ความเสี่ยงจากการไม่จัดการ error อย่างถูกต้อง
    อาจทำให้ระบบเข้าสู่ภาวะค้างหรือ crash ได้

    การพึ่งพาซอฟต์แวร์ที่ไม่รองรับการตรวจจับ
    ยังคงเป็นช่องโหว่ที่นักพัฒนาต้องระวัง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/1950s-mechanical-calculator-crumbles-in-the-face-of-divide-by-zero-conundrum-relic-spins-its-gears-uncontrollably-in-chaotic-loop-of-endless-motion
    ⚙️ เครื่องคิดเลขเชิงกลยุค 1950 พบกับโจทย์ "หารด้วยศูนย์" ในยุคก่อนคอมพิวเตอร์ดิจิทัล เครื่องคิดเลขเชิงกลถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อมีการป้อนคำสั่งให้หารด้วยศูนย์ กลไกภายในไม่สามารถหยุดหรือแจ้งข้อผิดพลาดได้ ผลลัพธ์คือเฟืองและเกียร์หมุนอย่างไร้ทิศทาง คล้ายกับการเข้าสู่ “วงจรอนันต์” ที่ไม่สามารถออกมาได้ 🖥️ การพัฒนาสู่ยุคไมโครโปรเซสเซอร์ เมื่อ Intel เปิดตัวชิป 4004 ในปี 1971 แม้ยังไม่มีคำสั่งหารโดยตรง แต่ก็เริ่มมีการตรวจจับข้อผิดพลาดผ่านเฟิร์มแวร์ในเครื่องคิดเลขเชิงดิจิทัล ทำให้สามารถแสดงข้อความ error แทนการเข้าสู่ภาวะค้างหรือหมุนไม่หยุดเหมือนเครื่องเชิงกล 🔑 จุดเปลี่ยนสำคัญ: Intel 8086 และมาตรฐาน IEEE 754 ปี 1978 Intel เปิดตัว 8086 ที่สามารถตรวจจับการหารด้วยศูนย์ในระดับฮาร์ดแวร์ และต่อมาในปี 1985 มาตรฐาน IEEE 754 ได้เพิ่มการจัดการตัวเลขทศนิยมแบบพิเศษ เช่น Infinity และ NaN ซึ่งช่วยให้ระบบไม่ล่ม แต่แสดงผลลัพธ์ที่บ่งบอกถึงความผิดพลาดแทน 🎮 ปัญหาที่ยังคงอยู่ในยุคใหม่ แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปมาก แต่รายงานล่าสุดยังพบว่าเกมบางเกม เช่น World of Warcraft บนซีพียูรุ่นใหม่ Raptor Lake ยังประสบปัญหา crash จากการหารด้วยศูนย์ แสดงให้เห็นว่าปัญหานี้ยังคงเป็น “บทเรียนอมตะ” ของวงการคอมพิวเตอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เครื่องคิดเลขเชิงกลยุค 1950 ➡️ เมื่อถูกสั่งหารด้วยศูนย์ เฟืองหมุนไม่หยุดและไม่สามารถแจ้ง error ได้ ✅ Intel 4004 และการตรวจจับข้อผิดพลาดผ่านเฟิร์มแวร์ ➡️ เริ่มต้นการป้องกันการ crash ในเครื่องคิดเลขดิจิทัล ✅ Intel 8086 และ IEEE 754 ➡️ เพิ่มการตรวจจับในฮาร์ดแวร์และการแสดงผล Infinity/NaN ✅ ปัญหายังคงพบในซอฟต์แวร์ยุคใหม่ ➡️ เกมบางเกมยัง crash เมื่อเจอการหารด้วยศูนย์ ‼️ ความเสี่ยงจากการไม่จัดการ error อย่างถูกต้อง ⛔ อาจทำให้ระบบเข้าสู่ภาวะค้างหรือ crash ได้ ‼️ การพึ่งพาซอฟต์แวร์ที่ไม่รองรับการตรวจจับ ⛔ ยังคงเป็นช่องโหว่ที่นักพัฒนาต้องระวัง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/1950s-mechanical-calculator-crumbles-in-the-face-of-divide-by-zero-conundrum-relic-spins-its-gears-uncontrollably-in-chaotic-loop-of-endless-motion
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • เปิดตัว Atlas Eon 100: การเก็บข้อมูลด้วย DNA

    Atlas Data Storage ประกาศเปิดตัวบริการ Atlas Eon 100 ซึ่งเป็นการใช้ DNA สังเคราะห์ในการเก็บข้อมูลเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในโลก บริษัทอ้างว่านี่คือ “การเก็บข้อมูลที่หนาแน่นและทนทานที่สุด” โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 60PB ในพื้นที่เล็กกว่า 1 ลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับการเก็บภาพยนตร์ 4K ได้กว่า 660,000 เรื่อง

    เปรียบเทียบกับเทปแม่เหล็ก LTO-10
    Atlas ชี้ว่า DNA storage มีความหนาแน่นกว่าเทปแม่เหล็กรุ่น LTO-10 ถึง 1000 เท่า และไม่ต้องการการรีเฟรชข้อมูลทุก 7–10 ปีเหมือนเทปแม่เหล็ก อีกทั้งยังไม่ต้องใช้ห้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นพิเศษ ทำให้ต้นทุนการดูแลรักษาลดลงอย่างมาก

    ความทนทานและอายุการใช้งาน
    DNA capsules ที่ใช้ใน Atlas Eon 100 สามารถทนความร้อนได้ถึง 104°F (40°C) และมีอายุการเก็บรักษานับพันปีโดยไม่เสื่อมสภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลระยะยาว เช่น โมเดล AI, มรดกทางวัฒนธรรม และข้อมูลเชิงวิจัยที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    มุมมองอนาคตของ DNA Storage
    แม้เทคโนโลยีนี้ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่การเปิดตัวเชิงพาณิชย์ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนโฉมการเก็บข้อมูลในอนาคต นักวิเคราะห์คาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรือทศวรรษก่อนที่ DNA storage จะเข้าสู่ตลาดผู้บริโภค แต่การเริ่มต้นครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าการเก็บข้อมูลด้วยชีววิทยากำลังจะกลายเป็นจริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Atlas เปิดตัวบริการ Atlas Eon 100
    ใช้ DNA สังเคราะห์ในการเก็บข้อมูลเชิงพาณิชย์ครั้งแรก

    ความหนาแน่นสูงถึง 60PB ใน 60 ลูกบาศก์นิ้ว
    เทียบเท่าภาพยนตร์ 4K กว่า 660,000 เรื่อง

    เหนือกว่าเทปแม่เหล็ก LTO-10 ถึง 1000 เท่า
    ไม่ต้องรีเฟรชข้อมูลทุก 7–10 ปี

    ทนความร้อนและเก็บได้นับพันปี
    เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลระยะยาวและสำคัญ

    ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานทั่วไป
    อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรือทศวรรษกว่าจะเข้าสู่ตลาดผู้บริโภค

    ความท้าทายด้านการเข้าถึงและต้นทุน
    ปัจจุบันยังไม่เปิดเผยราคาหรือแผนการจำหน่ายอย่างชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/worlds-first-scalable-dna-data-storage-offering-announced-offering-a-staggering-60pb-in-60-cubic-inches-enough-to-hold-660-000-4k-movies-atlas-data-storage-claims-its-solution-is-1000x-denser-than-lto-10-tape
    🧬 เปิดตัว Atlas Eon 100: การเก็บข้อมูลด้วย DNA Atlas Data Storage ประกาศเปิดตัวบริการ Atlas Eon 100 ซึ่งเป็นการใช้ DNA สังเคราะห์ในการเก็บข้อมูลเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในโลก บริษัทอ้างว่านี่คือ “การเก็บข้อมูลที่หนาแน่นและทนทานที่สุด” โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 60PB ในพื้นที่เล็กกว่า 1 ลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับการเก็บภาพยนตร์ 4K ได้กว่า 660,000 เรื่อง 📀 เปรียบเทียบกับเทปแม่เหล็ก LTO-10 Atlas ชี้ว่า DNA storage มีความหนาแน่นกว่าเทปแม่เหล็กรุ่น LTO-10 ถึง 1000 เท่า และไม่ต้องการการรีเฟรชข้อมูลทุก 7–10 ปีเหมือนเทปแม่เหล็ก อีกทั้งยังไม่ต้องใช้ห้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นพิเศษ ทำให้ต้นทุนการดูแลรักษาลดลงอย่างมาก 🌡️ ความทนทานและอายุการใช้งาน DNA capsules ที่ใช้ใน Atlas Eon 100 สามารถทนความร้อนได้ถึง 104°F (40°C) และมีอายุการเก็บรักษานับพันปีโดยไม่เสื่อมสภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลระยะยาว เช่น โมเดล AI, มรดกทางวัฒนธรรม และข้อมูลเชิงวิจัยที่ต้องการความปลอดภัยสูง 🚀 มุมมองอนาคตของ DNA Storage แม้เทคโนโลยีนี้ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่การเปิดตัวเชิงพาณิชย์ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนโฉมการเก็บข้อมูลในอนาคต นักวิเคราะห์คาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรือทศวรรษก่อนที่ DNA storage จะเข้าสู่ตลาดผู้บริโภค แต่การเริ่มต้นครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าการเก็บข้อมูลด้วยชีววิทยากำลังจะกลายเป็นจริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Atlas เปิดตัวบริการ Atlas Eon 100 ➡️ ใช้ DNA สังเคราะห์ในการเก็บข้อมูลเชิงพาณิชย์ครั้งแรก ✅ ความหนาแน่นสูงถึง 60PB ใน 60 ลูกบาศก์นิ้ว ➡️ เทียบเท่าภาพยนตร์ 4K กว่า 660,000 เรื่อง ✅ เหนือกว่าเทปแม่เหล็ก LTO-10 ถึง 1000 เท่า ➡️ ไม่ต้องรีเฟรชข้อมูลทุก 7–10 ปี ✅ ทนความร้อนและเก็บได้นับพันปี ➡️ เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลระยะยาวและสำคัญ ‼️ ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานทั่วไป ⛔ อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรือทศวรรษกว่าจะเข้าสู่ตลาดผู้บริโภค ‼️ ความท้าทายด้านการเข้าถึงและต้นทุน ⛔ ปัจจุบันยังไม่เปิดเผยราคาหรือแผนการจำหน่ายอย่างชัดเจน https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/worlds-first-scalable-dna-data-storage-offering-announced-offering-a-staggering-60pb-in-60-cubic-inches-enough-to-hold-660-000-4k-movies-atlas-data-storage-claims-its-solution-is-1000x-denser-than-lto-10-tape
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • รัสเซียยังคงใช้ Starlink บนโดรนโจมตี

    รายงานล่าสุดจาก Ukraine Defense Express และภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ชาวยูเครน พบว่าโดรนรุ่น Molniya ถูกติดตั้ง Starlink Mini อย่างชัดเจน แม้เพนตากอนเคยยืนยันเมื่อปี 2024 ว่ามี “วิธีแก้ที่ดี” เพื่อหยุดการใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่หลักฐานใหม่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียยังคงหาช่องทางเข้าถึงระบบนี้ได้อยู่

    ความเสี่ยงจากการสื่อสารไร้ขีดจำกัด
    การติดตั้ง Starlink บนโดรนทำให้รัสเซียสามารถควบคุม UAV ได้ไกลกว่าระบบวิทยุทั่วไป และยังสามารถปรับเป้าหมายแบบเรียลไทม์ระหว่างบิน ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของโดรนโจมตีแบบ “suicide drone” และทำให้การป้องกันของยูเครนยากขึ้นมาก

    ช่องทางมืดและตลาดผิดกฎหมาย
    มีรายงานว่ารัสเซียได้ จัดหาชุด Starlink ผ่านตลาดมืด และช่องทางที่ไม่เป็นทางการ แม้ SpaceX ยืนยันว่าไม่ได้ขายหรือให้บริการในรัสเซีย แต่การลักลอบนำเข้าอุปกรณ์ยังคงเกิดขึ้น และถูกนำไปใช้ในสนามรบเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการโจมตี

    มุมมองด้านความมั่นคงโลก
    นักวิเคราะห์เตือนว่าการใช้เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์อย่าง Starlink ในสงคราม อาจเป็นตัวอย่างของการ “ทำให้เทคโนโลยีพลเรือนกลายเป็นเครื่องมือทางทหาร” ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อยูเครน แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อกฎระเบียบสากลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอวกาศในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบโดรน Molniya ติดตั้ง Starlink Mini
    ภาพถ่ายจากผู้เชี่ยวชาญยูเครนยืนยันการใช้งานจริง

    ความสามารถของ Starlink ในการควบคุมระยะไกล
    ทำให้โดรนสามารถปรับเป้าหมายและสื่อสารได้แบบไร้ข้อจำกัด

    ตลาดมืดเป็นช่องทางจัดหาอุปกรณ์
    รัสเซียยังคงเข้าถึง Starlink แม้มีมาตรการป้องกันจากสหรัฐฯ

    ผลกระทบต่อความมั่นคงโลกและกฎระเบียบอวกาศ
    เทคโนโลยีพลเรือนถูกนำไปใช้ในสงครามจริง

    ความเสี่ยงต่อการโจมตีที่แม่นยำและยากต่อการป้องกัน
    เพิ่มประสิทธิภาพของโดรน suicide และทำให้ยูเครนเสียเปรียบ

    การควบคุมเทคโนโลยีพลเรือนที่ไม่เพียงพอ
    อาจกลายเป็นแบบอย่างให้ประเทศอื่นนำไปใช้ในสงคราม

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/russia-still-using-starlink-guided-drones-in-ukraine-insists-report-starlink-mini-atop-grounded-drone-points-to-ongoing-issue-despite-u-s-dod-claims-threat-was-blunted
    🛰️ รัสเซียยังคงใช้ Starlink บนโดรนโจมตี รายงานล่าสุดจาก Ukraine Defense Express และภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ชาวยูเครน พบว่าโดรนรุ่น Molniya ถูกติดตั้ง Starlink Mini อย่างชัดเจน แม้เพนตากอนเคยยืนยันเมื่อปี 2024 ว่ามี “วิธีแก้ที่ดี” เพื่อหยุดการใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่หลักฐานใหม่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียยังคงหาช่องทางเข้าถึงระบบนี้ได้อยู่ ⚡ ความเสี่ยงจากการสื่อสารไร้ขีดจำกัด การติดตั้ง Starlink บนโดรนทำให้รัสเซียสามารถควบคุม UAV ได้ไกลกว่าระบบวิทยุทั่วไป และยังสามารถปรับเป้าหมายแบบเรียลไทม์ระหว่างบิน ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพของโดรนโจมตีแบบ “suicide drone” และทำให้การป้องกันของยูเครนยากขึ้นมาก 🌍 ช่องทางมืดและตลาดผิดกฎหมาย มีรายงานว่ารัสเซียได้ จัดหาชุด Starlink ผ่านตลาดมืด และช่องทางที่ไม่เป็นทางการ แม้ SpaceX ยืนยันว่าไม่ได้ขายหรือให้บริการในรัสเซีย แต่การลักลอบนำเข้าอุปกรณ์ยังคงเกิดขึ้น และถูกนำไปใช้ในสนามรบเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการโจมตี 🔒 มุมมองด้านความมั่นคงโลก นักวิเคราะห์เตือนว่าการใช้เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์อย่าง Starlink ในสงคราม อาจเป็นตัวอย่างของการ “ทำให้เทคโนโลยีพลเรือนกลายเป็นเครื่องมือทางทหาร” ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อยูเครน แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อกฎระเบียบสากลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอวกาศในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบโดรน Molniya ติดตั้ง Starlink Mini ➡️ ภาพถ่ายจากผู้เชี่ยวชาญยูเครนยืนยันการใช้งานจริง ✅ ความสามารถของ Starlink ในการควบคุมระยะไกล ➡️ ทำให้โดรนสามารถปรับเป้าหมายและสื่อสารได้แบบไร้ข้อจำกัด ✅ ตลาดมืดเป็นช่องทางจัดหาอุปกรณ์ ➡️ รัสเซียยังคงเข้าถึง Starlink แม้มีมาตรการป้องกันจากสหรัฐฯ ✅ ผลกระทบต่อความมั่นคงโลกและกฎระเบียบอวกาศ ➡️ เทคโนโลยีพลเรือนถูกนำไปใช้ในสงครามจริง ‼️ ความเสี่ยงต่อการโจมตีที่แม่นยำและยากต่อการป้องกัน ⛔ เพิ่มประสิทธิภาพของโดรน suicide และทำให้ยูเครนเสียเปรียบ ‼️ การควบคุมเทคโนโลยีพลเรือนที่ไม่เพียงพอ ⛔ อาจกลายเป็นแบบอย่างให้ประเทศอื่นนำไปใช้ในสงคราม https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/russia-still-using-starlink-guided-drones-in-ukraine-insists-report-starlink-mini-atop-grounded-drone-points-to-ongoing-issue-despite-u-s-dod-claims-threat-was-blunted
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Russia allegedly still using Starlink-guided drones in Ukraine, report claims — Starlink Mini strapped to grounded drone points to ongoing issue, despite U.S. DoD claims threat was blunted
    Russian drones with Starlink Mini terminals on board are still being spotted despite assurances, a year earlier, of ‘good solutions’ to prevent this from happening.
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 8

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 8
    แผนการขั้นต่อไปของอเมริกา คือ ใช้กำลังทหารคุมบริเวณเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน จากอาฟริกาไปถึงจีน โดยเฉพาะช่วงที่เป็นช่องแคบ ที่สามารถจะบีบให้ช่องทางนั้นตันได้ เขาเรียกกันว่า “choke points” จุดรัดคอ
    จุดรัดคอที่สำคัญจุดหนึ่งอยู่ที่เยเมน Republic of Yemen ประเทศเล็กๆ ที่ไม่ร่ำรวยเหมือนเพื่อนบ้านที่ อยู่ติดกันคือ ซาอุดิ อารเบีย ที่อยู่ทางเหนือของเยเมน มีทะเลแดงอยู่ทางตะวันตก และอ่าวเอเดน Gulf of Aden อยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน Arabian Sea มองจากเยเมนข้ามไปอีกฝั่งทางอาฟริกา จะเห็นแผ่นดินที่ดูรกร้าง แต่ระยะหลังนี้ กลับโด่งดัง มีชื่อพาดหัวข่าวบ่อยคือ โซมาเลีย Somalia
    วันนี้ใครไม่รู้จัก เยเมนและโซมาเลีย ออกจะเชยนะครับ
    อเมริกาและเพนตากอน เริ่มจัดกองกำลังไปอยู่ที่ Bab el-Mandab ที่อยู่ตรงส่วนแคบที่สุด ของอ่าวเอเดน ด้วยการโหมข่าวเรื่องสลัดโซมาเลีย และเรื่อง อัลไคด้า หรืออัลกออิดะ Al Qaeda ที่คืนชีพ และ “บังเอิญ” เลือกที่ตั้งฐานใหม่อยู่ที่เยเมน ในช่วงปี ค.ศ.2009
    มันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกา ที่ต้องการเป็นผู้ควบคุม (และปิดกั้น เมื่อต้องการ) การใช้เส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน ที่แน่นขนัด เส้นสำคัญของในโลก
    นอกจากนี้ มีข่าวว่า ยังมีแหล่งน้ำมันที่ยังไม่ได้พัฒนา หลบซ่อนอยู่ในบริเวณระหว่างเยเมนกับซาอุดิอารเบีย ที่อาจมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกแหล่งหนึ่ง เหลืออยู่ เยเมน จึงกลายเป็นเป้าสำคัญอย่างน่าสงสาร
    การเขย่าเยเมนยกแรก เริ่มจากการเป็นข่าวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.2009 เกี่ยวกับการจับกุม นาย Abdullah ชาวไนจีเรีย ที่เป็นพนักงานทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลอเมริกาว่า เขาลอบนำวัตถุระเบิดซ่อนไว้ในกางเกงใน (ช่างเลือกที่ซ่อนจริงวุ้ย) แล้วขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Northwest Airlines ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอรฺ์แลนด์ เพื่อบินไปยังเมืองดีทรอยท์ในอเมริกา เขาถูกจับได้และถูกนำตัวมาดำเนินคดีฐานพยายามนำวัตถุระเบิดขึ้นเครื่องบิน และพยายามระเบิดเครื่องบิน
    หลังจากนั้นกระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็ทำหน้าที่โหมข่าวว่า นาย Abdullah นี้ ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ได้รับการฝึกอบรมมาจากเยเมน เพื่อมาปฏิบัติภาระกิจนี้ เขาได้รับการฝึกจากองค์กรที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่คือ Al Qaeda in the Arabian Peninsula (AQAP) ที่มีฐานอยู่ที่เยเมน ซึ่งน่าจะเป็นศูนย์กลางใหม่ของพวกอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ
    คนดูข่าวโลกกว้าง ทำหน้างงเป็นไก่ถูกตีหัว อะไรนะ เยเมน อยู่ตรงไหนนะ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน เรียนภูมิศาสตร์ในโรงเรียนบ้านเรา โลกแคบนิดเดียว ไม่เห็นมีชื่อประเทศนี้เลย และด้วยข่าวชิ้นนี้ เยเมน ประเทศเล็กๆ ก็ได้ขึ้นชั้น เป็นเป้าใหม่เอี่ยมอยู่ในกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่สำคัญของอเมริกา สำคัญพอที่อเมริกา จะยกกองกำลังไปปักหลักเฝ้าอยู่ที่เยเมนเลยทีเดียว
    จริงๆ มันมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเยเมน ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.2009 แล้ว อยู่ดีๆ นาย Tariq al-Fadhli อดีตหัวหน้ากลุ่มระเบิดพลีชีพ jihadist ที่มาจากเยเมนใต้ ที่เคยเป็นคอหอยลูกกระเดือก สนับสนุน Ali Abdullah Saleh ประธานาธิบดีของเยเมน ก็ดันประกาศตัดสัมพันธ์ 15 ปี กับประธานาธิบดี Saleh อย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย บอกว่าจะไปละนะ ไปรวมตัวกับพวกเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ Southern Movement (SM) ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เอะ จะไปทำอะไรที่เยเมนใต้
    Al-Fadhli นี่ไม่ธรรมดา นับว่าเขาเป็นศิษย์เก่าสถาบันซี ไอเอของอเมริกาทีเดียว เพราะเขาเคยเป็นสมาชิก ของพวกมูจาฮิดีน Mujahideen ในอาฟกานิสถานอยู่หลายปี ในช่วงตั้งแต่ ค.ศ.1980 พวกมูจาฮิดีนนี้ มีซีไอเอ เป็นผู้ฝึกให้ เพื่อเอาไว้ให้ รบกับสหภาพโซเวียต al- Fadhli ได้รับการฝึกจากซีไอเอ รุ่นเดียวกับเพื่อนอีกคน ที่เป็นลูกเศรษฐีชาวซาอุ เชื้อสายเยเมน ชื่อ โอซามา บิน ลาเดน Osama bin Laden คนนั้นแหล่ะ สำนักงานใหญ่ของ อัลไคดาของจริง เขาก็ว่าอยู่ที่แลงลี่ Langley Virginia ในอเมริกา ก็สำนักงานใหญ่ของซีไอเอนั่นเอง มันเป็นรายการต้มตุ๋นทั้งโลกจริงๆ
    เรื่องของเยเมน นี่ มีหลายมิติ เยเมนนั้นมารวมตัวเป็นรัฐเดียวกัน ในปี ค.ศ.1990 หลังจากสหภาพโซเวียตแตกสลาย เดิมเยเมนใต้ หรือชื่อเต็มว่า สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเยเมน Peoples’s Democratic Republic of Yemen (PDRY) เคยเป็นรัฐที่มีความผูกพันกับสหภาพ โซเวียต เมื่อสหภาพโซเวียตแตก เยเมนใต้ก็ขาดลอย ขาดลูกพี่ จึงมารวมตัวกับเยเมนเหนือ Yemen Arab Republic คงมองเห็นภาพอะไรรางๆนะครับ
    แต่ก็ดูเหมือนจะรวมกันอยู่อย่าง ไม่ค่อยราบรื่น ตั้งแต่รวมกัน ก็มีเรื่องขบกันมาตลอด จนปี ค.ศ.1994 เกิดสงครามกลางเมือง เยเมนใต้ทนเห็นความขี้โกง ของรัฐบาล ที่นำโดยประธานาธิบดี Saleh ของเยเมนเหนือไม่ไหว เลยลุกขึ้นมาไล่ Saleh ซึ่งปกครองเยเมนเหนือมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 พอมีการรวมเยเมนเหนือใต้เข้าด้วยกัน ก็เลยเป็นประธานาธิบดีของเยเมนที่รวมตัวกันต่อไปด้วย แต่เยเมนใต้รบไม่ชนะในสงครามกลางเมืองครั้งนั้น ทั้ง 2 เยเมน ก็เลยยังต้องผูกติดกันอยู่ต่อไป และรักกันน้อยลงไปอีก
    ก่อนปี ค.ศ.1990 อเมริกาและซาอุดิอารเบีย ให้การสนับสนุน Saleh และนโยบายรัฐอิสลามของ Saleh อย่างเต็มที่ เพื่อกันไม่ให้เยเมนใต้ ซึ่งมีเชื้อคอมมิวนิสต์สายโซเวียต มาร่วมด้วย Saleh จึงปกครองโดยมีกลุ่ม นักรบพลีชีพ ซาลาฟิส Salafist-jihadi ซึ่งใครไม่รู้ส่งมาสนับสนุน เมื่อ al-Fadhli ซึ่งเป็นจีฮาด อยู่ดีๆ ก็ประกาศแยกตัวจาก Saleh กลับไปปักหลักที่เยเมนใต้ Saleh ก็น่าจะเหนื่อย
    หลังจาก al-Fadhli มารวมกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ ในเดือนเมษายน ค.ศ.2009 การประท้วงรัฐบาลในเมืองต่างๆ ทางเยเมนใต้ ก็ลามเพิ่มขี้นไปตามเมืองต่างๆ และเงื่อนไขข้อเรียกร้องก็เพิ่มขึ้นไปด้วย
    แค่เรื่องเยเมนใต้ Saleh ก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว ทางเหนือก็เกิดมีการลุกฮือขึ้นโดยพวก ฮูตติ ชิอะห์ Shi’ite al Houthi Zaydi ซึ่ง Saleh บอกว่า พวกฮูตติ นี่ มีทั้งอิรัคและอิหร่านสนับสนุน เจ้าหน้าที่เยเมนยีดอาวุธที่ทำในอิหร่าน ได้จากพวกฮูตติ ส่วนฮูตติ ก็อ้างว่าอาวุธที่พวกเขายึดได้จากพวกเยเมนเหนือ เป็นอาวุธที่มีเครื่องหมายของซาอุดิอารเบียทั้งนั้น เมืองซานะ (เมืองหลวงของเยเมน) น่ะ กลายเป็น ขี้ข้าของซาอุดิอารเบีย แล้วซินะ
    เรื่องในเยเมน ชักยุ่งรุงรังไปหมด ลากมาเกี่ยวมันทุกเรื่อง กลัวคนไม่รู้ว่าใครวางแผน และไม่รู้ว่าจะมีแผนซ้อนอีกต่อหรือเปล่า….
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 8 แผนการขั้นต่อไปของอเมริกา คือ ใช้กำลังทหารคุมบริเวณเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน จากอาฟริกาไปถึงจีน โดยเฉพาะช่วงที่เป็นช่องแคบ ที่สามารถจะบีบให้ช่องทางนั้นตันได้ เขาเรียกกันว่า “choke points” จุดรัดคอ จุดรัดคอที่สำคัญจุดหนึ่งอยู่ที่เยเมน Republic of Yemen ประเทศเล็กๆ ที่ไม่ร่ำรวยเหมือนเพื่อนบ้านที่ อยู่ติดกันคือ ซาอุดิ อารเบีย ที่อยู่ทางเหนือของเยเมน มีทะเลแดงอยู่ทางตะวันตก และอ่าวเอเดน Gulf of Aden อยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน Arabian Sea มองจากเยเมนข้ามไปอีกฝั่งทางอาฟริกา จะเห็นแผ่นดินที่ดูรกร้าง แต่ระยะหลังนี้ กลับโด่งดัง มีชื่อพาดหัวข่าวบ่อยคือ โซมาเลีย Somalia วันนี้ใครไม่รู้จัก เยเมนและโซมาเลีย ออกจะเชยนะครับ อเมริกาและเพนตากอน เริ่มจัดกองกำลังไปอยู่ที่ Bab el-Mandab ที่อยู่ตรงส่วนแคบที่สุด ของอ่าวเอเดน ด้วยการโหมข่าวเรื่องสลัดโซมาเลีย และเรื่อง อัลไคด้า หรืออัลกออิดะ Al Qaeda ที่คืนชีพ และ “บังเอิญ” เลือกที่ตั้งฐานใหม่อยู่ที่เยเมน ในช่วงปี ค.ศ.2009 มันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกา ที่ต้องการเป็นผู้ควบคุม (และปิดกั้น เมื่อต้องการ) การใช้เส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน ที่แน่นขนัด เส้นสำคัญของในโลก นอกจากนี้ มีข่าวว่า ยังมีแหล่งน้ำมันที่ยังไม่ได้พัฒนา หลบซ่อนอยู่ในบริเวณระหว่างเยเมนกับซาอุดิอารเบีย ที่อาจมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกแหล่งหนึ่ง เหลืออยู่ เยเมน จึงกลายเป็นเป้าสำคัญอย่างน่าสงสาร การเขย่าเยเมนยกแรก เริ่มจากการเป็นข่าวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.2009 เกี่ยวกับการจับกุม นาย Abdullah ชาวไนจีเรีย ที่เป็นพนักงานทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลอเมริกาว่า เขาลอบนำวัตถุระเบิดซ่อนไว้ในกางเกงใน (ช่างเลือกที่ซ่อนจริงวุ้ย) แล้วขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Northwest Airlines ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอรฺ์แลนด์ เพื่อบินไปยังเมืองดีทรอยท์ในอเมริกา เขาถูกจับได้และถูกนำตัวมาดำเนินคดีฐานพยายามนำวัตถุระเบิดขึ้นเครื่องบิน และพยายามระเบิดเครื่องบิน หลังจากนั้นกระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็ทำหน้าที่โหมข่าวว่า นาย Abdullah นี้ ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ได้รับการฝึกอบรมมาจากเยเมน เพื่อมาปฏิบัติภาระกิจนี้ เขาได้รับการฝึกจากองค์กรที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่คือ Al Qaeda in the Arabian Peninsula (AQAP) ที่มีฐานอยู่ที่เยเมน ซึ่งน่าจะเป็นศูนย์กลางใหม่ของพวกอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ คนดูข่าวโลกกว้าง ทำหน้างงเป็นไก่ถูกตีหัว อะไรนะ เยเมน อยู่ตรงไหนนะ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน เรียนภูมิศาสตร์ในโรงเรียนบ้านเรา โลกแคบนิดเดียว ไม่เห็นมีชื่อประเทศนี้เลย และด้วยข่าวชิ้นนี้ เยเมน ประเทศเล็กๆ ก็ได้ขึ้นชั้น เป็นเป้าใหม่เอี่ยมอยู่ในกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่สำคัญของอเมริกา สำคัญพอที่อเมริกา จะยกกองกำลังไปปักหลักเฝ้าอยู่ที่เยเมนเลยทีเดียว จริงๆ มันมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเยเมน ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.2009 แล้ว อยู่ดีๆ นาย Tariq al-Fadhli อดีตหัวหน้ากลุ่มระเบิดพลีชีพ jihadist ที่มาจากเยเมนใต้ ที่เคยเป็นคอหอยลูกกระเดือก สนับสนุน Ali Abdullah Saleh ประธานาธิบดีของเยเมน ก็ดันประกาศตัดสัมพันธ์ 15 ปี กับประธานาธิบดี Saleh อย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย บอกว่าจะไปละนะ ไปรวมตัวกับพวกเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ Southern Movement (SM) ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เอะ จะไปทำอะไรที่เยเมนใต้ Al-Fadhli นี่ไม่ธรรมดา นับว่าเขาเป็นศิษย์เก่าสถาบันซี ไอเอของอเมริกาทีเดียว เพราะเขาเคยเป็นสมาชิก ของพวกมูจาฮิดีน Mujahideen ในอาฟกานิสถานอยู่หลายปี ในช่วงตั้งแต่ ค.ศ.1980 พวกมูจาฮิดีนนี้ มีซีไอเอ เป็นผู้ฝึกให้ เพื่อเอาไว้ให้ รบกับสหภาพโซเวียต al- Fadhli ได้รับการฝึกจากซีไอเอ รุ่นเดียวกับเพื่อนอีกคน ที่เป็นลูกเศรษฐีชาวซาอุ เชื้อสายเยเมน ชื่อ โอซามา บิน ลาเดน Osama bin Laden คนนั้นแหล่ะ สำนักงานใหญ่ของ อัลไคดาของจริง เขาก็ว่าอยู่ที่แลงลี่ Langley Virginia ในอเมริกา ก็สำนักงานใหญ่ของซีไอเอนั่นเอง มันเป็นรายการต้มตุ๋นทั้งโลกจริงๆ เรื่องของเยเมน นี่ มีหลายมิติ เยเมนนั้นมารวมตัวเป็นรัฐเดียวกัน ในปี ค.ศ.1990 หลังจากสหภาพโซเวียตแตกสลาย เดิมเยเมนใต้ หรือชื่อเต็มว่า สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเยเมน Peoples’s Democratic Republic of Yemen (PDRY) เคยเป็นรัฐที่มีความผูกพันกับสหภาพ โซเวียต เมื่อสหภาพโซเวียตแตก เยเมนใต้ก็ขาดลอย ขาดลูกพี่ จึงมารวมตัวกับเยเมนเหนือ Yemen Arab Republic คงมองเห็นภาพอะไรรางๆนะครับ แต่ก็ดูเหมือนจะรวมกันอยู่อย่าง ไม่ค่อยราบรื่น ตั้งแต่รวมกัน ก็มีเรื่องขบกันมาตลอด จนปี ค.ศ.1994 เกิดสงครามกลางเมือง เยเมนใต้ทนเห็นความขี้โกง ของรัฐบาล ที่นำโดยประธานาธิบดี Saleh ของเยเมนเหนือไม่ไหว เลยลุกขึ้นมาไล่ Saleh ซึ่งปกครองเยเมนเหนือมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 พอมีการรวมเยเมนเหนือใต้เข้าด้วยกัน ก็เลยเป็นประธานาธิบดีของเยเมนที่รวมตัวกันต่อไปด้วย แต่เยเมนใต้รบไม่ชนะในสงครามกลางเมืองครั้งนั้น ทั้ง 2 เยเมน ก็เลยยังต้องผูกติดกันอยู่ต่อไป และรักกันน้อยลงไปอีก ก่อนปี ค.ศ.1990 อเมริกาและซาอุดิอารเบีย ให้การสนับสนุน Saleh และนโยบายรัฐอิสลามของ Saleh อย่างเต็มที่ เพื่อกันไม่ให้เยเมนใต้ ซึ่งมีเชื้อคอมมิวนิสต์สายโซเวียต มาร่วมด้วย Saleh จึงปกครองโดยมีกลุ่ม นักรบพลีชีพ ซาลาฟิส Salafist-jihadi ซึ่งใครไม่รู้ส่งมาสนับสนุน เมื่อ al-Fadhli ซึ่งเป็นจีฮาด อยู่ดีๆ ก็ประกาศแยกตัวจาก Saleh กลับไปปักหลักที่เยเมนใต้ Saleh ก็น่าจะเหนื่อย หลังจาก al-Fadhli มารวมกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ ในเดือนเมษายน ค.ศ.2009 การประท้วงรัฐบาลในเมืองต่างๆ ทางเยเมนใต้ ก็ลามเพิ่มขี้นไปตามเมืองต่างๆ และเงื่อนไขข้อเรียกร้องก็เพิ่มขึ้นไปด้วย แค่เรื่องเยเมนใต้ Saleh ก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว ทางเหนือก็เกิดมีการลุกฮือขึ้นโดยพวก ฮูตติ ชิอะห์ Shi’ite al Houthi Zaydi ซึ่ง Saleh บอกว่า พวกฮูตติ นี่ มีทั้งอิรัคและอิหร่านสนับสนุน เจ้าหน้าที่เยเมนยีดอาวุธที่ทำในอิหร่าน ได้จากพวกฮูตติ ส่วนฮูตติ ก็อ้างว่าอาวุธที่พวกเขายึดได้จากพวกเยเมนเหนือ เป็นอาวุธที่มีเครื่องหมายของซาอุดิอารเบียทั้งนั้น เมืองซานะ (เมืองหลวงของเยเมน) น่ะ กลายเป็น ขี้ข้าของซาอุดิอารเบีย แล้วซินะ เรื่องในเยเมน ชักยุ่งรุงรังไปหมด ลากมาเกี่ยวมันทุกเรื่อง กลัวคนไม่รู้ว่าใครวางแผน และไม่รู้ว่าจะมีแผนซ้อนอีกต่อหรือเปล่า…. สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • EP 105
    วิเคราะห์หุ้นจาก INDICATOR
    BY.
    EP 105 วิเคราะห์หุ้นจาก INDICATOR BY.
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 0 Reviews
  • https://youtu.be/IkMSkLw9qGM?si=CNy5LoRLgsMPguf5
    https://youtu.be/IkMSkLw9qGM?si=CNy5LoRLgsMPguf5
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด

    ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์

    รายละเอียดของสมองเสมือน
    แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์

    ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง
    สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้

    เป้าหมายในอนาคต
    ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสร้างสมองเสมือนจริง
    ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku
    จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ

    รายละเอียดเชิงเทคนิค
    9 ล้านเซลล์ประสาท
    26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง

    ประโยชน์ต่อการแพทย์
    ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก
    วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์
    ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง

    https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    🖥️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์ 🔬 รายละเอียดของสมองเสมือน แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์ 🧠 ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้ 🌍 เป้าหมายในอนาคต ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสร้างสมองเสมือนจริง ➡️ ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ➡️ จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ ✅ รายละเอียดเชิงเทคนิค ➡️ 9 ล้านเซลล์ประสาท ➡️ 26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง ✅ ประโยชน์ต่อการแพทย์ ➡️ ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก ➡️ วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์ ⛔ ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Supercomputer Creates One of The Most Realistic Virtual Brains Ever Seen
    Getting a better understanding of how the brain works is tricky, as living brains aren't easily prodded and analyzed.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • นกดึกดำบรรพ์ที่เสียชีวิตเพราะหิน 800 ก้อน

    นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบฟอสซิลของนกโบราณชื่อ Chromeornis funkyi อายุราว 120 ล้านปี ที่มีหินเล็ก ๆ กว่า 800 ก้อนติดอยู่ในลำคอ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตโดยการสำลักหินก้อนมหึมาในครั้งเดียว

    ปริศนาพฤติกรรมการกินหิน
    โดยทั่วไปนกบางชนิดจะกินหินเล็ก ๆ หรือ gastroliths เพื่อช่วยบดอาหารในกระเพาะ แต่ Chromeornis ไม่มีโครงสร้างกระเพาะแบบนั้น อีกทั้งจำนวนหินที่พบมากเกินไปและมีองค์ประกอบแตกต่างกัน จึงไม่ใช่การกินเพื่อช่วยย่อยอาหาร นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความผิดปกติทางสุขภาพ เช่น การพยายามกำจัดพยาธิ หรือการขาดสารอาหาร

    หลักฐานจากฟอสซิลที่สมบูรณ์
    ฟอสซิลนี้ถูกค้นพบในจีนและอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากจนยังเห็นร่องรอยเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ขน กล้ามเนื้อ และสีตา ทำให้นักวิจัยสามารถระบุได้ว่า Chromeornis เป็นสมาชิกของตระกูล Longipterygidae ซึ่งเป็นนกขนาดเล็ก มีฟันเฉพาะที่ปลายจะงอยปาก

    ความหมายต่อการศึกษาวิวัฒนาการ
    การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นสาเหตุการตายที่แปลกประหลาด แต่ยังช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมและความเปราะบางของนกดึกดำบรรพ์ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พวกมันสูญพันธุ์ไปในเหตุการณ์ Cretaceous-Paleogene mass extinction เมื่อ 66 ล้านปีก่อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบฟอสซิล Chromeornis funkyi
    อายุราว 120 ล้านปี
    พบหินกว่า 800 ก้อนในลำคอ

    พฤติกรรมการกินหินผิดปกติ
    ไม่ใช่ gastroliths สำหรับช่วยย่อยอาหาร
    อาจเกิดจากความเจ็บป่วยหรือขาดสารอาหาร

    หลักฐานจากฟอสซิลสมบูรณ์
    เห็นร่องรอยขน กล้ามเนื้อ และสีตา
    จัดอยู่ในตระกูล Longipterygidae

    ข้อควรระวังในการตีความ
    ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไม Chromeornis กินหินจำนวนมาก
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสมมติฐานทางสุขภาพและพฤติกรรม

    https://www.sciencealert.com/this-prehistoric-bird-choked-to-death-on-800-rocks-and-no-one-knows-why
    🐦 นกดึกดำบรรพ์ที่เสียชีวิตเพราะหิน 800 ก้อน นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบฟอสซิลของนกโบราณชื่อ Chromeornis funkyi อายุราว 120 ล้านปี ที่มีหินเล็ก ๆ กว่า 800 ก้อนติดอยู่ในลำคอ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตโดยการสำลักหินก้อนมหึมาในครั้งเดียว 🪨 ปริศนาพฤติกรรมการกินหิน โดยทั่วไปนกบางชนิดจะกินหินเล็ก ๆ หรือ gastroliths เพื่อช่วยบดอาหารในกระเพาะ แต่ Chromeornis ไม่มีโครงสร้างกระเพาะแบบนั้น อีกทั้งจำนวนหินที่พบมากเกินไปและมีองค์ประกอบแตกต่างกัน จึงไม่ใช่การกินเพื่อช่วยย่อยอาหาร นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความผิดปกติทางสุขภาพ เช่น การพยายามกำจัดพยาธิ หรือการขาดสารอาหาร 🧪 หลักฐานจากฟอสซิลที่สมบูรณ์ ฟอสซิลนี้ถูกค้นพบในจีนและอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากจนยังเห็นร่องรอยเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ขน กล้ามเนื้อ และสีตา ทำให้นักวิจัยสามารถระบุได้ว่า Chromeornis เป็นสมาชิกของตระกูล Longipterygidae ซึ่งเป็นนกขนาดเล็ก มีฟันเฉพาะที่ปลายจะงอยปาก 🌍 ความหมายต่อการศึกษาวิวัฒนาการ การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นสาเหตุการตายที่แปลกประหลาด แต่ยังช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมและความเปราะบางของนกดึกดำบรรพ์ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พวกมันสูญพันธุ์ไปในเหตุการณ์ Cretaceous-Paleogene mass extinction เมื่อ 66 ล้านปีก่อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบฟอสซิล Chromeornis funkyi ➡️ อายุราว 120 ล้านปี ➡️ พบหินกว่า 800 ก้อนในลำคอ ✅ พฤติกรรมการกินหินผิดปกติ ➡️ ไม่ใช่ gastroliths สำหรับช่วยย่อยอาหาร ➡️ อาจเกิดจากความเจ็บป่วยหรือขาดสารอาหาร ✅ หลักฐานจากฟอสซิลสมบูรณ์ ➡️ เห็นร่องรอยขน กล้ามเนื้อ และสีตา ➡️ จัดอยู่ในตระกูล Longipterygidae ‼️ ข้อควรระวังในการตีความ ⛔ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไม Chromeornis กินหินจำนวนมาก ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสมมติฐานทางสุขภาพและพฤติกรรม https://www.sciencealert.com/this-prehistoric-bird-choked-to-death-on-800-rocks-and-no-one-knows-why
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    This Prehistoric Bird Choked to Death on 800 Rocks, And No One Knows Why
    A prehistoric bird that lived and died 120 million years ago has presented forensic paleontologists with a baffling medical mystery.
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline

    เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro
    เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review

    การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3
    ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง
    https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus

    เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli
    นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี
    https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it

    Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX
    เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division

    Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง
    บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way

    AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI
    สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space

    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac
    Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it

    Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt
    เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it

    Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา
    ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you

    Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง
    หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026
    https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why

    การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware
    หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure

    Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026
    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026

    DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง
    อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player

    Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์
    Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers

    Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous

    EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring

    ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT
    เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย
    https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors

    แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล
    นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล
    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code

    Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง
    Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้
    https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in

    CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม”
    Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem

    ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI
    บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง”
    https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race

    ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt

    ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน
    หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย
    https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai

    หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว
    CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns

    งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์
    Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ
    https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful

    EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp
    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy

    ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที
    React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ
    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now

    Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร
    หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline 🪑 เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review 💿 การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3 ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus 📱 เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี 🔗 https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it 💻 Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division 🌐 Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way 🚀 AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space 🤖 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it 🖥️ Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it 💼 Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you 🤖 Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why ⚠️ การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure 📡 Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026 🎶 DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player 📺 Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers 🤔 Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous 🛡️ EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring 📡 ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors 💻 แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code 📱 Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in 🤖 CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม” Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem 🚀 ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง” 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race 🎙️ ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt 📱 ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย 🔗 https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai 🛡️ หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns 🤖 งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์ Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful ⚖️ EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy ⚠️ ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now 💰 Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline

    React2Shell: ช่องโหว่ร้ายแรงถูกโจมตีทันที
    มีการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน React ที่ชื่อว่า React2Shell (CVE-2025-55182) ซึ่งร้ายแรงถึงขั้นได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 ช่องโหว่นี้เกิดจากการทำงานของ React Server Components ที่สามารถถูกใช้เพื่อรันโค้ดจากระยะไกลโดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน เพียงแค่ระบบรองรับฟีเจอร์นี้ก็เสี่ยงทันที หลังจากถูกเปิดเผยเพียงไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีน เช่น Earth Lamia และ Jackpot Panda ก็เริ่มโจมตีทันที โดยใช้วิธีการยิงคำสั่งจำนวนมาก แม้หลายตัวอย่างโค้ดที่เผยแพร่จะไม่ทำงานจริง แต่พวกเขายังคงใช้เพื่อหวังเจอเป้าหมายที่อ่อนแอ การโจมตีบางครั้งถึงขั้นมีการดีบักแบบ manual บนเซิร์ฟเวอร์เป้าหมาย ทำให้เห็นชัดว่ามีการพยายามเจาะระบบอย่างจริงจัง
    https://securityonline.info/react2shell-storm-china-nexus-groups-weaponize-critical-react-flaw-hours-after-disclosure

    ช่องโหว่ PDF Trap ใน Apache Tika
    อีกหนึ่งข่าวใหญ่คือการค้นพบช่องโหว่ใน Apache Tika Core ที่ชื่อว่า PDF Trap (CVE-2025-66516) ซึ่งก็ได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 เช่นกัน ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ไฟล์ PDF ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจงเพื่อเข้าควบคุมระบบได้ทันที เนื่องจาก Tika ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลเอกสาร ทำให้ความเสี่ยงนี้กระทบวงกว้างมาก โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ Tika ในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล
    https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core

    มัลแวร์ขุดคริปโตแบบลับ ๆ ผ่าน USB
    มีรายงานการพบมัลแวร์ใหม่ที่ใช้เทคนิคซ่อนตัวอย่างแนบเนียน โดยอาศัยไฟล์ USB LNK และ DLL side-loading เพื่อแพร่กระจายและติดตั้งตัวเอง จุดเด่นคือมันสามารถทำงานแบบ “Smart Mining” คือเลือกเวลาที่เหมาะสมในการขุดคริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ทำให้ผู้ใช้แทบไม่รู้ว่าระบบถูกใช้ไปในการขุดเงินดิจิทัล
    https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion

    Apache HTTP Server อุดช่องโหว่ SSRF
    Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SSRF (CVE-2025-59775) ที่สามารถทำให้ผู้โจมตีดึงข้อมูล NTLM Hashes จาก Windows และยังมีการแก้ไขช่องโหว่ที่เกี่ยวกับการ bypass suexec อีกด้วย การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ Apache ในการให้บริการเว็บ เพราะหากไม่อัปเดตทันที อาจเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบและขโมยข้อมูลสำคัญ
    https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass

    รัสเซียบล็อก FaceTime แบบเข้ารหัส
    รัฐบาลรัสเซียได้ดำเนินการบล็อกการใช้งาน FaceTime ที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในระดับเครือข่าย ทำให้ผู้ใช้ในประเทศไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ การบล็อกครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามควบคุมการสื่อสารที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยในการติดต่อสื่อสาร
    https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime

    ระบบป้องกันการโทรหลอกลวงบน Android
    มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ช่วยป้องกันการโทรหลอกลวง โดยจะ หยุดสายโทรออกชั่วคราว 30 วินาที หากผู้ใช้กำลังใช้งานแอปการเงิน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกหลอกให้โอนเงินหรือทำธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่อ่อนไหว ถือเป็นการเพิ่มชั้นความปลอดภัยที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางสังคมวิศวกรรม (social engineering)
    https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use

    AI ถูกฝึกให้ “สารภาพ” ความผิดพลาด
    OpenAI กำลังทดลองฝึกโมเดล AI ให้สามารถ ยอมรับและสารภาพความผิดพลาดหรือการหลอนข้อมูล (hallucinations) ได้เอง แนวคิดนี้คือการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยให้ AI สามารถบอกผู้ใช้ว่า “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” หรือ “ผมอาจเข้าใจผิด” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อใช้ AI ในงานสำคัญ
    https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations

    Webinar ของ Criminal IP: Beyond CVEs
    Criminal IP เตรียมจัด Webinar ในหัวข้อ “Beyond CVEs – From Visibility to Action with ASM” โดยเน้นการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่มากกว่าแค่การรู้จักช่องโหว่ (CVE) แต่ไปถึงการลงมือแก้ไขและจัดการเชิงรุก Webinar นี้จะช่วยให้องค์กรเข้าใจการใช้ Attack Surface Management (ASM) เพื่อสร้างความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น
    https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm

    Sprocket Security ได้รับการยอมรับซ้ำอีกครั้ง
    บริษัท Sprocket Security ได้รับการจัดอันดับซ้ำในดัชนี G2’s Winter 2025 Relationship Index สำหรับบริการทดสอบเจาะระบบ (penetration testing) การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและคุณภาพของบริการที่ลูกค้าไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing
    📌🔐🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣🔐📌 #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline 🛡️ React2Shell: ช่องโหว่ร้ายแรงถูกโจมตีทันที มีการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน React ที่ชื่อว่า React2Shell (CVE-2025-55182) ซึ่งร้ายแรงถึงขั้นได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 ช่องโหว่นี้เกิดจากการทำงานของ React Server Components ที่สามารถถูกใช้เพื่อรันโค้ดจากระยะไกลโดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน เพียงแค่ระบบรองรับฟีเจอร์นี้ก็เสี่ยงทันที หลังจากถูกเปิดเผยเพียงไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีน เช่น Earth Lamia และ Jackpot Panda ก็เริ่มโจมตีทันที โดยใช้วิธีการยิงคำสั่งจำนวนมาก แม้หลายตัวอย่างโค้ดที่เผยแพร่จะไม่ทำงานจริง แต่พวกเขายังคงใช้เพื่อหวังเจอเป้าหมายที่อ่อนแอ การโจมตีบางครั้งถึงขั้นมีการดีบักแบบ manual บนเซิร์ฟเวอร์เป้าหมาย ทำให้เห็นชัดว่ามีการพยายามเจาะระบบอย่างจริงจัง 🔗 https://securityonline.info/react2shell-storm-china-nexus-groups-weaponize-critical-react-flaw-hours-after-disclosure 📄 ช่องโหว่ PDF Trap ใน Apache Tika อีกหนึ่งข่าวใหญ่คือการค้นพบช่องโหว่ใน Apache Tika Core ที่ชื่อว่า PDF Trap (CVE-2025-66516) ซึ่งก็ได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 เช่นกัน ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ไฟล์ PDF ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจงเพื่อเข้าควบคุมระบบได้ทันที เนื่องจาก Tika ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลเอกสาร ทำให้ความเสี่ยงนี้กระทบวงกว้างมาก โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ Tika ในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล 🔗 https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core 💻 มัลแวร์ขุดคริปโตแบบลับ ๆ ผ่าน USB มีรายงานการพบมัลแวร์ใหม่ที่ใช้เทคนิคซ่อนตัวอย่างแนบเนียน โดยอาศัยไฟล์ USB LNK และ DLL side-loading เพื่อแพร่กระจายและติดตั้งตัวเอง จุดเด่นคือมันสามารถทำงานแบบ “Smart Mining” คือเลือกเวลาที่เหมาะสมในการขุดคริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ทำให้ผู้ใช้แทบไม่รู้ว่าระบบถูกใช้ไปในการขุดเงินดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion 🌐 Apache HTTP Server อุดช่องโหว่ SSRF Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SSRF (CVE-2025-59775) ที่สามารถทำให้ผู้โจมตีดึงข้อมูล NTLM Hashes จาก Windows และยังมีการแก้ไขช่องโหว่ที่เกี่ยวกับการ bypass suexec อีกด้วย การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ Apache ในการให้บริการเว็บ เพราะหากไม่อัปเดตทันที อาจเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบและขโมยข้อมูลสำคัญ 🔗 https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass 🚫 รัสเซียบล็อก FaceTime แบบเข้ารหัส รัฐบาลรัสเซียได้ดำเนินการบล็อกการใช้งาน FaceTime ที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในระดับเครือข่าย ทำให้ผู้ใช้ในประเทศไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ การบล็อกครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามควบคุมการสื่อสารที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยในการติดต่อสื่อสาร 🔗 https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime 📱 ระบบป้องกันการโทรหลอกลวงบน Android มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ช่วยป้องกันการโทรหลอกลวง โดยจะ หยุดสายโทรออกชั่วคราว 30 วินาที หากผู้ใช้กำลังใช้งานแอปการเงิน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกหลอกให้โอนเงินหรือทำธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่อ่อนไหว ถือเป็นการเพิ่มชั้นความปลอดภัยที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางสังคมวิศวกรรม (social engineering) 🔗 https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use 🤖 AI ถูกฝึกให้ “สารภาพ” ความผิดพลาด OpenAI กำลังทดลองฝึกโมเดล AI ให้สามารถ ยอมรับและสารภาพความผิดพลาดหรือการหลอนข้อมูล (hallucinations) ได้เอง แนวคิดนี้คือการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยให้ AI สามารถบอกผู้ใช้ว่า “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” หรือ “ผมอาจเข้าใจผิด” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อใช้ AI ในงานสำคัญ 🔗 https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations 🎤 Webinar ของ Criminal IP: Beyond CVEs Criminal IP เตรียมจัด Webinar ในหัวข้อ “Beyond CVEs – From Visibility to Action with ASM” โดยเน้นการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่มากกว่าแค่การรู้จักช่องโหว่ (CVE) แต่ไปถึงการลงมือแก้ไขและจัดการเชิงรุก Webinar นี้จะช่วยให้องค์กรเข้าใจการใช้ Attack Surface Management (ASM) เพื่อสร้างความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm 🏆 Sprocket Security ได้รับการยอมรับซ้ำอีกครั้ง บริษัท Sprocket Security ได้รับการจัดอันดับซ้ำในดัชนี G2’s Winter 2025 Relationship Index สำหรับบริการทดสอบเจาะระบบ (penetration testing) การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและคุณภาพของบริการที่ลูกค้าไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • Ryzen AI Max Refresh

    รายงานจาก Wccftech ระบุว่า AMD จะไม่หยุดที่ Strix Halo แต่จะขยายไลน์ด้วย Ryzen AI Max Refresh SKUs ที่เจาะตลาด mid-range และ high-end โดยยังคงใช้กราฟิกในตัวที่ทรงพลังเหมือนเดิม แต่เพิ่มความเร็วหน่วยความจำเป็น 8533 MT/s เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม【edge_current_page_context】

    รายละเอียดทางเทคนิค
    ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Strix Halo แต่เพิ่ม clock speed และปรับสเปกเล็กน้อย
    รองรับ LPDDR5X-8533 MT/s (เพิ่มจาก 8000 MT/s)
    คาดว่าจะมีรุ่น Ryzen AI Max+ 388 และ 392 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ใน Refresh หรือ Strix Halo เดิม
    อาจมีการเปิดตัวหรือ “tease” ที่งาน CES 2026

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด
    รุ่น Refresh จะช่วยให้ AMD มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นสำหรับ โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา
    แม้จะไม่ใช่การอัปเกรดครั้งใหญ่ แต่การเพิ่มความเร็วหน่วยความจำจะช่วยให้การทำงานด้าน AI และกราฟิก มีประสิทธิภาพดีขึ้น
    ตลาด mid-range จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะรุ่น Refresh อาจมี สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ ที่ดีกว่า

    ความท้าทาย
    การอัปเดตครั้งนี้อาจถูกมองว่า “incremental” ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
    คู่แข่งอย่าง Intel และ Qualcomm กำลังเร่งพัฒนา AI PC ของตนเอง ทำให้ AMD ต้องรักษาความได้เปรียบด้านกราฟิกและหน่วยความจำ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen AI Max Refresh จะรองรับ LPDDR5X-8533 MT/s
    เป้าหมายตลาด mid-range และ high-end
    อาจเปิดตัวที่ CES 2026
    เป็นการอัปเดต incremental ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงใหญ่

    https://wccftech.com/ryzen-ai-max-refresh-lpddr5x-8533-memory/
    📰 Ryzen AI Max Refresh รายงานจาก Wccftech ระบุว่า AMD จะไม่หยุดที่ Strix Halo แต่จะขยายไลน์ด้วย Ryzen AI Max Refresh SKUs ที่เจาะตลาด mid-range และ high-end โดยยังคงใช้กราฟิกในตัวที่ทรงพลังเหมือนเดิม แต่เพิ่มความเร็วหน่วยความจำเป็น 8533 MT/s เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม【edge_current_page_context】 🔧 รายละเอียดทางเทคนิค 💠 ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Strix Halo แต่เพิ่ม clock speed และปรับสเปกเล็กน้อย 💠 รองรับ LPDDR5X-8533 MT/s (เพิ่มจาก 8000 MT/s) 💠 คาดว่าจะมีรุ่น Ryzen AI Max+ 388 และ 392 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ใน Refresh หรือ Strix Halo เดิม 💠 อาจมีการเปิดตัวหรือ “tease” ที่งาน CES 2026 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด 🎗️ รุ่น Refresh จะช่วยให้ AMD มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นสำหรับ โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา 🎗️ แม้จะไม่ใช่การอัปเกรดครั้งใหญ่ แต่การเพิ่มความเร็วหน่วยความจำจะช่วยให้การทำงานด้าน AI และกราฟิก มีประสิทธิภาพดีขึ้น 🎗️ ตลาด mid-range จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะรุ่น Refresh อาจมี สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ ที่ดีกว่า ⚠️ ความท้าทาย 🎗️ การอัปเดตครั้งนี้อาจถูกมองว่า “incremental” ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง 🎗️ คู่แข่งอย่าง Intel และ Qualcomm กำลังเร่งพัฒนา AI PC ของตนเอง ทำให้ AMD ต้องรักษาความได้เปรียบด้านกราฟิกและหน่วยความจำ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen AI Max Refresh จะรองรับ LPDDR5X-8533 MT/s ✅ เป้าหมายตลาด mid-range และ high-end ✅ อาจเปิดตัวที่ CES 2026 ‼️ เป็นการอัปเดต incremental ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ https://wccftech.com/ryzen-ai-max-refresh-lpddr5x-8533-memory/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI Max "Refresh" Launch Expected Next Year With Support Up To 8533 MT/s Memory
    As per our source, AMD is going to release Ryzen AI Max "Refresh" series soon, and is expected to support 8533 MT/s memory speed.
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • Intel ขาดแคลนเวเฟอร์ Lunar Lake และ Arrow Lake

    Intel ยอมรับว่ากำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแผ่นเวเฟอร์สำหรับซีรีส์ Core Ultra 200 (Arrow Lake และ Lunar Lake) ที่ผลิตโดย TSMC ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้ แม้ความต้องการพีซี AI จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    John Pitzer รองประธานฝ่ายวางแผนของ Intel กล่าวในงาน UBS Global Technology and AI Conference 2025 ว่า “ถ้าเรามีเวเฟอร์ Lunar Lake มากกว่านี้ เราก็จะขายได้มากกว่านี้” ปัญหานี้เกิดจากการที่ Intelสั่งจองกำลังการผลิตจาก TSMC น้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สาเหตุและข้อจำกัด
    Logic tiles ของ Arrow Lake และ Lunar Lake ผลิตโดย TSMC บนเทคโนโลยี N3B (3nm-class)
    Intel ทำการ packaging เอง แต่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทัน
    ความต้องการหน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับ Lunar Lake มีเพียงพอ แต่ปัญหาหลักคือ การเข้าถึงกำลังผลิตเวเฟอร์ขั้นสูงของ TSMC ที่ถูกใช้งานเต็มกำลังจากความต้องการ AI ทั่วโลก

    ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด
    แม้ตลาดพีซีโดยรวมจะไม่เติบโตสูง แต่ความต้องการ AI PC กลับพุ่งขึ้นอย่างมาก ทำให้ Intel ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ส่งผลให้คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด ขณะเดียวกัน Intel ยังต้องจัดสรรเวเฟอร์สำหรับ Xeon 6 Granite Rapids ที่ใช้ Intel 3 ซึ่งก็มีข้อจำกัดด้านกำลังผลิตเช่นกัน

    ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    หาก Intel ไม่สามารถแก้ปัญหาการจัดหากำลังผลิตจาก TSMC ได้ทันเวลา อาจต้องเผชิญกับการปรับขึ้นราคาชิป และเสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคที่ต้องการพีซี AI รุ่นใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel ยอมรับปัญหาขาดแคลนเวเฟอร์ Core Ultra 200
    Lunar Lake และ Arrow Lake ไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการ

    สาเหตุจากการสั่งจองกำลังผลิต TSMC น้อยเกินไป
    ใช้เทคโนโลยี N3B ที่มีความต้องการสูงทั่วโลก

    ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด
    คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด AI PC

    คำเตือนต่อ Intel และผู้บริโภค
    อาจต้องปรับขึ้นราคาชิปหากไม่สามารถแก้ปัญหากำลังผลิตได้
    เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นในตลาด AI PC

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-admits-it-needs-more-core-ultra-200-series-wafers-if-we-had-more-lunar-lake-wafers-we-would-be-selling-more-lunar-lake
    🖥️ Intel ขาดแคลนเวเฟอร์ Lunar Lake และ Arrow Lake Intel ยอมรับว่ากำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแผ่นเวเฟอร์สำหรับซีรีส์ Core Ultra 200 (Arrow Lake และ Lunar Lake) ที่ผลิตโดย TSMC ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้ แม้ความต้องการพีซี AI จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง John Pitzer รองประธานฝ่ายวางแผนของ Intel กล่าวในงาน UBS Global Technology and AI Conference 2025 ว่า “ถ้าเรามีเวเฟอร์ Lunar Lake มากกว่านี้ เราก็จะขายได้มากกว่านี้” ปัญหานี้เกิดจากการที่ Intelสั่งจองกำลังการผลิตจาก TSMC น้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 🔧 สาเหตุและข้อจำกัด 💠 Logic tiles ของ Arrow Lake และ Lunar Lake ผลิตโดย TSMC บนเทคโนโลยี N3B (3nm-class) 💠 Intel ทำการ packaging เอง แต่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทัน 💠 ความต้องการหน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับ Lunar Lake มีเพียงพอ แต่ปัญหาหลักคือ การเข้าถึงกำลังผลิตเวเฟอร์ขั้นสูงของ TSMC ที่ถูกใช้งานเต็มกำลังจากความต้องการ AI ทั่วโลก 🌍 ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด แม้ตลาดพีซีโดยรวมจะไม่เติบโตสูง แต่ความต้องการ AI PC กลับพุ่งขึ้นอย่างมาก ทำให้ Intel ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ส่งผลให้คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด ขณะเดียวกัน Intel ยังต้องจัดสรรเวเฟอร์สำหรับ Xeon 6 Granite Rapids ที่ใช้ Intel 3 ซึ่งก็มีข้อจำกัดด้านกำลังผลิตเช่นกัน ⚠️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง หาก Intel ไม่สามารถแก้ปัญหาการจัดหากำลังผลิตจาก TSMC ได้ทันเวลา อาจต้องเผชิญกับการปรับขึ้นราคาชิป และเสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคที่ต้องการพีซี AI รุ่นใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel ยอมรับปัญหาขาดแคลนเวเฟอร์ Core Ultra 200 ➡️ Lunar Lake และ Arrow Lake ไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการ ✅ สาเหตุจากการสั่งจองกำลังผลิต TSMC น้อยเกินไป ➡️ ใช้เทคโนโลยี N3B ที่มีความต้องการสูงทั่วโลก ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด ➡️ คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด AI PC ‼️ คำเตือนต่อ Intel และผู้บริโภค ⛔ อาจต้องปรับขึ้นราคาชิปหากไม่สามารถแก้ปัญหากำลังผลิตได้ ⛔ เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นในตลาด AI PC https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-admits-it-needs-more-core-ultra-200-series-wafers-if-we-had-more-lunar-lake-wafers-we-would-be-selling-more-lunar-lake
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • Dell และ Lenovo ขึ้นราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์

    Dell และ Lenovo เตรียมปรับขึ้นราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์สูงสุดถึง 15% ภายในเดือนธันวาคม 2025 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำ (DRAM) และชิปที่เกี่ยวข้องกับ AI พุ่งสูงจนทำให้ตลาดตึงตัวอย่างหนัก

    รายงานจาก TrendForce ระบุว่า Dell และ Lenovo กำลังแจ้งลูกค้าให้เตรียมรับมือกับการปรับขึ้นราคาสำคัญ โดย Dell อาจขึ้นราคาสูงถึง 15–20% ในช่วงกลางเดือนธันวาคม ขณะที่ Lenovo จะปรับขึ้นราคาตั้งแต่ต้นปี 2026 โดยราคาที่เสนอในปัจจุบันจะหมดอายุในวันที่ 1 มกราคม 2026

    สาเหตุจากความต้องการ DRAM และ AI
    Jeff Clarke, COO ของ Dell กล่าวว่าต้นทุนหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ไม่ใช่แค่ DRAM แต่ยังรวมถึง NAND, HDD และแม้แต่โหนดการผลิตชิปอื่น ๆ สาเหตุหลักมาจาก การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ที่ดูดซับทรัพยากรการผลิตไปจำนวนมหาศาล ทำให้ตลาดผู้บริโภคและธุรกิจทั่วไปต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภค
    TrendForce เดิมคาดการณ์ว่าตลาดโน้ตบุ๊กปี 2026 จะเติบโต 1.7% แต่ล่าสุดปรับลดเป็น ติดลบ 2.6% เนื่องจากผู้ผลิตใหญ่ เช่น Samsung, LG, Dell, HP และ Lenovo ต้องทบทวนแผนการผลิตใหม่ทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าความต้องการ AI กำลังเปลี่ยนโครงสร้างตลาดฮาร์ดแวร์โลกอย่างรวดเร็ว

    ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    Lenovo แนะนำให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาในรอบถัดไป ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้ตลาดผู้บริโภคทั่วไปถูกกดดันจนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ในราคาที่เหมาะสม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Dell และ Lenovo เตรียมขึ้นราคาสูงสุด 15–20%
    Dell เริ่มกลางเดือนธันวาคม, Lenovo เริ่มต้นปี 2026

    สาเหตุจากความต้องการ DRAM และ AI
    ต้นทุนหน่วยความจำและชิปทุกประเภทพุ่งสูง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ตลาดโน้ตบุ๊กปี 2026 ถูกปรับคาดการณ์เป็นติดลบ 2.6%

    คำเตือนต่อผู้บริโภคและธุรกิจ
    หากไม่สั่งซื้อก่อน อาจเจอราคาที่สูงขึ้นในรอบถัดไป
    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้ตลาดผู้บริโภคทั่วไปเสียเปรียบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/dell-and-lenovo-set-to-increase-server-and-pc-costs-by-as-much-as-15-percent-as-soon-as-this-month-according-to-industry-sources-dram-and-ai-demand-create-tight-market-for-businesses-and-consumers
    💻 Dell และ Lenovo ขึ้นราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ Dell และ Lenovo เตรียมปรับขึ้นราคาคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์สูงสุดถึง 15% ภายในเดือนธันวาคม 2025 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำ (DRAM) และชิปที่เกี่ยวข้องกับ AI พุ่งสูงจนทำให้ตลาดตึงตัวอย่างหนัก รายงานจาก TrendForce ระบุว่า Dell และ Lenovo กำลังแจ้งลูกค้าให้เตรียมรับมือกับการปรับขึ้นราคาสำคัญ โดย Dell อาจขึ้นราคาสูงถึง 15–20% ในช่วงกลางเดือนธันวาคม ขณะที่ Lenovo จะปรับขึ้นราคาตั้งแต่ต้นปี 2026 โดยราคาที่เสนอในปัจจุบันจะหมดอายุในวันที่ 1 มกราคม 2026 🔧 สาเหตุจากความต้องการ DRAM และ AI Jeff Clarke, COO ของ Dell กล่าวว่าต้นทุนหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ไม่ใช่แค่ DRAM แต่ยังรวมถึง NAND, HDD และแม้แต่โหนดการผลิตชิปอื่น ๆ สาเหตุหลักมาจาก การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ที่ดูดซับทรัพยากรการผลิตไปจำนวนมหาศาล ทำให้ตลาดผู้บริโภคและธุรกิจทั่วไปต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภค TrendForce เดิมคาดการณ์ว่าตลาดโน้ตบุ๊กปี 2026 จะเติบโต 1.7% แต่ล่าสุดปรับลดเป็น ติดลบ 2.6% เนื่องจากผู้ผลิตใหญ่ เช่น Samsung, LG, Dell, HP และ Lenovo ต้องทบทวนแผนการผลิตใหม่ทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าความต้องการ AI กำลังเปลี่ยนโครงสร้างตลาดฮาร์ดแวร์โลกอย่างรวดเร็ว ⚠️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง Lenovo แนะนำให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาในรอบถัดไป ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้ตลาดผู้บริโภคทั่วไปถูกกดดันจนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ในราคาที่เหมาะสม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Dell และ Lenovo เตรียมขึ้นราคาสูงสุด 15–20% ➡️ Dell เริ่มกลางเดือนธันวาคม, Lenovo เริ่มต้นปี 2026 ✅ สาเหตุจากความต้องการ DRAM และ AI ➡️ ต้นทุนหน่วยความจำและชิปทุกประเภทพุ่งสูง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ตลาดโน้ตบุ๊กปี 2026 ถูกปรับคาดการณ์เป็นติดลบ 2.6% ‼️ คำเตือนต่อผู้บริโภคและธุรกิจ ⛔ หากไม่สั่งซื้อก่อน อาจเจอราคาที่สูงขึ้นในรอบถัดไป ⛔ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้ตลาดผู้บริโภคทั่วไปเสียเปรียบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/dell-and-lenovo-set-to-increase-server-and-pc-costs-by-as-much-as-15-percent-as-soon-as-this-month-according-to-industry-sources-dram-and-ai-demand-create-tight-market-for-businesses-and-consumers
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก

    ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI

    IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์

    การเผชิญหน้ากับ Kasparov
    ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี
    ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา

    มุมมองจากปัจจุบัน
    แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995
    วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที

    การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997
    ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI
    สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI

    คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue
    วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI
    ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    ♟️ Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์ 🏆 การเผชิญหน้ากับ Kasparov ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5 🌍 ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา ⚠️ มุมมองจากปัจจุบัน แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995 ➡️ วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที ✅ การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997 ➡️ ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5 ✅ ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI ➡️ สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI ‼️ คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue ⛔ วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI ⛔ ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • Cloudflare ป้องกันบอท AI 416 พันล้านครั้ง
    Matthew Prince ซีอีโอของ Cloudflare ระบุว่า บริษัทได้ทำให้การบล็อกบอท AI เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 ภายใต้โครงการ Content Independence Day โดยเว็บไซต์สามารถเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลหรือไม่ หากไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ก็จะถูกบล็อกทันที ยกเว้น Google ที่รวมการทำงานของ crawler สำหรับ Search และ AI เข้าด้วยกัน ทำให้ไม่สามารถบล็อก AI โดยไม่กระทบต่อการจัดอันดับใน Search ได้

    ผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ต
    Prince เตือนว่า โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเดิมที่เว็บไซต์สร้างรายได้จากการเข้าชมของมนุษย์ผ่านโฆษณาและการสมัครสมาชิก แต่เมื่อ AI เข้ามาเก็บข้อมูลโดยตรงและสร้างสรุปให้ผู้ใช้ การเข้าชมเว็บไซต์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รายได้ของผู้สร้างคอนเทนต์ถูกกระทบหนัก

    ความเสี่ยงและความท้าทาย
    แม้การบล็อกบอท AI จะช่วยปกป้องผู้สร้างคอนเทนต์ แต่ก็ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ เช่น การพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่รายที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต (AWS, Azure, Cloudflare, Google) หากระบบเหล่านี้ล่มหรือถูกโจมตี อาจสร้างความเสียหายมหาศาลต่อธุรกิจทั่วโลก

    คำเตือนจาก Cloudflare
    Prince ระบุว่า หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI ที่ใช้ข้อมูลจากมนุษย์โดยไม่จ่ายค่าตอบแทน ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพลดลง และผู้สร้างอิสระไม่สามารถแข่งขันได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Cloudflare บล็อกบอท AI กว่า 416 พันล้านครั้งใน 5 เดือน
    เปิดตัวโครงการ Content Independence Day ให้เว็บไซต์เลือกบล็อก AI ได้

    โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลง
    การเข้าชมจากมนุษย์ลดลงเพราะ AI สรุปข้อมูลแทน

    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่ราย
    หากระบบล่มหรือถูกโจมตี อาจกระทบอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

    คำเตือนจาก Cloudflare
    อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI หากไม่จ่ายค่าตอบแทนผู้สร้างคอนเทนต์
    คุณภาพคอนเทนต์อาจลดลง และผู้สร้างอิสระอาจไม่สามารถแข่งขันได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/cloudflare-says-it-has-fended-off-416-billion-ai-bot-scrape-requests-in-five-months-ceo-warns-of-dramatic-shift-for-internet-business-model
    🌐 Cloudflare ป้องกันบอท AI 416 พันล้านครั้ง Matthew Prince ซีอีโอของ Cloudflare ระบุว่า บริษัทได้ทำให้การบล็อกบอท AI เป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2025 ภายใต้โครงการ Content Independence Day โดยเว็บไซต์สามารถเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลหรือไม่ หากไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ก็จะถูกบล็อกทันที ยกเว้น Google ที่รวมการทำงานของ crawler สำหรับ Search และ AI เข้าด้วยกัน ทำให้ไม่สามารถบล็อก AI โดยไม่กระทบต่อการจัดอันดับใน Search ได้ 💡 ผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ต Prince เตือนว่า โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเดิมที่เว็บไซต์สร้างรายได้จากการเข้าชมของมนุษย์ผ่านโฆษณาและการสมัครสมาชิก แต่เมื่อ AI เข้ามาเก็บข้อมูลโดยตรงและสร้างสรุปให้ผู้ใช้ การเข้าชมเว็บไซต์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รายได้ของผู้สร้างคอนเทนต์ถูกกระทบหนัก 📊 ความเสี่ยงและความท้าทาย แม้การบล็อกบอท AI จะช่วยปกป้องผู้สร้างคอนเทนต์ แต่ก็ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ เช่น การพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่รายที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต (AWS, Azure, Cloudflare, Google) หากระบบเหล่านี้ล่มหรือถูกโจมตี อาจสร้างความเสียหายมหาศาลต่อธุรกิจทั่วโลก ⚠️ คำเตือนจาก Cloudflare Prince ระบุว่า หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI ที่ใช้ข้อมูลจากมนุษย์โดยไม่จ่ายค่าตอบแทน ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพลดลง และผู้สร้างอิสระไม่สามารถแข่งขันได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Cloudflare บล็อกบอท AI กว่า 416 พันล้านครั้งใน 5 เดือน ➡️ เปิดตัวโครงการ Content Independence Day ให้เว็บไซต์เลือกบล็อก AI ได้ ✅ โมเดลธุรกิจอินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลง ➡️ การเข้าชมจากมนุษย์ลดลงเพราะ AI สรุปข้อมูลแทน ✅ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาบริษัทใหญ่ไม่กี่ราย ➡️ หากระบบล่มหรือถูกโจมตี อาจกระทบอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ‼️ คำเตือนจาก Cloudflare ⛔ อนาคตอินเทอร์เน็ตอาจถูกครอบงำโดย AI หากไม่จ่ายค่าตอบแทนผู้สร้างคอนเทนต์ ⛔ คุณภาพคอนเทนต์อาจลดลง และผู้สร้างอิสระอาจไม่สามารถแข่งขันได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/cloudflare-says-it-has-fended-off-416-billion-ai-bot-scrape-requests-in-five-months-ceo-warns-of-dramatic-shift-for-internet-business-model
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน

    ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า

    รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด
    ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090
    เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s
    Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต

    ความเสี่ยงและข้อกังวล
    ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน
    อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028

    ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090
    ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308

    คำเตือนและข้อกังวล
    Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล
    การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    🏛️ ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า 🔧 รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด 💠 ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090 💠 เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s 💠 Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว 🌍 ผลกระทบต่อการแข่งขัน แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต ⚠️ ความเสี่ยงและข้อกังวล ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน ➡️ อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028 ✅ ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090 ➡️ ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน ➡️ จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308 ‼️ คำเตือนและข้อกังวล ⛔ Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล ⛔ การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
More Results