• 📌 เบอร์ 081 เริ่มจาก 01 ในยุคแรกเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน ..มี 3 ระบบ ในยุคแรก..แยกง่ายด้วคบื่นความถี่ละกัน
    _ 470 ขึ้นต้นด้วย 01_2**
    _ 800 " 01_4**
    _ 900 " 01_9**
    ต่อมาพัฒนาเป็นแบบมี sim
    _ worldphone 1800 ขึ้นต้นด้วยเลข 01_6**
    _ Gsm ขึ้นต้นด้วยเลข 01_8**"
    ___
    จากข้อมูลนี้ หลายคนนิยามว่า 081 คือ ผู้ดีเก่า...คือ มีใช้มาตั้งแต่ยุคแรก...และอีกมุมมองในเรื่อง เครดิต..คือ การที่คุณไม่เปลี่ยนและใช้มาถึงปัจจุบัน..อาจคิดได้ว่า คุณ ไม่มีปัญหากับใคร ถึงต้อง หลบเลี่ยง ด้วยการเปลี่ยนเบอร์... ส่วนเรื่อง มงคล ความสวยงาม โฉลก หรือเหตุผลอื่น..คนทั่วไป..คงจะไม่ทราบ....เอาแบบแค่ที่เขาเห็น...ฉะนั้น คนที่ใช้เลขแนวนี้ เครดิตจากคนไม่รู้จัก..จะดูดีกว่า... (เล็กน้อย)
    📌 เบอร์ 081 เริ่มจาก 01 ในยุคแรกเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน ..มี 3 ระบบ ในยุคแรก..แยกง่ายด้วคบื่นความถี่ละกัน _ 470 ขึ้นต้นด้วย 01_2** _ 800 " 01_4** _ 900 " 01_9** ต่อมาพัฒนาเป็นแบบมี sim _ worldphone 1800 ขึ้นต้นด้วยเลข 01_6** _ Gsm ขึ้นต้นด้วยเลข 01_8**" ___ จากข้อมูลนี้ หลายคนนิยามว่า 081 คือ ผู้ดีเก่า...คือ มีใช้มาตั้งแต่ยุคแรก...และอีกมุมมองในเรื่อง เครดิต..คือ การที่คุณไม่เปลี่ยนและใช้มาถึงปัจจุบัน..อาจคิดได้ว่า คุณ ไม่มีปัญหากับใคร ถึงต้อง หลบเลี่ยง ด้วยการเปลี่ยนเบอร์... ส่วนเรื่อง มงคล ความสวยงาม โฉลก หรือเหตุผลอื่น..คนทั่วไป..คงจะไม่ทราบ....เอาแบบแค่ที่เขาเห็น...ฉะนั้น คนที่ใช้เลขแนวนี้ เครดิตจากคนไม่รู้จัก..จะดูดีกว่า... (เล็กน้อย)
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    ✅ มีไข้
    ✅ ไอแห้ง
    ✅ หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ✅ ล้างมือบ่อยๆ
    ✅ สวมหน้ากากอนามัย
    ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม
    ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    📚 ผลกระทบต่อการศึกษา
    🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง
    📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนๆ ของ Samsung ได้เริ่มต้นการรณรงค์เพื่อเรียกร้องให้ Samsung นำฟีเจอร์ Bluetooth กลับมาใช้ใน S Pen ของ Galaxy S26 Ultra หลังจากที่ Samsung ได้ตัดฟีเจอร์นี้ออกจาก S25 Ultra ทำให้ไม่สามารถใช้การควบคุมกล้องระยะไกลและท่าทางได้

    Jeff Springer ผู้เชี่ยวชาญด้าน Samsung และเจ้าของเว็บไซต์ SammyGuru ได้เริ่มต้นการรณรงค์นี้บน Change.orgโดยมีผู้ลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 3,200 คนในขณะนี้ Springer ระบุว่า ฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ใช่เพียงแค่ของเล่น แต่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และสำคัญที่ทำให้ Samsung Galaxy แตกต่างจากสมาร์ทโฟนอื่นๆ ในตลาด

    แม้ว่า Samsung จะอ้างว่าฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มากนัก แต่การตัดฟีเจอร์นี้ออกทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อ S25 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนระดับสูงสุดของ Samsung ที่มีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ยอดเยี่ยม เช่น กล้องอัลตร้าไวด์ 50 เมกะพิกเซล และชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite

    การรณรงค์บน Change.orgอาจไม่มีผลทางกฎหมายหรือทางการในทุกพื้นที่ แต่สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการกดดันองค์กรและบริษัทให้เปลี่ยนแปลงนโยบายได้

    การตัดฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen อาจทำให้ S25 Ultra ไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ลงชื่อสนับสนุนการรณรงค์นี้ แต่ก็ไม่น่าจะหยุด Samsung จากการเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาด

    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/annoyed-samsung-fans-have-started-a-petition-to-bring-bluetooth-back-to-the-s-pen-and-they-have-a-point
    แฟนๆ ของ Samsung ได้เริ่มต้นการรณรงค์เพื่อเรียกร้องให้ Samsung นำฟีเจอร์ Bluetooth กลับมาใช้ใน S Pen ของ Galaxy S26 Ultra หลังจากที่ Samsung ได้ตัดฟีเจอร์นี้ออกจาก S25 Ultra ทำให้ไม่สามารถใช้การควบคุมกล้องระยะไกลและท่าทางได้ Jeff Springer ผู้เชี่ยวชาญด้าน Samsung และเจ้าของเว็บไซต์ SammyGuru ได้เริ่มต้นการรณรงค์นี้บน Change.orgโดยมีผู้ลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 3,200 คนในขณะนี้ Springer ระบุว่า ฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ใช่เพียงแค่ของเล่น แต่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และสำคัญที่ทำให้ Samsung Galaxy แตกต่างจากสมาร์ทโฟนอื่นๆ ในตลาด แม้ว่า Samsung จะอ้างว่าฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มากนัก แต่การตัดฟีเจอร์นี้ออกทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อ S25 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนระดับสูงสุดของ Samsung ที่มีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ยอดเยี่ยม เช่น กล้องอัลตร้าไวด์ 50 เมกะพิกเซล และชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite การรณรงค์บน Change.orgอาจไม่มีผลทางกฎหมายหรือทางการในทุกพื้นที่ แต่สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการกดดันองค์กรและบริษัทให้เปลี่ยนแปลงนโยบายได้ การตัดฟีเจอร์ Bluetooth ใน S Pen อาจทำให้ S25 Ultra ไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ลงชื่อสนับสนุนการรณรงค์นี้ แต่ก็ไม่น่าจะหยุด Samsung จากการเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาด https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/annoyed-samsung-fans-have-started-a-petition-to-bring-bluetooth-back-to-the-s-pen-and-they-have-a-point
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาดูรีวิวการ์ดจอ ASUS ROG Astral GeForce RTX 5080 OC โดยทีมงาน TechPowerUp กันครับ
    ใครอยากดูข้อมูลอย่างละเอียด กดไปดูตาม Link ข่าวด้านล่างเลยครับ แต่ลุงสรุปให้ดังนี้

    1) ราคาและคุณสมบัติ: ASUS RTX 5080 Astral OC มีราคาอยู่ที่ $1500 และมาพร้อมกับคุณสมบัติ DLSS 4 Frame Generation และ Transformer Upscaling ที่มีประสิทธิภาพสูง

    2) ประสิทธิภาพ: การ์ดจอรุ่นนี้มีการโอเวอร์คล็อกจากโรงงานและมีอุณหภูมิต่ำมากเมื่อใช้ BIOS เริ่มต้น

    3) การออกแบบและการระบายความร้อน: การ์ดจอมีการออกแบบที่หรูหราและมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง โดย โหมดว่าง (Idle): 35°C, การเล่นเกม (Gaming): 62°C, โหมด BIOS เงียบ (Quiet BIOS): 70°C

    4) การใช้พลังงาน: โหมดว่าง (Idle): 17 วัตต์, โหมดหลายจอ (Multi-monitor): 20 วัตต์, การเล่นวิดีโอ (Video Playback): 20 วัตต์, การเล่นเกม (Gaming): 388 วัตต์

    5) การโอเวอร์คล็อก: การ์ดจอสามารถโอเวอร์คล็อกได้ดีและมีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 11% ในการใช้งานจริง ความเร็วของ GPU เฉลี่ยอยู่ที่ 3312 MHz และความเร็วของหน่วยความจำสามารถเพิ่มได้ถึง +375 MHz

    6) DLSS 4: เทคโนโลยี DLSS 4 ของ NVIDIA สามารถเพิ่มจำนวนเฟรมได้ถึง 4 เท่า ทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลมากขึ้น

    https://www.techpowerup.com/review/asus-geforce-rtx-5080-astral-oc/
    มาดูรีวิวการ์ดจอ ASUS ROG Astral GeForce RTX 5080 OC โดยทีมงาน TechPowerUp กันครับ ใครอยากดูข้อมูลอย่างละเอียด กดไปดูตาม Link ข่าวด้านล่างเลยครับ แต่ลุงสรุปให้ดังนี้ 1) ราคาและคุณสมบัติ: ASUS RTX 5080 Astral OC มีราคาอยู่ที่ $1500 และมาพร้อมกับคุณสมบัติ DLSS 4 Frame Generation และ Transformer Upscaling ที่มีประสิทธิภาพสูง 2) ประสิทธิภาพ: การ์ดจอรุ่นนี้มีการโอเวอร์คล็อกจากโรงงานและมีอุณหภูมิต่ำมากเมื่อใช้ BIOS เริ่มต้น 3) การออกแบบและการระบายความร้อน: การ์ดจอมีการออกแบบที่หรูหราและมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง โดย โหมดว่าง (Idle): 35°C, การเล่นเกม (Gaming): 62°C, โหมด BIOS เงียบ (Quiet BIOS): 70°C 4) การใช้พลังงาน: โหมดว่าง (Idle): 17 วัตต์, โหมดหลายจอ (Multi-monitor): 20 วัตต์, การเล่นวิดีโอ (Video Playback): 20 วัตต์, การเล่นเกม (Gaming): 388 วัตต์ 5) การโอเวอร์คล็อก: การ์ดจอสามารถโอเวอร์คล็อกได้ดีและมีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 11% ในการใช้งานจริง ความเร็วของ GPU เฉลี่ยอยู่ที่ 3312 MHz และความเร็วของหน่วยความจำสามารถเพิ่มได้ถึง +375 MHz 6) DLSS 4: เทคโนโลยี DLSS 4 ของ NVIDIA สามารถเพิ่มจำนวนเฟรมได้ถึง 4 เท่า ทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลมากขึ้น https://www.techpowerup.com/review/asus-geforce-rtx-5080-astral-oc/
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    ASUS GeForce RTX 5080 Astral OC Review
    The ASUS GeForce RTX 5080 Astral OC is the company's ultra-premium custom-design retailing at $1500, a shocking $500 increase over the NVIDIA MSRP, or +50%. In return you get a quad-slot, quad-fan cooling solution, a large factory OC and the best OC potential we've seen on a RTX 5080.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab

    การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน

    การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ

    กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    WWW.TECHRADAR.COM
    North Korean Lazarus hackers launch large-scale cyberattack by cloning open source software
    Lazarus clones the software, spice it up with malware, and return it to the wild
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • Vodafone ได้ทำการโทรวิดีโอผ่านดาวเทียมครั้งแรกของโลกโดยใช้โทรศัพท์มือถือทั่วไปจากพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ การโทรนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลของเวลส์ และเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมให้กับเครือข่ายของ Vodafone ภายในสิ้นปีนี้ในสหราชอาณาจักรและทั่วยุโรปในปี 2025 และ 2026

    การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือมีเป้าหมายเพื่อขจัด "จุดบอด" หรือพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ Vodafone อ้างว่าประสบการณ์การใช้ดาวเทียมนี้จะเหมือนกับการใช้เครือข่าย 4G และ 5G ที่มีอยู่ แม้ว่าการโทรวิดีโอที่สาธิตจะมีหลักฐานของความล่าช้าและภาพความละเอียดต่ำ

    บริการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยดาวเทียม BlueBird จากพันธมิตรของ Vodafone คือ AST SpaceMobile ซึ่งเป็นคู่แข่งของ SpaceX ระบบนี้ใช้ดาวเทียมห้าดวงและ Vodafone เรียกมันว่า "เครือข่ายบรอดแบนด์มือถือแรกและเดียวในอวกาศ" ที่ทำงานโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือทั่วไป

    การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถืออาจช่วยขจัดปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดหายไปในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ และอาจเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

    https://www.techradar.com/phones/network-providers/vodafone-makes-worlds-first-satellite-video-call-with-a-standard-phone-heres-why-thats-a-big-deal
    Vodafone ได้ทำการโทรวิดีโอผ่านดาวเทียมครั้งแรกของโลกโดยใช้โทรศัพท์มือถือทั่วไปจากพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ การโทรนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลของเวลส์ และเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมให้กับเครือข่ายของ Vodafone ภายในสิ้นปีนี้ในสหราชอาณาจักรและทั่วยุโรปในปี 2025 และ 2026 การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือมีเป้าหมายเพื่อขจัด "จุดบอด" หรือพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ Vodafone อ้างว่าประสบการณ์การใช้ดาวเทียมนี้จะเหมือนกับการใช้เครือข่าย 4G และ 5G ที่มีอยู่ แม้ว่าการโทรวิดีโอที่สาธิตจะมีหลักฐานของความล่าช้าและภาพความละเอียดต่ำ บริการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยดาวเทียม BlueBird จากพันธมิตรของ Vodafone คือ AST SpaceMobile ซึ่งเป็นคู่แข่งของ SpaceX ระบบนี้ใช้ดาวเทียมห้าดวงและ Vodafone เรียกมันว่า "เครือข่ายบรอดแบนด์มือถือแรกและเดียวในอวกาศ" ที่ทำงานโดยตรงกับโทรศัพท์มือถือทั่วไป การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมโดยตรงกับโทรศัพท์มือถืออาจช่วยขจัดปัญหาสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดหายไปในพื้นที่ชนบทและทะเลกว้างใหญ่ และอาจเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต https://www.techradar.com/phones/network-providers/vodafone-makes-worlds-first-satellite-video-call-with-a-standard-phone-heres-why-thats-a-big-deal
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่ชื่อว่า Qwen2.5-Max โดย Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน โมเดลนี้ถูกอ้างว่าเหนือกว่า DeepSeek-V3 และ ChatGPT-4o ในหลายๆ ด้าน

    Qwen2.5-Max ไม่ใช่โมเดลการให้เหตุผลเหมือนกับ DeepSeek-R1 หรือ ChatGPT-o1 แต่ทำงานในระดับที่เทียบเท่ากับ DeepSeek-V3 หรือ ChatGPT-4o ทีมงาน Qwen ได้โพสต์ผลการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่า Qwen2.5-Max มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในหลายๆ การทดสอบ เช่น Arena-Hard, LiveBench, LiveCodeBench และ GPQA-Diamond นอกจากนี้ยังมีผลการทดสอบที่แข่งขันได้ใน MMLU-Pro

    แม้ว่า Qwen2.5-Max จะไม่ใช่โครงการโอเพ่นซอร์ส แต่คุณสามารถลองใช้ได้ผ่านแชทบอท Qwen Chat ในเว็บเบราว์เซอร์ โดยต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลหรือบัญชี Google ของคุณ

    Qwen2.5-Max ให้คำตอบที่มีความสมดุลและละเอียดอ่อนมากกว่า DeepSeek ในบางหัวข้อที่อ่อนไหวต่อรัฐบาลจีน เช่น คำถามเกี่ยวกับไต้หวัน แต่ยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/new-deepseek-ai-rival-claims-to-be-more-powerful-than-both-v3-and-chatgpt-4o-meet-qwen2-5-max
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่ชื่อว่า Qwen2.5-Max โดย Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน โมเดลนี้ถูกอ้างว่าเหนือกว่า DeepSeek-V3 และ ChatGPT-4o ในหลายๆ ด้าน Qwen2.5-Max ไม่ใช่โมเดลการให้เหตุผลเหมือนกับ DeepSeek-R1 หรือ ChatGPT-o1 แต่ทำงานในระดับที่เทียบเท่ากับ DeepSeek-V3 หรือ ChatGPT-4o ทีมงาน Qwen ได้โพสต์ผลการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่า Qwen2.5-Max มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในหลายๆ การทดสอบ เช่น Arena-Hard, LiveBench, LiveCodeBench และ GPQA-Diamond นอกจากนี้ยังมีผลการทดสอบที่แข่งขันได้ใน MMLU-Pro แม้ว่า Qwen2.5-Max จะไม่ใช่โครงการโอเพ่นซอร์ส แต่คุณสามารถลองใช้ได้ผ่านแชทบอท Qwen Chat ในเว็บเบราว์เซอร์ โดยต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลหรือบัญชี Google ของคุณ Qwen2.5-Max ให้คำตอบที่มีความสมดุลและละเอียดอ่อนมากกว่า DeepSeek ในบางหัวข้อที่อ่อนไหวต่อรัฐบาลจีน เช่น คำถามเกี่ยวกับไต้หวัน แต่ยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/new-deepseek-ai-rival-claims-to-be-more-powerful-than-both-v3-and-chatgpt-4o-meet-qwen2-5-max
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rapidus บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น ได้ประกาศแผนการขยายโรงงานผลิตชิป โดยจะติดตั้งเครื่องมือการผลิตที่ใช้เทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet) จำนวน 10 เครื่องในสองโรงงานที่ทันสมัยที่สุดของพวกเขา การขยายโรงงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศ

    โรงงานแรกที่ชื่อว่า Innovative Integration for Manufacturing One (IIM-1) ได้รับเครื่อง EUV เครื่องแรกจาก ASML รุ่น NXE:3800E ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ในญี่ปุ่น โรงงานที่สองชื่อว่า IIM-2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการไม่นานหลังจาก IIM-1 เสร็จสมบูรณ์

    Rapidus มีแผนที่จะเริ่มการทดลองผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยี 2 นาโนเมตรในเดือนเมษายน 2025 และคาดว่าจะส่งตัวอย่างแรกให้กับ Broadcom ในสหรัฐอเมริกาภายในกลางปีนี้

    การที่ Rapidus สามารถติดตั้งเครื่อง EUV จำนวนมากได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น และการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงนี้จะช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถแข่งขันกับบริษัทชั้นนำอย่าง TSMC ได้

    https://www.techpowerup.com/331843/rapidus-fab-expansion-plan-reportedly-includes-installation-of-ten-euv-machines
    Rapidus บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น ได้ประกาศแผนการขยายโรงงานผลิตชิป โดยจะติดตั้งเครื่องมือการผลิตที่ใช้เทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet) จำนวน 10 เครื่องในสองโรงงานที่ทันสมัยที่สุดของพวกเขา การขยายโรงงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศ โรงงานแรกที่ชื่อว่า Innovative Integration for Manufacturing One (IIM-1) ได้รับเครื่อง EUV เครื่องแรกจาก ASML รุ่น NXE:3800E ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ในญี่ปุ่น โรงงานที่สองชื่อว่า IIM-2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการไม่นานหลังจาก IIM-1 เสร็จสมบูรณ์ Rapidus มีแผนที่จะเริ่มการทดลองผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยี 2 นาโนเมตรในเดือนเมษายน 2025 และคาดว่าจะส่งตัวอย่างแรกให้กับ Broadcom ในสหรัฐอเมริกาภายในกลางปีนี้ การที่ Rapidus สามารถติดตั้งเครื่อง EUV จำนวนมากได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น และการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงนี้จะช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถแข่งขันกับบริษัทชั้นนำอย่าง TSMC ได้ https://www.techpowerup.com/331843/rapidus-fab-expansion-plan-reportedly-includes-installation-of-ten-euv-machines
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Rapidus Fab Expansion Plan Reportedly Includes Installation of Ten EUV Machines
    Japan's Nikkan Kogyo Shimbun newspaper believes that Rapidus will be installing a grand total of ten "extreme ultraviolet (EUV) exposure tools" at two cutting-edge semiconductor production sites. Government subsidies have assisted in boosting Japan's semiconductor industry to new highs—Rapidus is re...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ประกาศยกเลิกการเปิดตัว GPU Falcon Shores สำหรับงาน AI และ HPC โดยจะใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับรุ่นต่อไปที่ชื่อว่า Jaguar Shores แทน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาด้านซอฟต์แวร์ที่ทำให้ Gaudi 3 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ AI ของ Intel มีการใช้งานจำกัด

    Michelle Johnston Holthaus รักษาการ CEO ของ Intel กล่าวว่าการตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากความคิดเห็นของอุตสาหกรรม และ Falcon Shores จะถูกใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล AI โดยใช้ Jaguar Shores แทน

    Falcon Shores ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิภาพต่อวัตต์เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์ AI และ HPC ของ Intel แต่ Intel ตัดสินใจไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้เชิงพาณิชย์เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท

    Falcon Shores เป็นการออกแบบแบบ multi-chiplet ที่มี Xe-HPC GPU chiplets สำหรับงาน AI และ HPC ที่มีการประมวลผลแบบขนานสูง การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Intel ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงาน AI และ HPC ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/intel-cancels-falcon-shores-gpu-for-ai-workloads-jaguar-shores-to-be-successor
    Intel ได้ประกาศยกเลิกการเปิดตัว GPU Falcon Shores สำหรับงาน AI และ HPC โดยจะใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับรุ่นต่อไปที่ชื่อว่า Jaguar Shores แทน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาด้านซอฟต์แวร์ที่ทำให้ Gaudi 3 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ AI ของ Intel มีการใช้งานจำกัด Michelle Johnston Holthaus รักษาการ CEO ของ Intel กล่าวว่าการตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากความคิดเห็นของอุตสาหกรรม และ Falcon Shores จะถูกใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล AI โดยใช้ Jaguar Shores แทน Falcon Shores ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิภาพต่อวัตต์เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์ AI และ HPC ของ Intel แต่ Intel ตัดสินใจไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้เชิงพาณิชย์เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท Falcon Shores เป็นการออกแบบแบบ multi-chiplet ที่มี Xe-HPC GPU chiplets สำหรับงาน AI และ HPC ที่มีการประมวลผลแบบขนานสูง การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Intel ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงาน AI และ HPC ในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/intel-cancels-falcon-shores-gpu-for-ai-workloads-jaguar-shores-to-be-successor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • Facebook ได้ยอมรับว่าการบล็อกเนื้อหาเกี่ยวกับ Linux เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว โดย Facebook ได้ติดต่อกับ PCMag เพื่อชี้แจงว่าการบังคับใช้นี้เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขแล้ว ขณะนี้การสนทนาเกี่ยวกับ Linux ได้รับอนุญาตบนแพลตฟอร์มของพวกเขา

    เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อ DistroWatch ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เน้นการแจกจ่าย Linux ถูกบล็อกโดย Facebook เมื่อวันที่ 19 มกราคม DistroWatch ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อการบล็อกนี้และได้รับการตอบกลับจาก Facebook เมื่อวันที่ 28 มกราคมว่าเป็นความผิดพลาดและได้ยกเลิกการบล็อกแล้ว

    แม้ว่า Facebook จะยกเลิกการบล็อก DistroWatch แต่บัญชีของ DistroWatch ยังคงถูกล็อกอยู่ในบางส่วน อย่างไรก็ตาม โพสต์เกี่ยวกับการเปิดตัว BSD ใหม่ที่เผยแพร่ในวันเดียวกันดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การเปลี่ยนแปลงของ Facebook ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปสู่โมเดล Community Notes แบบ X อาจเป็นสาเหตุของปัญหานี้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาในช่วงเริ่มต้น และการโพสต์ข้อมูลจำนวนมากบนแพลตฟอร์มของ Facebook ทุกนาทีอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้

    การยอมรับความผิดพลาดและการแก้ไขปัญหาของ Facebook เป็นสิ่งที่ดี แต่การขอโทษต่อ DistroWatch และผู้ใช้อื่นๆ อย่างเป็นทางการอาจช่วยให้สถานการณ์นี้ดีขึ้น

    แต่ลุงยังงอนอยู่นะ FB !!! 🤣🤣

    https://www.tomshardware.com/software/linux/facebook-admits-that-the-linux-topic-crackdown-was-in-error-and-has-been-fixed
    Facebook ได้ยอมรับว่าการบล็อกเนื้อหาเกี่ยวกับ Linux เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว โดย Facebook ได้ติดต่อกับ PCMag เพื่อชี้แจงว่าการบังคับใช้นี้เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขแล้ว ขณะนี้การสนทนาเกี่ยวกับ Linux ได้รับอนุญาตบนแพลตฟอร์มของพวกเขา เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อ DistroWatch ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เน้นการแจกจ่าย Linux ถูกบล็อกโดย Facebook เมื่อวันที่ 19 มกราคม DistroWatch ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อการบล็อกนี้และได้รับการตอบกลับจาก Facebook เมื่อวันที่ 28 มกราคมว่าเป็นความผิดพลาดและได้ยกเลิกการบล็อกแล้ว แม้ว่า Facebook จะยกเลิกการบล็อก DistroWatch แต่บัญชีของ DistroWatch ยังคงถูกล็อกอยู่ในบางส่วน อย่างไรก็ตาม โพสต์เกี่ยวกับการเปิดตัว BSD ใหม่ที่เผยแพร่ในวันเดียวกันดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การเปลี่ยนแปลงของ Facebook ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปสู่โมเดล Community Notes แบบ X อาจเป็นสาเหตุของปัญหานี้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาในช่วงเริ่มต้น และการโพสต์ข้อมูลจำนวนมากบนแพลตฟอร์มของ Facebook ทุกนาทีอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ การยอมรับความผิดพลาดและการแก้ไขปัญหาของ Facebook เป็นสิ่งที่ดี แต่การขอโทษต่อ DistroWatch และผู้ใช้อื่นๆ อย่างเป็นทางการอาจช่วยให้สถานการณ์นี้ดีขึ้น แต่ลุงยังงอนอยู่นะ FB !!! 🤣🤣 https://www.tomshardware.com/software/linux/facebook-admits-that-the-linux-topic-crackdown-was-in-error-and-has-been-fixed
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Facebook admits that the Linux topic crackdown was 'in error' and has been fixed
    'Discussions of Linux are allowed on our services,' insists the social media giant.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาทอง ขึ้นทดสอบ $2800/ออนซ์

    Trump tariff uncertainties push safe-haven gold to record high
    By Anjana Anil and Sherin Elizabeth Varghese

    (Reuters) - Safe-haven demand due to geopolitical uncertainties and concerns over global economic growth amid U.S. President Donald Trump's tariff plans have hoisted gold prices to a record high, once again bringing the key $3,000 threshold onto investors' radar.

    Spot gold climbed to a record high of $2,798.40 a troy ounce on Thursday, starting 2025 with fresh vigour after logging its strongest annual performance since 2010 last year.

    "There's concerns that some of the (economic) growth may come down because of the policies and tariffs that the current administration is looking to implement," said Phillip Streible, chief market strategist at Blue Line Futures.

    "So when you've got higher inflation and lower growth, stagflation becomes the economic theme. Gold tends to work very well in that particular environment."

    Trump's tariff plans are widely perceived as inflationary and with potential to trigger trade wars, driving up safe-haven demand for bullion as it is traditionally seen as a hedge against price pressures and geopolitical uncertainty.

    "I can see (gold) trying to reach up to that $2,900 level at some point during the first quarter; after we breach that, we'll set new levels," said Bob Haberkorn, senior market strategist at RJO Futures.

    "At some point this year, gold could ultimately trade north of $3,000."

    THE US MARKET

    Amid concerns about the U.S. import tariff plans, the U.S. gold futures have been trading at a premium to the spot price for several months and widened the price spread again on Thursday.


    In a sign of these concerns, 12.9 million troy ounces of gold were delivered to COMEX-approved warehouses since late November, raising stocks there by 73.5% to 30.4 million ounces, the highest since July 2022.

    The deliveries came from London, Switzerland and other major gold-trading hubs.

    The London Bullion Market Association said on Thursday that it was monitoring the situation and liaising with CME Group (NASDAQ:CME) and U.S. authorities.

    London gold market stocks and liquidity remain strong with the average daily trade volume since the start of January is 47.1 million ounces, the association added.

    GOLD AND THE US RATE EXPECTATIONS

    Gold hit multiple record peaks last year, bolstered by the Federal Reserve's rate-cutting cycle, safe-haven demand and robust central bank buying.

    The Fed, in its January meeting kept benchmark interest rates unchanged as widely expected, after easing a full basis point in 2024. This marks the first pause since the start of its easing cycle in September.

    The non-yielding bullion tends to thrive in a low-interest rate environment.

    As to purchases by central banks, the People's Bank of China has been a key driver of gold demand as it kept on adding bullion to its reserves over the past year despite the price growth - in what analysts see as the PBOC's broader strategy to diversify the reserves.

    Analysts suggest that continued purchases by China's central bank could provide further support to gold prices in the coming months.

    https://www.investing.com/news/economy-news/trump-tariff-uncertainties-push-safehaven-gold-to-record-high-3841411
    ราคาทอง ขึ้นทดสอบ $2800/ออนซ์ Trump tariff uncertainties push safe-haven gold to record high By Anjana Anil and Sherin Elizabeth Varghese (Reuters) - Safe-haven demand due to geopolitical uncertainties and concerns over global economic growth amid U.S. President Donald Trump's tariff plans have hoisted gold prices to a record high, once again bringing the key $3,000 threshold onto investors' radar. Spot gold climbed to a record high of $2,798.40 a troy ounce on Thursday, starting 2025 with fresh vigour after logging its strongest annual performance since 2010 last year. "There's concerns that some of the (economic) growth may come down because of the policies and tariffs that the current administration is looking to implement," said Phillip Streible, chief market strategist at Blue Line Futures. "So when you've got higher inflation and lower growth, stagflation becomes the economic theme. Gold tends to work very well in that particular environment." Trump's tariff plans are widely perceived as inflationary and with potential to trigger trade wars, driving up safe-haven demand for bullion as it is traditionally seen as a hedge against price pressures and geopolitical uncertainty. "I can see (gold) trying to reach up to that $2,900 level at some point during the first quarter; after we breach that, we'll set new levels," said Bob Haberkorn, senior market strategist at RJO Futures. "At some point this year, gold could ultimately trade north of $3,000." THE US MARKET Amid concerns about the U.S. import tariff plans, the U.S. gold futures have been trading at a premium to the spot price for several months and widened the price spread again on Thursday. In a sign of these concerns, 12.9 million troy ounces of gold were delivered to COMEX-approved warehouses since late November, raising stocks there by 73.5% to 30.4 million ounces, the highest since July 2022. The deliveries came from London, Switzerland and other major gold-trading hubs. The London Bullion Market Association said on Thursday that it was monitoring the situation and liaising with CME Group (NASDAQ:CME) and U.S. authorities. London gold market stocks and liquidity remain strong with the average daily trade volume since the start of January is 47.1 million ounces, the association added. GOLD AND THE US RATE EXPECTATIONS Gold hit multiple record peaks last year, bolstered by the Federal Reserve's rate-cutting cycle, safe-haven demand and robust central bank buying. The Fed, in its January meeting kept benchmark interest rates unchanged as widely expected, after easing a full basis point in 2024. This marks the first pause since the start of its easing cycle in September. The non-yielding bullion tends to thrive in a low-interest rate environment. As to purchases by central banks, the People's Bank of China has been a key driver of gold demand as it kept on adding bullion to its reserves over the past year despite the price growth - in what analysts see as the PBOC's broader strategy to diversify the reserves. Analysts suggest that continued purchases by China's central bank could provide further support to gold prices in the coming months. https://www.investing.com/news/economy-news/trump-tariff-uncertainties-push-safehaven-gold-to-record-high-3841411
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Yangtze Memory Technologies Co. (YMTC) ของจีนได้เริ่มจัดส่งหน่วยความจำ 3D NAND รุ่นที่ 5 ที่มีจำนวนชั้นทั้งหมด 294 ชั้น และชั้นที่ใช้งานจริง 232 ชั้น นักวิเคราะห์จาก TechInsights ได้รับชิปเหล่านี้มาวิเคราะห์และพบว่า YMTC สามารถเพิ่มความหนาแน่นของบิตให้เทียบเท่ากับคู่แข่งในอุตสาหกรรมได้ แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ก็ตาม

    ชิปนี้มีจำนวนชั้นทั้งหมด 294 ชั้น ซึ่งถือเป็นจำนวนชั้นที่สูงที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน จำนวนชั้นที่ใช้งานจริงของ 3D NAND รุ่นที่ 5 ของ YMTC คาดว่าจะเป็น 232 ชั้น ซึ่งเท่ากับรุ่นที่ 4 ของบริษัท การเพิ่มจำนวนชั้นทั้งหมดอาจเป็นวิธีการปรับปรุงผลผลิตโดยการเพิ่มความซ้ำซ้อนหรือเปิดใช้งานฟีเจอร์บางอย่าง

    แม้ว่า YMTC จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับหน่วยความจำ 3D NAND รุ่นที่ 5 แต่ได้เริ่มจัดส่งในปริมาณมากแล้ว การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นการหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรเพิ่มเติม

    YMTC ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไฮบริดในการเชื่อมต่อแฟลชอาร์เรย์กับตรรกะ CMOS และอินเทอร์เฟซ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บและประสิทธิภาพ I/O สำหรับ SSD ที่ดีที่สุดได้

    การเปิดตัวหน่วยความจำ 3D NAND รุ่นที่ 5 ของ YMTC นี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทและอุตสาหกรรมหน่วยความจำแฟลชของจีน โดยแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนท่ามกลางการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinese-chipmaker-ships-record-breaking-chips-ymtc-quietly-begins-shipping-5th-gen-3d-tlc-nand
    บริษัท Yangtze Memory Technologies Co. (YMTC) ของจีนได้เริ่มจัดส่งหน่วยความจำ 3D NAND รุ่นที่ 5 ที่มีจำนวนชั้นทั้งหมด 294 ชั้น และชั้นที่ใช้งานจริง 232 ชั้น นักวิเคราะห์จาก TechInsights ได้รับชิปเหล่านี้มาวิเคราะห์และพบว่า YMTC สามารถเพิ่มความหนาแน่นของบิตให้เทียบเท่ากับคู่แข่งในอุตสาหกรรมได้ แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ก็ตาม ชิปนี้มีจำนวนชั้นทั้งหมด 294 ชั้น ซึ่งถือเป็นจำนวนชั้นที่สูงที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน จำนวนชั้นที่ใช้งานจริงของ 3D NAND รุ่นที่ 5 ของ YMTC คาดว่าจะเป็น 232 ชั้น ซึ่งเท่ากับรุ่นที่ 4 ของบริษัท การเพิ่มจำนวนชั้นทั้งหมดอาจเป็นวิธีการปรับปรุงผลผลิตโดยการเพิ่มความซ้ำซ้อนหรือเปิดใช้งานฟีเจอร์บางอย่าง แม้ว่า YMTC จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับหน่วยความจำ 3D NAND รุ่นที่ 5 แต่ได้เริ่มจัดส่งในปริมาณมากแล้ว การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นการหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรเพิ่มเติม YMTC ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไฮบริดในการเชื่อมต่อแฟลชอาร์เรย์กับตรรกะ CMOS และอินเทอร์เฟซ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บและประสิทธิภาพ I/O สำหรับ SSD ที่ดีที่สุดได้ การเปิดตัวหน่วยความจำ 3D NAND รุ่นที่ 5 ของ YMTC นี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทและอุตสาหกรรมหน่วยความจำแฟลชของจีน โดยแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนท่ามกลางการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/chinese-chipmaker-ships-record-breaking-chips-ymtc-quietly-begins-shipping-5th-gen-3d-tlc-nand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของ Argonne National Laboratory ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ถูกประกาศครั้งแรกในปี 2015 และเผชิญกับความล่าช้ามากมาย แต่ตอนนี้สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ExaFLOPS สำหรับการจำลองและ 11.6 ExaFLOPS สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง

    Michael Papka ผู้อำนวยการ Argonne Leadership Computing Facility (ALCF) กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ผู้ใช้เริ่มแรกได้แสดงให้เราเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของ Aurora เรารอคอยที่จะเห็นว่าชุมชนวิทยาศาสตร์จะใช้ระบบนี้ในการเปลี่ยนแปลงการวิจัยของพวกเขาอย่างไร"

    การเปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการยอมรับระบบอย่างเป็นทางการโดย ARNL ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องที่มีปัญหานี้ Aurora ถูกวางแผนไว้สำหรับปี 2018 แต่พลาดเป้าหมายเนื่องจากการตัดสินใจของ Intel ที่จะยกเลิกโปรเซสเซอร์ Xeon Phi หลังจากที่เครื่องถูกออกแบบใหม่ โครงการก็เผชิญกับความล่าช้าเพิ่มเติมเนื่องจากการล่าช้าของเทคโนโลยีการผลิต 7nm ของ Intel ทำให้วันที่เสร็จสมบูรณ์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2021 และอีกครั้งในปี 2023

    แม้ว่าอุปกรณ์จะถูกติดตั้งในเดือนมิถุนายน 2023 แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าระบบจะสามารถทำงานได้เต็มที่และบรรลุประสิทธิภาพระดับ exascale ซึ่งในที่สุดก็สำเร็จในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่ระบบนี้ยังคงเปิดให้บริการเฉพาะนักวิจัยบางกลุ่มเท่านั้นเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี

    Aurora ไม่ใช่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการจำลอง เนื่องจากประสิทธิภาพ FP64 ของมันเพียงแค่เกิน 1 ExaFLOPS แต่เป็นระบบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับ AI เนื่องจากสามารถบรรลุ 11.6 ExaFLOPS ตามการทดสอบ HPL-MxP

    Rick Stevens ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Argonne กล่าวว่า "เป้าหมายใหญ่ของ Aurora คือการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ด้วยโครงการ AuroraGPT เรากำลังสร้างโมเดลพื้นฐานที่เน้นวิทยาศาสตร์ที่สามารถสกัดความรู้จากหลายโดเมน ตั้งแต่ชีววิทยาถึงเคมี หนึ่งในเป้าหมายของ Aurora คือการช่วยให้นักวิจัยสร้างเครื่องมือ AI ใหม่ที่ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วเท่าที่พวกเขาคิด ไม่ใช่แค่เร็วเท่าที่การคำนวณของพวกเขา"

    โครงการวิจัยแรกๆ ที่ใช้ Aurora รวมถึงการจำลองระบบที่ซับซ้อน เช่น ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และการระเบิดของซูเปอร์โนวา ประสิทธิภาพที่ล้นหลามของเครื่องนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจากศูนย์วิจัยใหญ่ๆ เช่น Argonne's Advanced Photon Source (APS) และ CERN's Large Hadron Collider

    Aurora ประกอบด้วย 166 แร็ค แต่ละแร็คมี 64 เบลด รวมทั้งหมด 10,624 เบลด แต่ละเบลดมีโปรเซสเซอร์ Xeon Max สองตัวพร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 64 GB และ GPU Intel Data Center Max 'Ponte Vecchio' หกตัว ทั้งหมดนี้ถูกทำความเย็นด้วยระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเฉพาะ

    Aurora มี CPU 21,248 ตัวพร้อมคอร์ x86 ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.1 ล้านคอร์ หน่วยความจำ DDR5 ขนาด 19.9 PB และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 1.36 PB ที่เชื่อมต่อกับ CPU นอกจากนี้ยังมี GPU 63,744 ตัวที่ปรับแต่งสำหรับ AI และ HPC พร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 8.16 PB Aurora ใช้โหนด 1,024 โหนดที่มีไดรฟ์โซลิดสเตตสำหรับการจัดเก็บข้อมูล รวมความจุทั้งหมด 220 PB และแบนด์วิดท์ 31 TB/s ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Shasta ของ HPE พร้อมการเชื่อมต่อ Slingshot

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/aurora-supercomputer-is-now-fully-operational-available-to-researchers
    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของ Argonne National Laboratory ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ถูกประกาศครั้งแรกในปี 2015 และเผชิญกับความล่าช้ามากมาย แต่ตอนนี้สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ExaFLOPS สำหรับการจำลองและ 11.6 ExaFLOPS สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง Michael Papka ผู้อำนวยการ Argonne Leadership Computing Facility (ALCF) กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ผู้ใช้เริ่มแรกได้แสดงให้เราเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของ Aurora เรารอคอยที่จะเห็นว่าชุมชนวิทยาศาสตร์จะใช้ระบบนี้ในการเปลี่ยนแปลงการวิจัยของพวกเขาอย่างไร" การเปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการยอมรับระบบอย่างเป็นทางการโดย ARNL ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องที่มีปัญหานี้ Aurora ถูกวางแผนไว้สำหรับปี 2018 แต่พลาดเป้าหมายเนื่องจากการตัดสินใจของ Intel ที่จะยกเลิกโปรเซสเซอร์ Xeon Phi หลังจากที่เครื่องถูกออกแบบใหม่ โครงการก็เผชิญกับความล่าช้าเพิ่มเติมเนื่องจากการล่าช้าของเทคโนโลยีการผลิต 7nm ของ Intel ทำให้วันที่เสร็จสมบูรณ์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2021 และอีกครั้งในปี 2023 แม้ว่าอุปกรณ์จะถูกติดตั้งในเดือนมิถุนายน 2023 แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าระบบจะสามารถทำงานได้เต็มที่และบรรลุประสิทธิภาพระดับ exascale ซึ่งในที่สุดก็สำเร็จในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่ระบบนี้ยังคงเปิดให้บริการเฉพาะนักวิจัยบางกลุ่มเท่านั้นเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี Aurora ไม่ใช่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการจำลอง เนื่องจากประสิทธิภาพ FP64 ของมันเพียงแค่เกิน 1 ExaFLOPS แต่เป็นระบบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับ AI เนื่องจากสามารถบรรลุ 11.6 ExaFLOPS ตามการทดสอบ HPL-MxP Rick Stevens ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Argonne กล่าวว่า "เป้าหมายใหญ่ของ Aurora คือการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ด้วยโครงการ AuroraGPT เรากำลังสร้างโมเดลพื้นฐานที่เน้นวิทยาศาสตร์ที่สามารถสกัดความรู้จากหลายโดเมน ตั้งแต่ชีววิทยาถึงเคมี หนึ่งในเป้าหมายของ Aurora คือการช่วยให้นักวิจัยสร้างเครื่องมือ AI ใหม่ที่ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วเท่าที่พวกเขาคิด ไม่ใช่แค่เร็วเท่าที่การคำนวณของพวกเขา" โครงการวิจัยแรกๆ ที่ใช้ Aurora รวมถึงการจำลองระบบที่ซับซ้อน เช่น ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และการระเบิดของซูเปอร์โนวา ประสิทธิภาพที่ล้นหลามของเครื่องนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจากศูนย์วิจัยใหญ่ๆ เช่น Argonne's Advanced Photon Source (APS) และ CERN's Large Hadron Collider Aurora ประกอบด้วย 166 แร็ค แต่ละแร็คมี 64 เบลด รวมทั้งหมด 10,624 เบลด แต่ละเบลดมีโปรเซสเซอร์ Xeon Max สองตัวพร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 64 GB และ GPU Intel Data Center Max 'Ponte Vecchio' หกตัว ทั้งหมดนี้ถูกทำความเย็นด้วยระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเฉพาะ Aurora มี CPU 21,248 ตัวพร้อมคอร์ x86 ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.1 ล้านคอร์ หน่วยความจำ DDR5 ขนาด 19.9 PB และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 1.36 PB ที่เชื่อมต่อกับ CPU นอกจากนี้ยังมี GPU 63,744 ตัวที่ปรับแต่งสำหรับ AI และ HPC พร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 8.16 PB Aurora ใช้โหนด 1,024 โหนดที่มีไดรฟ์โซลิดสเตตสำหรับการจัดเก็บข้อมูล รวมความจุทั้งหมด 220 PB และแบนด์วิดท์ 31 TB/s ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Shasta ของ HPE พร้อมการเชื่อมต่อ Slingshot https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/aurora-supercomputer-is-now-fully-operational-available-to-researchers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store

    การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด

    Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store

    ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง

    การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google blocked 2.36 million risky Android apps from Play Store in 2024
    Google blocked 2.3 million Android app submissions to the Play Store in 2024 due to violations of its policies that made them potentially risky for users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้เปิดเผยฐานข้อมูลที่มีบันทึกการสนทนามากกว่าหนึ่งล้านรายการต่อสาธารณะ โดยฐานข้อมูลที่ไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยนี้ถูกค้นพบโดย Wiz Research ในระหว่างการประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานภายนอกของ DeepSeek

    ฐานข้อมูลที่เปิดเผยนี้ประกอบด้วยบันทึกการสนทนาของผู้ใช้ในรูปแบบข้อความธรรมดา คีย์ API รายละเอียดเบื้องหลัง และข้อมูลเมตาดาต้าการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถดึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและข้อความสนทนาจริงในรูปแบบข้อความธรรมดาได้ นอกจากนี้ยังอาจดึงรหัสผ่านและไฟล์ท้องถิ่นจากเซิร์ฟเวอร์ได้อีกด้วย

    Wiz Research ได้แจ้งให้ DeepSeek ทราบถึงปัญหานี้ และบริษัทได้แก้ไขการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแล้ว ทำให้ฐานข้อมูลไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป

    ปัญหาด้านความปลอดภัยของ DeepSeek นี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากบริษัทต้องปฏิบัติตามคำขอการเข้าถึงข้อมูลจากรัฐบาลจีนอย่างเข้มงวด การเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้โมเดล AI ของ DeepSeek ในการดำเนินงานที่มีความละเอียดอ่อน

    นอกจากนี้ DeepSeek ยังถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องระงับการลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่เป็นเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง

    ลุงว่าข้อมูลที่รั่วออกมาน่าจะมีคำว่า "หมีพูห์" "เทียนอันเหมิน" จากประเทศไทยมากเป็นพิเศษ 😅😅

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/deepseek-exposes-database-with-over-1-million-chat-records/
    DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้เปิดเผยฐานข้อมูลที่มีบันทึกการสนทนามากกว่าหนึ่งล้านรายการต่อสาธารณะ โดยฐานข้อมูลที่ไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยนี้ถูกค้นพบโดย Wiz Research ในระหว่างการประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานภายนอกของ DeepSeek ฐานข้อมูลที่เปิดเผยนี้ประกอบด้วยบันทึกการสนทนาของผู้ใช้ในรูปแบบข้อความธรรมดา คีย์ API รายละเอียดเบื้องหลัง และข้อมูลเมตาดาต้าการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถดึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและข้อความสนทนาจริงในรูปแบบข้อความธรรมดาได้ นอกจากนี้ยังอาจดึงรหัสผ่านและไฟล์ท้องถิ่นจากเซิร์ฟเวอร์ได้อีกด้วย Wiz Research ได้แจ้งให้ DeepSeek ทราบถึงปัญหานี้ และบริษัทได้แก้ไขการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแล้ว ทำให้ฐานข้อมูลไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป ปัญหาด้านความปลอดภัยของ DeepSeek นี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากบริษัทต้องปฏิบัติตามคำขอการเข้าถึงข้อมูลจากรัฐบาลจีนอย่างเข้มงวด การเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้โมเดล AI ของ DeepSeek ในการดำเนินงานที่มีความละเอียดอ่อน นอกจากนี้ DeepSeek ยังถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องระงับการลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่เป็นเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง ลุงว่าข้อมูลที่รั่วออกมาน่าจะมีคำว่า "หมีพูห์" "เทียนอันเหมิน" จากประเทศไทยมากเป็นพิเศษ 😅😅 https://www.bleepingcomputer.com/news/security/deepseek-exposes-database-with-over-1-million-chat-records/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    DeepSeek exposes database with over 1 million chat records
    DeepSeek, the Chinese AI startup known for its DeepSeek-R1 LLM model, has publicly exposed two databases containing sensitive user and operational information.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝากร้านด้วยนะครับใครอยู่ระยอง
    💨💨💨นั่งเล่น รับลมเย็น อากาศดี 💨💨
    มีทั้งของทานเล่น อาหาร และน้ำ ราคาเป็นกันเองนะครับ มีทั้งเดลิเวอรี่ เวลาเปิด 07.00 - 22.00 น. ทุกวันนะครับ

    พิกัด 📍📍 https://maps.app.goo.gl/k4HNFWRWvK9irB9U9?g_st=ic

    Lineman : https://wongn.ai/21iXFW
    Grab : https://grab.onelink.me/2695613898?pid=inappsharing&c=3-C3LHRE3JWAAAR6&is_retargeting=true&af_dp=grab%3A%2F%2Fopen%3FscreenType%3DGRABFOOD%26sourceID%3DA4pcqCZkS4%26merchantIDs%3D3-C3LHRE3JWAAAR6&af_force_deeplink=true&af_web_dp=https%3A%2F%2Fwww.grab.com%2Fdownload
    Shopee : https://shopee.co.th/universal-link/now-food/shop/10014546?deep_and_deferred=1&shareChannel=copy_link
    ฝากร้านด้วยนะครับใครอยู่ระยอง 💨💨💨นั่งเล่น รับลมเย็น อากาศดี 💨💨 มีทั้งของทานเล่น อาหาร และน้ำ ราคาเป็นกันเองนะครับ มีทั้งเดลิเวอรี่ เวลาเปิด 07.00 - 22.00 น. ทุกวันนะครับ พิกัด 📍📍 https://maps.app.goo.gl/k4HNFWRWvK9irB9U9?g_st=ic Lineman : https://wongn.ai/21iXFW Grab : https://grab.onelink.me/2695613898?pid=inappsharing&c=3-C3LHRE3JWAAAR6&is_retargeting=true&af_dp=grab%3A%2F%2Fopen%3FscreenType%3DGRABFOOD%26sourceID%3DA4pcqCZkS4%26merchantIDs%3D3-C3LHRE3JWAAAR6&af_force_deeplink=true&af_web_dp=https%3A%2F%2Fwww.grab.com%2Fdownload Shopee : https://shopee.co.th/universal-link/now-food/shop/10014546?deep_and_deferred=1&shareChannel=copy_link
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ตัดสินใจโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek บนบริการคลาวด์ Azure ของตน แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลที่ผิดกฎหมายก็ตาม DeepSeek R1 เป็นโมเดลการจำลองการให้เหตุผลที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ OpenAI's o1 แต่มีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่ต่ำกว่ามาก

    การตัดสินใจของ Microsoft นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI กล่าวหา DeepSeek ว่าละเมิดข้อกำหนดการให้บริการโดยใช้ผลลัพธ์จาก ChatGPT ในการฝึกอบรมระบบของตน ข้อกล่าวหานี้กำลังถูกสอบสวนโดย Microsoft

    DeepSeek R1 ได้รับความสนใจในวงการ AI เมื่อเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการโฆษณาว่าเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าโมเดลของ OpenAI อย่างมาก การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์ R1 บน Azure ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจาก Microsoft มีโมเดล AI มากกว่า 1,800 โมเดลบน Azure AI Foundry ที่ให้บริการแก่ผู้พัฒนา

    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกับการที่ OpenAI ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Microsoft ได้วิจารณ์โมเดลนี้อย่างหนัก ข้อกล่าวหาของ OpenAI เกี่ยวกับการใช้ "การกลั่น" ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักพัฒนาฝึกอบรมโมเดล AI โดยใช้ผลลัพธ์จากระบบที่มีความก้าวหน้ามากกว่า

    นอกจากนี้ OpenAI ยังมีประวัติการละเมิดข้อมูลเช่นกัน โดย The New York Times ได้ยื่นฟ้อง OpenAI และ Microsoft ในข้อหาการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ OpenAI CEO Sam Altman ได้ยอมรับว่าโมเดล R1 ของ DeepSeek มีประสิทธิภาพและมีค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ยังคงยืนยันว่า OpenAI จะพัฒนาโมเดลที่ดีกว่าในอนาคต

    การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek นี้เป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในวงการ AI เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของข้อมูลและการใช้ข้อมูลในการฝึกอบรมโมเดล AI

    https://www.techspot.com/news/106579-microsoft-now-hosting-deepseek-r1-even-though-suspects.html
    Microsoft ได้ตัดสินใจโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek บนบริการคลาวด์ Azure ของตน แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลที่ผิดกฎหมายก็ตาม DeepSeek R1 เป็นโมเดลการจำลองการให้เหตุผลที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ OpenAI's o1 แต่มีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่ต่ำกว่ามาก การตัดสินใจของ Microsoft นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI กล่าวหา DeepSeek ว่าละเมิดข้อกำหนดการให้บริการโดยใช้ผลลัพธ์จาก ChatGPT ในการฝึกอบรมระบบของตน ข้อกล่าวหานี้กำลังถูกสอบสวนโดย Microsoft DeepSeek R1 ได้รับความสนใจในวงการ AI เมื่อเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการโฆษณาว่าเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าโมเดลของ OpenAI อย่างมาก การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์ R1 บน Azure ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจาก Microsoft มีโมเดล AI มากกว่า 1,800 โมเดลบน Azure AI Foundry ที่ให้บริการแก่ผู้พัฒนา อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกับการที่ OpenAI ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Microsoft ได้วิจารณ์โมเดลนี้อย่างหนัก ข้อกล่าวหาของ OpenAI เกี่ยวกับการใช้ "การกลั่น" ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักพัฒนาฝึกอบรมโมเดล AI โดยใช้ผลลัพธ์จากระบบที่มีความก้าวหน้ามากกว่า นอกจากนี้ OpenAI ยังมีประวัติการละเมิดข้อมูลเช่นกัน โดย The New York Times ได้ยื่นฟ้อง OpenAI และ Microsoft ในข้อหาการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ OpenAI CEO Sam Altman ได้ยอมรับว่าโมเดล R1 ของ DeepSeek มีประสิทธิภาพและมีค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ยังคงยืนยันว่า OpenAI จะพัฒนาโมเดลที่ดีกว่าในอนาคต การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek นี้เป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในวงการ AI เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของข้อมูลและการใช้ข้อมูลในการฝึกอบรมโมเดล AI https://www.techspot.com/news/106579-microsoft-now-hosting-deepseek-r1-even-though-suspects.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft Cloud is now hosting DeepSeek AI model, even though its suspect of illegal data abuse
    DeepSeek R1 began making waves in the AI world when it launched last week. Chinese developer DeepSeek touted it as a freely available simulated reasoning model that...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • Logitech รเปิดตัวเซ็นเซอร์เรดาร์ขนาดเล็กที่ชื่อว่า Spot ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้จัดการสามารถตรวจสอบว่ามีคนอยู่ในห้องทำงานหรือไม่ โดยไม่ต้องใช้กล้องที่อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของพนักงาน

    Spot เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งได้ง่ายบนผนังและใช้เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนในระยะประมาณ 16 ฟุต นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศ ระดับ CO2 อุณหภูมิ และความชื้น ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมกับพนักงานได้

    การใช้งาน Spot มีหลายกรณี เช่น การจองห้องที่ไม่ได้ใช้งาน การปรับระบบ HVAC ตามการใช้งานจริง และการป้องกันการสะสมของอากาศที่ไม่ดีต่อสุขภาพ Spot ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบการจัดการสำนักงานของ Logitech เช่น แผนที่แบบ Interactive และแผงการจัดตารางเวลา และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft Teams, Zoom และแพลตฟอร์มการทำงานอื่นๆ ผ่าน API

    Spot ใช้พลังงานต่ำและสามารถทำงานได้นานถึงสี่ปีด้วยแบตเตอรี่ก้อนเดียว แม้ว่าการติดตั้งเซ็นเซอร์เหล่านี้ทั่วทั้งสำนักงานอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการติดตามการเคลื่อนไหวของพนักงาน แต่ Logitech ยืนยันว่าเรดาร์ไม่สามารถระบุบุคคลได้อย่างแม่นยำ และเป็นวิธีที่น้อยกว่าการใช้กล้อง

    Spot จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมในสำนักงานเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพของพนักงาน การใช้เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถจัดการพื้นที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการใช้พลังงานได้

    https://www.techspot.com/news/106569-logitech-tiny-radar-sensors-could-managers-see-if.html
    Logitech รเปิดตัวเซ็นเซอร์เรดาร์ขนาดเล็กที่ชื่อว่า Spot ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้จัดการสามารถตรวจสอบว่ามีคนอยู่ในห้องทำงานหรือไม่ โดยไม่ต้องใช้กล้องที่อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของพนักงาน Spot เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งได้ง่ายบนผนังและใช้เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนในระยะประมาณ 16 ฟุต นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศ ระดับ CO2 อุณหภูมิ และความชื้น ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมกับพนักงานได้ การใช้งาน Spot มีหลายกรณี เช่น การจองห้องที่ไม่ได้ใช้งาน การปรับระบบ HVAC ตามการใช้งานจริง และการป้องกันการสะสมของอากาศที่ไม่ดีต่อสุขภาพ Spot ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบการจัดการสำนักงานของ Logitech เช่น แผนที่แบบ Interactive และแผงการจัดตารางเวลา และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft Teams, Zoom และแพลตฟอร์มการทำงานอื่นๆ ผ่าน API Spot ใช้พลังงานต่ำและสามารถทำงานได้นานถึงสี่ปีด้วยแบตเตอรี่ก้อนเดียว แม้ว่าการติดตั้งเซ็นเซอร์เหล่านี้ทั่วทั้งสำนักงานอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการติดตามการเคลื่อนไหวของพนักงาน แต่ Logitech ยืนยันว่าเรดาร์ไม่สามารถระบุบุคคลได้อย่างแม่นยำ และเป็นวิธีที่น้อยกว่าการใช้กล้อง Spot จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมในสำนักงานเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพของพนักงาน การใช้เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถจัดการพื้นที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการใช้พลังงานได้ https://www.techspot.com/news/106569-logitech-tiny-radar-sensors-could-managers-see-if.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Logitech's tiny radar sensors could let managers see if a cubicle is occupied
    The Spot is basically a peel-and-stick pebble that uses radar to detect people's presence. It can see about 16 feet in front of it and also sense...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pongsakorn S.
    Pongsakorn S.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอิตาลี (Garante) ได้ประกาศบล็อกแอปพลิเคชัน AI จากจีนชื่อ DeepSeek เนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ DeepSeek ไม่สามารถเข้าถึงได้ในร้านค้าแอปของ Apple และ Google ในอิตาลี หลังจากที่ Garante ขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ แต่ข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทจีนที่ให้บริการแชทบอทแก่ DeepSeek นั้นไม่เพียงพอ

    การตัดสินใจนี้มีผลทันทีและ Garante ได้เปิดการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ การบล็อกแอปพลิเคชันนี้เป็นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานในอิตาลี

    เตะตัดขา Deepseek กันใหญ่เลยครับ ถ้ามันอันตรายจริง Google play หรือ Apple store คงไม่ยอมให้ขึ้น play store อยู่แล้ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/italy039s-privacy-watchdog-blocks-chinese-ai-app-deepseek
    หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอิตาลี (Garante) ได้ประกาศบล็อกแอปพลิเคชัน AI จากจีนชื่อ DeepSeek เนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ DeepSeek ไม่สามารถเข้าถึงได้ในร้านค้าแอปของ Apple และ Google ในอิตาลี หลังจากที่ Garante ขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ แต่ข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทจีนที่ให้บริการแชทบอทแก่ DeepSeek นั้นไม่เพียงพอ การตัดสินใจนี้มีผลทันทีและ Garante ได้เปิดการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ การบล็อกแอปพลิเคชันนี้เป็นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานในอิตาลี เตะตัดขา Deepseek กันใหญ่เลยครับ ถ้ามันอันตรายจริง Google play หรือ Apple store คงไม่ยอมให้ขึ้น play store อยู่แล้ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/italy039s-privacy-watchdog-blocks-chinese-ai-app-deepseek
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Italy's privacy watchdog blocks Chinese AI app DeepSeek
    MILAN (Reuters) - Italy's data protection authority said on Thursday it had blocked Chinese artificial intelligence model DeepSeek over a lack of information on its use of personal data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของฝรั่งเศส (CNIL) ได้ประกาศว่าจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับระบบ AI ของพวกเขาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากจีนที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกหลังจากเผยแพร่เอกสารที่ระบุว่าการฝึกอบรม DeepSeek-V3 ใช้พลังการประมวลผลมูลค่าน้อยกว่า 6 ล้านดอลลาร์จากชิป Nvidia H800

    CNIL เป็นหนึ่งในหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในยุโรป และได้ปรับเงินบริษัทใหญ่ๆ เช่น Google และ Meta Platforms มาแล้ว นอกจากนี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีและไอร์แลนด์ก็ได้ขอข้อมูลจาก DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในประเทศของตนเช่นกัน

    ยุโรปมีการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) ของยุโรปถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ครอบคลุมและเข้มงวดที่สุดในโลก การละเมิด GDPR อาจนำไปสู่การปรับเงินสูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัท

    นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้ตกลงกฎระเบียบที่กำหนดให้ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงสูงต้องมีความโปร่งใสอย่างเข้มงวด และมีข้อกำหนดที่เบากว่าสำหรับโมเดล AI ที่ใช้ทั่วไป การละเมิดกฎระเบียบเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเงินตั้งแต่ 7.5 ล้านยูโร หรือ 1.5% ของรายได้ ไปจนถึง 35 ล้านยูโร หรือ 7% ของรายได้รวมทั่วโลก ขึ้นอยู่กับประเภทของการละเมิด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/french-privacy-watchdog-to-quiz-deepseek-on-ai-data-protection
    หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของฝรั่งเศส (CNIL) ได้ประกาศว่าจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับระบบ AI ของพวกเขาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากจีนที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกหลังจากเผยแพร่เอกสารที่ระบุว่าการฝึกอบรม DeepSeek-V3 ใช้พลังการประมวลผลมูลค่าน้อยกว่า 6 ล้านดอลลาร์จากชิป Nvidia H800 CNIL เป็นหนึ่งในหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในยุโรป และได้ปรับเงินบริษัทใหญ่ๆ เช่น Google และ Meta Platforms มาแล้ว นอกจากนี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีและไอร์แลนด์ก็ได้ขอข้อมูลจาก DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในประเทศของตนเช่นกัน ยุโรปมีการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) ของยุโรปถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ครอบคลุมและเข้มงวดที่สุดในโลก การละเมิด GDPR อาจนำไปสู่การปรับเงินสูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัท นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้ตกลงกฎระเบียบที่กำหนดให้ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงสูงต้องมีความโปร่งใสอย่างเข้มงวด และมีข้อกำหนดที่เบากว่าสำหรับโมเดล AI ที่ใช้ทั่วไป การละเมิดกฎระเบียบเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเงินตั้งแต่ 7.5 ล้านยูโร หรือ 1.5% ของรายได้ ไปจนถึง 35 ล้านยูโร หรือ 7% ของรายได้รวมทั่วโลก ขึ้นอยู่กับประเภทของการละเมิด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/french-privacy-watchdog-to-quiz-deepseek-on-ai-data-protection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    French privacy watchdog to quiz DeepSeek on AI, data protection
    BRUSSELS (Reuters) - France's privacy watchdog said on Thursday it will question DeepSeek to gain a better idea of how the Chinese startup's AI system works and any possible privacy risks for users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT Gov ซึ่งเป็นเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ChatGPT Gov มีความสามารถในการช่วยงานต่างๆ เช่น การค้นหาเอกสารที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกันในพื้นที่ทำงานของรัฐบาล การอัปโหลดไฟล์ข้อความและรูปภาพ และการเข้าถึง GPT-4o นอกจากนี้ยังมีคอนโซลสำหรับผู้บริหารด้านไอทีในการจัดการการใช้งาน

    การเปิดตัว ChatGPT Gov นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การปรับปรุงสุขภาพของประชาชนและการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ "รับใช้ผลประโยชน์ของชาติและความดีของประชาชน"

    หน่วยงานรัฐบาลสามารถใช้บริการ OpenAI ของ Microsoft Azure เพื่อปรับใช้ ChatGPT Gov ในสภาพแวดล้อมของตนเอง ซึ่งช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดการกับความต้องการด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ ChatGPT Gov ยังมีนโยบายการใช้งานที่ห้ามการใช้งานที่เป็นอันตรายและมีการตั้งค่าการป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

    มีสาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมในบทความนี้คือ การที่หน่วยงานรัฐบาลมากกว่า 3,500 แห่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้ ChatGPT ในการทำงานประจำวันแล้ว โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 90,000 คนที่ส่งข้อความผ่าน ChatGPT มากกว่า 18 ล้านข้อความ

    https://www.zdnet.com/article/openai-tailored-chatgpt-gov-for-government-use-heres-what-that-means/
    เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 OpenAI ได้เปิดตัว ChatGPT Gov ซึ่งเป็นเวอร์ชันของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ChatGPT Gov มีความสามารถในการช่วยงานต่างๆ เช่น การค้นหาเอกสารที่ซับซ้อน การทำงานร่วมกันในพื้นที่ทำงานของรัฐบาล การอัปโหลดไฟล์ข้อความและรูปภาพ และการเข้าถึง GPT-4o นอกจากนี้ยังมีคอนโซลสำหรับผู้บริหารด้านไอทีในการจัดการการใช้งาน การเปิดตัว ChatGPT Gov นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การปรับปรุงสุขภาพของประชาชนและการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ "รับใช้ผลประโยชน์ของชาติและความดีของประชาชน" หน่วยงานรัฐบาลสามารถใช้บริการ OpenAI ของ Microsoft Azure เพื่อปรับใช้ ChatGPT Gov ในสภาพแวดล้อมของตนเอง ซึ่งช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดการกับความต้องการด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ChatGPT Gov ยังมีนโยบายการใช้งานที่ห้ามการใช้งานที่เป็นอันตรายและมีการตั้งค่าการป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน มีสาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมในบทความนี้คือ การที่หน่วยงานรัฐบาลมากกว่า 3,500 แห่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้ ChatGPT ในการทำงานประจำวันแล้ว โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 90,000 คนที่ส่งข้อความผ่าน ChatGPT มากกว่า 18 ล้านข้อความ https://www.zdnet.com/article/openai-tailored-chatgpt-gov-for-government-use-heres-what-that-means/
    WWW.ZDNET.COM
    OpenAI tailored ChatGPT Gov for government use - here's what that means
    ChatGPT will be making its way to federal, state, and local agencies. The new version comes with benefits - and concerns.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กำลังสอบ DeepSeek, บริษัท startup AI ของจีนว่าอาจจะแอบซื้อชิปขั้นสูงของ Nvidia ผ่านสิงคโปร์
    รัฐบาลไบเดน แบนจีน ไม่ให้เข้าถึงชิปชั้นสูงที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐ
    ..............................
    US probing if China’s DeepSeek got Nvidia chips through Singapore- Bloomberg
    01/30/2025, 07:25 PM
    Investing.com-- U.S. officials are probing whether Chinese AI start-up DeepSeek sourced advanced NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) processors through distributors in Singapore, potentially dodging U.S. sanctions, Bloomberg reported on Friday.

    Authorities are investigating whether DeepSeek bypassed U.S. restrictions on advanced chip sales to China and used advanced Nvidia technology when developing its R1 model.

    The Bloomberg report comes just days after DeepSeek’s R1 took the market by storm, as it appeared to be able to match rival offerings, particularly ChatGPT, while using older hardware and a substantially smaller budget.

    DeepSeek- which is backed by Chinese hedge fund High-Flyer- had said in July 2022 that it owned and operated a cluster of 10,000 A100 Nvidia chips, which are a less advanced version of Nvidia’s AI chips, developed specifically for China. The chips are also compliant with U.S. export restrictions.

    But R1’s success- where the chatbot overtook ChatGPT as the most downloaded free app on Apple’s App Store- sparked questions over whether the model was developed using advanced Western technology.

    Scale AI CEO Alexandr Wang said during a recent interview that DeepSeek has 50,000 Nvidia H100 chips- from Nvidia’s Hopper line, which are currently the most advanced chips sold by the chipmaker. Wang did not provide any evidence for his claims.

    Bloomberg had reported earlier this week that Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) was probing whether DeepSeek improperly accessed proprietary data from OpenAI.

    DeepSeek’s release battered U.S. technology stocks this week, with market darling Nvidia wiping out nearly $600 billion in value as the apparently cheaper-to-run and more efficient AI model sparked questions over just how justified were the hundreds of billions of dollars being poured into AI infrastructure.

    DeepSeek R1 also sparked questions over just how ahead U.S. companies were in AI development when compared to their Chinese peers.

    https://www.investing.com/news/stock-market-news/us-probing-if-chinas-deepseek-got-nvidia-chips-through-singapore-bloomberg-3841470
    สหรัฐฯ กำลังสอบ DeepSeek, บริษัท startup AI ของจีนว่าอาจจะแอบซื้อชิปขั้นสูงของ Nvidia ผ่านสิงคโปร์ รัฐบาลไบเดน แบนจีน ไม่ให้เข้าถึงชิปชั้นสูงที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐ .............................. US probing if China’s DeepSeek got Nvidia chips through Singapore- Bloomberg 01/30/2025, 07:25 PM Investing.com-- U.S. officials are probing whether Chinese AI start-up DeepSeek sourced advanced NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) processors through distributors in Singapore, potentially dodging U.S. sanctions, Bloomberg reported on Friday. Authorities are investigating whether DeepSeek bypassed U.S. restrictions on advanced chip sales to China and used advanced Nvidia technology when developing its R1 model. The Bloomberg report comes just days after DeepSeek’s R1 took the market by storm, as it appeared to be able to match rival offerings, particularly ChatGPT, while using older hardware and a substantially smaller budget. DeepSeek- which is backed by Chinese hedge fund High-Flyer- had said in July 2022 that it owned and operated a cluster of 10,000 A100 Nvidia chips, which are a less advanced version of Nvidia’s AI chips, developed specifically for China. The chips are also compliant with U.S. export restrictions. But R1’s success- where the chatbot overtook ChatGPT as the most downloaded free app on Apple’s App Store- sparked questions over whether the model was developed using advanced Western technology. Scale AI CEO Alexandr Wang said during a recent interview that DeepSeek has 50,000 Nvidia H100 chips- from Nvidia’s Hopper line, which are currently the most advanced chips sold by the chipmaker. Wang did not provide any evidence for his claims. Bloomberg had reported earlier this week that Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) was probing whether DeepSeek improperly accessed proprietary data from OpenAI. DeepSeek’s release battered U.S. technology stocks this week, with market darling Nvidia wiping out nearly $600 billion in value as the apparently cheaper-to-run and more efficient AI model sparked questions over just how justified were the hundreds of billions of dollars being poured into AI infrastructure. DeepSeek R1 also sparked questions over just how ahead U.S. companies were in AI development when compared to their Chinese peers. https://www.investing.com/news/stock-market-news/us-probing-if-chinas-deepseek-got-nvidia-chips-through-singapore-bloomberg-3841470
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/TcITlwE7YEI?si=f9whqyxAdtugNVqK
    https://youtube.com/shorts/TcITlwE7YEI?si=f9whqyxAdtugNVqK
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • DRT มาเลเซีย ทลายข้อจำกัดรถไฟฟ้า

    แม้ว่ากรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย จะมีรถไฟฟ้าและรถเมล์ด่วนพิเศษ (BRT) ครอบคลุมพื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) กระจายไปยังเมืองบริวารในรัฐสลังงอร์ (Selangor) และปุตราจายา (Putrajaya) แต่มีประชาชนจำนวนน้อยใช้บริการเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากที่ตั้งสถานี อยู่ห่างไกลจากที่พักอาศัย ด้วยลักษณะทางกายภาพ เช่น ตั้งอยู่บนหุบเขา มีทางด่วนกั้นอยู่ ต้องเดินเท้านานกว่า 30 นาทีถึงสถานี ส่วนรถโดยสารประจำทางล่าช้าเนื่องจากการจราจรติดขัด

    แรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสารประจำทาง จึงได้เริ่มให้บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT ซึ่งย่อมาจาก Demand Responsive Transport ภายใต้ชื่อ Rapid DRT เมื่อเดือน พ.ค.2566 เริ่มจากสายแรก สถานีรถไฟฟ้า LRT Universiti ไปยังมหาวิทยาลัยมาลายา ด้วยรถตู้ 1 คัน ค่าโดยสารโปรโมชันคนละ 1 ริงกิตต่อเที่ยว ต่อมาในเดือน ส.ค.2567 ขยายเป็น 9 เส้นทาง ด้วยรถตู้ 20 คัน และผู้ให้บริการ 3 ราย ให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.30 น. ทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวันกว่า 59% จาก 1,271 คน เป็น 2,023 คน

    สำหรับขั้นตอนการใช้บริการ เริ่มจากจองผ่านแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และจำนวนผู้โดยสาร จากนั้นรอรถตู้มาถึง แตะบัตรโดยสารเพื่อชำระเงินแล้วขึ้นไปบนรถ ระหว่างทางรถตู้จะรับผู้โดยสารรายอื่น เมื่อถึงปลายทางก็ลงจากรถ คล้ายกับบริการเรียกรถ e-hailing มีรัศมีให้บริการประมาณ 2 กิโลเมตร

    จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้แรพิดบัสประกาศเปิดเพิ่มอีก 4 เส้นทางด้วยรถตู้ 10 คัน เชื่อมโยงรถไฟฟ้า LRT Bangsar รถไฟฟ้า MRT Putrajaya และอีก 2 เส้นทางใช้ช่องทางเดินรถประจำทาง นำผู้โดยสารจากย่านที่อยู่อาศัย มายังเส้นทางเดินรถบนถนนสายหลัก พร้อมกันนี้ยังเปลี่ยนชื่อบริการใหม่จาก Rapid DRT เป็น Rapid KL On-Demand ส่วนอีก 9 เส้นทางที่เหลือ จะปรับปรุงเส้นทาง จากปัจจุบันมีจุดจอด 203 จุด จะเพิ่มจุดจอดบนเส้นทางเป็นระยะ 50% ตามความต้องการของชุมชนโดยรอบ

    ก่อนหน้านี้นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า บริษัทปราสรานา (Prasarana) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแรพิดบัส จะนำรถตู้อีก 300 คันมาให้บริการ DRT ซึ่งบริการนี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารไม่ต้องใช้เวลาเดินเท้าไปยังสถานีรถไฟฟ้า และส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ขณะที่นายโมฮัมหมัด อาซารุดดิน มัต ซาห์ ประธานบริษัทปราสรานา กล่าวว่า มีแผนจะเปิดตัวบริการ DRT พื้นที่ใหม่ตามแนวเส้นทางรถไฟปุตราจายา กาจัง และอัมปัง รวมถึงในพื้นที่ที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT

    #Newskit
    -----
    [วันนี้วันสุดท้าย] ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9

    ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 3 ก.พ. 2568 ที่เพจ Newskit ใน Thaitimes
    DRT มาเลเซีย ทลายข้อจำกัดรถไฟฟ้า แม้ว่ากรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย จะมีรถไฟฟ้าและรถเมล์ด่วนพิเศษ (BRT) ครอบคลุมพื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) กระจายไปยังเมืองบริวารในรัฐสลังงอร์ (Selangor) และปุตราจายา (Putrajaya) แต่มีประชาชนจำนวนน้อยใช้บริการเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากที่ตั้งสถานี อยู่ห่างไกลจากที่พักอาศัย ด้วยลักษณะทางกายภาพ เช่น ตั้งอยู่บนหุบเขา มีทางด่วนกั้นอยู่ ต้องเดินเท้านานกว่า 30 นาทีถึงสถานี ส่วนรถโดยสารประจำทางล่าช้าเนื่องจากการจราจรติดขัด แรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสารประจำทาง จึงได้เริ่มให้บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT ซึ่งย่อมาจาก Demand Responsive Transport ภายใต้ชื่อ Rapid DRT เมื่อเดือน พ.ค.2566 เริ่มจากสายแรก สถานีรถไฟฟ้า LRT Universiti ไปยังมหาวิทยาลัยมาลายา ด้วยรถตู้ 1 คัน ค่าโดยสารโปรโมชันคนละ 1 ริงกิตต่อเที่ยว ต่อมาในเดือน ส.ค.2567 ขยายเป็น 9 เส้นทาง ด้วยรถตู้ 20 คัน และผู้ให้บริการ 3 ราย ให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.30 น. ทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวันกว่า 59% จาก 1,271 คน เป็น 2,023 คน สำหรับขั้นตอนการใช้บริการ เริ่มจากจองผ่านแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และจำนวนผู้โดยสาร จากนั้นรอรถตู้มาถึง แตะบัตรโดยสารเพื่อชำระเงินแล้วขึ้นไปบนรถ ระหว่างทางรถตู้จะรับผู้โดยสารรายอื่น เมื่อถึงปลายทางก็ลงจากรถ คล้ายกับบริการเรียกรถ e-hailing มีรัศมีให้บริการประมาณ 2 กิโลเมตร จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้แรพิดบัสประกาศเปิดเพิ่มอีก 4 เส้นทางด้วยรถตู้ 10 คัน เชื่อมโยงรถไฟฟ้า LRT Bangsar รถไฟฟ้า MRT Putrajaya และอีก 2 เส้นทางใช้ช่องทางเดินรถประจำทาง นำผู้โดยสารจากย่านที่อยู่อาศัย มายังเส้นทางเดินรถบนถนนสายหลัก พร้อมกันนี้ยังเปลี่ยนชื่อบริการใหม่จาก Rapid DRT เป็น Rapid KL On-Demand ส่วนอีก 9 เส้นทางที่เหลือ จะปรับปรุงเส้นทาง จากปัจจุบันมีจุดจอด 203 จุด จะเพิ่มจุดจอดบนเส้นทางเป็นระยะ 50% ตามความต้องการของชุมชนโดยรอบ ก่อนหน้านี้นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า บริษัทปราสรานา (Prasarana) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแรพิดบัส จะนำรถตู้อีก 300 คันมาให้บริการ DRT ซึ่งบริการนี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารไม่ต้องใช้เวลาเดินเท้าไปยังสถานีรถไฟฟ้า และส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ขณะที่นายโมฮัมหมัด อาซารุดดิน มัต ซาห์ ประธานบริษัทปราสรานา กล่าวว่า มีแผนจะเปิดตัวบริการ DRT พื้นที่ใหม่ตามแนวเส้นทางรถไฟปุตราจายา กาจัง และอัมปัง รวมถึงในพื้นที่ที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT #Newskit ----- [วันนี้วันสุดท้าย] ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 3 ก.พ. 2568 ที่เพจ Newskit ใน Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts