• นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87%

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา

    แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง

    แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง

    นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง
    ดูดซับแสงได้ 99.87%
    ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา

    แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
    เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird
    สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม

    เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น
    ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์
    แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง

    การประยุกต์ใช้งาน
    แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า
    งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง

    ข้อควรระวัง
    แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว
    การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

    https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    ✨ นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87% ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง ➡️ ดูดซับแสงได้ 99.87% ➡️ ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา ✅ แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ➡️ เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird ➡️ สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม ✅ เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น ➡️ ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์ ➡️ แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง ✅ การประยุกต์ใช้งาน ➡️ แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า ➡️ งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว ⛔ การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Blackest Fabric Ever Made Absorbs 99.87% of All Light That Hits It
    If you want to stand out at your next metal gig, don't settle for a spot of color in a sea of black – go ultrablack instead.
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • การระเบิดภูเขาไฟเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดกาฬโรคในยุโรป

    นักวิจัยพบหลักฐานใหม่ที่บ่งชี้ว่า การระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1345 อาจเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะภูมิอากาศผิดปกติ และนำไปสู่การแพร่ระบาดของ กาฬโรค (Black Death) ในยุโรปช่วงกลางศตวรรษที่ 14

    การศึกษาจากนักประวัติศาสตร์และนักธรณีวิทยาได้ใช้ข้อมูลจาก แกนน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา รวมถึง วงปีของต้นไม้ในยุโรป พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของก๊าซซัลเฟอร์อย่างผิดปกติในชั้นบรรยากาศราวปี 1345 ซึ่งเป็นสัญญาณของการระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ ผลที่ตามมาคือฤดูร้อนที่หนาวเย็นและฝนตกหนักต่อเนื่องหลายปี ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรล้มเหลวและเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร

    ในช่วงเวลาเดียวกัน เมืองท่าของอิตาลี เช่น เวนิส เจนัว และปิซา ต้องนำเข้าธัญพืชจากดินแดนของ Golden Horde บริเวณทะเลดำ การขนส่งธัญพืชเหล่านี้กลายเป็นเส้นทางที่แบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งอาศัยอยู่ในหมัดที่ติดมากับสินค้า แพร่เข้าสู่ยุโรปและก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การระเบิดภูเขาไฟครั้งนี้ไม่ได้เพียงสร้างความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าและการเคลื่อนย้ายสินค้า ซึ่งกลายเป็นตัวเร่งให้เชื้อโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “พายุสมบูรณ์แบบ” ที่รวมปัจจัยภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และสังคมเข้าด้วยกันจนเกิดวิกฤติครั้งใหญ่

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    หลักฐานการระเบิดภูเขาไฟปี 1345
    พบซัลเฟอร์สูงผิดปกติในแกนน้ำแข็ง
    วงปีต้นไม้บ่งชี้ฤดูร้อนหนาวเย็นต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อยุโรป
    เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและราคาธัญพืชพุ่งสูง
    เมืองท่าอิตาลีต้องนำเข้าธัญพืชจาก Golden Horde

    การแพร่ระบาดของกาฬโรค
    หมัดที่ติดมากับธัญพืชนำเชื้อ Yersinia pestis เข้าสู่ยุโรป
    การค้าทางทะเลเป็นเส้นทางหลักของการแพร่เชื้อ

    ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
    ภาวะอากาศผิดปกติสามารถกระทบต่อระบบอาหารโลก
    การเปลี่ยนเส้นทางการค้าอาจเพิ่มโอกาสแพร่โรคใหม่ในอนาคต

    บทเรียนจากอดีต
    วิกฤติสิ่งแวดล้อมสามารถเชื่อมโยงกับโรคระบาดใหญ่
    การเฝ้าระวังและเตรียมรับมือเป็นสิ่งจำเป็นต่อความมั่นคงของมนุษย์

    https://www.sciencealert.com/black-deaths-carnage-traced-to-a-volcanic-eruption-half-a-world-away
    🌋 การระเบิดภูเขาไฟเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดกาฬโรคในยุโรป นักวิจัยพบหลักฐานใหม่ที่บ่งชี้ว่า การระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1345 อาจเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะภูมิอากาศผิดปกติ และนำไปสู่การแพร่ระบาดของ กาฬโรค (Black Death) ในยุโรปช่วงกลางศตวรรษที่ 14 การศึกษาจากนักประวัติศาสตร์และนักธรณีวิทยาได้ใช้ข้อมูลจาก แกนน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา รวมถึง วงปีของต้นไม้ในยุโรป พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของก๊าซซัลเฟอร์อย่างผิดปกติในชั้นบรรยากาศราวปี 1345 ซึ่งเป็นสัญญาณของการระเบิดภูเขาไฟครั้งใหญ่ ผลที่ตามมาคือฤดูร้อนที่หนาวเย็นและฝนตกหนักต่อเนื่องหลายปี ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรล้มเหลวและเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ในช่วงเวลาเดียวกัน เมืองท่าของอิตาลี เช่น เวนิส เจนัว และปิซา ต้องนำเข้าธัญพืชจากดินแดนของ Golden Horde บริเวณทะเลดำ การขนส่งธัญพืชเหล่านี้กลายเป็นเส้นทางที่แบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งอาศัยอยู่ในหมัดที่ติดมากับสินค้า แพร่เข้าสู่ยุโรปและก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ สิ่งที่น่าสนใจคือ การระเบิดภูเขาไฟครั้งนี้ไม่ได้เพียงสร้างความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าและการเคลื่อนย้ายสินค้า ซึ่งกลายเป็นตัวเร่งให้เชื้อโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว นักวิจัยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “พายุสมบูรณ์แบบ” ที่รวมปัจจัยภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และสังคมเข้าด้วยกันจนเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ หลักฐานการระเบิดภูเขาไฟปี 1345 ➡️ พบซัลเฟอร์สูงผิดปกติในแกนน้ำแข็ง ➡️ วงปีต้นไม้บ่งชี้ฤดูร้อนหนาวเย็นต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบต่อยุโรป ➡️ เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและราคาธัญพืชพุ่งสูง ➡️ เมืองท่าอิตาลีต้องนำเข้าธัญพืชจาก Golden Horde ✅ การแพร่ระบาดของกาฬโรค ➡️ หมัดที่ติดมากับธัญพืชนำเชื้อ Yersinia pestis เข้าสู่ยุโรป ➡️ การค้าทางทะเลเป็นเส้นทางหลักของการแพร่เชื้อ ‼️ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ⛔ ภาวะอากาศผิดปกติสามารถกระทบต่อระบบอาหารโลก ⛔ การเปลี่ยนเส้นทางการค้าอาจเพิ่มโอกาสแพร่โรคใหม่ในอนาคต ‼️ บทเรียนจากอดีต ⛔ วิกฤติสิ่งแวดล้อมสามารถเชื่อมโยงกับโรคระบาดใหญ่ ⛔ การเฝ้าระวังและเตรียมรับมือเป็นสิ่งจำเป็นต่อความมั่นคงของมนุษย์ https://www.sciencealert.com/black-deaths-carnage-traced-to-a-volcanic-eruption-half-a-world-away
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Black Death's Carnage Traced to a Volcanic Eruption Half a World Away
    A major volcanic cataclysm may have been ultimately responsible for the spread of the Black Death across Europe in the 1340s.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • โรคใหม่จากเห็บในสุนัข อาจเสี่ยงต่อมนุษย์

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้ค้นพบเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ชื่อ Rickettsia finnyi ซึ่งถูกตรวจพบในสุนัขที่ป่วยคล้ายโรค Rocky Mountain Spotted Fever (RMSF) ที่เคยเป็นภัยร้ายแรงในสหรัฐฯ การค้นพบนี้สร้างความกังวลว่าเชื้ออาจข้ามสายพันธุ์มาสู่มนุษย์ได้ เนื่องจากเชื้อในกลุ่มเดียวกันมีประวัติทำให้เกิดโรคในคนมาแล้วหลายชนิด

    การติดเชื้อในสุนัขที่พบมีอาการตั้งแต่ไข้สูง อ่อนเพลีย ไปจนถึงภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งบางรายถึงขั้นเสียชีวิต แม้ส่วนใหญ่จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ผล แต่ก็มีกรณีที่กลับมาเป็นซ้ำและเสียชีวิตภายหลัง นักวิจัยย้ำว่าการเฝ้าระวังเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเชื้อในกลุ่ม Rickettsia มักซ่อนตัวอยู่ในเซลล์ ทำให้การตรวจวินิจฉัยยากและเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโดยไม่รู้ตัว

    สิ่งที่น่าสนใจคือ เชื้อ Rickettsia finnyi ถูกพบ DNA ในเห็บสายพันธุ์ Lone Star Tick ซึ่งมีถิ่นกระจายอยู่ในพื้นที่ตะวันออกและตอนกลางของสหรัฐฯ เห็บชนิดนี้เป็นพาหะของโรคหลายชนิด เช่น ehrlichiosis, tularemia และแม้กระทั่งภาวะภูมิแพ้เนื้อแดง (alpha-gal syndrome) การที่เชื้อใหม่ถูกเชื่อมโยงกับเห็บชนิดนี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่สู่มนุษย์

    นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า แม้ยังไม่มีหลักฐานการติดเชื้อในคน แต่ความสามารถของเชื้อในการอยู่รอดในเซลล์สัตว์เลี้ยงเป็นเวลานาน แสดงให้เห็นว่ามันอาจกลายเป็นภัยสาธารณสุขในอนาคต หากไม่เร่งศึกษาวงจรชีวิตและพาหะที่แท้จริง การป้องกันและการเฝ้าระวังจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การค้นพบเชื้อใหม่ Rickettsia finnyi
    พบในสุนัขที่มีอาการคล้ายโรค RMSF และบางรายเสียชีวิต
    ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่สุนัข “Finny” ที่เป็นต้นเคส

    อาการในสุนัขที่ติดเชื้อ
    ไข้สูง อ่อนเพลีย และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
    ส่วนใหญ่รักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ แต่บางรายกลับมาเป็นซ้ำ

    เห็บ Lone Star Tick เป็นพาหะที่น่าสงสัย
    มีถิ่นกระจายกว้างในสหรัฐฯ และเป็นพาหะโรคหลายชนิด
    พบ DNA ของ R. finnyi ในเห็บชนิดนี้

    ความเสี่ยงต่อมนุษย์
    เชื้อในกลุ่ม Rickettsia มีประวัติทำให้เกิดโรคในคน
    หากข้ามสายพันธุ์ได้ อาจกลายเป็นภัยสาธารณสุขใหม่

    ความยากในการตรวจวินิจฉัย
    เชื้อเติบโตภายในเซลล์ ทำให้การตรวจหายาก
    เสี่ยงต่อการแพร่กระจายโดยไม่ถูกค้นพบทันเวลา

    https://www.sciencealert.com/new-tick-borne-disease-discovered-in-dogs-may-pose-a-risk-to-humans
    🦠 โรคใหม่จากเห็บในสุนัข อาจเสี่ยงต่อมนุษย์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้ค้นพบเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ชื่อ Rickettsia finnyi ซึ่งถูกตรวจพบในสุนัขที่ป่วยคล้ายโรค Rocky Mountain Spotted Fever (RMSF) ที่เคยเป็นภัยร้ายแรงในสหรัฐฯ การค้นพบนี้สร้างความกังวลว่าเชื้ออาจข้ามสายพันธุ์มาสู่มนุษย์ได้ เนื่องจากเชื้อในกลุ่มเดียวกันมีประวัติทำให้เกิดโรคในคนมาแล้วหลายชนิด การติดเชื้อในสุนัขที่พบมีอาการตั้งแต่ไข้สูง อ่อนเพลีย ไปจนถึงภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งบางรายถึงขั้นเสียชีวิต แม้ส่วนใหญ่จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ผล แต่ก็มีกรณีที่กลับมาเป็นซ้ำและเสียชีวิตภายหลัง นักวิจัยย้ำว่าการเฝ้าระวังเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเชื้อในกลุ่ม Rickettsia มักซ่อนตัวอยู่ในเซลล์ ทำให้การตรวจวินิจฉัยยากและเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่น่าสนใจคือ เชื้อ Rickettsia finnyi ถูกพบ DNA ในเห็บสายพันธุ์ Lone Star Tick ซึ่งมีถิ่นกระจายอยู่ในพื้นที่ตะวันออกและตอนกลางของสหรัฐฯ เห็บชนิดนี้เป็นพาหะของโรคหลายชนิด เช่น ehrlichiosis, tularemia และแม้กระทั่งภาวะภูมิแพ้เนื้อแดง (alpha-gal syndrome) การที่เชื้อใหม่ถูกเชื่อมโยงกับเห็บชนิดนี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่สู่มนุษย์ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า แม้ยังไม่มีหลักฐานการติดเชื้อในคน แต่ความสามารถของเชื้อในการอยู่รอดในเซลล์สัตว์เลี้ยงเป็นเวลานาน แสดงให้เห็นว่ามันอาจกลายเป็นภัยสาธารณสุขในอนาคต หากไม่เร่งศึกษาวงจรชีวิตและพาหะที่แท้จริง การป้องกันและการเฝ้าระวังจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การค้นพบเชื้อใหม่ Rickettsia finnyi ➡️ พบในสุนัขที่มีอาการคล้ายโรค RMSF และบางรายเสียชีวิต ➡️ ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่สุนัข “Finny” ที่เป็นต้นเคส ✅ อาการในสุนัขที่ติดเชื้อ ➡️ ไข้สูง อ่อนเพลีย และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ➡️ ส่วนใหญ่รักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ แต่บางรายกลับมาเป็นซ้ำ ✅ เห็บ Lone Star Tick เป็นพาหะที่น่าสงสัย ➡️ มีถิ่นกระจายกว้างในสหรัฐฯ และเป็นพาหะโรคหลายชนิด ➡️ พบ DNA ของ R. finnyi ในเห็บชนิดนี้ ‼️ ความเสี่ยงต่อมนุษย์ ⛔ เชื้อในกลุ่ม Rickettsia มีประวัติทำให้เกิดโรคในคน ⛔ หากข้ามสายพันธุ์ได้ อาจกลายเป็นภัยสาธารณสุขใหม่ ‼️ ความยากในการตรวจวินิจฉัย ⛔ เชื้อเติบโตภายในเซลล์ ทำให้การตรวจหายาก ⛔ เสี่ยงต่อการแพร่กระจายโดยไม่ถูกค้นพบทันเวลา https://www.sciencealert.com/new-tick-borne-disease-discovered-in-dogs-may-pose-a-risk-to-humans
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    New Tick-Borne Disease Discovered in Dogs May Pose a Risk to Humans
    Several dogs in the US have died following infections by a newly discovered tick-borne disease from the same genus responsible for 'spotted fever'.
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251205 #TechRadar

    บอทเน็ต Aisuru ทำสถิติใหม่โจมตี DDoS 29.7 Tbps
    เรื่องนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งของบอทเน็ตชื่อ Aisuru ที่ใช้เครื่อง IoT กว่า 4 ล้านเครื่องในการสร้างการโจมตี DDoS ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย Cloudflare รายงานว่าเพียงไตรมาสเดียวก็ต้องรับมือกับการโจมตีมากกว่า 1,300 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมีความรุนแรงระดับหลาย Tbps เหยื่อที่โดนล่าสุดมีทั้งบริษัทเกม Gcore และ Microsoft ที่เจอการโจมตีบนคลาวด์สูงถึง 15.72 Tbps จุดที่น่ากังวลคือบอทเน็ตนี้ถูกให้บริการเป็น “บริการเช่า” ใครก็สามารถใช้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้ง่ายๆ
    https://www.techradar.com/pro/security/this-ddos-group-just-smashed-the-previous-record-with-a-29-7-tbps-attack

    Samsung OLED รุ่นใหม่หลุด พร้อมทีวี “The Frame” ขนาดยักษ์ 98 นิ้ว
    มีข้อมูลหลุดจากฐานข้อมูลอะไหล่ของ Samsung ในยุโรป เผยว่าปี 2026 จะมีทีวี OLED รุ่นใหม่หลายรุ่น รวมถึง S99H ที่คาดว่าจะเหนือกว่ารุ่นเรือธง S95F ที่เพิ่งได้รางวัลทีวีแห่งปี และยังมีการเตรียมเปิดตัว “The Frame” ขนาด 98 นิ้ว ซึ่งใหญ่จนแทบจะเรียกว่า “The Mural” ได้เลย นอกจากนี้ยังมีรุ่น S82H และ S83H ที่ใช้แผง WOLED จาก LG Display เพื่อเจาะตลาดราคาย่อมเยา คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026
    https://www.techradar.com/televisions/samsungs-next-gen-oled-tvs-leak-including-a-mysterious-new-elite-model

    Microsoft ปิดช่องโหว่ LNK ที่ถูกใช้โจมตีมานานหลายปี
    Microsoft ได้ออกแพตช์ในเดือนพฤศจิกายนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ในไฟล์ .LNK ที่ถูกใช้โจมตีมาตั้งแต่ปี 2017 ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายในไฟล์ชอร์ตคัต และเมื่อผู้ใช้เปิดดูไฟล์ก็จะไม่เห็นคำสั่งที่แท้จริง ทำให้เกิดการโจมตีแบบ Remote Code Execution ได้ ช่องโหว่นี้ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐหลายประเทศ เช่น จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย หลังจากถูกเตือนหลายครั้ง Microsoft จึงตัดสินใจแก้ไขอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-quietly-patches-lnk-vulnerability-thats-been-weaponized-for-years

    เบราว์เซอร์ AI กำลังเปลี่ยนเกม แต่ความปลอดภัยยังตามไม่ทัน
    เบราว์เซอร์ยุคใหม่อย่าง Edge ที่มี Copilot หรือ Chrome ที่ใส่ Gemini กำลังทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก ทั้งการสรุปเนื้อหา แปลภาษา หรือค้นหาข้อมูล แต่ความสะดวกนี้ก็แฝงความเสี่ยง เพราะ AI อาจถูกหลอกด้วยข้อความหรือโค้ดที่ซ่อนอยู่ในหน้าเว็บ แล้วทำงานตามคำสั่งที่เป็นอันตราย เช่น ส่งข้อมูลเข้าสู่มือแฮกเกอร์โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ปัญหาคือการนำ AI มาใช้ในเบราว์เซอร์เกิดขึ้นเร็วมาก จนมาตรการด้านความปลอดภัยยังไม่ทันตาม ทำให้ผู้เชี่ยวชี้เตือนว่าต้องระวังการโจมตีรูปแบบใหม่ที่แทบไม่มีร่องรอยให้ตรวจจับ
    https://www.techradar.com/pro/ai-browsers-are-rewriting-the-rules-is-your-security-keeping-pace

    บทเรียนจากการวิ่งมาราธอนสู่การทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้
    Stephanie Schneider เล่าประสบการณ์ว่า การวิ่งมาราธอน 26.2 ไมล์สอนให้เธอเข้าใจความอดทนและการจัดการพลังงาน ซึ่งเหมือนกับการทำงานในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความเหนื่อยล้า เธอเปรียบเทียบว่าเหมือนการเจอ “กำแพง” ตอนวิ่ง ที่ต้องใช้ใจสู้ต่อไป เช่นเดียวกับการทำงานที่ต้องเจอภัยคุกคามใหม่ๆ ทุกวัน การฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง การแบ่งเป้าหมายเป็นขั้นตอนเล็กๆ และการรักษาความสมดุลคือสิ่งที่ทำให้ทั้งนักวิ่งและนักไซเบอร์สามารถไปถึงเส้นชัยได้
    https://www.techradar.com/pro/im-a-marathoner-and-a-cybersecurity-leader-heres-what-26-2-miles-have-taught-me-about-work

    Microsoft ปฏิเสธข่าวลดเป้าหมายยอดขาย AI หลังลูกค้าต้านทาน
    มีรายงานว่าลูกค้าหลายรายลังเลที่จะลงทุนในเครื่องมือ AI ของ Microsoft เพราะราคาสูงและยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ทาง Microsoft ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่ามีการปรับลดเป้าหมายยอดขาย โดยยืนยันว่าความต้องการยังคงแข็งแรง เพียงแต่ลูกค้าบางกลุ่มต้องใช้เวลาในการปรับตัวและวางกลยุทธ์การใช้งานจริง เรื่องนี้สะท้อนว่าการนำ AI เข้ามาในองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและวิธีทำงานด้วย
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-denies-reports-of-lower-ai-sales-targets-as-customers-resist-new-tools

    วิกฤติชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์หนักขึ้น RAM ผู้ผลิตใหญ่เลิกตลาดผู้บริโภค
    ตลาดคอมพิวเตอร์กำลังเจอปัญหาหนัก เมื่อผู้ผลิต RAM รายใหญ่ประกาศเลิกทำตลาดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป หันไปเน้นตลาดองค์กรแทน ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาชิ้นส่วนจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าราคาซีพียูจะปรับขึ้นอีกด้วย สถานการณ์นี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการอัปเกรดหรือประกอบเครื่องใหม่อาจต้องเจอค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างมาก
    https://www.techradar.com/computing/memory/pc-component-crisis-just-got-worse-as-major-ram-maker-gives-up-on-consumers-and-cpu-price-hikes-are-rumored

    YouTube เตรียมบล็อกผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีในออสเตรเลีย
    ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องการแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเยาวชนในออสเตรเลีย YouTube ประกาศว่าจะบล็อกการใช้งานสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลกำลังพิจารณากฎหมายใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของเด็กและเยาวชน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสุขภาพจิตและความปลอดภัย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการบังคับใช้เข้มงวดเกินไปและอาจกระทบต่อเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/youtube-to-lock-out-under-16s-in-australia-as-controversial-social-media-ban-looms

    รีวิวเครื่องสแกนหนังสือ CZUR ET24 Pro
    เครื่องสแกนหนังสือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการแปลงหนังสือเป็นไฟล์ดิจิทัล จุดเด่นคือสามารถสแกนได้เร็วและมีฟีเจอร์แก้ไขภาพอัตโนมัติ เช่น การปรับหน้าหนังสือที่โค้งให้ออกมาเรียบ รวมถึงการตรวจจับหน้าที่พลิกอัตโนมัติ เหมาะสำหรับนักวิจัย นักเรียน หรือผู้ที่ต้องการเก็บเอกสารจำนวนมากในรูปแบบดิจิทัล รีวิวชี้ว่าคุณภาพการสแกนคมชัดและใช้งานง่าย แต่ราคาก็ถือว่าสูงพอสมควร
    https://www.techradar.com/computing/czur-et24-pro-book-scanner-review

    ข้อมูลลูกค้า Freedom Mobile ถูกขโมยจากแพลตฟอร์มจัดการบัญชี
    มีการแฮกแพลตฟอร์มจัดการบัญชีของ Freedom Mobile ทำให้ข้อมูลลูกค้าถูกขโมยไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมาก เพราะข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลการติดต่อ ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องเผชิญ และตอกย้ำว่าการป้องกันข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงทุนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/customer-data-stolen-in-freedom-mobile-account-management-platform-hack

    ChatGPT อาจไม่ปลอดภัยเท่าเดิม หลังศาลสั่งให้ OpenAI ส่งมอบข้อมูลการสนทนา
    เรื่องนี้เริ่มจากการฟ้องร้องของ The New York Times ต่อ OpenAI โดยศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทต้องส่งมอบบันทึกการสนทนากว่า 20 ล้านรายการ เพื่อใช้ตรวจสอบการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ศาลยืนยันว่าจะมีการลบข้อมูลระบุตัวตนเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว แต่ OpenAI กลับมองว่าการกระทำนี้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ใช้ เพราะถึงแม้ชื่อจะถูกลบออก แต่รูปแบบการสนทนาก็ยังสามารถบอกอะไรได้มากมาย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลการแชทถูกบังคับให้เปิดเผย และอาจเป็นสัญญาณของการต่อสู้เรื่องความเป็นส่วนตัวในโลก AI ที่กำลังจะเข้มข้นขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/your-chatgpt-chats-could-be-less-private-than-you-thought-heres-what-a-new-openai-court-ruling-means-for-you

    รัสเซียบล็อก FaceTime และ Roblox เพิ่มเติมในมาตรการควบคุมอินเทอร์เน็ต
    รัฐบาลรัสเซียเดินหน้าจำกัดเสรีภาพดิจิทัลมากขึ้น โดยล่าสุด FaceTime และ Roblox ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ เหตุผลที่อ้างคือการป้องกันการก่อการร้ายและการปกป้องเยาวชน แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่านี่คือการตัดขาดจากโลกภายนอก เด็กและวัยรุ่นที่เคยใช้ Roblox เพื่อเล่นและสื่อสารได้รับผลกระทบหนัก ขณะเดียวกัน FaceTime ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการจัดกิจกรรมผิดกฎหมาย ทำให้ผู้คนหันไปใช้แอปที่รัฐสนับสนุนแทน เช่น MAX ซึ่งถูกบังคับติดตั้งในมือถือใหม่ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการถูกสอดส่องมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/roblox-facetime-become-the-last-targets-of-russias-censorship

    Hyundai เปิดตัวหุ่นยนต์อเนกประสงค์ MobED ที่แปลงร่างได้หลากหลาย
    Hyundai กำลังจะวางขายหุ่นยนต์แพลตฟอร์มใหม่ชื่อ MobED ที่สามารถปรับตัวได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง จุดเด่นคือระบบล้อที่หมุนและปรับองศาได้ ทำให้มันเคลื่อนที่บนพื้นขรุขระหรือขึ้นบันไดเล็ก ๆ ได้อย่างมั่นคง ผู้ใช้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ตามต้องการ เช่น แขนกลสำหรับงานคลังสินค้า รถเข็นกอล์ฟ หรือแม้แต่กล้องถ่ายคอนเทนต์อัตโนมัติ Hyundai ตั้งใจผลิตด้วยมาตรฐานยานยนต์เพื่อให้ใช้งานจริงในโรงงานและชีวิตประจำวัน และยังมีแผนทำเวอร์ชัน Pro ที่ติดเซ็นเซอร์และ Lidar สำหรับการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/hyundais-charming-autonomous-robot-can-be-everything-from-a-golf-trolley-to-an-e-scooter-and-its-going-on-sale-soon

    ซีอีโอเตือนการลงทุนด้าน AI ต้องมีแผน ไม่ใช่แค่ตามกระแส
    หลายผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีออกมาเตือนว่าการลงทุนใน AI กำลังเสี่ยงจะกลายเป็น “ฟองสบู่” Logitech ชี้ว่าหลายผลิตภัณฑ์ AI เป็นเพียงการสร้างสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์จริง Anthropic ก็เตือนว่าการทุ่มเงินมหาศาลโดยไม่คำนวณความเสี่ยงอาจทำให้เกิดผลเสียทางการเงิน ขณะที่ Google และ OpenAI เองก็ยอมรับว่าความตื่นตัวเกินไปอาจทำให้นักลงทุนเจ็บตัวในอนาคต สรุปคือ AI เป็นเครื่องมือทรงพลัง แต่ต้องใช้กลยุทธ์และการวางแผน ไม่ใช่การลงทุนแบบ “YOLO”
    https://www.techradar.com/pro/ceos-are-warning-ai-adoption-and-spending-should-be-more-strategic

    อัปเกรด Raspberry Pi แค่ $10 ได้ทั้ง PCIe และ HDMI คู่
    Waveshare เปิดตัวอะแดปเตอร์ใหม่สำหรับ Raspberry Pi 5 ที่ราคาเพียง $10 แต่เพิ่มความสามารถได้มากมาย ทั้งการเชื่อมต่อ PCIe M.2 สำหรับ SSD และพอร์ต HDMI ขนาดเต็มสองช่อง ทำให้สามารถบูตระบบจาก NVMe SSD ได้โดยตรง และใช้งานเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับนักพัฒนาและผู้ที่อยากขยายความสามารถของบอร์ดเล็ก ๆ ให้ทำงานได้ใกล้เคียงเดสก์ท็อป แม้จะรองรับเฉพาะการ์ด M.2 ขนาดเล็ก แต่ถือเป็นการอัปเกรดที่คุ้มค่าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างมาก
    https://www.techradar.com/pro/looking-to-supercharge-your-raspberry-pi-this-adapter-provides-two-full-sized-hdmi-ports-and-a-pcie-connector-and-it-only-costs-usd10

    ธนาคารสหรัฐกว่า 70 แห่งถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Marquis
    มีรายงานว่าธนาคารและสหภาพเครดิตในสหรัฐฯ กว่า 70 แห่งตกเป็นเหยื่อการโจมตีของกลุ่มแฮกเกอร์ Marquis โดยข้อมูลลูกค้าถูกขโมยและถูกนำไปขายในตลาดมืด การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อระบบการเงิน เพราะ Marquis มีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่หลายครั้งแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าธนาคารต้องเร่งเสริมระบบป้องกันไซเบอร์ และลูกค้าควรตรวจสอบบัญชีของตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
    https://www.techradar.com/pro/security/over-70-us-banks-and-credit-unions-affected-by-marquis-ransomware-breach-heres-what-we-know

    ค้นพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมมหาศาลในสหรัฐฯ
    นักวิจัยพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมจำนวนมหาศาลภายในซูเปอร์ภูเขาไฟในสหรัฐฯ คาดว่ามีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และสามารถใช้ผลิตแบตเตอรี่ได้หลายสิบปี การค้นพบนี้อาจช่วยลดความผันผวนของราคาลิเทียมที่พุ่งสูงในตลาดโลก แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองในพื้นที่ที่เปราะบาง การค้นพบนี้จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
    https://www.techradar.com/pro/newly-discovered-usd1-5-billion-lithium-deposit-could-revolutionize-the-tech-industry-but-bad-news-its-inside-a-supervolcano

    Android vs iPhone: ผลสำรวจเผยผู้ใช้ TechRadar ชอบฝั่งไหนมากกว่า
    ผลสำรวจจากผู้อ่าน TechRadar แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ยังคงแบ่งขั้วระหว่าง Android และ iPhone อย่างชัดเจน โดย Android ได้คะแนนนิยมจากผู้ที่ชอบความยืดหยุ่นและราคาที่หลากหลาย ส่วน iPhone ได้คะแนนจากผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ การถกเถียงเรื่อง “ใครดีกว่า” จึงยังคงดำเนินต่อไป และสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองระบบมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน
    https://www.techradar.com/phones/android-vs-iphone-heres-what-techradar-readers-prefer

    Nvidia CEO Jensen Huang ผลักดันรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อต้านข้อจำกัดชิป AI
    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาเรียกร้องต่อสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ทบทวนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI และกฎระเบียบระดับรัฐ เขาเตือนว่าการจำกัดมากเกินไปจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบในการแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะกับจีนที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำตลาดชิป AI มองว่าการเปิดเสรีมากขึ้นจะช่วยให้สหรัฐฯ รักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/nvidia-boss-jensen-huang-steers-trump-congress-against-ai-chip-limits-and-state-level-ai-rules

    Arm64 แรงแซง x86 ในการทดสอบ AWS Lambda ปี 2025
    ผลการทดสอบล่าสุดของ AWS Lambda เผยว่า Arm64 มีประสิทธิภาพเหนือกว่า x86 อย่างชัดเจน โดยทำงานเร็วขึ้นถึง 4-5 เท่า และลดค่าใช้จ่ายลงกว่า 30% การเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม Arm64 จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบคลาวด์ นักพัฒนาที่ใช้ AWS อาจได้ประโยชน์มหาศาลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะสามารถรันงานได้เร็วขึ้นและประหยัดมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/arm64-dominates-aws-lambda-in-2025-rust-4-5x-faster-than-x86-costs-30-less-across-all-workloads

    Google เปิดตัวเครื่องมือสร้าง AI Agent แบบไม่ต้องมีประสบการณ์
    Google เปิดตัว Workspace Studio ให้ธุรกิจทุกระดับสามารถสร้าง AI Agent ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด ใช้เพียงการพิมพ์คำสั่งธรรมชาติ ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Gemini 3 ที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์และเข้าใจบริบทอย่างลึกซึ้ง จุดเด่นคือสามารถทำงานร่วมกับทั้งแอปใน Google Workspace และแอปภายนอก เช่น Asana, Jira, Salesforce และ Mailchimp ได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้สามารถแบ่งปัน Agent ที่สร้างขึ้นกับทีมได้เหมือนแชร์ไฟล์ใน Google Drive และมีบริษัทอย่าง Kärcher ที่ทดลองใช้แล้วสามารถลดเวลาการทำงานจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจทั่วไปเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/google-wants-to-help-businesses-build-ai-agents-with-no-prior-experience

    รีวิว Apple Final Cut Pro 2025
    Final Cut Pro เวอร์ชันใหม่ 11.2 ยังคงรักษาจุดแข็งเรื่องการใช้งานที่ลื่นไหลและแนวคิด “Magnetic Timeline” ที่ช่วยให้การตัดต่อรวดเร็วขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเพราะใช้ได้เฉพาะบน Mac และบางฟีเจอร์รองรับเฉพาะเครื่องที่ใช้ Apple Silicon เท่านั้น จุดเด่นคือมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น “Magnetic Mask” ที่ช่วยเลือกและติดตามวัตถุในวิดีโอได้อัตโนมัติ รวมถึงการทำซับไตเติลอัตโนมัติ แม้จะยังไม่สมบูรณ์สำหรับผู้ใช้ Mac รุ่นเก่า แต่ก็ถือว่า Apple กำลังพยายามไล่ตามคู่แข่งอย่าง Premiere Pro และ Resolve โดยยังคงข้อดีเรื่องการจ่ายครั้งเดียวแล้วได้อัปเดตตลอดชีพ
    https://www.techradar.com/pro/apple-final-cut-pro-review

    รีวิว Antigravity A1 โดรน 360 องศา
    Antigravity A1 เป็นโดรนที่รวมเทคโนโลยีการถ่ายภาพ 360 องศาเข้ากับการบิน ทำให้สามารถเก็บภาพและวิดีโอที่มุมมองรอบทิศได้อย่างสมจริง มาพร้อม FPV Goggles และ Motion Controller ที่ให้ประสบการณ์การบินแบบดื่มด่ำ แต่ก็ทำให้ราคาสูงกว่ากล้องโดรนทั่วไปมาก จุดเด่นคือการถ่ายวิดีโอ 8K และการออกแบบที่ทำให้ตัวโดรน “หายไป” จากภาพด้วยเทคนิคการเย็บภาพ จุดด้อยคือการใช้งานต้องมีผู้ช่วยคอยสังเกตโดรนเพื่อความปลอดภัย และคุณภาพภาพยังไม่เทียบเท่ากล้องโดรนระดับสูงอย่าง DJI Mini 5 Pro แต่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง
    https://www.techradar.com/cameras/drones/antigravity-a1-review

    Apple ประกาศ 17 แอปยอดเยี่ยมแห่งปี 2025
    Apple เผยรายชื่อผู้ชนะรางวัล App Store Awards ปี 2025 รวมทั้งหมด 17 แอปและเกมที่โดดเด่นในด้านการออกแบบและการใช้ AI ตัวอย่างเช่น Tiimo แอปวางแผนงานที่คว้ารางวัล iPhone App of the Year, Detail แอปตัดต่อวิดีโอด้วย AI สำหรับ iPad และ Essayist แอปช่วยทำบรรณานุกรมสำหรับ Mac ส่วนเกมที่โดดเด่นคือ Pokémon TCG Pocket และ Cyberpunk 2077: Ultimate Edition ที่ถูกยกให้เป็น Mac Game of the Year นอกจากนี้ยังมีรางวัลด้าน Cultural Impact เช่น Be My Eyes ที่ใช้ AI ช่วยผู้พิการทางสายตา ถือเป็นการสะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นหัวใจหลักของแอปยุคใหม่
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/apple-reveals-the-17-must-download-apps-of-2025-the-app-store-award-winners-are-here

    กีตาร์ E Ink เปลี่ยนสีได้
    Cream Guitars เปิดตัว “DaVinci” กีตาร์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี E Ink Prism 3 ทำให้สามารถเปลี่ยนสีและลวดลายบนตัวกีตาร์ได้ตามใจผ่านแอป Bluetooth มีสีให้เลือกผสมถึง 7 สีและแบ่งเป็น 64 ส่วนเพื่อสร้างดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร นอกจากรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย ยังมาพร้อมปิ๊กอัพ Fishman Fluence ที่ปรับเสียงได้ทั้งแบบซิงเกิลคอยล์และฮัมบัคเกอร์ จุดเด่นคือความสามารถในการปรับโฉมกีตาร์ได้ทันที แต่ราคาก็สูงถึง 3,500 ดอลลาร์ และผลิตเพียง 85 ตัวเท่านั้น กำหนดส่งในปี 2026 ถือเป็นกีตาร์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและดนตรีอย่างแท้จริง
    https://www.techradar.com/audio/this-color-changing-e-ink-guitar-absolutely-rocks-and-i-wish-i-could-afford-it

    รีวิว TerraMaster D4-320U NAS
    เรื่องนี้เล่าถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับการจัดเก็บข้อมูล TerraMaster D4-320U ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งในตู้แร็ค ใช้งานง่ายเพียงใส่ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แล้วเชื่อมต่อผ่านสาย USB 3.2 ก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ทันที จุดเด่นคือรองรับสูงสุดถึง 120TB แต่ไม่มีระบบ RAID ในตัว ทำให้เหมาะสำหรับการขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการใช้งานเป็น NAS หลัก แม้จะมีเสียงพัดลมดังไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจหรือผู้ทำงานด้านภาพและวิดีโอที่ต้องการพื้นที่มหาศาล
    https://www.techradar.com/computing/terramaster-d4-320u-nas-review

    เคล็ดลับการใช้ Nano Banana Pro ของ Google
    Google เปิดเผยเทคนิคการเขียน prompt สำหรับเครื่องมือสร้างภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งทำงานบน Gemini 3 โดยมีผู้ใช้แชร์วิธีที่น่าสนใจ 3 แบบ ได้แก่ การเขียน prompt แบบโค้ดกำหนดตัวแปรเพื่อให้ภาพมีความสอดคล้อง การใส่ “ความไม่สมบูรณ์” เช่นแสงรั่วหรือภาพเบลอเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริง และการเปลี่ยนมุมมองเพื่อให้ภาพมีมิติและเล่าเรื่องได้ลึกขึ้น เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการสร้างภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมจริงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/3-advanced-strategies-for-making-the-most-of-nano-banana-pro

    สกัดการเข้าถึงเว็บอันตรายเกือบพันล้านครั้งในสหราชอาณาจักร
    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหราชอาณาจักร (NCSC) รายงานว่าเครื่องมือใหม่ชื่อ “Share and Defend” สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายได้เกือบพันล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึงปี ระบบนี้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันผู้ใช้จากการถูกขโมยข้อมูลหรือเงิน โดยในช่วงเดียวกันยังพบว่าการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และการเคลมประกันไซเบอร์พุ่งสูงถึง 230% ทำให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือใหม่เพื่อเสริมความปลอดภัยทางดิจิทัล
    https://www.techradar.com/pro/security/uk-cybercrime-agency-blocks-nearly-1-billion-access-attempts-to-malicious-websites

    งาน PC Gaming Show: Most Wanted
    วันนี้มีการจัดงาน PC Gaming Show: Most Wanted ที่จะนับถอยหลัง 25 เกม PC ที่ถูกคาดหวังมากที่สุดในปี 2026 พร้อมทั้งมีการเปิดตัวตัวอย่างใหม่และเบื้องหลังจากเกมกว่า 50 เรื่อง เช่น Resident Evil Requiem, Lego Batman: Legacy of the Dark Knight และ 007 First Light งานนี้ถ่ายทอดสดผ่านหลายช่องทาง และถือเป็นเวทีใหญ่ที่รวมเกมใหม่ ๆ ที่แฟน ๆ รอคอยไว้มากมาย
    https://www.techradar.com/gaming/gaming-industry/the-pc-gaming-show-most-wanted-airs-today-heres-when-you-can-tune-in-and-what-announcements-you-can-expect

    Ofcom พิจารณามาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VPN หลัง Online Safety Act
    หน่วยงานกำกับดูแลสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) กำลังเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ VPN โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุหลังจากกฎหมาย Online Safety Act มีผลบังคับใช้ ขณะนี้ Ofcom ได้ลงทุนกว่า 500,000 ปอนด์ในเครื่องมือเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ต และยังตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้แทนเด็กเพื่อฟังความคิดเห็นโดยตรง การตัดสินใจว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่คาดว่าจะออกมาในปีหน้า
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-weighs-further-action-on-vpns-following-online-safety-act

    ข่าว Samsung เตรียมแก้ปัญหาโฆษณาในมือถือ
    Samsung กำลังพัฒนา One UI 8.5 ที่จะช่วยลดปัญหาโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้ในสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะการแจ้งเตือนที่มักจะปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง การอัปเดตใหม่นี้ถูกคาดหวังว่าจะทำให้ประสบการณ์ใช้งานราบรื่นขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเจอกับโฆษณาที่ไม่ต้องการอีกต่อไป ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Galaxy ที่รอคอยการปรับปรุงด้านนี้มานาน
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phones-ad-nightmare-could-soon-be-over-thanks-to-this-one-ui-8-5-upgrade

    อัปเดต Windows 11 ล่าสุดแก้บั๊ก แต่ยังมีปัญหา
    Microsoft ปล่อยอัปเดตใหม่ของ Windows 11 ที่แก้ไขบั๊กหลายอย่าง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ควรระวัง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้โหมดมืด (Dark Mode) เนื่องจากอัปเดตนี้อาจทำให้ระบบแสดงผลผิดพลาด แม้จะช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ใช้จะเจอปัญหาใหม่ จึงควรรอการปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนที่จะติดตั้ง
    https://www.techradar.com/computing/windows/latest-windows-11-update-fixes-some-nasty-bugs-but-dont-grab-it-yet-especially-if-you-use-dark-mode

    สหราชอาณาจักรปรับแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ 1 ล้านปอนด์
    รัฐบาลอังกฤษออกค่าปรับกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎการตรวจสอบอายุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อปกป้องเยาวชนออนไลน์ การบังคับใช้กฎหมายนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของสหราชอาณาจักรในการจัดการกับแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-issues-gbp1-million-fine-to-adult-platform-for-failing-to-comply-with-age-verification-rules

    iPhone 17 Pro สูญเสียฟีเจอร์กล้องสำคัญ
    Apple ทำให้หลายคนแปลกใจเมื่อ iPhone 17 Pro ถูกตัดฟีเจอร์กล้องที่เคยเป็นจุดขายออกไป โดยบริษัทไม่ได้ให้คำอธิบายชัดเจนว่าทำไมถึงตัดสินใจเช่นนั้น ข่าวนี้สร้างความสงสัยและการถกเถียงในหมู่ผู้ใช้และนักวิเคราะห์ เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวเคยเป็นหนึ่งในจุดแข็งของรุ่น Pro
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/the-iphone-17-pro-has-just-lost-a-key-camera-feature-and-apple-wont-explain-why
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251205 #TechRadar 🛡️ บอทเน็ต Aisuru ทำสถิติใหม่โจมตี DDoS 29.7 Tbps เรื่องนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งของบอทเน็ตชื่อ Aisuru ที่ใช้เครื่อง IoT กว่า 4 ล้านเครื่องในการสร้างการโจมตี DDoS ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย Cloudflare รายงานว่าเพียงไตรมาสเดียวก็ต้องรับมือกับการโจมตีมากกว่า 1,300 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมีความรุนแรงระดับหลาย Tbps เหยื่อที่โดนล่าสุดมีทั้งบริษัทเกม Gcore และ Microsoft ที่เจอการโจมตีบนคลาวด์สูงถึง 15.72 Tbps จุดที่น่ากังวลคือบอทเน็ตนี้ถูกให้บริการเป็น “บริการเช่า” ใครก็สามารถใช้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้ง่ายๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/this-ddos-group-just-smashed-the-previous-record-with-a-29-7-tbps-attack 📺 Samsung OLED รุ่นใหม่หลุด พร้อมทีวี “The Frame” ขนาดยักษ์ 98 นิ้ว มีข้อมูลหลุดจากฐานข้อมูลอะไหล่ของ Samsung ในยุโรป เผยว่าปี 2026 จะมีทีวี OLED รุ่นใหม่หลายรุ่น รวมถึง S99H ที่คาดว่าจะเหนือกว่ารุ่นเรือธง S95F ที่เพิ่งได้รางวัลทีวีแห่งปี และยังมีการเตรียมเปิดตัว “The Frame” ขนาด 98 นิ้ว ซึ่งใหญ่จนแทบจะเรียกว่า “The Mural” ได้เลย นอกจากนี้ยังมีรุ่น S82H และ S83H ที่ใช้แผง WOLED จาก LG Display เพื่อเจาะตลาดราคาย่อมเยา คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 🔗 https://www.techradar.com/televisions/samsungs-next-gen-oled-tvs-leak-including-a-mysterious-new-elite-model 🔒 Microsoft ปิดช่องโหว่ LNK ที่ถูกใช้โจมตีมานานหลายปี Microsoft ได้ออกแพตช์ในเดือนพฤศจิกายนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ในไฟล์ .LNK ที่ถูกใช้โจมตีมาตั้งแต่ปี 2017 ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายในไฟล์ชอร์ตคัต และเมื่อผู้ใช้เปิดดูไฟล์ก็จะไม่เห็นคำสั่งที่แท้จริง ทำให้เกิดการโจมตีแบบ Remote Code Execution ได้ ช่องโหว่นี้ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐหลายประเทศ เช่น จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และรัสเซีย หลังจากถูกเตือนหลายครั้ง Microsoft จึงตัดสินใจแก้ไขอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-quietly-patches-lnk-vulnerability-thats-been-weaponized-for-years 🌐 เบราว์เซอร์ AI กำลังเปลี่ยนเกม แต่ความปลอดภัยยังตามไม่ทัน เบราว์เซอร์ยุคใหม่อย่าง Edge ที่มี Copilot หรือ Chrome ที่ใส่ Gemini กำลังทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นมาก ทั้งการสรุปเนื้อหา แปลภาษา หรือค้นหาข้อมูล แต่ความสะดวกนี้ก็แฝงความเสี่ยง เพราะ AI อาจถูกหลอกด้วยข้อความหรือโค้ดที่ซ่อนอยู่ในหน้าเว็บ แล้วทำงานตามคำสั่งที่เป็นอันตราย เช่น ส่งข้อมูลเข้าสู่มือแฮกเกอร์โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ปัญหาคือการนำ AI มาใช้ในเบราว์เซอร์เกิดขึ้นเร็วมาก จนมาตรการด้านความปลอดภัยยังไม่ทันตาม ทำให้ผู้เชี่ยวชี้เตือนว่าต้องระวังการโจมตีรูปแบบใหม่ที่แทบไม่มีร่องรอยให้ตรวจจับ 🔗 https://www.techradar.com/pro/ai-browsers-are-rewriting-the-rules-is-your-security-keeping-pace 🏃 บทเรียนจากการวิ่งมาราธอนสู่การทำงานด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ Stephanie Schneider เล่าประสบการณ์ว่า การวิ่งมาราธอน 26.2 ไมล์สอนให้เธอเข้าใจความอดทนและการจัดการพลังงาน ซึ่งเหมือนกับการทำงานในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความเหนื่อยล้า เธอเปรียบเทียบว่าเหมือนการเจอ “กำแพง” ตอนวิ่ง ที่ต้องใช้ใจสู้ต่อไป เช่นเดียวกับการทำงานที่ต้องเจอภัยคุกคามใหม่ๆ ทุกวัน การฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง การแบ่งเป้าหมายเป็นขั้นตอนเล็กๆ และการรักษาความสมดุลคือสิ่งที่ทำให้ทั้งนักวิ่งและนักไซเบอร์สามารถไปถึงเส้นชัยได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/im-a-marathoner-and-a-cybersecurity-leader-heres-what-26-2-miles-have-taught-me-about-work 💼 Microsoft ปฏิเสธข่าวลดเป้าหมายยอดขาย AI หลังลูกค้าต้านทาน มีรายงานว่าลูกค้าหลายรายลังเลที่จะลงทุนในเครื่องมือ AI ของ Microsoft เพราะราคาสูงและยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ทาง Microsoft ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่ามีการปรับลดเป้าหมายยอดขาย โดยยืนยันว่าความต้องการยังคงแข็งแรง เพียงแต่ลูกค้าบางกลุ่มต้องใช้เวลาในการปรับตัวและวางกลยุทธ์การใช้งานจริง เรื่องนี้สะท้อนว่าการนำ AI เข้ามาในองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและวิธีทำงานด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-denies-reports-of-lower-ai-sales-targets-as-customers-resist-new-tools 🖥️ วิกฤติชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์หนักขึ้น RAM ผู้ผลิตใหญ่เลิกตลาดผู้บริโภค ตลาดคอมพิวเตอร์กำลังเจอปัญหาหนัก เมื่อผู้ผลิต RAM รายใหญ่ประกาศเลิกทำตลาดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป หันไปเน้นตลาดองค์กรแทน ทำให้เกิดความกังวลว่าราคาชิ้นส่วนจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าราคาซีพียูจะปรับขึ้นอีกด้วย สถานการณ์นี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการอัปเกรดหรือประกอบเครื่องใหม่อาจต้องเจอค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/pc-component-crisis-just-got-worse-as-major-ram-maker-gives-up-on-consumers-and-cpu-price-hikes-are-rumored 📵 YouTube เตรียมบล็อกผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีในออสเตรเลีย ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องการแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเยาวชนในออสเตรเลีย YouTube ประกาศว่าจะบล็อกการใช้งานสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลกำลังพิจารณากฎหมายใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของเด็กและเยาวชน โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสุขภาพจิตและความปลอดภัย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการบังคับใช้เข้มงวดเกินไปและอาจกระทบต่อเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/youtube-to-lock-out-under-16s-in-australia-as-controversial-social-media-ban-looms 📚 รีวิวเครื่องสแกนหนังสือ CZUR ET24 Pro เครื่องสแกนหนังสือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการแปลงหนังสือเป็นไฟล์ดิจิทัล จุดเด่นคือสามารถสแกนได้เร็วและมีฟีเจอร์แก้ไขภาพอัตโนมัติ เช่น การปรับหน้าหนังสือที่โค้งให้ออกมาเรียบ รวมถึงการตรวจจับหน้าที่พลิกอัตโนมัติ เหมาะสำหรับนักวิจัย นักเรียน หรือผู้ที่ต้องการเก็บเอกสารจำนวนมากในรูปแบบดิจิทัล รีวิวชี้ว่าคุณภาพการสแกนคมชัดและใช้งานง่าย แต่ราคาก็ถือว่าสูงพอสมควร 🔗 https://www.techradar.com/computing/czur-et24-pro-book-scanner-review 🔓 ข้อมูลลูกค้า Freedom Mobile ถูกขโมยจากแพลตฟอร์มจัดการบัญชี มีการแฮกแพลตฟอร์มจัดการบัญชีของ Freedom Mobile ทำให้ข้อมูลลูกค้าถูกขโมยไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมาก เพราะข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลการติดต่อ ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องเผชิญ และตอกย้ำว่าการป้องกันข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงทุนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/customer-data-stolen-in-freedom-mobile-account-management-platform-hack 🛡️ ChatGPT อาจไม่ปลอดภัยเท่าเดิม หลังศาลสั่งให้ OpenAI ส่งมอบข้อมูลการสนทนา เรื่องนี้เริ่มจากการฟ้องร้องของ The New York Times ต่อ OpenAI โดยศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทต้องส่งมอบบันทึกการสนทนากว่า 20 ล้านรายการ เพื่อใช้ตรวจสอบการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ศาลยืนยันว่าจะมีการลบข้อมูลระบุตัวตนเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว แต่ OpenAI กลับมองว่าการกระทำนี้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้ใช้ เพราะถึงแม้ชื่อจะถูกลบออก แต่รูปแบบการสนทนาก็ยังสามารถบอกอะไรได้มากมาย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลการแชทถูกบังคับให้เปิดเผย และอาจเป็นสัญญาณของการต่อสู้เรื่องความเป็นส่วนตัวในโลก AI ที่กำลังจะเข้มข้นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/your-chatgpt-chats-could-be-less-private-than-you-thought-heres-what-a-new-openai-court-ruling-means-for-you 🚫 รัสเซียบล็อก FaceTime และ Roblox เพิ่มเติมในมาตรการควบคุมอินเทอร์เน็ต รัฐบาลรัสเซียเดินหน้าจำกัดเสรีภาพดิจิทัลมากขึ้น โดยล่าสุด FaceTime และ Roblox ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ เหตุผลที่อ้างคือการป้องกันการก่อการร้ายและการปกป้องเยาวชน แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่านี่คือการตัดขาดจากโลกภายนอก เด็กและวัยรุ่นที่เคยใช้ Roblox เพื่อเล่นและสื่อสารได้รับผลกระทบหนัก ขณะเดียวกัน FaceTime ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการจัดกิจกรรมผิดกฎหมาย ทำให้ผู้คนหันไปใช้แอปที่รัฐสนับสนุนแทน เช่น MAX ซึ่งถูกบังคับติดตั้งในมือถือใหม่ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการถูกสอดส่องมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/roblox-facetime-become-the-last-targets-of-russias-censorship 🤖 Hyundai เปิดตัวหุ่นยนต์อเนกประสงค์ MobED ที่แปลงร่างได้หลากหลาย Hyundai กำลังจะวางขายหุ่นยนต์แพลตฟอร์มใหม่ชื่อ MobED ที่สามารถปรับตัวได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง จุดเด่นคือระบบล้อที่หมุนและปรับองศาได้ ทำให้มันเคลื่อนที่บนพื้นขรุขระหรือขึ้นบันไดเล็ก ๆ ได้อย่างมั่นคง ผู้ใช้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ตามต้องการ เช่น แขนกลสำหรับงานคลังสินค้า รถเข็นกอล์ฟ หรือแม้แต่กล้องถ่ายคอนเทนต์อัตโนมัติ Hyundai ตั้งใจผลิตด้วยมาตรฐานยานยนต์เพื่อให้ใช้งานจริงในโรงงานและชีวิตประจำวัน และยังมีแผนทำเวอร์ชัน Pro ที่ติดเซ็นเซอร์และ Lidar สำหรับการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/hyundais-charming-autonomous-robot-can-be-everything-from-a-golf-trolley-to-an-e-scooter-and-its-going-on-sale-soon 💼 ซีอีโอเตือนการลงทุนด้าน AI ต้องมีแผน ไม่ใช่แค่ตามกระแส หลายผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีออกมาเตือนว่าการลงทุนใน AI กำลังเสี่ยงจะกลายเป็น “ฟองสบู่” Logitech ชี้ว่าหลายผลิตภัณฑ์ AI เป็นเพียงการสร้างสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์จริง Anthropic ก็เตือนว่าการทุ่มเงินมหาศาลโดยไม่คำนวณความเสี่ยงอาจทำให้เกิดผลเสียทางการเงิน ขณะที่ Google และ OpenAI เองก็ยอมรับว่าความตื่นตัวเกินไปอาจทำให้นักลงทุนเจ็บตัวในอนาคต สรุปคือ AI เป็นเครื่องมือทรงพลัง แต่ต้องใช้กลยุทธ์และการวางแผน ไม่ใช่การลงทุนแบบ “YOLO” 🔗 https://www.techradar.com/pro/ceos-are-warning-ai-adoption-and-spending-should-be-more-strategic 💻 อัปเกรด Raspberry Pi แค่ $10 ได้ทั้ง PCIe และ HDMI คู่ Waveshare เปิดตัวอะแดปเตอร์ใหม่สำหรับ Raspberry Pi 5 ที่ราคาเพียง $10 แต่เพิ่มความสามารถได้มากมาย ทั้งการเชื่อมต่อ PCIe M.2 สำหรับ SSD และพอร์ต HDMI ขนาดเต็มสองช่อง ทำให้สามารถบูตระบบจาก NVMe SSD ได้โดยตรง และใช้งานเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับนักพัฒนาและผู้ที่อยากขยายความสามารถของบอร์ดเล็ก ๆ ให้ทำงานได้ใกล้เคียงเดสก์ท็อป แม้จะรองรับเฉพาะการ์ด M.2 ขนาดเล็ก แต่ถือเป็นการอัปเกรดที่คุ้มค่าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างมาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/looking-to-supercharge-your-raspberry-pi-this-adapter-provides-two-full-sized-hdmi-ports-and-a-pcie-connector-and-it-only-costs-usd10 🏦 ธนาคารสหรัฐกว่า 70 แห่งถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Marquis มีรายงานว่าธนาคารและสหภาพเครดิตในสหรัฐฯ กว่า 70 แห่งตกเป็นเหยื่อการโจมตีของกลุ่มแฮกเกอร์ Marquis โดยข้อมูลลูกค้าถูกขโมยและถูกนำไปขายในตลาดมืด การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อระบบการเงิน เพราะ Marquis มีประวัติการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่หลายครั้งแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าธนาคารต้องเร่งเสริมระบบป้องกันไซเบอร์ และลูกค้าควรตรวจสอบบัญชีของตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/over-70-us-banks-and-credit-unions-affected-by-marquis-ransomware-breach-heres-what-we-know ⚡ ค้นพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมมหาศาลในสหรัฐฯ นักวิจัยพบแหล่งดินเหนียวที่มีลิเทียมจำนวนมหาศาลภายในซูเปอร์ภูเขาไฟในสหรัฐฯ คาดว่ามีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และสามารถใช้ผลิตแบตเตอรี่ได้หลายสิบปี การค้นพบนี้อาจช่วยลดความผันผวนของราคาลิเทียมที่พุ่งสูงในตลาดโลก แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองในพื้นที่ที่เปราะบาง การค้นพบนี้จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/pro/newly-discovered-usd1-5-billion-lithium-deposit-could-revolutionize-the-tech-industry-but-bad-news-its-inside-a-supervolcano 📱 Android vs iPhone: ผลสำรวจเผยผู้ใช้ TechRadar ชอบฝั่งไหนมากกว่า ผลสำรวจจากผู้อ่าน TechRadar แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ยังคงแบ่งขั้วระหว่าง Android และ iPhone อย่างชัดเจน โดย Android ได้คะแนนนิยมจากผู้ที่ชอบความยืดหยุ่นและราคาที่หลากหลาย ส่วน iPhone ได้คะแนนจากผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใช้งานที่เรียบง่ายและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ การถกเถียงเรื่อง “ใครดีกว่า” จึงยังคงดำเนินต่อไป และสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองระบบมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน 🔗 https://www.techradar.com/phones/android-vs-iphone-heres-what-techradar-readers-prefer 💽 Nvidia CEO Jensen Huang ผลักดันรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อต้านข้อจำกัดชิป AI Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาเรียกร้องต่อสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ทบทวนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI และกฎระเบียบระดับรัฐ เขาเตือนว่าการจำกัดมากเกินไปจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบในการแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะกับจีนที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำตลาดชิป AI มองว่าการเปิดเสรีมากขึ้นจะช่วยให้สหรัฐฯ รักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/nvidia-boss-jensen-huang-steers-trump-congress-against-ai-chip-limits-and-state-level-ai-rules 🚀 Arm64 แรงแซง x86 ในการทดสอบ AWS Lambda ปี 2025 ผลการทดสอบล่าสุดของ AWS Lambda เผยว่า Arm64 มีประสิทธิภาพเหนือกว่า x86 อย่างชัดเจน โดยทำงานเร็วขึ้นถึง 4-5 เท่า และลดค่าใช้จ่ายลงกว่า 30% การเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม Arm64 จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบคลาวด์ นักพัฒนาที่ใช้ AWS อาจได้ประโยชน์มหาศาลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะสามารถรันงานได้เร็วขึ้นและประหยัดมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/arm64-dominates-aws-lambda-in-2025-rust-4-5x-faster-than-x86-costs-30-less-across-all-workloads 🧑‍💻 Google เปิดตัวเครื่องมือสร้าง AI Agent แบบไม่ต้องมีประสบการณ์ Google เปิดตัว Workspace Studio ให้ธุรกิจทุกระดับสามารถสร้าง AI Agent ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด ใช้เพียงการพิมพ์คำสั่งธรรมชาติ ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Gemini 3 ที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์และเข้าใจบริบทอย่างลึกซึ้ง จุดเด่นคือสามารถทำงานร่วมกับทั้งแอปใน Google Workspace และแอปภายนอก เช่น Asana, Jira, Salesforce และ Mailchimp ได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้สามารถแบ่งปัน Agent ที่สร้างขึ้นกับทีมได้เหมือนแชร์ไฟล์ใน Google Drive และมีบริษัทอย่าง Kärcher ที่ทดลองใช้แล้วสามารถลดเวลาการทำงานจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจทั่วไปเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/google-wants-to-help-businesses-build-ai-agents-with-no-prior-experience 🎬 รีวิว Apple Final Cut Pro 2025 Final Cut Pro เวอร์ชันใหม่ 11.2 ยังคงรักษาจุดแข็งเรื่องการใช้งานที่ลื่นไหลและแนวคิด “Magnetic Timeline” ที่ช่วยให้การตัดต่อรวดเร็วขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเพราะใช้ได้เฉพาะบน Mac และบางฟีเจอร์รองรับเฉพาะเครื่องที่ใช้ Apple Silicon เท่านั้น จุดเด่นคือมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น “Magnetic Mask” ที่ช่วยเลือกและติดตามวัตถุในวิดีโอได้อัตโนมัติ รวมถึงการทำซับไตเติลอัตโนมัติ แม้จะยังไม่สมบูรณ์สำหรับผู้ใช้ Mac รุ่นเก่า แต่ก็ถือว่า Apple กำลังพยายามไล่ตามคู่แข่งอย่าง Premiere Pro และ Resolve โดยยังคงข้อดีเรื่องการจ่ายครั้งเดียวแล้วได้อัปเดตตลอดชีพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/apple-final-cut-pro-review 🚁 รีวิว Antigravity A1 โดรน 360 องศา Antigravity A1 เป็นโดรนที่รวมเทคโนโลยีการถ่ายภาพ 360 องศาเข้ากับการบิน ทำให้สามารถเก็บภาพและวิดีโอที่มุมมองรอบทิศได้อย่างสมจริง มาพร้อม FPV Goggles และ Motion Controller ที่ให้ประสบการณ์การบินแบบดื่มด่ำ แต่ก็ทำให้ราคาสูงกว่ากล้องโดรนทั่วไปมาก จุดเด่นคือการถ่ายวิดีโอ 8K และการออกแบบที่ทำให้ตัวโดรน “หายไป” จากภาพด้วยเทคนิคการเย็บภาพ จุดด้อยคือการใช้งานต้องมีผู้ช่วยคอยสังเกตโดรนเพื่อความปลอดภัย และคุณภาพภาพยังไม่เทียบเท่ากล้องโดรนระดับสูงอย่าง DJI Mini 5 Pro แต่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/antigravity-a1-review 📱 Apple ประกาศ 17 แอปยอดเยี่ยมแห่งปี 2025 Apple เผยรายชื่อผู้ชนะรางวัล App Store Awards ปี 2025 รวมทั้งหมด 17 แอปและเกมที่โดดเด่นในด้านการออกแบบและการใช้ AI ตัวอย่างเช่น Tiimo แอปวางแผนงานที่คว้ารางวัล iPhone App of the Year, Detail แอปตัดต่อวิดีโอด้วย AI สำหรับ iPad และ Essayist แอปช่วยทำบรรณานุกรมสำหรับ Mac ส่วนเกมที่โดดเด่นคือ Pokémon TCG Pocket และ Cyberpunk 2077: Ultimate Edition ที่ถูกยกให้เป็น Mac Game of the Year นอกจากนี้ยังมีรางวัลด้าน Cultural Impact เช่น Be My Eyes ที่ใช้ AI ช่วยผู้พิการทางสายตา ถือเป็นการสะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นหัวใจหลักของแอปยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/apple-reveals-the-17-must-download-apps-of-2025-the-app-store-award-winners-are-here 🎸 กีตาร์ E Ink เปลี่ยนสีได้ Cream Guitars เปิดตัว “DaVinci” กีตาร์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี E Ink Prism 3 ทำให้สามารถเปลี่ยนสีและลวดลายบนตัวกีตาร์ได้ตามใจผ่านแอป Bluetooth มีสีให้เลือกผสมถึง 7 สีและแบ่งเป็น 64 ส่วนเพื่อสร้างดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร นอกจากรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย ยังมาพร้อมปิ๊กอัพ Fishman Fluence ที่ปรับเสียงได้ทั้งแบบซิงเกิลคอยล์และฮัมบัคเกอร์ จุดเด่นคือความสามารถในการปรับโฉมกีตาร์ได้ทันที แต่ราคาก็สูงถึง 3,500 ดอลลาร์ และผลิตเพียง 85 ตัวเท่านั้น กำหนดส่งในปี 2026 ถือเป็นกีตาร์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและดนตรีอย่างแท้จริง 🔗 https://www.techradar.com/audio/this-color-changing-e-ink-guitar-absolutely-rocks-and-i-wish-i-could-afford-it 🖥️ รีวิว TerraMaster D4-320U NAS เรื่องนี้เล่าถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับการจัดเก็บข้อมูล TerraMaster D4-320U ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งในตู้แร็ค ใช้งานง่ายเพียงใส่ฮาร์ดดิสก์หรือ SSD แล้วเชื่อมต่อผ่านสาย USB 3.2 ก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ทันที จุดเด่นคือรองรับสูงสุดถึง 120TB แต่ไม่มีระบบ RAID ในตัว ทำให้เหมาะสำหรับการขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการใช้งานเป็น NAS หลัก แม้จะมีเสียงพัดลมดังไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจหรือผู้ทำงานด้านภาพและวิดีโอที่ต้องการพื้นที่มหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/computing/terramaster-d4-320u-nas-review 🤖 เคล็ดลับการใช้ Nano Banana Pro ของ Google Google เปิดเผยเทคนิคการเขียน prompt สำหรับเครื่องมือสร้างภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งทำงานบน Gemini 3 โดยมีผู้ใช้แชร์วิธีที่น่าสนใจ 3 แบบ ได้แก่ การเขียน prompt แบบโค้ดกำหนดตัวแปรเพื่อให้ภาพมีความสอดคล้อง การใส่ “ความไม่สมบูรณ์” เช่นแสงรั่วหรือภาพเบลอเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริง และการเปลี่ยนมุมมองเพื่อให้ภาพมีมิติและเล่าเรื่องได้ลึกขึ้น เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการสร้างภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมจริงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/3-advanced-strategies-for-making-the-most-of-nano-banana-pro 🔒 สกัดการเข้าถึงเว็บอันตรายเกือบพันล้านครั้งในสหราชอาณาจักร หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหราชอาณาจักร (NCSC) รายงานว่าเครื่องมือใหม่ชื่อ “Share and Defend” สามารถบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายได้เกือบพันล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึงปี ระบบนี้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันผู้ใช้จากการถูกขโมยข้อมูลหรือเงิน โดยในช่วงเดียวกันยังพบว่าการโจมตี ransomware เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และการเคลมประกันไซเบอร์พุ่งสูงถึง 230% ทำให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือใหม่เพื่อเสริมความปลอดภัยทางดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/uk-cybercrime-agency-blocks-nearly-1-billion-access-attempts-to-malicious-websites 🎮 งาน PC Gaming Show: Most Wanted วันนี้มีการจัดงาน PC Gaming Show: Most Wanted ที่จะนับถอยหลัง 25 เกม PC ที่ถูกคาดหวังมากที่สุดในปี 2026 พร้อมทั้งมีการเปิดตัวตัวอย่างใหม่และเบื้องหลังจากเกมกว่า 50 เรื่อง เช่น Resident Evil Requiem, Lego Batman: Legacy of the Dark Knight และ 007 First Light งานนี้ถ่ายทอดสดผ่านหลายช่องทาง และถือเป็นเวทีใหญ่ที่รวมเกมใหม่ ๆ ที่แฟน ๆ รอคอยไว้มากมาย 🔗 https://www.techradar.com/gaming/gaming-industry/the-pc-gaming-show-most-wanted-airs-today-heres-when-you-can-tune-in-and-what-announcements-you-can-expect 🌐 Ofcom พิจารณามาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VPN หลัง Online Safety Act หน่วยงานกำกับดูแลสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) กำลังเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ VPN โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุหลังจากกฎหมาย Online Safety Act มีผลบังคับใช้ ขณะนี้ Ofcom ได้ลงทุนกว่า 500,000 ปอนด์ในเครื่องมือเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ต และยังตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้แทนเด็กเพื่อฟังความคิดเห็นโดยตรง การตัดสินใจว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่คาดว่าจะออกมาในปีหน้า 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-weighs-further-action-on-vpns-following-online-safety-act 📱 ข่าว Samsung เตรียมแก้ปัญหาโฆษณาในมือถือ Samsung กำลังพัฒนา One UI 8.5 ที่จะช่วยลดปัญหาโฆษณาที่รบกวนผู้ใช้ในสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะการแจ้งเตือนที่มักจะปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง การอัปเดตใหม่นี้ถูกคาดหวังว่าจะทำให้ประสบการณ์ใช้งานราบรื่นขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเจอกับโฆษณาที่ไม่ต้องการอีกต่อไป ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Galaxy ที่รอคอยการปรับปรุงด้านนี้มานาน 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phones-ad-nightmare-could-soon-be-over-thanks-to-this-one-ui-8-5-upgrade 💻 อัปเดต Windows 11 ล่าสุดแก้บั๊ก แต่ยังมีปัญหา Microsoft ปล่อยอัปเดตใหม่ของ Windows 11 ที่แก้ไขบั๊กหลายอย่าง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าผู้ใช้ควรระวัง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้โหมดมืด (Dark Mode) เนื่องจากอัปเดตนี้อาจทำให้ระบบแสดงผลผิดพลาด แม้จะช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ใช้จะเจอปัญหาใหม่ จึงควรรอการปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนที่จะติดตั้ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/latest-windows-11-update-fixes-some-nasty-bugs-but-dont-grab-it-yet-especially-if-you-use-dark-mode ⚖️ สหราชอาณาจักรปรับแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ 1 ล้านปอนด์ รัฐบาลอังกฤษออกค่าปรับกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อแพลตฟอร์มผู้ใหญ่ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎการตรวจสอบอายุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อปกป้องเยาวชนออนไลน์ การบังคับใช้กฎหมายนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของสหราชอาณาจักรในการจัดการกับแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-issues-gbp1-million-fine-to-adult-platform-for-failing-to-comply-with-age-verification-rules 📷 iPhone 17 Pro สูญเสียฟีเจอร์กล้องสำคัญ Apple ทำให้หลายคนแปลกใจเมื่อ iPhone 17 Pro ถูกตัดฟีเจอร์กล้องที่เคยเป็นจุดขายออกไป โดยบริษัทไม่ได้ให้คำอธิบายชัดเจนว่าทำไมถึงตัดสินใจเช่นนั้น ข่าวนี้สร้างความสงสัยและการถกเถียงในหมู่ผู้ใช้และนักวิเคราะห์ เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวเคยเป็นหนึ่งในจุดแข็งของรุ่น Pro ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/the-iphone-17-pro-has-just-lost-a-key-camera-feature-and-apple-wont-explain-why
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline

    Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน
    Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว
    https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts

    AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA
    Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า
    https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing

    Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่
    Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต
    https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio

    ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ
    https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection

    ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์
    Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว
    https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows

    ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล
    Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที
    https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection

    กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่
    กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง
    https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure

    NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง
    NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption

    Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket
    กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง
    https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage

    ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย
    มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า
    https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50

    Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน
    Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login

    SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า
    ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
    https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware

    อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน
    รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline 📰 Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว 🔗 https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts 💻 AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า 🔗 https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing 🎨 Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่ Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต 🔗 https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio 🕵️‍♂️ ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ 🔗 https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection ⚠️ ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์ Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows 🖥️ ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection 🎯 กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่ กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง 🔗 https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure 🤖 NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption 🕶️ Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง 🔗 https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage 📉 ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า 🔗 https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50 🔐 Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login 🎣 SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware 🇮🇳 อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

    กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่
    Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19%

    การทดสอบและแพลตฟอร์ม
    ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง

    แนวโน้มการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache
    ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W

    กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า
    มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M)
    ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark

    แพลตฟอร์มทดสอบ
    ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB
    เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3

    ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว
    แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต
    หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple

    https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    🖥️ ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน ⚡ กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่ Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19% 🎮 การทดสอบและแพลตฟอร์ม ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง 🔮 แนวโน้มการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ➡️ มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache ➡️ ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ✅ กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า ➡️ มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M) ➡️ ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark ✅ แพลตฟอร์มทดสอบ ➡️ ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB ➡️ เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3 ‼️ ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว ⛔ แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ⛔ หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU Leaks Out: 4 Cores, Faster Radeon 840M iGPU, Up To 19% Faster Than Ryzen AI 5 330
    AMD's Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU has leaked out, showcasing upgraded specs & faster performance than its Strix-based predecessor.
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • "AI ดันตลาดหน่วยความจำขาดแคลน – Transcend เลื่อนส่งสินค้า"

    Transcend ผู้ผลิตสตอเรจจากไต้หวันเผยว่า การผลิต SSD, SD card และ USB flash drive ต้องล่าช้า เพราะ SanDisk และ Samsung ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ NAND flash หลัก เลื่อนการส่งมอบชิปเป็นครั้งที่สอง ทำให้ Transcend ไม่ได้รับชิปตั้งแต่เดือนตุลาคม และโควต้า Q4 2025 ถูกลดลงอย่างมาก.

    บริษัทระบุว่า ตลาดกำลังขาดแคลนทั้ง DRAM และ NAND flash เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI และ hyperscaler ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ผลิตชิปทั้งหมดเลือกจัดลำดับความสำคัญให้ลูกค้ารายใหญ่เหล่านี้ก่อน ทำให้ผู้ผลิต consumer electronics อย่าง Transcend ได้รับผลกระทบหนัก.

    ผลกระทบคือ ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว และคาดว่าจะดำเนินต่อไปอีก 3–5 เดือน ส่งผลให้ราคาสินค้า Transcend สูงขึ้นและ lead time ยาวนานกว่าที่เคย. DigiTimes Asia รายงานว่าแม้ Transcend จะบอกว่าข้อความที่ส่งถึงลูกค้า “ไม่ใช่จุดยืนทางการของบริษัท” แต่ก็ยอมรับว่าซัพพลายลดลงจริง.

    สถานการณ์นี้สะท้อนภาพรวมตลาดที่กว้างขึ้น: HDD ราคาขึ้น 20%, SSD ขึ้น 10–20% โดยเฉพาะรุ่นความจุสูง, RAM ราคาพุ่งแรง และมีข่าวลือว่า GPU และ CPU อาจขึ้นราคาตาม เนื่องจากการขาดแคลน GDDR7 และ DRAM. หลายบริษัท เช่น Adata, TeamGroup และ Framework ก็ออกประกาศเตือนเรื่องราคาและการส่งมอบ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Transcend เลื่อนส่ง SSD, SD card, USB flash drive
    SanDisk และ Samsung เลื่อนส่ง NAND flash chips
    ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว
    ราคาสินค้าและ lead time จะสูงขึ้นต่อเนื่อง 3–5 เดือน

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดหน่วยความจำโลกคาดว่าจะเติบโต 12% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    AI data center เป็นตัวการหลักที่ดูดซัพพลาย DRAM และ NAND
    Micron และ SK Hynix ก็มีรายงานว่าซัพพลายตึงตัวและราคาพุ่งขึ้น

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงขึ้นทั้ง SSD, RAM และการ์ดจอ
    การขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน
    ผู้ผลิต consumer electronics เสี่ยงเสียความสามารถในการแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ai-boom-forces-delays-on-transcend-ssds-sd-cards-and-flash-drives-sandisk-and-samsung-short-on-supplying-nand-chips
    🏭 "AI ดันตลาดหน่วยความจำขาดแคลน – Transcend เลื่อนส่งสินค้า" Transcend ผู้ผลิตสตอเรจจากไต้หวันเผยว่า การผลิต SSD, SD card และ USB flash drive ต้องล่าช้า เพราะ SanDisk และ Samsung ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ NAND flash หลัก เลื่อนการส่งมอบชิปเป็นครั้งที่สอง ทำให้ Transcend ไม่ได้รับชิปตั้งแต่เดือนตุลาคม และโควต้า Q4 2025 ถูกลดลงอย่างมาก. บริษัทระบุว่า ตลาดกำลังขาดแคลนทั้ง DRAM และ NAND flash เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI และ hyperscaler ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยผู้ผลิตชิปทั้งหมดเลือกจัดลำดับความสำคัญให้ลูกค้ารายใหญ่เหล่านี้ก่อน ทำให้ผู้ผลิต consumer electronics อย่าง Transcend ได้รับผลกระทบหนัก. ผลกระทบคือ ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว และคาดว่าจะดำเนินต่อไปอีก 3–5 เดือน ส่งผลให้ราคาสินค้า Transcend สูงขึ้นและ lead time ยาวนานกว่าที่เคย. DigiTimes Asia รายงานว่าแม้ Transcend จะบอกว่าข้อความที่ส่งถึงลูกค้า “ไม่ใช่จุดยืนทางการของบริษัท” แต่ก็ยอมรับว่าซัพพลายลดลงจริง. สถานการณ์นี้สะท้อนภาพรวมตลาดที่กว้างขึ้น: HDD ราคาขึ้น 20%, SSD ขึ้น 10–20% โดยเฉพาะรุ่นความจุสูง, RAM ราคาพุ่งแรง และมีข่าวลือว่า GPU และ CPU อาจขึ้นราคาตาม เนื่องจากการขาดแคลน GDDR7 และ DRAM. หลายบริษัท เช่น Adata, TeamGroup และ Framework ก็ออกประกาศเตือนเรื่องราคาและการส่งมอบ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Transcend เลื่อนส่ง SSD, SD card, USB flash drive ➡️ SanDisk และ Samsung เลื่อนส่ง NAND flash chips ➡️ ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น 50–100% ภายในสัปดาห์เดียว ➡️ ราคาสินค้าและ lead time จะสูงขึ้นต่อเนื่อง 3–5 เดือน ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดหน่วยความจำโลกคาดว่าจะเติบโต 12% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ AI data center เป็นตัวการหลักที่ดูดซัพพลาย DRAM และ NAND ➡️ Micron และ SK Hynix ก็มีรายงานว่าซัพพลายตึงตัวและราคาพุ่งขึ้น ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงขึ้นทั้ง SSD, RAM และการ์ดจอ ⛔ การขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน ⛔ ผู้ผลิต consumer electronics เสี่ยงเสียความสามารถในการแข่งขัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ai-boom-forces-delays-on-transcend-ssds-sd-cards-and-flash-drives-sandisk-and-samsung-short-on-supplying-nand-chips
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • "Ryzen 7 9850X3D – แรงขึ้นแต่กินไฟเท่าเดิม"

    ข้อมูลจาก shipping manifest ที่รั่วไหล ยืนยันว่า Ryzen 7 9850X3D จะมี 8 คอร์ 16 เธรด เช่นเดียวกับรุ่น 9800X3D แต่เพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดเป็น 5.6 GHz จากเดิม 5.2 GHz โดยยังคง TDP ที่ 120W เท่าเดิม ถือเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่มภาระด้านพลังงาน.

    ซีพียูรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ 96MB L3 cache และมี iGPU เหมือนเดิม โดยอาศัยเทคโนโลยี 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า.

    AMD ใช้เทคนิคการผลิตใหม่ เช่น TSMC advanced packaging และการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ เพื่อให้สามารถเพิ่มความเร็วได้โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานหรือความร้อนมากนัก ซึ่งคาดว่าจะทำให้ FPS ในเกมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุก ๆ การทดสอบ.

    แม้ยังไม่มีข้อมูลราคาและวันวางจำหน่าย แต่คาดว่า Ryzen 7 9850X3D จะอยู่ในช่วง ประมาณ 450 ดอลลาร์สหรัฐ และจะเป็นรุ่นต่อยอดจาก 9800X3D โดยไม่ใช่การปรับใหญ่ แต่เป็นการรีเฟรชที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Ryzen 7 9850X3D: 8 คอร์ 16 เธรด
    Boost clock เพิ่มจาก 5.2 → 5.6 GHz
    TDP คงที่ 120W เท่ากับ 9800X3D
    ใช้ 96MB L3 cache และ iGPU เดิม
    คาดว่าราคา ~450 ดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    AMD X3D series ได้รับความนิยมสูงในตลาดเกมมิ่งเพราะ 3D V-Cache
    คู่แข่งหลักคือ Intel Core i7 และ i9 รุ่นล่าสุดที่เน้นความเร็ว single-core
    ตลาดซีพียูเกมมิ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง 7% ต่อปีในช่วง 2025–2030

    คำเตือนจากข่าว
    ยังไม่มีข้อมูลวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
    การเพิ่มความเร็วเพียงเล็กน้อยอาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่มี 9800X3D อยู่แล้ว
    หากราคาสูงเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้หันไปเลือก Intel หรือ Ryzen รุ่น non-X3D

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/upcoming-amd-ryzen-7-9850x3d-has-120w-tdp-leaked-shipping-manifest-states-zen-5-x3d-refresh-will-maintain-the-same-power-draw-as-9800x3d
    ⚡ "Ryzen 7 9850X3D – แรงขึ้นแต่กินไฟเท่าเดิม" ข้อมูลจาก shipping manifest ที่รั่วไหล ยืนยันว่า Ryzen 7 9850X3D จะมี 8 คอร์ 16 เธรด เช่นเดียวกับรุ่น 9800X3D แต่เพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดเป็น 5.6 GHz จากเดิม 5.2 GHz โดยยังคง TDP ที่ 120W เท่าเดิม ถือเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่มภาระด้านพลังงาน. ซีพียูรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ 96MB L3 cache และมี iGPU เหมือนเดิม โดยอาศัยเทคโนโลยี 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า. AMD ใช้เทคนิคการผลิตใหม่ เช่น TSMC advanced packaging และการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ เพื่อให้สามารถเพิ่มความเร็วได้โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานหรือความร้อนมากนัก ซึ่งคาดว่าจะทำให้ FPS ในเกมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุก ๆ การทดสอบ. แม้ยังไม่มีข้อมูลราคาและวันวางจำหน่าย แต่คาดว่า Ryzen 7 9850X3D จะอยู่ในช่วง ประมาณ 450 ดอลลาร์สหรัฐ และจะเป็นรุ่นต่อยอดจาก 9800X3D โดยไม่ใช่การปรับใหญ่ แต่เป็นการรีเฟรชที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Ryzen 7 9850X3D: 8 คอร์ 16 เธรด ➡️ Boost clock เพิ่มจาก 5.2 → 5.6 GHz ➡️ TDP คงที่ 120W เท่ากับ 9800X3D ➡️ ใช้ 96MB L3 cache และ iGPU เดิม ➡️ คาดว่าราคา ~450 ดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ AMD X3D series ได้รับความนิยมสูงในตลาดเกมมิ่งเพราะ 3D V-Cache ➡️ คู่แข่งหลักคือ Intel Core i7 และ i9 รุ่นล่าสุดที่เน้นความเร็ว single-core ➡️ ตลาดซีพียูเกมมิ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง 7% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ยังไม่มีข้อมูลวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ⛔ การเพิ่มความเร็วเพียงเล็กน้อยอาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่มี 9800X3D อยู่แล้ว ⛔ หากราคาสูงเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้หันไปเลือก Intel หรือ Ryzen รุ่น non-X3D https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/upcoming-amd-ryzen-7-9850x3d-has-120w-tdp-leaked-shipping-manifest-states-zen-5-x3d-refresh-will-maintain-the-same-power-draw-as-9800x3d
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • "Windows 11 Dark Mode กลายเป็น Flashbang – ผู้ใช้สะดุ้งตาแตก"

    Microsoft ปล่อย Windows 11 Preview Build KB5070311 โดยระบุว่าจะทำให้ Dark Mode ใน Explorer มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ครอบคลุมทั้งหน้าต่าง copy/move/delete, progress bar, chart view และ dialog ยืนยัน แต่ผู้ใช้กลับพบว่าเมื่อเปิด Explorer หรือสลับไปยัง Home/Gallery หน้าจอกลับ แสดงแสงขาวจ้า ก่อนโหลดเนื้อหาจริง.

    บั๊กนี้สามารถถูกกระตุ้นได้หลายวิธี เช่น การสร้างแท็บใหม่, เปิด/ปิด Details pane, หรือเลือก “More Details” ระหว่างการ copy ไฟล์ ทำให้ผู้ใช้ที่ตั้งค่า Dark Mode ต้องเจอแสงแฟลชทุกครั้ง โดยวิธีแก้ชั่วคราวคือ ปิด Dark Mode ทั้งหมด.

    แม้จะมีบั๊ก แต่ Preview Build ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Full-Screen Experience สำหรับ handheld, ปากกา haptic ที่ตอบสนอง UI, การปรับแต่งคีย์บอร์ด backlit, และการแชร์ไฟล์หลายรายการพร้อมกัน รวมถึงการแก้บั๊กเกมที่เคยขึ้นข้อความ “unsupported graphics card detected”.

    ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเรื่องตลก เพราะ Microsoft โฆษณาว่าจะทำให้ Dark Mode “consistent” แต่กลับสร้างเอฟเฟกต์ตรงข้าม ขณะที่นักรีวิวเรียกมันว่า “Flashbang bug” ซึ่งกลายเป็นมีมในชุมชน Windows.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Windows 11 Preview Build KB5070311 มีบั๊ก Dark Mode แสดงแสงขาวจ้า
    เกิดขึ้นเมื่อเปิด Explorer, สร้างแท็บใหม่, หรือเปิด Details pane
    วิธีแก้ชั่วคราวคือปิด Dark Mode
    Build ยังเพิ่มฟีเจอร์ Full-Screen Experience, haptic pen, multi-file sharing

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    Dark Mode เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ Windows เรียกร้องมากที่สุดตั้งแต่ปี 2019
    Microsoft มักใช้ Preview Build เพื่อทดสอบก่อนปล่อยจริง แต่บั๊กเช่นนี้เกิดบ่อย
    ชุมชน Windows มีประวัติการสร้างมีมจากบั๊ก UI เช่น “Blue Screen of Death”

    คำเตือนจากข่าว
    บั๊ก Flashbang อาจรบกวนผู้ใช้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแสงน้อย
    Preview Build มีความเสี่ยง ไม่ควรติดตั้งบนเครื่องหลัก
    Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขอย่างเป็นทางการ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/windows-11-update-designed-to-improve-dark-mode-greets-users-with-a-flashbang-preview-build-stuns-unsuspecting-eyeballs
    💡 "Windows 11 Dark Mode กลายเป็น Flashbang – ผู้ใช้สะดุ้งตาแตก" Microsoft ปล่อย Windows 11 Preview Build KB5070311 โดยระบุว่าจะทำให้ Dark Mode ใน Explorer มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ครอบคลุมทั้งหน้าต่าง copy/move/delete, progress bar, chart view และ dialog ยืนยัน แต่ผู้ใช้กลับพบว่าเมื่อเปิด Explorer หรือสลับไปยัง Home/Gallery หน้าจอกลับ แสดงแสงขาวจ้า ก่อนโหลดเนื้อหาจริง. บั๊กนี้สามารถถูกกระตุ้นได้หลายวิธี เช่น การสร้างแท็บใหม่, เปิด/ปิด Details pane, หรือเลือก “More Details” ระหว่างการ copy ไฟล์ ทำให้ผู้ใช้ที่ตั้งค่า Dark Mode ต้องเจอแสงแฟลชทุกครั้ง โดยวิธีแก้ชั่วคราวคือ ปิด Dark Mode ทั้งหมด. แม้จะมีบั๊ก แต่ Preview Build ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Full-Screen Experience สำหรับ handheld, ปากกา haptic ที่ตอบสนอง UI, การปรับแต่งคีย์บอร์ด backlit, และการแชร์ไฟล์หลายรายการพร้อมกัน รวมถึงการแก้บั๊กเกมที่เคยขึ้นข้อความ “unsupported graphics card detected”. ผู้ใช้บางคนมองว่าเป็นเรื่องตลก เพราะ Microsoft โฆษณาว่าจะทำให้ Dark Mode “consistent” แต่กลับสร้างเอฟเฟกต์ตรงข้าม ขณะที่นักรีวิวเรียกมันว่า “Flashbang bug” ซึ่งกลายเป็นมีมในชุมชน Windows. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Windows 11 Preview Build KB5070311 มีบั๊ก Dark Mode แสดงแสงขาวจ้า ➡️ เกิดขึ้นเมื่อเปิด Explorer, สร้างแท็บใหม่, หรือเปิด Details pane ➡️ วิธีแก้ชั่วคราวคือปิด Dark Mode ➡️ Build ยังเพิ่มฟีเจอร์ Full-Screen Experience, haptic pen, multi-file sharing ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ Dark Mode เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ Windows เรียกร้องมากที่สุดตั้งแต่ปี 2019 ➡️ Microsoft มักใช้ Preview Build เพื่อทดสอบก่อนปล่อยจริง แต่บั๊กเช่นนี้เกิดบ่อย ➡️ ชุมชน Windows มีประวัติการสร้างมีมจากบั๊ก UI เช่น “Blue Screen of Death” ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ บั๊ก Flashbang อาจรบกวนผู้ใช้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแสงน้อย ⛔ Preview Build มีความเสี่ยง ไม่ควรติดตั้งบนเครื่องหลัก ⛔ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขอย่างเป็นทางการ https://www.tomshardware.com/tech-industry/windows-11-update-designed-to-improve-dark-mode-greets-users-with-a-flashbang-preview-build-stuns-unsuspecting-eyeballs
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • "Intel เก็บ NEX ไว้ในบริษัท – เสริมพลังการบูรณาการเพื่ออนาคต AI และดาต้าเซ็นเตอร์"

    Intel เคยพิจารณาขายหรือแยกแผนก Networking and Communications (NEX) ออกมาเป็นธุรกิจอิสระ แต่หลังการประเมินเชิงกลยุทธ์ บริษัทตัดสินใจเก็บไว้ภายใน โดยให้เหตุผลว่า การบูรณาการระหว่างซิลิคอน ซอฟต์แวร์ และระบบ จะสร้างคุณค่าให้ลูกค้าได้มากกว่า และช่วยเพิ่มรายได้ต่อระบบที่ขาย.

    NEX เป็นหนึ่งใน “อัญมณี” ของ Intel ที่แม้ไม่โด่งดังเท่าซีพียู แต่มีบทบาทสำคัญในตลาด เช่น Ethernet controllers, Wi-Fi controllers, IPUs (Infrastructure Processing Units), และซอฟต์แวร์จัดการเครือข่าย ซึ่งถูกใช้งานตั้งแต่พีซีทั่วไปไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์.

    แม้ NEX จะสร้างรายได้กว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2024 แต่การเติบโตยังชะลอตัว อย่างไรก็ตาม Intel มองว่าการเก็บไว้จะช่วยเสริม ecosystem ของบริษัท โดยเฉพาะเมื่อสามารถขายซีพียู Xeon ควบคู่กับ Ethernet และ IPU ได้ในแพ็กเกจเดียว เพิ่มมูลค่าต่อระบบ.

    การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง Intel ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 8.9 พันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯ และอีกหลายพันล้านจาก SoftBank และ Nvidia ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอโดยไม่จำเป็นต้องขาย NEX เพื่อหาเงินสดในระยะสั้น.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Intel ตัดสินใจไม่ขายแผนก NEX หลังการประเมินเชิงกลยุทธ์
    NEX ผลิต Ethernet, Wi-Fi, IPU และซอฟต์แวร์จัดการเครือข่าย
    รายได้ Q4 2024 อยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ กำไร 300 ล้านดอลลาร์
    Intel ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องขาย

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาด Ethernet และ IPU กำลังเติบโตตามความต้องการ AI และ Cloud Computing
    คู่แข่งสำคัญในตลาดนี้คือ Broadcom, Marvell และ Nvidia (ผ่าน Mellanox)
    การบูรณาการเครือข่ายกับซีพียูเป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มรายได้ต่อระบบให้ผู้ผลิตชิป

    คำเตือนจากข่าว
    NEX ยังเติบโตช้าเมื่อเทียบกับธุรกิจหลักของ Intel
    หากการบูรณาการไม่สร้างผลลัพธ์จริง อาจกลายเป็นภาระต้นทุน
    ตลาดเครือข่ายแข่งขันสูง อาจทำให้ Intel ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อรักษาส่วนแบ่ง

    https://www.tomshardware.com/networking/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division-says-keeping-nex-in-house-will-strengthen-integration-and-customer-offerings
    🌐 "Intel เก็บ NEX ไว้ในบริษัท – เสริมพลังการบูรณาการเพื่ออนาคต AI และดาต้าเซ็นเตอร์" Intel เคยพิจารณาขายหรือแยกแผนก Networking and Communications (NEX) ออกมาเป็นธุรกิจอิสระ แต่หลังการประเมินเชิงกลยุทธ์ บริษัทตัดสินใจเก็บไว้ภายใน โดยให้เหตุผลว่า การบูรณาการระหว่างซิลิคอน ซอฟต์แวร์ และระบบ จะสร้างคุณค่าให้ลูกค้าได้มากกว่า และช่วยเพิ่มรายได้ต่อระบบที่ขาย. NEX เป็นหนึ่งใน “อัญมณี” ของ Intel ที่แม้ไม่โด่งดังเท่าซีพียู แต่มีบทบาทสำคัญในตลาด เช่น Ethernet controllers, Wi-Fi controllers, IPUs (Infrastructure Processing Units), และซอฟต์แวร์จัดการเครือข่าย ซึ่งถูกใช้งานตั้งแต่พีซีทั่วไปไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์. แม้ NEX จะสร้างรายได้กว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2024 แต่การเติบโตยังชะลอตัว อย่างไรก็ตาม Intel มองว่าการเก็บไว้จะช่วยเสริม ecosystem ของบริษัท โดยเฉพาะเมื่อสามารถขายซีพียู Xeon ควบคู่กับ Ethernet และ IPU ได้ในแพ็กเกจเดียว เพิ่มมูลค่าต่อระบบ. การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง Intel ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 8.9 พันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯ และอีกหลายพันล้านจาก SoftBank และ Nvidia ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอโดยไม่จำเป็นต้องขาย NEX เพื่อหาเงินสดในระยะสั้น. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Intel ตัดสินใจไม่ขายแผนก NEX หลังการประเมินเชิงกลยุทธ์ ➡️ NEX ผลิต Ethernet, Wi-Fi, IPU และซอฟต์แวร์จัดการเครือข่าย ➡️ รายได้ Q4 2024 อยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ กำไร 300 ล้านดอลลาร์ ➡️ Intel ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องขาย ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาด Ethernet และ IPU กำลังเติบโตตามความต้องการ AI และ Cloud Computing ➡️ คู่แข่งสำคัญในตลาดนี้คือ Broadcom, Marvell และ Nvidia (ผ่าน Mellanox) ➡️ การบูรณาการเครือข่ายกับซีพียูเป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มรายได้ต่อระบบให้ผู้ผลิตชิป ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ NEX ยังเติบโตช้าเมื่อเทียบกับธุรกิจหลักของ Intel ⛔ หากการบูรณาการไม่สร้างผลลัพธ์จริง อาจกลายเป็นภาระต้นทุน ⛔ ตลาดเครือข่ายแข่งขันสูง อาจทำให้ Intel ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อรักษาส่วนแบ่ง https://www.tomshardware.com/networking/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division-says-keeping-nex-in-house-will-strengthen-integration-and-customer-offerings
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • "ASRock เปิดตัว H610M Combo – เมนบอร์ดที่รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5"

    ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo บนแพลตฟอร์ม LGA1700 ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง DDR4 และ DDR5 โดยมีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง แบ่งเป็น 2 ช่องสำหรับ DDR4 (สูงสุด 2666 MT/s) และ 4 ช่องสำหรับ DDR5 (สูงสุด 4800 MT/s) แต่ไม่สามารถใช้ทั้งสองรุ่นพร้อมกัน ต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง.

    เมนบอร์ดนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น หากมี DDR4 อยู่แล้วก็สามารถใช้ต่อไปได้ และเมื่อราคาของ DDR5 ลดลงก็สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ ถือเป็นการตอบโจทย์วิกฤตราคาหน่วยความจำที่กำลังพุ่งสูง.

    แม้จะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่ H610M Combo ยังคงมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP) และ PCIe จำกัดที่ 4.0 ซึ่งเป็นข้อจำกัดของชิปเซ็ต H610 โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบพื้นฐานที่ยืดหยุ่นมากกว่าการใช้งานระดับสูง.

    ASRock ยังเสริมด้วยพอร์ต USB-C ที่ด้านหลัง และ VRM ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แม้จะไม่ใช่เมนบอร์ดระดับเรือธง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและมีทางเลือกในการอัปเกรดในอนาคต.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5
    มีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง (2 DDR4, 4 DDR5)
    ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้
    ความเร็วสูงสุด DDR4 = 2666 MT/s, DDR5 = 4800 MT/s
    ไม่รองรับ XMP และจำกัด PCIe 4.0

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    DDR5 กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ แต่ราคายังสูงและผันผวน
    เมนบอร์ดแบบ hybrid ช่วยให้ผู้ใช้ค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไป DDR5
    ตลาดเมนบอร์ด hybrid มีผู้เล่นไม่มาก ทำให้ ASRock เป็นหนึ่งในรายแรกที่นำเสนอ

    คำเตือนจากข่าว
    ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
    ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP)
    จำกัด PCIe ที่ 4.0 ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asrock-releases-new-intel-motherboard-with-support-for-both-ddr4-and-ddr5-memory-the-h610-combo-features-both-types-of-dimm-slots-but-you-cant-mix-generations
    🖥️ "ASRock เปิดตัว H610M Combo – เมนบอร์ดที่รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5" ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo บนแพลตฟอร์ม LGA1700 ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง DDR4 และ DDR5 โดยมีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง แบ่งเป็น 2 ช่องสำหรับ DDR4 (สูงสุด 2666 MT/s) และ 4 ช่องสำหรับ DDR5 (สูงสุด 4800 MT/s) แต่ไม่สามารถใช้ทั้งสองรุ่นพร้อมกัน ต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง. เมนบอร์ดนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น หากมี DDR4 อยู่แล้วก็สามารถใช้ต่อไปได้ และเมื่อราคาของ DDR5 ลดลงก็สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ ถือเป็นการตอบโจทย์วิกฤตราคาหน่วยความจำที่กำลังพุ่งสูง. แม้จะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แต่ H610M Combo ยังคงมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP) และ PCIe จำกัดที่ 4.0 ซึ่งเป็นข้อจำกัดของชิปเซ็ต H610 โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการระบบพื้นฐานที่ยืดหยุ่นมากกว่าการใช้งานระดับสูง. ASRock ยังเสริมด้วยพอร์ต USB-C ที่ด้านหลัง และ VRM ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แม้จะไม่ใช่เมนบอร์ดระดับเรือธง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและมีทางเลือกในการอัปเกรดในอนาคต. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ASRock เปิดตัวเมนบอร์ด H610M Combo รองรับทั้ง DDR4 และ DDR5 ➡️ มีสล็อตทั้งหมด 6 ช่อง (2 DDR4, 4 DDR5) ➡️ ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้ ➡️ ความเร็วสูงสุด DDR4 = 2666 MT/s, DDR5 = 4800 MT/s ➡️ ไม่รองรับ XMP และจำกัด PCIe 4.0 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ DDR5 กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ แต่ราคายังสูงและผันผวน ➡️ เมนบอร์ดแบบ hybrid ช่วยให้ผู้ใช้ค่อย ๆ เปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไป DDR5 ➡️ ตลาดเมนบอร์ด hybrid มีผู้เล่นไม่มาก ทำให้ ASRock เป็นหนึ่งในรายแรกที่นำเสนอ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ไม่สามารถใช้ DDR4 และ DDR5 พร้อมกันได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ⛔ ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ (XMP) ⛔ จำกัด PCIe ที่ 4.0 ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asrock-releases-new-intel-motherboard-with-support-for-both-ddr4-and-ddr5-memory-the-h610-combo-features-both-types-of-dimm-slots-but-you-cant-mix-generations
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • "AMD ยันไม่ขึ้นราคา Ryzen – รอดพ้นกระแส AI ที่ดันฮาร์ดแวร์แพง"

    แม้ตลาดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์กำลังเผชิญภาวะราคาพุ่งจากความต้องการ DRAM และ NAND ที่สูงขึ้นเพราะการใช้งาน AI แต่ AMD ยืนยันว่า ซีพียู Ryzen 9000 (Granite Ridge) จะยังคงราคาปัจจุบัน โดยไม่มีสัญญาณว่าจะปรับขึ้นในเร็ว ๆ นี้.

    ข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่า AMD ยังไม่แสดงท่าทีปรับราคาซีพียู แม้ก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับราคาการ์ดจอ Radeon ไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดข่าวลือว่าซีพียู Ryzen อาจขึ้นราคาตาม แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน.

    ตลาดซีพียูมีความแตกต่างจากการ์ดจอและ SSD เนื่องจาก ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ทำให้ AMD สามารถคงราคาซีพียูไว้ได้ ขณะเดียวกัน Ryzen ยังคงครองตลาดเกมมิ่ง โดยรุ่น Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg.

    รายงานยังชี้ว่า AMD กำลังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีส่วนแบ่งสูงถึง 42.61% ตามผลสำรวจ Steam Hardware Survey และมีแนวโน้มแตะ 50% หาก Intel ยังคงเผชิญปัญหายอดขายตกจากซีรีส์ Arrow Lake ที่แข่งขันได้ไม่ดีนัก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    AMD ยังไม่ปรับขึ้นราคาซีพียู Ryzen 9000
    ข่าวลือเรื่องขึ้นราคามาจากการปรับราคาการ์ดจอ Radeon
    ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับ SSD และ GPU
    Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg
    ส่วนแบ่งตลาด AMD เพิ่มขึ้นเป็น 42.61% ตาม Steam Survey

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดซีพียูโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    Intel กำลังเผชิญแรงกดดันจาก AMD ในตลาดเกมมิ่งและเดสก์ท็อป
    การแข่งขันด้านราคาและประสิทธิภาพจะเป็นปัจจัยหลักในการแย่งส่วนแบ่งตลาด

    คำเตือนจากข่าว
    หากความต้องการ AI ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น AMD อาจต้องปรับราคาในอนาคต
    การพึ่งพาการ์ดจอ Radeon ที่ขึ้นราคาแล้วอาจกระทบภาพลักษณ์บริษัท
    Intel อาจกลับมาแข่งขันได้หากแก้ไขปัญหาซีพียู Arrow Lake สำเร็จ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-isnt-increasing-prices-on-cpus-at-least-for-now-ryzen-appears-to-be-safe-from-the-ai-hysteria
    🖥️ "AMD ยันไม่ขึ้นราคา Ryzen – รอดพ้นกระแส AI ที่ดันฮาร์ดแวร์แพง" แม้ตลาดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์กำลังเผชิญภาวะราคาพุ่งจากความต้องการ DRAM และ NAND ที่สูงขึ้นเพราะการใช้งาน AI แต่ AMD ยืนยันว่า ซีพียู Ryzen 9000 (Granite Ridge) จะยังคงราคาปัจจุบัน โดยไม่มีสัญญาณว่าจะปรับขึ้นในเร็ว ๆ นี้. ข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่า AMD ยังไม่แสดงท่าทีปรับราคาซีพียู แม้ก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับราคาการ์ดจอ Radeon ไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดข่าวลือว่าซีพียู Ryzen อาจขึ้นราคาตาม แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน. ตลาดซีพียูมีความแตกต่างจากการ์ดจอและ SSD เนื่องจาก ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ทำให้ AMD สามารถคงราคาซีพียูไว้ได้ ขณะเดียวกัน Ryzen ยังคงครองตลาดเกมมิ่ง โดยรุ่น Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg. รายงานยังชี้ว่า AMD กำลังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีส่วนแบ่งสูงถึง 42.61% ตามผลสำรวจ Steam Hardware Survey และมีแนวโน้มแตะ 50% หาก Intel ยังคงเผชิญปัญหายอดขายตกจากซีรีส์ Arrow Lake ที่แข่งขันได้ไม่ดีนัก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ AMD ยังไม่ปรับขึ้นราคาซีพียู Ryzen 9000 ➡️ ข่าวลือเรื่องขึ้นราคามาจากการปรับราคาการ์ดจอ Radeon ➡️ ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับ SSD และ GPU ➡️ Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg ➡️ ส่วนแบ่งตลาด AMD เพิ่มขึ้นเป็น 42.61% ตาม Steam Survey ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดซีพียูโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ Intel กำลังเผชิญแรงกดดันจาก AMD ในตลาดเกมมิ่งและเดสก์ท็อป ➡️ การแข่งขันด้านราคาและประสิทธิภาพจะเป็นปัจจัยหลักในการแย่งส่วนแบ่งตลาด ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากความต้องการ AI ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น AMD อาจต้องปรับราคาในอนาคต ⛔ การพึ่งพาการ์ดจอ Radeon ที่ขึ้นราคาแล้วอาจกระทบภาพลักษณ์บริษัท ⛔ Intel อาจกลับมาแข่งขันได้หากแก้ไขปัญหาซีพียู Arrow Lake สำเร็จ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-isnt-increasing-prices-on-cpus-at-least-for-now-ryzen-appears-to-be-safe-from-the-ai-hysteria
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD isn't increasing prices on CPUs, at least for now — Ryzen appears to be safe from the AI hysteria
    Industry insiders have not heard or seen any indication of AMD wanting to raise Ryzen CPU pricing.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • "Nvidia คืนชีพ PhysX 32-bit บน RTX 50 Series"

    Nvidia ประกาศนำฟีเจอร์ GPU-accelerated PhysX แบบ 32-bit กลับมาใช้งานบนการ์ดจอ RTX 50 Series หลังจากเคยยุติการสนับสนุนไปเมื่อต้นปี 2025 โดยการอัปเดต Game Ready Driver ล่าสุดจะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสเอฟเฟกต์ฟิสิกส์ที่สมจริง เช่น ragdoll, cloth, particles และ fluid simulation ได้อีกครั้ง.

    รายชื่อเกมที่รองรับทันทีมีทั้งหมด 9 เกมคลาสสิก ได้แก่ Alice: Madness Returns, Assassin’s Creed IV: Black Flag, Batman: Arkham City, Batman: Arkham Origins, Borderlands 2, Mafia II, Metro 2033, Metro: Last Light, และ Mirror’s Edge. ขณะที่ Batman: Arkham Asylum จะได้รับการสนับสนุนในปี 2026.

    PhysX ถือเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ Nvidia ซื้อจาก Ageia ในปี 2004 และเคยเป็นจุดขายสำคัญของการ์ดจอ GeForce ในยุค 2000s แต่การใช้งานลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากข้อจำกัดด้าน CUDA และการมาของเอนจินฟิสิกส์ที่ข้ามแพลตฟอร์มได้ดีกว่า.

    การนำ PhysX กลับมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์แฟนเกมคลาสสิก แต่ยังเป็นการโชว์ศักยภาพของ RTX 50 Series ที่สามารถรันเกมเก่าได้อย่างลื่นไหล พร้อมการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น DLSS 4, Multi Frame Generation และ DLSS Super Resolution ที่ช่วยให้เฟรมเรตสูงถึง 460 FPS บนเดสก์ท็อป และ 310 FPS บนโน้ตบุ๊ก 4K Ultra.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Nvidia นำ PhysX 32-bit กลับมาบน RTX 50 Series
    รองรับเกมคลาสสิก 9 เรื่องทันที เช่น Batman Arkham, Metro, Borderlands 2
    Batman: Arkham Asylum จะรองรับในปี 2026
    Driver ใหม่ยังเพิ่ม DLSS 4 และ Multi Frame Generation

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    PhysX เคยเป็นเทคโนโลยีเด่นของ Nvidia ในยุค 2000s
    ปัจจุบันเกมใหม่ ๆ ใช้เอนจินฟิสิกส์ข้ามแพลตฟอร์ม เช่น Havok และ Unreal Engine Physics
    DLSS 4 ช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับการรันแบบ native

    คำเตือนจากข่าว
    PhysX ยังจำกัดเฉพาะบนการ์ด Nvidia เท่านั้น ไม่รองรับ AMD หรือ Intel GPU
    เกมใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ PhysX แล้ว ทำให้การสนับสนุนจำกัดอยู่กับเกมเก่า
    การเปิดใช้งาน PhysX อาจเพิ่มภาระ GPU และทำให้บางเกมไม่เสถียร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-reinstates-32-bit-physx-support-for-rtx-50-series-as-part-of-its-latest-game-ready-driver-rollout-9-titles-included-in-initial-release
    🎮 "Nvidia คืนชีพ PhysX 32-bit บน RTX 50 Series" Nvidia ประกาศนำฟีเจอร์ GPU-accelerated PhysX แบบ 32-bit กลับมาใช้งานบนการ์ดจอ RTX 50 Series หลังจากเคยยุติการสนับสนุนไปเมื่อต้นปี 2025 โดยการอัปเดต Game Ready Driver ล่าสุดจะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสเอฟเฟกต์ฟิสิกส์ที่สมจริง เช่น ragdoll, cloth, particles และ fluid simulation ได้อีกครั้ง. รายชื่อเกมที่รองรับทันทีมีทั้งหมด 9 เกมคลาสสิก ได้แก่ Alice: Madness Returns, Assassin’s Creed IV: Black Flag, Batman: Arkham City, Batman: Arkham Origins, Borderlands 2, Mafia II, Metro 2033, Metro: Last Light, และ Mirror’s Edge. ขณะที่ Batman: Arkham Asylum จะได้รับการสนับสนุนในปี 2026. PhysX ถือเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ Nvidia ซื้อจาก Ageia ในปี 2004 และเคยเป็นจุดขายสำคัญของการ์ดจอ GeForce ในยุค 2000s แต่การใช้งานลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากข้อจำกัดด้าน CUDA และการมาของเอนจินฟิสิกส์ที่ข้ามแพลตฟอร์มได้ดีกว่า. การนำ PhysX กลับมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์แฟนเกมคลาสสิก แต่ยังเป็นการโชว์ศักยภาพของ RTX 50 Series ที่สามารถรันเกมเก่าได้อย่างลื่นไหล พร้อมการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น DLSS 4, Multi Frame Generation และ DLSS Super Resolution ที่ช่วยให้เฟรมเรตสูงถึง 460 FPS บนเดสก์ท็อป และ 310 FPS บนโน้ตบุ๊ก 4K Ultra. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Nvidia นำ PhysX 32-bit กลับมาบน RTX 50 Series ➡️ รองรับเกมคลาสสิก 9 เรื่องทันที เช่น Batman Arkham, Metro, Borderlands 2 ➡️ Batman: Arkham Asylum จะรองรับในปี 2026 ➡️ Driver ใหม่ยังเพิ่ม DLSS 4 และ Multi Frame Generation ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ PhysX เคยเป็นเทคโนโลยีเด่นของ Nvidia ในยุค 2000s ➡️ ปัจจุบันเกมใหม่ ๆ ใช้เอนจินฟิสิกส์ข้ามแพลตฟอร์ม เช่น Havok และ Unreal Engine Physics ➡️ DLSS 4 ช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับการรันแบบ native ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ PhysX ยังจำกัดเฉพาะบนการ์ด Nvidia เท่านั้น ไม่รองรับ AMD หรือ Intel GPU ⛔ เกมใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ PhysX แล้ว ทำให้การสนับสนุนจำกัดอยู่กับเกมเก่า ⛔ การเปิดใช้งาน PhysX อาจเพิ่มภาระ GPU และทำให้บางเกมไม่เสถียร https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-reinstates-32-bit-physx-support-for-rtx-50-series-as-part-of-its-latest-game-ready-driver-rollout-9-titles-included-in-initial-release
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • "Nvidia ไม่มั่นใจจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด"

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เปิดเผยหลังการพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า แม้จะมีการพูดคุยถึงการอนุญาตให้ส่งออกชิป H200 ไปยังจีน แต่บริษัทก็ “ไม่รู้ ไม่แน่ใจเลย” ว่าจีนจะยอมซื้อจริงหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้สั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D ไปแล้ว พร้อมประกาศว่าชิป AI ที่ผลิตเองสามารถทดแทนได้.

    ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้สั่งห้ามส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ไปจีน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง โดย H200 ถือเป็นรุ่นที่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ถูกมองว่า “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง B200 ที่เพิ่งเปิดตัว ข้อจำกัดนี้ทำให้ Nvidia สูญเสียตลาดจีนซึ่งเคยครองส่วนแบ่งกว่า 95% จนเหลือแทบเป็นศูนย์.

    แม้จะมีการพูดถึงการอนุญาตให้ขาย H200 อีกครั้ง แต่ Huang ย้ำว่า จีนไม่ยอมรับชิปที่ถูกลดสเปก และนโยบายของรัฐบาลจีนชัดเจนว่าต้องการพึ่งพาชิปภายในประเทศมากขึ้น การตัดสินใจครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องการค้า แต่เป็นการเมืองและยุทธศาสตร์ชาติ.

    สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของ Nvidia ที่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรเป็นหลัก ขณะที่จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อปิดช่องว่าง และอาจทำให้การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสองมหาอำนาจยิ่งทวีความเข้มข้นในอนาคต.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Jensen Huang ไม่มั่นใจว่าจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด
    จีนสั่งห้ามซื้อ H20 และ RTX Pro 6000D พร้อมผลักดันชิป AI ภายในประเทศ
    Nvidia สูญเสียส่วนแบ่งตลาดจีนจาก 95% เหลือเกือบศูนย์
    H200 ถูกมองว่าล้าสมัยเมื่อเทียบกับ B200

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    จีนกำลังลงทุนมหาศาลในบริษัทชิป AI เช่น Huawei และ Cambricon
    ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐฯ–จีนถูกมองว่าเป็น “สงครามเทคโนโลยี” ยุคใหม่

    คำเตือนจากข่าว
    Nvidia ไม่สามารถลดสเปกชิปเพื่อขายในจีนได้ เพราะจีนไม่ยอมรับ
    การพึ่งพาตลาดจีนอาจไม่มั่นคงอีกต่อไป
    ความตึงเครียดทางการเมืองอาจทำให้การค้าชิป AI ถูกใช้เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-unsure-if-china-would-buy-its-h200-chips-if-restrictions-are-relaxed-as-beijing-prioritizes-homegrown-ai-solutions-we-dont-know-we-have-no-clue
    💡 "Nvidia ไม่มั่นใจจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด" Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เปิดเผยหลังการพบปะกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า แม้จะมีการพูดคุยถึงการอนุญาตให้ส่งออกชิป H200 ไปยังจีน แต่บริษัทก็ “ไม่รู้ ไม่แน่ใจเลย” ว่าจีนจะยอมซื้อจริงหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้สั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีในประเทศซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D ไปแล้ว พร้อมประกาศว่าชิป AI ที่ผลิตเองสามารถทดแทนได้. ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้สั่งห้ามส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ไปจีน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง โดย H200 ถือเป็นรุ่นที่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ถูกมองว่า “ล้าสมัย” เมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง B200 ที่เพิ่งเปิดตัว ข้อจำกัดนี้ทำให้ Nvidia สูญเสียตลาดจีนซึ่งเคยครองส่วนแบ่งกว่า 95% จนเหลือแทบเป็นศูนย์. แม้จะมีการพูดถึงการอนุญาตให้ขาย H200 อีกครั้ง แต่ Huang ย้ำว่า จีนไม่ยอมรับชิปที่ถูกลดสเปก และนโยบายของรัฐบาลจีนชัดเจนว่าต้องการพึ่งพาชิปภายในประเทศมากขึ้น การตัดสินใจครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องการค้า แต่เป็นการเมืองและยุทธศาสตร์ชาติ. สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของ Nvidia ที่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรเป็นหลัก ขณะที่จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อปิดช่องว่าง และอาจทำให้การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสองมหาอำนาจยิ่งทวีความเข้มข้นในอนาคต. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Jensen Huang ไม่มั่นใจว่าจีนจะซื้อ H200 แม้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัด ➡️ จีนสั่งห้ามซื้อ H20 และ RTX Pro 6000D พร้อมผลักดันชิป AI ภายในประเทศ ➡️ Nvidia สูญเสียส่วนแบ่งตลาดจีนจาก 95% เหลือเกือบศูนย์ ➡️ H200 ถูกมองว่าล้าสมัยเมื่อเทียบกับ B200 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ จีนกำลังลงทุนมหาศาลในบริษัทชิป AI เช่น Huawei และ Cambricon ➡️ ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐฯ–จีนถูกมองว่าเป็น “สงครามเทคโนโลยี” ยุคใหม่ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ Nvidia ไม่สามารถลดสเปกชิปเพื่อขายในจีนได้ เพราะจีนไม่ยอมรับ ⛔ การพึ่งพาตลาดจีนอาจไม่มั่นคงอีกต่อไป ⛔ ความตึงเครียดทางการเมืองอาจทำให้การค้าชิป AI ถูกใช้เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-unsure-if-china-would-buy-its-h200-chips-if-restrictions-are-relaxed-as-beijing-prioritizes-homegrown-ai-solutions-we-dont-know-we-have-no-clue
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • "Cambricon ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตชิป AI 3 เท่า – หวังแทนที่ Nvidia และท้าชน Huawei"

    ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Cambricon Technologies ของจีนที่ตั้งเป้า เพิ่มการผลิตชิป AI เป็น 3 เท่าในปี 2026 เพื่อทดแทนช่องว่างที่ Nvidia ถอนตัวออกจากตลาดจีน และแข่งขันกับ Huawei แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องกำลังการผลิตและคุณภาพการผลิตที่ต่ำ

    Cambricon Technologies มีแผนจะผลิตชิป AI กว่า 500,000 ตัวในปี 2026 รวมถึงรุ่นเรือธง Siyuan 590 และ 690 ซึ่งมากกว่าสามเท่าของจำนวนที่คาดว่าจะผลิตในปี 2025 (ประมาณ 142,000 ตัว). การขยายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ถูกจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดที่บริษัทจีนพยายามเข้ามาเติมเต็ม.

    Cambricon จะพึ่งพากำลังการผลิตจาก Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) โดยใช้กระบวนการผลิต 7nm N+2 แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ เนื่องจากชิป Siyuan มีอัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงเพียง 20% หรือหนึ่งในห้าของจำนวนที่ผลิตออกมา ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มี yield rate สูงถึง 60%.

    แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคนิค แต่ Cambricon ได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลจีนและความต้องการภายในประเทศ โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น Alibaba และ ByteDance ที่หันมาใช้ชิปจีนตามนโยบายลดการพึ่งพาต่างชาติ รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าในไตรมาสล่าสุด สะท้อนความต้องการที่พุ่งสูงในตลาด AI.

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่ การจัดหาวัสดุพื้นฐานและหน่วยความจำ (HBM, LPDDR) ซึ่งขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันกับ Huawei ที่ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตชิปเช่นกัน ทำให้อนาคตของ Cambricon แม้จะสดใส แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงด้านเทคนิคและทรัพยากร.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Cambricon ตั้งเป้าผลิตชิป AI 500,000 ตัวในปี 2026
    ใช้กำลังการผลิตจาก SMIC ที่กระบวนการ 7nm N+2
    Yield rate ของชิป Siyuan อยู่ที่ 20% เทียบกับ TSMC ที่ 60%
    ลูกค้ารายใหญ่: Alibaba และ ByteDance
    รายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 14 เท่า

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    Huawei กำลังเพิ่มการผลิตชิป AI เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ
    การขาดแคลน HBM และ LPDDR เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก

    คำเตือนจากข่าว
    Yield rate ต่ำอาจทำให้ต้นทุนสูงและการผลิตไม่คุ้มค่า
    การขาดแคลนหน่วยความจำอาจทำให้คำสั่งซื้อไม่สามารถส่งมอบได้
    การแข่งขันกับ Huawei อาจทำให้ Cambricon เสียเปรียบในตลาดภายในประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-tech-firm-cambricon-looks-to-step-into-nvidia-void-triple-ai-chip-production-next-year-seeks-to-rival-huawei-but-production-remains-a-concern
    ⚙️ "Cambricon ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตชิป AI 3 เท่า – หวังแทนที่ Nvidia และท้าชน Huawei" ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Cambricon Technologies ของจีนที่ตั้งเป้า เพิ่มการผลิตชิป AI เป็น 3 เท่าในปี 2026 เพื่อทดแทนช่องว่างที่ Nvidia ถอนตัวออกจากตลาดจีน และแข่งขันกับ Huawei แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องกำลังการผลิตและคุณภาพการผลิตที่ต่ำ Cambricon Technologies มีแผนจะผลิตชิป AI กว่า 500,000 ตัวในปี 2026 รวมถึงรุ่นเรือธง Siyuan 590 และ 690 ซึ่งมากกว่าสามเท่าของจำนวนที่คาดว่าจะผลิตในปี 2025 (ประมาณ 142,000 ตัว). การขยายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ถูกจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดที่บริษัทจีนพยายามเข้ามาเติมเต็ม. Cambricon จะพึ่งพากำลังการผลิตจาก Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) โดยใช้กระบวนการผลิต 7nm N+2 แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ เนื่องจากชิป Siyuan มีอัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงเพียง 20% หรือหนึ่งในห้าของจำนวนที่ผลิตออกมา ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มี yield rate สูงถึง 60%. แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคนิค แต่ Cambricon ได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลจีนและความต้องการภายในประเทศ โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น Alibaba และ ByteDance ที่หันมาใช้ชิปจีนตามนโยบายลดการพึ่งพาต่างชาติ รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าในไตรมาสล่าสุด สะท้อนความต้องการที่พุ่งสูงในตลาด AI. อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่ การจัดหาวัสดุพื้นฐานและหน่วยความจำ (HBM, LPDDR) ซึ่งขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันกับ Huawei ที่ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตชิปเช่นกัน ทำให้อนาคตของ Cambricon แม้จะสดใส แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงด้านเทคนิคและทรัพยากร. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Cambricon ตั้งเป้าผลิตชิป AI 500,000 ตัวในปี 2026 ➡️ ใช้กำลังการผลิตจาก SMIC ที่กระบวนการ 7nm N+2 ➡️ Yield rate ของชิป Siyuan อยู่ที่ 20% เทียบกับ TSMC ที่ 60% ➡️ ลูกค้ารายใหญ่: Alibaba และ ByteDance ➡️ รายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 14 เท่า ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ Huawei กำลังเพิ่มการผลิตชิป AI เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ ➡️ การขาดแคลน HBM และ LPDDR เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ Yield rate ต่ำอาจทำให้ต้นทุนสูงและการผลิตไม่คุ้มค่า ⛔ การขาดแคลนหน่วยความจำอาจทำให้คำสั่งซื้อไม่สามารถส่งมอบได้ ⛔ การแข่งขันกับ Huawei อาจทำให้ Cambricon เสียเปรียบในตลาดภายในประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-tech-firm-cambricon-looks-to-step-into-nvidia-void-triple-ai-chip-production-next-year-seeks-to-rival-huawei-but-production-remains-a-concern
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • "การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 ปี 1998 กลับมามีชีวิตบน Ryzen 9 และ Windows 11"

    นักรีวิวจาก YouTube ช่อง Omores ได้ทดลองนำ Creative 3dfx Voodoo2 12MB ซึ่งเป็นการ์ดจอจากปี 1998 มาทำงานบนเครื่อง PC รุ่นใหม่ที่ใช้ AMD Ryzen 9 9900X และระบบปฏิบัติการ Windows 11 การเชื่อมต่อทำผ่านอุปกรณ์ PCI-E to PCI enclosure ของ StarTech เพื่อให้การ์ดเก่าทำงานร่วมกับเมนบอร์ด AM5 รุ่นใหม่.

    การทดสอบเริ่มจากการติดตั้ง Windows 98 และ Windows 10 แบบ 32-bit ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยไดรเวอร์จากชุมชนผู้พัฒนา ต่อมา Omores ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 ที่พัฒนาสำหรับ Windows NT และปรับแก้ให้ทำงานบน Windows 10/11 แบบ 64-bit ผลคือสามารถรันเกมคลาสสิกอย่าง Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ.

    แม้จะทำงานได้ แต่เมื่อ Omores พยายามใช้การ์ด Voodoo2 สองตัวในโหมด SLI (Scan-Line Interleave) ระบบกลับล้มเหลว เนื่องจากการ์ดรุ่น Joytech Apollo 3D Fast II 12MB มีบั๊กและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร ทำให้การทดลองต้องหยุดที่การ์ดเดี่ยว.

    การทดลองนี้สะท้อนว่า แม้เทคโนโลยีเก่าจะถูกทิ้งไปนาน แต่ด้วยความพยายามและการปรับแต่งไดรเวอร์ ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้งานได้ในระบบใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่าง ความ怀旧 (nostalgia) และ ความท้าทายทางเทคนิค ที่ดึงดูดใจนักเล่นฮาร์ดแวร์สายวินเทจ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ใช้การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 12MB บน Ryzen 9 9900X และ Windows 11
    เชื่อมต่อผ่าน StarTech PCI-E to PCI enclosure
    ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 เพื่อรันบน Windows 64-bit
    รันเกม Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ
    การทดลอง SLI ล้มเหลวเพราะการ์ดตัวที่สองมีบั๊ก

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    3dfx Voodoo2 เปิดตัวปี 1998 และเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น
    เทคโนโลยี SLI ของ 3dfx เป็นต้นแบบให้กับ Nvidia ในเวลาต่อมา
    ปัจจุบันมีชุมชนออนไลน์ที่ยังคงพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์สำหรับการ์ดจอวินเทจ

    คำเตือนจากข่าว
    การใช้การ์ดเก่าบนระบบใหม่อาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรและบั๊ก
    การระบายความร้อนและการใช้พลังงานอาจไม่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมใหม่
    การพยายามใช้ SLI กับการ์ดรุ่นเก่าอาจทำให้ระบบล้มเหลว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/ancient-3dfx-voodoo2-graphics-card-coaxed-into-working-in-modern-amd-ryzen-9-9900x-powered-windows-11-system
    🕹️ "การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 ปี 1998 กลับมามีชีวิตบน Ryzen 9 และ Windows 11" นักรีวิวจาก YouTube ช่อง Omores ได้ทดลองนำ Creative 3dfx Voodoo2 12MB ซึ่งเป็นการ์ดจอจากปี 1998 มาทำงานบนเครื่อง PC รุ่นใหม่ที่ใช้ AMD Ryzen 9 9900X และระบบปฏิบัติการ Windows 11 การเชื่อมต่อทำผ่านอุปกรณ์ PCI-E to PCI enclosure ของ StarTech เพื่อให้การ์ดเก่าทำงานร่วมกับเมนบอร์ด AM5 รุ่นใหม่. การทดสอบเริ่มจากการติดตั้ง Windows 98 และ Windows 10 แบบ 32-bit ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยไดรเวอร์จากชุมชนผู้พัฒนา ต่อมา Omores ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 ที่พัฒนาสำหรับ Windows NT และปรับแก้ให้ทำงานบน Windows 10/11 แบบ 64-bit ผลคือสามารถรันเกมคลาสสิกอย่าง Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ. แม้จะทำงานได้ แต่เมื่อ Omores พยายามใช้การ์ด Voodoo2 สองตัวในโหมด SLI (Scan-Line Interleave) ระบบกลับล้มเหลว เนื่องจากการ์ดรุ่น Joytech Apollo 3D Fast II 12MB มีบั๊กและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร ทำให้การทดลองต้องหยุดที่การ์ดเดี่ยว. การทดลองนี้สะท้อนว่า แม้เทคโนโลยีเก่าจะถูกทิ้งไปนาน แต่ด้วยความพยายามและการปรับแต่งไดรเวอร์ ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้งานได้ในระบบใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่าง ความ怀旧 (nostalgia) และ ความท้าทายทางเทคนิค ที่ดึงดูดใจนักเล่นฮาร์ดแวร์สายวินเทจ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ใช้การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 12MB บน Ryzen 9 9900X และ Windows 11 ➡️ เชื่อมต่อผ่าน StarTech PCI-E to PCI enclosure ➡️ ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 เพื่อรันบน Windows 64-bit ➡️ รันเกม Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ ➡️ การทดลอง SLI ล้มเหลวเพราะการ์ดตัวที่สองมีบั๊ก ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ 3dfx Voodoo2 เปิดตัวปี 1998 และเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น ➡️ เทคโนโลยี SLI ของ 3dfx เป็นต้นแบบให้กับ Nvidia ในเวลาต่อมา ➡️ ปัจจุบันมีชุมชนออนไลน์ที่ยังคงพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์สำหรับการ์ดจอวินเทจ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การใช้การ์ดเก่าบนระบบใหม่อาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรและบั๊ก ⛔ การระบายความร้อนและการใช้พลังงานอาจไม่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมใหม่ ⛔ การพยายามใช้ SLI กับการ์ดรุ่นเก่าอาจทำให้ระบบล้มเหลว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/ancient-3dfx-voodoo2-graphics-card-coaxed-into-working-in-modern-amd-ryzen-9-9900x-powered-windows-11-system
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • "AI จุดกระแสเศรษฐกิจโลก – ระหว่างโอกาสและความกังวลด้านงาน"

    AI ถูกมองว่าเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต โดยในครึ่งแรกของปี 2025 การลงทุนด้าน AI มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของ GDP สหรัฐฯ มากกว่าการบริโภคภาคครัวเรือน สะท้อนถึงการทุ่มทุนมหาศาลจากบริษัทเทคโนโลยีและนักลงทุน.

    อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่อง การแทนที่แรงงาน เริ่มชัดเจนขึ้น รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า AI กำลังแทนที่ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้น และทำให้บริษัทชะลอการจ้างงานใหม่ ขณะที่ผลสำรวจ Reuters/Ipsos พบว่า 71% ของประชาชนกังวลว่า AI จะทำให้คนตกงานถาวร.

    นักเศรษฐศาสตร์บางคน เช่น Joseph Lavorgna จากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มองในเชิงบวกว่า AI เป็นเครื่องมือเสริมแรงงานมากกว่าการแทนที่ แต่ผู้บริหารบริษัทใหญ่ เช่น EY และ Moderna ชี้ว่าองค์กรเริ่มวางแผนทรัพยากรบุคคลควบคู่กับการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดแรงงาน.

    นอกจากเรื่องงานแล้ว ยังมีความกังวลด้าน พลังงานและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI ใช้ไฟฟ้าและน้ำจำนวนมหาศาล Cisco เตือนว่าการประมวลผล AI แบบต่อเนื่องสร้างภาระต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ขณะที่ชุมชนในบางรัฐเริ่มต่อต้านการขยายศูนย์ข้อมูลเพราะค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    AI มีส่วนสำคัญต่อการเติบโต GDP สหรัฐฯ ในปี 2025
    รายงาน Fed ระบุว่า AI แทนที่งานระดับเริ่มต้น
    ผลสำรวจ Reuters/Ipsos: 71% กังวลตกงานถาวร
    Cisco เตือนการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงมาก

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาด AI ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
    หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายควบคุมการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล
    บริษัทเทคโนโลยีลงทุนในระบบระบายความร้อนด้วยน้ำเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

    คำเตือนจากข่าว
    AI อาจทำให้แรงงานระดับเริ่มต้นตกงานจำนวนมาก
    การใช้พลังงานสูงของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบสิ่งแวดล้อมและค่าไฟฟ้าในชุมชน
    การพึ่งพา AI โดยไม่วางนโยบายรองรับอาจทำให้เศรษฐกิจไม่สมดุล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/ai039s-rise-stirs-excitement-sparks-job-worries-
    🤖 "AI จุดกระแสเศรษฐกิจโลก – ระหว่างโอกาสและความกังวลด้านงาน" AI ถูกมองว่าเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต โดยในครึ่งแรกของปี 2025 การลงทุนด้าน AI มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของ GDP สหรัฐฯ มากกว่าการบริโภคภาคครัวเรือน สะท้อนถึงการทุ่มทุนมหาศาลจากบริษัทเทคโนโลยีและนักลงทุน. อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่อง การแทนที่แรงงาน เริ่มชัดเจนขึ้น รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า AI กำลังแทนที่ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้น และทำให้บริษัทชะลอการจ้างงานใหม่ ขณะที่ผลสำรวจ Reuters/Ipsos พบว่า 71% ของประชาชนกังวลว่า AI จะทำให้คนตกงานถาวร. นักเศรษฐศาสตร์บางคน เช่น Joseph Lavorgna จากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มองในเชิงบวกว่า AI เป็นเครื่องมือเสริมแรงงานมากกว่าการแทนที่ แต่ผู้บริหารบริษัทใหญ่ เช่น EY และ Moderna ชี้ว่าองค์กรเริ่มวางแผนทรัพยากรบุคคลควบคู่กับการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดแรงงาน. นอกจากเรื่องงานแล้ว ยังมีความกังวลด้าน พลังงานและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI ใช้ไฟฟ้าและน้ำจำนวนมหาศาล Cisco เตือนว่าการประมวลผล AI แบบต่อเนื่องสร้างภาระต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ขณะที่ชุมชนในบางรัฐเริ่มต่อต้านการขยายศูนย์ข้อมูลเพราะค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ AI มีส่วนสำคัญต่อการเติบโต GDP สหรัฐฯ ในปี 2025 ➡️ รายงาน Fed ระบุว่า AI แทนที่งานระดับเริ่มต้น ➡️ ผลสำรวจ Reuters/Ipsos: 71% กังวลตกงานถาวร ➡️ Cisco เตือนการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI สูงมาก ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาด AI ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ➡️ หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายควบคุมการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล ➡️ บริษัทเทคโนโลยีลงทุนในระบบระบายความร้อนด้วยน้ำเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ AI อาจทำให้แรงงานระดับเริ่มต้นตกงานจำนวนมาก ⛔ การใช้พลังงานสูงของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบสิ่งแวดล้อมและค่าไฟฟ้าในชุมชน ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่วางนโยบายรองรับอาจทำให้เศรษฐกิจไม่สมดุล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/ai039s-rise-stirs-excitement-sparks-job-worries-
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI's rise stirs excitement, sparks job worries
    NEW YORK, Dec 4 (Reuters) - The transformative effects of artificial intelligence dominated discussions at the Reuters NEXT conference in New York, with panelists concentrating on how it may upend work - and job growth - sidestepping concerns about an AI bubble.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • "Microsoft เตรียมขึ้นราคา Microsoft 365 สำหรับธุรกิจและรัฐบาล"

    Microsoft จะปรับขึ้นราคาชุดโปรแกรม Microsoft 365 สำหรับลูกค้าธุรกิจและรัฐบาลทั่วโลกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยการปรับราคาครั้งนี้ครอบคลุมทั้งแผนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก, พนักงานด่านหน้า, และองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนของบริษัทในด้าน AI และความปลอดภัย.

    รายละเอียดการปรับราคามีดังนี้:
    Business Basic เพิ่มขึ้น 16.7% เป็น 7 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้/เดือน
    Business Standard เพิ่มขึ้น 12% เป็น 14 ดอลลาร์
    Enterprise E3 เพิ่มขึ้น 8.3% เป็น 39 ดอลลาร์
    Enterprise E5 เพิ่มขึ้น 5.3% เป็น 60 ดอลลาร์
    Frontline F1 เพิ่มขึ้น 33% จาก 2.25 ดอลลาร์เป็น 3 ดอลลาร์
    Frontline F3 เพิ่มขึ้นจาก 8 ดอลลาร์เป็น 10 ดอลลาร์

    Microsoft ระบุว่าการปรับราคานี้สะท้อนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่กว่า 1,100 รายการ ใน Microsoft 365 รวมถึง Copilot (AI Assistant) ที่มีค่าใช้จ่ายเสริม 30 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้/เดือน และระบบความปลอดภัยที่ผสานเข้ากับชุดโปรแกรม เพื่อรองรับการทำงานยุคดิจิทัลที่ซับซ้อนมากขึ้น.

    การปรับราคาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Microsoft เคยขึ้นราคาสำหรับลูกค้าองค์กรในปี 2022 และเพิ่งปรับราคาสำหรับผู้บริโภคเมื่อต้นปี 2025 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การสร้างรายได้จากการลงทุนด้าน AI และการรักษาความปลอดภัยข้อมูล.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Microsoft จะขึ้นราคา Microsoft 365 เริ่มกรกฎาคม 2026
    Business Basic ขึ้นเป็น 7 ดอลลาร์/เดือน (+16.7%)
    Business Standard ขึ้นเป็น 14 ดอลลาร์/เดือน (+12%)
    Enterprise E3 ขึ้นเป็น 39 ดอลลาร์/เดือน (+8.3%)
    Enterprise E5 ขึ้นเป็น 60 ดอลลาร์/เดือน (+5.3%)
    Frontline F1 และ F3 ขึ้นแรงสุด (33% และ 25%)

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    Microsoft 365 มีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก
    การแข่งขันกับ Google Workspace เป็นแรงผลักดันสำคัญ
    ตลาดซอฟต์แวร์ productivity คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปีในช่วง 2025–2030

    คำเตือนจากข่าว
    การขึ้นราคาจะกระทบธุรกิจขนาดเล็กและพนักงานด่านหน้ามากที่สุด
    ลูกค้าอาจหันไปใช้คู่แข่ง เช่น Google Workspace ที่ราคาถูกกว่า
    การเพิ่มค่าใช้จ่าย Copilot แยกต่างหากอาจสร้างแรงกดดันด้านงบประมาณ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/microsoft-to-lift-productivity-suite-prices-for-businesses-governments
    💼 "Microsoft เตรียมขึ้นราคา Microsoft 365 สำหรับธุรกิจและรัฐบาล" Microsoft จะปรับขึ้นราคาชุดโปรแกรม Microsoft 365 สำหรับลูกค้าธุรกิจและรัฐบาลทั่วโลกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยการปรับราคาครั้งนี้ครอบคลุมทั้งแผนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก, พนักงานด่านหน้า, และองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนของบริษัทในด้าน AI และความปลอดภัย. รายละเอียดการปรับราคามีดังนี้: 💵 Business Basic เพิ่มขึ้น 16.7% เป็น 7 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้/เดือน 💵 Business Standard เพิ่มขึ้น 12% เป็น 14 ดอลลาร์ 💵 Enterprise E3 เพิ่มขึ้น 8.3% เป็น 39 ดอลลาร์ 💵 Enterprise E5 เพิ่มขึ้น 5.3% เป็น 60 ดอลลาร์ 💵 Frontline F1 เพิ่มขึ้น 33% จาก 2.25 ดอลลาร์เป็น 3 ดอลลาร์ 💵 Frontline F3 เพิ่มขึ้นจาก 8 ดอลลาร์เป็น 10 ดอลลาร์ Microsoft ระบุว่าการปรับราคานี้สะท้อนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่กว่า 1,100 รายการ ใน Microsoft 365 รวมถึง Copilot (AI Assistant) ที่มีค่าใช้จ่ายเสริม 30 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้/เดือน และระบบความปลอดภัยที่ผสานเข้ากับชุดโปรแกรม เพื่อรองรับการทำงานยุคดิจิทัลที่ซับซ้อนมากขึ้น. การปรับราคาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Microsoft เคยขึ้นราคาสำหรับลูกค้าองค์กรในปี 2022 และเพิ่งปรับราคาสำหรับผู้บริโภคเมื่อต้นปี 2025 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การสร้างรายได้จากการลงทุนด้าน AI และการรักษาความปลอดภัยข้อมูล. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Microsoft จะขึ้นราคา Microsoft 365 เริ่มกรกฎาคม 2026 ➡️ Business Basic ขึ้นเป็น 7 ดอลลาร์/เดือน (+16.7%) ➡️ Business Standard ขึ้นเป็น 14 ดอลลาร์/เดือน (+12%) ➡️ Enterprise E3 ขึ้นเป็น 39 ดอลลาร์/เดือน (+8.3%) ➡️ Enterprise E5 ขึ้นเป็น 60 ดอลลาร์/เดือน (+5.3%) ➡️ Frontline F1 และ F3 ขึ้นแรงสุด (33% และ 25%) ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ Microsoft 365 มีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ➡️ การแข่งขันกับ Google Workspace เป็นแรงผลักดันสำคัญ ➡️ ตลาดซอฟต์แวร์ productivity คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การขึ้นราคาจะกระทบธุรกิจขนาดเล็กและพนักงานด่านหน้ามากที่สุด ⛔ ลูกค้าอาจหันไปใช้คู่แข่ง เช่น Google Workspace ที่ราคาถูกกว่า ⛔ การเพิ่มค่าใช้จ่าย Copilot แยกต่างหากอาจสร้างแรงกดดันด้านงบประมาณ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/microsoft-to-lift-productivity-suite-prices-for-businesses-governments
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft to lift productivity suite prices for businesses, governments
    Dec 4 (Reuters) - Microsoft will increase prices for its Microsoft 365 productivity suites globally starting July 2026 for commercial and government clients, the company said on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • "UMC จับมือ Polar ขยายการผลิตชิป 8 นิ้วในสหรัฐฯ"

    UMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน รองจาก TSMC ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor เพื่อร่วมกันสำรวจการผลิตเวเฟอร์ 8 นิ้วในสหรัฐฯ โดยจะใช้โรงงานของ Polar ที่เพิ่งขยายในรัฐมินนิโซตาเป็นฐานการผลิต.

    ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการจากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, และการบิน–กลาโหม ซึ่งต้องการชิป 8 นิ้วที่มีความเสถียรและสามารถจัดหาจากหลายแหล่ง (multi-sourcing strategy).

    UMC จะนำเทคโนโลยีและฐานลูกค้าทั่วโลกมาผสานกับศักยภาพการผลิตในสหรัฐฯ ของ Polar เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน และลดการพึ่งพาการผลิตในเอเชียเพียงอย่างเดียว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตชิปภายในประเทศ.

    ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการ “Made in USA chips” และช่วยเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีในยุคที่การแข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์ทวีความเข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อ AI และยานยนต์ไฟฟ้ากำลังผลักดันความต้องการชิปเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    UMC ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor
    ใช้โรงงาน Polar ในรัฐมินนิโซตาที่เพิ่งขยายเป็นฐานผลิต
    รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, การบิน–กลาโหม
    สอดคล้องกับกลยุทธ์ multi-sourcing และนโยบาย Made in USA

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดชิป 8 นิ้วยังคงมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์และ IoT
    สหรัฐฯ ออกกฎหมาย CHIPS Act เพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ
    Polar Semiconductor เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต

    คำเตือนจากข่าว
    การขยายการผลิตในสหรัฐฯ อาจเจอความท้าทายด้านต้นทุนและแรงงาน
    ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานยังคงเปราะบาง
    การแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น TSMC และ Samsung อาจทำให้ตลาดกดดันด้านราคา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/taiwan039s-umc-in-pact-with-polar-to-explore-us-production-of-eight-inch-chip
    🔧 "UMC จับมือ Polar ขยายการผลิตชิป 8 นิ้วในสหรัฐฯ" UMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน รองจาก TSMC ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor เพื่อร่วมกันสำรวจการผลิตเวเฟอร์ 8 นิ้วในสหรัฐฯ โดยจะใช้โรงงานของ Polar ที่เพิ่งขยายในรัฐมินนิโซตาเป็นฐานการผลิต. ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการจากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, และการบิน–กลาโหม ซึ่งต้องการชิป 8 นิ้วที่มีความเสถียรและสามารถจัดหาจากหลายแหล่ง (multi-sourcing strategy). UMC จะนำเทคโนโลยีและฐานลูกค้าทั่วโลกมาผสานกับศักยภาพการผลิตในสหรัฐฯ ของ Polar เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน และลดการพึ่งพาการผลิตในเอเชียเพียงอย่างเดียว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตชิปภายในประเทศ. ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการ “Made in USA chips” และช่วยเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยีในยุคที่การแข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์ทวีความเข้มข้น โดยเฉพาะเมื่อ AI และยานยนต์ไฟฟ้ากำลังผลักดันความต้องการชิปเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ UMC ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Polar Semiconductor ➡️ ใช้โรงงาน Polar ในรัฐมินนิโซตาที่เพิ่งขยายเป็นฐานผลิต ➡️ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์, ศูนย์ข้อมูล, อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค, การบิน–กลาโหม ➡️ สอดคล้องกับกลยุทธ์ multi-sourcing และนโยบาย Made in USA ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดชิป 8 นิ้วยังคงมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์และ IoT ➡️ สหรัฐฯ ออกกฎหมาย CHIPS Act เพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ➡️ Polar Semiconductor เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การขยายการผลิตในสหรัฐฯ อาจเจอความท้าทายด้านต้นทุนและแรงงาน ⛔ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานยังคงเปราะบาง ⛔ การแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น TSMC และ Samsung อาจทำให้ตลาดกดดันด้านราคา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/taiwan039s-umc-in-pact-with-polar-to-explore-us-production-of-eight-inch-chip
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Taiwan's UMC in pact with Polar to explore US production of eight-inch chip
    TAIPEI, Dec 4 (Reuters) - Taiwan chip maker United Microelectronics Corp (UMC) said on Thursday it had signed a memorandum of understanding with U.S.-based Polar Semiconductor to explore collaboration on manufacturing of 8-inch wafers in the United States.
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • "Valve เปิดวิสัยทัศน์ – เกม PC สู่โลก Arm ผ่าน SteamOS"

    Valve กำลังพัฒนาโครงการที่ทำให้ เกม Windows บน PC สามารถรันได้บนอุปกรณ์ Arm โดยไม่ต้องรอให้ผู้พัฒนาเกมทำการพอร์ตเอง เทคโนโลยีนี้ใช้การผสมผสานระหว่าง Proton (ชั้นความเข้ากันได้ Windows-to-Linux) และ FEX Emulator (แปลงสถาปัตยกรรม x86 เป็น Arm) ซึ่งช่วยให้เกมที่สร้างขึ้นสำหรับ Windows สามารถทำงานบน Linux และ Arm ได้อย่างราบรื่น

    Pierre-Loup Griffais จาก Valve อธิบายว่าเป้าหมายคือการทำให้ SteamOS และ Steam Machine ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องคอนโซล แต่สามารถขยายไปสู่ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก Arm ได้ในอนาคต ตัวอย่างเช่น เกมดังอย่าง Hollow Knight: Silksong แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android แต่สามารถเล่นได้แล้วบนมือถือ Samsung Galaxy ผ่านเทคโนโลยีใหม่นี้

    Valve ยังเปิดตัวชื่ออย่างเป็นทางการของเลเยอร์ความเข้ากันได้สำหรับ Android คือ Lepton พร้อมโลโก้รูปกบ ซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่จะสร้าง ecosystem ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และนักพัฒนา โดย Lepton จะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเกม PC ให้เข้าถึงผู้ใช้มือถือหลายพันล้านคนทั่วโลก

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ Valve ยืนยันว่าจะไม่ อุดหนุนราคาของ Steam Machine เพื่อแข่งขันกับคอนโซลรายใหญ่ เน้นการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากกว่า ซึ่งอาจเป็นการวางรากฐานให้เกม PC กลายเป็น “แพลตฟอร์มไร้พรมแดน” ที่สามารถเล่นได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Valve ใช้ Proton + FEX Emulator เพื่อรันเกม Windows บน Arm
    เกม Hollow Knight: Silksong เล่นได้บนมือถือ Samsung Galaxy แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android
    เปิดตัว Lepton เป็น compatibility layer สำหรับ Android พร้อมโลโก้กบ
    Valve จะไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดสมาร์ทโฟน Arm มีผู้ใช้งานมากกว่า 6 พันล้านเครื่องทั่วโลก
    การเล่นเกม PC บนมือถืออาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เล่นและตลาดเกมพกพา
    นักพัฒนาหลายรายเริ่มสนใจการใช้ Proton และ Emulator เพื่อขยายฐานผู้เล่น

    คำเตือนจากข่าว
    การรันเกม PC บนมือถืออาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและแบตเตอรี่
    หากไม่มีการสนับสนุนจากนักพัฒนา อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้ในบางเกม
    การไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine อาจทำให้แข่งขันกับคอนโซลยากขึ้น

    https://www.theverge.com/report/820656/valve-interview-arm-gaming-steamos-pierre-loup-griffais
    🎮 "Valve เปิดวิสัยทัศน์ – เกม PC สู่โลก Arm ผ่าน SteamOS" Valve กำลังพัฒนาโครงการที่ทำให้ เกม Windows บน PC สามารถรันได้บนอุปกรณ์ Arm โดยไม่ต้องรอให้ผู้พัฒนาเกมทำการพอร์ตเอง เทคโนโลยีนี้ใช้การผสมผสานระหว่าง Proton (ชั้นความเข้ากันได้ Windows-to-Linux) และ FEX Emulator (แปลงสถาปัตยกรรม x86 เป็น Arm) ซึ่งช่วยให้เกมที่สร้างขึ้นสำหรับ Windows สามารถทำงานบน Linux และ Arm ได้อย่างราบรื่น Pierre-Loup Griffais จาก Valve อธิบายว่าเป้าหมายคือการทำให้ SteamOS และ Steam Machine ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องคอนโซล แต่สามารถขยายไปสู่ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก Arm ได้ในอนาคต ตัวอย่างเช่น เกมดังอย่าง Hollow Knight: Silksong แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android แต่สามารถเล่นได้แล้วบนมือถือ Samsung Galaxy ผ่านเทคโนโลยีใหม่นี้ Valve ยังเปิดตัวชื่ออย่างเป็นทางการของเลเยอร์ความเข้ากันได้สำหรับ Android คือ Lepton พร้อมโลโก้รูปกบ ซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่จะสร้าง ecosystem ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และนักพัฒนา โดย Lepton จะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเกม PC ให้เข้าถึงผู้ใช้มือถือหลายพันล้านคนทั่วโลก แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ Valve ยืนยันว่าจะไม่ อุดหนุนราคาของ Steam Machine เพื่อแข่งขันกับคอนโซลรายใหญ่ เน้นการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากกว่า ซึ่งอาจเป็นการวางรากฐานให้เกม PC กลายเป็น “แพลตฟอร์มไร้พรมแดน” ที่สามารถเล่นได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Valve ใช้ Proton + FEX Emulator เพื่อรันเกม Windows บน Arm ➡️ เกม Hollow Knight: Silksong เล่นได้บนมือถือ Samsung Galaxy แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android ➡️ เปิดตัว Lepton เป็น compatibility layer สำหรับ Android พร้อมโลโก้กบ ➡️ Valve จะไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดสมาร์ทโฟน Arm มีผู้ใช้งานมากกว่า 6 พันล้านเครื่องทั่วโลก ➡️ การเล่นเกม PC บนมือถืออาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เล่นและตลาดเกมพกพา ➡️ นักพัฒนาหลายรายเริ่มสนใจการใช้ Proton และ Emulator เพื่อขยายฐานผู้เล่น ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การรันเกม PC บนมือถืออาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและแบตเตอรี่ ⛔ หากไม่มีการสนับสนุนจากนักพัฒนา อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้ในบางเกม ⛔ การไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine อาจทำให้แข่งขันกับคอนโซลยากขึ้น https://www.theverge.com/report/820656/valve-interview-arm-gaming-steamos-pierre-loup-griffais
    WWW.THEVERGE.COM
    Steam Machine today, Steam Phones tomorrow
    The Steam Frame is a Trojan horse carrying Arm’s gaming future.
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • "แนวโน้มราคาหน่วยความจำ DDR4 และ DDR5 – สัญญาณตลาดฮาร์ดแวร์ปี 2025"

    เว็บไซต์ PCPartPicker ได้รวบรวมข้อมูลราคา RAM รุ่นต่าง ๆ เช่น DDR4-3200, DDR4-3600, DDR5-4800, DDR5-6000 ทั้งแบบ 2x8GB, 2x16GB และ 2x32GB โดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 18 เดือน กราฟแสดงเส้นสีดำหนาเป็นค่าเฉลี่ยราคา และแถบสีเทาเป็นช่วงราคาต่ำสุด–สูงสุด ขณะที่จุดสีฟ้าอ่อนคือราคาจริงของสินค้าแต่ละตัว

    ข้อมูลเผยให้เห็นว่า DDR4 มีราคาค่อนข้างคงที่ โดยเฉพาะรุ่น 2x8GB และ 2x16GB ที่ราคาลดลงเล็กน้อยตามรอบการผลิตและโปรโมชั่น ส่วน DDR5 มีความผันผวนสูงกว่า โดยเฉพาะรุ่นความเร็วสูงอย่าง DDR5-6000 ที่ราคามีการแกว่งตัวตามความต้องการของตลาดและการเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ที่รองรับ

    การลดลงของราคาต่ำสุดในบางช่วงสะท้อนถึง โปรโมชั่นและดีลพิเศษ เช่น การลดราคาช่วงเทศกาล หรือความผิดพลาดด้านการตั้งราคาของร้านค้า ซึ่งทำให้ผู้บริโภคที่ติดตามแนวโน้มราคาอย่างใกล้ชิดสามารถซื้อได้ในราคาที่คุ้มค่า

    โดยรวมแล้ว แนวโน้มราคาชี้ว่า DDR4 กำลังเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว และอาจไม่ลดลงมากนักอีกต่อไป ขณะที่ DDR5 กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ แต่ราคายังสูงและผันผวน การเลือกซื้อจึงขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานและงบประมาณของผู้ใช้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    กราฟแสดงค่าเฉลี่ยราคาด้วยเส้นดำหนา และช่วงราคาด้วยแถบสีเทา
    DDR4 ราคาค่อนข้างคงที่ โดยเฉพาะรุ่น 2x8GB และ 2x16GBpcpartpicker.com
    DDR5 ราคาผันผวน โดยเฉพาะรุ่น DDR5-6000
    ราคาต่ำสุดบางช่วงเกิดจากโปรโมชั่นหรือการตั้งราคาผิดพลาดpcpartpicker.com

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาด RAM ทั่วโลกคาดว่า DDR5 จะครองสัดส่วนมากกว่า 60% ภายในปี 2026
    การเปิดตัวซีพียู Intel และ AMD รุ่นใหม่ที่รองรับ DDR5 ช่วยผลักดันความต้องการ
    ผู้ผลิต RAM รายใหญ่ เช่น Micron และ Samsung กำลังเพิ่มกำลังการผลิต DDR5

    คำเตือนจากข่าว
    ราคาที่ลดลงอย่างมากอาจเกิดจากดีลชั่วคราว ไม่ใช่แนวโน้มระยะยาว
    การซื้อ DDR5 รุ่นความเร็วสูงเกินความจำเป็นอาจไม่คุ้มค่า หากระบบไม่รองรับเต็มที่
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของเมนบอร์ดและซีพียูก่อนซื้อ RAM รุ่นใหม่

    https://pcpartpicker.com/trends/price/memory/
    💻 "แนวโน้มราคาหน่วยความจำ DDR4 และ DDR5 – สัญญาณตลาดฮาร์ดแวร์ปี 2025" เว็บไซต์ PCPartPicker ได้รวบรวมข้อมูลราคา RAM รุ่นต่าง ๆ เช่น DDR4-3200, DDR4-3600, DDR5-4800, DDR5-6000 ทั้งแบบ 2x8GB, 2x16GB และ 2x32GB โดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 18 เดือน กราฟแสดงเส้นสีดำหนาเป็นค่าเฉลี่ยราคา และแถบสีเทาเป็นช่วงราคาต่ำสุด–สูงสุด ขณะที่จุดสีฟ้าอ่อนคือราคาจริงของสินค้าแต่ละตัว ข้อมูลเผยให้เห็นว่า DDR4 มีราคาค่อนข้างคงที่ โดยเฉพาะรุ่น 2x8GB และ 2x16GB ที่ราคาลดลงเล็กน้อยตามรอบการผลิตและโปรโมชั่น ส่วน DDR5 มีความผันผวนสูงกว่า โดยเฉพาะรุ่นความเร็วสูงอย่าง DDR5-6000 ที่ราคามีการแกว่งตัวตามความต้องการของตลาดและการเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ที่รองรับ การลดลงของราคาต่ำสุดในบางช่วงสะท้อนถึง โปรโมชั่นและดีลพิเศษ เช่น การลดราคาช่วงเทศกาล หรือความผิดพลาดด้านการตั้งราคาของร้านค้า ซึ่งทำให้ผู้บริโภคที่ติดตามแนวโน้มราคาอย่างใกล้ชิดสามารถซื้อได้ในราคาที่คุ้มค่า โดยรวมแล้ว แนวโน้มราคาชี้ว่า DDR4 กำลังเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว และอาจไม่ลดลงมากนักอีกต่อไป ขณะที่ DDR5 กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ แต่ราคายังสูงและผันผวน การเลือกซื้อจึงขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานและงบประมาณของผู้ใช้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ กราฟแสดงค่าเฉลี่ยราคาด้วยเส้นดำหนา และช่วงราคาด้วยแถบสีเทา ➡️ DDR4 ราคาค่อนข้างคงที่ โดยเฉพาะรุ่น 2x8GB และ 2x16GBpcpartpicker.com ➡️ DDR5 ราคาผันผวน โดยเฉพาะรุ่น DDR5-6000 ➡️ ราคาต่ำสุดบางช่วงเกิดจากโปรโมชั่นหรือการตั้งราคาผิดพลาดpcpartpicker.com ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาด RAM ทั่วโลกคาดว่า DDR5 จะครองสัดส่วนมากกว่า 60% ภายในปี 2026 ➡️ การเปิดตัวซีพียู Intel และ AMD รุ่นใหม่ที่รองรับ DDR5 ช่วยผลักดันความต้องการ ➡️ ผู้ผลิต RAM รายใหญ่ เช่น Micron และ Samsung กำลังเพิ่มกำลังการผลิต DDR5 ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ราคาที่ลดลงอย่างมากอาจเกิดจากดีลชั่วคราว ไม่ใช่แนวโน้มระยะยาว ⛔ การซื้อ DDR5 รุ่นความเร็วสูงเกินความจำเป็นอาจไม่คุ้มค่า หากระบบไม่รองรับเต็มที่ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของเมนบอร์ดและซีพียูก่อนซื้อ RAM รุ่นใหม่ https://pcpartpicker.com/trends/price/memory/
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม"

    ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง

    แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง

    โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากงานวิจัย
    AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ
    ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้
    โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว
    เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber
    การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป
    มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย

    คำเตือนจากงานวิจัย
    การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ
    การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร
    ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

    https://arxiv.org/abs/2512.04047
    🧠 "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม" ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากงานวิจัย ➡️ AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ ➡️ ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้ ➡️ โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว ➡️ เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber ➡️ การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป ➡️ มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย ‼️ คำเตือนจากงานวิจัย ⛔ การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ ⛔ การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร ⛔ ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย https://arxiv.org/abs/2512.04047
    ARXIV.ORG
    Polarization by Design: How Elites Could Shape Mass Preferences as AI Reduces Persuasion Costs
    In democracies, major policy decisions typically require some form of majority or consensus, so elites must secure mass support to govern. Historically, elites could shape support only through limited instruments like schooling and mass media; advances in AI-driven persuasion sharply reduce the cost and increase the precision of shaping public opinion, making the distribution of preferences itself an object of deliberate design. We develop a dynamic model in which elites choose how much to reshape the distribution of policy preferences, subject to persuasion costs and a majority rule constraint. With a single elite, any optimal intervention tends to push society toward more polarized opinion profiles - a ``polarization pull'' - and improvements in persuasion technology accelerate this drift. When two opposed elites alternate in power, the same technology also creates incentives to park society in ``semi-lock'' regions where opinions are more cohesive and harder for a rival to overturn, so advances in persuasion can either heighten or dampen polarization depending on the environment. Taken together, cheaper persuasion technologies recast polarization as a strategic instrument of governance rather than a purely emergent social byproduct, with important implications for democratic stability as AI capabilities advance.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • "ชุมชนโปรแกรมเมอร์เรียกร้อง Oracle ปล่อยสิทธิ์เครื่องหมายการค้า JavaScript"

    จดหมายเปิดผนึกนี้ถูกลงนามโดยบุคคลสำคัญในวงการ เช่น Brendan Eich (ผู้สร้าง JavaScript) และ Ryan Dahl (ผู้สร้าง Node.js) พร้อมด้วยนักพัฒนาอีกหลายหมื่นคน พวกเขาเรียกร้องให้ Oracle ยุติการถือครองเครื่องหมายการค้า “JavaScript” ซึ่งปัจจุบันถูกมองว่าเป็นการละเลยและไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริงในโลกของนักพัฒนา

    ตามกฎหมายเครื่องหมายการค้าในสหรัฐฯ หากเครื่องหมายไม่ได้ถูกใช้อย่างต่อเนื่อง หรือกลายเป็นคำทั่วไปในสังคม จะถือว่า “ถูกละทิ้ง” ซึ่งในกรณีของ JavaScript ทั้งสองเงื่อนไขนี้เกิดขึ้นจริง เนื่องจาก Oracle ไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชื่อ JavaScript โดยตรง และคำว่า “JavaScript” ก็ถูกใช้ทั่วไปโดยนักพัฒนาและองค์กรทั่วโลก

    การถือครองเครื่องหมายการค้านี้สร้างความสับสนอย่างมาก เช่น การจัดงานประชุมหรือการเผยแพร่มาตรฐานต้องหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อ “JavaScript” โดยตรง และหันไปใช้คำว่า ECMAScript แทน ซึ่งแม้จะเป็นชื่อทางการ แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักพัฒนา ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างการใช้งานจริงกับข้อกฎหมาย

    ชุมชนโปรแกรมเมอร์จึงเสนอให้ Oracle ปล่อยสิทธิ์นี้สู่สาธารณะ เพื่อให้ JavaScript กลายเป็นคำที่ทุกคนสามารถใช้ได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อกฎหมาย พร้อมทั้งเตือนว่าหาก Oracle ไม่ดำเนินการ อาจมีการยื่นคำร้องต่อ USPTO (สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐฯ) เพื่อยกเลิกสิทธิ์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Oracle ถือครองเครื่องหมายการค้า “JavaScript” มาตั้งแต่การซื้อกิจการ Sun Microsystems ในปี 2009
    Brendan Eich และ Ryan Dahl พร้อมนักพัฒนาหลายหมื่นคนร่วมลงนามเรียกร้องให้ปล่อยสิทธิ์
    การใช้ชื่อ “JavaScript” ในงานประชุมหรือมาตรฐานต้องเลี่ยงไปใช้ “ECMAScript”

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    JavaScript เป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในโลก มีผู้พัฒนาหลายล้านคน
    มาตรฐาน ECMAScript ถูกกำหนดโดยคณะกรรมการ TC39 ซึ่งมีตัวแทนจาก Google, Apple, Mozilla และอื่น ๆ
    การใช้ชื่อ ECMAScript ถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และไม่สะท้อนความนิยมจริง

    คำเตือนจากข่าว
    การถือครองเครื่องหมายการค้าโดยไม่ใช้งานจริง อาจถูกตีความว่า “ละทิ้งสิทธิ์”
    หาก Oracle ไม่ปล่อยสิทธิ์ อาจถูกยื่นคำร้องต่อ USPTO เพื่อยกเลิกเครื่องหมายการค้า
    ความสับสนในชุมชนอาจทำให้การพัฒนาและการจัดงานเกี่ยวกับ JavaScript ถูกจำกัดทางกฎหมาย

    https://javascript.tm/letter
    ⚖️ "ชุมชนโปรแกรมเมอร์เรียกร้อง Oracle ปล่อยสิทธิ์เครื่องหมายการค้า JavaScript" จดหมายเปิดผนึกนี้ถูกลงนามโดยบุคคลสำคัญในวงการ เช่น Brendan Eich (ผู้สร้าง JavaScript) และ Ryan Dahl (ผู้สร้าง Node.js) พร้อมด้วยนักพัฒนาอีกหลายหมื่นคน พวกเขาเรียกร้องให้ Oracle ยุติการถือครองเครื่องหมายการค้า “JavaScript” ซึ่งปัจจุบันถูกมองว่าเป็นการละเลยและไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริงในโลกของนักพัฒนา ตามกฎหมายเครื่องหมายการค้าในสหรัฐฯ หากเครื่องหมายไม่ได้ถูกใช้อย่างต่อเนื่อง หรือกลายเป็นคำทั่วไปในสังคม จะถือว่า “ถูกละทิ้ง” ซึ่งในกรณีของ JavaScript ทั้งสองเงื่อนไขนี้เกิดขึ้นจริง เนื่องจาก Oracle ไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชื่อ JavaScript โดยตรง และคำว่า “JavaScript” ก็ถูกใช้ทั่วไปโดยนักพัฒนาและองค์กรทั่วโลก การถือครองเครื่องหมายการค้านี้สร้างความสับสนอย่างมาก เช่น การจัดงานประชุมหรือการเผยแพร่มาตรฐานต้องหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อ “JavaScript” โดยตรง และหันไปใช้คำว่า ECMAScript แทน ซึ่งแม้จะเป็นชื่อทางการ แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักพัฒนา ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างการใช้งานจริงกับข้อกฎหมาย ชุมชนโปรแกรมเมอร์จึงเสนอให้ Oracle ปล่อยสิทธิ์นี้สู่สาธารณะ เพื่อให้ JavaScript กลายเป็นคำที่ทุกคนสามารถใช้ได้อย่างเสรี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อกฎหมาย พร้อมทั้งเตือนว่าหาก Oracle ไม่ดำเนินการ อาจมีการยื่นคำร้องต่อ USPTO (สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐฯ) เพื่อยกเลิกสิทธิ์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Oracle ถือครองเครื่องหมายการค้า “JavaScript” มาตั้งแต่การซื้อกิจการ Sun Microsystems ในปี 2009 ➡️ Brendan Eich และ Ryan Dahl พร้อมนักพัฒนาหลายหมื่นคนร่วมลงนามเรียกร้องให้ปล่อยสิทธิ์ ➡️ การใช้ชื่อ “JavaScript” ในงานประชุมหรือมาตรฐานต้องเลี่ยงไปใช้ “ECMAScript” ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ JavaScript เป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในโลก มีผู้พัฒนาหลายล้านคน ➡️ มาตรฐาน ECMAScript ถูกกำหนดโดยคณะกรรมการ TC39 ซึ่งมีตัวแทนจาก Google, Apple, Mozilla และอื่น ๆ ➡️ การใช้ชื่อ ECMAScript ถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และไม่สะท้อนความนิยมจริง ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การถือครองเครื่องหมายการค้าโดยไม่ใช้งานจริง อาจถูกตีความว่า “ละทิ้งสิทธิ์” ⛔ หาก Oracle ไม่ปล่อยสิทธิ์ อาจถูกยื่นคำร้องต่อ USPTO เพื่อยกเลิกเครื่องหมายการค้า ⛔ ความสับสนในชุมชนอาจทำให้การพัฒนาและการจัดงานเกี่ยวกับ JavaScript ถูกจำกัดทางกฎหมาย https://javascript.tm/letter
    JAVASCRIPT.TM
    JavaScript™
    We need your help to continue our fight over Oracle's claim to the JavaScript trademark. Here's where we are now and what you can do to help.
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • "นักศึกษา Stanford 38% อ้างสิทธิ์ความพิการ – สัญญาณสะท้อนสังคมการศึกษาและโลกออนไลน์"

    ที่มหาวิทยาลัย Stanford มีนักศึกษากว่า 38% ระบุว่าตนเองเป็นผู้พิการ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะทางจิตใจ เช่น ความวิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า และสมาธิสั้น (ADHD) ตัวเลขนี้สูงกว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard ที่อยู่ราว 20% และ Amherst ที่ 34% สร้างคำถามว่าเหตุใดสถาบันการศึกษาชั้นนำจึงมีอัตราสูงเช่นนี้

    นักวิชาการบางส่วนมองว่า การขอสิทธิ์ปรับตัวทางการศึกษา เช่น เวลาเพิ่มในการสอบ หรือเลี่ยงการนำเสนอหน้าชั้นเรียน กลายเป็นช่องทางที่นักศึกษาบางคนใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว มากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีความพิการจริง ๆ ขณะเดียวกัน กฎหมาย ADA ของสหรัฐฯ เปิดโอกาสให้การขอสิทธิ์ทำได้ง่ายเพียงมีใบรับรองแพทย์

    สิ่งที่ผลักดันกระแสนี้คือ โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่มีคอนเทนต์ตีความพฤติกรรมทั่วไป เช่น ชอบใส่หูฟัง หรือชอบวาดเล่นในชั้นเรียน ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรค ADHD หรือภาวะอื่น ๆ ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง “ปกติ” และ “ผิดปกติ” ถูกเบลอ จนนักศึกษาหลายคนเชื่อว่าตนเองต้องการการวินิจฉัย

    งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า อัตราการวินิจฉัย ADHD และความวิตกกังวลในนักศึกษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีทั้งผลดีและผลเสีย ด้านหนึ่งคือการตระหนักรู้และการเข้าถึงการสนับสนุนที่มากขึ้น แต่อีกด้านคือความเสี่ยงที่นักศึกษาจะพึ่งพาสิทธิ์พิเศษจนขาดการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อชีวิตจริง เช่น การบริหารเวลาและการรับมือกับความกดดัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    นักศึกษา Stanford 38% ระบุว่าตนเองมีความพิการ
    ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตใจ เช่น ADHD, ซึมเศร้า, วิตกกังวล
    มหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard มีตัวเลขราว 20%
    กฎหมาย ADA ทำให้การขอสิทธิ์ปรับตัวทำได้ง่าย

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    งานวิจัยพบว่าอัตราการวินิจฉัย ADHD ในวัยมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
    นักศึกษาที่มี ADHD มักมี GPA ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีอัตราการลาออกสูงกว่า
    การใช้โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้และการตีความภาวะต่าง ๆ

    คำเตือนจากข่าว
    การใช้สิทธิ์ปรับตัวโดยไม่จำเป็นอาจเป็นการ “โกง” ทั้งเพื่อนและตัวเอง
    การพึ่งพาสิทธิ์พิเศษมากเกินไปอาจทำให้นักศึกษาขาดทักษะชีวิตจริง
    การตีความภาวะผิดปกติอย่างกว้างเกินไปอาจทำให้ “ความปกติ” ถูกมองว่าไม่มีอยู่จริง

    https://reason.com/2025/12/04/why-are-38-percent-of-stanford-students-saying-theyre-disabled/
    📰 "นักศึกษา Stanford 38% อ้างสิทธิ์ความพิการ – สัญญาณสะท้อนสังคมการศึกษาและโลกออนไลน์" ที่มหาวิทยาลัย Stanford มีนักศึกษากว่า 38% ระบุว่าตนเองเป็นผู้พิการ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะทางจิตใจ เช่น ความวิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า และสมาธิสั้น (ADHD) ตัวเลขนี้สูงกว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard ที่อยู่ราว 20% และ Amherst ที่ 34% สร้างคำถามว่าเหตุใดสถาบันการศึกษาชั้นนำจึงมีอัตราสูงเช่นนี้ นักวิชาการบางส่วนมองว่า การขอสิทธิ์ปรับตัวทางการศึกษา เช่น เวลาเพิ่มในการสอบ หรือเลี่ยงการนำเสนอหน้าชั้นเรียน กลายเป็นช่องทางที่นักศึกษาบางคนใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว มากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีความพิการจริง ๆ ขณะเดียวกัน กฎหมาย ADA ของสหรัฐฯ เปิดโอกาสให้การขอสิทธิ์ทำได้ง่ายเพียงมีใบรับรองแพทย์ สิ่งที่ผลักดันกระแสนี้คือ โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ที่มีคอนเทนต์ตีความพฤติกรรมทั่วไป เช่น ชอบใส่หูฟัง หรือชอบวาดเล่นในชั้นเรียน ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรค ADHD หรือภาวะอื่น ๆ ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง “ปกติ” และ “ผิดปกติ” ถูกเบลอ จนนักศึกษาหลายคนเชื่อว่าตนเองต้องการการวินิจฉัย งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า อัตราการวินิจฉัย ADHD และความวิตกกังวลในนักศึกษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีทั้งผลดีและผลเสีย ด้านหนึ่งคือการตระหนักรู้และการเข้าถึงการสนับสนุนที่มากขึ้น แต่อีกด้านคือความเสี่ยงที่นักศึกษาจะพึ่งพาสิทธิ์พิเศษจนขาดการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อชีวิตจริง เช่น การบริหารเวลาและการรับมือกับความกดดัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ นักศึกษา Stanford 38% ระบุว่าตนเองมีความพิการ ➡️ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตใจ เช่น ADHD, ซึมเศร้า, วิตกกังวล ➡️ มหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น Brown และ Harvard มีตัวเลขราว 20% ➡️ กฎหมาย ADA ทำให้การขอสิทธิ์ปรับตัวทำได้ง่าย ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ งานวิจัยพบว่าอัตราการวินิจฉัย ADHD ในวัยมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ➡️ นักศึกษาที่มี ADHD มักมี GPA ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีอัตราการลาออกสูงกว่า ➡️ การใช้โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้และการตีความภาวะต่าง ๆ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การใช้สิทธิ์ปรับตัวโดยไม่จำเป็นอาจเป็นการ “โกง” ทั้งเพื่อนและตัวเอง ⛔ การพึ่งพาสิทธิ์พิเศษมากเกินไปอาจทำให้นักศึกษาขาดทักษะชีวิตจริง ⛔ การตีความภาวะผิดปกติอย่างกว้างเกินไปอาจทำให้ “ความปกติ” ถูกมองว่าไม่มีอยู่จริง https://reason.com/2025/12/04/why-are-38-percent-of-stanford-students-saying-theyre-disabled/
    REASON.COM
    Why are 38 percent of Stanford students saying they're disabled?
    If you get into an elite college, you probably don't have a learning disability.
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • “โค้ช vs เมนเทอร์ สำหรับผู้นำไซเบอร์”

    Renee Guttmann อดีต CISO ของ Fortune 50 บริษัทใหญ่ เช่น Time Warner และ Coca-Cola เล่าว่าในช่วงต้นอาชีพเธอไม่มีเมนเทอร์คอยแนะนำ ทำให้ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อได้เป็นผู้บริหาร เธอพบว่าการมีโค้ชช่วยเสริมทักษะ เช่น การสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูง และ การสร้างความมั่นใจในการนำเสนอข่าวร้าย เป็นสิ่งสำคัญมาก

    “บทบาทของเมนเทอร์”
    เมนเทอร์มักเป็นความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เน้นการแชร์ประสบการณ์จริง เช่น การจัดการพนักงานที่ทำงานสองที่โดยไม่บอก หรือการสร้างภาพลักษณ์ที่เหมาะสมต่อผู้บริหาร เมนเทอร์ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นหรือกลางอาชีพเข้าใจวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในองค์กร และช่วยให้พัฒนาทักษะการบริหารทีมได้เร็วขึ้น

    “บทบาทของโค้ช”
    โค้ชมักเข้ามาเสริมทักษะเฉพาะ เช่น การพูดในที่สาธารณะ การจัดการความเครียด หรือการสร้างความมั่นใจ โค้ชอาจใช้วิธี role-playing หรือแม้แต่แนะนำให้เรียนการแสดงเพื่อฝึกการสื่อสารที่มีพลัง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้นำไซเบอร์สามารถสื่อสารกับบอร์ดและผู้บริหารระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    “การหาคู่โค้ชและเมนเทอร์”
    ผู้ที่สนใจสามารถหาคู่โค้ชหรือเมนเทอร์ได้จาก งาน networking, LinkedIn, โปรแกรมฝึกอบรมขององค์กรใหญ่ เช่น Deloitte หรือ IANS รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน เช่น Healthcare หรือ Energy การมีทั้งโค้ชและเมนเทอร์ในช่วงต่าง ๆ ของอาชีพจะช่วยให้ผู้นำไซเบอร์พัฒนาได้ครบทุกมิติ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เมนเทอร์ (Mentor)
    เน้นแชร์ประสบการณ์จริงและการแก้ปัญหาในองค์กร
    เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือกลางอาชีพ

    โค้ช (Coach)
    เน้นเสริมทักษะเฉพาะ เช่น การสื่อสารและความมั่นใจ
    เหมาะกับผู้บริหารหรือผู้ที่ต้องการพัฒนาภาพลักษณ์

    การหาคู่โค้ชและเมนเทอร์
    ใช้ networking, LinkedIn, หรือโปรแกรมฝึกอบรมจากองค์กรใหญ่
    อุตสาหกรรมเฉพาะด้านก็มีโปรแกรมสนับสนุน

    คำเตือนสำหรับผู้นำไซเบอร์
    อย่ามองว่าการขอความช่วยเหลือเป็นความอ่อนแอ
    หากไม่มีเมนเทอร์หรือโค้ช อาจพลาดโอกาสพัฒนาทักษะสำคัญ
    การพึ่งพาแต่ประสบการณ์ตัวเองอาจทำให้เติบโตช้ากว่าที่ควร

    https://www.csoonline.com/article/4099036/coach-or-mentor-what-you-need-depends-on-where-you-are-as-a-cyber-leader.html
    👩‍💼 “โค้ช vs เมนเทอร์ สำหรับผู้นำไซเบอร์” Renee Guttmann อดีต CISO ของ Fortune 50 บริษัทใหญ่ เช่น Time Warner และ Coca-Cola เล่าว่าในช่วงต้นอาชีพเธอไม่มีเมนเทอร์คอยแนะนำ ทำให้ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อได้เป็นผู้บริหาร เธอพบว่าการมีโค้ชช่วยเสริมทักษะ เช่น การสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูง และ การสร้างความมั่นใจในการนำเสนอข่าวร้าย เป็นสิ่งสำคัญมาก 📚 “บทบาทของเมนเทอร์” เมนเทอร์มักเป็นความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เน้นการแชร์ประสบการณ์จริง เช่น การจัดการพนักงานที่ทำงานสองที่โดยไม่บอก หรือการสร้างภาพลักษณ์ที่เหมาะสมต่อผู้บริหาร เมนเทอร์ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นหรือกลางอาชีพเข้าใจวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในองค์กร และช่วยให้พัฒนาทักษะการบริหารทีมได้เร็วขึ้น 🎭 “บทบาทของโค้ช” โค้ชมักเข้ามาเสริมทักษะเฉพาะ เช่น การพูดในที่สาธารณะ การจัดการความเครียด หรือการสร้างความมั่นใจ โค้ชอาจใช้วิธี role-playing หรือแม้แต่แนะนำให้เรียนการแสดงเพื่อฝึกการสื่อสารที่มีพลัง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้นำไซเบอร์สามารถสื่อสารกับบอร์ดและผู้บริหารระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🌐 “การหาคู่โค้ชและเมนเทอร์” ผู้ที่สนใจสามารถหาคู่โค้ชหรือเมนเทอร์ได้จาก งาน networking, LinkedIn, โปรแกรมฝึกอบรมขององค์กรใหญ่ เช่น Deloitte หรือ IANS รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน เช่น Healthcare หรือ Energy การมีทั้งโค้ชและเมนเทอร์ในช่วงต่าง ๆ ของอาชีพจะช่วยให้ผู้นำไซเบอร์พัฒนาได้ครบทุกมิติ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เมนเทอร์ (Mentor) ➡️ เน้นแชร์ประสบการณ์จริงและการแก้ปัญหาในองค์กร ➡️ เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือกลางอาชีพ ✅ โค้ช (Coach) ➡️ เน้นเสริมทักษะเฉพาะ เช่น การสื่อสารและความมั่นใจ ➡️ เหมาะกับผู้บริหารหรือผู้ที่ต้องการพัฒนาภาพลักษณ์ ✅ การหาคู่โค้ชและเมนเทอร์ ➡️ ใช้ networking, LinkedIn, หรือโปรแกรมฝึกอบรมจากองค์กรใหญ่ ➡️ อุตสาหกรรมเฉพาะด้านก็มีโปรแกรมสนับสนุน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้นำไซเบอร์ ⛔ อย่ามองว่าการขอความช่วยเหลือเป็นความอ่อนแอ ⛔ หากไม่มีเมนเทอร์หรือโค้ช อาจพลาดโอกาสพัฒนาทักษะสำคัญ ⛔ การพึ่งพาแต่ประสบการณ์ตัวเองอาจทำให้เติบโตช้ากว่าที่ควร https://www.csoonline.com/article/4099036/coach-or-mentor-what-you-need-depends-on-where-you-are-as-a-cyber-leader.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Coach or mentor: What you need depends on where you are as a cyber leader
    What a cybersecurity leader or aspiring one may need can vary depending on their experience, their focus whether technical or business and other factors.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
More Results