• ระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่าการที่นาโต้จะยกระดับความรุนแรงขึ้นนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย - ผู้เชี่ยวชาญ

    "วลาดิมีร์ ปูติน ส่งสารอันทรงพลังไปยังตะวันตกว่าพวกเขาควรแก้ไขการตัดสินใจยกระดับความขัดแย้ง," ดมิทรี ซุสลอฟ, รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษายุโรปและระหว่างประเทศของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงของรัสเซีย, ซึ่งมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำแก่ผู้นำในการแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียและการนำหลักคำสอนใหม่มาใช้, กล่าวกับสปุตนิก

    เมื่อวันพฤหัสบดี, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ซึ่งถูกยิงเมื่อคืนวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เพื่อตอบโต้การใช้ระบบ ATACMS และ Storm Shadows ระยะไกลของนาโต้โจมตีภูมิภาค Bryansk และ Kursk ของรัสเซีย ผลจากการโจมตี, ทำให้ Yuzhmash (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pivdenmash), ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธของยูเครนถูกโจมตีที่เมือง Dnepropetrovsk ได้สำเร็จ

    ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งนี้, ปูตินได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า หากประเทศสมาชิก NATO ยังคงใช้ขีปนาวุธ ATACMS และ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย, "รัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางโจมตีประเทศเหล่านั้น, โจมตีวัตถุทางทหารของประเทศตะวันตกเหล่านี้," ซุสลอฟ กล่าวต่อ

    ยิ่งไปกว่านั้น, ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่า, รัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น "หากตะวันตกตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซียด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น, รัสเซียก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น, และการนำหลักคำสอนนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุดของรัสเซียมาใช้ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ชั่วร้ายในระดับหนึ่งแล้ว," เขากล่าวเน้นย้ำ

    ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ, ยูริ คนูตอฟ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและนักประวัติศาสตร์ของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ กล่าวกับสปุตนิก

    "ความเร็วของขีปนาวุธรุ่นนี้, ตามที่ประธานาธิบดีกล่าวไว้, คือ ๑๐ มัค ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในโลกที่มีขีปนาวุธแบบนี้," เขากล่าว

    ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ขณะนี้ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในโลกต่างไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียได้

    "เราได้สาธิตขีปนาวุธที่สามารถโจมตีไม่เพียงแต่เมืองยูซมาชเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงลอนดอนและปารีสด้วย หากฝรั่งเศสและบริเตนใหญ่ยังคงเดินหน้ายกระดับการโจมตีรัสเซีย, และยังคงแทรกแซงโดยตรงต่อฝ่ายยูเครน," คนูตอฟ กล่าวสรุป
    .
    RUSSIA'S HYPERSONIC ORESHNIK MISSILE SYSTEM SHOWS NATO ESCALATION WILL COME AT PRICE - EXPERTS

    "Vladimir Putin delivered a very powerful message to the West that they should revise the decision to escalate the conflict," Dmitry Suslov, deputy director of the Center for European and International Studies at Russia’s Higher School of Economics, who participated in advising the leadership on amendment of the Russian nuclear doctrine and adoption of the new one, tells Sputnik.

    On Thursday, Russian President Vladimir Putin unveiled the Oreshnik medium-range hypersonic ballistic missile that was fired on the night of November 21 in response to Ukraine's use of NATO's long-range ATACMS and Storm Shadows against Russia's Bryansk and Kursk regions. As a result of the strike, Yuzhmash (also known as Pivdenmash), a Ukrainian arms manufacturer was successfully hit in Dnepropetrovsk.

    With this move, Putin made it clear that if NATO countries continue to use their ATACMS and Storm Shadow missiles against Russia, "then Russia might use its medium range missiles against those countries, against the military objects of these Western countries," Suslov continued.

    Moreover, Russia is ready for further escalation, according to the pundit. "If the West will respond to these Russian actions in the escalatory way, then Russia will escalate further. And the recent adoption of the newest Russian nuclear doctrine tells that Russia is basically ready at a certain stage to use evil nuclear weapons," he stresses.

    Russia's new hypersonic missile is a breakthrough technology, Yuri Knutov, military expert and historian of the Air Defense Forces, tells Sputnik

    "Its speed, as the president said, is 10 Mach. Today, no other country in the world has such missiles," he says.

    The pundit underscored that neither the US nor other countries of the world currently possess air defense systems capable of intercepting Russia's new hypersonic missiles.

    "We demonstrated a missile that can strike not only Yuzhmash, but also London and Paris if France and Great Britain continue their escalation course towards Russia, continue their direct intervention on the side of Ukraine," Knutov concludes.
    .
    1:48 AM · Nov 22, 2024 · 5,207 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1859670274335236138
    ระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ของรัสเซีย แสดงให้เห็นว่าการที่นาโต้จะยกระดับความรุนแรงขึ้นนั้น ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย - ผู้เชี่ยวชาญ "วลาดิมีร์ ปูติน ส่งสารอันทรงพลังไปยังตะวันตกว่าพวกเขาควรแก้ไขการตัดสินใจยกระดับความขัดแย้ง," ดมิทรี ซุสลอฟ, รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษายุโรปและระหว่างประเทศของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์ชั้นสูงของรัสเซีย, ซึ่งมีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำแก่ผู้นำในการแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียและการนำหลักคำสอนใหม่มาใช้, กล่าวกับสปุตนิก เมื่อวันพฤหัสบดี, ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง Oreshnik ซึ่งถูกยิงเมื่อคืนวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เพื่อตอบโต้การใช้ระบบ ATACMS และ Storm Shadows ระยะไกลของนาโต้โจมตีภูมิภาค Bryansk และ Kursk ของรัสเซีย ผลจากการโจมตี, ทำให้ Yuzhmash (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Pivdenmash), ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธของยูเครนถูกโจมตีที่เมือง Dnepropetrovsk ได้สำเร็จ ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งนี้, ปูตินได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า หากประเทศสมาชิก NATO ยังคงใช้ขีปนาวุธ ATACMS และ Storm Shadow โจมตีรัสเซีย, "รัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางโจมตีประเทศเหล่านั้น, โจมตีวัตถุทางทหารของประเทศตะวันตกเหล่านี้," ซุสลอฟ กล่าวต่อ ยิ่งไปกว่านั้น, ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่า, รัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น "หากตะวันตกตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซียด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น, รัสเซียก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น, และการนำหลักคำสอนนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุดของรัสเซียมาใช้ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ชั่วร้ายในระดับหนึ่งแล้ว," เขากล่าวเน้นย้ำ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ, ยูริ คนูตอฟ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและนักประวัติศาสตร์ของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ กล่าวกับสปุตนิก "ความเร็วของขีปนาวุธรุ่นนี้, ตามที่ประธานาธิบดีกล่าวไว้, คือ ๑๐ มัค ปัจจุบันไม่มีประเทศใดในโลกที่มีขีปนาวุธแบบนี้," เขากล่าว ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ขณะนี้ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในโลกต่างไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของรัสเซียได้ "เราได้สาธิตขีปนาวุธที่สามารถโจมตีไม่เพียงแต่เมืองยูซมาชเท่านั้น, แต่ยังรวมถึงลอนดอนและปารีสด้วย หากฝรั่งเศสและบริเตนใหญ่ยังคงเดินหน้ายกระดับการโจมตีรัสเซีย, และยังคงแทรกแซงโดยตรงต่อฝ่ายยูเครน," คนูตอฟ กล่าวสรุป . RUSSIA'S HYPERSONIC ORESHNIK MISSILE SYSTEM SHOWS NATO ESCALATION WILL COME AT PRICE - EXPERTS "Vladimir Putin delivered a very powerful message to the West that they should revise the decision to escalate the conflict," Dmitry Suslov, deputy director of the Center for European and International Studies at Russia’s Higher School of Economics, who participated in advising the leadership on amendment of the Russian nuclear doctrine and adoption of the new one, tells Sputnik. On Thursday, Russian President Vladimir Putin unveiled the Oreshnik medium-range hypersonic ballistic missile that was fired on the night of November 21 in response to Ukraine's use of NATO's long-range ATACMS and Storm Shadows against Russia's Bryansk and Kursk regions. As a result of the strike, Yuzhmash (also known as Pivdenmash), a Ukrainian arms manufacturer was successfully hit in Dnepropetrovsk. With this move, Putin made it clear that if NATO countries continue to use their ATACMS and Storm Shadow missiles against Russia, "then Russia might use its medium range missiles against those countries, against the military objects of these Western countries," Suslov continued. Moreover, Russia is ready for further escalation, according to the pundit. "If the West will respond to these Russian actions in the escalatory way, then Russia will escalate further. And the recent adoption of the newest Russian nuclear doctrine tells that Russia is basically ready at a certain stage to use evil nuclear weapons," he stresses. Russia's new hypersonic missile is a breakthrough technology, Yuri Knutov, military expert and historian of the Air Defense Forces, tells Sputnik "Its speed, as the president said, is 10 Mach. Today, no other country in the world has such missiles," he says. The pundit underscored that neither the US nor other countries of the world currently possess air defense systems capable of intercepting Russia's new hypersonic missiles. "We demonstrated a missile that can strike not only Yuzhmash, but also London and Paris if France and Great Britain continue their escalation course towards Russia, continue their direct intervention on the side of Ukraine," Knutov concludes. . 1:48 AM · Nov 22, 2024 · 5,207 Views https://x.com/SputnikInt/status/1859670274335236138
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 478 Views 0 Reviews
  • 🇻🇪 ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา มาดูโร กล่าวว่า สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, และอังกฤษ ได้เข้าสู่ภาวะบ้าคลั่ง เมื่อปล่อยให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล
    .
    JUST IN: 🇻🇪 Venezuelan President Maduro says the US, France, and Britain have entered a state of madness by allowing Ukraine to attack Russia with long-range missiles.
    .
    9:31 AM · Nov 18, 2024 · 451.4K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1858337245998027126
    🇻🇪 ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา มาดูโร กล่าวว่า สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, และอังกฤษ ได้เข้าสู่ภาวะบ้าคลั่ง เมื่อปล่อยให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล . JUST IN: 🇻🇪 Venezuelan President Maduro says the US, France, and Britain have entered a state of madness by allowing Ukraine to attack Russia with long-range missiles. . 9:31 AM · Nov 18, 2024 · 451.4K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1858337245998027126
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 235 Views 5 0 Reviews
  • สหราชอาณาจักรที่เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมถดถอยต้องสูญเสียอุตสาหกรรมถ่านหิน, เหล็กกล้า, ยานยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย

    ตอนนี้, ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการด้วยซ้ำ

    🤣หากไม่มีภาคการเงินที่ฉ้อฉลในลอนดอน, สหราชอาณาจักรจะกลายเป็นประเทศโลกที่สาม🤣

    “อังกฤษนำเข้าไฟฟ้าในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์”
    .
    De-industrialized UK lost its coal, steel, automobile industries and so on.

    Now, it cannot even produce enough electricity to meet its needs.

    Without the corrupt financial sector in London, the UK will be a third-world nation.

    “Britain imports record amount of electricity”
    .
    11:41 AM · Nov 5, 2024 · 6,232 Views
    https://x.com/Kanthan2030/status/1853658832704282630
    สหราชอาณาจักรที่เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมถดถอยต้องสูญเสียอุตสาหกรรมถ่านหิน, เหล็กกล้า, ยานยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย ตอนนี้, ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการด้วยซ้ำ 🤣หากไม่มีภาคการเงินที่ฉ้อฉลในลอนดอน, สหราชอาณาจักรจะกลายเป็นประเทศโลกที่สาม🤣 “อังกฤษนำเข้าไฟฟ้าในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์” . De-industrialized UK lost its coal, steel, automobile industries and so on. Now, it cannot even produce enough electricity to meet its needs. Without the corrupt financial sector in London, the UK will be a third-world nation. “Britain imports record amount of electricity” . 11:41 AM · Nov 5, 2024 · 6,232 Views https://x.com/Kanthan2030/status/1853658832704282630
    Haha
    2
    2 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • 16-10-67/02 : หมี CNN / จริงดิ? มรึงคิดว่ามันจะยอมจ่ายให้โง่เหรอ? แผ่นดินใกล้จะแตกซะขนาดนี้! ผ่านไป 200 ปี ยังตามเช็คบิล เหี้ยสิงโตตอแหล ผีซ้ำด้ามพลอย ฉิบหายไม่เลิก! โลกมหาสมุทรแคริบเบียน ดาหน้าฟ้องยับ "ค้าทาส" เป้าหมายไม่ได้แค่ฟ้อง แต่จะดึงทั้งโลกที่เคยถูกมรึงล่าอาณานิคม เข้าร่วมทวงความยุติธรรมคืน สู้ยังไงก็แพ้ แต่เหี้ยมันไม่สู้ดอก เพราะมันไม่จ่าย แล้วจะทำไม? สุดท้าย "วัดรอยตรีน" ใครใหญ่กว่าก็เอาแผ่นดินไปสิ? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน่ะ มันคือน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะหันมาเล่น อีอังกฤษ อีสเปน อีฮอลันดา อีฝรั่งเศส ในยุคล่าอาณานิคม กูล่ะชอบ แสงทำงานจุงเบย ทุกอย่างที่เห็น มันส่งสัญญานชัด แสงเข้าทุกพื้นที่โลกแล้ว! 20 ปีก่อน มีใครกล้าหือ กล้าฟ้อง กล้างัดข้อเหี้ยมั้ยล่ะ? แปลว่าอะไร? "เวลาของมรึงหมดแล้วไงล่ะ ดีออก" อัพเดทล่าสุด ประเทศในหมู่เกาะแคริบเบี้ยนตอนนี้ รัสเซีย อิหร่าน จีน เข้าไปวางไข่หมดแล้ว ฐานลับอยู่ไหนเอ่ย? ซ่อนกันถี่ปุยมุย? ถึงเวลาเปิดหน้าใส่เหี้ย มรึงได้เห็นผุกดกันมาเป็นดอกเห็ดชัวร์! จุดจบของชาติล่าอาณานิคมคือ "ขาลง มรึงจะเป็นฝ่ายถูกล่ากลับ" กงกรรม กงเกวียน ไม่เลิก อย่าว่า 2 แสนล้านเลย ปอนด์เดียวมันก็ไม่จ่ายชัวร์ แล้วต้องทำยังไง? กระทืบไงจ๊ะ? จับแยกชิ้นส่วน แบ่งขายแดร๊ก แบบที่มันเคยทำกับชาติอื่นเอาไว้ในอดีต โมเดลไม่ต้องร้องขอ เดี๋ยวขั้วใหม่เค้าจัดให้เอง แค่ตามมาก็พอ องค์กรสากลโลกเริ่มเปลี่ยนข้าง เพราะดอลล่าร์ขายไม่ออก จะหันไปพึ่งใครมาจ่ายเงินเดือนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ จีน รัสเซีย ที่รวยเละเทะ รายวัน รอดูความวินาศฉิบหายของเหี้ยโลก เหี้ยไทยได้ ในไม่ช้า เพราะถึงเวลาตายโหงเป็นหมู่คณะแล้วจ๊ะ ยุโรปต้องแตก อเมริกาต้องแตก อิสราเอลต้องคืน ไม่มีทางอื่นให้เลือก นอกจาก "ตายโหง กับ ตายห่า" เพราะขั้วใหม่ เค้าไม่เก็บมรึงไว้ให้หนักแผ่นดินโลกชัวร์ ทุกวันนี้ ยังมีทาสอยู่มั้ย? ตอบเลยว่า "มีเกลื่อน" ประเทศกูมี พกทาสควายไว้เพี๊ยบ มันจะตายไปพร้อมกับนายมันทั้งคอก เพราะนรกได้กาหัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว ทุกไอ้อี สวรรค์ไร้เมตตา!

    Britain May Face a Reparations Bill Worth £200bn For Role in Colonial Slave Trade อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส

    พันธมิตรที่เกิดขึ้นจากสหภาพแอฟริกา และประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนเมื่อปีที่แล้วเพื่อนำเสนอ “แนวหน้าที่เป็นหนึ่งเดียว” ที่ต้องการใหัอังกฤษชดใช้ค่าเสียหายจาก “อาชญากรรมทางประวัติศาสตร์”

    สำนักข่าว Daily Mail รายงานว่า ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนทั้ง 15 ประเทศต้องการเงินชดใช้อย่างน้อย 206 พันล้านปอนด์ (270 พันล้านดอลลาร์) จากอังกฤษที่เคยทำการค้าทาส

    ประเด็นเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายจะมีการเจรจาในที่ประชุม Commonwealth Heads of Government Meeting (CHOGM) ที่เมือง Samoa ในวันที่ 21-25 ตุลาคม สำนักข่าวเตือนว่า จำนวนเงินดังกล่าวอาจ “ทำให้อังกฤษล้มละลาย”

    สำนักข่าวประเมินความสามารถของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Keir Starmer ว่าจะ “ปฏิเสธกลุ่มประเทศดังกล่าว” ได้หรือไม่ นอกจากนั้นยังโจมตีการประเมิน “ที่ทำให้เกิดคำถาม” จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Brattle Group ที่อ้างว่า เงินจำนวน 206 พันล้านปอนด์จะเป็น “ทางเลือกราคาถูก” ต่ออังกฤษ

    รายงาน Reparations for Transatlantic Chattel Slavery in the Americas and the Caribbean ที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2023 ระบุว่า มากกว่า 30 ประเทศอาจคาดหวังให้ประเทศตะวันตกจ่ายเงินชดใช้จากกรณีการค้าทาส

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนแสดงความต้องการที่จะให้อังกฤษชดใช้เรื่องการค้าทาสซึ่งอังกฤษสนับสนุนในศตวรรษที่ 17 และ 18

    จากการประชุมสุดยอด Commonwealth ที่ประเทศรวันดาเมื่อปี 2022 เจ้าฟ้าชายชาร์ล (Prince Charles) แสดง “ความเสียใจ” ต่อ “ช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ” แต่ไม่ได้กล่าวคำขอโทษอย่างชัดเจนต่อผู้ที่เคยอยู่ในประเทศอาณานิคม

    https://sputnikglobe.com/20241013/britain-may-face-a-reparations-bill-worth-200bn-forrole-in-colonial-slave-trade-1120534825.html

    https://linevoom.line.me/post/1172905604657017111
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    16-10-67/02 : หมี CNN / จริงดิ? มรึงคิดว่ามันจะยอมจ่ายให้โง่เหรอ? แผ่นดินใกล้จะแตกซะขนาดนี้! ผ่านไป 200 ปี ยังตามเช็คบิล เหี้ยสิงโตตอแหล ผีซ้ำด้ามพลอย ฉิบหายไม่เลิก! โลกมหาสมุทรแคริบเบียน ดาหน้าฟ้องยับ "ค้าทาส" เป้าหมายไม่ได้แค่ฟ้อง แต่จะดึงทั้งโลกที่เคยถูกมรึงล่าอาณานิคม เข้าร่วมทวงความยุติธรรมคืน สู้ยังไงก็แพ้ แต่เหี้ยมันไม่สู้ดอก เพราะมันไม่จ่าย แล้วจะทำไม? สุดท้าย "วัดรอยตรีน" ใครใหญ่กว่าก็เอาแผ่นดินไปสิ? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน่ะ มันคือน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะหันมาเล่น อีอังกฤษ อีสเปน อีฮอลันดา อีฝรั่งเศส ในยุคล่าอาณานิคม กูล่ะชอบ แสงทำงานจุงเบย ทุกอย่างที่เห็น มันส่งสัญญานชัด แสงเข้าทุกพื้นที่โลกแล้ว! 20 ปีก่อน มีใครกล้าหือ กล้าฟ้อง กล้างัดข้อเหี้ยมั้ยล่ะ? แปลว่าอะไร? "เวลาของมรึงหมดแล้วไงล่ะ ดีออก" อัพเดทล่าสุด ประเทศในหมู่เกาะแคริบเบี้ยนตอนนี้ รัสเซีย อิหร่าน จีน เข้าไปวางไข่หมดแล้ว ฐานลับอยู่ไหนเอ่ย? ซ่อนกันถี่ปุยมุย? ถึงเวลาเปิดหน้าใส่เหี้ย มรึงได้เห็นผุกดกันมาเป็นดอกเห็ดชัวร์! จุดจบของชาติล่าอาณานิคมคือ "ขาลง มรึงจะเป็นฝ่ายถูกล่ากลับ" กงกรรม กงเกวียน ไม่เลิก อย่าว่า 2 แสนล้านเลย ปอนด์เดียวมันก็ไม่จ่ายชัวร์ แล้วต้องทำยังไง? กระทืบไงจ๊ะ? จับแยกชิ้นส่วน แบ่งขายแดร๊ก แบบที่มันเคยทำกับชาติอื่นเอาไว้ในอดีต โมเดลไม่ต้องร้องขอ เดี๋ยวขั้วใหม่เค้าจัดให้เอง แค่ตามมาก็พอ องค์กรสากลโลกเริ่มเปลี่ยนข้าง เพราะดอลล่าร์ขายไม่ออก จะหันไปพึ่งใครมาจ่ายเงินเดือนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ จีน รัสเซีย ที่รวยเละเทะ รายวัน รอดูความวินาศฉิบหายของเหี้ยโลก เหี้ยไทยได้ ในไม่ช้า เพราะถึงเวลาตายโหงเป็นหมู่คณะแล้วจ๊ะ ยุโรปต้องแตก อเมริกาต้องแตก อิสราเอลต้องคืน ไม่มีทางอื่นให้เลือก นอกจาก "ตายโหง กับ ตายห่า" เพราะขั้วใหม่ เค้าไม่เก็บมรึงไว้ให้หนักแผ่นดินโลกชัวร์ ทุกวันนี้ ยังมีทาสอยู่มั้ย? ตอบเลยว่า "มีเกลื่อน" ประเทศกูมี พกทาสควายไว้เพี๊ยบ มันจะตายไปพร้อมกับนายมันทั้งคอก เพราะนรกได้กาหัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว ทุกไอ้อี สวรรค์ไร้เมตตา! Britain May Face a Reparations Bill Worth £200bn For Role in Colonial Slave Trade อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส พันธมิตรที่เกิดขึ้นจากสหภาพแอฟริกา และประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนเมื่อปีที่แล้วเพื่อนำเสนอ “แนวหน้าที่เป็นหนึ่งเดียว” ที่ต้องการใหัอังกฤษชดใช้ค่าเสียหายจาก “อาชญากรรมทางประวัติศาสตร์” สำนักข่าว Daily Mail รายงานว่า ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนทั้ง 15 ประเทศต้องการเงินชดใช้อย่างน้อย 206 พันล้านปอนด์ (270 พันล้านดอลลาร์) จากอังกฤษที่เคยทำการค้าทาส ประเด็นเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายจะมีการเจรจาในที่ประชุม Commonwealth Heads of Government Meeting (CHOGM) ที่เมือง Samoa ในวันที่ 21-25 ตุลาคม สำนักข่าวเตือนว่า จำนวนเงินดังกล่าวอาจ “ทำให้อังกฤษล้มละลาย” สำนักข่าวประเมินความสามารถของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Keir Starmer ว่าจะ “ปฏิเสธกลุ่มประเทศดังกล่าว” ได้หรือไม่ นอกจากนั้นยังโจมตีการประเมิน “ที่ทำให้เกิดคำถาม” จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Brattle Group ที่อ้างว่า เงินจำนวน 206 พันล้านปอนด์จะเป็น “ทางเลือกราคาถูก” ต่ออังกฤษ รายงาน Reparations for Transatlantic Chattel Slavery in the Americas and the Caribbean ที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2023 ระบุว่า มากกว่า 30 ประเทศอาจคาดหวังให้ประเทศตะวันตกจ่ายเงินชดใช้จากกรณีการค้าทาส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนแสดงความต้องการที่จะให้อังกฤษชดใช้เรื่องการค้าทาสซึ่งอังกฤษสนับสนุนในศตวรรษที่ 17 และ 18 จากการประชุมสุดยอด Commonwealth ที่ประเทศรวันดาเมื่อปี 2022 เจ้าฟ้าชายชาร์ล (Prince Charles) แสดง “ความเสียใจ” ต่อ “ช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ” แต่ไม่ได้กล่าวคำขอโทษอย่างชัดเจนต่อผู้ที่เคยอยู่ในประเทศอาณานิคม https://sputnikglobe.com/20241013/britain-may-face-a-reparations-bill-worth-200bn-forrole-in-colonial-slave-trade-1120534825.html https://linevoom.line.me/post/1172905604657017111 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • ❗️ หน่วยข่าวกรองของรัสเซียมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ #สหรัฐฯ และ #อังกฤษ ในเหตุระเบิดที่ #นอร์ดสตรีม – เซอร์เกย์ นารีชกิน, ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย

    “ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพจากหน่วยข่าวกรองแองโกล-แซกซอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่นอร์ดสตรีม”, เซอร์เกย์ นารีชกิน กล่าว, ในการประชุมสภาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยบริการพิเศษของประเทศสมาชิก CIS (อัสตานา, ๔ ตุลาคม ๒๐๒๔)

    เขายังเน้นย้ำว่าฝ่ายบริหารของ #สหรัฐฯ ถือว่าการทำลายนอร์ดสตรีมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “เพื่อให้แน่ใจว่ายุโรป, โดยเฉพาะเยอรมนี, จะแยกตัวออกจากรัสเซีย”
    .
    ❗️ Russian Intelligence Service has reliable information about the direct involvement of the #US and #Britain in the #NordStream blasts – Sergey Naryshkin, director of Russia’s Foreign Intelligence Service

    “Data shows that professional saboteurs from Anglo-Saxon intelligence services were involved in the Nord Stream explosions”, Sergey Naryshkin stated, speaking at a meeting of the Council of Heads of Security Bodies and Special Services of the CIS member states (Astana, 4 October 2024).

    He also stressed that the #US administration considered it justified destroying Nord Stream “to ensure that Europe, especially Germany, breaks away from Russia.”
    .
    4:16 PM · Oct 8, 2024 · 95K Views
    https://x.com/EmbassyofRussia/status/1843581224196919717
    ❗️ หน่วยข่าวกรองของรัสเซียมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ #สหรัฐฯ และ #อังกฤษ ในเหตุระเบิดที่ #นอร์ดสตรีม – เซอร์เกย์ นารีชกิน, ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย “ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพจากหน่วยข่าวกรองแองโกล-แซกซอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่นอร์ดสตรีม”, เซอร์เกย์ นารีชกิน กล่าว, ในการประชุมสภาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยบริการพิเศษของประเทศสมาชิก CIS (อัสตานา, ๔ ตุลาคม ๒๐๒๔) เขายังเน้นย้ำว่าฝ่ายบริหารของ #สหรัฐฯ ถือว่าการทำลายนอร์ดสตรีมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “เพื่อให้แน่ใจว่ายุโรป, โดยเฉพาะเยอรมนี, จะแยกตัวออกจากรัสเซีย” . ❗️ Russian Intelligence Service has reliable information about the direct involvement of the #US and #Britain in the #NordStream blasts – Sergey Naryshkin, director of Russia’s Foreign Intelligence Service “Data shows that professional saboteurs from Anglo-Saxon intelligence services were involved in the Nord Stream explosions”, Sergey Naryshkin stated, speaking at a meeting of the Council of Heads of Security Bodies and Special Services of the CIS member states (Astana, 4 October 2024). He also stressed that the #US administration considered it justified destroying Nord Stream “to ensure that Europe, especially Germany, breaks away from Russia.” . 4:16 PM · Oct 8, 2024 · 95K Views https://x.com/EmbassyofRussia/status/1843581224196919717
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑)

    บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน

    ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร?

    🌏 ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน

    🌏 สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก

    🌏 ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล

    ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน?

    🔶 เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง

    🔶 การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ'

    🔶 ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1)

    Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup.

    What is the Rothschild banking clan known for?

    🌏Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises.

    🌏Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company.

    🌏The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations.

    How rich are the Rothschilds?

    🔶A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.”

    🔶Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions.

    🔶For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned.
    .
    8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑) บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร? 🌏 ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน 🌏 สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก 🌏 ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน? 🔶 เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง 🔶 การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ' 🔶 ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1) Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup. What is the Rothschild banking clan known for? 🌏Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises. 🌏Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company. 🌏The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations. How rich are the Rothschilds? 🔶A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.” 🔶Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions. 🔶For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned. . 8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    Like
    Wow
    4
    2 Comments 0 Shares 1130 Views 0 Reviews
  • กองทัพอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง?

    นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ ยังไม่ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อนสตอร์มแชโดว์พิสัยไกลโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญในการก่อสงครามของอังกฤษเกิดขึ้นในขณะที่กองทัพอังกฤษเองก็กำลังเผชิญวิกฤต

    ขาดแคลนกำลังพล

    ◻️ ตัวเลขแสดงให้เห็นว่ากองทัพอังกฤษมีจำนวนน้อย โดยการรับทหารใหม่ในช่วง ๑๒ เดือนจนถึงเดือนมีนาคม ๒๐๒๓ ลดลง ๒๒.๑% ในกองทัพเรือ, เกือบ ๑๗% ในกองทัพอากาศ, และเกือบ ๑๕% ในกองทัพบก, ตามสถิติอย่างเป็นทางการ

    ◻️ ปัจจุบันกองทัพบกอังกฤษมีกำลังพลประจำการ ๗๕,๑๖๖ นาย เมื่อเทียบกับ ๑๐๐,๐๐๐ นายในปี ๒๐๑๐

    ◻️ วิกฤตกำลังพลในกองทัพเรืออังกฤษมีรายงานว่าทำให้เรือหลายลำต้องปลดประจำการ

    ปัญหาทางเทคนิค

    ◻️ เรือบรรทุกเครื่องบินเรือธงของกองทัพเรืออังกฤษ HMS Queen Elizabeth และ HMS Prince of Wales ประสบปัญหาทางเทคนิคบางประการ, เนื่องจากเรือลำแรกถูกบังคับให้ถอนตัวจากการฝึกซ้อม Steadfast Defender ของ NATO ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ หลังจากเกิดขัดข้อง

    ◻️ การนำเรือฟริเกต Type ๒๖ ลำใหม่เข้าประจำการถูกเลื่อนออกไป, โดยคาดว่าขีดความสามารถในการปฏิบัติงานเบื้องต้นจะเริ่มขึ้นในปี ๒๐๒๘

    ◻️ การทดสอบปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีปติดอาวุธนิวเคลียร์ (SLBM) ของอังกฤษบนเรือ HMS Vanguard เมื่อเดือนมกราคมที่ล้มเหลว ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวครั้งที่สองติดต่อกัน รองจาก HMS Vengeance ที่เคยประสบความล้มเหลวในปี ๒๐๑๖

    ขาดเงินและมีระบบราชการเกินดุล

    ◻️ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร (MoD) เผชิญกับการขาดดุล ๑๖,๙๐๐ ล้านปอนด์ (๒๒,๑๗๐ ล้านดอลลาร์) สำนักงานตรวจสอบแห่งชาติ (NAO) เปิดเผยในปี ๒๐๒๓ คณะกรรมการตรวจสอบบัญชีสาธารณะ (PAC) เตือนว่าการขาดดุลที่แท้จริงอาจใกล้เคียงกับ ๒๙,๐๐๐ ล้านปอนด์ (๓๘,๐๕๐ ล้านดอลลาร์) ในรายงานเดือนมีนาคม ๒๐๒๔

    ◻️ กระบวนการจัดซื้อและส่งมอบของกระทรวงกลาโหมติดหล่มอยู่ในความล่าช้า ส.ส. อังกฤษกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมว่ามีเพียง ๒ โครงการจาก ๔๖ โครงการที่ "มีแนวโน้มสูง" ที่จะส่งมอบตรงเวลา, งบประมาณ, และคุณภาพ

    ◻️ การส่งมอบโครงการพอร์ตโฟลิโอโครงการสำคัญของรัฐบาล ๕ โครงการสำเร็จ, ซึ่งรวมถึงเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใต้น้ำ, ถูกกำหนดให้ "ไม่สามารถทำได้" โดยรายงานของคณะกรรมการสภาสามัญในเดือนมีนาคม
    .
    What problems are Britain’s armed forces grappling with?

    UK Prime Minister Sir Keir Starmer has not ruled out allowing Ukraine to use long-range Storm Shadow cruise missiles on targets inside Russia. Yet the UK’s warmongering bravado comes as its own armed forces are mired in crisis.

    Lack of manpower

    ◻️ Britain’s armed forces are stretched thin, figures show. The intake of recruits in the 12 months to March 2023 dropped by 22.1% in the Royal Navy, almost 17% in the RAF, and nearly 15% in the army, according to official statistics.

    ◻️ The professional ranks of the British Army currently number 75,166 regular forces personnel, compared with around 100,000 in 2010.

    ◻️ A manpower crisis in the Royal Navy reportedly prompted the decommissioning of a number of ships.

    Technical issues

    ◻️ The Royal Navy’s flagship aircraft carriers the HMS Queen Elizabeth and HMS Prince of Wales have faced some technical issues, as the former was forced to pull out from NATO’s Exercise Steadfast Defender drills in February 2024 after a malfunction.

    ◻️ Commissioning new Type 26 frigates has been postponed, with initial operational capability anticipated from 2028.

    ◻️ January’s failed HMS Vanguard sea-launch test of the UK’s nuclear-armed submarine-launched ballistic missile (SLBM) system, the Trident II D-5, was the second successive failure, following one in 2016 involving the HMS Vengeance.

    Lack of money and surplus of bureaucracy

    ◻️ The UK Ministry of Defense (MoD) is facing a £16.9 billion ($22.17 billion) deficit, the National Audit Office (NAO) revealed in 2023. The Public Accounts Committee (PAC) warned that the actual deficit could be closer to £29 billion ($38.05 billion) in a March 2024 report.

    ◻️ The MoD's procurement and delivery processes are mired in delays. Just two of its 46 equipment programs are "highly likely" to be delivered to time, budget, and quality, British MPs said in March.

    ◻️ Successful delivery of five Government Major Projects Portfolio schemes, including nuclear submarine reactors, was determined “unachievable” by a House of Commons Committee report in March.
    .
    4:37 PM · Sep 14, 2024 · 2,949 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834889141047173363
    กองทัพอังกฤษกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง? นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ ยังไม่ตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อนสตอร์มแชโดว์พิสัยไกลโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญในการก่อสงครามของอังกฤษเกิดขึ้นในขณะที่กองทัพอังกฤษเองก็กำลังเผชิญวิกฤต ขาดแคลนกำลังพล ◻️ ตัวเลขแสดงให้เห็นว่ากองทัพอังกฤษมีจำนวนน้อย โดยการรับทหารใหม่ในช่วง ๑๒ เดือนจนถึงเดือนมีนาคม ๒๐๒๓ ลดลง ๒๒.๑% ในกองทัพเรือ, เกือบ ๑๗% ในกองทัพอากาศ, และเกือบ ๑๕% ในกองทัพบก, ตามสถิติอย่างเป็นทางการ ◻️ ปัจจุบันกองทัพบกอังกฤษมีกำลังพลประจำการ ๗๕,๑๖๖ นาย เมื่อเทียบกับ ๑๐๐,๐๐๐ นายในปี ๒๐๑๐ ◻️ วิกฤตกำลังพลในกองทัพเรืออังกฤษมีรายงานว่าทำให้เรือหลายลำต้องปลดประจำการ ปัญหาทางเทคนิค ◻️ เรือบรรทุกเครื่องบินเรือธงของกองทัพเรืออังกฤษ HMS Queen Elizabeth และ HMS Prince of Wales ประสบปัญหาทางเทคนิคบางประการ, เนื่องจากเรือลำแรกถูกบังคับให้ถอนตัวจากการฝึกซ้อม Steadfast Defender ของ NATO ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ หลังจากเกิดขัดข้อง ◻️ การนำเรือฟริเกต Type ๒๖ ลำใหม่เข้าประจำการถูกเลื่อนออกไป, โดยคาดว่าขีดความสามารถในการปฏิบัติงานเบื้องต้นจะเริ่มขึ้นในปี ๒๐๒๘ ◻️ การทดสอบปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีปติดอาวุธนิวเคลียร์ (SLBM) ของอังกฤษบนเรือ HMS Vanguard เมื่อเดือนมกราคมที่ล้มเหลว ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวครั้งที่สองติดต่อกัน รองจาก HMS Vengeance ที่เคยประสบความล้มเหลวในปี ๒๐๑๖ ขาดเงินและมีระบบราชการเกินดุล ◻️ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร (MoD) เผชิญกับการขาดดุล ๑๖,๙๐๐ ล้านปอนด์ (๒๒,๑๗๐ ล้านดอลลาร์) สำนักงานตรวจสอบแห่งชาติ (NAO) เปิดเผยในปี ๒๐๒๓ คณะกรรมการตรวจสอบบัญชีสาธารณะ (PAC) เตือนว่าการขาดดุลที่แท้จริงอาจใกล้เคียงกับ ๒๙,๐๐๐ ล้านปอนด์ (๓๘,๐๕๐ ล้านดอลลาร์) ในรายงานเดือนมีนาคม ๒๐๒๔ ◻️ กระบวนการจัดซื้อและส่งมอบของกระทรวงกลาโหมติดหล่มอยู่ในความล่าช้า ส.ส. อังกฤษกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมว่ามีเพียง ๒ โครงการจาก ๔๖ โครงการที่ "มีแนวโน้มสูง" ที่จะส่งมอบตรงเวลา, งบประมาณ, และคุณภาพ ◻️ การส่งมอบโครงการพอร์ตโฟลิโอโครงการสำคัญของรัฐบาล ๕ โครงการสำเร็จ, ซึ่งรวมถึงเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใต้น้ำ, ถูกกำหนดให้ "ไม่สามารถทำได้" โดยรายงานของคณะกรรมการสภาสามัญในเดือนมีนาคม . What problems are Britain’s armed forces grappling with? UK Prime Minister Sir Keir Starmer has not ruled out allowing Ukraine to use long-range Storm Shadow cruise missiles on targets inside Russia. Yet the UK’s warmongering bravado comes as its own armed forces are mired in crisis. Lack of manpower ◻️ Britain’s armed forces are stretched thin, figures show. The intake of recruits in the 12 months to March 2023 dropped by 22.1% in the Royal Navy, almost 17% in the RAF, and nearly 15% in the army, according to official statistics. ◻️ The professional ranks of the British Army currently number 75,166 regular forces personnel, compared with around 100,000 in 2010. ◻️ A manpower crisis in the Royal Navy reportedly prompted the decommissioning of a number of ships. Technical issues ◻️ The Royal Navy’s flagship aircraft carriers the HMS Queen Elizabeth and HMS Prince of Wales have faced some technical issues, as the former was forced to pull out from NATO’s Exercise Steadfast Defender drills in February 2024 after a malfunction. ◻️ Commissioning new Type 26 frigates has been postponed, with initial operational capability anticipated from 2028. ◻️ January’s failed HMS Vanguard sea-launch test of the UK’s nuclear-armed submarine-launched ballistic missile (SLBM) system, the Trident II D-5, was the second successive failure, following one in 2016 involving the HMS Vengeance. Lack of money and surplus of bureaucracy ◻️ The UK Ministry of Defense (MoD) is facing a £16.9 billion ($22.17 billion) deficit, the National Audit Office (NAO) revealed in 2023. The Public Accounts Committee (PAC) warned that the actual deficit could be closer to £29 billion ($38.05 billion) in a March 2024 report. ◻️ The MoD's procurement and delivery processes are mired in delays. Just two of its 46 equipment programs are "highly likely" to be delivered to time, budget, and quality, British MPs said in March. ◻️ Successful delivery of five Government Major Projects Portfolio schemes, including nuclear submarine reactors, was determined “unachievable” by a House of Commons Committee report in March. . 4:37 PM · Sep 14, 2024 · 2,949 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834889141047173363
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 600 Views 0 Reviews
  • ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!!

    เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก..
    แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน..
    หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ....
    ไม่ใช่ค่ะ...

    ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ
    อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า
    “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง”
    ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO

    แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร...
    โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว
    ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน

    บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า
    Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ)
    Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี
    Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์

    ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt

    อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป)
    เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์
    ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย
    และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ
    คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด
    รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์

    เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination

    ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า
    The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ
    อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ
    “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี”

    วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน...
    ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ
    รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย...
    ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน
    ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ

    Novices คือ กลุ่มน้องใหม่

    Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา

    Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้

    ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น
    เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง
    Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า
    และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ....
    นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild

    ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus”
    และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo”
    การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง....

    ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์
    ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร...
    จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้
    ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง
    ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม
    หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต
    จากทางการ..

    ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ
    แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้
    เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา
    ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง
    กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ

    เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์
    ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt
    ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen
    ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า
    กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว

    แต่...

    แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน

    จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น
    New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy
    ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ..
    เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ

    และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ
    The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ
    นั่นคือแบบเปิดเผย...
    ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน

    มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
    ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF
    เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์

    วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!!

    ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น...
    ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า
    เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ?
    และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา
    แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ?
    เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน

    กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!!

    แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก...
    เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ
    แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...??
    งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ
    ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์...

    จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก...


    Wiwanda W. Vichit









    ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!! เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก.. แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน.. หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ.... ไม่ใช่ค่ะ... ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง” ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร... โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ) Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์ ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป) เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์ ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์ เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี” วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน... ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย... ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ Novices คือ กลุ่มน้องใหม่ Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้ ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ.... นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus” และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo” การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง.... ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์ ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร... จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้ ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต จากทางการ.. ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้ เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์ ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว แต่... แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ.. เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ นั่นคือแบบเปิดเผย... ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!! ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น... ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ? และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ? เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!! แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก... เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...?? งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์... จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก... Wiwanda W. Vichit         
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 724 Views 0 Reviews