• เที่ยวจีน คุนหมิง ภูเขาหิมะเจียวจื่อ ❄
    เดินทาง ธ.ค. 68 - มี.ค. 69 10,999

    🗓 จำนวนวัน 4 วัน 3 คืน
    ✈ KY-คุนหมิงแอร์ไลน์
    พักโรงแรม

    ภูเขาเจียวจื่อซาน (รวมกระเช้า+รถแบตเตอร์รี่)
    น้ำตกคุนหมิง
    ไร่สตรอว์เบอร์รี
    เขี่อนไห่เกิง
    ซุ้มประตูม้าทองไก่มรกต

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #คุนหมิง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวจีน คุนหมิง ภูเขาหิมะเจียวจื่อ ❄ 🗓️ เดินทาง ธ.ค. 68 - มี.ค. 69 😍 10,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 4 วัน 3 คืน ✈ KY-คุนหมิงแอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ภูเขาเจียวจื่อซาน (รวมกระเช้า+รถแบตเตอร์รี่) 📍 น้ำตกคุนหมิง 📍 ไร่สตรอว์เบอร์รี 📍 เขี่อนไห่เกิง 📍 ซุ้มประตูม้าทองไก่มรกต รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #คุนหมิง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 0 Reviews
  • “นฤมล” รมว.ศธ. เผยสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้ต้องปิดโรงเรียนแล้ว 990 แห่ง พร้อมจัดโรงเรียนในเขตปลอดภัยเป็นศูนย์พักพิงดูแลประชาชน โดยยืนยันยังไม่พบโรงเรียนได้รับความเสียหาย
    .
    สพฐ.เตรียม “ถุงการเรียนรู้” แจกเด็กในศูนย์อพยพ พร้อมจัดรูปแบบการเรียนชดเชย ทั้ง on hand / on site / ออนไลน์ เพื่อไม่ให้เด็กหยุดเรียนแม้พื้นที่ยังวิกฤต
    .
    ด้านอาชีวะเคลื่อน “ครัวอาชีวะ” เข้าพื้นที่ตามคำสั่งนายกฯ เพื่อช่วยดูแลผู้หนีภัย
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000118052
    .
    #News1live #News1 #รมวศธ #นฤมลภิญโญสินวัฒน์ #ปิดโรงเรียนชายแดน #สพฐ #ศูนย์อพยพ #ชายแดนไทยกัมพูชา
    “นฤมล” รมว.ศธ. เผยสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้ต้องปิดโรงเรียนแล้ว 990 แห่ง พร้อมจัดโรงเรียนในเขตปลอดภัยเป็นศูนย์พักพิงดูแลประชาชน โดยยืนยันยังไม่พบโรงเรียนได้รับความเสียหาย . สพฐ.เตรียม “ถุงการเรียนรู้” แจกเด็กในศูนย์อพยพ พร้อมจัดรูปแบบการเรียนชดเชย ทั้ง on hand / on site / ออนไลน์ เพื่อไม่ให้เด็กหยุดเรียนแม้พื้นที่ยังวิกฤต . ด้านอาชีวะเคลื่อน “ครัวอาชีวะ” เข้าพื้นที่ตามคำสั่งนายกฯ เพื่อช่วยดูแลผู้หนีภัย . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000118052 . #News1live #News1 #รมวศธ #นฤมลภิญโญสินวัฒน์ #ปิดโรงเรียนชายแดน #สพฐ #ศูนย์อพยพ #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • “เสียเวลาชีวิตไป 8 ปีกับ Crypto”

    โพสต์บน X โดยผู้ใช้ Ken Changh สะท้อนความผิดหวังหลังจากใช้เวลานานถึง 8 ปีในวงการคริปโต โดยเจ้าตัวเล่าว่าประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่คุ้มค่า ทั้งในแง่การเงินและชีวิตส่วนตัว ทำให้เขามองว่าการลงทุนในคริปโตเป็นการเสียเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

    เนื้อหานี้สะท้อนถึงความจริงที่หลายคนในวงการคริปโตเคยเจอ — ความผันผวนสูง, การขาดความแน่นอน, และการถูกกระแส hype ครอบงำ จนทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากสูญเสียทั้งเงินและเวลาไปกับการไล่ตามโอกาสที่ไม่มั่นคง ความผิดหวังของ Ken จึงเป็นเสียงเตือนที่ชัดเจนต่อผู้ที่ยังคงมองคริปโตเป็นเส้นทางแห่งความมั่งคั่งรวดเร็ว

    ในอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของวงการคริปโตที่เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเรื่องการลงทุน แต่รวมถึงความยั่งยืนของเทคโนโลยีและโครงสร้างเศรษฐกิจที่มันพยายามสร้างขึ้นมา หลายคนเริ่มหันไปมองว่า blockchain และ crypto อาจไม่ได้เป็น “อนาคตของการเงิน” อย่างที่เคยถูกโฆษณาไว้

    ท้ายที่สุด เรื่องราวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการระบายความผิดหวังส่วนตัว แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเข้าสู่วงการคริปโต ว่าควรตระหนักถึงความเสี่ยงและไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับสิ่งที่ยังไม่มั่นคง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ประสบการณ์ของ Ken Changh
    ใช้เวลา 8 ปีในวงการคริปโตแต่รู้สึกเสียเวลาและพลังงาน
    ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า ทั้งด้านการเงินและชีวิตส่วนตัว

    ภาพสะท้อนของวงการคริปโต
    ความผันผวนสูงและการถูก hype ครอบงำ
    นักลงทุนจำนวนมากสูญเสียเงินและเวลา

    มุมมองต่ออนาคตคริปโต
    เริ่มถูกตั้งคำถามเรื่องความยั่งยืนและบทบาทในเศรษฐกิจ
    Blockchain และ crypto อาจไม่ใช่อนาคตการเงินอย่างที่เคยถูกโฆษณา

    คำเตือนจากเรื่องนี้
    การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูงและไม่มั่นคง
    ไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับตลาดที่ยังไม่พิสูจน์ความยั่งยืน

    https://x.com/kenchangh/status/1994854381267947640
    💸 “เสียเวลาชีวิตไป 8 ปีกับ Crypto” โพสต์บน X โดยผู้ใช้ Ken Changh สะท้อนความผิดหวังหลังจากใช้เวลานานถึง 8 ปีในวงการคริปโต โดยเจ้าตัวเล่าว่าประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่คุ้มค่า ทั้งในแง่การเงินและชีวิตส่วนตัว ทำให้เขามองว่าการลงทุนในคริปโตเป็นการเสียเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ เนื้อหานี้สะท้อนถึงความจริงที่หลายคนในวงการคริปโตเคยเจอ — ความผันผวนสูง, การขาดความแน่นอน, และการถูกกระแส hype ครอบงำ จนทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากสูญเสียทั้งเงินและเวลาไปกับการไล่ตามโอกาสที่ไม่มั่นคง ความผิดหวังของ Ken จึงเป็นเสียงเตือนที่ชัดเจนต่อผู้ที่ยังคงมองคริปโตเป็นเส้นทางแห่งความมั่งคั่งรวดเร็ว ในอีกมุมหนึ่ง เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของวงการคริปโตที่เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเรื่องการลงทุน แต่รวมถึงความยั่งยืนของเทคโนโลยีและโครงสร้างเศรษฐกิจที่มันพยายามสร้างขึ้นมา หลายคนเริ่มหันไปมองว่า blockchain และ crypto อาจไม่ได้เป็น “อนาคตของการเงิน” อย่างที่เคยถูกโฆษณาไว้ ท้ายที่สุด เรื่องราวนี้ไม่เพียงแต่เป็นการระบายความผิดหวังส่วนตัว แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเข้าสู่วงการคริปโต ว่าควรตระหนักถึงความเสี่ยงและไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับสิ่งที่ยังไม่มั่นคง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ประสบการณ์ของ Ken Changh ➡️ ใช้เวลา 8 ปีในวงการคริปโตแต่รู้สึกเสียเวลาและพลังงาน ➡️ ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า ทั้งด้านการเงินและชีวิตส่วนตัว ✅ ภาพสะท้อนของวงการคริปโต ➡️ ความผันผวนสูงและการถูก hype ครอบงำ ➡️ นักลงทุนจำนวนมากสูญเสียเงินและเวลา ✅ มุมมองต่ออนาคตคริปโต ➡️ เริ่มถูกตั้งคำถามเรื่องความยั่งยืนและบทบาทในเศรษฐกิจ ➡️ Blockchain และ crypto อาจไม่ใช่อนาคตการเงินอย่างที่เคยถูกโฆษณา ‼️ คำเตือนจากเรื่องนี้ ⛔ การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูงและไม่มั่นคง ⛔ ไม่ควรฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับตลาดที่ยังไม่พิสูจน์ความยั่งยืน https://x.com/kenchangh/status/1994854381267947640
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • Claude ล้มเหลวในการสร้างเว็บ Space Jam 1996

    บทความ “I failed to recreate the 1996 Space Jam Website with Claude” เล่าประสบการณ์ของผู้เขียนที่พยายามใช้ AI Claude เพื่อสร้างเว็บ Space Jam รุ่นปี 1996 ขึ้นมาใหม่จากภาพสกรีนช็อตและไฟล์ asset แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจาก Claude ไม่สามารถจัดการกับรายละเอียดเชิงพิกเซลและโครงสร้างเชิงเรขาคณิตได้แม่นยำ

    เว็บไซต์ Space Jam ปี 1996 ของ Warner Bros. ถือเป็นตัวอย่างคลาสสิกของยุคแรกเริ่มของการออกแบบเว็บ ด้วยพื้นหลัง GIF แบบดาวระยิบระยับและการจัดวางองค์ประกอบแบบ absolute positioning ผู้เขียนบทความพยายามใช้ AI Claude เพื่อสร้างเว็บนี้ขึ้นมาใหม่จากสกรีนช็อตและไฟล์ asset ที่มีอยู่ แต่ผลลัพธ์กลับไม่ตรงตามต้นฉบับ

    แม้ Claude จะสามารถเข้าใจโครงสร้างเชิงความหมาย เช่น “นี่คือดาวเคราะห์” หรือ “องค์ประกอบเหล่านี้จัดเรียงเป็นวงโคจร” แต่เมื่อถึงขั้นตอนการสร้าง HTML และ CSS กลับไม่สามารถจัดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ การวิเคราะห์เชิงพิกเซล เช่น ระยะห่างหรือพิกัดที่แท้จริง กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ

    ผู้เขียนได้ทดลองหลายวิธี เช่น การใช้ grid overlays, การเปรียบเทียบภาพแบบ color-diff, และการแบ่งภาพออกเป็นส่วนย่อยเพื่อให้ Claude วิเคราะห์ แต่ทุกครั้ง Claude ยังคง “มั่นใจเกินจริง” ว่าผลงานของตนถูกต้อง ทั้งที่จริงแล้วตำแหน่งดาวเคราะห์และองค์ประกอบต่าง ๆ ยังผิดพลาดอยู่มาก

    บทความสรุปว่า Claude มีความสามารถในการเข้าใจเชิงความหมายของภาพ แต่ขาดความแม่นยำเชิงเรขาคณิตและพิกเซล ทำให้การสร้างเว็บที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง เช่น Space Jam 1996 เป็นงานที่เกินขีดความสามารถของโมเดลในปัจจุบัน และสะท้อนข้อจำกัดของ AI ด้านการประมวลผลภาพเชิงโครงสร้าง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความพยายามในการสร้างเว็บ Space Jam 1996
    ใช้ Claude พร้อมสกรีนช็อตและ asset ของเว็บต้นฉบับ
    ผลลัพธ์ใกล้เคียงแต่ไม่ตรงตามต้นฉบับ

    ข้อจำกัดของ Claude
    เข้าใจเชิงความหมายของภาพ เช่น การจัดเรียงเป็นวงโคจร
    ไม่สามารถวัดพิกเซลหรือจัดตำแหน่งได้แม่นยำ

    วิธีการที่ผู้เขียนลองใช้
    grid overlays และการเปรียบเทียบภาพแบบ color-diff
    การแบ่งภาพออกเป็นส่วนย่อยเพื่อวิเคราะห์

    คำเตือนจากบทความ
    Claude มักมั่นใจเกินจริงกับผลลัพธ์ที่ผิดพลาด
    AI ยังไม่พร้อมสำหรับงานที่ต้องการความเที่ยงตรงเชิงเรขาคณิตสูง

    https://j0nah.com/i-failed-to-recreate-the-1996-space-jam-website-with-claude
    🌐 Claude ล้มเหลวในการสร้างเว็บ Space Jam 1996 บทความ “I failed to recreate the 1996 Space Jam Website with Claude” เล่าประสบการณ์ของผู้เขียนที่พยายามใช้ AI Claude เพื่อสร้างเว็บ Space Jam รุ่นปี 1996 ขึ้นมาใหม่จากภาพสกรีนช็อตและไฟล์ asset แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจาก Claude ไม่สามารถจัดการกับรายละเอียดเชิงพิกเซลและโครงสร้างเชิงเรขาคณิตได้แม่นยำ เว็บไซต์ Space Jam ปี 1996 ของ Warner Bros. ถือเป็นตัวอย่างคลาสสิกของยุคแรกเริ่มของการออกแบบเว็บ ด้วยพื้นหลัง GIF แบบดาวระยิบระยับและการจัดวางองค์ประกอบแบบ absolute positioning ผู้เขียนบทความพยายามใช้ AI Claude เพื่อสร้างเว็บนี้ขึ้นมาใหม่จากสกรีนช็อตและไฟล์ asset ที่มีอยู่ แต่ผลลัพธ์กลับไม่ตรงตามต้นฉบับ แม้ Claude จะสามารถเข้าใจโครงสร้างเชิงความหมาย เช่น “นี่คือดาวเคราะห์” หรือ “องค์ประกอบเหล่านี้จัดเรียงเป็นวงโคจร” แต่เมื่อถึงขั้นตอนการสร้าง HTML และ CSS กลับไม่สามารถจัดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ การวิเคราะห์เชิงพิกเซล เช่น ระยะห่างหรือพิกัดที่แท้จริง กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ ผู้เขียนได้ทดลองหลายวิธี เช่น การใช้ grid overlays, การเปรียบเทียบภาพแบบ color-diff, และการแบ่งภาพออกเป็นส่วนย่อยเพื่อให้ Claude วิเคราะห์ แต่ทุกครั้ง Claude ยังคง “มั่นใจเกินจริง” ว่าผลงานของตนถูกต้อง ทั้งที่จริงแล้วตำแหน่งดาวเคราะห์และองค์ประกอบต่าง ๆ ยังผิดพลาดอยู่มาก บทความสรุปว่า Claude มีความสามารถในการเข้าใจเชิงความหมายของภาพ แต่ขาดความแม่นยำเชิงเรขาคณิตและพิกเซล ทำให้การสร้างเว็บที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง เช่น Space Jam 1996 เป็นงานที่เกินขีดความสามารถของโมเดลในปัจจุบัน และสะท้อนข้อจำกัดของ AI ด้านการประมวลผลภาพเชิงโครงสร้าง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความพยายามในการสร้างเว็บ Space Jam 1996 ➡️ ใช้ Claude พร้อมสกรีนช็อตและ asset ของเว็บต้นฉบับ ➡️ ผลลัพธ์ใกล้เคียงแต่ไม่ตรงตามต้นฉบับ ✅ ข้อจำกัดของ Claude ➡️ เข้าใจเชิงความหมายของภาพ เช่น การจัดเรียงเป็นวงโคจร ➡️ ไม่สามารถวัดพิกเซลหรือจัดตำแหน่งได้แม่นยำ ✅ วิธีการที่ผู้เขียนลองใช้ ➡️ grid overlays และการเปรียบเทียบภาพแบบ color-diff ➡️ การแบ่งภาพออกเป็นส่วนย่อยเพื่อวิเคราะห์ ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ Claude มักมั่นใจเกินจริงกับผลลัพธ์ที่ผิดพลาด ⛔ AI ยังไม่พร้อมสำหรับงานที่ต้องการความเที่ยงตรงเชิงเรขาคณิตสูง https://j0nah.com/i-failed-to-recreate-the-1996-space-jam-website-with-claude
    J0NAH.COM
    I failed to recreate the 1996 Space Jam Website with Claude | j0nah.com
    Can Claude Recreate the 1996 Space Jam Website? No. Or at least not with my prompting skills.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • การกลับมาของ Jolla Phone หลังทศวรรษ

    ข่าวนี้เล่าถึงการกลับมาของ Jolla Phone หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013 โดยรุ่นใหม่ใช้ Sailfish OS 5 เน้นความเป็นส่วนตัว, รองรับ Android apps, มีแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ และเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้วในยุโรป

    Jolla ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Nokia หลัง MeeGo ถูกยกเลิกในปี 2011 และเปิดตัว Jolla Phone รุ่นแรกในปี 2013 ผ่านการระดมทุนสำเร็จ ครั้งนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งด้วย Jolla Phone รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวผ่านแคมเปญ crowdfunding และมียอดจองเกิน 2,000 เครื่องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

    Sailfish OS 5: ระบบที่เคารพความเป็นส่วนตัว
    โทรศัพท์ใหม่นี้ใช้ Sailfish OS 5 ซึ่งแตกต่างจาก Android และ iOS โดยไม่ติดตามผู้ใช้หรือส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ระบบถูกออกแบบให้เคารพความเป็นส่วนตัวโดยค่าเริ่มต้น พร้อมสัญญาการสนับสนุนซอฟต์แวร์อย่างน้อย 5 ปีโดยไม่มีการบังคับให้อัปเกรดเครื่อง นอกจากนี้ยังรองรับ Android apps ผ่าน AppSupport ในสภาพแวดล้อม sandbox ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานแบบ “de-Googled” ได้เต็มที่

    สเปกและฟีเจอร์เด่น
    ชิปเซ็ต: Mediatek 5G platform
    RAM: 12 GB
    Storage: 256 GB + microSDXC
    หน้าจอ: 6.36″ Full-HD AMOLED ~390 ppi พร้อม Gorilla Glass
    กล้อง: 50MP Wide + 13MP Ultrawide, กล้องหน้า wide-lens
    แบตเตอรี่: ~5,500 mAh ถอดเปลี่ยนได้
    การเชื่อมต่อ: WiFi 6, BT 5.4, NFC, 4G + 5G dual SIM
    ฟีเจอร์พิเศษ: ปุ่ม Power รวม fingerprint, สวิตช์ privacy สำหรับปิดไมค์และ Bluetooth

    ราคาและการวางจำหน่าย
    Jolla Phone เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าด้วยเงินมัดจำ €99 (คืนได้) ราคาพิเศษสำหรับผู้สั่งจองคือ €499 รวม VAT และคาดว่าราคาขายจริงจะอยู่ระหว่าง €599–€699 โดยจะเริ่มส่งมอบในครึ่งแรกของปี 2026 รุ่นแรกจะวางจำหน่ายใน EU, UK, สวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ แต่รองรับการใช้งานทั่วโลกด้วยโมเด็ม roaming

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การกลับมาของ Jolla Phone
    เปิดตัวครั้งแรกปี 2013 และกลับมาอีกครั้งในปี 2025
    เปิดตัวผ่าน crowdfunding และมียอดจองเกิน 2,000 เครื่อง

    จุดเด่นของ Sailfish OS 5
    เคารพความเป็นส่วนตัว ไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์
    รองรับ Android apps ผ่าน sandbox

    สเปกหลักของเครื่อง
    RAM 12 GB, Storage 256 GB + microSDXC
    กล้องหลัก 50MP + 13MP Ultrawide
    แบตเตอรี่ 5,500 mAh ถอดเปลี่ยนได้

    ข้อควรระวัง
    ราคาขายจริงสูงกว่าราคา pre-order (คาด €599–€699)
    ยังจำกัดการวางจำหน่ายในยุโรปช่วงแรก

    https://itsfoss.com/news/jolla-phone-returns/
    📱 การกลับมาของ Jolla Phone หลังทศวรรษ ข่าวนี้เล่าถึงการกลับมาของ Jolla Phone หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013 โดยรุ่นใหม่ใช้ Sailfish OS 5 เน้นความเป็นส่วนตัว, รองรับ Android apps, มีแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ และเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้วในยุโรป Jolla ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Nokia หลัง MeeGo ถูกยกเลิกในปี 2011 และเปิดตัว Jolla Phone รุ่นแรกในปี 2013 ผ่านการระดมทุนสำเร็จ ครั้งนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งด้วย Jolla Phone รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวผ่านแคมเปญ crowdfunding และมียอดจองเกิน 2,000 เครื่องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 🔐 Sailfish OS 5: ระบบที่เคารพความเป็นส่วนตัว โทรศัพท์ใหม่นี้ใช้ Sailfish OS 5 ซึ่งแตกต่างจาก Android และ iOS โดยไม่ติดตามผู้ใช้หรือส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ระบบถูกออกแบบให้เคารพความเป็นส่วนตัวโดยค่าเริ่มต้น พร้อมสัญญาการสนับสนุนซอฟต์แวร์อย่างน้อย 5 ปีโดยไม่มีการบังคับให้อัปเกรดเครื่อง นอกจากนี้ยังรองรับ Android apps ผ่าน AppSupport ในสภาพแวดล้อม sandbox ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานแบบ “de-Googled” ได้เต็มที่ ⚙️ สเปกและฟีเจอร์เด่น 💠 ชิปเซ็ต: Mediatek 5G platform 💠 RAM: 12 GB 💠 Storage: 256 GB + microSDXC 💠 หน้าจอ: 6.36″ Full-HD AMOLED ~390 ppi พร้อม Gorilla Glass 💠 กล้อง: 50MP Wide + 13MP Ultrawide, กล้องหน้า wide-lens 💠 แบตเตอรี่: ~5,500 mAh ถอดเปลี่ยนได้ 💠 การเชื่อมต่อ: WiFi 6, BT 5.4, NFC, 4G + 5G dual SIM 💠 ฟีเจอร์พิเศษ: ปุ่ม Power รวม fingerprint, สวิตช์ privacy สำหรับปิดไมค์และ Bluetooth 💶 ราคาและการวางจำหน่าย Jolla Phone เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าด้วยเงินมัดจำ €99 (คืนได้) ราคาพิเศษสำหรับผู้สั่งจองคือ €499 รวม VAT และคาดว่าราคาขายจริงจะอยู่ระหว่าง €599–€699 โดยจะเริ่มส่งมอบในครึ่งแรกของปี 2026 รุ่นแรกจะวางจำหน่ายใน EU, UK, สวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ แต่รองรับการใช้งานทั่วโลกด้วยโมเด็ม roaming 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การกลับมาของ Jolla Phone ➡️ เปิดตัวครั้งแรกปี 2013 และกลับมาอีกครั้งในปี 2025 ➡️ เปิดตัวผ่าน crowdfunding และมียอดจองเกิน 2,000 เครื่อง ✅ จุดเด่นของ Sailfish OS 5 ➡️ เคารพความเป็นส่วนตัว ไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ ➡️ รองรับ Android apps ผ่าน sandbox ✅ สเปกหลักของเครื่อง ➡️ RAM 12 GB, Storage 256 GB + microSDXC ➡️ กล้องหลัก 50MP + 13MP Ultrawide ➡️ แบตเตอรี่ 5,500 mAh ถอดเปลี่ยนได้ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคาขายจริงสูงกว่าราคา pre-order (คาด €599–€699) ⛔ ยังจำกัดการวางจำหน่ายในยุโรปช่วงแรก https://itsfoss.com/news/jolla-phone-returns/
    ITSFOSS.COM
    This Could Be The Linux Phone We All Have Been Waiting For
    The Jolla Phone returns over a decade after the original 2013 launch.
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • สถานทูตญี่ปุ่นในพนมเปญแสดงความกังวลต่อความตึงเครียดไทย-กัมพูชาที่ปะทุรอบใหม่ แม้มีปฏิญญาร่วมเมื่อ 26 ต.ค. , เรียกร้องทั้งสองฝ่ายยึดข้อตกลงหยุดยิง อดทนอดกลั้น และหาทางออกสันติ พร้อมย้ำญี่ปุ่นจะร่วมมือสหรัฐฯ มาเลเซีย และประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อลดสถานการณ์
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117994
    .
    #News1live #News1 #ญี่ปุ่น #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน
    สถานทูตญี่ปุ่นในพนมเปญแสดงความกังวลต่อความตึงเครียดไทย-กัมพูชาที่ปะทุรอบใหม่ แม้มีปฏิญญาร่วมเมื่อ 26 ต.ค. , เรียกร้องทั้งสองฝ่ายยึดข้อตกลงหยุดยิง อดทนอดกลั้น และหาทางออกสันติ พร้อมย้ำญี่ปุ่นจะร่วมมือสหรัฐฯ มาเลเซีย และประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อลดสถานการณ์ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117994 . #News1live #News1 #ญี่ปุ่น #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.6 นอกชายฝั่งมิซาวะ ทำให้หลายพื้นที่สั่นสะเทือน ผู้คนต้องอพยพ-ไฟดับหลายพันครัวเรือน มีรายงานผู้บาดเจ็บ ล่าสุดประกาศยกเลิกเตือนสึนามิแล้ว แต่ยังเฝ้าระวังแผ่นดินไหวซ้ำ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117999
    .
    #News1live #News1 #แผ่นดินไหวญี่ปุ่น #สึนามิ #ญี่ปุ่น
    ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.6 นอกชายฝั่งมิซาวะ ทำให้หลายพื้นที่สั่นสะเทือน ผู้คนต้องอพยพ-ไฟดับหลายพันครัวเรือน มีรายงานผู้บาดเจ็บ ล่าสุดประกาศยกเลิกเตือนสึนามิแล้ว แต่ยังเฝ้าระวังแผ่นดินไหวซ้ำ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117999 . #News1live #News1 #แผ่นดินไหวญี่ปุ่น #สึนามิ #ญี่ปุ่น
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • สถานทูตสหรัฐฯ ประจำไทยประกาศเตือนภัยความมั่นคงระดับสีแดง หลังการปะทะไทย-กัมพูชายิงข้ามพรมแดนต่อเนื่อง พร้อมแนะนำพลเมืองอเมริกันเลี่ยงพื้นที่ในรัศมี 50 กม. ด้านอินฟลูเขมร–อดีตนาวิกฯ สหรัฐฯ เผยภาพดาวเทียมอ้างเคลื่อนกำลังไทยใกล้ปราสาทคนา
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117991
    .
    #News1live #News1 #สถานทูตสหรัฐฯ #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน
    สถานทูตสหรัฐฯ ประจำไทยประกาศเตือนภัยความมั่นคงระดับสีแดง หลังการปะทะไทย-กัมพูชายิงข้ามพรมแดนต่อเนื่อง พร้อมแนะนำพลเมืองอเมริกันเลี่ยงพื้นที่ในรัศมี 50 กม. ด้านอินฟลูเขมร–อดีตนาวิกฯ สหรัฐฯ เผยภาพดาวเทียมอ้างเคลื่อนกำลังไทยใกล้ปราสาทคนา . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117991 . #News1live #News1 #สถานทูตสหรัฐฯ #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ และสหภาพยุโรป ในวันจันทร์ (8 ธ.ค.) ร้องขอความอดทนอดกลั้นจากกัมพูชาและไทย ตามหลังเหตุปะทะรอบใหม่ตามแนวชายแดน ที่บีบให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องหลบหนี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000117996

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ และสหภาพยุโรป ในวันจันทร์ (8 ธ.ค.) ร้องขอความอดทนอดกลั้นจากกัมพูชาและไทย ตามหลังเหตุปะทะรอบใหม่ตามแนวชายแดน ที่บีบให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องหลบหนี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000117996 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 12

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 12 (จบ)
    กลับมาดูกันดีๆอีกที จะได้รู้ว่า ยุทธศาสตร์การเมืองโลก เขาต้องวางกันเป็นปีๆ ประเภทใจร้อนถาม ทำไมไม่ทำนั่น ทำไมไม่ปิดนี่ มันไม่ง่ายแบบเล่นเป่ากบนะครับ จะเล่นฟุตบอล ตีเทนนิส ยังต้องวางแผน นับประสาอะไรกับบ้านเมือง แต่ถ้าเล่นแบบไม่หวงไม่ห่วง คิดมั่วคิดโกงแบบนั้น ให้ทำพรุ่งนี้ทั้งเมืองก็ได้ ฉิบหาย ก็เปิดแน่บไปอยู่เมืองนอก คอยส่งเสียงเห่ามายุ ลูกน้องก็หอนตอบ จะเอาอย่างนั้นอีกหรือครับ
    ผมจะไล่เรียงเหตุการณ์ให้ใหม่ จะได้เห็นกันชัดๆ
    1999 – จีนเข้าไปลงทุน สำรวจแหล่งน้ำมันในซูดาน
    2004 – จีนเริ่มเจรจากับพม่า เรื่องการสร้างท่อส่ง จากพม่าไปจีน
    2005 – การร่วมทุน จีน-ซูดาน พบแหล่งน้ำมัน
    2006 – เกิดสงครามกลางเมืองที่ ดาร์ฟู ในซูดานใต้ ที่จีนพบแหล่งน้ำมัน
    – จีน จัดอาฟริกันซัมมิท ผูกมิตรกับอาฟริกา
    2007 – คุณลุงหู ของจีน ไปเยี่ยมซูดาน
    – จีน เริ่มลงทุนสำรวจน้ำมันในชาด
    – อเมริกา ตั้ง AFRICOM
    – เกิดการประท้วงใหญ่ หรือปฏิวัติสีจีวรในพม่า
    2008 – พม่าทำสัญญากับจีน ตกลงให้จีนสร้างท่อส่งแก๊ส จากท่าเรือที่พม่าไปจีน
    2009 – อัลไดด้า ตั้งฐานที่เยเมน อเมริกานำกำลังมาปราบ และทิ้งกำลังไว้ในเยเมน
    และเกิดสลัดโซมาเลีย
    2010 – เกิดกบฏในลิเบีย
    2011 – กัดดาฟี ถูกเก็บ
    – เกิดรัฐซูดานใต้ จีนกินแห้วซูดาน
    – จีนเริ่มก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน จาก ท่าเรือพม่าไปจีน
    2015 – ท่อส่ง จีน-พม่า เสร็จเรียบร้อย
    จากไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ คงเห็นว่า ปี ค.ศ.2005 น่าจะเป็นปีสำคัญ เป็นปีที่อเมริการู้ชัดแล้วว่า จีนเข้าไปปักธงในอาฟริกาสำเร็จ แผนการซูดาน ลิเบีย จึงต้องรีบเกิด เพื่อกันท่าจีน และคุมอาฟริกาต่อ
    ส่วนจีน เมื่อเรื่มสำรวจในอาฟริกาได้ 2,3 ปี พอรู้ว่า น่าจะมีน้ำมันแน่ จีนต้องคิดเตรียมการ หาลู่ทางส่งน้ำมันมาจีน อย่างไม่ให้โดนกักและไม่เพิ่มต้นทุน จีนเป็นพ่อค้า ที่มองการณ์ไกล คงเห็นแล้วว่า เส้นทางส่งน้ำมันที่จะมาถึงจีน มีจุดตายอยู่ที่ไหนบ้าง พม่าที่ยังปิดประตูบ้าน น่าเป็นทางออกที่ดี จีนจึงเริ่มเจรจาเงียบๆ ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าเต็มสูบในอาฟริกา จับมือไปทั่ว ทำให้อเมริกาต้องรีบตั้ง AFRICOM มาคอยตักตีหัวจีน และหัวอื่น ที่ช่วยจีนแถวอาฟริกา และตะวันออกกลาง
    จีนหาแหล่งพลังงาน โดยใช้ยุทธศาสตร์การร่วมลงทุนนำ หน้า ใครจะเป็นผู้ปกครองประเทศ ด้วยระบอบอะไร ชอบไม่ชอบอะไร จีนไม่ไปยุ่งในบ้านเขา จีนเพียงต้องการลงทุน หาพลังงานไปเลี้ยงประเทศของตัว
    ส่วนอเมริกา ก็ต้องการแหล่งพลังงาน แต่วิธีการต่างกับจีน อเมริกาหาพลังงาน ด้วยการสร้างสงครามกลางเมือง ด้วยการสร้างปฏิวัติ ด้วยการถล่มเมือง ด้วยการฆ่าผู้นำ พูดให้ชัด ก็กระทำการเป็นโจรปล้น และ ฆ่าเจ้าของทรัพย์น่ะ ใครที่บอกว่า จีน รัสเซีย ก็เลวไม่ต่างกับอเมริกา อาจจะเลวมากว่าด้วยซ้ำ ก็ไปศึกษาพิจารณา ดูเองบ้าง อย่าทำตัวเป็นพวกนกแก้ว หรือจิ้งหรีดถูกปั่นหัว
    วันนี้ จีนรอดจากห่วงรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกาแล้ว อเมริกาจะทำอย่างไร อเมริกา น่าจะอาการหนัก ขาฉีก ด้านหนึ่ง คงขึ้นเหนือ สงครามทำลายท่อส่งจีนพม่าน่าจะ เกิดขึ้น ความวุ่นวายในพม่า คงเกิดขึ้นอีกรอบ ท่านทั้งหลายที่สงสัยว่า ทำไมเขาว่าจีนอยู่เต็มพม่า ก็คงจะเข้าใจ รัฐบาลพม่าน่าจะไม่เหยียบเรือที่แคม ไม่งั้นคุณนายซูไม่พริ้วไปจีนเมื่อเร็วๆนี้หรอก
    อีกด้าน อเมริกาก็จะปล่อยช่องแคบมะละกา ไม่ได้เหมือนกัน แต่คราวนี้ ด้วยเหตุผลต่างกัน ก่อนหน้านี้ เพื่อกักน้ำมันไม่ให้ไปจีน แต่ตอนนี้ต้องมาป้องกัน ไม่ให้น้ำมันที่จะไปญี่ปุ่นถูกกัก ซึ่งต้องใช้เส้นทางผ่านช่องแคบมะละกานี่เหมือนกัน เออ โลกมันก็หมุนกลับได้เหมือนกันนะ เพิ่งจะผ่านกฏหมายให้มาแบกถาดรับใช้อเมริกา แต่ดันไม่มีน้ำมัน ซามูไร ยากูซ่า คงด่ากันขรม จะให้ตีกรรเชียงแบกถาดมาหรือไงวะ อ๊าย สนุกจังเนะ
    แล้วนี่ถ้าเกิดมีสลัดมะละกอ อยู่แถวมะละกา จะทำยังไงคร้าบ ผู้ก่อการร้ายก็ดก โพกหัวเข้าหน่อยไม่รู้มาจากไหน มิน่า คุณป๊ะนาจิป ถึงได้ใบเหลือง…
    (นิทานเรื่องนี้ ขอจบก่อนนะครับ พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าไม่ต้องรออ่าน จริงๆ มีเรื่อง น่าจะเขียนถึง อีก 3,4 ตอน แต่ผมหมดแรงแล้ว ผมขอส่งใบลาพัก ไปไขลานหน่อย เมื่อยไปทั้งตัว เดินจะไม่ไหว ไขลานแล้วเดินไหวจะกลับมาใหม่ และก็อยากให้ไอ้คนทำหน้าที่ป่วนเพจนิทาน มันได้หยุดพักมั่ง ทำงาน วันละ 25 ชั่วโมงเหมือนกัน มันใช้เอ็งยังกับทาส ยังทำให้มันอยู่อีกเรอะ?!)
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 12 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 12 (จบ) กลับมาดูกันดีๆอีกที จะได้รู้ว่า ยุทธศาสตร์การเมืองโลก เขาต้องวางกันเป็นปีๆ ประเภทใจร้อนถาม ทำไมไม่ทำนั่น ทำไมไม่ปิดนี่ มันไม่ง่ายแบบเล่นเป่ากบนะครับ จะเล่นฟุตบอล ตีเทนนิส ยังต้องวางแผน นับประสาอะไรกับบ้านเมือง แต่ถ้าเล่นแบบไม่หวงไม่ห่วง คิดมั่วคิดโกงแบบนั้น ให้ทำพรุ่งนี้ทั้งเมืองก็ได้ ฉิบหาย ก็เปิดแน่บไปอยู่เมืองนอก คอยส่งเสียงเห่ามายุ ลูกน้องก็หอนตอบ จะเอาอย่างนั้นอีกหรือครับ ผมจะไล่เรียงเหตุการณ์ให้ใหม่ จะได้เห็นกันชัดๆ 1999 – จีนเข้าไปลงทุน สำรวจแหล่งน้ำมันในซูดาน 2004 – จีนเริ่มเจรจากับพม่า เรื่องการสร้างท่อส่ง จากพม่าไปจีน 2005 – การร่วมทุน จีน-ซูดาน พบแหล่งน้ำมัน 2006 – เกิดสงครามกลางเมืองที่ ดาร์ฟู ในซูดานใต้ ที่จีนพบแหล่งน้ำมัน – จีน จัดอาฟริกันซัมมิท ผูกมิตรกับอาฟริกา 2007 – คุณลุงหู ของจีน ไปเยี่ยมซูดาน – จีน เริ่มลงทุนสำรวจน้ำมันในชาด – อเมริกา ตั้ง AFRICOM – เกิดการประท้วงใหญ่ หรือปฏิวัติสีจีวรในพม่า 2008 – พม่าทำสัญญากับจีน ตกลงให้จีนสร้างท่อส่งแก๊ส จากท่าเรือที่พม่าไปจีน 2009 – อัลไดด้า ตั้งฐานที่เยเมน อเมริกานำกำลังมาปราบ และทิ้งกำลังไว้ในเยเมน และเกิดสลัดโซมาเลีย 2010 – เกิดกบฏในลิเบีย 2011 – กัดดาฟี ถูกเก็บ – เกิดรัฐซูดานใต้ จีนกินแห้วซูดาน – จีนเริ่มก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน จาก ท่าเรือพม่าไปจีน 2015 – ท่อส่ง จีน-พม่า เสร็จเรียบร้อย จากไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ คงเห็นว่า ปี ค.ศ.2005 น่าจะเป็นปีสำคัญ เป็นปีที่อเมริการู้ชัดแล้วว่า จีนเข้าไปปักธงในอาฟริกาสำเร็จ แผนการซูดาน ลิเบีย จึงต้องรีบเกิด เพื่อกันท่าจีน และคุมอาฟริกาต่อ ส่วนจีน เมื่อเรื่มสำรวจในอาฟริกาได้ 2,3 ปี พอรู้ว่า น่าจะมีน้ำมันแน่ จีนต้องคิดเตรียมการ หาลู่ทางส่งน้ำมันมาจีน อย่างไม่ให้โดนกักและไม่เพิ่มต้นทุน จีนเป็นพ่อค้า ที่มองการณ์ไกล คงเห็นแล้วว่า เส้นทางส่งน้ำมันที่จะมาถึงจีน มีจุดตายอยู่ที่ไหนบ้าง พม่าที่ยังปิดประตูบ้าน น่าเป็นทางออกที่ดี จีนจึงเริ่มเจรจาเงียบๆ ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าเต็มสูบในอาฟริกา จับมือไปทั่ว ทำให้อเมริกาต้องรีบตั้ง AFRICOM มาคอยตักตีหัวจีน และหัวอื่น ที่ช่วยจีนแถวอาฟริกา และตะวันออกกลาง จีนหาแหล่งพลังงาน โดยใช้ยุทธศาสตร์การร่วมลงทุนนำ หน้า ใครจะเป็นผู้ปกครองประเทศ ด้วยระบอบอะไร ชอบไม่ชอบอะไร จีนไม่ไปยุ่งในบ้านเขา จีนเพียงต้องการลงทุน หาพลังงานไปเลี้ยงประเทศของตัว ส่วนอเมริกา ก็ต้องการแหล่งพลังงาน แต่วิธีการต่างกับจีน อเมริกาหาพลังงาน ด้วยการสร้างสงครามกลางเมือง ด้วยการสร้างปฏิวัติ ด้วยการถล่มเมือง ด้วยการฆ่าผู้นำ พูดให้ชัด ก็กระทำการเป็นโจรปล้น และ ฆ่าเจ้าของทรัพย์น่ะ ใครที่บอกว่า จีน รัสเซีย ก็เลวไม่ต่างกับอเมริกา อาจจะเลวมากว่าด้วยซ้ำ ก็ไปศึกษาพิจารณา ดูเองบ้าง อย่าทำตัวเป็นพวกนกแก้ว หรือจิ้งหรีดถูกปั่นหัว วันนี้ จีนรอดจากห่วงรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกาแล้ว อเมริกาจะทำอย่างไร อเมริกา น่าจะอาการหนัก ขาฉีก ด้านหนึ่ง คงขึ้นเหนือ สงครามทำลายท่อส่งจีนพม่าน่าจะ เกิดขึ้น ความวุ่นวายในพม่า คงเกิดขึ้นอีกรอบ ท่านทั้งหลายที่สงสัยว่า ทำไมเขาว่าจีนอยู่เต็มพม่า ก็คงจะเข้าใจ รัฐบาลพม่าน่าจะไม่เหยียบเรือที่แคม ไม่งั้นคุณนายซูไม่พริ้วไปจีนเมื่อเร็วๆนี้หรอก อีกด้าน อเมริกาก็จะปล่อยช่องแคบมะละกา ไม่ได้เหมือนกัน แต่คราวนี้ ด้วยเหตุผลต่างกัน ก่อนหน้านี้ เพื่อกักน้ำมันไม่ให้ไปจีน แต่ตอนนี้ต้องมาป้องกัน ไม่ให้น้ำมันที่จะไปญี่ปุ่นถูกกัก ซึ่งต้องใช้เส้นทางผ่านช่องแคบมะละกานี่เหมือนกัน เออ โลกมันก็หมุนกลับได้เหมือนกันนะ เพิ่งจะผ่านกฏหมายให้มาแบกถาดรับใช้อเมริกา แต่ดันไม่มีน้ำมัน ซามูไร ยากูซ่า คงด่ากันขรม จะให้ตีกรรเชียงแบกถาดมาหรือไงวะ อ๊าย สนุกจังเนะ แล้วนี่ถ้าเกิดมีสลัดมะละกอ อยู่แถวมะละกา จะทำยังไงคร้าบ ผู้ก่อการร้ายก็ดก โพกหัวเข้าหน่อยไม่รู้มาจากไหน มิน่า คุณป๊ะนาจิป ถึงได้ใบเหลือง… (นิทานเรื่องนี้ ขอจบก่อนนะครับ พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าไม่ต้องรออ่าน จริงๆ มีเรื่อง น่าจะเขียนถึง อีก 3,4 ตอน แต่ผมหมดแรงแล้ว ผมขอส่งใบลาพัก ไปไขลานหน่อย เมื่อยไปทั้งตัว เดินจะไม่ไหว ไขลานแล้วเดินไหวจะกลับมาใหม่ และก็อยากให้ไอ้คนทำหน้าที่ป่วนเพจนิทาน มันได้หยุดพักมั่ง ทำงาน วันละ 25 ชั่วโมงเหมือนกัน มันใช้เอ็งยังกับทาส ยังทำให้มันอยู่อีกเรอะ?!) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ก.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 11

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 11
    ในช่วงหลายปีมานี้ จีนให้ความช่วยเหลือพม่า ด้านการทหารอย่างมหาศาล ให้ทั้งเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง รถถัง และอาวุธ รวมทั้งส่งเรือรบ และเครื่องป้องกันจรวดจากพื้นดินด้วย นอกจากนี้ จีนยังสร้างทางรถไฟ ถนนให้กับพม่า และพม่ายังมีข้อตกลงกับจีน ให้จีนสามารถนำกองกำลังเข้ามาในพม่าได้ด้วย เรื่องนี้ มันเหลือเชื่อ … นอกจากนี้ จีนยังสร้างเครื่องตรวจจับโดยใช้ระบบอีเล็กโทรนิค ไว้ที่เกาะโกโก้ของพม่า ในมหาสมุทรอินเดีย และพม่ายังยอมให้จีน สร้างฐานทัพเรือ ไว้แถวนั้นอีกด้วย
    เขาจับมือกันแน่นขนาดนี้ อเมริกาจะทนดูไหวหรือ
    น้ำมันและแก๊สของพม่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ทั้ง 2 เรื่องนี้ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้อเมริกาแยกเขี้ยวคำราม จนขนสันหลังตั้งชัน ใส่จีน
    พม่าเริ่มผลิตน้ำมันและแก๊สได้เอง ตั้งแต่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แล้ว โดยอังกฤษตั้งบริษัท ชื่อ Rangoon Oil Company ในปี ค.ศ.1871 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Burmah Oil Company ในปี ค.ศ.1970 พม่าผลิตแก๊สธรรมชาติได้ และในปี ค.ศ.1990 พม่าให้สัมปทานแก๊ส ในอ่าวเมาะตะมะ Martaban แก่ Elf Total ของฝรั่งเศส และ Premier Oil ของอังกฤษ ต่อมา Texaco และ Unocal (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Chevron) ก็ได้สัมปทาน จากแหล่ง ยาดานา Yadana และเยตากุน Yatagun ด้วย ใครว่าพม่าปิดประตูแน่น
    แหล่งยาดานา มีแก๊สประมาณ 5 ล้านล้านคิวบิกฟุต คาดกันว่ามีอายุใช้งานอย่างน้อย 30 ปี ส่วนเยตากุน มีประมาณ 1 ใน 3 ของ ยาดานา พม่าไม่น่าจนนะ
    ในปี ค.ศ.2004 ยังมีการค้นพบแหล่งแก๊สใหญ่ ฉ่วย Shwe นอกอ่าวอาระกัน Arakan
    ในปี ค.ศ.2002 Texaco และ Premier Oil ต่างถอนตัวจาก โครงการที่เยตากุน หลังจากมีการกดดันจากรัฐบาลอังกฤษ และพวก เอ็นจีโอ NGO หลังจากนั้น Petronas ของมาเลเซีย ก็เข้ามาซื้อหุ้นใน Premier ไป 27% และ Premier ก็กลับเข้าไปทำโครงการ ในเยตากุนต่อร่วมกับ Nippon’s Oil ของญี่ปุ่นกับ PTT-EP ของไทย แก๊สจากแหล่งนี้ ส่งออกไปตามท่อของยาดานา การร่วมทุนรายการนี้ น่าสนใจนะครับ มาเลเซีย อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย ในปี ค.ศ. 2002 ที่เรามีไอ้โจรร้ายเป็นนายกรัฐมนตรี (ไอ้โจรร้าย เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ.2001 ถึง 2006)
    ส่วนที่ยาดานา มีการร่วมลงทุนระหว่าง Elf Total, Unocal, PTT-EP และ MOGE องค์กรของรัฐบาลพม่า โดยมี Total เป็นผู้ดำเนินการ
    ในช่วงปี ค.ศ.2005 จีน ไทย เกาหลีใต้ ต่างขยายการลงทุนในพม่า ด้านน้ำมันและแก๊สอย่างมาก การส่งออกแก็สของพม่า มายังไทยเพิ่มขึ้นถึง 50% แก๊ส กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่นำรายได้มาเลี้ยงพม่า
    จีน อินเดีย พม่า และบังคลาเทศ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในแหล่งทรัพยากรในทะเล ซึ่งรวมไปถึงสิทธืในแหล่งแก็ส ฉ่วย Shwe
    ในปี ค.ศ.2007 พม่าลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ PetroChina ที่จะส่งแก๊สจากแหล่งฉ่วยในอ่าวเบงกอลให้แก่จีน ในปริมาณมหาศาล เป็นเวลา 30 ปี รายการนี้ อีนี่ อินเดียเสียหายมาก เดิมพม่าให้สัมปทานกับอินเดีย ที่จะขุดเจาะแก๊ส 2 หลุมในทะเล และอินเดียมีแผนที่จะส่งแก๊ส เข้าท่อส่งแก๊ส ที่จะวางผ่านบังคลาเทศ ไปเข้าอินเดีย แต่แขกคุยกันเองไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับเรื่องเขตแดนในทะเล คงส่ายหน้าไปกันคนละทาง เขาว่า กว่าจะตกลงกันได้ ก็ปาเข้าปี ค.ศ.2014 นี่เอง
    พม่าขี้เกียจรอแขกทะเลาะกัน เลยตัดสินใจคุยกับจีน ซึ่งเสนอเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อสร้างท่อส่งแก๊สและน้ำมัน จากท่าเรือน้ำลึกในสิตเว Sittwe ที่อ่าวเบงกอล ข้ามไปนู่น ถึงคุนหมิง แค้วนยูนนานของจีน เป็นท่อส่งที่มีความยาวถึง 2,400 กิโลเมตร (บางข้อมูล บอก 2,800 กิโลเมตร) และจีนกำลังสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ที่คุนหมิงอีกด้วย คงพอเห็นยุทธศาสตร์ของอาเฮีย เพื่อแก้เกมรัดคอนะครับ (จีนเริ่มคุยกับพม่า ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 แต่มาทำสัญญากันปี ค.ศ.2008)
    ท่อส่งรายการนี้ จะช่วยให้น้ำมันจากอาฟริกา (ซูดานและชาด เป็นต้น) และตะวันออกกลาง (อิหร่าน ซาอุดิอารเบีย) ส่งมาถึงจีน โดยไม่ต้องผ่านจุดรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกา ห่างมือห่างตีน ของอเมริกา ที่คิดจะมาคุมช่องแคบมะละกา และพม่าก็กลายเป็นสะพานเชื่อมจีน กับ บังคลาเทศ อีกด้วย
    ฝ่ายหนึ่ง เตรียมแผนคุมบริเวณห่วงรัดคอ อีกฝ่าย กำลังหนีห่วงรัดคอ ด้วยแผนสร้างท่อ สู้ด้วยท่อเหมือนเพื่อนรัก ถ้าจีนสร้างท่อส่งเสร็จเมื่อไหร่ แผนห่วงรัดคอ ก็คงเป็นหมันใช้กับจีนไม่ได้
    แล้วอย่างเงียบๆ ท่อส่งแก๊ส น้ำมัน พม่าจีน ก็สร้างเสร็จ ทำพิธีปล่อยลูกโป่งไปเมื่อ เดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง กว่าจะเสร็จ เขาว่ามี เอ็นจีโอ ประท้วงเกือบทุกกิโลเมตร
    จีนบอกว่า เรามาขออาศัยใช้พื้นที่วางท่อ เราไม่ได้มายุให้ประชาชนตีกัน ทะเลาะกัน เราไม่คิดยุ่งกับการบ้านการเมืองของใคร ไม่บังคับข่มขืนจิตใจใคร ให้ปกครองบ้านเมืองอย่างไร ไม่ต้องมาใช้ตะเกียบเหมือนเรา ถนัดนุ่งโสร่งก็นุ่งต่อไป เราไม่ยุ่งอะไรด้วย อาเฮียหวังมาผูกมิตร เซ็งลี้ฮ้อด้วยกันอย่างเดียว และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาเอา เปรียบ จีนตกลงจะจ่ายค่าชดเชย (ค่าใช้ที่ดินในการวางท่อ) ให้พม่าเป็นระยะเวลา 30 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 5 หมื่น 3 พันล้านเหรียญ และสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ใบบริเวณ ที่ท่อส่งผ่าน อีกประมาณ 25 ล้านเหรียญ แล้วทั้งเสียงของ เอ็นจีโอ และรัฐบาลพม่าก็เงียบไป
    แล้วอีกเสียงจะเงียบไหม คุณนายซู ยังไม่ได้คุมประเทศตามที่ต้องการ โปรโมเตอร์เสียงอ่อยไปจม เหลือให้เล่นไม่กี่ฉาก ตามสันดานนักล่า หมากพม่ากระดานนี้ ดูเหมือนนักล่าจะเสียให้แก่จีน เหมือนตอนเสียซูดานใต้ยกแรก แบบนี้ นักล่าคงเตรียมยุทธศาสตร์รุกกลับ รุนแรงตามสันดาน และอาจจะหนักกว่าสมัยซูดานใต้
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 11 ในช่วงหลายปีมานี้ จีนให้ความช่วยเหลือพม่า ด้านการทหารอย่างมหาศาล ให้ทั้งเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง รถถัง และอาวุธ รวมทั้งส่งเรือรบ และเครื่องป้องกันจรวดจากพื้นดินด้วย นอกจากนี้ จีนยังสร้างทางรถไฟ ถนนให้กับพม่า และพม่ายังมีข้อตกลงกับจีน ให้จีนสามารถนำกองกำลังเข้ามาในพม่าได้ด้วย เรื่องนี้ มันเหลือเชื่อ … นอกจากนี้ จีนยังสร้างเครื่องตรวจจับโดยใช้ระบบอีเล็กโทรนิค ไว้ที่เกาะโกโก้ของพม่า ในมหาสมุทรอินเดีย และพม่ายังยอมให้จีน สร้างฐานทัพเรือ ไว้แถวนั้นอีกด้วย เขาจับมือกันแน่นขนาดนี้ อเมริกาจะทนดูไหวหรือ น้ำมันและแก๊สของพม่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้ง 2 เรื่องนี้ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้อเมริกาแยกเขี้ยวคำราม จนขนสันหลังตั้งชัน ใส่จีน พม่าเริ่มผลิตน้ำมันและแก๊สได้เอง ตั้งแต่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แล้ว โดยอังกฤษตั้งบริษัท ชื่อ Rangoon Oil Company ในปี ค.ศ.1871 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Burmah Oil Company ในปี ค.ศ.1970 พม่าผลิตแก๊สธรรมชาติได้ และในปี ค.ศ.1990 พม่าให้สัมปทานแก๊ส ในอ่าวเมาะตะมะ Martaban แก่ Elf Total ของฝรั่งเศส และ Premier Oil ของอังกฤษ ต่อมา Texaco และ Unocal (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Chevron) ก็ได้สัมปทาน จากแหล่ง ยาดานา Yadana และเยตากุน Yatagun ด้วย ใครว่าพม่าปิดประตูแน่น แหล่งยาดานา มีแก๊สประมาณ 5 ล้านล้านคิวบิกฟุต คาดกันว่ามีอายุใช้งานอย่างน้อย 30 ปี ส่วนเยตากุน มีประมาณ 1 ใน 3 ของ ยาดานา พม่าไม่น่าจนนะ ในปี ค.ศ.2004 ยังมีการค้นพบแหล่งแก๊สใหญ่ ฉ่วย Shwe นอกอ่าวอาระกัน Arakan ในปี ค.ศ.2002 Texaco และ Premier Oil ต่างถอนตัวจาก โครงการที่เยตากุน หลังจากมีการกดดันจากรัฐบาลอังกฤษ และพวก เอ็นจีโอ NGO หลังจากนั้น Petronas ของมาเลเซีย ก็เข้ามาซื้อหุ้นใน Premier ไป 27% และ Premier ก็กลับเข้าไปทำโครงการ ในเยตากุนต่อร่วมกับ Nippon’s Oil ของญี่ปุ่นกับ PTT-EP ของไทย แก๊สจากแหล่งนี้ ส่งออกไปตามท่อของยาดานา การร่วมทุนรายการนี้ น่าสนใจนะครับ มาเลเซีย อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย ในปี ค.ศ. 2002 ที่เรามีไอ้โจรร้ายเป็นนายกรัฐมนตรี (ไอ้โจรร้าย เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ.2001 ถึง 2006) ส่วนที่ยาดานา มีการร่วมลงทุนระหว่าง Elf Total, Unocal, PTT-EP และ MOGE องค์กรของรัฐบาลพม่า โดยมี Total เป็นผู้ดำเนินการ ในช่วงปี ค.ศ.2005 จีน ไทย เกาหลีใต้ ต่างขยายการลงทุนในพม่า ด้านน้ำมันและแก๊สอย่างมาก การส่งออกแก็สของพม่า มายังไทยเพิ่มขึ้นถึง 50% แก๊ส กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่นำรายได้มาเลี้ยงพม่า จีน อินเดีย พม่า และบังคลาเทศ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในแหล่งทรัพยากรในทะเล ซึ่งรวมไปถึงสิทธืในแหล่งแก็ส ฉ่วย Shwe ในปี ค.ศ.2007 พม่าลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ PetroChina ที่จะส่งแก๊สจากแหล่งฉ่วยในอ่าวเบงกอลให้แก่จีน ในปริมาณมหาศาล เป็นเวลา 30 ปี รายการนี้ อีนี่ อินเดียเสียหายมาก เดิมพม่าให้สัมปทานกับอินเดีย ที่จะขุดเจาะแก๊ส 2 หลุมในทะเล และอินเดียมีแผนที่จะส่งแก๊ส เข้าท่อส่งแก๊ส ที่จะวางผ่านบังคลาเทศ ไปเข้าอินเดีย แต่แขกคุยกันเองไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับเรื่องเขตแดนในทะเล คงส่ายหน้าไปกันคนละทาง เขาว่า กว่าจะตกลงกันได้ ก็ปาเข้าปี ค.ศ.2014 นี่เอง พม่าขี้เกียจรอแขกทะเลาะกัน เลยตัดสินใจคุยกับจีน ซึ่งเสนอเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อสร้างท่อส่งแก๊สและน้ำมัน จากท่าเรือน้ำลึกในสิตเว Sittwe ที่อ่าวเบงกอล ข้ามไปนู่น ถึงคุนหมิง แค้วนยูนนานของจีน เป็นท่อส่งที่มีความยาวถึง 2,400 กิโลเมตร (บางข้อมูล บอก 2,800 กิโลเมตร) และจีนกำลังสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ที่คุนหมิงอีกด้วย คงพอเห็นยุทธศาสตร์ของอาเฮีย เพื่อแก้เกมรัดคอนะครับ (จีนเริ่มคุยกับพม่า ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 แต่มาทำสัญญากันปี ค.ศ.2008) ท่อส่งรายการนี้ จะช่วยให้น้ำมันจากอาฟริกา (ซูดานและชาด เป็นต้น) และตะวันออกกลาง (อิหร่าน ซาอุดิอารเบีย) ส่งมาถึงจีน โดยไม่ต้องผ่านจุดรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกา ห่างมือห่างตีน ของอเมริกา ที่คิดจะมาคุมช่องแคบมะละกา และพม่าก็กลายเป็นสะพานเชื่อมจีน กับ บังคลาเทศ อีกด้วย ฝ่ายหนึ่ง เตรียมแผนคุมบริเวณห่วงรัดคอ อีกฝ่าย กำลังหนีห่วงรัดคอ ด้วยแผนสร้างท่อ สู้ด้วยท่อเหมือนเพื่อนรัก ถ้าจีนสร้างท่อส่งเสร็จเมื่อไหร่ แผนห่วงรัดคอ ก็คงเป็นหมันใช้กับจีนไม่ได้ แล้วอย่างเงียบๆ ท่อส่งแก๊ส น้ำมัน พม่าจีน ก็สร้างเสร็จ ทำพิธีปล่อยลูกโป่งไปเมื่อ เดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง กว่าจะเสร็จ เขาว่ามี เอ็นจีโอ ประท้วงเกือบทุกกิโลเมตร จีนบอกว่า เรามาขออาศัยใช้พื้นที่วางท่อ เราไม่ได้มายุให้ประชาชนตีกัน ทะเลาะกัน เราไม่คิดยุ่งกับการบ้านการเมืองของใคร ไม่บังคับข่มขืนจิตใจใคร ให้ปกครองบ้านเมืองอย่างไร ไม่ต้องมาใช้ตะเกียบเหมือนเรา ถนัดนุ่งโสร่งก็นุ่งต่อไป เราไม่ยุ่งอะไรด้วย อาเฮียหวังมาผูกมิตร เซ็งลี้ฮ้อด้วยกันอย่างเดียว และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาเอา เปรียบ จีนตกลงจะจ่ายค่าชดเชย (ค่าใช้ที่ดินในการวางท่อ) ให้พม่าเป็นระยะเวลา 30 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 5 หมื่น 3 พันล้านเหรียญ และสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ใบบริเวณ ที่ท่อส่งผ่าน อีกประมาณ 25 ล้านเหรียญ แล้วทั้งเสียงของ เอ็นจีโอ และรัฐบาลพม่าก็เงียบไป แล้วอีกเสียงจะเงียบไหม คุณนายซู ยังไม่ได้คุมประเทศตามที่ต้องการ โปรโมเตอร์เสียงอ่อยไปจม เหลือให้เล่นไม่กี่ฉาก ตามสันดานนักล่า หมากพม่ากระดานนี้ ดูเหมือนนักล่าจะเสียให้แก่จีน เหมือนตอนเสียซูดานใต้ยกแรก แบบนี้ นักล่าคงเตรียมยุทธศาสตร์รุกกลับ รุนแรงตามสันดาน และอาจจะหนักกว่าสมัยซูดานใต้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ก.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • อาจารย์สาธิต วัดวชิรธรรมสาธิต วัดทุ่งสาธิต พระโขนง กทม.
    พระเนื้อผงพุทธคุณ อาจารย์สาธิต วัดวชิรธรรมสาธิต วัดทุ่งสาธิต พระโขนง กทม. // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด่น ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง ขอได้ไหว้รับ ให้โชค ให้ลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง ร่ำรวยเงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิ์ให้กับผู้บูชา เสริมเสน่ห์ เจรจาธุรกิจง่าย ช่วยในการค้าขายดี ผู้คนรักใคร่เอ็นดู โชคลาภ อำนาจวาสนาบารมี **

    ** วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ใน แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เดิมชื่อ วัดทุ่งสาธิต มีคหบดีชาวลาวเป็นผู้สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2399 หลังจากคหบดีท่านนี้ถึงแก่กรรม วัดนี้จึงถูกทิ้งร้าง กระทั่งได้กลายเป็นวัดที่มีพระสงฆ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2506 ในสมัยพระโสภณวชิรธรรม (สาธิต ฐานวโร) เป็นเจ้าอาวาส ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (พระยศในขณะนั้น) โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงรับวัดทุ่งสาธิต ไว้ในพระอุปถัมภ์ ได้พระราชทานนามว่า วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร โดยนามของวัด วชิร มาจาก วชิราลงกรณ์, ธรรม มาจาก คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และ สาธิต มาจากนามเดิมพระโสภณวชิรธรรม **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    อาจารย์สาธิต วัดวชิรธรรมสาธิต วัดทุ่งสาธิต พระโขนง กทม. พระเนื้อผงพุทธคุณ อาจารย์สาธิต วัดวชิรธรรมสาธิต วัดทุ่งสาธิต พระโขนง กทม. // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด่น ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง ขอได้ไหว้รับ ให้โชค ให้ลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง ร่ำรวยเงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิ์ให้กับผู้บูชา เสริมเสน่ห์ เจรจาธุรกิจง่าย ช่วยในการค้าขายดี ผู้คนรักใคร่เอ็นดู โชคลาภ อำนาจวาสนาบารมี ** ** วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ใน แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เดิมชื่อ วัดทุ่งสาธิต มีคหบดีชาวลาวเป็นผู้สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2399 หลังจากคหบดีท่านนี้ถึงแก่กรรม วัดนี้จึงถูกทิ้งร้าง กระทั่งได้กลายเป็นวัดที่มีพระสงฆ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2506 ในสมัยพระโสภณวชิรธรรม (สาธิต ฐานวโร) เป็นเจ้าอาวาส ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (พระยศในขณะนั้น) โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงรับวัดทุ่งสาธิต ไว้ในพระอุปถัมภ์ ได้พระราชทานนามว่า วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร โดยนามของวัด วชิร มาจาก วชิราลงกรณ์, ธรรม มาจาก คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และ สาธิต มาจากนามเดิมพระโสภณวชิรธรรม ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251208 #TechRadar

    โปรเจ็กเตอร์พกพา Xgimi Horizon 20 Max
    ถ้าใครกำลังมองหาโปรเจ็กเตอร์ที่ทั้งสว่างและภาพสวยจัด ๆ รุ่นใหม่จาก Xgimi ตัวนี้ถือว่าเป็นเรือธงเลย มันใช้ระบบเลเซอร์สามสี ให้ความสว่างสูงถึง 5,700 ISO lumens รองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ IMAX Enhanced เรียกว่าดูหนังหรือเล่นเกมก็ได้ภาพคมชัด สีสด และเสียงที่ติดตั้งมาก็ไม่ธรรมดา มีลำโพงจาก Harman Kardon ที่ให้เสียงเบสแน่นและเสียงพูดชัดเจน จุดเด่นอีกอย่างคือฟีเจอร์ปรับภาพอัตโนมัติ ทั้ง keystone, zoom และ lens shift ทำให้ติดตั้งง่ายมาก แต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูง และยังไม่รองรับ 4K 120Hz สำหรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าเป็นโปรเจ็กเตอร์พกพาที่ครบเครื่องที่สุดในตลาดตอนนี้
    https://www.techradar.com/televisions/projectors/xgimi-horizon-20-max-review

    ลำโพง Marshall Middleton II
    Marshall กลับมาอีกครั้งกับลำโพง Bluetooth ขนาดกลางที่ชื่อ Middleton II จุดขายคือเสียงสเตอริโอที่แยกซ้ายขวาได้ชัดเจน ทำให้ฟังเพลงมีมิติและรายละเอียดมากกว่าลำโพงพกพาทั่วไป เสียงเบสลงได้ลึก เสียงกลางและสูงก็สมดุลดี แม้เปิดดังสุดเบสจะอัดแน่นไปบ้างแต่ยังถือว่าดีมาก แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 30 ชั่วโมง ดีไซน์ยังคงความคลาสสิกสไตล์แอมป์ Marshall พร้อมกันฝุ่นและกันน้ำระดับ IP67 แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักที่ไม่เบามาก ทำให้พกพาไม่สะดวกเท่ารุ่นเล็ก Emberton III และราคาก็ใกล้เคียงรุ่นใหญ่ Kilburn III จนบางคนอาจลังเลว่าจะเลือกตัวไหนดี ถึงอย่างนั้นถ้าอยากได้ลำโพงกลางที่เสียงดีและดูเท่ Middleton II ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
    https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/marshall-middleton-ii-review

    iOS 26 ยังขาดฟีเจอร์สำคัญ
    แม้ iOS 26 จะเปิดตัวไปแล้วและมีอัปเดตย่อยออกมา แต่ยังมีหลายฟีเจอร์ที่ผู้ใช้รอคอย เช่น การยกเครื่อง Siri ด้วย AI ที่คาดว่าจะมาในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี Gemini ของ Google เพื่อให้ฉลาดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับ Liquid Glass ให้ผู้ใช้ปรับความโปร่งใสได้เอง, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้ง่ายขึ้น, Podcasts ที่จะมีการสร้าง chapter อัตโนมัติ และสุดท้ายคือการตั้ง “alarm” ให้กับ reminder เพื่อไม่ให้พลาดสิ่งสำคัญ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะทยอยมาในอัปเดตย่อยของ iOS 26 ก่อนจะไปสู่ iOS 27 ในปีหน้า
    https://www.techradar.com/phones/iphone/5-features-that-are-still-missing-from-ios-26-and-its-not-just-the-siri-update

    ภัยไซเบอร์ที่ต้องจับตาในปีนี้
    โลกไซเบอร์ไม่ได้หยุดนิ่ง และปี 2026 มีแนวโน้มที่อันตรายจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จากรายงานพบว่ากลุ่มแฮกเกอร์เปลี่ยนวิธีโจมตีจากการเข้ารหัสไฟล์เรียกค่าไถ่ มาเป็นการขโมยข้อมูลแล้วขู่เปิดเผยเพื่อกดดันให้เหยื่อจ่ายเงิน ตัวอย่างเช่นการโจมตีบริษัทโทรคมนาคมในอังกฤษที่ข้อมูลพนักงานและลูกค้าถูกขโมยไปมหาศาล นอกจากนี้ยังมีการใช้ช่องโหว่ในระบบ VPN และอุปกรณ์ edge เพื่อเจาะเข้าระบบ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือ “EDR killers” ที่ทำให้ระบบตรวจจับภัยทำงานยากขึ้น สิ่งเหล่านี้บอกชัดว่าองค์กรต้องเร่งอุดช่องโหว่และเสริมการเฝ้าระวัง เพราะภัยไซเบอร์กำลังพัฒนาเร็วไม่แพ้เทคโนโลยีที่เราใช้
    https://www.techradar.com/pro/threats-to-watch-this-year-from-data-theft-and-extortion-to-edr-killers

    Starforge Systems Frieren PC สำหรับแฟนอนิเมะ
    นี่คือคอมพิวเตอร์เกมมิ่งที่ออกแบบมาเอาใจแฟนอนิเมะ Frieren: Beyond Journey’s End โดยเฉพาะ ตัวเครื่องใช้เคส Lian Li O11 Dynamic ที่ตกแต่งด้วยงานศิลป์จากอนิเมะ พร้อมไฟ RGB ที่ปรับได้เต็มที่ ภายในประกอบด้วย Intel Core i5-14600K, การ์ดจอ AMD Radeon RX 9070 XT, RAM 32GB และ SSD 1TB ทำให้เล่นเกมได้ลื่นทั้ง 1080p, 1440p และถึงขั้น 4K ถ้าเปิด FSR ของ AMD เสริม จุดเด่นคือดีไซน์สวยมากและมีของแถมอย่าง desk mat และ art panel แต่ราคาก็สูงถึง $2,499.99 ซึ่งถือว่าเป็นพรีเมียมสำหรับแฟนอนิเมะที่อยากได้เครื่องแรงและสวยในเวลาเดียวกัน
    https://www.techradar.com/computing/gaming-pcs/starforge-systems-frieren-pc-review

    กระเป๋ากล้อง Ulanzi 9L Sling Bag
    สำหรับคนที่ชอบพกกล้องไปถ่ายรูปนอกบ้าน Ulanzi 9L Sling Bag รุ่นนี้ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัวมาก ขนาดกะทัดรัดแต่ใส่กล้องและเลนส์ได้ครบ พร้อมช่องสำหรับขาตั้งกล้องที่ติดตั้งมาให้โดยเฉพาะ วัสดุแข็งแรง กันละอองน้ำได้ดี และมีช่องแบ่งภายในที่ปรับได้ตามอุปกรณ์ จุดเด่นคือการเข้าถึงกล้องได้รวดเร็วเพราะเป็นแบบ sling สะพายข้าง แต่ข้อจำกัดคือความจุไม่มากนัก เหมาะกับคนที่พกอุปกรณ์ไม่เยอะและอยากได้ความคล่องตัวเป็นหลัก
    https://www.techradar.com/cameras/camera-accessories/ulanzi-9l-camera-sling-bag-with-tripod-holder-b122-review

    มอเตอร์ไซค์ Flying Flea รุ่นไฟฟ้า
    จากตำนานรถจักรยานยนต์ในสงครามโลกครั้งที่สอง Flying Flea ได้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันไฟฟ้า ปี 2026 นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด รถยังคงรูปลักษณ์คลาสสิกแต่เพิ่มเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดทันใจ แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนได้ และระบบเบรกที่ปลอดภัยกว่าเดิม จุดขายคือการผสมผสานความเป็นประวัติศาสตร์กับนวัตกรรมใหม่ ทำให้คนที่หลงใหลในรถคลาสสิกและสาย EV ต่างจับตามอง แต่แน่นอนว่าราคาก็ไม่ถูก และยังเป็นรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัด
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/this-electrified-ww2-motorbike-is-one-of-the-most-exciting-of-2026-here-are-5-things-you-need-know-about-the-flying-flea

    ประสบการณ์ซื้อ Kia EV6 คันแรก
    เรื่องเล่าของคนที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้า Kia EV6 แบบไม่ตั้งใจ แต่กลับพบทั้งข้อดีและสิ่งที่อยากให้รู้ก่อนซื้อ เขาเล่าว่าการชาร์จมีหลายระดับ ตั้งแต่ปลั๊กบ้านธรรมดาที่ช้ามาก ไปจนถึงเครื่องชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 20 นาทีถึง 80% แต่ก็ต้องทำใจว่าการชาร์จสาธารณะไม่ฟรีเสมอไป และระบบแอปพลิเคชันที่ใช้กับแต่ละเครือข่ายก็ทำให้ยุ่งยากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องระวัง เช่น ระยะทางที่ลดลงในอากาศหนาว การไม่มียางอะไหล่ และแบตเตอรี่เล็ก 12V ที่ยังคงต้องดูแลเหมือนรถน้ำมัน แต่ข้อดีคือแรงบิดทันใจ ความเร็วที่น่าประทับใจ และไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/i-bought-a-kia-ev6-my-first-electric-car-here-are-9-things-i-wish-id-known-before-buying-an-ev

    รีวิวมือถือถึก Doogee V Max LR
    มือถือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสายลุยจริง ๆ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 20,500 mAh ที่ใช้งานได้เป็นสัปดาห์ และฟีเจอร์วัดระยะทางที่เหมาะกับคนทำงานก่อสร้าง แม้จะหนักและใหญ่จนพกพาลำบาก แต่ก็มีข้อดีคือทนทาน กันน้ำ กันฝุ่น และมีกล้องความละเอียดสูง จุดต่างจากรุ่น Play คือไม่มีโปรเจ็กเตอร์ ทำให้ราคาถูกลง แต่ยังคงข้อเสียเรื่องการออกแบบเคสที่ใช้งานไม่สะดวก
    https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-lr-rugged-phone-review

    ข่าวลือ iPhone 18 อาจซ่อนกล้องใต้จอ
    มีรายงานว่า Apple กำลังทดสอบเทคโนโลยีกล้องหน้าใต้จอสำหรับ iPhone 18 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้หน้าจอดูเต็มตาไร้รอยบากเหมือนเดิม เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Samsung เคยลองใช้กับ Galaxy Z Fold 3 ตั้งแต่ปี 2021 แต่คุณภาพยังไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม Apple มักจะนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม ทำให้หลายคนคาดหวังว่ากล้องใต้จอของ iPhone จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
    https://www.techradar.com/phones/iphone/the-iphone-18-may-finally-add-a-camera-feature-that-samsung-introduced-on-its-flagship-phones-in-2021

    แว่น MR ของ Meta เลื่อนเปิดตัวถึงปี 2027
    Meta มีแผนจะเปิดตัวแว่นตา Mixed Reality รุ่นใหม่ที่มีโค้ดเนมว่า Phoenix แต่ล่าสุดมีข้อมูลว่าการเปิดตัวถูกเลื่อนออกไปจนถึงปี 2027 เพื่อให้ทีมงานมีเวลาพัฒนาประสบการณ์ใช้งานให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น แว่นรุ่นนี้คาดว่าจะมีอุปกรณ์เสริมแยกสำหรับแบตเตอรี่และการประมวลผล ทำให้เบาขึ้นและใช้งานสะดวกกว่าเดิม แม้จะต้องรอนาน แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทต้องการให้ผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างไร้ข้อบกพร่อง
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/we-may-have-to-wait-until-2027-for-the-launch-of-the-next-pair-of-meta-mixed-reality-smart-glasses

    แอป Go Jauntly ชวนออกไปเดินเล่น
    นี่คือแอปที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คนที่ใช้ชีวิตติดโต๊ะทำงานได้ออกไปเดินเล่นมากขึ้น แอปจะเสนอเส้นทางเดินที่น่าสนใจใกล้บ้านหรือที่ทำงาน พร้อมทั้งมีฟีเจอร์บันทึกเส้นทาง แชร์กับเพื่อน และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากชุมชนผู้ใช้ จุดเด่นคือช่วยให้การเดินเล่นกลายเป็นกิจกรรมที่สนุกและมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่ยังเป็นการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/go-jauntly

    ชิปจีนท้าชน Nvidia
    บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากจีนกำลังเร่งการผลิตเพื่อแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดกราฟิกและ AI แม้จะยังมีคำถามว่าความสามารถจะทัดเทียมได้จริงหรือไม่ แต่การขยายกำลังผลิตครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และสร้างอุตสาหกรรมชิปที่แข็งแกร่งขึ้น
    https://www.techradar.com/news/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel

    รีวิว Doogee V Max Play – โทรศัพท์ถึกที่เหมือนแบกก้อนอิฐ
    เรื่องราวของ Doogee V Max Play คือการพยายามสร้างสมาร์ทโฟนที่รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในเครื่องเดียว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นโทรศัพท์ที่หนักเกือบ 800 กรัม จนเหมือนต้องมี “ล่อ” ช่วยแบกเวลาเดินทาง จุดเด่นคือแบตเตอรี่ขนาด 20,500 mAh ที่อึดจนใช้งานได้เป็นสัปดาห์ กล้องหลัก 200MP ที่ถ่ายภาพคมชัด และยังมีโปรเจ็กเตอร์ในตัว แม้จะสว่างไม่มากแต่ก็พอใช้ดูหนังในห้องมืดได้ จุดอ่อนคือดีไซน์ที่เทอะทะและบัมเปอร์ที่ออกแบบพลาดจนใช้งานไม่สะดวก สรุปแล้วนี่คือโทรศัพท์ที่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือวางบนรถมากกว่าพกติดตัวไปเดินเล่น
    https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-play-rugged-phone-review

    Windows 11 ยังไม่สามารถโค่น Windows 10 ได้
    แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่ข้อมูลล่าสุดยังบอกว่า Windows 10 ยังคงครองใจผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะในองค์กรที่ยังเลือกใช้ Windows 10 พร้อมซื้อแพ็กเกจอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติมแทนการย้ายไป Windows 11 เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบสูง ทั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ การทดสอบความเข้ากันได้ และการฝึกอบรมพนักงาน อีกทั้ง Windows 11 ยังไม่มีฟีเจอร์ที่บังคับให้ต้องเปลี่ยนทันที ทำให้การเติบโตของ Windows 11 มาจากเครื่องใหม่มากกว่าการแทนที่เครื่องเก่า
    https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular

    เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติปรับแรงดูดเอง – จริงๆ ไม่ได้ทำให้สะอาดขึ้น
    ปัจจุบันเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นมีโหมด “Auto” ที่ปรับแรงดูดตามสภาพพื้นผิวหรือปริมาณฝุ่น เช่น Dyson ที่สามารถตรวจจับขนาดฝุ่นและแสดงผลบนหน้าจอ หรือ Shark ที่เพิ่มแรงดูดเมื่อถึงขอบห้อง แม้ฟังดูฉลาด แต่จากการทดสอบพบว่าการปรับแรงดูดอัตโนมัติไม่ได้ทำให้การทำความสะอาดดีขึ้นเสมอไป สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือกำลังดูดและการออกแบบหัวดูดมากกว่า อย่างไรก็ตามโหมด Auto ก็ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นและยืดอายุแบตเตอรี่ได้ เพราะเครื่องจะใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น
    https://www.techradar.com/home/vacuums/how-useful-is-suction-automation-on-a-vacuum

    UPerfect UColor T3 – จอพกพาที่ใหญ่จนแทบไม่พก
    UPerfect UColor T3 เป็นจอ 4K ขนาด 23.8 นิ้วที่ถูกเรียกว่า “พกพา” แต่จริงๆ แล้วใหญ่จนใส่กระเป๋าเป้ไม่ได้ จุดเด่นคือดีไซน์บางเหมือนแท็บเล็ต ใช้สาย USB-C เส้นเดียวก็ทำงานได้ และยังมีขาตั้งในตัวพร้อมรองรับการติดตั้ง VESA เหมาะกับคนที่ต้องการจอเสริมคุณภาพสูงสำหรับการทำงานนอกสถานที่หรือใช้ในเซิร์ฟเวอร์รูม แม้ความสว่างไม่สูงนัก แต่หน้าจอแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้ใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป ถือเป็นจอที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง “จอเดสก์ท็อป” และ “จอพกพา” อย่างแท้จริง
    https://www.techradar.com/pro/i-reviewed-the-uperfect-ucolor-t3-and-this-4k-portable-monitor-challenges-what-portable-means

    AGM G3 Pro – โทรศัพท์ถึกพร้อมกล้องถ่ายภาพความร้อน
    AGM G3 Pro เป็นสมาร์ทโฟนสายถึกที่ดูหรูหราและมีฟีเจอร์พิเศษคือกล้องถ่ายภาพความร้อน สามารถตรวจจับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20°C ถึง 550°C เหมาะสำหรับงานช่าง วิศวกรรม หรือการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ร้อนผิดปกติ ตัวเครื่องหนักเพียง 375 กรัม ซึ่งถือว่าเบากว่าหลายรุ่นในตลาด ใช้ชิป Dimensity 7300 พร้อม RAM 12GB และความจุ 512GB จุดเด่นอีกอย่างคือรองรับการชาร์จไร้สายและมีไฟ LED สำหรับใช้เป็นไฟแคมป์ แต่ราคาที่สูงเกือบ 700 ดอลลาร์ทำให้หลายคนลังเล เพราะมีรุ่นอื่นที่มีกล้องถ่ายความร้อนเช่นกันแต่ราคาถูกกว่า
    https://www.techradar.com/pro/phone-communications/agm-g3-pro-rugged-phone-review

    ทางเลือกใหม่แทน Ring Doorbell ราคาประหยัด
    ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฮมแนะนำว่าถ้าไม่อยากจ่ายแพงกับ Ring Doorbell ยังมีตัวเลือกที่คุ้มค่า เช่น Blink Video Doorbell ที่ราคาย่อมเยาและใช้งานง่าย, Eufy Security Video Doorbell ที่ไม่ต้องเสียค่าสมาชิกคลาวด์ และ Wyze Video Doorbell ที่มีฟีเจอร์ครบในราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ ทั้งหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความปลอดภัยหน้าบ้านโดยไม่ต้องลงทุนสูง แม้คุณภาพภาพและระบบอาจไม่เทียบเท่า Ring แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    https://www.techradar.com/home/home-security/want-a-cheap-ring-doorbell-alternative-im-a-smart-home-tech-expert-and-these-are-the-3-i-recommend

    Cybersecurity กลายเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทเทค
    ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและการแข่งขันสูง บริษัทเทคโนโลยีเริ่มมอง Cybersecurity ไม่ใช่แค่การป้องกัน แต่เป็น “กลยุทธ์” ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความได้เปรียบทางธุรกิจ การลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกต่างและลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้เสียชื่อเสียงหรือสูญเสียข้อมูลสำคัญ แนวโน้มนี้สะท้อนว่าความปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนธุรกิจในระดับสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/why-cybersecurity-is-now-a-strategic-lever-for-tech-firms-navigating-uncertainty
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251208 #TechRadar 🎥 โปรเจ็กเตอร์พกพา Xgimi Horizon 20 Max ถ้าใครกำลังมองหาโปรเจ็กเตอร์ที่ทั้งสว่างและภาพสวยจัด ๆ รุ่นใหม่จาก Xgimi ตัวนี้ถือว่าเป็นเรือธงเลย มันใช้ระบบเลเซอร์สามสี ให้ความสว่างสูงถึง 5,700 ISO lumens รองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ IMAX Enhanced เรียกว่าดูหนังหรือเล่นเกมก็ได้ภาพคมชัด สีสด และเสียงที่ติดตั้งมาก็ไม่ธรรมดา มีลำโพงจาก Harman Kardon ที่ให้เสียงเบสแน่นและเสียงพูดชัดเจน จุดเด่นอีกอย่างคือฟีเจอร์ปรับภาพอัตโนมัติ ทั้ง keystone, zoom และ lens shift ทำให้ติดตั้งง่ายมาก แต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูง และยังไม่รองรับ 4K 120Hz สำหรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าเป็นโปรเจ็กเตอร์พกพาที่ครบเครื่องที่สุดในตลาดตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/projectors/xgimi-horizon-20-max-review 🔊 ลำโพง Marshall Middleton II Marshall กลับมาอีกครั้งกับลำโพง Bluetooth ขนาดกลางที่ชื่อ Middleton II จุดขายคือเสียงสเตอริโอที่แยกซ้ายขวาได้ชัดเจน ทำให้ฟังเพลงมีมิติและรายละเอียดมากกว่าลำโพงพกพาทั่วไป เสียงเบสลงได้ลึก เสียงกลางและสูงก็สมดุลดี แม้เปิดดังสุดเบสจะอัดแน่นไปบ้างแต่ยังถือว่าดีมาก แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 30 ชั่วโมง ดีไซน์ยังคงความคลาสสิกสไตล์แอมป์ Marshall พร้อมกันฝุ่นและกันน้ำระดับ IP67 แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักที่ไม่เบามาก ทำให้พกพาไม่สะดวกเท่ารุ่นเล็ก Emberton III และราคาก็ใกล้เคียงรุ่นใหญ่ Kilburn III จนบางคนอาจลังเลว่าจะเลือกตัวไหนดี ถึงอย่างนั้นถ้าอยากได้ลำโพงกลางที่เสียงดีและดูเท่ Middleton II ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก 🔗 https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/marshall-middleton-ii-review 📱 iOS 26 ยังขาดฟีเจอร์สำคัญ แม้ iOS 26 จะเปิดตัวไปแล้วและมีอัปเดตย่อยออกมา แต่ยังมีหลายฟีเจอร์ที่ผู้ใช้รอคอย เช่น การยกเครื่อง Siri ด้วย AI ที่คาดว่าจะมาในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี Gemini ของ Google เพื่อให้ฉลาดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับ Liquid Glass ให้ผู้ใช้ปรับความโปร่งใสได้เอง, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้ง่ายขึ้น, Podcasts ที่จะมีการสร้าง chapter อัตโนมัติ และสุดท้ายคือการตั้ง “alarm” ให้กับ reminder เพื่อไม่ให้พลาดสิ่งสำคัญ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะทยอยมาในอัปเดตย่อยของ iOS 26 ก่อนจะไปสู่ iOS 27 ในปีหน้า 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/5-features-that-are-still-missing-from-ios-26-and-its-not-just-the-siri-update 🛡️ ภัยไซเบอร์ที่ต้องจับตาในปีนี้ โลกไซเบอร์ไม่ได้หยุดนิ่ง และปี 2026 มีแนวโน้มที่อันตรายจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จากรายงานพบว่ากลุ่มแฮกเกอร์เปลี่ยนวิธีโจมตีจากการเข้ารหัสไฟล์เรียกค่าไถ่ มาเป็นการขโมยข้อมูลแล้วขู่เปิดเผยเพื่อกดดันให้เหยื่อจ่ายเงิน ตัวอย่างเช่นการโจมตีบริษัทโทรคมนาคมในอังกฤษที่ข้อมูลพนักงานและลูกค้าถูกขโมยไปมหาศาล นอกจากนี้ยังมีการใช้ช่องโหว่ในระบบ VPN และอุปกรณ์ edge เพื่อเจาะเข้าระบบ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือ “EDR killers” ที่ทำให้ระบบตรวจจับภัยทำงานยากขึ้น สิ่งเหล่านี้บอกชัดว่าองค์กรต้องเร่งอุดช่องโหว่และเสริมการเฝ้าระวัง เพราะภัยไซเบอร์กำลังพัฒนาเร็วไม่แพ้เทคโนโลยีที่เราใช้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/threats-to-watch-this-year-from-data-theft-and-extortion-to-edr-killers 💻 Starforge Systems Frieren PC สำหรับแฟนอนิเมะ นี่คือคอมพิวเตอร์เกมมิ่งที่ออกแบบมาเอาใจแฟนอนิเมะ Frieren: Beyond Journey’s End โดยเฉพาะ ตัวเครื่องใช้เคส Lian Li O11 Dynamic ที่ตกแต่งด้วยงานศิลป์จากอนิเมะ พร้อมไฟ RGB ที่ปรับได้เต็มที่ ภายในประกอบด้วย Intel Core i5-14600K, การ์ดจอ AMD Radeon RX 9070 XT, RAM 32GB และ SSD 1TB ทำให้เล่นเกมได้ลื่นทั้ง 1080p, 1440p และถึงขั้น 4K ถ้าเปิด FSR ของ AMD เสริม จุดเด่นคือดีไซน์สวยมากและมีของแถมอย่าง desk mat และ art panel แต่ราคาก็สูงถึง $2,499.99 ซึ่งถือว่าเป็นพรีเมียมสำหรับแฟนอนิเมะที่อยากได้เครื่องแรงและสวยในเวลาเดียวกัน 🔗 https://www.techradar.com/computing/gaming-pcs/starforge-systems-frieren-pc-review 🎒 กระเป๋ากล้อง Ulanzi 9L Sling Bag สำหรับคนที่ชอบพกกล้องไปถ่ายรูปนอกบ้าน Ulanzi 9L Sling Bag รุ่นนี้ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัวมาก ขนาดกะทัดรัดแต่ใส่กล้องและเลนส์ได้ครบ พร้อมช่องสำหรับขาตั้งกล้องที่ติดตั้งมาให้โดยเฉพาะ วัสดุแข็งแรง กันละอองน้ำได้ดี และมีช่องแบ่งภายในที่ปรับได้ตามอุปกรณ์ จุดเด่นคือการเข้าถึงกล้องได้รวดเร็วเพราะเป็นแบบ sling สะพายข้าง แต่ข้อจำกัดคือความจุไม่มากนัก เหมาะกับคนที่พกอุปกรณ์ไม่เยอะและอยากได้ความคล่องตัวเป็นหลัก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/camera-accessories/ulanzi-9l-camera-sling-bag-with-tripod-holder-b122-review 🏍️ มอเตอร์ไซค์ Flying Flea รุ่นไฟฟ้า จากตำนานรถจักรยานยนต์ในสงครามโลกครั้งที่สอง Flying Flea ได้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันไฟฟ้า ปี 2026 นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด รถยังคงรูปลักษณ์คลาสสิกแต่เพิ่มเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดทันใจ แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนได้ และระบบเบรกที่ปลอดภัยกว่าเดิม จุดขายคือการผสมผสานความเป็นประวัติศาสตร์กับนวัตกรรมใหม่ ทำให้คนที่หลงใหลในรถคลาสสิกและสาย EV ต่างจับตามอง แต่แน่นอนว่าราคาก็ไม่ถูก และยังเป็นรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัด 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/this-electrified-ww2-motorbike-is-one-of-the-most-exciting-of-2026-here-are-5-things-you-need-know-about-the-flying-flea 🚗 ประสบการณ์ซื้อ Kia EV6 คันแรก เรื่องเล่าของคนที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้า Kia EV6 แบบไม่ตั้งใจ แต่กลับพบทั้งข้อดีและสิ่งที่อยากให้รู้ก่อนซื้อ เขาเล่าว่าการชาร์จมีหลายระดับ ตั้งแต่ปลั๊กบ้านธรรมดาที่ช้ามาก ไปจนถึงเครื่องชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 20 นาทีถึง 80% แต่ก็ต้องทำใจว่าการชาร์จสาธารณะไม่ฟรีเสมอไป และระบบแอปพลิเคชันที่ใช้กับแต่ละเครือข่ายก็ทำให้ยุ่งยากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องระวัง เช่น ระยะทางที่ลดลงในอากาศหนาว การไม่มียางอะไหล่ และแบตเตอรี่เล็ก 12V ที่ยังคงต้องดูแลเหมือนรถน้ำมัน แต่ข้อดีคือแรงบิดทันใจ ความเร็วที่น่าประทับใจ และไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/i-bought-a-kia-ev6-my-first-electric-car-here-are-9-things-i-wish-id-known-before-buying-an-ev 📱 รีวิวมือถือถึก Doogee V Max LR มือถือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสายลุยจริง ๆ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 20,500 mAh ที่ใช้งานได้เป็นสัปดาห์ และฟีเจอร์วัดระยะทางที่เหมาะกับคนทำงานก่อสร้าง แม้จะหนักและใหญ่จนพกพาลำบาก แต่ก็มีข้อดีคือทนทาน กันน้ำ กันฝุ่น และมีกล้องความละเอียดสูง จุดต่างจากรุ่น Play คือไม่มีโปรเจ็กเตอร์ ทำให้ราคาถูกลง แต่ยังคงข้อเสียเรื่องการออกแบบเคสที่ใช้งานไม่สะดวก 🔗 https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-lr-rugged-phone-review 📷 ข่าวลือ iPhone 18 อาจซ่อนกล้องใต้จอ มีรายงานว่า Apple กำลังทดสอบเทคโนโลยีกล้องหน้าใต้จอสำหรับ iPhone 18 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้หน้าจอดูเต็มตาไร้รอยบากเหมือนเดิม เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Samsung เคยลองใช้กับ Galaxy Z Fold 3 ตั้งแต่ปี 2021 แต่คุณภาพยังไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม Apple มักจะนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม ทำให้หลายคนคาดหวังว่ากล้องใต้จอของ iPhone จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/the-iphone-18-may-finally-add-a-camera-feature-that-samsung-introduced-on-its-flagship-phones-in-2021 🥽 แว่น MR ของ Meta เลื่อนเปิดตัวถึงปี 2027 Meta มีแผนจะเปิดตัวแว่นตา Mixed Reality รุ่นใหม่ที่มีโค้ดเนมว่า Phoenix แต่ล่าสุดมีข้อมูลว่าการเปิดตัวถูกเลื่อนออกไปจนถึงปี 2027 เพื่อให้ทีมงานมีเวลาพัฒนาประสบการณ์ใช้งานให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น แว่นรุ่นนี้คาดว่าจะมีอุปกรณ์เสริมแยกสำหรับแบตเตอรี่และการประมวลผล ทำให้เบาขึ้นและใช้งานสะดวกกว่าเดิม แม้จะต้องรอนาน แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทต้องการให้ผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างไร้ข้อบกพร่อง 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/we-may-have-to-wait-until-2027-for-the-launch-of-the-next-pair-of-meta-mixed-reality-smart-glasses 🌿 แอป Go Jauntly ชวนออกไปเดินเล่น นี่คือแอปที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คนที่ใช้ชีวิตติดโต๊ะทำงานได้ออกไปเดินเล่นมากขึ้น แอปจะเสนอเส้นทางเดินที่น่าสนใจใกล้บ้านหรือที่ทำงาน พร้อมทั้งมีฟีเจอร์บันทึกเส้นทาง แชร์กับเพื่อน และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากชุมชนผู้ใช้ จุดเด่นคือช่วยให้การเดินเล่นกลายเป็นกิจกรรมที่สนุกและมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่ยังเป็นการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/go-jauntly 💻 ชิปจีนท้าชน Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากจีนกำลังเร่งการผลิตเพื่อแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดกราฟิกและ AI แม้จะยังมีคำถามว่าความสามารถจะทัดเทียมได้จริงหรือไม่ แต่การขยายกำลังผลิตครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และสร้างอุตสาหกรรมชิปที่แข็งแกร่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/news/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel 📱 รีวิว Doogee V Max Play – โทรศัพท์ถึกที่เหมือนแบกก้อนอิฐ เรื่องราวของ Doogee V Max Play คือการพยายามสร้างสมาร์ทโฟนที่รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในเครื่องเดียว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นโทรศัพท์ที่หนักเกือบ 800 กรัม จนเหมือนต้องมี “ล่อ” ช่วยแบกเวลาเดินทาง จุดเด่นคือแบตเตอรี่ขนาด 20,500 mAh ที่อึดจนใช้งานได้เป็นสัปดาห์ กล้องหลัก 200MP ที่ถ่ายภาพคมชัด และยังมีโปรเจ็กเตอร์ในตัว แม้จะสว่างไม่มากแต่ก็พอใช้ดูหนังในห้องมืดได้ จุดอ่อนคือดีไซน์ที่เทอะทะและบัมเปอร์ที่ออกแบบพลาดจนใช้งานไม่สะดวก สรุปแล้วนี่คือโทรศัพท์ที่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือวางบนรถมากกว่าพกติดตัวไปเดินเล่น 🔗 https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-play-rugged-phone-review 💻 Windows 11 ยังไม่สามารถโค่น Windows 10 ได้ แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่ข้อมูลล่าสุดยังบอกว่า Windows 10 ยังคงครองใจผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะในองค์กรที่ยังเลือกใช้ Windows 10 พร้อมซื้อแพ็กเกจอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติมแทนการย้ายไป Windows 11 เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบสูง ทั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ การทดสอบความเข้ากันได้ และการฝึกอบรมพนักงาน อีกทั้ง Windows 11 ยังไม่มีฟีเจอร์ที่บังคับให้ต้องเปลี่ยนทันที ทำให้การเติบโตของ Windows 11 มาจากเครื่องใหม่มากกว่าการแทนที่เครื่องเก่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular 🧹 เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติปรับแรงดูดเอง – จริงๆ ไม่ได้ทำให้สะอาดขึ้น ปัจจุบันเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นมีโหมด “Auto” ที่ปรับแรงดูดตามสภาพพื้นผิวหรือปริมาณฝุ่น เช่น Dyson ที่สามารถตรวจจับขนาดฝุ่นและแสดงผลบนหน้าจอ หรือ Shark ที่เพิ่มแรงดูดเมื่อถึงขอบห้อง แม้ฟังดูฉลาด แต่จากการทดสอบพบว่าการปรับแรงดูดอัตโนมัติไม่ได้ทำให้การทำความสะอาดดีขึ้นเสมอไป สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือกำลังดูดและการออกแบบหัวดูดมากกว่า อย่างไรก็ตามโหมด Auto ก็ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นและยืดอายุแบตเตอรี่ได้ เพราะเครื่องจะใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/how-useful-is-suction-automation-on-a-vacuum 🖥️ UPerfect UColor T3 – จอพกพาที่ใหญ่จนแทบไม่พก UPerfect UColor T3 เป็นจอ 4K ขนาด 23.8 นิ้วที่ถูกเรียกว่า “พกพา” แต่จริงๆ แล้วใหญ่จนใส่กระเป๋าเป้ไม่ได้ จุดเด่นคือดีไซน์บางเหมือนแท็บเล็ต ใช้สาย USB-C เส้นเดียวก็ทำงานได้ และยังมีขาตั้งในตัวพร้อมรองรับการติดตั้ง VESA เหมาะกับคนที่ต้องการจอเสริมคุณภาพสูงสำหรับการทำงานนอกสถานที่หรือใช้ในเซิร์ฟเวอร์รูม แม้ความสว่างไม่สูงนัก แต่หน้าจอแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้ใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป ถือเป็นจอที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง “จอเดสก์ท็อป” และ “จอพกพา” อย่างแท้จริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/i-reviewed-the-uperfect-ucolor-t3-and-this-4k-portable-monitor-challenges-what-portable-means 🔥 AGM G3 Pro – โทรศัพท์ถึกพร้อมกล้องถ่ายภาพความร้อน AGM G3 Pro เป็นสมาร์ทโฟนสายถึกที่ดูหรูหราและมีฟีเจอร์พิเศษคือกล้องถ่ายภาพความร้อน สามารถตรวจจับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20°C ถึง 550°C เหมาะสำหรับงานช่าง วิศวกรรม หรือการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ร้อนผิดปกติ ตัวเครื่องหนักเพียง 375 กรัม ซึ่งถือว่าเบากว่าหลายรุ่นในตลาด ใช้ชิป Dimensity 7300 พร้อม RAM 12GB และความจุ 512GB จุดเด่นอีกอย่างคือรองรับการชาร์จไร้สายและมีไฟ LED สำหรับใช้เป็นไฟแคมป์ แต่ราคาที่สูงเกือบ 700 ดอลลาร์ทำให้หลายคนลังเล เพราะมีรุ่นอื่นที่มีกล้องถ่ายความร้อนเช่นกันแต่ราคาถูกกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/phone-communications/agm-g3-pro-rugged-phone-review 🔔 ทางเลือกใหม่แทน Ring Doorbell ราคาประหยัด ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฮมแนะนำว่าถ้าไม่อยากจ่ายแพงกับ Ring Doorbell ยังมีตัวเลือกที่คุ้มค่า เช่น Blink Video Doorbell ที่ราคาย่อมเยาและใช้งานง่าย, Eufy Security Video Doorbell ที่ไม่ต้องเสียค่าสมาชิกคลาวด์ และ Wyze Video Doorbell ที่มีฟีเจอร์ครบในราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ ทั้งหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความปลอดภัยหน้าบ้านโดยไม่ต้องลงทุนสูง แม้คุณภาพภาพและระบบอาจไม่เทียบเท่า Ring แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/home/home-security/want-a-cheap-ring-doorbell-alternative-im-a-smart-home-tech-expert-and-these-are-the-3-i-recommend 🛡️ Cybersecurity กลายเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทเทค ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและการแข่งขันสูง บริษัทเทคโนโลยีเริ่มมอง Cybersecurity ไม่ใช่แค่การป้องกัน แต่เป็น “กลยุทธ์” ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความได้เปรียบทางธุรกิจ การลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกต่างและลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้เสียชื่อเสียงหรือสูญเสียข้อมูลสำคัญ แนวโน้มนี้สะท้อนว่าความปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนธุรกิจในระดับสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/why-cybersecurity-is-now-a-strategic-lever-for-tech-firms-navigating-uncertainty
    0 Comments 0 Shares 211 Views 0 Reviews
  • "Caligra c100 – คอมพิวเตอร์เพื่อการสร้างสรรค์ ไม่ใช่การเสพ"

    บริษัท Caligra จากลอนดอนได้เปิดตัว c100 Developer Terminal ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สร้างสรรค์โดยเฉพาะ ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ retro wedge ทำจากโลหะ bead-blasted ดูคลาสสิก แต่ภายในซ่อนพลังสมัยใหม่ด้วย AMD Ryzen 9 7940HS, แรม 96GB DDR5, และ SSD M.2 ขนาด 1TB ถือเป็นสเปกที่แรงพอสำหรับงานวิศวกรรม การออกแบบ ไปจนถึงงานศิลปะดิจิทัล. 【edge_current_page_context】

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ Workbench ซึ่งแม้จะยืมชื่อจาก GUI ของ Amiga ยุคเก่า แต่จริงๆ แล้วเป็น Linux-based OS ที่ตั้งใจทำให้ “เบา” และ “สะอาด” โดยตัดฟีเจอร์ที่รบกวนออกไป เพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับงานสร้างสรรค์มากกว่าการเสพคอนเทนต์หรือถูกดึงความสนใจจาก AI และ Cloud services. 【edge_current_page_context】

    Workbench ใช้แกน rpm-based และรองรับการติดตั้งแพ็กเกจจาก Fedora รวมถึงการใช้ distrobox เพื่อนำซอฟต์แวร์จากดิสโทรอื่นมาใช้งานได้ ทำให้แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่ก็ยังเปิดกว้างต่อ ecosystem ของ Linux และสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือที่นักพัฒนาคุ้นเคย. 【edge_current_page_context】

    ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $1,999 โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในเดือนมกราคม 2026 การคำนวณต้นทุนฮาร์ดแวร์พบว่า หากประกอบเองอาจอยู่ราว $1,200–$1,500 ดังนั้นส่วนต่างราคาจึงสะท้อนถึงคุณค่าของการออกแบบ ระบบซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนที่ Caligra มอบให้ ถือเป็นการวางตำแหน่งที่ชัดเจนว่า c100 ไม่ใช่เครื่องสำหรับทุกคน แต่สำหรับ “นักสร้าง” ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ปราศจากสิ่งรบกวน. 【edge_current_page_context】

    สรุปสาระสำคัญ
    ฮาร์ดแวร์และดีไซน์
    AMD Ryzen 9 7940HS, RAM 96GB DDR5, SSD 1TB
    ดีไซน์ retro wedge โลหะ bead-blasted พกพาได้

    ระบบปฏิบัติการ Workbench
    Linux-based OS ที่เน้น “ทำงาน” มากกว่า “เสพคอนเทนต์”
    ใช้ rpm-based core รองรับ Fedora และ distrobox

    ราคาและการวางตลาด
    เปิดตัว $1,999 พร้อมส่งมอบมกราคม 2026
    ต้นทุนฮาร์ดแวร์ราว $1,200–$1,500 ส่วนต่างคือค่าออกแบบและซอฟต์แวร์

    คำเตือนและข้อสังเกต
    แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่หาก Workbench หยุดพัฒนา ผู้ใช้ยังต้องพึ่ง Linux หรือ Windows
    ราคา $1,999 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการเครื่องเฉพาะทาง

    https://www.tomshardware.com/software/linux/new-computing-platform-is-made-for-making-caligra-c100-developer-terminal-targets-creators-with-distraction-free-computer-for-experts
    📰 "Caligra c100 – คอมพิวเตอร์เพื่อการสร้างสรรค์ ไม่ใช่การเสพ" 💻 บริษัท Caligra จากลอนดอนได้เปิดตัว c100 Developer Terminal ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สร้างสรรค์โดยเฉพาะ ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ retro wedge ทำจากโลหะ bead-blasted ดูคลาสสิก แต่ภายในซ่อนพลังสมัยใหม่ด้วย AMD Ryzen 9 7940HS, แรม 96GB DDR5, และ SSD M.2 ขนาด 1TB ถือเป็นสเปกที่แรงพอสำหรับงานวิศวกรรม การออกแบบ ไปจนถึงงานศิลปะดิจิทัล. 【edge_current_page_context】 🖥️ จุดเด่นอีกอย่างคือระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ Workbench ซึ่งแม้จะยืมชื่อจาก GUI ของ Amiga ยุคเก่า แต่จริงๆ แล้วเป็น Linux-based OS ที่ตั้งใจทำให้ “เบา” และ “สะอาด” โดยตัดฟีเจอร์ที่รบกวนออกไป เพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับงานสร้างสรรค์มากกว่าการเสพคอนเทนต์หรือถูกดึงความสนใจจาก AI และ Cloud services. 【edge_current_page_context】 ⚙️ Workbench ใช้แกน rpm-based และรองรับการติดตั้งแพ็กเกจจาก Fedora รวมถึงการใช้ distrobox เพื่อนำซอฟต์แวร์จากดิสโทรอื่นมาใช้งานได้ ทำให้แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่ก็ยังเปิดกว้างต่อ ecosystem ของ Linux และสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือที่นักพัฒนาคุ้นเคย. 【edge_current_page_context】 💲 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $1,999 โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในเดือนมกราคม 2026 การคำนวณต้นทุนฮาร์ดแวร์พบว่า หากประกอบเองอาจอยู่ราว $1,200–$1,500 ดังนั้นส่วนต่างราคาจึงสะท้อนถึงคุณค่าของการออกแบบ ระบบซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนที่ Caligra มอบให้ ถือเป็นการวางตำแหน่งที่ชัดเจนว่า c100 ไม่ใช่เครื่องสำหรับทุกคน แต่สำหรับ “นักสร้าง” ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ปราศจากสิ่งรบกวน. 【edge_current_page_context】 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฮาร์ดแวร์และดีไซน์ ➡️ AMD Ryzen 9 7940HS, RAM 96GB DDR5, SSD 1TB ➡️ ดีไซน์ retro wedge โลหะ bead-blasted พกพาได้ ✅ ระบบปฏิบัติการ Workbench ➡️ Linux-based OS ที่เน้น “ทำงาน” มากกว่า “เสพคอนเทนต์” ➡️ ใช้ rpm-based core รองรับ Fedora และ distrobox ✅ ราคาและการวางตลาด ➡️ เปิดตัว $1,999 พร้อมส่งมอบมกราคม 2026 ➡️ ต้นทุนฮาร์ดแวร์ราว $1,200–$1,500 ส่วนต่างคือค่าออกแบบและซอฟต์แวร์ ‼️ คำเตือนและข้อสังเกต ⛔ แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่หาก Workbench หยุดพัฒนา ผู้ใช้ยังต้องพึ่ง Linux หรือ Windows ⛔ ราคา $1,999 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการเครื่องเฉพาะทาง https://www.tomshardware.com/software/linux/new-computing-platform-is-made-for-making-caligra-c100-developer-terminal-targets-creators-with-distraction-free-computer-for-experts
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    New computing platform is ‘Made for Making’ — Caligra c100 Developer Terminal targets creators with distraction-free ‘computer for experts’
    The lovely bead-blasted metal wedge design of this computer will win retro-fans. But its AMD Ryzen 9 7940HS, 96GB DDR5 RAM and ‘Workbench’ Linux-based OS are also strong draws at $1,999.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • เที่ยวเฉิงตู ปี้เผิงโกว ❄ เดินทาง ม.ค. - มี.ค. 69 9,999

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม

    อุทยานปี้เผิงโกว
    ถนนคนเดินชุนซีลู่
    ถนนคนเดินไท่กู่หลี่

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวเฉิงตู ปี้เผิงโกว ❄🗓️ เดินทาง ม.ค. - มี.ค. 69 😍 9,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 อุทยานปี้เผิงโกว 📍 ถนนคนเดินชุนซีลู่ 📍 ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 0 Reviews
  • ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench

    ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D

    ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก

    เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D
    แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้

    จุดเด่นและข้อสังเกต
    Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D

    ความคาดหวังในตลาด
    การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่”

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench
    ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core)

    บูสต์สูงสุด 5.6 GHz
    เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D

    ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3%
    แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series

    ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง
    RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง

    การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D
    หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    ⚡ ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก 📊 เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้ 🔥 จุดเด่นและข้อสังเกต Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D 🌍 ความคาดหวังในตลาด การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่” 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ➡️ ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ✅ บูสต์สูงสุด 5.6 GHz ➡️ เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D ✅ ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3% ➡️ แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series ‼️ ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง ⛔ RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง ‼️ การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D ⛔ หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • การแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าแต่มีน้ำใจ

    ข่าวนี้เล่าถึงผู้ใช้ Facebook ที่ตัดสินใจแลก DDR5 RAM ขนาด 192GB มูลค่ากว่า 2,200 ดอลลาร์ กับการ์ดจอ RTX 5070 Ti เพียงตัวเดียว แม้จะขาดทุนมหาศาล แต่เจ้าของยืนยันว่า “ไม่อยากขายในราคาที่สูงเกินไปเพราะรู้สึกไม่ถูกต้อง”

    ผู้ใช้ชื่อ Abdul Kareem As ในกลุ่ม Facebook “PC, Gaming, Setups, and Building Advice” ได้แลกชุด Corsair Vengeance DDR5-5200 C38 192GB (4x48GB) กับการ์ดจอ PNY RTX 5070 Ti แม้ค่า RAM จะมีมูลค่ามากกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า แต่เขายืนยันว่าไม่ต้องการ “กอบโกยกำไร” จากวิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูง

    วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งทะยาน
    ราคาของ DDR5 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยชุด 192GB ที่เคยขายราว 650 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,201 ดอลลาร์ ทำให้หลายคนมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้เป็นการเสียเปรียบอย่างมาก แต่ Abdul บอกว่าเขาซื้อ RAM มาด้วยราคาเพียง 375 ดอลลาร์ และไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง

    ตัวเลือกที่พลาดไป
    นอกจากการ์ดจอ RTX 5070 Ti Abdul ยังมีทางเลือกที่จะแลกกับจอ Asus QD-OLED 240Hz ที่มีมูลค่าราว 699–949 ดอลลาร์ ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่า แต่เขาตัดสินใจเลือกการ์ดจอแทน โดยมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้คือการ “ทำให้ใครบางคนมีความสุข” มากกว่าการหากำไร

    มุมมองต่อชุมชนและจริยธรรม
    กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างระหว่าง “ตลาดมืดที่เน้นกำไรสูงสุด” กับ “การแบ่งปันในชุมชน” Abdul เลือกที่จะรักษาจริยธรรมและความเป็นมิตร แม้จะขาดทุนไปกว่า 600–700 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในวงการไอทีว่าเป็น “Christmas story ของเหล่าเกมเมอร์”

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การแลก DDR5 192GB กับ RTX 5070 Ti
    มูลค่า RAM สูงกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า

    ราคาของ DDR5 พุ่งสูงกว่า 2,200 ดอลลาร์
    จากเดิมเพียง 650 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

    เจ้าของ RAM ซื้อมาเพียง 375 ดอลลาร์
    ไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง

    มีทางเลือกแลกกับจอ Asus QD-OLED
    แต่เลือกการ์ดจอแทนเพื่อความสุขของอีกฝ่าย

    ความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนที่เสียเปรียบ
    ขาดทุนกว่า 600–700 ดอลลาร์จากมูลค่าตลาดจริง

    วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูงผิดปกติ
    ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ยากและเกิดการกักตุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/benevolent-facebook-trader-exchanges-192gb-of-ddr5-worth-usd1-400-for-one-rtx-5070-ti-says-selling-at-such-a-high-price-would-have-been-unethical-despite-huge-loss
    💾 การแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าแต่มีน้ำใจ ข่าวนี้เล่าถึงผู้ใช้ Facebook ที่ตัดสินใจแลก DDR5 RAM ขนาด 192GB มูลค่ากว่า 2,200 ดอลลาร์ กับการ์ดจอ RTX 5070 Ti เพียงตัวเดียว แม้จะขาดทุนมหาศาล แต่เจ้าของยืนยันว่า “ไม่อยากขายในราคาที่สูงเกินไปเพราะรู้สึกไม่ถูกต้อง” ผู้ใช้ชื่อ Abdul Kareem As ในกลุ่ม Facebook “PC, Gaming, Setups, and Building Advice” ได้แลกชุด Corsair Vengeance DDR5-5200 C38 192GB (4x48GB) กับการ์ดจอ PNY RTX 5070 Ti แม้ค่า RAM จะมีมูลค่ามากกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า แต่เขายืนยันว่าไม่ต้องการ “กอบโกยกำไร” จากวิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูง 📈 วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งทะยาน ราคาของ DDR5 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยชุด 192GB ที่เคยขายราว 650 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,201 ดอลลาร์ ทำให้หลายคนมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้เป็นการเสียเปรียบอย่างมาก แต่ Abdul บอกว่าเขาซื้อ RAM มาด้วยราคาเพียง 375 ดอลลาร์ และไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง 🎮 ตัวเลือกที่พลาดไป นอกจากการ์ดจอ RTX 5070 Ti Abdul ยังมีทางเลือกที่จะแลกกับจอ Asus QD-OLED 240Hz ที่มีมูลค่าราว 699–949 ดอลลาร์ ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่า แต่เขาตัดสินใจเลือกการ์ดจอแทน โดยมองว่าการแลกเปลี่ยนนี้คือการ “ทำให้ใครบางคนมีความสุข” มากกว่าการหากำไร 🌍 มุมมองต่อชุมชนและจริยธรรม กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างระหว่าง “ตลาดมืดที่เน้นกำไรสูงสุด” กับ “การแบ่งปันในชุมชน” Abdul เลือกที่จะรักษาจริยธรรมและความเป็นมิตร แม้จะขาดทุนไปกว่า 600–700 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในวงการไอทีว่าเป็น “Christmas story ของเหล่าเกมเมอร์” 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การแลก DDR5 192GB กับ RTX 5070 Ti ➡️ มูลค่า RAM สูงกว่าการ์ดจอถึง 3 เท่า ✅ ราคาของ DDR5 พุ่งสูงกว่า 2,200 ดอลลาร์ ➡️ จากเดิมเพียง 650 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ✅ เจ้าของ RAM ซื้อมาเพียง 375 ดอลลาร์ ➡️ ไม่อยากขายต่อในราคาที่สูงเกินจริง ✅ มีทางเลือกแลกกับจอ Asus QD-OLED ➡️ แต่เลือกการ์ดจอแทนเพื่อความสุขของอีกฝ่าย ‼️ ความเสี่ยงจากการแลกเปลี่ยนที่เสียเปรียบ ⛔ ขาดทุนกว่า 600–700 ดอลลาร์จากมูลค่าตลาดจริง ‼️ วิกฤตราคา DDR5 ที่พุ่งสูงผิดปกติ ⛔ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ยากและเกิดการกักตุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/benevolent-facebook-trader-exchanges-192gb-of-ddr5-worth-usd1-400-for-one-rtx-5070-ti-says-selling-at-such-a-high-price-would-have-been-unethical-despite-huge-loss
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • เคสเคลม RTX 5090 ที่กลายเป็นดราม่า

    ข่าวนี้เล่าถึงกรณีผู้ใช้ RTX 5090 ที่ส่งเคลมไปยัง Asus แต่ถูกปฏิเสธการรับประกัน เนื่องจากพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ Asus จึงเสนอค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ ก่อนจะลดให้ 50% หลังจากเจรจายาวนานหลายเดือน

    ผู้ใช้รายหนึ่งส่งการ์ดจอ ROG Astral GeForce RTX 5090 ไปเคลม หลังพบปัญหาจอดับและรีบูตเครื่องบ่อยครั้ง แต่ Asus ปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่ามี “surface irregularity” หรือรอยแตกเล็ก ๆ บริเวณขอบ PCB ซึ่งตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น

    ค่าซ่อมแพงกว่าการ์ดใหม่
    Asus แจ้งค่าซ่อมถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 116,000 บาท) ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายอยู่ราว 3,299 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจอย่างมาก และมองว่าเป็นการจัดการที่ไม่เป็นธรรม

    ปัญหาน้ำหนักและดีไซน์
    RTX 5090 มีขนาดใหญ่และหนักถึง 3 กิโลกรัม ทำให้ PCB และขั้วต่อ PCIe ต้องรับแรงกดสูงตลอดเวลา ผู้ใช้รายนี้ยืนยันว่าได้ติดตั้งอย่างระมัดระวังและใช้ขาตั้งเสริม แต่ก็ยังเกิดรอยแตกเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาด้านการออกแบบที่อาจเกิดขึ้นกับการ์ดรุ่นใหญ่

    ข้อเสนอส่วนลดหลังการเจรจา
    หลังจากเจรจานานหลายเดือน Asus เสนอส่วนลด 50% ให้ผู้ใช้ แต่กรณีนี้ก็ยังสร้างเสียงวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ว่าผู้ผลิตควรหาทางแก้ไขปัญหาดีไซน์และการรับประกันที่ชัดเจนมากกว่านี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Asus ปฏิเสธการรับประกัน RTX 5090
    อ้างพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์

    ค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ
    แพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายในตลาด

    น้ำหนักการ์ดสูงถึง 3 กิโลกรัม
    PCB และขั้วต่อ PCIe เสี่ยงต่อแรงกดและรอยแตก

    Asus เสนอส่วนลด 50% หลังการเจรจา
    แต่ยังถูกวิจารณ์เรื่องความยุติธรรมในการรับประกัน

    ความเสี่ยงจากดีไซน์การ์ดที่ใหญ่และหนักเกินไป
    อาจทำให้ PCB แตกแม้ติดตั้งอย่างระมัดระวัง

    นโยบายการรับประกันที่เข้มงวดเกินไป
    ผู้ใช้เสี่ยงเสียค่าใช้จ่ายสูงแม้ไม่ใช่ความผิดพลาดของตน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-quotes-customer-usd3-350-repair-bill-for-rtx-5090-with-microscopic-surface-irregularity-more-than-the-entire-cards-value-offers-50-percent-discount-after-months-of-haggling
    💻 เคสเคลม RTX 5090 ที่กลายเป็นดราม่า ข่าวนี้เล่าถึงกรณีผู้ใช้ RTX 5090 ที่ส่งเคลมไปยัง Asus แต่ถูกปฏิเสธการรับประกัน เนื่องจากพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ Asus จึงเสนอค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ ก่อนจะลดให้ 50% หลังจากเจรจายาวนานหลายเดือน ผู้ใช้รายหนึ่งส่งการ์ดจอ ROG Astral GeForce RTX 5090 ไปเคลม หลังพบปัญหาจอดับและรีบูตเครื่องบ่อยครั้ง แต่ Asus ปฏิเสธการรับประกัน โดยอ้างว่ามี “surface irregularity” หรือรอยแตกเล็ก ๆ บริเวณขอบ PCB ซึ่งตรวจพบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น 💰 ค่าซ่อมแพงกว่าการ์ดใหม่ Asus แจ้งค่าซ่อมถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 116,000 บาท) ซึ่งแพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายอยู่ราว 3,299 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจอย่างมาก และมองว่าเป็นการจัดการที่ไม่เป็นธรรม 🏋️‍♂️ ปัญหาน้ำหนักและดีไซน์ RTX 5090 มีขนาดใหญ่และหนักถึง 3 กิโลกรัม ทำให้ PCB และขั้วต่อ PCIe ต้องรับแรงกดสูงตลอดเวลา ผู้ใช้รายนี้ยืนยันว่าได้ติดตั้งอย่างระมัดระวังและใช้ขาตั้งเสริม แต่ก็ยังเกิดรอยแตกเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาด้านการออกแบบที่อาจเกิดขึ้นกับการ์ดรุ่นใหญ่ 🤝 ข้อเสนอส่วนลดหลังการเจรจา หลังจากเจรจานานหลายเดือน Asus เสนอส่วนลด 50% ให้ผู้ใช้ แต่กรณีนี้ก็ยังสร้างเสียงวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ว่าผู้ผลิตควรหาทางแก้ไขปัญหาดีไซน์และการรับประกันที่ชัดเจนมากกว่านี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Asus ปฏิเสธการรับประกัน RTX 5090 ➡️ อ้างพบรอยแตกเล็ก ๆ ที่ตรวจได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ ✅ ค่าซ่อมสูงถึง 3,350 ดอลลาร์สหรัฐ ➡️ แพงกว่าราคาการ์ดใหม่ที่ขายในตลาด ✅ น้ำหนักการ์ดสูงถึง 3 กิโลกรัม ➡️ PCB และขั้วต่อ PCIe เสี่ยงต่อแรงกดและรอยแตก ✅ Asus เสนอส่วนลด 50% หลังการเจรจา ➡️ แต่ยังถูกวิจารณ์เรื่องความยุติธรรมในการรับประกัน ‼️ ความเสี่ยงจากดีไซน์การ์ดที่ใหญ่และหนักเกินไป ⛔ อาจทำให้ PCB แตกแม้ติดตั้งอย่างระมัดระวัง ‼️ นโยบายการรับประกันที่เข้มงวดเกินไป ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงเสียค่าใช้จ่ายสูงแม้ไม่ใช่ความผิดพลาดของตน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-quotes-customer-usd3-350-repair-bill-for-rtx-5090-with-microscopic-surface-irregularity-more-than-the-entire-cards-value-offers-50-percent-discount-after-months-of-haggling
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 8

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 8
    แผนการขั้นต่อไปของอเมริกา คือ ใช้กำลังทหารคุมบริเวณเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน จากอาฟริกาไปถึงจีน โดยเฉพาะช่วงที่เป็นช่องแคบ ที่สามารถจะบีบให้ช่องทางนั้นตันได้ เขาเรียกกันว่า “choke points” จุดรัดคอ
    จุดรัดคอที่สำคัญจุดหนึ่งอยู่ที่เยเมน Republic of Yemen ประเทศเล็กๆ ที่ไม่ร่ำรวยเหมือนเพื่อนบ้านที่ อยู่ติดกันคือ ซาอุดิ อารเบีย ที่อยู่ทางเหนือของเยเมน มีทะเลแดงอยู่ทางตะวันตก และอ่าวเอเดน Gulf of Aden อยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน Arabian Sea มองจากเยเมนข้ามไปอีกฝั่งทางอาฟริกา จะเห็นแผ่นดินที่ดูรกร้าง แต่ระยะหลังนี้ กลับโด่งดัง มีชื่อพาดหัวข่าวบ่อยคือ โซมาเลีย Somalia
    วันนี้ใครไม่รู้จัก เยเมนและโซมาเลีย ออกจะเชยนะครับ
    อเมริกาและเพนตากอน เริ่มจัดกองกำลังไปอยู่ที่ Bab el-Mandab ที่อยู่ตรงส่วนแคบที่สุด ของอ่าวเอเดน ด้วยการโหมข่าวเรื่องสลัดโซมาเลีย และเรื่อง อัลไคด้า หรืออัลกออิดะ Al Qaeda ที่คืนชีพ และ “บังเอิญ” เลือกที่ตั้งฐานใหม่อยู่ที่เยเมน ในช่วงปี ค.ศ.2009
    มันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกา ที่ต้องการเป็นผู้ควบคุม (และปิดกั้น เมื่อต้องการ) การใช้เส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน ที่แน่นขนัด เส้นสำคัญของในโลก
    นอกจากนี้ มีข่าวว่า ยังมีแหล่งน้ำมันที่ยังไม่ได้พัฒนา หลบซ่อนอยู่ในบริเวณระหว่างเยเมนกับซาอุดิอารเบีย ที่อาจมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกแหล่งหนึ่ง เหลืออยู่ เยเมน จึงกลายเป็นเป้าสำคัญอย่างน่าสงสาร
    การเขย่าเยเมนยกแรก เริ่มจากการเป็นข่าวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.2009 เกี่ยวกับการจับกุม นาย Abdullah ชาวไนจีเรีย ที่เป็นพนักงานทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลอเมริกาว่า เขาลอบนำวัตถุระเบิดซ่อนไว้ในกางเกงใน (ช่างเลือกที่ซ่อนจริงวุ้ย) แล้วขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Northwest Airlines ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอรฺ์แลนด์ เพื่อบินไปยังเมืองดีทรอยท์ในอเมริกา เขาถูกจับได้และถูกนำตัวมาดำเนินคดีฐานพยายามนำวัตถุระเบิดขึ้นเครื่องบิน และพยายามระเบิดเครื่องบิน
    หลังจากนั้นกระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็ทำหน้าที่โหมข่าวว่า นาย Abdullah นี้ ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ได้รับการฝึกอบรมมาจากเยเมน เพื่อมาปฏิบัติภาระกิจนี้ เขาได้รับการฝึกจากองค์กรที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่คือ Al Qaeda in the Arabian Peninsula (AQAP) ที่มีฐานอยู่ที่เยเมน ซึ่งน่าจะเป็นศูนย์กลางใหม่ของพวกอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ
    คนดูข่าวโลกกว้าง ทำหน้างงเป็นไก่ถูกตีหัว อะไรนะ เยเมน อยู่ตรงไหนนะ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน เรียนภูมิศาสตร์ในโรงเรียนบ้านเรา โลกแคบนิดเดียว ไม่เห็นมีชื่อประเทศนี้เลย และด้วยข่าวชิ้นนี้ เยเมน ประเทศเล็กๆ ก็ได้ขึ้นชั้น เป็นเป้าใหม่เอี่ยมอยู่ในกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่สำคัญของอเมริกา สำคัญพอที่อเมริกา จะยกกองกำลังไปปักหลักเฝ้าอยู่ที่เยเมนเลยทีเดียว
    จริงๆ มันมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเยเมน ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.2009 แล้ว อยู่ดีๆ นาย Tariq al-Fadhli อดีตหัวหน้ากลุ่มระเบิดพลีชีพ jihadist ที่มาจากเยเมนใต้ ที่เคยเป็นคอหอยลูกกระเดือก สนับสนุน Ali Abdullah Saleh ประธานาธิบดีของเยเมน ก็ดันประกาศตัดสัมพันธ์ 15 ปี กับประธานาธิบดี Saleh อย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย บอกว่าจะไปละนะ ไปรวมตัวกับพวกเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ Southern Movement (SM) ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เอะ จะไปทำอะไรที่เยเมนใต้
    Al-Fadhli นี่ไม่ธรรมดา นับว่าเขาเป็นศิษย์เก่าสถาบันซี ไอเอของอเมริกาทีเดียว เพราะเขาเคยเป็นสมาชิก ของพวกมูจาฮิดีน Mujahideen ในอาฟกานิสถานอยู่หลายปี ในช่วงตั้งแต่ ค.ศ.1980 พวกมูจาฮิดีนนี้ มีซีไอเอ เป็นผู้ฝึกให้ เพื่อเอาไว้ให้ รบกับสหภาพโซเวียต al- Fadhli ได้รับการฝึกจากซีไอเอ รุ่นเดียวกับเพื่อนอีกคน ที่เป็นลูกเศรษฐีชาวซาอุ เชื้อสายเยเมน ชื่อ โอซามา บิน ลาเดน Osama bin Laden คนนั้นแหล่ะ สำนักงานใหญ่ของ อัลไคดาของจริง เขาก็ว่าอยู่ที่แลงลี่ Langley Virginia ในอเมริกา ก็สำนักงานใหญ่ของซีไอเอนั่นเอง มันเป็นรายการต้มตุ๋นทั้งโลกจริงๆ
    เรื่องของเยเมน นี่ มีหลายมิติ เยเมนนั้นมารวมตัวเป็นรัฐเดียวกัน ในปี ค.ศ.1990 หลังจากสหภาพโซเวียตแตกสลาย เดิมเยเมนใต้ หรือชื่อเต็มว่า สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเยเมน Peoples’s Democratic Republic of Yemen (PDRY) เคยเป็นรัฐที่มีความผูกพันกับสหภาพ โซเวียต เมื่อสหภาพโซเวียตแตก เยเมนใต้ก็ขาดลอย ขาดลูกพี่ จึงมารวมตัวกับเยเมนเหนือ Yemen Arab Republic คงมองเห็นภาพอะไรรางๆนะครับ
    แต่ก็ดูเหมือนจะรวมกันอยู่อย่าง ไม่ค่อยราบรื่น ตั้งแต่รวมกัน ก็มีเรื่องขบกันมาตลอด จนปี ค.ศ.1994 เกิดสงครามกลางเมือง เยเมนใต้ทนเห็นความขี้โกง ของรัฐบาล ที่นำโดยประธานาธิบดี Saleh ของเยเมนเหนือไม่ไหว เลยลุกขึ้นมาไล่ Saleh ซึ่งปกครองเยเมนเหนือมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 พอมีการรวมเยเมนเหนือใต้เข้าด้วยกัน ก็เลยเป็นประธานาธิบดีของเยเมนที่รวมตัวกันต่อไปด้วย แต่เยเมนใต้รบไม่ชนะในสงครามกลางเมืองครั้งนั้น ทั้ง 2 เยเมน ก็เลยยังต้องผูกติดกันอยู่ต่อไป และรักกันน้อยลงไปอีก
    ก่อนปี ค.ศ.1990 อเมริกาและซาอุดิอารเบีย ให้การสนับสนุน Saleh และนโยบายรัฐอิสลามของ Saleh อย่างเต็มที่ เพื่อกันไม่ให้เยเมนใต้ ซึ่งมีเชื้อคอมมิวนิสต์สายโซเวียต มาร่วมด้วย Saleh จึงปกครองโดยมีกลุ่ม นักรบพลีชีพ ซาลาฟิส Salafist-jihadi ซึ่งใครไม่รู้ส่งมาสนับสนุน เมื่อ al-Fadhli ซึ่งเป็นจีฮาด อยู่ดีๆ ก็ประกาศแยกตัวจาก Saleh กลับไปปักหลักที่เยเมนใต้ Saleh ก็น่าจะเหนื่อย
    หลังจาก al-Fadhli มารวมกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ ในเดือนเมษายน ค.ศ.2009 การประท้วงรัฐบาลในเมืองต่างๆ ทางเยเมนใต้ ก็ลามเพิ่มขี้นไปตามเมืองต่างๆ และเงื่อนไขข้อเรียกร้องก็เพิ่มขึ้นไปด้วย
    แค่เรื่องเยเมนใต้ Saleh ก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว ทางเหนือก็เกิดมีการลุกฮือขึ้นโดยพวก ฮูตติ ชิอะห์ Shi’ite al Houthi Zaydi ซึ่ง Saleh บอกว่า พวกฮูตติ นี่ มีทั้งอิรัคและอิหร่านสนับสนุน เจ้าหน้าที่เยเมนยีดอาวุธที่ทำในอิหร่าน ได้จากพวกฮูตติ ส่วนฮูตติ ก็อ้างว่าอาวุธที่พวกเขายึดได้จากพวกเยเมนเหนือ เป็นอาวุธที่มีเครื่องหมายของซาอุดิอารเบียทั้งนั้น เมืองซานะ (เมืองหลวงของเยเมน) น่ะ กลายเป็น ขี้ข้าของซาอุดิอารเบีย แล้วซินะ
    เรื่องในเยเมน ชักยุ่งรุงรังไปหมด ลากมาเกี่ยวมันทุกเรื่อง กลัวคนไม่รู้ว่าใครวางแผน และไม่รู้ว่าจะมีแผนซ้อนอีกต่อหรือเปล่า….
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 8 แผนการขั้นต่อไปของอเมริกา คือ ใช้กำลังทหารคุมบริเวณเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน จากอาฟริกาไปถึงจีน โดยเฉพาะช่วงที่เป็นช่องแคบ ที่สามารถจะบีบให้ช่องทางนั้นตันได้ เขาเรียกกันว่า “choke points” จุดรัดคอ จุดรัดคอที่สำคัญจุดหนึ่งอยู่ที่เยเมน Republic of Yemen ประเทศเล็กๆ ที่ไม่ร่ำรวยเหมือนเพื่อนบ้านที่ อยู่ติดกันคือ ซาอุดิ อารเบีย ที่อยู่ทางเหนือของเยเมน มีทะเลแดงอยู่ทางตะวันตก และอ่าวเอเดน Gulf of Aden อยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน Arabian Sea มองจากเยเมนข้ามไปอีกฝั่งทางอาฟริกา จะเห็นแผ่นดินที่ดูรกร้าง แต่ระยะหลังนี้ กลับโด่งดัง มีชื่อพาดหัวข่าวบ่อยคือ โซมาเลีย Somalia วันนี้ใครไม่รู้จัก เยเมนและโซมาเลีย ออกจะเชยนะครับ อเมริกาและเพนตากอน เริ่มจัดกองกำลังไปอยู่ที่ Bab el-Mandab ที่อยู่ตรงส่วนแคบที่สุด ของอ่าวเอเดน ด้วยการโหมข่าวเรื่องสลัดโซมาเลีย และเรื่อง อัลไคด้า หรืออัลกออิดะ Al Qaeda ที่คืนชีพ และ “บังเอิญ” เลือกที่ตั้งฐานใหม่อยู่ที่เยเมน ในช่วงปี ค.ศ.2009 มันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกา ที่ต้องการเป็นผู้ควบคุม (และปิดกั้น เมื่อต้องการ) การใช้เส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมัน ที่แน่นขนัด เส้นสำคัญของในโลก นอกจากนี้ มีข่าวว่า ยังมีแหล่งน้ำมันที่ยังไม่ได้พัฒนา หลบซ่อนอยู่ในบริเวณระหว่างเยเมนกับซาอุดิอารเบีย ที่อาจมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกแหล่งหนึ่ง เหลืออยู่ เยเมน จึงกลายเป็นเป้าสำคัญอย่างน่าสงสาร การเขย่าเยเมนยกแรก เริ่มจากการเป็นข่าวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.2009 เกี่ยวกับการจับกุม นาย Abdullah ชาวไนจีเรีย ที่เป็นพนักงานทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลอเมริกาว่า เขาลอบนำวัตถุระเบิดซ่อนไว้ในกางเกงใน (ช่างเลือกที่ซ่อนจริงวุ้ย) แล้วขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Northwest Airlines ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอรฺ์แลนด์ เพื่อบินไปยังเมืองดีทรอยท์ในอเมริกา เขาถูกจับได้และถูกนำตัวมาดำเนินคดีฐานพยายามนำวัตถุระเบิดขึ้นเครื่องบิน และพยายามระเบิดเครื่องบิน หลังจากนั้นกระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็ทำหน้าที่โหมข่าวว่า นาย Abdullah นี้ ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ได้รับการฝึกอบรมมาจากเยเมน เพื่อมาปฏิบัติภาระกิจนี้ เขาได้รับการฝึกจากองค์กรที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่คือ Al Qaeda in the Arabian Peninsula (AQAP) ที่มีฐานอยู่ที่เยเมน ซึ่งน่าจะเป็นศูนย์กลางใหม่ของพวกอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ คนดูข่าวโลกกว้าง ทำหน้างงเป็นไก่ถูกตีหัว อะไรนะ เยเมน อยู่ตรงไหนนะ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน เรียนภูมิศาสตร์ในโรงเรียนบ้านเรา โลกแคบนิดเดียว ไม่เห็นมีชื่อประเทศนี้เลย และด้วยข่าวชิ้นนี้ เยเมน ประเทศเล็กๆ ก็ได้ขึ้นชั้น เป็นเป้าใหม่เอี่ยมอยู่ในกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่สำคัญของอเมริกา สำคัญพอที่อเมริกา จะยกกองกำลังไปปักหลักเฝ้าอยู่ที่เยเมนเลยทีเดียว จริงๆ มันมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเยเมน ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.2009 แล้ว อยู่ดีๆ นาย Tariq al-Fadhli อดีตหัวหน้ากลุ่มระเบิดพลีชีพ jihadist ที่มาจากเยเมนใต้ ที่เคยเป็นคอหอยลูกกระเดือก สนับสนุน Ali Abdullah Saleh ประธานาธิบดีของเยเมน ก็ดันประกาศตัดสัมพันธ์ 15 ปี กับประธานาธิบดี Saleh อย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย บอกว่าจะไปละนะ ไปรวมตัวกับพวกเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ Southern Movement (SM) ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เอะ จะไปทำอะไรที่เยเมนใต้ Al-Fadhli นี่ไม่ธรรมดา นับว่าเขาเป็นศิษย์เก่าสถาบันซี ไอเอของอเมริกาทีเดียว เพราะเขาเคยเป็นสมาชิก ของพวกมูจาฮิดีน Mujahideen ในอาฟกานิสถานอยู่หลายปี ในช่วงตั้งแต่ ค.ศ.1980 พวกมูจาฮิดีนนี้ มีซีไอเอ เป็นผู้ฝึกให้ เพื่อเอาไว้ให้ รบกับสหภาพโซเวียต al- Fadhli ได้รับการฝึกจากซีไอเอ รุ่นเดียวกับเพื่อนอีกคน ที่เป็นลูกเศรษฐีชาวซาอุ เชื้อสายเยเมน ชื่อ โอซามา บิน ลาเดน Osama bin Laden คนนั้นแหล่ะ สำนักงานใหญ่ของ อัลไคดาของจริง เขาก็ว่าอยู่ที่แลงลี่ Langley Virginia ในอเมริกา ก็สำนักงานใหญ่ของซีไอเอนั่นเอง มันเป็นรายการต้มตุ๋นทั้งโลกจริงๆ เรื่องของเยเมน นี่ มีหลายมิติ เยเมนนั้นมารวมตัวเป็นรัฐเดียวกัน ในปี ค.ศ.1990 หลังจากสหภาพโซเวียตแตกสลาย เดิมเยเมนใต้ หรือชื่อเต็มว่า สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเยเมน Peoples’s Democratic Republic of Yemen (PDRY) เคยเป็นรัฐที่มีความผูกพันกับสหภาพ โซเวียต เมื่อสหภาพโซเวียตแตก เยเมนใต้ก็ขาดลอย ขาดลูกพี่ จึงมารวมตัวกับเยเมนเหนือ Yemen Arab Republic คงมองเห็นภาพอะไรรางๆนะครับ แต่ก็ดูเหมือนจะรวมกันอยู่อย่าง ไม่ค่อยราบรื่น ตั้งแต่รวมกัน ก็มีเรื่องขบกันมาตลอด จนปี ค.ศ.1994 เกิดสงครามกลางเมือง เยเมนใต้ทนเห็นความขี้โกง ของรัฐบาล ที่นำโดยประธานาธิบดี Saleh ของเยเมนเหนือไม่ไหว เลยลุกขึ้นมาไล่ Saleh ซึ่งปกครองเยเมนเหนือมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 พอมีการรวมเยเมนเหนือใต้เข้าด้วยกัน ก็เลยเป็นประธานาธิบดีของเยเมนที่รวมตัวกันต่อไปด้วย แต่เยเมนใต้รบไม่ชนะในสงครามกลางเมืองครั้งนั้น ทั้ง 2 เยเมน ก็เลยยังต้องผูกติดกันอยู่ต่อไป และรักกันน้อยลงไปอีก ก่อนปี ค.ศ.1990 อเมริกาและซาอุดิอารเบีย ให้การสนับสนุน Saleh และนโยบายรัฐอิสลามของ Saleh อย่างเต็มที่ เพื่อกันไม่ให้เยเมนใต้ ซึ่งมีเชื้อคอมมิวนิสต์สายโซเวียต มาร่วมด้วย Saleh จึงปกครองโดยมีกลุ่ม นักรบพลีชีพ ซาลาฟิส Salafist-jihadi ซึ่งใครไม่รู้ส่งมาสนับสนุน เมื่อ al-Fadhli ซึ่งเป็นจีฮาด อยู่ดีๆ ก็ประกาศแยกตัวจาก Saleh กลับไปปักหลักที่เยเมนใต้ Saleh ก็น่าจะเหนื่อย หลังจาก al-Fadhli มารวมกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางเยเมนใต้ ในเดือนเมษายน ค.ศ.2009 การประท้วงรัฐบาลในเมืองต่างๆ ทางเยเมนใต้ ก็ลามเพิ่มขี้นไปตามเมืองต่างๆ และเงื่อนไขข้อเรียกร้องก็เพิ่มขึ้นไปด้วย แค่เรื่องเยเมนใต้ Saleh ก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว ทางเหนือก็เกิดมีการลุกฮือขึ้นโดยพวก ฮูตติ ชิอะห์ Shi’ite al Houthi Zaydi ซึ่ง Saleh บอกว่า พวกฮูตติ นี่ มีทั้งอิรัคและอิหร่านสนับสนุน เจ้าหน้าที่เยเมนยีดอาวุธที่ทำในอิหร่าน ได้จากพวกฮูตติ ส่วนฮูตติ ก็อ้างว่าอาวุธที่พวกเขายึดได้จากพวกเยเมนเหนือ เป็นอาวุธที่มีเครื่องหมายของซาอุดิอารเบียทั้งนั้น เมืองซานะ (เมืองหลวงของเยเมน) น่ะ กลายเป็น ขี้ข้าของซาอุดิอารเบีย แล้วซินะ เรื่องในเยเมน ชักยุ่งรุงรังไปหมด ลากมาเกี่ยวมันทุกเรื่อง กลัวคนไม่รู้ว่าใครวางแผน และไม่รู้ว่าจะมีแผนซ้อนอีกต่อหรือเปล่า…. สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 7

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 7
    มันเป็นเรื่องน่าสมเพชมาก หลังจากกัดดาฟีเสียชีวิต อเมริกากับฝรั่งเศส ต่างออกมาอ้างว่าเป็นผลงานของตน อเมริกาบอก เครื่องโดรนของกู ยิงมันตายคาที่ ฝรั่งเศสบอกไม่ใช่ เครื่องบินของกู ทิ้งระเบิดทะลายมันก่อนต่างหาก
    แต่อังกฤษไม่เถียงกับใคร ยึดเงืนในบัญชีของกัดดาฟีที่ฝากไว้ที่ธนาคารในอังกฤษเรียบ ตัวเลขเท่าไหร่ อังกฤษเม้มปากแน่น เปิดปากเมื่อไหร่ ตัวหารมันจะแยะ ก็ดันขนกันไปกี่ชาติล่ะ เหมือนแร้งลง
    อเมริกาและนาโต้ ไปเอาข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่า ไอ้ที่ตายเป็นตัวปลอม เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2012 เลยพากันกลับไปทิ้งระเบิดที่บริเวณบ้านใหญ่ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีอีกรอบใหญ่ แต่ก็ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย
    อเมริกายังไม่พอใจ ข่าวยังลือจัง งั้นถล่มมันไปเรื่อยๆ แล้วกัน อเมริกาส่งโดรนไปสำรวจทุกเมืองในลิเบีย สงสัยที่ไหนก็ทิ้งบอมบ์ที่นั่น ตามมาด้วย “คณะผู้รับเหมา” ทหารรับจ้าง บุกเข้าไปเก็บกวาดผู้ต้องสงสัย
    ส่วนอังกฤษ และฝรั่งเศส กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง รับหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองเคลื่อนที่ ตามสืบความเคลื่อนไหว
    เอะ ไหนลงข่าวว่าตายแน่ ถึงกับลากศพมีรูถูกยิงที่หัวมาถ่ายรูปเอาไว้ ตอนนี้กลับลำ บอกไม่เชื่อว่าตายจริง เที่ยวตามรื้อ ตามค้น หากัดดาฟีคนไหนไม่รู้ต่อ
    เดี๋ยวก็คงมีข่าวออกมา เหมือนกับเรื่องบินลาเดนหลอกว่ายังไม่ตาย แถมอยู่เกาะสวรรค์ที่ไหนสักแห่ง คนอะไร รูปถ่ายตอนตายที่ “เขา” ส่งมาให้สื่อลง ยังยิ้มอยู่ แถมยิ้มพิมพ์เดียวกับตอนยังไม่ตายเป๊ะ เพียงแต่หน้าเปื้อนเลือดไปหน่อยเท่านั้น ฮาจริง ไปกดดูได้ในกูเกิลนะครับ ผมไม่ได้เขียนตลก ผมเขียนจากภาพที่เขาเอามาลง
    เขาว่า หลังจากการค้นหา ทำลายไปทำลายมา คลังอาวุธใหญ่ของกัดดาฟี ที่ว่ามีสะสมเป็นโกดังใหญ่ๆ อยู่ในหลายเมือง หายเกลี้ยง ไปโผล่อีกที อยู่ที่ซีเรีย ที่พวกกบฏซีเรียใช้กันมา 3 ปียังไม่หมดน่ะ คนรู้ดีเรื่องอาวุธของกัดดาฟี ถูกขนมาให้กบฏซีเรียใช้ นอกจากซีไอเอและคนที่สั่ง ซีไอเอ ได้แล้ว ยังมีทูตอเมริกันประจำลิเบีย ที่ถูกฆ่าโหดอยู่ในสถานทูตตัวเอง อเมริกาแถลงว่า ถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่า ไหนว่าพวกกันไง แต่มีวุฒิสมาชิกอเมริกาเอง สงสัยว่าเป็นรายการเก็บกันเอง ของอเมริกา
    คนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีอีกคนคือ คุณนายหน้าโหด นางสิงห์สั่งฆ่า เขาว่าตอนถูกกรรมาธิการเรียกไปสอบสวน คุณนายถึงกับเป็นลม หงายหลัง หัวฟาดพื้น แต่ดวงแข็งจัง ไม่ยักตาย (อ่านรายละเอียดเรื่อง ไอ้กันเก็บกันเองที่ลิเบีย ได้ในนิทานเรื่อง Chateau Christoff นะครับ เขียนไว้นานแล้ว)
    ส่วนลิเบียเอง หลังจากขาดหัวที่ชื่อ กัดดาฟี ลิเบียก็เหมือนปลาไหลถูกต้มอยู่ในหม้อ ทั้งตัวเป็นๆ ดิ้นกระแด็กๆ ไปวันๆ รอเวลาเขาเอามากิน ประเทศแตกไม่รู้กี่เสี่ยง ผ่านมาจะ 4 ปี ยังตั้งหลักไม่ได้ มีรัฐบาล 2 คณะพร้อมกัน แต่ละคณะ มีนายกรัฐมนตรีของตัวเอง มีสภา และกองกำลังของตนเอง
    ทางตะวันตกของประเทศ ควบคุมโดยกองกำลังอิสลาม ที่ยึดเอาทริโปลีเป็นเมืองหลวง และไล่รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนเมษา กระเด็นไป
    ทางตะวันออกของประเทศที่มีรัฐบาล ที่มาจากนักการเมืองฝ่ายที่ไม่เอาอิสลาม แต่ปัจจุบันก็รับศึกไม่ไหว ตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่เมือง Tobruk ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 1,200 กิโล ตอนนี้ ทางตะวันออกนี่ก็เลยไม่ขึ้นกับใคร
    ทางใต้ของประเทศ เป็นแหล่งชุมนุมดาราผู้ก่อการร้าย
    ส่วนทางเหนือ ที่อยู่ติดชายฝั่ง กลายเป็นเส้นทางผ่านของพวกอพยพลี้ภัย ก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ รวมดารานักหลอกต้ม ทั้งนั้น
    หลังจากเป็นปลาไหลอยู่ในหม้อ บรรดาสถานทูตพวกฝรั่งตะวันตก หัวหด หูตกปิดประตูกลับบ้านไปหมด อิยิปต์ อัลจีเรีย และตูนีเซีย ปิดเขตแดนที่ติดต่อกับลิเบีย การข่มขืน ปล้นฆ่า จับมาทรมาน เกิดขึ้นรายวัน ลิเบียกลายเป็นรัฐที่ล้มและเหลว ไปถึงข้างในของกระดูก failed state อย่างแท้จริง
    ไอ้ตัวระยำ ที่เป็นผู้วางแผนสร้างเรื่องก็ทิ้งลิเบีย เหมือนอย่างที่ทำกับอิรัค อียิปต์ และเมืองต่างๆ ในอาฟริกา และที่อื่นๆ สาธยายด่ากันไม่หวาดไม่ไหว
    อเมริกา “ทำเหมือน” หมดปัญญาแก้ไขการมี 2 รัฐบาลในประเทศเดียวกัน และไม่สามารถบริหารประเทศได้สักรัฐบาลเดียว แต่ ล่าสุด อเมริกา กำลังสร้างรัฐบาลที่ 3 ในลิเบีย! มันยิ่งกว่า หนังตลก!
    นายพล Khalifa Hifter หรือ Haftar ซี้ย่ำปึกของซีไอเอ กำลังถูกปั้นขึ้นมาเก็บสมบัติลิเบียที่ยังเหลืออยู่อีกแยะ
    Hifter เคยเป็นลูกน้องเก่าของกัดดาฟี สมัยที่โค่นกษัตริย์ Idris al-Sanusi มาด้วยกัน กัดดาฟี เคยเรียก Hifter เป็นลูกรัก ระหว่างสงครามอาหรับ อิสราเอล ในปี ค.ศ.973 Hifter เป็นผู้นำกองทัพลิเบีย ช่วง ค.ศ.1980-1987 ทำสงครามกับชาด เขาเป็นคนสั่งใช้ระเบิดแก๊สพิษ ลิเบียแพ้ชาด ในการรบครั้งนั้น และทหารลิเบียถูกชาดจับเป็นเชลย รวมทั้ง Hifter ด้วย
    ระหว่างที่ติดอยู่ที่ชาด Hifter ไม่รู้คิดอะไร ชวนพรรคพวกที่เป็นเชลยด้วยกัน ให้ปฏิวัติกัดดาฟี แต่ยังไม่ทันเดินหน้า เขาก็เปลี่ยนแผน เพราะซีไอเอจัดการให้เขาหลุดจากคุมตัวของชาด และข้ามมาคองโก ก่อนบินไปอยู่ที่เวอร์จิเนียของอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 300 คน
    ในฐานะเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ที่ซีไอเอจัดการให้ เขาอยู่ในอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 ถึง ปี ค.ศ.2011 ทำงานหลายจ๊อบให้ซีไอเอ และเมื่อ อเมริกาพยายามขยี้ กัดดาฟี ในปี ค.ศ.1996 Hifter และพวกอีก 600 คนก็เป็นคนจัดการ แต่ไม่สำเร็จ น่าจะทำให้ราคาเขาตกลงพอสมควร แต่ตอนนี้อเมริกาคงไม่มีตัวเลือกเหลือมากนักสำหรับรายการ เก็บกวาดลิเบีย รอบสุดท้าย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 7 มันเป็นเรื่องน่าสมเพชมาก หลังจากกัดดาฟีเสียชีวิต อเมริกากับฝรั่งเศส ต่างออกมาอ้างว่าเป็นผลงานของตน อเมริกาบอก เครื่องโดรนของกู ยิงมันตายคาที่ ฝรั่งเศสบอกไม่ใช่ เครื่องบินของกู ทิ้งระเบิดทะลายมันก่อนต่างหาก แต่อังกฤษไม่เถียงกับใคร ยึดเงืนในบัญชีของกัดดาฟีที่ฝากไว้ที่ธนาคารในอังกฤษเรียบ ตัวเลขเท่าไหร่ อังกฤษเม้มปากแน่น เปิดปากเมื่อไหร่ ตัวหารมันจะแยะ ก็ดันขนกันไปกี่ชาติล่ะ เหมือนแร้งลง อเมริกาและนาโต้ ไปเอาข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่า ไอ้ที่ตายเป็นตัวปลอม เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2012 เลยพากันกลับไปทิ้งระเบิดที่บริเวณบ้านใหญ่ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีอีกรอบใหญ่ แต่ก็ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย อเมริกายังไม่พอใจ ข่าวยังลือจัง งั้นถล่มมันไปเรื่อยๆ แล้วกัน อเมริกาส่งโดรนไปสำรวจทุกเมืองในลิเบีย สงสัยที่ไหนก็ทิ้งบอมบ์ที่นั่น ตามมาด้วย “คณะผู้รับเหมา” ทหารรับจ้าง บุกเข้าไปเก็บกวาดผู้ต้องสงสัย ส่วนอังกฤษ และฝรั่งเศส กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง รับหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองเคลื่อนที่ ตามสืบความเคลื่อนไหว เอะ ไหนลงข่าวว่าตายแน่ ถึงกับลากศพมีรูถูกยิงที่หัวมาถ่ายรูปเอาไว้ ตอนนี้กลับลำ บอกไม่เชื่อว่าตายจริง เที่ยวตามรื้อ ตามค้น หากัดดาฟีคนไหนไม่รู้ต่อ เดี๋ยวก็คงมีข่าวออกมา เหมือนกับเรื่องบินลาเดนหลอกว่ายังไม่ตาย แถมอยู่เกาะสวรรค์ที่ไหนสักแห่ง คนอะไร รูปถ่ายตอนตายที่ “เขา” ส่งมาให้สื่อลง ยังยิ้มอยู่ แถมยิ้มพิมพ์เดียวกับตอนยังไม่ตายเป๊ะ เพียงแต่หน้าเปื้อนเลือดไปหน่อยเท่านั้น ฮาจริง ไปกดดูได้ในกูเกิลนะครับ ผมไม่ได้เขียนตลก ผมเขียนจากภาพที่เขาเอามาลง เขาว่า หลังจากการค้นหา ทำลายไปทำลายมา คลังอาวุธใหญ่ของกัดดาฟี ที่ว่ามีสะสมเป็นโกดังใหญ่ๆ อยู่ในหลายเมือง หายเกลี้ยง ไปโผล่อีกที อยู่ที่ซีเรีย ที่พวกกบฏซีเรียใช้กันมา 3 ปียังไม่หมดน่ะ คนรู้ดีเรื่องอาวุธของกัดดาฟี ถูกขนมาให้กบฏซีเรียใช้ นอกจากซีไอเอและคนที่สั่ง ซีไอเอ ได้แล้ว ยังมีทูตอเมริกันประจำลิเบีย ที่ถูกฆ่าโหดอยู่ในสถานทูตตัวเอง อเมริกาแถลงว่า ถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่า ไหนว่าพวกกันไง แต่มีวุฒิสมาชิกอเมริกาเอง สงสัยว่าเป็นรายการเก็บกันเอง ของอเมริกา คนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีอีกคนคือ คุณนายหน้าโหด นางสิงห์สั่งฆ่า เขาว่าตอนถูกกรรมาธิการเรียกไปสอบสวน คุณนายถึงกับเป็นลม หงายหลัง หัวฟาดพื้น แต่ดวงแข็งจัง ไม่ยักตาย (อ่านรายละเอียดเรื่อง ไอ้กันเก็บกันเองที่ลิเบีย ได้ในนิทานเรื่อง Chateau Christoff นะครับ เขียนไว้นานแล้ว) ส่วนลิเบียเอง หลังจากขาดหัวที่ชื่อ กัดดาฟี ลิเบียก็เหมือนปลาไหลถูกต้มอยู่ในหม้อ ทั้งตัวเป็นๆ ดิ้นกระแด็กๆ ไปวันๆ รอเวลาเขาเอามากิน ประเทศแตกไม่รู้กี่เสี่ยง ผ่านมาจะ 4 ปี ยังตั้งหลักไม่ได้ มีรัฐบาล 2 คณะพร้อมกัน แต่ละคณะ มีนายกรัฐมนตรีของตัวเอง มีสภา และกองกำลังของตนเอง ทางตะวันตกของประเทศ ควบคุมโดยกองกำลังอิสลาม ที่ยึดเอาทริโปลีเป็นเมืองหลวง และไล่รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนเมษา กระเด็นไป ทางตะวันออกของประเทศที่มีรัฐบาล ที่มาจากนักการเมืองฝ่ายที่ไม่เอาอิสลาม แต่ปัจจุบันก็รับศึกไม่ไหว ตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่เมือง Tobruk ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 1,200 กิโล ตอนนี้ ทางตะวันออกนี่ก็เลยไม่ขึ้นกับใคร ทางใต้ของประเทศ เป็นแหล่งชุมนุมดาราผู้ก่อการร้าย ส่วนทางเหนือ ที่อยู่ติดชายฝั่ง กลายเป็นเส้นทางผ่านของพวกอพยพลี้ภัย ก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ รวมดารานักหลอกต้ม ทั้งนั้น หลังจากเป็นปลาไหลอยู่ในหม้อ บรรดาสถานทูตพวกฝรั่งตะวันตก หัวหด หูตกปิดประตูกลับบ้านไปหมด อิยิปต์ อัลจีเรีย และตูนีเซีย ปิดเขตแดนที่ติดต่อกับลิเบีย การข่มขืน ปล้นฆ่า จับมาทรมาน เกิดขึ้นรายวัน ลิเบียกลายเป็นรัฐที่ล้มและเหลว ไปถึงข้างในของกระดูก failed state อย่างแท้จริง ไอ้ตัวระยำ ที่เป็นผู้วางแผนสร้างเรื่องก็ทิ้งลิเบีย เหมือนอย่างที่ทำกับอิรัค อียิปต์ และเมืองต่างๆ ในอาฟริกา และที่อื่นๆ สาธยายด่ากันไม่หวาดไม่ไหว อเมริกา “ทำเหมือน” หมดปัญญาแก้ไขการมี 2 รัฐบาลในประเทศเดียวกัน และไม่สามารถบริหารประเทศได้สักรัฐบาลเดียว แต่ ล่าสุด อเมริกา กำลังสร้างรัฐบาลที่ 3 ในลิเบีย! มันยิ่งกว่า หนังตลก! นายพล Khalifa Hifter หรือ Haftar ซี้ย่ำปึกของซีไอเอ กำลังถูกปั้นขึ้นมาเก็บสมบัติลิเบียที่ยังเหลืออยู่อีกแยะ Hifter เคยเป็นลูกน้องเก่าของกัดดาฟี สมัยที่โค่นกษัตริย์ Idris al-Sanusi มาด้วยกัน กัดดาฟี เคยเรียก Hifter เป็นลูกรัก ระหว่างสงครามอาหรับ อิสราเอล ในปี ค.ศ.973 Hifter เป็นผู้นำกองทัพลิเบีย ช่วง ค.ศ.1980-1987 ทำสงครามกับชาด เขาเป็นคนสั่งใช้ระเบิดแก๊สพิษ ลิเบียแพ้ชาด ในการรบครั้งนั้น และทหารลิเบียถูกชาดจับเป็นเชลย รวมทั้ง Hifter ด้วย ระหว่างที่ติดอยู่ที่ชาด Hifter ไม่รู้คิดอะไร ชวนพรรคพวกที่เป็นเชลยด้วยกัน ให้ปฏิวัติกัดดาฟี แต่ยังไม่ทันเดินหน้า เขาก็เปลี่ยนแผน เพราะซีไอเอจัดการให้เขาหลุดจากคุมตัวของชาด และข้ามมาคองโก ก่อนบินไปอยู่ที่เวอร์จิเนียของอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 300 คน ในฐานะเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ที่ซีไอเอจัดการให้ เขาอยู่ในอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 ถึง ปี ค.ศ.2011 ทำงานหลายจ๊อบให้ซีไอเอ และเมื่อ อเมริกาพยายามขยี้ กัดดาฟี ในปี ค.ศ.1996 Hifter และพวกอีก 600 คนก็เป็นคนจัดการ แต่ไม่สำเร็จ น่าจะทำให้ราคาเขาตกลงพอสมควร แต่ตอนนี้อเมริกาคงไม่มีตัวเลือกเหลือมากนักสำหรับรายการ เก็บกวาดลิเบีย รอบสุดท้าย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90

    ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน

    ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก
    วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่

    สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่:
    ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด
    วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ
    อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด
    มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565)
    รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ
    อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557)
    ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก)
    สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย)

    วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533)

    วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น

    ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ
    ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก

    ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่
    ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564

    ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย
    เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก

    อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา

    การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว
    หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน

    ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์

    ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง

    สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย
    เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    🎵 เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90 🕺 🗺️ ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน 🌠 ✡️ ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่ 💎 สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่: 🙎‍♂️ ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด 🙎‍♂️ วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ 🙎‍♂️ อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด 🙎‍♂️ มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565) 🙎‍♂️ รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ 🙎‍♂️ อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557) 🙎‍♂️ ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก) 🙎‍♂️ สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย) 💿 วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533) 💎 วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น 🕺 ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก 🙎‍♂️ ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่ ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564 🎖️ ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก 🏆 อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา ☢️ การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์ 📝 🤍 ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง ℹ️ℹ️ สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย🏁 เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย ✨💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก

    ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI

    IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์

    การเผชิญหน้ากับ Kasparov
    ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี
    ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา

    มุมมองจากปัจจุบัน
    แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995
    วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที

    การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997
    ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI
    สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI

    คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue
    วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI
    ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    ♟️ Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์ 🏆 การเผชิญหน้ากับ Kasparov ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5 🌍 ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา ⚠️ มุมมองจากปัจจุบัน แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995 ➡️ วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที ✅ การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997 ➡️ ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5 ✅ ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI ➡️ สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI ‼️ คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue ⛔ วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI ⛔ ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • Apple และ Tesla ถูกฟ้องเรื่องสิทธิมนุษยชน

    องค์กร International Rights Advocates ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ยื่นฟ้อง Apple และ Tesla ต่อศาล โดยกล่าวหาว่าทั้งสองบริษัทใช้ การตลาดที่หลอกลวง อ้างว่าสินค้าของตนผลิตอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม แต่ในความจริงกลับพึ่งพาแร่ โคบอลต์และโคลแทน จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งเชื่อมโยงกับการใช้แรงงานเด็ก การข่มขืน การทรมาน และการสังหาร

    ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
    รายงานระบุว่าการทำเหมืองในคองโกได้สร้างผลกระทบมหาศาลต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยสารเคมีลงแม่น้ำและทะเลสาบ ทำลายแหล่งน้ำดื่มและเกษตรกรรม รวมถึงทำให้เกิดโรคผิวหนังและความผิดปกติทางสุขภาพในชุมชน ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งเพื่อแย่งชิงทรัพยากรได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 6 ล้านคนตั้งแต่ปี 1996 และยังคงทำให้ผู้คนหลายล้านต้องพลัดถิ่น

    คำตอบจากบริษัท
    Apple ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า 99% ของโคบอลต์ในแบตเตอรี่ที่ออกแบบโดย Apple มาจากการรีไซเคิล และบริษัทได้สั่งให้ซัพพลายเออร์หยุดการจัดหาจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง Tesla ยังไม่ได้ให้คำตอบต่อสื่อ แต่ถูกกล่าวหาว่าใช้ซัพพลายเออร์เดียวกันกับ Apple ซึ่งมีประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชน

    ความเสี่ยงและข้อกังวล
    แม้บริษัทจะมีนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม แต่รายงานชี้ว่าการบังคับใช้ยังไม่เพียงพอ และมีความเสี่ยงสูงที่แร่ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์จะยังคงเชื่อมโยงกับการละเมิดสิทธิและการทำลายสิ่งแวดล้อม หากไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างโปร่งใส

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Apple และ Tesla ถูกฟ้องในสหรัฐฯ
    ข้อกล่าวหาว่าใช้การตลาดหลอกลวงเกี่ยวกับการผลิตที่ยั่งยืน

    การใช้แร่โคบอลต์และโคลแทนจากคองโก
    เชื่อมโยงกับแรงงานเด็ก การทรมาน และการสังหาร

    ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
    สารเคมีทำลายแหล่งน้ำและเกษตรกรรม ก่อโรคและความเสียหายต่อสุขภาพ

    คำเตือนและข้อกังวล
    ความขัดแย้งในคองโกคร่าชีวิตประชาชนกว่า 6 ล้านคนตั้งแต่ปี 1996
    การตรวจสอบย้อนกลับของซัพพลายเชนยังไม่โปร่งใสและเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/apple-tesla-accused-of-profiting-from-horrific-abuses-environmental-destruction
    ⚖️ Apple และ Tesla ถูกฟ้องเรื่องสิทธิมนุษยชน องค์กร International Rights Advocates ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ยื่นฟ้อง Apple และ Tesla ต่อศาล โดยกล่าวหาว่าทั้งสองบริษัทใช้ การตลาดที่หลอกลวง อ้างว่าสินค้าของตนผลิตอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม แต่ในความจริงกลับพึ่งพาแร่ โคบอลต์และโคลแทน จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งเชื่อมโยงกับการใช้แรงงานเด็ก การข่มขืน การทรมาน และการสังหาร 🌍 ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม รายงานระบุว่าการทำเหมืองในคองโกได้สร้างผลกระทบมหาศาลต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยสารเคมีลงแม่น้ำและทะเลสาบ ทำลายแหล่งน้ำดื่มและเกษตรกรรม รวมถึงทำให้เกิดโรคผิวหนังและความผิดปกติทางสุขภาพในชุมชน ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งเพื่อแย่งชิงทรัพยากรได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 6 ล้านคนตั้งแต่ปี 1996 และยังคงทำให้ผู้คนหลายล้านต้องพลัดถิ่น 🛑 คำตอบจากบริษัท Apple ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า 99% ของโคบอลต์ในแบตเตอรี่ที่ออกแบบโดย Apple มาจากการรีไซเคิล และบริษัทได้สั่งให้ซัพพลายเออร์หยุดการจัดหาจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง Tesla ยังไม่ได้ให้คำตอบต่อสื่อ แต่ถูกกล่าวหาว่าใช้ซัพพลายเออร์เดียวกันกับ Apple ซึ่งมีประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชน ⚠️ ความเสี่ยงและข้อกังวล แม้บริษัทจะมีนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม แต่รายงานชี้ว่าการบังคับใช้ยังไม่เพียงพอ และมีความเสี่ยงสูงที่แร่ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์จะยังคงเชื่อมโยงกับการละเมิดสิทธิและการทำลายสิ่งแวดล้อม หากไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างโปร่งใส 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Apple และ Tesla ถูกฟ้องในสหรัฐฯ ➡️ ข้อกล่าวหาว่าใช้การตลาดหลอกลวงเกี่ยวกับการผลิตที่ยั่งยืน ✅ การใช้แร่โคบอลต์และโคลแทนจากคองโก ➡️ เชื่อมโยงกับแรงงานเด็ก การทรมาน และการสังหาร ✅ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ➡️ สารเคมีทำลายแหล่งน้ำและเกษตรกรรม ก่อโรคและความเสียหายต่อสุขภาพ ‼️ คำเตือนและข้อกังวล ⛔ ความขัดแย้งในคองโกคร่าชีวิตประชาชนกว่า 6 ล้านคนตั้งแต่ปี 1996 ⛔ การตรวจสอบย้อนกลับของซัพพลายเชนยังไม่โปร่งใสและเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/06/apple-tesla-accused-of-profiting-from-horrific-abuses-environmental-destruction
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple, Tesla accused of profiting from horrific abuses, environmental destruction
    According to the filing, Apple's suppliers engage in forced and child labour, and beatings of workers.
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • Jolla Phone รุ่นใหม่ เปิดพรีออเดอร์แล้ว

    Jolla Phone รุ่นใหม่มาพร้อม Mediatek 5G SoC, RAM 12 GB, หน่วยความจำ 256 GB (ขยายได้ถึง 2 TB), หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว FullHD, และแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ 5,500 mAh ตัวเครื่องรองรับ 4G/5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC และกล้องหลัก 50 MP + Ultrawide 13 MP พร้อมกล้องหน้าเลนส์กว้าง

    ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว
    โทรศัพท์นี้มี Privacy Switch แบบกายภาพ ที่ผู้ใช้สามารถปิดไมโครโฟน, Bluetooth, หรือ Android apps ได้ตามต้องการ Sailfish OS ที่ติดตั้งมาเป็นระบบ Linux ทางเลือกจากยุโรป เน้นความปลอดภัย ไม่มีการติดตามหรือส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์

    การขับเคลื่อนโดยชุมชน
    สเปกและฟีเจอร์หลายอย่างถูกโหวตโดยชุมชนผู้ใช้ Sailfish OS ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา Jolla ย้ำว่าโทรศัพท์นี้เป็น “Do It Together (DIT)” phone ที่ออกแบบร่วมกันโดยผู้ใช้ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ถูกกำหนดโดยบริษัทใหญ่

    ราคาและการวางจำหน่าย
    เปิดพรีออเดอร์แล้วในราคา 99 ยูโร (มัดจำ) โดยจะผลิตก็ต่อเมื่อมีอย่างน้อย 2,000 เครื่องถูกสั่งภายในวันที่ 4 มกราคม 2026 ราคาจริงจะอยู่ที่ 499 ยูโร (รวม VAT) และจะเริ่มขายในยุโรป, สหราชอาณาจักร, สวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์

    สรุปสาระสำคัญ
    สเปกเครื่อง
    Mediatek 5G SoC, RAM 12 GB, SSD สูงสุด 2 TB
    กล้องหลัก 50 MP + Ultrawide 13 MP, แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้

    ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว
    Privacy Switch ปิดไมโครโฟน, Bluetooth, Android apps
    Sailfish OS ไม่มีการติดตามหรือส่งข้อมูลกลับ

    การขับเคลื่อนโดยชุมชน
    สเปกและฟีเจอร์โหวตโดยผู้ใช้
    แนวคิด “Do It Together” phone

    ราคาและการวางจำหน่าย
    มัดจำ 99 ยูโร, ราคาจริง 499 ยูโร
    จำเป็นต้องมีพรีออเดอร์ขั้นต่ำ 2,000 เครื่อง

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจ
    หากไม่ถึงจำนวนขั้นต่ำ โทรศัพท์อาจไม่ได้ผลิตจริง
    การวางจำหน่ายจำกัดเฉพาะตลาดยุโรปและบางประเทศเท่านั้น

    https://9to5linux.com/new-jolla-phone-now-available-for-pre-order-as-an-independent-linux-phone
    📰 Jolla Phone รุ่นใหม่ เปิดพรีออเดอร์แล้ว Jolla Phone รุ่นใหม่มาพร้อม Mediatek 5G SoC, RAM 12 GB, หน่วยความจำ 256 GB (ขยายได้ถึง 2 TB), หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว FullHD, และแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ 5,500 mAh ตัวเครื่องรองรับ 4G/5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC และกล้องหลัก 50 MP + Ultrawide 13 MP พร้อมกล้องหน้าเลนส์กว้าง 🔒 ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว โทรศัพท์นี้มี Privacy Switch แบบกายภาพ ที่ผู้ใช้สามารถปิดไมโครโฟน, Bluetooth, หรือ Android apps ได้ตามต้องการ Sailfish OS ที่ติดตั้งมาเป็นระบบ Linux ทางเลือกจากยุโรป เน้นความปลอดภัย ไม่มีการติดตามหรือส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ 🌐 การขับเคลื่อนโดยชุมชน สเปกและฟีเจอร์หลายอย่างถูกโหวตโดยชุมชนผู้ใช้ Sailfish OS ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา Jolla ย้ำว่าโทรศัพท์นี้เป็น “Do It Together (DIT)” phone ที่ออกแบบร่วมกันโดยผู้ใช้ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ถูกกำหนดโดยบริษัทใหญ่ 💵 ราคาและการวางจำหน่าย เปิดพรีออเดอร์แล้วในราคา 99 ยูโร (มัดจำ) โดยจะผลิตก็ต่อเมื่อมีอย่างน้อย 2,000 เครื่องถูกสั่งภายในวันที่ 4 มกราคม 2026 ราคาจริงจะอยู่ที่ 499 ยูโร (รวม VAT) และจะเริ่มขายในยุโรป, สหราชอาณาจักร, สวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สเปกเครื่อง ➡️ Mediatek 5G SoC, RAM 12 GB, SSD สูงสุด 2 TB ➡️ กล้องหลัก 50 MP + Ultrawide 13 MP, แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ ✅ ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว ➡️ Privacy Switch ปิดไมโครโฟน, Bluetooth, Android apps ➡️ Sailfish OS ไม่มีการติดตามหรือส่งข้อมูลกลับ ✅ การขับเคลื่อนโดยชุมชน ➡️ สเปกและฟีเจอร์โหวตโดยผู้ใช้ ➡️ แนวคิด “Do It Together” phone ✅ ราคาและการวางจำหน่าย ➡️ มัดจำ 99 ยูโร, ราคาจริง 499 ยูโร ➡️ จำเป็นต้องมีพรีออเดอร์ขั้นต่ำ 2,000 เครื่อง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจ ⛔ หากไม่ถึงจำนวนขั้นต่ำ โทรศัพท์อาจไม่ได้ผลิตจริง ⛔ การวางจำหน่ายจำกัดเฉพาะตลาดยุโรปและบางประเทศเท่านั้น https://9to5linux.com/new-jolla-phone-now-available-for-pre-order-as-an-independent-linux-phone
    9TO5LINUX.COM
    New Jolla Phone Now Available for Pre-Order as an Independent Linux Phone - 9to5Linux
    Jolla kicked off a campaign for a new Jolla Phone as the independent European Do It Together Linux phone, shaped by the people who use it.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87%

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา

    แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง

    แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง

    นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง
    ดูดซับแสงได้ 99.87%
    ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา

    แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
    เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird
    สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม

    เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น
    ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์
    แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง

    การประยุกต์ใช้งาน
    แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า
    งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง

    ข้อควรระวัง
    แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว
    การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

    https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    ✨ นักวิทยาศาสตร์สร้างผ้าดำที่สุดในโลก ดูดซับแสงได้ถึง 99.87% ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐฯ ได้พัฒนาผ้าขนสัตว์เมอริโนที่ผ่านการเคลือบด้วยโพลีโดปามีนและการบำบัดด้วยพลาสมา จนเกิดโครงสร้างระดับนาโนที่สามารถดักจับและสะท้อนแสงภายใน ทำให้ผ้าชนิดนี้ดูดซับแสงได้มากถึง 99.87% ซึ่งถือเป็นผ้าที่ดำที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นมา แรงบันดาลใจของงานวิจัยนี้มาจากนก Magnificent Riflebird ที่มีขนดำพิเศษซึ่งสามารถดูดซับแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยเลียนแบบโครงสร้างเส้นใยเล็กๆ (nanofibrils) ของขนดังกล่าว เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ “ultrablack” ที่ไม่สะท้อนแสงแม้มองจากมุมต่างๆ ถึง 60 องศา ซึ่งเหนือกว่าความสามารถของขนนกจริง แม้จะไม่ดำที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับวัสดุอย่าง Vantablack (ดูดซับแสง 99.96%) หรือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวบ์จาก MIT (99.995%) แต่ผ้าดำใหม่นี้มีข้อได้เปรียบคือ ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า จึงมีศักยภาพในการนำไปใช้จริงในหลายด้าน เช่น แฟชั่น การถ่ายภาพ และงานวิทยาศาสตร์ที่ต้องการวัสดุควบคุมแสง นอกจากนี้ นักศึกษาด้านแฟชั่นของคอร์เนลล์ยังได้นำผ้าดำพิเศษนี้ไปสร้างชุดเดรสที่มีการไล่เฉดสีจากเทาเข้มไปจนถึงดำสนิท พร้อมจุดสีฟ้า-เขียวตรงกลางเพื่อเลียนแบบอกของนก riflebird ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่ง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ผ้าดำที่สุดที่เคยสร้าง ➡️ ดูดซับแสงได้ 99.87% ➡️ ใช้โพลีโดปามีนและการบำบัดพลาสมา ✅ แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ➡️ เลียนแบบโครงสร้างขนนก Magnificent Riflebird ➡️ สร้างเอฟเฟกต์ ultrablack ที่คงทนแม้มองจากหลายมุม ✅ เปรียบเทียบกับวัสดุอื่น ➡️ ดำไม่เท่า Vantablack หรือคาร์บอนนาโนทิวบ์ ➡️ แต่ผลิตง่ายและราคาถูกกว่า เหมาะต่อการใช้งานจริง ✅ การประยุกต์ใช้งาน ➡️ แฟชั่นและการออกแบบเสื้อผ้า ➡️ งานวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพที่ต้องการควบคุมแสง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ แม้จะผลิตง่าย แต่ยังต้องตรวจสอบความทนทานระยะยาว ⛔ การใช้งานในอุตสาหกรรมต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม https://www.sciencealert.com/blackest-fabric-ever-made-absorbs-99-87-of-all-light-that-hits-it
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Blackest Fabric Ever Made Absorbs 99.87% of All Light That Hits It
    If you want to stand out at your next metal gig, don't settle for a spot of color in a sea of black – go ultrablack instead.
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
More Results