• 16 ปี หลังสนธิรอดตาย แต่ต้องช้ำใจสังคมยังไม่รอดโกง คนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง.ผมขออนุญาตพูดถึงความรู้สึกของผมหน่อย หลายๆ เรื่องที่ผมทำงานมา ปีนี้ 78 แล้ว ถ้าพูดถึงชีวิตการทำงานของผม มันผ่านมาหมดทุกอย่าง อุปสรรค คดีความ คุกตะราง ความเป็นความตาย ถูกลอบยิง หลักๆ แล้วทั้งหมดที่ผมผ่านมา คือคนที่มีอำนาจในแผ่นดิน หรือคนที่มีอำนาจ ใช้เงินใช้ทองซื้ออำนาจมา หรือการประมูลงานที่ต้องใช้เงินใช้ทองมา ประเทศไทยมันมาถึงจุดที่เรียกว่าไม่มีทางรอดอีกต่อไปแล้ว .เพราะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหลักการ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การป้องกันประเทศ หรือการทำงานในหน่วยงาน องค์กรอิสระ ผมแทบจะหาคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรัสว่า ‘เราต้องหาทางให้คนดีมาบริหารประเทศ และกันคนไม่ดีออกไป’ผมยังจำได้ดีเลย พระองค์ท่านบอกว่า คนเรามีหน้าที่อะไร ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านพูดนั้น เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าและทรงใช้เป็นตัวนำมาตลอดเวลา ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ท่านใช้ชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" เพราะท่านพูดก็แล้ว ท่านเตือนสติก็แล้ว ก็ไม่ฟังกัน ก็ช่างหัวมันแล้วกัน ท่านก็ส่งสัญญาณด้วยการตั้งชื่อออกมาเพื่อให้เราเก๊ตกับมัน.หลวงตามหาบัว ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์บอกผมสิบกว่าปีแล้วว่า “สนธิ… การโกงกินชาติบ้านเมืองมันกินเข้าไปถึงกระดูกแล้ว มันเน่าเฟะไปหมดทั้งร่างกายของคนไทย” และวันนี้ผมเห็นแล้วว่าจริง นับตั้งแต่วันแรกที่ผมออกไปสู้กับทักษิณ ชินวัตร ท่านพูดกับผมตลอดว่า “สนธิ อย่าลืมนะ ต้องเอาธรรมนำหน้า ไม่มีใครชนะธรรมได้” นั่นก็คือไม่มีใครชนะความจริงได้ ท่านบอกว่า ธรรม คนมีปัญญา คนมีสติ ถึงจะมองเห็นธรรม แต่ธรรมนั้น คนจำนวนมากจะไม่เข้าใจ เพราะว่าคนจำนวนมากนั้นยังหมกมุ่นอยู่ในกิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเป็น ผบ.ตร. อยากเป็น ผบ.ทบ. อยากเป็นผู้ว่าฯ สตง. อยากเป็น นั่นคือกิเลสส่วนหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาแล้วก็อยากมี ก็ใช้อำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมให้กับตัวเอง .ตำแหน่งทุกอย่างมันเป็น ‘สมมุติ’ …แต่หน้าที่ต้องทำให้จริง ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบต่อประชาชนจริงๆ ขอให้รู้ด้วยว่า ที่คุณรับเงินรับทองใครไปบ้างนั้น ไม่ใช่ว่าประชาชนเขาไม่รู้ หรือไม่ใช่ผมไม่รู้ ผมรู้ ผมดูถูกเหยียดหยามพวกคุณมาก .วันนี้ไอ้คุณมึงคนที่ประชาชนจะพึ่งได้ในยามสิ้นหวัง เช่น ป.ป.ช. หรือ สตง. กลับเป็นคนที่ทำชั่วเสียเอง ในเมื่อกูพึ่งนักการเมืองไม่ได้ กูขอพึ่งมึงได้ไหม ขอพึ่ง ป.ป.ช. ได้ไหม ขอพึ่ง สตง. ได้ไหม มึงกลับทำเหี้ยเสียเอง แล้วไม่ให้ผมช้ำใจได้อย่างไร .วันนี้ครบ 16 ปีที่ผมถูกยิง—17 เมษายน 2552 ตีห้าครึ่งแต่ผมไม่ตาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายคนรักผมบอกว่า”สนธิ มีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับสนธิ สนธิอย่าไปขุดคุ้ยเขาได้ไหม สนธิจะเอาอะไร เดี๋ยวเขาให้” ผมขอบคุณ ผมไม่เดือดร้อน ผมไม่มีอะไรกับเขาเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเขามีอะไรที่เขาทำแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เขา แล้วทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนเดือดร้อน ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นมาสู้ .แต่วันนี้ ผมพึ่งใครไม่ได้แล้ว ป.ป.ช. ก็หมดหวัง สตง. ยุคคุณหญิงจารุวรรณเคยเป็นความหวัง ตอนนี้ก็ไม่เหลือ ศาลเองก็เริ่มเพี้ยน หัวหน้าศาลบางจังหวัดสนิทกับผู้มีอิทธิพล พาผมไปฟ้องศาลต่างจังหวัด ผมไม่ช้ำใจได้ยังไง?.ผมเลือกทำสื่อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพราะผมมีความรู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ขาดปัญญา ถ้าผมทำแล้วให้ปัญญาคน ทั้งที่รู้ว่าคนสนใจข่าวซุบซิบนินทาทำไมโตโน่หักหลังณิชาเป็นล้าน แต่มาสนใจข้อมูลข่าวสารที่ผมทำแค่หมื่น ร้อยเท่า ผมยังต้องอดทน เพราะผมอยากให้คนไทยมีปัญญา .เหมือนที่ผมอดทนออกมาสู้กับทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาต่างๆ แล้วผมต้องรอ 17 ปี กว่าเขาจะกลับมา เพื่อจะกลับมาเมืองไทยโดยการสารภาพผิด บรรจุลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้ข่าวว่าเขากำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อนิรโทษฯ กรรมต่างๆ ที่เขาทำไป.การจะได้ปัญญาสักอย่างหนึ่ง การจะรู้ความจริงสักอย่างหนึ่ง ต้องใช้เวลา ต้องกล้าเผชิญความจริงใหม่ๆ ผมทำรายการ"คุยทุกเรื่องกับสนธิ"มาเจ็ดปี ยังต้องเดินขึ้นศาลไม่หยุด เพราะผมยึดถือธรรม วันนี้ช้ำใจที่สุดคือคนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง ผมมาเห็นปัญหา ป.ป.ช. แล้วผมช้ำใจแล้ว นี่ผมมาเห็นปัญหา สตง. ซึ่งมันเป็นมหากาพย์ ที่มันเจ็บใจที่สุดคือคนที่ต้องมีหน้าที่จับทุจริตคนอื่น เสือกมาทำเอง ผมช้ำใจมาก .หลายคนอวยพรผมสงกรานต์ บอกพี่สนธิ / ลุง ต้องอยู่ไปนานๆ นะ เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ผมบอกว่า เฮ้ย! ฉันอยากจะตายวันตายคืน จะได้พ้นเวรพ้นกรรม เพราะว่าพอตายแล้ว ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องสมมุติหมด มีแต่ความว่างเปล่า จริงๆ ท่านผู้ชม ผมอยากตายวันตายคืน จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องเหี้ยๆ พวกนี้อีกต่อไป วันนี้ขอแค่นี้ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
    16 ปี หลังสนธิรอดตาย แต่ต้องช้ำใจสังคมยังไม่รอดโกง คนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง.ผมขออนุญาตพูดถึงความรู้สึกของผมหน่อย หลายๆ เรื่องที่ผมทำงานมา ปีนี้ 78 แล้ว ถ้าพูดถึงชีวิตการทำงานของผม มันผ่านมาหมดทุกอย่าง อุปสรรค คดีความ คุกตะราง ความเป็นความตาย ถูกลอบยิง หลักๆ แล้วทั้งหมดที่ผมผ่านมา คือคนที่มีอำนาจในแผ่นดิน หรือคนที่มีอำนาจ ใช้เงินใช้ทองซื้ออำนาจมา หรือการประมูลงานที่ต้องใช้เงินใช้ทองมา ประเทศไทยมันมาถึงจุดที่เรียกว่าไม่มีทางรอดอีกต่อไปแล้ว .เพราะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหลักการ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การป้องกันประเทศ หรือการทำงานในหน่วยงาน องค์กรอิสระ ผมแทบจะหาคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรัสว่า ‘เราต้องหาทางให้คนดีมาบริหารประเทศ และกันคนไม่ดีออกไป’ผมยังจำได้ดีเลย พระองค์ท่านบอกว่า คนเรามีหน้าที่อะไร ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านพูดนั้น เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าและทรงใช้เป็นตัวนำมาตลอดเวลา ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ท่านใช้ชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" เพราะท่านพูดก็แล้ว ท่านเตือนสติก็แล้ว ก็ไม่ฟังกัน ก็ช่างหัวมันแล้วกัน ท่านก็ส่งสัญญาณด้วยการตั้งชื่อออกมาเพื่อให้เราเก๊ตกับมัน.หลวงตามหาบัว ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์บอกผมสิบกว่าปีแล้วว่า “สนธิ… การโกงกินชาติบ้านเมืองมันกินเข้าไปถึงกระดูกแล้ว มันเน่าเฟะไปหมดทั้งร่างกายของคนไทย” และวันนี้ผมเห็นแล้วว่าจริง นับตั้งแต่วันแรกที่ผมออกไปสู้กับทักษิณ ชินวัตร ท่านพูดกับผมตลอดว่า “สนธิ อย่าลืมนะ ต้องเอาธรรมนำหน้า ไม่มีใครชนะธรรมได้” นั่นก็คือไม่มีใครชนะความจริงได้ ท่านบอกว่า ธรรม คนมีปัญญา คนมีสติ ถึงจะมองเห็นธรรม แต่ธรรมนั้น คนจำนวนมากจะไม่เข้าใจ เพราะว่าคนจำนวนมากนั้นยังหมกมุ่นอยู่ในกิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเป็น ผบ.ตร. อยากเป็น ผบ.ทบ. อยากเป็นผู้ว่าฯ สตง. อยากเป็น นั่นคือกิเลสส่วนหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาแล้วก็อยากมี ก็ใช้อำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมให้กับตัวเอง .ตำแหน่งทุกอย่างมันเป็น ‘สมมุติ’ …แต่หน้าที่ต้องทำให้จริง ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบต่อประชาชนจริงๆ ขอให้รู้ด้วยว่า ที่คุณรับเงินรับทองใครไปบ้างนั้น ไม่ใช่ว่าประชาชนเขาไม่รู้ หรือไม่ใช่ผมไม่รู้ ผมรู้ ผมดูถูกเหยียดหยามพวกคุณมาก .วันนี้ไอ้คุณมึงคนที่ประชาชนจะพึ่งได้ในยามสิ้นหวัง เช่น ป.ป.ช. หรือ สตง. กลับเป็นคนที่ทำชั่วเสียเอง ในเมื่อกูพึ่งนักการเมืองไม่ได้ กูขอพึ่งมึงได้ไหม ขอพึ่ง ป.ป.ช. ได้ไหม ขอพึ่ง สตง. ได้ไหม มึงกลับทำเหี้ยเสียเอง แล้วไม่ให้ผมช้ำใจได้อย่างไร .วันนี้ครบ 16 ปีที่ผมถูกยิง—17 เมษายน 2552 ตีห้าครึ่งแต่ผมไม่ตาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายคนรักผมบอกว่า”สนธิ มีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับสนธิ สนธิอย่าไปขุดคุ้ยเขาได้ไหม สนธิจะเอาอะไร เดี๋ยวเขาให้” ผมขอบคุณ ผมไม่เดือดร้อน ผมไม่มีอะไรกับเขาเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเขามีอะไรที่เขาทำแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เขา แล้วทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนเดือดร้อน ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นมาสู้ .แต่วันนี้ ผมพึ่งใครไม่ได้แล้ว ป.ป.ช. ก็หมดหวัง สตง. ยุคคุณหญิงจารุวรรณเคยเป็นความหวัง ตอนนี้ก็ไม่เหลือ ศาลเองก็เริ่มเพี้ยน หัวหน้าศาลบางจังหวัดสนิทกับผู้มีอิทธิพล พาผมไปฟ้องศาลต่างจังหวัด ผมไม่ช้ำใจได้ยังไง?.ผมเลือกทำสื่อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพราะผมมีความรู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ขาดปัญญา ถ้าผมทำแล้วให้ปัญญาคน ทั้งที่รู้ว่าคนสนใจข่าวซุบซิบนินทาทำไมโตโน่หักหลังณิชาเป็นล้าน แต่มาสนใจข้อมูลข่าวสารที่ผมทำแค่หมื่น ร้อยเท่า ผมยังต้องอดทน เพราะผมอยากให้คนไทยมีปัญญา .เหมือนที่ผมอดทนออกมาสู้กับทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาต่างๆ แล้วผมต้องรอ 17 ปี กว่าเขาจะกลับมา เพื่อจะกลับมาเมืองไทยโดยการสารภาพผิด บรรจุลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้ข่าวว่าเขากำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อนิรโทษฯ กรรมต่างๆ ที่เขาทำไป.การจะได้ปัญญาสักอย่างหนึ่ง การจะรู้ความจริงสักอย่างหนึ่ง ต้องใช้เวลา ต้องกล้าเผชิญความจริงใหม่ๆ ผมทำรายการ"คุยทุกเรื่องกับสนธิ"มาเจ็ดปี ยังต้องเดินขึ้นศาลไม่หยุด เพราะผมยึดถือธรรม วันนี้ช้ำใจที่สุดคือคนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง ผมมาเห็นปัญหา ป.ป.ช. แล้วผมช้ำใจแล้ว นี่ผมมาเห็นปัญหา สตง. ซึ่งมันเป็นมหากาพย์ ที่มันเจ็บใจที่สุดคือคนที่ต้องมีหน้าที่จับทุจริตคนอื่น เสือกมาทำเอง ผมช้ำใจมาก .หลายคนอวยพรผมสงกรานต์ บอกพี่สนธิ / ลุง ต้องอยู่ไปนานๆ นะ เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ผมบอกว่า เฮ้ย! ฉันอยากจะตายวันตายคืน จะได้พ้นเวรพ้นกรรม เพราะว่าพอตายแล้ว ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องสมมุติหมด มีแต่ความว่างเปล่า จริงๆ ท่านผู้ชม ผมอยากตายวันตายคืน จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องเหี้ยๆ พวกนี้อีกต่อไป วันนี้ขอแค่นี้ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • 91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง?

    จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้

    ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️

    ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง...

    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง?

    🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ

    จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น!

    ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜

    🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌

    พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง

    แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭

    🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น...

    🦴 โครงกระดูก

    🐋 ซากสัตว์

    📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100%

    🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่

    แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ

    ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์

    ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน

    ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ

    ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้

    🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง

    ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ

    📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ

    📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้

    🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด

    🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์

    ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ

    ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง

    ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต

    🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น

    📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน
    1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร
    2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม
    3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก
    4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด
    5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ
    6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ
    7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง
    5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ
    9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี
    10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰

    🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍

    แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568

    📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์
    #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง? จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้ ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️ ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง... แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง? 🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น! ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜 🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌ พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭 🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น... 🦴 โครงกระดูก 🐋 ซากสัตว์ 📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100% 🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่ แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์ ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้ 🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ 📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ 📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้ 🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด 🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต 🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น 📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน 1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร 2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม 3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก 4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด 5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ 6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ 7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง 5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ 9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี 10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰 🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍 แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568 📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์ #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง!

    “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย”

    นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้

    แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี

    “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย”

    แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ!

    “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป”

    หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา

    “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ”

    ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง”

    หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล”

    การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้”

    ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว”

    ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์”

    ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ”
    วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
    ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”)

    #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง! “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย” นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้ แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย” แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ! “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป” หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ” ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง” หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล” การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้” ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว” ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์” ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ” วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”) #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม

    💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️

    📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗

    🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี

    "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥

    คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท?

    🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨

    เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน

    ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น

    ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ

    ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์

    ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง

    ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า

    🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค…

    🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

    🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น

    แต่คำเตือนเหล่านั้น...
    ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน
    ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร
    ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต

    “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น

    🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️

    เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨

    🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง

    🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก

    🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ!

    💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔

    ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️

    🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ...

    “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2

    บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢

    ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต

    🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว

    🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍

    🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม

    🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม

    🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง!

    🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้

    1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️
    2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆
    3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️
    4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶
    5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦
    6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻
    4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต
    8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗
    9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶
    10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️
    11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส
    12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥
    13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌
    14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง
    15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄
    16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎
    17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂
    18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ
    19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️
    20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌
    21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ
    22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง
    23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด
    24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง
    25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦

    📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457

    SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น

    ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ

    📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️

    🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม”

    ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568

    📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn

    🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม 💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️ 📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗 🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥 คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท? 🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨ เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์ ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า 🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค… 🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ 🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น แต่คำเตือนเหล่านั้น... ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น 🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️ เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨 🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง 🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก 🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ! 💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔 ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️ 🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ... “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2 บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢 ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต 🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว 🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍 🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม 🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม 🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง! 🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้ 1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️ 2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆 3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️ 4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶 5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦 6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻 4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต 8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗 9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶 10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️ 11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส 12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥 13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌 14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง 15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄 16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎 17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂 18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ 19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️ 20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌ 21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ 22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง 23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด 24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง 25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦 📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457 SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ 📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️ 🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม” ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568 📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาว่าสามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส
    สัทธรรมลำดับที่ : 593
    ชื่อบทธรรม : -สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส
    ...
    อุปสีวมาณพทูลถามปัญหาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ศากยะ
    ข้าพระองค์ผู้เดียวไม่อาศัยธรรมหรือบุคคลอะไรแล้ว
    ไม่สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลสได้ข้าแต่พระองค์ผู้สมันตจักษุ
    ขอพระองค์จงตรัสบอกที่หน่วงเหนี่ยว อันข้าพระองค์พึงอาศัยข้ามห้วงน้ำคือกิเลสนี้
    แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
    พระผู้มีพระภาค(พ.) ตรัสพยากรณ์ว่า
    อุปสีวะ(อุ.)
    ท่านจงเป็นผู้มีสติ เพ่งอากิญจัญญายตนสมาบัติ อาศัยอารมณ์ว่า ไม่มี
    ดังนี้แล้วข้ามห้วงน้ำคือกิเลสเสียเถิด ท่านจงละกามทั้งหลายเสีย เป็น
    ผู้เว้นจากความสงสัย เห็นธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาให้แจ่มแจ้ง
    ทั้งกลางวันกลางคืนเถิด ฯ
    อุ. ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติอื่นเสีย อาศัย
    อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์ (คืออากิญจัญญา
    ยตนสมาบัติ ธรรมเปลื้องสัญญา)เป็นอย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว
    พึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแลหรือ ฯ
    พ. ดูกรอุปสีวะ ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติ
    อื่นเสีย อาศัยอากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์เป็น
    อย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหวพึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลก
    นั้น ฯ
    อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักษุ ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว พึงตั้งอยู่ใน
    อากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นสิ้นปีแม้มากไซร้ ผู้นั้นพึงพ้นจากทุกข์
    ต่างๆ ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแหละ พึงเป็นผู้เยือกเย็น
    หรือว่าวิญญาณของผู้เช่นนั้น พึงเกิดเพื่อถือปฏิสนธิอีก ฯ
    พ. ดูกรอุปสีวะ มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ย่อมถึงการตั้งอยู่ไม่ได้ไม่ถึงการ
    นับ เปรียบเหมือนเปลวไฟอันถูกกำลังลมพัดไปแล้ว ย่อมถึงการตั้งอยู่
    ไม่ได้ ไม่ถึงการนับ ฉะนั้น ฯ
    อุ. ท่านผู้นั้นถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ท่านผู้นั้นไม่มีหรือว่าท่านผู้นั้นเป็นผู้ไม่มีโรค
    ด้วยความเป็นผู้เที่ยง ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี ขอพระองค์จงตรัส
    พยากรณ์ความข้อนั้นให้สำเร็จประโยชน์แก่ข้าพระองค์เถิด เพราะว่า
    ธรรมนั้นพระองค์ทรงรู้แจ้งแล้วด้วยประการนั้น ฯ
    พ. ดูกรอุปสีวะ ท่านผู้ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่มีประมาณ ชนทั้งหลายจะ
    พึงกล่าวท่านผู้นั้นด้วยกิเลสมีราคะเป็นต้นใด กิเลสมีราคะเป็นต้นนั้น
    ของท่านไม่มี เมื่อธรรม (มีขันธ์เป็นต้น)ทั้งปวง ท่านเพิกถอนขึ้นได้
    แล้ว แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งหมดก็เป็นอันท่านเพิกถอนขึ้นได้แล้ว ฯ
    http://etipitaka.com/read/pali/25/539/?keywords=อุปสีวมาณวกปญฺหา
    ...
    ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด)
    ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน,
    ท่านผู้เป็นเช่นนั้น เป็นคนที่ไม่มีเหตุหรือคุณลักษณะอะไรๆ ที่ใครๆ
    จะกล่าวว่าท่านเป็นอะไร ได้อีกต่อไป.
    เมื่อสิ่งทั้งปวงถูกเพิกถอนความยึดถือเสียแล้ว
    วาทบถ คือ คลองแห่งถ้อยคำสำหรับเรียกสิ่งนั้นทั้งหมด
    ก็พลอยถูกเพิกถอน คือไร้ความหมายไปด้วยทั้งสิ้น.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. 25/402/430.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/402/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๓​๘/๔๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/538/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40&id=593
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40
    ลำดับสาธยายธรรม : 40​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_40.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาว่าสามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส สัทธรรมลำดับที่ : 593 ชื่อบทธรรม : -สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593 เนื้อความทั้งหมด :- --สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส ... อุปสีวมาณพทูลถามปัญหาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ศากยะ ข้าพระองค์ผู้เดียวไม่อาศัยธรรมหรือบุคคลอะไรแล้ว ไม่สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลสได้ข้าแต่พระองค์ผู้สมันตจักษุ ขอพระองค์จงตรัสบอกที่หน่วงเหนี่ยว อันข้าพระองค์พึงอาศัยข้ามห้วงน้ำคือกิเลสนี้ แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พระผู้มีพระภาค(พ.) ตรัสพยากรณ์ว่า อุปสีวะ(อุ.) ท่านจงเป็นผู้มีสติ เพ่งอากิญจัญญายตนสมาบัติ อาศัยอารมณ์ว่า ไม่มี ดังนี้แล้วข้ามห้วงน้ำคือกิเลสเสียเถิด ท่านจงละกามทั้งหลายเสีย เป็น ผู้เว้นจากความสงสัย เห็นธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาให้แจ่มแจ้ง ทั้งกลางวันกลางคืนเถิด ฯ อุ. ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติอื่นเสีย อาศัย อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์ (คืออากิญจัญญา ยตนสมาบัติ ธรรมเปลื้องสัญญา)เป็นอย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว พึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแลหรือ ฯ พ. ดูกรอุปสีวะ ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติ อื่นเสีย อาศัยอากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์เป็น อย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหวพึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลก นั้น ฯ อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักษุ ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว พึงตั้งอยู่ใน อากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นสิ้นปีแม้มากไซร้ ผู้นั้นพึงพ้นจากทุกข์ ต่างๆ ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแหละ พึงเป็นผู้เยือกเย็น หรือว่าวิญญาณของผู้เช่นนั้น พึงเกิดเพื่อถือปฏิสนธิอีก ฯ พ. ดูกรอุปสีวะ มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ย่อมถึงการตั้งอยู่ไม่ได้ไม่ถึงการ นับ เปรียบเหมือนเปลวไฟอันถูกกำลังลมพัดไปแล้ว ย่อมถึงการตั้งอยู่ ไม่ได้ ไม่ถึงการนับ ฉะนั้น ฯ อุ. ท่านผู้นั้นถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ท่านผู้นั้นไม่มีหรือว่าท่านผู้นั้นเป็นผู้ไม่มีโรค ด้วยความเป็นผู้เที่ยง ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี ขอพระองค์จงตรัส พยากรณ์ความข้อนั้นให้สำเร็จประโยชน์แก่ข้าพระองค์เถิด เพราะว่า ธรรมนั้นพระองค์ทรงรู้แจ้งแล้วด้วยประการนั้น ฯ พ. ดูกรอุปสีวะ ท่านผู้ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่มีประมาณ ชนทั้งหลายจะ พึงกล่าวท่านผู้นั้นด้วยกิเลสมีราคะเป็นต้นใด กิเลสมีราคะเป็นต้นนั้น ของท่านไม่มี เมื่อธรรม (มีขันธ์เป็นต้น)ทั้งปวง ท่านเพิกถอนขึ้นได้ แล้ว แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งหมดก็เป็นอันท่านเพิกถอนขึ้นได้แล้ว ฯ http://etipitaka.com/read/pali/25/539/?keywords=อุปสีวมาณวกปญฺหา ... ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด) ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน, ท่านผู้เป็นเช่นนั้น เป็นคนที่ไม่มีเหตุหรือคุณลักษณะอะไรๆ ที่ใครๆ จะกล่าวว่าท่านเป็นอะไร ได้อีกต่อไป. เมื่อสิ่งทั้งปวงถูกเพิกถอนความยึดถือเสียแล้ว วาทบถ คือ คลองแห่งถ้อยคำสำหรับเรียกสิ่งนั้นทั้งหมด ก็พลอยถูกเพิกถอน คือไร้ความหมายไปด้วยทั้งสิ้น.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. 25/402/430. http://etipitaka.com/read/thai/25/402/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๓​๘/๔๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/25/538/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40&id=593 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40 ลำดับสาธยายธรรม : 40​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_40.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด) ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน
    -ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด) ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน, ท่านผู้เช่นนั้น เป็นคนที่ไม่มีเหตุหรือคุณลักษณะอะไรๆ ที่ใครๆ จะกล่าวว่าท่านเป็นอะไร ได้อีกต่อไป. เมื่อสิ่งทั้งปวงถูกเพิกถอนความยึดถือเสียแล้ว วาทบถ คือ คลองแห่งถ้อยคำสำหรับเรียกสิ่งนั้นทั้งหมด ก็พลอยถูกเพิกถอน คือไร้ความหมายไปด้วยทั้งสิ้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์บทความของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ “คานงัดประเทศไทยหลายประเทศมีการผลักดัน “การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง” อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถพลิกฟื้นตัวเองจากรัฐที่ตามหลัง (Following State) สู่รัฐที่ล้ำหน้า (Forefront State) อย่างจีน สิงค์โปร์ หรือ เกาหลีใต้ ผิดกับประเทศไทย ที่ปัจจุบันยังเป็นเพียงรัฐที่ตามหลัง และกำลังมีแนวโน้มถดถอยไปสู่รัฐที่กำลังล้มเหลว (Falling State)ที่ผ่านมา ประเทศไทยนั้นมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Great Reform) เพียงครั้งเดียว คือในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แต่เงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงในสมัยนั้นกับในยุคปัจจุบันมีความแตกต่างกัน ทั้งเงื่อนไขที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอก ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชการที่ 5 น้ำหนักจะอยู่ที่การพัฒนาเพื่อไปสู่ความทันสมัย เพื่อที่จะแสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าประเทศของเรานั้นไม่ได้ล้าหลัง เนื่องจากต้องเผชิญกับการล่าอาณานิคม ประเด็นท้าทายในยุคปัจจุบัน คือจะมุ่งการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืน ความเท่าเทียมในสังคม และความเท่าทันเทคโนโลยี ได้อย่างไร~แรงเฉื่อยต่อการเปลี่ยนแปลงหลังกระแสการล่าอาณานิคมผ่านพ้นไป ประเทศไทยไม่เคยต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง เราเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล 2 น้อยมาก ดังนั้น ระบบและโครงสร้างเก่า แนวคิดและจารีตนิยมจึงไม่ได้ถูกทำลาย ทำให้อิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชนยังคงอยู่ ระบบคุณค่าดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพลิกโฉมประเทศไปสู่สังคมสมัยใหม่ ที่เน้นความเป็นระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ตระหนักในหน้าที่พลเมือง มีจิตอาสา กล้าที่จะเสนอความเห็น มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และความเสมอภาคระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังได้หล่อหลอมคนไทยให้เป็น “ปัจเจกบุคคลที่ไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม” (Anomic Individualism) สะท้อนผ่านพฤติกรรมตัวใครตัวมัน ไม่ชอบถูกบังคับ ไร้ระเบียบวินัย และขาดความรับผิดชอบ ผลข้างเคียงที่ตามมา คือคนไทยโดยส่วนใหญ่จะเรียกร้องสิทธิมากกว่าหน้าที่ เน้นถูกใจมากกว่าถูกต้อง เน้นมองเพื่อตัวเองมากกว่ามองเพื่อส่วนรวม เน้นชิงสุกก่อนห่ามมากกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เน้นรูปแบบมากกว่าสาระ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ เน้นมูลค่ามากกว่าคุณค่า และเน้นคอนเนคชั่นมากกว่าเนื้องานความไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม ทำให้คนไทยโดยส่วนใหญ่มักตัดสินใจเลือกเส้นทางหรือวิธีการที่ “มักง่าย” ทำให้เรื่องที่ “ผิดปกติ” กลายเป็นเรื่อง “ไม่ผิดปกติ” และกระทำลงไปโดยปราศจาก “ความรู้สึกผิด” อาทิ นักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ขอเพียงให้มีผลงานบ้าง การทำปฏิวัติรัฐประหาร การใช้กำลังยุติความขัดแย้ง เชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ และความมหัศจรรย์ ไม่รักษาเวลา ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ทิ้งงานโดยไม่มีเหตุผล เป็นต้น ~ค้นหาจุดคานงัด ทลายวงจรอุบาทว์หากพวกเราไม่คิดแก้ไขปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ยากที่ประเทศไทยจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ประเทศอื่น ๆ ในประชาคมโลกในศตวรรษที่ 21 นี้ได้ในการทลายวงจรอุบาทว์เชิงซ้อน จุดคานงัดของการเปลี่ยนแปลง (Leveraging Point) อาจจะอยู่ทึ่ “การปฏิรูประบบคุณค่า” (Value System Reform) ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่านิยม 2 ชุดหลักด้วยกัน คือชุดที่ 1: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมชุดที่ 2: บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยมบริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นด้านลบของระบอบทุนนิยม แต่ในด้านบวกของระบอบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันอย่างเสรี การยึดธรรมาภิบาล กฎกติกา กลับไม่ได้ถูกสังคมไทยนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะถูกอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมเข้าบดบังระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด ยังคงแทรกซึมลึกอยู่ในเกือบทุกอณูของสังคมไทย เป็น Counter-Productive Value ที่นอกจากจะไม่สอดรับกับรูปแบบการพัฒนาและโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมในโลกปัจจุบัน ยังเป็นอุปสรรคตัวสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ระบบคุณค่าทั้งสองชุดได้ทำให้ธรรมาภิบาล โครงสร้าง ตลอดจนพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เกิดการบิดเบี้ยวเชิงระบบ ไม่ว่าจะเป็น• การบิดเบี้ยวเชิงการเมือง ที่ก่อให้เกิดการเมืองที่มีผู้มีอิทธิพลครอบงำ และก่อให้เกิดระบอบธนาธิปไตย และระบอบอมาตยาธิปไตย แทนที่จะเป็นระบอบประชาธิปไตย • การบิดเบี้ยวเชิงบริหารราชการแผ่นดิน ที่การบริหารจัดการภาครัฐถูกแทรกแซง บิดเบือน ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรม • การบิดเบี้ยวเชิงสังคม ที่ก่อให้เกิด Contra-Individuals มากกว่า Collective Individuals รวมถึงเกิดความกระชับแน่นของคนในกลุ่มเดียวกัน (Bonding) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของคนต่างกลุ่ม (Bridging) ลดลง เกิดเป็น “สังคมของพวกกู” มากกว่า “สังคมของพวกเรา”• ความบิดเบี้ยวเชิงเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดระบบทุนนิยมแบบพวกพ้อง (Crony Capitalism) นำมาสู่ระบบเศรษฐกิจปรสิต (Parasite Economy) และสังคมพึ่งพิงประชานิยม (Dependent Society) • ความบิดเบี้ยวของผู้นำ ที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนผู้นำที่เป็นต้นแบบที่ดี มีแต่ผู้นำที่คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่างอยู่มากมาย เกิดผู้นำที่ใส่ใจในวาระซ่อนเร้นของตน มากกว่า วาระของชาติ• ความบิดเบี้ยวเชิงสถาบัน ที่สถาบันต่าง ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ตามภารกิจอย่างเป็นอิสระ อย่างที่สังคมคาดหวังที่สำคัญ ระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังก่อให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างอำนาจที่แท้จริงและอำนาจทางการ หรือที่เรียกว่า “Power Paradox” กล่าวคือ การที่เรายังมองประชาชนเป็นผู้ถูกปกครอง โดยมีผู้ปกครองคือรัฐ ทั้งที่จริง ๆ แล้วรัฐต้องเป็นผู้รับใช้ประชาชน เป็นความย้อนแย้งระหว่างพฤตินัยและนิตินัยดังนั้น หากปราศจากการปรับเปลี่ยนระบบคุณค่า เพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องกับธรรมาภิบาลและโครงสร้างส่วนอื่นๆของสังคม วาระการปฎิรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ จะไม่มีทางตอบโจทย์ประเด็นปัญหาฐานรากที่เกิดขึ้นในสังคมไทย~ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยม; บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นปฐมบทของการเกิดโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบ Extractive Political Economy ที่มีผู้คนเพียงบางกลุ่ม ได้ประโยชน์จากอำนาจการปกครองและอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยความพยายามที่จะกีดกั้น เอารัดเอาเปรียบ และทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจและความมั่งคั่ง และนำพาสู่การอุบัติขึ้นของ ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐ ในที่สุดโครงสร้าง Extractive Political Economy ได้นำพาประเทศไทยสู่ “ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า” เกิดสังคมที่ไม่ Clean & Clear ไม่ Free & Fair และไม่ Care & Share สังคมดังกล่าวนำมาซึ่งความเสื่อมถอยของทุนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทุนมนุษย์ที่อ่อนแอ ทุนเศรษฐกิจที่อ่อนด้อย ทุนสังคมที่เปราะบาง ทุนคุณธรรมจริยธรรมที่เสื่อมทราม และทุนทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมถึงเวลาปฎิรูประบบคุณค่า เพื่อใช้เป็นจุดคานงัดในการก้าวพ้นกับดัก และปรับเปลี่ยนไทยสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกที่หนึ่ง”
    รีโพสต์บทความของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ “คานงัดประเทศไทยหลายประเทศมีการผลักดัน “การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง” อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถพลิกฟื้นตัวเองจากรัฐที่ตามหลัง (Following State) สู่รัฐที่ล้ำหน้า (Forefront State) อย่างจีน สิงค์โปร์ หรือ เกาหลีใต้ ผิดกับประเทศไทย ที่ปัจจุบันยังเป็นเพียงรัฐที่ตามหลัง และกำลังมีแนวโน้มถดถอยไปสู่รัฐที่กำลังล้มเหลว (Falling State)ที่ผ่านมา ประเทศไทยนั้นมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Great Reform) เพียงครั้งเดียว คือในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แต่เงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงในสมัยนั้นกับในยุคปัจจุบันมีความแตกต่างกัน ทั้งเงื่อนไขที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอก ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชการที่ 5 น้ำหนักจะอยู่ที่การพัฒนาเพื่อไปสู่ความทันสมัย เพื่อที่จะแสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าประเทศของเรานั้นไม่ได้ล้าหลัง เนื่องจากต้องเผชิญกับการล่าอาณานิคม ประเด็นท้าทายในยุคปัจจุบัน คือจะมุ่งการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืน ความเท่าเทียมในสังคม และความเท่าทันเทคโนโลยี ได้อย่างไร~แรงเฉื่อยต่อการเปลี่ยนแปลงหลังกระแสการล่าอาณานิคมผ่านพ้นไป ประเทศไทยไม่เคยต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง เราเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล 2 น้อยมาก ดังนั้น ระบบและโครงสร้างเก่า แนวคิดและจารีตนิยมจึงไม่ได้ถูกทำลาย ทำให้อิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชนยังคงอยู่ ระบบคุณค่าดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพลิกโฉมประเทศไปสู่สังคมสมัยใหม่ ที่เน้นความเป็นระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ตระหนักในหน้าที่พลเมือง มีจิตอาสา กล้าที่จะเสนอความเห็น มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และความเสมอภาคระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังได้หล่อหลอมคนไทยให้เป็น “ปัจเจกบุคคลที่ไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม” (Anomic Individualism) สะท้อนผ่านพฤติกรรมตัวใครตัวมัน ไม่ชอบถูกบังคับ ไร้ระเบียบวินัย และขาดความรับผิดชอบ ผลข้างเคียงที่ตามมา คือคนไทยโดยส่วนใหญ่จะเรียกร้องสิทธิมากกว่าหน้าที่ เน้นถูกใจมากกว่าถูกต้อง เน้นมองเพื่อตัวเองมากกว่ามองเพื่อส่วนรวม เน้นชิงสุกก่อนห่ามมากกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เน้นรูปแบบมากกว่าสาระ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ เน้นมูลค่ามากกว่าคุณค่า และเน้นคอนเนคชั่นมากกว่าเนื้องานความไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม ทำให้คนไทยโดยส่วนใหญ่มักตัดสินใจเลือกเส้นทางหรือวิธีการที่ “มักง่าย” ทำให้เรื่องที่ “ผิดปกติ” กลายเป็นเรื่อง “ไม่ผิดปกติ” และกระทำลงไปโดยปราศจาก “ความรู้สึกผิด” อาทิ นักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ขอเพียงให้มีผลงานบ้าง การทำปฏิวัติรัฐประหาร การใช้กำลังยุติความขัดแย้ง เชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ และความมหัศจรรย์ ไม่รักษาเวลา ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ทิ้งงานโดยไม่มีเหตุผล เป็นต้น ~ค้นหาจุดคานงัด ทลายวงจรอุบาทว์หากพวกเราไม่คิดแก้ไขปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ยากที่ประเทศไทยจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ประเทศอื่น ๆ ในประชาคมโลกในศตวรรษที่ 21 นี้ได้ในการทลายวงจรอุบาทว์เชิงซ้อน จุดคานงัดของการเปลี่ยนแปลง (Leveraging Point) อาจจะอยู่ทึ่ “การปฏิรูประบบคุณค่า” (Value System Reform) ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่านิยม 2 ชุดหลักด้วยกัน คือชุดที่ 1: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมชุดที่ 2: บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยมบริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นด้านลบของระบอบทุนนิยม แต่ในด้านบวกของระบอบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันอย่างเสรี การยึดธรรมาภิบาล กฎกติกา กลับไม่ได้ถูกสังคมไทยนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะถูกอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมเข้าบดบังระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด ยังคงแทรกซึมลึกอยู่ในเกือบทุกอณูของสังคมไทย เป็น Counter-Productive Value ที่นอกจากจะไม่สอดรับกับรูปแบบการพัฒนาและโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมในโลกปัจจุบัน ยังเป็นอุปสรรคตัวสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ระบบคุณค่าทั้งสองชุดได้ทำให้ธรรมาภิบาล โครงสร้าง ตลอดจนพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เกิดการบิดเบี้ยวเชิงระบบ ไม่ว่าจะเป็น• การบิดเบี้ยวเชิงการเมือง ที่ก่อให้เกิดการเมืองที่มีผู้มีอิทธิพลครอบงำ และก่อให้เกิดระบอบธนาธิปไตย และระบอบอมาตยาธิปไตย แทนที่จะเป็นระบอบประชาธิปไตย • การบิดเบี้ยวเชิงบริหารราชการแผ่นดิน ที่การบริหารจัดการภาครัฐถูกแทรกแซง บิดเบือน ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรม • การบิดเบี้ยวเชิงสังคม ที่ก่อให้เกิด Contra-Individuals มากกว่า Collective Individuals รวมถึงเกิดความกระชับแน่นของคนในกลุ่มเดียวกัน (Bonding) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของคนต่างกลุ่ม (Bridging) ลดลง เกิดเป็น “สังคมของพวกกู” มากกว่า “สังคมของพวกเรา”• ความบิดเบี้ยวเชิงเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดระบบทุนนิยมแบบพวกพ้อง (Crony Capitalism) นำมาสู่ระบบเศรษฐกิจปรสิต (Parasite Economy) และสังคมพึ่งพิงประชานิยม (Dependent Society) • ความบิดเบี้ยวของผู้นำ ที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนผู้นำที่เป็นต้นแบบที่ดี มีแต่ผู้นำที่คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่างอยู่มากมาย เกิดผู้นำที่ใส่ใจในวาระซ่อนเร้นของตน มากกว่า วาระของชาติ• ความบิดเบี้ยวเชิงสถาบัน ที่สถาบันต่าง ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ตามภารกิจอย่างเป็นอิสระ อย่างที่สังคมคาดหวังที่สำคัญ ระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังก่อให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างอำนาจที่แท้จริงและอำนาจทางการ หรือที่เรียกว่า “Power Paradox” กล่าวคือ การที่เรายังมองประชาชนเป็นผู้ถูกปกครอง โดยมีผู้ปกครองคือรัฐ ทั้งที่จริง ๆ แล้วรัฐต้องเป็นผู้รับใช้ประชาชน เป็นความย้อนแย้งระหว่างพฤตินัยและนิตินัยดังนั้น หากปราศจากการปรับเปลี่ยนระบบคุณค่า เพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องกับธรรมาภิบาลและโครงสร้างส่วนอื่นๆของสังคม วาระการปฎิรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ จะไม่มีทางตอบโจทย์ประเด็นปัญหาฐานรากที่เกิดขึ้นในสังคมไทย~ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยม; บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นปฐมบทของการเกิดโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบ Extractive Political Economy ที่มีผู้คนเพียงบางกลุ่ม ได้ประโยชน์จากอำนาจการปกครองและอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยความพยายามที่จะกีดกั้น เอารัดเอาเปรียบ และทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจและความมั่งคั่ง และนำพาสู่การอุบัติขึ้นของ ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐ ในที่สุดโครงสร้าง Extractive Political Economy ได้นำพาประเทศไทยสู่ “ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า” เกิดสังคมที่ไม่ Clean & Clear ไม่ Free & Fair และไม่ Care & Share สังคมดังกล่าวนำมาซึ่งความเสื่อมถอยของทุนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทุนมนุษย์ที่อ่อนแอ ทุนเศรษฐกิจที่อ่อนด้อย ทุนสังคมที่เปราะบาง ทุนคุณธรรมจริยธรรมที่เสื่อมทราม และทุนทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมถึงเวลาปฎิรูประบบคุณค่า เพื่อใช้เป็นจุดคานงัดในการก้าวพ้นกับดัก และปรับเปลี่ยนไทยสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกที่หนึ่ง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    สัทธรรมลำดับที่ : 591
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591
    ชื่อบทธรรม :- ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแก่ภิกษุชื่อเถระ
    ผู้มีปกติชอบอยู่คนเดียวจนเป็นที่เล่าลือกัน ในหมู่ภิกษุ, ว่า :-
    )​
    --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวอย่างของเธอ
    ก็มีอยู่ เรามิได้กล่าวว่าไม่มี ;
    แต่ว่ายังมีการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดาร
    กว่าชนิดของเธอ, เธอจงตั้งใจฟังให้ดี,
    เราจักกล่าว.
    --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวชนิดที่บริบูรณ์พิสดารกว่าชนิดของเธอนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวในกรณีนี้คือ
    สิ่งเป็นอดีตก็ละได้แล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น
    ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน ก็นำออกแล้วหมดสิ้น.
    +--ดูก่อนเถระ ! อย่างนี้แล #เป็นการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์
    พิสดารกว่าการอยู่คนเดียวชนิดของเธอ.

    (คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
    นรชนผู้มีปัญญาดี ครอบงำอารมณ์ทั้งปวงได้
    รู้ธรรมทั้งปวง ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งหลายทั้งสิ้น
    ละอุปธิทั้งปวง หลุดพ้นพิเศษแล้วในธรรมเป็นที่ สิ้นตัณหา
    นั้นเราเรียกเขาว่า ผู้มีปกติอยู่คนเดียว.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ตณฺหกฺขเย

    (ข้อความที่มีปัญหายากแก่การแปลในสูตรนี้ มีอยู่ คือข้อความที่ว่า
    “ปจฺจุปฺปนฺเนสุจอตฺตภาวปฏิลาเภสุ ฉนฺทราโค” ;
    http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ฉนฺทราโค
    หลังจากใคร่ครวญ ทบทวนดูแล้ว เห็นว่าต้องแปลว่า
    “ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน”
    หมายความว่า
    ฉันทราคะ มีในอัตตภาพ ซึ่งได้แล้วมากครั้งในปัจจุบัน ไม่ใช่ฉันทราคะมีในการได้.
    อัตภาพในกรณีเช่นนี้ หมายถึงภพหรือความมีความเป็นในรูปแบบหนึ่ง ๆ
    ซึ่งเกิดขึ้นเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ในวิถีแห่งการปรุงแต่งทางจิต
    ในกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทอันเกิดขึ้นทุกขณะที่มีตัณหาอันเกิดจากเวทนา
    ซึ่งวันหนึ่งก็มีได้หลายครั้ง ท่านจึงใช้รูปศัพท์เป็นพหุพจน์ คือ ปฏิลาเภสุ
    และจัดเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของปัจจุบัน;
    ดังนั้น การไม่ข้องติดจึงมีครบชุด คือ อดีต-อนาคต-ปัจจุบัน ;
    ผู้หลุดพ้นเสียได้ครบถ้วน เรียกว่า ผู้อยู่คนเดียวในระดับที่สมบูรณ์ ลึกซึ้งที่สุด
    ).
    *---นิทาน. สํ. ๑๖/๓๒๙-๓๓๐/๗๑๙-๗๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/329/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%91%E0%B9%99

    --กายของผู้ที่สิ้นตัณหาแล้วก็ยังตั้งอยู่ชั่วขณะ(นิโรธมิใช่ความตาย)
    --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตนี้
    มีตัณหาอันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพถูกตถาคตถอนขึ้น เสียได้แล้ว, ดำรงอยู่.
    กายนี้ยังดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    ยังคงได้เห็นตถาคตนั้น อยู่เพียงนั้น.
    เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต
    เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคตนั้นเลย.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเมื่อขั้วพวงมะม่วงขาดแล้ว
    มะม่วงทั้งหลายเหล่าใด ที่เนื่องขั้วเดียวกัน
    มะม่วงเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นของตกตามไปด้วยกัน. นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตก็ฉันนั้น
    : กายของตถาคต มีตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพอันตถาคตถอนขึ้นเสียได้แล้ว, ดำรงอยู่.
    กายนี้ดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    ยังคงเห็นตถาคตอยู่ชั่วเวลาเพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย,
    หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    จักไม่เห็นตถาคตเลย.-
    http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/43/90.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/43/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๕๙/๙๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเตืม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39&id=591
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39
    ลำดับสาธยายธรรม : 39 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_39.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง สัทธรรมลำดับที่ : 591 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591 ชื่อบทธรรม :- ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง เนื้อความทั้งหมด :- --ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแก่ภิกษุชื่อเถระ ผู้มีปกติชอบอยู่คนเดียวจนเป็นที่เล่าลือกัน ในหมู่ภิกษุ, ว่า :- )​ --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวอย่างของเธอ ก็มีอยู่ เรามิได้กล่าวว่าไม่มี ; แต่ว่ายังมีการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดาร กว่าชนิดของเธอ, เธอจงตั้งใจฟังให้ดี, เราจักกล่าว. --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวชนิดที่บริบูรณ์พิสดารกว่าชนิดของเธอนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? +--ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวในกรณีนี้คือ สิ่งเป็นอดีตก็ละได้แล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน ก็นำออกแล้วหมดสิ้น. +--ดูก่อนเถระ ! อย่างนี้แล #เป็นการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์ พิสดารกว่าการอยู่คนเดียวชนิดของเธอ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) นรชนผู้มีปัญญาดี ครอบงำอารมณ์ทั้งปวงได้ รู้ธรรมทั้งปวง ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งหลายทั้งสิ้น ละอุปธิทั้งปวง หลุดพ้นพิเศษแล้วในธรรมเป็นที่ สิ้นตัณหา นั้นเราเรียกเขาว่า ผู้มีปกติอยู่คนเดียว. http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ตณฺหกฺขเย (ข้อความที่มีปัญหายากแก่การแปลในสูตรนี้ มีอยู่ คือข้อความที่ว่า “ปจฺจุปฺปนฺเนสุจอตฺตภาวปฏิลาเภสุ ฉนฺทราโค” ; http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ฉนฺทราโค หลังจากใคร่ครวญ ทบทวนดูแล้ว เห็นว่าต้องแปลว่า “ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน” หมายความว่า ฉันทราคะ มีในอัตตภาพ ซึ่งได้แล้วมากครั้งในปัจจุบัน ไม่ใช่ฉันทราคะมีในการได้. อัตภาพในกรณีเช่นนี้ หมายถึงภพหรือความมีความเป็นในรูปแบบหนึ่ง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ในวิถีแห่งการปรุงแต่งทางจิต ในกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทอันเกิดขึ้นทุกขณะที่มีตัณหาอันเกิดจากเวทนา ซึ่งวันหนึ่งก็มีได้หลายครั้ง ท่านจึงใช้รูปศัพท์เป็นพหุพจน์ คือ ปฏิลาเภสุ และจัดเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของปัจจุบัน; ดังนั้น การไม่ข้องติดจึงมีครบชุด คือ อดีต-อนาคต-ปัจจุบัน ; ผู้หลุดพ้นเสียได้ครบถ้วน เรียกว่า ผู้อยู่คนเดียวในระดับที่สมบูรณ์ ลึกซึ้งที่สุด ). *---นิทาน. สํ. ๑๖/๓๒๙-๓๓๐/๗๑๙-๗๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/16/329/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%91%E0%B9%99 --กายของผู้ที่สิ้นตัณหาแล้วก็ยังตั้งอยู่ชั่วขณะ(นิโรธมิใช่ความตาย) --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตนี้ มีตัณหาอันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพถูกตถาคตถอนขึ้น เสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ยังดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงได้เห็นตถาคตนั้น อยู่เพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคตนั้นเลย. http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเมื่อขั้วพวงมะม่วงขาดแล้ว มะม่วงทั้งหลายเหล่าใด ที่เนื่องขั้วเดียวกัน มะม่วงเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นของตกตามไปด้วยกัน. นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตก็ฉันนั้น : กายของตถาคต มีตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพอันตถาคตถอนขึ้นเสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงเห็นตถาคตอยู่ชั่วเวลาเพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักไม่เห็นตถาคตเลย.- http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/43/90. http://etipitaka.com/read/thai/9/43/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๕๙/๙๐. http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเตืม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39&id=591 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39 ลำดับสาธยายธรรม : 39 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_39.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    -ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแก่ภิกษุชื่อเถระ ผู้มีปกติชอบอยู่คนเดียวจนเป็นที่เล่าลือกัน ในหมู่ภิกษุ, ว่า :-) ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวอย่างของเธอ ก็มีอยู่ เรามิได้กล่าวว่าไม่มี ; แต่ว่ายังมีการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดาร กว่าชนิดของเธอ, เธอจงตั้งใจฟังให้ดี, เราจักกล่าว. ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวชนิดที่บริบูรณ์พิสดารกว่าชนิดของเธอนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวในกรณีนี้คือ สิ่งเป็นอดีตก็ละได้แล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน ก็นำออกแล้วหมดสิ้น. ดูก่อนเถระ ! อย่างนี้แล เป็นการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดารกว่าการอยู่คนเดียวชนิดของเธอ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) นรชนผู้มีปัญญาดี ครอบงำอารมณ์ทั้งปวงได้ รู้ธรรมทั้งปวง ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งหลายทั้งสิ้น ละอุปธิทั้งปวง หลุดพ้นพิเศษแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา นั้นเราเรียกเขาว่า ผู้มีปกติอยู่คนเดียว. นิทาน. สํ. ๑๖/๓๒๙-๓๓๐/๗๑๙-๗๒๑. (ข้อความที่มีปัญหายากแก่การแปลในสูตรนี้ มีอยู่ คือข้อความที่ว่า “ปจฺจุปฺปนฺเนสุจอตฺตภาวปฏิลาเภสุ ฉนฺทราโค” ; หลังจากใคร่ครวญ ทบทวนดูแล้ว เห็นว่าต้องแปลว่า “ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน” หมายความว่า ฉันทราคะ มีในอัตตภาพ ซึ่งได้แล้วมากครั้งในปัจจุบัน ไม่ใช่ฉันทราคะมีในการได้. อัตภาพในกรณีเช่นนี้ หมายถึงภพหรือความมีความเป็นในรูปแบบหนึ่ง ๆ ซึ่งเกิดขึ้น เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ในวิถีแห่งการปรุงแต่งทางจิต ในกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทอันเกิดขึ้นทุกขณะที่มีตัณหาอันเกิดจากเวทนา ซึ่งวันหนึ่งก็มีได้หลายครั้ง ท่านจึงใช้รูปศัพท์เป็นพหุพจน์ คือ....ปฏิลาเภสุ และจัดเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของปัจจุบัน; ดังนั้น การไม่ข้องติดจึงมีครบชุด คืออดีต-อนาคต-ปัจจุบัน ; ผู้หลุดพ้นเสียได้ครบถ้วน เรียกว่า ผู้อยู่คนเดียวในระดับที่สมบูรณ์ ลึกซึ้งที่สุด). กายของผู้ที่สิ้นตัณหาแล้วก็ยังตั้งอยู่ชั่วขณะ (นิโรธมิใช่ความตาย) ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตนี้ มีตัณหาอันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพถูกตถาคตถอนขึ้น เสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ยังดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงได้เห็นตถาคตนั้น อยู่เพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคตนั้นเลย. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเมื่อขั้วพวงมะม่วงขาดแล้ว มะม่วงทั้งหลายเหล่าใด ที่เนื่องขั้วเดียวกัน มะม่วงเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นของตกตามไปด้วยกัน. นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตก็ฉันนั้น : กายของตถาคต มีตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพอันตถาคตถอนขึ้นเสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงเห็นตถาคตอยู่ชั่วเวลาเพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักไม่เห็นตถาคตเลย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต

    “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด

    ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢

    ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง

    ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป

    นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️

    ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด

    ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น

    ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง

    เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103

    เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น

    ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔

    หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น

    นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต

    หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543

    นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้

    ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม

    ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง

    วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น

    ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง

    นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔

    ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม

    ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์

    ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร

    ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป

    คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต

    แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย

    นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว

    หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา

    เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้

    ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด

    นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม

    การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด

    ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?”

    สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น

    เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ

    ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม

    “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก

    การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น

    หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

    ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต

    เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม

    แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา

    การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔

    สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม

    ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง

    เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด

    นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง

    เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน

    ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า

    เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ

    สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568

    #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢 ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️ ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔 หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543 นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้ ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔 ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์ ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้ ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?” สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔 สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์ จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568 #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนาและบทบาทของฌานในการบรรลุมรรคผล

    ---

    1. เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา:

    > การหลุดพ้นจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง (อรหัตผล)

    มิใช่เพียงศีล สมาธิ ญาณ หรือชื่อเสียง

    แต่คือ "การไม่กลับมากำเริบของกิเลสอีก"

    ---

    2. ผู้บรรลุมรรคผลรู้ได้อย่างไรว่าได้จริง?

    รู้จาก "การสิ้นไปของความยินดีในรูปนาม"

    เปรียบเหมือนตาลยอดด้วน งอกใหม่ไม่ได้อีก

    คือ "รู้ด้วยใจ" ว่าจิตหลุดพ้นแล้วอย่างถาวร

    ---

    3. ฌานมีไว้เพื่ออะไร?

    ฌาน + ปัญญา = ใกล้นิพพาน

    เพียงฌานอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้เพื่อพิจารณากายใจว่า ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา

    ---

    4. จำเป็นไหมต้องได้ฌานก่อนถึงมรรคผล?

    ไม่จำเป็นในบางกรณี

    เช่น ท่านอนาถบิณฑิก นางวิสาขา ได้โสดาภะผลจากการฟังธรรม

    แต่ต้องมีทุนบุญและปัญญาเก่ามาก

    จิตรวมเป็นหนึ่งเพียงชั่วฟังธรรมได้

    ---

    5. สำหรับคนทั่วไป การมีฌานคือทางลัด

    ฌานช่วยให้จิตรวม สงบ ห่างจากกิเลส

    ทำให้เห็นกายใจชัดขึ้น

    ง่ายต่อการพิจารณาเพื่อบรรลุธรรม

    ---

    Essence สั้น ๆ:

    ฌานเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการ "สิ้นกิเลส" ไม่ใช่การมีฌานเอง
    ผู้บรรลุธรรมคือผู้ที่ ‘ไม่มีทางกลับไปยึดติดในรูปนามได้อีก’
    เป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนาและบทบาทของฌานในการบรรลุมรรคผล --- 1. เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา: > การหลุดพ้นจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง (อรหัตผล) มิใช่เพียงศีล สมาธิ ญาณ หรือชื่อเสียง แต่คือ "การไม่กลับมากำเริบของกิเลสอีก" --- 2. ผู้บรรลุมรรคผลรู้ได้อย่างไรว่าได้จริง? รู้จาก "การสิ้นไปของความยินดีในรูปนาม" เปรียบเหมือนตาลยอดด้วน งอกใหม่ไม่ได้อีก คือ "รู้ด้วยใจ" ว่าจิตหลุดพ้นแล้วอย่างถาวร --- 3. ฌานมีไว้เพื่ออะไร? ฌาน + ปัญญา = ใกล้นิพพาน เพียงฌานอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้เพื่อพิจารณากายใจว่า ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา --- 4. จำเป็นไหมต้องได้ฌานก่อนถึงมรรคผล? ไม่จำเป็นในบางกรณี เช่น ท่านอนาถบิณฑิก นางวิสาขา ได้โสดาภะผลจากการฟังธรรม แต่ต้องมีทุนบุญและปัญญาเก่ามาก จิตรวมเป็นหนึ่งเพียงชั่วฟังธรรมได้ --- 5. สำหรับคนทั่วไป การมีฌานคือทางลัด ฌานช่วยให้จิตรวม สงบ ห่างจากกิเลส ทำให้เห็นกายใจชัดขึ้น ง่ายต่อการพิจารณาเพื่อบรรลุธรรม --- Essence สั้น ๆ: ฌานเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการ "สิ้นกิเลส" ไม่ใช่การมีฌานเอง ผู้บรรลุธรรมคือผู้ที่ ‘ไม่มีทางกลับไปยึดติดในรูปนามได้อีก’
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เราอยู่ในภาวะสงครามแล้วนะ และคนไทยเราไม่รู้ตัว.

    ..กฎหมายสภาพอากาศ ผ่านในสภาไทยแล้วนะ

    ..นี้คือ #สงครามเคมีของการควบคุมสภาพอากาศ
    ..แผ่นดินไหวถึงไทย ตลอดตึก สตง.ถล่ม ไม่ใช่แค่บิดเบือนสงครามHAARPนี้ว่าเกิดจากธรรมชาติแต่แท้จริงมันคือสัตว์ที่อยู่ในโลกประเภทหนึ่งทำ แรปทีเลียนชั่ว มนุษย์ชั่วเข้าร่วมทำร่วมกับชาติมหาอำนาจโลกควบคุมในนามชื่อเดอะแก๊งdeep state นี้ก็ว่าซึ่งมาสร้างบรรยากาศบันเทิงต่อโลกรับบทเป็นฝ่ายไม่ดีฝ่ายมืดก่อการและควบคุมมันก็ว่าอีกล่ะ.

    ..พวกมันพ่นสารเคมีใส่เราเหมือนแมลง สารเคมีในอากาศ สารเคมีในอากาศ และสารเคมีในอากาศที่ปนเปื้อนในอากาศ

    ไม่ใช่การควบแน่น ไม่ใช่เมฆ สิ่งที่คุณเห็นบนท้องฟ้าคือการโจมตีด้วยละอองลอยในอากาศของกองทหารที่ประสานงานกันอย่างประสานงานกัน ซึ่งเป็นสงครามเคมีที่ปลอมตัวมาในรูปแบบของ "การควบคุมสภาพอากาศ" รูปแบบที่สลับไปมา หมอกควันที่ขยายตัว นี่คือวิศวกรรมธรณีวิทยา และในปี 2025 สารเคมีเหล่านี้จะขยายขนาดจนไม่สามารถละเลยได้

    อะลูมิเนียม แบเรียม สตรอนเทียม ลิเธียม สารเคมีเหล่านี้ถูกทิ้งใส่เราทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นจากเครื่องบินที่ไม่มีเครื่องหมาย ใต้เส้นทางการบินของกองทหาร และสื่อก็ปฏิเสธมาตลอด เป้าหมายคืออะไร? การครอบงำด้วยสเปกตรัมเต็มรูปแบบ อากาศ ดิน อาหาร ร่างกายของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างอิ่มตัวด้วยโลหะที่นำไฟฟ้าได้

    นี่ไม่ใช่การทำให้โลกเย็นลง แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่ไวต่อความถี่และสามารถตั้งโปรแกรมได้ ท้องฟ้ากลายเป็นแผงควบคุม ประชากรกลายเป็นเครื่องรับสัญญาณ คุณไม่ได้แค่หายใจเอาสารพิษเข้าไปเท่านั้น แต่คุณยังดูดซับอิทธิพลจากระยะไกลอีกด้วย

    การทดสอบอิสระในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าระดับอะลูมิเนียมในน้ำฝนสูงขึ้นถึง 70 เท่าของปกติ ต้นไม้ตาย ผึ้งหายไป ผู้คนรายงานว่าสมองมึนงงอย่างกะทันหัน อ่อนล้า อารมณ์แปรปรวน ซึ่งเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากฉีดพ่นสารอย่างหนัก เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? ไม่มีทางเป็นไปได้

    ทำไมเส้นทางจึงก่อตัวเป็นตารางและเกลียว ทำไมพายุ "ประหลาด" จึงพัดถล่มพื้นที่หนึ่งในขณะที่พื้นที่อื่นๆ ถูกฝังอยู่ภายใต้ภัยแล้งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสงครามสภาพอากาศที่ควบคุมได้ HAARP EISCAT SuperDARN สิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธจริงที่กระตุ้นไอโอโนสเฟียร์และควบคุมกระแสลมกรดและเส้นทางพายุ

    นี่ไม่ใช่ทฤษฎี มันคือปฏิบัติการทางทหารที่ยังคงดำเนินอยู่ ผู้รับเหมากำลังฉีดพ่นอนุภาคที่มีตัวนำ เครื่องทำความร้อนไอโอโนสเฟียร์ปล่อยพลังงานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดาวเทียมและหอส่งสัญญาณ 5G ทำหน้าที่ควบคุม คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของกริดอาวุธ ระบบประสาท คลื่นสมอง ความคิดของคุณ เปิดเผยทุกอย่าง

    คุณคือสนามรบ

    ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เมืองในชนบทในยูทาห์ โอเรกอน เพนซิลเวเนีย รายงานเสียงลึกลับ สัตว์ตายเกลื่อน และไฟดับ การทดสอบภาคสนาม อาวุธเงียบ ไม่มีการรายงาน ไม่มีความรับผิดชอบ

    และพวกเขากำลังเพิ่มลิเธียม ซึ่งเป็นยาจิตเวช เพื่อทำให้สงบ ระงับ เพื่อควบคุม เมื่อรวมกับความถี่ มันจะลอกเอาความตั้งใจ ความโกรธ และความสามารถในการต่อต้านของคุณออกไป

    26 มีนาคม 2025 นี่ไม่ใช่โลกดิสโทเปียในอนาคต แต่เป็นตอนนี้

    สิ่งที่คุณเห็น ไม่ใช่เมฆ สงคราม
    สิ่งที่คุณรู้สึก ไม่ใช่ธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้น
    สิ่งที่คุณหายใจ ไม่ใช่อากาศ การยอมจำนนทางเคมี

    ตื่นขึ้น หรือไม่ก็ถูกลบ

    ..เราอยู่ในภาวะสงครามแล้วนะ และคนไทยเราไม่รู้ตัว. ..กฎหมายสภาพอากาศ ผ่านในสภาไทยแล้วนะ ..นี้คือ #สงครามเคมีของการควบคุมสภาพอากาศ ..แผ่นดินไหวถึงไทย ตลอดตึก สตง.ถล่ม ไม่ใช่แค่บิดเบือนสงครามHAARPนี้ว่าเกิดจากธรรมชาติแต่แท้จริงมันคือสัตว์ที่อยู่ในโลกประเภทหนึ่งทำ แรปทีเลียนชั่ว มนุษย์ชั่วเข้าร่วมทำร่วมกับชาติมหาอำนาจโลกควบคุมในนามชื่อเดอะแก๊งdeep state นี้ก็ว่าซึ่งมาสร้างบรรยากาศบันเทิงต่อโลกรับบทเป็นฝ่ายไม่ดีฝ่ายมืดก่อการและควบคุมมันก็ว่าอีกล่ะ. ..พวกมันพ่นสารเคมีใส่เราเหมือนแมลง สารเคมีในอากาศ สารเคมีในอากาศ และสารเคมีในอากาศที่ปนเปื้อนในอากาศ ไม่ใช่การควบแน่น ไม่ใช่เมฆ สิ่งที่คุณเห็นบนท้องฟ้าคือการโจมตีด้วยละอองลอยในอากาศของกองทหารที่ประสานงานกันอย่างประสานงานกัน ซึ่งเป็นสงครามเคมีที่ปลอมตัวมาในรูปแบบของ "การควบคุมสภาพอากาศ" รูปแบบที่สลับไปมา หมอกควันที่ขยายตัว นี่คือวิศวกรรมธรณีวิทยา และในปี 2025 สารเคมีเหล่านี้จะขยายขนาดจนไม่สามารถละเลยได้ อะลูมิเนียม แบเรียม สตรอนเทียม ลิเธียม สารเคมีเหล่านี้ถูกทิ้งใส่เราทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นจากเครื่องบินที่ไม่มีเครื่องหมาย ใต้เส้นทางการบินของกองทหาร และสื่อก็ปฏิเสธมาตลอด เป้าหมายคืออะไร? การครอบงำด้วยสเปกตรัมเต็มรูปแบบ อากาศ ดิน อาหาร ร่างกายของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างอิ่มตัวด้วยโลหะที่นำไฟฟ้าได้ นี่ไม่ใช่การทำให้โลกเย็นลง แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่ไวต่อความถี่และสามารถตั้งโปรแกรมได้ ท้องฟ้ากลายเป็นแผงควบคุม ประชากรกลายเป็นเครื่องรับสัญญาณ คุณไม่ได้แค่หายใจเอาสารพิษเข้าไปเท่านั้น แต่คุณยังดูดซับอิทธิพลจากระยะไกลอีกด้วย การทดสอบอิสระในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าระดับอะลูมิเนียมในน้ำฝนสูงขึ้นถึง 70 เท่าของปกติ ต้นไม้ตาย ผึ้งหายไป ผู้คนรายงานว่าสมองมึนงงอย่างกะทันหัน อ่อนล้า อารมณ์แปรปรวน ซึ่งเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากฉีดพ่นสารอย่างหนัก เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? ไม่มีทางเป็นไปได้ ทำไมเส้นทางจึงก่อตัวเป็นตารางและเกลียว ทำไมพายุ "ประหลาด" จึงพัดถล่มพื้นที่หนึ่งในขณะที่พื้นที่อื่นๆ ถูกฝังอยู่ภายใต้ภัยแล้งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสงครามสภาพอากาศที่ควบคุมได้ HAARP EISCAT SuperDARN สิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธจริงที่กระตุ้นไอโอโนสเฟียร์และควบคุมกระแสลมกรดและเส้นทางพายุ นี่ไม่ใช่ทฤษฎี มันคือปฏิบัติการทางทหารที่ยังคงดำเนินอยู่ ผู้รับเหมากำลังฉีดพ่นอนุภาคที่มีตัวนำ เครื่องทำความร้อนไอโอโนสเฟียร์ปล่อยพลังงานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดาวเทียมและหอส่งสัญญาณ 5G ทำหน้าที่ควบคุม คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของกริดอาวุธ ระบบประสาท คลื่นสมอง ความคิดของคุณ เปิดเผยทุกอย่าง คุณคือสนามรบ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เมืองในชนบทในยูทาห์ โอเรกอน เพนซิลเวเนีย รายงานเสียงลึกลับ สัตว์ตายเกลื่อน และไฟดับ การทดสอบภาคสนาม อาวุธเงียบ ไม่มีการรายงาน ไม่มีความรับผิดชอบ และพวกเขากำลังเพิ่มลิเธียม ซึ่งเป็นยาจิตเวช เพื่อทำให้สงบ ระงับ เพื่อควบคุม เมื่อรวมกับความถี่ มันจะลอกเอาความตั้งใจ ความโกรธ และความสามารถในการต่อต้านของคุณออกไป 26 มีนาคม 2025 นี่ไม่ใช่โลกดิสโทเปียในอนาคต แต่เป็นตอนนี้ สิ่งที่คุณเห็น ไม่ใช่เมฆ สงคราม สิ่งที่คุณรู้สึก ไม่ใช่ธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้น สิ่งที่คุณหายใจ ไม่ใช่อากาศ การยอมจำนนทางเคมี ตื่นขึ้น หรือไม่ก็ถูกลบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกตอเรีย สปาร์ตซ์ (Victoria Spartz) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เชื้อสายยูเครน เรียกร้องให้เซเลนสกีมอบดินแดนให้กับรัสเซียในส่วนที่ถูกยึดครองอยู่ไปซะ "เพื่อยุติสงคราม" และยังเรียกร้องให้ชาวยูเครนไม่ลงคะแนนเสียงให้กับเซเลนสกีในการเลือกตั้งครั้งหน้า

    สปาร์ตซ์ ให้สัมภาษณ์กับเดอะ เทเลกราฟ เธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐเพียงคนเดียวที่เกิดในยูเครน โดยเธอขยายความว่า “ฉันไม่เข้าใจว่ายูเครนจะพาตัวเองไปอยู่ในสถานะที่สามารถเรียกร้องดินแดนจากการยึดครองคืนได้อย่างไร ถ้าหากพวกเขาชนะสงคราม นั่นมันก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น”

    อย่างไรก็ตาม สปาร์ตซ์ รู้ดีว่ามันไม่มีทางออกที่ง่ายเลยสำหรับชาวยูเครน แต่สงครามควรต้องยุติลง “โดยเร็วที่สุด”

    นอกจากนี้ เธอยังมองว่า “หากสงครามยืดเยื้อนานเกินไป มันอาจจะไม่ได้จบลงด้วยการปกครองระบอบประชาธิปไตยในยูเครน”

    เธอยังวิจารณ์เซเลนสกีอย่างรุนแรงเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาในระหว่างการเยือนทำเนียบขาว โดยกล่าวหาว่าเขา “ทำร้ายประชาชนชาวยูเครน” และ “ดูหมิ่นประธานาธิบดีสหรัฐ” หลังจากการเผชิญที่ห้องโอวัลออฟฟิศในทำเนียบขาว

    สปาร์ตซ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการเลือกตั้งในยูเครน “พวกเขาจะมีการเลือกตั้ง และหากชาวยูเครนเลือกเซเลนสกีกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ชาวยูเครนคงจะสูญเสียประเทศที่เหลือไปแล้วล่ะ”

    วิกตอเรีย สปาร์ตซ์ (Victoria Spartz) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เชื้อสายยูเครน เรียกร้องให้เซเลนสกีมอบดินแดนให้กับรัสเซียในส่วนที่ถูกยึดครองอยู่ไปซะ "เพื่อยุติสงคราม" และยังเรียกร้องให้ชาวยูเครนไม่ลงคะแนนเสียงให้กับเซเลนสกีในการเลือกตั้งครั้งหน้า สปาร์ตซ์ ให้สัมภาษณ์กับเดอะ เทเลกราฟ เธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐเพียงคนเดียวที่เกิดในยูเครน โดยเธอขยายความว่า “ฉันไม่เข้าใจว่ายูเครนจะพาตัวเองไปอยู่ในสถานะที่สามารถเรียกร้องดินแดนจากการยึดครองคืนได้อย่างไร ถ้าหากพวกเขาชนะสงคราม นั่นมันก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น” อย่างไรก็ตาม สปาร์ตซ์ รู้ดีว่ามันไม่มีทางออกที่ง่ายเลยสำหรับชาวยูเครน แต่สงครามควรต้องยุติลง “โดยเร็วที่สุด” นอกจากนี้ เธอยังมองว่า “หากสงครามยืดเยื้อนานเกินไป มันอาจจะไม่ได้จบลงด้วยการปกครองระบอบประชาธิปไตยในยูเครน” เธอยังวิจารณ์เซเลนสกีอย่างรุนแรงเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาในระหว่างการเยือนทำเนียบขาว โดยกล่าวหาว่าเขา “ทำร้ายประชาชนชาวยูเครน” และ “ดูหมิ่นประธานาธิบดีสหรัฐ” หลังจากการเผชิญที่ห้องโอวัลออฟฟิศในทำเนียบขาว สปาร์ตซ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการเลือกตั้งในยูเครน “พวกเขาจะมีการเลือกตั้ง และหากชาวยูเครนเลือกเซเลนสกีกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ชาวยูเครนคงจะสูญเสียประเทศที่เหลือไปแล้วล่ะ”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำหรับผม ญี่ปุ่นและไทยคล้ายคลึงกันมากในปริมณฑลเรื่องเหนือธรรมชาติ ไทยเรามีภูตผีหลากหลายดีไซน์มากพอ ๆ กับโยไคของญี่ปุ่น ต่างกันแค่ผีญี่ปุ่นยังมีการรวมตัวเดินขบวนพาเหรดเป็น "ขบวนแห่ร้อยอสูร" (百鬼夜行 - เฮียกกิยาเกียว) จนเมื่อได้อ่านนิยายเล่มนี้เองที่ได้เจอเรื่องราวของขบวนแห่แบบที่ว่าในรูปผสมผสานสองเชื้อชาติ

    'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' โดย กันตชาต ชวนะวิรัช เป็นนวนิยายที่ได้รับคัดเลือกจาก บ.อมรินทร์ให้ตีพิมพ์ในโปรเจกต์ "ไทยเล่าไทยหลอน" เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในที่ที่เป็นไปได้มากว่าจะอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีตำนานท้องถิ่นกล่าวถึงขบวนแห่ร้อยผีที่มีผู้ร่วมขบวนทั้งผีไทยและผีญี่ปุ่น มีผู้นำขบวนคือ เทพอาคันตุกะ หรือนูราริเฮียง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งโยไคของญี่ปุ่น เล่ากันว่าหากคนทั่วไปที่ไม่ได้มีสัมผัสพิเศษมองเห็นขบวนแห่ร้อยผีเข้า ก็จะโดนทั้งขบวนตามล่าเพื่อนำวิญญาณไปร่วมขบวนด้วย ในเนื้อเรื่อง อัญรินทร์เห็นขบวนแห่นี้และโดนหมายหัว อัคร น้องชายวัย ม.ปลาย ซึ่งมองเห็นวิญญาณได้ จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพาพี่สาวหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผี แม้กระทั่งต้องเข้าไปซ่อนในบ้านเด็กกำพร้าผีสิงก็ตาม

    ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องผี มีคำว่า "ผี" อยู่ในชื่อเรื่อง แต่โทนเรื่องโดยรวมไม่ได้เน้นความน่ากลัวสยองขวัญเท่าไร (สำหรับผมอะนะ) ออกจะเป็นแฟนตาซีที่แฝงกลิ่นอายลึกลับแบบ Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิมากกว่า คงเพราะมีผีญี่ปุ่นอยู่ในเรื่องด้วย (แต่ก็น่าเสียดายนิดหน่อยที่เอาจริง ๆ ถ้าเทียบแอร์ไทม์แล้ว ผีในขบวนแห่ร้อยผีกลับมีบทบาทน้อยกว่าผีที่ไม่ได้อยู่ในขบวนแห่เสียอีก) ทั้งนี้ ตอนจบทั้งสวยงามและปวดตับอย่างยิ่ง ต่อให้คุณพอจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ผมเชื่อว่าบทสุดท้ายก็น่าจะกระชากอารมณ์คุณไม่มากก็น้อย ยกเว้นก็แต่คุณจะอารมณ์ตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เป็นไซโคพาธ อี๋ย์ ไปให้พ้น ชิ่ว ๆ

    อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่พื้นที่ที่ผมจะรีวิวหนังสือ แต่ผมจะให้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์ในคลังของผมกำหนดประเด็นที่จะรีวิว วิจารณ์ หรือหยิบยกมาพูด แล้วผมจะนำมาแปลและถ่ายทอดต่ออีกที โดยสุ่มจับไพ่ 4 ใบ และใช้ไพ่ใต้กองอีก 1 ใบ

    สำหรับนิยายเล่มนี้ ซึ่งมีภูตผีญี่ปุ่นมาเกี่ยวข้อง ผมก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมถ้าใช้ไพ่ที่มีธีมเป็นผีญี่ปุ่นมาทำการ "เผาเรื่อง" นั่นคือไพ่ชุด 'Yokai Tarot' โดย สนพ.Lo Scarabeo จากอิตาลี

    ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' ด้วย 'Yokai Tarot' ได้ ณ บัดนี้ครับ

    ----------

    "หลอกลวงคนอ่านอย่าง(เกือบ)แนบเนียน"
    🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance

    ไพ่ Magician ของ Yokai Tarot เลือกหน้าไพ่เป็นปีศาจทานุกิ ซึ่งเป็นโยไคที่ขึ้นชื่อเรื่องการแปลงร่างไปหลอกลวงหรือแกล้งมนุษย์ ตรงกับความหมายในแง่ "การหลอกลวง" ของไพ่นักมายากล ส่วนไพ่ Temperance มีหน้าไพ่เป็น "นิงเกียว" หรือก็คือนางเงือกแบบญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเนื้อของเงือกญี่ปุ่นจะทำให้อายุยืนยาวหรือถึงขั้นเป็นอมตะ แต่เฉพาะในบริบทของไพ่แห่งความพอดี เงือกคือตัวตนที่แสดงถึงความสอดประสานกันอย่างลงตัว กลมเกลียว และ "แนบเนียน" ระหว่างสิ่งตรงข้าม ไม่ว่าจะคนและปลา หรือบกและน้ำ

    'เฮียกกิยาเกียว' เป็นนิยายที่ไม่ได้ใส่ผีมาหลอกตัวละครในเรื่องอย่างเดียว แต่ตัวมันยังพยายามหลอกคนอ่านอย่างเราให้เข้าใจผิดเกือบตลอดเวลา ซึ่งก็มาพร้อมกับ Plot twists หรือการหักมุมหลายตลบ แต่ก็ไม่ได้เป็นการหักแบบคอพับ 180 องศาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ระหว่างทาง เนื้อเรื่องจะแอบหยอดรายละเอียดที่ค่อย ๆ นำไปสู่การเฉลยปมหักมุมแต่ละเรื่อง ดังนั้นสำหรับผู้อ่านที่ช่างสังเกตและช่างคิด รวมถึงมีชั่วโมงบินเยอะ ก็อาจคาดเดาจุดหักมุมแต่ละจุดได้ไม่ยาก รวมถึง Plot twist ใหญ่ในหน้า 226

    นอกจากนี้ ผมชอบเป็นพิเศษที่ไพ่ Temperance ขึ้นมาในหัวข้อนี้พอดี ความหมายหลักอย่างหนึ่งของไพ่ใบนี้คือ "ความกลมเกลียว" และ "การสอดประสานกันอย่างลงตัว" ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายได้ดีอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ระหว่างสังคมมนุษย์กับสังคมผีในนิยายเรื่องนี้ เนื้อเรื่องบรรยายว่าชุมชนในเรื่องเป็นที่ที่ผีและคนอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด จนบางครั้งพรมแดนระหว่าง 2 ภพก็พร่าเลือนโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออาจจะทั้ง 2 ฝ่ายไม่รู้ตัว ซึ่งนี่ก็เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนใช้หลอกลวงคนอ่านด้วย (แน่นอนว่าตรงนี้ไม่ได้สปอยล์สาระสำคัญของเรื่องแต่อย่างใด ;) )

    ----------

    "บูรณาการตำนาน(ผี)จากสองชาติ"
    🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles)

    โยไคบนหน้าไพ่ราชินีเหรียญของชุด Yokai Tarot คือ "ยามะฮิเมะ" (เจ้าหญิงแห่งขุนเขา) ซึ่งมีบทบาทคล้าย ๆ วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาในไทยเรา เป็นผู้ปกปักรักษาสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ภูเขาของตน ทั้งป่าดงพงไพร พืช สัตว์ รวมถึงมนุษย์ที่อาศัยในบริเวณนั้นและเคารพบูชานาง บทบาทตามตำนานความเชื่อของโยไคตนนี้ตรงกับความหมายของไพ่ราชินีเหรียญในแง่การเป็นผูปกปักรักษา บำรุงเลี้ยงดู ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับความหมายด้านธรรมชาติของไพ่ใบนี้ด้วย ส่วนในบริบทของนิยายเรื่องนี้ ผมตีความว่าไพ่ใบนี้สื่อถึงสิ่งที่เป็นเสมือนธรรมชาติเก่าแก่ในชุมชนท้องที่ต่าง ๆ ซึ่งก็คือวัฒนธรรม ตำนาน คติชน และเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่มีมาแต่โบราณในท้องที่นั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในท้องถิ่นหวนแหนและดูแลสืบต่อไปยังชนรุ่นหลัง

    ส่วนไพ่ 3 เหรียญเป็นภาพของ "อิปปงดาตาระ" โยไคตาเดียวขาเดียวที่ว่ากันว่าเคยเป็นช่างฝีมือมาก่อน แต่แกทุ่มเทให้กับงานที่ทำมากเกินไปจนสูญเสียดวงตากับขาไปอย่างละข้าง ไพ่ชุดนี้นำโยไคตนนี้มาเชื่อมโยงกับไพ่ 3 เหรียญในแง่ที่ตัวมันเป็นภูตที่มีที่มาจากช่างฝีมือ ซึ่งเป็นความหมายหนึ่งของไพ่ใบนี้ ส่วนอีกความหมายที่รู้จักกันมากกว่าคือ "การร่วมมือ" (รวมถึงงานประเภทคอลแลบฯ ระหว่างศิลปิน) และ "การบูรณาการ"

    ไพ่สองใบนี้รวมกัน จึงสื่อถึง การบูรณาการของตำนานความเชื่อเก่าแก่ ซึ่งในบริบทของ 'เฮียกกิยาเกียว' มันก็คือการบูรณาการความเชื่อเกี่ยวกับภูตผีของไทยและญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นขบวนแห่ร้อยผีประจำนิยายเรื่องนี้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรื่องที่ต้องชื่นชมความช่างคิดของผู้เขียนจริง ๆ

    ในขบวนแห่ร้อยผี นอกจากจะมีโยไคญี่ปุ่นอย่างนูราริเฮียงแล้ว ยังมีผีไทยที่คนภาคกลางอาจไม่คุ้นเคยเท่าไร เช่น ผีม้าบ้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งม้าคล้ายเซนทอร์ของกรีก (ในนิยายเล่มนี้เรียกผีม้าบ้องว่า "เซนทอร์แห่งล้านนา" ด้วยซ้ำ) หรือแมวจะกละ แมวดำที่ทำให้มนุษย์ที่ได้สัมผัสร่างต้องพบความตายอย่างน่าสยดสยอง นอกจากนั้นยังมีผีบางตนที่มีอยู่ในทั้งเรื่องผีของไทยและญี่ปุ่นอย่างผีกระสือ ซึ่งเวอร์ชันของญี่ปุ่นเรียกว่า "นูเกะคูบิ"

    นอกจากนั้น นิยายเรื่องนี้ยังบูรณาการเรื่องจริงที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องด้วย โดยเชื่อมโยงกับชีวิตของยามาดะ นางามาสะ หรือ ออกญาเสนาภิมุข (ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมค่อนข้างเชื่อว่า ฉากท้องเรื่องของเรื่องนี้อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช)

    ----------

    "บางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น"
    ใต้กอง: 🃏Judgement

    ไพ่ใต้กองของการเปิดไพ่ "เผาเรื่อง" ครั้งนี้คือไพ่ Judgement ซึ่งเป็นภาพของโยไคชื่อ "คิโยะฮิเมะ" นางเป็นปีศาจงูที่ไปตกหลุมรักพระรูปหนึ่งอย่างจัง แต่พระหนุ่มไม่เล่นด้วย ทิ้งนางอย่างไม่ไยดี นางจึงตามล่าพระหนุ่มไปทั่วญี่ปุ่น จนในที่สุด พระหนุ่มไปหลบซ่อนในระฆังวัด แต่นางก็หาเจอ และคลายขนดหางออกมารัดระฆัง ก่อนจะพ่นไฟออกมาย่างสดพระหนุ่ม โหดฉิบ แต่ใด ๆ คือ ไพ่ชุดนี้เลือกวีรกรรมการตามล่าเหยื่ออย่างไม่ลดไม่ละของนางมาเชื่อมโยงกับความหมายของไพ่ Judgement ในด้านการมาถึงของบางสิ่งที่เราไม่อาจหนีพ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม อาจเป็นความจริงหรือสัจธรรมของจักรวาล

    การถูกตามล่าโดยบางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น คือแก่นเรื่องของ 'เฮียกกิยาเกียว' ใครก็ตามที่มองเห็นขบวนแห่ร้อยผี (ยกเว้นผู้มีตาทิพย์หรือสัมผัสพิเศษ) จะต้องถูกตามล่าไปตลอดกาล จนกว่าภูตผีในขบวนจะจับตัวและพาไปร่วมขบวนได้ อาจมีบางช่วงเวลาหรือเงื่อนไขที่ช่วยให้ยืดเวลาหรือหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผีได้ แต่ก็ทำได้แค่ชั่วคราว

    เมื่ออ่านนิยายเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ คนอ่านจะพบว่า ไม่ได้มีแค่อัครและอัญรินทร์ สองตัวละครเอกที่พยายามหนีจากขบวนแห่ร้อยผี มีคนอื่นที่เคยพบเจอและพยายามหนีจากพวกมันด้วย รวมทั้งมีตัวละครอื่นที่พยายามหลบหนีจากอะไรอย่างอื่น แต่ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลบหนีพ้น ดังนั้นจึงมีทางเลือกแค่หาทางหนีประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ หรือยอมจำนน

    ----------

    Final Verdict: 🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance + 🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles) + 🃏Judgement (ใต้กอง)

    'เฮียกกิยาเกียว' เป็นเรื่องที่นำตำนานความเชื่อและเรื่องเหล่าอันแตกต่างหลากหลายมาผสมผสานและบูรณาการเข้าด้วยกันอย่าชาญฉลาดและลงตัว พร้อมกับทำให้ปิดเล่มไปด้วยความจรรโลงใจและการตระหนักซึ่งในสัจธรรมบางประการ

    🃏🃏🃏🃏🃏
    เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง (2025)
    • ผู้เขียน: กันตชาต ชวนะวิรัช
    • สำนักพิมพ์: Prism (ในเครืออมรินทร์)
    ไพ่ที่ใช้: Yokai Tarot (2024) ผลิตและจัดจำหน่ายโดย Lo Scarabeo Tarot
    สำหรับผม ญี่ปุ่นและไทยคล้ายคลึงกันมากในปริมณฑลเรื่องเหนือธรรมชาติ ไทยเรามีภูตผีหลากหลายดีไซน์มากพอ ๆ กับโยไคของญี่ปุ่น ต่างกันแค่ผีญี่ปุ่นยังมีการรวมตัวเดินขบวนพาเหรดเป็น "ขบวนแห่ร้อยอสูร" (百鬼夜行 - เฮียกกิยาเกียว) จนเมื่อได้อ่านนิยายเล่มนี้เองที่ได้เจอเรื่องราวของขบวนแห่แบบที่ว่าในรูปผสมผสานสองเชื้อชาติ 'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' โดย กันตชาต ชวนะวิรัช เป็นนวนิยายที่ได้รับคัดเลือกจาก บ.อมรินทร์ให้ตีพิมพ์ในโปรเจกต์ "ไทยเล่าไทยหลอน" เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในที่ที่เป็นไปได้มากว่าจะอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีตำนานท้องถิ่นกล่าวถึงขบวนแห่ร้อยผีที่มีผู้ร่วมขบวนทั้งผีไทยและผีญี่ปุ่น มีผู้นำขบวนคือ เทพอาคันตุกะ หรือนูราริเฮียง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งโยไคของญี่ปุ่น เล่ากันว่าหากคนทั่วไปที่ไม่ได้มีสัมผัสพิเศษมองเห็นขบวนแห่ร้อยผีเข้า ก็จะโดนทั้งขบวนตามล่าเพื่อนำวิญญาณไปร่วมขบวนด้วย ในเนื้อเรื่อง อัญรินทร์เห็นขบวนแห่นี้และโดนหมายหัว อัคร น้องชายวัย ม.ปลาย ซึ่งมองเห็นวิญญาณได้ จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพาพี่สาวหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผี แม้กระทั่งต้องเข้าไปซ่อนในบ้านเด็กกำพร้าผีสิงก็ตาม ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องผี มีคำว่า "ผี" อยู่ในชื่อเรื่อง แต่โทนเรื่องโดยรวมไม่ได้เน้นความน่ากลัวสยองขวัญเท่าไร (สำหรับผมอะนะ) ออกจะเป็นแฟนตาซีที่แฝงกลิ่นอายลึกลับแบบ Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิมากกว่า คงเพราะมีผีญี่ปุ่นอยู่ในเรื่องด้วย (แต่ก็น่าเสียดายนิดหน่อยที่เอาจริง ๆ ถ้าเทียบแอร์ไทม์แล้ว ผีในขบวนแห่ร้อยผีกลับมีบทบาทน้อยกว่าผีที่ไม่ได้อยู่ในขบวนแห่เสียอีก) ทั้งนี้ ตอนจบทั้งสวยงามและปวดตับอย่างยิ่ง ต่อให้คุณพอจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ผมเชื่อว่าบทสุดท้ายก็น่าจะกระชากอารมณ์คุณไม่มากก็น้อย ยกเว้นก็แต่คุณจะอารมณ์ตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เป็นไซโคพาธ อี๋ย์ ไปให้พ้น ชิ่ว ๆ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่พื้นที่ที่ผมจะรีวิวหนังสือ แต่ผมจะให้ไพ่ทาโรต์หรือไพ่พยากรณ์ในคลังของผมกำหนดประเด็นที่จะรีวิว วิจารณ์ หรือหยิบยกมาพูด แล้วผมจะนำมาแปลและถ่ายทอดต่ออีกที โดยสุ่มจับไพ่ 4 ใบ และใช้ไพ่ใต้กองอีก 1 ใบ สำหรับนิยายเล่มนี้ ซึ่งมีภูตผีญี่ปุ่นมาเกี่ยวข้อง ผมก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมถ้าใช้ไพ่ที่มีธีมเป็นผีญี่ปุ่นมาทำการ "เผาเรื่อง" นั่นคือไพ่ชุด 'Yokai Tarot' โดย สนพ.Lo Scarabeo จากอิตาลี ขอเชิญรับชม #ไพ่เราเผาหนังสือ 'เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง' ด้วย 'Yokai Tarot' ได้ ณ บัดนี้ครับ ---------- "หลอกลวงคนอ่านอย่าง(เกือบ)แนบเนียน" 🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance ไพ่ Magician ของ Yokai Tarot เลือกหน้าไพ่เป็นปีศาจทานุกิ ซึ่งเป็นโยไคที่ขึ้นชื่อเรื่องการแปลงร่างไปหลอกลวงหรือแกล้งมนุษย์ ตรงกับความหมายในแง่ "การหลอกลวง" ของไพ่นักมายากล ส่วนไพ่ Temperance มีหน้าไพ่เป็น "นิงเกียว" หรือก็คือนางเงือกแบบญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเนื้อของเงือกญี่ปุ่นจะทำให้อายุยืนยาวหรือถึงขั้นเป็นอมตะ แต่เฉพาะในบริบทของไพ่แห่งความพอดี เงือกคือตัวตนที่แสดงถึงความสอดประสานกันอย่างลงตัว กลมเกลียว และ "แนบเนียน" ระหว่างสิ่งตรงข้าม ไม่ว่าจะคนและปลา หรือบกและน้ำ 'เฮียกกิยาเกียว' เป็นนิยายที่ไม่ได้ใส่ผีมาหลอกตัวละครในเรื่องอย่างเดียว แต่ตัวมันยังพยายามหลอกคนอ่านอย่างเราให้เข้าใจผิดเกือบตลอดเวลา ซึ่งก็มาพร้อมกับ Plot twists หรือการหักมุมหลายตลบ แต่ก็ไม่ได้เป็นการหักแบบคอพับ 180 องศาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ระหว่างทาง เนื้อเรื่องจะแอบหยอดรายละเอียดที่ค่อย ๆ นำไปสู่การเฉลยปมหักมุมแต่ละเรื่อง ดังนั้นสำหรับผู้อ่านที่ช่างสังเกตและช่างคิด รวมถึงมีชั่วโมงบินเยอะ ก็อาจคาดเดาจุดหักมุมแต่ละจุดได้ไม่ยาก รวมถึง Plot twist ใหญ่ในหน้า 226 นอกจากนี้ ผมชอบเป็นพิเศษที่ไพ่ Temperance ขึ้นมาในหัวข้อนี้พอดี ความหมายหลักอย่างหนึ่งของไพ่ใบนี้คือ "ความกลมเกลียว" และ "การสอดประสานกันอย่างลงตัว" ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายได้ดีอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ระหว่างสังคมมนุษย์กับสังคมผีในนิยายเรื่องนี้ เนื้อเรื่องบรรยายว่าชุมชนในเรื่องเป็นที่ที่ผีและคนอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด จนบางครั้งพรมแดนระหว่าง 2 ภพก็พร่าเลือนโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออาจจะทั้ง 2 ฝ่ายไม่รู้ตัว ซึ่งนี่ก็เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนใช้หลอกลวงคนอ่านด้วย (แน่นอนว่าตรงนี้ไม่ได้สปอยล์สาระสำคัญของเรื่องแต่อย่างใด ;) ) ---------- "บูรณาการตำนาน(ผี)จากสองชาติ" 🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles) โยไคบนหน้าไพ่ราชินีเหรียญของชุด Yokai Tarot คือ "ยามะฮิเมะ" (เจ้าหญิงแห่งขุนเขา) ซึ่งมีบทบาทคล้าย ๆ วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาในไทยเรา เป็นผู้ปกปักรักษาสิ่งต่าง ๆ ในพื้นที่ภูเขาของตน ทั้งป่าดงพงไพร พืช สัตว์ รวมถึงมนุษย์ที่อาศัยในบริเวณนั้นและเคารพบูชานาง บทบาทตามตำนานความเชื่อของโยไคตนนี้ตรงกับความหมายของไพ่ราชินีเหรียญในแง่การเป็นผูปกปักรักษา บำรุงเลี้ยงดู ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงกับความหมายด้านธรรมชาติของไพ่ใบนี้ด้วย ส่วนในบริบทของนิยายเรื่องนี้ ผมตีความว่าไพ่ใบนี้สื่อถึงสิ่งที่เป็นเสมือนธรรมชาติเก่าแก่ในชุมชนท้องที่ต่าง ๆ ซึ่งก็คือวัฒนธรรม ตำนาน คติชน และเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่มีมาแต่โบราณในท้องที่นั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในท้องถิ่นหวนแหนและดูแลสืบต่อไปยังชนรุ่นหลัง ส่วนไพ่ 3 เหรียญเป็นภาพของ "อิปปงดาตาระ" โยไคตาเดียวขาเดียวที่ว่ากันว่าเคยเป็นช่างฝีมือมาก่อน แต่แกทุ่มเทให้กับงานที่ทำมากเกินไปจนสูญเสียดวงตากับขาไปอย่างละข้าง ไพ่ชุดนี้นำโยไคตนนี้มาเชื่อมโยงกับไพ่ 3 เหรียญในแง่ที่ตัวมันเป็นภูตที่มีที่มาจากช่างฝีมือ ซึ่งเป็นความหมายหนึ่งของไพ่ใบนี้ ส่วนอีกความหมายที่รู้จักกันมากกว่าคือ "การร่วมมือ" (รวมถึงงานประเภทคอลแลบฯ ระหว่างศิลปิน) และ "การบูรณาการ" ไพ่สองใบนี้รวมกัน จึงสื่อถึง การบูรณาการของตำนานความเชื่อเก่าแก่ ซึ่งในบริบทของ 'เฮียกกิยาเกียว' มันก็คือการบูรณาการความเชื่อเกี่ยวกับภูตผีของไทยและญี่ปุ่น จนกลายมาเป็นขบวนแห่ร้อยผีประจำนิยายเรื่องนี้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรื่องที่ต้องชื่นชมความช่างคิดของผู้เขียนจริง ๆ ในขบวนแห่ร้อยผี นอกจากจะมีโยไคญี่ปุ่นอย่างนูราริเฮียงแล้ว ยังมีผีไทยที่คนภาคกลางอาจไม่คุ้นเคยเท่าไร เช่น ผีม้าบ้อง ซึ่งมีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งม้าคล้ายเซนทอร์ของกรีก (ในนิยายเล่มนี้เรียกผีม้าบ้องว่า "เซนทอร์แห่งล้านนา" ด้วยซ้ำ) หรือแมวจะกละ แมวดำที่ทำให้มนุษย์ที่ได้สัมผัสร่างต้องพบความตายอย่างน่าสยดสยอง นอกจากนั้นยังมีผีบางตนที่มีอยู่ในทั้งเรื่องผีของไทยและญี่ปุ่นอย่างผีกระสือ ซึ่งเวอร์ชันของญี่ปุ่นเรียกว่า "นูเกะคูบิ" นอกจากนั้น นิยายเรื่องนี้ยังบูรณาการเรื่องจริงที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องด้วย โดยเชื่อมโยงกับชีวิตของยามาดะ นางามาสะ หรือ ออกญาเสนาภิมุข (ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมค่อนข้างเชื่อว่า ฉากท้องเรื่องของเรื่องนี้อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช) ---------- "บางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น" ใต้กอง: 🃏Judgement ไพ่ใต้กองของการเปิดไพ่ "เผาเรื่อง" ครั้งนี้คือไพ่ Judgement ซึ่งเป็นภาพของโยไคชื่อ "คิโยะฮิเมะ" นางเป็นปีศาจงูที่ไปตกหลุมรักพระรูปหนึ่งอย่างจัง แต่พระหนุ่มไม่เล่นด้วย ทิ้งนางอย่างไม่ไยดี นางจึงตามล่าพระหนุ่มไปทั่วญี่ปุ่น จนในที่สุด พระหนุ่มไปหลบซ่อนในระฆังวัด แต่นางก็หาเจอ และคลายขนดหางออกมารัดระฆัง ก่อนจะพ่นไฟออกมาย่างสดพระหนุ่ม โหดฉิบ แต่ใด ๆ คือ ไพ่ชุดนี้เลือกวีรกรรมการตามล่าเหยื่ออย่างไม่ลดไม่ละของนางมาเชื่อมโยงกับความหมายของไพ่ Judgement ในด้านการมาถึงของบางสิ่งที่เราไม่อาจหนีพ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม อาจเป็นความจริงหรือสัจธรรมของจักรวาล การถูกตามล่าโดยบางสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น คือแก่นเรื่องของ 'เฮียกกิยาเกียว' ใครก็ตามที่มองเห็นขบวนแห่ร้อยผี (ยกเว้นผู้มีตาทิพย์หรือสัมผัสพิเศษ) จะต้องถูกตามล่าไปตลอดกาล จนกว่าภูตผีในขบวนจะจับตัวและพาไปร่วมขบวนได้ อาจมีบางช่วงเวลาหรือเงื่อนไขที่ช่วยให้ยืดเวลาหรือหลบหนีจากขบวนแห่ร้อยผีได้ แต่ก็ทำได้แค่ชั่วคราว เมื่ออ่านนิยายเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ คนอ่านจะพบว่า ไม่ได้มีแค่อัครและอัญรินทร์ สองตัวละครเอกที่พยายามหนีจากขบวนแห่ร้อยผี มีคนอื่นที่เคยพบเจอและพยายามหนีจากพวกมันด้วย รวมทั้งมีตัวละครอื่นที่พยายามหลบหนีจากอะไรอย่างอื่น แต่ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลบหนีพ้น ดังนั้นจึงมีทางเลือกแค่หาทางหนีประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ หรือยอมจำนน ---------- Final Verdict: 🃏I-The Magician + 🃏XIV-Temperance + 🃏Queen of Coins (Queen of Pentacles) + 🃏3 of Coins (3 of Pentacles) + 🃏Judgement (ใต้กอง) 'เฮียกกิยาเกียว' เป็นเรื่องที่นำตำนานความเชื่อและเรื่องเหล่าอันแตกต่างหลากหลายมาผสมผสานและบูรณาการเข้าด้วยกันอย่าชาญฉลาดและลงตัว พร้อมกับทำให้ปิดเล่มไปด้วยความจรรโลงใจและการตระหนักซึ่งในสัจธรรมบางประการ 🃏🃏🃏🃏🃏 เฮียกกิยาเกียว ขบวนแห่ร้อยผีแห่งเดือนเพ็ญพิศวง (2025) • ผู้เขียน: กันตชาต ชวนะวิรัช • สำนักพิมพ์: Prism (ในเครืออมรินทร์) ไพ่ที่ใช้: Yokai Tarot (2024) ผลิตและจัดจำหน่ายโดย Lo Scarabeo Tarot
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประกาศนโยบายภาษีใหม่ของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ในช่วงวัน Liberation Day ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมวิดีโอเกมในสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วโลก โดยการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนและเวียดนามได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ การพัฒนาเกม, การผลิตฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ อย่างไม่เคยมีมาก่อน

    ✅ ฮาร์ดแวร์เกมมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น
    - อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เครื่องคอนโซลเกม ถูกผลิตในประเทศที่เป็นเป้าหมายของนโยบายภาษี ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก
    - ตัวอย่างเช่น Nintendo Switch 2 ที่จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ มีราคา $450 สูงกว่าราคาในญี่ปุ่นที่อยู่เพียง $343 เนื่องจากผลกระทบภาษี

    ✅ การตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ เพิ่มความซับซ้อน
    - หลายประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป เตรียมตอบโต้ด้วยการออกภาษีใหม่ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนของตลาด

    ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นก็ยังเจออุปสรรค
    - แม้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple และ Nintendo จะย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังเวียดนามเพื่อเลี่ยงภาษี แต่ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีสินค้าจากเวียดนามอีก 46% ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่มีทางเลือกมากนัก

    ✅ การนำการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังต้องใช้เวลา
    - ESA (Entertainment Software Association) กล่าวว่าการย้ายฐานผลิตกลับสหรัฐฯ เป็นไปได้ยากเนื่องจาก ซัพพลายเชนที่มีความซับซ้อน และความต้องการด้านประสิทธิภาพในการผลิต

    https://www.techspot.com/news/107423-trump-tariffs-send-shockwaves-through-video-game-industry.html
    การประกาศนโยบายภาษีใหม่ของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ในช่วงวัน Liberation Day ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมวิดีโอเกมในสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วโลก โดยการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนและเวียดนามได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ การพัฒนาเกม, การผลิตฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ อย่างไม่เคยมีมาก่อน ✅ ฮาร์ดแวร์เกมมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น - อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เครื่องคอนโซลเกม ถูกผลิตในประเทศที่เป็นเป้าหมายของนโยบายภาษี ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก - ตัวอย่างเช่น Nintendo Switch 2 ที่จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ มีราคา $450 สูงกว่าราคาในญี่ปุ่นที่อยู่เพียง $343 เนื่องจากผลกระทบภาษี ✅ การตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ เพิ่มความซับซ้อน - หลายประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป เตรียมตอบโต้ด้วยการออกภาษีใหม่ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนของตลาด ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นก็ยังเจออุปสรรค - แม้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple และ Nintendo จะย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังเวียดนามเพื่อเลี่ยงภาษี แต่ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีสินค้าจากเวียดนามอีก 46% ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่มีทางเลือกมากนัก ✅ การนำการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังต้องใช้เวลา - ESA (Entertainment Software Association) กล่าวว่าการย้ายฐานผลิตกลับสหรัฐฯ เป็นไปได้ยากเนื่องจาก ซัพพลายเชนที่มีความซับซ้อน และความต้องการด้านประสิทธิภาพในการผลิต https://www.techspot.com/news/107423-trump-tariffs-send-shockwaves-through-video-game-industry.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump's tariffs send shockwaves through the video game industry
    The video game sector must brace for impact following the announcement of Trump's new tariffs earlier this week. According to Aubrey Quinn, senior vice president of the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เจตนา คือ จุดเริ่มของกรรม – วิธีเปลี่ยนทางความคิดให้เป็นบุญ”

    ---

    1. เจตนาเป็นต้นทางของกรรมทั้งหมด

    กรรมคือเจตนา สิ่งที่คุณ คิดได้ คือสิ่งที่คุณ ทำได้

    แต่คุณ จะคิดอะไรได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ สภาพจิต ณ ขณะนั้น

    ---

    2. จิตที่ขุ่นมัว = ความคิดที่มืดบอด

    เมื่อจิตมีโทสะ (เช่น ความแค้น ความชิงชัง ความแบ่งฝ่าย)

    จะเกิด เมฆหมอกทางจิต ปิดกั้นไม่ให้ความคิดดีๆ แทรกเข้ามาได้

    ความคิดวนเวียนแต่เรื่องโกรธ แค้น ด่า ดูถูกผู้อื่น

    ขณะมีคำว่า “โง่” ดังก้องอยู่ในใจ จะไม่มีทาง “คิดฉลาด” ได้เลย

    ---

    3. จิตที่สงบ เย็น เมตตา = ทางเปิดสู่ปัญญา

    ถ้าทำสมาธิหรือแผ่เมตตาถูกต้อง

    เสียงด่าในหัวจะเงียบลง

    ความแบ่งพวกจะลดลง

    อารมณ์ทำลายล้างจะหายไป

    พอใจสงบลง

    จิตจะเปิดรับทางความคิดใหม่ที่สร้างสรรค์

    เห็นทางออกแบบที่ “ไม่เคยเห็นมาก่อน”

    ---

    4. ถ้าเมตตาจริง ปัญญาจะเกิดจริง

    คนมีเมตตา ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง

    จะคิดหา ทางรอดร่วมกัน ไม่ใช่ทำลายกัน

    นี่คือ ต้นทางของกรรมดี ทั้งระดับ ทาน (ช่วยเขาพ้นทุกข์)
    และ ศีล (ไม่ทำให้ใครทุกข์)

    ---

    Essence สั้นๆ

    “จิตใจเป็นแบบไหน ความคิดก็เป็นแบบนั้น กรรมนั้นก็ย่อมตามมา”
    “เปลี่ยนใจให้ใส เย็น และเมตตา แล้วความคิดดีๆ จะพาคุณไปสู่ชีวิตที่ดีทั้งในชาตินี้และชาติหน้า”
    “เจตนา คือ จุดเริ่มของกรรม – วิธีเปลี่ยนทางความคิดให้เป็นบุญ” --- 1. เจตนาเป็นต้นทางของกรรมทั้งหมด กรรมคือเจตนา สิ่งที่คุณ คิดได้ คือสิ่งที่คุณ ทำได้ แต่คุณ จะคิดอะไรได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ สภาพจิต ณ ขณะนั้น --- 2. จิตที่ขุ่นมัว = ความคิดที่มืดบอด เมื่อจิตมีโทสะ (เช่น ความแค้น ความชิงชัง ความแบ่งฝ่าย) จะเกิด เมฆหมอกทางจิต ปิดกั้นไม่ให้ความคิดดีๆ แทรกเข้ามาได้ ความคิดวนเวียนแต่เรื่องโกรธ แค้น ด่า ดูถูกผู้อื่น ขณะมีคำว่า “โง่” ดังก้องอยู่ในใจ จะไม่มีทาง “คิดฉลาด” ได้เลย --- 3. จิตที่สงบ เย็น เมตตา = ทางเปิดสู่ปัญญา ถ้าทำสมาธิหรือแผ่เมตตาถูกต้อง เสียงด่าในหัวจะเงียบลง ความแบ่งพวกจะลดลง อารมณ์ทำลายล้างจะหายไป พอใจสงบลง จิตจะเปิดรับทางความคิดใหม่ที่สร้างสรรค์ เห็นทางออกแบบที่ “ไม่เคยเห็นมาก่อน” --- 4. ถ้าเมตตาจริง ปัญญาจะเกิดจริง คนมีเมตตา ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะคิดหา ทางรอดร่วมกัน ไม่ใช่ทำลายกัน นี่คือ ต้นทางของกรรมดี ทั้งระดับ ทาน (ช่วยเขาพ้นทุกข์) และ ศีล (ไม่ทำให้ใครทุกข์) --- Essence สั้นๆ “จิตใจเป็นแบบไหน ความคิดก็เป็นแบบนั้น กรรมนั้นก็ย่อมตามมา” “เปลี่ยนใจให้ใส เย็น และเมตตา แล้วความคิดดีๆ จะพาคุณไปสู่ชีวิตที่ดีทั้งในชาตินี้และชาติหน้า”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • การขึ้นภาษีนำเข้าพีซีของทรัมป์ทำให้ราคาพีซีในสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้น 20-25% โดยแบรนด์ที่ประกอบเครื่องในอเมริกาจะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากเอเชีย ซึ่งตอนนี้ถูกเพิ่มภาษีสูงสุดถึง 54% สำหรับสินค้าจากจีน ผู้ผลิตพีซีแบบกำหนดเองเช่น Maingear และ Falcon Northwest ไม่มีทางเลือกนอกจาก ผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีนี้ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย

    ✅ แบรนด์ใหญ่เช่น Dell และ HP อาจเลี่ยงผลกระทบได้บางส่วน
    - บริษัทขนาดใหญ่สามารถ ย้ายฐานผลิตไปยังประเทศที่ภาษีต่ำกว่า
    - ผู้ผลิตรายย่อยในสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือก ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

    ✅ ภาษีเพิ่มขึ้นสูงสุด 54% สำหรับชิ้นส่วนจากจีน
    - จีนได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยถูกเพิ่มภาษีอีก 34% ทำให้รวมเป็น 54%
    - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนักได้แก่ เวียดนาม (46%), ไต้หวัน (32%) และเกาหลีใต้ (26%)

    ✅ การขาดแคลน GPU อาจรุนแรงขึ้น
    - การที่โรงงานต้อง ย้ายฐานผลิตออกจากจีน กำลังทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลน GPU
    - ซัพพลายเออร์บางรายหยุดการผลิต ทำให้เกิดภาวะขาดตลาดและ FOMO (Fear of Missing Out)

    ✅ อุตสาหกรรมพีซีอาจไม่สามารถดูดซับต้นทุนเพิ่มขึ้นได้
    - ผู้ผลิตพีซีเป็นธุรกิจที่มีกำไรต่ำ ไม่สามารถแบกรับภาษีใหม่ได้โดยไม่ขึ้นราคา
    - คาดว่าผู้บริโภคจะต้องจ่ายเพิ่ม 20-45% ภายในเดือนมิถุนายน 2025

    ✅ สมาคมเทคโนโลยีเตือนว่าภาษีอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย
    - CEO ของ Consumer Technology Association กล่าวว่า ภาษีเหล่านี้เป็นภาระหนักต่อประชาชนและอาจเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

    https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/pc-prices-up-at-least-15-percent-trump-tariffs-may-hurt-u-s-system-integrators-most
    การขึ้นภาษีนำเข้าพีซีของทรัมป์ทำให้ราคาพีซีในสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้น 20-25% โดยแบรนด์ที่ประกอบเครื่องในอเมริกาจะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากเอเชีย ซึ่งตอนนี้ถูกเพิ่มภาษีสูงสุดถึง 54% สำหรับสินค้าจากจีน ผู้ผลิตพีซีแบบกำหนดเองเช่น Maingear และ Falcon Northwest ไม่มีทางเลือกนอกจาก ผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีนี้ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย ✅ แบรนด์ใหญ่เช่น Dell และ HP อาจเลี่ยงผลกระทบได้บางส่วน - บริษัทขนาดใหญ่สามารถ ย้ายฐานผลิตไปยังประเทศที่ภาษีต่ำกว่า - ผู้ผลิตรายย่อยในสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือก ต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ✅ ภาษีเพิ่มขึ้นสูงสุด 54% สำหรับชิ้นส่วนจากจีน - จีนได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยถูกเพิ่มภาษีอีก 34% ทำให้รวมเป็น 54% - ประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบหนักได้แก่ เวียดนาม (46%), ไต้หวัน (32%) และเกาหลีใต้ (26%) ✅ การขาดแคลน GPU อาจรุนแรงขึ้น - การที่โรงงานต้อง ย้ายฐานผลิตออกจากจีน กำลังทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลน GPU - ซัพพลายเออร์บางรายหยุดการผลิต ทำให้เกิดภาวะขาดตลาดและ FOMO (Fear of Missing Out) ✅ อุตสาหกรรมพีซีอาจไม่สามารถดูดซับต้นทุนเพิ่มขึ้นได้ - ผู้ผลิตพีซีเป็นธุรกิจที่มีกำไรต่ำ ไม่สามารถแบกรับภาษีใหม่ได้โดยไม่ขึ้นราคา - คาดว่าผู้บริโภคจะต้องจ่ายเพิ่ม 20-45% ภายในเดือนมิถุนายน 2025 ✅ สมาคมเทคโนโลยีเตือนว่าภาษีอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย - CEO ของ Consumer Technology Association กล่าวว่า ภาษีเหล่านี้เป็นภาระหนักต่อประชาชนและอาจเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/pc-prices-up-at-least-15-percent-trump-tariffs-may-hurt-u-s-system-integrators-most
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    PC prices up at least 20%: Trump Tariffs may hurt U.S. system integrators most
    Boutique PC builders like Maingear and Falcon Northwest bear the brunt of the costs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP5 (ซัดเลย..รออะไรล่ะ)

    พิมพ์เขียวศรีธนญชัย เมื่อรู้แล้วว่า ไทย-จีน สอดประสาน การล้างบางคอรัปชั่นมันไม่ง่าย ต้องให้ขาใหญ่ช่วย ทั้งเส้นทางฟอกเงิน ระบบ AI หน่วยข่าวกรอง ทีมปฎิบัติการพิเศษ นอกเหนือจากหน่วยงานรัฐ ในชั้นระดับบัญชาการ เค้าคุยกันไว้หมดแล้ว มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ตั้งแต่คดีไอคอน ยันมาถึงตอนนี้ มันจะเข้าสู่ขบวนการศาลได้ยังไง หากไม่มีคนชง อยู่เบื้องหลัง พูดสั้นๆ คือ ก่อนทหารจะออก มันต้องมีปัจจัยเสริมช่วยจ๊ะ ประชาชนเอือมระอา บ้านเมืองไร้กฎเกณฑ์ ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำเป็นพิษ เกมส์นอกเข้าขั้นวิกฤต หลักการปกครองนับตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย หากมีอะไรที่ควบคุมไม่ได้ เค้าจะดึงกองกำลังทั้งหมดมาไว้ในมือ(วัง) เพื่อเตรียมการปฎิวัติ แย่งชิง เผด็จศึกศัตรูแผ่นดิน ไม่สนวิธีการ แต่สนแค่ "เป้าหมายและผลลัพธ์" หมีกำลังจะบอกว่า ใครที่เคยคิดว่า เราจะผูกติดกับระบอบปชต.ตอแหลไปจนวันตาย มรึงคิดผิด กูบอกไบ้ไปแล้วว่า หัวเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนตาม จีน รัสเซีย กำลังใช้ไทยเป็น "ต้นแบบ" พลิกการปกครองโลกยุคใหม่ ใครใคร่ค้าก็ค้า ใครใคร่ขาย ก็ขาย แต่ละประเทศปกครองตัวเองในรูปแบบที่ไม่ต้องเหมือนใคร นี่แหละ BRICS แท้จริง ของจริง เรายังใช้ปชต.ตอแหล เพื่อบังหน้า แต่พ่อปกครองลูกคือ "แก่นแท้" ของแผ่นดิน ปชต.ไม่จำเป็นต้องเลือกตั้งเสมอไป เมื่อคืนพระราชอำนาจให้พ่อท่าน อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่วัง ใครก็แตะต้องไม่ได้อีก ใช้รูปแบบปชต.กึ่งกษัตริย์ปกครอง เปลี่ยนจากเลือกตั้งเป็นแต่งตั้ง เพราะหากควายมันเลือก มรึงจะได้ควายมาทำหน้าที่ แต่หากให้วังแต่งตั้ง มรึงจะได้คนดี มีฝีมือ โปร่งใส และซื่อตรง แต่การจะเปลี่ยนแบบนี้ได้จริง มันต้องมีการวัดกำลังกันอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ คปท.นำร่องไปก่อน อะไรจะตามมา กูคงไม่ต้องบอก แต่ไม่จำเป็นต้องไปนอนกลางถนนเป็นเดือนๆ เหมือนที่ผ่านมา ภาระกิจนินจาฮาโตริ ล่อทีละเรื่อง ไล่ไปทีละจุด กองทัพจะออกก็ต่อเมื่อ ประชาชนมีภัยไงล่ะ ไม่เอาเหยื่อไปล่อ แล้วเหี้ยมันจะกินเบ็ดเหรอ มันคงถึงเวลาจริงๆ แล้วสิน่ะ งานนี้ อีเหลี่ยมชาติหมาถึงขั้นชะตาขาด เค้าไม่เก็บมันไว้อีกแล้ว เพราะเกมส์การเมืองมันสุดทางตันแล้ว อีลูกสาวร่านตกเก้าอี้เมื่อไหร่ เผ่นทันที ปิดประตูก็ได้ หรือจะเปิดช่องหมาลอดก็ดี อยู่ที่ตกลงกันไว้ยังไง? แต่ดูทรงแล้ว ทหารไม่เก็บเอาไว้เป็นหอกข้างแคร่อีกต่อไป "หัวขาด" ภาพมันฟ้อง สวรรค์ให้มรึงเดินได้ถึงแค่นี้ บุญหมดไปแล้ว จากนี้คือรับวิบากกรรมขั้นสูงสุดทันที คปท.คึกจัดสุดขีด มากันตรึม มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีกองกำลังจัดตั้งชัวร์ อย่างน้อย 4 กลุ่มใหญ่ และมีประชาชนขาจรตามมาอีกเพี๊ยบ งานนี้ เค้าเล่นเกมส์ใหญ่กันแล้ว เตรียมยุบสภาหนีตามฟอร์ม ยุบแล้ว ยุบเลย ไม่ได้กลับมาอีกตลอดชาตินี้ดอกน่ะ? ม็อบขนาดใหญ่ ต้องมีรายจ่าย และสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยและขุมกำลัง เราผ่านอะไรกันมาเยอะ มันไม่ต้องมาเริ่มนับ 1 กันใหม่อีกต่อไป พร้อมเสิร์ฟหากสดชื่น? ทำไมอีเหลี่ยมเหี้ยถึงพยายามจะดัน "กาสิโอ๊ะ" ไม่ใช่เพื่อรายได้ดอก แต่เพื่อ ฟอกเงินทุนสีเทาของโลกทั้งหมดต่างหาก มันวางเราเป็นแหล่งฟอกเงินโลกไงล่ะ อ้างมีนักท่องเที่ยวติด TOP3 โลก กระแสเงินสะพัด แท้จริงมาฟอกที่ "กาสิโอ๊ะ" จีนรู้ ว่าหากไทยเปิด มันจะกระทบถึงทั้งอาเซียน ขบวนการฟอกเงินโต มันคือเงินที่ภาครัฐสูญเสีย และเป็นแหล่งท่อน้ำเลี้ยงก่อการร้ายโลกไปในตัว ใครที่ยังมองไม่เห็นภาพแท้ ตัวจริง ของ "กาสิโอ๊ะ" มรึงอย่าเที่ยวไปเถียงใครเค้า อายหมามัน? มันคือแหล่งฟอกเงิน รายได้ไม่สน สนแค่เป็นเงินตาย เป็นเงินเป็น เข้าใจยัง? คปท.งวดนี้ไม่ธรรมดา ทั้งอริเก่าอีเหลี่ยมมาเต็ม ปชป.เก่า(กปปส)ก็ร่วมแจม ภาคประชาชนก็ร่วมด้วย รอแค่บ้านพระอาทิตย์นำทัพหลวงออกถนน นั่นคือ "ปิดเกมส์" เพราะออกทุกครั้ง รัฐบาลไปหมดทุกไอ้อี ความมันส์เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบนับศพเหี้ยจ๊ะ ยังมีตายห่ากันอีกเยอะ เก็บแรงเอาไว้ ดอก2 ดอก3 มีตามมาแน่ รองเท้าผ้าใบกูพร้อม ใจกูเกิน 150% จะออกทั้งที มันต้องปิดเกมส์โว๊ย "มรึงไม่ได้ไปต่อ" จบแค่ตรงนี้ ล้างเหี้ยให้สิ้นซาก!

    หมี CNN(ฮาแตก! อีทรัมปป์ยั่ว ปูตินรู้ทัน ไม่หลงกล ดาหน้าถล่มยูเครนจนขี้แตก เสียรวดเดียว 12 เมืองใหญ่ 2 แค้วนรอการประกาศรับรอง เตรียมสั่งคว่ำบาตรรัสเซียอีกรอบ ถามจริง? นี่คือสิ่งที่มรึงคิดและทำได้แค่นี้เหรอ? รัสเซียต้องใช้อะไรจากมรึง และมรึงต้องใช้อะไรจากรัสเซีย หากยังหาคำตอบไม่ได้ ก็ไปลาตายซะน่ะ โลกความจริง รัสเซีย จีน กำหนดทางเดินให้เหี้ยแล้วตอนนี้ มรึงไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก หมากล้อมจีน หมากรุกรัสเซีย เค้า "รุกฆาตมรึง" ตั้งแต่เปิดยูเครนแล้ว)
    03 เมษายน 68
    "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP5 (ซัดเลย..รออะไรล่ะ) พิมพ์เขียวศรีธนญชัย เมื่อรู้แล้วว่า ไทย-จีน สอดประสาน การล้างบางคอรัปชั่นมันไม่ง่าย ต้องให้ขาใหญ่ช่วย ทั้งเส้นทางฟอกเงิน ระบบ AI หน่วยข่าวกรอง ทีมปฎิบัติการพิเศษ นอกเหนือจากหน่วยงานรัฐ ในชั้นระดับบัญชาการ เค้าคุยกันไว้หมดแล้ว มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ตั้งแต่คดีไอคอน ยันมาถึงตอนนี้ มันจะเข้าสู่ขบวนการศาลได้ยังไง หากไม่มีคนชง อยู่เบื้องหลัง พูดสั้นๆ คือ ก่อนทหารจะออก มันต้องมีปัจจัยเสริมช่วยจ๊ะ ประชาชนเอือมระอา บ้านเมืองไร้กฎเกณฑ์ ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำเป็นพิษ เกมส์นอกเข้าขั้นวิกฤต หลักการปกครองนับตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย หากมีอะไรที่ควบคุมไม่ได้ เค้าจะดึงกองกำลังทั้งหมดมาไว้ในมือ(วัง) เพื่อเตรียมการปฎิวัติ แย่งชิง เผด็จศึกศัตรูแผ่นดิน ไม่สนวิธีการ แต่สนแค่ "เป้าหมายและผลลัพธ์" หมีกำลังจะบอกว่า ใครที่เคยคิดว่า เราจะผูกติดกับระบอบปชต.ตอแหลไปจนวันตาย มรึงคิดผิด กูบอกไบ้ไปแล้วว่า หัวเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนตาม จีน รัสเซีย กำลังใช้ไทยเป็น "ต้นแบบ" พลิกการปกครองโลกยุคใหม่ ใครใคร่ค้าก็ค้า ใครใคร่ขาย ก็ขาย แต่ละประเทศปกครองตัวเองในรูปแบบที่ไม่ต้องเหมือนใคร นี่แหละ BRICS แท้จริง ของจริง เรายังใช้ปชต.ตอแหล เพื่อบังหน้า แต่พ่อปกครองลูกคือ "แก่นแท้" ของแผ่นดิน ปชต.ไม่จำเป็นต้องเลือกตั้งเสมอไป เมื่อคืนพระราชอำนาจให้พ่อท่าน อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่วัง ใครก็แตะต้องไม่ได้อีก ใช้รูปแบบปชต.กึ่งกษัตริย์ปกครอง เปลี่ยนจากเลือกตั้งเป็นแต่งตั้ง เพราะหากควายมันเลือก มรึงจะได้ควายมาทำหน้าที่ แต่หากให้วังแต่งตั้ง มรึงจะได้คนดี มีฝีมือ โปร่งใส และซื่อตรง แต่การจะเปลี่ยนแบบนี้ได้จริง มันต้องมีการวัดกำลังกันอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ คปท.นำร่องไปก่อน อะไรจะตามมา กูคงไม่ต้องบอก แต่ไม่จำเป็นต้องไปนอนกลางถนนเป็นเดือนๆ เหมือนที่ผ่านมา ภาระกิจนินจาฮาโตริ ล่อทีละเรื่อง ไล่ไปทีละจุด กองทัพจะออกก็ต่อเมื่อ ประชาชนมีภัยไงล่ะ ไม่เอาเหยื่อไปล่อ แล้วเหี้ยมันจะกินเบ็ดเหรอ มันคงถึงเวลาจริงๆ แล้วสิน่ะ งานนี้ อีเหลี่ยมชาติหมาถึงขั้นชะตาขาด เค้าไม่เก็บมันไว้อีกแล้ว เพราะเกมส์การเมืองมันสุดทางตันแล้ว อีลูกสาวร่านตกเก้าอี้เมื่อไหร่ เผ่นทันที ปิดประตูก็ได้ หรือจะเปิดช่องหมาลอดก็ดี อยู่ที่ตกลงกันไว้ยังไง? แต่ดูทรงแล้ว ทหารไม่เก็บเอาไว้เป็นหอกข้างแคร่อีกต่อไป "หัวขาด" ภาพมันฟ้อง สวรรค์ให้มรึงเดินได้ถึงแค่นี้ บุญหมดไปแล้ว จากนี้คือรับวิบากกรรมขั้นสูงสุดทันที คปท.คึกจัดสุดขีด มากันตรึม มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีกองกำลังจัดตั้งชัวร์ อย่างน้อย 4 กลุ่มใหญ่ และมีประชาชนขาจรตามมาอีกเพี๊ยบ งานนี้ เค้าเล่นเกมส์ใหญ่กันแล้ว เตรียมยุบสภาหนีตามฟอร์ม ยุบแล้ว ยุบเลย ไม่ได้กลับมาอีกตลอดชาตินี้ดอกน่ะ? ม็อบขนาดใหญ่ ต้องมีรายจ่าย และสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยและขุมกำลัง เราผ่านอะไรกันมาเยอะ มันไม่ต้องมาเริ่มนับ 1 กันใหม่อีกต่อไป พร้อมเสิร์ฟหากสดชื่น? ทำไมอีเหลี่ยมเหี้ยถึงพยายามจะดัน "กาสิโอ๊ะ" ไม่ใช่เพื่อรายได้ดอก แต่เพื่อ ฟอกเงินทุนสีเทาของโลกทั้งหมดต่างหาก มันวางเราเป็นแหล่งฟอกเงินโลกไงล่ะ อ้างมีนักท่องเที่ยวติด TOP3 โลก กระแสเงินสะพัด แท้จริงมาฟอกที่ "กาสิโอ๊ะ" จีนรู้ ว่าหากไทยเปิด มันจะกระทบถึงทั้งอาเซียน ขบวนการฟอกเงินโต มันคือเงินที่ภาครัฐสูญเสีย และเป็นแหล่งท่อน้ำเลี้ยงก่อการร้ายโลกไปในตัว ใครที่ยังมองไม่เห็นภาพแท้ ตัวจริง ของ "กาสิโอ๊ะ" มรึงอย่าเที่ยวไปเถียงใครเค้า อายหมามัน? มันคือแหล่งฟอกเงิน รายได้ไม่สน สนแค่เป็นเงินตาย เป็นเงินเป็น เข้าใจยัง? คปท.งวดนี้ไม่ธรรมดา ทั้งอริเก่าอีเหลี่ยมมาเต็ม ปชป.เก่า(กปปส)ก็ร่วมแจม ภาคประชาชนก็ร่วมด้วย รอแค่บ้านพระอาทิตย์นำทัพหลวงออกถนน นั่นคือ "ปิดเกมส์" เพราะออกทุกครั้ง รัฐบาลไปหมดทุกไอ้อี ความมันส์เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบนับศพเหี้ยจ๊ะ ยังมีตายห่ากันอีกเยอะ เก็บแรงเอาไว้ ดอก2 ดอก3 มีตามมาแน่ รองเท้าผ้าใบกูพร้อม ใจกูเกิน 150% จะออกทั้งที มันต้องปิดเกมส์โว๊ย "มรึงไม่ได้ไปต่อ" จบแค่ตรงนี้ ล้างเหี้ยให้สิ้นซาก! หมี CNN(ฮาแตก! อีทรัมปป์ยั่ว ปูตินรู้ทัน ไม่หลงกล ดาหน้าถล่มยูเครนจนขี้แตก เสียรวดเดียว 12 เมืองใหญ่ 2 แค้วนรอการประกาศรับรอง เตรียมสั่งคว่ำบาตรรัสเซียอีกรอบ ถามจริง? นี่คือสิ่งที่มรึงคิดและทำได้แค่นี้เหรอ? รัสเซียต้องใช้อะไรจากมรึง และมรึงต้องใช้อะไรจากรัสเซีย หากยังหาคำตอบไม่ได้ ก็ไปลาตายซะน่ะ โลกความจริง รัสเซีย จีน กำหนดทางเดินให้เหี้ยแล้วตอนนี้ มรึงไม่มีทางหนีไปไหนได้อีก หมากล้อมจีน หมากรุกรัสเซีย เค้า "รุกฆาตมรึง" ตั้งแต่เปิดยูเครนแล้ว) 03 เมษายน 68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร
    สัทธรรมลำดับที่ : 949
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=949
    ชื่อบทธรรม : -แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร
    (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสข้อความปรารภการสงครามระหว่างเทวดากับอสูร
    : ถ้าฝ่ายใดแพ้ถูกไล่ติดตามไปจนถึงภพเป็นที่อยู่แห่งตน
    ก็พ้นจาการถูกไล่ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน.
    สรุปความว่า ภพแห่งตนเป็นที่พึ่งที่ต้านทานของตน สำหรับชนสามัญทั่วไป;
    ส่วนสำหรับภิกษุนั้น ตรัสว่า :-
    )​
    --ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น
    : ในสมัยใด ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง &​ปฐมฌาน
    อันมีวิตกมีวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่ ;
    --ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น ภิกษุย่อมคิดอย่างนี้ว่า
    “ในกาลนี้ เรา มีตนอันถึงแล้ว ซึ่งที่ต้านทานสำหรับสัตว์ผู้กลัวอยู่ มารจะไม่ทำอะไรได้”.
    --ภิกษุ ท. ! แม้มารผู้มีบาป ก็คิดอย่างนี้ว่า
    “ในกาลนี้ ภิกษุมีตนอันถึงแล้ว ซึ่งที่ต้านทานสำหรับสัตว์ผู้กลัวอยู่ เราจะทำอะไรไม่ได้”.
    (ในกรณีแห่ง
    &ทุติยฌาน...
    &ตติยฌาน... และ
    &จตุตถฌาน...
    ก็ได้ตรัสข้อความทำนองเดียวกัน ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌาน
    ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ไว้ ในที่นี้ให้ยืดยาว
    จักข้ามไปยังข้อความที่กล่าวถึง อากาสานัญจายตนะ :-
    )
    --ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ
    เพราะก้าวล่วงซึ่ง รูปสัญญา เสียได้โดยประการทั้งปวง
    เพราะการดับไปแห่ง ปฏิฆสัญญา
    เพราะการไม่ทำไว้ในใจซึ่ง นานัตตสัญญา
    จึงเข้าถึง &​อากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อากาศ ไม่มีที่สิ้นสุด”
    ดังนี้ แล้วแลอยู่.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า
    ได้กระทำมารให้ถึงที่สุด ให้ไม่มีทางไป
    ได้ถึงที่ซึ่งจักษุของมารผู้มีบาปมองไม่เห็น.
    (ในกรณีแห่ฌานที่ถัดไป คือ
    &วิญญาณัญจายตนะ...
    &อากิญจัญญายตนะ... และ
    &เนวสัญญานาสัญญายตนะ....
    ก็ได้ตรัสข้อความทำนองเดียวกัน ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌาน
    ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ไว้ ในที่นี้ให้ยืดยาว.
    ส่วนในกรณีแห่งสัญญาเวทยิตนิโรธ นั้น ได้ตรัสว่า:-
    )
    --ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ
    เพราะก้าวล่วงซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะเสียได้โดยประการทั้งปวง
    จึงเข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่,
    #อาสวะของเธอก็สิ้นสุดไปเพราะเห็นแล้วด้วยปัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/456/?keywords=อาสวา+ปริกฺขีณา+โหนฺติ
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า
    ได้กระทำมารให้ถึงที่สุด ให้ไม่มีทางไป
    ได้ถึงที่ซึ่งจักษุของมารผู้มีบาปมองไม่เห็น ,
    ข้ามได้แล้วซึ่งเครื่องข้อง (คือตัณหา) ในโลก
    ดังนี้.-
    (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า เมื่อจิตอยู่ในปฐมฌาน,
    เพียงเท่านั้นจิตก็จะพ้นจากการรบกวนทำร้ายของมาร
    คือนิวรณ์ กิเลส และความรู้สึกอันเป็นทุกข์อื่นๆ
    เพราะอำนาจของปฐมฌานมีมากพอที่จะระงับความรู้สึกอันเป็นทุกข์นั้นเสียได้
    แม้ไม่ตลอดไปก็ต้องได้ในระยะหนึ่งๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ได้ปฏิบัติสูงขึ้นไป จนถึงที่สุด.
    ดังนั้น เราควรฝึกฝนอย่างน้อยที่สุดในปฐมฌาน
    สำหรับ เป็นที่หลบภัยจากมารเมื่อไรก็ได้ ดังกล่าวแล้ว
    ).

    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก.อ. 23/350-353/243.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/350/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก.อ. ๒๓/๔๕๐-๔๕๓/๒๔๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/450/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=949
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=949
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81
    ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร สัทธรรมลำดับที่ : 949 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=949 ชื่อบทธรรม : -แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร เนื้อความทั้งหมด :- --แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสข้อความปรารภการสงครามระหว่างเทวดากับอสูร : ถ้าฝ่ายใดแพ้ถูกไล่ติดตามไปจนถึงภพเป็นที่อยู่แห่งตน ก็พ้นจาการถูกไล่ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน. สรุปความว่า ภพแห่งตนเป็นที่พึ่งที่ต้านทานของตน สำหรับชนสามัญทั่วไป; ส่วนสำหรับภิกษุนั้น ตรัสว่า :- )​ --ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น : ในสมัยใด ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง &​ปฐมฌาน อันมีวิตกมีวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่ ; --ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น ภิกษุย่อมคิดอย่างนี้ว่า “ในกาลนี้ เรา มีตนอันถึงแล้ว ซึ่งที่ต้านทานสำหรับสัตว์ผู้กลัวอยู่ มารจะไม่ทำอะไรได้”. --ภิกษุ ท. ! แม้มารผู้มีบาป ก็คิดอย่างนี้ว่า “ในกาลนี้ ภิกษุมีตนอันถึงแล้ว ซึ่งที่ต้านทานสำหรับสัตว์ผู้กลัวอยู่ เราจะทำอะไรไม่ได้”. (ในกรณีแห่ง &ทุติยฌาน... &ตติยฌาน... และ &จตุตถฌาน... ก็ได้ตรัสข้อความทำนองเดียวกัน ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌาน ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ไว้ ในที่นี้ให้ยืดยาว จักข้ามไปยังข้อความที่กล่าวถึง อากาสานัญจายตนะ :- ) --ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ เพราะก้าวล่วงซึ่ง รูปสัญญา เสียได้โดยประการทั้งปวง เพราะการดับไปแห่ง ปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ทำไว้ในใจซึ่ง นานัตตสัญญา จึงเข้าถึง &​อากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อากาศ ไม่มีที่สิ้นสุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้กระทำมารให้ถึงที่สุด ให้ไม่มีทางไป ได้ถึงที่ซึ่งจักษุของมารผู้มีบาปมองไม่เห็น. (ในกรณีแห่ฌานที่ถัดไป คือ &วิญญาณัญจายตนะ... &อากิญจัญญายตนะ... และ &เนวสัญญานาสัญญายตนะ.... ก็ได้ตรัสข้อความทำนองเดียวกัน ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌาน ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ไว้ ในที่นี้ให้ยืดยาว. ส่วนในกรณีแห่งสัญญาเวทยิตนิโรธ นั้น ได้ตรัสว่า:- ) --ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ เพราะก้าวล่วงซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะเสียได้โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่, #อาสวะของเธอก็สิ้นสุดไปเพราะเห็นแล้วด้วยปัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/23/456/?keywords=อาสวา+ปริกฺขีณา+โหนฺติ --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้กระทำมารให้ถึงที่สุด ให้ไม่มีทางไป ได้ถึงที่ซึ่งจักษุของมารผู้มีบาปมองไม่เห็น , ข้ามได้แล้วซึ่งเครื่องข้อง (คือตัณหา) ในโลก ดังนี้.- (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า เมื่อจิตอยู่ในปฐมฌาน, เพียงเท่านั้นจิตก็จะพ้นจากการรบกวนทำร้ายของมาร คือนิวรณ์ กิเลส และความรู้สึกอันเป็นทุกข์อื่นๆ เพราะอำนาจของปฐมฌานมีมากพอที่จะระงับความรู้สึกอันเป็นทุกข์นั้นเสียได้ แม้ไม่ตลอดไปก็ต้องได้ในระยะหนึ่งๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ได้ปฏิบัติสูงขึ้นไป จนถึงที่สุด. ดังนั้น เราควรฝึกฝนอย่างน้อยที่สุดในปฐมฌาน สำหรับ เป็นที่หลบภัยจากมารเมื่อไรก็ได้ ดังกล่าวแล้ว ). #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก.อ. 23/350-353/243. http://etipitaka.com/read/thai/23/350/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก.อ. ๒๓/๔๕๐-๔๕๓/๒๔๓. http://etipitaka.com/read/pali/23/450/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=949 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=949 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81 ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (ในสูตรอื่นแสดงอานิสงส์แห่งการหลีกเร้นไว้ด้วยการ รู้ชัดการเกิดขึ้นและความดับไปแห่งขันธ์ห้า ก็มี. - ๑๗/๒๐/๓๐. (ดูรายละเอียดของความเกิดและความดับแห่งขันธ์ห้า ในหนังสือ ปฏิจจ. โอ. หน้า ๒๕๙ - ๒๖๒ และที่หน้า ๓๓๘ - ๓๔๑ .
    -(ในสูตรอื่นแสดงอานิสงส์แห่งการหลีกเร้นไว้ด้วยการ รู้ชัดการเกิดขึ้นและความดับไปแห่งขันธ์ห้า ก็มี. - ๑๗/๒๐/๓๐. (ดูรายละเอียดของความเกิดและความดับแห่งขันธ์ห้า ในหนังสือ ปฏิจจ. โอ. หน้า ๒๕๙ - ๒๖๒ และที่หน้า ๓๓๘ - ๓๔๑ . ในสูตรอื่นแสดงไว้ด้วยการ รู้ชัดอริยสัจสี่ ก็มี ดังที่ได้ยกมาไว้ในภาคนำแห่งหนังสือเล่มนี้ ที่หน้า ๗๕. ในสูตรอื่นแสดงไว้ด้วยการ รู้ชัดอายตนิกธรรม ๖ หมวดๆ ละ ๕ อย่างคือ จักษุ รูป จักขุวิญญาณ จักขุสัมผัส เวทนาที่เกิดขึ้นจากจักขุสัมผัส ฯลฯ รวมเป็นรู้ชัดอายตนิกธรรม ๓๐ อย่าง ว่าเป็นอนิจจัง ก็มี. - ๑๘/๑๐๐/๑๔๘. ในสูตรอื่นแสดงไว้ด้วยการปรากฏของอายตนิกธรรมทั้ง ๖ หมวดนั้น โดยความเป็นอนิจจัง ก็มี. - ๑๘/๑๘๑/๒๕๐). แม้เพียงปฐมฌาน ก็ชื่อว่าเป็นที่หลบพ้นภัยจากมาร (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสข้อความปรารภการสงครามระหว่างเทวดากับอสูร : ถ้าฝ่ายใดแพ้ถูกไล่ติดตามไปจนถึงภพเป็นที่อยู่แห่งตน ก็พ้นจาการถูกไล่ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน. สรุปความว่า ภพแห่งตนเป็นที่พึ่งที่ต้านทานของตน สำหรับชนสามัญทั่วไป; ส่วนสำหรับภิกษุนั้น ตรัสว่า :-) ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น : ในสมัยใด ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกมีวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่ ; ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น ภิกษุย่อมคิดอย่างนี้ว่า “ในกาลนี้ เรา มีตนอันถึงแล้ว ซึ่งที่ต้านทานสำหรับสัตว์ผู้กลัวอยู่ มารจะไม่ทำอะไรได้”. ภิกษุ ท. ! แม้มารผู้มีบาป ก็คิดอย่างนี้ว่า “ในกาลนี้ ภิกษุมีตนอันถึงแล้ว ซึ่งที่ต้านทานสำหรับสัตว์ผู้กลัว อยู่ เราจะทำอะไรไม่ได้”. (ในกรณีแห่ง ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน ก็ได้ตรัสข้อความทำนองเดียวกัน ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌาน ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ไว้ ในที่นี้ให้ยืดยาว จักข้ามไปยังข้อความที่กล่าวถึงอากาสานัญจายตนะ :-) ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ เพราะก้าวล่วงซึ่งรูปสัญญาเสียได้โดยประการทั้งปวง เพราะการดับไปแห่ง ปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ทำไว้ในใจ ซึ่งนานัตตสัญญา จึงเข้าถึง อากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อากาศ ไม่มีที่สิ้นสุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้กระทำมารให้ถึงที่สุด ให้ไม่มีทางไป ได้ถึงที่ซึ่งจักษุของมารผู้มีบาปมองไม่เห็น. (ในกรณีแห่ฌานที่ถัดไป คือ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็ได้ตรัสข้อความทำนองเดียวกัน ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌาน ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ไว้ ในที่นี้ให้ยืดยาว. ส่วนในกรณีแห่งสัญญาเวทยิตนิโรธ นั้น ได้ตรัสว่า:-) ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ เพราะก้าวล่วงซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะเสียได้โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่, อาสวะของเธอก็สิ้นสุดไป เพราะเห็นแล้วด้วยปัญญา. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้กระทำมารให้ถึงที่สุด ให้ไม่มีทางไป ได้ถึงที่ซึ่งจักษุของมารผู้มีบาปมองไม่เห็น , ข้ามได้แล้วซึ่งเครื่องข้อง (คือตัณหา) ในโลก ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สงครามกับจีน" เป็นได้สถานการณ์เดียวที่จะเกิดขึ้น ไม่มีทางเลี่ยงให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างอื่น

    สำนักข่าว The Washington Post เปิดเผยบันทึกลับของ "พีท เฮกเซธ" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ซึ่งกำลังสั่งให้กองทัพสหรัฐเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับจีนในอนาคตอันใกล้ โดยหันกลับมาเน้นที่การควบคุมจีน และปกป้องไต้หวันโดยการสนับสนุนด้านอาวุธเพื่อการป้องกันภายในประเทศ

    ขณะเดียวกัน สหรัฐก็ยังไม่ละทิ้งภัยคุกคามจากรัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน ที่อาจเกิดขึ้นกับพันธมิตรในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออก เพียงแต่ลดระดับความสำคัญลงมา และเน้นย้ำว่าพวกเขาจะต้องป้องกันตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะยุโรปที่นาโต้ต้องรับผิดชอบต่อสมาชิก


    ในเอกสารที่สำนักข่าวได้รับ ระบุว่า "จีนเป็นภัยคุกคามเพียงหนึ่งเดียวต่อของสหรัฐ และสหรัฐมีหน้าที่ปกป้องไต้หวันในการเข้ายึดครองของจีน"
    "สงครามกับจีน" เป็นได้สถานการณ์เดียวที่จะเกิดขึ้น ไม่มีทางเลี่ยงให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างอื่น สำนักข่าว The Washington Post เปิดเผยบันทึกลับของ "พีท เฮกเซธ" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ซึ่งกำลังสั่งให้กองทัพสหรัฐเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับจีนในอนาคตอันใกล้ โดยหันกลับมาเน้นที่การควบคุมจีน และปกป้องไต้หวันโดยการสนับสนุนด้านอาวุธเพื่อการป้องกันภายในประเทศ ขณะเดียวกัน สหรัฐก็ยังไม่ละทิ้งภัยคุกคามจากรัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน ที่อาจเกิดขึ้นกับพันธมิตรในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออก เพียงแต่ลดระดับความสำคัญลงมา และเน้นย้ำว่าพวกเขาจะต้องป้องกันตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะยุโรปที่นาโต้ต้องรับผิดชอบต่อสมาชิก ในเอกสารที่สำนักข่าวได้รับ ระบุว่า "จีนเป็นภัยคุกคามเพียงหนึ่งเดียวต่อของสหรัฐ และสหรัฐมีหน้าที่ปกป้องไต้หวันในการเข้ายึดครองของจีน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านคงไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง หากถูกโจมตีโดยสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตร จากคำเตือนของที่ปรึกษารายหนึ่งของผู้นำสูงสุดเตหะราน หนึ่งวันหลังจากมีคำขู่มาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030836
    อิหร่านคงไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง หากถูกโจมตีโดยสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตร จากคำเตือนของที่ปรึกษารายหนึ่งของผู้นำสูงสุดเตหะราน หนึ่งวันหลังจากมีคำขู่มาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030836
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1239 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29-03-68/01 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP3 (ไม่ต้องถาม..ซัดเลยล่ะกัน)

    มรึงโดนแน่ YELLOW STONE ไอ้สัส! อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้? สะกายเหรอ? รอยเปลือกแยกอาเซียนเหรอ? มรึงตั้งใจจะล่ออาเซียนเพื่อสกัดจีนผนวก ล่อพม่า หวังกระทบทั้งอาเซียน หลายครั้งที่มรึงเลือกลงมือก่อนเมษายน เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว เม็ดเงินเข้าอาเซียนถล่มทลาย ทำลายเศรษฐกิจทั้งอาเซียน เพื่อดึงโลกเข้าสู่สงคราม เหตุผลง่ายๆ คือ มรึงแพ้ยับในสมรภูมิจริง ทั้งยูเครน แอฟริกา และเยรูซาเล็ม มรึงแพ้ยับทั้งสงครามการค้า เพราะโลกหันไปเข้า BRICS กันหมด จับมือจีน รัสเซีย ผู้นำโลกใหม่ มรึงแพ้ยับทั้งเวทีโลก และความเชื่อมั่นนักลงทุน มรึงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มุกเดิมเหี้ยจะทำอะไรได้อีก หากไม่ใช้ไวรัสระบาด หรือก่อเหตุอุทกภัยอย่างที่เคยทำมา หมายังเดาได้? ระดับหน่วยข่าวกรอง เค้ารู้ล่วงหน้าแล้ว โป๊ะมาแตก ศูนย์กลางแผ่นดินไหวใหญ่อยู่ที่พม่า แล้วอะไรอยู่ใกล้แถวนั้นล่ะ กงศุลใหญ่เหี้ยมะกันในเชียงใหม่ไงล่ะ ที่มาว่าทำไม มรึงถึงต้องขุดดินลึกลงไปกว่า 200 เมตร กงศุลบ้านพ่องดิ ต้องลึกขนาดนั้นเพื่อ? ไม่ต้องแถ ไม่ต้องอ้าง มรึงฝังเหี้ยอะไรเอาไว้กันล่ะ? ไม่ต้องมโน ไม่ต้องเดา มันผิดปกติอยู่แล้วที่สร้างกงศุลใหญ่ขึ้นมาใหม่ หลังถูกจีนสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันที่เฉิงตู ทำให้มรึงหน้ามืด ตาบอดทันที ไม่รู้ข่าวสารจีนอะไรอีกเลย นับแต่นั้น ที่มาว่าพยายามสร้างกงศุลใหญ่ใหม่ใกล้จีน พม่า ไงล่ะ จีนยังสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยได้ ทำไม เราจะทำไม่ได้? กงศุลมรึงไม่ได้มีแค่ที่เชียงใหม่ กทม.ก็ยังอยู่ แก้ตรงจุด สั่งปิดกงศุลใหญ่ที่เชียงใหม่ปุ๊บ แผ่นดินไหวหายวับทันตาทันที กูท้ามรึงเลย? แต่อย่าหวังอีรัฐบาลเถื่อนขี้ข้าวอชิงตันชุดนี้เลย ถึงเวลายัง ที่กองทัพจะออกตัว ประชาชนตามติด วังนำหน้า แม่ทัพใหญ่ของกองทัพไทย เมื่อเลือกข้างแล้ว ก็ต้องเล่นบทให้สุดซอย ยุคพระเดชถึงจะมาเต็มตรีน ความเสียหายที่เห็นนี้ ยังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่อีกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันยังเสนอหน้าอยู่ที่เชียงใหม่ ขนาดกูยังรู้ หน่วยความมั่นคง หน่วยข่าวกรองทำไมไม่รู้ มันผิดสังเกตุมาตั้งแต่สร้างใหญ่อลังการ และควบคุมการสร้างเอง โดยไม่ให้ใครเสือก เจ้าหน้าที่คุมก่อสร้างก็ไม่ให้คนไทยยุ่ง มันชัดซะยิ่งกว่าชัด? ใครก็รู้ ว่ามรึงทำอะไร แต่ปล่อยให้มันทำ จนได้เห็นเต็มตาวันนี้ไงล่ะ กระทบแผ่นดิน มรึงจะให้มันอยู่ต่อมั้ยล่ะ จะเก็บไอ้อีเหี้ยไปอีกนานแค่ไหน คำตอบอยู่ที่ "ศรีธนญชัย" เพราะเค้าประสานกับกุนซือ เกจิ จีน รัสเซีย ไว้แล้ว สิ่งที่เห็น มันจะเทียบไม่ได้เลย ความเสียหายขั้นสูงสุด ที่เหี้ยจะเจอ หากล่อมันกลับที่ YELLOW STONE อเมริกาจะฉิบหายทั้งแผ่นดิน อะไรที่เกิดขึ้นทั่วโลก มรึงว่ามันปกติงั้นเหรอ? ใช้สติ ใช้ปัญญา ดูก็รู้ ว่ามันเกิดจากอะไร? ไฟ่ป่าเหรอ สึนามิเหรอ แผ่นดินไหวเหรอ โลกยุคดิจิตอล ที่เอาอาวุธร้ายแรงไปไว้บนอวกาศได้ มันทำได้หมดมากกว่าที่มรึงคิด รัสเซีย จีน มีเทคโนโลยีสูงกว่ามรึงเยอะ ทำได้รุนแรงกว่ามรึง 100 เท่า แต่ที่ไม่ทำ เพราะ "ศีลมันต่างกัน" คนตายเป็นล้านน่ะมรึง หากโดนเข้าเต็มตรีน เพราะนี่คือสิ่งที่ยิวเหี้ยมันต้องการ "WWIII" ไงล่ะ เห็นยังล่ะว่า เดินแต่ก้าวไม่ง่าย เพราะอีกฝ่ายมันจ้องจะทำลายล้างมนุษยชาติอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมส์จะมันส์สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย เมษาเลือดมาแน่ ไม่ว่าจะภายใน ภายนอก ระอุ ดุเดือด อุทกภัยที่มรึงไม่เคยเจอ จะดาหน้ามาหมด แบบบังเอิญอีกแล้วครับท่าน อาวุธเทคโนโลยี จะถูกงัดมาใช้เพื่องานนี้ และมรึงจะได้เห็นแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ของจีน รัสเซีย ในเวลานั้นแหละ เปิดที เหี้ยขี้แตก! กทม.ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มานานมากแล้ว ครั้งนี้ มันตั้งใจ นั่นคือสัญญานที่ดี ว่าไทยเราได้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว เคยบอกไปแล้ว มรึงควรจะดีใจ เรายอมแลก ก็เพื่อดินแดนสุวรรณภูมิ อย่ากลัวเหี้ย นี่มันยุคสุดท้ายแล้ว เหี้ยต่างหากที่ต้องกลัวมรึง คนดี คนกล้า ไม่กลัวเหี้ย คนชั่วจะหดหัวเอง เพราะมันกลัวคนจริง มันกลัวหัวใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ศรัทธาเดียว สิ่งที่ซาตานกลัวที่สุด! จากนี้ รอดูการตอบโต้กลับบ้าง อย่ากระพริบตา เกมส์นี้ระดับโลก อย่ามาเสียเวลากับละครปาหี่ ขี้หมา การ์ตูนเล่มละบาทอีกต่อไป ชีวิตมรึงและกู และชาวอโยธยาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับชัยชนะของขั้วใหม่เต็มตรีน รออะไรล่ะ ตามเค้าไป แล้วใส่ให้สุด วังนำ ชนะแน่ กองทัพเป็นของพระเจ้าอยู่หัว กูการันตี 1000000% เกมส์โลกต้องเด็ดขาด โลกสวยไม่ได้ อาเซียนคุยกันแน่ และจากนี้ จะรวมมือกันอย่างเสียมิได้ มรึงจ้องเล่นสะกายกูเหรอ เดี๋ยวกูก็ล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง?

    หมี CNN(ไม่รีบ รอควันจาง มรึงจะเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดเอง ที่มา ที่ไป แล้วทำไมต้องสะกาย มันสอดคล้องกับหน่วยข่าวกรอง ความมั่นคง ใครที่มีอายุเกิน 40 ขึ้นไป มรึงจะรู้ดี ว่าไม่มีทางที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเองได้ดอก หากไม่มีคลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นแกนโลก และใช้พลังงานมหาศาล เป้าหมายคือพม่า และเส้นรอยแยกเปลือกสะกายผ่านอาเซียนเต็มตรีน ใครมันจะทำ หากไม่จนตรอกขั้นสูงสุดขนาดนี้ ตกผลึกแล้ว ถึงได้เอามาชี้เป้าให้มรึงดู เพราะคิดถึงความบังเอิญ 108 1009 แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่มี" การเมืองโลกมาเต็ม ทุกอย่างถูกวางแผนมานานแล้ว มันถึงต้องการกงศุลใหญ่ใหม่ ที่สามารถเข้าใกล้จีน พม่า ให้มากที่สุด ไส้ศึกมันมี สายลับก็มา รู้กันหมด)
    29 มีนาคม 68
    11.05 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    29-03-68/01 : หมี CNN / "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP3 (ไม่ต้องถาม..ซัดเลยล่ะกัน) มรึงโดนแน่ YELLOW STONE ไอ้สัส! อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้? สะกายเหรอ? รอยเปลือกแยกอาเซียนเหรอ? มรึงตั้งใจจะล่ออาเซียนเพื่อสกัดจีนผนวก ล่อพม่า หวังกระทบทั้งอาเซียน หลายครั้งที่มรึงเลือกลงมือก่อนเมษายน เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว เม็ดเงินเข้าอาเซียนถล่มทลาย ทำลายเศรษฐกิจทั้งอาเซียน เพื่อดึงโลกเข้าสู่สงคราม เหตุผลง่ายๆ คือ มรึงแพ้ยับในสมรภูมิจริง ทั้งยูเครน แอฟริกา และเยรูซาเล็ม มรึงแพ้ยับทั้งสงครามการค้า เพราะโลกหันไปเข้า BRICS กันหมด จับมือจีน รัสเซีย ผู้นำโลกใหม่ มรึงแพ้ยับทั้งเวทีโลก และความเชื่อมั่นนักลงทุน มรึงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มุกเดิมเหี้ยจะทำอะไรได้อีก หากไม่ใช้ไวรัสระบาด หรือก่อเหตุอุทกภัยอย่างที่เคยทำมา หมายังเดาได้? ระดับหน่วยข่าวกรอง เค้ารู้ล่วงหน้าแล้ว โป๊ะมาแตก ศูนย์กลางแผ่นดินไหวใหญ่อยู่ที่พม่า แล้วอะไรอยู่ใกล้แถวนั้นล่ะ กงศุลใหญ่เหี้ยมะกันในเชียงใหม่ไงล่ะ ที่มาว่าทำไม มรึงถึงต้องขุดดินลึกลงไปกว่า 200 เมตร กงศุลบ้านพ่องดิ ต้องลึกขนาดนั้นเพื่อ? ไม่ต้องแถ ไม่ต้องอ้าง มรึงฝังเหี้ยอะไรเอาไว้กันล่ะ? ไม่ต้องมโน ไม่ต้องเดา มันผิดปกติอยู่แล้วที่สร้างกงศุลใหญ่ขึ้นมาใหม่ หลังถูกจีนสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันที่เฉิงตู ทำให้มรึงหน้ามืด ตาบอดทันที ไม่รู้ข่าวสารจีนอะไรอีกเลย นับแต่นั้น ที่มาว่าพยายามสร้างกงศุลใหญ่ใหม่ใกล้จีน พม่า ไงล่ะ จีนยังสั่งปิดกงศุลใหญ่เหี้ยได้ ทำไม เราจะทำไม่ได้? กงศุลมรึงไม่ได้มีแค่ที่เชียงใหม่ กทม.ก็ยังอยู่ แก้ตรงจุด สั่งปิดกงศุลใหญ่ที่เชียงใหม่ปุ๊บ แผ่นดินไหวหายวับทันตาทันที กูท้ามรึงเลย? แต่อย่าหวังอีรัฐบาลเถื่อนขี้ข้าวอชิงตันชุดนี้เลย ถึงเวลายัง ที่กองทัพจะออกตัว ประชาชนตามติด วังนำหน้า แม่ทัพใหญ่ของกองทัพไทย เมื่อเลือกข้างแล้ว ก็ต้องเล่นบทให้สุดซอย ยุคพระเดชถึงจะมาเต็มตรีน ความเสียหายที่เห็นนี้ ยังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่อีกงศุลใหญ่เหี้ยมะกันยังเสนอหน้าอยู่ที่เชียงใหม่ ขนาดกูยังรู้ หน่วยความมั่นคง หน่วยข่าวกรองทำไมไม่รู้ มันผิดสังเกตุมาตั้งแต่สร้างใหญ่อลังการ และควบคุมการสร้างเอง โดยไม่ให้ใครเสือก เจ้าหน้าที่คุมก่อสร้างก็ไม่ให้คนไทยยุ่ง มันชัดซะยิ่งกว่าชัด? ใครก็รู้ ว่ามรึงทำอะไร แต่ปล่อยให้มันทำ จนได้เห็นเต็มตาวันนี้ไงล่ะ กระทบแผ่นดิน มรึงจะให้มันอยู่ต่อมั้ยล่ะ จะเก็บไอ้อีเหี้ยไปอีกนานแค่ไหน คำตอบอยู่ที่ "ศรีธนญชัย" เพราะเค้าประสานกับกุนซือ เกจิ จีน รัสเซีย ไว้แล้ว สิ่งที่เห็น มันจะเทียบไม่ได้เลย ความเสียหายขั้นสูงสุด ที่เหี้ยจะเจอ หากล่อมันกลับที่ YELLOW STONE อเมริกาจะฉิบหายทั้งแผ่นดิน อะไรที่เกิดขึ้นทั่วโลก มรึงว่ามันปกติงั้นเหรอ? ใช้สติ ใช้ปัญญา ดูก็รู้ ว่ามันเกิดจากอะไร? ไฟ่ป่าเหรอ สึนามิเหรอ แผ่นดินไหวเหรอ โลกยุคดิจิตอล ที่เอาอาวุธร้ายแรงไปไว้บนอวกาศได้ มันทำได้หมดมากกว่าที่มรึงคิด รัสเซีย จีน มีเทคโนโลยีสูงกว่ามรึงเยอะ ทำได้รุนแรงกว่ามรึง 100 เท่า แต่ที่ไม่ทำ เพราะ "ศีลมันต่างกัน" คนตายเป็นล้านน่ะมรึง หากโดนเข้าเต็มตรีน เพราะนี่คือสิ่งที่ยิวเหี้ยมันต้องการ "WWIII" ไงล่ะ เห็นยังล่ะว่า เดินแต่ก้าวไม่ง่าย เพราะอีกฝ่ายมันจ้องจะทำลายล้างมนุษยชาติอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมส์จะมันส์สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย เมษาเลือดมาแน่ ไม่ว่าจะภายใน ภายนอก ระอุ ดุเดือด อุทกภัยที่มรึงไม่เคยเจอ จะดาหน้ามาหมด แบบบังเอิญอีกแล้วครับท่าน อาวุธเทคโนโลยี จะถูกงัดมาใช้เพื่องานนี้ และมรึงจะได้เห็นแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ของจีน รัสเซีย ในเวลานั้นแหละ เปิดที เหี้ยขี้แตก! กทม.ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้มานานมากแล้ว ครั้งนี้ มันตั้งใจ นั่นคือสัญญานที่ดี ว่าไทยเราได้เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว เคยบอกไปแล้ว มรึงควรจะดีใจ เรายอมแลก ก็เพื่อดินแดนสุวรรณภูมิ อย่ากลัวเหี้ย นี่มันยุคสุดท้ายแล้ว เหี้ยต่างหากที่ต้องกลัวมรึง คนดี คนกล้า ไม่กลัวเหี้ย คนชั่วจะหดหัวเอง เพราะมันกลัวคนจริง มันกลัวหัวใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ศรัทธาเดียว สิ่งที่ซาตานกลัวที่สุด! จากนี้ รอดูการตอบโต้กลับบ้าง อย่ากระพริบตา เกมส์นี้ระดับโลก อย่ามาเสียเวลากับละครปาหี่ ขี้หมา การ์ตูนเล่มละบาทอีกต่อไป ชีวิตมรึงและกู และชาวอโยธยาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับชัยชนะของขั้วใหม่เต็มตรีน รออะไรล่ะ ตามเค้าไป แล้วใส่ให้สุด วังนำ ชนะแน่ กองทัพเป็นของพระเจ้าอยู่หัว กูการันตี 1000000% เกมส์โลกต้องเด็ดขาด โลกสวยไม่ได้ อาเซียนคุยกันแน่ และจากนี้ จะรวมมือกันอย่างเสียมิได้ มรึงจ้องเล่นสะกายกูเหรอ เดี๋ยวกูก็ล่อหินเหลืองมรึงกลับบ้าง อย่าร้องขอชีวิตน่ะมรึง? หมี CNN(ไม่รีบ รอควันจาง มรึงจะเห็นภาพใหญ่ทั้งหมดเอง ที่มา ที่ไป แล้วทำไมต้องสะกาย มันสอดคล้องกับหน่วยข่าวกรอง ความมั่นคง ใครที่มีอายุเกิน 40 ขึ้นไป มรึงจะรู้ดี ว่าไม่มีทางที่แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเองได้ดอก หากไม่มีคลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นแกนโลก และใช้พลังงานมหาศาล เป้าหมายคือพม่า และเส้นรอยแยกเปลือกสะกายผ่านอาเซียนเต็มตรีน ใครมันจะทำ หากไม่จนตรอกขั้นสูงสุดขนาดนี้ ตกผลึกแล้ว ถึงได้เอามาชี้เป้าให้มรึงดู เพราะคิดถึงความบังเอิญ 108 1009 แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่มี" การเมืองโลกมาเต็ม ทุกอย่างถูกวางแผนมานานแล้ว มันถึงต้องการกงศุลใหญ่ใหม่ ที่สามารถเข้าใกล้จีน พม่า ให้มากที่สุด ไส้ศึกมันมี สายลับก็มา รู้กันหมด) 29 มีนาคม 68 11.05 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 779 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 แผ่นดินไหวเขย่าไทย รัฐไร้แผนฉุกเฉินรับมือ ถือโอกาสรีดเงิน เมินน้ำใจเพื่อนร่วมชาติ ขาดระบบขนส่งสาธารณะ รถเมล์ไม่เพียงพอ รอรถไฟฟ้า ประชาชนเดินเท้า ประชาชนรอความช่วยเหลือกลางถนน 🚷

    ✍️ เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 95 ปี เผยให้เห็นการขาดแผนฉุกเฉินของรัฐ ขนส่งสาธารณะล่มทั่วกรุงเทพฯ ประชาชนไร้ทางเลือก ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ฝ่าวิกฤตกลางเมืองหลวง

    🧭 เมื่อภัยธรรมชาติกระชากหน้ากาก "ระบบที่ไร้หัวใจ" บ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกติจูด จุดศูนย์กลางอยู่ในเมียนมา แต่แรงสั่นสะเทือนไม่ได้หยุดที่พรมแดน 🇲🇲 มันพัดผ่านเข้ามาในไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และภาคเหนืออย่างรุนแรง อาคารสูงโยกเยก 🚨 ผู้คนแตกตื่น วิ่งอพยพลงจากตึก

    แต่อะไรคือสิ่งที่น่าตกใจที่สุด? ไม่ใช่แค่แรงสั่นสะเทือน แต่คือ "ความไร้การเตรียมพร้อม" ของรัฐ และ "การล่มสลาย" ของระบบขนส่งสาธารณะ 🚆🛑

    📌 แผ่นดินไหวคือภัยธรรมชาติ แต่การไร้แผนคือภัยจากรัฐ ไม่มีแผนการ ไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีทางเลือกในการเดินทาง
    คนจำนวนมากออกจากตึก กลับบ้านไม่ได้
    🚇 รถไฟฟ้าหยุด
    🚌 รถเมล์ไม่พอ
    🚕 แท็กซี่แพง 💸
    ประชาชน “เดินเท้า” เป็นกิโลๆ เพื่อหาความปลอดภัย

    “หยุดให้บริการโดยไม่มีแผน คือการทิ้งประชาชนไว้กลางสนามรบ” 🪖

    “นี่ไม่ใช่แค่ระบบขนส่งที่ล่ม แต่คือภาพสะท้อนของการบริหารจัดการ ที่ไม่มีหัวใจ” ❤️‍🩹

    📉 ระบบขนส่งที่ “หยุดก่อนจำเป็น” ทำให้แย่ยิ่งกว่าเดิม 🚆 รถไฟฟ้าหยุดเดินโดยไม่มีกรอบเวลา รถไฟฟ้าทุกสายหยุดเดินรถมากกว่า 10 ชั่วโมง แต่ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีการแจ้งเวลาชัดเจน ประชาชน “ไร้ทิศทาง” ผู้คนอพยพล่าช้า ช่วยเหลือทำไม่ได้

    นี่คือการแสดงให้เห็นว่า ระบบขนส่งในประเทศไทย ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวิกฤต

    🚌 รถเมล์ไม่พอวิ่ง-ไม่พอคน ถึงรัฐบอกจะส่งรถเมล์เพิ่ม แต่ความเป็นจริงคือ... รถติดทำให้รถเข้าไม่ถึง จำนวนเที่ยวไม่พอ ไม่มีการบริหารจัดการแบบคล่องตัว

    🚖 ค่าโดยสารแพงเกินจริง
    🚦 วินมอเตอร์ไซค์
    🚘 แกร็บ
    🛻 แท็กซี่

    ต่างอัพราคาค่าโดยสารสูงกว่าปกติ 2-3 เท่า เพราะ "ดีมานด์พุ่ง" แต่ "ซัพพลายหาย"

    🏃‍♂️ เดินเท้าคือทางเลือกสุดท้าย ของคนไม่มีทางเลือก ในวันที่ขนส่งล่มทั้งเมือง คนหลายหมื่นต้องเดินเท้ากลับบ้าน ระยะทาง 5-10 กิโลเมตร 🚶‍♀️

    ภาพที่เห็น
    - ผู้สูงอายุเดินจับมือกับหลานเล็ก
    - คนทำงานเดินกลับบ้านกลางดึก
    - เด็กนักเรียนที่ตกค้าง ต้องขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า

    นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเดินทาง แต่มันคือการเอาชีวิตรอด ในเมืองหลวงที่ไร้แผน

    ❗ ประเทศไทย "ยังไม่มี" แผนขนส่งฉุกเฉินที่ตอบโจทย์ แม้จะมีกฎหมาย พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แต่สิ่งที่หายไปคือ

    ✅ ความเร็วในการตอบสนอง
    ✅ ความเข้าใจพฤติกรรมผู้คน
    ✅ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน

    ภัยพิบัติแผ่นดินไหว ไม่มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า รัฐต้องมี "แผนไว้ก่อน" ไม่ใช่ "แผนหลังเกิดเหตุ"

    📊 ถอดบทเรียนจากต่างประเทศ ญี่ปุ่นทำอย่างไร? ญี่ปุ่น 🇯🇵 เผชิญแผ่นดินไหวบ่อย แต่ยังเดินรถไฟฟ้าได้
    เพราะอะไร?

    ✅ ญี่ปุ่นมีระบบเหล่านี้
    - เดินรถไฟด้วยความเร็วต่ำ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว
    - แจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านแอป-SMS ภายในไม่กี่วินาที
    - วางแผนเส้นทางขนส่งสำรอง
    - ซักซ้อมแผนอพยพทุกปี
    - มีจุดรวมตัวปลอดภัยพร้อมน้ำ อาหาร แพทย์

    ในขณะที่ไทย... ยังใช้เวลามากกว่า 30 นาที ในการแจ้งเตือนจากกรมอุตุ และกว่า 5 ชั่วโมงกว่าข้อความ SMS จะส่งถึงมือถือประชาชน 😓📵

    🧭 แนวทางที่ไทยควรทำ และยังไม่ได้ทำ
    - สร้างระบบแจ้งเตือนภัยแบบ Real-time ไม่ใช่ให้คนไปรู้ข่าวจาก Facebook ก่อน

    - เตรียมเส้นทางขนส่งสำรอง พร้อมแผนขนย้ายมวลชน ไม่ใช่หยุดรถไฟฟ้าแล้วไม่บอกอะไรเลย

    - กำหนดเกณฑ์การปิดระบบขนส่งให้ชัดเจน และสมเหตุสมผล หยุดเดินรถได้ แต่ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา

    - ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรแบบ AI ให้รถฉุกเฉิน-รถช่วยเหลือเดินทางได้ง่ายขึ้น

    - สื่อสารแบบรวมศูนย์ ไม่ใช่หลายหน่วยงานพูดคนละทาง

    💬 เสียงประชาชน เหนื่อย ใจหาย และรู้สึกโดดเดี่ยว
    “ตอนแผ่นดินไหว ตึกสั่น เราวิ่งลงมา แต่พอถึงพื้นดิน กลับไม่มีทางกลับบ้าน”

    “แท็กซี่ไม่รับ รถเมล์ก็ไม่มี ต้องเดินจากอโศกไปบางนา”

    “ถ้ารัฐมีแผนที่ดีกว่านี้ เราคงไม่ต้องเสี่ยงชีวิตแบบนี้”

    🔚 อย่าปล่อยให้ภัยธรรมชาติ กลายเป็นภัยมนุษย์ แผ่นดินไหวครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความรุนแรงทางธรรมชาติ แต่มันเปิดโปง “ความไร้ระบบ” ของรัฐในการรับมือวิกฤต

    ขนส่งล่ม = ความล้มเหลวของระบบราชการ

    ความเงียบของรัฐ = การทอดทิ้งประชาชน

    🎯 อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ครั้งหน้า เราต้องเตรียมพร้อมให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพื่อ “ความสะดวก” แต่เพื่อ “ความอยู่รอด” ของคนไทยทุกคน 🛑🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291636 มี.ค. 2568

    📱 #แผ่นดินไหวเขย่าไทย #รัฐไร้แผน #ขนส่งล่ม #ไม่มีทางกลับบ้าน #รถไฟฟ้าหยุด #ภัยพิบัติ2025 #ต้องเดินเท้า #บริหารล้มเหลว #ข่าวปลอมภัยพิบัติ #ภัยธรรมชาติหรือมนุษย์
    🚨 แผ่นดินไหวเขย่าไทย รัฐไร้แผนฉุกเฉินรับมือ ถือโอกาสรีดเงิน เมินน้ำใจเพื่อนร่วมชาติ ขาดระบบขนส่งสาธารณะ รถเมล์ไม่เพียงพอ รอรถไฟฟ้า ประชาชนเดินเท้า ประชาชนรอความช่วยเหลือกลางถนน 🚷 ✍️ เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 95 ปี เผยให้เห็นการขาดแผนฉุกเฉินของรัฐ ขนส่งสาธารณะล่มทั่วกรุงเทพฯ ประชาชนไร้ทางเลือก ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ฝ่าวิกฤตกลางเมืองหลวง 🧭 เมื่อภัยธรรมชาติกระชากหน้ากาก "ระบบที่ไร้หัวใจ" บ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกติจูด จุดศูนย์กลางอยู่ในเมียนมา แต่แรงสั่นสะเทือนไม่ได้หยุดที่พรมแดน 🇲🇲 มันพัดผ่านเข้ามาในไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และภาคเหนืออย่างรุนแรง อาคารสูงโยกเยก 🚨 ผู้คนแตกตื่น วิ่งอพยพลงจากตึก แต่อะไรคือสิ่งที่น่าตกใจที่สุด? ไม่ใช่แค่แรงสั่นสะเทือน แต่คือ "ความไร้การเตรียมพร้อม" ของรัฐ และ "การล่มสลาย" ของระบบขนส่งสาธารณะ 🚆🛑 📌 แผ่นดินไหวคือภัยธรรมชาติ แต่การไร้แผนคือภัยจากรัฐ ไม่มีแผนการ ไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีทางเลือกในการเดินทาง คนจำนวนมากออกจากตึก กลับบ้านไม่ได้ 🚇 รถไฟฟ้าหยุด 🚌 รถเมล์ไม่พอ 🚕 แท็กซี่แพง 💸 ประชาชน “เดินเท้า” เป็นกิโลๆ เพื่อหาความปลอดภัย “หยุดให้บริการโดยไม่มีแผน คือการทิ้งประชาชนไว้กลางสนามรบ” 🪖 “นี่ไม่ใช่แค่ระบบขนส่งที่ล่ม แต่คือภาพสะท้อนของการบริหารจัดการ ที่ไม่มีหัวใจ” ❤️‍🩹 📉 ระบบขนส่งที่ “หยุดก่อนจำเป็น” ทำให้แย่ยิ่งกว่าเดิม 🚆 รถไฟฟ้าหยุดเดินโดยไม่มีกรอบเวลา รถไฟฟ้าทุกสายหยุดเดินรถมากกว่า 10 ชั่วโมง แต่ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีการแจ้งเวลาชัดเจน ประชาชน “ไร้ทิศทาง” ผู้คนอพยพล่าช้า ช่วยเหลือทำไม่ได้ นี่คือการแสดงให้เห็นว่า ระบบขนส่งในประเทศไทย ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวิกฤต 🚌 รถเมล์ไม่พอวิ่ง-ไม่พอคน ถึงรัฐบอกจะส่งรถเมล์เพิ่ม แต่ความเป็นจริงคือ... รถติดทำให้รถเข้าไม่ถึง จำนวนเที่ยวไม่พอ ไม่มีการบริหารจัดการแบบคล่องตัว 🚖 ค่าโดยสารแพงเกินจริง 🚦 วินมอเตอร์ไซค์ 🚘 แกร็บ 🛻 แท็กซี่ ต่างอัพราคาค่าโดยสารสูงกว่าปกติ 2-3 เท่า เพราะ "ดีมานด์พุ่ง" แต่ "ซัพพลายหาย" 🏃‍♂️ เดินเท้าคือทางเลือกสุดท้าย ของคนไม่มีทางเลือก ในวันที่ขนส่งล่มทั้งเมือง คนหลายหมื่นต้องเดินเท้ากลับบ้าน ระยะทาง 5-10 กิโลเมตร 🚶‍♀️ ภาพที่เห็น - ผู้สูงอายุเดินจับมือกับหลานเล็ก - คนทำงานเดินกลับบ้านกลางดึก - เด็กนักเรียนที่ตกค้าง ต้องขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเดินทาง แต่มันคือการเอาชีวิตรอด ในเมืองหลวงที่ไร้แผน ❗ ประเทศไทย "ยังไม่มี" แผนขนส่งฉุกเฉินที่ตอบโจทย์ แม้จะมีกฎหมาย พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แต่สิ่งที่หายไปคือ ✅ ความเร็วในการตอบสนอง ✅ ความเข้าใจพฤติกรรมผู้คน ✅ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ภัยพิบัติแผ่นดินไหว ไม่มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า รัฐต้องมี "แผนไว้ก่อน" ไม่ใช่ "แผนหลังเกิดเหตุ" 📊 ถอดบทเรียนจากต่างประเทศ ญี่ปุ่นทำอย่างไร? ญี่ปุ่น 🇯🇵 เผชิญแผ่นดินไหวบ่อย แต่ยังเดินรถไฟฟ้าได้ เพราะอะไร? ✅ ญี่ปุ่นมีระบบเหล่านี้ - เดินรถไฟด้วยความเร็วต่ำ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว - แจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านแอป-SMS ภายในไม่กี่วินาที - วางแผนเส้นทางขนส่งสำรอง - ซักซ้อมแผนอพยพทุกปี - มีจุดรวมตัวปลอดภัยพร้อมน้ำ อาหาร แพทย์ ในขณะที่ไทย... ยังใช้เวลามากกว่า 30 นาที ในการแจ้งเตือนจากกรมอุตุ และกว่า 5 ชั่วโมงกว่าข้อความ SMS จะส่งถึงมือถือประชาชน 😓📵 🧭 แนวทางที่ไทยควรทำ และยังไม่ได้ทำ - สร้างระบบแจ้งเตือนภัยแบบ Real-time ไม่ใช่ให้คนไปรู้ข่าวจาก Facebook ก่อน - เตรียมเส้นทางขนส่งสำรอง พร้อมแผนขนย้ายมวลชน ไม่ใช่หยุดรถไฟฟ้าแล้วไม่บอกอะไรเลย - กำหนดเกณฑ์การปิดระบบขนส่งให้ชัดเจน และสมเหตุสมผล หยุดเดินรถได้ แต่ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา - ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรแบบ AI ให้รถฉุกเฉิน-รถช่วยเหลือเดินทางได้ง่ายขึ้น - สื่อสารแบบรวมศูนย์ ไม่ใช่หลายหน่วยงานพูดคนละทาง 💬 เสียงประชาชน เหนื่อย ใจหาย และรู้สึกโดดเดี่ยว “ตอนแผ่นดินไหว ตึกสั่น เราวิ่งลงมา แต่พอถึงพื้นดิน กลับไม่มีทางกลับบ้าน” “แท็กซี่ไม่รับ รถเมล์ก็ไม่มี ต้องเดินจากอโศกไปบางนา” “ถ้ารัฐมีแผนที่ดีกว่านี้ เราคงไม่ต้องเสี่ยงชีวิตแบบนี้” 🔚 อย่าปล่อยให้ภัยธรรมชาติ กลายเป็นภัยมนุษย์ แผ่นดินไหวครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความรุนแรงทางธรรมชาติ แต่มันเปิดโปง “ความไร้ระบบ” ของรัฐในการรับมือวิกฤต ขนส่งล่ม = ความล้มเหลวของระบบราชการ ความเงียบของรัฐ = การทอดทิ้งประชาชน 🎯 อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ครั้งหน้า เราต้องเตรียมพร้อมให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพื่อ “ความสะดวก” แต่เพื่อ “ความอยู่รอด” ของคนไทยทุกคน 🛑🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291636 มี.ค. 2568 📱 #แผ่นดินไหวเขย่าไทย #รัฐไร้แผน #ขนส่งล่ม #ไม่มีทางกลับบ้าน #รถไฟฟ้าหยุด #ภัยพิบัติ2025 #ต้องเดินเท้า #บริหารล้มเหลว #ข่าวปลอมภัยพิบัติ #ภัยธรรมชาติหรือมนุษย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 705 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ 29 มีนาคม 2568ปลารู้ไหมว่าแผ่นดินไหว ถ้ารู้แล้วทำไง ? เพื่อนธรณ์ไปดำน้ำที่สิมิลันช่วงนั้นพอดี จึงเจอปรากฏการณ์สุดแปลกที่แทบไม่มีรายงานมาก่อนในช่วงแผ่นดินไหว ปลาในแนวปะการังต่างพากันลงไปนอนนิ่งกับพื้น !ลองดูภาพนะครับ ถ้าเป็นปลาตัวเดียวทำอาจไม่แปลกอะไร แต่ที่เจอคือปลาหลายตัวล้วนทำเช่นนั้น ลงไปนอนแนบกับพื้นทันทีที่เห็นชัดคือฝูงปลา ปรกติตอนกลางวันจะว่ายอยู่ในมวลน้ำ จะไม่ลงไปนอนติดพื้นพร้อมกันทั้งฝูง ต่อให้เป็นกลางคืนปลานอน ปลาก็แยกกันนอน ไม่รวมฝูงนอนแบบนี้ปลารู้ว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น เพราะปลารับแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำได้ดีมาก จากนั้นคงเป็นสัญชาตญาณ ทำให้ปลาลงไปนอนแนบพื้น เพาาะอาจเกิดกระแสน้ำปั่นป่วนหรือแม้กระทั่งสึนามิตามมาการนอนแนบพื้นของปลาก็เหมือนเวลาเราหลบภัยต้องหมอบราบกับพื้น หากลอยอยู่กลางน้ำมีความเสี่ยงที่จะโดนกระแสน้ำหรือคลื่นพัดพาไปเพื่อนธรณ์ที่เป็นอาสาสมัครบินโดรนเฝ้าพะยูนก็รายงานว่า ช่วงแผ่นดินไหว พะยูนก็ตื่นตกใจเผ่นพรวดหนีไปจากที่ตื้น เพื่อว่ายหนีไปที่ลึกตามหลักการหลบสึนามิพะยูนไวมากครับ ตอนที่เกิดสึนามิ จึงไม่มีข่าวพะยูนโดนคลื่นพัดมาเกยฝั่ง (เท่าที่ทราบ) ทั้งที่บางแห่งเป็นบริเวณที่พะยูนอาศัย เช่น กระบี่ จะมีก็แค่โลมาที่เขาหลัก ลอยตามคลื่นมาติดค้างในอ่างเก็บน้ำแถวนั้น แต่คลื่นที่เขาหลักแรงมาก จนโลมาอาจไม่คาดคิดแม้แผ่นดินไหวเมื่อวานไม่ได้เกิดในทะเล ไม่เกิดสึนามิ แต่แรงสั่นสะเทือนก็เกิดในทะเลเช่นกัน เพราะพื้นท้องทะเลก็ไหวเหมือนแผ่นดินครับปลาหรือพะยูนคงบอกไม่ได้ว่า แผ่นดินไหวในทะเลหรือบนบก เมื่อรับรู้ว่ามีแผ่นดินไหว ปลาหลบไว้ก่อนแล้วปลารู้ล่วงหน้าได้ไหม ? พยากรณ์แผ่นดินไหวได้ไหม ?เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น จะเกิดคลื่นแรงสั่นสะเทือนหลายแบบ บางคลื่นเบาแต่เร็วกว่า ปลาอาจรับรู้คลื่นพวกนี้ขณะที่มนุษย์ไม่รู้สึกจากนั้นคลื่นแรงสั่นสะเทือนแบบแรงๆ จะตามมา คราวนี้เรารู้สึกแล้วครับทว่า ต่อให้รู้คลื่นล่วงหน้า ปลาก็ไม่มีทางบอกก่อนได้เป็นชั่วโมงๆ เพราะปลารู้ก่อนแป๊บเดียวเท่านั้น ที่บอกกันว่าสัตว์เตือนภัยได้ ก็คือสัตว์รู้ก่อนคน แต่ไม่ใช่นานๆขอบคุณเพื่อนธรณ์ที่ส่งภาพมาให้ ถือเป็นหนแรกของไทยที่มีหลักฐานให้ดูกันชัดๆ ว่าปลาทำยังไงเมื่อแผ่นดินไหว อันที่จริง ในต่างประเทศก็แทบไม่มีภาพชัดเจนแบบนี้ครับ🌏🐟อยากรู้เรื่องปลาให้มากกว่านี้ มาเรียนที่ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นะฮะ 😁
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ 29 มีนาคม 2568ปลารู้ไหมว่าแผ่นดินไหว ถ้ารู้แล้วทำไง ? เพื่อนธรณ์ไปดำน้ำที่สิมิลันช่วงนั้นพอดี จึงเจอปรากฏการณ์สุดแปลกที่แทบไม่มีรายงานมาก่อนในช่วงแผ่นดินไหว ปลาในแนวปะการังต่างพากันลงไปนอนนิ่งกับพื้น !ลองดูภาพนะครับ ถ้าเป็นปลาตัวเดียวทำอาจไม่แปลกอะไร แต่ที่เจอคือปลาหลายตัวล้วนทำเช่นนั้น ลงไปนอนแนบกับพื้นทันทีที่เห็นชัดคือฝูงปลา ปรกติตอนกลางวันจะว่ายอยู่ในมวลน้ำ จะไม่ลงไปนอนติดพื้นพร้อมกันทั้งฝูง ต่อให้เป็นกลางคืนปลานอน ปลาก็แยกกันนอน ไม่รวมฝูงนอนแบบนี้ปลารู้ว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น เพราะปลารับแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำได้ดีมาก จากนั้นคงเป็นสัญชาตญาณ ทำให้ปลาลงไปนอนแนบพื้น เพาาะอาจเกิดกระแสน้ำปั่นป่วนหรือแม้กระทั่งสึนามิตามมาการนอนแนบพื้นของปลาก็เหมือนเวลาเราหลบภัยต้องหมอบราบกับพื้น หากลอยอยู่กลางน้ำมีความเสี่ยงที่จะโดนกระแสน้ำหรือคลื่นพัดพาไปเพื่อนธรณ์ที่เป็นอาสาสมัครบินโดรนเฝ้าพะยูนก็รายงานว่า ช่วงแผ่นดินไหว พะยูนก็ตื่นตกใจเผ่นพรวดหนีไปจากที่ตื้น เพื่อว่ายหนีไปที่ลึกตามหลักการหลบสึนามิพะยูนไวมากครับ ตอนที่เกิดสึนามิ จึงไม่มีข่าวพะยูนโดนคลื่นพัดมาเกยฝั่ง (เท่าที่ทราบ) ทั้งที่บางแห่งเป็นบริเวณที่พะยูนอาศัย เช่น กระบี่ จะมีก็แค่โลมาที่เขาหลัก ลอยตามคลื่นมาติดค้างในอ่างเก็บน้ำแถวนั้น แต่คลื่นที่เขาหลักแรงมาก จนโลมาอาจไม่คาดคิดแม้แผ่นดินไหวเมื่อวานไม่ได้เกิดในทะเล ไม่เกิดสึนามิ แต่แรงสั่นสะเทือนก็เกิดในทะเลเช่นกัน เพราะพื้นท้องทะเลก็ไหวเหมือนแผ่นดินครับปลาหรือพะยูนคงบอกไม่ได้ว่า แผ่นดินไหวในทะเลหรือบนบก เมื่อรับรู้ว่ามีแผ่นดินไหว ปลาหลบไว้ก่อนแล้วปลารู้ล่วงหน้าได้ไหม ? พยากรณ์แผ่นดินไหวได้ไหม ?เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น จะเกิดคลื่นแรงสั่นสะเทือนหลายแบบ บางคลื่นเบาแต่เร็วกว่า ปลาอาจรับรู้คลื่นพวกนี้ขณะที่มนุษย์ไม่รู้สึกจากนั้นคลื่นแรงสั่นสะเทือนแบบแรงๆ จะตามมา คราวนี้เรารู้สึกแล้วครับทว่า ต่อให้รู้คลื่นล่วงหน้า ปลาก็ไม่มีทางบอกก่อนได้เป็นชั่วโมงๆ เพราะปลารู้ก่อนแป๊บเดียวเท่านั้น ที่บอกกันว่าสัตว์เตือนภัยได้ ก็คือสัตว์รู้ก่อนคน แต่ไม่ใช่นานๆขอบคุณเพื่อนธรณ์ที่ส่งภาพมาให้ ถือเป็นหนแรกของไทยที่มีหลักฐานให้ดูกันชัดๆ ว่าปลาทำยังไงเมื่อแผ่นดินไหว อันที่จริง ในต่างประเทศก็แทบไม่มีภาพชัดเจนแบบนี้ครับ🌏🐟อยากรู้เรื่องปลาให้มากกว่านี้ มาเรียนที่ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นะฮะ 😁
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อิ๊งค์" โพสต์บินด่วนเข้ากรุง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหตุแผ่นดินไหว ขอยืนยันพื้นที่เสียหายอยู่ในวงจำกัด After Shock จะไม่รุนแรง ไม่มีทางเกิดสินามึ เผยกลับเข้าคอนโดได้ รถไฟฟ้าคาดเปิดบริการพรุ่งนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029741
    "อิ๊งค์" โพสต์บินด่วนเข้ากรุง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหตุแผ่นดินไหว ขอยืนยันพื้นที่เสียหายอยู่ในวงจำกัด After Shock จะไม่รุนแรง ไม่มีทางเกิดสินามึ เผยกลับเข้าคอนโดได้ รถไฟฟ้าคาดเปิดบริการพรุ่งนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029741
    Like
    Haha
    4
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 719 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลิกลั่กกันหมด!! เมื่อเจอแผนสูงของปูติน

    ปูตินที่เอ่ยปาก "เห็นด้วย" ในข้อตกลงหยุดยิง แต่! ไม่ได้กล่าว "ยอมรับ" ในทันที พร้อมตั้งเงื่อนไข ขอเจรจากับทรัมป์ในหลายประเด็น เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงถาวร

    "ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐที่ให้ความสนใจต่อการบรรลุทางออกในยูเครน เราเห็นด้วยกับข้อเสนอให้ยุติความขัดแย้ง แต่จุดยืนของเรา การหยุดยิงควรนำไปสู่สันติภาพที่ยืนยาว และขจัดต้นตอเบื้องหลังวิกฤตนี้" บางส่วนของคำพูดปูติน

    การพูดอย่างอ่อนน้อมของปูตินทำให้อเมริกา รวมทั้งยุโรป ที่ตั้งท่าจะกล่าวหาปูตินถึงกับไปไม่เป็น จะด่าก็ไม่ได้ เพราะปูตินเห็นด้วยกับข้อเสนอ ตอนนี้เลยเงียบกันหมด เพราะที่คิดว่าปูตินจะเสียงแข็งไม่ยอมรับข้อตกลง เป็นสิ่งที่คิดผิดไปถนัด!

    แม้แต่ เซเลนสกี ยังแค่อ้อมแอ้ม ไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แค่บ่นๆผ่านโซเชียลของตัวเองว่า ยังคงไม่ไว้ใจคำพูดของปูติน นี่เป็นแค่การหลอกล่อเพื่อต้องการถ่วงเวลา โดยการยื่นเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งทางรัสเซียรู้ดีว่าเงื่อนไขเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง

    ย้อนกลับมาที่คำพูดของปูติน ถ้าหากเราตัดภาษาทางการทูตออกไป และเปลี่ยนมาใช้ภาษาในแบบอย่างชนชั้นสูง(ผู้ดี) ข้อความของปูตินจะกลายเป็น "นั่นเป็นความคิดที่ดี พวกเราชอบสันติภาพ แต่แนวทางที่คุณเสนอยังไม่สมจริงสำหรับเรา เราอยากขอสนทนากับคุณเพื่อฟังเหตุผลอื่นๆ"

    เป็นคำ "ขอบคุณ" ของปูตินที่ส่งให้ทรัมป์อย่างสุภาพ หลังจากนั้นจะเป็นการยื่นรายการคำถามที่ต้องการให้ทั้งสหรัฐและยูเครนลองไปทบทวนเชิงบังคับให้ปฏิบัติอย่างยาวเหยียด ไม่จบแค่นั้น ปูตินต้องการการตอบสนองในเชิงบวกอย่างเดียว!

    สิ่งสำคัญที่สหรัฐ ยูเครน และยุโรปต้องจำไว้คือ "ก่อนที่คุณจะส่งบอลให้ปูติน คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันคุ้มค่ามั้ยที่คุณจะเล่นกับปูติน"

    เลิกลั่กกันหมด!! เมื่อเจอแผนสูงของปูติน ปูตินที่เอ่ยปาก "เห็นด้วย" ในข้อตกลงหยุดยิง แต่! ไม่ได้กล่าว "ยอมรับ" ในทันที พร้อมตั้งเงื่อนไข ขอเจรจากับทรัมป์ในหลายประเด็น เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงถาวร "ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐที่ให้ความสนใจต่อการบรรลุทางออกในยูเครน เราเห็นด้วยกับข้อเสนอให้ยุติความขัดแย้ง แต่จุดยืนของเรา การหยุดยิงควรนำไปสู่สันติภาพที่ยืนยาว และขจัดต้นตอเบื้องหลังวิกฤตนี้" บางส่วนของคำพูดปูติน การพูดอย่างอ่อนน้อมของปูตินทำให้อเมริกา รวมทั้งยุโรป ที่ตั้งท่าจะกล่าวหาปูตินถึงกับไปไม่เป็น จะด่าก็ไม่ได้ เพราะปูตินเห็นด้วยกับข้อเสนอ ตอนนี้เลยเงียบกันหมด เพราะที่คิดว่าปูตินจะเสียงแข็งไม่ยอมรับข้อตกลง เป็นสิ่งที่คิดผิดไปถนัด! แม้แต่ เซเลนสกี ยังแค่อ้อมแอ้ม ไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แค่บ่นๆผ่านโซเชียลของตัวเองว่า ยังคงไม่ไว้ใจคำพูดของปูติน นี่เป็นแค่การหลอกล่อเพื่อต้องการถ่วงเวลา โดยการยื่นเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งทางรัสเซียรู้ดีว่าเงื่อนไขเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง ย้อนกลับมาที่คำพูดของปูติน ถ้าหากเราตัดภาษาทางการทูตออกไป และเปลี่ยนมาใช้ภาษาในแบบอย่างชนชั้นสูง(ผู้ดี) ข้อความของปูตินจะกลายเป็น "นั่นเป็นความคิดที่ดี พวกเราชอบสันติภาพ แต่แนวทางที่คุณเสนอยังไม่สมจริงสำหรับเรา เราอยากขอสนทนากับคุณเพื่อฟังเหตุผลอื่นๆ" เป็นคำ "ขอบคุณ" ของปูตินที่ส่งให้ทรัมป์อย่างสุภาพ หลังจากนั้นจะเป็นการยื่นรายการคำถามที่ต้องการให้ทั้งสหรัฐและยูเครนลองไปทบทวนเชิงบังคับให้ปฏิบัติอย่างยาวเหยียด ไม่จบแค่นั้น ปูตินต้องการการตอบสนองในเชิงบวกอย่างเดียว! สิ่งสำคัญที่สหรัฐ ยูเครน และยุโรปต้องจำไว้คือ "ก่อนที่คุณจะส่งบอลให้ปูติน คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันคุ้มค่ามั้ยที่คุณจะเล่นกับปูติน"
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 ความเข้มแข็ง : ทางออกจากวงจรเวรกรรมและทุกข์


    ---

    🔍 1️⃣ "ใจอ่อน" คืออะไร? ทำไมต้องเลิกให้ได้?

    🌿 "ใจอ่อน" ไม่ได้หมายถึงความเมตตาเสมอไป
    แต่หมายถึง "การปล่อยให้กิเลสครอบงำ"

    ใจอ่อนให้กับ ความกลัว → ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง

    ใจอ่อนให้กับ ความหลง → เชื่อแต่สิ่งที่ถูกใจ

    ใจอ่อนให้กับ อารมณ์ชั่ววูบ → ทำผิดซ้ำๆ แม้รู้ว่าไม่ดี


    💡 ทุกครั้งที่ใจอ่อน → เท่ากับให้กิเลสชนะ

    เราจะติดอยู่ในวงจรเดิม เจอทุกข์เดิมๆ

    เหมือนอยู่ใน "เวรกรรม" ที่สร้างซ้ำไปมา


    📌 "เมื่อใดเลิกใจอ่อนเสียได้ → ก็เหมือนหมดเวรหมดกรรมกับทุกข์นั้นๆ"


    ---

    🔍 2️⃣ วิธีพ้นจากการถูก "ครอบงำ" โดยชีวิต

    📌 คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตาม อารมณ์ ไม่ใช่ สติ

    อารมณ์ดี → คิดว่าทุกอย่างดี

    อารมณ์ร้าย → คิดว่าทุกอย่างแย่

    อารมณ์หลง → คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่น


    🌱 แต่แท้จริงแล้ว ชีวิตเป็นของเรา
    เราไม่จำเป็นต้องถูกอารมณ์ หรือสภาพแวดล้อม "ครอบงำ"

    💡 ทางออกคือ... "ฝึกจิตให้เป็นอิสระจากอารมณ์"
    ✅ ฝึกหยุดคิดก่อนทำ → อย่าให้ความอยากหรือโกรธพาไป
    ✅ ฝึกมีสติรู้ทันอารมณ์ → สังเกตว่ากำลังรู้สึกแบบไหน
    ✅ ฝึกปล่อยวาง → ไม่ตามใจตัวเองตลอดเวลา

    📌 "ที่สุดของความคุ้มในชีวิต ไม่ใช่ได้ใช้ชีวิตตามอำเภอใจ
    แต่คือการไม่ต้องถูกชีวิตครอบงำตามอำเภอใจ"


    ---

    🔍 3️⃣ ความเข้มแข็ง = พลังของ "สติ"

    🌟 "ความเข้มแข็งที่แท้จริง" ไม่ใช่แค่ใจแข็ง แต่คือ...
    ✅ "ไม่ใจอ่อนให้กิเลส" → เลือกทางที่ถูก แม้จะยาก
    ✅ "ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ชั่วคราว" → รู้ว่าทุกข์ก็แค่ชั่วคราว
    ✅ "ไม่ปล่อยให้สิ่งไม่ดีครอบงำ" → มีสติรู้ทันใจตัวเอง

    📌 ความเข้มแข็งแท้จริง → คือฝึกสติจนชนะกิเลสได้
    🌱 สติที่แข็งแรง = ใจที่เข้มแข็ง = ชีวิตที่อิสระจากทุกข์


    ---

    🔍 4️⃣ สรุป : อยากหมดทุกข์ ต้องเลิก "ใจอ่อน"

    ✅ ใจอ่อน = ยอมแพ้ให้กิเลส → ต้องทุกข์ซ้ำๆ
    ✅ ใจแข็ง = ไม่ยอมให้กิเลสครอบงำ → หมดเวรหมดกรรม
    ✅ ความเข้มแข็ง = ฝึกสติให้รู้เท่าทันใจตัวเอง

    🌿 "ที่สุดของความสุข ไม่ใช่ได้ทุกอย่างที่อยากได้
    แต่คือไม่ต้องเป็นทาสของกิเลสอีกต่อไป"

    💡 เริ่มตั้งแต่วันนี้ ฝึกใจให้แข็งแรงขึ้นทุกวัน
    💙 แล้ววันหนึ่ง... ชีวิตจะเป็นของเราจริงๆ!

    📌 ความเข้มแข็ง : ทางออกจากวงจรเวรกรรมและทุกข์ --- 🔍 1️⃣ "ใจอ่อน" คืออะไร? ทำไมต้องเลิกให้ได้? 🌿 "ใจอ่อน" ไม่ได้หมายถึงความเมตตาเสมอไป แต่หมายถึง "การปล่อยให้กิเลสครอบงำ" ใจอ่อนให้กับ ความกลัว → ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ใจอ่อนให้กับ ความหลง → เชื่อแต่สิ่งที่ถูกใจ ใจอ่อนให้กับ อารมณ์ชั่ววูบ → ทำผิดซ้ำๆ แม้รู้ว่าไม่ดี 💡 ทุกครั้งที่ใจอ่อน → เท่ากับให้กิเลสชนะ เราจะติดอยู่ในวงจรเดิม เจอทุกข์เดิมๆ เหมือนอยู่ใน "เวรกรรม" ที่สร้างซ้ำไปมา 📌 "เมื่อใดเลิกใจอ่อนเสียได้ → ก็เหมือนหมดเวรหมดกรรมกับทุกข์นั้นๆ" --- 🔍 2️⃣ วิธีพ้นจากการถูก "ครอบงำ" โดยชีวิต 📌 คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตาม อารมณ์ ไม่ใช่ สติ อารมณ์ดี → คิดว่าทุกอย่างดี อารมณ์ร้าย → คิดว่าทุกอย่างแย่ อารมณ์หลง → คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่น 🌱 แต่แท้จริงแล้ว ชีวิตเป็นของเรา เราไม่จำเป็นต้องถูกอารมณ์ หรือสภาพแวดล้อม "ครอบงำ" 💡 ทางออกคือ... "ฝึกจิตให้เป็นอิสระจากอารมณ์" ✅ ฝึกหยุดคิดก่อนทำ → อย่าให้ความอยากหรือโกรธพาไป ✅ ฝึกมีสติรู้ทันอารมณ์ → สังเกตว่ากำลังรู้สึกแบบไหน ✅ ฝึกปล่อยวาง → ไม่ตามใจตัวเองตลอดเวลา 📌 "ที่สุดของความคุ้มในชีวิต ไม่ใช่ได้ใช้ชีวิตตามอำเภอใจ แต่คือการไม่ต้องถูกชีวิตครอบงำตามอำเภอใจ" --- 🔍 3️⃣ ความเข้มแข็ง = พลังของ "สติ" 🌟 "ความเข้มแข็งที่แท้จริง" ไม่ใช่แค่ใจแข็ง แต่คือ... ✅ "ไม่ใจอ่อนให้กิเลส" → เลือกทางที่ถูก แม้จะยาก ✅ "ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ชั่วคราว" → รู้ว่าทุกข์ก็แค่ชั่วคราว ✅ "ไม่ปล่อยให้สิ่งไม่ดีครอบงำ" → มีสติรู้ทันใจตัวเอง 📌 ความเข้มแข็งแท้จริง → คือฝึกสติจนชนะกิเลสได้ 🌱 สติที่แข็งแรง = ใจที่เข้มแข็ง = ชีวิตที่อิสระจากทุกข์ --- 🔍 4️⃣ สรุป : อยากหมดทุกข์ ต้องเลิก "ใจอ่อน" ✅ ใจอ่อน = ยอมแพ้ให้กิเลส → ต้องทุกข์ซ้ำๆ ✅ ใจแข็ง = ไม่ยอมให้กิเลสครอบงำ → หมดเวรหมดกรรม ✅ ความเข้มแข็ง = ฝึกสติให้รู้เท่าทันใจตัวเอง 🌿 "ที่สุดของความสุข ไม่ใช่ได้ทุกอย่างที่อยากได้ แต่คือไม่ต้องเป็นทาสของกิเลสอีกต่อไป" 💡 เริ่มตั้งแต่วันนี้ ฝึกใจให้แข็งแรงขึ้นทุกวัน 💙 แล้ววันหนึ่ง... ชีวิตจะเป็นของเราจริงๆ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts