• ทล.เร่งสอบ”คานปูน-โครงสร้างเหล็ก” พระราม 2 ถล่ม พบประเด็นตัวยึดคานและทรัสหลุด หาสาเหตุเกิดจากขั้นตอนการทำงานหรือตัววัสดุมีปัญหา คาดสรุปในสัปดาห์นี้ ยันรับเหมาใช้แรงงานต่างด้าวได้ในงานทั่วไป ส่วนงานเฉพาะทางบุคลากรต้องมีใบรับรองตามระเบียบ

    จากกรณีกรณีคานปูน (Segment) และโครงสร้างเหล็ก (Launching Gantry Crane) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย -บ้านแพ้ว ตอน 1 พังถล่ม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งดำเนินคดีต่อ บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด และบริษัท พีเอสซีไอ คอนสตรัคชัน จำกัด ผู้รับเหมาในความผิด ฐานใช้แรงงานต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ และความปลอดภัยอาชีวะอนามัยไปแล้วนั้น

    นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ในส่วนของกรมทางหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการตรวจสอบในทุกมิติ ทั้งตัวโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry และแผ่นปูน (ทรัส) เรื่องการบริหารจัดการระหว่างก่อสร้าง รวมทั้งหมด 5 ประเด็น

    ทั้งนี้ มีการตรวจสอบเรื่องวัสดุ พบมีประเด็นเรื่องตัวยึดระหว่างคานคอนกรีตและทรัส อาจมีปัญหา ซึ่งจะต้องมีการทดสอบวัสดุ เพื่อดูว่าสาเหตุที่ตัวยึดคานหลุดนั้น เกิดจากการทำงานหรือตัววัสดุมีปัญหา โดยจะสรุปผลการสอบสวนภายในสัปดาห์นี้ และจะรายงานกระทรวงคมนาคมรับทราบต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000023136

    #MGROnline #โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข82 #คานปูน #โครงสร้างเหล็ก #พระราม2
    ทล.เร่งสอบ”คานปูน-โครงสร้างเหล็ก” พระราม 2 ถล่ม พบประเด็นตัวยึดคานและทรัสหลุด หาสาเหตุเกิดจากขั้นตอนการทำงานหรือตัววัสดุมีปัญหา คาดสรุปในสัปดาห์นี้ ยันรับเหมาใช้แรงงานต่างด้าวได้ในงานทั่วไป ส่วนงานเฉพาะทางบุคลากรต้องมีใบรับรองตามระเบียบ • จากกรณีกรณีคานปูน (Segment) และโครงสร้างเหล็ก (Launching Gantry Crane) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย -บ้านแพ้ว ตอน 1 พังถล่ม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งดำเนินคดีต่อ บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด และบริษัท พีเอสซีไอ คอนสตรัคชัน จำกัด ผู้รับเหมาในความผิด ฐานใช้แรงงานต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ และความปลอดภัยอาชีวะอนามัยไปแล้วนั้น • นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ในส่วนของกรมทางหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการตรวจสอบในทุกมิติ ทั้งตัวโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry และแผ่นปูน (ทรัส) เรื่องการบริหารจัดการระหว่างก่อสร้าง รวมทั้งหมด 5 ประเด็น • ทั้งนี้ มีการตรวจสอบเรื่องวัสดุ พบมีประเด็นเรื่องตัวยึดระหว่างคานคอนกรีตและทรัส อาจมีปัญหา ซึ่งจะต้องมีการทดสอบวัสดุ เพื่อดูว่าสาเหตุที่ตัวยึดคานหลุดนั้น เกิดจากการทำงานหรือตัววัสดุมีปัญหา โดยจะสรุปผลการสอบสวนภายในสัปดาห์นี้ และจะรายงานกระทรวงคมนาคมรับทราบต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000023136 • #MGROnline #โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข82 #คานปูน #โครงสร้างเหล็ก #พระราม2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทล.เร่งสอบ ”คานปูน-โครงสร้างเหล็ก” พระราม 2 ถล่ม พบประเด็นตัวยึดคานและทรัสหลุด หาสาเหตุเกิดจากขั้นตอนการทำงานหรือตัววัสดุมีปัญหา คาดสรุปในสัปดาห์นี้ ยันรับเหมาใช้แรงงานต่างด้าวได้ในงานทั่วไป ส่วนงานเฉพาะทางบุคลากรต้องมีใบรับรองตามระเบียบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023136

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทล.เร่งสอบ ”คานปูน-โครงสร้างเหล็ก” พระราม 2 ถล่ม พบประเด็นตัวยึดคานและทรัสหลุด หาสาเหตุเกิดจากขั้นตอนการทำงานหรือตัววัสดุมีปัญหา คาดสรุปในสัปดาห์นี้ ยันรับเหมาใช้แรงงานต่างด้าวได้ในงานทั่วไป ส่วนงานเฉพาะทางบุคลากรต้องมีใบรับรองตามระเบียบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023136 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัจจุบัน..นิยมใช้โครงสร้างเหล็กแบบ Cellular Beam
    ได้งานที่มี ระยะ Span กว้าง 12 เมตรหรือมากกว่า
    งานรวดเร็ว บาง และ สวยงาม
    ปัจจุบัน..นิยมใช้โครงสร้างเหล็กแบบ Cellular Beam ได้งานที่มี ระยะ Span กว้าง 12 เมตรหรือมากกว่า งานรวดเร็ว บาง และ สวยงาม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ศาลารอรถเมล์ 2-3 แสน แพงสมฐานะยุคชัชชาติ

    กลายเป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ เมื่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เผยโฉมศาลาที่พักผู้โดยสารฯ โฉมใหม่ มี 2 รูปแบบ ได้แก่ Type C2 ขนาด 2x3 เมตร 3 ที่นั่ง และ Type C3 ขนาด 2x6 เมตร 6 ที่นั่ง โดยในปีงบประมาณ 2566 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 30 หลัง ปีงบประมาณ 2567 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 60 หลัง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 29 หลัง และปีงบประมาณ 2568 ได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง 300 หลัง ทั่วกรุงเทพฯ

    ปรากฎว่ากลายเป็นที่วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะตามรายงานข่าวระบุว่า ศาลารอรถเมล์ Type C2 แบบ 3 ที่นั่ง ใช้งบประมาณ 230,000 บาทต่อหลัง และ Type C3 แบบ 6 ที่นั่ง ใช้งบประมาณ 320,000 บาทต่อหลัง ซึ่งพิจารณาจากวัสดุแล้วแพงกว่าบ้านน็อกดาวน์

    ไม่นับรวมเสียงสะท้อนจากผู้ใช้รถเมล์ว่า แม้จะดูดีทันสมัย แต่แทบใช้ประโยชน์หลบแดดหลบฝนไม่ได้เลย เพราะที่นั่งริมสุดและด้านหลังพอดีกับขอบหลังคา อีกทั้งทำหลังคาเชิดขึ้น แดดส่องถึง ฝนตกลงมาถึง แถมจำนวนที่นั่งน้อยเกินไป ส่วนที่นั่งที่ทำจากพลาสติก เกรงว่าจะไม่คงทนถาวรเมื่อเทียบกับที่นั่งสแตนเลสหรือปูน อีกทั้งบางจุดยังติดตั้งทับทางเดินสำหรับผู้พิการ บางจุดเช่น BTS กรุงธนบุรี เป็นมุมอับสายตามีต้นไม้บัง รถเมล์ไม่จอด

    ร้อนไปถึงนายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ชี้แจงว่า งบประมาณก่อสร้างครอบคลุมงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค งานฐานรากคอนกรีตเสริมเหล็ก งานเชื่อมประกอบโครงสร้างเหล็ก งานหลังคาเมทัลชีท งานรางน้ำ งานม้านั่ง งานระบบไฟฟ้าแสงสว่างภายใน และงานบรรจบไฟฟ้าสาธารณะกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นต้น

    ยืนยันว่าราคาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเมื่อประกวดราคาอิเล็คทรอนิกส์ (e-bidding) ราคาจึงต่ำลงอีก นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่ม มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถบังแดดบังฝนด้วยหลังคาขนาดใหญ่และแผ่นอะคริลิกใสด้านหลัง มีพื้นที่นั่งคอยเหมาะสม สวยงามกลมกลืน ไม่บดบังทัศนียภาพ ไม่สร้างจุดอับสายตา และประหยัดพื้นที่ทางเท้า ไม่กีดขวางทางเดินอีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกรายละเอียดค่าก่อสร้างจากเอกสารประกวดราคา พบว่าราคากลางบวกค่าแฟคเตอร์ (Factor) หนักไปทางงานโครงสร้างประมาณ 88,000-131,000 บาท โดยเฉพาะงานเสา งานโครงรับเก้าอี้ งานโครงรับแผ่นอลูมิเนียมและอครีลิคที่เชื่อมประกอบจากโรงงาน ประกอบกับงานไฟฟ้าแสงสว่างประมาณ 46,000-47,000 บาท ส่วนงานตกแต่ง สัญลักษณ์และป้ายข้อมูลประมาณ 39,000-48,000 บาทเศษ จึงเป็นที่กังขาว่าจะคุ้มค่ากับเงินภาษีประชาชนหรือไม่

    #Newskit
    ศาลารอรถเมล์ 2-3 แสน แพงสมฐานะยุคชัชชาติ กลายเป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ เมื่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เผยโฉมศาลาที่พักผู้โดยสารฯ โฉมใหม่ มี 2 รูปแบบ ได้แก่ Type C2 ขนาด 2x3 เมตร 3 ที่นั่ง และ Type C3 ขนาด 2x6 เมตร 6 ที่นั่ง โดยในปีงบประมาณ 2566 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 30 หลัง ปีงบประมาณ 2567 ก่อสร้างแล้วเสร็จ 60 หลัง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 29 หลัง และปีงบประมาณ 2568 ได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง 300 หลัง ทั่วกรุงเทพฯ ปรากฎว่ากลายเป็นที่วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะตามรายงานข่าวระบุว่า ศาลารอรถเมล์ Type C2 แบบ 3 ที่นั่ง ใช้งบประมาณ 230,000 บาทต่อหลัง และ Type C3 แบบ 6 ที่นั่ง ใช้งบประมาณ 320,000 บาทต่อหลัง ซึ่งพิจารณาจากวัสดุแล้วแพงกว่าบ้านน็อกดาวน์ ไม่นับรวมเสียงสะท้อนจากผู้ใช้รถเมล์ว่า แม้จะดูดีทันสมัย แต่แทบใช้ประโยชน์หลบแดดหลบฝนไม่ได้เลย เพราะที่นั่งริมสุดและด้านหลังพอดีกับขอบหลังคา อีกทั้งทำหลังคาเชิดขึ้น แดดส่องถึง ฝนตกลงมาถึง แถมจำนวนที่นั่งน้อยเกินไป ส่วนที่นั่งที่ทำจากพลาสติก เกรงว่าจะไม่คงทนถาวรเมื่อเทียบกับที่นั่งสแตนเลสหรือปูน อีกทั้งบางจุดยังติดตั้งทับทางเดินสำหรับผู้พิการ บางจุดเช่น BTS กรุงธนบุรี เป็นมุมอับสายตามีต้นไม้บัง รถเมล์ไม่จอด ร้อนไปถึงนายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ชี้แจงว่า งบประมาณก่อสร้างครอบคลุมงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค งานฐานรากคอนกรีตเสริมเหล็ก งานเชื่อมประกอบโครงสร้างเหล็ก งานหลังคาเมทัลชีท งานรางน้ำ งานม้านั่ง งานระบบไฟฟ้าแสงสว่างภายใน และงานบรรจบไฟฟ้าสาธารณะกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นต้น ยืนยันว่าราคาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเมื่อประกวดราคาอิเล็คทรอนิกส์ (e-bidding) ราคาจึงต่ำลงอีก นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่ม มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถบังแดดบังฝนด้วยหลังคาขนาดใหญ่และแผ่นอะคริลิกใสด้านหลัง มีพื้นที่นั่งคอยเหมาะสม สวยงามกลมกลืน ไม่บดบังทัศนียภาพ ไม่สร้างจุดอับสายตา และประหยัดพื้นที่ทางเท้า ไม่กีดขวางทางเดินอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกรายละเอียดค่าก่อสร้างจากเอกสารประกวดราคา พบว่าราคากลางบวกค่าแฟคเตอร์ (Factor) หนักไปทางงานโครงสร้างประมาณ 88,000-131,000 บาท โดยเฉพาะงานเสา งานโครงรับเก้าอี้ งานโครงรับแผ่นอลูมิเนียมและอครีลิคที่เชื่อมประกอบจากโรงงาน ประกอบกับงานไฟฟ้าแสงสว่างประมาณ 46,000-47,000 บาท ส่วนงานตกแต่ง สัญลักษณ์และป้ายข้อมูลประมาณ 39,000-48,000 บาทเศษ จึงเป็นที่กังขาว่าจะคุ้มค่ากับเงินภาษีประชาชนหรือไม่ #Newskit
    Like
    Haha
    Angry
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 0 รีวิว
  • Saloma Link สะพานที่มากกว่าไฟสวย

    มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ (Recreational Attraction) จำนวนมาก ซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการพักผ่อนและเสริมสร้างสุขภาพ ให้ความสนุกสนาน บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ River of Life บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek และสะพาน Saloma Link บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru

    กล่าวถึงสะพาน Saloma Link (ซาโลมาลิงก์) เป็นสะพานขนาดไม่ใหญ่ ยาว 69 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 7 เมตร ข้ามทางด่วนสาย E12 อัมปัง-กัวลาลัมเปอร์ (AKLEH) และแม่น้ำแคลงที่อยู่เกาะกลาง มีทางลาดลงไปยังด้านข้างสุสานอิสลามจาลันอัมปัง แล้วออกทางแยกหน้าอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ ย่าน KLCC เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 โดยมีบริษัท VERITAS Design Group ออกแบบโครงสร้าง ใช้งบก่อสร้าง 31 ล้านริงกิต (237 ล้านบาท)

    จุดเด่นของสะพานซาโลมาลิงก์ คือการออกแบบโครงสร้างเหล็ก โดยได้แรงบันดาลใจจากการจัดช่อดอกไม้มงคลที่เรียกว่า ซิเระ จุนจุง (Sireh Junjung) ในพิธีแต่งงานของชาวมาเลย์ ประดับด้วยกระจกและแผงไฟ LED รูปทรงเพชร ฉายแสงในรูปแบบต่างๆ หลากสีสัน ชื่อสะพานมาจาก ซาโลมา ชื่อเรียกของ ซัลมาห์ อิสมาอิล (Salmah Ismail) นักร้อง นักแสดงชื่อดังชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย ฉายามาริลิน มอนโรแห่งเอเชีย ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2526 ด้วยวัย 48 ปี และถูกฝังอยู่ในสุสานอิสลามจาลันอัมปัง

    ก่อนจะมาเป็นสะพานที่สวยงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคลง จากกัวลาลัมเปอร์ไปยังกำปุงบารู (Kampung Baru) ชุมชนที่อยู่อีกฝั่ง แต่ได้รื้อสะพานเมื่อปี 2539 เพื่อก่อสร้างทางด่วนที่ยกสูงขึ้น เสมือนเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำที่อยู่ตรงกลาง

    ในยามค่ำคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ LED หลากสีสันอย่างสวยงาม ล้อไปกับตึกแฝดปิโตรนาสทาวเวอร์ ที่เปิดไฟส่องไสวไปทั่วตึกเช่นกัน นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปสะพานโดยเฉพาะฝั่งกำปุงบารู จะเห็นด้านหลังทั้งสะพานและตึกปิโตรนาส เป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาเลเซียต้องไม่พลาด ซึ่งฝั่งกำปุงบารูจะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดเล็ก มีร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดจำหน่าย ขึ้นลงได้จากบันไดและลิฟต์ และมีทางเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru ซึ่งเป็นสถานีใต้ดิน

    สะพานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 05.00-24.00 น. โปรดปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการถ่ายรูป ไม่ปีนป่ายราวสะพาน และระวังสิ่งของที่ติดตัวตกจากสะพาน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Saloma Link สะพานที่มากกว่าไฟสวย มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ (Recreational Attraction) จำนวนมาก ซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการพักผ่อนและเสริมสร้างสุขภาพ ให้ความสนุกสนาน บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ River of Life บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek และสะพาน Saloma Link บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru กล่าวถึงสะพาน Saloma Link (ซาโลมาลิงก์) เป็นสะพานขนาดไม่ใหญ่ ยาว 69 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 7 เมตร ข้ามทางด่วนสาย E12 อัมปัง-กัวลาลัมเปอร์ (AKLEH) และแม่น้ำแคลงที่อยู่เกาะกลาง มีทางลาดลงไปยังด้านข้างสุสานอิสลามจาลันอัมปัง แล้วออกทางแยกหน้าอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ ย่าน KLCC เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 โดยมีบริษัท VERITAS Design Group ออกแบบโครงสร้าง ใช้งบก่อสร้าง 31 ล้านริงกิต (237 ล้านบาท) จุดเด่นของสะพานซาโลมาลิงก์ คือการออกแบบโครงสร้างเหล็ก โดยได้แรงบันดาลใจจากการจัดช่อดอกไม้มงคลที่เรียกว่า ซิเระ จุนจุง (Sireh Junjung) ในพิธีแต่งงานของชาวมาเลย์ ประดับด้วยกระจกและแผงไฟ LED รูปทรงเพชร ฉายแสงในรูปแบบต่างๆ หลากสีสัน ชื่อสะพานมาจาก ซาโลมา ชื่อเรียกของ ซัลมาห์ อิสมาอิล (Salmah Ismail) นักร้อง นักแสดงชื่อดังชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย ฉายามาริลิน มอนโรแห่งเอเชีย ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2526 ด้วยวัย 48 ปี และถูกฝังอยู่ในสุสานอิสลามจาลันอัมปัง ก่อนจะมาเป็นสะพานที่สวยงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคลง จากกัวลาลัมเปอร์ไปยังกำปุงบารู (Kampung Baru) ชุมชนที่อยู่อีกฝั่ง แต่ได้รื้อสะพานเมื่อปี 2539 เพื่อก่อสร้างทางด่วนที่ยกสูงขึ้น เสมือนเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำที่อยู่ตรงกลาง ในยามค่ำคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ LED หลากสีสันอย่างสวยงาม ล้อไปกับตึกแฝดปิโตรนาสทาวเวอร์ ที่เปิดไฟส่องไสวไปทั่วตึกเช่นกัน นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปสะพานโดยเฉพาะฝั่งกำปุงบารู จะเห็นด้านหลังทั้งสะพานและตึกปิโตรนาส เป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาเลเซียต้องไม่พลาด ซึ่งฝั่งกำปุงบารูจะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดเล็ก มีร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดจำหน่าย ขึ้นลงได้จากบันไดและลิฟต์ และมีทางเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru ซึ่งเป็นสถานีใต้ดิน สะพานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 05.00-24.00 น. โปรดปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการถ่ายรูป ไม่ปีนป่ายราวสะพาน และระวังสิ่งของที่ติดตัวตกจากสะพาน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวง เปิดการจราจรถนนพระราม 2 กลับมาใช้งานเต็มรูปแบบได้แล้ว หลังรื้อถนอโครงสร้างเหล็กและชิ้นส่วนคอนกรีตออกจากพื้นที่หมด ส่วนเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 5.4 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120071

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมทางหลวง เปิดการจราจรถนนพระราม 2 กลับมาใช้งานเต็มรูปแบบได้แล้ว หลังรื้อถนอโครงสร้างเหล็กและชิ้นส่วนคอนกรีตออกจากพื้นที่หมด ส่วนเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 5.4 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120071 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1076 มุมมอง 1 รีวิว
  • กรมทางหลวง เสริมความแข็งแรงป้องกันการเคลื่อนตัว ก่อนตัดชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็ก Main Truss Beam ชิ้นกลางลงสู่พื้นดินสำเร็จ เร่งคืนผิวจราจร ถนนพระราม 2 ให้ประชาชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119440

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมทางหลวง เสริมความแข็งแรงป้องกันการเคลื่อนตัว ก่อนตัดชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็ก Main Truss Beam ชิ้นกลางลงสู่พื้นดินสำเร็จ เร่งคืนผิวจราจร ถนนพระราม 2 ให้ประชาชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119440 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1134 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อธิบดีกรมทางหลวง คาดเปิดการจราจรถนนพระราม 2 ได้ตามปกติ 14 ธ.ค. นี้ หลังทีมวิศวกร เร่งเคลียร์พื้นที่เครนและชิ้นส่วนคอนกรี ที่ถล่ม ไปแล้วกว่า 70% ล่าสุดวันนี้ เร่งตัดชิ้นส่วนก่อนเคลื่อนย้าย

    วันนี้ (10 ธ.ค. 67) นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตที่ได้รับความเสียหายบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีต มีความคืบหน้าแล้ว 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดการจราจรได้ตามปกติภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2567

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000118595

    #MGROnline #อธิบดีกรมทางหลวง #ถนนพระราม2
    #อธิบดีกรมทางหลวง คาดเปิดการจราจรถนนพระราม 2 ได้ตามปกติ 14 ธ.ค. นี้ หลังทีมวิศวกร เร่งเคลียร์พื้นที่เครนและชิ้นส่วนคอนกรี ที่ถล่ม ไปแล้วกว่า 70% ล่าสุดวันนี้ เร่งตัดชิ้นส่วนก่อนเคลื่อนย้าย • วันนี้ (10 ธ.ค. 67) นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตที่ได้รับความเสียหายบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีต มีความคืบหน้าแล้ว 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดการจราจรได้ตามปกติภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2567 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000118595 • #MGROnline #อธิบดีกรมทางหลวง #ถนนพระราม2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาคมวิศวกรฯ ชี้สมมุติฐานสาเหตุการพังถล่มของโครงถักเหล็ก ถนนพระราม 2🚧ถนนพระราม 2 – จากเหตุการณ์การพังถล่มของโครงถักเหล็ก (Steel launching Truss) ก่อสร้างทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย.2567 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายนั้นศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้อธิบายว่า โครงสร้างเหล็กที่พังถล่มลงไปนั้น เป็นโครงถักเหล็กเลื่อน (Steel launching truss) ใช้สำหรับยกชิ้นส่วนสะพานหรือเซ็กเมนต์ ให้วางตัวในแนวเดียวกัน จากนั้นจึงยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันโดยการดึงลวดอัดแรงโครงถักเหล็กที่ใช้มีลักษณะเป็นรูป 3 เหลี่ยม ใช้คู่กัน 2 ตัวเพื่อยกชิ้นส่วนสะพาน การพังถล่มคาดว่าเกิดขึ้นในขณะที่ทำการติดตั้ง segment ไม่ใช่เป็นขั้นตอนการเลื่อนโครงถักไปข้างหน้า ส่วนสาเหตุที่เกิดการพังถล่ม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสมมุติฐานที่อาจจะเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์ ดังนี้1.ตำแหน่งที่เกิดการวิบัติของโครงถักเหล็กเกิดขึ้นที่ใกล้เสา ซึ่งเป็นจุดที่มีค่าแรงเฉือนสูง และขณะที่เกิดการพังถล่มมีข้อมูลว่า ได้ทำการยกชิ้นส่วนครบทั้งช่วงเสาและจัดแนวแล้ว แสดงให้เห็นว่าโครงถักเหล็กอยู่ในสภาวะที่รับน้ำหนักเต็มที่ ค่าแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจึงมีค่าที่สูงจนอาจทำให้ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงถักเกิดดุ้ง หักหรือขาด แล้วทำให้โครงถักเหล็กสูญเสียกำลังจนพังลงมา2.ท่อนเหล็ก PT bar ที่ใช้หิ้ว segment อาจเกิดการขาดหรือหลุด ทำให้น้ำหนักเสียสมดุล และทำให้เกิดการถ่ายแรงจากโครงถักหนึ่งไปยังอีกโครงถักหนึ่ง ทำให้โครงถักต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนเกิดการบิดตัวและพังถล่มตามมา3.โครงเหล็กวินช์ ที่ใช้ยก segment ที่ตั้งอยู่บนโครงถักเหล็ก และสามารถเลื่อนไปมาได้มีน้ำหนักมากหลายสิบตัน อาจหลุดออกจากรางในระหว่างที่ติดตั้งชิ้นส่วนและทำให้เกิดแรงกระแทกต่อโครงถักเหล็กจนพังถล่มลงมา4.จุดยึดหรือรอยต่อระหว่างโครงถักเหล็กโดยใช้สลักเกลียวหรือท่อนเหล็ก PT bar มีการใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ มีกำลังรับน้ำหนักที่เพียงพอหรือไม่ และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้หรือไม่ ตลอดจนฐานรองรับของโครงเหล็กมีการยึดเข้ากับเสาอย่างแข็งแรงหรือไม่ เพียงใดศ.ดร.อมร พิมานมาศ กล่าวต่อว่า ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ยังเป็นเพียงข้อสังเกตขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่สรุปว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมอีก และการที่จะระบุสาเหตุที่แท้จริงได้นั้นจะต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบ รายการคำนวณ ข้อกำหนดวิธีการทำงาน และคุณภาพวัสดุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การวิบัติของโครงถักเหล็กเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของการก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ และที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันหลายครั้งแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยในอนาคตที่มา:matichon
    สมาคมวิศวกรฯ ชี้สมมุติฐานสาเหตุการพังถล่มของโครงถักเหล็ก ถนนพระราม 2🚧ถนนพระราม 2 – จากเหตุการณ์การพังถล่มของโครงถักเหล็ก (Steel launching Truss) ก่อสร้างทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย.2567 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายนั้นศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้อธิบายว่า โครงสร้างเหล็กที่พังถล่มลงไปนั้น เป็นโครงถักเหล็กเลื่อน (Steel launching truss) ใช้สำหรับยกชิ้นส่วนสะพานหรือเซ็กเมนต์ ให้วางตัวในแนวเดียวกัน จากนั้นจึงยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันโดยการดึงลวดอัดแรงโครงถักเหล็กที่ใช้มีลักษณะเป็นรูป 3 เหลี่ยม ใช้คู่กัน 2 ตัวเพื่อยกชิ้นส่วนสะพาน การพังถล่มคาดว่าเกิดขึ้นในขณะที่ทำการติดตั้ง segment ไม่ใช่เป็นขั้นตอนการเลื่อนโครงถักไปข้างหน้า ส่วนสาเหตุที่เกิดการพังถล่ม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสมมุติฐานที่อาจจะเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์ ดังนี้1.ตำแหน่งที่เกิดการวิบัติของโครงถักเหล็กเกิดขึ้นที่ใกล้เสา ซึ่งเป็นจุดที่มีค่าแรงเฉือนสูง และขณะที่เกิดการพังถล่มมีข้อมูลว่า ได้ทำการยกชิ้นส่วนครบทั้งช่วงเสาและจัดแนวแล้ว แสดงให้เห็นว่าโครงถักเหล็กอยู่ในสภาวะที่รับน้ำหนักเต็มที่ ค่าแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจึงมีค่าที่สูงจนอาจทำให้ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงถักเกิดดุ้ง หักหรือขาด แล้วทำให้โครงถักเหล็กสูญเสียกำลังจนพังลงมา2.ท่อนเหล็ก PT bar ที่ใช้หิ้ว segment อาจเกิดการขาดหรือหลุด ทำให้น้ำหนักเสียสมดุล และทำให้เกิดการถ่ายแรงจากโครงถักหนึ่งไปยังอีกโครงถักหนึ่ง ทำให้โครงถักต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนเกิดการบิดตัวและพังถล่มตามมา3.โครงเหล็กวินช์ ที่ใช้ยก segment ที่ตั้งอยู่บนโครงถักเหล็ก และสามารถเลื่อนไปมาได้มีน้ำหนักมากหลายสิบตัน อาจหลุดออกจากรางในระหว่างที่ติดตั้งชิ้นส่วนและทำให้เกิดแรงกระแทกต่อโครงถักเหล็กจนพังถล่มลงมา4.จุดยึดหรือรอยต่อระหว่างโครงถักเหล็กโดยใช้สลักเกลียวหรือท่อนเหล็ก PT bar มีการใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ มีกำลังรับน้ำหนักที่เพียงพอหรือไม่ และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้หรือไม่ ตลอดจนฐานรองรับของโครงเหล็กมีการยึดเข้ากับเสาอย่างแข็งแรงหรือไม่ เพียงใดศ.ดร.อมร พิมานมาศ กล่าวต่อว่า ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ยังเป็นเพียงข้อสังเกตขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่สรุปว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมอีก และการที่จะระบุสาเหตุที่แท้จริงได้นั้นจะต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบ รายการคำนวณ ข้อกำหนดวิธีการทำงาน และคุณภาพวัสดุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การวิบัติของโครงถักเหล็กเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของการก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ และที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันหลายครั้งแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยในอนาคตที่มา:matichon
    Like
    Sad
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเหตุการณ์การพังถล่มของโครงถักเหล็ก (Steel launching Truss) ก่อสร้างทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย.2567 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายนั้น ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้อธิบายว่า โครงสร้างเหล็กที่พังถล่มลงไปนั้นเป็นโครงถักเหล็กเลื่อน (Steel launching truss) ใช้สำหรับยกชิ้นส่วนสะพานหรือเซกเมนต์ให้วางตัวในแนวเดียวกัน จากนั้นจึงยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันโดยการดึงลวดอัดแรง โครงถักเหล็กที่ใช้มีลักษณะเป็นรูป 3 เหลี่ยม ใช้คู่กัน 2 ตัวเพื่อยกชิ้นส่วนสะพาน การพังถล่มคาดว่าเกิดขึ้นในขณะที่ทำการติดตั้ง segment ไม่ใช่เป็นขั้นตอนการเลื่อนโครงถักไปข้างหน้า ส่วนสาเหตุที่เกิดการพังถล่ม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุที่สาเหตุชัดเจนได้ เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกต หรือข้อสมมติฐานที่อาจจะเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์ ดังนี้

    1.ตำแหน่งที่เกิดการวิบัติของโครงถักเหล็กเกิดขึ้นที่ใกล้เสา ซึ่งเป็นจุดที่มีค่าแรงเฉือนสูง และขณะที่เกิดการพังถล่มมีข้อมูลว่า ได้ทำการการยกชิ้นส่วนครบทั้งช่วงเสาและจัดแนวแล้ว แสดงให้เห็นว่าโครงถักเหล็กอยู่ในสภาวะที่รับน้ำหนักเต็มที่ ค่าแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจึงมีค่าที่สูงจนอาจทำให้ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงถักเกิดดุ้ง หักหรือขาด แล้วทำให้โครงถักเหล็กสูญเสียกำลังจนพังลงมา

    2.ท่อนเหล็ก PT bar ที่ใช้หิ้ว segment อาจเกิดการขาดหรือหลุด ทำให้น้ำหนักเสียสมดุล และทำให้เกิดการถ่ายแรงจากโครงถักหนึ่งไปยังอีกโครงถักหนึ่ง ทำให้โครงถักต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนเกิดการบิดตัวและพังถล่มตามมา

    3.โครงเหล็กวินช์ ที่ใช้ยก segment ที่ตั้งอยู่บนโครงถักเหล็ก และสามารถเลื่อนไปมาได้มีน้ำหนักมากหลายสิบตัน อาจหลุดออกจากรางในระหว่างที่ติดตั้งชิ้นส่วนและทำให้เกิดแรงกระแทกต่อโครงถักเหล็กจนพังถล่มลงมา

    4.จุดยึดหรือรอยต่อระหว่างโครงถักเหล็กโดยใช้สลักเกลียวหรือท่อนเหล็ก PT bar มีการใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ มีกำลังรับน้ำหนักที่เพียงพอหรือไม่ และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้หรือไม่ ตลอดจนฐานรองรับของโครงเหล็กมีการยึดเข้ากับเสาอย่างแข็งแรงหรือไม่ เพียงใด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114846

    #MGROnline #โครงถักเหล็ก #ถนนพระราม2
    จากเหตุการณ์การพังถล่มของโครงถักเหล็ก (Steel launching Truss) ก่อสร้างทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ย.2567 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายนั้น ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้อธิบายว่า โครงสร้างเหล็กที่พังถล่มลงไปนั้นเป็นโครงถักเหล็กเลื่อน (Steel launching truss) ใช้สำหรับยกชิ้นส่วนสะพานหรือเซกเมนต์ให้วางตัวในแนวเดียวกัน จากนั้นจึงยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันโดยการดึงลวดอัดแรง โครงถักเหล็กที่ใช้มีลักษณะเป็นรูป 3 เหลี่ยม ใช้คู่กัน 2 ตัวเพื่อยกชิ้นส่วนสะพาน การพังถล่มคาดว่าเกิดขึ้นในขณะที่ทำการติดตั้ง segment ไม่ใช่เป็นขั้นตอนการเลื่อนโครงถักไปข้างหน้า ส่วนสาเหตุที่เกิดการพังถล่ม ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุที่สาเหตุชัดเจนได้ เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกต หรือข้อสมมติฐานที่อาจจะเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์ ดังนี้ • 1.ตำแหน่งที่เกิดการวิบัติของโครงถักเหล็กเกิดขึ้นที่ใกล้เสา ซึ่งเป็นจุดที่มีค่าแรงเฉือนสูง และขณะที่เกิดการพังถล่มมีข้อมูลว่า ได้ทำการการยกชิ้นส่วนครบทั้งช่วงเสาและจัดแนวแล้ว แสดงให้เห็นว่าโครงถักเหล็กอยู่ในสภาวะที่รับน้ำหนักเต็มที่ ค่าแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจึงมีค่าที่สูงจนอาจทำให้ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงถักเกิดดุ้ง หักหรือขาด แล้วทำให้โครงถักเหล็กสูญเสียกำลังจนพังลงมา • 2.ท่อนเหล็ก PT bar ที่ใช้หิ้ว segment อาจเกิดการขาดหรือหลุด ทำให้น้ำหนักเสียสมดุล และทำให้เกิดการถ่ายแรงจากโครงถักหนึ่งไปยังอีกโครงถักหนึ่ง ทำให้โครงถักต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนเกิดการบิดตัวและพังถล่มตามมา • 3.โครงเหล็กวินช์ ที่ใช้ยก segment ที่ตั้งอยู่บนโครงถักเหล็ก และสามารถเลื่อนไปมาได้มีน้ำหนักมากหลายสิบตัน อาจหลุดออกจากรางในระหว่างที่ติดตั้งชิ้นส่วนและทำให้เกิดแรงกระแทกต่อโครงถักเหล็กจนพังถล่มลงมา • 4.จุดยึดหรือรอยต่อระหว่างโครงถักเหล็กโดยใช้สลักเกลียวหรือท่อนเหล็ก PT bar มีการใช้วัสดุที่ได้คุณภาพ มีกำลังรับน้ำหนักที่เพียงพอหรือไม่ และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้หรือไม่ ตลอดจนฐานรองรับของโครงเหล็กมีการยึดเข้ากับเสาอย่างแข็งแรงหรือไม่ เพียงใด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000114846 • #MGROnline #โครงถักเหล็ก #ถนนพระราม2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตรได้โพสต์ถึง มาตรฐานรถบัสทัศนศึกษาในยุโรปกับโศกนาฎกรรมไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากจ.อุทัยธานี

    1.กรณีรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนใน จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้ ทั้งคัน ที่ถนนวิภาวดีรังสิต
    1.1.สิ่งพบในเหตุการณ์คือ ไฟไหม้จากล้อหน้ายางแตก นักเรียนได้กินแก๊สในห้องโดยสาร รถบัสดังกล่าวใช้แก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง ประตูทางออกฉุกเฉินไม่สามารถเปิดได้ นักเรียนและคุณครูเสียชีวิตหลายคนส่วนใหญ่อยู่ทางด้านหลังรถบัส
    1.2.เชื้อเพลิงNGVของรถบัส (ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนนำมาอัดจนมีความดันสูง ประมาณ 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้วแล้วนำไปเก็บในถังบรรจุที่มีความแข็งแรงทน ทานสูงเป็นพิเศษ) ลักษณะจะเบากว่าอา กาศหากมีการรั่วไหลก็อาจจะลอยสะสมขึ้นบนที่ฝ้าเพดานรถและอาจเกิดไฟไหม้ได้เมื่อมีความร้อนหรือไฟที่ระดับหนึ่งมีช่วงของการติดไฟที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรในอากาศ อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้รถบัสได้

    2.กรณีระบบความปลอดภัยของรถบัสในประเทศยุโรป
    2.1.ระบบความปลอดภัยของตัวรถบัสเพื่อใช้ทัศนศึกษาในประเทศแถบยุโรป..
    2.1.1.ติดเซ็นเซอร์ป้องกันประตูปิดขณะผู้โดยสารขึ้นและลงจากรถ
    2.1.2 ตัวถังเป็นโครงสร้างเหล็ก galvanized ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กทั่วไป
    2.1.3.กระจกผ้าม่านในรถและพื้นยางปูรถต้องทำจากวัสดุป้องกันไฟลามตามมาตร ฐานของ EU
    2.1.4.ในแต่ละที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัย 2 จุด
    2.1.5.มีระบบเบรกอัจฉริยะ Anti-Lock Braking System. (ABS)
    2.1.6.ทางออกฉุกเฉินของรถบัสให้มีถึง 3 ที่ ได้แก่ ท้ายรถด้านขวามีประตูฉุกเฉินพร้อมป้าย EXIT บานกระจกเป็นกระจกนิร ภัยTempered glass ซึ่งสามารถใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ ช่องพัดลมดูดอากาศใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ด้วย

    2.2.ความปลอดภัยด้านป้องกันไฟไหม้ของยุโรป
    2.2.1.มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติในห้องเครื่องยนต์
    2.2.2. ถังดับเพลิง 2 ถัง
    2.3.3 ค้อนทุบกระจก 4-6 อัน

    2.3.เชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับรถบัสยุโรป จะใช้น้ำมันดีเซลEuro5 ไม่ใช่แก๊ส เพราะปลอด ภัยกว่าและไม่ปล่อยฝุ่น2.5

    2.4.ยางรถยนต์รถบัสยุโรปต้องยึดเกาะถนนได้ดีตามมาตรฐานEuro

    2.5.พนักงานขับรถในยุโรปต้องมีใบขับขี่รถบัสหรือได้ Certificated และมีประสบ การณ์ขับขี่ สามารถยืนยันตัวตนได้

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/svH6f69WqCVLtQPQ/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    1 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตรได้โพสต์ถึง มาตรฐานรถบัสทัศนศึกษาในยุโรปกับโศกนาฎกรรมไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากจ.อุทัยธานี 1.กรณีรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนใน จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้ ทั้งคัน ที่ถนนวิภาวดีรังสิต 1.1.สิ่งพบในเหตุการณ์คือ ไฟไหม้จากล้อหน้ายางแตก นักเรียนได้กินแก๊สในห้องโดยสาร รถบัสดังกล่าวใช้แก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง ประตูทางออกฉุกเฉินไม่สามารถเปิดได้ นักเรียนและคุณครูเสียชีวิตหลายคนส่วนใหญ่อยู่ทางด้านหลังรถบัส 1.2.เชื้อเพลิงNGVของรถบัส (ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนนำมาอัดจนมีความดันสูง ประมาณ 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้วแล้วนำไปเก็บในถังบรรจุที่มีความแข็งแรงทน ทานสูงเป็นพิเศษ) ลักษณะจะเบากว่าอา กาศหากมีการรั่วไหลก็อาจจะลอยสะสมขึ้นบนที่ฝ้าเพดานรถและอาจเกิดไฟไหม้ได้เมื่อมีความร้อนหรือไฟที่ระดับหนึ่งมีช่วงของการติดไฟที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรในอากาศ อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้รถบัสได้ 2.กรณีระบบความปลอดภัยของรถบัสในประเทศยุโรป 2.1.ระบบความปลอดภัยของตัวรถบัสเพื่อใช้ทัศนศึกษาในประเทศแถบยุโรป.. 2.1.1.ติดเซ็นเซอร์ป้องกันประตูปิดขณะผู้โดยสารขึ้นและลงจากรถ 2.1.2 ตัวถังเป็นโครงสร้างเหล็ก galvanized ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กทั่วไป 2.1.3.กระจกผ้าม่านในรถและพื้นยางปูรถต้องทำจากวัสดุป้องกันไฟลามตามมาตร ฐานของ EU 2.1.4.ในแต่ละที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัย 2 จุด 2.1.5.มีระบบเบรกอัจฉริยะ Anti-Lock Braking System. (ABS) 2.1.6.ทางออกฉุกเฉินของรถบัสให้มีถึง 3 ที่ ได้แก่ ท้ายรถด้านขวามีประตูฉุกเฉินพร้อมป้าย EXIT บานกระจกเป็นกระจกนิร ภัยTempered glass ซึ่งสามารถใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ ช่องพัดลมดูดอากาศใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ด้วย 2.2.ความปลอดภัยด้านป้องกันไฟไหม้ของยุโรป 2.2.1.มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติในห้องเครื่องยนต์ 2.2.2. ถังดับเพลิง 2 ถัง 2.3.3 ค้อนทุบกระจก 4-6 อัน 2.3.เชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับรถบัสยุโรป จะใช้น้ำมันดีเซลEuro5 ไม่ใช่แก๊ส เพราะปลอด ภัยกว่าและไม่ปล่อยฝุ่น2.5 2.4.ยางรถยนต์รถบัสยุโรปต้องยึดเกาะถนนได้ดีตามมาตรฐานEuro 2.5.พนักงานขับรถในยุโรปต้องมีใบขับขี่รถบัสหรือได้ Certificated และมีประสบ การณ์ขับขี่ สามารถยืนยันตัวตนได้ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/svH6f69WqCVLtQPQ/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1243 มุมมอง 0 รีวิว