• การขายแบบ ตั้งรับ ..และแบบ เอาเงินมาเอาของไป...ฉันเป็นเจ้าของจะทำอะไรก็ได้...มัน ตกยุคไปแล้ว...ลองดู สำเพ็ง พาหุรัด โบ๊เบ๊ สิ...เมื่อก่อน พ่อค้าแม่ค้าแบบ หันหลังขายยังได้เลย...เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ต้องเป็นเชิงรุก...ไม่ใช่รอรับ..เช่น live การใช้สื่อทั้งหลายให้เป็น..ตามมาด้วย ความสูภาพ และเป็นมิตร...ผมสัมผัสกับคนรวยมามากมาย...ถ้าเขารู้สึกสบายใจที่จะพูดคุย ไม่ว่าจะซื้อหรือจะขาย...มูลค่า หรือ คุณค่า จะกลายเป็นเรื่องรองลงไปทันที.
    การขายแบบ ตั้งรับ ..และแบบ เอาเงินมาเอาของไป...ฉันเป็นเจ้าของจะทำอะไรก็ได้...มัน ตกยุคไปแล้ว...ลองดู สำเพ็ง พาหุรัด โบ๊เบ๊ สิ...เมื่อก่อน พ่อค้าแม่ค้าแบบ หันหลังขายยังได้เลย...เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ต้องเป็นเชิงรุก...ไม่ใช่รอรับ..เช่น live การใช้สื่อทั้งหลายให้เป็น..ตามมาด้วย ความสูภาพ และเป็นมิตร...ผมสัมผัสกับคนรวยมามากมาย...ถ้าเขารู้สึกสบายใจที่จะพูดคุย ไม่ว่าจะซื้อหรือจะขาย...มูลค่า หรือ คุณค่า จะกลายเป็นเรื่องรองลงไปทันที.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวนี้สะท้อนถึง ความแตกต่างในทัศนคติทางสังคมและการรับรู้ค่าของเงิน ที่เกิดขึ้นระหว่างคนที่มีฐานะกับคนที่มีความลำบากทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการซื้อขายและการต่อรองราคา ที่ผู้คนมักจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อได้ต่อรองราคาจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในราคาต่ำ แต่กลับไม่รู้สึกต้องการทำเช่นเดียวกันเมื่อซื้อสินค้าที่มีราคาสูงจากร้านค้าหรือร้านอาหารใหญ่ๆ ที่กำหนดราคามาแล้วสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือ: 1. การต่อรองราคากับคนจน: พฤติกรรมที่มักจะเกิดขึ้นคือการที่ผู้ซื้อรู้สึกว่าได้ “ชัยชนะ” เมื่อสามารถต่อรองราคาของสินค้าจากผู้ที่มีรายได้น้อยลงไปได้ แม้ว่าราคาที่ตนจ่ายนั้นอาจจะไม่ได้ทำให้ผู้ขายได้กำไรจริงๆ หรือไม่ได้ทำให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นก็ตาม 2. การไม่ต่อรองในร้านค้าราคาแพง: ในทางกลับกัน ผู้คนมักจะยอมจ่ายราคาที่ตั้งไว้โดยร้านค้าหรือภัตตาคารใหญ่ โดยไม่ต่อรองหรือถามหาความเป็นไปได้ในการลดราคา ทั้งที่บางครั้งการ “ทิ้งทอน” หรือการไม่ขอส่วนลดที่ถูกต้องอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป 3. การให้ราคาสูงกว่าเพื่อช่วยเหลือ: การที่ผู้เขียนเลือกที่จะให้ราคาสูงกว่าที่ต้องการเพื่อช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่มีความยากจน ถือเป็นการทำบุญที่มีความหมาย ทั้งในแง่ของการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และการให้เกียรติในความพยายามของคนที่ทำงานหนักในแต่ละวันข้อคิดสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสะท้อนคือการใช้ “ความเมตตา” และ “การช่วยเหลือ” ในการให้เงินหรือให้สิ่งต่างๆ แก่คนที่มีฐานะยากจน หรือผู้ที่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ การไม่ทำให้พวกเขารู้สึกถูกเอาเปรียบ และการพยายามทำให้พวกเขามีศักดิ์ศรีมากขึ้นผ่านการให้ความเคารพในราคาและการซื้อขาย.
    เรื่องราวนี้สะท้อนถึง ความแตกต่างในทัศนคติทางสังคมและการรับรู้ค่าของเงิน ที่เกิดขึ้นระหว่างคนที่มีฐานะกับคนที่มีความลำบากทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการซื้อขายและการต่อรองราคา ที่ผู้คนมักจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อได้ต่อรองราคาจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในราคาต่ำ แต่กลับไม่รู้สึกต้องการทำเช่นเดียวกันเมื่อซื้อสินค้าที่มีราคาสูงจากร้านค้าหรือร้านอาหารใหญ่ๆ ที่กำหนดราคามาแล้วสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือ: 1. การต่อรองราคากับคนจน: พฤติกรรมที่มักจะเกิดขึ้นคือการที่ผู้ซื้อรู้สึกว่าได้ “ชัยชนะ” เมื่อสามารถต่อรองราคาของสินค้าจากผู้ที่มีรายได้น้อยลงไปได้ แม้ว่าราคาที่ตนจ่ายนั้นอาจจะไม่ได้ทำให้ผู้ขายได้กำไรจริงๆ หรือไม่ได้ทำให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นก็ตาม 2. การไม่ต่อรองในร้านค้าราคาแพง: ในทางกลับกัน ผู้คนมักจะยอมจ่ายราคาที่ตั้งไว้โดยร้านค้าหรือภัตตาคารใหญ่ โดยไม่ต่อรองหรือถามหาความเป็นไปได้ในการลดราคา ทั้งที่บางครั้งการ “ทิ้งทอน” หรือการไม่ขอส่วนลดที่ถูกต้องอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป 3. การให้ราคาสูงกว่าเพื่อช่วยเหลือ: การที่ผู้เขียนเลือกที่จะให้ราคาสูงกว่าที่ต้องการเพื่อช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่มีความยากจน ถือเป็นการทำบุญที่มีความหมาย ทั้งในแง่ของการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และการให้เกียรติในความพยายามของคนที่ทำงานหนักในแต่ละวันข้อคิดสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสะท้อนคือการใช้ “ความเมตตา” และ “การช่วยเหลือ” ในการให้เงินหรือให้สิ่งต่างๆ แก่คนที่มีฐานะยากจน หรือผู้ที่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ การไม่ทำให้พวกเขารู้สึกถูกเอาเปรียบ และการพยายามทำให้พวกเขามีศักดิ์ศรีมากขึ้นผ่านการให้ความเคารพในราคาและการซื้อขาย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิ้นรนยำ..ถนนพระอาทิตย์!! เสน่ห์คนทำมาหากิน!! 16/11/67 #เสน่ห์คนทำมาหากิน #ร้านยำเคลื่อนที่ #ถนนพระอาทิตย์ #แม่ค้า
    ดิ้นรนยำ..ถนนพระอาทิตย์!! เสน่ห์คนทำมาหากิน!! 16/11/67 #เสน่ห์คนทำมาหากิน #ร้านยำเคลื่อนที่ #ถนนพระอาทิตย์ #แม่ค้า
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1562 มุมมอง 150 0 รีวิว
  • #บาลีวันละคำ (4,534)

    สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร

    อย่าเอาของสูงมาทำให้ใจเสื่อม

    (๑) “สีสะ”

    เขียนแบบบาลีเป็น “สีส” อ่านว่า สี-สะ รากศัพท์มาจาก -

    (1) สี (ธาตุ = อยู่, นอน) + ส ปัจจัย

    : สี + ส = สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่อยู่ของเหาเป็นต้น” (คำแปลนี้เป็นอันแสดงความจริงว่า คนโบราณบนหัวต้องมีเหา คนสมัยใหม่ที่มีวิธีรักษาความสะอาดของหัวเป็นอย่างดีย่อมนึกไม่เห็นว่า “ศีรษะ” จะแปลอย่างนี้ได้อย่างไร)

    (2) สิ (ธาตุ = ผูก) + ส ปัจจัย, ทีฆะ อิ ที่ สิ เป็น อี (สิ > สี)

    : สิ + ส = สิส > สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่ผูกผมโดยเกล้าเป็นมวย”

    “สีส” (นปุงสกลิงค์) ในภาษาบาลีใช้ในความหมายดังนี้ -

    (1) ศีรษะ (the head [of the body])
    (2) ส่วนสูงที่สุด, ยอด, ข้างหน้า (highest part, top, front)
    (3) ข้อสำคัญ (chief point)
    (4) ดอก, รวง (ของข้าวหรือพืช) (panicle, ear [of rice or crops])
    (5) หัว, หัวข้อ (เป็นข้อย่อยของเรื่อง) (head, heading [as subdivision of a subject])

    บาลี “สีส” สันสกฤตเป็น “ศีรฺษ”
    สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า -
    (สะกดตามต้นฉบับ)

    “ศีรฺษ : (คำนาม) ‘ศีร์ษะ,’ ศิรัส, เศียร, หัว; the head.”

    ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สีสะ” ตามบาลี และ “ศีรษะ” ตามสันสกฤต บอกไว้ดังนี้ -

    (1) สีสะ ๒ : (คำนาม) ศีรษะ. (ป.; ส. ศีรฺษ).

    (2) ศีรษะ : (คำนาม) หัว (เป็นคำสุภาพที่ใช้แก่คน). (ส.; ป. สีส)

    โปรดสังเกตว่า -

    “สีส” บาลี สระ อี อยู่บน ส
    “ศีรฺษ” สันสกฤต สระ อี ก็อยู่บน ศ ไม่ได้อยู่บน ร
    ดังนั้น เมื่อเขียนในภาษาไทย จึงเป็น “ศีรษะ” - สระ อี อยู่บน ศ

    (๒) “สิระ”

    เขียนแบบบาลีเป็น “สิร” อ่านว่า สิ-ระ รากศัพท์มาจาก สิ (ธาตุ = คบหา, ผูก) + ร ปัจจัย

    : สิ + ร = สิร แปลตามศัพท์ว่า (1) “อวัยวะเป็นเครื่องคบหา” คือใช้ก้มยอมรับกัน (2) “อวัยวะอันคอเชื่อมไว้” (3) “ส่วนอันดอกไม้ติดอยู่”

    “สิร” (ปุงลิงค์) หมายถึง -

    (1) ศีรษะหรือหัว (head)
    (2) ยอดไม้, ปลาย (tip)

    บาลี “สิร” สันสกฤตเป็น “ศิรสฺ”
    สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอไว้ดังนี้ -
    (สะกดตามต้นฉบับ)

    “ศิรสฺ : (คำนาม) 'ศิรัส,' เศียร, ศิร์ษะ; ยอตไม้; อัครภาคหรือเสนามุข; อธิบดีหรือนายก; the head; the top of a tree; the van of an army; a chief.”

    “สิร” บาลี “ศิรสฺ” สันสกฤต ไทยเอามาใช้เป็น “เศียร”

    พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สิระ” ตามบาลี “ศิระ” อิงสันสกฤต และ “เศียร” แบบไทย บอกไว้ดังนี้ -

    (1) สิร-, สิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ที่สุด. (ป.; ส. ศิรา).

    (2) ศิร-, ศิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ด้านหน้า. (ส. ศิรสฺ; ป. สิร).

    (3) เศียร : (คำนาม) หัว เช่น เศียรพระพุทธรูป ทศกัณฐ์มีสิบเศียรยี่สิบกร, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระเศียร. (ส. ศิร; ป. สิร); เรียกไพ่ตอง ๓ ใบ พวกเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน เช่น ๓ คน ๓ นก ๓ ตา ว่า ๑ เศียร.

    อภิปราย :

    บาลีวันละคำวันนี้ยกคำขึ้นตั้งว่า “สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร” มีเจตนาจะบอกว่า -

    “สีสะ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “ศีรษะ”
    “สิระ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “เศียร”

    ..............

    ที่ยกคำนี้ขึ้นมาเขียน ได้แรงบันดาลใจจากภาพประกอบโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่ง ข้อความในโพสต์ท่านเขียนไว้ว่า -

    ..............

    อยากให้แม่ค้าพินิจพิเคราะห์ให้ดี ก่อนที่จะนำสินค้าใด ๆ ก็ตามที่สื่อถึงพระศาสดา มาจัดจำหน่าย ไม่ว่าศาสดาของศาสนาไหนก็ตาม เช่นสินค้าชุดนี้ เป็นสินค้าที่สื่อถึงพระเศียรขององค์พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาห้อยกระเป๋าหรือพวงกุญแจ ไม่เหมาะโดยประการทั้งปวง กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่ง

    ที่ผ่านมา พศ ทำได้เพียงขอความร่วมมือ

    ..............

    ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความที่ท่านเขียนไว้นั้น ขอเป็นสื่อสารถ่ายทอดอีกทางหนึ่ง

    ผู้เขียนบาลีวันละคำมีข้อสังเกตว่า ในเมืองไทยของเรานี้ ศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่คนประเภทหนึ่งกล้านำมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้

    ยังไม่เคยเห็นคนประเภทนี้นำศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้เลย

    ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง

    ..............

    ดูก่อนภราดา!

    เอาของสูงมาทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม

    : ของยิ่งสูงมาก
    : ใจของผู้ทำก็ยิ่งต่ำมาก
    พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
    #บาลีวันละคำ (4,534) สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร อย่าเอาของสูงมาทำให้ใจเสื่อม (๑) “สีสะ” เขียนแบบบาลีเป็น “สีส” อ่านว่า สี-สะ รากศัพท์มาจาก - (1) สี (ธาตุ = อยู่, นอน) + ส ปัจจัย : สี + ส = สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่อยู่ของเหาเป็นต้น” (คำแปลนี้เป็นอันแสดงความจริงว่า คนโบราณบนหัวต้องมีเหา คนสมัยใหม่ที่มีวิธีรักษาความสะอาดของหัวเป็นอย่างดีย่อมนึกไม่เห็นว่า “ศีรษะ” จะแปลอย่างนี้ได้อย่างไร) (2) สิ (ธาตุ = ผูก) + ส ปัจจัย, ทีฆะ อิ ที่ สิ เป็น อี (สิ > สี) : สิ + ส = สิส > สีส แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นที่ผูกผมโดยเกล้าเป็นมวย” “สีส” (นปุงสกลิงค์) ในภาษาบาลีใช้ในความหมายดังนี้ - (1) ศีรษะ (the head [of the body]) (2) ส่วนสูงที่สุด, ยอด, ข้างหน้า (highest part, top, front) (3) ข้อสำคัญ (chief point) (4) ดอก, รวง (ของข้าวหรือพืช) (panicle, ear [of rice or crops]) (5) หัว, หัวข้อ (เป็นข้อย่อยของเรื่อง) (head, heading [as subdivision of a subject]) บาลี “สีส” สันสกฤตเป็น “ศีรฺษ” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า - (สะกดตามต้นฉบับ) “ศีรฺษ : (คำนาม) ‘ศีร์ษะ,’ ศิรัส, เศียร, หัว; the head.” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สีสะ” ตามบาลี และ “ศีรษะ” ตามสันสกฤต บอกไว้ดังนี้ - (1) สีสะ ๒ : (คำนาม) ศีรษะ. (ป.; ส. ศีรฺษ). (2) ศีรษะ : (คำนาม) หัว (เป็นคำสุภาพที่ใช้แก่คน). (ส.; ป. สีส) โปรดสังเกตว่า - “สีส” บาลี สระ อี อยู่บน ส “ศีรฺษ” สันสกฤต สระ อี ก็อยู่บน ศ ไม่ได้อยู่บน ร ดังนั้น เมื่อเขียนในภาษาไทย จึงเป็น “ศีรษะ” - สระ อี อยู่บน ศ (๒) “สิระ” เขียนแบบบาลีเป็น “สิร” อ่านว่า สิ-ระ รากศัพท์มาจาก สิ (ธาตุ = คบหา, ผูก) + ร ปัจจัย : สิ + ร = สิร แปลตามศัพท์ว่า (1) “อวัยวะเป็นเครื่องคบหา” คือใช้ก้มยอมรับกัน (2) “อวัยวะอันคอเชื่อมไว้” (3) “ส่วนอันดอกไม้ติดอยู่” “สิร” (ปุงลิงค์) หมายถึง - (1) ศีรษะหรือหัว (head) (2) ยอดไม้, ปลาย (tip) บาลี “สิร” สันสกฤตเป็น “ศิรสฺ” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอไว้ดังนี้ - (สะกดตามต้นฉบับ) “ศิรสฺ : (คำนาม) 'ศิรัส,' เศียร, ศิร์ษะ; ยอตไม้; อัครภาคหรือเสนามุข; อธิบดีหรือนายก; the head; the top of a tree; the van of an army; a chief.” “สิร” บาลี “ศิรสฺ” สันสกฤต ไทยเอามาใช้เป็น “เศียร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “สิระ” ตามบาลี “ศิระ” อิงสันสกฤต และ “เศียร” แบบไทย บอกไว้ดังนี้ - (1) สิร-, สิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ที่สุด. (ป.; ส. ศิรา). (2) ศิร-, ศิระ : (คำนาม) หัว, ยอด, ด้านหน้า. (ส. ศิรสฺ; ป. สิร). (3) เศียร : (คำนาม) หัว เช่น เศียรพระพุทธรูป ทศกัณฐ์มีสิบเศียรยี่สิบกร, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระเศียร. (ส. ศิร; ป. สิร); เรียกไพ่ตอง ๓ ใบ พวกเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน เช่น ๓ คน ๓ นก ๓ ตา ว่า ๑ เศียร. อภิปราย : บาลีวันละคำวันนี้ยกคำขึ้นตั้งว่า “สีสะ ศีรษะ สิระ เศียร” มีเจตนาจะบอกว่า - “สีสะ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “ศีรษะ” “สิระ” ในบาลี เราเอามาใช้อิงสันสกฤตเป็น “เศียร” .............. ที่ยกคำนี้ขึ้นมาเขียน ได้แรงบันดาลใจจากภาพประกอบโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่ง ข้อความในโพสต์ท่านเขียนไว้ว่า - .............. อยากให้แม่ค้าพินิจพิเคราะห์ให้ดี ก่อนที่จะนำสินค้าใด ๆ ก็ตามที่สื่อถึงพระศาสดา มาจัดจำหน่าย ไม่ว่าศาสดาของศาสนาไหนก็ตาม เช่นสินค้าชุดนี้ เป็นสินค้าที่สื่อถึงพระเศียรขององค์พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาห้อยกระเป๋าหรือพวงกุญแจ ไม่เหมาะโดยประการทั้งปวง กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่ง ที่ผ่านมา พศ ทำได้เพียงขอความร่วมมือ .............. ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความที่ท่านเขียนไว้นั้น ขอเป็นสื่อสารถ่ายทอดอีกทางหนึ่ง ผู้เขียนบาลีวันละคำมีข้อสังเกตว่า ในเมืองไทยของเรานี้ ศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่คนประเภทหนึ่งกล้านำมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้ ยังไม่เคยเห็นคนประเภทนี้นำศาสนบุคคลและศาสนวัตถุในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามมาเหยียบย่ำ เย้ยหยัน ล้อเล่น หรือปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้เลย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง .............. ดูก่อนภราดา! เอาของสูงมาทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม : ของยิ่งสูงมาก : ใจของผู้ทำก็ยิ่งต่ำมาก พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10/11/2024 มาอุดหนุน แม่ค้าหน่อยนะค่ะ
    ร้านอยู่ พุทธมณฑลสาย4
    เบอร์ติดต่อ 0942236805
    ID 0942236805
    10/11/2024 มาอุดหนุน แม่ค้าหน่อยนะค่ะ ร้านอยู่ พุทธมณฑลสาย4 เบอร์ติดต่อ 0942236805 ID 0942236805
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=--wDC4iYbkU
    บทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตลาดสด

    The conversations from the clip :

    Customer: Hi there! Could you help me pick some fresh vegetables?
    Vendor: Of course! What do you need?
    Customer: I need cucumbers, tomatoes, and some carrots.
    Vendor: Here are some fresh cucumbers. How many do you want?
    Customer: How much are the cucumbers per kilogram?
    Vendor: They’re 40 baht per kilogram.
    Customer: Great, I’ll take 1 kilogram. What about the tomatoes?
    Vendor: They’re 50 baht per kilogram. Would you like to try some?
    Customer: Yes, please. I’ll take half a kilogram.
    Vendor: That will be 25 baht for the tomatoes. Anything else?
    Customer: Yes, how much are the carrots?
    Vendor: They’re 40 baht for a bundle.
    Customer: Could you give me a discount if I buy everything?
    Vendor: Sure! I can give you a total of 100 baht for all.
    Customer: That sounds good! Can I pay with a QR code?
    Vendor: Yes, here’s the QR code.
    Customer: Scanning it now. Thank you for your help!
    Vendor: You’re welcome! Enjoy your shopping!
    Customer: I will! See you next time!

    ลูกค้า: สวัสดีครับ! คุณช่วยผมเลือกผักสดหน่อยได้ไหมครับ?
    แม่ค้า: แน่นอนค่ะ! คุณต้องการอะไรบ้างคะ?
    ลูกค้า: ผมต้องการแตงกวา มะเขือเทศ และแครอทครับ
    แม่ค้า: นี่คือแตงกวาสด ๆ ค่ะ ต้องการกี่กิโลกรัมคะ
    ลูกค้า: แตงกวาราคากิโลกรัมละเท่าไหร่ครับ?
    แม่ค้า: กิโลกรัมละ 40 บาทค่ะ
    ลูกค้า: ดีเลยครับ ฉันจะเอา 1 กิโลกรัม แล้วมะเขือเทศล่ะ?
    แม่ค้า: มะเขือเทศราคากิโลกรัมละ 50 บาทค่ะ คุณอยากลองชิมไหมคะ?
    ลูกค้า: ใช่ครับ ขอ half กิโลกรัมครับ
    แม่ค้า: ราคา 25 บาทสำหรับมะเขือเทศค่ะ ยังมีอะไรอีกไหมคะ?
    ลูกค้า: ใช่ครับ แครอทราคามากแค่ไหนครับ?
    แม่ค้า: แครอทราคา 40 บาทสำหรับหนึ่งกำค่ะ
    ลูกค้า: คุณช่วยให้ส่วนลดหน่อยได้ไหมถ้าผมซื้อทั้งหมด?
    แม่ค้า: แน่นอนค่ะ ฉันให้ราคา 100 บาทสำหรับทั้งหมดค่ะ
    ลูกค้า: ฟังดูดีครับ! ผมสามารถจ่ายด้วย QR code ได้ไหมครับ?
    แม่ค้า: ได้ค่ะ นี่คือ QR code ครับ
    ลูกค้า: กำลังสแกนอยู่ครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับ!
    แม่ค้า: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการช็อปปิ้งนะคะ!
    ลูกค้า: ผมจะสนุกครับ! แล้วเจอกันครั้งหน้านะครับ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Cucumber (คิว-คัม-เบอะ) n. แปลว่า แตงกวา
    Tomato (ทู-ม๊า-โต้) n. แปลว่า มะเขือเทศ
    Carrot (แค-ร็อท) n. แปลว่า แครอท
    Fresh (เฟรช) adj. แปลว่า สด
    Vegetable (เวจ-เจ-ทะ-เบิล) n. แปลว่า ผัก
    Bundle (บัน-เดิล) n. แปลว่า ห่อ, ช่อ
    Discount (ดิส-เคานท์) n. แปลว่า ส่วนลด
    Total (โท-ทัล) n. แปลว่า ยอดรวม
    Price (ไพรซ์) n. แปลว่า ราคา
    Pay (เพย์) v. แปลว่า จ่ายเงิน
    QR code (คิว-อาร์ โค้ด) n. แปลว่า โค้ด QR
    Scanning (สแกน-นิ่ง) n. แปลว่า การสแกน
    Enjoy (เอน-จอย) v. แปลว่า สนุกสนาน, เพลิดเพลิน
    Vendor (เวน-เดอร์) n. แปลว่า แม่ค้า, ผู้ขาย
    Help (เฮลป์) v. แปลว่า ช่วยเหลือ
    https://www.youtube.com/watch?v=--wDC4iYbkU บทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อผักที่ตลาดสด มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตลาดสด The conversations from the clip : Customer: Hi there! Could you help me pick some fresh vegetables? Vendor: Of course! What do you need? Customer: I need cucumbers, tomatoes, and some carrots. Vendor: Here are some fresh cucumbers. How many do you want? Customer: How much are the cucumbers per kilogram? Vendor: They’re 40 baht per kilogram. Customer: Great, I’ll take 1 kilogram. What about the tomatoes? Vendor: They’re 50 baht per kilogram. Would you like to try some? Customer: Yes, please. I’ll take half a kilogram. Vendor: That will be 25 baht for the tomatoes. Anything else? Customer: Yes, how much are the carrots? Vendor: They’re 40 baht for a bundle. Customer: Could you give me a discount if I buy everything? Vendor: Sure! I can give you a total of 100 baht for all. Customer: That sounds good! Can I pay with a QR code? Vendor: Yes, here’s the QR code. Customer: Scanning it now. Thank you for your help! Vendor: You’re welcome! Enjoy your shopping! Customer: I will! See you next time! ลูกค้า: สวัสดีครับ! คุณช่วยผมเลือกผักสดหน่อยได้ไหมครับ? แม่ค้า: แน่นอนค่ะ! คุณต้องการอะไรบ้างคะ? ลูกค้า: ผมต้องการแตงกวา มะเขือเทศ และแครอทครับ แม่ค้า: นี่คือแตงกวาสด ๆ ค่ะ ต้องการกี่กิโลกรัมคะ ลูกค้า: แตงกวาราคากิโลกรัมละเท่าไหร่ครับ? แม่ค้า: กิโลกรัมละ 40 บาทค่ะ ลูกค้า: ดีเลยครับ ฉันจะเอา 1 กิโลกรัม แล้วมะเขือเทศล่ะ? แม่ค้า: มะเขือเทศราคากิโลกรัมละ 50 บาทค่ะ คุณอยากลองชิมไหมคะ? ลูกค้า: ใช่ครับ ขอ half กิโลกรัมครับ แม่ค้า: ราคา 25 บาทสำหรับมะเขือเทศค่ะ ยังมีอะไรอีกไหมคะ? ลูกค้า: ใช่ครับ แครอทราคามากแค่ไหนครับ? แม่ค้า: แครอทราคา 40 บาทสำหรับหนึ่งกำค่ะ ลูกค้า: คุณช่วยให้ส่วนลดหน่อยได้ไหมถ้าผมซื้อทั้งหมด? แม่ค้า: แน่นอนค่ะ ฉันให้ราคา 100 บาทสำหรับทั้งหมดค่ะ ลูกค้า: ฟังดูดีครับ! ผมสามารถจ่ายด้วย QR code ได้ไหมครับ? แม่ค้า: ได้ค่ะ นี่คือ QR code ครับ ลูกค้า: กำลังสแกนอยู่ครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับ! แม่ค้า: ยินดีค่ะ! ขอให้สนุกกับการช็อปปิ้งนะคะ! ลูกค้า: ผมจะสนุกครับ! แล้วเจอกันครั้งหน้านะครับ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Cucumber (คิว-คัม-เบอะ) n. แปลว่า แตงกวา Tomato (ทู-ม๊า-โต้) n. แปลว่า มะเขือเทศ Carrot (แค-ร็อท) n. แปลว่า แครอท Fresh (เฟรช) adj. แปลว่า สด Vegetable (เวจ-เจ-ทะ-เบิล) n. แปลว่า ผัก Bundle (บัน-เดิล) n. แปลว่า ห่อ, ช่อ Discount (ดิส-เคานท์) n. แปลว่า ส่วนลด Total (โท-ทัล) n. แปลว่า ยอดรวม Price (ไพรซ์) n. แปลว่า ราคา Pay (เพย์) v. แปลว่า จ่ายเงิน QR code (คิว-อาร์ โค้ด) n. แปลว่า โค้ด QR Scanning (สแกน-นิ่ง) n. แปลว่า การสแกน Enjoy (เอน-จอย) v. แปลว่า สนุกสนาน, เพลิดเพลิน Vendor (เวน-เดอร์) n. แปลว่า แม่ค้า, ผู้ขาย Help (เฮลป์) v. แปลว่า ช่วยเหลือ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมาหลง..."

    ที่ไม่ได้หมายถึง "หลงทาง" หรือหายตัวไปจากที่อยู่อาศัยนะครับ แต่หมายถึง "หลงลืม" จำอะไรต่ออะไรไม่ได้แล้ว ลืมเรื่องราวต่างๆไป

    ผมชอบไปกินข้าวตามสั่งอยู่ร้านนึง ตรง 5 แยกลำกระโหลก ตรงถนนพระยาสุเรนทร์ บ่อยๆ จะเจอน้องหมาตัวนึงประจำๆ น้องชื่อ "เซเว่น"

    ที่ชื่อ "เซเว่น" เพราะป้าๆแม่ค้าแถวนั้นร่วมใจกันตั้งชื่อไว้ให้ เค้าบอกว่า น้องอยู่หน้า 7/11 สาขานี้ตั้งแต่เด็กๆ แม่น้องคงคาบมาจากป่าข้างหลัง เป็นลูกโทน พี่น้องก็ไม่มีเลย เพราะอาจจะถูกพี่งูแถวนั้นรับประทาน หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ทำให้เว่นได้รับสัมปทาน เป็นหมาตัวเดียวใน 7/11 ตรงนั้น ไปโดยปริยาย

    แม่ค้าเเถวนี้เค้าเลยตั้งชื่อให้ตามชาติพันธุ์และเเหล่งกำเนิดของเว่น

    ผมเห็นเซเว่นตั้งแต่มาอยู่แถวนี้ใหม่ๆ ราวๆ 8-9 ปีก่อน เซเว่นจะเป็นที่รักของแม่ค้าและคนที่มานั่งกินอาหารแถวนี้มากๆ คือไม่เห่าไม่กัด เป็นมิตรกับทุกๆคน คืออยู่เป็นเลยทีเดียว ตอนเว่นเด็กคือน่ารักมากๆ อ้วนๆจ้ำม่ำ ปุ๊กลุ๊ก ชอบวิ่งขาพันกันหกล้มหกลุกอยู่ตรงนั้นทุกๆวัน

    กิจวัตรประจำวันของเซเว่น คือจะนอนขวางทางเข้าออกหน้า 7/11 หรือบางครั้งเค้าก็จะเข้ามานอนอยู่ข้างตู้ไอติม หรือใต้ชั้นหนังสือ ถ้าดึกๆจะได้เห็นเว่นนอนเย็นๆยาวๆ เพราะน้องๆพนักงาน 7/11 กะดึกก็คงรักและไม่อยากรบกวนเวลาหลับนอนอันแสนสบายของเว่น

    เกะกะบ้าง แต่ไม่เคยระรานหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร พอหิวก็จะเดินมามอง ส่งสายตาและกระเเสจิต ตามโต๊ะอาหารที่ลูกค้ากำลังนั่งกิน ไม่ว่าเป็นร้าน ราดหน้า ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว ขออาหารด้วยสายวิงวอน ชนิดที่ว่า ต่อให้คุณจะเป็นองคุลีมาลกลับชาติมาเกิดคุณก็ต้องรีบถวายไก่ในจานข้าวมันไก่ให้มันซักชิ้นนึงทันที เหมือนเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ

    น้องจะเดินไถทุกโต๊ะด้วยความมั่นใจ และทำตัวเหมือนเป็นมิตรโดยไม่รู้สึกผิดและเคอะเขิน

    คือบอนทูบีเลย ว่างั้นเห่อะ...

    ล่าสุด ผมแวะไปกินข้าวร้านป้าวาส ผมไม่ได้มากินร้านป้าวาสบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร้านรวงที่เคยกินๆก็หายไปหลายร้าน เหลืออยู่แค่ 2-3 ร้านที่ยังขายอยู่ แต่ผมยังเห็นแกขายอยู่ เป็นร้านเก่าแก่ร้านเดียว ที่ผมคิดถึง ผมเลยสั่งอาหารจานเดิมๆที่ผมชอบสั่งตลอดมาทันทีจานนึง แล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะในร้าน

    ก็เหลือบไปเห็นเจ้าเซเว่นเดินออกมามองผมจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหลืบๆแถวนั้น

    เซเว่นดูแก่ไปมาก ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นเว่น จนป้าวาสบอกว่าไอ่นี่แหล่ะ ไอ้เว่น... ผมโคตรดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่า แต่ผมแอบเห็นเว่นเดินตุปั๊ดตุเป๋ เซไปเซมาเหมือนรถยังไม่ได้ตั้งศูนย์ มาด้อมๆมองๆ ป้าวาสแกก็เลยผัดข้าวไปเล่าไปให้ฟังว่า

    "มันหลงแล้วไอ่หนู... มันได้แต่เดินมามองๆไปงั้นแหล่ะ แต่มันจำใครไม่ได้แล้ว ใครเดินเข้าไปไกล้ๆก็ไม่ได้ด้วยนะ มันจะคอยแหง่มใส่เท้า แต่มันไม่มีฟันบน กัดใครก็ไม่เข้าแล้ว อย่าไปไกล้มันล่ะหนู.... "

    ส่วนตัวผมก็อยากรู้ว่า ป้าวาสแกรู้ได้ไงหว่า... ว่ามันหลง?
    มันแสดงอาการอะไรออกมา?
    ที่ทำให้แกฟันธงว่าว่ามันหลงลืมหรือเป็นอัลไซเมอร์ในหมา?

    พอถามแกไปแกก็แจงให้ทราบดังนี้

    1. พาไปหาหมอหมา พ่อค้าแม่ค้ารวมเงินกันพาไป จากแม่ค้าหมูปิ้ง ร้านเย็นตาโฟ น้ำปั่น ร้านราดหน้า เตี๋ยวน้ำตก แล้วก็ป้าวาส หมอเลยบอกว่าน้องเริ่มหลงเเล้วนะ

    2. น้องจำใครไม่ได้เลย จะแง่งใส่ทุกคน

    3. จำที่นอนกับข้าวของของตัวเองไม่ได้ เช่น เว่นจะมีผ้าเน่าอยู่ผืนนึงไว้ปูเป็นที่นอน น้องจะติดผ้าผืนนี้มาก และน้องจะชอบหาไม่เจอ ถึงจะปูไว้ที่เดิม ไม่เคยย้ายไปไหน แต่น้องจะวนเห่าตามหาตลอด พอเอามาให้แล้วจะเงียบทันที

    4. เวลาให้ของกิน น้องจะกินไปเรื่อยๆ กินซักพักแล้วก็หยุดแล้วกินใหม่ เดินเป็นวงกลม กินไปเดินไป กินไม่รู้อิ่ม กินอยู่อย่างนั้นแหล่ะ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินไปเท่าไหร่จำไม่ได้ ต้องคอยดูตลอดเวลา แต่ผมเห็นน้องไม่อ้วนเลย ป้าแกคิดว่าน่าจะมีพยาธิในท้องเยอะ

    จากคำบอกเล่าของป้าวาสอีกเรื่องนึงคือเมื่อวาน เว่นเดินก๊งๆ พยามไปนอนเกาะกลางถนนแล้วโดนมอเตอร์ไซด์ชนไปทีนึง ลุงหน่องร้านข้าวขาหมูเลยไปอุ้มเว่นกลับมา ทำให้วันนี้เลยเดินซะง๊อกซะแง้กอย่างที่เห็น

    ผมเองเกิดมา ก็ไม่เคยเห็นหมาเป็นโรคและอาการแบบนี้เลย ก็ได้เอาใจช่วยเซเว่นอยากให้น้องมีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุข แต่สิ่งนึงเลย ที่รู้สึกแปลกใจมากๆคือ เซเว่นเจอคนดีๆเยอะมากกกกก มีแต่คนน่ารักๆที่หยิบยื่นให้เว่นตลอด ป้าร้านหมูปิ้งตอนเช้าก็พาไปอาบน้ำ ป้าวาส ปูที่นอน หาข้าวให้กิน ลุงหน่องเอาขึ้นรถไปหาหมอ ฯลฯ

    เว่นถือว่าเป็นหมาที่ชีวิตมีความสุขมากๆตัวนึงเลย ในช่วงชีวิตนึงของเค้า กินอิ่มนอนหลับ มีที่อยู่ที่กิน และมีคนคอยพาไปหาหมอและช่วยกันดูแล ปัจจัย 4 คือพร้อมสรรพ เว่นโชคดีมากๆ ที่มาเกิดและโตในชุมชนเล็กๆที่เค้ารักสัตว์ทุกคนๆ ความโชคดีที่ ถ้าเป็นระดับเลเวลคือ เสมือนถูกสลากกินแบ่งรัดทะบานรางวัลที่ 1 เวอร์ชั่นหมาจรจัด

    ไอ้คำว่า "วาสนา" นี่ ผมว่ามันมีจริงๆนะ...
    "หมาหลง..." ที่ไม่ได้หมายถึง "หลงทาง" หรือหายตัวไปจากที่อยู่อาศัยนะครับ แต่หมายถึง "หลงลืม" จำอะไรต่ออะไรไม่ได้แล้ว ลืมเรื่องราวต่างๆไป ผมชอบไปกินข้าวตามสั่งอยู่ร้านนึง ตรง 5 แยกลำกระโหลก ตรงถนนพระยาสุเรนทร์ บ่อยๆ จะเจอน้องหมาตัวนึงประจำๆ น้องชื่อ "เซเว่น" ที่ชื่อ "เซเว่น" เพราะป้าๆแม่ค้าแถวนั้นร่วมใจกันตั้งชื่อไว้ให้ เค้าบอกว่า น้องอยู่หน้า 7/11 สาขานี้ตั้งแต่เด็กๆ แม่น้องคงคาบมาจากป่าข้างหลัง เป็นลูกโทน พี่น้องก็ไม่มีเลย เพราะอาจจะถูกพี่งูแถวนั้นรับประทาน หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ทำให้เว่นได้รับสัมปทาน เป็นหมาตัวเดียวใน 7/11 ตรงนั้น ไปโดยปริยาย แม่ค้าเเถวนี้เค้าเลยตั้งชื่อให้ตามชาติพันธุ์และเเหล่งกำเนิดของเว่น ผมเห็นเซเว่นตั้งแต่มาอยู่แถวนี้ใหม่ๆ ราวๆ 8-9 ปีก่อน เซเว่นจะเป็นที่รักของแม่ค้าและคนที่มานั่งกินอาหารแถวนี้มากๆ คือไม่เห่าไม่กัด เป็นมิตรกับทุกๆคน คืออยู่เป็นเลยทีเดียว ตอนเว่นเด็กคือน่ารักมากๆ อ้วนๆจ้ำม่ำ ปุ๊กลุ๊ก ชอบวิ่งขาพันกันหกล้มหกลุกอยู่ตรงนั้นทุกๆวัน กิจวัตรประจำวันของเซเว่น คือจะนอนขวางทางเข้าออกหน้า 7/11 หรือบางครั้งเค้าก็จะเข้ามานอนอยู่ข้างตู้ไอติม หรือใต้ชั้นหนังสือ ถ้าดึกๆจะได้เห็นเว่นนอนเย็นๆยาวๆ เพราะน้องๆพนักงาน 7/11 กะดึกก็คงรักและไม่อยากรบกวนเวลาหลับนอนอันแสนสบายของเว่น เกะกะบ้าง แต่ไม่เคยระรานหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร พอหิวก็จะเดินมามอง ส่งสายตาและกระเเสจิต ตามโต๊ะอาหารที่ลูกค้ากำลังนั่งกิน ไม่ว่าเป็นร้าน ราดหน้า ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว ขออาหารด้วยสายวิงวอน ชนิดที่ว่า ต่อให้คุณจะเป็นองคุลีมาลกลับชาติมาเกิดคุณก็ต้องรีบถวายไก่ในจานข้าวมันไก่ให้มันซักชิ้นนึงทันที เหมือนเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ น้องจะเดินไถทุกโต๊ะด้วยความมั่นใจ และทำตัวเหมือนเป็นมิตรโดยไม่รู้สึกผิดและเคอะเขิน คือบอนทูบีเลย ว่างั้นเห่อะ... ล่าสุด ผมแวะไปกินข้าวร้านป้าวาส ผมไม่ได้มากินร้านป้าวาสบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ร้านรวงที่เคยกินๆก็หายไปหลายร้าน เหลืออยู่แค่ 2-3 ร้านที่ยังขายอยู่ แต่ผมยังเห็นแกขายอยู่ เป็นร้านเก่าแก่ร้านเดียว ที่ผมคิดถึง ผมเลยสั่งอาหารจานเดิมๆที่ผมชอบสั่งตลอดมาทันทีจานนึง แล้วมานั่งรออาหารที่โต๊ะในร้าน ก็เหลือบไปเห็นเจ้าเซเว่นเดินออกมามองผมจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหลืบๆแถวนั้น เซเว่นดูแก่ไปมาก ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นเว่น จนป้าวาสบอกว่าไอ่นี่แหล่ะ ไอ้เว่น... ผมโคตรดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่า แต่ผมแอบเห็นเว่นเดินตุปั๊ดตุเป๋ เซไปเซมาเหมือนรถยังไม่ได้ตั้งศูนย์ มาด้อมๆมองๆ ป้าวาสแกก็เลยผัดข้าวไปเล่าไปให้ฟังว่า "มันหลงแล้วไอ่หนู... มันได้แต่เดินมามองๆไปงั้นแหล่ะ แต่มันจำใครไม่ได้แล้ว ใครเดินเข้าไปไกล้ๆก็ไม่ได้ด้วยนะ มันจะคอยแหง่มใส่เท้า แต่มันไม่มีฟันบน กัดใครก็ไม่เข้าแล้ว อย่าไปไกล้มันล่ะหนู.... " ส่วนตัวผมก็อยากรู้ว่า ป้าวาสแกรู้ได้ไงหว่า... ว่ามันหลง? มันแสดงอาการอะไรออกมา? ที่ทำให้แกฟันธงว่าว่ามันหลงลืมหรือเป็นอัลไซเมอร์ในหมา? พอถามแกไปแกก็แจงให้ทราบดังนี้ 1. พาไปหาหมอหมา พ่อค้าแม่ค้ารวมเงินกันพาไป จากแม่ค้าหมูปิ้ง ร้านเย็นตาโฟ น้ำปั่น ร้านราดหน้า เตี๋ยวน้ำตก แล้วก็ป้าวาส หมอเลยบอกว่าน้องเริ่มหลงเเล้วนะ 2. น้องจำใครไม่ได้เลย จะแง่งใส่ทุกคน 3. จำที่นอนกับข้าวของของตัวเองไม่ได้ เช่น เว่นจะมีผ้าเน่าอยู่ผืนนึงไว้ปูเป็นที่นอน น้องจะติดผ้าผืนนี้มาก และน้องจะชอบหาไม่เจอ ถึงจะปูไว้ที่เดิม ไม่เคยย้ายไปไหน แต่น้องจะวนเห่าตามหาตลอด พอเอามาให้แล้วจะเงียบทันที 4. เวลาให้ของกิน น้องจะกินไปเรื่อยๆ กินซักพักแล้วก็หยุดแล้วกินใหม่ เดินเป็นวงกลม กินไปเดินไป กินไม่รู้อิ่ม กินอยู่อย่างนั้นแหล่ะ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกินไปเท่าไหร่จำไม่ได้ ต้องคอยดูตลอดเวลา แต่ผมเห็นน้องไม่อ้วนเลย ป้าแกคิดว่าน่าจะมีพยาธิในท้องเยอะ จากคำบอกเล่าของป้าวาสอีกเรื่องนึงคือเมื่อวาน เว่นเดินก๊งๆ พยามไปนอนเกาะกลางถนนแล้วโดนมอเตอร์ไซด์ชนไปทีนึง ลุงหน่องร้านข้าวขาหมูเลยไปอุ้มเว่นกลับมา ทำให้วันนี้เลยเดินซะง๊อกซะแง้กอย่างที่เห็น ผมเองเกิดมา ก็ไม่เคยเห็นหมาเป็นโรคและอาการแบบนี้เลย ก็ได้เอาใจช่วยเซเว่นอยากให้น้องมีชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุข แต่สิ่งนึงเลย ที่รู้สึกแปลกใจมากๆคือ เซเว่นเจอคนดีๆเยอะมากกกกก มีแต่คนน่ารักๆที่หยิบยื่นให้เว่นตลอด ป้าร้านหมูปิ้งตอนเช้าก็พาไปอาบน้ำ ป้าวาส ปูที่นอน หาข้าวให้กิน ลุงหน่องเอาขึ้นรถไปหาหมอ ฯลฯ เว่นถือว่าเป็นหมาที่ชีวิตมีความสุขมากๆตัวนึงเลย ในช่วงชีวิตนึงของเค้า กินอิ่มนอนหลับ มีที่อยู่ที่กิน และมีคนคอยพาไปหาหมอและช่วยกันดูแล ปัจจัย 4 คือพร้อมสรรพ เว่นโชคดีมากๆ ที่มาเกิดและโตในชุมชนเล็กๆที่เค้ารักสัตว์ทุกคนๆ ความโชคดีที่ ถ้าเป็นระดับเลเวลคือ เสมือนถูกสลากกินแบ่งรัดทะบานรางวัลที่ 1 เวอร์ชั่นหมาจรจัด ไอ้คำว่า "วาสนา" นี่ ผมว่ามันมีจริงๆนะ...
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นข่าวองุ่นพันธุ์หนึ่งที่นำเข้าจากต่างประเทศ ตรวจพบมีสารตกค้างมากถึง 50 ชนิด
    90% นำเข้าจากจีน ที่เหลือไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้

    ช่วงที่เกิดเหตุกลุ่มฮามาสถล่มอิสราเอล แรงงานชาวไทยต้องกลับประเทศ ลูกค้าคนหนึ่งเล่าว่า น้องชายของเธอก็เคยไปทำงานที่อิสราเอลเหมือนกัน ไปได้ปีกว่าก็กลับไทย ทั้งกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงสงกรานต์ และถือโอกาสหาหมอด้วย เนื่องจากเหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย และค่ารักษาที่นั่นแพง
    เมื่อน้องชายของเธอเอ็กซเรย์ปอดแล้วพบว่า ปอดหายไปหนึ่งข้าง นั่นเกิดจากการทำงาน น้องชายเธอเล่าให้เธอฟัง ที่นั่นใช้ยาตั้งแต่เพาะเมล็ดพันธุ์ แช่เมล็ดด้วยน้ำยาอะไรสักอย่าง พอพืชเริ่มโตก็ต้องพ่นยาเป็นประจำ เพราะพื้นที่เพาะปลูกแห้งแล้ง ต้องต่อสู้กับธรรมชาติอย่างหนัก จึงจำเป็นต้องฉีดพ่น ทั้งยาฆ่าแมลง ฮอร์โมนบำรุง ขณะที่ทำงานไม่มีเครื่องมือป้องกันสารพิษ หากอยากได้ต้องซื้อเอง แต่แพงมาก เหล่าคนงานไม่ค่อยมีใครกล้ากินพืชที่เพาะปลูก เพราะกลัวสารพิษ
    ถึงแม้ระยะเวลาที่ไปทำงานแค่ปีกว่า สามารถชดใช้คืนค่าตั๋ว ค่าเดินทาง และซื้อบ้าน ซื้อรถได้ครบที่ต้องการ แต่น้องชายก็มีอายุไม่ยืน หลังจากรักษาอยู่หลายเดือนน้องชายเธอก็จากไป ภรรยาน้องชายเสียใจมาก รำพันว่าไม่คุ้มเลยที่เอาชีวิตไปเสี่ยง

    ตอนฉันยังเด็ก ฉันก็ลูกชาวสวนผักคนหนึ่ง ถ้าผักเริ่มมีแมลงก่อกวน จะฉีดพ่นยาทันที ถึงแม้อีกสองวันจะต้องตัดขายแล้วก็ต้องทำ ผักที่ใบสวยย่อมราคาดีกว่าผักที่แคะแกร็น ใบเป็นรู หรือแหว่ง แต่นั่นไม่ได้แปลว่า ผักที่ใบเป็นรู มีรอยแทะแหว่งจะไม่โดนฉีดพ่นยา นั่นน่ะยิ่งหนักใหญ่เลย แต่เมื่อทำได้ดีที่สุดแค่นั้น ก็ต้องขายไปแบบนั้น ถูกกดราคาเช่นนั้นไป อย่าคิดว่าผักมีตำหนิ คือผักที่ปลูกธรรมชาติ ปลอดสารพิษเสมอไป

    แล้วเกี่ยวอะไรกับองุ่น
    ๑. การปลูกพืชผลเชิงพานิชย์ ต้องใช้สารเคมีอยู่แล้ว ถึงแม้ประเทศที่เจริญแล้ว มีเทคโนโลยีล้ำหน้าแล้วก็ยังต้องใช้
    ๒. ถ้า 90% มาจากจีน แล้วที่เหลือไม่สามารถระบุได้ เป็นไปได้หรือ ของนำเข้าจากต่างประเทศมีหรือจะระบุแหล่งที่มาไม่ได้ รู้แต่ไม่บอก หรือบอกไม่ได้มากกว่า และนั่นก็หมายความว่า ใครๆ เขาก็ใช้กัน
    ๓. ขณะที่นำเข้ามาต้องมีการสุ่มตรวจก่อนไม่หรือ แต่นี่กระจายลงมาถึงมือแม่ค้าแล้วค่อยออกข่าวเตือน ดูเหมือนหวังดี แต่จริงๆ กำลังช่วยเหลือผู้ที่นำเข้ามาอยู่หรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องขาดทุน แต่องุ่นบนแผงแม่ค้าเน่าหมด เพราะขายไม่ได้
    ๔. นี่คือข่าวประเภท ดิสเครดิต ใช่หรือไม่ จีนโดนไปเต็มๆ

    ช่วงก่อนเข้าเทศกาลกินเจ มีญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยมเยือน เอาองุ่นพันธุ์นี้มาฝากด้วย ตั้งหนึ่งลังแน่ะ ฉันไม่ใช่คนชอบกินองุ่น ยังว่ามันอร่อย หวาน กรอบดีจัง แล้วก็ยังอยู่ดี ไม่มีโรคภัยอะไรด้วย

    เห็นข่าวองุ่นพันธุ์หนึ่งที่นำเข้าจากต่างประเทศ ตรวจพบมีสารตกค้างมากถึง 50 ชนิด 90% นำเข้าจากจีน ที่เหลือไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ช่วงที่เกิดเหตุกลุ่มฮามาสถล่มอิสราเอล แรงงานชาวไทยต้องกลับประเทศ ลูกค้าคนหนึ่งเล่าว่า น้องชายของเธอก็เคยไปทำงานที่อิสราเอลเหมือนกัน ไปได้ปีกว่าก็กลับไทย ทั้งกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงสงกรานต์ และถือโอกาสหาหมอด้วย เนื่องจากเหนื่อยง่าย ป่วยบ่อย และค่ารักษาที่นั่นแพง เมื่อน้องชายของเธอเอ็กซเรย์ปอดแล้วพบว่า ปอดหายไปหนึ่งข้าง นั่นเกิดจากการทำงาน น้องชายเธอเล่าให้เธอฟัง ที่นั่นใช้ยาตั้งแต่เพาะเมล็ดพันธุ์ แช่เมล็ดด้วยน้ำยาอะไรสักอย่าง พอพืชเริ่มโตก็ต้องพ่นยาเป็นประจำ เพราะพื้นที่เพาะปลูกแห้งแล้ง ต้องต่อสู้กับธรรมชาติอย่างหนัก จึงจำเป็นต้องฉีดพ่น ทั้งยาฆ่าแมลง ฮอร์โมนบำรุง ขณะที่ทำงานไม่มีเครื่องมือป้องกันสารพิษ หากอยากได้ต้องซื้อเอง แต่แพงมาก เหล่าคนงานไม่ค่อยมีใครกล้ากินพืชที่เพาะปลูก เพราะกลัวสารพิษ ถึงแม้ระยะเวลาที่ไปทำงานแค่ปีกว่า สามารถชดใช้คืนค่าตั๋ว ค่าเดินทาง และซื้อบ้าน ซื้อรถได้ครบที่ต้องการ แต่น้องชายก็มีอายุไม่ยืน หลังจากรักษาอยู่หลายเดือนน้องชายเธอก็จากไป ภรรยาน้องชายเสียใจมาก รำพันว่าไม่คุ้มเลยที่เอาชีวิตไปเสี่ยง ตอนฉันยังเด็ก ฉันก็ลูกชาวสวนผักคนหนึ่ง ถ้าผักเริ่มมีแมลงก่อกวน จะฉีดพ่นยาทันที ถึงแม้อีกสองวันจะต้องตัดขายแล้วก็ต้องทำ ผักที่ใบสวยย่อมราคาดีกว่าผักที่แคะแกร็น ใบเป็นรู หรือแหว่ง แต่นั่นไม่ได้แปลว่า ผักที่ใบเป็นรู มีรอยแทะแหว่งจะไม่โดนฉีดพ่นยา นั่นน่ะยิ่งหนักใหญ่เลย แต่เมื่อทำได้ดีที่สุดแค่นั้น ก็ต้องขายไปแบบนั้น ถูกกดราคาเช่นนั้นไป อย่าคิดว่าผักมีตำหนิ คือผักที่ปลูกธรรมชาติ ปลอดสารพิษเสมอไป แล้วเกี่ยวอะไรกับองุ่น ๑. การปลูกพืชผลเชิงพานิชย์ ต้องใช้สารเคมีอยู่แล้ว ถึงแม้ประเทศที่เจริญแล้ว มีเทคโนโลยีล้ำหน้าแล้วก็ยังต้องใช้ ๒. ถ้า 90% มาจากจีน แล้วที่เหลือไม่สามารถระบุได้ เป็นไปได้หรือ ของนำเข้าจากต่างประเทศมีหรือจะระบุแหล่งที่มาไม่ได้ รู้แต่ไม่บอก หรือบอกไม่ได้มากกว่า และนั่นก็หมายความว่า ใครๆ เขาก็ใช้กัน ๓. ขณะที่นำเข้ามาต้องมีการสุ่มตรวจก่อนไม่หรือ แต่นี่กระจายลงมาถึงมือแม่ค้าแล้วค่อยออกข่าวเตือน ดูเหมือนหวังดี แต่จริงๆ กำลังช่วยเหลือผู้ที่นำเข้ามาอยู่หรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องขาดทุน แต่องุ่นบนแผงแม่ค้าเน่าหมด เพราะขายไม่ได้ ๔. นี่คือข่าวประเภท ดิสเครดิต ใช่หรือไม่ จีนโดนไปเต็มๆ ช่วงก่อนเข้าเทศกาลกินเจ มีญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยมเยือน เอาองุ่นพันธุ์นี้มาฝากด้วย ตั้งหนึ่งลังแน่ะ ฉันไม่ใช่คนชอบกินองุ่น ยังว่ามันอร่อย หวาน กรอบดีจัง แล้วก็ยังอยู่ดี ไม่มีโรคภัยอะไรด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทุนหมด หนำซ้ำ ไม่ทันได้ตั้งตัว เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับ การสิ้นหวังซ้ำซาก กับ องค์กรที่ดูเหมือนค้าออนไลน์ ที่เน้นขายฝันการมีลูกทีมและเครือข่าย แต่ไม่เน้นขายสินค้า"

    หากคุณตั้งใจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่แท้จริง แต่ต้องอยู่ในสภาวะนี้ และ ไม่อยากชีวิตพังอีกแล้ว บทความนี้ คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ

    #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    "ทุนหมด หนำซ้ำ ไม่ทันได้ตั้งตัว เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับ การสิ้นหวังซ้ำซาก กับ องค์กรที่ดูเหมือนค้าออนไลน์ ที่เน้นขายฝันการมีลูกทีมและเครือข่าย แต่ไม่เน้นขายสินค้า" หากคุณตั้งใจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่แท้จริง แต่ต้องอยู่ในสภาวะนี้ และ ไม่อยากชีวิตพังอีกแล้ว บทความนี้ คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    "ทุนหมด หนำซ้ำ ไม่ทันได้ตั้งตัว เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับ การสิ้นหวังซ้ำซาก กับ องค์กรที่ดูเหมือนค้าออนไลน์ ที่เน้นขายฝันการมีลูกทีมและเครือข่าย แต่ไม่เน้นขายสินค้า"

    หากคุณตั้งใจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่แท้จริง แต่ต้องอยู่ในสภาวะนี้ และ ไม่อยากชีวิตพังอีกแล้ว บทความนี้ คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ

    -------------

    บริษัท #การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง ต้องเป็นอย่างไร ?

    1. บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง " #ต้องได้รายได้มาจากการขายปลีกไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" **ไม่ใช่ ได้รายได้ จากการซื้อเพื่อสต๊อกสินค้า ของตัวแทน**

    จึงจะสามารถเชื่อมั่นได้ว่า "สินค้า ที่บริษัทฯ นำมาให้จัดจำหน่ายนั้น มีคุณภาพ มีราคาสมเหตุสมผล" ที่ลูกค้ารายสุดท้ายจะสามารถซื้อซ้ำๆ ได้จริง ไม่ใช่ออกแบบสินค้า มาเพื่อให้คนที่มาเป็นตัวแทน "จ่ายเงินให้บริษัทฯ เพื่อสต๊อกสินค้า แต่ขายไม่ได้จริง"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงควรต้องมีนโยบาย ที่ "ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆจากตัวแทน ไม่ให้ตัวแทนเปิดบิลหรือเป็นผู้สต๊อกสินค้า" บริษัท จะได้รายได้ ก็ต่อเมื่อ ตัวแทนสามารถปิดการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้ายได้ เท่านั้น

    2. #โฟกัสที่การขายสินค้าไปยังลูกค้ารายสุดท้าย จึง #ไม่มีระบบแม่ทีมลูกทีม

    เพราะการมีระบบแม่ทีมลูกทีม จะส่งผลให้ "ไม่โฟกัส การทำงานขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย" แต่จะมาโฟกัส หาลูกทีม ที่ส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนา "ทักษะขาย ที่แท้จริง" ที่เกิดจาก "การโฟกัส และฝึกฝนการทำงานขาย ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย อย่างซื่อสัตย์"

    และ ยังส่งผล ให้เกิด "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" ระหว่างคนมาก่อนที่เป็นแม่ทีมกับคนมาทีหลังที่เป็นลูกทีม ซึ่ง "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" นี้ ส่งผลให้ เกิดภาวะ "คนที่มาทีหลัง ต้องแบกคนที่มาก่อน"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้อง รักษา "โครงสร้างราคา ให้เท่าเทียม ระหว่างตัวแทนทุกคน ไม่ว่าจะเข้ามาก่อนหรือเข้ามาทีหลัง" และ มุ่งเน้นให้ตัวแทน "โฟกัส ที่การขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น"

    3. #มุ่งเน้นการให้ข้อมูลสินค้า ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จะจดจ่อ กับการขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย และ "สิ่งที่ลูกค้ารายสุดท้าย จะซื้อ คือ สินค้า ไม่ใช่ ภาพลักษณ์ ของบริษัท"

    ดังนั้น ข้อมูลที่ลูกค้ารายสุดท้ายต้องการ เพื่อประเมินและตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ คือ "ข้อมูลของสินค้า"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้องเน้น การให้ข้อมูลสินค้า "โดยเฉพาะ ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่เป็นข้อเท็จจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์" ไม่ใช่ ใช้การนำเสนอ ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย

    -------------

    "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง นั้น ไม่ง่าย" แต่เป็น #สัมมาอาชีพ "ที่สามารถทำให้มั่นคงทางการเงินได้ ตลอดชีวิต"

    เพราะ เมื่อ "รายได้ มาจากการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง "จึง ไม่ใช่ การหลอกคนที่เข้ามาใหม่ ให้มาสต๊อกสินค้า"

    ดังนั้น "การขายออนไลน์ ที่แท้จริง จึง ไม่ได้ทำให้รวยได้ ในชั่วข้ามคืน อย่างที่หลายๆ คนฝันไว้"

    จำเป็นต้อง "อดทน​ กับ​ การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ​ ได้​ สามารถ​จดจ่อได้อย่างต่อเนื่อง​จริงๆ​" จนวันหนึ่งที่ คุณสามารถฝึกฝน จนมี "ทักษะขาย อย่างซื่อสัตย์" จนเริ่มมี "ลูกค้าประจำ"

    การ "การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ อย่างซื่อสัตย์" ในการขายออนไลน์ของคุณ จึงจะสามารถทำให้คุณมีกลุ่มลูกค้าประจำ และมีรายได้จนเพียงพอ ที่สามารถรับผิดชอบตนเอง และ ครอบครัวได้

    และ หาก คุณยังรักษา "ความซื่อสัตย์" ของคุณต่อไปได้

    อาชีพนี้ จะเป็น สัมมาอาชีพ "ที่คุณสามารถทำได้ ตลอดชีวิต" ที่จะช่วยให้คุณ มีความมั่นคงทางการเงิน สามารถรับผิดชอบ ตนเอง และ ครอบครัวของคุณได้

    เพราะทุกบาท ทุกสตางค์ ของรายได้ของคุณ มาจาก "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง" "ไม่ได้ โกหก หลอกลวงใคร" ให้ต้องทุกข์ทรมาน อย่างที่คุณเคยเจอ

    -------------

    **หากคุณ ฝันที่จะมีสัมมาอาชีพเป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่แท้จริง และ ต้องการหาบริษัทที่จะมาสนับสนุนความฝันนั้นของคุณ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน คือ ระบบที่สามารถสนับสนุนฝันนั้น ของคุณได้**

    เพราะ ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน เป็น มาตลอด 12 ปี ที่ก่อตั้งบริษัท

    และ เป็นมากกว่านั้น ตรงที่ "ไม่เคยจ้าง ดารา นางแบบ อินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียง มาเป็นพรีเซนเตอร์ สินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ! "

    การให้ข้อมูลเพื่อขายทุกครั้ง คือ การให้ "ปรากฏการณ์จริง ที่เกิดจากการใช้สินค้าจริง ของผู้ใช้" และ "ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ของสินค้า"

    *ตัวแทนขาย ทุกคน ของบริษัทฯ ล้วนมาจากลูกค้าประจำ ที่เป็นผู้ใช้สินค้าจริง*

    สินค้าของบริษัทฯ ทุกตัว! เป็นสินค้า "มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ที่มีลูกค้าประจำใช้ต่อเนื่อง ไม่เคยเปลี่ยนสูตร ไม่เคยรีแบรนด์ ตลอดระยะเวลาที่ขาย"

    เมื่อตัวแทนปิดการขายได้ ค่อยนำเงินที่ได้จากลูกค้าที่หักส่วนของตัวแทนแล้ว มาจ่ายค่าสินค้าให้กับบริษัทฯ และ บริษัทฯ จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้ารายสุดท้าย โดยที่ตัวแทนไม่ต้องสต๊อก

    จึง สามารถเริ่มได้เลย ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องเปิดบิล ไม่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทฯก่อนที่จะขายได้ สักบาทเดียว "ไม่ต้องกลัวถูกหลอก ไม่ต้องกลัวสูญเงิน เพราะไม่ต้องจ่ายเงิน"

    "ใช้เพียง ความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน สม่ำเสมอ ในการทำงานขายออนไลน์"

    บริษัทฯ ไม่เคยเรียกเก็บเงินจากตัวแทนแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยบังคับให้ต้องสต๊อกเปิดบิล ไม่เคยให้จ่ายเงินลงทุน ตัวแทนได้ราคาเท่ากันทุกคน ไม่ว่าเข้ามาก่อน หรือ เข้ามาทีหลัง ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา

    -------------

    หากสนใจ เพียงติดต่อรับตัวอย่างสินค้าไปทดลองใช้ โดยจ่ายค่าจัดส่ง 30 บาทเท่านั้น! เรากำหนดค่าจัดส่งเพื่อคัดกรองผู้ที่สนใจจริงๆ ในการทดลองใช้และพิจารณาเข้าร่วมเป็นตัวแทนขาย ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการของฟรี

    ไม่มีการบังคับซื้อ ไม่มีการหลอกมาลงทุน เพราะไม่ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว !!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทุนหมด หนำซ้ำ ไม่ทันได้ตั้งตัว เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับ การสิ้นหวังซ้ำซาก กับ องค์กรที่ดูเหมือนค้าออนไลน์ ที่เน้นขายฝันการมีลูกทีมและเครือข่าย แต่ไม่เน้นขายสินค้า"

    หากคุณตั้งใจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่แท้จริง แต่ต้องอยู่ในสภาวะนี้ และ ไม่อยากชีวิตพังอีกแล้ว บทความนี้ คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ

    -------------

    บริษัท #การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง ต้องเป็นอย่างไร ?

    1. บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง " #ต้องได้รายได้มาจากการขายปลีกไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" **ไม่ใช่ ได้รายได้ จากการซื้อเพื่อสต๊อกสินค้า ของตัวแทน**

    จึงจะสามารถเชื่อมั่นได้ว่า "สินค้า ที่บริษัทฯ นำมาให้จัดจำหน่ายนั้น มีคุณภาพ มีราคาสมเหตุสมผล" ที่ลูกค้ารายสุดท้ายจะสามารถซื้อซ้ำๆ ได้จริง ไม่ใช่ออกแบบสินค้า มาเพื่อให้คนที่มาเป็นตัวแทน "จ่ายเงินให้บริษัทฯ เพื่อสต๊อกสินค้า แต่ขายไม่ได้จริง"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงควรต้องมีนโยบาย ที่ "ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆจากตัวแทน ไม่ให้ตัวแทนเปิดบิลหรือเป็นผู้สต๊อกสินค้า" บริษัท จะได้รายได้ ก็ต่อเมื่อ ตัวแทนสามารถปิดการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้ายได้ เท่านั้น

    2. #โฟกัสที่การขายสินค้าไปยังลูกค้ารายสุดท้าย จึง #ไม่มีระบบแม่ทีมลูกทีม

    เพราะการมีระบบแม่ทีมลูกทีม จะส่งผลให้ "ไม่โฟกัส การทำงานขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย" แต่จะมาโฟกัส หาลูกทีม ที่ส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนา "ทักษะขาย ที่แท้จริง" ที่เกิดจาก "การโฟกัส และฝึกฝนการทำงานขาย ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย อย่างซื่อสัตย์"

    และ ยังส่งผล ให้เกิด "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" ระหว่างคนมาก่อนที่เป็นแม่ทีมกับคนมาทีหลังที่เป็นลูกทีม ซึ่ง "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" นี้ ส่งผลให้ เกิดภาวะ "คนที่มาทีหลัง ต้องแบกคนที่มาก่อน"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้อง รักษา "โครงสร้างราคา ให้เท่าเทียม ระหว่างตัวแทนทุกคน ไม่ว่าจะเข้ามาก่อนหรือเข้ามาทีหลัง" และ มุ่งเน้นให้ตัวแทน "โฟกัส ที่การขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น"

    3. #มุ่งเน้นการให้ข้อมูลสินค้า ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จะจดจ่อ กับการขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย และ "สิ่งที่ลูกค้ารายสุดท้าย จะซื้อ คือ สินค้า ไม่ใช่ ภาพลักษณ์ ของบริษัท"

    ดังนั้น ข้อมูลที่ลูกค้ารายสุดท้ายต้องการ เพื่อประเมินและตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ คือ "ข้อมูลของสินค้า"

    บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้องเน้น การให้ข้อมูลสินค้า "โดยเฉพาะ ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่เป็นข้อเท็จจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์" ไม่ใช่ ใช้การนำเสนอ ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย

    -------------

    "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง นั้น ไม่ง่าย" แต่เป็น #สัมมาอาชีพ "ที่สามารถทำให้มั่นคงทางการเงินได้ ตลอดชีวิต"

    เพราะ เมื่อ "รายได้ มาจากการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง "จึง ไม่ใช่ การหลอกคนที่เข้ามาใหม่ ให้มาสต๊อกสินค้า"

    ดังนั้น "การขายออนไลน์ ที่แท้จริง จึง ไม่ได้ทำให้รวยได้ ในชั่วข้ามคืน อย่างที่หลายๆ คนฝันไว้"

    จำเป็นต้อง "อดทน​ กับ​ การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ​ ได้​ สามารถ​จดจ่อได้อย่างต่อเนื่อง​จริงๆ​" จนวันหนึ่งที่ คุณสามารถฝึกฝน จนมี "ทักษะขาย อย่างซื่อสัตย์" จนเริ่มมี "ลูกค้าประจำ"

    การ "การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ อย่างซื่อสัตย์" ในการขายออนไลน์ของคุณ จึงจะสามารถทำให้คุณมีกลุ่มลูกค้าประจำ และมีรายได้จนเพียงพอ ที่สามารถรับผิดชอบตนเอง และ ครอบครัวได้

    และ หาก คุณยังรักษา "ความซื่อสัตย์" ของคุณต่อไปได้

    อาชีพนี้ จะเป็น สัมมาอาชีพ "ที่คุณสามารถทำได้ ตลอดชีวิต" ที่จะช่วยให้คุณ มีความมั่นคงทางการเงิน สามารถรับผิดชอบ ตนเอง และ ครอบครัวของคุณได้

    เพราะทุกบาท ทุกสตางค์ ของรายได้ของคุณ มาจาก "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง" "ไม่ได้ โกหก หลอกลวงใคร" ให้ต้องทุกข์ทรมาน อย่างที่คุณเคยเจอ

    -------------

    **หากคุณ ฝันที่จะมีสัมมาอาชีพเป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่แท้จริง และ ต้องการหาบริษัทที่จะมาสนับสนุนความฝันนั้นของคุณ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน คือ ระบบที่สามารถสนับสนุนฝันนั้น ของคุณได้**

    เพราะ ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน เป็น มาตลอด 12 ปี ที่ก่อตั้งบริษัท

    และ เป็นมากกว่านั้น ตรงที่ "ไม่เคยจ้าง ดารา นางแบบ อินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียง มาเป็นพรีเซนเตอร์ สินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ! "

    การให้ข้อมูลเพื่อขายทุกครั้ง คือ การให้ "ปรากฏการณ์จริง ที่เกิดจากการใช้สินค้าจริง ของผู้ใช้" และ "ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ของสินค้า"

    *ตัวแทนขาย ทุกคน ของบริษัทฯ ล้วนมาจากลูกค้าประจำ ที่เป็นผู้ใช้สินค้าจริง*

    สินค้าของบริษัทฯ ทุกตัว! เป็นสินค้า "มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ที่มีลูกค้าประจำใช้ต่อเนื่อง ไม่เคยเปลี่ยนสูตร ไม่เคยรีแบรนด์ ตลอดระยะเวลาที่ขาย"

    เมื่อตัวแทนปิดการขายได้ ค่อยนำเงินที่ได้จากลูกค้าที่หักส่วนของตัวแทนแล้ว มาจ่ายค่าสินค้าให้กับบริษัทฯ และ บริษัทฯ จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้ารายสุดท้าย โดยที่ตัวแทนไม่ต้องสต๊อก

    จึง สามารถเริ่มได้เลย ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องเปิดบิล ไม่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทฯก่อนที่จะขายได้ สักบาทเดียว "ไม่ต้องกลัวถูกหลอก ไม่ต้องกลัวสูญเงิน เพราะไม่ต้องจ่ายเงิน"

    "ใช้เพียง ความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน สม่ำเสมอ ในการทำงานขายออนไลน์"

    บริษัทฯ ไม่เคยเรียกเก็บเงินจากตัวแทนแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยบังคับให้ต้องสต๊อกเปิดบิล ไม่เคยให้จ่ายเงินลงทุน ตัวแทนได้ราคาเท่ากันทุกคน ไม่ว่าเข้ามาก่อน หรือ เข้ามาทีหลัง ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา

    -------------

    หากสนใจ เพียงติดต่อรับตัวอย่างสินค้าไปทดลองใช้ โดยจ่ายค่าจัดส่ง 30 บาทเท่านั้น! เรากำหนดค่าจัดส่งเพื่อคัดกรองผู้ที่สนใจจริงๆ ในการทดลองใช้และพิจารณาเข้าร่วมเป็นตัวแทนขาย ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการของฟรี

    ไม่มีการบังคับซื้อ ไม่มีการหลอกมาลงทุน เพราะไม่ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว !!
    "ทุนหมด หนำซ้ำ ไม่ทันได้ตั้งตัว เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน กับ การสิ้นหวังซ้ำซาก กับ องค์กรที่ดูเหมือนค้าออนไลน์ ที่เน้นขายฝันการมีลูกทีมและเครือข่าย แต่ไม่เน้นขายสินค้า" หากคุณตั้งใจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่แท้จริง แต่ต้องอยู่ในสภาวะนี้ และ ไม่อยากชีวิตพังอีกแล้ว บทความนี้ คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคุณ ------------- บริษัท #การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง ต้องเป็นอย่างไร ? 1. บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง " #ต้องได้รายได้มาจากการขายปลีกไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" **ไม่ใช่ ได้รายได้ จากการซื้อเพื่อสต๊อกสินค้า ของตัวแทน** จึงจะสามารถเชื่อมั่นได้ว่า "สินค้า ที่บริษัทฯ นำมาให้จัดจำหน่ายนั้น มีคุณภาพ มีราคาสมเหตุสมผล" ที่ลูกค้ารายสุดท้ายจะสามารถซื้อซ้ำๆ ได้จริง ไม่ใช่ออกแบบสินค้า มาเพื่อให้คนที่มาเป็นตัวแทน "จ่ายเงินให้บริษัทฯ เพื่อสต๊อกสินค้า แต่ขายไม่ได้จริง" บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงควรต้องมีนโยบาย ที่ "ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆจากตัวแทน ไม่ให้ตัวแทนเปิดบิลหรือเป็นผู้สต๊อกสินค้า" บริษัท จะได้รายได้ ก็ต่อเมื่อ ตัวแทนสามารถปิดการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้ายได้ เท่านั้น 2. #โฟกัสที่การขายสินค้าไปยังลูกค้ารายสุดท้าย จึง #ไม่มีระบบแม่ทีมลูกทีม เพราะการมีระบบแม่ทีมลูกทีม จะส่งผลให้ "ไม่โฟกัส การทำงานขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย" แต่จะมาโฟกัส หาลูกทีม ที่ส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนา "ทักษะขาย ที่แท้จริง" ที่เกิดจาก "การโฟกัส และฝึกฝนการทำงานขาย ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย อย่างซื่อสัตย์" และ ยังส่งผล ให้เกิด "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" ระหว่างคนมาก่อนที่เป็นแม่ทีมกับคนมาทีหลังที่เป็นลูกทีม ซึ่ง "โครงสร้างราคา ที่ไม่เท่าเทียม" นี้ ส่งผลให้ เกิดภาวะ "คนที่มาทีหลัง ต้องแบกคนที่มาก่อน" บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้อง รักษา "โครงสร้างราคา ให้เท่าเทียม ระหว่างตัวแทนทุกคน ไม่ว่าจะเข้ามาก่อนหรือเข้ามาทีหลัง" และ มุ่งเน้นให้ตัวแทน "โฟกัส ที่การขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" 3. #มุ่งเน้นการให้ข้อมูลสินค้า ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จะจดจ่อ กับการขายสินค้า ไปยังลูกค้ารายสุดท้าย และ "สิ่งที่ลูกค้ารายสุดท้าย จะซื้อ คือ สินค้า ไม่ใช่ ภาพลักษณ์ ของบริษัท" ดังนั้น ข้อมูลที่ลูกค้ารายสุดท้ายต้องการ เพื่อประเมินและตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ คือ "ข้อมูลของสินค้า" บริษัท การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง จึงต้องเน้น การให้ข้อมูลสินค้า "โดยเฉพาะ ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ที่เป็นข้อเท็จจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์" ไม่ใช่ ใช้การนำเสนอ ภาพลักษณ์ของบริษัท ในการขาย ------------- "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง นั้น ไม่ง่าย" แต่เป็น #สัมมาอาชีพ "ที่สามารถทำให้มั่นคงทางการเงินได้ ตลอดชีวิต" เพราะ เมื่อ "รายได้ มาจากการขายสินค้า ให้กับลูกค้ารายสุดท้าย เท่านั้น" การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง "จึง ไม่ใช่ การหลอกคนที่เข้ามาใหม่ ให้มาสต๊อกสินค้า" ดังนั้น "การขายออนไลน์ ที่แท้จริง จึง ไม่ได้ทำให้รวยได้ ในชั่วข้ามคืน อย่างที่หลายๆ คนฝันไว้" จำเป็นต้อง "อดทน​ กับ​ การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ​ ได้​ สามารถ​จดจ่อได้อย่างต่อเนื่อง​จริงๆ​" จนวันหนึ่งที่ คุณสามารถฝึกฝน จนมี "ทักษะขาย อย่างซื่อสัตย์" จนเริ่มมี "ลูกค้าประจำ" การ "การทำสิ่งที่น่าเบื่อ​ ซ้ำๆ​ เดิมๆ อย่างซื่อสัตย์" ในการขายออนไลน์ของคุณ จึงจะสามารถทำให้คุณมีกลุ่มลูกค้าประจำ และมีรายได้จนเพียงพอ ที่สามารถรับผิดชอบตนเอง และ ครอบครัวได้ และ หาก คุณยังรักษา "ความซื่อสัตย์" ของคุณต่อไปได้ อาชีพนี้ จะเป็น สัมมาอาชีพ "ที่คุณสามารถทำได้ ตลอดชีวิต" ที่จะช่วยให้คุณ มีความมั่นคงทางการเงิน สามารถรับผิดชอบ ตนเอง และ ครอบครัวของคุณได้ เพราะทุกบาท ทุกสตางค์ ของรายได้ของคุณ มาจาก "การค้าออนไลน์ ที่แท้จริง" "ไม่ได้ โกหก หลอกลวงใคร" ให้ต้องทุกข์ทรมาน อย่างที่คุณเคยเจอ ------------- **หากคุณ ฝันที่จะมีสัมมาอาชีพเป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่แท้จริง และ ต้องการหาบริษัทที่จะมาสนับสนุนความฝันนั้นของคุณ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน คือ ระบบที่สามารถสนับสนุนฝันนั้น ของคุณได้** เพราะ ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ บริษัท ซุปเปอร์ชี คอร์ปอร์เรชัน เป็น มาตลอด 12 ปี ที่ก่อตั้งบริษัท และ เป็นมากกว่านั้น ตรงที่ "ไม่เคยจ้าง ดารา นางแบบ อินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียง มาเป็นพรีเซนเตอร์ สินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ! " การให้ข้อมูลเพื่อขายทุกครั้ง คือ การให้ "ปรากฏการณ์จริง ที่เกิดจากการใช้สินค้าจริง ของผู้ใช้" และ "ข้อมูลวิทยาศาสตร์ ของสินค้า" *ตัวแทนขาย ทุกคน ของบริษัทฯ ล้วนมาจากลูกค้าประจำ ที่เป็นผู้ใช้สินค้าจริง* สินค้าของบริษัทฯ ทุกตัว! เป็นสินค้า "มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ที่มีลูกค้าประจำใช้ต่อเนื่อง ไม่เคยเปลี่ยนสูตร ไม่เคยรีแบรนด์ ตลอดระยะเวลาที่ขาย" เมื่อตัวแทนปิดการขายได้ ค่อยนำเงินที่ได้จากลูกค้าที่หักส่วนของตัวแทนแล้ว มาจ่ายค่าสินค้าให้กับบริษัทฯ และ บริษัทฯ จะทำการส่งสินค้าไปให้ลูกค้ารายสุดท้าย โดยที่ตัวแทนไม่ต้องสต๊อก จึง สามารถเริ่มได้เลย ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องเปิดบิล ไม่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทฯก่อนที่จะขายได้ สักบาทเดียว "ไม่ต้องกลัวถูกหลอก ไม่ต้องกลัวสูญเงิน เพราะไม่ต้องจ่ายเงิน" "ใช้เพียง ความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน สม่ำเสมอ ในการทำงานขายออนไลน์" บริษัทฯ ไม่เคยเรียกเก็บเงินจากตัวแทนแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยบังคับให้ต้องสต๊อกเปิดบิล ไม่เคยให้จ่ายเงินลงทุน ตัวแทนได้ราคาเท่ากันทุกคน ไม่ว่าเข้ามาก่อน หรือ เข้ามาทีหลัง ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา ------------- หากสนใจ เพียงติดต่อรับตัวอย่างสินค้าไปทดลองใช้ โดยจ่ายค่าจัดส่ง 30 บาทเท่านั้น! เรากำหนดค่าจัดส่งเพื่อคัดกรองผู้ที่สนใจจริงๆ ในการทดลองใช้และพิจารณาเข้าร่วมเป็นตัวแทนขาย ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการของฟรี ไม่มีการบังคับซื้อ ไม่มีการหลอกมาลงทุน เพราะไม่ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว !!
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จัก บอสโซดา คือใคร? อดีตแม่ค้านั่งร้านตลาด สู่ บุคคลต้นแบบ บอสใหญ่ดิไอคอน
    รู้จัก บอสโซดา คือใคร? อดีตแม่ค้านั่งร้านตลาด สู่ บุคคลต้นแบบ บอสใหญ่ดิไอคอน
    Like
    Love
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1485 มุมมอง 409 1 รีวิว
  • รู้จัก บอสโซดา คือใคร อดีต แม่ค้านั่งร้านตลาด สู่ บุคคลต้นแบบ บอสใหญ่ ดิไอคอน

    #News1 #NewsStory #TheIcon #ดิไอคอน #บอสโซดา #ญาสิกัญจน์เอกชิสนุพงศ์
    รู้จัก บอสโซดา คือใคร อดีต แม่ค้านั่งร้านตลาด สู่ บุคคลต้นแบบ บอสใหญ่ ดิไอคอน #News1 #NewsStory #TheIcon #ดิไอคอน #บอสโซดา #ญาสิกัญจน์เอกชิสนุพงศ์
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 697 มุมมอง 167 0 รีวิว
  • วิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง : [News story]

    ไวรัลวิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง พอเห็นแม่ค้าสาธิตให้ดู ที่ผ่านมาเราใช้ผิดมาตลอดเลยหรือนี่ แถมแม่ค้าสาธิตดีจริงใจ
    วิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง : [News story] ไวรัลวิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง พอเห็นแม่ค้าสาธิตให้ดู ที่ผ่านมาเราใช้ผิดมาตลอดเลยหรือนี่ แถมแม่ค้าสาธิตดีจริงใจ
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1350 มุมมอง 315 0 รีวิว
  • วิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง

    ไวรัลวิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง พอเห็นแม่ค้าสาธิตให้ดู ที่ผ่านมาเราใช้ผิดมาตลอดเลยหรือนี่ แถมแม่ค้าสาธิตดีจริงใจ
    วิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง ไวรัลวิธีใช้ร่มพับที่ถูกต้อง พอเห็นแม่ค้าสาธิตให้ดู ที่ผ่านมาเราใช้ผิดมาตลอดเลยหรือนี่ แถมแม่ค้าสาธิตดีจริงใจ
    Like
    Wow
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 86 0 รีวิว
  • เศรษฐกิจแบบนี้ จะอยู่ยังไงกัน มีแต่คนขายของ คนซื้อไม้มี ตลาดแม่ค้าบ่นกัน😓
    เศรษฐกิจแบบนี้ จะอยู่ยังไงกัน มีแต่คนขายของ คนซื้อไม้มี ตลาดแม่ค้าบ่นกัน😓
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า

    การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“

    หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

    ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    ep.1
    👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“ หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❌ปิดการขายจ้า❌เดรสน่ารักลุคคุณหนู
    🛎️👉🏻240รสจ้า(ปลายทาง +30)👈🏻🛎️
    ** ลูกค้าอ่านรายละเอียดให้รอบคอบนะคะถ้าไม่เข้าใจทักแชทหาแม่ค้าได้ค่ะ ** _- ชุดเป็นโทนสีครีมเหลืองอ่อนๆนะคะ-
    รอบอก30-32"(32"นำไปใส่ได้เลยถ้า 30"ต้องขยับเข้านะคะ)
    รอบเอว 24-26" (25 26"สามารถใส่ได้เลย 24"ต้องไปขยับเข้าเอา
    นะคะ
    รอบสะโพกฟรีไซด์
    ความยาวชุด 80 เซนติเมตรวัดจากขอบเสื้อตรงหน้าอกจนถึงชายกระโปรง
    ชุดมีซับในให้เรียบร้อยค่ะเป็นงานซิปหลังมีเอ็นพลาสติกดามรอบตัวเสื้อค่ะทำให้เวลาสวมใส่ชุดจะไม่ดูห่อ
    ❌ปิดการขายจ้า❌เดรสน่ารักลุคคุณหนู 🛎️👉🏻240รสจ้า(ปลายทาง +30)👈🏻🛎️ ** ลูกค้าอ่านรายละเอียดให้รอบคอบนะคะถ้าไม่เข้าใจทักแชทหาแม่ค้าได้ค่ะ ** _- ชุดเป็นโทนสีครีมเหลืองอ่อนๆนะคะ- รอบอก30-32"(32"นำไปใส่ได้เลยถ้า 30"ต้องขยับเข้านะคะ) รอบเอว 24-26" (25 26"สามารถใส่ได้เลย 24"ต้องไปขยับเข้าเอา นะคะ รอบสะโพกฟรีไซด์ ความยาวชุด 80 เซนติเมตรวัดจากขอบเสื้อตรงหน้าอกจนถึงชายกระโปรง ชุดมีซับในให้เรียบร้อยค่ะเป็นงานซิปหลังมีเอ็นพลาสติกดามรอบตัวเสื้อค่ะทำให้เวลาสวมใส่ชุดจะไม่ดูห่อ
    Love
    Wow
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 1 รีวิว
  • FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ
    ...............
    ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”

    หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    .
    Cr : FB เหยื่อ V.2
    FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ ............... ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน” หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน . Cr : FB เหยื่อ V.2
    Like
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 855 มุมมอง 1 รีวิว
  • ฝากถึงใครที่จะทำอาหารเจขายในช่วงเทศกาล

    ขอให้เน้นประโยชน์และความสะอาด ความปลอดภัยจากสารเคมีสิ่งเจือปนต่างๆ ให้เป็นลำดับต้นก่อนเรื่องของรสชาติเถิด

    ปรุงแต่พอประมาณ อย่าถึงกับให้คนกินไปแล้ว ทำลายสุขภาพและอวัยวะ ระบบการทำงานต่าง ๆ ในระยะยาวเลย เพราะเงินกำไรที่ท่านได้ไปนั้นมันคือหนี้ที่ต้องไปใช้คืนลูกค้าทั้งหลายภายหลัง

    ยิ่งโลภ ยิ่งกอบโกยมาก ขายแค่ 9-10 วัน ฟันกำไรเป็นล้าน ยิ่งหนี้บาน

    ขายย่อมเยาให้คนเขาได้ซื้อกินได้ไม่ลำบากเถิด จะเกิดคุณกับตน

    คนที่ขูดรีดมาก ๆ นั้น ได้เงินเยอะไปแต่ก็ไม่ค่อยได้มีชีวิตยาวอยู่ใช้เงินที่หาสะสมไว้ ส่วนใหญ่มักตายก่อนแล้วให้ลูกหลานช่วยผลาญแทน เรื่องจริงที่พบเจอมามักเป็นเช่นนี้

    #thaitimes
    #เทศกาลกินเจ
    #เจ
    #กินเจ
    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #อาหารเจ
    #พ่อค้า
    #แม่ค้า
    #ร้านเจ
    #บทกวี
    #กลอน
    #ท่านจันทร์
    #รักธรรมะ
    ฝากถึงใครที่จะทำอาหารเจขายในช่วงเทศกาล ขอให้เน้นประโยชน์และความสะอาด ความปลอดภัยจากสารเคมีสิ่งเจือปนต่างๆ ให้เป็นลำดับต้นก่อนเรื่องของรสชาติเถิด ปรุงแต่พอประมาณ อย่าถึงกับให้คนกินไปแล้ว ทำลายสุขภาพและอวัยวะ ระบบการทำงานต่าง ๆ ในระยะยาวเลย เพราะเงินกำไรที่ท่านได้ไปนั้นมันคือหนี้ที่ต้องไปใช้คืนลูกค้าทั้งหลายภายหลัง ยิ่งโลภ ยิ่งกอบโกยมาก ขายแค่ 9-10 วัน ฟันกำไรเป็นล้าน ยิ่งหนี้บาน ขายย่อมเยาให้คนเขาได้ซื้อกินได้ไม่ลำบากเถิด จะเกิดคุณกับตน คนที่ขูดรีดมาก ๆ นั้น ได้เงินเยอะไปแต่ก็ไม่ค่อยได้มีชีวิตยาวอยู่ใช้เงินที่หาสะสมไว้ ส่วนใหญ่มักตายก่อนแล้วให้ลูกหลานช่วยผลาญแทน เรื่องจริงที่พบเจอมามักเป็นเช่นนี้ #thaitimes #เทศกาลกินเจ #เจ #กินเจ #ข้อคิด #แง่คิด #อาหารเจ #พ่อค้า #แม่ค้า #ร้านเจ #บทกวี #กลอน #ท่านจันทร์ #รักธรรมะ
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 676 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อุรณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง
    เช้าๆแบบนี้ พี่คิงส์อยากคุยเรื่องแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ
    แต่ละคน ล้วนแล้วแต่มีการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ชีวิตไปถึงจุด
    ที่เป็นความต้องการ บ้างก็อยากมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี
    บ้างก็อยากมีทรัพย์สินเงินทองเยอะๆ บ้างขอเพียงแค่อยู่อย่างไม่ลำบาก
    แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับตัวละครหนึ่ง
    ในนิทานเรื่อง "ชาวนากับงูจอมหงี่"
    ตัวละครหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากคือ ปี๋หน้าเห็ด
    ซึ่ง เค้าก็มีเป้าหมายที่ชัดเจน ชนิดที่เค้าเองก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธ
    มีความชัดเจนถึงจุดยืน
    ในสมัยก่อนที่มีอาชีพขี่เกวียนเวียนส่งผักส่งปลาในพื้นที่เมืองแห่งการเริ่มต้น
    ปี๋หน้าเห็นสร้างวีระกรรมไว้อย่างโชกโชน โดยเฉพาะเรื่องการฉุด การหาเศษหาเลยกับแม่นางในเมือง จนเป็นที่โจษจันกันอย่างกว้างขวาง ถ้าปี๋ ขี่เกวียนมา บรรดาประชาชนต่างกันแตกตื่น ต้องปิดบ้านปิดเรือนล็อคบ้านให้เรียบร้อย
    ปี๋หน้าเห็ด มักอ้างว่าตนเองมีพี่เป็นจองหงวน ซึ่งถ้าจริง ครอบครัวปี๋หน้าเห็ดก็ควรตรวจดีเอ็นเอ เพราะทั้งหน้าตาและสมองช่างต่างกับพี่เสียเหลือเกิน แต่ถ้าไม่จริง ก็เป็นเรื่องอัปยศที่สร้างไว้เพื่อหวังให้ผู้อื่นยำเกรง
    ปี๋หน้าเห็ด ขี่เกวียนเวียนส่งผัก ช่างกล้านัก ลูกค้าฝากเงินค่าผักไปให้แม่ค้า ปี๋หน้าเห็ด เชิดหน้าตาเฉย จนทำให้ผู้คนต่างตามล่าหาตัวกันทั่วเมืองแห่งการเริ่มต้น นั่นคือความเป็นโจนที่มีอยู่ในตัวปี๋ อย่างเต็มระบบ
    -สำหรับคนแบบปี๋ ก็ทำให้ต้องมาขุดตัวละครนี้ ให้ลึกไปอีกว่า เงินที่หามา จากการขี่เกวียน และที่เชิดไปนั้นเอาไปไหน กลับพบว่า ปี๋หน้าเห็น เป็นคนที่มมีกำหนัดสูงปรี๊ด ถ้าไม่มีตังค์ ปี๋ จะใช้การสำเร็จโทษด้วยแม่นางทั้งห้า แต่ถ้าปี๋ได้ตังค์มาจากใดๆ ก็จะต้องไปหาสำนักโคมเขียว เพื่อระบายน้ำเน่าในตัว ดังนั้นสำหรับตัวละครตัวนี้
    แรงจูงใจในการชับเคลื่อนชีวิต คือ เพื่อพี่เท่านั้น พี่ไม่ใช่หมายถึงพี่ชายพี่สาว หรือพี่จีมันทโน แต่เป็น "พี่เหือ"
    วีรกรรมของตัวละครนี้ยังมีอีกเยอะ ไว้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
    เพราะนิทานเรื่องนี้ คงอีกหลายพีอี กว่าจะจบ
    เดี๋ยวรอติดตาม EP4 เจาะเทพในวังศรีธัญญ่าตัวสำคัญอีก 1 ตัว
    ที่พี่คิงส์ใบให้ทายเมื่อวานไปแล้ว
    รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อุรณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง เช้าๆแบบนี้ พี่คิงส์อยากคุยเรื่องแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ แต่ละคน ล้วนแล้วแต่มีการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ชีวิตไปถึงจุด ที่เป็นความต้องการ บ้างก็อยากมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี บ้างก็อยากมีทรัพย์สินเงินทองเยอะๆ บ้างขอเพียงแค่อยู่อย่างไม่ลำบาก แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับตัวละครหนึ่ง ในนิทานเรื่อง "ชาวนากับงูจอมหงี่" ตัวละครหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากคือ ปี๋หน้าเห็ด ซึ่ง เค้าก็มีเป้าหมายที่ชัดเจน ชนิดที่เค้าเองก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธ มีความชัดเจนถึงจุดยืน ในสมัยก่อนที่มีอาชีพขี่เกวียนเวียนส่งผักส่งปลาในพื้นที่เมืองแห่งการเริ่มต้น ปี๋หน้าเห็นสร้างวีระกรรมไว้อย่างโชกโชน โดยเฉพาะเรื่องการฉุด การหาเศษหาเลยกับแม่นางในเมือง จนเป็นที่โจษจันกันอย่างกว้างขวาง ถ้าปี๋ ขี่เกวียนมา บรรดาประชาชนต่างกันแตกตื่น ต้องปิดบ้านปิดเรือนล็อคบ้านให้เรียบร้อย ปี๋หน้าเห็ด มักอ้างว่าตนเองมีพี่เป็นจองหงวน ซึ่งถ้าจริง ครอบครัวปี๋หน้าเห็ดก็ควรตรวจดีเอ็นเอ เพราะทั้งหน้าตาและสมองช่างต่างกับพี่เสียเหลือเกิน แต่ถ้าไม่จริง ก็เป็นเรื่องอัปยศที่สร้างไว้เพื่อหวังให้ผู้อื่นยำเกรง ปี๋หน้าเห็ด ขี่เกวียนเวียนส่งผัก ช่างกล้านัก ลูกค้าฝากเงินค่าผักไปให้แม่ค้า ปี๋หน้าเห็ด เชิดหน้าตาเฉย จนทำให้ผู้คนต่างตามล่าหาตัวกันทั่วเมืองแห่งการเริ่มต้น นั่นคือความเป็นโจนที่มีอยู่ในตัวปี๋ อย่างเต็มระบบ -สำหรับคนแบบปี๋ ก็ทำให้ต้องมาขุดตัวละครนี้ ให้ลึกไปอีกว่า เงินที่หามา จากการขี่เกวียน และที่เชิดไปนั้นเอาไปไหน กลับพบว่า ปี๋หน้าเห็น เป็นคนที่มมีกำหนัดสูงปรี๊ด ถ้าไม่มีตังค์ ปี๋ จะใช้การสำเร็จโทษด้วยแม่นางทั้งห้า แต่ถ้าปี๋ได้ตังค์มาจากใดๆ ก็จะต้องไปหาสำนักโคมเขียว เพื่อระบายน้ำเน่าในตัว ดังนั้นสำหรับตัวละครตัวนี้ แรงจูงใจในการชับเคลื่อนชีวิต คือ เพื่อพี่เท่านั้น พี่ไม่ใช่หมายถึงพี่ชายพี่สาว หรือพี่จีมันทโน แต่เป็น "พี่เหือ" วีรกรรมของตัวละครนี้ยังมีอีกเยอะ ไว้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะนิทานเรื่องนี้ คงอีกหลายพีอี กว่าจะจบ เดี๋ยวรอติดตาม EP4 เจาะเทพในวังศรีธัญญ่าตัวสำคัญอีก 1 ตัว ที่พี่คิงส์ใบให้ทายเมื่อวานไปแล้ว รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1044 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คุยแบบกลางๆอยู่ข้างพี่น้องชาวไทย
    #ทองแม่ตั๊กบทพิสูจน์ธรรมะหรืออธรรม
    สวัสดีครับ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง
    สำหรับคนที่ตามข่าวนี้ และรู้จักแม่ตั๊ก ก็จะมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน
    โดยสังเกตุได้จาก จะมี 2 ด้าน นั่นเพราะประสบการณ์ของแต่ละคนที่เจอนั้นต่างกัน
    เรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่มีข่าวเรื่องคนเอาทองแม่ตั๊ก ซึ่งพี่คิงส์ขออนุญาตแฟนเพจ จะไม่เรียกว่าแม่อีก ขอเรียกชื่อว่า ตั๊ก เป็นอันเข้าใจ ส่วนเหตุผลคือ ไม่ใช่แม่กรรู แต่ก็ไม่ได้หมายถึงการด้อยค่าแต่อย่างใด ยังคงให้เกียรติคนที่รู้จักในฝั่งที่มีประสบการณ์ที่ดี และนับถือกันจริงๆอยู่
    -พี่คิงส์ต้องบอกว่า นี่คือ บทพิสูจน์ทั้งคนที่เป็นคู่กรณี และประชาชนไทย เพราะถือว่าเป็นสิ่งใหม่มาก ที่เรายังไม่เคยเจอเคสแบบนี้
    คำว่าไม่เคยเจอ ไม่ใช่เราไม่เคยเจอทอง ที่ไม่สามารถขายที่ร้านทองได้ แต่เราไม่เคยเจอ การที่่คนรู้จักตั๊ก ในมุมที่ต่างกันสุดขั้ว
    มุมมองที่ 1 เป็นคนที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือคน และมีบุญคุณกับคนจำนวนมากมาย
    กับมุมมองที่ 2 เป็นแม่ค้าที่ให้โอกาสลูกทีม ได้ลืมตาอ้าปาก มีน้ำใจจนหลายคนเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้
    มีมุมมองที่ 3 นั่นคือลูกค้าที่เคยรับสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาดีและไม่เคยมีปัญหาที่มีความคลุมเคลืออย่างที่เป็นข่าว
    มุมมองที่ 4 คือลูกค้าที่พบประสบการณ์ที่ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องทองไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้
    ซึ่งจากการขุด สืบ ข้อมูลตามสไตล์พี่คิงส์ ได้สอบถามคนที่ผ่านประสบการณ์มาทั้ง 4 มุม
    คำถามว่า ทำไม พี่คิงส์ต้องเริ่มจากจุดนี้
    เพราะถ้าใครจำได้ วันแรก พี่คิงส์เคยโพสเรื่องนี้ไป
    แม่ตั๊ก กามิจ ดอกไม้สีทอง ถ้ายังจำกันได้
    โดยหลังจากโพสไม่นาน มีแฟนเพจคิงส์ที่เป็นด้อมแพนด้านี่แหละ
    ทักมาหลายคนมาก ต่างเล่าประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
    พี่คิงส์ จึงลบข้อมูลที่โพสบางส่วน เพื่อหาข้อมูล ว่าเพราะอะไร จึงมีคนออกมาปกป้อง ที่พี่คิงส์ก็มั่นใจว่า เค้าเป็นแฟนเพจพี่คิงส์จริงๆ เพราะมีประวัตคุยแชทกับพี่คิงส์มาก่อนหน้านานแล้ว
    ดังนั้น พี่คิงส์คิดว่า เรามาทำความเข้าใจในธุรกิจของตั๊กก่อน
    1. มีบริษัท จริง มีสินค้าจริง
    2. มีทักษะการสื่อสารที่ดี ใช้โซเชียลชำนาญ ไม่แพ้พิมรี่พาย แต่มีระบบเครือข่ายไดเร็คที่แข็งแกร่งกว่ามาก
    3. สินค้าส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา
    4. ปัญหาคือทองที่นำไปขายไม่ได้ อันนี้ชัดเจน
    พอเรามองส่วนนี้ เรามาดูผลจาก 3 ข้อแรกก่อน
    ในสามข้อแรก ตั๊ก ได้นำรายได้จากผลกำไรที่พี่คิงส์สืบแล้วไม่มีอะไรคลุมเคลือ แต่มีรายได้มหาศาลจากการขายจริง และยังเชื่อว่าสืบพิสูจน์ได้
    1. เปิดให้คนที่ไม่มีทุน มาทำธุรกิจ และหลายคน เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้
    2. นำเงินไปทำพีอาร์ ที่เป็น CHR ช่วยเหลือคนจริง และมีจำนวนมากด้วย
    ดังนั้น เฉพาะสองส่วนนี้ เวลาที่ตั๊ก มีปัญหากับมวลชนหรือสื่อ
    จึงมีคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือ ออกปกป้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ แบบไม่มีการจ้างวานแต่อย่างใด และพี่คิงส์บอกเลยว่า สองกลุ่มนี้ จำนวนมากอย่างที่แฟนเพจอาจจะคาดไม่ถึง
    คราวนี้ เรามาดูผลจากข้อที่ 4 และพิสูจน์ความจริง ใครที่คิดว่า อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คือใกล้จบแล้วพี่คิงส์เตือนไว้ก่อนเลยว่า เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ป่ะ เราไปกันต่อ
    เรื่องของทอง ต้องยอมรับความจริงให้ได้่
    1. ทองที่ตั๊กขาย ไม่ใช่ทอง
    2. บางชิ้น เป็นโลหะ บางชิ้น เป็นกระดาษพ่นโลหะ บางชิ้นเป็นพลาสติกเคลือบโลหะ และบางชิ้น มีส่วนผสมของทองน้อยมากๆจนไม่มีใครสะกัดออกมาเพื่อชั่งน้ำหนักได้แม้แต่เป็นการหลอมก็ตาม และในบางชิ้นที่กล่าวไปแล้ว บางอย่างเป็นของแถมที่ตั๊กเองก็พูดยืนยันว่า เป็นทองคำบริสุทธิ์ 99.99
    3. ในส่วนของดอกไม้สีทอง ได้มีการนำตรวจพิสูจน์แล้วว่า เป็นดอกไม้สีทองที่เคลือบด้วยสารคล้ายฟิล์มสีทอง และพี่คิงส์ก็สืบต่ออีกว่า ดอกไม้สีทองแบบนี้ เหมือนกันเป๊ะๆ มันมาจากไหน ก็ได้ข้อมูลว่า มันคือดอกไม้สำหรับการปักเค้กวันเกิด ที่จีนจำหน่ายผ่านแอพประมาณ 1.2 หยวน
    เราเข้าใจตัวสินค้าที่มีปัญหาก็จะไปต่อกันได้
    คำถามคือ การขายทองที่ไม่แท้นี้ ดำเนินกิจการมานานมากแล้วใช้มั๊ย ก็ต้องบอกว่า นานพอสมควรเลยและส่วนต่างกำไรนั้นก็มหาศาล
    แต่มีจุดสำคัญคือ
    1. ตั๊กจะประกาศซื้อขายแลกเปลี่ยน หมายความว่า ถ้าคุณไม่โอเค ตั๊กยินดีซื้อคืน ในเรทที่หักไปประมาณ 60เปอร์เซ็น+- ซึ่งตั๊กก็ประกาศและทำตามนั้นจริง ไม่มีผลัดผ่อนแต่อย่างใด
    2. กรณีของคน ที่มีปัญหาหนักๆจริงๆ ด้วยความที่ตั๊กมีธุรกิจหลายตัวและสร้างรายได้มหาศาลมาก่อนจับเรื่องทอง การคืนแบบเต็มจำนวน หรือจะมีส่วนในการชดใช้เยียวยาเพิ่มแต่ละรายตามตกลงนั้น ตั๊กก็ยินดีคืนแบบไม่มีผลัดผ่อน แต่อย่างใด
    ดังนั้น จากสองกรณีนี้ จึงจบได้ ไม่มีปัญหาและคนที่โดยเฉพาะรักตั๊กอยู่แล้ว ก็ยิ่งมีมุมมองว่า ตั๊กไม่ได้ผิดอะไรเลย ก็ทำตามที่สัญญา
    ในส่วนที่นำไปขายที่ร้านทองไม่ได้ ตั๊กก็พูดย้ำในไลฟ์เช่นกันว่า ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ คือที่ตั๊ก ไม่ใช่ที่อื่น
    จึงดูแล้ว ทุกอย่างก็เหมือนจะชัด แต่มันก็ยังไม่ชัด อย่างไรไม่รู้ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
    และเราจะเห็นจากข้อมูลข่าวอีกว่า สุดท้าย ตั๊กยินดีที่จะคืนเต็มจำนวนกับทุกราย ซึ่งให้นำของแถมคืนให้ครบ หากไม่คบ จะมีการหักไปบางชิ้นถึงหมื่น ก็กลายเป็นปมกลับมาให้พี่หนุ่มเอง รู้สึกว่าจบแบบนี้ยังไม่โอเค
    ซึ่งพี่คิงส์บอกเลยว่า สุดท้าย ตั๊กก็จะคืนเต็มจำนวนแม้ว่าของแถมจะขาดหายไปก็ตาม ถ้าลูกค้าไม่ยอมจริงๆ
    สุดท้าย ลูกค้าที่ซื้อไป และเกิดความเสียหาย สิ่งที่ต้องการไม่ใช่การเอาเรื่อง สิ่งที่ต้องการจริงๆคือการได้รับการชดใช้ แค่นั้นก็เพียงพอแบบไม่ต้องการติดใจเอาความอีกต่อไป
    ดังนั้น เรื่องนี้จะเป็นตำนานบทใหม่ ที่มีความยากในการแยกว่า สุดท้าย ตั๊กคือธรรมมะ หรืออธรรม
    ถ้าจะมองว่าธรรมมะ ก็ไม่น่าจะนำทองที่ไม่แท้มาจำหน่าย
    ถ้ามองว่าอธรรม ตั๊กก็พร้อมรับจบทุกรายโดยคืนเต็มจำนวน
    ความเสียหายจึงไม่เกิด และพี่คิงส์ก็เชื่อว่าลูกค้าตั๊กเองก็จะไม่ลดด้วย
    จากเหตุหลายปัจจัยที่ประกอบกันที่แจ้งไว้ตั้งแต่ต้น
    นี่แหละ แม้แต่พี่คิงส์ ได้นำเสนอมาถึงจุดนี้
    ก็เชื่อว่าแฟนเพจเอง ก็ยังอึนๆ มึนๆ และไม่สามารถให้ข้อสรุปได้เช่นกัน
    ว่าเราจะเสื่อในสิ่งที่เฮ็ด หรือเราจะเฮ็ดในสิ่งที่เสื่อ
    หรือช่วยตอบพี่คิงส์ใต้โพสได้มั๊ยว่า แฟนเพจคิงคิดว่า
    ตั๊ก คือแบบไหนกันแน่
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คุยแบบกลางๆอยู่ข้างพี่น้องชาวไทย #ทองแม่ตั๊กบทพิสูจน์ธรรมะหรืออธรรม สวัสดีครับ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง สำหรับคนที่ตามข่าวนี้ และรู้จักแม่ตั๊ก ก็จะมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน โดยสังเกตุได้จาก จะมี 2 ด้าน นั่นเพราะประสบการณ์ของแต่ละคนที่เจอนั้นต่างกัน เรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่มีข่าวเรื่องคนเอาทองแม่ตั๊ก ซึ่งพี่คิงส์ขออนุญาตแฟนเพจ จะไม่เรียกว่าแม่อีก ขอเรียกชื่อว่า ตั๊ก เป็นอันเข้าใจ ส่วนเหตุผลคือ ไม่ใช่แม่กรรู แต่ก็ไม่ได้หมายถึงการด้อยค่าแต่อย่างใด ยังคงให้เกียรติคนที่รู้จักในฝั่งที่มีประสบการณ์ที่ดี และนับถือกันจริงๆอยู่ -พี่คิงส์ต้องบอกว่า นี่คือ บทพิสูจน์ทั้งคนที่เป็นคู่กรณี และประชาชนไทย เพราะถือว่าเป็นสิ่งใหม่มาก ที่เรายังไม่เคยเจอเคสแบบนี้ คำว่าไม่เคยเจอ ไม่ใช่เราไม่เคยเจอทอง ที่ไม่สามารถขายที่ร้านทองได้ แต่เราไม่เคยเจอ การที่่คนรู้จักตั๊ก ในมุมที่ต่างกันสุดขั้ว มุมมองที่ 1 เป็นคนที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือคน และมีบุญคุณกับคนจำนวนมากมาย กับมุมมองที่ 2 เป็นแม่ค้าที่ให้โอกาสลูกทีม ได้ลืมตาอ้าปาก มีน้ำใจจนหลายคนเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ มีมุมมองที่ 3 นั่นคือลูกค้าที่เคยรับสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาดีและไม่เคยมีปัญหาที่มีความคลุมเคลืออย่างที่เป็นข่าว มุมมองที่ 4 คือลูกค้าที่พบประสบการณ์ที่ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องทองไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้ ซึ่งจากการขุด สืบ ข้อมูลตามสไตล์พี่คิงส์ ได้สอบถามคนที่ผ่านประสบการณ์มาทั้ง 4 มุม คำถามว่า ทำไม พี่คิงส์ต้องเริ่มจากจุดนี้ เพราะถ้าใครจำได้ วันแรก พี่คิงส์เคยโพสเรื่องนี้ไป แม่ตั๊ก กามิจ ดอกไม้สีทอง ถ้ายังจำกันได้ โดยหลังจากโพสไม่นาน มีแฟนเพจคิงส์ที่เป็นด้อมแพนด้านี่แหละ ทักมาหลายคนมาก ต่างเล่าประสบการณ์ที่แตกต่างกัน พี่คิงส์ จึงลบข้อมูลที่โพสบางส่วน เพื่อหาข้อมูล ว่าเพราะอะไร จึงมีคนออกมาปกป้อง ที่พี่คิงส์ก็มั่นใจว่า เค้าเป็นแฟนเพจพี่คิงส์จริงๆ เพราะมีประวัตคุยแชทกับพี่คิงส์มาก่อนหน้านานแล้ว ดังนั้น พี่คิงส์คิดว่า เรามาทำความเข้าใจในธุรกิจของตั๊กก่อน 1. มีบริษัท จริง มีสินค้าจริง 2. มีทักษะการสื่อสารที่ดี ใช้โซเชียลชำนาญ ไม่แพ้พิมรี่พาย แต่มีระบบเครือข่ายไดเร็คที่แข็งแกร่งกว่ามาก 3. สินค้าส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา 4. ปัญหาคือทองที่นำไปขายไม่ได้ อันนี้ชัดเจน พอเรามองส่วนนี้ เรามาดูผลจาก 3 ข้อแรกก่อน ในสามข้อแรก ตั๊ก ได้นำรายได้จากผลกำไรที่พี่คิงส์สืบแล้วไม่มีอะไรคลุมเคลือ แต่มีรายได้มหาศาลจากการขายจริง และยังเชื่อว่าสืบพิสูจน์ได้ 1. เปิดให้คนที่ไม่มีทุน มาทำธุรกิจ และหลายคน เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ 2. นำเงินไปทำพีอาร์ ที่เป็น CHR ช่วยเหลือคนจริง และมีจำนวนมากด้วย ดังนั้น เฉพาะสองส่วนนี้ เวลาที่ตั๊ก มีปัญหากับมวลชนหรือสื่อ จึงมีคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือ ออกปกป้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ แบบไม่มีการจ้างวานแต่อย่างใด และพี่คิงส์บอกเลยว่า สองกลุ่มนี้ จำนวนมากอย่างที่แฟนเพจอาจจะคาดไม่ถึง คราวนี้ เรามาดูผลจากข้อที่ 4 และพิสูจน์ความจริง ใครที่คิดว่า อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คือใกล้จบแล้วพี่คิงส์เตือนไว้ก่อนเลยว่า เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ป่ะ เราไปกันต่อ เรื่องของทอง ต้องยอมรับความจริงให้ได้่ 1. ทองที่ตั๊กขาย ไม่ใช่ทอง 2. บางชิ้น เป็นโลหะ บางชิ้น เป็นกระดาษพ่นโลหะ บางชิ้นเป็นพลาสติกเคลือบโลหะ และบางชิ้น มีส่วนผสมของทองน้อยมากๆจนไม่มีใครสะกัดออกมาเพื่อชั่งน้ำหนักได้แม้แต่เป็นการหลอมก็ตาม และในบางชิ้นที่กล่าวไปแล้ว บางอย่างเป็นของแถมที่ตั๊กเองก็พูดยืนยันว่า เป็นทองคำบริสุทธิ์ 99.99 3. ในส่วนของดอกไม้สีทอง ได้มีการนำตรวจพิสูจน์แล้วว่า เป็นดอกไม้สีทองที่เคลือบด้วยสารคล้ายฟิล์มสีทอง และพี่คิงส์ก็สืบต่ออีกว่า ดอกไม้สีทองแบบนี้ เหมือนกันเป๊ะๆ มันมาจากไหน ก็ได้ข้อมูลว่า มันคือดอกไม้สำหรับการปักเค้กวันเกิด ที่จีนจำหน่ายผ่านแอพประมาณ 1.2 หยวน เราเข้าใจตัวสินค้าที่มีปัญหาก็จะไปต่อกันได้ คำถามคือ การขายทองที่ไม่แท้นี้ ดำเนินกิจการมานานมากแล้วใช้มั๊ย ก็ต้องบอกว่า นานพอสมควรเลยและส่วนต่างกำไรนั้นก็มหาศาล แต่มีจุดสำคัญคือ 1. ตั๊กจะประกาศซื้อขายแลกเปลี่ยน หมายความว่า ถ้าคุณไม่โอเค ตั๊กยินดีซื้อคืน ในเรทที่หักไปประมาณ 60เปอร์เซ็น+- ซึ่งตั๊กก็ประกาศและทำตามนั้นจริง ไม่มีผลัดผ่อนแต่อย่างใด 2. กรณีของคน ที่มีปัญหาหนักๆจริงๆ ด้วยความที่ตั๊กมีธุรกิจหลายตัวและสร้างรายได้มหาศาลมาก่อนจับเรื่องทอง การคืนแบบเต็มจำนวน หรือจะมีส่วนในการชดใช้เยียวยาเพิ่มแต่ละรายตามตกลงนั้น ตั๊กก็ยินดีคืนแบบไม่มีผลัดผ่อน แต่อย่างใด ดังนั้น จากสองกรณีนี้ จึงจบได้ ไม่มีปัญหาและคนที่โดยเฉพาะรักตั๊กอยู่แล้ว ก็ยิ่งมีมุมมองว่า ตั๊กไม่ได้ผิดอะไรเลย ก็ทำตามที่สัญญา ในส่วนที่นำไปขายที่ร้านทองไม่ได้ ตั๊กก็พูดย้ำในไลฟ์เช่นกันว่า ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ คือที่ตั๊ก ไม่ใช่ที่อื่น จึงดูแล้ว ทุกอย่างก็เหมือนจะชัด แต่มันก็ยังไม่ชัด อย่างไรไม่รู้ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยเช่นกัน และเราจะเห็นจากข้อมูลข่าวอีกว่า สุดท้าย ตั๊กยินดีที่จะคืนเต็มจำนวนกับทุกราย ซึ่งให้นำของแถมคืนให้ครบ หากไม่คบ จะมีการหักไปบางชิ้นถึงหมื่น ก็กลายเป็นปมกลับมาให้พี่หนุ่มเอง รู้สึกว่าจบแบบนี้ยังไม่โอเค ซึ่งพี่คิงส์บอกเลยว่า สุดท้าย ตั๊กก็จะคืนเต็มจำนวนแม้ว่าของแถมจะขาดหายไปก็ตาม ถ้าลูกค้าไม่ยอมจริงๆ สุดท้าย ลูกค้าที่ซื้อไป และเกิดความเสียหาย สิ่งที่ต้องการไม่ใช่การเอาเรื่อง สิ่งที่ต้องการจริงๆคือการได้รับการชดใช้ แค่นั้นก็เพียงพอแบบไม่ต้องการติดใจเอาความอีกต่อไป ดังนั้น เรื่องนี้จะเป็นตำนานบทใหม่ ที่มีความยากในการแยกว่า สุดท้าย ตั๊กคือธรรมมะ หรืออธรรม ถ้าจะมองว่าธรรมมะ ก็ไม่น่าจะนำทองที่ไม่แท้มาจำหน่าย ถ้ามองว่าอธรรม ตั๊กก็พร้อมรับจบทุกรายโดยคืนเต็มจำนวน ความเสียหายจึงไม่เกิด และพี่คิงส์ก็เชื่อว่าลูกค้าตั๊กเองก็จะไม่ลดด้วย จากเหตุหลายปัจจัยที่ประกอบกันที่แจ้งไว้ตั้งแต่ต้น นี่แหละ แม้แต่พี่คิงส์ ได้นำเสนอมาถึงจุดนี้ ก็เชื่อว่าแฟนเพจเอง ก็ยังอึนๆ มึนๆ และไม่สามารถให้ข้อสรุปได้เช่นกัน ว่าเราจะเสื่อในสิ่งที่เฮ็ด หรือเราจะเฮ็ดในสิ่งที่เสื่อ หรือช่วยตอบพี่คิงส์ใต้โพสได้มั๊ยว่า แฟนเพจคิงคิดว่า ตั๊ก คือแบบไหนกันแน่ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 1 รีวิว
  • “นันทนา” ปัดบูลลี่แม่ค้าขายหมู ได้นั่ง กมธ.พัฒนาการเมือง แค่ยกตัวอย่างได้ไม่ตรงปก ชี้ ต้องตรงความรู้-ความสามารถ ไม่ตอบต้องขอโทษหรือไม่ ด้าน "สว.แดง" เดินผ่านทำหูทวนลมไม่ตอบกลับสื่อ ออกอาการยิ้มเจื่อนก่อนเดินสับเข้าห้องประชุมทันที

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000089479

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “นันทนา” ปัดบูลลี่แม่ค้าขายหมู ได้นั่ง กมธ.พัฒนาการเมือง แค่ยกตัวอย่างได้ไม่ตรงปก ชี้ ต้องตรงความรู้-ความสามารถ ไม่ตอบต้องขอโทษหรือไม่ ด้าน "สว.แดง" เดินผ่านทำหูทวนลมไม่ตอบกลับสื่อ ออกอาการยิ้มเจื่อนก่อนเดินสับเข้าห้องประชุมทันที อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000089479 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    Wow
    30
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4368 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง
    เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง
    เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก
    แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน
    แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี
    เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ
    ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน
    เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้
    มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร
    นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก
    บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง
    แต่ตั๊กก็รับคืน
    แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป
    ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ
    ส่วน ดอกสีทองที่สอง
    คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่
    อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้
    ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ
    ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป
    โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง
    คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล
    ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม.
    เพื่อหาทุนเรียน
    แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ
    แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี
    คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้
    ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป
    เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง
    แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ
    ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ
    อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม
    กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023
    นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง
    ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี
    ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง
    หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน
    ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง
    สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ
    ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว
    เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์
    หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ
    ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย
    แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่
    มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล
    และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก
    ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก
    ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง
    เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ
    ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้
    เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้
    มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล
    ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ
    ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้
    ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว
    อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว
    เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน
    โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์
    และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย
    ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ
    ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก
    และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร
    ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก
    แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า
    ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี
    ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ
    และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ
    วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน
    พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ
    ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน
    ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี
    ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว
    กรรูขุดยันก้นเหว
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้ มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง แต่ตั๊กก็รับคืน แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ ส่วน ดอกสีทองที่สอง คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้ ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม. เพื่อหาทุนเรียน แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้ ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023 นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์ หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่ มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้ เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้ มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้ ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์ และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว กรรูขุดยันก้นเหว #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 723 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านมีให้ลูกค้าเอฟหลายทางนะคะ ช้อปปี้ ลาซาด้า เฟส ติ๊กตอก เอาที่เพื่อนๆชอบได้เลยค่ะ เม้นมาถามแม่ค้าได้ตลอดจ้า 🙏🏻🙏🏻
    ร้านมีให้ลูกค้าเอฟหลายทางนะคะ ช้อปปี้ ลาซาด้า เฟส ติ๊กตอก เอาที่เพื่อนๆชอบได้เลยค่ะ เม้นมาถามแม่ค้าได้ตลอดจ้า 🙏🏻🙏🏻
    Like
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ไอซ์ ไม่เคยแผ่ว ปล่อยข่าวเป็นตลาดพม่า จนลูกค้าหายหมด จนแม่ค้าต้องออกมาแจง ว่าพม่าเป็นแค่ลูกจ้างที่ให้มาช่วยขายสินค้ากับลูกค้าชาวพม่าด้วยกัน
    #7ดอกจิก
    ♣ ไอซ์ ไม่เคยแผ่ว ปล่อยข่าวเป็นตลาดพม่า จนลูกค้าหายหมด จนแม่ค้าต้องออกมาแจง ว่าพม่าเป็นแค่ลูกจ้างที่ให้มาช่วยขายสินค้ากับลูกค้าชาวพม่าด้วยกัน #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts