• เปิดเอกสาร JC 2544 และแชร์ไปให้มากๆขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44 โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544ด้วยความปรารถนาดีปานเทพ พัวพงษ์พันธ์คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต26 พฤศจิกายน 2567https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1102315007928865/?
    เปิดเอกสาร JC 2544 และแชร์ไปให้มากๆขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44 โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544ด้วยความปรารถนาดีปานเทพ พัวพงษ์พันธ์คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต26 พฤศจิกายน 2567https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1102315007928865/?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดเอกสาร JC 2544 และแชร์ไปให้มากๆขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44 โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544ด้วยความปรารถนาดีปานเทพ พัวพงษ์พันธ์คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต26 พฤศจิกายน 2567https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1102315007928865/?
    เปิดเอกสาร JC 2544 และแชร์ไปให้มากๆขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44 โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544ด้วยความปรารถนาดีปานเทพ พัวพงษ์พันธ์คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต26 พฤศจิกายน 2567https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1102315007928865/?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” เปิดเอกสารแถลงการณ์ร่วม “ทักษิณ-ฮุนเซน” ปี 2544 รับรอง MOU44 โดยไม่ผ่านสภา และไม่มีพระบรมราชโองการ แนะช่วยกันเผยแพร่เพื่อเพิกถอนทั้งแถลงการณ์ฯ และ MOU

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113740

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” เปิดเอกสารแถลงการณ์ร่วม “ทักษิณ-ฮุนเซน” ปี 2544 รับรอง MOU44 โดยไม่ผ่านสภา และไม่มีพระบรมราชโองการ แนะช่วยกันเผยแพร่เพื่อเพิกถอนทั้งแถลงการณ์ฯ และ MOU อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113740 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดเอกสาร JC 2544
    ขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44 โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544
    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    26 พฤศจิกายน 2567
    .
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1102315007928865/?
    เปิดเอกสาร JC 2544 ขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44 โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544 ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 26 พฤศจิกายน 2567 . https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1102315007928865/?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน
    .
    รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน
    .
    อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ
    .
    ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน
    .
    ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม
    .
    ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า
    .
    หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร
    .
    ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532
    ..............
    Sondhi X
    ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน . รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน . อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ . ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน . ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ . ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022 . ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม . ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า . หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร . ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น . อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532 .............. Sondhi X
    Love
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดที่มาของเหตุการณ์ แอม ไซยาไนด์...
    เบื้องหลังคําสั่งประหารชีวิตแอมไซยาไนด์ ส่วนหนึ่งขอยกความดีความชอบให้ห้องแล็บที่ มัดแอมจนดิ้นไม่หลุด คนที่ทุ่มเททํางานในห้องแล็บนั้นก็คือ อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีระชัย ประธานหลักสูตรนิติวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์อ๊อดเล่าว่าต้องพิสูจน์หลักฐานกว่า 800ชิ้น ที่ทางตํารวจส่งมาให้ช่วยตรวจหาสารพิษไซยาไนด์ผ่านระบบเครื่องมือไฮเทค ของห้องแล็บเคมี บวกกับบุคลากรที่มีความชํานาญการซึ่งก็มี อ อ๊อด เป็นหัวหน้าทีม ผลก็คือการพบสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ ทั้งในรถในบ้านของแอมไซยาไนด์รวมถึงในยาของกลางที่แอมไซยาไนด์ แอบยัดไส้ให้เพื่อนกิน
    เป็นหลักฐานสําคัญนํามาสู่การฟ้องแอมไซยาไนด์คดีฆ่าคนตายถึง14 ศพและเกือบตายอีกหนึ่งคน ที่พีคกว่านั้นทีมอาจารย์อ๊อดยังตรวจพบยาถอนพิษไซยาไนด์ในบ้านของแอมด้วย สารตัวนี้มีชื่อว่าโซเดียมไพโอซัลเฟต พอฉีดสารนี้เข้าเส้นเลือดมันจะช่วยถอนพิษสุดโหดของไซยาไนด์ได้ทันท่วงที เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า หมอพิษก็กลัวตายเพราะพิษ จึงต้องมียาแก้พิษติดไว้ใกล้มือเมื่อนําไปประกอบกับหลักฐานอื่นๆ ที่ตํารวจเสาะหามาได้ คดีของก้อยนางสาวศิริพร ขันธ์วงศ์ ซึ่งถือเป็นคดีนําร่องของซีรี่ย์แอมไซยาไนด์ จึงได้ผลออกมาเป็นคําสั่งประหารชีวิตสถานเดียว
    ความอันตรายอีกอย่างของ ไซยาไนด์ คือมันเป็นสารราคาถูกที่เคยซื้อได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมันใช้แพร่หลายในอุตสาหกรรมอัญมณีทองรูปพรรณ แม้จะเป็นสารควบคุมแต่ดันมีข้อแม้ว่า ต้องซื้อเกิน1 ตันโน่นเลย จึงจะเข้าเกณฑ์ ต้องขออนุญาตจากทางราชการตรงนี้จึงเป็นช่องว่างให้โพแทสเซียมไซยาไนด์เป็นสารซื้อง่ายขายคล่องไปอยู่ในมืออาชญากรได้ง่าย ความที่ไม่มีสี ไม่มีรสไม่มีกลิ่นขนาดผสมลงในเครื่องดื่ม คนดื่มก็ไม่รู้ว่ามีพิษใช้ปริมาณน้อยนิดแค่100 มิลลิกรัม ก็ปลิดชีวิตคนได้แล้ว
    เหตุจูงใจก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการพนันออนไลน์ ที่แพร่หลายมากในสังคมไทย แอมไซยาไนด์เป็นทาสการพนันออนไลน์ เที่ยวหยิบยืมเงินคนรู้จักไปทั่วจนมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเกิดไอเดียใช้ยาพิษฆ่าล้างหนี้เหยื่อของเธอล้วนแต่เป็นเจ้าหนี้เป็นเพื่อน เป็นผัว เป็นคนที่ไว้ใจกันทั้งสิ้น อุทาหรณ์จากคดีนี้บอกว่าการคบเพื่อนต้องพยายามอยู่ให้ไกลจากพวกผีพนัน หรืออย่าให้คนร้อนเงิน มาเป็นลูกหนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ

    เปิดที่มาของเหตุการณ์ แอม ไซยาไนด์... เบื้องหลังคําสั่งประหารชีวิตแอมไซยาไนด์ ส่วนหนึ่งขอยกความดีความชอบให้ห้องแล็บที่ มัดแอมจนดิ้นไม่หลุด คนที่ทุ่มเททํางานในห้องแล็บนั้นก็คือ อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีระชัย ประธานหลักสูตรนิติวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์อ๊อดเล่าว่าต้องพิสูจน์หลักฐานกว่า 800ชิ้น ที่ทางตํารวจส่งมาให้ช่วยตรวจหาสารพิษไซยาไนด์ผ่านระบบเครื่องมือไฮเทค ของห้องแล็บเคมี บวกกับบุคลากรที่มีความชํานาญการซึ่งก็มี อ อ๊อด เป็นหัวหน้าทีม ผลก็คือการพบสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ ทั้งในรถในบ้านของแอมไซยาไนด์รวมถึงในยาของกลางที่แอมไซยาไนด์ แอบยัดไส้ให้เพื่อนกิน เป็นหลักฐานสําคัญนํามาสู่การฟ้องแอมไซยาไนด์คดีฆ่าคนตายถึง14 ศพและเกือบตายอีกหนึ่งคน ที่พีคกว่านั้นทีมอาจารย์อ๊อดยังตรวจพบยาถอนพิษไซยาไนด์ในบ้านของแอมด้วย สารตัวนี้มีชื่อว่าโซเดียมไพโอซัลเฟต พอฉีดสารนี้เข้าเส้นเลือดมันจะช่วยถอนพิษสุดโหดของไซยาไนด์ได้ทันท่วงที เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า หมอพิษก็กลัวตายเพราะพิษ จึงต้องมียาแก้พิษติดไว้ใกล้มือเมื่อนําไปประกอบกับหลักฐานอื่นๆ ที่ตํารวจเสาะหามาได้ คดีของก้อยนางสาวศิริพร ขันธ์วงศ์ ซึ่งถือเป็นคดีนําร่องของซีรี่ย์แอมไซยาไนด์ จึงได้ผลออกมาเป็นคําสั่งประหารชีวิตสถานเดียว ความอันตรายอีกอย่างของ ไซยาไนด์ คือมันเป็นสารราคาถูกที่เคยซื้อได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมันใช้แพร่หลายในอุตสาหกรรมอัญมณีทองรูปพรรณ แม้จะเป็นสารควบคุมแต่ดันมีข้อแม้ว่า ต้องซื้อเกิน1 ตันโน่นเลย จึงจะเข้าเกณฑ์ ต้องขออนุญาตจากทางราชการตรงนี้จึงเป็นช่องว่างให้โพแทสเซียมไซยาไนด์เป็นสารซื้อง่ายขายคล่องไปอยู่ในมืออาชญากรได้ง่าย ความที่ไม่มีสี ไม่มีรสไม่มีกลิ่นขนาดผสมลงในเครื่องดื่ม คนดื่มก็ไม่รู้ว่ามีพิษใช้ปริมาณน้อยนิดแค่100 มิลลิกรัม ก็ปลิดชีวิตคนได้แล้ว เหตุจูงใจก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการพนันออนไลน์ ที่แพร่หลายมากในสังคมไทย แอมไซยาไนด์เป็นทาสการพนันออนไลน์ เที่ยวหยิบยืมเงินคนรู้จักไปทั่วจนมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเกิดไอเดียใช้ยาพิษฆ่าล้างหนี้เหยื่อของเธอล้วนแต่เป็นเจ้าหนี้เป็นเพื่อน เป็นผัว เป็นคนที่ไว้ใจกันทั้งสิ้น อุทาหรณ์จากคดีนี้บอกว่าการคบเพื่อนต้องพยายามอยู่ให้ไกลจากพวกผีพนัน หรืออย่าให้คนร้อนเงิน มาเป็นลูกหนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน

    วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.คณัสนันท์ งามสง่า พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ได้คุมตัว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5,16

    คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า นพ.บุญ ผู้ต้องหาทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลในนามบริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) เป็นผู้ถือหุ้นของTHG เผยแพร่ชื่อเสียงของตนเอง ผ่านสื่อต่างๆ ถึงความสำเร็จทางธุรกิจในฐานะผู้บริหาร ระดับสูงและได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในวงการ ธุรกิจต่างๆ ทั้งในด้านการบริหารกิจการโรงพยาบาล และการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงหลายโครงการต่างๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ นักลงทุนทั่วไป ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายหลายรายร่วมลงทุน โดยผ่านตัวแทน โบรกเกอร์ในรูปแบบต่างๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000113274

    #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยาหมอบุญ #ลูกสาว #คดีฉ้อโกง #หลอกลงทุนกิจการ #โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง #บริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ปจำกัด #THG
    ศาลอาญาให้ฝากขัง "ภรรยาหมอบุญ-ลูกสาว" คดีฉ้อโกงหลอกลงทุนกิจการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง มูลค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้าน • วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ต.คณัสนันท์ งามสง่า พนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ได้คุมตัว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5,16 • คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า นพ.บุญ ผู้ต้องหาทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลในนามบริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) เป็นผู้ถือหุ้นของTHG เผยแพร่ชื่อเสียงของตนเอง ผ่านสื่อต่างๆ ถึงความสำเร็จทางธุรกิจในฐานะผู้บริหาร ระดับสูงและได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในวงการ ธุรกิจต่างๆ ทั้งในด้านการบริหารกิจการโรงพยาบาล และการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงหลายโครงการต่างๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ นักลงทุนทั่วไป ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายหลายรายร่วมลงทุน โดยผ่านตัวแทน โบรกเกอร์ในรูปแบบต่างๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000113274 • #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยาหมอบุญ #ลูกสาว #คดีฉ้อโกง #หลอกลงทุนกิจการ #โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง #บริษัทธนบุรีแฮลแคร์กรุ๊ปจำกัด #THG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องนี้เพราะวิธีการทำงานชุ่ยจริง
    จากกรณีข่าวดัง เอกสายไหมต้องรอด โดนหมายJAB กรณีนำพยาน TeD
    โดยเรื่องนี้ เอกเองก็รู้ว่าพลาด KADEE ดิไอคอน
    ทั้งๆที่ในเรื่องนี้ ผตห ทุกคนที่เป็นตัวหลักๆ ก็เข้าไปรับกรรมกันประจำในแดนกันแล้ว แต่เหตุไฉน เอก จิตอาสาผู้มีภาพช่วยเหลือคน จึงพลาดได้
    พี่คิงส์ จะมาเฉลยให้อ่านกัน
    - ทั้งนี้ พี่คิงส์ไม่ได้จะตอกย้ำ หรือซ้ำเติมเอก หรือจะบอกว่าเอกเป็นคนไม่ดี แต่พี่คิงส์จะพูดถึงวิธีการทำงานของเอก ที่ชุ่ยมากๆมาตลอด จนมีคนเคยมาร้องเรียนที่เพจคิงส์ อยู่หลายครั้ง
    - วิธีการที่เอกใช้คือ เอกเปิดสำนักงาน โดยมีนักข่าวจากช่องต่างๆมาประจำอยู่ที่สนง. โดย เมื่อใครก็ตามที่มาทำการร้องทุกข์ เอก จะไม่เคยสอบถามคนที่ถูกกล่าวอ้างจากผู้ร้องเรียนเลย ว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร
    - เอก ฟังข้อมูลจากทีมงานที่ซักถามคนร้องเรียนเพียงด้านเดียว และเอกก็จะจัดคิว แถลงข่าวทันที โดยวิธีการนี้ ข่าวดัง ข่าวไว เป็นที่สนใจของผู้คน แต่มันได้สร้างกรรม ให้กับอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีโอกาสชี้แจง แต่ข่าวได้ทำให้เกิดความเสียหายไปแล้ว
    - และมีบางกรณี ที่เป็นเรื่องครอบครัวที่มีความละเอียดอ่อน โดยที่คนในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการแถลงที่แสนชุ่ยนั้น ติดต่อไปเพื่อให้เอกแก้ไขปัญหาที่กระจายแพร่ออกไป โดยพร้อมที่จะนำหลักฐานต่างๆมาชี้แจง แต่เอกมักทำตัวตัดสิน เป็นผู้พิพากษากับเคสต่างๆ โดยคิดว่าตัวเองนั้น รู้ดี รู้ลึก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเอกก็ไม่เคยคิดแก้ข่าวให้กับคนที่ได้รับผลประทบเลย
    - ดังนั้นเมื่อมีเคสนี้ พี่คิงส์จึงไม่รู้สึกแปลกใจว่ามันต้องเกิดขึ้นซักวัน และรอบนี้ เอกเชื่อผู้ที่มาร้อง โดยไม่เชื่อจากการหาข้อมูลที่แม่นยำ ต่างจากสนธิ ปานเทพ อัจฉริยะ หรือหนุ่มกรรชัย แต่ใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มั่นใจในตัวเอง ในเซ็นท์ของตัวเองมากกว่า โดยสุดท้าย เอก สายไหมต้องรอด กลับเป็นคนเดียว ที่พลาด ทั้งๆที่ตัวเองมีเจตนาช่วยเหลือ ผสห แต่ผสห ของเอก เป็นของไม่จริง
    - ที่ผ่านมา เอกอาจรอดจากการจัดการจากผู้ได้รับผลกระทบจากการทำงานที่ชุ่ย และคิดว่าคงไม่มีใครจะมาทำอะไร เนื่องจากสิ่งที่เอกทำ มันมีประโยชน์กับสังคม แต่ไม่ใช่กับเหล่าบอส ที่เป็นกลุ่มก้อนมิจ ที่มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ในการปกป้องตัวเองอย่างสูง มีท น า ย ที่พร้อมแกะทุกเม็ดที่ฝ่ายตรงข้ามจะพลาด แล้วเอกก็พลาดจริงๆ
    - เอกรู้ดีว่า รอบนี้ ปัญหาที่เกิด แก้ยาก ซึ่งก็คล้ายเป็นกรรมที่ตามกลับมาที่เอกจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ เสื่อมเสียชื่อเสียงจากความชุ่ยของเอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ติดต่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าาาวหา แต่เอกก็ดึงเวลาอ้างไม่ว่า ซึ่งเข้าใจได้ว่า กำลังหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผลที่จะตามมา
    - จนในที่สุด จากหมาาเยเรียก เป็นหมาายจับ
    ถือเป็นบทเรียน ของเอกสายไหมต้องรอด และคนที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน ว่าต้องมีความรอบคอบ มากกว่านี้ อย่านำวิธีการแบบเอกมาใช้ ช่วยคน ด้วยการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย โดยการแถลงข่าวของผู้ร้องเรียนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มันดัง มันกลายเป็นข่าว และเป็นดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ที่ยังเป็นฝันร้ายของเค้าเหล่านั้นไปอีกนาน
    - ถึงอย่างไร ด้วยความดี ที่เอกทำมา ก็ขอให้รอด ปลอดภัยนะ ไม่เคยคิดซ้ำเติม แค่อยากให้สติ และกำลังใจ เลิกทำงานแบบชุ่ยๆ เสียที
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #เรื่องนี้เพราะวิธีการทำงานชุ่ยจริง จากกรณีข่าวดัง เอกสายไหมต้องรอด โดนหมายJAB กรณีนำพยาน TeD โดยเรื่องนี้ เอกเองก็รู้ว่าพลาด KADEE ดิไอคอน ทั้งๆที่ในเรื่องนี้ ผตห ทุกคนที่เป็นตัวหลักๆ ก็เข้าไปรับกรรมกันประจำในแดนกันแล้ว แต่เหตุไฉน เอก จิตอาสาผู้มีภาพช่วยเหลือคน จึงพลาดได้ พี่คิงส์ จะมาเฉลยให้อ่านกัน - ทั้งนี้ พี่คิงส์ไม่ได้จะตอกย้ำ หรือซ้ำเติมเอก หรือจะบอกว่าเอกเป็นคนไม่ดี แต่พี่คิงส์จะพูดถึงวิธีการทำงานของเอก ที่ชุ่ยมากๆมาตลอด จนมีคนเคยมาร้องเรียนที่เพจคิงส์ อยู่หลายครั้ง - วิธีการที่เอกใช้คือ เอกเปิดสำนักงาน โดยมีนักข่าวจากช่องต่างๆมาประจำอยู่ที่สนง. โดย เมื่อใครก็ตามที่มาทำการร้องทุกข์ เอก จะไม่เคยสอบถามคนที่ถูกกล่าวอ้างจากผู้ร้องเรียนเลย ว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร - เอก ฟังข้อมูลจากทีมงานที่ซักถามคนร้องเรียนเพียงด้านเดียว และเอกก็จะจัดคิว แถลงข่าวทันที โดยวิธีการนี้ ข่าวดัง ข่าวไว เป็นที่สนใจของผู้คน แต่มันได้สร้างกรรม ให้กับอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีโอกาสชี้แจง แต่ข่าวได้ทำให้เกิดความเสียหายไปแล้ว - และมีบางกรณี ที่เป็นเรื่องครอบครัวที่มีความละเอียดอ่อน โดยที่คนในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการแถลงที่แสนชุ่ยนั้น ติดต่อไปเพื่อให้เอกแก้ไขปัญหาที่กระจายแพร่ออกไป โดยพร้อมที่จะนำหลักฐานต่างๆมาชี้แจง แต่เอกมักทำตัวตัดสิน เป็นผู้พิพากษากับเคสต่างๆ โดยคิดว่าตัวเองนั้น รู้ดี รู้ลึก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเอกก็ไม่เคยคิดแก้ข่าวให้กับคนที่ได้รับผลประทบเลย - ดังนั้นเมื่อมีเคสนี้ พี่คิงส์จึงไม่รู้สึกแปลกใจว่ามันต้องเกิดขึ้นซักวัน และรอบนี้ เอกเชื่อผู้ที่มาร้อง โดยไม่เชื่อจากการหาข้อมูลที่แม่นยำ ต่างจากสนธิ ปานเทพ อัจฉริยะ หรือหนุ่มกรรชัย แต่ใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มั่นใจในตัวเอง ในเซ็นท์ของตัวเองมากกว่า โดยสุดท้าย เอก สายไหมต้องรอด กลับเป็นคนเดียว ที่พลาด ทั้งๆที่ตัวเองมีเจตนาช่วยเหลือ ผสห แต่ผสห ของเอก เป็นของไม่จริง - ที่ผ่านมา เอกอาจรอดจากการจัดการจากผู้ได้รับผลกระทบจากการทำงานที่ชุ่ย และคิดว่าคงไม่มีใครจะมาทำอะไร เนื่องจากสิ่งที่เอกทำ มันมีประโยชน์กับสังคม แต่ไม่ใช่กับเหล่าบอส ที่เป็นกลุ่มก้อนมิจ ที่มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ในการปกป้องตัวเองอย่างสูง มีท น า ย ที่พร้อมแกะทุกเม็ดที่ฝ่ายตรงข้ามจะพลาด แล้วเอกก็พลาดจริงๆ - เอกรู้ดีว่า รอบนี้ ปัญหาที่เกิด แก้ยาก ซึ่งก็คล้ายเป็นกรรมที่ตามกลับมาที่เอกจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ เสื่อมเสียชื่อเสียงจากความชุ่ยของเอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ติดต่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าาาวหา แต่เอกก็ดึงเวลาอ้างไม่ว่า ซึ่งเข้าใจได้ว่า กำลังหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผลที่จะตามมา - จนในที่สุด จากหมาาเยเรียก เป็นหมาายจับ ถือเป็นบทเรียน ของเอกสายไหมต้องรอด และคนที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน ว่าต้องมีความรอบคอบ มากกว่านี้ อย่านำวิธีการแบบเอกมาใช้ ช่วยคน ด้วยการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย โดยการแถลงข่าวของผู้ร้องเรียนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มันดัง มันกลายเป็นข่าว และเป็นดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ที่ยังเป็นฝันร้ายของเค้าเหล่านั้นไปอีกนาน - ถึงอย่างไร ด้วยความดี ที่เอกทำมา ก็ขอให้รอด ปลอดภัยนะ ไม่เคยคิดซ้ำเติม แค่อยากให้สติ และกำลังใจ เลิกทำงานแบบชุ่ยๆ เสียที #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯจะปรับยุทธศาสตร์ป้องปรามทางนิวเคลียร์ของตนเอง เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของภัยคุกคามต่างๆนานาจากรัสเซียและจีน อ้างอิงรายงานฉบับหนึ่งของเพนตากอน
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(21พ.ย.) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯะบุว่า "พวกศัตรูที่ทัดเทียมทางนิวเคลียร์หลายชาติ ท้าทายความมั่นคงของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู" พร้อมระบุประเทศเหล่านี้กำลังยกระดับคลังแสงให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆและกำลังปรับปรุงให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
    .
    ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม ชี้เป้าที่ไปรัสเซียและจีน พร้อมเน้นว่าบางทีสหรัฐฯอาจจำเป็นต้องปรับแก้ Nuclear Posture Review ปี 2022 เพื่อธำรงไว้ซึ่งการป้องปรามทางนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเขาเน้นว่าความพยายามปรับปรุงทางนิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น อาจจะไม่เพียงพอ
    .
    จอห์นสัน กล่าวถึงความกังวลเหล่านี้ โดยชี้ว่า "เพนตากอนได้ใช้ก้าวย่างต่างๆนานา ในการยกระดับความสามารถในภาคสนามในการเสริมการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางนิวเคลียร์" ซึ่งองค์ประกอบหลักของมาตรการนี้ก็คือ การประจำการระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 เพิ่มความพร้อมของอาวุธนิวเคลียร์และยกระดับแสนยานุภาพของกองเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ
    .
    ก่อนหน้านี้เพนตากอนแถลงประจำการระเบิด B61 รุ่นใหม่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และบอกว่ามันจะเข้ามาแทนที่เวอร์ชันเก่าบางรุ่น และมอบทางเลือกต่างๆเพิ่มเติมแก่สหรัฐฯในการจัดการกับเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ขนาดใหญ่และยากลำบากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามวอชิงตันเน้นย้ำว่าการประจำการ B61-13 ไม่ใช่การตอบสนองต่อสถานการณ์ใดๆในปัจจุบัน และจะไม่เป็นการเพิ่มสต๊อกนิวเคลียร์ในภาพรวม
    .
    เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ คือองค์ประกอบหลักของ "สามเหล่านิวเคลียร์(nuclear triad)" ของสหรัฐฯ และออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับป้องปรามทางนิวเคลียร์ ทั้งนี้เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ สามารถติดขีปนาวุธไทรแดนท์ ที่มีพิสัยทำการสูงสุด 12,000 กิโลเมตร
    .
    ความเห็นของ จอห์นสัน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้ปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เอกสารที่มีการปรับแก้นั้นกำหนดให้ "การรุกรานเล่นงานสหพันธรัฐรัสเซียและ/หรือชาติพันธมิตร โดยรัฐหนึ่งที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนจากประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกมองในฐานะเป็นการโจมตีร่วม"
    .
    ปูติน อนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตรตะวันตกหลายชาติของอเมริกา ไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้ โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย แม้มอสโกเคยเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย และผลก็คือเป็นการลากนาโตเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง
    .
    ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน รัสเซียปฏิบัติการโจมตียูเครน ด้วยการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางล่าสุด Oreshnik พร้อมระบุมันเป็นการตอบโต้การโจมตีข้ามชายแดนของเคียฟ ที่ใช้ระบบ ATACMS และ HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เช่นเดียวกับขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่ผลิตโดยสหราชอาณาจักร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113055
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯจะปรับยุทธศาสตร์ป้องปรามทางนิวเคลียร์ของตนเอง เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของภัยคุกคามต่างๆนานาจากรัสเซียและจีน อ้างอิงรายงานฉบับหนึ่งของเพนตากอน . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(21พ.ย.) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯะบุว่า "พวกศัตรูที่ทัดเทียมทางนิวเคลียร์หลายชาติ ท้าทายความมั่นคงของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู" พร้อมระบุประเทศเหล่านี้กำลังยกระดับคลังแสงให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆและกำลังปรับปรุงให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น . ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม ชี้เป้าที่ไปรัสเซียและจีน พร้อมเน้นว่าบางทีสหรัฐฯอาจจำเป็นต้องปรับแก้ Nuclear Posture Review ปี 2022 เพื่อธำรงไว้ซึ่งการป้องปรามทางนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเขาเน้นว่าความพยายามปรับปรุงทางนิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น อาจจะไม่เพียงพอ . จอห์นสัน กล่าวถึงความกังวลเหล่านี้ โดยชี้ว่า "เพนตากอนได้ใช้ก้าวย่างต่างๆนานา ในการยกระดับความสามารถในภาคสนามในการเสริมการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางนิวเคลียร์" ซึ่งองค์ประกอบหลักของมาตรการนี้ก็คือ การประจำการระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 เพิ่มความพร้อมของอาวุธนิวเคลียร์และยกระดับแสนยานุภาพของกองเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ . ก่อนหน้านี้เพนตากอนแถลงประจำการระเบิด B61 รุ่นใหม่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และบอกว่ามันจะเข้ามาแทนที่เวอร์ชันเก่าบางรุ่น และมอบทางเลือกต่างๆเพิ่มเติมแก่สหรัฐฯในการจัดการกับเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ขนาดใหญ่และยากลำบากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามวอชิงตันเน้นย้ำว่าการประจำการ B61-13 ไม่ใช่การตอบสนองต่อสถานการณ์ใดๆในปัจจุบัน และจะไม่เป็นการเพิ่มสต๊อกนิวเคลียร์ในภาพรวม . เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ คือองค์ประกอบหลักของ "สามเหล่านิวเคลียร์(nuclear triad)" ของสหรัฐฯ และออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับป้องปรามทางนิวเคลียร์ ทั้งนี้เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ สามารถติดขีปนาวุธไทรแดนท์ ที่มีพิสัยทำการสูงสุด 12,000 กิโลเมตร . ความเห็นของ จอห์นสัน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้ปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เอกสารที่มีการปรับแก้นั้นกำหนดให้ "การรุกรานเล่นงานสหพันธรัฐรัสเซียและ/หรือชาติพันธมิตร โดยรัฐหนึ่งที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนจากประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกมองในฐานะเป็นการโจมตีร่วม" . ปูติน อนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตรตะวันตกหลายชาติของอเมริกา ไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้ โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย แม้มอสโกเคยเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย และผลก็คือเป็นการลากนาโตเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง . ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน รัสเซียปฏิบัติการโจมตียูเครน ด้วยการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางล่าสุด Oreshnik พร้อมระบุมันเป็นการตอบโต้การโจมตีข้ามชายแดนของเคียฟ ที่ใช้ระบบ ATACMS และ HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เช่นเดียวกับขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่ผลิตโดยสหราชอาณาจักร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113055 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กำลังใช้ไต้หวันยั่วยุวิกฤตร้ายแรงในเอเชีย จากความเห็นที่เผยแพร่ต่อสาธารณะของ อันเดร รูเดนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นการเน้นย้ำจุดยืนของมอสโก เกี่ยวกับการสนับสนุนท่าทีของจีนในประเด็นไต้หวัน
    .
    "เราเห็นว่า วอชิงตัน กำลังละเมิดหลักการจีนเดียวที่พวกเขารับรอง ด้วยการยกระดับการติดต่อทั้งทางทหารและการเมืองกับไทเป ภายใต้สโลแกนธำรงไว้ซึ่งสถานภาพปัจจุบัน และเพิ่มการจัดหาอาวุธ" รูเดนโก กล่าวกับสื่อมวลชนแห่งรัฐ "เป้าหมายในการเข้าแทรกแซงของสหรัฐฯ ในกิจการต่างๆ ของภูมิภาค คือยั่วยุจีน และก่อวิกฤตหนึ่งในเอเชีย เพื่อให้เข้ากับผลประโยชน์ของตนเอง"
    .
    รายงานข่าวไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงเกี่ยวกับลักษณะติดต่อทั้งการทหารและการเมือง ตามที่ รูเดนโก กล่าวอ้าง
    .
    จีน มอง ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน คำกล่าวอ้างที่รัฐบาลไต้หวันปฏิเสธ ในขณะที่สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนในระดับนานาชาติและเป็นผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญที่สุดของไทเป แม้ไม่ได้ให้การรับรองทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ เนื่องจากสำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามขอความเห็นเกี่ยวกับคำพูดของ รูเดนโก นอกเวลาทำงาน
    .
    ในเดือนกันยายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติความช่วยเหลือทางทหารแก่ไต้หวัน มูลค่า 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นให้ทาง รัสเซีย ออกมาตอบโต้ด้วยการบอกว่าพวกเขาจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างจีน ในประเด็นเอเชีย ในนั้นรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์อเมริกากำลังขับเคลื่อนขยายอิทธิพลในภูมิภาคแห่งนี้ และจงใจพยายามโหมกระพือไฟแห่งความตึงเครียดแถวไต้หวัน
    .
    จีนและรัสเซีย ประกาศความเป็นหุ้นส่วน "ไร้ขีดจำกัด" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ครั้งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ไม่นานก่อนเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ก่อสงครามภาคพื้นครั้งนองเลือดที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศเกี่ยวกับ "ยุคสมัยใหม่" แห่งความเป็นพันธมิตร ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่ปรับกับสหรัฐฯ
    .
    ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์( 24 พ.ย.) เช่นกัน สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่น ระบุว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เล็งเป้าหมายรวบรวมแผนการทางทหารร่วมกัน สำหรับรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการประจำการขีปนาวุธ
    .
    เกียวโดนิวส์รายงานว่า ภายใต้แผนที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า สหรัฐฯ จะส่งหน่วยขีปนาวุธเข้าประจำการบนหมู่เกาะนันเซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดคาโงชิมาและจังหวัดโอคินาวะของญี่ปุ่น และในฟิลิปปินส์ อ้างอิงแหล่งข่าวทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
    .
    สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่ากองทหารชายฝั่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งมีระบบขีปนาวุธ HIMARS และอาวุธอื่นๆ จะถูกส่งเข้าประจำการบนเกาะนันเซ ขณะที่หน่วยทหารสหรัฐฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอวกาศ ไซเบอร์สเปซและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะถูกส่งเข้าประจำการในฟิลิปปินส์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113054
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ กำลังใช้ไต้หวันยั่วยุวิกฤตร้ายแรงในเอเชีย จากความเห็นที่เผยแพร่ต่อสาธารณะของ อันเดร รูเดนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นการเน้นย้ำจุดยืนของมอสโก เกี่ยวกับการสนับสนุนท่าทีของจีนในประเด็นไต้หวัน . "เราเห็นว่า วอชิงตัน กำลังละเมิดหลักการจีนเดียวที่พวกเขารับรอง ด้วยการยกระดับการติดต่อทั้งทางทหารและการเมืองกับไทเป ภายใต้สโลแกนธำรงไว้ซึ่งสถานภาพปัจจุบัน และเพิ่มการจัดหาอาวุธ" รูเดนโก กล่าวกับสื่อมวลชนแห่งรัฐ "เป้าหมายในการเข้าแทรกแซงของสหรัฐฯ ในกิจการต่างๆ ของภูมิภาค คือยั่วยุจีน และก่อวิกฤตหนึ่งในเอเชีย เพื่อให้เข้ากับผลประโยชน์ของตนเอง" . รายงานข่าวไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงเกี่ยวกับลักษณะติดต่อทั้งการทหารและการเมือง ตามที่ รูเดนโก กล่าวอ้าง . จีน มอง ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน คำกล่าวอ้างที่รัฐบาลไต้หวันปฏิเสธ ในขณะที่สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนในระดับนานาชาติและเป็นผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญที่สุดของไทเป แม้ไม่ได้ให้การรับรองทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ เนื่องจากสำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามขอความเห็นเกี่ยวกับคำพูดของ รูเดนโก นอกเวลาทำงาน . ในเดือนกันยายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติความช่วยเหลือทางทหารแก่ไต้หวัน มูลค่า 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นให้ทาง รัสเซีย ออกมาตอบโต้ด้วยการบอกว่าพวกเขาจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างจีน ในประเด็นเอเชีย ในนั้นรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์อเมริกากำลังขับเคลื่อนขยายอิทธิพลในภูมิภาคแห่งนี้ และจงใจพยายามโหมกระพือไฟแห่งความตึงเครียดแถวไต้หวัน . จีนและรัสเซีย ประกาศความเป็นหุ้นส่วน "ไร้ขีดจำกัด" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ครั้งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ไม่นานก่อนเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ก่อสงครามภาคพื้นครั้งนองเลือดที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 . ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศเกี่ยวกับ "ยุคสมัยใหม่" แห่งความเป็นพันธมิตร ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่ปรับกับสหรัฐฯ . ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์( 24 พ.ย.) เช่นกัน สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่น ระบุว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เล็งเป้าหมายรวบรวมแผนการทางทหารร่วมกัน สำหรับรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการประจำการขีปนาวุธ . เกียวโดนิวส์รายงานว่า ภายใต้แผนที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า สหรัฐฯ จะส่งหน่วยขีปนาวุธเข้าประจำการบนหมู่เกาะนันเซ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดคาโงชิมาและจังหวัดโอคินาวะของญี่ปุ่น และในฟิลิปปินส์ อ้างอิงแหล่งข่าวทั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น . สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่ากองทหารชายฝั่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งมีระบบขีปนาวุธ HIMARS และอาวุธอื่นๆ จะถูกส่งเข้าประจำการบนเกาะนันเซ ขณะที่หน่วยทหารสหรัฐฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอวกาศ ไซเบอร์สเปซและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะถูกส่งเข้าประจำการในฟิลิปปินส์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113054 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • นึกถึงเพลงประกอบหนังเก่า ๆ สมัยเป็นนักเรียนมัธยมนุ่งขาสั้น หัวเกรียนอยู่เพลงหนึ่ง ชวนฟังกันหน่อยน่าจะดี

    เพลงนี้ชื่อ “It Might be You” เพลงประกอบหนังดราม่า/โรแมนติค/คอมมิดี้ เรื่อง“Tootsie” ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของคำว่า “ตุ๊ด” ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในบ้านเรามาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้
    หนังเรื่องนี้ ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ที่อเมริกาในปีพ.ศ.2525 รองจากหนังเรื่อง E.T.
    แถมถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 10 สาขาในปีนั้น รวมทั้งสาขา
    “Best Original Song” ด้วย แต่ก็ได้กลับมาเพียงรางวัลเดียว นั่นคือสาขา
    “Best Actress in a Supporting Role” ด้วยฝีมือของ Jessica Lange นางเอกของเรื่อง

    เพลงนี้เป็นเสียงร้องของ Stephen Bishop นักร้อง/นักแต่งเพลงที่มีงานเพลงดี ๆ หลายเพลงทีเดียว แต่เพลงนี้ นักเปียโน/นักแต่งเพลงแนวแจ็สชื่อ Dave Grusin ผู้ร่วมก่อตั้ง GRP Record ค่ายเพลงแจ๊สที่เลื่องชื่อลือนามในยุค 80 เป็นคนแต่งทำนอง ส่วนคำร้องเป็นฝีมือของ Alan and Marilyn Bergman
    คุณ Bishop แกร้องเพลงนี้ได้อย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน งดงาม ถ่ายทอดความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ฟังแล้วชวนให้รู้สึกถึงเรื่องราวอันโรแมนติคและอบอุ่นของหนังได้เสมอ
    เอาไว้จะมาชวนฟังเพลงอื่นที่คุณ Bishop เป็นคนแต่งในคราวต่อ ๆ ไปแล้วกัน

    เพลงเป็นที่นิยมพอใช้ที่อเมริกาในปีที่ออกมา ขึ้นไปได้ถึงอันดับที่ 25 บนชาร์ท Billboard Hot 100 แต่ในเมื่อไทยเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนโน้น รู้สึกว่าเพลงนี้โด่งดังมิใช่น้อยเลยทีเดียว

    https://www.youtube.com/watch?v=cJO22cegxBs
    นึกถึงเพลงประกอบหนังเก่า ๆ สมัยเป็นนักเรียนมัธยมนุ่งขาสั้น หัวเกรียนอยู่เพลงหนึ่ง ชวนฟังกันหน่อยน่าจะดี เพลงนี้ชื่อ “It Might be You” เพลงประกอบหนังดราม่า/โรแมนติค/คอมมิดี้ เรื่อง“Tootsie” ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของคำว่า “ตุ๊ด” ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในบ้านเรามาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้ หนังเรื่องนี้ ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ที่อเมริกาในปีพ.ศ.2525 รองจากหนังเรื่อง E.T. แถมถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 10 สาขาในปีนั้น รวมทั้งสาขา “Best Original Song” ด้วย แต่ก็ได้กลับมาเพียงรางวัลเดียว นั่นคือสาขา “Best Actress in a Supporting Role” ด้วยฝีมือของ Jessica Lange นางเอกของเรื่อง เพลงนี้เป็นเสียงร้องของ Stephen Bishop นักร้อง/นักแต่งเพลงที่มีงานเพลงดี ๆ หลายเพลงทีเดียว แต่เพลงนี้ นักเปียโน/นักแต่งเพลงแนวแจ็สชื่อ Dave Grusin ผู้ร่วมก่อตั้ง GRP Record ค่ายเพลงแจ๊สที่เลื่องชื่อลือนามในยุค 80 เป็นคนแต่งทำนอง ส่วนคำร้องเป็นฝีมือของ Alan and Marilyn Bergman คุณ Bishop แกร้องเพลงนี้ได้อย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน งดงาม ถ่ายทอดความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ฟังแล้วชวนให้รู้สึกถึงเรื่องราวอันโรแมนติคและอบอุ่นของหนังได้เสมอ เอาไว้จะมาชวนฟังเพลงอื่นที่คุณ Bishop เป็นคนแต่งในคราวต่อ ๆ ไปแล้วกัน เพลงเป็นที่นิยมพอใช้ที่อเมริกาในปีที่ออกมา ขึ้นไปได้ถึงอันดับที่ 25 บนชาร์ท Billboard Hot 100 แต่ในเมื่อไทยเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนโน้น รู้สึกว่าเพลงนี้โด่งดังมิใช่น้อยเลยทีเดียว https://www.youtube.com/watch?v=cJO22cegxBs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอดรหัส The World Ahead 2025 !!!- มาแล้วนะครับ สำหรับหน้าปกสำคัญของ The Economist “The World Ahead 2025” เรียกง่ายๆว่า เป็นการ สปอยแผนการณ์ จากท่านลอร์ด ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า นั่นเอง ว่าจะมีเรื่องอะไร เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ !!!- แอด และ สมาชิกกลุ่มลับ ช่วยกันแกะมาคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ เก่งกันทุกคนแล้วนะครับ สมาชิกกลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ !!!#เพจนิวเวิลด์ออเดอร์- มามองภาพรวมกันก่อนครับ หน้าปกนี้เราจะเห็นเป็นหน้าคนเลย มีตา 2 ข้าง มี จมูก มีปาก ครบเลยนะครับ คราวนี้เรา ลองขีดกลาง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง !!!- ตาข้างซ้าย มีสัญลักษณ์ ของ นิวเคลียร์ ฝั่งนี้จะมีภาพของ ประธาน EU ”Aursula Fon Dair Lien“ และ มีภาพของ “Volodymyr Zelenskyy” ปธน.ยูเครน อาจจะตีความได้ว่า ทั้ง EU และ Ukraine อาจจะเตรียมโดน “นิวเคลียร์” ในปีหน้านั้นเอง !!!!- ตาฝั่งขวา เป็นดวงตาที่เราคุ้นเคย ดวงตา “All seeing eye” หรือ ดวงตา illuminati ฝั่งนี้มีภาพของ ปธน. “Xi Jinping” และ “Putin” ยังมีรูป นาฬิกาทราย อยู่ใกล้ๆด้วย ตรงนี้ อาจนะตีความได้ว่า ท่านลอร์ด ได้ย้ายขั้วอำนาจของตัวเอง มาไว้ที่ฝั่งนี้เรียบร้อย นาฬิกาทราย ด้านบนเต็มเปี่ยม แปลว่า “เริ่มนับหนึ่ง” ใหม่ของ “New World Order” ครั้งถัดไปนั่นเอง !!!!- ตรงกลาง เป็นภาพของ ปธน. Trump ที่อยู่ข้าง ขีปนาวุธ อาจจะแปลได้ว่า เมกาก็ยังได้ผลประโยชน์ จากการค้าอาวุธให้ทั้ง 2 ฝั่งนั่นเอง หรือ ขีปนาวุธ ของ อเมริกาลูกนี้ จะเป็น ชนวน สำคัญ ทำให้เกิด “WW3” ตามข่าวที่ Biden อนุมิตัให้ ยูเครนใช้ ขีปนาวุธ ของ อเมริกา ในการโจมตีรัสเซีย !!!!- คราวนี้เราลองมา ตีความ ภาพย่อย สำคัญๆ ที่เหลือทีละรูปกันดีกว่า เนื่องจากภาพเยอะ จะเรียงจากบนลงล่าง และ ซ้ายไปขวา นะครับ - ภาพดาวเสาร์ สื่อถึง เทพ “Baal” แบบชัดเจน แปลว่าจะต้องมีการ บูชา สังเวยชีวิตเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพื่อความอุดมสมบูรณ์ !!!! และ ภาพ ดาวเสาร์ ยังเคยปรากฏ อยู่บนหน้าปกในตำนานของ The Economist หน้าปก “Phoenix” อีกด้วย เป็นสัญลักษณ์ ของ สกุลเงินใหม่ นั่นเอง !!!! (ภาพประกอบในคอมเม้น) - รูปดวงอาทิตย์ ที่มีเปลว สุริยะ “Solar Flare” เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้และ น่าจะยังคงเกิด อยู่ในปีหน้า เพื่อล้างสมอง ให้คนเชื่อว่า เพราะ “Solar Flare” ที่ระเบิด ออกมานี่หละจะส่งผลให้ ไฟดับ ระบบสื่อสาร ใช้งานไม่ได้ ในขณะที่ ฉากหลัง อาจจะจัดการให้เรื่องเหล่านี้ เกิดขึ้นโดยการใช้ ”EMP” นั่นเอง !!!- ภาพเมือง ที่ดูเป็น ดึก สีดำ ไม่มีแสงจากหน้าต่าง มโนว่า น่าจะเป็น การแจ้งเตือน “Cyber Attack” ที่อาจจะเกิดขึ้น จากภาพข้างๆกัน ผลงานจาก “EMP” !!!!- ภาพ เฮีย Xi ซ้อนอยู่กับ รหัส 0-1 เลขฐาน 2 ของ คอมพิวเตอร์ น่าจะหมายถึง จีนจะกลายเป็นผู้นำ ทาง เทคโนโลยี ดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิตอล “CBDC” หรือ เมืองอัจฉริยะ “Smart City” นั่นเอง !!! - ภาพหีบเลือกตั้ง ที่มีรอยร้าว อาจจะหมายถึง การเลือกตั้ง อเมริกาที่ผ่านมา แปลได้ว่า Trump อาจจะอยู่ไม่ครบสมัย หรือ อาจจะไม่ได้เป็น ปธน. เลย !!! หรือ การเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็น จุดเริ่มต้นของ รอยร้าว ความแตกแยก ใน อเมริกา “Civil War” นั่นเอง !!!!- ภาพ รถไฟฟ้า เป็นการยืนยันถึง เทรน รถไฟฟ้าที่จะแพร่หลาย มากขึ้นในปีหน้านั่นเอง - ภาพเข็มฉีดยา ติดกับภาพรูปโลก แปลว่าในปีหน้า ก็คงยังมีการ กระหน่ำสร้างความหวาดกลัว เพื่อต้อนคน เข้าไปรับ ยาพิษกันอย่างต่อเนื่อง ทั่วโลกแน่นอน !!! และ ภาพข้างๆกัน เป็นภาพคล้าย ซี่ของลูกกรง อาจ แปลได้ว่า ใน ปีหน้า อาจจะมีการ Lock Down เกิดขึ้นอีก !!!!- ภาพคล้าย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อาจจะหมายถึง การใช้นิวเคลียร์ เป็นพลังงานใน อนาคต เพราะตอนนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กำลังเป็น Trend ใหญ่ของ โลกใบนี้เช่นกัน ดูได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่กระโดดลงมาเล่นด้วย โดยข้ออ้างว่า เป็นพลังงานสะอาด ยุคใหม่ ของโลกใบนี้นั้นเอง !!!- ภาพ Chip และ ลายแผงวงจร น่าจะสื่อว่าในปีหน้า จะมี ประเด็น เรื่อง Chip ที่จะ ขาดแคลนในปีหน้า สาเหตุ อาจจะเพราะสงคราม การค้า หรือไม่ก็ เพราะ จีน ปิดล้อมไต้หวันนั่นเอง !!!- ภาพ “Jane Austen“ เป็นนักประพันธ์ชาวอังกฤษที่มีผลงานเด่นในแนวเสียดสีสังคม อย่างเรื่อง เด่นของเธอ Pride and Prejudice และเธอยังเป็น ต้นแบบของ “Feminism”อีกด้วย ใบหน้าของ Jane Austen ยังอยู่บนธนบัตร 10 ปอนด์ ของอังกฤษอีกด้วย !!!- ภาพกำปั้น ที่สื่อถึง การปฏิวัติ แปลว่าปีหน้า อาจจะมีการ ปฏิวัติ ที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือ อาจจะมี Civil War เกิดขึ้นใน อเมริกา ก็เป็นได้!!!- ภาพสุดท้าย “ดอกเห็ด” ระเบิดนิวเคลียร์ แปลว่า ปีหน้าเราอาจจะได้เห็น การโชว์เคส ใช้ “นิวเคลียร์” ระเบิด ที่ไหน สักแห่ง หรือเปล่า !!!!!- ยังมีภาพเล็กๆน้อยๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ “Dollar” ค่าเงิน “Yuan” และ ภาพ ลูกศร ที่มีทั้ง ชี้ขึ้นและลง ที่ยังตีความไม่ออก - ทั้งหมดนี้คือ การตีความ จาก แอด และ สมาชิกกลุ่มลับนะครับ ถัาทั้งหมด บนหน้าปกนี้ เกิดขึ้นจริง ก็แปลว่า ปีหน้า โลกใบนี้ ก็คงจะเดือด เป็นปีที่แสนโหดร้ายอีกปีหละครับ ถ้าใครตีความอะไรเพิ่มได้ Comment บอกกันมาได้นะครับ !!!** ใครอยาก แกะ ถอดรหัส เก่ง เป็นสุดยอด มนุษย์สบคบคิด เหมือนสมาชิกกลุ่มลับ ตอนนี้ เตรียมตัวให้พร้อม เปิดรับสมัคร กลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ ศุกร์ที่ “13” ธ.ค. ครับ **
    ถอดรหัส The World Ahead 2025 !!!- มาแล้วนะครับ สำหรับหน้าปกสำคัญของ The Economist “The World Ahead 2025” เรียกง่ายๆว่า เป็นการ สปอยแผนการณ์ จากท่านลอร์ด ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า นั่นเอง ว่าจะมีเรื่องอะไร เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ !!!- แอด และ สมาชิกกลุ่มลับ ช่วยกันแกะมาคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ เก่งกันทุกคนแล้วนะครับ สมาชิกกลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ !!!#เพจนิวเวิลด์ออเดอร์- มามองภาพรวมกันก่อนครับ หน้าปกนี้เราจะเห็นเป็นหน้าคนเลย มีตา 2 ข้าง มี จมูก มีปาก ครบเลยนะครับ คราวนี้เรา ลองขีดกลาง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง !!!- ตาข้างซ้าย มีสัญลักษณ์ ของ นิวเคลียร์ ฝั่งนี้จะมีภาพของ ประธาน EU ”Aursula Fon Dair Lien“ และ มีภาพของ “Volodymyr Zelenskyy” ปธน.ยูเครน อาจจะตีความได้ว่า ทั้ง EU และ Ukraine อาจจะเตรียมโดน “นิวเคลียร์” ในปีหน้านั้นเอง !!!!- ตาฝั่งขวา เป็นดวงตาที่เราคุ้นเคย ดวงตา “All seeing eye” หรือ ดวงตา illuminati ฝั่งนี้มีภาพของ ปธน. “Xi Jinping” และ “Putin” ยังมีรูป นาฬิกาทราย อยู่ใกล้ๆด้วย ตรงนี้ อาจนะตีความได้ว่า ท่านลอร์ด ได้ย้ายขั้วอำนาจของตัวเอง มาไว้ที่ฝั่งนี้เรียบร้อย นาฬิกาทราย ด้านบนเต็มเปี่ยม แปลว่า “เริ่มนับหนึ่ง” ใหม่ของ “New World Order” ครั้งถัดไปนั่นเอง !!!!- ตรงกลาง เป็นภาพของ ปธน. Trump ที่อยู่ข้าง ขีปนาวุธ อาจจะแปลได้ว่า เมกาก็ยังได้ผลประโยชน์ จากการค้าอาวุธให้ทั้ง 2 ฝั่งนั่นเอง หรือ ขีปนาวุธ ของ อเมริกาลูกนี้ จะเป็น ชนวน สำคัญ ทำให้เกิด “WW3” ตามข่าวที่ Biden อนุมิตัให้ ยูเครนใช้ ขีปนาวุธ ของ อเมริกา ในการโจมตีรัสเซีย !!!!- คราวนี้เราลองมา ตีความ ภาพย่อย สำคัญๆ ที่เหลือทีละรูปกันดีกว่า เนื่องจากภาพเยอะ จะเรียงจากบนลงล่าง และ ซ้ายไปขวา นะครับ - ภาพดาวเสาร์ สื่อถึง เทพ “Baal” แบบชัดเจน แปลว่าจะต้องมีการ บูชา สังเวยชีวิตเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพื่อความอุดมสมบูรณ์ !!!! และ ภาพ ดาวเสาร์ ยังเคยปรากฏ อยู่บนหน้าปกในตำนานของ The Economist หน้าปก “Phoenix” อีกด้วย เป็นสัญลักษณ์ ของ สกุลเงินใหม่ นั่นเอง !!!! (ภาพประกอบในคอมเม้น) - รูปดวงอาทิตย์ ที่มีเปลว สุริยะ “Solar Flare” เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้และ น่าจะยังคงเกิด อยู่ในปีหน้า เพื่อล้างสมอง ให้คนเชื่อว่า เพราะ “Solar Flare” ที่ระเบิด ออกมานี่หละจะส่งผลให้ ไฟดับ ระบบสื่อสาร ใช้งานไม่ได้ ในขณะที่ ฉากหลัง อาจจะจัดการให้เรื่องเหล่านี้ เกิดขึ้นโดยการใช้ ”EMP” นั่นเอง !!!- ภาพเมือง ที่ดูเป็น ดึก สีดำ ไม่มีแสงจากหน้าต่าง มโนว่า น่าจะเป็น การแจ้งเตือน “Cyber Attack” ที่อาจจะเกิดขึ้น จากภาพข้างๆกัน ผลงานจาก “EMP” !!!!- ภาพ เฮีย Xi ซ้อนอยู่กับ รหัส 0-1 เลขฐาน 2 ของ คอมพิวเตอร์ น่าจะหมายถึง จีนจะกลายเป็นผู้นำ ทาง เทคโนโลยี ดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิตอล “CBDC” หรือ เมืองอัจฉริยะ “Smart City” นั่นเอง !!! - ภาพหีบเลือกตั้ง ที่มีรอยร้าว อาจจะหมายถึง การเลือกตั้ง อเมริกาที่ผ่านมา แปลได้ว่า Trump อาจจะอยู่ไม่ครบสมัย หรือ อาจจะไม่ได้เป็น ปธน. เลย !!! หรือ การเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะเป็น จุดเริ่มต้นของ รอยร้าว ความแตกแยก ใน อเมริกา “Civil War” นั่นเอง !!!!- ภาพ รถไฟฟ้า เป็นการยืนยันถึง เทรน รถไฟฟ้าที่จะแพร่หลาย มากขึ้นในปีหน้านั่นเอง - ภาพเข็มฉีดยา ติดกับภาพรูปโลก แปลว่าในปีหน้า ก็คงยังมีการ กระหน่ำสร้างความหวาดกลัว เพื่อต้อนคน เข้าไปรับ ยาพิษกันอย่างต่อเนื่อง ทั่วโลกแน่นอน !!! และ ภาพข้างๆกัน เป็นภาพคล้าย ซี่ของลูกกรง อาจ แปลได้ว่า ใน ปีหน้า อาจจะมีการ Lock Down เกิดขึ้นอีก !!!!- ภาพคล้าย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อาจจะหมายถึง การใช้นิวเคลียร์ เป็นพลังงานใน อนาคต เพราะตอนนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กำลังเป็น Trend ใหญ่ของ โลกใบนี้เช่นกัน ดูได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่กระโดดลงมาเล่นด้วย โดยข้ออ้างว่า เป็นพลังงานสะอาด ยุคใหม่ ของโลกใบนี้นั้นเอง !!!- ภาพ Chip และ ลายแผงวงจร น่าจะสื่อว่าในปีหน้า จะมี ประเด็น เรื่อง Chip ที่จะ ขาดแคลนในปีหน้า สาเหตุ อาจจะเพราะสงคราม การค้า หรือไม่ก็ เพราะ จีน ปิดล้อมไต้หวันนั่นเอง !!!- ภาพ “Jane Austen“ เป็นนักประพันธ์ชาวอังกฤษที่มีผลงานเด่นในแนวเสียดสีสังคม อย่างเรื่อง เด่นของเธอ Pride and Prejudice และเธอยังเป็น ต้นแบบของ “Feminism”อีกด้วย ใบหน้าของ Jane Austen ยังอยู่บนธนบัตร 10 ปอนด์ ของอังกฤษอีกด้วย !!!- ภาพกำปั้น ที่สื่อถึง การปฏิวัติ แปลว่าปีหน้า อาจจะมีการ ปฏิวัติ ที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือ อาจจะมี Civil War เกิดขึ้นใน อเมริกา ก็เป็นได้!!!- ภาพสุดท้าย “ดอกเห็ด” ระเบิดนิวเคลียร์ แปลว่า ปีหน้าเราอาจจะได้เห็น การโชว์เคส ใช้ “นิวเคลียร์” ระเบิด ที่ไหน สักแห่ง หรือเปล่า !!!!!- ยังมีภาพเล็กๆน้อยๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ “Dollar” ค่าเงิน “Yuan” และ ภาพ ลูกศร ที่มีทั้ง ชี้ขึ้นและลง ที่ยังตีความไม่ออก - ทั้งหมดนี้คือ การตีความ จาก แอด และ สมาชิกกลุ่มลับนะครับ ถัาทั้งหมด บนหน้าปกนี้ เกิดขึ้นจริง ก็แปลว่า ปีหน้า โลกใบนี้ ก็คงจะเดือด เป็นปีที่แสนโหดร้ายอีกปีหละครับ ถ้าใครตีความอะไรเพิ่มได้ Comment บอกกันมาได้นะครับ !!!** ใครอยาก แกะ ถอดรหัส เก่ง เป็นสุดยอด มนุษย์สบคบคิด เหมือนสมาชิกกลุ่มลับ ตอนนี้ เตรียมตัวให้พร้อม เปิดรับสมัคร กลุ่มลับ นิวเวิลด์ออเดอร์ ศุกร์ที่ “13” ธ.ค. ครับ **
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินรบ MiG-29 ของยูเครน ถูกทำลายด้วยขีปนาวุธ Iskander อีกหนึ่งลำในวันนี้

    กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพการโจมตีด้วยขีปนาวุธยุทธวิธี Iskander ติดหัวรบคลัสเตอร์ ที่เมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ (Dnepropetrovsk) ในวันนี้ ซึ่งบันทึกโดยโดรน Orlan-10 ของรัสเซีย

    จากการโจมตีอย่างแม่นยำที่สนามบิน Aviatorskoye ทำให้เครื่องบินรบ MiG-29 หนึ่งลำถูกทำลาย และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคอีก 15 นายถูกกำจัด

    พิกัดสนามบิน 48.355888, 35.113111
    เครื่องบินรบ MiG-29 ของยูเครน ถูกทำลายด้วยขีปนาวุธ Iskander อีกหนึ่งลำในวันนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพการโจมตีด้วยขีปนาวุธยุทธวิธี Iskander ติดหัวรบคลัสเตอร์ ที่เมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ (Dnepropetrovsk) ในวันนี้ ซึ่งบันทึกโดยโดรน Orlan-10 ของรัสเซีย จากการโจมตีอย่างแม่นยำที่สนามบิน Aviatorskoye ทำให้เครื่องบินรบ MiG-29 หนึ่งลำถูกทำลาย และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคอีก 15 นายถูกกำจัด พิกัดสนามบิน 48.355888, 35.113111
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลลาวออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่วังเวียง ยืนยันหาสาเหตุและนำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษ

    เช้าวันนี้ (23 พ.ย.) สำนักข่าวสารประเทศลาว ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของรัฐบาลลาว กรณีการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เมืองวังเวียง แขวงเวียงจันทน์ มีเนื้อหาดังนี้ (อ่านข่าวประกอบ >> ตายแล้ว 5! นักท่องเที่ยวฝรั่งดื่มเหล้าปนเปื้อนเสียชีวิตที่วังเวียง ลาวเร่งตรวจสอบละเอียด ; https://mgronline.com/indochina/detail/9670000112504)

    รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เมืองวังเวียง แขวงเวียงจันทน์ และขอแสดงความเห็นอกเห็นใจ และเศร้าสลดใจอย่างจริงใจต่อครอบครัวของนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตดังกล่าว

    รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ได้ดำเนินการสืบสวน-สอบสวน เพื่อหาสาเหตุ และนำเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามระเบียบกฏหมาย

    รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ขอยืนยันว่า จะให้ความสำคัญ และเอาใจใส่ต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทั้งภายใน และต่างประเทศตลอดเวลา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/indochina/detail/9670000112754

    #MGROnline #ลาว
    รัฐบาลลาวออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่วังเวียง ยืนยันหาสาเหตุและนำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษ • เช้าวันนี้ (23 พ.ย.) สำนักข่าวสารประเทศลาว ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของรัฐบาลลาว กรณีการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เมืองวังเวียง แขวงเวียงจันทน์ มีเนื้อหาดังนี้ (อ่านข่าวประกอบ >> ตายแล้ว 5! นักท่องเที่ยวฝรั่งดื่มเหล้าปนเปื้อนเสียชีวิตที่วังเวียง ลาวเร่งตรวจสอบละเอียด ; https://mgronline.com/indochina/detail/9670000112504) • รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เมืองวังเวียง แขวงเวียงจันทน์ และขอแสดงความเห็นอกเห็นใจ และเศร้าสลดใจอย่างจริงใจต่อครอบครัวของนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตดังกล่าว • รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ได้ดำเนินการสืบสวน-สอบสวน เพื่อหาสาเหตุ และนำเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามระเบียบกฏหมาย • รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ขอยืนยันว่า จะให้ความสำคัญ และเอาใจใส่ต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทั้งภายใน และต่างประเทศตลอดเวลา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9670000112754 • #MGROnline #ลาว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • บช.ตชด.ร่อนเอกสารชี้แจงกรณีร้อยตชด.137 สวนผึ้ง ถูกร้องรีด 5 แสน แลกปล่อยตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมเรียกเก็บรายเดือน ล่าสุดมีคำสั่งย้าย 11 ตชด.ที่ถูกร้องเข้ากรุ พร้อมตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว

    ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีร้อย ตชด.137 สวนผึ้ง จับกุมผู้ต้องหาและรีดทรัพย์ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวคดียาเสพติด พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือน นั้น​

    ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (​บช.ตชด.) ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงใจความว่า บช.ตชด.ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ปรากฎในสื่อ จำนวน 11 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตชด.ภาค 1 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.67 และให้ บก.ตชด.ภาค 1 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานโดยด่วน​

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112657

    #MGROnline #ตชด.#สวนผึ้ง #คดียาเสพติด
    บช.ตชด.ร่อนเอกสารชี้แจงกรณีร้อยตชด.137 สวนผึ้ง ถูกร้องรีด 5 แสน แลกปล่อยตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมเรียกเก็บรายเดือน ล่าสุดมีคำสั่งย้าย 11 ตชด.ที่ถูกร้องเข้ากรุ พร้อมตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว • ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีร้อย ตชด.137 สวนผึ้ง จับกุมผู้ต้องหาและรีดทรัพย์ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวคดียาเสพติด พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือน นั้น​ • ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (​บช.ตชด.) ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงใจความว่า บช.ตชด.ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ปรากฎในสื่อ จำนวน 11 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ตชด.ภาค 1 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.67 และให้ บก.ตชด.ภาค 1 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานโดยด่วน​ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112657 • #MGROnline #ตชด.#สวนผึ้ง #คดียาเสพติด
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๒ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่วานนี้ (22 พ.ย.) โดย BBC และศูนย์ Open Source Centre ในอังกฤษพบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งถือว่าละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

    รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ขององค์กรวิจัย Open Source Centre ระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือเดินทางไปยังท่าเรือวอสตอชนี (Vostochny) ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียมากกว่า 40 ครั้ง

    “อ้างอิงจากภาพถ่ายความละเอียดสูงหลายสิบภาพ ระบบระบุข้อมูลอัตโนมัติ (Automatic Identification System - AIS) รวมถึงฐานข้อมูลและภาพถ่ายที่ได้จากภารกิจลาดตระเวนซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจตราการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นว่าเรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือมีการขนถ่ายน้ำมันหลายครั้งที่ท่าเรือขนส่งน้ำมันในวอสตอชนี”

    กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนโฆษกยูเอ็นก็ยังไม่มีถ้อยแถลงใดๆ เช่นกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9670000112701

    #MGROnline #กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย #รัสเซีย #เกาหลีเหนือ
    ๒ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่วานนี้ (22 พ.ย.) โดย BBC และศูนย์ Open Source Centre ในอังกฤษพบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งถือว่าละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) • รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ขององค์กรวิจัย Open Source Centre ระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือเดินทางไปยังท่าเรือวอสตอชนี (Vostochny) ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียมากกว่า 40 ครั้ง • “อ้างอิงจากภาพถ่ายความละเอียดสูงหลายสิบภาพ ระบบระบุข้อมูลอัตโนมัติ (Automatic Identification System - AIS) รวมถึงฐานข้อมูลและภาพถ่ายที่ได้จากภารกิจลาดตระเวนซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจตราการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นว่าเรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือมีการขนถ่ายน้ำมันหลายครั้งที่ท่าเรือขนส่งน้ำมันในวอสตอชนี” • กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนโฆษกยูเอ็นก็ยังไม่มีถ้อยแถลงใดๆ เช่นกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9670000112701 • #MGROnline #กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย #รัสเซีย #เกาหลีเหนือ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนรอยหมอบุญ จ้อสื่อทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ สุดท้ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน

    สำหรับพฤติการณ์การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ. 2566 นพ.บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นพ.บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้ นพ.บุญ และครอบครัว ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นพ.บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้าในชื่อ นพ.บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญา
    นอกจากนี้ นางจารุวรรณ และ นางณวรา ทั้งสองคนยังเซ็นสลักหลังในเช็คทุกใบของ นพ.บุญ มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฏว่า ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบ พบว่า นพ.บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย. 67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯ ออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 66 ถึง ต.ค. 67 มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค 2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7,564,433,637 บาท

    อนึ่ง นพ.บุญเคยถูกยกย่องจากสังคมไทยส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากนักการเมืองบางพรรค สื่อมวลชนกระแสหลักบางค่ายของประเทศไทย และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในประเทศไทย ต่างยกย่องในฐานะที่ นพ.บุญเป็นผู้ประกาศตนว่าจะจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ชนิด MRNA ที่สังคมไทยส่วนหนึ่งถูกทำให้เชื่อว่าเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด จำนวน 20 ล้านโดส แต่สุดท้ายนอกจากไม่มีการลงนามในสัญญานำเข้าวัคซีนภายในเดือนดังกล่าวจริงแล้ว ในช่วงที่เป็นข่าวเคยทำให้มีผลต่อหุ้น THG สุดท้ายเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษทางแพ่ง นพ.บุญ ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ คือ 2 ล้านบาท และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงิน 2,348,834 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 42 เดือน

    .
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112606
    ย้อนรอยหมอบุญ จ้อสื่อทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ สุดท้ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน สำหรับพฤติการณ์การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ. 2566 นพ.บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นพ.บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้ นพ.บุญ และครอบครัว ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นพ.บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้าในชื่อ นพ.บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญา นอกจากนี้ นางจารุวรรณ และ นางณวรา ทั้งสองคนยังเซ็นสลักหลังในเช็คทุกใบของ นพ.บุญ มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฏว่า ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบ พบว่า นพ.บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย. 67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯ ออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 66 ถึง ต.ค. 67 มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค 2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 7,564,433,637 บาท อนึ่ง นพ.บุญเคยถูกยกย่องจากสังคมไทยส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากนักการเมืองบางพรรค สื่อมวลชนกระแสหลักบางค่ายของประเทศไทย และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในประเทศไทย ต่างยกย่องในฐานะที่ นพ.บุญเป็นผู้ประกาศตนว่าจะจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ชนิด MRNA ที่สังคมไทยส่วนหนึ่งถูกทำให้เชื่อว่าเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด จำนวน 20 ล้านโดส แต่สุดท้ายนอกจากไม่มีการลงนามในสัญญานำเข้าวัคซีนภายในเดือนดังกล่าวจริงแล้ว ในช่วงที่เป็นข่าวเคยทำให้มีผลต่อหุ้น THG สุดท้ายเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษทางแพ่ง นพ.บุญ ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ คือ 2 ล้านบาท และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงิน 2,348,834 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 42 เดือน . https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112606
    MGRONLINE.COM
    ย้อนรอยหมอบุญ จ้อสื่อทุ่ม 1.6 หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ สุดท้ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน
    ถอดบทเรียนนักลงทุน หมอบุญคนดี ฮีโร่ของคนไทย อัศวินม้าขาวผู้จัดหาวัคซีนไฟเซอร์ทิพย์ เคยออกฐานเศรษฐกิจเมื่อ 2 ปีก่อน เตรียมแผนลงทุน 1.6 หมื่นล้าน สยายปีกลงทุนรับอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์โตแรง ทั้งศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า เวลเนสเซ็นเตอร์ย่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อเมทานอล 6 ศพ จากเหล้าเถื่อนที่วังเวียง

    สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่า น.ส.ฮอลลี่ โบว์ลส์ นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียวัย 19 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 หลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยภาวะเป็นพิษจากเมทานอล (Methanol) มานาน 1 สัปดาห์ ขณะที่ น.ส.บิอังกา โจนส์ วัย 19 ปี ชาวออสเตรเลีย และ น.ส.ซิโมน ไวท์ ทนายความชาวอังกฤษวัย 28 ปี เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย. 2567 รวมทั้ง นายเจมส์ ฮัตสัน วัย 57 ปี ชาวอเมริกัน น.ส.แอนน์-โซฟี คอยแมน วัย 20 ปี และ น.ส.เฟรยา โซเรนเซน อายุ 21 ปี ชาวเดนมาร์ค ทั้งหมดมีสาเหตุมาจากดื่มสุราเถื่อนที่มีสารเมทานอลปนอยู่ในวังเวียง เมืองท่องเที่ยวของประเทศลาว

    ผู้ประสบภัยหลายรายเข้าพักที่ Nana Backpacker Hostel พนักงานได้รับแจ้งว่ามีผู้เข้าพักล้มป่วยหลังจากที่ไม่ได้เช็คเอาต์เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 ก่อนหน้านี้ทางที่พักได้แจกเครื่องดื่มสุราช็อตฟรีให้กับแขกประมาณ 100 คน แต่ผู้จัดการโฮสเทลเปิดเผยต่อสำนักข่าว Associated Press ว่า ไม่มีผู้เข้าพักคนอื่นป่วยแต่อย่างใด ขณะนี้ถูกตำรวจท้องถิ่นเรียกตัวไปสอบปากคำ ส่วนผู้ให้บริการจองที่พักโฮสเทล Hostelworld ได้ลบชื่อ Nana Backpacker Hostel ออกจากแพลตฟอร์ม พร้อมแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังเมื่อดื่มแอลกอฮอล์ และซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์จากผู้ขายที่มีชื่อเสียงเท่านั้น

    บางประเทศออกคำเตือนพลเมืองของตนให้ระวังพิษจากเมทานอล เมื่อดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในประเทศลาว โดยทางการออสเตรเลียเตือนให้ระวังความเสี่ยง โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เช่น ค็อกเทล เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ ส่วนสหราชอาณาจักร เตือนให้ระวังการซื้อสุราพื้นเมือง เครื่องดื่มผสมจากสุรา เช่น ค็อกเทล และสุราปลอมในร้านค้าหรือหลังบาร์ โดยแนะนำให้ซื้อจากร้านที่มีใบอนุญาตเท่านั้น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำเอง ตรวจสอบซีลและฉลากว่าสมบูรณ์หรือไม่

    สำหรับเมทานอลเป็นสารอันตรายที่พบได้ในสุราเถื่อน แพร่ระบาดอย่างมากในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากราคาถูก มีการบังคับใช้กฎหมายต่ำ แทบไม่มีการควบคุมในอุตสาหกรรมอาหารและบริการ และเนื่องจากไม่มีรสและไม่มีสี จึงสังเกตได้ยากในเครื่องดื่ม กว่าจะแสดงอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจใช้เวลามากถึง 24 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 มีรายงานผู้เสียชีวิตจากสุราเถื่อนในอินเดีย 57 ราย สำหรับประเทศไทยเคยเกิดคลัสเตอร์ยาดอง ที่เขตคลองสามวา มีนบุรี และหนองจอก กรุงเทพฯ เสียชีวิต 10 ราย ตำรวจได้ดำเนินคดีผู้ผสมยาดอง ผู้ผลิตสุราเถื่อน และผู้จำหน่ายสารเอทานอล รวม 4 ราย

    #Newskit
    เหยื่อเมทานอล 6 ศพ จากเหล้าเถื่อนที่วังเวียง สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่า น.ส.ฮอลลี่ โบว์ลส์ นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียวัย 19 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 หลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยภาวะเป็นพิษจากเมทานอล (Methanol) มานาน 1 สัปดาห์ ขณะที่ น.ส.บิอังกา โจนส์ วัย 19 ปี ชาวออสเตรเลีย และ น.ส.ซิโมน ไวท์ ทนายความชาวอังกฤษวัย 28 ปี เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย. 2567 รวมทั้ง นายเจมส์ ฮัตสัน วัย 57 ปี ชาวอเมริกัน น.ส.แอนน์-โซฟี คอยแมน วัย 20 ปี และ น.ส.เฟรยา โซเรนเซน อายุ 21 ปี ชาวเดนมาร์ค ทั้งหมดมีสาเหตุมาจากดื่มสุราเถื่อนที่มีสารเมทานอลปนอยู่ในวังเวียง เมืองท่องเที่ยวของประเทศลาว ผู้ประสบภัยหลายรายเข้าพักที่ Nana Backpacker Hostel พนักงานได้รับแจ้งว่ามีผู้เข้าพักล้มป่วยหลังจากที่ไม่ได้เช็คเอาต์เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 ก่อนหน้านี้ทางที่พักได้แจกเครื่องดื่มสุราช็อตฟรีให้กับแขกประมาณ 100 คน แต่ผู้จัดการโฮสเทลเปิดเผยต่อสำนักข่าว Associated Press ว่า ไม่มีผู้เข้าพักคนอื่นป่วยแต่อย่างใด ขณะนี้ถูกตำรวจท้องถิ่นเรียกตัวไปสอบปากคำ ส่วนผู้ให้บริการจองที่พักโฮสเทล Hostelworld ได้ลบชื่อ Nana Backpacker Hostel ออกจากแพลตฟอร์ม พร้อมแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังเมื่อดื่มแอลกอฮอล์ และซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์จากผู้ขายที่มีชื่อเสียงเท่านั้น บางประเทศออกคำเตือนพลเมืองของตนให้ระวังพิษจากเมทานอล เมื่อดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในประเทศลาว โดยทางการออสเตรเลียเตือนให้ระวังความเสี่ยง โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เช่น ค็อกเทล เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ ส่วนสหราชอาณาจักร เตือนให้ระวังการซื้อสุราพื้นเมือง เครื่องดื่มผสมจากสุรา เช่น ค็อกเทล และสุราปลอมในร้านค้าหรือหลังบาร์ โดยแนะนำให้ซื้อจากร้านที่มีใบอนุญาตเท่านั้น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำเอง ตรวจสอบซีลและฉลากว่าสมบูรณ์หรือไม่ สำหรับเมทานอลเป็นสารอันตรายที่พบได้ในสุราเถื่อน แพร่ระบาดอย่างมากในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากราคาถูก มีการบังคับใช้กฎหมายต่ำ แทบไม่มีการควบคุมในอุตสาหกรรมอาหารและบริการ และเนื่องจากไม่มีรสและไม่มีสี จึงสังเกตได้ยากในเครื่องดื่ม กว่าจะแสดงอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจใช้เวลามากถึง 24 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 มีรายงานผู้เสียชีวิตจากสุราเถื่อนในอินเดีย 57 ราย สำหรับประเทศไทยเคยเกิดคลัสเตอร์ยาดอง ที่เขตคลองสามวา มีนบุรี และหนองจอก กรุงเทพฯ เสียชีวิต 10 ราย ตำรวจได้ดำเนินคดีผู้ผสมยาดอง ผู้ผลิตสุราเถื่อน และผู้จำหน่ายสารเอทานอล รวม 4 ราย #Newskit
    Like
    Sad
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    จากกรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกรายการสนธิเล่าเรื่อง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้เพื่อกู้เงินผ่านเอเย่นต์ จนได้รับความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์คนดัง ฉ้อโกงฯ เงิน ผ่านกลโกงการทำธุรกรรม ชักชวนลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อีกหลายราย จนอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างนับหมื่นล้าน กระทั่งมีรายงานด้วยว่าขณะนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน น่าจะหลบหนีคดีไปยังต่างประเทศแล้ว.ความคืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง บก.น.1 ที่ 285/2567 ลงวันที่ 11 พ.ย.67 ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา จนสามารถนำมาสู่การออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ และมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้ 9 คน ได้แก่.1.นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.2.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นายแพทย์บุญ ซี่งเป็นผู้จัดการเรื่องการเงิน และการบัญชีสัญญากู้เงินทั้งหมด ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5646/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.3.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา อาทิ การจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เป็นผู้จ่ายเช็ค พร้อมทั้งติดต่อตัวแทนต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5647/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.4.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG ซึ่งนำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5648/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.5.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และ นางจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ และ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5649/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.6.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน และมอบหมายให้คนนำสัญญากู้ยืม ทำสัญญาค้ำประกัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5650/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.7.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน ผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5651/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.8.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน หนังสือส่งมอบเช็ค สัญญาซื้อและขายหุ้นคืนและหนังสือชำระหนี้ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5652/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.9.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน และเป็นผู้นำสัญญามามอบให้ผู้เสียหาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5653/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน.การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในห้วงวันที่ 2-4 ก.พ.66 นายแพทย์บุญ ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง โดยออกสื่อสารธารณะแพร่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยกล่าวอ้างการลงทุนที่น่าสนใจ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ .1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4,๐๐๐ ล้านบาท (ทันสมัยที่สุดในเอเชีย) 2.โครงการเวสเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ 5 ไร่เศษ งบลงทุนประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท (อาคารที่พักสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงวัย 400 ห้อง).3.โครงการสร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว จำนวน 3 แห่ง (ในเวียงจันทร์ 2 แห่ง, จำปาสัก 1 แห่ง) 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม โดยใช้งบลงทุน ประมาณ 4,๐๐๐ – 5,๐๐๐ ล้านบาท และ 5.โครงการสร้างเมดิคอล อินเทลลิเจน (Medical Intelligen) ซึ่งทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 1๐๐ ล้านบาท โดยหากมีการร่วมลงทุน ในปี 66 อ้างว่าจะได้กำไร 7๐๐ ล้านบาท และในปี 67 อ้างว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น  1,000 ล้านบาท.จากนั้นจึงมีผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ และบุคลากรวงการแพทย์ หลายร้อยราย หลงเชื่อเพราะ นายแพทย์บุญ และครอบครัว มีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายแห่ง จึงเข้าร่วมลงทุน ผ่านการติดต่อจากตัวแทน (โบรกเกอร์) บริษัทหลักทรัพย์ เป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ และครอบครัว.ตลอดจนการลงทุนในลักษณะโครงการที่เสนอให้ลงทุนในรูปแบบที่ นายแพทย์บุญ ทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมี นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน บุคคลในครอบครัวเป็น ผู้ค้ำประกันตามสัญญา.นอกจากนี้ นางจารุวรรณ วนาสิน และนางณวรา วนาสิน ทั้งสองคนยังเซ็นต์สลักหลังในเช็คทุกใบของนายแพทย์บุญ วนาสิน มอบให้แก่ผู้ให้กู้ โดยในช่วงแรกมีการให้ดอกเบี้ย แต่ต่อมาไม่มีการชำระแต่อย่างใด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินตามวันเวลาที่สั่งจ่าย ปรากฎว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จนกระทั่งต่อมาจากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 ก.ย.67 เวลา 14.25 น. โดยสายการบินคาร์เธฯออกไปประเทศจีน โดยมีพฤติการณ์หลบหนี.ซึ่งในกรณี ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.66 – ต.ค.67 มีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 แล้วจำนวน 527 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 7,564,433,637 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยหกสิบสี่ล้านสี่แสนสามหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบเจ็ดบาท) โดยในทันทีที่ศาลอนุมติหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 ราย  คือ.1.น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี 3.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี 4.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี 5.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี และ 6.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี ยังเหลือที่ยังหลบหนีไปได้อีก 3 ราย คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ กับ นางจารุวรรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นควรอนุมัติให้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวนี้ไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ DSI เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ โดยจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป (จบ 3/3)......Sondhi X
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 712 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โลกมาถึงจุดที่กำลังจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ ไม่ใช่เพราะต้นเหตุที่เกิดจากสหรัฐอเมริกาใช้อำนาจกดดัน บังคับ คว่ำบาตร ต่อประเทศต่างๆ เพื่อให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจหรอกหรือ"

    หลังจากที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธ IRBM โจมตีในดนิโปร ของยูเครน และสร้างความตกตะลึงให้กับปลุ่มประเทศนาโตอย่างมาก กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้เสนอรายงานเพื่อปรับปรุงกองกำลังนิวเคลียร์ กองบัญชาการและควบคุมนิวเคลียร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย และปรับกลยุทธ์การยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ เหตุผลก็เพราะศัตรูด้านนิวเคลียร์อย่างรัสเซียและจีนกำลังเป็นภัย "คุกคาม" มากขึ้น

    ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายนโยบายนิวเคลียร์และต่อต้านอาวุธทำลายล้างสูง กล่าวว่า "ปัจจุบันเราอาศัยอยู่ในโลกที่ต้องเผชิญกับคู่แข่งด้านนิวเคลียร์หลายราย หลายประเทศกำลังขยาย และเพิ่มความหลากหลาย รวมทั้งปรับปรุงคลังอาวุธนิวเคลียร์ของตน ซึ่งน่าเสียดายที่ประเทศเหล่านั้นให้ความสำคัญกับบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในกลยุทธ์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของตนเป็นอันดับแรก ทำให้สหรัฐฯจำเป็นต้องทบทวนท่าทีด้านนิวเคลียร์ในปี 2022 "เพื่อรักษาการยับยั้งนิวเคลียร์ไว้ภายใต้ศักยภาพด้านนิวเคลียร์ที่เพิ่มขึ้นของจีนและรัสเซีย"

    จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสหรัฐฯ แล้ว รวมถึงในด้านการผลิตระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 การเพิ่มความพร้อมของเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอที่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์และระบบขับเคลื่อน และการปรับปรุงคลังอาวุธนิวเคลียร์โดยทั่วไป

    จอห์นสันยังกล่าวว่า "การใช้นโยบาย "ยับยั้ง" เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ไขอันตรายเชิงยุทธศาสตร์ได้ ซึ่งต้องดำเนินไปกับการควบคุมอาวุธ การลดความเสี่ยง และการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งมีบทบาทสำคัญเช่นกัน"

    ด้านนายแกรนท์ ชไนเดอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ของคณะเสนาธิการร่วม กล่าวว่า "เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทศวรรษ 2030 เราจะต้องปรับปรุงกองกำลังนิวเคลียร์ กองบัญชาการและควบคุมนิวเคลียร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย ​​ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถยืดหยุ่นและปรับตัวได้เมื่อเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หรือความล่าช้าในการปรับปรุงให้ทันสมัย"
    "โลกมาถึงจุดที่กำลังจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ ไม่ใช่เพราะต้นเหตุที่เกิดจากสหรัฐอเมริกาใช้อำนาจกดดัน บังคับ คว่ำบาตร ต่อประเทศต่างๆ เพื่อให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจหรอกหรือ" หลังจากที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธ IRBM โจมตีในดนิโปร ของยูเครน และสร้างความตกตะลึงให้กับปลุ่มประเทศนาโตอย่างมาก กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้เสนอรายงานเพื่อปรับปรุงกองกำลังนิวเคลียร์ กองบัญชาการและควบคุมนิวเคลียร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย และปรับกลยุทธ์การยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ เหตุผลก็เพราะศัตรูด้านนิวเคลียร์อย่างรัสเซียและจีนกำลังเป็นภัย "คุกคาม" มากขึ้น ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายนโยบายนิวเคลียร์และต่อต้านอาวุธทำลายล้างสูง กล่าวว่า "ปัจจุบันเราอาศัยอยู่ในโลกที่ต้องเผชิญกับคู่แข่งด้านนิวเคลียร์หลายราย หลายประเทศกำลังขยาย และเพิ่มความหลากหลาย รวมทั้งปรับปรุงคลังอาวุธนิวเคลียร์ของตน ซึ่งน่าเสียดายที่ประเทศเหล่านั้นให้ความสำคัญกับบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในกลยุทธ์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของตนเป็นอันดับแรก ทำให้สหรัฐฯจำเป็นต้องทบทวนท่าทีด้านนิวเคลียร์ในปี 2022 "เพื่อรักษาการยับยั้งนิวเคลียร์ไว้ภายใต้ศักยภาพด้านนิวเคลียร์ที่เพิ่มขึ้นของจีนและรัสเซีย" จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสหรัฐฯ แล้ว รวมถึงในด้านการผลิตระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 การเพิ่มความพร้อมของเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอที่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์และระบบขับเคลื่อน และการปรับปรุงคลังอาวุธนิวเคลียร์โดยทั่วไป จอห์นสันยังกล่าวว่า "การใช้นโยบาย "ยับยั้ง" เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ไขอันตรายเชิงยุทธศาสตร์ได้ ซึ่งต้องดำเนินไปกับการควบคุมอาวุธ การลดความเสี่ยง และการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งมีบทบาทสำคัญเช่นกัน" ด้านนายแกรนท์ ชไนเดอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ของคณะเสนาธิการร่วม กล่าวว่า "เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทศวรรษ 2030 เราจะต้องปรับปรุงกองกำลังนิวเคลียร์ กองบัญชาการและควบคุมนิวเคลียร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย ​​ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถยืดหยุ่นและปรับตัวได้เมื่อเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หรือความล่าช้าในการปรับปรุงให้ทันสมัย"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/1nJ7t3Um5l0
    AH 4845 หลงดุนยาพาชีวาวอดวาย
    โดย อาจารย์รอซีดีน หมัดละ
    16.11.67 @ มัสยิดเนียะมะตุลลอฮ์ ซ.ประชาอุทิศ 72 ทุ่งครุ กทม.
    .....................................................................
    😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕
    ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่
    🌐 website http://www.alhamdtv.com​​
    ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV
    🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/
    🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​
    ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่
    ธนาคารกสิกรไทย
    บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์
    A/C No. 013-3-47916-3 หรือ
    พร้อมเพย์ 0864018121
    ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ
    (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ)
    จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ
    ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน
    #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    https://youtu.be/1nJ7t3Um5l0 AH 4845 หลงดุนยาพาชีวาวอดวาย โดย อาจารย์รอซีดีน หมัดละ 16.11.67 @ มัสยิดเนียะมะตุลลอฮ์ ซ.ประชาอุทิศ 72 ทุ่งครุ กทม. ..................................................................... 😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕 ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่ 🌐 website http://www.alhamdtv.com​​ ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV 🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/ 🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​ ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์ A/C No. 013-3-47916-3 หรือ พร้อมเพย์ 0864018121 ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ) จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/400nmpg6m8o
    AH 4844 ซูเราะฮฺ อัลอัศรฺ
    โดย อาจารย์ฮาบีบุ้ลลอฮฺ ศรีอุทัย
    15.11.67 @ มัสยิดมิฟตาฮุ้ลยีนาน (คลองลำเจียก)
    .....................................................................
    😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕
    ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่
    🌐 website http://www.alhamdtv.com​​
    ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV
    🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/
    🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​
    ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่
    ธนาคารกสิกรไทย
    บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์
    A/C No. 013-3-47916-3 หรือ
    พร้อมเพย์ 0864018121
    ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ
    (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ)
    จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ
    ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน
    #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    https://youtu.be/400nmpg6m8o AH 4844 ซูเราะฮฺ อัลอัศรฺ โดย อาจารย์ฮาบีบุ้ลลอฮฺ ศรีอุทัย 15.11.67 @ มัสยิดมิฟตาฮุ้ลยีนาน (คลองลำเจียก) ..................................................................... 😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕 ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่ 🌐 website http://www.alhamdtv.com​​ ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV 🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/ 🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​ ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์ A/C No. 013-3-47916-3 หรือ พร้อมเพย์ 0864018121 ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ) จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📹 วิดีโอของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik โจมตีโรงงาน Yuzhmash ในเมือง Dnepropetrovsk, เผยแพร่โดยรองประธานสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย Dmitry Medvedev
    .
    📹 Video of the Oreshnik hypersonic ballistic missile attack on the Yuzhmash plant in Dnepropetrovsk, published by Deputy Chairman of the Russian Security Council Dmitry Medvedev.
    .
    1:45 AM · Nov 22, 2024 · 5,139 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1859669494786032019
    📹 วิดีโอของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Oreshnik โจมตีโรงงาน Yuzhmash ในเมือง Dnepropetrovsk, เผยแพร่โดยรองประธานสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย Dmitry Medvedev . 📹 Video of the Oreshnik hypersonic ballistic missile attack on the Yuzhmash plant in Dnepropetrovsk, published by Deputy Chairman of the Russian Security Council Dmitry Medvedev. . 1:45 AM · Nov 22, 2024 · 5,139 Views https://x.com/SputnikInt/status/1859669494786032019
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 938 มุมมอง 5 0 รีวิว
Pages Boosts