• Sherry Duck Special #1
    Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck
    Single : ชั่งหัวมัน​ (Let it go)
    https://youtu.be/EuUb9Ag7-dw
    Lyric & Melody : Shaw Sherry Duck
    Arrange & Musician : Mr. Morgan
    Vocal & Chorus : Shaw
    Mixed : Mr. Morgan
    Mastering : Shaw Sherry Duck
    Producer : เฮียชอว์ & อ.มอร์แกน
    Edit Video : รวย จัง ชอว์

    เผยแพร่และแกะเล่นได้ตามอัธยาศัยไม่เก็บลิขสิทธิ์ครับ
    สำนักเพลง ดงเพลง (Dongpleng Record)
    ทีวีภูเก็ต - TV PHUKET

    #ชั่งหัวมัน #letitgo #sherryduckspecial #morganandshaw #newsingle #newsong #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #morgan #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต#Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #tvphuket #ทีวีภูเก็ต
    Sherry Duck Special #1 Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck Single : ชั่งหัวมัน​ (Let it go) https://youtu.be/EuUb9Ag7-dw Lyric & Melody : Shaw Sherry Duck Arrange & Musician : Mr. Morgan Vocal & Chorus : Shaw Mixed : Mr. Morgan Mastering : Shaw Sherry Duck Producer : เฮียชอว์ & อ.มอร์แกน Edit Video : รวย จัง ชอว์ เผยแพร่และแกะเล่นได้ตามอัธยาศัยไม่เก็บลิขสิทธิ์ครับ สำนักเพลง ดงเพลง (Dongpleng Record) ทีวีภูเก็ต - TV PHUKET #ชั่งหัวมัน #letitgo #sherryduckspecial #morganandshaw #newsingle #newsong #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #morgan #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต​ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #tvphuket #ทีวีภูเก็ต
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ
    .
    วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น
    .
    ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล
    .
    มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี
    .
    สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ . วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น . ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล . มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี . สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 1 รีวิว
  • "เราจะผ่านไปด้วยกัน"

    วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น

    แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน

    อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568

    #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand 🎶✊💙
    "เราจะผ่านไปด้วยกัน" วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568 #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand 🎶✊💙
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    ✅ มีไข้
    ✅ ไอแห้ง
    ✅ หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ✅ ล้างมือบ่อยๆ
    ✅ สวมหน้ากากอนามัย
    ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม
    ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    📚 ผลกระทบต่อการศึกษา
    🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง
    📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    หลายวันมานี้
    ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป
    เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป

    อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป

    ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว...

    ....................

    ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น
    ในต้นฤดูร้อนแบบนี้

    ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน

    แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย
    สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว

    บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น...

    ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว

    ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน...

    ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น
    ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน....

    ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน

    อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก

    ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม

    "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม

    ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก...

    ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร

    บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง

    ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม

    หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น...

    ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ

    ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย
    ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้

    ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง

    ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ

    ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่

    ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่
    ในความคิดตอนนั้น...

    ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้

    ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น

    บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....?

    ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว
    ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา

    จวบจนความมืดมาเยือน...
    คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด..

    ...............

    ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด
    นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ...
    จนฟ้าสว่าง....

    ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม...

    อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!!

    ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น

    ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร

    ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน

    ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่....

    ไม่มีเสียงนก
    "มันคงยังไม่ตื่น.."
    ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว...

    ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม....

    ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน
    มือไวเท่าความคิด !!!!

    ผมทลายกับดักผมทันที
    หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก...

    มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น

    ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ
    ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก....

    ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา...

    .......................

    ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว

    ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ...
    .
    .
    .
    ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย....

    .........................

    "กับดัก"
    เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ
    ' ล ม ห ว น '
    สมัยที่ผมยังเด็ก... หลายวันมานี้ ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว... .................... ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น ในต้นฤดูร้อนแบบนี้ ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น... ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน... ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน.... ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก... ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น... ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้ ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่ ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่ ในความคิดตอนนั้น... ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้ ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....? ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา จวบจนความมืดมาเยือน... คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด.. ............... ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ... จนฟ้าสว่าง.... ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม... อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!! ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่.... ไม่มีเสียงนก "มันคงยังไม่ตื่น.." ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว... ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม.... ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน มือไวเท่าความคิด !!!! ผมทลายกับดักผมทันที หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก... มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก.... ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา... ....................... ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ... . . . ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย.... ......................... "กับดัก" เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ ' ล ม ห ว น '
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab

    การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน

    การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ

    กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    WWW.TECHRADAR.COM
    North Korean Lazarus hackers launch large-scale cyberattack by cloning open source software
    Lazarus clones the software, spice it up with malware, and return it to the wild
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • Facebook ได้ยอมรับว่าการบล็อกเนื้อหาเกี่ยวกับ Linux เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว โดย Facebook ได้ติดต่อกับ PCMag เพื่อชี้แจงว่าการบังคับใช้นี้เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขแล้ว ขณะนี้การสนทนาเกี่ยวกับ Linux ได้รับอนุญาตบนแพลตฟอร์มของพวกเขา

    เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อ DistroWatch ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เน้นการแจกจ่าย Linux ถูกบล็อกโดย Facebook เมื่อวันที่ 19 มกราคม DistroWatch ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อการบล็อกนี้และได้รับการตอบกลับจาก Facebook เมื่อวันที่ 28 มกราคมว่าเป็นความผิดพลาดและได้ยกเลิกการบล็อกแล้ว

    แม้ว่า Facebook จะยกเลิกการบล็อก DistroWatch แต่บัญชีของ DistroWatch ยังคงถูกล็อกอยู่ในบางส่วน อย่างไรก็ตาม โพสต์เกี่ยวกับการเปิดตัว BSD ใหม่ที่เผยแพร่ในวันเดียวกันดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การเปลี่ยนแปลงของ Facebook ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปสู่โมเดล Community Notes แบบ X อาจเป็นสาเหตุของปัญหานี้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาในช่วงเริ่มต้น และการโพสต์ข้อมูลจำนวนมากบนแพลตฟอร์มของ Facebook ทุกนาทีอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้

    การยอมรับความผิดพลาดและการแก้ไขปัญหาของ Facebook เป็นสิ่งที่ดี แต่การขอโทษต่อ DistroWatch และผู้ใช้อื่นๆ อย่างเป็นทางการอาจช่วยให้สถานการณ์นี้ดีขึ้น

    แต่ลุงยังงอนอยู่นะ FB !!! 🤣🤣

    https://www.tomshardware.com/software/linux/facebook-admits-that-the-linux-topic-crackdown-was-in-error-and-has-been-fixed
    Facebook ได้ยอมรับว่าการบล็อกเนื้อหาเกี่ยวกับ Linux เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว โดย Facebook ได้ติดต่อกับ PCMag เพื่อชี้แจงว่าการบังคับใช้นี้เป็นความผิดพลาดและได้แก้ไขแล้ว ขณะนี้การสนทนาเกี่ยวกับ Linux ได้รับอนุญาตบนแพลตฟอร์มของพวกเขา เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อ DistroWatch ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เน้นการแจกจ่าย Linux ถูกบล็อกโดย Facebook เมื่อวันที่ 19 มกราคม DistroWatch ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อการบล็อกนี้และได้รับการตอบกลับจาก Facebook เมื่อวันที่ 28 มกราคมว่าเป็นความผิดพลาดและได้ยกเลิกการบล็อกแล้ว แม้ว่า Facebook จะยกเลิกการบล็อก DistroWatch แต่บัญชีของ DistroWatch ยังคงถูกล็อกอยู่ในบางส่วน อย่างไรก็ตาม โพสต์เกี่ยวกับการเปิดตัว BSD ใหม่ที่เผยแพร่ในวันเดียวกันดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การเปลี่ยนแปลงของ Facebook ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปสู่โมเดล Community Notes แบบ X อาจเป็นสาเหตุของปัญหานี้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาในช่วงเริ่มต้น และการโพสต์ข้อมูลจำนวนมากบนแพลตฟอร์มของ Facebook ทุกนาทีอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ การยอมรับความผิดพลาดและการแก้ไขปัญหาของ Facebook เป็นสิ่งที่ดี แต่การขอโทษต่อ DistroWatch และผู้ใช้อื่นๆ อย่างเป็นทางการอาจช่วยให้สถานการณ์นี้ดีขึ้น แต่ลุงยังงอนอยู่นะ FB !!! 🤣🤣 https://www.tomshardware.com/software/linux/facebook-admits-that-the-linux-topic-crackdown-was-in-error-and-has-been-fixed
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Facebook admits that the Linux topic crackdown was 'in error' and has been fixed
    'Discussions of Linux are allowed on our services,' insists the social media giant.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • Asus ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกลไกการปลดล็อก Q-Release Slim ที่เพิ่งเปิดตัวสำหรับการ์ดกราฟิก ซึ่งมีรายงานว่าอาจทำให้ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe ถูกขูดออกได้ Asus แนะนำให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่ากลไกนี้จะไม่ทำให้การ์ดกราฟิกเสียหาย เว้นแต่จะมีการถอดและติดตั้งบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม Asus ยอมรับว่ามีบางกรณีที่ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจถูกขูดออกได้

    กลไก Q-Release Slim ของ Asus ถูกใช้ในเมนบอร์ดระดับพรีเมียมของ AMD และ Intel ซีรีส์ 800 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถถอดการ์ดกราฟิกได้โดยการเอียงการ์ดขณะดึงขึ้น (หรือด้านข้าง) ขณะที่กลไกล็อก PCIe ปลดล็อกโดยอัตโนมัติ แม้ว่ากลไกนี้จะดูง่าย แต่ในบางกรณีชิ้นส่วนเล็กๆ ของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจแตกออกได้ อย่างไรก็ตาม ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นว่าการแตกนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อ PCIe จริงๆ ดังนั้นจึงไม่ควรส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือประสิทธิภาพ

    Asus ยืนยันว่าหากผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างถูกต้อง ตัวเชื่อมต่อจะไม่ถูกขูดออก แต่ยังเน้นว่าร่องรอยการใช้งานและการสึกหรอจะปรากฏหลังจากการถอดและติดตั้งหลายสิบครั้ง

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ตัวเชื่อมต่อ PCIe และการ์ดขอบจะมีการสึกหรอหลังจากการถอดและติดตั้งหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรม โดยมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับตัวเชื่อมต่อ PCIe x4/x8/16 มักจะอยู่ที่ประมาณ 50 รอบการเชื่อมต่อและถอดออกสำหรับช่องเสียบมาตรฐาน และมากกว่านั้นสำหรับช่องเสียบที่ทนทานสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asus-comments-on-q-release-slim-damaging-gpus-issues-official-removal-guidelines
    Asus ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกลไกการปลดล็อก Q-Release Slim ที่เพิ่งเปิดตัวสำหรับการ์ดกราฟิก ซึ่งมีรายงานว่าอาจทำให้ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe ถูกขูดออกได้ Asus แนะนำให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่ากลไกนี้จะไม่ทำให้การ์ดกราฟิกเสียหาย เว้นแต่จะมีการถอดและติดตั้งบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม Asus ยอมรับว่ามีบางกรณีที่ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจถูกขูดออกได้ กลไก Q-Release Slim ของ Asus ถูกใช้ในเมนบอร์ดระดับพรีเมียมของ AMD และ Intel ซีรีส์ 800 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถถอดการ์ดกราฟิกได้โดยการเอียงการ์ดขณะดึงขึ้น (หรือด้านข้าง) ขณะที่กลไกล็อก PCIe ปลดล็อกโดยอัตโนมัติ แม้ว่ากลไกนี้จะดูง่าย แต่ในบางกรณีชิ้นส่วนเล็กๆ ของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจแตกออกได้ อย่างไรก็ตาม ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นว่าการแตกนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อ PCIe จริงๆ ดังนั้นจึงไม่ควรส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือประสิทธิภาพ Asus ยืนยันว่าหากผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างถูกต้อง ตัวเชื่อมต่อจะไม่ถูกขูดออก แต่ยังเน้นว่าร่องรอยการใช้งานและการสึกหรอจะปรากฏหลังจากการถอดและติดตั้งหลายสิบครั้ง สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ตัวเชื่อมต่อ PCIe และการ์ดขอบจะมีการสึกหรอหลังจากการถอดและติดตั้งหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรม โดยมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับตัวเชื่อมต่อ PCIe x4/x8/16 มักจะอยู่ที่ประมาณ 50 รอบการเชื่อมต่อและถอดออกสำหรับช่องเสียบมาตรฐาน และมากกว่านั้นสำหรับช่องเสียบที่ทนทานสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asus-comments-on-q-release-slim-damaging-gpus-issues-official-removal-guidelines
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store

    การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด

    Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store

    ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง

    การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google blocked 2.36 million risky Android apps from Play Store in 2024
    Google blocked 2.3 million Android app submissions to the Play Store in 2024 due to violations of its policies that made them potentially risky for users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ (US Copyright Office) ประกาศว่าเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์จะไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์เลย การตัดสินใจนี้มีผลกระทบต่อภาพยนตร์และงานสร้างสรรค์อื่นๆ ที่สร้างขึ้นโดยใช้ AI ยกเว้นในกรณีที่เครื่องมือ AI ถูกใช้เพื่อพัฒนางานที่มีอยู่ก่อนแล้ว

    สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานฉบับที่สองเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และปัญญาประดิษฐ์ โดยเน้นที่ระดับการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในงานที่สร้างโดย AI ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการตัดสินว่าลิขสิทธิ์สามารถนำไปใช้กับงานเหล่านั้นได้หรือไม่ รายงานระบุว่าการใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการสร้างสรรค์ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม

    นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงความคิดเห็นจากสมาคมภาพยนตร์และองค์กรการค้าอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ระบบ AI ในการปรับอายุของนักแสดง การลบวัตถุออกจากฉาก และอื่นๆ การใช้ AI ในลักษณะนี้ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม

    การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ทันสมัยและเหมาะสมกับยุคของปัญญาประดิษฐ์ โดยมีการเรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดจากการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหา

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ รายงานฉบับแรกที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคมได้เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหา deepfake และรายงานฉบับที่สามที่จะเผยแพร่ในอนาคตจะเน้นที่การฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึกอบรมโมเดล AI โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์

    การบันทึกขั้นตอนการทำงานของคุณกับ AI เป็นสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการยืนยันว่ามีการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในกระบวนการสร้างเนื้อหา

    https://www.techspot.com/news/106562-us-copyright-office-rules-out-copyright-ai-created.html
    สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ (US Copyright Office) ประกาศว่าเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์จะไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์เลย การตัดสินใจนี้มีผลกระทบต่อภาพยนตร์และงานสร้างสรรค์อื่นๆ ที่สร้างขึ้นโดยใช้ AI ยกเว้นในกรณีที่เครื่องมือ AI ถูกใช้เพื่อพัฒนางานที่มีอยู่ก่อนแล้ว สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานฉบับที่สองเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และปัญญาประดิษฐ์ โดยเน้นที่ระดับการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในงานที่สร้างโดย AI ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการตัดสินว่าลิขสิทธิ์สามารถนำไปใช้กับงานเหล่านั้นได้หรือไม่ รายงานระบุว่าการใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการสร้างสรรค์ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงความคิดเห็นจากสมาคมภาพยนตร์และองค์กรการค้าอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ระบบ AI ในการปรับอายุของนักแสดง การลบวัตถุออกจากฉาก และอื่นๆ การใช้ AI ในลักษณะนี้ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ทันสมัยและเหมาะสมกับยุคของปัญญาประดิษฐ์ โดยมีการเรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดจากการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหา สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ รายงานฉบับแรกที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคมได้เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหา deepfake และรายงานฉบับที่สามที่จะเผยแพร่ในอนาคตจะเน้นที่การฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึกอบรมโมเดล AI โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ การบันทึกขั้นตอนการทำงานของคุณกับ AI เป็นสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการยืนยันว่ามีการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในกระบวนการสร้างเนื้อหา https://www.techspot.com/news/106562-us-copyright-office-rules-out-copyright-ai-created.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US Copyright Office rules out copyright for AI created content without human input
    Movies and other complex works created through AI means cannot be copyrighted, except when these AI tools are used to further develop pre-existing content. The US Copyright...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของฝรั่งเศส (CNIL) ได้ประกาศว่าจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับระบบ AI ของพวกเขาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากจีนที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกหลังจากเผยแพร่เอกสารที่ระบุว่าการฝึกอบรม DeepSeek-V3 ใช้พลังการประมวลผลมูลค่าน้อยกว่า 6 ล้านดอลลาร์จากชิป Nvidia H800

    CNIL เป็นหนึ่งในหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในยุโรป และได้ปรับเงินบริษัทใหญ่ๆ เช่น Google และ Meta Platforms มาแล้ว นอกจากนี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีและไอร์แลนด์ก็ได้ขอข้อมูลจาก DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในประเทศของตนเช่นกัน

    ยุโรปมีการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) ของยุโรปถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ครอบคลุมและเข้มงวดที่สุดในโลก การละเมิด GDPR อาจนำไปสู่การปรับเงินสูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัท

    นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้ตกลงกฎระเบียบที่กำหนดให้ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงสูงต้องมีความโปร่งใสอย่างเข้มงวด และมีข้อกำหนดที่เบากว่าสำหรับโมเดล AI ที่ใช้ทั่วไป การละเมิดกฎระเบียบเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเงินตั้งแต่ 7.5 ล้านยูโร หรือ 1.5% ของรายได้ ไปจนถึง 35 ล้านยูโร หรือ 7% ของรายได้รวมทั่วโลก ขึ้นอยู่กับประเภทของการละเมิด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/french-privacy-watchdog-to-quiz-deepseek-on-ai-data-protection
    หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของฝรั่งเศส (CNIL) ได้ประกาศว่าจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับระบบ AI ของพวกเขาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากจีนที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกหลังจากเผยแพร่เอกสารที่ระบุว่าการฝึกอบรม DeepSeek-V3 ใช้พลังการประมวลผลมูลค่าน้อยกว่า 6 ล้านดอลลาร์จากชิป Nvidia H800 CNIL เป็นหนึ่งในหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในยุโรป และได้ปรับเงินบริษัทใหญ่ๆ เช่น Google และ Meta Platforms มาแล้ว นอกจากนี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีและไอร์แลนด์ก็ได้ขอข้อมูลจาก DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในประเทศของตนเช่นกัน ยุโรปมีการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) ของยุโรปถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ครอบคลุมและเข้มงวดที่สุดในโลก การละเมิด GDPR อาจนำไปสู่การปรับเงินสูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัท นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้ตกลงกฎระเบียบที่กำหนดให้ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงสูงต้องมีความโปร่งใสอย่างเข้มงวด และมีข้อกำหนดที่เบากว่าสำหรับโมเดล AI ที่ใช้ทั่วไป การละเมิดกฎระเบียบเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเงินตั้งแต่ 7.5 ล้านยูโร หรือ 1.5% ของรายได้ ไปจนถึง 35 ล้านยูโร หรือ 7% ของรายได้รวมทั่วโลก ขึ้นอยู่กับประเภทของการละเมิด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/french-privacy-watchdog-to-quiz-deepseek-on-ai-data-protection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    French privacy watchdog to quiz DeepSeek on AI, data protection
    BRUSSELS (Reuters) - France's privacy watchdog said on Thursday it will question DeepSeek to gain a better idea of how the Chinese startup's AI system works and any possible privacy risks for users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปานเทพปลุกสื่อ เลิกกลัวคำขู่ทนายตุ๋ย (30/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ไม่ละเมิดอำนาจศาล #อย่ากลัวคำขู่ #นำความจริงมาเผยแพร่สู่ปชช. #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
    ปานเทพปลุกสื่อ เลิกกลัวคำขู่ทนายตุ๋ย (30/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ไม่ละเมิดอำนาจศาล #อย่ากลัวคำขู่ #นำความจริงมาเผยแพร่สู่ปชช. #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 734 มุมมอง 23 1 รีวิว
  • เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับข่าวปลอมของ "น้องมะพร้าว" นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย หลังหายตัวปริศนา ว่าขณะนี้ยังคงไม่เจอน้อง หลังปรากฏข่าวว่อนเน็ตว่าเจอตัวน้องแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างค้นหาและสืบสวน

    จากกรณีโซเชียลฯ ร่วมแชร์ช่วยหลังเพื่อนประกาศตามหา “มะพร้าว พรสวรรค์” นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย วัย 30 ปี หลังหายตัวปริศนาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68

    ล่าสุดวันนี้ (30 ม.ค.) เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่แชร์ข้อมูลเรื่องข่าวสารในประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเผยแพร่ Fake News เกี่ยวกับน้องมะพร้าว เช่น เจอน้องแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

    "ขอความกรุณาอย่าเผยแพร่ Fake News (ข่าวปลอม) เกี่ยวกับน้องมะพร้าว

    ขณะนี้เกิดข่าวปลอมจำนวนมากในกลุ่มญี่ปุ่น เช่น พบน้องแล้ว / เนื้อความในจดหมายมีเนื้อความว่า พร้อมทั้งมีลายมือเขียนด้วย เป็นต้น

    ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ณ วันที่ 30 มกราคม เวลา 12.00 น.

    เนื้อหาที่เผยแพร่ไม่เป็นความจริง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000009653

    #MGROnline #มะพร้าวพรสวรรค์ #นักศึกษาปริญญาเอก #ชาวไทย #หายตัวปริศนา #ประเทศญี่ปุ่น
    เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับข่าวปลอมของ "น้องมะพร้าว" นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย หลังหายตัวปริศนา ว่าขณะนี้ยังคงไม่เจอน้อง หลังปรากฏข่าวว่อนเน็ตว่าเจอตัวน้องแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างค้นหาและสืบสวน • จากกรณีโซเชียลฯ ร่วมแชร์ช่วยหลังเพื่อนประกาศตามหา “มะพร้าว พรสวรรค์” นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย วัย 30 ปี หลังหายตัวปริศนาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68 • ล่าสุดวันนี้ (30 ม.ค.) เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่แชร์ข้อมูลเรื่องข่าวสารในประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเผยแพร่ Fake News เกี่ยวกับน้องมะพร้าว เช่น เจอน้องแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า • "ขอความกรุณาอย่าเผยแพร่ Fake News (ข่าวปลอม) เกี่ยวกับน้องมะพร้าว • ขณะนี้เกิดข่าวปลอมจำนวนมากในกลุ่มญี่ปุ่น เช่น พบน้องแล้ว / เนื้อความในจดหมายมีเนื้อความว่า พร้อมทั้งมีลายมือเขียนด้วย เป็นต้น • ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ณ วันที่ 30 มกราคม เวลา 12.00 น. • เนื้อหาที่เผยแพร่ไม่เป็นความจริง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000009653 • #MGROnline #มะพร้าวพรสวรรค์ #นักศึกษาปริญญาเอก #ชาวไทย #หายตัวปริศนา #ประเทศญี่ปุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลการทดสอบโดย NewsGuard เผยโมเดลเอไอของสตาร์ทอัปจีน DeepSeek ให้คำตอบเกี่ยวกับข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ถูกต้องเพียง 17% และถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 10 จากทั้งหมด 11 หรือ “รองบ๊วย” ในแง่ของความถูกต้องแม่นยำ เมื่อเปรียบเทียบกับโมเดลเอไอตะวันตกอย่าง ChatGPT ของค่าย OpenAI และ Gemini ของ Google

    NewsGuard ซึ่งเป็นระบบการให้คะแนนสำหรับเว็บไซต์ข่าวและข้อมูลได้เผยแพร่รายงานเมื่อวันพุธ (29 ม.ค.) โดยระบุว่า แชตบอตของ DeepSeek มีการผลิตซ้ำข้อมูลเท็จถึง 30% และให้คำตอบแบบกว้างๆ หรือไม่เป็นประโยชน์ 53% ของเวลาทั้งหมดในการตอบสนองคำสั่งที่เกี่ยวกับข่าวสารต่างๆ ซึ่งเท่ากับว่ามีอัตราความล้มเหลวสูงถึง 83%

    ตัวเลขดังกล่าวถือว่าแย่กว่าค่าเฉลี่ยความล้มเหลว 62% ของแชตบอตจากค่ายตะวันตก และก่อให้เกิดคำถามว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ DeepSeek อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือชั้นกว่า OpenAI ที่มีไมโครซอฟต์สนับสนุนด้วยต้นทุนที่ถูกกว่ากันหลายเท่าตัวนั้น เชื่อถือได้หรือไม่?

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000009654

    #MGROnline #DeepSeek #ChatGPT #OpenAI #Gemini #Google
    ผลการทดสอบโดย NewsGuard เผยโมเดลเอไอของสตาร์ทอัปจีน DeepSeek ให้คำตอบเกี่ยวกับข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ถูกต้องเพียง 17% และถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 10 จากทั้งหมด 11 หรือ “รองบ๊วย” ในแง่ของความถูกต้องแม่นยำ เมื่อเปรียบเทียบกับโมเดลเอไอตะวันตกอย่าง ChatGPT ของค่าย OpenAI และ Gemini ของ Google • NewsGuard ซึ่งเป็นระบบการให้คะแนนสำหรับเว็บไซต์ข่าวและข้อมูลได้เผยแพร่รายงานเมื่อวันพุธ (29 ม.ค.) โดยระบุว่า แชตบอตของ DeepSeek มีการผลิตซ้ำข้อมูลเท็จถึง 30% และให้คำตอบแบบกว้างๆ หรือไม่เป็นประโยชน์ 53% ของเวลาทั้งหมดในการตอบสนองคำสั่งที่เกี่ยวกับข่าวสารต่างๆ ซึ่งเท่ากับว่ามีอัตราความล้มเหลวสูงถึง 83% • ตัวเลขดังกล่าวถือว่าแย่กว่าค่าเฉลี่ยความล้มเหลว 62% ของแชตบอตจากค่ายตะวันตก และก่อให้เกิดคำถามว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ DeepSeek อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือชั้นกว่า OpenAI ที่มีไมโครซอฟต์สนับสนุนด้วยต้นทุนที่ถูกกว่ากันหลายเท่าตัวนั้น เชื่อถือได้หรือไม่? • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000009654 • #MGROnline #DeepSeek #ChatGPT #OpenAI #Gemini #Google •
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบช.สอท.แถลงข่าวเตรียมดำเนินคดี “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา

    วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว เตรียมดำเนินคดีเอาผิด “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา

    พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณี กลุ่มวัยรุ่นที่เล่นเกม FiveM และมีพฤติกรรมรุนแรงในชีวิตจริง เกิดจากการที่กลุ่มนี้ซึ่งเรียกตัวเองว่า “Oreo” นำพฤติกรรมในเกมมาสู่โลกจริง โดยมีการทำร้ายร่างกายผู้อื่น บังคับให้เหยื่อกระทำสิ่งไม่เหมาะสม เช่น แก้ผ้า กินหญ้า หรือเคี้ยวก้นบุหรี่ พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเผยแพร่บนโซเชียลเพื่อความสนุกบุคคล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000009684

    #MGROnline #แก๊งOreo #FiveM
    ผบช.สอท.แถลงข่าวเตรียมดำเนินคดี “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา • วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว เตรียมดำเนินคดีเอาผิด “แก๊ง Oreo” หลังพบโพสต์ข้อมูลเชื่อมโยง การกระทำความผิดหลายข้อหา • พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณี กลุ่มวัยรุ่นที่เล่นเกม FiveM และมีพฤติกรรมรุนแรงในชีวิตจริง เกิดจากการที่กลุ่มนี้ซึ่งเรียกตัวเองว่า “Oreo” นำพฤติกรรมในเกมมาสู่โลกจริง โดยมีการทำร้ายร่างกายผู้อื่น บังคับให้เหยื่อกระทำสิ่งไม่เหมาะสม เช่น แก้ผ้า กินหญ้า หรือเคี้ยวก้นบุหรี่ พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเผยแพร่บนโซเชียลเพื่อความสนุกบุคคล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000009684 • #MGROnline #แก๊งOreo #FiveM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์
    📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.
    🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม.
    🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
    🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่
    🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ:
    🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
    ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
    ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
    ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
    🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ
    1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.
    2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม.
    3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม.
    4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.
    5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.
    6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.
    7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม.
    8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.
    9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม.
    10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.
    11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.
    12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.
    13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม.
    14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.
    17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.
    20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.
    23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.
    24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.
    25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.
    26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม.
    .
    🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า
    .
    🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้
    .
    📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - www.airbkk.com
    - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
    - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม
    - FB: กรุงเทพมหานคร
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - LINE ALERT
    📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue
    #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25
    #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี
    #ลีซานอัลไกอีบ

    cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์ 📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น. 🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม. 🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง 🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่ 🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ: 🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ 🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ 1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม. 2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม. 3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม. 4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม. 5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม. 6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม. 7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม. 8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม. 9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม. 10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม. 11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม. 12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม. 13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม. 14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม. 17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม. 20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม. 23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม. 24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม. 25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม. 26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม. . 🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า . 🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้ . 📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง - แอปพลิเคชัน AirBKK - www.airbkk.com - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม - FB: กรุงเทพมหานคร - แอปพลิเคชัน AirBKK - LINE ALERT 📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25 #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #ลีซานอัลไกอีบ cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 บนฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคตามบ้านเรือน เช่น Ryzen AI และ Radeon GPUs โมเดล DeepSeek R1 นี้สามารถทำงานบน GPU ซีรีส์ RX 7000 และ CPU Ryzen ที่มี XDNA NPUs ได้ แต่ต้องใช้ไดรเวอร์ Adrenalin 25.1.1 (https://community.amd.com/t5/ai/experience-the-deepseek-r1-distilled-reasoning-models-on-amd/ba-p/740593)

    AMD ได้จัดทำคู่มือที่มีทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการเพื่อให้ DeepSeek R1 ทำงานบนเครื่องที่รองรับ LM Studio มีตัวติดตั้งแบบคลิกเดียวที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Ryzen AI ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ใช้ AMD จะใช้ในการติดตั้ง R1 AMD ยังแสดงวิธีการปรับแต่งแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของพวกเขา รวมถึงรายการพารามิเตอร์ LLM ที่รองรับสูงสุด

    โมเดล DeepSeek R1 ได้รับการฝึกฝนบนคลัสเตอร์ของ GPU Nvidia H800 จำนวน 2,048 ตัว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าโมเดลชั้นนำถึง 11 เท่า โมเดลนี้ใช้การปรับแต่งระดับสูงเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยใช้การเขียนโปรแกรม Parallel Thread Execution (PTX) ของ Nvidia

    นอกจากนี้ Huawei ยังได้เพิ่มการสนับสนุน DeepSeek ใน GPU Ascend AI ของพวกเขา ทำให้สามารถใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ของจีน.

    การพัฒนาและการเผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 ของ AMD แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-released-instructions-for-running-deepseek-on-ryzen-ai-cpus-and-radeon-gpus
    AMD ได้เผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 บนฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคตามบ้านเรือน เช่น Ryzen AI และ Radeon GPUs โมเดล DeepSeek R1 นี้สามารถทำงานบน GPU ซีรีส์ RX 7000 และ CPU Ryzen ที่มี XDNA NPUs ได้ แต่ต้องใช้ไดรเวอร์ Adrenalin 25.1.1 (https://community.amd.com/t5/ai/experience-the-deepseek-r1-distilled-reasoning-models-on-amd/ba-p/740593) AMD ได้จัดทำคู่มือที่มีทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการเพื่อให้ DeepSeek R1 ทำงานบนเครื่องที่รองรับ LM Studio มีตัวติดตั้งแบบคลิกเดียวที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Ryzen AI ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ใช้ AMD จะใช้ในการติดตั้ง R1 AMD ยังแสดงวิธีการปรับแต่งแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของพวกเขา รวมถึงรายการพารามิเตอร์ LLM ที่รองรับสูงสุด โมเดล DeepSeek R1 ได้รับการฝึกฝนบนคลัสเตอร์ของ GPU Nvidia H800 จำนวน 2,048 ตัว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าโมเดลชั้นนำถึง 11 เท่า โมเดลนี้ใช้การปรับแต่งระดับสูงเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยใช้การเขียนโปรแกรม Parallel Thread Execution (PTX) ของ Nvidia นอกจากนี้ Huawei ยังได้เพิ่มการสนับสนุน DeepSeek ใน GPU Ascend AI ของพวกเขา ทำให้สามารถใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ของจีน. การพัฒนาและการเผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 ของ AMD แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-released-instructions-for-running-deepseek-on-ryzen-ai-cpus-and-radeon-gpus
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD released instructions for running DeepSeek on Ryzen AI CPUs and Radeon GPUs
    DeepSeek R1 can now be run on AMD's latest consumer-based hardware.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y
    บทสนทนาวันตรุษจีน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน

    The conversations from the clip :

    Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year?
    Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you?
    Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks.
    Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get?
    Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity.
    Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit.
    Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles?
    Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy.
    Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings?
    Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success.
    Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries.
    Anna: What else do you prepare?
    Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance.
    Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors.
    Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning.
    Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful.
    Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything.
    Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists!

    แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง?
    แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ?
    แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป
    แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง?
    แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง
    แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค
    แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ?
    แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก
    แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม?
    แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ
    แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน
    แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก?
    แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์
    แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ
    แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์
    แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก
    แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร
    แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้
    Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน
    Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ
    Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง
    Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด
    Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป
    Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน
    Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก
    Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี
    Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ
    Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม
    Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ
    Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์
    Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y บทสนทนาวันตรุษจีน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน The conversations from the clip : Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year? Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you? Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks. Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get? Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity. Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit. Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles? Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy. Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings? Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success. Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries. Anna: What else do you prepare? Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance. Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors. Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning. Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful. Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything. Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists! แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง? แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ? แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง? แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ? แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม? แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก? แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้ Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์ Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • กินเกี๊ยวรับตรุษจีน

    สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน

    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

    ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ
    มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง

    แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว?

    จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง

    นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่>

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่

    อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/
    https://www.shuge.org/meet/topic/19030/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/饺子/28977
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595
    https://www.sohu.com/a/449146748_401284
    https://www.sohu.com/a/367953600_120207616

    #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    กินเกี๊ยวรับตรุษจีน สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว? จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่ อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/ https://www.shuge.org/meet/topic/19030/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/饺子/28977 https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595 https://www.sohu.com/a/449146748_401284 https://www.sohu.com/a/367953600_120207616 #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของ แซน วิศาพัช คนบนเรือขอให้ไต่สวนอัจฉริยะ-ปานเทพกรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ชี้ไม่ละเมิดอำนาจศาล แถมเตือนไม่ให้สัมภาษณ์กระบวนการพิจารณาคดีในศาล
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) จากกรณีที่นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน หนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเรือสปีดโบ้ท ที่ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ตกจากเรือเสียชีวิต ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน ได้แก่ การจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา และกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งจะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
    .
    ปรากฎว่า นายพรศักดิ์ กล่าวหลังออกจากศาลว่า ในการสืบพยานวันนี้ ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดิมไปตามปกติทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีที่มีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ขอยังไม่ขอให้ข้อมูล
    .
    "วันนี้ผมมายื่นคำร้องศาลขอให้ท่านพิจารณาเรื่องละเมิดอำนาจศาล วันนี้ศาลได้พิจารณาตามคำร้องของผมแล้ว เห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่เรียกผู้ที่ถูกร้องมาไต่สวน แต่ศาลได้รับทราบและเริ่มนับหนึ่งจากวันนี้ไปว่า หลังจากนี้จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม ศาลจะพิจารณาและใช้ดุลยพินิจต่อไป นี่คือคำสั่งที่ออกมาตามนี้ ผมก็เลยมาแจ้งให้ทราบ ส่วนเรื่องอื่นๆ ขออนุญาตไม่พูดแล้วกัน เนื่องจากศาลกำชับมาว่าไม่ให้มีการเผยแพร่เรื่องกระบวนพิจารณาอะไรในคดีนี้กับทางสื่อมวลชนอีก ... ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ เพราะศาลกำชับมา" นายพรศักดิ์ กล่าว
    .
    ปรากฎว่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้ที่ร่วมจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต กล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจว่า "ทนายตุ๋ยควรจะพูดให้ชัดๆ สรุปคือศาลยกคำร้องเพราะพวกเราไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของทนายตุ๋ย และเตือนไม่ให้ทนายจำเลยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีในศาล"
    .
    มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ยกคำร้องกรณีที่นายพรศักดิ์ ทนายความของนายวิศาพัช หรือแซน ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล กรณีนายอัจฉริยะและคณะจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต เนื่องจากไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของนายพรศักดิ์แต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009403
    .........
    Sondhi X
    ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของ แซน วิศาพัช คนบนเรือขอให้ไต่สวนอัจฉริยะ-ปานเทพกรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ชี้ไม่ละเมิดอำนาจศาล แถมเตือนไม่ให้สัมภาษณ์กระบวนการพิจารณาคดีในศาล . วันนี้ (29 ม.ค.) จากกรณีที่นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน หนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเรือสปีดโบ้ท ที่ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ตกจากเรือเสียชีวิต ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน ได้แก่ การจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา และกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งจะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ . ปรากฎว่า นายพรศักดิ์ กล่าวหลังออกจากศาลว่า ในการสืบพยานวันนี้ ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดิมไปตามปกติทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีที่มีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ขอยังไม่ขอให้ข้อมูล . "วันนี้ผมมายื่นคำร้องศาลขอให้ท่านพิจารณาเรื่องละเมิดอำนาจศาล วันนี้ศาลได้พิจารณาตามคำร้องของผมแล้ว เห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่เรียกผู้ที่ถูกร้องมาไต่สวน แต่ศาลได้รับทราบและเริ่มนับหนึ่งจากวันนี้ไปว่า หลังจากนี้จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม ศาลจะพิจารณาและใช้ดุลยพินิจต่อไป นี่คือคำสั่งที่ออกมาตามนี้ ผมก็เลยมาแจ้งให้ทราบ ส่วนเรื่องอื่นๆ ขออนุญาตไม่พูดแล้วกัน เนื่องจากศาลกำชับมาว่าไม่ให้มีการเผยแพร่เรื่องกระบวนพิจารณาอะไรในคดีนี้กับทางสื่อมวลชนอีก ... ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ เพราะศาลกำชับมา" นายพรศักดิ์ กล่าว . ปรากฎว่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้ที่ร่วมจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต กล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจว่า "ทนายตุ๋ยควรจะพูดให้ชัดๆ สรุปคือศาลยกคำร้องเพราะพวกเราไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของทนายตุ๋ย และเตือนไม่ให้ทนายจำเลยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีในศาล" . มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ยกคำร้องกรณีที่นายพรศักดิ์ ทนายความของนายวิศาพัช หรือแซน ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล กรณีนายอัจฉริยะและคณะจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต เนื่องจากไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของนายพรศักดิ์แต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009403 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    28
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1303 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปวิดีโอ F-35 ตกที่สหรัฐ อแลสกา เครื่องบินร่วงลงมาจากอากาศ นักบินดีดตัวทันภาพคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในสื่อต่างประเทศ บันทึกเหตุการณ์เครื่องบินรบ F-35 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ตกที่ Eielson Air Force Base ในอะแลสกา ซึ่งเกิดเหตุขึ้นเมื่อ 12.49 น. ของวันที่ 28 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา(UTC-9) ในคลิปวิดีโอนั้นจะเห็นเครื่องบินร่วงลงมาจากฟ้ากระแทกพื้นและมีเปลวเพลิงลุกไหม้ และยังเห็นการดีดตัวของนักบินออกจากเครื่องบินที่สามารถดีดตัวออกมาได้ทันก่อนเครื่องบินตก โดยมีร่มชูชีพกางลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยที่มา https://youtu.be/Cg0BkkDpb6Y?si=F-itO-zZEbbd3H4k
    คลิปวิดีโอ F-35 ตกที่สหรัฐ อแลสกา เครื่องบินร่วงลงมาจากอากาศ นักบินดีดตัวทันภาพคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในสื่อต่างประเทศ บันทึกเหตุการณ์เครื่องบินรบ F-35 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ตกที่ Eielson Air Force Base ในอะแลสกา ซึ่งเกิดเหตุขึ้นเมื่อ 12.49 น. ของวันที่ 28 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา(UTC-9) ในคลิปวิดีโอนั้นจะเห็นเครื่องบินร่วงลงมาจากฟ้ากระแทกพื้นและมีเปลวเพลิงลุกไหม้ และยังเห็นการดีดตัวของนักบินออกจากเครื่องบินที่สามารถดีดตัวออกมาได้ทันก่อนเครื่องบินตก โดยมีร่มชูชีพกางลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยที่มา https://youtu.be/Cg0BkkDpb6Y?si=F-itO-zZEbbd3H4k
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของนาฬิกาอัจฉริยะ Pebble ให้สามารถดาวน์โหลดได้ภายใต้ใบอนุญาตโอเพ่นซอร์ส การตัดสินใจนี้เป็นการสนับสนุนกลุ่มอาสาสมัครที่ยังคงดูแลและพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์ Pebble แม้ว่าการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Pebble จะถูกยกเลิกไปแล้วถึงแปดปี

    Pebble เริ่มต้นในปี 2012 ด้วยการระดมทุนผ่าน Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยขายนาฬิกาอัจฉริยะได้มากกว่าสองล้านเรือนในช่วงสี่ปี ก่อนที่จะถูกซื้อกิจการโดย Fitbit และในที่สุดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินทางปัญญาของ Google

    แม้ว่า Pebble จะหยุดการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปแล้ว แต่ยังคงมีแฟนๆ ที่ภักดีและกลุ่มอาสาสมัครจากโครงการ Rebble ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ผ่านบริการเว็บภายนอก การเปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS จะช่วยให้กลุ่มอาสาสมัครเหล่านี้สามารถพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ได้มากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม โค้ดที่เปิดเผยยังขาดส่วนประกอบสำคัญบางอย่าง เช่น การสนับสนุนชิปเซ็ตและฟังก์ชันการทำงานของ Bluetooth เนื่องจากโค้ดเหล่านี้เป็นโค้ดที่มีลิขสิทธิ์และไม่สามารถเผยแพร่บน GitHub ได้ แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ ฟังก์ชันหลักของนาฬิกาอัจฉริยะ เช่น การแจ้งเตือน การควบคุมสื่อ การติดตามการออกกำลังกาย และการสนับสนุนแอปพลิเคชันที่กำหนดเอง ยังคงสามารถใช้งานได้

    Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ยืนยันความสนใจในการกลับเข้าสู่ตลาดนาฬิกาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยมีแผนที่จะพัฒนา PebbleOS เวอร์ชันที่ทันสมัยและออกแบบนาฬิกา Pebble รุ่นใหม่ แม้ว่าตลาดนาฬิกาอัจฉริยะจะเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังคงต้องรอดูว่าผู้บริโภคจะยอมแลกนาฬิกา Android รุ่นปัจจุบันกับอุปกรณ์ Pebble ที่ปรับปรุงใหม่หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/106536-google-open-sources-pebble-smartwatch-software-framework.html
    Google ได้เปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของนาฬิกาอัจฉริยะ Pebble ให้สามารถดาวน์โหลดได้ภายใต้ใบอนุญาตโอเพ่นซอร์ส การตัดสินใจนี้เป็นการสนับสนุนกลุ่มอาสาสมัครที่ยังคงดูแลและพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์ Pebble แม้ว่าการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Pebble จะถูกยกเลิกไปแล้วถึงแปดปี Pebble เริ่มต้นในปี 2012 ด้วยการระดมทุนผ่าน Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยขายนาฬิกาอัจฉริยะได้มากกว่าสองล้านเรือนในช่วงสี่ปี ก่อนที่จะถูกซื้อกิจการโดย Fitbit และในที่สุดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินทางปัญญาของ Google แม้ว่า Pebble จะหยุดการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปแล้ว แต่ยังคงมีแฟนๆ ที่ภักดีและกลุ่มอาสาสมัครจากโครงการ Rebble ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ผ่านบริการเว็บภายนอก การเปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS จะช่วยให้กลุ่มอาสาสมัครเหล่านี้สามารถพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม โค้ดที่เปิดเผยยังขาดส่วนประกอบสำคัญบางอย่าง เช่น การสนับสนุนชิปเซ็ตและฟังก์ชันการทำงานของ Bluetooth เนื่องจากโค้ดเหล่านี้เป็นโค้ดที่มีลิขสิทธิ์และไม่สามารถเผยแพร่บน GitHub ได้ แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ ฟังก์ชันหลักของนาฬิกาอัจฉริยะ เช่น การแจ้งเตือน การควบคุมสื่อ การติดตามการออกกำลังกาย และการสนับสนุนแอปพลิเคชันที่กำหนดเอง ยังคงสามารถใช้งานได้ Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ยืนยันความสนใจในการกลับเข้าสู่ตลาดนาฬิกาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยมีแผนที่จะพัฒนา PebbleOS เวอร์ชันที่ทันสมัยและออกแบบนาฬิกา Pebble รุ่นใหม่ แม้ว่าตลาดนาฬิกาอัจฉริยะจะเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังคงต้องรอดูว่าผู้บริโภคจะยอมแลกนาฬิกา Android รุ่นปัจจุบันกับอุปกรณ์ Pebble ที่ปรับปรุงใหม่หรือไม่ https://www.techspot.com/news/106536-google-open-sources-pebble-smartwatch-software-framework.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google open-sources Pebble smartwatch software framework
    Google has announced that PebbleOS is now available for download under an open-source license, signaling its support for volunteers who continue to maintain Pebble devices. In a...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการอธิบายเทคนิคการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่เรียกว่า "hidden text salting" หรือ "poisoning" ซึ่งเป็นวิธีที่แฮกเกอร์ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของระบบความปลอดภัยอีเมล โดยการซ่อนข้อความบางส่วนในอีเมลเพื่อทำให้ระบบสแกนอีเมลสับสนและปล่อยให้อีเมลฟิชชิ่งผ่านไปยังกล่องจดหมายของผู้ใช้

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Cisco Talos ได้เผยแพร่คู่มือที่อธิบายถึงวิธีที่แฮกเกอร์ใช้คุณสมบัติ HTML และ CSS ในการซ่อนข้อความ โดยการตั้งค่าความกว้างขององค์ประกอบบางอย่างเป็น 0 และใช้คุณสมบัติ "display: hidden" เพื่อซ่อนเนื้อหาบางส่วนจากเหยื่อ นอกจากนี้ยังมีการแทรกตัวอักษรที่มีความกว้างเป็นศูนย์ (ZWSP) และตัวอักษรที่ไม่เชื่อมต่อ (ZWNJ) เพื่อซ่อนเนื้อหาอีเมลที่แท้จริง โดยการฝังภาษาที่ไม่เกี่ยวข้อง

    ผลที่ได้คือ ระบบความปลอดภัยอีเมล ฟิลเตอร์สแปม และตัวแยกชื่อแบรนด์จะสับสน และอีเมลที่ควรจะถูกจัดเก็บในโฟลเดอร์สแปมจะถูกส่งไปยังกล่องจดหมายของผู้ใช้แทน

    Cisco Talos ได้ให้ตัวอย่างหลายกรณี เช่น การที่แฮกเกอร์ซ่อนคำภาษาฝรั่งเศสในเนื้อหาอีเมล ซึ่งทำให้ฟิลเตอร์สแปมของ Microsoft Exchange Online Protection (EOP) สับสนและปล่อยให้อีเมลผ่านไปได้

    เพื่อรับมือกับกลยุทธ์นี้ นักวิจัยแนะนำให้ทีม IT ใช้เทคนิคการกรองขั้นสูงที่สแกนโครงสร้างของอีเมล HTML แทนที่จะสแกนเฉพาะเนื้อหา นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้การป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

    อีเมลยังคงเป็นช่องทางการโจมตีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากความเรียบง่าย การแพร่หลาย และต้นทุนต่ำสำหรับการดำเนินการขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมเพราะโจมตีห่วงโซ่ความปลอดภัยของอีเมลในจุดที่อ่อนแอที่สุด นั่นคือมนุษย์

    https://www.techradar.com/pro/security/hidden-text-salting-is-letting-hackers-craft-devious-email-attacks-to-evade-detection
    มีการอธิบายเทคนิคการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่เรียกว่า "hidden text salting" หรือ "poisoning" ซึ่งเป็นวิธีที่แฮกเกอร์ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของระบบความปลอดภัยอีเมล โดยการซ่อนข้อความบางส่วนในอีเมลเพื่อทำให้ระบบสแกนอีเมลสับสนและปล่อยให้อีเมลฟิชชิ่งผ่านไปยังกล่องจดหมายของผู้ใช้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Cisco Talos ได้เผยแพร่คู่มือที่อธิบายถึงวิธีที่แฮกเกอร์ใช้คุณสมบัติ HTML และ CSS ในการซ่อนข้อความ โดยการตั้งค่าความกว้างขององค์ประกอบบางอย่างเป็น 0 และใช้คุณสมบัติ "display: hidden" เพื่อซ่อนเนื้อหาบางส่วนจากเหยื่อ นอกจากนี้ยังมีการแทรกตัวอักษรที่มีความกว้างเป็นศูนย์ (ZWSP) และตัวอักษรที่ไม่เชื่อมต่อ (ZWNJ) เพื่อซ่อนเนื้อหาอีเมลที่แท้จริง โดยการฝังภาษาที่ไม่เกี่ยวข้อง ผลที่ได้คือ ระบบความปลอดภัยอีเมล ฟิลเตอร์สแปม และตัวแยกชื่อแบรนด์จะสับสน และอีเมลที่ควรจะถูกจัดเก็บในโฟลเดอร์สแปมจะถูกส่งไปยังกล่องจดหมายของผู้ใช้แทน Cisco Talos ได้ให้ตัวอย่างหลายกรณี เช่น การที่แฮกเกอร์ซ่อนคำภาษาฝรั่งเศสในเนื้อหาอีเมล ซึ่งทำให้ฟิลเตอร์สแปมของ Microsoft Exchange Online Protection (EOP) สับสนและปล่อยให้อีเมลผ่านไปได้ เพื่อรับมือกับกลยุทธ์นี้ นักวิจัยแนะนำให้ทีม IT ใช้เทคนิคการกรองขั้นสูงที่สแกนโครงสร้างของอีเมล HTML แทนที่จะสแกนเฉพาะเนื้อหา นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้การป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีเมลยังคงเป็นช่องทางการโจมตีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากความเรียบง่าย การแพร่หลาย และต้นทุนต่ำสำหรับการดำเนินการขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมเพราะโจมตีห่วงโซ่ความปลอดภัยของอีเมลในจุดที่อ่อนแอที่สุด นั่นคือมนุษย์ https://www.techradar.com/pro/security/hidden-text-salting-is-letting-hackers-craft-devious-email-attacks-to-evade-detection
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hidden text "salting" is letting hackers craft devious email attacks to evade detection
    Just because you can't see certain email text, it doesn't mean it's not there
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินโดยสารแอร์บัสของสายการบินแอร์ปูซาน (Air Busan) ของเกาหลีใต้เกิดเพลิงลุกไหม้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ ขณะกำลังตรียมเดินทางไปยังฮ่องกงเมื่อค่ำวานนี้ (28 ม.ค.) แต่โชคดีที่ผู้โดยสารทั้ง 169 คนและลูกเรืออีก 7 คนถูกอพยพได้ทัน และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 3 คน
    .
    สำนักงานดับเพลิงปูซานได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ซึ่งปะทุขึ้นภายในลำตัวเครื่องบินเมื่อเวลาราว 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่าต้นเพลิงเกิดที่ส่วนหางของเครื่อง
    .
    คลิปเหตุการณ์ที่สถานีโทรทัศน์ YTN เผยแพร่ทำให้เห็นว่ามีการใช้สไลด์อพยพผู้โดยสารลงจากเครื่องบินทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่หน่วยกู้ภัยเร่งจัดการกับควันและไฟที่ไหม้เครื่องบิน
    .
    ต่อมาสำนักข่าวยอนฮัปได้เผยแพร่คลิปแนวหลังคาห้องโดยสารที่เป็นรูโหว่อันเกิดจากการถูกไฟไหม้
    .
    เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังจากที่เครื่องบินโบอิ้งของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพมหานครประสบอุบัติเหตุลื่นไถลหลุดรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติมูอัน หลังลงจอดในสภาพล้อไม่กาง ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 179 คน และมีลูกเรือที่นั่งอยู่บริเวณส่วนหางรอดมาได้เพียง 2 คน
    .
    สำหรับแอร์ปูซานเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือเอเชียนาแอร์ไลน์ส (Asiana Airlines) ซึ่งเพิ่งจะถูกควบกิจการโดยโคเรียนแอร์ (Korean Air) เมื่อเดือน ธ.ค.
    .
    แอร์บัสซึ่งเป็นผู้ผู้ผลิตเครื่องบินยืนยันว่าได้รับรายงานอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างประสานงานกับทางแอร์ปูซาน
    .
    เครื่องบินลำเกิดเหตุเป็นแอร์บัส A321 neo หมายเลขท้ายเครื่อง HL7763 ซึ่งผ่านการใช้งานมาแล้ว 17 ปี ตามข้อมูลจาก Aviation Safety Network
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009127
    ..............
    Sondhi X
    เครื่องบินโดยสารแอร์บัสของสายการบินแอร์ปูซาน (Air Busan) ของเกาหลีใต้เกิดเพลิงลุกไหม้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ ขณะกำลังตรียมเดินทางไปยังฮ่องกงเมื่อค่ำวานนี้ (28 ม.ค.) แต่โชคดีที่ผู้โดยสารทั้ง 169 คนและลูกเรืออีก 7 คนถูกอพยพได้ทัน และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 3 คน . สำนักงานดับเพลิงปูซานได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ซึ่งปะทุขึ้นภายในลำตัวเครื่องบินเมื่อเวลาราว 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่าต้นเพลิงเกิดที่ส่วนหางของเครื่อง . คลิปเหตุการณ์ที่สถานีโทรทัศน์ YTN เผยแพร่ทำให้เห็นว่ามีการใช้สไลด์อพยพผู้โดยสารลงจากเครื่องบินทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่หน่วยกู้ภัยเร่งจัดการกับควันและไฟที่ไหม้เครื่องบิน . ต่อมาสำนักข่าวยอนฮัปได้เผยแพร่คลิปแนวหลังคาห้องโดยสารที่เป็นรูโหว่อันเกิดจากการถูกไฟไหม้ . เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังจากที่เครื่องบินโบอิ้งของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพมหานครประสบอุบัติเหตุลื่นไถลหลุดรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติมูอัน หลังลงจอดในสภาพล้อไม่กาง ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 179 คน และมีลูกเรือที่นั่งอยู่บริเวณส่วนหางรอดมาได้เพียง 2 คน . สำหรับแอร์ปูซานเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือเอเชียนาแอร์ไลน์ส (Asiana Airlines) ซึ่งเพิ่งจะถูกควบกิจการโดยโคเรียนแอร์ (Korean Air) เมื่อเดือน ธ.ค. . แอร์บัสซึ่งเป็นผู้ผู้ผลิตเครื่องบินยืนยันว่าได้รับรายงานอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างประสานงานกับทางแอร์ปูซาน . เครื่องบินลำเกิดเหตุเป็นแอร์บัส A321 neo หมายเลขท้ายเครื่อง HL7763 ซึ่งผ่านการใช้งานมาแล้ว 17 ปี ตามข้อมูลจาก Aviation Safety Network . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009127 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1285 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 ปี จากจลาจลกัมพูชา สู่ปฏิบัติการโปเชนตง เบื้องหลังความขัดแย้ง ปฏิบัติการที่โลกต้องจดจำ

    ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ
    ประเทศกัมพูชา ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสีย ทางกายภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุจลาจลครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากบทความ ในหนังสือพิมพ์กัมพูชา"รัศมี อังกอร์" ที่พาดพิงถึงนักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" ว่าได้กล่าวหากัมพูชาเรื่องนครวัด จนนำไปสู่ความโกรธแค้น และความรุนแรง ที่ลุกลามไปถึงการเผาสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ

    จากบทความหนังสือพิมพ์ สู่ความโกลาหล
    ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2546 หนังสือพิมพ์ "รัศมี อังกอร์" ของกัมพูชา ได้ตีพิทพ์เผยแพร่บทความ ที่กล่าวอ้างว่า นักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" พูดว่านครวัดเป็นของไทย และกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ "ขโมย" นครวัดไป ข้อความนี้แพร่กระจาย ออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสความโกรธเคือง ในหมู่ชาวกัมพูชา แม้ว่ากบ-สุวนันท์ จะออกมาปฏิเสธว่า เธอไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง กระแสความไม่พอใจได้

    การตอบสนองของฮุนเซ็น
    นายกรัฐมนตรีกัมพูชา "ฮุนเซ็น" ได้กล่าวสนับสนุนข้อความ ในบทความดังกล่าว โดยเปรียบเทียบว่า นักแสดงชาวไทยคนนี้ "ไม่มีค่าเทียบเท่าใบหญ้า ที่ขึ้นใกล้นครวัด" พร้อมทั้งสั่งให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชา หยุดการเผยแพร่ละครไทยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดม ให้ประชาชนกัมพูชา ระลึกถึงรากเหง้าของตนเอง ซึ่งยิ่งกระพือความไม่พอใจ ในวงกว้าง

    จากชุมนุมสู่เหตุการณ์จลาจล เริ่มต้นที่สถานทูตไทย
    เช้าวันที่ 29 มกราคม 2546 กลุ่มชาวกัมพูชาหลายร้อยคน เริ่มรวมตัวกัน ที่หน้าสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ การประท้วงเริ่มจาก การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น เผาธงชาติไทย และป้ายของสถานทูต ก่อนที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มบุกเข้าไป ในบริเวณสถานทูต

    อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต
    เอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชาในขณะนั้น "ชัชเวทย์ ชาติสุวรรณ" ตัดสินใจสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สถานทูต อพยพออกจากอาคาร โดยปีนรั้วด้านหลังของสถานทูต ไปยังแม่น้ำบาสัก และบางส่วนหลบหนีไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ที่อยู่ติดกัน การตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้ ช่วยรักษาชีวิตของทุกคน ไว้ได้อย่างปลอดภัย

    ทำลายสถานทูตไทย
    ในช่วงเวลาต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผา และปล้นสดมสถานทูตไทย รวมถึงทำลายทรัพย์สิ นของธุรกิจไทยในกรุงพนมเปญ เช่น โรงแรม สำนักงาน และร้านค้าต่าง ๆ เหตุการณ์นี้ยิ่งเลวร้ายขึ้น เมื่อมีข่าวลือว่า คนกัมพูชาถูกทำร้ายในประเทศไทย ซึ่งทำให้การจลาจลในพนมเปญ รุนแรงขึ้นไปอีก

    ปฏิบัติการโปเชนตง ความช่วยเหลือจากฟากฟ้า
    หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจล รัฐบาลไทยภายใต้การนำ ของนายกรัฐมนตรี "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ได้ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการ "โปเชนตง" เพื่ออพยพคนไทยออกจากกัมพูชา โดยใช้สนามบินเก่า "โปเชนตง" ในกรุงพนมเปญ เป็นจุดรับส่ง โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา ที่เริ่มเปลี่ยนท่าที และยินยอมให้เครื่องบินทหารไทยเข้าประเทศ

    รายละเอียดของปฏิบัติการ
    วันที่ 30 มกราคม 2546 เวลา 05.15 น. เครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H และ G-222 พร้อมหน่วยรบพิเศษ ได้บินจากฐานทัพดอนเมือง ไปยังสนามบินโปเชนตง เพื่ออพยพคนไทยกว่า 700 คน การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยสามารถนำคนไทย กลับมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด ในวันเดียว

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
    เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เลวร้ายลงอย่างมาก ไทยตัดสินใจ ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และปิดชายแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภูมิภาค

    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญ ของการสื่อสารระหว่างประเทศ และการป้องกันการปลุกระดม ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง การตอบสนองที่รวดเร็ว และเด็ดขาดของรัฐบาลไทยในครั้งนั้น ยังเป็นตัวอย่างของการจัดการวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ

    22 ปี หลังเหตุการณ์จลาจลในพนมเปญ และปฏิบัติการโปเชนตง ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทยและกัมพูชา ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการจัดการวิกฤตระดับชาติ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของความร่วมมือ ความเข้าใจ และการสื่อสารที่ถูกต้อง ระหว่างประชาชน และผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290850 ม.ค. 2568

    #จลาจลกัมพูชา #ปฏิบัติการโปเชนตง #ไทยกัมพูชา #สถานทูตไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #การเมืองระหว่างประเทศ #บทเรียนความขัดแย้ง #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เหตุการณ์ในอดีต







    22 ปี จากจลาจลกัมพูชา สู่ปฏิบัติการโปเชนตง เบื้องหลังความขัดแย้ง ปฏิบัติการที่โลกต้องจดจำ ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสีย ทางกายภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุจลาจลครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากบทความ ในหนังสือพิมพ์กัมพูชา"รัศมี อังกอร์" ที่พาดพิงถึงนักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" ว่าได้กล่าวหากัมพูชาเรื่องนครวัด จนนำไปสู่ความโกรธแค้น และความรุนแรง ที่ลุกลามไปถึงการเผาสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ จากบทความหนังสือพิมพ์ สู่ความโกลาหล ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2546 หนังสือพิมพ์ "รัศมี อังกอร์" ของกัมพูชา ได้ตีพิทพ์เผยแพร่บทความ ที่กล่าวอ้างว่า นักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" พูดว่านครวัดเป็นของไทย และกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ "ขโมย" นครวัดไป ข้อความนี้แพร่กระจาย ออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสความโกรธเคือง ในหมู่ชาวกัมพูชา แม้ว่ากบ-สุวนันท์ จะออกมาปฏิเสธว่า เธอไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง กระแสความไม่พอใจได้ การตอบสนองของฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา "ฮุนเซ็น" ได้กล่าวสนับสนุนข้อความ ในบทความดังกล่าว โดยเปรียบเทียบว่า นักแสดงชาวไทยคนนี้ "ไม่มีค่าเทียบเท่าใบหญ้า ที่ขึ้นใกล้นครวัด" พร้อมทั้งสั่งให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชา หยุดการเผยแพร่ละครไทยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดม ให้ประชาชนกัมพูชา ระลึกถึงรากเหง้าของตนเอง ซึ่งยิ่งกระพือความไม่พอใจ ในวงกว้าง จากชุมนุมสู่เหตุการณ์จลาจล เริ่มต้นที่สถานทูตไทย เช้าวันที่ 29 มกราคม 2546 กลุ่มชาวกัมพูชาหลายร้อยคน เริ่มรวมตัวกัน ที่หน้าสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ การประท้วงเริ่มจาก การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น เผาธงชาติไทย และป้ายของสถานทูต ก่อนที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มบุกเข้าไป ในบริเวณสถานทูต อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต เอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชาในขณะนั้น "ชัชเวทย์ ชาติสุวรรณ" ตัดสินใจสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สถานทูต อพยพออกจากอาคาร โดยปีนรั้วด้านหลังของสถานทูต ไปยังแม่น้ำบาสัก และบางส่วนหลบหนีไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ที่อยู่ติดกัน การตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้ ช่วยรักษาชีวิตของทุกคน ไว้ได้อย่างปลอดภัย ทำลายสถานทูตไทย ในช่วงเวลาต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผา และปล้นสดมสถานทูตไทย รวมถึงทำลายทรัพย์สิ นของธุรกิจไทยในกรุงพนมเปญ เช่น โรงแรม สำนักงาน และร้านค้าต่าง ๆ เหตุการณ์นี้ยิ่งเลวร้ายขึ้น เมื่อมีข่าวลือว่า คนกัมพูชาถูกทำร้ายในประเทศไทย ซึ่งทำให้การจลาจลในพนมเปญ รุนแรงขึ้นไปอีก ปฏิบัติการโปเชนตง ความช่วยเหลือจากฟากฟ้า หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจล รัฐบาลไทยภายใต้การนำ ของนายกรัฐมนตรี "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ได้ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการ "โปเชนตง" เพื่ออพยพคนไทยออกจากกัมพูชา โดยใช้สนามบินเก่า "โปเชนตง" ในกรุงพนมเปญ เป็นจุดรับส่ง โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา ที่เริ่มเปลี่ยนท่าที และยินยอมให้เครื่องบินทหารไทยเข้าประเทศ รายละเอียดของปฏิบัติการ วันที่ 30 มกราคม 2546 เวลา 05.15 น. เครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H และ G-222 พร้อมหน่วยรบพิเศษ ได้บินจากฐานทัพดอนเมือง ไปยังสนามบินโปเชนตง เพื่ออพยพคนไทยกว่า 700 คน การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยสามารถนำคนไทย กลับมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด ในวันเดียว ผลกระทบที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เลวร้ายลงอย่างมาก ไทยตัดสินใจ ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และปิดชายแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภูมิภาค เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญ ของการสื่อสารระหว่างประเทศ และการป้องกันการปลุกระดม ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง การตอบสนองที่รวดเร็ว และเด็ดขาดของรัฐบาลไทยในครั้งนั้น ยังเป็นตัวอย่างของการจัดการวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ 22 ปี หลังเหตุการณ์จลาจลในพนมเปญ และปฏิบัติการโปเชนตง ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทยและกัมพูชา ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการจัดการวิกฤตระดับชาติ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของความร่วมมือ ความเข้าใจ และการสื่อสารที่ถูกต้อง ระหว่างประชาชน และผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290850 ม.ค. 2568 #จลาจลกัมพูชา #ปฏิบัติการโปเชนตง #ไทยกัมพูชา #สถานทูตไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #การเมืองระหว่างประเทศ #บทเรียนความขัดแย้ง #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เหตุการณ์ในอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts