• 07-11-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.43 ชื่อตอนว่า "AMERICAN SURVIVE" ไอ้สัส! ไม่ได้รอดเพราะแก้ไขเศรษฐกิจดีดอกน่ะ แต่รอดตายจากส้นตรีนขาใหญ่เครมลิน ปักกิ่ง ต่างหากล่ะ? ใครรอฟังบทวิเคราะห์หมีอยู่ โปรดอ่านและตีความให้กระจ่าง? อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ กูบอกเลยว่า "มันส์พะยะค่ะ" อียิวมันรู้ตัวแล้วว่า "ชนขั้วใหม่คือตายโหงสถานเดียว" เลือกตั้งใหญ่เหี้ย มันไม่ได้มีแค่เลือกปธน.น่ะจ๊ะ ผู้ว่าการรัฐสำคัญมุย? สส.สำคัญมุย? สว.สำคัญมุย? สภาสูง สภาล่าง ล้วนมีผลต่อการขับเคลื่อน ผลักดันกฎหมายให้เป็นรูปธรรมและใช้ได้จริง เกิดผลทันที ประเด็นคือ "อีทรัมปป์แลนด์สไลด์มาตามคาด" กวาดหมดทุกอณูฐานเสียง เป็นของอีช้างแดร๊กเรียบวุธ อำนาจเบ็ดเสร็จ อย่างงี้ มันง่ายที่จะ DO SOMETHING และเกิดพลังขับเคลื่อนพร้อมกันหมด! เอาล่ะ มันจะเกิดอะไรนับจากนี้ กูจะไล่เรียงคิวไปทีละข้อ อ่านให้เข้าใจ ตีโจทย์ให้แตก มรึงจะดวงตาแห่งธรรม?

    1.ไม่เอาสงคราม ดอกนี้ ส่งสัญญานตรงถึง NATO และฐานทัพเหี้ยทั่วโลก อาจมีการยุบบางแห่ง และโยกย้ายกำลังพลกลับแผ่นดินแม่ เพราะเปลืองงบประมาณโดยไม่ได้ประโยชน์เหี้ยอะไรเลย ที่ทำมาตลอด ก็แค่เพื่อสนองตัณหาให้บริษัทค้าอาวุธยิวเท่านั้นเอง ดอกนี้ เท่ากับหยุดความตายให้ทหารมะกันนั่นเอง โลกปฎิเสธอเมริกาแล้ว มรึงจะอยู่ต่อทำพ่อง ให้เค้ามาขับไล่เสียหมาเหรอ ไปเองดูดีกว่าเยอะ อเมริกาสิ้นเปลืองตรงจุดนี้มหาศาล นี่คือเอาเงินไปใช้อย่างอื่นดีกว่า แปลว่าอะไร อีเสี้ยนยา อีโปล อีเยรูซาเล็ม หนาวเหน็บ ใครจะป้อนอาวุธให้กูล่ะ กำลังเสริมใครจะส่ง เงินใครจะเติม? ภาษาชาวบ้านคือ "ทิ้งมรึงไงล่ะ" เมื่ออเมริกาไม่หนุน ก่อสงครามไปก็ตายห่าฟรี มันคือการเปิดโต๊ะเจรจา ไม่ใช่เพื่ออียิวรอด แต่หมายถึง อเมริกา NATO ก็จะรอดด้วย ยกชัยชนะเบ็ดเสร็จให้ขั้วใหม่ไปเลย เพราะกูจะต้องหาแดร๊กแล้ว มัวแต่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำมาหลายปี ดอกนี้ อีทรัมปป์พาอเมริการอดตาย!

    2.สงครามการค้ามาเต็มตรีน แต่จีนฉลุย อเมริกาจะเสียค่าโง่ครั้งใหญ่ โปรดฟัง! ที่ผ่านมา มาเฟียหมารุมกินโต๊ะ เที่ยวคว่ำบาตร เที่ยวแบนสินค้าชาวบ้านเค้า เพราะหมาขี้ข้ามีเยอะ แต่วันนี้ ตอนนี้ หมาขี้ข้าหายหัวหมดเกลี้ยง เหลือแค่ขี้ข้าหมารับใช้ไม่กี่ชาติ การคว่ำบาตรของเหี้ยอ่อนกำลังลงไปเยอะ แทบไม่มีผล เพราะอะไร? โลกแห่เข้า BRICS กันหมด เพราะมันคือโรงงานผลิตโลก พลังงานโลก ทรัพยากรโลก อยู่ที่นั่น หาใช่อเมริกา ยุโรป อีกต่อไป เอเซียคือผู้กำหนดเกมส์การค้าโลก เศรษฐกิจโลกเต็มตัวไปแล้ว ดังนั้น แผนอีทรัมปป์ที่จะล่อจีน เป้าหมายจริงคือ "เอาตัวรอด" ต่างหาก จากที่ต้องเคยไปอุ้มไอ้ขี้ข้าทั้งหลาย กูชิ่งหนี เอาตัวกูเองรอดฝ่ายเดียว ไม่จ่าย NATO ไม่จ่ายก่อการร้าย ไม่ก่อสงคราม ทั้งหมดเพื่อเอาเงินที่เหลือไปผลักดันปากท้องตัวเองให้อิ่มก่อน ทำไมมันจะไม่รู้ โคตรชาติหมา 100 ชาติ ก็คว่ำบาตรจีน รัสเซีย ไม่อยู่ เพราะเค้าไม่ได้อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ เหมือนที่พวกมรึงเป็นอยู่นั่นเอง ดูให้ดีดี สงครามการค้าแค่หน้าฉาก มันคือการสลัดภาระของอเมริกาที่ผ่านมาทั้งหมดนั่นเอง โยงสอดคล้องแผนกำจัดผู้อพยพ ลี้ภัย(ไอ้พวกขี้ข้าเหี้ย C ที่หลบหนีในอเมริกา หมดประโยชน์เตรียมถูกเฉดหัว อี 3 นิ้วครึ่ง อีล้มเจ้า มีหนาว) การค้าของขั้วใหม่คือโลกทั้งใบ แต่การค้าของอเมริกาคือกูคนเดียว นี่คือความแตกต่าง แล้วใครจะรอด? เพราะ BRICS เชื่อมโลกเข้าหากัน แต่เหี้ยเอาเฉพาะชาติบริวาร เหลือเท่าไหร่ นับหัวได้?

    3.นโยบายต่างประเทศเปลี่ยนไป อเมริกามุ่งเอาตัวเองรอดก่อน ไม่มีเวลาสนใจ ทำเรื่องไร้สาระที่ผ่านมา ใครจะได้ประโยชน์? ใครจะได้ปลดแอกเหี้ย? ดอกนี้ อีตาเพน เหี้ย C แค้นอีทรัมปป์แน่ งบประมาณหาแดร๊กกูหายชัวร์? ประเด็นคืออเมริกาไม่เหลือเงินไปคุ้มครองใครได้อีก อย่าเรียกคุ้มครองเลย เรียกค่าไถ่จะดีกว่า? ต่อให้มรึงสู้ ก็แพ้ยับ หมายังรู้! อย่าคิดว่าจะจบง่ายดาย มีเหรอ ไอ้พวกที่หาแดร๊กกับอาวุธ หากินกับความตาย มันคงจะปล่อยให้อีทรัมปป์ลอยนวลดอกน่ะ ถึงจะมีอำนาจในมือเต็มเปี่ยมก็ตาม แผนปฎิวัติใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อทหารเหี้ยไม่ได้แดร๊ก เมื่อพ่อค้าอาวุธอดอยากปากแห้ง จะเปลี่ยนการปกครองได้ยังไง? เมื่อแม่งมาแบบแลนด์สไลด์ เกมส์นี้ถึงต้องพึ่ง CIVIL WAR เข้ามาเพื่อบ่อนทำลายฐานอำนาจอีช้าง ไม่ต้องถามใครวางแผน อีแม่มดขาวคลินตันเนี่ยแหละ ตัวน่ากลัว! แท้จริง..มันจะลงแข่งแทนอีกะลาก็ได้ แต่กระแสอีทรัมปป์มาแรงทะลุนรก ขืนลงไปเสียของ แปลว่ามันรอเสียบหากเกิดอุบัติเหตุการเมือง แล้วใครล่ะจะจัดฉากให้เกิด ก็อีตาเพน กับเหี้ย C เนี่ยแหละ ชะตากรรมมาทรงเดียวกับอี JFK เป๊ะเด๊ะ คลื่นใต้น้ำยังมี อย่าคิดว่าปลอดภัย ทุกอย่างแค่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น?

    4.หมากขั้วเก่าล้มไม่เป็นท่า แผนชงไต้หวัน แผนยื้อยูเครน แผนย้ายบ้านอียิว ทั้งหมดมันถูกโยงเป็นเรื่องเดียวกัน อีไต้หวันรู้ชะตากรรมดี เฉกเช่นเดียวกับอีเสี้ยนยา รวมถึงอีเนรคุณทันยา สภาพหมาจนตรอก เมื่อเมริกาไม่รบกับรัสเซีย จีน ทางตรง เท่ากับเชิญมรึงขย่มเหี้ยให้เต็มที่ ตามสบายนั่นเอง อะไรที่เคยคุยกันไว้ รับปากไว้ เป็นโมฆะ เพราะเจ้ามือเปลี่ยนคน เกมส์บีบให้อียิวต้องเล่นให้หนัก บีบให้อีไต้หวันไม่มีทางเลือก เพราะจีน รัสเซีย เค้าอ่านออกขาดกระจุยมาตั้งแต่ต้น กูไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เดี๋ยวพวกมรึงก็ฆ่ากันเอง "โคตรอัจฉริยะ" เมื่อยูเครนไม่มีท่อน้ำเลี้ยงส่ง อาวุธไม่มา กำลังพลไม่มี แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมตีเคียฟให้แตกทันที มรึงเข้าใจยัง? ฆ่าเหี้ยมันง่ายนิดเดียว แต่ให้เหี้ยเดินมากราบตรีน ยอมศิโรราบ ถวายตัว ถวายหัวรับใช้ มันเรียก "โคตรเทพ" พลิกตำราแทบไม่ทัน อียูเครนจะเจรจา ยอมหั่นครึ่งแผ่นดินให้รัสเซีย รับรอง อย่างเป็นทางการ เท่ากับรัสเซียชนะแล้ว เมื่อยุโรปไม่มีเจ้ามือเหี้ย มรึงว่ามันจะหันไปหาใครได้อีกล่ะ? ดอกนี้ จะทำให้รัสเซียเขมือบยุโรปแบบสบายตรีนด้วยความสมัครใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังงาน อาหาร การค้า ล้วนต้องมีรัสเซีย เพราะเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงยุโรป NATO จึงต้องแตกในไม่ช้า EU จึงต้องแยกย้ายในอีก 10 ปี เพราะถึงตอนนั้น BRICS เชื่อมโลกทั้งใบสำเร็จแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องแบ่งเป็นขั้วทวีปอีกต่อไป เพราะ ชาติเล็กๆ ไปอุ้มชาติใหญ่ต่อไม่ไหวนั่นเอง เมื่อคุยตรงกับเจ้ามือได้ ทำไมกูต้องจ่ายเบี้ยค่าคุ้มครองต่ออีกล่ะ? เข้า BRICS ไม่ได้จบแค่การค้า แต่มันเป็นใบการันตี พ่วงกองทัพโลกมาด้วย SCO ใหญ่ที่สุดใน 3 โลก อเมริกาแค่ขี้ตรีน!

    5.CIVIL WAR จะตามมาในไม่ช้า หากอีทรัมปป์ยิ่งเข้าเกมส์เร็ว ปรับเปลี่ยน ย่อประเทศให้เล็กลงเพื่อความอยู่รอด? ฝ่ายขั้วเก่าที่เคยแดร๊กอิ่ม แดร๊กดุ จะหาเรื่องเอง? ไม่ว่าใครจะมา แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ "หนี้มหาศาล" ต่อให้โคตรพ่อทรัมปป์จะมีแผนดีอย่างไร ก็ไม่สามารถจัดการหนี้ก้อนใหญ่มหึมานี้ได้ ทางออกมีเพียงทางเดียวคือ "ล้มกระดาน" แต่จะไม่สู้โดยตรงให้ไปตายห่าฟรีดอกน่ะ แตกอเมริกาง่ายกว่าเยอะ มรึงตามไปทวงหนี้กันเองสิ ดีออก? เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ค ไปแน่ อลาสก้า ฮาวาย กลับบ้านเก่า ใครจะรู้ ที่อเมริกาเลือกทรัมปป์มา ก็เพื่อปิดเกมส์หนีหนี้เนี่ยแหละ? อีแคนเตรียมรองรับอียิว 20 ล้านตัวทั่วโลกได้เลย แผ่นดินกว้างใหญ่ เชิญไปสุมหัวอยู่ได้เลย หลายชาติขี้ข้าจะประกาศตัวเป็นเอกราช อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ จิงโจ้ กีวี คาตาลัน อียุ่นปี่ อีโสมขาว และอีกเยอะ มันถึงเวลาแยกตัวแล้วเพื่อน? รัฐยากจนใครจะอุ้ม คำตอบคือ เมื่ออเมริกาแตกเป็นเสี่ยงๆ ชาติอาหรับ จีน รัสเซีย จะเข้ามาช้อนซื้อเอาไว้นั่นเอง เหตุผลเดียวง่ายๆ "ความมั่นคง" เหมือนที่อียิวสอดไส้คาราเมลมาอยู่ในแผ่นดินคานาอันนั่นแหละ หนามยอกเอาหนามบ่ง จีนถึงต้องการฮาวาย รัสเซียต้องการอลาสก้าคืน ส่วน JOHN KIM ยังนึกไม่ออก กูจะเอาส่วนไหนดี แต่ชอบห้องรูปไข่ อาจจะขอทำเนียบขาวเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ ส่วนอิหร่านจ้องเมืองท่าซีแอตเติ้ล เพราะใกล้อีแคน มรึงอย่าคิดว่ากูจะปล่อยมรึงไปง่ายๆ มรึงอยู่ที่ไหน กูก็จะตามไปอยู่เป็นเพื่อน เอาศัตรูใกล้ตัว คือกลยุทธสยบมาร CIVIL WAR จะเกิดขึ้นก่อน ประกาศภาวะฉุกเฉินจะตามมา แล้วจบที่การปฎิวัติอเมริกา จบตำนานประเทศประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนตอแหล ภาค 1 ไปสร้างต่อที่อีแคนภาค 2

    ปล.ยังไม่จบ ยังมีต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป ในคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.44 "AMERICAN SURVIVE 2" ในสัปดาห์หน้า เพื่อรวบรวมความเป็นไป การเปลี่ยนแปลง กระแสโลก ที่จะเกิดขึ้นตลอดสัปดาห์นี้ ทุกอย่างแค่จุดเริ่มต้น หากไม่มีการปลดแอกโลกจากขั้วใหม่ มรึงจะไม่มีวันได้เห็นอเมริกาในสภาพนี้เด็ดขาด ขอบคุณ "ขั้วใหม่" และที่สำคัญ เค้ารู้ล่วงหน้าแล้วว่าอีทรัมปป์จะมา แผนการรับมือ และเดินหน้าต่อ มีรอไว้นานแล้ว ก็บอกแล้วว่า ปูติน สีจิ้นผิง ไม่ใช่รัฐบุรุษโลกธรรมดา แต่เป็น "ขงเบ้งกลับชาติมาเกิดใหม่" เค้าวางดอก 2..3..4..5 รอไว้นานแล้ว คิดทีเดียว 3 ชั้นครึ่ง หมุนเกลียวอีก 5 รอบ เหี้ยไอ้อีตัวไหนจะสู้ได้ เจ้ามือโลกใหม่ซะอย่าง อำนาจเปลี่ยนมือ ไม่มีอะไรง่ายดายเหมือนก่อนอีกแล้ว เหี้ยจ๋า? รอดูความเป็นไป ของไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั่วโลก ดิ้นพล่าน วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น ใบเสร็จตามเก็บเพี๊ยบ ใครรู้เยอะ ก็ตายห่าก่อนเพื่อน? ศรีธนญชัย 2024 เดินอย่างรัดกุม ไม่เร่งรีบ เพราะเมื่อแสงทำงาน เหี้ยมันจะเดินไปตายห่าติดกับดักเอง WWIII ยังไม่จบน่ะ อย่าคิดว่าจะไม่เกิด เพราะอย่าลืมว่า อีกฝ่าย เหี้ยซาตาน มันไม่ยอมให้โลกสงบสุขดอก อุบัติเหตุการเมืองโลกเกิดขึ้นได้เสมอ อเมริกาไม่ได้มีแค่ DEEP STATE อีเหี้ยสิงโตยังมีอีเหี้ยเรปทีเรี่ยนอยู่ มรึงคอยดูว่ามันจะดิ้นยังไง? บั๊คกิ้งแฮม เสื่อมศรัทธาแล้ว ธาตุแท้เผย ชาร์ลผู้พ่ออาจไม่ได้อยู่ต่อ วิลเลี่ยมคือร่างแท้จริงของอีเรปทีเรี่ยน อยากรู้เหมือนกัน มรึงจะมีปัญหาเอาชนะรัสเซียมั้ย? เพราะเค้าล่อมรึงแน่ กูการันตี ทนมานานแล้ว! ส่วนไอ้อีตัวประกอบ โลกเปลี่ยน มันก็เดินตามเอง เพราะหมารับใช้ ไม่มีนายใหญ่ถาวร วงจรขี้ข้า เป็นเช่นนี้มานานหลายศตวรรษแล้ว ยังมีอะไรให้มรึงช็อคกันอีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งรีบนับศพเหี้ย?

    หมี CNN(ฟ้าแจ้งจางปาง อ่านซ้ำ หากยังไม่ GET ทุกอย่างมันคือเส้นทางลิขิต ใครกำหนด ใครปลดปล่อย เหมือนบทสคริปต์จากสรวงสวรรค์ โลกผลัดใบ ไม่มีดอก ไม่เสียเลือดเนื้อ แต่ไม่ใช่ในสยามประเทศแน่ เพราะพ่อร.10 ท่านใช้พระเดชเมื่อถึงยามจำเป็นเท่านั้น ตอนนี้ให้บู๊ททหารตรีนโตนวดไปก่อน แค่นี้ เหี้ยก็อ่วมแล้ว ไม่มีอะไรง่ายดาย ทุกอย่างใช้เวลาเยียวยา)
    07 พฤศจิกายน 67
    10.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    07-11-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.43 ชื่อตอนว่า "AMERICAN SURVIVE" ไอ้สัส! ไม่ได้รอดเพราะแก้ไขเศรษฐกิจดีดอกน่ะ แต่รอดตายจากส้นตรีนขาใหญ่เครมลิน ปักกิ่ง ต่างหากล่ะ? ใครรอฟังบทวิเคราะห์หมีอยู่ โปรดอ่านและตีความให้กระจ่าง? อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ กูบอกเลยว่า "มันส์พะยะค่ะ" อียิวมันรู้ตัวแล้วว่า "ชนขั้วใหม่คือตายโหงสถานเดียว" เลือกตั้งใหญ่เหี้ย มันไม่ได้มีแค่เลือกปธน.น่ะจ๊ะ ผู้ว่าการรัฐสำคัญมุย? สส.สำคัญมุย? สว.สำคัญมุย? สภาสูง สภาล่าง ล้วนมีผลต่อการขับเคลื่อน ผลักดันกฎหมายให้เป็นรูปธรรมและใช้ได้จริง เกิดผลทันที ประเด็นคือ "อีทรัมปป์แลนด์สไลด์มาตามคาด" กวาดหมดทุกอณูฐานเสียง เป็นของอีช้างแดร๊กเรียบวุธ อำนาจเบ็ดเสร็จ อย่างงี้ มันง่ายที่จะ DO SOMETHING และเกิดพลังขับเคลื่อนพร้อมกันหมด! เอาล่ะ มันจะเกิดอะไรนับจากนี้ กูจะไล่เรียงคิวไปทีละข้อ อ่านให้เข้าใจ ตีโจทย์ให้แตก มรึงจะดวงตาแห่งธรรม? 1.ไม่เอาสงคราม ดอกนี้ ส่งสัญญานตรงถึง NATO และฐานทัพเหี้ยทั่วโลก อาจมีการยุบบางแห่ง และโยกย้ายกำลังพลกลับแผ่นดินแม่ เพราะเปลืองงบประมาณโดยไม่ได้ประโยชน์เหี้ยอะไรเลย ที่ทำมาตลอด ก็แค่เพื่อสนองตัณหาให้บริษัทค้าอาวุธยิวเท่านั้นเอง ดอกนี้ เท่ากับหยุดความตายให้ทหารมะกันนั่นเอง โลกปฎิเสธอเมริกาแล้ว มรึงจะอยู่ต่อทำพ่อง ให้เค้ามาขับไล่เสียหมาเหรอ ไปเองดูดีกว่าเยอะ อเมริกาสิ้นเปลืองตรงจุดนี้มหาศาล นี่คือเอาเงินไปใช้อย่างอื่นดีกว่า แปลว่าอะไร อีเสี้ยนยา อีโปล อีเยรูซาเล็ม หนาวเหน็บ ใครจะป้อนอาวุธให้กูล่ะ กำลังเสริมใครจะส่ง เงินใครจะเติม? ภาษาชาวบ้านคือ "ทิ้งมรึงไงล่ะ" เมื่ออเมริกาไม่หนุน ก่อสงครามไปก็ตายห่าฟรี มันคือการเปิดโต๊ะเจรจา ไม่ใช่เพื่ออียิวรอด แต่หมายถึง อเมริกา NATO ก็จะรอดด้วย ยกชัยชนะเบ็ดเสร็จให้ขั้วใหม่ไปเลย เพราะกูจะต้องหาแดร๊กแล้ว มัวแต่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำมาหลายปี ดอกนี้ อีทรัมปป์พาอเมริการอดตาย! 2.สงครามการค้ามาเต็มตรีน แต่จีนฉลุย อเมริกาจะเสียค่าโง่ครั้งใหญ่ โปรดฟัง! ที่ผ่านมา มาเฟียหมารุมกินโต๊ะ เที่ยวคว่ำบาตร เที่ยวแบนสินค้าชาวบ้านเค้า เพราะหมาขี้ข้ามีเยอะ แต่วันนี้ ตอนนี้ หมาขี้ข้าหายหัวหมดเกลี้ยง เหลือแค่ขี้ข้าหมารับใช้ไม่กี่ชาติ การคว่ำบาตรของเหี้ยอ่อนกำลังลงไปเยอะ แทบไม่มีผล เพราะอะไร? โลกแห่เข้า BRICS กันหมด เพราะมันคือโรงงานผลิตโลก พลังงานโลก ทรัพยากรโลก อยู่ที่นั่น หาใช่อเมริกา ยุโรป อีกต่อไป เอเซียคือผู้กำหนดเกมส์การค้าโลก เศรษฐกิจโลกเต็มตัวไปแล้ว ดังนั้น แผนอีทรัมปป์ที่จะล่อจีน เป้าหมายจริงคือ "เอาตัวรอด" ต่างหาก จากที่ต้องเคยไปอุ้มไอ้ขี้ข้าทั้งหลาย กูชิ่งหนี เอาตัวกูเองรอดฝ่ายเดียว ไม่จ่าย NATO ไม่จ่ายก่อการร้าย ไม่ก่อสงคราม ทั้งหมดเพื่อเอาเงินที่เหลือไปผลักดันปากท้องตัวเองให้อิ่มก่อน ทำไมมันจะไม่รู้ โคตรชาติหมา 100 ชาติ ก็คว่ำบาตรจีน รัสเซีย ไม่อยู่ เพราะเค้าไม่ได้อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ เหมือนที่พวกมรึงเป็นอยู่นั่นเอง ดูให้ดีดี สงครามการค้าแค่หน้าฉาก มันคือการสลัดภาระของอเมริกาที่ผ่านมาทั้งหมดนั่นเอง โยงสอดคล้องแผนกำจัดผู้อพยพ ลี้ภัย(ไอ้พวกขี้ข้าเหี้ย C ที่หลบหนีในอเมริกา หมดประโยชน์เตรียมถูกเฉดหัว อี 3 นิ้วครึ่ง อีล้มเจ้า มีหนาว) การค้าของขั้วใหม่คือโลกทั้งใบ แต่การค้าของอเมริกาคือกูคนเดียว นี่คือความแตกต่าง แล้วใครจะรอด? เพราะ BRICS เชื่อมโลกเข้าหากัน แต่เหี้ยเอาเฉพาะชาติบริวาร เหลือเท่าไหร่ นับหัวได้? 3.นโยบายต่างประเทศเปลี่ยนไป อเมริกามุ่งเอาตัวเองรอดก่อน ไม่มีเวลาสนใจ ทำเรื่องไร้สาระที่ผ่านมา ใครจะได้ประโยชน์? ใครจะได้ปลดแอกเหี้ย? ดอกนี้ อีตาเพน เหี้ย C แค้นอีทรัมปป์แน่ งบประมาณหาแดร๊กกูหายชัวร์? ประเด็นคืออเมริกาไม่เหลือเงินไปคุ้มครองใครได้อีก อย่าเรียกคุ้มครองเลย เรียกค่าไถ่จะดีกว่า? ต่อให้มรึงสู้ ก็แพ้ยับ หมายังรู้! อย่าคิดว่าจะจบง่ายดาย มีเหรอ ไอ้พวกที่หาแดร๊กกับอาวุธ หากินกับความตาย มันคงจะปล่อยให้อีทรัมปป์ลอยนวลดอกน่ะ ถึงจะมีอำนาจในมือเต็มเปี่ยมก็ตาม แผนปฎิวัติใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อทหารเหี้ยไม่ได้แดร๊ก เมื่อพ่อค้าอาวุธอดอยากปากแห้ง จะเปลี่ยนการปกครองได้ยังไง? เมื่อแม่งมาแบบแลนด์สไลด์ เกมส์นี้ถึงต้องพึ่ง CIVIL WAR เข้ามาเพื่อบ่อนทำลายฐานอำนาจอีช้าง ไม่ต้องถามใครวางแผน อีแม่มดขาวคลินตันเนี่ยแหละ ตัวน่ากลัว! แท้จริง..มันจะลงแข่งแทนอีกะลาก็ได้ แต่กระแสอีทรัมปป์มาแรงทะลุนรก ขืนลงไปเสียของ แปลว่ามันรอเสียบหากเกิดอุบัติเหตุการเมือง แล้วใครล่ะจะจัดฉากให้เกิด ก็อีตาเพน กับเหี้ย C เนี่ยแหละ ชะตากรรมมาทรงเดียวกับอี JFK เป๊ะเด๊ะ คลื่นใต้น้ำยังมี อย่าคิดว่าปลอดภัย ทุกอย่างแค่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น? 4.หมากขั้วเก่าล้มไม่เป็นท่า แผนชงไต้หวัน แผนยื้อยูเครน แผนย้ายบ้านอียิว ทั้งหมดมันถูกโยงเป็นเรื่องเดียวกัน อีไต้หวันรู้ชะตากรรมดี เฉกเช่นเดียวกับอีเสี้ยนยา รวมถึงอีเนรคุณทันยา สภาพหมาจนตรอก เมื่อเมริกาไม่รบกับรัสเซีย จีน ทางตรง เท่ากับเชิญมรึงขย่มเหี้ยให้เต็มที่ ตามสบายนั่นเอง อะไรที่เคยคุยกันไว้ รับปากไว้ เป็นโมฆะ เพราะเจ้ามือเปลี่ยนคน เกมส์บีบให้อียิวต้องเล่นให้หนัก บีบให้อีไต้หวันไม่มีทางเลือก เพราะจีน รัสเซีย เค้าอ่านออกขาดกระจุยมาตั้งแต่ต้น กูไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เดี๋ยวพวกมรึงก็ฆ่ากันเอง "โคตรอัจฉริยะ" เมื่อยูเครนไม่มีท่อน้ำเลี้ยงส่ง อาวุธไม่มา กำลังพลไม่มี แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมตีเคียฟให้แตกทันที มรึงเข้าใจยัง? ฆ่าเหี้ยมันง่ายนิดเดียว แต่ให้เหี้ยเดินมากราบตรีน ยอมศิโรราบ ถวายตัว ถวายหัวรับใช้ มันเรียก "โคตรเทพ" พลิกตำราแทบไม่ทัน อียูเครนจะเจรจา ยอมหั่นครึ่งแผ่นดินให้รัสเซีย รับรอง อย่างเป็นทางการ เท่ากับรัสเซียชนะแล้ว เมื่อยุโรปไม่มีเจ้ามือเหี้ย มรึงว่ามันจะหันไปหาใครได้อีกล่ะ? ดอกนี้ จะทำให้รัสเซียเขมือบยุโรปแบบสบายตรีนด้วยความสมัครใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังงาน อาหาร การค้า ล้วนต้องมีรัสเซีย เพราะเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงยุโรป NATO จึงต้องแตกในไม่ช้า EU จึงต้องแยกย้ายในอีก 10 ปี เพราะถึงตอนนั้น BRICS เชื่อมโลกทั้งใบสำเร็จแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องแบ่งเป็นขั้วทวีปอีกต่อไป เพราะ ชาติเล็กๆ ไปอุ้มชาติใหญ่ต่อไม่ไหวนั่นเอง เมื่อคุยตรงกับเจ้ามือได้ ทำไมกูต้องจ่ายเบี้ยค่าคุ้มครองต่ออีกล่ะ? เข้า BRICS ไม่ได้จบแค่การค้า แต่มันเป็นใบการันตี พ่วงกองทัพโลกมาด้วย SCO ใหญ่ที่สุดใน 3 โลก อเมริกาแค่ขี้ตรีน! 5.CIVIL WAR จะตามมาในไม่ช้า หากอีทรัมปป์ยิ่งเข้าเกมส์เร็ว ปรับเปลี่ยน ย่อประเทศให้เล็กลงเพื่อความอยู่รอด? ฝ่ายขั้วเก่าที่เคยแดร๊กอิ่ม แดร๊กดุ จะหาเรื่องเอง? ไม่ว่าใครจะมา แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ "หนี้มหาศาล" ต่อให้โคตรพ่อทรัมปป์จะมีแผนดีอย่างไร ก็ไม่สามารถจัดการหนี้ก้อนใหญ่มหึมานี้ได้ ทางออกมีเพียงทางเดียวคือ "ล้มกระดาน" แต่จะไม่สู้โดยตรงให้ไปตายห่าฟรีดอกน่ะ แตกอเมริกาง่ายกว่าเยอะ มรึงตามไปทวงหนี้กันเองสิ ดีออก? เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ค ไปแน่ อลาสก้า ฮาวาย กลับบ้านเก่า ใครจะรู้ ที่อเมริกาเลือกทรัมปป์มา ก็เพื่อปิดเกมส์หนีหนี้เนี่ยแหละ? อีแคนเตรียมรองรับอียิว 20 ล้านตัวทั่วโลกได้เลย แผ่นดินกว้างใหญ่ เชิญไปสุมหัวอยู่ได้เลย หลายชาติขี้ข้าจะประกาศตัวเป็นเอกราช อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ จิงโจ้ กีวี คาตาลัน อียุ่นปี่ อีโสมขาว และอีกเยอะ มันถึงเวลาแยกตัวแล้วเพื่อน? รัฐยากจนใครจะอุ้ม คำตอบคือ เมื่ออเมริกาแตกเป็นเสี่ยงๆ ชาติอาหรับ จีน รัสเซีย จะเข้ามาช้อนซื้อเอาไว้นั่นเอง เหตุผลเดียวง่ายๆ "ความมั่นคง" เหมือนที่อียิวสอดไส้คาราเมลมาอยู่ในแผ่นดินคานาอันนั่นแหละ หนามยอกเอาหนามบ่ง จีนถึงต้องการฮาวาย รัสเซียต้องการอลาสก้าคืน ส่วน JOHN KIM ยังนึกไม่ออก กูจะเอาส่วนไหนดี แต่ชอบห้องรูปไข่ อาจจะขอทำเนียบขาวเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ ส่วนอิหร่านจ้องเมืองท่าซีแอตเติ้ล เพราะใกล้อีแคน มรึงอย่าคิดว่ากูจะปล่อยมรึงไปง่ายๆ มรึงอยู่ที่ไหน กูก็จะตามไปอยู่เป็นเพื่อน เอาศัตรูใกล้ตัว คือกลยุทธสยบมาร CIVIL WAR จะเกิดขึ้นก่อน ประกาศภาวะฉุกเฉินจะตามมา แล้วจบที่การปฎิวัติอเมริกา จบตำนานประเทศประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนตอแหล ภาค 1 ไปสร้างต่อที่อีแคนภาค 2 ปล.ยังไม่จบ ยังมีต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป ในคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.44 "AMERICAN SURVIVE 2" ในสัปดาห์หน้า เพื่อรวบรวมความเป็นไป การเปลี่ยนแปลง กระแสโลก ที่จะเกิดขึ้นตลอดสัปดาห์นี้ ทุกอย่างแค่จุดเริ่มต้น หากไม่มีการปลดแอกโลกจากขั้วใหม่ มรึงจะไม่มีวันได้เห็นอเมริกาในสภาพนี้เด็ดขาด ขอบคุณ "ขั้วใหม่" และที่สำคัญ เค้ารู้ล่วงหน้าแล้วว่าอีทรัมปป์จะมา แผนการรับมือ และเดินหน้าต่อ มีรอไว้นานแล้ว ก็บอกแล้วว่า ปูติน สีจิ้นผิง ไม่ใช่รัฐบุรุษโลกธรรมดา แต่เป็น "ขงเบ้งกลับชาติมาเกิดใหม่" เค้าวางดอก 2..3..4..5 รอไว้นานแล้ว คิดทีเดียว 3 ชั้นครึ่ง หมุนเกลียวอีก 5 รอบ เหี้ยไอ้อีตัวไหนจะสู้ได้ เจ้ามือโลกใหม่ซะอย่าง อำนาจเปลี่ยนมือ ไม่มีอะไรง่ายดายเหมือนก่อนอีกแล้ว เหี้ยจ๋า? รอดูความเป็นไป ของไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั่วโลก ดิ้นพล่าน วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น ใบเสร็จตามเก็บเพี๊ยบ ใครรู้เยอะ ก็ตายห่าก่อนเพื่อน? ศรีธนญชัย 2024 เดินอย่างรัดกุม ไม่เร่งรีบ เพราะเมื่อแสงทำงาน เหี้ยมันจะเดินไปตายห่าติดกับดักเอง WWIII ยังไม่จบน่ะ อย่าคิดว่าจะไม่เกิด เพราะอย่าลืมว่า อีกฝ่าย เหี้ยซาตาน มันไม่ยอมให้โลกสงบสุขดอก อุบัติเหตุการเมืองโลกเกิดขึ้นได้เสมอ อเมริกาไม่ได้มีแค่ DEEP STATE อีเหี้ยสิงโตยังมีอีเหี้ยเรปทีเรี่ยนอยู่ มรึงคอยดูว่ามันจะดิ้นยังไง? บั๊คกิ้งแฮม เสื่อมศรัทธาแล้ว ธาตุแท้เผย ชาร์ลผู้พ่ออาจไม่ได้อยู่ต่อ วิลเลี่ยมคือร่างแท้จริงของอีเรปทีเรี่ยน อยากรู้เหมือนกัน มรึงจะมีปัญหาเอาชนะรัสเซียมั้ย? เพราะเค้าล่อมรึงแน่ กูการันตี ทนมานานแล้ว! ส่วนไอ้อีตัวประกอบ โลกเปลี่ยน มันก็เดินตามเอง เพราะหมารับใช้ ไม่มีนายใหญ่ถาวร วงจรขี้ข้า เป็นเช่นนี้มานานหลายศตวรรษแล้ว ยังมีอะไรให้มรึงช็อคกันอีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งรีบนับศพเหี้ย? หมี CNN(ฟ้าแจ้งจางปาง อ่านซ้ำ หากยังไม่ GET ทุกอย่างมันคือเส้นทางลิขิต ใครกำหนด ใครปลดปล่อย เหมือนบทสคริปต์จากสรวงสวรรค์ โลกผลัดใบ ไม่มีดอก ไม่เสียเลือดเนื้อ แต่ไม่ใช่ในสยามประเทศแน่ เพราะพ่อร.10 ท่านใช้พระเดชเมื่อถึงยามจำเป็นเท่านั้น ตอนนี้ให้บู๊ททหารตรีนโตนวดไปก่อน แค่นี้ เหี้ยก็อ่วมแล้ว ไม่มีอะไรง่ายดาย ทุกอย่างใช้เวลาเยียวยา) 07 พฤศจิกายน 67 10.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ บอกกับบรรดาผู้สนับสนุน ว่าตนเองไม่มีรสนิยมเริ่มสงครามและยืนยันอเมริกาภายใต้การนำของเขาจะไม่ง่วนอยู่กับความขัดแย้งติดอาวุธครั้งใหญ่ใหม่ๆ คำประกาศซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.)
    .
    ทรัมป์ ประกาศกร้าวว่าการบริหารประเทศสมัยที่ 2 ของเขา จะนำมาซึ่ง "ยุคทองครั้งใหม่ของอเมริกา"
    .
    ในขณะที่คำปราศรัยฉลองชัยชนะมุ่งเน้นไปที่นโยบายภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ ทรัมป์ พูดเช่นกันว่า "อเมริกาจำเป็นต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งและทรงพลัง แม้ในทางหลักการแล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน"
    .
    พร้อมกันนั้น ทรัมป์ กล่าวอ้างด้วยว่าครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรกระหว่างปี 2017 ถึง 2021 "เราไม่มีสงคราม ในความหมายก็คือ สหรัฐฯ แทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวในความขัดแย้งติดอาวุธครั้งใหญ่ใหม่ใดๆ"
    .
    "เป็นเวลา 4 ปี ที่เราไม่มีสงคราม ยกเว้นแต่ที่เรากำราบไอเอส" เขากล่าว อ้างถึงยุทธการทางทหารนานาชาติในตะวันออกกลาง ที่ร่วมกันจัดการกับองค์กรก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) พร้อมคุยโวต่อว่า "พวกเขาบอกว่า ผมจะเริ่มสงคราม ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มสงครามหนึ่งใดด้วยซ้ำ และผมกำลังจะเป็นคนหยุดสงครามต่างๆ"
    .
    ทรัมป์ เน้นย้ำคำกล่าวอ้างที่ว่าเขาจะหยุดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าได้รับเลือกตั้ง และกระทั่งมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนหน้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางทหาร
    .
    แม้รัฐบาลของเขาจัดส่งอาวุธไปให้ยูเครน ในช่วงก่อนหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย แต่ตัวของทรัมป์เองไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาวแล้ว ครั้งที่ มอสโก เผยแพร่ข้อเสนอหนึ่งสำหรับคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดในเดือนธันวาคม 2021
    .
    ทรัมป์ ไม่เคยนำเสนอคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับแผนยุติความขัดแย้งยูเครนต่อสาธารณะ แต่เคยมีข่าวว่าเขามีความตั้งใจถาโถมแรงกดดันใส่มอสโกและเคียฟ บีบให้ทั้ง 2 ชาติยอมประนีประนอม
    .
    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียบอกว่าจะไม่ยอมทางออกใดๆ ที่เพียงแค่ตรึงสถานภาพปัจจุบัน โดยปราศจากการคลี่คลายต้นตอหลักของความขัดแย้ง
    .
    วังเครมลินในวันพุธ (6 พ.ย.) แสดงท่าทีอย่างระมัดระวัง หลัง ทรัมป์ ประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าอเมริกายังคงเป็นรัฐศัตรู และเวลาจะให้คำตอบว่าวาทกรรมเกี่ยวกับการยุติสงครามยูเครนของทรัมป์นั้น จะกลายเป็นจริงหรือไม่
    .
    ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 โหมกระพือการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างมอสโกกับตะวันตก นับตั้งแต่วิกฤตขีปนาวุธคิวบาปี 1962 ครั้งที่สหภาพโซเวียตกับสหรัฐฯ เฉียดเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์
    .
    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ มีถ้อยแถลงบางอย่างที่มีความสำคัญเกี่ยวกับความต้องการยุติสงครามยูเครน แต่เวลาเท่านั้นจะเป็นคนบอกว่าคำพูดเหล่านั้นจะนำไปสู่การกระทำหรือไม่
    .
    "จงอย่าลืมว่า เรากำลังพูดถึงประเทศหนึ่งที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งเกี่ยวข้องกับในการทำสงครามกับประเทศของเราทั้งโดยตรงและทางอ้อม" เปสคอฟบอกกับพวกผู้สื่อข่าว
    .
    นอกจากนี้ เปสคอฟเผยด้วยว่าเขาไม่ทราบว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มีแผนใดๆ หรือไม่ที่จะแสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้ง พร้อมเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์กับวอชิงตันยังอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
    .
    "เราเน้นย้ำมาตลอดว่าสหรัฐฯ สามารถส่งเสริมให้ยุติความขัดแย้งนี้ มันไม่อาจทำได้ในช่วงข้ามคืน แต่สหรัฐฯ สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีนโยบายต่างประเทศของพวกเขา เรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร เราจะรอดูหลังจากเดือนมกราคม (พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ)" เปสคอฟระบุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107152
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ บอกกับบรรดาผู้สนับสนุน ว่าตนเองไม่มีรสนิยมเริ่มสงครามและยืนยันอเมริกาภายใต้การนำของเขาจะไม่ง่วนอยู่กับความขัดแย้งติดอาวุธครั้งใหญ่ใหม่ๆ คำประกาศซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) . ทรัมป์ ประกาศกร้าวว่าการบริหารประเทศสมัยที่ 2 ของเขา จะนำมาซึ่ง "ยุคทองครั้งใหม่ของอเมริกา" . ในขณะที่คำปราศรัยฉลองชัยชนะมุ่งเน้นไปที่นโยบายภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ ทรัมป์ พูดเช่นกันว่า "อเมริกาจำเป็นต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งและทรงพลัง แม้ในทางหลักการแล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน" . พร้อมกันนั้น ทรัมป์ กล่าวอ้างด้วยว่าครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรกระหว่างปี 2017 ถึง 2021 "เราไม่มีสงคราม ในความหมายก็คือ สหรัฐฯ แทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวในความขัดแย้งติดอาวุธครั้งใหญ่ใหม่ใดๆ" . "เป็นเวลา 4 ปี ที่เราไม่มีสงคราม ยกเว้นแต่ที่เรากำราบไอเอส" เขากล่าว อ้างถึงยุทธการทางทหารนานาชาติในตะวันออกกลาง ที่ร่วมกันจัดการกับองค์กรก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) พร้อมคุยโวต่อว่า "พวกเขาบอกว่า ผมจะเริ่มสงคราม ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มสงครามหนึ่งใดด้วยซ้ำ และผมกำลังจะเป็นคนหยุดสงครามต่างๆ" . ทรัมป์ เน้นย้ำคำกล่าวอ้างที่ว่าเขาจะหยุดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าได้รับเลือกตั้ง และกระทั่งมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนหน้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางทหาร . แม้รัฐบาลของเขาจัดส่งอาวุธไปให้ยูเครน ในช่วงก่อนหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย แต่ตัวของทรัมป์เองไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาวแล้ว ครั้งที่ มอสโก เผยแพร่ข้อเสนอหนึ่งสำหรับคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดในเดือนธันวาคม 2021 . ทรัมป์ ไม่เคยนำเสนอคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับแผนยุติความขัดแย้งยูเครนต่อสาธารณะ แต่เคยมีข่าวว่าเขามีความตั้งใจถาโถมแรงกดดันใส่มอสโกและเคียฟ บีบให้ทั้ง 2 ชาติยอมประนีประนอม . อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียบอกว่าจะไม่ยอมทางออกใดๆ ที่เพียงแค่ตรึงสถานภาพปัจจุบัน โดยปราศจากการคลี่คลายต้นตอหลักของความขัดแย้ง . วังเครมลินในวันพุธ (6 พ.ย.) แสดงท่าทีอย่างระมัดระวัง หลัง ทรัมป์ ประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าอเมริกายังคงเป็นรัฐศัตรู และเวลาจะให้คำตอบว่าวาทกรรมเกี่ยวกับการยุติสงครามยูเครนของทรัมป์นั้น จะกลายเป็นจริงหรือไม่ . ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 โหมกระพือการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างมอสโกกับตะวันตก นับตั้งแต่วิกฤตขีปนาวุธคิวบาปี 1962 ครั้งที่สหภาพโซเวียตกับสหรัฐฯ เฉียดเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์ . ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ มีถ้อยแถลงบางอย่างที่มีความสำคัญเกี่ยวกับความต้องการยุติสงครามยูเครน แต่เวลาเท่านั้นจะเป็นคนบอกว่าคำพูดเหล่านั้นจะนำไปสู่การกระทำหรือไม่ . "จงอย่าลืมว่า เรากำลังพูดถึงประเทศหนึ่งที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งเกี่ยวข้องกับในการทำสงครามกับประเทศของเราทั้งโดยตรงและทางอ้อม" เปสคอฟบอกกับพวกผู้สื่อข่าว . นอกจากนี้ เปสคอฟเผยด้วยว่าเขาไม่ทราบว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มีแผนใดๆ หรือไม่ที่จะแสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้ง พร้อมเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์กับวอชิงตันยังอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ . "เราเน้นย้ำมาตลอดว่าสหรัฐฯ สามารถส่งเสริมให้ยุติความขัดแย้งนี้ มันไม่อาจทำได้ในช่วงข้ามคืน แต่สหรัฐฯ สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีนโยบายต่างประเทศของพวกเขา เรื่องนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร เราจะรอดูหลังจากเดือนมกราคม (พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ)" เปสคอฟระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107152 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1262 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝันร้าย ผวา ผจญภัย สมองเสื่อม

    หมอดื้อ ได้นำข้อมูลบทความทางวิทยาศาสตร์วิชาการ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนอน ทั้งนอนน้อยนอนนานก็ไม่ดี งีบหลับกลางวันนานกว่าครึ่งชั่วโมงหรือ งีบบ่อยๆ ส่อ ถึงภาวะสมองเสื่อมรวมทั้งโน้มนำให้รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการงีบหลับแล้วสะดุ้งตื่นกลับมีปัญญาบังเกิด ทั้งหมดนี้หาอ่านได้ในไทยรัฐคอลัมน์สุขภาพพรรษาหมอดื้อ

    ทั้งนี้ จะพบว่าเรื่องของการนอนเป็นเรื่องมหัศจรรย์และเกี่ยวข้องกับสุขภาวะทางกายและทางสมอง อย่างชัดเจน ทั้งนี้ยังพ่วงเกี่ยวกับเรื่องความฝัน

    ดังที่พูดกันมาแต่โบร่ำโบราณ ว่านอนหลับฝันดีนะ เพราะในเวลาไม่นานมานี้เอง พบว่านอนแล้วฝันร้าย (nightmare) ฝันผวา (night terror) โดยที่มีพฤติกรรมหวาดกลัวถึงกับกรีดร้องหรือมีการเหวี่ยงแขนขา แบบฝันผจญภัยสุ่มเสี่ยงกับสมองไม่ดีสมองเสื่อมเร็วมากขึ้น

    รายงานในวารสารแลนเซท e clinical medicine เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2023 จาก ภาควิชาประสาทวิทยา และศูนย์ Centre for Brain Health โรงพยาบาลและ มหาวิทยาลัย เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ พบว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในอังกฤษในช่วงสัปดาห์เดียวกันในปี 1958 และมีการประเมินโดยสอบถามจากมารดาเมื่อเด็กอายุได้เจ็ดขวบในปี 1965 และ 11 ขวบในปี 1969 ว่าเด็กประสบกับฝันร้ายหรือฝันผวาหรือไม่ในช่วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
    โดยมี จำนวนเด็ก 6991 ราย ซึ่งเป็นผู้หญิง 51% พบว่า 78.2% นั้นไม่มีฝันร้ายเลยและ 17.9% มีฝันร้ายอยู่บ้างแต่ 3.8% มีฝันร้ายเป็นประจำตลอดเวลา

    ในปี 2008 เมื่อถึงอายุครบ 50 ปีพบว่ามีถึง 262 รายที่มีความผิดปกติทางสมองพุทธิปัญญา (cognitive impairment) และห้ารายเป็น พาร์กินสัน

    ทั้งนี้หลังจากที่ปรับตัวแปรและปัจจัยร่วมต่างๆ สรุปได้ว่าการที่มีฝันร้ายเป็นประจำและยิ่งบ่อยยิ่งมากในระหว่างเป็นเด็กนั้น จะสุ่มเสี่ยงแปรตามกับการที่จะมีความผิดปกติทางสมองดังกล่าว โดยมีนัยยะสำคัญทางสถิติไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
    และเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เคยมีฝันร้ายเลย กลุ่มที่ฝันร้ายเป็นประจำนั้นจะมีความเสี่ยงสำหรับความเสื่อมทางสมองหรือโรคพาร์กินสันที่อายุ 50 ปีสูงขึ้น 85%
    หรือมีโอกาสเป็นภาวะที่เป็นสมองเสื่อมมากขึ้น 76% และมากขึ้นเจ็ดเท่าสำหรับโรคพาร์กินสัน

    โอกาสเป็นภาวะสมองเสื่อมมากขึ้นในลักษณะนี้ ยังพบได้เช่นกัน ในกลุ่มวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก (older adults)ที่แม้ว่าจะมีสุขภาพดีก็ตาม แต่มีฝันร้ายอย่างน้อย อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง โดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นสี่เท่าเมื่อติดตามไปในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า โดยในคนสูงวัยมากนั้น มีโอกาสเพิ่มขึ้นสองเท่า รายงานในวารสารเดียวกันจากสถาบันเดียวกันในวันที่ 21 กันยายน 2022

    รายงานนี้ ได้ทำการวิเคราะห์คนวัยกลางคนที่มีอายุระหว่าง 35 ถึง 64 ปีเป็นจำนวน 605 รายและติดตามไป 13 ปีรวมทั้งผู้สูงวัยมาก ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 79 ปีเป็นจำนวน 2600 รายและติดตามไปเจ็ดปี ทั้งนี้หลังจากที่ได้ทำการปรับปัจจัยตัวแปรต่างๆทั้งสิ้น

    และผู้วิจัยได้ตั้งสมมุติฐานที่จะอธิบายความสัมพันธ์เหล่านี้กับภาวะสมองเสื่อม

    ประการแรกก็คือมีความเป็นไปได้ที่ฝันร้ายฝันผวาเป็นอาการแรกเริ่มของโรคสมองเสื่อมแบบต่างๆทั้ง พาร์กินสัน สมองเสื่อมแบบ Lewy bodies (dementia with Lewy bodies DLB) รวมทั้ง อัลไซเมอร์ ดังที่ได้เคยมีรายงานว่าก่อนหน้า และเกิดจากความเสื่อมของสมองบริเวณหน้าผากทางด้านขวาซึ่งทำหน้าที่ในการลดทอน อารมณ์แปรปรวนในด้านลบระหว่างการฝันในช่วงที่ลูกตามีการเคลื่อนไหวเร็ว (REM sleep) ซึ่งในระยะต่อมาพบว่ายิ่งมีฝันร้ายฝันผวาในผู้ป่วยที่เป็นพาร์กินสัน จะมีความสัมพันธ์กับความเหี่ยวของสมองกลีบขมับหน้าผากทางด้านขวาทั้งที่เปลือกสมองและในสมองส่วนสีขาว (grey and white matter)
    รวมทั้งมีรายงานในระยะต่อมาว่าภาวะฝันในช่วง REM จะเกิดขึ้นก่อนหน้า ที่จะมีอาการของโรคพาร์กินสัน หรือ DLB ถึง 50 ปี แต่ทั้งนี้ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างฝันผวาในช่วงตั้งแต่เด็กที่ประเมินตั้งแต่อายุเจ็ดขวบไม่น่าจะอธิบายว่าเด็กในอายุขณะนั้น ที่สมองกำลังมีการพัฒนาจะเกิดพยาธิสภาพผิดปกติแล้วที่อายุยังน้อยมาก

    โดยที่ ฝันร้ายฝัน ผวาต่างๆเหล่านี้อาจจะมีความสัมพันธ์เป็นเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม ตามหลังดังรายงานในประชากรวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก

    โดยกลไกที่อาจเป็นไปได้จะอยู่ที่วงจรของการนอนจะไม่เป็นสุข ถูกกระตุกเป็นระยะและส่งผลให้การเคลียร์หรือระบายขยะด้วยระบบ glymphatic system ทำงานไม่เต็มที่ โดยที่ทราบกันดีแล้วว่าการนอนหลับลึกจะทำให้ท่อระบายขยะเหล่านี้กว้างขวางขึ้นอย่างน้อย 60% และการที่ระบายขยะได้ไม่ดีทำให้มีการสะสมมากขึ้น
    เรื่อย ๆ ของโปรตีนพิษบิดเกรียว อมิลอยด์ ทาว และ อัลฟ่า ซินนูคลีอิน
    และการนอนที่ไม่เป็นสุขมีฝันผวาในวัยเด็กเรื่อยมาอาจจะขัดขวางการพัฒนาทางสมอง และทำให้ต้นทุนของสมองลดน้อยถอยลงตามลำดับ และทำให้ถูกทำลายได้เร็วและมากขึ้นเมื่อมีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามา
    กระทบ ทั้งนี้รวมทั้งปัจจัยทางด้านพันธุกรรมอีกด้วย

    แม้ว่ารายงานนี้จะเป็นการวิเคราะห์จากการติดตามระยะยาวแต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายกลไกได้อย่างถ่องแท้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้

    การผ่อนคลายหรือบรรเทาภาวะฝันร้ายฝันผวาที่เกิดขึ้นในช่วงการนอน REM ที่ประกอบด้วยทั้ง ภาพและอารมณ์ก้าวร้าว ความขัดแย้งกับบุคคลอื่น ความล้มเหลวในชีวิตและผสมปนเปไปด้วยความกลัว ความโกรธและความ เศร้าสลด อาจทำได้ด้วย พฤติกรรมบำบัด (Imagery reversal therapy) โดยนักจิตวิทยา ที่สอนให้ปรับเปลี่ยนฝันร้ายที่ส่งผลในทางลบให้ออกมาเป็นทางบวก และเปรียบเสมือนกับเป็นการวาดความฝันใหม่ และในขณะที่มีการสอนอบรมนั้นในเวลากลางวัน มีการเปิดเสียงคลอไปด้วยเพื่อสร้างจินตนภาพในทางสดใสและสร้างสรรค์และในขณะกลางคืนนั้นขณะที่หลับก็ให้มีเสียงเปิดไปด้วย
    เป็นการศึกษาโดยคณะในสวิตเซอร์แลนด์ที่ทดสอบวิธีดังกล่าวกับผู้ที่ได้รับความทรมานจากฝันร้ายเป็นจำนวน 36 รายและพบว่าได้ผล เป็นที่น่าพอใจ

    กล่าวโดยสรุปการนอนดีนอนหลับไม่ใช่เป็นแต่เพียงระยะเวลาของการนอน หกถึง 8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงคุณภาพของการนอนที่หลับลึกไม่กระท่อนกระแท่นและไม่แทรกด้วยฝันร้าย ฝันผวา ฝันผจญภัย

    การเจริญสติในทางสร้างสรรค์ ไม่คิดร้ายเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นหนทาง ของความสงบสุขโดยทั่ว

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ฝันร้าย ผวา ผจญภัย สมองเสื่อม หมอดื้อ ได้นำข้อมูลบทความทางวิทยาศาสตร์วิชาการ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนอน ทั้งนอนน้อยนอนนานก็ไม่ดี งีบหลับกลางวันนานกว่าครึ่งชั่วโมงหรือ งีบบ่อยๆ ส่อ ถึงภาวะสมองเสื่อมรวมทั้งโน้มนำให้รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการงีบหลับแล้วสะดุ้งตื่นกลับมีปัญญาบังเกิด ทั้งหมดนี้หาอ่านได้ในไทยรัฐคอลัมน์สุขภาพพรรษาหมอดื้อ ทั้งนี้ จะพบว่าเรื่องของการนอนเป็นเรื่องมหัศจรรย์และเกี่ยวข้องกับสุขภาวะทางกายและทางสมอง อย่างชัดเจน ทั้งนี้ยังพ่วงเกี่ยวกับเรื่องความฝัน ดังที่พูดกันมาแต่โบร่ำโบราณ ว่านอนหลับฝันดีนะ เพราะในเวลาไม่นานมานี้เอง พบว่านอนแล้วฝันร้าย (nightmare) ฝันผวา (night terror) โดยที่มีพฤติกรรมหวาดกลัวถึงกับกรีดร้องหรือมีการเหวี่ยงแขนขา แบบฝันผจญภัยสุ่มเสี่ยงกับสมองไม่ดีสมองเสื่อมเร็วมากขึ้น รายงานในวารสารแลนเซท e clinical medicine เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2023 จาก ภาควิชาประสาทวิทยา และศูนย์ Centre for Brain Health โรงพยาบาลและ มหาวิทยาลัย เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ พบว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในอังกฤษในช่วงสัปดาห์เดียวกันในปี 1958 และมีการประเมินโดยสอบถามจากมารดาเมื่อเด็กอายุได้เจ็ดขวบในปี 1965 และ 11 ขวบในปี 1969 ว่าเด็กประสบกับฝันร้ายหรือฝันผวาหรือไม่ในช่วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา โดยมี จำนวนเด็ก 6991 ราย ซึ่งเป็นผู้หญิง 51% พบว่า 78.2% นั้นไม่มีฝันร้ายเลยและ 17.9% มีฝันร้ายอยู่บ้างแต่ 3.8% มีฝันร้ายเป็นประจำตลอดเวลา ในปี 2008 เมื่อถึงอายุครบ 50 ปีพบว่ามีถึง 262 รายที่มีความผิดปกติทางสมองพุทธิปัญญา (cognitive impairment) และห้ารายเป็น พาร์กินสัน ทั้งนี้หลังจากที่ปรับตัวแปรและปัจจัยร่วมต่างๆ สรุปได้ว่าการที่มีฝันร้ายเป็นประจำและยิ่งบ่อยยิ่งมากในระหว่างเป็นเด็กนั้น จะสุ่มเสี่ยงแปรตามกับการที่จะมีความผิดปกติทางสมองดังกล่าว โดยมีนัยยะสำคัญทางสถิติไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง และเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เคยมีฝันร้ายเลย กลุ่มที่ฝันร้ายเป็นประจำนั้นจะมีความเสี่ยงสำหรับความเสื่อมทางสมองหรือโรคพาร์กินสันที่อายุ 50 ปีสูงขึ้น 85% หรือมีโอกาสเป็นภาวะที่เป็นสมองเสื่อมมากขึ้น 76% และมากขึ้นเจ็ดเท่าสำหรับโรคพาร์กินสัน โอกาสเป็นภาวะสมองเสื่อมมากขึ้นในลักษณะนี้ ยังพบได้เช่นกัน ในกลุ่มวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก (older adults)ที่แม้ว่าจะมีสุขภาพดีก็ตาม แต่มีฝันร้ายอย่างน้อย อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง โดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นสี่เท่าเมื่อติดตามไปในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า โดยในคนสูงวัยมากนั้น มีโอกาสเพิ่มขึ้นสองเท่า รายงานในวารสารเดียวกันจากสถาบันเดียวกันในวันที่ 21 กันยายน 2022 รายงานนี้ ได้ทำการวิเคราะห์คนวัยกลางคนที่มีอายุระหว่าง 35 ถึง 64 ปีเป็นจำนวน 605 รายและติดตามไป 13 ปีรวมทั้งผู้สูงวัยมาก ที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 79 ปีเป็นจำนวน 2600 รายและติดตามไปเจ็ดปี ทั้งนี้หลังจากที่ได้ทำการปรับปัจจัยตัวแปรต่างๆทั้งสิ้น และผู้วิจัยได้ตั้งสมมุติฐานที่จะอธิบายความสัมพันธ์เหล่านี้กับภาวะสมองเสื่อม ประการแรกก็คือมีความเป็นไปได้ที่ฝันร้ายฝันผวาเป็นอาการแรกเริ่มของโรคสมองเสื่อมแบบต่างๆทั้ง พาร์กินสัน สมองเสื่อมแบบ Lewy bodies (dementia with Lewy bodies DLB) รวมทั้ง อัลไซเมอร์ ดังที่ได้เคยมีรายงานว่าก่อนหน้า และเกิดจากความเสื่อมของสมองบริเวณหน้าผากทางด้านขวาซึ่งทำหน้าที่ในการลดทอน อารมณ์แปรปรวนในด้านลบระหว่างการฝันในช่วงที่ลูกตามีการเคลื่อนไหวเร็ว (REM sleep) ซึ่งในระยะต่อมาพบว่ายิ่งมีฝันร้ายฝันผวาในผู้ป่วยที่เป็นพาร์กินสัน จะมีความสัมพันธ์กับความเหี่ยวของสมองกลีบขมับหน้าผากทางด้านขวาทั้งที่เปลือกสมองและในสมองส่วนสีขาว (grey and white matter) รวมทั้งมีรายงานในระยะต่อมาว่าภาวะฝันในช่วง REM จะเกิดขึ้นก่อนหน้า ที่จะมีอาการของโรคพาร์กินสัน หรือ DLB ถึง 50 ปี แต่ทั้งนี้ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างฝันผวาในช่วงตั้งแต่เด็กที่ประเมินตั้งแต่อายุเจ็ดขวบไม่น่าจะอธิบายว่าเด็กในอายุขณะนั้น ที่สมองกำลังมีการพัฒนาจะเกิดพยาธิสภาพผิดปกติแล้วที่อายุยังน้อยมาก โดยที่ ฝันร้ายฝัน ผวาต่างๆเหล่านี้อาจจะมีความสัมพันธ์เป็นเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม ตามหลังดังรายงานในประชากรวัยกลางคนและที่สูงวัยมาก โดยกลไกที่อาจเป็นไปได้จะอยู่ที่วงจรของการนอนจะไม่เป็นสุข ถูกกระตุกเป็นระยะและส่งผลให้การเคลียร์หรือระบายขยะด้วยระบบ glymphatic system ทำงานไม่เต็มที่ โดยที่ทราบกันดีแล้วว่าการนอนหลับลึกจะทำให้ท่อระบายขยะเหล่านี้กว้างขวางขึ้นอย่างน้อย 60% และการที่ระบายขยะได้ไม่ดีทำให้มีการสะสมมากขึ้น เรื่อย ๆ ของโปรตีนพิษบิดเกรียว อมิลอยด์ ทาว และ อัลฟ่า ซินนูคลีอิน และการนอนที่ไม่เป็นสุขมีฝันผวาในวัยเด็กเรื่อยมาอาจจะขัดขวางการพัฒนาทางสมอง และทำให้ต้นทุนของสมองลดน้อยถอยลงตามลำดับ และทำให้ถูกทำลายได้เร็วและมากขึ้นเมื่อมีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามา กระทบ ทั้งนี้รวมทั้งปัจจัยทางด้านพันธุกรรมอีกด้วย แม้ว่ารายงานนี้จะเป็นการวิเคราะห์จากการติดตามระยะยาวแต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายกลไกได้อย่างถ่องแท้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้ การผ่อนคลายหรือบรรเทาภาวะฝันร้ายฝันผวาที่เกิดขึ้นในช่วงการนอน REM ที่ประกอบด้วยทั้ง ภาพและอารมณ์ก้าวร้าว ความขัดแย้งกับบุคคลอื่น ความล้มเหลวในชีวิตและผสมปนเปไปด้วยความกลัว ความโกรธและความ เศร้าสลด อาจทำได้ด้วย พฤติกรรมบำบัด (Imagery reversal therapy) โดยนักจิตวิทยา ที่สอนให้ปรับเปลี่ยนฝันร้ายที่ส่งผลในทางลบให้ออกมาเป็นทางบวก และเปรียบเสมือนกับเป็นการวาดความฝันใหม่ และในขณะที่มีการสอนอบรมนั้นในเวลากลางวัน มีการเปิดเสียงคลอไปด้วยเพื่อสร้างจินตนภาพในทางสดใสและสร้างสรรค์และในขณะกลางคืนนั้นขณะที่หลับก็ให้มีเสียงเปิดไปด้วย เป็นการศึกษาโดยคณะในสวิตเซอร์แลนด์ที่ทดสอบวิธีดังกล่าวกับผู้ที่ได้รับความทรมานจากฝันร้ายเป็นจำนวน 36 รายและพบว่าได้ผล เป็นที่น่าพอใจ กล่าวโดยสรุปการนอนดีนอนหลับไม่ใช่เป็นแต่เพียงระยะเวลาของการนอน หกถึง 8 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงคุณภาพของการนอนที่หลับลึกไม่กระท่อนกระแท่นและไม่แทรกด้วยฝันร้าย ฝันผวา ฝันผจญภัย การเจริญสติในทางสร้างสรรค์ ไม่คิดร้ายเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นหนทาง ของความสงบสุขโดยทั่ว ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 604 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
    จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑

    ด่วนที่สุด

    วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖)

    เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

    ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้

    ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น

    ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้

    ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑

    “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม

    ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด

    ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ”

    ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย

    เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ

    มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.

    ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘

    ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง

    พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง”

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้

    ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก.

    ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข

    กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน

    จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

    ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

    (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
    อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    สำเนาเรียน
    ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“
    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑ ด่วนที่สุด วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖) เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้ ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้ ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ” ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘ ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง” ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้ ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถืออย่างสูง (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำเนาเรียน ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • ""ธุรกิจขายสินค้าโดยวิธีการสมัครสมาชิก และให้สมาชิกซื้อสินค้านั้น จะเป็นการฉ้อโกงหรือไม่ จะดูจาก ""#รายได้"" ว่า ได้มาจากอะไร ซึ่งศาลฎีกาเองก็ดูจากรายได้เช่นกัน ว่า #รายได้ที่แท้จริงนั้นมาจากอะไร โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ประเภท

    ประเภทที่ 1. #รายได้จากการสมัครสมาชิก ถ้ารายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าสมัครสมาชิก และมีแนวทางการประกอบกิจการไปที่การแนะนำให้หาสมาชิกเป็นส่วนใหญ่ วิธีการแบบนี้ เข้าลักษณะแชร์ลูกโซ่ ถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนได้ #เพราะไม่ได้เน้นที่การขายสินค้าและรายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการขายสินค้า

    ประเภทที่ 2. #รายได้มาจากการสมัครสมาชิก และ #การบังคับซื้อสินค้า วิธีการนี้ดูเผินๆเหมือนจะเป็นการตั้งใจประกอบธุรกิจ แต่ถ้าดูให้ละเอียดจะพบว่า ไม่ได้มีเจตนาประกอบธุรกิจจริงๆ #แต่เป็นการหลอกให้ซื้อสินค้าไปเยอะๆแต่ไม่สามารถขายสินค้าได้ ฉะนั้น รายได้จริงๆของเจ้าของธุรกิจ จึงไม่ใช่ผลกำไรจากการขายสินค้าทั่วไป #แต่เป็นรายได้ที่ได้จากการให้สมาชิกต้องซื้อสินค้าจำนวนหนึ่ง [** รายได้ของธุรกิจ จะต้องได้จากการขายสินให้คนทั่วไป ไม่ใช่รายได้จากการบังคับให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวน มากๆ / เรียกว่า ""รายได้หรือกำไรเทียม"" ] วิธีการแบบนี้เข้าลักษณะแชร์ลูกโซ่เช่นกัน เพราะรายได้ที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าทั่วไป #แต่เกิดจากการหลอกลวงให้สมาชิกซื้อสินค้าจำนวนมากๆ

    ประเภที่ 3. #รายได้มาจากการาขายสินค้าทั่วไป ธุรกิจประเภทนี้ถือเป็นธุรกิจทั่วๆไป คือ นำสินออกขาย ถ้าขายได้ก็ได้กำไร ถ้าขายไม่ได้ก็ขาดทุน โดยจะไม่มีรายได้จากค่าสมาชิก หรือรายได้จากการบังคับซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ

    #ธุรกิจที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในตอนนี้ เข้าลักษณะที่ 2. คือ มีสินค้าจริง แต่จะให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ #แต่สินค้าจะขายไม่ได้ หรือจะขายได้น้อย #และถ้าไปดูรายได้ของบริษัทแม่จริงๆ ก็จะพบว่ รายได้หรือกำไร #มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิก ส่วนสมาชิกจะนำสินค้าไปขายได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    เมื่อรายได้หรือกำไรของบริษัท ไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าให้แก่คนทั่วไป แต่เกิดจากการซื้ของสมาชิกเอง ก็แสดงว่า #รายได้หรือกำไรของบริษัทนั้นมีขึ้นก่อนที่จะนำสินค้าออกขายให้แก่คนทั่วไปโดยสมาชิก

    ดู ไทมไลน์ ดังนี้
    1. ผลิตสินค้า
    2.หาสมาชิก
    3. ให้สมาชิกซื้อสินค้าจำนวนมาก [** รายได้ของบริษัท]
    4. สมาชิกนำสินค้าที่ซื้อไปขาย

    จะเห็นว่า รายได้ของบริษัท #เกิดขึ้นก่อน ที่สมาชิกจะเอาสินค้าไปขาย และเป็นรายได้ที่มาจากสมาชิกเอง

    วิธีการที่จะหลอกสมาชิกให้มาสมัครเป็นสมาชิก และให้ซื้อสินค้าในจำนวนมากๆได้นั้น จะต้องอาศัยเครื่องมือ ที่เรียกว่า ""#ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์"" ธุรกิจพวกนี้จะให้ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์มาช่วยโปรโมทธุรกิจของตนเอง

    "" #โดยมีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าให้เยอะขึ้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกนำสินค้าไปขายได้ง่ายขึ้น ..........""

    ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2901/2547 วินิจฉัยว่า
    "" ถ้ารายได้หรือผลกำไร มาจากค่าสมัครสมาชิก และจะได้มากขึ้นเมื่อสามารถชักชวนคนอื่นให้เข้ามาเป็นสมาชิกได้ #อันแสดงว่ารายได้หรือผลกำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับสินค้าหรือบริการ แต่ขึ้นอยู่กับการชักชวนหรือการหาสมาชิกให้ได้จำนวนมากๆ #และเมื่อรายได้หรือผลกำไรเกิดจากค่าสมัครสมาชิกไม่ได้เกิดจากสินค้าหรือบริการโดยตรง จึงต้องตามความหมายของบทนิยามคำว่า "กู้ยืมเงิน" และ "ผลประโยชน์ตอบแทน" ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ม. 3 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ....."

    ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 1172/2566 วินิจฉัยว่า
    "" จำเลย ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนในกิจการและธุรกิจของจำเลย #แต่จำเลยกลับไม่มีกิจการใดๆเลยที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนได้ตามที่จำเลยโฆษณา ดังนั้น การโฆษณาชักชวนของจำเลยจึงเป็นการหลอกลวง อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ""

    ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 326/2566 วินิจฉัยว่า
    "" จำเลย ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน กับ บริษัท อ. แต่กลับพบว่า ในขณะที่จำเลยชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนนั้น บริษัท อ. #ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทตามกฎหมาย ซึ่งการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทหรือไม่นั้น ถือเป็นสาระสำคัญที่ทำให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน เมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่า บริษัท อ.นั้น ยังไม่ได้จดทะเบียนตั้งบริษัท #แต่กลับปกปิดความจริงข้อนี้เอาไว้ จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง .....""

    #คดีตามข่าว เส้นแบ่งว่าจะเป็นฉ้อโกงหรือไม่ ให้ดูจากรายได้ของบริษัท ว่า รายได้หรือกำไรมาจากการที่สมาชิกขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วไปได้ หรือเป็นรายได้หรือกำไรที่ได้มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิกเอง ถ้ารายได้ของบริษัท ไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วๆไป แต่เกิดจากการบังคับหรือหลอกลวงให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ แบบนี้ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกง โดยศาลจะถือว่า ""#รู้อยู่แล้วว่าสินค้าไม่สามารถขายได้"" และการใช้ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์มาโฆษณานั้น #ก็ด้วยวัตถุประสงค์ให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมการขายหรือช่วยให้สมาชิกขายสินค้าได้แต่อย่างใด

    (1) รายได้บริษัท มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิก
    (2) การใช้ดารามาโฆษณา เพื่อให้สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น
    (3) บริษัทได้รายได้ไปก่อนที่สมาชิกจะนำสินค้าไปขาย
    (4) พยายามชักจูงใจให้สมาชิกซื้อสินค้ามากกว่าขายสินค้าทั่วไป
    (5) สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะโฆษณาไม่ใช่เกิดจากการใช้จริง
    (6) บริษัทเน้นรายได้ที่จะไดจากสมาชิกเป็นหลัก โดยไม่สนใจว่าสมาชิกจะขายสินค้าได้หรือไม่
    (7) สุดท้ายบริษัทเท่านั้นที่มีรายได้ ส่วนสมาชิกส่วนใหญ่ขาดทุน เพราะขายสินค้าไม่ได้ แต่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทเพื่อซื้อสินค้าไปก่อน
    (8) สมาชิกสนใจธุรกิจ เพราะ การโฆษณาชวนเชื่อ #ไม่ได้สนใจ #เพราะสินค้าขายดี

    จะเห็นว่า ธุรกิจแบบนี้ มีลักษณะที่ดูยากว่าเป็นการฉ้อโกง เพราะเขามีตัวสินค้าอยู่จริง และสินค้าเขาอาจจะดีจริงก็ได้เช่นกัน #แต่ขอให้ดูรายได้ของบริษัทว่ามาจากอะไร เพราะศาลเองก็จะดูเช่นกันว่า ถ้ามีเจตนาจะขายสินค้าหรือบริการจริงๆ ก็จะต้องเน้นไปที่การขายสินค้าหรือบริการ #และรายได้หลักก็ควรเป็นรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการแก่บุคคลทั่วไป ไม่ใช่รายได้หลักเกิดจากการให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ รายได้หลักเกิดการการซื้อสินค้าของสมาชิก #ก็ย่อมแสดงว่า บริษัททราบอยู่ก่อนแล้ว่าสินค้าหรือบริการ ไม่สามารถขายได้หรือถ้าขายได้ก็ทำรายได้ไม่ถึงกับที่ตนเองโฆษณา #ซึ่งในที่สุดสมาชิกก็จะขาดทุนเพราะสินค้าขายไม่ได้ อันถือว่าผิดหลักการค้าขายทั่วไป ที่จะต้อนเน้นไปที่การขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วไปได้ ไม่ใช่เน้นส่งเสริมให้สมาชิกซื้อสินค้าเยอะๆ ""

    Cr: คดีโลกคดีธรรม
    ""ธุรกิจขายสินค้าโดยวิธีการสมัครสมาชิก และให้สมาชิกซื้อสินค้านั้น จะเป็นการฉ้อโกงหรือไม่ จะดูจาก ""#รายได้"" ว่า ได้มาจากอะไร ซึ่งศาลฎีกาเองก็ดูจากรายได้เช่นกัน ว่า #รายได้ที่แท้จริงนั้นมาจากอะไร โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ประเภท ประเภทที่ 1. #รายได้จากการสมัครสมาชิก ถ้ารายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าสมัครสมาชิก และมีแนวทางการประกอบกิจการไปที่การแนะนำให้หาสมาชิกเป็นส่วนใหญ่ วิธีการแบบนี้ เข้าลักษณะแชร์ลูกโซ่ ถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนได้ #เพราะไม่ได้เน้นที่การขายสินค้าและรายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการขายสินค้า ประเภทที่ 2. #รายได้มาจากการสมัครสมาชิก และ #การบังคับซื้อสินค้า วิธีการนี้ดูเผินๆเหมือนจะเป็นการตั้งใจประกอบธุรกิจ แต่ถ้าดูให้ละเอียดจะพบว่า ไม่ได้มีเจตนาประกอบธุรกิจจริงๆ #แต่เป็นการหลอกให้ซื้อสินค้าไปเยอะๆแต่ไม่สามารถขายสินค้าได้ ฉะนั้น รายได้จริงๆของเจ้าของธุรกิจ จึงไม่ใช่ผลกำไรจากการขายสินค้าทั่วไป #แต่เป็นรายได้ที่ได้จากการให้สมาชิกต้องซื้อสินค้าจำนวนหนึ่ง [** รายได้ของธุรกิจ จะต้องได้จากการขายสินให้คนทั่วไป ไม่ใช่รายได้จากการบังคับให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวน มากๆ / เรียกว่า ""รายได้หรือกำไรเทียม"" ] วิธีการแบบนี้เข้าลักษณะแชร์ลูกโซ่เช่นกัน เพราะรายได้ที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าทั่วไป #แต่เกิดจากการหลอกลวงให้สมาชิกซื้อสินค้าจำนวนมากๆ ประเภที่ 3. #รายได้มาจากการาขายสินค้าทั่วไป ธุรกิจประเภทนี้ถือเป็นธุรกิจทั่วๆไป คือ นำสินออกขาย ถ้าขายได้ก็ได้กำไร ถ้าขายไม่ได้ก็ขาดทุน โดยจะไม่มีรายได้จากค่าสมาชิก หรือรายได้จากการบังคับซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ #ธุรกิจที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในตอนนี้ เข้าลักษณะที่ 2. คือ มีสินค้าจริง แต่จะให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ #แต่สินค้าจะขายไม่ได้ หรือจะขายได้น้อย #และถ้าไปดูรายได้ของบริษัทแม่จริงๆ ก็จะพบว่ รายได้หรือกำไร #มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิก ส่วนสมาชิกจะนำสินค้าไปขายได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อรายได้หรือกำไรของบริษัท ไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าให้แก่คนทั่วไป แต่เกิดจากการซื้ของสมาชิกเอง ก็แสดงว่า #รายได้หรือกำไรของบริษัทนั้นมีขึ้นก่อนที่จะนำสินค้าออกขายให้แก่คนทั่วไปโดยสมาชิก ดู ไทมไลน์ ดังนี้ 1. ผลิตสินค้า 2.หาสมาชิก 3. ให้สมาชิกซื้อสินค้าจำนวนมาก [** รายได้ของบริษัท] 4. สมาชิกนำสินค้าที่ซื้อไปขาย จะเห็นว่า รายได้ของบริษัท #เกิดขึ้นก่อน ที่สมาชิกจะเอาสินค้าไปขาย และเป็นรายได้ที่มาจากสมาชิกเอง วิธีการที่จะหลอกสมาชิกให้มาสมัครเป็นสมาชิก และให้ซื้อสินค้าในจำนวนมากๆได้นั้น จะต้องอาศัยเครื่องมือ ที่เรียกว่า ""#ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์"" ธุรกิจพวกนี้จะให้ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์มาช่วยโปรโมทธุรกิจของตนเอง "" #โดยมีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าให้เยอะขึ้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกนำสินค้าไปขายได้ง่ายขึ้น .........."" ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2901/2547 วินิจฉัยว่า "" ถ้ารายได้หรือผลกำไร มาจากค่าสมัครสมาชิก และจะได้มากขึ้นเมื่อสามารถชักชวนคนอื่นให้เข้ามาเป็นสมาชิกได้ #อันแสดงว่ารายได้หรือผลกำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับสินค้าหรือบริการ แต่ขึ้นอยู่กับการชักชวนหรือการหาสมาชิกให้ได้จำนวนมากๆ #และเมื่อรายได้หรือผลกำไรเกิดจากค่าสมัครสมาชิกไม่ได้เกิดจากสินค้าหรือบริการโดยตรง จึงต้องตามความหมายของบทนิยามคำว่า "กู้ยืมเงิน" และ "ผลประโยชน์ตอบแทน" ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ม. 3 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ....." ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 1172/2566 วินิจฉัยว่า "" จำเลย ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนในกิจการและธุรกิจของจำเลย #แต่จำเลยกลับไม่มีกิจการใดๆเลยที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนได้ตามที่จำเลยโฆษณา ดังนั้น การโฆษณาชักชวนของจำเลยจึงเป็นการหลอกลวง อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน "" ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 326/2566 วินิจฉัยว่า "" จำเลย ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน กับ บริษัท อ. แต่กลับพบว่า ในขณะที่จำเลยชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนนั้น บริษัท อ. #ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทตามกฎหมาย ซึ่งการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทหรือไม่นั้น ถือเป็นสาระสำคัญที่ทำให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน เมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่า บริษัท อ.นั้น ยังไม่ได้จดทะเบียนตั้งบริษัท #แต่กลับปกปิดความจริงข้อนี้เอาไว้ จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ....."" #คดีตามข่าว เส้นแบ่งว่าจะเป็นฉ้อโกงหรือไม่ ให้ดูจากรายได้ของบริษัท ว่า รายได้หรือกำไรมาจากการที่สมาชิกขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วไปได้ หรือเป็นรายได้หรือกำไรที่ได้มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิกเอง ถ้ารายได้ของบริษัท ไม่ได้เกิดจากการขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วๆไป แต่เกิดจากการบังคับหรือหลอกลวงให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ แบบนี้ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกง โดยศาลจะถือว่า ""#รู้อยู่แล้วว่าสินค้าไม่สามารถขายได้"" และการใช้ดาราหรืออินฟลูเอ็นเซอร์มาโฆษณานั้น #ก็ด้วยวัตถุประสงค์ให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมการขายหรือช่วยให้สมาชิกขายสินค้าได้แต่อย่างใด (1) รายได้บริษัท มาจากการซื้อสินค้าของสมาชิก (2) การใช้ดารามาโฆษณา เพื่อให้สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น (3) บริษัทได้รายได้ไปก่อนที่สมาชิกจะนำสินค้าไปขาย (4) พยายามชักจูงใจให้สมาชิกซื้อสินค้ามากกว่าขายสินค้าทั่วไป (5) สมาชิกตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะโฆษณาไม่ใช่เกิดจากการใช้จริง (6) บริษัทเน้นรายได้ที่จะไดจากสมาชิกเป็นหลัก โดยไม่สนใจว่าสมาชิกจะขายสินค้าได้หรือไม่ (7) สุดท้ายบริษัทเท่านั้นที่มีรายได้ ส่วนสมาชิกส่วนใหญ่ขาดทุน เพราะขายสินค้าไม่ได้ แต่ต้องจ่ายเงินให้บริษัทเพื่อซื้อสินค้าไปก่อน (8) สมาชิกสนใจธุรกิจ เพราะ การโฆษณาชวนเชื่อ #ไม่ได้สนใจ #เพราะสินค้าขายดี จะเห็นว่า ธุรกิจแบบนี้ มีลักษณะที่ดูยากว่าเป็นการฉ้อโกง เพราะเขามีตัวสินค้าอยู่จริง และสินค้าเขาอาจจะดีจริงก็ได้เช่นกัน #แต่ขอให้ดูรายได้ของบริษัทว่ามาจากอะไร เพราะศาลเองก็จะดูเช่นกันว่า ถ้ามีเจตนาจะขายสินค้าหรือบริการจริงๆ ก็จะต้องเน้นไปที่การขายสินค้าหรือบริการ #และรายได้หลักก็ควรเป็นรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการแก่บุคคลทั่วไป ไม่ใช่รายได้หลักเกิดจากการให้สมาชิกซื้อสินค้าในจำนวนมากๆ รายได้หลักเกิดการการซื้อสินค้าของสมาชิก #ก็ย่อมแสดงว่า บริษัททราบอยู่ก่อนแล้ว่าสินค้าหรือบริการ ไม่สามารถขายได้หรือถ้าขายได้ก็ทำรายได้ไม่ถึงกับที่ตนเองโฆษณา #ซึ่งในที่สุดสมาชิกก็จะขาดทุนเพราะสินค้าขายไม่ได้ อันถือว่าผิดหลักการค้าขายทั่วไป ที่จะต้อนเน้นไปที่การขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วไปได้ ไม่ใช่เน้นส่งเสริมให้สมาชิกซื้อสินค้าเยอะๆ "" Cr: คดีโลกคดีธรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย
    จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์
    ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด
    ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่

    🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว
    เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้
    มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน
    สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน
    ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด
    นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ
    เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ"
    และ ความหวังในการรวยเร็ว

    🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง
    เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้
    ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่
    และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง
    เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

    🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
    ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย
    ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
    และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้
    พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ

    🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ
    และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
    ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย
    อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน
    ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ
    มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน
    เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย
    เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
    ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน
    เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ

    🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน
    ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง
    ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์
    เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว
    ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง
    และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ
    ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย
    และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ
    ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี
    อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา
    กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้

    🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ
    การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง
    การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี
    ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา
    ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์ ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่ 🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ" และ ความหวังในการรวยเร็ว 🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้ ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่ และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ 🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้ พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ 🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ 🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้ 🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 93 0 รีวิว
  • 🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย
    จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์
    ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด
    ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่

    🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว
    เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้
    มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน
    สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน
    ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด
    นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ
    เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ"
    และ ความหวังในการรวยเร็ว

    🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง
    เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้
    ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่
    และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง
    เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

    🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
    ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย
    ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
    และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้
    พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ

    🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ
    และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
    ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย
    อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน
    ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ
    มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน
    เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย
    เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
    ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน
    เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ

    🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน
    ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง
    ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์
    เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว
    ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง
    และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ
    ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย
    และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ
    ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี
    อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา
    กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้

    🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ
    การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง
    การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี
    ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา
    ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    #thaitimes
    🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์ ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่ 🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ" และ ความหวังในการรวยเร็ว 🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้ ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่ และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ 🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้ พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ 🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ 🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้ 🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 0 รีวิว
  • CZ พ้นคุกแล้ว! Changpeng Zhao อดีตซีอีโอ Binanceวัย47ปีที่ทรงอิทธิพลในโลกคริปโตเคอเรนซี่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้วจากเรือนจำในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ

    28 กันยายน 2567-จากรายงานของสำนักงานราชทัณฑ์สหรัฐ (BOP)ได้เปิดเผยว่า นาย Changpeng Zhao หรือเรียกย่อๆว่า CZ ผู้ก่อตั้ง และอดีตซีอีโอบริษัท Binance ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำแล้ว หลังจากในเดือนเมษายน Zhao ถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติความลับของธนาคาร (BSA) มีความผิดทำให้เกิดข้อล้มเหลวในการตั้งค่าโปรแกรมรู้จักลูกค้า (KYC)ไม่เพียงพอ ทำให้ Binance ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิด ซึ่งซีอีโอ Zhaoรับสารภาพผิด และยังยอมจ่ายค่าปรับส่วนตัว 50 ล้านดอลลาร์และต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของBinance ขณะที่บริษัทBinance ที่ทำธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เพื่อยุติข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง

    แม้ว่าการถูกคุมขังเนื่องจากการละเมิดกฏหมาย BSA จะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตซีอีโอของ BitMEX Arthur Hayes ซึ่งสารภาพผิดในข้อหาที่คล้ายกันในปี 2022 ศาลตัดสินให้รอลงอาญาเท่านั้น ขณะที่การถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนของ Zhao ถือว่าผ่อนปรนเมื่อเทียบกับสามปีที่อัยการของรัฐบาลกลางต้องการ เพราะผู้พิพากษา Richard Jones จากศาลแขวงสหรัฐฯ เขตตะวันตกของวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีของ Zhao ได้ไต่สวนและได้รับจดหมายสนับสนุน 161 ฉบับจากเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานของเขายืนยันความเป็นคนดีของเขา

    การปล่อยตัว Zhao เกิดขึ้นก่อนกำหนดวันปล่อยตัวที่กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ 2 วัน BOP ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ปล่อยตัวนักโทษก่อนกำหนดหากวันปล่อยตัวของพวกเขาตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์

    ตามดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg ระบุว่า CZมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 25,300 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ สำหรับหมายเลขนักโทษของZhao คือ 88087-510

    ประวัติจากวิกิพีเดียระบุว่า นายฉางเผิง จ้าว Changpeng Zhao ( 赵长鹏; พินอิน : Zhào Chángpéng ) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อCZเป็นนักธุรกิจชาวแคนาดาที่เกิดในจีน Zhao เป็นผู้ก่อตั้งร่วมและอดีต CEO ของBinanceซึ่งเป็นธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตาม ปริมาณการซื้อขายณ เดือนกรกฎาคม 2024 เขาลาออกจากตำแหน่ง CEO ในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากรับสารภาพผิดในข้อหาฟอกเงินในสหรัฐอเมริกาและถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในเดือนเมษายน 2024

    หลังจากZhao พ้นคุกเมื่อ27 กันยายน2567 นอกเหนือจากครอบครัวและงานการกุศลแล้ว เขาอาจหันความสนใจไปที่สิ่งที่สาม นั่นก็คืออุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลและครอบงำมาเป็นเวลาเกือบทศวรรษ

    อย่างไรก็ตามภายใต้เงื่อนไขการยุติคดีอาญา เขาต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Binance และต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรม "ประจำวัน" ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงยังเรียกร้องให้ บริษัท Binance ต้องยอมรับการตรวจสอบภายนอกสองชุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด

    แม้จะมีข้อจำกัดที่ชัดเจนเหล่านี้ แต่ความจริงก็คือบริษัท Binance ไม่ได้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมุ่งเน้นไปที่เอเชียและตลาดต่างประเทศ และแม้ว่า Zhao จะไม่ได้เป็นซีอีโออีกต่อไปแล้ว เขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ซึ่งน่าจะทำให้เขามีอิทธิพลอย่างมากต่อทิศทางในอนาคตของบริษัท

    สำหรับเรื่องนี้ โฆษกของ Binance เขียนแถลงข้อความว่า: “เรารู้สึกยินดีที่ CZ จะได้อยู่กับครอบครัวที่บ้านของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้บริหารหรือดำเนินการ Binance แต่เราก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ตั้งแต่ปีที่แล้ว Binance ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำของทีมปัจจุบันของเรา โดยมีผู้ใช้มากกว่า 229 ล้านคนทั่วโลก”

    ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย

    #Thaitimes
    CZ พ้นคุกแล้ว! Changpeng Zhao อดีตซีอีโอ Binanceวัย47ปีที่ทรงอิทธิพลในโลกคริปโตเคอเรนซี่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้วจากเรือนจำในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ 28 กันยายน 2567-จากรายงานของสำนักงานราชทัณฑ์สหรัฐ (BOP)ได้เปิดเผยว่า นาย Changpeng Zhao หรือเรียกย่อๆว่า CZ ผู้ก่อตั้ง และอดีตซีอีโอบริษัท Binance ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำแล้ว หลังจากในเดือนเมษายน Zhao ถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติความลับของธนาคาร (BSA) มีความผิดทำให้เกิดข้อล้มเหลวในการตั้งค่าโปรแกรมรู้จักลูกค้า (KYC)ไม่เพียงพอ ทำให้ Binance ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิด ซึ่งซีอีโอ Zhaoรับสารภาพผิด และยังยอมจ่ายค่าปรับส่วนตัว 50 ล้านดอลลาร์และต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของBinance ขณะที่บริษัทBinance ที่ทำธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เพื่อยุติข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าการถูกคุมขังเนื่องจากการละเมิดกฏหมาย BSA จะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตซีอีโอของ BitMEX Arthur Hayes ซึ่งสารภาพผิดในข้อหาที่คล้ายกันในปี 2022 ศาลตัดสินให้รอลงอาญาเท่านั้น ขณะที่การถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนของ Zhao ถือว่าผ่อนปรนเมื่อเทียบกับสามปีที่อัยการของรัฐบาลกลางต้องการ เพราะผู้พิพากษา Richard Jones จากศาลแขวงสหรัฐฯ เขตตะวันตกของวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีของ Zhao ได้ไต่สวนและได้รับจดหมายสนับสนุน 161 ฉบับจากเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานของเขายืนยันความเป็นคนดีของเขา การปล่อยตัว Zhao เกิดขึ้นก่อนกำหนดวันปล่อยตัวที่กำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ 2 วัน BOP ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ปล่อยตัวนักโทษก่อนกำหนดหากวันปล่อยตัวของพวกเขาตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตามดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg ระบุว่า CZมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 25,300 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นนักโทษเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดที่ถูกจำคุกในสหรัฐฯ สำหรับหมายเลขนักโทษของZhao คือ 88087-510 ประวัติจากวิกิพีเดียระบุว่า นายฉางเผิง จ้าว Changpeng Zhao ( 赵长鹏; พินอิน : Zhào Chángpéng ) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อCZเป็นนักธุรกิจชาวแคนาดาที่เกิดในจีน Zhao เป็นผู้ก่อตั้งร่วมและอดีต CEO ของBinanceซึ่งเป็นธุรกิจการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตาม ปริมาณการซื้อขายณ เดือนกรกฎาคม 2024 เขาลาออกจากตำแหน่ง CEO ในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากรับสารภาพผิดในข้อหาฟอกเงินในสหรัฐอเมริกาและถูกตัดสินจำคุกสี่เดือนในเดือนเมษายน 2024 หลังจากZhao พ้นคุกเมื่อ27 กันยายน2567 นอกเหนือจากครอบครัวและงานการกุศลแล้ว เขาอาจหันความสนใจไปที่สิ่งที่สาม นั่นก็คืออุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลและครอบงำมาเป็นเวลาเกือบทศวรรษ อย่างไรก็ตามภายใต้เงื่อนไขการยุติคดีอาญา เขาต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Binance และต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรม "ประจำวัน" ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ในขณะเดียวกัน ข้อตกลงยังเรียกร้องให้ บริษัท Binance ต้องยอมรับการตรวจสอบภายนอกสองชุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด แม้จะมีข้อจำกัดที่ชัดเจนเหล่านี้ แต่ความจริงก็คือบริษัท Binance ไม่ได้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมุ่งเน้นไปที่เอเชียและตลาดต่างประเทศ และแม้ว่า Zhao จะไม่ได้เป็นซีอีโออีกต่อไปแล้ว เขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ซึ่งน่าจะทำให้เขามีอิทธิพลอย่างมากต่อทิศทางในอนาคตของบริษัท สำหรับเรื่องนี้ โฆษกของ Binance เขียนแถลงข้อความว่า: “เรารู้สึกยินดีที่ CZ จะได้อยู่กับครอบครัวที่บ้านของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้บริหารหรือดำเนินการ Binance แต่เราก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ตั้งแต่ปีที่แล้ว Binance ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำของทีมปัจจุบันของเรา โดยมีผู้ใช้มากกว่า 229 ล้านคนทั่วโลก” ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย #Thaitimes
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1046 มุมมอง 0 รีวิว
  • ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!!

    ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!!

    ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ
    Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……”
    นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ……

    การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก
    ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร?
    สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน
    เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ
    เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน)
    คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง……

    การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท”
    (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น
    เขาคือนายทหารนอกประจำการ

    ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!!

    วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง
    เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้……
    แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้
    เขาจึงบอกว่า
    “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น”
    สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!!

    งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง
    แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน)
    ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย
    แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ……

    วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today
    ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power)
    เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา

    เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB
    หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!!

    แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์
    เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์……
    เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา

    เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ
    ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน
    (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…)
    เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้

    สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ
    ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก…
    แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส..
    แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ
    แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต
    มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ
    ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว

    วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า
    “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……”

    วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991
    เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ
    การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา
    ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!!
    แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB
    (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น)
    หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน……

    ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน
    มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB
    ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร
    ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย…
    แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง
    ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้
    ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา……

    สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน
    ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย
    ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ
    แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!!

    วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
    ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ
    พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……)
    ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า
    “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……”
    ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ”

    เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร
    ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ……

    ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง
    และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า
    Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้
    หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส
    ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย

    วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน……
    ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน
    และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!!

    แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน
    ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000
    นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์
    รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย
    ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง
    แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย……
    เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล
    คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา……
    เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ
    และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?”
    ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ)

    วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย……
    เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น…

    ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!!

    Wiwanda W. Vichit
    ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!! ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!! ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……” นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ…… การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร? สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน) คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง…… การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท” (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น เขาคือนายทหารนอกประจำการ ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!! วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้…… แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้ เขาจึงบอกว่า “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น” สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!! งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน) ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ…… วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power) เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!! แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์…… เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…) เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้ สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก… แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส.. แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……” วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991 เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!! แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น) หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน…… ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย… แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้ ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา…… สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!! วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……) ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……” ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ” เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้ ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ…… ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้ หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน…… ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!! แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000 นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย…… เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา…… เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?” ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ) วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย…… เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น… ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 808 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา
    อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก
    เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ
    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่
    มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล
    ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ
    พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง
    และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย
    มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป
    ชุดข้อมูลแรก
    - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้
    - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา
    -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค
    -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ
    -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล
    -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก
    -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ
    -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน
    ----------------------------------------------
    -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้
    -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน
    -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว
    -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส
    -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้
    -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
    -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง
    -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย
    -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์
    -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี"
    -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน
    1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้
    2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก
    3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้
    -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ
    1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม
    2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง
    3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ
    3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม
    (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้)
    3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน
    ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก
    เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ
    ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ
    -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว
    -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด
    พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง
    น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน
    รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า
    พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย
    จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ
    เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่ มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป ชุดข้อมูลแรก - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน ---------------------------------------------- -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้ -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้ -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์ -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี" -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน 1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้ 2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก 3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้ -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ 1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม 2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง 3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ 3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้) 3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Angry
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2932 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนอื่น เพจคิงส์โพธิ์แดงต้องขออภัยลุงป้อม
    ที่แอบแซวแรง กรณีหยุมหัวนักข่าว
    ทำไมคิงส์ฯถึงต้องขออภัย อ่านนะ
    คิงส์ไม่ได้หายไปไหน ที่หายไปหลายชม.
    เพื่อไปเช็คข่าว ว่าที่มาที่ไป เป็นแบบไหนอย่างไร
    ถ้าทุกคนพร้อมจะรับรู้ เราไปทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
    เรื่องของเรื่อง คา-สิ-โน ตัวต้นเหตุสำคัญ
    ต้องออกตัวก่อนว่า สิ่งที่ลุงป้อมทำ เป็นความรุนแรงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
    แต่ก็ต้องไม่ปฏิเสธว่า นักข่าวที่ตั้งคำถาม จงใจยั่วยุ เพราะนักข่าวรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่ประชาชนไม่รู้ แต่แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงจะได้รู้
    ถ้าจำได้ ก่อนหน้าวันที่พรรคร่วมจะยกมือสนับสนุนให้อิ๊งเป็นนายก
    เสี่ยหนู ได้ออกแถลงด่วนว่า ไม่เห็นด้วยกับ คา-สิ-โน เมื่อได้อ่านร่างที่จะยืนมขอมติคณะ ครม.
    ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป
    คิงส์ขอซ่อนเนื้อหาสำคัญไว้ในโพสนี้ ที่จะไม่มีใครกล้าเปิดเผยมาก่อน
    ตอนนี้ มีเจ้าของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ได้ดิลกับนายทุนจีน และนายทุนต่างประเทศ สำเร็จเรียบร้อย ท่านรู้หรือไม่ ถ้าพรบ คา-สิ-โน นี้ผ่านเมื่อไหร่ ประเทศไทยจะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีกเลย
    และก่อนหน้าเสี่ยหนูจะออกมาแถลงจุดยืนไม่รับกฎหมายฉบับนี้
    ลุงป้อมคือตัวหลักที่ทุบโต๊ะ ไม่ยอมให้เกิดขึ้น ตอนแรก คิงส์ฯเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เพราะด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นข่าว ดูแกไม่รู้ประสา โบ๊งเบ๊งไปวันๆ แต่สุดท้าย ในยามน่าสิ่วหน้าขวาน ลุงป้อมกลับไม่ยอมให้พรบนี้ผ่าน
    หัวหน้าพรรคที่ดิลกับต่างประเทศ ข้อมูลที่แน่ชัดคือ
    จะมีการเปิด คา-สิ-โน ทั่วประเทศถึง 8 จุด ที่ปิดดิลไปแล้ว
    จุดละ 1 หมื่นล้านซึ่งไม่ใช่งบลงทุนนะ เป็นค่ากินเปล่าให้ฟรี
    และอย่างน้อยสามราย จ่ายครบจบแล้ว
    การที่มีเจ้าของพรรคการเมือง 1 พรรค ที่มีสาย ป่านหลัก 8 หมื่นล้าน มันคือการสร้างความยั่งยืนให้กับพรรคนั้น ชนิด สถาพร
    แต่ผลกระทบที่จะตามมาคือ ประเทศไทยก็จะเหมือนมาเก๊า เวกัส ซึ่งคิงส์จะลงดีเทลในโพสถัดๆไป แต่ย่อๆคือ ประเทศเราจะเต็มไปด้วย อา-ช-ญ-า-กรรม ต่างชาติจะซ่าในประเทศเรา ในแบบที่ผู้รักษากฏหมายไม่สามารถจัดการอะไรได้อีกเลย เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับ ม-า-เ-ฟี-ย จีน และประเทศอื่นๆ
    เหนือ 2 จุด อีสาน 2-3 จุด ใต้ 2 จังหวัด ที่เหลือภาคกลาง
    ขอให้พี่น้องชาวไทย โปรดจับตา อย่าให้พรบนี้ผ่านเด็ดขาด
    ส่วนลุงป้อมคงต้องรอดูว่าพรรคร่วมอื่น สนับสนุนอิ๊งเป็นนายกเพราะความจำเป็น ไม่บางอย่าง แต่หลายอย่าง จะสนับสนุน พรบ คา-สิ-โน นี้ด้วยการให้ผ่านหรือไม่ วัดไปเลยใครของจริงกันแน่
    และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำใ้หโทนี่ถึงขนาดจะไม่ให้มีพลปชรในพรรคร่วมรัฐบาล หรือจะมีก็แค่แป้ง ธรรมนัส เพราะดันจะไปขัดลาบชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้าของพรรคการเมืองคนนั้น นั่นเอง
    ส่วนสามกีบ พรรคกางเกงในส้ม เรื่องนี้ไม่ติดเลย เพราะเรื่องการสร้างความเสื่อมทางศีลธรรม ถือว่านโยบายนี้ไม่ติด เผลอๆ จะช่วยยกมือสนับสนุนด้วย รอจับตา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ก่อนอื่น เพจคิงส์โพธิ์แดงต้องขออภัยลุงป้อม ที่แอบแซวแรง กรณีหยุมหัวนักข่าว ทำไมคิงส์ฯถึงต้องขออภัย อ่านนะ คิงส์ไม่ได้หายไปไหน ที่หายไปหลายชม. เพื่อไปเช็คข่าว ว่าที่มาที่ไป เป็นแบบไหนอย่างไร ถ้าทุกคนพร้อมจะรับรู้ เราไปทำความเข้าใจไปพร้อมกัน เรื่องของเรื่อง คา-สิ-โน ตัวต้นเหตุสำคัญ ต้องออกตัวก่อนว่า สิ่งที่ลุงป้อมทำ เป็นความรุนแรงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แต่ก็ต้องไม่ปฏิเสธว่า นักข่าวที่ตั้งคำถาม จงใจยั่วยุ เพราะนักข่าวรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่ประชาชนไม่รู้ แต่แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงจะได้รู้ ถ้าจำได้ ก่อนหน้าวันที่พรรคร่วมจะยกมือสนับสนุนให้อิ๊งเป็นนายก เสี่ยหนู ได้ออกแถลงด่วนว่า ไม่เห็นด้วยกับ คา-สิ-โน เมื่อได้อ่านร่างที่จะยืนมขอมติคณะ ครม. ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป คิงส์ขอซ่อนเนื้อหาสำคัญไว้ในโพสนี้ ที่จะไม่มีใครกล้าเปิดเผยมาก่อน ตอนนี้ มีเจ้าของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ได้ดิลกับนายทุนจีน และนายทุนต่างประเทศ สำเร็จเรียบร้อย ท่านรู้หรือไม่ ถ้าพรบ คา-สิ-โน นี้ผ่านเมื่อไหร่ ประเทศไทยจะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีกเลย และก่อนหน้าเสี่ยหนูจะออกมาแถลงจุดยืนไม่รับกฎหมายฉบับนี้ ลุงป้อมคือตัวหลักที่ทุบโต๊ะ ไม่ยอมให้เกิดขึ้น ตอนแรก คิงส์ฯเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เพราะด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นข่าว ดูแกไม่รู้ประสา โบ๊งเบ๊งไปวันๆ แต่สุดท้าย ในยามน่าสิ่วหน้าขวาน ลุงป้อมกลับไม่ยอมให้พรบนี้ผ่าน หัวหน้าพรรคที่ดิลกับต่างประเทศ ข้อมูลที่แน่ชัดคือ จะมีการเปิด คา-สิ-โน ทั่วประเทศถึง 8 จุด ที่ปิดดิลไปแล้ว จุดละ 1 หมื่นล้านซึ่งไม่ใช่งบลงทุนนะ เป็นค่ากินเปล่าให้ฟรี และอย่างน้อยสามราย จ่ายครบจบแล้ว การที่มีเจ้าของพรรคการเมือง 1 พรรค ที่มีสาย ป่านหลัก 8 หมื่นล้าน มันคือการสร้างความยั่งยืนให้กับพรรคนั้น ชนิด สถาพร แต่ผลกระทบที่จะตามมาคือ ประเทศไทยก็จะเหมือนมาเก๊า เวกัส ซึ่งคิงส์จะลงดีเทลในโพสถัดๆไป แต่ย่อๆคือ ประเทศเราจะเต็มไปด้วย อา-ช-ญ-า-กรรม ต่างชาติจะซ่าในประเทศเรา ในแบบที่ผู้รักษากฏหมายไม่สามารถจัดการอะไรได้อีกเลย เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับ ม-า-เ-ฟี-ย จีน และประเทศอื่นๆ เหนือ 2 จุด อีสาน 2-3 จุด ใต้ 2 จังหวัด ที่เหลือภาคกลาง ขอให้พี่น้องชาวไทย โปรดจับตา อย่าให้พรบนี้ผ่านเด็ดขาด ส่วนลุงป้อมคงต้องรอดูว่าพรรคร่วมอื่น สนับสนุนอิ๊งเป็นนายกเพราะความจำเป็น ไม่บางอย่าง แต่หลายอย่าง จะสนับสนุน พรบ คา-สิ-โน นี้ด้วยการให้ผ่านหรือไม่ วัดไปเลยใครของจริงกันแน่ และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำใ้หโทนี่ถึงขนาดจะไม่ให้มีพลปชรในพรรคร่วมรัฐบาล หรือจะมีก็แค่แป้ง ธรรมนัส เพราะดันจะไปขัดลาบชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้าของพรรคการเมืองคนนั้น นั่นเอง ส่วนสามกีบ พรรคกางเกงในส้ม เรื่องนี้ไม่ติดเลย เพราะเรื่องการสร้างความเสื่อมทางศีลธรรม ถือว่านโยบายนี้ไม่ติด เผลอๆ จะช่วยยกมือสนับสนุนด้วย รอจับตา #คิงส์โพธิ์แดง
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว