• คำสาปแช่ง เกลียดชังของเหล่าผู้น้อย อาจส่งผลมาถึงตัวบิ๊กโจ๊กในวันนี้ ก็อาจเป็นไปได้

    #แช่งบิ๊กโจ๊ก #กรรมคืนสนองสุรเชษฐ์หักพาล #บิ๊กโจ๊ก #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    คำสาปแช่ง เกลียดชังของเหล่าผู้น้อย อาจส่งผลมาถึงตัวบิ๊กโจ๊กในวันนี้ ก็อาจเป็นไปได้ #แช่งบิ๊กโจ๊ก #กรรมคืนสนองสุรเชษฐ์หักพาล #บิ๊กโจ๊ก #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    24
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2085 มุมมอง 51 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลังก่อนหน้านี้ตกจากวงจรอำนาจไปแล้ว แต่กลับมาอยู่ในพื้นที่ข่าวอีกครั้ง เพราะอะไร?

    #โจ๊กอาละวาด #โจ๊กดิ้นเฮือกสุดท้าย #สุรเชษฐ์หักพาล #คลิปลับบิ๊กปปช #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    ช่วงนี้ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลังก่อนหน้านี้ตกจากวงจรอำนาจไปแล้ว แต่กลับมาอยู่ในพื้นที่ข่าวอีกครั้ง เพราะอะไร? #โจ๊กอาละวาด #โจ๊กดิ้นเฮือกสุดท้าย #สุรเชษฐ์หักพาล #คลิปลับบิ๊กปปช #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Haha
    Yay
    16
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2128 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • น.1 ระบุ ปปง.เข้าแจ้งความ "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" หรือ "สุรเชชษฐ์ หักพาล" และ "นางศิรินัดดา หักพาล" อดีตนายตำรวจใหญ่ ข้อหา “ฟอกเงิน“ หลังพบการกระทำความผิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003813

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    น.1 ระบุ ปปง.เข้าแจ้งความ "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" หรือ "สุรเชชษฐ์ หักพาล" และ "นางศิรินัดดา หักพาล" อดีตนายตำรวจใหญ่ ข้อหา “ฟอกเงิน“ หลังพบการกระทำความผิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003813 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    16
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1096 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไตรรงค์ นำตร.ไซเบอร์ ปราบคอนเทนต์ขยะ ดับซ่า แอล โอรส
    .
    การตายสุดดราม่าของ “แบงค์ เลสเตอร์” ที่ตกเป็นเหยื่อของ “คอนเทนต์ขยะ” จนต้องสังเวยชีวิต
    ไปๆ มาๆ บานปลาย มีคนที่ต้องโดนคดีต่อเนื่องเป็นลูกโซ่
    .
    ไม่ใช่แค่แก๊งอินฟลูฯ เจ้าของคอนเทนต์ขยะเท่านั้น แต่ลามไปถึงคนที่เข้ามาล้างแค้นให้ แบงค์ เลสเตอร์ ด้วย
    .
    คนๆ นั้น ก็คือ นักเลงดังนาม “แอล โอรส” เจ้าของฉายา “รถถังฝั่งธน” ซึ่งปรากฏตัวที่วัดออเงิน ในงานศพวันแรกของแบงค์ เลสเตอร์ พร้อมกับชาวแก๊งตัวลายพร้อย
    แอล โอรส ประกาศจองกฐิน “เบิร์ด วันว่างๆ” กลางวัด โทษฐานที่เบิร์ดเป็นตัวพ่อของคอนเทนต์ขยะ ชอบเอาแบงค์ เลสเตอร์ เป็นตัวชูโรง
    .
    แม้ “เบิร์ด วันว่างๆ” จะนกรู้ไม่ยอมย่างกรายไปวัด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รอดอยู่ดี โดนชาวแก๊ง ตามไปยำตีน ถ่ายคลิปเอามาแพร่
    .
    พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ เลยต้องออกโรง ใช้กฎหมายดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
    ไล่ตั้งแต่พวกทำคอนเทนต์ขยะ อย่าง “เบิร์ด วันว่างๆ” หรือนายธีระวัฒน์ ศรีรอง โดนข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะอันลามก
    .
    เพราะตำรวจเจอหลักฐาน เบิร์ดโพสต์ภาพแบงค์ เลสเตอร์ โดนกลั่นแกล้งให้เปลือยกายล่อนจ้อน
    และ บก.ปคม. ก็จะจัดการ “เบิร์ด วันว่างๆ” ข้อหาค้ามนุษย์ด้วย เนื่องจากเห็นว่าได้รับประโยชน์โดยมิชอบ จากการแพร่ภาพเปลือยของแบงค์ เลสเตอร์
    .
    ส่วน “เอ็ม เอกชาติ” หรือนายเอกชาติ มีพร้อม ที่จ้างแบงค์ เลสเตอร์ กินเหล้า จนเสียชีวิต โดนข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
    พ่วงด้วยข้อหาโฆษณาเว็บพนัน เพราะมีพฤติกรรมแปะลิงค์เชิญชวนเล่นพนัน บนคอนเทนต์ขยะของตัว
    .
    ทั้งนี้ ประวัติของเอ็ม เอกชาติ เป็นคนสีเทาชัดเจน เคยถูก ป.ป.ง. ยึดทรัพย์รถซุเปอร์คาร์และอื่นๆ รวม 45 ล้านบาท
    จากพฤติกรรมเป็นเครือข่ายให้เว็บพนันของ “อั้ม” นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ สามีของนางเอก “แยม” ธมลพรรณ ซึ่งตอนนี้ สองผัวเมียก็ยังติดคุกคดีเว็บพนันอยู่
    .
    ตำรวจไซเบอร์ ยังตามไปจัดการนักเลงอย่างแอล โอรส หรือนายศราวุธ ศรีกำเนิด เอาผิดข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการปล่อยคลิปยำตีนเบิร์ด วันว่างๆ
    .
    ส่วนตำรวจนครบาลก็มุ่งขยายผล เอาผิดข้อหาทำร้ายร่างกายเบิร์ด วันว่างๆ เบื้องต้น เหยื่อตีนอ้างว่า จำได้ มีใครบ้างที่ทำร้ายเขา
    .
    นี่คือบทบาทที่น่าชื่นชมของ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ผู้มาใหม่ อย่าง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ที่รีบใช้กฎหมายออกมาปรามอย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้เหล่าคนสีเทา แสดงตัวครองเมือง จัดการกันเอง
    จนเป็น “คอนเทนต์ขยะ” ซ้อน “คอนเทนต์ขยะ” แบบว่า มึงรังแกคนอ่อนแอก่อนเหรอ กูก็จะมารังแกมึงมั่ง ถ่ายคลิปมั่ง ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
    .
    ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ถือเป็นหน้าตาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กล้าในการนำทีมบุกค้นบ้านของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งชื่อชั้นใหญ่กว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ อย่างเทียบกันไม่ได้
    .
    งานแบบนี้ ไม่กล้าหาญจริง ทำไม่ได้ และหากพยานหลักฐานไม่แน่นหนาเพียงพอจะมัดบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ก็มีสิทธิ์ถูกเอาคืนถึงหมดอนาคต
    .
    แต่รู้ทั้งรู้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ก็กล้าเดินเข้าบ้านบิ๊กโจ๊ก และเก็บหลักฐานสำคัญในคดีฟอกเงินและรับส่วยเว็บพนัน กลับออกมาเพียบ
    .
    ทั้งนี้ การตายของแบงค์ เลสเตอร์ อย่างน้อยก็มีคุณูปการต่อสังคมไทย ไม่ใช่การตายที่สูญเปล่า
    เพราะช่วยเปิดโปงให้เห็นถึงเครือข่ายคนสีเทา ที่มีวิธีการปั่นกระแสด้วยชีวิตคน เพื่อโกยเงินจากการพนันออนไลน์
    .
    เปิดโอกาสให้ตำรวจไซเบอร์เข้าไปกวาดล้างคนสีเทาพวกนี้ ไม่ให้ลอยหน้าลอยตา เป็นคนเด่นดัง ทั้งที่ก่อกรรมทำเข็ญกับชีวิตคน และหากินกับความฉิบหายของลูกหลานไทย
    ..............
    Sondhi X
    ไตรรงค์ นำตร.ไซเบอร์ ปราบคอนเทนต์ขยะ ดับซ่า แอล โอรส . การตายสุดดราม่าของ “แบงค์ เลสเตอร์” ที่ตกเป็นเหยื่อของ “คอนเทนต์ขยะ” จนต้องสังเวยชีวิต ไปๆ มาๆ บานปลาย มีคนที่ต้องโดนคดีต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ . ไม่ใช่แค่แก๊งอินฟลูฯ เจ้าของคอนเทนต์ขยะเท่านั้น แต่ลามไปถึงคนที่เข้ามาล้างแค้นให้ แบงค์ เลสเตอร์ ด้วย . คนๆ นั้น ก็คือ นักเลงดังนาม “แอล โอรส” เจ้าของฉายา “รถถังฝั่งธน” ซึ่งปรากฏตัวที่วัดออเงิน ในงานศพวันแรกของแบงค์ เลสเตอร์ พร้อมกับชาวแก๊งตัวลายพร้อย แอล โอรส ประกาศจองกฐิน “เบิร์ด วันว่างๆ” กลางวัด โทษฐานที่เบิร์ดเป็นตัวพ่อของคอนเทนต์ขยะ ชอบเอาแบงค์ เลสเตอร์ เป็นตัวชูโรง . แม้ “เบิร์ด วันว่างๆ” จะนกรู้ไม่ยอมย่างกรายไปวัด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รอดอยู่ดี โดนชาวแก๊ง ตามไปยำตีน ถ่ายคลิปเอามาแพร่ . พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ เลยต้องออกโรง ใช้กฎหมายดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไล่ตั้งแต่พวกทำคอนเทนต์ขยะ อย่าง “เบิร์ด วันว่างๆ” หรือนายธีระวัฒน์ ศรีรอง โดนข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะอันลามก . เพราะตำรวจเจอหลักฐาน เบิร์ดโพสต์ภาพแบงค์ เลสเตอร์ โดนกลั่นแกล้งให้เปลือยกายล่อนจ้อน และ บก.ปคม. ก็จะจัดการ “เบิร์ด วันว่างๆ” ข้อหาค้ามนุษย์ด้วย เนื่องจากเห็นว่าได้รับประโยชน์โดยมิชอบ จากการแพร่ภาพเปลือยของแบงค์ เลสเตอร์ . ส่วน “เอ็ม เอกชาติ” หรือนายเอกชาติ มีพร้อม ที่จ้างแบงค์ เลสเตอร์ กินเหล้า จนเสียชีวิต โดนข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พ่วงด้วยข้อหาโฆษณาเว็บพนัน เพราะมีพฤติกรรมแปะลิงค์เชิญชวนเล่นพนัน บนคอนเทนต์ขยะของตัว . ทั้งนี้ ประวัติของเอ็ม เอกชาติ เป็นคนสีเทาชัดเจน เคยถูก ป.ป.ง. ยึดทรัพย์รถซุเปอร์คาร์และอื่นๆ รวม 45 ล้านบาท จากพฤติกรรมเป็นเครือข่ายให้เว็บพนันของ “อั้ม” นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ สามีของนางเอก “แยม” ธมลพรรณ ซึ่งตอนนี้ สองผัวเมียก็ยังติดคุกคดีเว็บพนันอยู่ . ตำรวจไซเบอร์ ยังตามไปจัดการนักเลงอย่างแอล โอรส หรือนายศราวุธ ศรีกำเนิด เอาผิดข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการปล่อยคลิปยำตีนเบิร์ด วันว่างๆ . ส่วนตำรวจนครบาลก็มุ่งขยายผล เอาผิดข้อหาทำร้ายร่างกายเบิร์ด วันว่างๆ เบื้องต้น เหยื่อตีนอ้างว่า จำได้ มีใครบ้างที่ทำร้ายเขา . นี่คือบทบาทที่น่าชื่นชมของ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ผู้มาใหม่ อย่าง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ที่รีบใช้กฎหมายออกมาปรามอย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้เหล่าคนสีเทา แสดงตัวครองเมือง จัดการกันเอง จนเป็น “คอนเทนต์ขยะ” ซ้อน “คอนเทนต์ขยะ” แบบว่า มึงรังแกคนอ่อนแอก่อนเหรอ กูก็จะมารังแกมึงมั่ง ถ่ายคลิปมั่ง ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง . ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ถือเป็นหน้าตาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กล้าในการนำทีมบุกค้นบ้านของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งชื่อชั้นใหญ่กว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ อย่างเทียบกันไม่ได้ . งานแบบนี้ ไม่กล้าหาญจริง ทำไม่ได้ และหากพยานหลักฐานไม่แน่นหนาเพียงพอจะมัดบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ก็มีสิทธิ์ถูกเอาคืนถึงหมดอนาคต . แต่รู้ทั้งรู้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ก็กล้าเดินเข้าบ้านบิ๊กโจ๊ก และเก็บหลักฐานสำคัญในคดีฟอกเงินและรับส่วยเว็บพนัน กลับออกมาเพียบ . ทั้งนี้ การตายของแบงค์ เลสเตอร์ อย่างน้อยก็มีคุณูปการต่อสังคมไทย ไม่ใช่การตายที่สูญเปล่า เพราะช่วยเปิดโปงให้เห็นถึงเครือข่ายคนสีเทา ที่มีวิธีการปั่นกระแสด้วยชีวิตคน เพื่อโกยเงินจากการพนันออนไลน์ . เปิดโอกาสให้ตำรวจไซเบอร์เข้าไปกวาดล้างคนสีเทาพวกนี้ ไม่ให้ลอยหน้าลอยตา เป็นคนเด่นดัง ทั้งที่ก่อกรรมทำเข็ญกับชีวิตคน และหากินกับความฉิบหายของลูกหลานไทย .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1744 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงจะเก่าไป-ใหม่มา แต่คนใน ป.ป.ช. บางส่วน ก็ยังติดหล่ม “บิ๊กโจ๊ก” ก้าวข้ามไม่พ้นเหมือนเดิม

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชษฐ์หักพาล #ปปช
    ถึงจะเก่าไป-ใหม่มา แต่คนใน ป.ป.ช. บางส่วน ก็ยังติดหล่ม “บิ๊กโจ๊ก” ก้าวข้ามไม่พ้นเหมือนเดิม #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชษฐ์หักพาล #ปปช
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1006 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน16 ธ.ค.2567 - ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดีเมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไขประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน16 ธ.ค.2567 - ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดีเมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไขประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่งศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ

    ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง

    วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง

    ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี

    เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข

    ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    .........
    Sondhi X
    “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 944 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิด “สะพานทศราชัน” •เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศราชัน” ณ สะพานทศราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร• เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Passที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก •จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “สะพานทศราชัน” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้อง ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายรัชนัย เปรมปราคิน ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศนราชัน”รูปแบบและแนวคิดในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมของสะพานทศมราชัน จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและบำรุงรักษา) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ• สะพานทศมราชัน” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นสะพานคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยาคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 781.2 เมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมสะพานแห่งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ของสะพานจะสื่อถึงพระองค์ท่าน ดังนี้ • ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก และความห่วงใยต่อพสกนิกร และพสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า • สายเคเบิล เป็นสีเหลือง เพื่อสื่อถึงวันพระบรมราชสมภพ คือ วันจันทร์ •รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทอง อยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ • รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ • โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกจากการเดินทางจากภาคใต้สู่กรุงเทพมหานคร และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษช่วงบางโคล่ - คาวคะนอง และถนนพระรามที่ ๒ ช่วงดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร • ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชทานพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ด้วย
    ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิด “สะพานทศราชัน” •เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศราชัน” ณ สะพานทศราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร• เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Passที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก •จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “สะพานทศราชัน” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้อง ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายรัชนัย เปรมปราคิน ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศนราชัน”รูปแบบและแนวคิดในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมของสะพานทศมราชัน จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและบำรุงรักษา) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ• สะพานทศมราชัน” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นสะพานคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยาคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 781.2 เมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมสะพานแห่งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ของสะพานจะสื่อถึงพระองค์ท่าน ดังนี้ • ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก และความห่วงใยต่อพสกนิกร และพสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า • สายเคเบิล เป็นสีเหลือง เพื่อสื่อถึงวันพระบรมราชสมภพ คือ วันจันทร์ •รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทอง อยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ • รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ • โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกจากการเดินทางจากภาคใต้สู่กรุงเทพมหานคร และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษช่วงบางโคล่ - คาวคะนอง และถนนพระรามที่ ๒ ช่วงดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร • ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชทานพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ด้วย
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 861 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

    วันนี้ (14 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชันทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

    เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Pass ที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศมราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000120121

    #MGROnline #สะพานทศมราชัน #ทางพิเศษสายพระราม3
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร • วันนี้ (14 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชันทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร • เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Pass ที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศมราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000120121 • #MGROnline #สะพานทศมราชัน #ทางพิเศษสายพระราม3
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง

    จากกรณี พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คือ นายสมบัติ ธรธรรม อดีตอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหา ประจำสำนักการไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 และ 2, นายจัตุรงค์ พานิชเจริญ เจ้าหน้าที่ไต่สวน สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 2 และ นางสาวอารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่สำนัก ตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 3 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด” โดยกองบังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น

    ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เตรียมเอกสารเดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประสงค์ให้การเป็นพยานปากสำคัญในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.กับพวกถูกกล่าวหาเรื่องเรียกรับเงินจากส่วยร้านคาราโอเกะ ตั้งแต่ในสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวจาก นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ที่เป็นหัวหน้าคณะซึ่งมี นายสมบัติ ธรธรรม เป็นอนุกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117536

    #MGROnline #บิ๊กโจ๊ก #เก็บส่วย #คาราโอเกะ
    กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง • จากกรณี พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คือ นายสมบัติ ธรธรรม อดีตอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหา ประจำสำนักการไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 และ 2, นายจัตุรงค์ พานิชเจริญ เจ้าหน้าที่ไต่สวน สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 2 และ นางสาวอารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่สำนัก ตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 3 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด” โดยกองบังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น • ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เตรียมเอกสารเดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประสงค์ให้การเป็นพยานปากสำคัญในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.กับพวกถูกกล่าวหาเรื่องเรียกรับเงินจากส่วยร้านคาราโอเกะ ตั้งแต่ในสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวจาก นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ที่เป็นหัวหน้าคณะซึ่งมี นายสมบัติ ธรธรรม เป็นอนุกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117536 • #MGROnline #บิ๊กโจ๊ก #เก็บส่วย #คาราโอเกะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก'
    .
    พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้
    .
    ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น
    .
    เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ
    รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง
    บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ
    .
    ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา
    ..............
    Sondhi X
    ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก' . พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้ . ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น . เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ . ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 941 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ข้อมูลเอ็ฟคลูซีฟหลังแดน
    เผยชีวิตตั้ม
    เหตุผลทำไม หาทางออกจากกรง
    ปัจจุบัน ตั้มไม่สามารถไปยืนที่แดนใดได้
    นอกจาก แดน 3 เนื่องจากในแต่ละแดน
    มีโจทย์จำนวนมาก ที่จ้องจองกฐิน
    มีเพียงแดน 3 ที่มีโจทย์เพียงคนเดียว
    กลุ่ม นช. ที่ตั้มหยองที่สุดคือ
    กลุ่ม ตร.ที่เกี่ยวข้องกับ กำนัลนก
    ที่สุรเชษฐ์ใช้มือตั้มในการดำเนินการ
    ส่วนแดน 3 โจทย์คนเดียวที่ว่าคือ
    ดีเจ แมน ที่ดีเจ แมนเอง ก็ดูจะหาจังหวะและโอกาส
    ซึ่งตอนนี้หนทางสู่อิสระภาพ ดูมืดดำไปหมด
    คนที่จะช่วย ทานายทั้งหลายก็ไม่ไหว
    เพราะกังวลว่า ตั้มใจส่งเอกสารTED มาให้ยื่นต่อ SAN
    และจะพาตัวเองไปสู่วิบัติด้วย
    ส่วนกรณีที่ตั้มจะเป็นทานายให้ตัวเอง
    ก็ยังเป็นเรื่องริบหรี่ เพราะข้อมูลที่สายหยุดและอาคมเปิด
    ก็เป็นชุดเดียวกับที่ตั้มมี
    เรียกได้ว่า ก็คงต้องหาทางเอาตัวรอดในแดน 3
    นั่งอยู่หน้ากล้องวงจร นั่งนิ่งๆ และต้องคอยระวัง
    ว่าพัศดี จะเอาป้ายกล้องเสียมาติดเมื่อไหร่
    เวลานั้น ความบังลัยจะบังเกิด
    เป็นชะตา ที่เต็มไปด้วยกรรมที่ก่อไว้
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #ข้อมูลเอ็ฟคลูซีฟหลังแดน เผยชีวิตตั้ม เหตุผลทำไม หาทางออกจากกรง ปัจจุบัน ตั้มไม่สามารถไปยืนที่แดนใดได้ นอกจาก แดน 3 เนื่องจากในแต่ละแดน มีโจทย์จำนวนมาก ที่จ้องจองกฐิน มีเพียงแดน 3 ที่มีโจทย์เพียงคนเดียว กลุ่ม นช. ที่ตั้มหยองที่สุดคือ กลุ่ม ตร.ที่เกี่ยวข้องกับ กำนัลนก ที่สุรเชษฐ์ใช้มือตั้มในการดำเนินการ ส่วนแดน 3 โจทย์คนเดียวที่ว่าคือ ดีเจ แมน ที่ดีเจ แมนเอง ก็ดูจะหาจังหวะและโอกาส ซึ่งตอนนี้หนทางสู่อิสระภาพ ดูมืดดำไปหมด คนที่จะช่วย ทานายทั้งหลายก็ไม่ไหว เพราะกังวลว่า ตั้มใจส่งเอกสารTED มาให้ยื่นต่อ SAN และจะพาตัวเองไปสู่วิบัติด้วย ส่วนกรณีที่ตั้มจะเป็นทานายให้ตัวเอง ก็ยังเป็นเรื่องริบหรี่ เพราะข้อมูลที่สายหยุดและอาคมเปิด ก็เป็นชุดเดียวกับที่ตั้มมี เรียกได้ว่า ก็คงต้องหาทางเอาตัวรอดในแดน 3 นั่งอยู่หน้ากล้องวงจร นั่งนิ่งๆ และต้องคอยระวัง ว่าพัศดี จะเอาป้ายกล้องเสียมาติดเมื่อไหร่ เวลานั้น ความบังลัยจะบังเกิด เป็นชะตา ที่เต็มไปด้วยกรรมที่ก่อไว้ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว

  • แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว
    .
    แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม
    .
    เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน
    .
    สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    .
    จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย
    .
    ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน”
    .
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ
    .
    ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    .
    ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    .
    อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว
    .
    ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น
    .
    เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร
    .
    นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม
    .
    ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร
    กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น
    .
    อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย
    ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า
    .
    หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง
    .
    โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ
    .
    แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น
    .
    แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์
    .
    โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน
    .
    แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว
    .
    พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก
    พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา
    .
    ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้
    .
    หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร
    .
    ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้
    .
    อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ
    .
    แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ
    ...........
    Sondhi X
    แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว . แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม . เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน . สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย . จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย . ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน” . พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ . ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด . ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี . อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว . ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น . เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร . นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม . ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น . อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า . หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง . โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ . แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น . แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ . โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน . แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว . พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา . ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้ . หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร . ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ . อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ . แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ ........... Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1818 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สุมาเต๊อะ
    #พวกเมิงเล่นเฮี้ยอะไรกันครับ
    คนสนิทไอ่ตั้มออกมาร้องห่มร้องไห้
    ตั้มเพื่อนรักไม่ได้เป็นลูกน้องสุรเชษฐ์
    pong เมิงสิ ไอ่โอ๋ เอาความมั่นหน้าจากไหน
    มารับรอง คนเห็นกันทั้งประเทศ ไอ่ฉัด
    ส่วนโจ๊กก็ปัดไม่เอี่ยวไอ่ตั้มตบซัพ
    ส่วนไอ่ตั้มก็รับของขวัญจากพี่โจ๊กรัวๆ
    มีวันนี้เพราะพี่โจ๊กให้ ไอ่ฉ้ัด
    ดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊นเพียบ
    เมิงคิดว่า ตอนนี้ออกมาร้องไห้แทนเพื่อน
    แล้วคือ สนธิเค้าใจอ่อนสงสารแล้วจบๆกันไปเหรอ
    เมิง 87 มาก ไอ่โอ๋
    เรื่องนี้ ไอ่ตั้มเพื่อนเมิงอะอย่างโฉดซั่ว
    วางแผนฮุบมรดกเจ้อ้อย ให้เจ๊อ้อยเขียนพินัยกรรม
    รักเพื่อนจริงไม่ต้องมาออกตัวแรง
    แค่แบ่งแดรกเยื่ยวกับไอ่ตั้มซักครึ่งนึง
    รับรอง โลกได้สรรเสริฐเมิงแน่ไอ่โอ๋
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สุมาเต๊อะ #พวกเมิงเล่นเฮี้ยอะไรกันครับ คนสนิทไอ่ตั้มออกมาร้องห่มร้องไห้ ตั้มเพื่อนรักไม่ได้เป็นลูกน้องสุรเชษฐ์ pong เมิงสิ ไอ่โอ๋ เอาความมั่นหน้าจากไหน มารับรอง คนเห็นกันทั้งประเทศ ไอ่ฉัด ส่วนโจ๊กก็ปัดไม่เอี่ยวไอ่ตั้มตบซัพ ส่วนไอ่ตั้มก็รับของขวัญจากพี่โจ๊กรัวๆ มีวันนี้เพราะพี่โจ๊กให้ ไอ่ฉ้ัด ดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊นเพียบ เมิงคิดว่า ตอนนี้ออกมาร้องไห้แทนเพื่อน แล้วคือ สนธิเค้าใจอ่อนสงสารแล้วจบๆกันไปเหรอ เมิง 87 มาก ไอ่โอ๋ เรื่องนี้ ไอ่ตั้มเพื่อนเมิงอะอย่างโฉดซั่ว วางแผนฮุบมรดกเจ้อ้อย ให้เจ๊อ้อยเขียนพินัยกรรม รักเพื่อนจริงไม่ต้องมาออกตัวแรง แค่แบ่งแดรกเยื่ยวกับไอ่ตั้มซักครึ่งนึง รับรอง โลกได้สรรเสริฐเมิงแน่ไอ่โอ๋ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 612 มุมมอง 1 รีวิว
  • #เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ประชาชนเฝ้ารอวันดับ
    เดชา หรือทะนายจุ๊กกรู้ ที่มีลีลาซ้ำซาก
    ด้วยการทำตัวเหมือนเรือขวางคลอง
    ทุกครั้ง ที่มีผู้กระทำ กับผู้ถูกกระทำ
    เด จะไปอยู่กับฝ่ายคนผิดเสมอ จนเป็นที่ชินตาของผู้คน
    เมื่อได้แสงแบบไม่กลัวโดนทัวร์ สร้างชื่อเสียงโดยไม่สนใจว่า
    คนจะรู้จักตัวเอง ในสภาพไหน ได้อยู่ในสื่อนั่นคือความสำเร็จของเด
    แต่พอมีทีท่าว่า ผู้กระทำหรือจำเเลย น่าจะไปไม่รอด
    ก็จะสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองขอถอนตัว
    และเชื่อว่า คนไทยขี้ลืม เดี๋ยวสร้างภาพชุบตัวใหม่
    คนก็ลืม เอาไว้ไปอยู่ฝั่งคนในประแสบ้าง เดี๋ยวคนก็ยกยอเหมือนเดิม
    พี่เด สุมาเต๊อะ "ไอ่ฉัด" เล่นกับความรู้สึกของประชาชนมาตลอด
    เรื่องสาวเกา โดนปั่นว่าจะได้เป็นทนายฝั่งเกา ก็พร่ามในคลิป
    ว่าด่าาเยอะๆ ทนายทั่วประเทศจะได้มีงานทำ
    อ้างทนายแปดหมื่นคนทั่วประเทศจะร่วมวงกับตัวเองเพื่อจัดการคนไทยด้วยกัน
    แต่กระแสตีกลับ เพราะทนายและสภาไม่เล่นด้วย พร้อมออกมาตำหนิการกระทำ จนนายเดชาต้องกลับลำ อ้างว่าไม่ได้พูด แต่ดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ก็หาได้ง่ายว่าเป็นคำพูดของเดชาล้วนๆ
    และล่าสุด ด้วยความสนิทกับว่าที่นช ตั้ม และมีความเป็นไปได้สูง
    ที่ต้องมีความรู้จักกับโจ๊ก สุรเชษฐ์ ไม่มากก็น้อย
    ส่วนจะได้ความสนิท เป็นใบเทาเป็นปึกๆด้วยรึเปล่านั้น
    เราไม่อาจระบุได้ แต่เดชา ก็ออกตัวเต็มที่ รับข้อมูลจากตั้ม
    ก็รีบมาพ่น และเชื่อว่าตั้มบริสุทธิ์ โดยไม่ได้หาข้อมูลจากผสห.เลย
    จึงถูกตำหนิ จากผู้สื่อข่าวระดับตำนาน สนธิ ลิ้มทองกุล
    ในเวอร์ชั่นแรก เดชายังดูอ่อนน้อม บอกว่าไม่มีปัญหากับสนธิ
    และจะได้แรงกดดัน หรือแรงอัดฉีดจากตั้มหรือโจ๊กหรือไม่อย่างไร
    ก็ไม่ทราบได้ มีการเปลี่ยนท่าที ที่แข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ
    ท้าทาย สนธิ อย่างน่าแปลกใจกับสายตาของประชาชน
    ซึ่งล่าสุด ออกมาโพส ว่าใครมีข้อมูลสนธิ (ลักษณะที่จะเอาความได้)
    ให้ส่งมาที่ตน นั่นคือากรชักธงรบบ อย่างเต็มรูปแบบ
    ทั้งๆที่ ทั้งพี่โจ๊ก และน้องรักอย่างตั้ม ต่างก็ผ่านการเปิดเผยความจริง
    ให้กับสังคม จนมีจุดจบอย่างทุกวันนี้ แต่เดชา กลับมีความฮึกเหิมจนเกินตัว
    ซึ่งยุคนี้ เป็นยุคล้างบางคนซั่ว บางที เดชา อาจมีปัญหาทางสายตา
    มองเสือเป็นแค่แมว อยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งซ้งทรีน หาเสี้ยนได้ดีจริงๆ
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ประชาชนเฝ้ารอวันดับ เดชา หรือทะนายจุ๊กกรู้ ที่มีลีลาซ้ำซาก ด้วยการทำตัวเหมือนเรือขวางคลอง ทุกครั้ง ที่มีผู้กระทำ กับผู้ถูกกระทำ เด จะไปอยู่กับฝ่ายคนผิดเสมอ จนเป็นที่ชินตาของผู้คน เมื่อได้แสงแบบไม่กลัวโดนทัวร์ สร้างชื่อเสียงโดยไม่สนใจว่า คนจะรู้จักตัวเอง ในสภาพไหน ได้อยู่ในสื่อนั่นคือความสำเร็จของเด แต่พอมีทีท่าว่า ผู้กระทำหรือจำเเลย น่าจะไปไม่รอด ก็จะสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองขอถอนตัว และเชื่อว่า คนไทยขี้ลืม เดี๋ยวสร้างภาพชุบตัวใหม่ คนก็ลืม เอาไว้ไปอยู่ฝั่งคนในประแสบ้าง เดี๋ยวคนก็ยกยอเหมือนเดิม พี่เด สุมาเต๊อะ "ไอ่ฉัด" เล่นกับความรู้สึกของประชาชนมาตลอด เรื่องสาวเกา โดนปั่นว่าจะได้เป็นทนายฝั่งเกา ก็พร่ามในคลิป ว่าด่าาเยอะๆ ทนายทั่วประเทศจะได้มีงานทำ อ้างทนายแปดหมื่นคนทั่วประเทศจะร่วมวงกับตัวเองเพื่อจัดการคนไทยด้วยกัน แต่กระแสตีกลับ เพราะทนายและสภาไม่เล่นด้วย พร้อมออกมาตำหนิการกระทำ จนนายเดชาต้องกลับลำ อ้างว่าไม่ได้พูด แต่ดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ก็หาได้ง่ายว่าเป็นคำพูดของเดชาล้วนๆ และล่าสุด ด้วยความสนิทกับว่าที่นช ตั้ม และมีความเป็นไปได้สูง ที่ต้องมีความรู้จักกับโจ๊ก สุรเชษฐ์ ไม่มากก็น้อย ส่วนจะได้ความสนิท เป็นใบเทาเป็นปึกๆด้วยรึเปล่านั้น เราไม่อาจระบุได้ แต่เดชา ก็ออกตัวเต็มที่ รับข้อมูลจากตั้ม ก็รีบมาพ่น และเชื่อว่าตั้มบริสุทธิ์ โดยไม่ได้หาข้อมูลจากผสห.เลย จึงถูกตำหนิ จากผู้สื่อข่าวระดับตำนาน สนธิ ลิ้มทองกุล ในเวอร์ชั่นแรก เดชายังดูอ่อนน้อม บอกว่าไม่มีปัญหากับสนธิ และจะได้แรงกดดัน หรือแรงอัดฉีดจากตั้มหรือโจ๊กหรือไม่อย่างไร ก็ไม่ทราบได้ มีการเปลี่ยนท่าที ที่แข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ ท้าทาย สนธิ อย่างน่าแปลกใจกับสายตาของประชาชน ซึ่งล่าสุด ออกมาโพส ว่าใครมีข้อมูลสนธิ (ลักษณะที่จะเอาความได้) ให้ส่งมาที่ตน นั่นคือากรชักธงรบบ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งๆที่ ทั้งพี่โจ๊ก และน้องรักอย่างตั้ม ต่างก็ผ่านการเปิดเผยความจริง ให้กับสังคม จนมีจุดจบอย่างทุกวันนี้ แต่เดชา กลับมีความฮึกเหิมจนเกินตัว ซึ่งยุคนี้ เป็นยุคล้างบางคนซั่ว บางที เดชา อาจมีปัญหาทางสายตา มองเสือเป็นแค่แมว อยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งซ้งทรีน หาเสี้ยนได้ดีจริงๆ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 698 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เมียตั้มพูดเองตั้มเคยบอกให้หนี
    เมื่อย้อนไปดูเทปเก่าขณะที่สองผัวเมียนักฟอก
    กำลังชื่นมื่นเพราะตบตาประชาชน หาแสงจนเป็นที่รักของคนไทย
    มีรายการหลายรายการได้เชิญไปออกอากาศ
    และในรายการหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการถามว่า
    เคยมั๊ย ที่ตั้มให้หนี เมียตั้มตอบว่าเคย
    นั่นหมายความว่า การหนีรอบนี้ ไม่ใช่รอบแรก
    แต่รอบแรกนั้น มีสุรเชษฐ์ คอยเคลียให้ทุกเรื่อง
    ช่วยกันมา ช่วยกันไป ฟอกกันมาฟอกกันไป
    สุดท้าย อิ๊บอ๋ายดูโอ้
    ล่าสุด ตร ก็ออกมาให้ข้อมูลที่แน่ชัดแล้ว
    ว่าทั้งสองผัวเมีย มีความตั้งใจที่จะหนี
    ไปทางฝั่งสระแก้ว และการรวบรอบนี้
    ไม่ใช่โดยละม่อม แต่เป็นการไล่ตาม
    และบังคับให้จอด เพราะที่ตั้มเอาพอชคันนี้มาใช้
    เนื่องจากเป็นรถที่มีความเร็วสูง ทางเจ้าหน้าาที่ยังบอกอีกว่า
    ถ้าไปไกลกว่านี้ ศักยภาพรถของตร ก็จะตามไม่ทัน
    พี่คิงส์เคยเปิดเรื่องนี้มาปีกว่าแล้ว แต่ที่ผ่านมา
    สุรเชษฐ์ถือว่ามีอำนาจ มีสายบังคับบัญชา
    ที่ทำให้เรื่องฟอก มันไปไม่ถึงกฏหมาย
    และพี่คิงส์เปิดหัวใหม่ไว้เลยว่า
    เส้นทางการฟอก ของสุรเชษฐ์ และตั้ม
    มีทั้งบนดินและใต้ดิน บนดินอยู่ที่ภูเก็ต
    เป็นโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน รวมถึงกิจการที่ถือโดยม้าที่อยู่รอบโรงแรม
    ล่าสุด ก็มีการถ่ายเททรัพย์สินแถวภูเก็ตที่มีความเกี่ยวข้องกับตั้มและโจ๊ก
    เป็นการอึกทึกครึกโครม จากนี้เมื่อมีการตรวจสอบสายเงิน
    รับรอง วิ่งเข้าโยงกับสุรเชษฐ์ แน่นอน ฟันธง
    ไอ่ฉัด
    #เมียตั้มพูดเองตั้มเคยบอกให้หนี เมื่อย้อนไปดูเทปเก่าขณะที่สองผัวเมียนักฟอก กำลังชื่นมื่นเพราะตบตาประชาชน หาแสงจนเป็นที่รักของคนไทย มีรายการหลายรายการได้เชิญไปออกอากาศ และในรายการหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการถามว่า เคยมั๊ย ที่ตั้มให้หนี เมียตั้มตอบว่าเคย นั่นหมายความว่า การหนีรอบนี้ ไม่ใช่รอบแรก แต่รอบแรกนั้น มีสุรเชษฐ์ คอยเคลียให้ทุกเรื่อง ช่วยกันมา ช่วยกันไป ฟอกกันมาฟอกกันไป สุดท้าย อิ๊บอ๋ายดูโอ้ ล่าสุด ตร ก็ออกมาให้ข้อมูลที่แน่ชัดแล้ว ว่าทั้งสองผัวเมีย มีความตั้งใจที่จะหนี ไปทางฝั่งสระแก้ว และการรวบรอบนี้ ไม่ใช่โดยละม่อม แต่เป็นการไล่ตาม และบังคับให้จอด เพราะที่ตั้มเอาพอชคันนี้มาใช้ เนื่องจากเป็นรถที่มีความเร็วสูง ทางเจ้าหน้าาที่ยังบอกอีกว่า ถ้าไปไกลกว่านี้ ศักยภาพรถของตร ก็จะตามไม่ทัน พี่คิงส์เคยเปิดเรื่องนี้มาปีกว่าแล้ว แต่ที่ผ่านมา สุรเชษฐ์ถือว่ามีอำนาจ มีสายบังคับบัญชา ที่ทำให้เรื่องฟอก มันไปไม่ถึงกฏหมาย และพี่คิงส์เปิดหัวใหม่ไว้เลยว่า เส้นทางการฟอก ของสุรเชษฐ์ และตั้ม มีทั้งบนดินและใต้ดิน บนดินอยู่ที่ภูเก็ต เป็นโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน รวมถึงกิจการที่ถือโดยม้าที่อยู่รอบโรงแรม ล่าสุด ก็มีการถ่ายเททรัพย์สินแถวภูเก็ตที่มีความเกี่ยวข้องกับตั้มและโจ๊ก เป็นการอึกทึกครึกโครม จากนี้เมื่อมีการตรวจสอบสายเงิน รับรอง วิ่งเข้าโยงกับสุรเชษฐ์ แน่นอน ฟันธง ไอ่ฉัด
    Like
    Love
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 674 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตั้มอดีตทนูยผู้ยิ่งใหญ่
    นักพราก ผย. ไม่ใช่นักพากษ์เสียงนะ
    จากคนเซาะกราว ทะเยอทะยานไม่สนความถูกผิด
    บิดเงิน ฉ้-อโ-ก-ง ฉุด หล-อกฟันแฟนคลับ
    เนรคุณผู้มีพระคุณที่เมตตาอย่างพี่อ้อย
    จากคนวิ่งหากล้อง หาไมค์ หาแสงตลอดเวลา
    วันนี้ ต้องวิ่งหนีแสง หนีนักข่าว
    แม้แต่สหายอย่างสุรเชษฐ์ หักพาล
    ยังต้องตะโกนอย่างสุดเสียงว่า ตัวใครตัวมันเฟร้ย
    ชะตา ขาดละ ไอ่เชี่ยยยตั้ม
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ตั้มอดีตทนูยผู้ยิ่งใหญ่ นักพราก ผย. ไม่ใช่นักพากษ์เสียงนะ จากคนเซาะกราว ทะเยอทะยานไม่สนความถูกผิด บิดเงิน ฉ้-อโ-ก-ง ฉุด หล-อกฟันแฟนคลับ เนรคุณผู้มีพระคุณที่เมตตาอย่างพี่อ้อย จากคนวิ่งหากล้อง หาไมค์ หาแสงตลอดเวลา วันนี้ ต้องวิ่งหนีแสง หนีนักข่าว แม้แต่สหายอย่างสุรเชษฐ์ หักพาล ยังต้องตะโกนอย่างสุดเสียงว่า ตัวใครตัวมันเฟร้ย ชะตา ขาดละ ไอ่เชี่ยยยตั้ม ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 658 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทุกวันนี้วิธีการแบบเก่าๆที่เหมือนการนำน้ำเมาย้ายมาใส่ในขวดใหม่จริงๆ
    ก่อนอื่น ต้องเข้าใจนิยามของคำว่า เชิงหมาแก่ก่อน
    — อาการ 'ฟอร์มหมาแก่' อธิบายง่ายๆ ก็คือ คนที่ชอบแสดงออกให้เพื่อนรู้แบบหนึ่ง แต่จริงๆ ตั้งใจอีกอย่าง
    ยกตัวอย่างนักข่าว ที่ชื่อดนัย หรือที่พี่คิงส์มักเรียกแกว่า ดนูยหมาแก่ ไม่ได้แซะนะ แกเรียกตัวเองว่าหมาแก่จริงๆ สาเหตุก็เพราะแกมีวิธีการนำเสนอข่าวแบบนี้ ทำติดอ่างบ้าง พูดกำกวมบ้าง จนคนในวงการสื่อเรียกว่า ไอ่ดนัย ฟอร์มหมาแก่ เรื่องนี้นี่รู้กันเฉพาะสายสื่อสารมวลชนเลยนะ
    วีรกรรมของดนัย มีเยอะมากนะ แต่ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจริงๆก็คือ เทพโจ๊กของกระผ๊ม ที่ดนัยใช้คำนี้เรียกแทนชื่อบิ๊กโจ๊ก หรือนายสุรเชษฐ์ หักพาล
    ที่เริ่มสตาร์ทด้วยการยกโจ๊กเข้ามาให้เป็นจุดสนใจของสังคม พร้อมเปิดแอร์ทาร์มให้สัมภาษณ์ จนกลายเป็นรายการพีอาร์ของโจ๊ก นอกจากนั้นประเด็นใดก็ตามที่อาจเป็นภาพลบให้โจ๊ก ดนัยจะให้โอกาสในการชี้แจง และใช้สไตล์การพูดแบบกำกวม หรือเบี่ยงเบนประเด็นให้สังคมเข้าใจไปในแบบที่โจ๊กต้องการ เช่น การที่โจ๊กถูกเปิดเผยเรื่องเงินดาร์ค และถูกตั้งกรรมการสอบ ดนัยได้สร้างวาทะกรรม ว่าเป็นเรื่องของตร.มีปัญหากัน ระหว่างรองผบตร.สองคน ในเวลานั้น ทั้งๆที่สิ่งที่โจ๊กถูกสอบล้วนมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน จนท้ายที่สุดกรรมได้ตามทันโจ๊ก และดนัยก็สละเรือในวันนี้ นี่คือตัวอย่างของนักข่าวที่อ้างตัวว่าเป็นกลาง แต่ใช้ฟอร์มหมาแก่ เพื่อซักฟอกผู้ว่าจ้าง ที่มีความชัดเจนเหมาะสมต่อการยกตัวอย่าง
    - ส่วนของทนายเดชา ที่พูดเสมอว่า ตนเองเป็นกลาง แต่ในหลายๆครั้ง ทนายเดชาแสดงตัวอยู่ข้างบุคคลที่เป็นคนที่สังคมไทย มองว่าซั่ว ตั้งแต่ครู่จุ๋ม กับการกระทำต่อน้องอนุบาล รวมถึงอีกหลายกรณี โดยทุกครั้งที่คนไทยแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย เดชา ก็จะเย้ยหยันกลับมา ด้วยคำว่า จุ๊กกรู๊ และล่าสุด กับเรื่องของตั้ม ที่สื่อทุกช่องต่างออกมาเปิดเผยเรื่องราว รวมทั้งผสห. อย่างเจ๊อ้อย เรียกได้ว่า ทุกสื่อไปในทิศทางเดียวกัน แต่เดชา ที่บอกว่าตนเองนั้นเป็นกลาง และเป็นผู้ให้ความรู้ด้านกฏหมาย กลับให้ข้อมูลในเชิงการยืนยันของความบริสุทธิ์ของตั้ม จนโดนสื่อตำนานอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาปรามและท้าให้ดนคด. แต่เดชาก็อยู่เป็น ไลฟ์สดว่า จะทำทำไมไม่มีประโยชน์ และอธิบายเพิ่มว่า ทางสนธิ มีข้อมูลจาก ผสห. แต่ตน มีข้อมูลจากตั้ม มันคนละชุดข้อมูล
    - จากที่พี่คิงส์ฯฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยอมรับว่า เดชา ควรแสดงตนในฐานะที่เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฏหมาย ด้วยการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ปกป้องคนซั่ว อายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว ร่องรอยแห่งความชราก็มาปรากฏเต็มใบหน้า อยากให้เดชามีภาพจำที่ดีสำหรับคนไทย เลิกเหอะ วิธีการมีแสง ด้วยการยืนขวางความถูกต้อง โดยไม่แยแสความรู้สึกของ ผสห เอาพรรคเอาพวก ไม่มีความยั่งยืน กับชื่อเสียงที่ได้มาจากวิธีการแบบนี้ เลิกใช้ "ฟอร์มหมาแก่" เสียที
    เชื่อพี่คิงส์ฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทุกวันนี้วิธีการแบบเก่าๆที่เหมือนการนำน้ำเมาย้ายมาใส่ในขวดใหม่จริงๆ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจนิยามของคำว่า เชิงหมาแก่ก่อน — อาการ 'ฟอร์มหมาแก่' อธิบายง่ายๆ ก็คือ คนที่ชอบแสดงออกให้เพื่อนรู้แบบหนึ่ง แต่จริงๆ ตั้งใจอีกอย่าง ยกตัวอย่างนักข่าว ที่ชื่อดนัย หรือที่พี่คิงส์มักเรียกแกว่า ดนูยหมาแก่ ไม่ได้แซะนะ แกเรียกตัวเองว่าหมาแก่จริงๆ สาเหตุก็เพราะแกมีวิธีการนำเสนอข่าวแบบนี้ ทำติดอ่างบ้าง พูดกำกวมบ้าง จนคนในวงการสื่อเรียกว่า ไอ่ดนัย ฟอร์มหมาแก่ เรื่องนี้นี่รู้กันเฉพาะสายสื่อสารมวลชนเลยนะ วีรกรรมของดนัย มีเยอะมากนะ แต่ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจริงๆก็คือ เทพโจ๊กของกระผ๊ม ที่ดนัยใช้คำนี้เรียกแทนชื่อบิ๊กโจ๊ก หรือนายสุรเชษฐ์ หักพาล ที่เริ่มสตาร์ทด้วยการยกโจ๊กเข้ามาให้เป็นจุดสนใจของสังคม พร้อมเปิดแอร์ทาร์มให้สัมภาษณ์ จนกลายเป็นรายการพีอาร์ของโจ๊ก นอกจากนั้นประเด็นใดก็ตามที่อาจเป็นภาพลบให้โจ๊ก ดนัยจะให้โอกาสในการชี้แจง และใช้สไตล์การพูดแบบกำกวม หรือเบี่ยงเบนประเด็นให้สังคมเข้าใจไปในแบบที่โจ๊กต้องการ เช่น การที่โจ๊กถูกเปิดเผยเรื่องเงินดาร์ค และถูกตั้งกรรมการสอบ ดนัยได้สร้างวาทะกรรม ว่าเป็นเรื่องของตร.มีปัญหากัน ระหว่างรองผบตร.สองคน ในเวลานั้น ทั้งๆที่สิ่งที่โจ๊กถูกสอบล้วนมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน จนท้ายที่สุดกรรมได้ตามทันโจ๊ก และดนัยก็สละเรือในวันนี้ นี่คือตัวอย่างของนักข่าวที่อ้างตัวว่าเป็นกลาง แต่ใช้ฟอร์มหมาแก่ เพื่อซักฟอกผู้ว่าจ้าง ที่มีความชัดเจนเหมาะสมต่อการยกตัวอย่าง - ส่วนของทนายเดชา ที่พูดเสมอว่า ตนเองเป็นกลาง แต่ในหลายๆครั้ง ทนายเดชาแสดงตัวอยู่ข้างบุคคลที่เป็นคนที่สังคมไทย มองว่าซั่ว ตั้งแต่ครู่จุ๋ม กับการกระทำต่อน้องอนุบาล รวมถึงอีกหลายกรณี โดยทุกครั้งที่คนไทยแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย เดชา ก็จะเย้ยหยันกลับมา ด้วยคำว่า จุ๊กกรู๊ และล่าสุด กับเรื่องของตั้ม ที่สื่อทุกช่องต่างออกมาเปิดเผยเรื่องราว รวมทั้งผสห. อย่างเจ๊อ้อย เรียกได้ว่า ทุกสื่อไปในทิศทางเดียวกัน แต่เดชา ที่บอกว่าตนเองนั้นเป็นกลาง และเป็นผู้ให้ความรู้ด้านกฏหมาย กลับให้ข้อมูลในเชิงการยืนยันของความบริสุทธิ์ของตั้ม จนโดนสื่อตำนานอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาปรามและท้าให้ดนคด. แต่เดชาก็อยู่เป็น ไลฟ์สดว่า จะทำทำไมไม่มีประโยชน์ และอธิบายเพิ่มว่า ทางสนธิ มีข้อมูลจาก ผสห. แต่ตน มีข้อมูลจากตั้ม มันคนละชุดข้อมูล - จากที่พี่คิงส์ฯฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยอมรับว่า เดชา ควรแสดงตนในฐานะที่เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฏหมาย ด้วยการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ปกป้องคนซั่ว อายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว ร่องรอยแห่งความชราก็มาปรากฏเต็มใบหน้า อยากให้เดชามีภาพจำที่ดีสำหรับคนไทย เลิกเหอะ วิธีการมีแสง ด้วยการยืนขวางความถูกต้อง โดยไม่แยแสความรู้สึกของ ผสห เอาพรรคเอาพวก ไม่มีความยั่งยืน กับชื่อเสียงที่ได้มาจากวิธีการแบบนี้ เลิกใช้ "ฟอร์มหมาแก่" เสียที เชื่อพี่คิงส์ฯ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1163 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตั้มครวญสะอื้นเจ๊อ้อยเมื่อก่อนเคยรักตอนนี้ไม่รักแล้ว
    ถถถถถ ทุ๊ย ไอ่ฉัด
    พี่คิงส์เห็นคนออกอาการแบบนี้มาเป็นร้อยแล้ว
    เหมือนสุรเชษฐ์ ดิ้นเป็นแมวใกล้ตุยตูนิเย่
    เรียกสื่อมาให้สัมภาษณ์ ทั้งๆที่ตัวเองโดนสั่งปลด
    แต่ใส่ชุดตร.มาเต็มยศ ดื้อแพ่งว่าตัวเองยังเป็นรองผบตร.
    วันนี้ กุนซือของสุเชษฐ์มาเจอกับตัว
    ก็ทำในแบบเดียวกัน กะชิงพื้นที่สื่อ
    หวังว่าจะรอดตัวไปได้ ที่ไหนได้
    ครวญไปเลยเมิง ครวญให้สเด็ดน้ำ
    แล้วคนไทย จะเยื่ยวรอให้เมิงมาแดดรกให้อร่อย
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ตั้มครวญสะอื้นเจ๊อ้อยเมื่อก่อนเคยรักตอนนี้ไม่รักแล้ว ถถถถถ ทุ๊ย ไอ่ฉัด พี่คิงส์เห็นคนออกอาการแบบนี้มาเป็นร้อยแล้ว เหมือนสุรเชษฐ์ ดิ้นเป็นแมวใกล้ตุยตูนิเย่ เรียกสื่อมาให้สัมภาษณ์ ทั้งๆที่ตัวเองโดนสั่งปลด แต่ใส่ชุดตร.มาเต็มยศ ดื้อแพ่งว่าตัวเองยังเป็นรองผบตร. วันนี้ กุนซือของสุเชษฐ์มาเจอกับตัว ก็ทำในแบบเดียวกัน กะชิงพื้นที่สื่อ หวังว่าจะรอดตัวไปได้ ที่ไหนได้ ครวญไปเลยเมิง ครวญให้สเด็ดน้ำ แล้วคนไทย จะเยื่ยวรอให้เมิงมาแดดรกให้อร่อย ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กมธ.มั่นคง" ได้ฤกษ์ 7 พ.ย.สอบ "ทักษิณ" ปมพักรักษาตัวที่ ชั้น14 รพ.ตำรวจ เชิญ "เสรีพิศุทธิ์-สุรเชษฐ์" ให้ข้อมูล พร้อมแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105775

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "กมธ.มั่นคง" ได้ฤกษ์ 7 พ.ย.สอบ "ทักษิณ" ปมพักรักษาตัวที่ ชั้น14 รพ.ตำรวจ เชิญ "เสรีพิศุทธิ์-สุรเชษฐ์" ให้ข้อมูล พร้อมแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105775 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    17
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2115 มุมมอง 1 รีวิว
  • #พี่คิงส์ช่วยสรุปย่อยกับความบังลัยที่ตั้มต้องเจอ
    1. ตั้มสารภาพกลางโหนกระแสว่า
    1.1 อ้างว่าได้มาด้วยความสิเน่หา
    1.2 ก็ยังบอกอีกว่า 71 ล.ได้มาโดยเปลี่ยนจากรายเดือน เป็นก้อนเพื่อให้ทำงานให้
    ผลคือ ตามกฏหมาย การให้โดยสิเน่หา คือการให้โดยไม่มีการตอบแทนจากผู้รับ นั่นหมายความว่า มันคือค่าจ้าง
    และค่าจ้างถือเป็นรายได้ ต้องเสียภาาษี สิ่งที่ตั้มต้องเจอแน่นอนคือ การหนีภาาษี
    2. ขณะนี้ เจ้าของก้อน 71 ล. ได้เข้าแจ้งงคววาม ว่าตั้มต้มเธอ จริงๆแล้ว 71 ล.ตั้มรับทำเว็บออนไลน์ อ้างว่านำมาทำระบบ
    ผลคือ ตั้มต้องถูก ดนคด. โดยที่ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวอีกแล้ว ทั้งสุรเชษฐ์ และเสรีพิสุทธิ์
    3. ยังมีอีกหลายๆคคดดีเก่า ที่ตั้มต้องเข้าสู่กระบวนการ และกฎหหมายจะทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงได้
    4. ความเชื่อมโยง ผลประโยชน์เงินดาร์คของสุรเชษฐ์กับตั้ม ทั้งบนดิน ใต้ดิน กำลังจะถูกขุดขึ้นมา
    เส้นทางชีวิตของทะนูยที่ลอยหน้าลอยตาในสังคมมานาน รับสร้างหลักต๋านเต็ด ให้อดีตดาราแม่มาแม่มา ให้รอด จากการสร้างสำนวนเต็ดว่าดาราช่วยเหลืองานของสตช ตอนนี้ความจริงได้เปิดเผย เป็นที่ประจักษ์ถึงความเห้ของไอ่ตั้มหิวแสงงตัวนี้ เราคงต้องรอชมมหะ กรรม ทำงาน
    ไอ่ตั้ม ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #พี่คิงส์ช่วยสรุปย่อยกับความบังลัยที่ตั้มต้องเจอ 1. ตั้มสารภาพกลางโหนกระแสว่า 1.1 อ้างว่าได้มาด้วยความสิเน่หา 1.2 ก็ยังบอกอีกว่า 71 ล.ได้มาโดยเปลี่ยนจากรายเดือน เป็นก้อนเพื่อให้ทำงานให้ ผลคือ ตามกฏหมาย การให้โดยสิเน่หา คือการให้โดยไม่มีการตอบแทนจากผู้รับ นั่นหมายความว่า มันคือค่าจ้าง และค่าจ้างถือเป็นรายได้ ต้องเสียภาาษี สิ่งที่ตั้มต้องเจอแน่นอนคือ การหนีภาาษี 2. ขณะนี้ เจ้าของก้อน 71 ล. ได้เข้าแจ้งงคววาม ว่าตั้มต้มเธอ จริงๆแล้ว 71 ล.ตั้มรับทำเว็บออนไลน์ อ้างว่านำมาทำระบบ ผลคือ ตั้มต้องถูก ดนคด. โดยที่ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวอีกแล้ว ทั้งสุรเชษฐ์ และเสรีพิสุทธิ์ 3. ยังมีอีกหลายๆคคดดีเก่า ที่ตั้มต้องเข้าสู่กระบวนการ และกฎหหมายจะทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงได้ 4. ความเชื่อมโยง ผลประโยชน์เงินดาร์คของสุรเชษฐ์กับตั้ม ทั้งบนดิน ใต้ดิน กำลังจะถูกขุดขึ้นมา เส้นทางชีวิตของทะนูยที่ลอยหน้าลอยตาในสังคมมานาน รับสร้างหลักต๋านเต็ด ให้อดีตดาราแม่มาแม่มา ให้รอด จากการสร้างสำนวนเต็ดว่าดาราช่วยเหลืองานของสตช ตอนนี้ความจริงได้เปิดเผย เป็นที่ประจักษ์ถึงความเห้ของไอ่ตั้มหิวแสงงตัวนี้ เราคงต้องรอชมมหะ กรรม ทำงาน ไอ่ตั้ม ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    Haha
    Yay
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 798 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตั้มตกหลุมดักกลางโหนกระแส
    ล่าสุด ท่ามกลางการประกาศระหว่าง อัฉริยะ และตั้มทนายหิวแสง
    ในการสงบศึก ซึ่งมีที่มาที่ไปเกี่ยวกับค ดีที่มีผลเหมือนเป็นเกมส์บังคับให้อัจริยะต้องยอมประกาศกลางรายการโหนกระแส
    ...แต่หนุ่มกรรชัย ได้สนทนากลางรายการคล้ายกับการเปิดให้ตั้มได้แก้ตัว แต่กลับเป็นการสร้างประเด็นใหม่ ให้สังคมและเจ้าหน้าที่ต้องจับตา
    โดย หนุ่ม ได้ถามตั้มว่า คุณเป็นทนายที่รายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เพราะเหตุใด คุณถึงใช้ชีวิตแบรนด์เนมส์ หรูหรา นั่เฟิสคลาส ผมเองก็สงสัย ผมเปิดโอกาสให้คุณได้อธิบาย
    ตั้ม ได้เฉลยความนัย ว่าตนเองได้รับมา 2 ล้าน ยูโร 2 ล.x 36.45 บ. = 80 ล.
    โดยอ้างว่า เป็นเงินเสี่ยงโ ชค ที่เค้าโอนมาให้ในบช เป็นสินน้ำใจ
    ซึ่ง จากข้ออ้างของที่มาของยอดเงิน วิธีการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกต่างรู้กันดีว่า เป็นกระบวนการของการฟอก โดยอ้างที่มาว่ามาจากการเสี่ยงโชคในต่างประเทศ
    ...จึงเกิดประเด็นใหม่ ให้หน่วยงานได้เข้าไปทำการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมา ตั้ม มีความเกี่ยวข้องกับ สรุเชษฐ์หักพาน ที่เป็นเจ้าพ่อเว็บออนไลน์ และพบเส้นทางของเงินดาร์ค อย่างปฏิเสธไม่ได้ รวมถึง การพบข้อมูลของตั้ม ที่มิได้เป็นแค่เพียง ที่ปรึกษาทางกฏหมายให้สุรเชษฐ์ แต่กลับเป็นหุ้นส่วนของวงการสีดาร์ค ทั้งใต้ดิน และบนดิน ที่พบว่าตั้มได้ไปเดินเตร็ดเตร่บ่อยๆ ในโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน ที่มีนักเล่นมือหนักๆมาใช้บริการ ย่านภูเก็ต
    คิงส์โพธิ์ดำเชื่อว่า นี่จะเป็นอีกวาระสำคัญ ที่ท้าทายให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบเส้นเงินของตั้ม เพื่อพิสูจน์ความจริง
    ...ทนายหิวแสง อาจสิ้นชื่อ เพราะการหลุดกลางรายการโหนกระแสครั้งนี้ ก็เป็นได้
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #ตั้มตกหลุมดักกลางโหนกระแส ล่าสุด ท่ามกลางการประกาศระหว่าง อัฉริยะ และตั้มทนายหิวแสง ในการสงบศึก ซึ่งมีที่มาที่ไปเกี่ยวกับค ดีที่มีผลเหมือนเป็นเกมส์บังคับให้อัจริยะต้องยอมประกาศกลางรายการโหนกระแส ...แต่หนุ่มกรรชัย ได้สนทนากลางรายการคล้ายกับการเปิดให้ตั้มได้แก้ตัว แต่กลับเป็นการสร้างประเด็นใหม่ ให้สังคมและเจ้าหน้าที่ต้องจับตา โดย หนุ่ม ได้ถามตั้มว่า คุณเป็นทนายที่รายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เพราะเหตุใด คุณถึงใช้ชีวิตแบรนด์เนมส์ หรูหรา นั่เฟิสคลาส ผมเองก็สงสัย ผมเปิดโอกาสให้คุณได้อธิบาย ตั้ม ได้เฉลยความนัย ว่าตนเองได้รับมา 2 ล้าน ยูโร 2 ล.x 36.45 บ. = 80 ล. โดยอ้างว่า เป็นเงินเสี่ยงโ ชค ที่เค้าโอนมาให้ในบช เป็นสินน้ำใจ ซึ่ง จากข้ออ้างของที่มาของยอดเงิน วิธีการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกต่างรู้กันดีว่า เป็นกระบวนการของการฟอก โดยอ้างที่มาว่ามาจากการเสี่ยงโชคในต่างประเทศ ...จึงเกิดประเด็นใหม่ ให้หน่วยงานได้เข้าไปทำการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมา ตั้ม มีความเกี่ยวข้องกับ สรุเชษฐ์หักพาน ที่เป็นเจ้าพ่อเว็บออนไลน์ และพบเส้นทางของเงินดาร์ค อย่างปฏิเสธไม่ได้ รวมถึง การพบข้อมูลของตั้ม ที่มิได้เป็นแค่เพียง ที่ปรึกษาทางกฏหมายให้สุรเชษฐ์ แต่กลับเป็นหุ้นส่วนของวงการสีดาร์ค ทั้งใต้ดิน และบนดิน ที่พบว่าตั้มได้ไปเดินเตร็ดเตร่บ่อยๆ ในโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน ที่มีนักเล่นมือหนักๆมาใช้บริการ ย่านภูเก็ต คิงส์โพธิ์ดำเชื่อว่า นี่จะเป็นอีกวาระสำคัญ ที่ท้าทายให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบเส้นเงินของตั้ม เพื่อพิสูจน์ความจริง ...ทนายหิวแสง อาจสิ้นชื่อ เพราะการหลุดกลางรายการโหนกระแสครั้งนี้ ก็เป็นได้ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตั้มตกหลุมดักกลางโหนกระแส
    ล่าสุด ท่ามกลางการประกาศระหว่าง อัฉริยะ และตั้มทนายหิวแสง
    ในการสงบศึก ซึ่งมีที่มาที่ไปเกี่ยวกับค ดีที่มีผลเหมือนเป็นเกมส์บังคับให้อัจริยะต้องยอมประกาศกลางรายการโหนกระแส
    ...แต่หนุ่มกรรชัย ได้สนทนากลางรายการคล้ายกับการเปิดให้ตั้มได้แก้ตัว แต่กลับเป็นการสร้างประเด็นใหม่ ให้สังคมและเจ้าหน้าที่ต้องจับตา
    โดย หนุ่ม ได้ถามตั้มว่า คุณเป็นทนายที่รายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เพราะเหตุใด คุณถึงใช้ชีวิตแบรนด์เนมส์ หรูหรา นั่เฟิสคลาส ผมเองก็สงสัย ผมเปิดโอกาสให้คุณได้อธิบาย
    ตั้ม ได้เฉลยความนัย ว่าตนเองได้รับมา 2 ล้าน ยูโร 2 ล.x 36.45 บ. = เกือบ 80 ล.
    โดยอ้างว่า เป็นเงินเสี่ยงโ ชค ที่เค้าโอนมาให้ในบช เป็น............
    ซึ่ง จากข้ออ้างของที่มาของยอดเงิน วิธีการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกต่างรู้กันดีว่า เป็นกระบวนการของการฟอก โดยอ้างที่มาว่ามาจากการเสี่ยงโชคในต่างประเทศ
    ...จึงเกิดประเด็นใหม่ ให้หน่วยงานได้เข้าไปทำการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมา ตั้ม มีความเกี่ยวข้องกับ สรุเชษฐ์หักพาน ที่เป็นเจ้าพ่อเว็บออนไลน์ และพบเส้นทางของเงินดาร์ค อย่างปฏิเสธไม่ได้ รวมถึง การพบข้อมูลของตั้ม ที่มิได้เป็นแค่เพียง ที่ปรึกษาทางกฏหมายให้สุรเชษฐ์ แต่กลับเป็นหุ้นส่วนของวงการสีดาร์ค ทั้งใต้ดิน และบนดิน ที่พบว่าตั้มได้ไปเดินเตร็ดเตร่บ่อยๆ ในโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน ที่มีนักเล่นมือหนักๆมาใช้บริการ ย่านภูเก็ต
    คิงส์โพธิ์ดำเชื่อว่า นี่จะเป็นอีกวาระสำคัญ ที่ท้าทายให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบเส้นเงินของตั้ม เพื่อพิสูจน์ความจริง
    ...ทนายหิวแสง อาจสิ้นชื่อ เพราะการหลุดกลางรายการโหนกระแสครั้งนี้ ก็เป็นได้
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #ตั้มตกหลุมดักกลางโหนกระแส ล่าสุด ท่ามกลางการประกาศระหว่าง อัฉริยะ และตั้มทนายหิวแสง ในการสงบศึก ซึ่งมีที่มาที่ไปเกี่ยวกับค ดีที่มีผลเหมือนเป็นเกมส์บังคับให้อัจริยะต้องยอมประกาศกลางรายการโหนกระแส ...แต่หนุ่มกรรชัย ได้สนทนากลางรายการคล้ายกับการเปิดให้ตั้มได้แก้ตัว แต่กลับเป็นการสร้างประเด็นใหม่ ให้สังคมและเจ้าหน้าที่ต้องจับตา โดย หนุ่ม ได้ถามตั้มว่า คุณเป็นทนายที่รายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เพราะเหตุใด คุณถึงใช้ชีวิตแบรนด์เนมส์ หรูหรา นั่เฟิสคลาส ผมเองก็สงสัย ผมเปิดโอกาสให้คุณได้อธิบาย ตั้ม ได้เฉลยความนัย ว่าตนเองได้รับมา 2 ล้าน ยูโร 2 ล.x 36.45 บ. = เกือบ 80 ล. โดยอ้างว่า เป็นเงินเสี่ยงโ ชค ที่เค้าโอนมาให้ในบช เป็น............ ซึ่ง จากข้ออ้างของที่มาของยอดเงิน วิธีการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกต่างรู้กันดีว่า เป็นกระบวนการของการฟอก โดยอ้างที่มาว่ามาจากการเสี่ยงโชคในต่างประเทศ ...จึงเกิดประเด็นใหม่ ให้หน่วยงานได้เข้าไปทำการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมา ตั้ม มีความเกี่ยวข้องกับ สรุเชษฐ์หักพาน ที่เป็นเจ้าพ่อเว็บออนไลน์ และพบเส้นทางของเงินดาร์ค อย่างปฏิเสธไม่ได้ รวมถึง การพบข้อมูลของตั้ม ที่มิได้เป็นแค่เพียง ที่ปรึกษาทางกฏหมายให้สุรเชษฐ์ แต่กลับเป็นหุ้นส่วนของวงการสีดาร์ค ทั้งใต้ดิน และบนดิน ที่พบว่าตั้มได้ไปเดินเตร็ดเตร่บ่อยๆ ในโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน ที่มีนักเล่นมือหนักๆมาใช้บริการ ย่านภูเก็ต คิงส์โพธิ์ดำเชื่อว่า นี่จะเป็นอีกวาระสำคัญ ที่ท้าทายให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบเส้นเงินของตั้ม เพื่อพิสูจน์ความจริง ...ทนายหิวแสง อาจสิ้นชื่อ เพราะการหลุดกลางรายการโหนกระแสครั้งนี้ ก็เป็นได้ #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิ๊กโจ๊ก ยังรุกหนัก ตามจี้นายกฯอุ๊งอิ๊ง สอบ ขรก.เอี่ยวเว็บพนัน
    .
    แม้ว่าในปีนี้จะเป็นในรอบหลายปีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผบ.ตร. หลุดวงจรอำนาจ ไม่ได้มีชื่อเป็นแคนดิเดทผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ปรากฎว่ายังมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ได้มีคำสั่งนายกฯที่ 306 / 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามเรื่องร้องเรียน
    .
    โดยในหนังสือดังกล่าวมีเนื้อความตอนหนึ่งว่า "ด้วยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้มีหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 21 สิงหาคม ปรากฎมีการพาดพิงข้าราชการหลายประเภท ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ภายใต้หลักธรรมาภิบาลความโปร่งใสและความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงมีคำสั่งให้คณกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามเรื่องร้องเรียน ประกอบด้วย 1.นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ประธานกรรมการ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติกรรมการ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ผู้แทนกรมชลประทาน กรรมการ ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรรมการ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กรรมการ ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการและเลขานุการ"
    .
    "คณะกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว แล้วรายงานนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วัน ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องไม่ก้าวล่วงหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว
    .
    จากนั้นปรากฎว่าในวันที่ 8 ตุลาคม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอสำเนาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและอ้างพยานบุคคลให้ถ้อยคำเกี่ยวกับการดำเนินการกับข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการการเมืองและพนักงานส่วนท้องถิ่น
    .
    โดยเนื้อความของหนังสือดังกล่าวระบุตอนหนึ่งว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง ข้าพเจ้ากราบเรียนนายกฯ ขอให้พิจารณาดำเนินการกับข้าราชการตำรวจ ช้าราชการพลเรือน ข้าราชการการเมือง และพนักงานส่วนท้องถิ่น กรณีพบพยานหลักฐานมีการพาดพิงบุคคลจำนวนหลายรายว่ามีพฤติการณ์รับโอนเงินจากเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งต่อมาข้าพเจ้ามีหนังสือขอให้นายกฯเร่งรัดให้มีการดำเนินการทางวินัยและอาญากับบุคคลที่ถูกพาดพิง รวมทั้งขอให้นายกฯเป็นผู้พิจารณาสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 แต่ปรากฎว่าสำนักเลขาธิการนายกฯได้มีหนังสือนำกราบเรียนนายกฯพิจารณาแล้ว มีบัญชาให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจพิจารณา พร้อมทั้งได้มีคำสั่งสำนักนายกฯ ลับ ที่ 306/2567 นั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการดำเนินการที่จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ อันเป็นเอกสารไม่เกี่ยวกบการวินิจฉัยพิจารณา โดยข้าพเจ้าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกกล่าวหาในเรื่องเว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความถูกต้องโปร่งใสในการดำเนินการของนายกฯ ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ ดังนี้
    .
    1.ขอสำเนาคำสั่งนายกฯ ลับ ที่ 306/2567 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเรื่องร้องเรียนลงวันที่ 5 กันยายน โดยลบ ตัดทอนหรือทำด้วยประการอื่นใดมิให้ปรากฎชื่อบุคคลที่อาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียนั้น
    .
    2.ขออ้างพันตำรวจโท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นพยานบุคคลเพื่อให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการกับข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการการเมือง และพนักงานส่วนท้องถิ่นตามคำสั่งสำนักนายกฯ เนื่องมาจากเป็นผู้ได้รับข้อมูลการเดินบัญชีของบุคคลที่เกี่ยวข้องว่ามีความสัมพันธ์กับนางสาวพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผู้ถูกกล่าวหาในคดีเว็บพนันออนไลน์อย่างไร จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    บิ๊กโจ๊ก ยังรุกหนัก ตามจี้นายกฯอุ๊งอิ๊ง สอบ ขรก.เอี่ยวเว็บพนัน . แม้ว่าในปีนี้จะเป็นในรอบหลายปีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผบ.ตร. หลุดวงจรอำนาจ ไม่ได้มีชื่อเป็นแคนดิเดทผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ปรากฎว่ายังมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ได้มีคำสั่งนายกฯที่ 306 / 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามเรื่องร้องเรียน . โดยในหนังสือดังกล่าวมีเนื้อความตอนหนึ่งว่า "ด้วยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้มีหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 21 สิงหาคม ปรากฎมีการพาดพิงข้าราชการหลายประเภท ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ภายใต้หลักธรรมาภิบาลความโปร่งใสและความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงมีคำสั่งให้คณกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามเรื่องร้องเรียน ประกอบด้วย 1.นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ประธานกรรมการ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติกรรมการ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ผู้แทนกรมชลประทาน กรรมการ ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรรมการ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กรรมการ ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการและเลขานุการ" . "คณะกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวข้องกับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว แล้วรายงานนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วัน ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องไม่ก้าวล่วงหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว . จากนั้นปรากฎว่าในวันที่ 8 ตุลาคม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอสำเนาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและอ้างพยานบุคคลให้ถ้อยคำเกี่ยวกับการดำเนินการกับข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการการเมืองและพนักงานส่วนท้องถิ่น . โดยเนื้อความของหนังสือดังกล่าวระบุตอนหนึ่งว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง ข้าพเจ้ากราบเรียนนายกฯ ขอให้พิจารณาดำเนินการกับข้าราชการตำรวจ ช้าราชการพลเรือน ข้าราชการการเมือง และพนักงานส่วนท้องถิ่น กรณีพบพยานหลักฐานมีการพาดพิงบุคคลจำนวนหลายรายว่ามีพฤติการณ์รับโอนเงินจากเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งต่อมาข้าพเจ้ามีหนังสือขอให้นายกฯเร่งรัดให้มีการดำเนินการทางวินัยและอาญากับบุคคลที่ถูกพาดพิง รวมทั้งขอให้นายกฯเป็นผู้พิจารณาสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 แต่ปรากฎว่าสำนักเลขาธิการนายกฯได้มีหนังสือนำกราบเรียนนายกฯพิจารณาแล้ว มีบัญชาให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจพิจารณา พร้อมทั้งได้มีคำสั่งสำนักนายกฯ ลับ ที่ 306/2567 นั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการดำเนินการที่จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ อันเป็นเอกสารไม่เกี่ยวกบการวินิจฉัยพิจารณา โดยข้าพเจ้าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกกล่าวหาในเรื่องเว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความถูกต้องโปร่งใสในการดำเนินการของนายกฯ ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ ดังนี้ . 1.ขอสำเนาคำสั่งนายกฯ ลับ ที่ 306/2567 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเรื่องร้องเรียนลงวันที่ 5 กันยายน โดยลบ ตัดทอนหรือทำด้วยประการอื่นใดมิให้ปรากฎชื่อบุคคลที่อาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียนั้น . 2.ขออ้างพันตำรวจโท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นพยานบุคคลเพื่อให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการกับข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการการเมือง และพนักงานส่วนท้องถิ่นตามคำสั่งสำนักนายกฯ เนื่องมาจากเป็นผู้ได้รับข้อมูลการเดินบัญชีของบุคคลที่เกี่ยวข้องว่ามีความสัมพันธ์กับนางสาวพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผู้ถูกกล่าวหาในคดีเว็บพนันออนไลน์อย่างไร จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมายต่อไป .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1146 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ได้เวลาล้างบางสตม
    โจ๊ก แม้จะกลายเป็นข้าวต้มเละ จากแมวเก้าชีวิต แต่ใช้ไปหมดไม่เหลือ สิ้นภาพการกลับมายิ่งใหญ่อย่างที่ใฝ่ฝัน แม้จะมีพ่อบุญธรรม อย่างเสรีพิสทธิ์ ช่วยปูทาง พาลัดเลาะกฏกติกา เลี่ยงอย่างไร ก็ไม่สามารถกู้ลมหายใจในวงการสีกากีของโจ๊ก กลับมาได้
    แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง ยังไม่จางหาย ที่คล้ายกับเป็นทายาทอสูร หากย้อนกลับไป สมัยโจ๊ก เรืองอำนาจ ได้ใช้หน่วยงาน สตม.ในการเป็นแหล่งรายได้มหาศาล ทั้งจากการรีดทรัพย์จากกลุ่มทุนจีน และแรงงานที่เป็นต่างด้าว ที่เป็นกลุ่มที่อยู่ในกำกับดูแลของสตม. เอื้อให้ต่างด้าว อยู่ในประเทศไทย อย่างไม่ถูกต้อง เป็นปฐมบทแห่งความร่ำรวย ที่โจ๊กสร้างแบบแผนไว้อย่างมั่นคง
    แม้โจ๊กจากไปแบบไม่หวนกลับ ผู้รับช่วงต่อ ชื่อในวงการตร. เรียกว่า แม่นดำ ซึงถามถึงความซั่วก็กินกันไม่ลงกับโจ๊กเลยแม้แต่น้อย หรืออาจจะเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกเหนือจากการเรียกรับเก็บแบบรายเดือน กับต่างด้าวที่ไม่ได้ขออนุญาต เดือนละ 500 ต่อหัว ซึ่งมีจำนวนนับล้านคนในปัจจุบัน หรือถ้าขาดการต่อการขออนุญาตที่เข้ามาอย่างถูกกฏหมาย กลุ่มนี้ หลายพันบ.ต่อหัวต่อเดือน ซึ่งยอดรวมมหาศาลนี้ ก็ยังไม่ทำให้เม่นดำอิ่มได้
    ยังคงดำเนินต่อ ไปยังส่วยบ่ออน สถานบันเทิง ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเองเลยแม้แต่น้อย
    ปัจจุบัน เม่นดำ มีความทะเยอทะยาน วิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่งในระดับ ผู้บัญชาการ สตม. เพราะยังเชื่อว่าเส้นสายที่โจ๊กได้วางไว้ ตนจะสามารถเข้ามาแทนได้อย่างเต็มรูปแบบ บ้างก็อ้างว่า แม่นดำ เป็นเด็กในคาถาของลุง ส่วนลุงไหน ไม่รู้ว ไม่รู้วจริงๆ
    คิงส์โพธิ์ดำ พินิจพิเคราะห์แล้วว่า ถ้าจะถึงเวลาอันสมควร ในการล้างบางกลุ่มอำนาจ ที่มีบริบทเป็นทายาทอสูร ต่อจากโจ๊ก มิเช่นนั้น คนไทย ก็ไม่ต่างจากการหนี้เสือ ปะตะกวด เจ้าของกิจการแทนที่จะได้การอำนวยความสะดวก จากสตม. ให้แรงงานของตนสามารถนำเข้าสู่ระบบ ให้ถูกต้อง กลับกลายเป็นต้องตกอยู่ในสภาวะถูกรีด ไถ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยังไม่รวมถึง สวัสดภาพของคนไทย ที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนต่างด้าวที่ไม่มีประวัติใดๆ แต่อยู่ได้จากการจ่ายส่วย ทำให้ต้องถามถึงความปลอดภัยของตนและคนในครอบครัว
    เป็นโจทย์สำคัญ ให้รัฐบาลอิ๊ง 1 โดยเฉพาะ เสี่ยหนู มท.1 ที่มีความตั้งใจจริงในการล้างบาง ความตำบอลที่เกิดขึ้นในสตม.หรือไม่
    เพราะหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนไทย จะต้องพบกับแม่นดำแทนมารดำ ที่พร้อมต้อนรับเงินสีเทา และแผ่ขยายอำนาจจนสะเทือนทั้งประเทศยิ่งกว่าสุรเชษฐ์ หักพาลก็เป็นได้
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #ได้เวลาล้างบางสตม โจ๊ก แม้จะกลายเป็นข้าวต้มเละ จากแมวเก้าชีวิต แต่ใช้ไปหมดไม่เหลือ สิ้นภาพการกลับมายิ่งใหญ่อย่างที่ใฝ่ฝัน แม้จะมีพ่อบุญธรรม อย่างเสรีพิสทธิ์ ช่วยปูทาง พาลัดเลาะกฏกติกา เลี่ยงอย่างไร ก็ไม่สามารถกู้ลมหายใจในวงการสีกากีของโจ๊ก กลับมาได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง ยังไม่จางหาย ที่คล้ายกับเป็นทายาทอสูร หากย้อนกลับไป สมัยโจ๊ก เรืองอำนาจ ได้ใช้หน่วยงาน สตม.ในการเป็นแหล่งรายได้มหาศาล ทั้งจากการรีดทรัพย์จากกลุ่มทุนจีน และแรงงานที่เป็นต่างด้าว ที่เป็นกลุ่มที่อยู่ในกำกับดูแลของสตม. เอื้อให้ต่างด้าว อยู่ในประเทศไทย อย่างไม่ถูกต้อง เป็นปฐมบทแห่งความร่ำรวย ที่โจ๊กสร้างแบบแผนไว้อย่างมั่นคง แม้โจ๊กจากไปแบบไม่หวนกลับ ผู้รับช่วงต่อ ชื่อในวงการตร. เรียกว่า แม่นดำ ซึงถามถึงความซั่วก็กินกันไม่ลงกับโจ๊กเลยแม้แต่น้อย หรืออาจจะเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกเหนือจากการเรียกรับเก็บแบบรายเดือน กับต่างด้าวที่ไม่ได้ขออนุญาต เดือนละ 500 ต่อหัว ซึ่งมีจำนวนนับล้านคนในปัจจุบัน หรือถ้าขาดการต่อการขออนุญาตที่เข้ามาอย่างถูกกฏหมาย กลุ่มนี้ หลายพันบ.ต่อหัวต่อเดือน ซึ่งยอดรวมมหาศาลนี้ ก็ยังไม่ทำให้เม่นดำอิ่มได้ ยังคงดำเนินต่อ ไปยังส่วยบ่ออน สถานบันเทิง ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเองเลยแม้แต่น้อย ปัจจุบัน เม่นดำ มีความทะเยอทะยาน วิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่งในระดับ ผู้บัญชาการ สตม. เพราะยังเชื่อว่าเส้นสายที่โจ๊กได้วางไว้ ตนจะสามารถเข้ามาแทนได้อย่างเต็มรูปแบบ บ้างก็อ้างว่า แม่นดำ เป็นเด็กในคาถาของลุง ส่วนลุงไหน ไม่รู้ว ไม่รู้วจริงๆ คิงส์โพธิ์ดำ พินิจพิเคราะห์แล้วว่า ถ้าจะถึงเวลาอันสมควร ในการล้างบางกลุ่มอำนาจ ที่มีบริบทเป็นทายาทอสูร ต่อจากโจ๊ก มิเช่นนั้น คนไทย ก็ไม่ต่างจากการหนี้เสือ ปะตะกวด เจ้าของกิจการแทนที่จะได้การอำนวยความสะดวก จากสตม. ให้แรงงานของตนสามารถนำเข้าสู่ระบบ ให้ถูกต้อง กลับกลายเป็นต้องตกอยู่ในสภาวะถูกรีด ไถ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยังไม่รวมถึง สวัสดภาพของคนไทย ที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนต่างด้าวที่ไม่มีประวัติใดๆ แต่อยู่ได้จากการจ่ายส่วย ทำให้ต้องถามถึงความปลอดภัยของตนและคนในครอบครัว เป็นโจทย์สำคัญ ให้รัฐบาลอิ๊ง 1 โดยเฉพาะ เสี่ยหนู มท.1 ที่มีความตั้งใจจริงในการล้างบาง ความตำบอลที่เกิดขึ้นในสตม.หรือไม่ เพราะหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนไทย จะต้องพบกับแม่นดำแทนมารดำ ที่พร้อมต้อนรับเงินสีเทา และแผ่ขยายอำนาจจนสะเทือนทั้งประเทศยิ่งกว่าสุรเชษฐ์ หักพาลก็เป็นได้ #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts