• เปิดเทอม ภาระผู้ปกครองตรึมจริงๆ,ยิ่งภาวะเศรษฐกิจขนาดนี้,แถมบางโรงเรียนมีนโยบายตนเองเปิดหลักสูตรห้องพิเศษโปรแกรมต่างๆเก็บค่าเทอมอีกซึ่งภาระจริงๆคือรัฐ(คนยากจนไม่ต้องแห่ไปโรงเรียนเอกชนจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆเพื่อหวังเข้าทำงานดีๆในภาครัฐหรือภาคเอกชนเองแบบผู้ปกครองพ่อแม่ซึ่งส่วนใหญ่คือคนข้าราชการตำแหน่งดีๆมีตังใหญ่โตพอจ่ายค่าเทอมนั้นนั้นล่ะหรือคนค้าขายมำกิจการพอมีตังก็ว่า)ต้องเปิดหลักสูตรพื้นฐานเป็นหลักและเสริมอื่นๆเป็นรองในแบบฟรีๆเช่นกันจะภาษาจะการเล่าเรียนยุคAIต่างๆให้ทุกๆเยาวชนไทยเล่าเรียนสะดวกสบายเต็มที่หรือไร้กังวลค่าใช้จ่ายใดๆเกี่ยวกับการศึกษาของเยาวชน โดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการศึกษา อาทิเครื่องเขียนแบบเรียนชุดนักเรียนต่างๆจะเป็นชุดนักเรียนธรรมดาชุดพละชุดลูกเสือใ้ดๆต้องฝ่ายรัฐจัดหาให้ทันทีเมื่อเยาวชนไทยเข้าศึกษาในสถาบันการเรียนของรัฐขั้นพื้นฐานคือจริงๆต้อง อนุบาลถึงม.ปลายหรือวิทยาลัยอาชีพ ปวช.ก็ว่า,เรามีบ่อทองคำ บ่อน้ำมันเต็มประเทศขายทำกำไรเองได้มหาศาล,มิใช่ยากจนเหมือนในอดีตก่อนขุดสำรวจเจอน้ำมันเลย,นี้คือการปกครองที่ผู้นำล้มเหลว วิถีปกครองที่ผิดพลาด ไม่ปรับปรุงใดๆในความล้มเหลวนั้น เช่นโมฆะสัมปาทานปิโตรเลียมทาสที่ถูกปล้นชิงไปจากคนไทยทั้งหมดแล้วคิดอ่านทำใหม่ทั้งไม่เปิดสัมปทานใดๆอีกแก่ต่างชาติต้องทำเอง แม้ยุคทหารที่ยึดอำนาจล่าสุดก็ยังเปิดสัมปทานต่างชาติในอ่าวไทยถึง2แปลงที่เป็นข่าวใหญ่โต จนประเทศซาอุฯแอ็คชั่นรับไม้ต่อหมายสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่ยักษ์ที่ประเทศไทยเป็นฮับแหล่งคลังน้ำมันของเอเชียและอาจส่งออกทั่วโลก ทั้งยึดคลองคลองคอดกระหรือแลนด์บริดจ์ในตัวด้วย,ชาวนามีข้าวมากมายจึงสร้างคลังฉางข้าวกักเก็บไว้จากที่เหลือหรือมีมากมายในไร่นาประชาชน,อันเดียวกัน น้ำมันหรือเนื้อปิโตรเลียมเรามีมากมายมหาศาลเช่นกันจึงสามารถสร้างคลังแสงขนาดใหญ่รอรับเนื้อน้ำมันนี้ทั้งผีบ้าอะไร ไทยจะมีโรงกลั่นมากมายกว่า5-6โรง กลั่นน้ำมันอะไรบ้าคลั่งขนาดนั้น เพราะมีน้ำมันมากนั้นเอง,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาด ไม่ยึดประโยชน์ประชาชนห่าอะไร กอบโกยโดยรัฐฐะที่ผิดจรรยาบรรณเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์เสียเองจนนำพาประชาชนตนยากจนทั่วทั้งประเทศ ค่าครองชีพก็แพงจากต้นทุนพื้นฐานคือพลังงานแพง ขนส่งอ้างน้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น ร้านค้าอ้างน้ำมันแพงขนส่งแพงปรับราคาสินค้าขึ้น,โรงงานผู้ผลิตฮั่วกันทั้งประเทศอ้างน้ำมันแพงปรับราคาสินค้าขึ้น ซึ่งเราเห็นๆกันจริงชัดเจนจากอดีตถึงปัจจุบันตั้งพันธมิตรชุมนุมประท้วงขับไล่โทนี่หรือหลังปตท.เข้าตลาดหุ้นก็ด้วยจาก ร.9 ถึง ร.10 เราประเทศไทยเสียอธิปไตยบ่อปิโตรเลียมไปได้คืนมาจริงทั้งหมดกี่บ่อกี่หลุมเจาะ ,อิหร่านมีบ่อน้ำมันน้อยกว่าไทยทำไมขายถูกๆได้ที่ลิตรละ1-2บาทไม่ผสมเอทานอลอะไรด้วยทั้งเบนซินดีเชลก็ลิตรละ1-2บาท,วิถีการปกครองเราควรยุบทิ้งมั้ยแบบนี้,
    ..การศึกษาคือปัญญาสร้างชาติในอนาคต
    ..รัฐฐะเราทำลายการศึกษาตนเองคือทำลายชาติชัดเจน
    ..ประชาชนเติบโตมาจนเป็นชาติก็ผ่านกระบวนการเรียนผิดเรียนจากสถานศึกษาก่อน แม้การดำรงชีวิตคือระหว่างทางของการเรียนรู้ศึกษาจริงตลอดเวลา แต่ก้าวแรกต้องผ่านพื้นฐานนี้หมดร่วมกันจึงต่อยอดใครมันในอนาคตร่วมกันดำรงชาติไทยต่อไปได้.
    ..นี้อะไร บ้านเมืองถูกแทรกแซงการปกครองตลอด วุ่นวายโกลาหล ทำให้ประชาชนลำบากบวกยากจนลงต่ำตลอดเวลาถึงปัจจุบัน,จนเข้าสู่ยุคล้ำๆรุ่นAIหุ่นยนต์ก็ยังแบบเดิมๆไม่พัฒนาให้คนไทยร่ำรวยมั่งคั่งจนใครชาติไหนหรือนักการเมืองใดๆไม่สามารถเอาเศษตังมาซื้อเสียง เอาตังจากต่างประเทศมาซื้อคนไทยย่ำยีคนทั้งชาติง่ายดายแบบปัจจุบันขนาดนี้,สงครามตังสงครามเงินแท้ๆตังคืออาวุธของยุคนี้ เศรษฐกิจชื่อสมมุตินี้คือมุ่งหาทำตังทำเงินนี้ล่ะวลีบาลีบิดคำแค่นั้น,แต่วิถีปกครองคนนำปกครองเสือกไร้สมองคิดอ่านไปยกอาวุธตน ทิ้งอาวุธตนในการปกป้องตนเองทิ้งเสีย ทิ้งตังทิ้งความร่ำรวยมั่งคั่งของคนทั้งแผ่นดินไทย ปล่อยคนไทยพบเจอความยากจนแทนบนใต้ตีนคนปกครองที่เหยียบความจนเองในโคต,รเหง้าตระกูลบรมโคตรมันเองเสวยความร่ำรวยมั่งคั่งในโคตรเหง้าบรมตระกูลชนชั้นมันที่ผูกขาดความร่ำรวยมั่งคั่งเอง ทั้งมาในมุกเอกชนผูกขาดเอง&อ้างทำในนามกึ่งเอกชนหรือเอกชนเต็มๆทั้งสไตล์เอกชนไทย มุกสไตล์เอกชนต่างชาติก็ด้วยหรือคนไทยชั่วๆเลวๆตัวดีตัวเลวตัวชั่วของแท้เองนี้ล่ะทำทีเป็นต่างชาติ&มาในมุกคนต่างชาติเอกชนต่างชาติหรือนอมินีตัวแทนคนต่างชาติหรือเหี้ยถือหุ้นต่างชาติร่วมกับต่างชาติหรือของมันเองทั้งหมดมาในฟอร์มต่างชาติปลอมๆมายึดแดกครอบครองผูกขาดเองก็ด้วย จะบ่อน้ำมันบ่อทองคำ แหล่งแร่ทรัพยากรมีค่ามากมายอื่นๆหรือสัมปทานผูกขาดสไตล์มวลรวมมวลชนคนใช้มากๆทัังหมดของประเทศมันนี้ล่ะจะยึดครองก็ว่า อาทิราคาน้ำมันขึ้นลงตามใจมันก็ด้วยในอดีต,จนอะไรๆแพงทั้งแผ่นดิน ชุดนักเรียนแพง ค่าใช้จ่ายแพง เงินเฟ้อขึ้นไร้ค่า ก๋วยเตี๋ยวปกติชามละ10-20บาทปัจจุบัน50-80บาท ข้าวจานละ15-20บาท ปัจจุบัน45-80บาท
    ..ทั้งหมดคือวิถีปกครองในประเทศไทยเราเองที่ผิดพลาด จนนักเรียนแม้ผ่านการเล่าเรียนขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องกู้กยศ.เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเป็นจำนวนมาก จบมาตกงานมหาศาลทั้งกิจการมากมายต่างด้าวเอาทดแทนเป็นอย่างมากแย่งงานคนไทยแม้ระดับโรงงานทั่วไปต่างด้าวยังเต็มโรงงาน ,กิจการมากมายถูกต่างชาติต่างด้าวกลืนกินยึดครองบวกผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก,มันคือการปกครองที่ล้มเหลว เสี่ยงต่อภัยด้านความมั่นคงของประชาชนคนไทยภายในด้วย.ประชาชนถูกทอดทิ้งในระดับมหาภาคชัดเจนถึงระดับย่อย,พบเจอต่อปัญหาการเงินของทั้งส่วนตัวและระดับครอบครัวเป็นอันมาก รวมถึงคนของระบบราชการเองที่หนี้สินเงินกู้ยืมมีไม่น้อย หนี้บ้านหนี้รถคนพวกนี้หลายคนแทบไปรอดเช่นกัน ขับเคลื่อนด้วยหนี้ทั้งประเทศซึ่งเป็นการเติบโตที่ผิด&ไร้ความมั่นคง,เพียงสมดุลพัง ระบบราชการจะพังทันที เช่นรัฐบาลไม่มีตังจ่ายเงินเดือนคนราชการ คลังตังหมด ทุนสำรองประเทศหมดสิ้นหรือคิดใช้ซื้อBTCคริปโตฯต่างๆแทนตังทุนสำรองประเทศ นี้ก็เหี้ยแล้ว,ประชาชนเงินฝืดบวกหนี้ทั้งในระบบที่กู้ไปก็ใช้คืนไม่ทันไม่ได้เช่นพวกธกส.ชาวนาชาวไร่ชาวสวนต่างๆ ข้าว&พืชไร่พืชสวนพื้นฐานอื่นๆแบบข้าวราคาตันไม่กี่พัน มันคืออะไร,จนมาเทนมทิ้งเทน้ำมันพืชทิ้งประท้วงล่าสุด,
    ..การศึกษามันสำคัญและเดอะแก๊งไม่ดีมากมายหาประโยชน์ในระบบการศึกษานี้ทั้งมาในมุกล้างสมองทำลายเยาวชนไทยล้มสถาบันก็ว่า,ทัังกอบโกยรายได้จากการค้าระบบการศึกษาอีกผ่านช่องทางมากมายในกระบวนการศึกษาและกับสถานศึกษาเองต่างๆทั่วประเทศ,เม็ดเงินมหาศาลจริงๆที่ได้จากระบบการศึกษาของไทยเรา,ไม่ต่างจากเม็ดเงินมหาศาลที่ได้จากการขายยาตั้งแต่ยุคฉีดวัคซีนโควิดจนขายยามากมายสาระพัดต่อคนอักเสบและถึงตายจากคนไทยเราที่ต้องถูกบังคับฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มาใช้มุกทัังเชิญชวนทั้งกึ่งบังคับ&บังคับในรูปแบบต่างๆที่ไม่เป็นทางการเพราะถ้าเป็นทางการและเปิดเผยจะถือว่าผิดกฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตนภายในประเทศตนเองได้และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะสามารถถูกตัดสินสากลให้มีความจริงชัดเจนได้ทันทีบวกสามารถจับลงโทษระดับโลกทันทีได้ที่กฎหมายในแต่ละประเทศนั้นๆไม่สามารถปกป้องพวกนี้ได้.,แม้กระนั้นถึงกลัวตายก็บังคับฉีดทางอ้อมทางกลไกสังคมมาอ้างชอบธรรมแก่พวกมันฉีดคนไทยครบกว่า60ล้านคน,ซึ่งคนพวกนี้สมควรถูกกวาดล้างแต่ก็ยังไม่เห็นใครที่เกี่ยวข้องโดนลงโทษจริงจังสักคนในไทยและทำให้เป็นข่าวจริงอย่างเปืดเผยผ่านสื่อหลักไทยเรา,ชาติไทยเราหากไม่พลิกจริงจัง ไม่เปลี่ยนแปลงจริงจัง ไม่นานสิ้นชาติไทยแน่นอน อาจเป็นสาขาหนึ่งของชาติพม่าสาขาหนึ่งของชาติเขมรหรือมลฑลหนึ่งของจีนในอนาคตที่deep state ไม่ต้องออกตัวออกหน้าโชว์ลงมือ,แบบเช่นblackrock vanguardไม่ต้องออกตัวออกหน้ายึดครองประเทศไทยทางเศรษฐกิจหรือการลงทุนใดๆให้สมุนขี้ข้ารับใช้กิจการเครือข่ายลูกหลานมันจัดการประเทศไทยก็จบแล้วเพราะเกือบทุกๆบริษัทใหญ่ๆแบรนด์ใหญ่ๆระดับโลกในประเทศไทยล้วนคือขี้ข้ากิจการทาสสมุนรับใช้ทุนใหญ่หลังฉากอย่างvanguardหรือblackrockที่ต้องการยึดภาคใต้ยึดครองแลนด์บริดจ์ไทยคลองคอดกระไทยหรืออ่าวไทยทะเลสองฝั่งไทยเราสิ้น.,แค่มันใช้มุกขนคนมาอยู่ไทยเช่นต่างชาติเอยพม่าเอยอยู่กระจายทั่วทั้งภาคใต้ก็อนาถแล้วและไร้มาตรการจริงจังผลักดันถีบออกจากประเทศไทยจริงจังเลย,แย่งพื้นที่การศึกษาเยาวชนไทยตนเองอีก,ต่างชาติใดอยากส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติก็พาคนต่างชาติต่างด้าวออกไปสร้างที่ประเทศตนเองส่งเสริมสนับสนุนกันที่ชาติมรึงเต็มที่อย่ามาใช้แผ่นดินไทยสร้างสถานที่ส่งเสริมนั้นนี้บนแผ่นดินไทยเราและมิได้ส่งเสริมสนับสนุนคนไทยเยาวชนไทยเราด้วย,นี้คือการช่วบเลี้ยงดูคนต่างชาติต่างด้าวในบ้านเราเองจากนั้นก็เริ่มขบวนการยึดบ้านเจ้าของคนนั้นๆเช่นมุกออกลูกออกหลานมากๆในบ้านหลังนั้นจากนั้นก็จะได้กรรมสิทธิ์เต็มที่ร่วมกันลูกหลานคนเจ้าของบ้านเดิมที่ตนถูกเลี้ยงดูจากพวกต่างชาติที่สนับสนุนตนก็ว่าตอนเริ่มต้น,พม่ามาอยู่ไทย เขมรลาวแกวมาอยู่ไทย แขกอินเดียแขกอาหรับยิวอิสราเอลมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานเต็มแผ่นดินไทยได้สัญชาติไทยได้สิทธิในที่ดินแผ่นดินเต็มสมบูรณ์กว่า20-30ล้านคนใน20ปีข้างหน้าเป็น100-200ล้านคน ชาติไทยจะเหลือแผ่นดินไทยให้คนไทยจริงๆเท่าไร ,ดูแกวดูจีนสมัยก่อนมุกแบบสงครามพม่าปัจจุบันอพยพมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานตรึมได้สัญชาติไทยยึดไทยไม่ต้องรบหรือใช้อาวุธอะไร,ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือลูกหลานแกวจีนยึดตำแหน่งปกครองใหญ่โตในระบบราชการไทยและกิจการใหญ่โตสายเลือดใหญ่ในไทย ไทยก็เสร็จนะสิ,เขาระดมทุนผ่านสมาคมจีนสมาคมแกวได้สบาย แกวจีนส่งตังมหาศาลให้สมาคมนี้เอาไปใช้ยึดกิจการไทยส่งลูกหลานคนจีนแกวเข้าทำงานในตำแหน่งใหญ่ให้ได้บนแผ่นดินไทยบอกว่ารักประเทศไทยรักสถาบันไทยก็จบแล้ว,ร้านทองเจ๊กจีนแกวยึดค้าขาย แบบพม่าในปัจจุบันยึดตลาดคนไทยค้าขายแทน ทวงหนี้นอกระบบก็ด้วย,สมาคมพลัดถิ่นรักบ้านเกิดเมืองนอนตนพะนะจีนเอยแกวเอยให้ตังสนับสนุนคนจีนแกวในไทยที่อพยพหนี้ตายมาไทยสมันสงครามก็ว่า,เหยียบย่ำคนไทยเนียนๆเชือดนิ่มๆยึดที่ดินผ่านร้านทองจำนองจำนำตรึม ยึดผ่านแบงค์ต่างๆอีกที่ค้ำประกันเงินกู้โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน,ยุคนี้ถ้าผู้ปกครองยังโง่เขลากากกระจอกไม่ล้ำสมัยในสงครามตังนี้อันตรายมากๆ สงครามตังคือสงครามหลักโดยใช้AIเป็นทหารยิงกระสุนแทนอีก,เพราะไม่ว่าจะล้ำจะใช้AIล้ำๆขนาดไหน มันก็ขับเคลื่อนด้วยตังนี้ล่ะ,ตังกระดาษตังดิจิดัลก็คือตัง,เล่าเรียนก็ใช้ตังทุกๆขณะที่ดำเนินขณะภาคเรียนใดๆ.ประเทศไทยเราได้เปรียบมากมาย ตังมีมหาศาลผ่านทรัพยากรบนแผ่นดินไทยและไม่ใช่แค่บ่อน้ำมันหรือบ่อทองคำ เราต่อยอดต่างๆได้ตังมหาศาลแทบไม่แตะต้องทรัพยากรมีค่าอีกก็ได้ นำออกมาใช้ยามจำเป็นฉุกเฉินขาดแคลนก็ได้,เราสามารถสร้างประเทศไทยสร้างชาติสร้างคนไทยทั้งประเทศให้แข็งแกร่งพร้อมเข้าสนามรบสงครามพันทางกับศัตรูของชาติไทยได้อย่างสบายๆแม้มารอบด้านก็ได้,ข้าวปากอาหารเต็มประเทศอีก,แต่คนปกครองเรามันกาก&เหี้ยจริงๆนะ ,เราไม่สมควรดำรงรักษาคนแบบนี้ไว้เลย,นำพาประชาชนทั้งแผ่นดินไทยมั่นคงในความยากจนนานพอแล้ว.และการเล่าเรียนของเยาวชนรวมทั้งของคนไทยทุกๆคนสามารถเล่าเรียนฟรีๆถึงป.เอกได้หรือเรียนรู้ตลอดชีวิตแม้จบสถานศึกษาขั้นปกติก็ตาม ,ฝึกอบรมสัมมาอาชีพพร้อมทุนตั้งตัวตั้งตนเริ่มต้นเพื่อยืนด้วยขาตนเองใครมันคนไทยร่วมกันก็สามารถส่งเสริมได้,เราใช้ตังในชาติไทยเราช่วยเหลือคนไทยเราทำไมจะทำไม่ได้.,เพราะเหี้ยไปยกตังมหาศาลมากมายให้คนอื่นไง.,ตย.ง่ายๆแบบยกบ่อน้ำมันบ่อทองคำตัวทำตังของประเทศไทยให้คนอื่นยึดครอง,ตนไม่มีวัตถุดิบทำตังเลยบนแผ่นดินตนเองแท้ๆมันคือเหี้ยอะไรล่ะ,นี้ไงจึงต้องฉีกทิ้งสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ในอดีตกับต่างชาติและอยุติธรรมเอาเปรียบ&ปล้นชิงแย่งชิงเราในรูปแบบสัญญาต่างๆนั้น,โมฆะทั้งหมด,เราก็จะคืนธิปไตยเรามาทั้งหมด,จากนั้นจับมือจริงจังกับมิตรดีสหายดีทั่วโลกกันใหม่,ทำสัญญาดีๆไม่เอาเปรียบปล้นชิงแย่งชิงกันและกันใหม่,เป็นคู่ค้าคู่มิตรดีทั่วโลกใหม่,ใครเหี้ยก็เลิกคบจบ,ยุคนี้ต้องแบบนี้,ล้ำสมัยต้องแบบนี้,นี้เสือกมั่นคง คงไว้ในกฎหมายที่เอาเปรียบชาติตนเองปล้นตนเอง ล้ำสมัยห่าอะไร,แบบยึดอำนาจเสียของในอดีตนั้นล่ะรัฐประหารเสียของ,ฉลาดฉีกนักกฎหมายรัฐธรรมนูญเสือกไม่ฉีกกฎหมายทาสสัญญาทาสโมฆะมันทิังที่เอาเปรียบประชาชนตนไทยและชาติไทยตนเองแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะที่เป็นตย.ชัดเจนมาก กูรูมากมายแฉในอดีตตรึม ทั้งปกปิดค่าจริงความจริงอีกว่าประเทศไทยไม่มีบ่อน้ำมัน มีแต่น้อย แล้วเสือกแย่งชิงการสัมปทานตรึมหรือต้องได้รับการต่ออายุสัมปทานเดิมให้ได้.,ยุคเราสมควรจบความระยำบัดสบนี้จริงๆ.
    https://youtube.com/live/-I_7Ne9jNvs?si=ZuGvcgZ3Ang7J3-_
    เปิดเทอม ภาระผู้ปกครองตรึมจริงๆ,ยิ่งภาวะเศรษฐกิจขนาดนี้,แถมบางโรงเรียนมีนโยบายตนเองเปิดหลักสูตรห้องพิเศษโปรแกรมต่างๆเก็บค่าเทอมอีกซึ่งภาระจริงๆคือรัฐ(คนยากจนไม่ต้องแห่ไปโรงเรียนเอกชนจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆเพื่อหวังเข้าทำงานดีๆในภาครัฐหรือภาคเอกชนเองแบบผู้ปกครองพ่อแม่ซึ่งส่วนใหญ่คือคนข้าราชการตำแหน่งดีๆมีตังใหญ่โตพอจ่ายค่าเทอมนั้นนั้นล่ะหรือคนค้าขายมำกิจการพอมีตังก็ว่า)ต้องเปิดหลักสูตรพื้นฐานเป็นหลักและเสริมอื่นๆเป็นรองในแบบฟรีๆเช่นกันจะภาษาจะการเล่าเรียนยุคAIต่างๆให้ทุกๆเยาวชนไทยเล่าเรียนสะดวกสบายเต็มที่หรือไร้กังวลค่าใช้จ่ายใดๆเกี่ยวกับการศึกษาของเยาวชน โดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการศึกษา อาทิเครื่องเขียนแบบเรียนชุดนักเรียนต่างๆจะเป็นชุดนักเรียนธรรมดาชุดพละชุดลูกเสือใ้ดๆต้องฝ่ายรัฐจัดหาให้ทันทีเมื่อเยาวชนไทยเข้าศึกษาในสถาบันการเรียนของรัฐขั้นพื้นฐานคือจริงๆต้อง อนุบาลถึงม.ปลายหรือวิทยาลัยอาชีพ ปวช.ก็ว่า,เรามีบ่อทองคำ บ่อน้ำมันเต็มประเทศขายทำกำไรเองได้มหาศาล,มิใช่ยากจนเหมือนในอดีตก่อนขุดสำรวจเจอน้ำมันเลย,นี้คือการปกครองที่ผู้นำล้มเหลว วิถีปกครองที่ผิดพลาด ไม่ปรับปรุงใดๆในความล้มเหลวนั้น เช่นโมฆะสัมปาทานปิโตรเลียมทาสที่ถูกปล้นชิงไปจากคนไทยทั้งหมดแล้วคิดอ่านทำใหม่ทั้งไม่เปิดสัมปทานใดๆอีกแก่ต่างชาติต้องทำเอง แม้ยุคทหารที่ยึดอำนาจล่าสุดก็ยังเปิดสัมปทานต่างชาติในอ่าวไทยถึง2แปลงที่เป็นข่าวใหญ่โต จนประเทศซาอุฯแอ็คชั่นรับไม้ต่อหมายสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่ยักษ์ที่ประเทศไทยเป็นฮับแหล่งคลังน้ำมันของเอเชียและอาจส่งออกทั่วโลก ทั้งยึดคลองคลองคอดกระหรือแลนด์บริดจ์ในตัวด้วย,ชาวนามีข้าวมากมายจึงสร้างคลังฉางข้าวกักเก็บไว้จากที่เหลือหรือมีมากมายในไร่นาประชาชน,อันเดียวกัน น้ำมันหรือเนื้อปิโตรเลียมเรามีมากมายมหาศาลเช่นกันจึงสามารถสร้างคลังแสงขนาดใหญ่รอรับเนื้อน้ำมันนี้ทั้งผีบ้าอะไร ไทยจะมีโรงกลั่นมากมายกว่า5-6โรง กลั่นน้ำมันอะไรบ้าคลั่งขนาดนั้น เพราะมีน้ำมันมากนั้นเอง,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาด ไม่ยึดประโยชน์ประชาชนห่าอะไร กอบโกยโดยรัฐฐะที่ผิดจรรยาบรรณเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์เสียเองจนนำพาประชาชนตนยากจนทั่วทั้งประเทศ ค่าครองชีพก็แพงจากต้นทุนพื้นฐานคือพลังงานแพง ขนส่งอ้างน้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น ร้านค้าอ้างน้ำมันแพงขนส่งแพงปรับราคาสินค้าขึ้น,โรงงานผู้ผลิตฮั่วกันทั้งประเทศอ้างน้ำมันแพงปรับราคาสินค้าขึ้น ซึ่งเราเห็นๆกันจริงชัดเจนจากอดีตถึงปัจจุบันตั้งพันธมิตรชุมนุมประท้วงขับไล่โทนี่หรือหลังปตท.เข้าตลาดหุ้นก็ด้วยจาก ร.9 ถึง ร.10 เราประเทศไทยเสียอธิปไตยบ่อปิโตรเลียมไปได้คืนมาจริงทั้งหมดกี่บ่อกี่หลุมเจาะ ,อิหร่านมีบ่อน้ำมันน้อยกว่าไทยทำไมขายถูกๆได้ที่ลิตรละ1-2บาทไม่ผสมเอทานอลอะไรด้วยทั้งเบนซินดีเชลก็ลิตรละ1-2บาท,วิถีการปกครองเราควรยุบทิ้งมั้ยแบบนี้, ..การศึกษาคือปัญญาสร้างชาติในอนาคต ..รัฐฐะเราทำลายการศึกษาตนเองคือทำลายชาติชัดเจน ..ประชาชนเติบโตมาจนเป็นชาติก็ผ่านกระบวนการเรียนผิดเรียนจากสถานศึกษาก่อน แม้การดำรงชีวิตคือระหว่างทางของการเรียนรู้ศึกษาจริงตลอดเวลา แต่ก้าวแรกต้องผ่านพื้นฐานนี้หมดร่วมกันจึงต่อยอดใครมันในอนาคตร่วมกันดำรงชาติไทยต่อไปได้. ..นี้อะไร บ้านเมืองถูกแทรกแซงการปกครองตลอด วุ่นวายโกลาหล ทำให้ประชาชนลำบากบวกยากจนลงต่ำตลอดเวลาถึงปัจจุบัน,จนเข้าสู่ยุคล้ำๆรุ่นAIหุ่นยนต์ก็ยังแบบเดิมๆไม่พัฒนาให้คนไทยร่ำรวยมั่งคั่งจนใครชาติไหนหรือนักการเมืองใดๆไม่สามารถเอาเศษตังมาซื้อเสียง เอาตังจากต่างประเทศมาซื้อคนไทยย่ำยีคนทั้งชาติง่ายดายแบบปัจจุบันขนาดนี้,สงครามตังสงครามเงินแท้ๆตังคืออาวุธของยุคนี้ เศรษฐกิจชื่อสมมุตินี้คือมุ่งหาทำตังทำเงินนี้ล่ะวลีบาลีบิดคำแค่นั้น,แต่วิถีปกครองคนนำปกครองเสือกไร้สมองคิดอ่านไปยกอาวุธตน ทิ้งอาวุธตนในการปกป้องตนเองทิ้งเสีย ทิ้งตังทิ้งความร่ำรวยมั่งคั่งของคนทั้งแผ่นดินไทย ปล่อยคนไทยพบเจอความยากจนแทนบนใต้ตีนคนปกครองที่เหยียบความจนเองในโคต,รเหง้าตระกูลบรมโคตรมันเองเสวยความร่ำรวยมั่งคั่งในโคตรเหง้าบรมตระกูลชนชั้นมันที่ผูกขาดความร่ำรวยมั่งคั่งเอง ทั้งมาในมุกเอกชนผูกขาดเอง&อ้างทำในนามกึ่งเอกชนหรือเอกชนเต็มๆทั้งสไตล์เอกชนไทย มุกสไตล์เอกชนต่างชาติก็ด้วยหรือคนไทยชั่วๆเลวๆตัวดีตัวเลวตัวชั่วของแท้เองนี้ล่ะทำทีเป็นต่างชาติ&มาในมุกคนต่างชาติเอกชนต่างชาติหรือนอมินีตัวแทนคนต่างชาติหรือเหี้ยถือหุ้นต่างชาติร่วมกับต่างชาติหรือของมันเองทั้งหมดมาในฟอร์มต่างชาติปลอมๆมายึดแดกครอบครองผูกขาดเองก็ด้วย จะบ่อน้ำมันบ่อทองคำ แหล่งแร่ทรัพยากรมีค่ามากมายอื่นๆหรือสัมปทานผูกขาดสไตล์มวลรวมมวลชนคนใช้มากๆทัังหมดของประเทศมันนี้ล่ะจะยึดครองก็ว่า อาทิราคาน้ำมันขึ้นลงตามใจมันก็ด้วยในอดีต,จนอะไรๆแพงทั้งแผ่นดิน ชุดนักเรียนแพง ค่าใช้จ่ายแพง เงินเฟ้อขึ้นไร้ค่า ก๋วยเตี๋ยวปกติชามละ10-20บาทปัจจุบัน50-80บาท ข้าวจานละ15-20บาท ปัจจุบัน45-80บาท ..ทั้งหมดคือวิถีปกครองในประเทศไทยเราเองที่ผิดพลาด จนนักเรียนแม้ผ่านการเล่าเรียนขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องกู้กยศ.เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเป็นจำนวนมาก จบมาตกงานมหาศาลทั้งกิจการมากมายต่างด้าวเอาทดแทนเป็นอย่างมากแย่งงานคนไทยแม้ระดับโรงงานทั่วไปต่างด้าวยังเต็มโรงงาน ,กิจการมากมายถูกต่างชาติต่างด้าวกลืนกินยึดครองบวกผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก,มันคือการปกครองที่ล้มเหลว เสี่ยงต่อภัยด้านความมั่นคงของประชาชนคนไทยภายในด้วย.ประชาชนถูกทอดทิ้งในระดับมหาภาคชัดเจนถึงระดับย่อย,พบเจอต่อปัญหาการเงินของทั้งส่วนตัวและระดับครอบครัวเป็นอันมาก รวมถึงคนของระบบราชการเองที่หนี้สินเงินกู้ยืมมีไม่น้อย หนี้บ้านหนี้รถคนพวกนี้หลายคนแทบไปรอดเช่นกัน ขับเคลื่อนด้วยหนี้ทั้งประเทศซึ่งเป็นการเติบโตที่ผิด&ไร้ความมั่นคง,เพียงสมดุลพัง ระบบราชการจะพังทันที เช่นรัฐบาลไม่มีตังจ่ายเงินเดือนคนราชการ คลังตังหมด ทุนสำรองประเทศหมดสิ้นหรือคิดใช้ซื้อBTCคริปโตฯต่างๆแทนตังทุนสำรองประเทศ นี้ก็เหี้ยแล้ว,ประชาชนเงินฝืดบวกหนี้ทั้งในระบบที่กู้ไปก็ใช้คืนไม่ทันไม่ได้เช่นพวกธกส.ชาวนาชาวไร่ชาวสวนต่างๆ ข้าว&พืชไร่พืชสวนพื้นฐานอื่นๆแบบข้าวราคาตันไม่กี่พัน มันคืออะไร,จนมาเทนมทิ้งเทน้ำมันพืชทิ้งประท้วงล่าสุด, ..การศึกษามันสำคัญและเดอะแก๊งไม่ดีมากมายหาประโยชน์ในระบบการศึกษานี้ทั้งมาในมุกล้างสมองทำลายเยาวชนไทยล้มสถาบันก็ว่า,ทัังกอบโกยรายได้จากการค้าระบบการศึกษาอีกผ่านช่องทางมากมายในกระบวนการศึกษาและกับสถานศึกษาเองต่างๆทั่วประเทศ,เม็ดเงินมหาศาลจริงๆที่ได้จากระบบการศึกษาของไทยเรา,ไม่ต่างจากเม็ดเงินมหาศาลที่ได้จากการขายยาตั้งแต่ยุคฉีดวัคซีนโควิดจนขายยามากมายสาระพัดต่อคนอักเสบและถึงตายจากคนไทยเราที่ต้องถูกบังคับฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มาใช้มุกทัังเชิญชวนทั้งกึ่งบังคับ&บังคับในรูปแบบต่างๆที่ไม่เป็นทางการเพราะถ้าเป็นทางการและเปิดเผยจะถือว่าผิดกฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตนภายในประเทศตนเองได้และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะสามารถถูกตัดสินสากลให้มีความจริงชัดเจนได้ทันทีบวกสามารถจับลงโทษระดับโลกทันทีได้ที่กฎหมายในแต่ละประเทศนั้นๆไม่สามารถปกป้องพวกนี้ได้.,แม้กระนั้นถึงกลัวตายก็บังคับฉีดทางอ้อมทางกลไกสังคมมาอ้างชอบธรรมแก่พวกมันฉีดคนไทยครบกว่า60ล้านคน,ซึ่งคนพวกนี้สมควรถูกกวาดล้างแต่ก็ยังไม่เห็นใครที่เกี่ยวข้องโดนลงโทษจริงจังสักคนในไทยและทำให้เป็นข่าวจริงอย่างเปืดเผยผ่านสื่อหลักไทยเรา,ชาติไทยเราหากไม่พลิกจริงจัง ไม่เปลี่ยนแปลงจริงจัง ไม่นานสิ้นชาติไทยแน่นอน อาจเป็นสาขาหนึ่งของชาติพม่าสาขาหนึ่งของชาติเขมรหรือมลฑลหนึ่งของจีนในอนาคตที่deep state ไม่ต้องออกตัวออกหน้าโชว์ลงมือ,แบบเช่นblackrock vanguardไม่ต้องออกตัวออกหน้ายึดครองประเทศไทยทางเศรษฐกิจหรือการลงทุนใดๆให้สมุนขี้ข้ารับใช้กิจการเครือข่ายลูกหลานมันจัดการประเทศไทยก็จบแล้วเพราะเกือบทุกๆบริษัทใหญ่ๆแบรนด์ใหญ่ๆระดับโลกในประเทศไทยล้วนคือขี้ข้ากิจการทาสสมุนรับใช้ทุนใหญ่หลังฉากอย่างvanguardหรือblackrockที่ต้องการยึดภาคใต้ยึดครองแลนด์บริดจ์ไทยคลองคอดกระไทยหรืออ่าวไทยทะเลสองฝั่งไทยเราสิ้น.,แค่มันใช้มุกขนคนมาอยู่ไทยเช่นต่างชาติเอยพม่าเอยอยู่กระจายทั่วทั้งภาคใต้ก็อนาถแล้วและไร้มาตรการจริงจังผลักดันถีบออกจากประเทศไทยจริงจังเลย,แย่งพื้นที่การศึกษาเยาวชนไทยตนเองอีก,ต่างชาติใดอยากส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติก็พาคนต่างชาติต่างด้าวออกไปสร้างที่ประเทศตนเองส่งเสริมสนับสนุนกันที่ชาติมรึงเต็มที่อย่ามาใช้แผ่นดินไทยสร้างสถานที่ส่งเสริมนั้นนี้บนแผ่นดินไทยเราและมิได้ส่งเสริมสนับสนุนคนไทยเยาวชนไทยเราด้วย,นี้คือการช่วบเลี้ยงดูคนต่างชาติต่างด้าวในบ้านเราเองจากนั้นก็เริ่มขบวนการยึดบ้านเจ้าของคนนั้นๆเช่นมุกออกลูกออกหลานมากๆในบ้านหลังนั้นจากนั้นก็จะได้กรรมสิทธิ์เต็มที่ร่วมกันลูกหลานคนเจ้าของบ้านเดิมที่ตนถูกเลี้ยงดูจากพวกต่างชาติที่สนับสนุนตนก็ว่าตอนเริ่มต้น,พม่ามาอยู่ไทย เขมรลาวแกวมาอยู่ไทย แขกอินเดียแขกอาหรับยิวอิสราเอลมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานเต็มแผ่นดินไทยได้สัญชาติไทยได้สิทธิในที่ดินแผ่นดินเต็มสมบูรณ์กว่า20-30ล้านคนใน20ปีข้างหน้าเป็น100-200ล้านคน ชาติไทยจะเหลือแผ่นดินไทยให้คนไทยจริงๆเท่าไร ,ดูแกวดูจีนสมัยก่อนมุกแบบสงครามพม่าปัจจุบันอพยพมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานตรึมได้สัญชาติไทยยึดไทยไม่ต้องรบหรือใช้อาวุธอะไร,ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือลูกหลานแกวจีนยึดตำแหน่งปกครองใหญ่โตในระบบราชการไทยและกิจการใหญ่โตสายเลือดใหญ่ในไทย ไทยก็เสร็จนะสิ,เขาระดมทุนผ่านสมาคมจีนสมาคมแกวได้สบาย แกวจีนส่งตังมหาศาลให้สมาคมนี้เอาไปใช้ยึดกิจการไทยส่งลูกหลานคนจีนแกวเข้าทำงานในตำแหน่งใหญ่ให้ได้บนแผ่นดินไทยบอกว่ารักประเทศไทยรักสถาบันไทยก็จบแล้ว,ร้านทองเจ๊กจีนแกวยึดค้าขาย แบบพม่าในปัจจุบันยึดตลาดคนไทยค้าขายแทน ทวงหนี้นอกระบบก็ด้วย,สมาคมพลัดถิ่นรักบ้านเกิดเมืองนอนตนพะนะจีนเอยแกวเอยให้ตังสนับสนุนคนจีนแกวในไทยที่อพยพหนี้ตายมาไทยสมันสงครามก็ว่า,เหยียบย่ำคนไทยเนียนๆเชือดนิ่มๆยึดที่ดินผ่านร้านทองจำนองจำนำตรึม ยึดผ่านแบงค์ต่างๆอีกที่ค้ำประกันเงินกู้โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน,ยุคนี้ถ้าผู้ปกครองยังโง่เขลากากกระจอกไม่ล้ำสมัยในสงครามตังนี้อันตรายมากๆ สงครามตังคือสงครามหลักโดยใช้AIเป็นทหารยิงกระสุนแทนอีก,เพราะไม่ว่าจะล้ำจะใช้AIล้ำๆขนาดไหน มันก็ขับเคลื่อนด้วยตังนี้ล่ะ,ตังกระดาษตังดิจิดัลก็คือตัง,เล่าเรียนก็ใช้ตังทุกๆขณะที่ดำเนินขณะภาคเรียนใดๆ.ประเทศไทยเราได้เปรียบมากมาย ตังมีมหาศาลผ่านทรัพยากรบนแผ่นดินไทยและไม่ใช่แค่บ่อน้ำมันหรือบ่อทองคำ เราต่อยอดต่างๆได้ตังมหาศาลแทบไม่แตะต้องทรัพยากรมีค่าอีกก็ได้ นำออกมาใช้ยามจำเป็นฉุกเฉินขาดแคลนก็ได้,เราสามารถสร้างประเทศไทยสร้างชาติสร้างคนไทยทั้งประเทศให้แข็งแกร่งพร้อมเข้าสนามรบสงครามพันทางกับศัตรูของชาติไทยได้อย่างสบายๆแม้มารอบด้านก็ได้,ข้าวปากอาหารเต็มประเทศอีก,แต่คนปกครองเรามันกาก&เหี้ยจริงๆนะ ,เราไม่สมควรดำรงรักษาคนแบบนี้ไว้เลย,นำพาประชาชนทั้งแผ่นดินไทยมั่นคงในความยากจนนานพอแล้ว.และการเล่าเรียนของเยาวชนรวมทั้งของคนไทยทุกๆคนสามารถเล่าเรียนฟรีๆถึงป.เอกได้หรือเรียนรู้ตลอดชีวิตแม้จบสถานศึกษาขั้นปกติก็ตาม ,ฝึกอบรมสัมมาอาชีพพร้อมทุนตั้งตัวตั้งตนเริ่มต้นเพื่อยืนด้วยขาตนเองใครมันคนไทยร่วมกันก็สามารถส่งเสริมได้,เราใช้ตังในชาติไทยเราช่วยเหลือคนไทยเราทำไมจะทำไม่ได้.,เพราะเหี้ยไปยกตังมหาศาลมากมายให้คนอื่นไง.,ตย.ง่ายๆแบบยกบ่อน้ำมันบ่อทองคำตัวทำตังของประเทศไทยให้คนอื่นยึดครอง,ตนไม่มีวัตถุดิบทำตังเลยบนแผ่นดินตนเองแท้ๆมันคือเหี้ยอะไรล่ะ,นี้ไงจึงต้องฉีกทิ้งสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ในอดีตกับต่างชาติและอยุติธรรมเอาเปรียบ&ปล้นชิงแย่งชิงเราในรูปแบบสัญญาต่างๆนั้น,โมฆะทั้งหมด,เราก็จะคืนธิปไตยเรามาทั้งหมด,จากนั้นจับมือจริงจังกับมิตรดีสหายดีทั่วโลกกันใหม่,ทำสัญญาดีๆไม่เอาเปรียบปล้นชิงแย่งชิงกันและกันใหม่,เป็นคู่ค้าคู่มิตรดีทั่วโลกใหม่,ใครเหี้ยก็เลิกคบจบ,ยุคนี้ต้องแบบนี้,ล้ำสมัยต้องแบบนี้,นี้เสือกมั่นคง คงไว้ในกฎหมายที่เอาเปรียบชาติตนเองปล้นตนเอง ล้ำสมัยห่าอะไร,แบบยึดอำนาจเสียของในอดีตนั้นล่ะรัฐประหารเสียของ,ฉลาดฉีกนักกฎหมายรัฐธรรมนูญเสือกไม่ฉีกกฎหมายทาสสัญญาทาสโมฆะมันทิังที่เอาเปรียบประชาชนตนไทยและชาติไทยตนเองแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะที่เป็นตย.ชัดเจนมาก กูรูมากมายแฉในอดีตตรึม ทั้งปกปิดค่าจริงความจริงอีกว่าประเทศไทยไม่มีบ่อน้ำมัน มีแต่น้อย แล้วเสือกแย่งชิงการสัมปทานตรึมหรือต้องได้รับการต่ออายุสัมปทานเดิมให้ได้.,ยุคเราสมควรจบความระยำบัดสบนี้จริงๆ. https://youtube.com/live/-I_7Ne9jNvs?si=ZuGvcgZ3Ang7J3-_
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️

    💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา

    📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐

    🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’

    ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?”

    ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ

    🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน

    📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น"

    ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว

    🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง

    🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ”

    การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย”

    พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว

    🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน

    หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย

    เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม

    🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น"

    การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้

    😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน”

    เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น…

    สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม

    💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

    บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น...

    "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?"

    "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?"

    "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา"

    "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..."

    เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น…

    📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’

    ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้

    🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

    ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต

    ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ

    เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔
    และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂

    🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด”

    อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน

    ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง

    🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ

    ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ

    🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง

    🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง

    การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง

    หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568

    📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    ภาวะไร้ราคา เมื่อรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าในสายตาใคร แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงินถึงจะมีคนสนใจ 💸🧍‍♂️ 💡 เข้าใจลึกถึงภาวะ "ไร้คุณค่า" ในมุมที่หลายคนอาจเคยสัมผัส แต่ไม่กล้าพูดถึง ตั้งแต่ความเจ็บที่ซ่อนในความเงียบ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ดูแรง แต่เต็มไปด้วยคำขอความเข้าใจ พร้อมแนวทางรับมืออย่างเข้าใจ ทั้งใจเราและใจเขา 📝 ภาวะไร้ราคาในใจคน ความเงียบที่เจ็บปวด และวิธีรับมือด้วยความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงดัง เพื่อให้ใครได้ยิน 🌐 🔍 เสียงของความเงียบที่ไม่มีใครฟัง “แม้กระทั่งความในใจ…ยังต้องใช้เงิน ถึงจะมีคนสนใจ” ประโยคนี้อาจฟังดูประชดประชัน แต่มันสะท้อนความจริงเจ็บลึก ของคนจำนวนมาก ในยุคที่โลกออนไลน์ กลายเป็นเวทีให้คนตะโกนหา ‘ตัวตน’ ในสังคมที่ทุกอย่างวัดค่าจากยอดไลก์ 💬 ความสนใจ 🧠 หรือจำนวนผู้ติดตาม คนที่รู้สึกว่าไม่มีใครฟัง ไม่มีใครแคร์ อาจเริ่มตั้งคำถามว่า “เรายังมีตัวตนอยู่จริงไหม?” ความเงียบไม่ใช่สิ่งเลวร้าย… แต่เมื่อความเงียบนั้นไม่ใช่ ‘พื้นที่พักใจ’ แต่คือ ‘กำแพงที่กั้นไม่ให้ใครเห็นเรา’ มันกลายเป็นความเจ็บที่ไม่พูดก็ไม่เข้าใจ 🔍 "ภาวะไร้ราคา" หรือ "Worthlessness" คือความรู้สึกที่ว่า… เราไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย ไม่มีใครสนใจ หรือแม้แต่สังเกตเห็นว่าเรามีตัวตน 📌 ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นจากปัจจัยทางจิตใจ สังคม หรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเรารู้สึกว่า "ความรู้สึกของเราไม่ถูกฟัง ไม่ถูกเห็น" ตัวอย่างของภาวะนี้... โพสต์อะไรแล้วไม่มีใครสนใจ 📉 พูดสิ่งที่รู้สึก แต่ไม่มีใครใส่ใจฟัง 🧏‍♀️ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทในกลุ่ม หรือในครอบครัว 🧠 ซึ่งภาวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่จัดการ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า, การแยกตัวทางสังคม หรือแม้กระทั่งความคิดอยากทำร้ายตัวเอง 🔍 ยุคนี้มีรู้สึก "ไร้คุณค่า" มากขึ้น เพราะวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทุกคนโพสต์แต่สิ่งที่ดีที่สุด 📷 เราเห็นแต่ภาพ “สำเร็จ” ของคนอื่น แต่ไม่เห็นความล้มเหลว ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังไม่ดีพอ” การนิยามตัวตนจากความสนใจภายนอก หากโพสต์ไม่มีคนกดไลก์ 🖱️ หรือเรื่องที่เราพูดไม่มีใครสนใจ เราอาจรู้สึกว่า “เสียงของเราไม่มีความหมาย” พฤติกรรมของคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว เพิกเฉยต่อสิ่งที่เราพูด เพื่อนร่วมงานไม่ฟังความเห็น หรือการถูกมองข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเหนื่อยล้าจากการ "สร้างภาพ" การต้อง "ดูดี" ตลอดเวลา เหมือนการใส่หน้ากาก ที่ไม่สามารถถอดได้ แม้แต่ตอนอยู่คนเดียว 🔍 เมื่อเสียงที่ถูกเพิกเฉย กลายเป็นคำพูดที่รุนแรง คนที่ “ตะโกน” ออกมา อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่อาจเป็นคนที่อยากให้ “ใครบางคน” ได้ยิน หลายครั้งที่การด่าทอ 🗣️ การประชดชีวิต หรือการแสดงพฤติกรรมแรง ๆ ไม่ได้เกิดจาก “ความเกลียด” แต่เกิดจากความพยายาม “ส่งเสียง” ครั้งสุดท้าย เขาอาจพยายามพูดดี ๆ แล้ว อาจเคยแสดงออกด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่า แต่เมื่อไม่มีใครฟัง… ก็เลย “พูดให้ดังขึ้น” แม้มันจะมาในรูปแบบของ “คำพูดที่เจ็บ” ก็ตาม 🪧 ยอมเสียเงินทำป้าย เพื่อให้คนสนใจ ความเจ็บที่กลายเป็นข้อความ "เมื่อโพสต์ไม่มีใครกดไลก์ เมื่อพูดแล้วไม่มีใครฟัง… บางคนเลือก ‘จ่ายเงิน’ เพื่อให้ความรู้สึกของตัวเองได้มีคนเห็น" การยอมลงทุนทำป้ายติดหน้าบ้าน ไม่ใช่แค่เพราะอยากประชดชีวิต แต่มันคือการพยายาม ‘ปล่อยเสียงออกมาให้ดังพอ’ ที่จะทะลุผ่านกำแพงความเงียบ ของสังคมในยุคนี้ 😢 ความเจ็บที่อยู่เบื้องหลังข้อความบนป้าย หลายคนอาจหัวเราะ เมื่อเห็นใครทำป้ายที่มีข้อความแรง ๆ ติดไว้หน้าบ้าน แต่ถ้าลองหยุดและคิดดี ๆ... คนที่เลือกวิธีนี้ อาจไม่ใช่คนที่อยากทำร้ายใคร แต่คือคนที่ “กำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน” เพราะอาจเคยพูดแล้ว เคยขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเห็น… สุดท้ายเลยต้อง “เปลี่ยนความรู้สึกเป็นตัวหนังสือ” แล้วแปะไว้ให้โลกรู้ แม้จะต้อง “เสียเงิน” เพื่อให้ข้อความนี้ มีพื้นที่อยู่บ้างก็ตาม 💬 ข้อความที่คนไม่กล้าพูด แต่กล้าเขียน ข้อความเหล่านี้ มักไม่ใช่ถ้อยคำสุภาพ แต่มันคือ ความรู้สึกดิบๆ จากคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร บางข้อความอาจดู “แรง” บางข้อความอาจดู “ตลกร้าย” แต่เกือบทุกข้อความ…แฝง “ความเจ็บปวด” เสมอ เช่น... "ทำไมเงียบกันจังวะ? หรือเราตายไปแล้ว?" "ใครสักคน สนใจหน่อยไม่ได้เหรอ?" "ถึงต้องซื้อป้าย ถึงจะมีคนอ่านใจเรา" "ฉันรังเกียจโน่น นี่ นั่น..." เสียงพวกนี้ บางทีก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนสนใจ แต่อยากให้ “ใครบางคน” เห็น… 📌 ความจริงที่น่ากลัวกว่า "ความรุนแรง" คือ "ความเงียบ" ความรุนแรงของถ้อยคำ อาจดูน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ความเงียบที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ไม่มีตัวตน’ ในยุคที่เราทุกคนต่างยุ่งกับหน้าจอ บางคนกำลัง “จมหาย” อยู่ข้างหลังประตูบ้าน และบางที… แค่มีใครสักคนหยุดดูป้ายนั้น ก็อาจช่วยชีวิตเขาไว้ได้ 🎯 บทเรียนจาก “ป้าย” ที่ควรเห็นใจ ไม่ใช่ตัดสิน ถ้าเห็นใครทำแบบนี้ อย่าเพิ่งรีบหัวเราะ อย่าเพิ่งรีบด่า เพราะเบื้องหลังนั้น… อาจคือคนที่ “เจ็บจนเงียบไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ลองคิดในมุมกลับ… ถ้ารู้สึกแย่มาก จนต้องเสียเงินเพื่อให้คนฟัง แสดงว่ากำลังขาดการเชื่อมโยง ที่ลึกมากในชีวิต ❤️ เราควรฟังให้มากขึ้น โดยไม่ตัดสิน สังเกตคนรอบตัว ที่อาจกำลังส่งสัญญาณว่าเขา “หมดแรงแล้ว” เปิดใจคุย แบบจริงใจ แม้เพียงไม่กี่คำ ก็อาจช่วยเขาได้มาก สร้างพื้นที่ให้คนได้ระบาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ เพราะบางครั้ง... “ข้อความบนป้าย” ก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนเข้าใจ แต่อยากให้ “ใครบางคนที่เขาหวัง” เข้าใจแค่นั้น 🪧💔 และคุณ...อาจเป็น “คนนั้น” ที่เขารอให้เห็นอยู่ก็ได้ 🫂 🔍 วิธีรับมือคนที่รู้สึกไร้คุณค่า โดยไม่ทำให้เขาเจ็บเพิ่ม ฟังอย่างจริงใจ ไม่ต้องรีบตัดสิน บางทีเขาไม่ได้ต้องการ “คำตอบ” แค่ต้องการ “พื้นที่ให้พูด” อย่าโต้กลับด้วยความรุนแรง ความสงบของคุณ อาจเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวที่เขามีในวันนั้น เว้นระยะอย่างมีเมตตา เข้าใจ ≠ ต้องทน คุณมีสิทธิ์ดูแลตัวเอง ไม่ต้องรับพลังลบเข้าใส่ทุกวัน ถ้ารุนแรงมาก ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากพฤติกรรมของเขา อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง 🔍 ความลวงบนโลกโซเชียล เมื่อ "สร้างภาพว่าขายดี" กลายเป็นดาบสองคม 🧾 ปัญหาที่ตามมาคือ หลอกตัวเอง จนหลุดจากปัญหาจริง เหนื่อยกับการแสดง มากกว่าทำธุรกิจ สูญเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว เครียดสะสมแบบไม่รู้ตัว เสียโอกาสในการพัฒนา พังทั้งระบบ เมื่อแบกรับไม่ไหว สร้างมาตรฐานปลอมให้คนทั้งวงการ ✅ วิธีแก้คือ พูดความจริงอย่างมีพลัง ✨ เล่าความเปลี่ยนแปลงจากใจจริง ยอมรับว่ายังไม่ดีพอ แล้วค่อยๆ ปรับ 🔍 ภาระของคนที่ "เคยรวย" แล้วจมไม่ลง 💼💔 ผลเสียที่ตามมาคือ ภาระหนี้เกินตัว ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ รถต้องจอดจำนำ ความสัมพันธ์พังเพราะโกหก ความเครียดสะสมเพราะต้องแสดง ไม่ยอมพัฒนา เพราะไม่ยอมรับความจริง โอกาสหาย เพราะไม่มีใครรู้ว่ากำลังล้ม เสียเวลาไปกับ “เปลือก” แทนที่จะสร้างแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับอดีต ไม่มีใครเข้าใจ เพราะไม่กล้าพูดความจริง 🔍 คุณมีค่าเสมอ แม้ไม่มีใครบอก 🧡 ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง ไม่ต้อง “ดูดี” ตลอดเวลา ไม่ต้องมีไลก์เยอะ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง การยอมรับว่า “ฉันกำลังเจ็บ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือ ก้าวแรกของความเข้มแข็ง ที่แท้จริง หากเจอใครที่กำลังรู้สึกไร้ค่า ขอให้คุณเป็นคนหนึ่ง… ที่ “ฟัง” ก่อนจะ “ตัดสิน” เพราะความเข้าใจจากใจคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนอีกคนทั้งชีวิต 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251519 เม.ย. 2568 📲 #ภาวะไร้ค่า #ไม่มีใครฟัง #สังคมสร้างภาพ #ความรู้สึกที่ไม่มีใครเห็น #ฟังด้วยใจ #ความจริงสำคัญที่สุด #ฟังเถอะก่อนจะสาย #ความเจ็บจากความเงียบ #รักษาใจไม่ใช่ภาพลักษณ์ #อย่าตัดสินแค่สิ่งที่เห็น
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • สตง.แถลงการณ์ยืนยันทำตามขั้นตอน !?! “สตง. ชี้แจงการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ ทำตามขั้นตอนกม.และระเบียบราชการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกเอกสารชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) หลังมีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 สตง. ชี้แจงว่า ในการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ สตง. ได้ทำสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ คือ กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด และ ผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) มีผู้รับจ้างควบคุมงาน คือ กิจการร่วมค้า PKW บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จำกัด ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทำให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง. จึงทำตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ดังนี้ 1.ผู้รับจ้างก่อสร้างมีหน้าที่โดยตรงตามสัญญาที่ต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญารวมทั้งเอกสารแนบท้ายสัญญา (แบบรูปและรายการละเอียด ฯลฯ) โดยผู้รับจ้างก่อสร้างรับรองว่า ได้ตรวจสอบและทำความเข้าใจแบบรูปและรายการละเอียด ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับงานสถาปัตยกรรมภายใน จึงได้สอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างควบคุมงาน 2.ผู้รับจ้างควบคุมงานในฐานะตัวแทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีหนังสือ (Request For Information: RFI) เพื่อสอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างออกแบบ ซึ่งทั้งผู้รับจ้างออกแบบและผู้รับจ้าง ควบคุมงานเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามสัญญาจ้าง 3.ผู้รับจ้างออกแบบให้ความเห็นตามหนังสือ (RFI) โดยกำหนดรายละเอียดการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ จากความหนา 0.30 เมตร เป็น 0.25 เมตร บริเวณด้านทางเดินและเพิ่มปริมาณเหล็กเสริมให้มั่นคงแข็งแรงตามหลักการทางวิศวกรรม พร้อมจัดทำรายการคำนวณและลงนามรับรอง เพื่อให้ความกว้างช่องทางเดินถูกต้องตามกฎหมายกำหนด (กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522) และสอดคล้องกับรูปแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน แล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน 4.ผู้รับจ้างควบคุมงานแจ้งรายละเอียดการปรับแก้ของผู้รับจ้างออกแบบเพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างดำเนินการจัดทำแบบขยายสำหรับการก่อสร้างตามความเห็นของผู้รับจ้างออกแบบ โดยผู้รับจ้างควบคุมงานได้ตรวจสอบความถูกต้องและส่งให้ผู้รับจ้างออกแบบพิจารณาและรับรองความถูกต้องของแบบที่จัดทำแล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน ทั้งนี้ ผู้รับจ้างควบคุมงานโดยวุฒิวิศวกรได้ตรวจสอบและลงนามรับรองอีกครั้ง ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 วรรคสอง ซึ่งผู้รับจ้างก่อสร้างได้เสนอราคารายการงานที่เปลี่ยนแปลงโดยมีราคาลดลงเป็นจำนวนเงิน 515,195.36 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสนอขอแก้ไขวงเงินในสัญญาจ้างตามจำนวนเงินดังกล่าว โดยผู้รับจ้างควบคุมงานตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ผู้รับจ้างก่อสร้างเสนอ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 5.ผู้รับจ้างควบคุมงานรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดข้างต้นเสนอมายังคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเพื่อพิจารณาให้ความเห็น 6.คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเสนอความเห็นต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในฐานะผู้ว่าจ้างเพื่อพิจารณาอนุมัติการแก้ไขสัญญา ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 97 และมาตรา 100 ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 7.ผู้ว่า สตง. เสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการโดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพัน ตามระเบียบ สตง. ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2564 ข้อ 20 (1) 8.คู่สัญญาลงนามการแก้ไขสัญญาจ้างก่อสร้าง โดยนำแบบรูปและรายการละเอียดที่แก้ไขเพื่อเป็นเอกสารอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
    สตง.แถลงการณ์ยืนยันทำตามขั้นตอน !?! “สตง. ชี้แจงการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ ทำตามขั้นตอนกม.และระเบียบราชการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกเอกสารชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) หลังมีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 สตง. ชี้แจงว่า ในการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ สตง. ได้ทำสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ คือ กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด และ ผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) มีผู้รับจ้างควบคุมงาน คือ กิจการร่วมค้า PKW บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จำกัด ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทำให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง. จึงทำตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ดังนี้ 1.ผู้รับจ้างก่อสร้างมีหน้าที่โดยตรงตามสัญญาที่ต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญารวมทั้งเอกสารแนบท้ายสัญญา (แบบรูปและรายการละเอียด ฯลฯ) โดยผู้รับจ้างก่อสร้างรับรองว่า ได้ตรวจสอบและทำความเข้าใจแบบรูปและรายการละเอียด ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับงานสถาปัตยกรรมภายใน จึงได้สอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างควบคุมงาน 2.ผู้รับจ้างควบคุมงานในฐานะตัวแทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีหนังสือ (Request For Information: RFI) เพื่อสอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างออกแบบ ซึ่งทั้งผู้รับจ้างออกแบบและผู้รับจ้าง ควบคุมงานเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามสัญญาจ้าง 3.ผู้รับจ้างออกแบบให้ความเห็นตามหนังสือ (RFI) โดยกำหนดรายละเอียดการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ จากความหนา 0.30 เมตร เป็น 0.25 เมตร บริเวณด้านทางเดินและเพิ่มปริมาณเหล็กเสริมให้มั่นคงแข็งแรงตามหลักการทางวิศวกรรม พร้อมจัดทำรายการคำนวณและลงนามรับรอง เพื่อให้ความกว้างช่องทางเดินถูกต้องตามกฎหมายกำหนด (กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522) และสอดคล้องกับรูปแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน แล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน 4.ผู้รับจ้างควบคุมงานแจ้งรายละเอียดการปรับแก้ของผู้รับจ้างออกแบบเพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างดำเนินการจัดทำแบบขยายสำหรับการก่อสร้างตามความเห็นของผู้รับจ้างออกแบบ โดยผู้รับจ้างควบคุมงานได้ตรวจสอบความถูกต้องและส่งให้ผู้รับจ้างออกแบบพิจารณาและรับรองความถูกต้องของแบบที่จัดทำแล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน ทั้งนี้ ผู้รับจ้างควบคุมงานโดยวุฒิวิศวกรได้ตรวจสอบและลงนามรับรองอีกครั้ง ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 วรรคสอง ซึ่งผู้รับจ้างก่อสร้างได้เสนอราคารายการงานที่เปลี่ยนแปลงโดยมีราคาลดลงเป็นจำนวนเงิน 515,195.36 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสนอขอแก้ไขวงเงินในสัญญาจ้างตามจำนวนเงินดังกล่าว โดยผู้รับจ้างควบคุมงานตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ผู้รับจ้างก่อสร้างเสนอ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 5.ผู้รับจ้างควบคุมงานรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดข้างต้นเสนอมายังคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเพื่อพิจารณาให้ความเห็น 6.คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเสนอความเห็นต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในฐานะผู้ว่าจ้างเพื่อพิจารณาอนุมัติการแก้ไขสัญญา ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 97 และมาตรา 100 ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 7.ผู้ว่า สตง. เสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการโดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพัน ตามระเบียบ สตง. ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2564 ข้อ 20 (1) 8.คู่สัญญาลงนามการแก้ไขสัญญาจ้างก่อสร้าง โดยนำแบบรูปและรายการละเอียดที่แก้ไขเพื่อเป็นเอกสารอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
    Sad
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • สตง.ออกเอกสารชี้แจงกรณีปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ตึกใหม่ เพราะแบบโครงสร้างเดิม บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ผู้ออกแบบจึงเสนอลดความหนาลงจาก 30 ซม.เป็น 25 ซม. โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องครบถ้วน

    วันนี้ (24 เม.ย.) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ชี้แจงขั้นตอนการดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) มีรายละเอียดดังนี้

    ตามที่ปรากฏข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ของอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นจุดสําคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทําให้อาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอเรียนชี้แจงว่า ในการดําเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ สตง.ได้ทําสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ (กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอรัม อาร์คิเทค จํากัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด) ผู้รับจ้างก่อสร้าง (กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด) และผู้รับจ้างควบคุมงาน (กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จํากัด) ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดําเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทําให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง.จึงได้ดําเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000038403

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ปรับแก้ #ผนังปล่องลิฟต์ #ตึกใหม่
    สตง.ออกเอกสารชี้แจงกรณีปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ตึกใหม่ เพราะแบบโครงสร้างเดิม บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ผู้ออกแบบจึงเสนอลดความหนาลงจาก 30 ซม.เป็น 25 ซม. โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องครบถ้วน • วันนี้ (24 เม.ย.) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ชี้แจงขั้นตอนการดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) มีรายละเอียดดังนี้ • ตามที่ปรากฏข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ของอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นจุดสําคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทําให้อาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอเรียนชี้แจงว่า ในการดําเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ สตง.ได้ทําสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ (กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอรัม อาร์คิเทค จํากัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด) ผู้รับจ้างก่อสร้าง (กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด) และผู้รับจ้างควบคุมงาน (กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จํากัด) ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดําเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทําให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง.จึงได้ดําเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000038403 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ปรับแก้ #ผนังปล่องลิฟต์ #ตึกใหม่
    Angry
    1
    0 Comments 1 Shares 275 Views 0 Reviews
  • เหรียญเสมาหน้าเลื่อนหลวงพ่อทวด พ่อแก่เจ้าแสง รุ่นแรก วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี
    เหรียญเสมาหน้าเลื่อนหลวงพ่อทวด เนื้อตะกั่ว แจกกรรมการ สร้าง200ชุด (ตอกโค๊ด หมายเลข ๑๒๒ ) พ่อแก่เจ้าแสง รุ่นแรก วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ่ ฉลองอายุครบ 8 รอบ 96 ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก จัดสร้างน้อยครับ พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ คุ้มครองภยันอันตรายจากศาสตราวุธทั้งปวง กำบังกาย แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันการกระทำคุณไสย์ เป็นเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เสน่ห์แด่คนทั้งหลาย เมตตาค้าขายดี เจรจาค้าขายดี ทำการสิ่งใดย่อมมีกำไร มีผลงอกเงยเสมอนัก.เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ คนในพื้นที่หวงมาก ส่วนใหญ่จะไปอยู่ต่างประเทศ มาเลย์ กับ สิงคโปร์ >>

    ** พ่อแก่เจ้าแสง วัดประเวศน์ภูผา (บ้านตรัง) พระบริสุทธิ์สงฆ์ผู้อาวุโสที่สุดแห่งสามจังหวัดชายแดนใต้ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ท่านแสงท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ของพ่อท่านหวาน วัดลานควา ตลอดถึงท่านเป็นพระสหายกับพ่อท่านแดง วัดบูรพาราม ยอดพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณอีกรูปหนึ่งของเมืองปัตตานี พ่อแก่เจ้าแสง ท่านยังสืบทอดสายวิชา อาคมขลังมาจากครูบาอาจารย์ต่างๆมากมายหลายองค์ท่านสืบทอดวิชา”นะปถมัง”และ”นะปัดตลอด”มาจากสุดยอดพระเถราจารย์แห่งเมืองปัตตานีนามพ่อท่านจันทร์ทอง วัดตะเคียนทอง เทพเจ้าแห่งยะหริ่ง ท่านศึกษาเล่าเรียนวิชามาจากพ่อท่านจันทร์ทอง องค์อุปัชฌาย์ ของท่านมาอย่างเจนจบครบถ้วน >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญเสมาหน้าเลื่อนหลวงพ่อทวด พ่อแก่เจ้าแสง รุ่นแรก วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี เหรียญเสมาหน้าเลื่อนหลวงพ่อทวด เนื้อตะกั่ว แจกกรรมการ สร้าง200ชุด (ตอกโค๊ด หมายเลข ๑๒๒ ) พ่อแก่เจ้าแสง รุ่นแรก วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ่ ฉลองอายุครบ 8 รอบ 96 ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก จัดสร้างน้อยครับ พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ คุ้มครองภยันอันตรายจากศาสตราวุธทั้งปวง กำบังกาย แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันการกระทำคุณไสย์ เป็นเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เสน่ห์แด่คนทั้งหลาย เมตตาค้าขายดี เจรจาค้าขายดี ทำการสิ่งใดย่อมมีกำไร มีผลงอกเงยเสมอนัก.เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ คนในพื้นที่หวงมาก ส่วนใหญ่จะไปอยู่ต่างประเทศ มาเลย์ กับ สิงคโปร์ >> ** พ่อแก่เจ้าแสง วัดประเวศน์ภูผา (บ้านตรัง) พระบริสุทธิ์สงฆ์ผู้อาวุโสที่สุดแห่งสามจังหวัดชายแดนใต้ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ท่านแสงท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ของพ่อท่านหวาน วัดลานควา ตลอดถึงท่านเป็นพระสหายกับพ่อท่านแดง วัดบูรพาราม ยอดพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณอีกรูปหนึ่งของเมืองปัตตานี พ่อแก่เจ้าแสง ท่านยังสืบทอดสายวิชา อาคมขลังมาจากครูบาอาจารย์ต่างๆมากมายหลายองค์ท่านสืบทอดวิชา”นะปถมัง”และ”นะปัดตลอด”มาจากสุดยอดพระเถราจารย์แห่งเมืองปัตตานีนามพ่อท่านจันทร์ทอง วัดตะเคียนทอง เทพเจ้าแห่งยะหริ่ง ท่านศึกษาเล่าเรียนวิชามาจากพ่อท่านจันทร์ทอง องค์อุปัชฌาย์ ของท่านมาอย่างเจนจบครบถ้วน >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • หน้ากากพรานบุญ เนื้อไม้แกะ พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี
    หน้ากากพรานบุญ เนื้อไม้แกะ หลังจารยันต์ ตอกโค้ด "ส" ( ไม้ตะเคียนแช่น้ำมันมหาเสน่ห์กาจับหลัก ) พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ่ สุดยอดเมตตามหาเสน่ห์ พบเจอน้อย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ จะเด่นด้านเมตตามหาเสน่ห์ ขอโชคลาภ ใครบูชา นะจังงัง หลงไหล บนเอาเถิดจะประสบตวามสำเร็จ เสน่ห์เมตตามหานิยม เมตตาค้าขายดี เจรจาค้าขายดี ทำการสิ่งใดย่อมมีกำไร มีผลงอกเงยเสมอนัก.

    ** พ่อแก่เจ้าแสง วัดประเวศน์ภูผา (บ้านตรัง) พระบริสุทธิ์สงฆ์ผู้อาวุโสที่สุดแห่งสามจังหวัดชายแดนใต้ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ท่านแสงท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ของพ่อท่านหวาน วัดลานควา ตลอดถึงท่านเป็นพระสหายกับพ่อท่านแดง วัดบูรพาราม ยอดพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณอีกรูปหนึ่งของเมืองปัตตานี

    พ่อแก่เจ้าแสง ท่านยังสืบทอดสายวิชา อาคมขลังมาจากครูบาอาจารย์ต่างๆมากมายหลายองค์ท่านสืบทอดวิชา”นะปถมัง”และ”นะปัดตลอด”มาจากสุดยอดพระเถราจารย์แห่งเมืองปัตตานีนามพ่อท่านจันทร์ทอง วัดตะเคียนทอง เทพเจ้าแห่งยะหริ่ง ท่านศึกษาเล่าเรียนวิชามาจากพ่อท่านจันทร์ทอง องค์อุปัชฌาย์ ของท่านมาอย่างเจนจบครบถ้วน>>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หน้ากากพรานบุญ เนื้อไม้แกะ พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี หน้ากากพรานบุญ เนื้อไม้แกะ หลังจารยันต์ ตอกโค้ด "ส" ( ไม้ตะเคียนแช่น้ำมันมหาเสน่ห์กาจับหลัก ) พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ่ สุดยอดเมตตามหาเสน่ห์ พบเจอน้อย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ จะเด่นด้านเมตตามหาเสน่ห์ ขอโชคลาภ ใครบูชา นะจังงัง หลงไหล บนเอาเถิดจะประสบตวามสำเร็จ เสน่ห์เมตตามหานิยม เมตตาค้าขายดี เจรจาค้าขายดี ทำการสิ่งใดย่อมมีกำไร มีผลงอกเงยเสมอนัก. ** พ่อแก่เจ้าแสง วัดประเวศน์ภูผา (บ้านตรัง) พระบริสุทธิ์สงฆ์ผู้อาวุโสที่สุดแห่งสามจังหวัดชายแดนใต้ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ท่านแสงท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ของพ่อท่านหวาน วัดลานควา ตลอดถึงท่านเป็นพระสหายกับพ่อท่านแดง วัดบูรพาราม ยอดพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณอีกรูปหนึ่งของเมืองปัตตานี พ่อแก่เจ้าแสง ท่านยังสืบทอดสายวิชา อาคมขลังมาจากครูบาอาจารย์ต่างๆมากมายหลายองค์ท่านสืบทอดวิชา”นะปถมัง”และ”นะปัดตลอด”มาจากสุดยอดพระเถราจารย์แห่งเมืองปัตตานีนามพ่อท่านจันทร์ทอง วัดตะเคียนทอง เทพเจ้าแห่งยะหริ่ง ท่านศึกษาเล่าเรียนวิชามาจากพ่อท่านจันทร์ทอง องค์อุปัชฌาย์ ของท่านมาอย่างเจนจบครบถ้วน>> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • เปิดภาพ พิธีลงนามสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2564 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ โดยมีนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงนามในสัญญา กับ กิจการร่วมค้า PKW ซึ่งเป็นผู้ชนะการยื่นข้อเสนองานจ้างควบคุมงาน ในวงเงิน 74.65 ล้านบาท ณ ห้องดำริอิศรานุวรรต สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการจัดทำร่างขอบเขตของงานจ้างควบคุมงานโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการและการจ่ายเงินค่าจ้างเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 เป็นระยะเวลาควบคุมงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จ (3 ปี) และระยะที่ 2 เป็นระยะเวลาควบคุมงานสำหรับงานรับประกันความชำรุดบกพร่องของผู้รับจ้างก่อสร้าง (2 ปี) ทำให้มีระยะเวลาผูกพันตามสัญญาจ้างเป็นระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี และได้ดำเนินการจัดหาผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยวิธีคัดเลือกผู้ให้บริการควบคุมงานจ้างก่อสร้าง3 บริษัท ควบคุมงาน ตึก สตง. เอกชนที่ได้รับงานควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง.วงเงิน 74.65 ล้านบาท 1. บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 8,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 63/123 ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี แจ้งประกอบธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ปรากฏชื่อ นาย ปฏิวัติ ศิริไทย นาง พรรณนภา ศิริไทย นาย นัฏพร กฤษฎานุภาพ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ วันที่ 29 เมษายน 2567 นาย ปฏิวัติ ศิริไทย ถือหุ้นใหญ่สุด หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาง พรรณภา ศิริไทย นาย นัฏพร กฤษฎานุภาพ 2.บริษัท ว.และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2526 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 4,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 55 ซอยรามคำแหง 18 (แม้นเขียน 3) ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจกิจกรรมงานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิค ที่เกี่ยวข้อง ปรากฏชื่อ นาย โชควิชิต ลักษณากร นาย พลเดช เทอดพิทักษ์วานิช นาง ปราณีต แสงอลังการ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2567 นาย โชควิชิต ลักษณากร ถือหุ้นใหญ่สุด หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาง พิมลดา ลักษณากร นาย วิชัย ลักษณากร นาย วิทู รักษ์วนิชพงศ์3. บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2548 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 2,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 76/2 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ปรากฏชื่อ นาย กฤตภัฏ ปล่องกระโทก นาย ศิริศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ นาย มนตรี สุดรักษ์ นาย ณัฐวุฒิ เลิศศรีดำรงค์กุล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 นาย กฤตภัฏ ปล่องกระโทก ถือหุ้นใหญ่สุด หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาย ศิริศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ นาย มนตรี สุดรักษ์ นาย ณัฐวุฒิ เลิศศรีดำรงค์กุล นางสาว พนิดดา พิทักษ์เกียรติยศหลังจากมีการขยายสัญญา ครม.ชุดปัจจุบันนี้เพิ่งอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคาร เป็นวงเงิน 84.3 ล้าน มีการแก้ไขแบบก่อสร้าง จำเป็นขยายระยะเวลาก่อสร้าง 155 วัน จาก 1,080 วัน เป็น 1,235 วัน และโครงการอยู่ใน “ข้อตกลงคุณธรรม” รัฐ-ผู้รับเหมา-ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง.. จนเกิดเหตุกาณ์แผ่นดินไหว ตึกถล่มดังกล่าว .ที่มา : ศูนย์ปฏิบัติการSTRONGประเทศไทย
    เปิดภาพ พิธีลงนามสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2564 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ โดยมีนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงนามในสัญญา กับ กิจการร่วมค้า PKW ซึ่งเป็นผู้ชนะการยื่นข้อเสนองานจ้างควบคุมงาน ในวงเงิน 74.65 ล้านบาท ณ ห้องดำริอิศรานุวรรต สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการจัดทำร่างขอบเขตของงานจ้างควบคุมงานโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการและการจ่ายเงินค่าจ้างเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 เป็นระยะเวลาควบคุมงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จ (3 ปี) และระยะที่ 2 เป็นระยะเวลาควบคุมงานสำหรับงานรับประกันความชำรุดบกพร่องของผู้รับจ้างก่อสร้าง (2 ปี) ทำให้มีระยะเวลาผูกพันตามสัญญาจ้างเป็นระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี และได้ดำเนินการจัดหาผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยวิธีคัดเลือกผู้ให้บริการควบคุมงานจ้างก่อสร้าง3 บริษัท ควบคุมงาน ตึก สตง. เอกชนที่ได้รับงานควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง.วงเงิน 74.65 ล้านบาท 1. บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 8,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 63/123 ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี แจ้งประกอบธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ปรากฏชื่อ นาย ปฏิวัติ ศิริไทย นาง พรรณนภา ศิริไทย นาย นัฏพร กฤษฎานุภาพ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ วันที่ 29 เมษายน 2567 นาย ปฏิวัติ ศิริไทย ถือหุ้นใหญ่สุด หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาง พรรณภา ศิริไทย นาย นัฏพร กฤษฎานุภาพ 2.บริษัท ว.และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2526 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 4,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 55 ซอยรามคำแหง 18 (แม้นเขียน 3) ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจกิจกรรมงานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิค ที่เกี่ยวข้อง ปรากฏชื่อ นาย โชควิชิต ลักษณากร นาย พลเดช เทอดพิทักษ์วานิช นาง ปราณีต แสงอลังการ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2567 นาย โชควิชิต ลักษณากร ถือหุ้นใหญ่สุด หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาง พิมลดา ลักษณากร นาย วิชัย ลักษณากร นาย วิทู รักษ์วนิชพงศ์3. บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2548 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 2,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 76/2 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ปรากฏชื่อ นาย กฤตภัฏ ปล่องกระโทก นาย ศิริศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ นาย มนตรี สุดรักษ์ นาย ณัฐวุฒิ เลิศศรีดำรงค์กุล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 นาย กฤตภัฏ ปล่องกระโทก ถือหุ้นใหญ่สุด หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นาย ศิริศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ นาย มนตรี สุดรักษ์ นาย ณัฐวุฒิ เลิศศรีดำรงค์กุล นางสาว พนิดดา พิทักษ์เกียรติยศหลังจากมีการขยายสัญญา ครม.ชุดปัจจุบันนี้เพิ่งอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคาร เป็นวงเงิน 84.3 ล้าน มีการแก้ไขแบบก่อสร้าง จำเป็นขยายระยะเวลาก่อสร้าง 155 วัน จาก 1,080 วัน เป็น 1,235 วัน และโครงการอยู่ใน “ข้อตกลงคุณธรรม” รัฐ-ผู้รับเหมา-ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง.. จนเกิดเหตุกาณ์แผ่นดินไหว ตึกถล่มดังกล่าว .ที่มา : ศูนย์ปฏิบัติการSTRONGประเทศไทย
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 394 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​--นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ
    สัทธรรมลำดับที่ : 957
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=957
    ชื่อบทธรรม : -นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หมวด ฉ. ว่าด้วย โทษของการขาดสัมมาสมาธิ
    --นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ
    --วาเสฏฐะ ! เปรียบเหมือนแม่น้ำอจิรวดีนี้ มีน้ำเต็มเปี่ยม กายืนดื่มได้.
    ครั้งนั้น มีบุรุษคนหนึ่งมาถึงเข้า เขามีประโยชน์ที่ฝั่งโน้น
    แสวงหาฝั่งโน้น มีการไปสู่ฝั่งโน้น ประสงค์จะข้ามไปสู่ฝั่งโน้น
    แต่เขานอนคลุมศีรษะของตนอยู่ที่ริมฝั่งนี้.
    --วาเสฏฐะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
    : บุรุษนั้นจะไปจากฝั่งในสู่ฝั่งนอกแห่งแม่น้ำอจิรวดีได้หรือหนอ ?
    “ไม่ได้แน่ ท่านพระโคดม !”
    --วาเสฏฐะ ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
    : นิวรณ์ ๕ อย่าง เหล่านี้เรียกกันในอริยวินัย
    http://etipitaka.com/read/pali/9/306/?keywords=นีวรณา+ปญฺจ
    ว่า “เครื่องปิด” บ้าง ว่า “เครื่องกั้น” บ้าง ว่า “เครื่องคลุม” บ้าง ว่า “เครื่องร้อยรัด” บ้าง.
    ห้าอย่าง อย่างไรเล่า ? ห้าอย่างคือ
    กามฉันทนิวรณ์
    พ๎ยาปาทนิวรณ์
    ถีนมิทธนิวรณ์
    อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์
    วิจิกิจฉานิวรณ์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/306/?keywords=วิจิกิจฺฉานีวรณํ
    --วาเสฏฐะ ! นิวรณ์ ๕ อย่าง เหล่านี้แล ซึ่งเรียกกันในอริยวินัย
    ว่า “เครื่องปิด” บ้าง
    ว่า “เครื่องกั้น” บ้าง
    ว่า “เครื่องคลุม” บ้าง
    ว่า “เครื่องร้อยรัด” บ้าง.
    --วาเสฏฐะ ! พราหมณ์ไตรเพททั้งหลาย ถูกนิวรณ์ ๕ อย่างเหล่านี้
    ปิดแล้ว กั้นแล้ว คลุมแล้ว ร้อยรัดแล้ว.
    --วาเสฏฐะ ! พราหมณ์ไตรเพทเหล่านั้น
    ละธรรมะที่ทำความเป็นพราหมณ์เสีย
    สมาทานธรรมะที่ไม่ทำความเป็นพราหมณ์ดำรงชีวิตให้เป็นไปอยู่
    อัน นิวรณ์ทั้ง ๕ อย่างเปิดแล้ว กั้นแล้ว คลุมแล้ว ร้อยรัดแล้ว
    จักเป็นผู้เข้าถึงความเป็นสหายแห่งพรหม
    ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
    ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้.-

    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/366-367/378-379.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/366/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๓๐๖-๓๐๗/๓๗๘-๓๗๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%98
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=957
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=957
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82
    ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​--นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ สัทธรรมลำดับที่ : 957 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=957 ชื่อบทธรรม : -นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ เนื้อความทั้งหมด :- --หมวด ฉ. ว่าด้วย โทษของการขาดสัมมาสมาธิ --นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ --วาเสฏฐะ ! เปรียบเหมือนแม่น้ำอจิรวดีนี้ มีน้ำเต็มเปี่ยม กายืนดื่มได้. ครั้งนั้น มีบุรุษคนหนึ่งมาถึงเข้า เขามีประโยชน์ที่ฝั่งโน้น แสวงหาฝั่งโน้น มีการไปสู่ฝั่งโน้น ประสงค์จะข้ามไปสู่ฝั่งโน้น แต่เขานอนคลุมศีรษะของตนอยู่ที่ริมฝั่งนี้. --วาเสฏฐะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : บุรุษนั้นจะไปจากฝั่งในสู่ฝั่งนอกแห่งแม่น้ำอจิรวดีได้หรือหนอ ? “ไม่ได้แน่ ท่านพระโคดม !” --วาเสฏฐะ ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : นิวรณ์ ๕ อย่าง เหล่านี้เรียกกันในอริยวินัย http://etipitaka.com/read/pali/9/306/?keywords=นีวรณา+ปญฺจ ว่า “เครื่องปิด” บ้าง ว่า “เครื่องกั้น” บ้าง ว่า “เครื่องคลุม” บ้าง ว่า “เครื่องร้อยรัด” บ้าง. ห้าอย่าง อย่างไรเล่า ? ห้าอย่างคือ กามฉันทนิวรณ์ พ๎ยาปาทนิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์. http://etipitaka.com/read/pali/9/306/?keywords=วิจิกิจฺฉานีวรณํ --วาเสฏฐะ ! นิวรณ์ ๕ อย่าง เหล่านี้แล ซึ่งเรียกกันในอริยวินัย ว่า “เครื่องปิด” บ้าง ว่า “เครื่องกั้น” บ้าง ว่า “เครื่องคลุม” บ้าง ว่า “เครื่องร้อยรัด” บ้าง. --วาเสฏฐะ ! พราหมณ์ไตรเพททั้งหลาย ถูกนิวรณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ ปิดแล้ว กั้นแล้ว คลุมแล้ว ร้อยรัดแล้ว. --วาเสฏฐะ ! พราหมณ์ไตรเพทเหล่านั้น ละธรรมะที่ทำความเป็นพราหมณ์เสีย สมาทานธรรมะที่ไม่ทำความเป็นพราหมณ์ดำรงชีวิตให้เป็นไปอยู่ อัน นิวรณ์ทั้ง ๕ อย่างเปิดแล้ว กั้นแล้ว คลุมแล้ว ร้อยรัดแล้ว จักเป็นผู้เข้าถึงความเป็นสหายแห่งพรหม ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้.- #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/366-367/378-379. http://etipitaka.com/read/thai/9/366/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๓๐๖-๓๐๗/๓๗๘-๓๗๙. http://etipitaka.com/read/pali/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%98 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=957 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=957 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82 ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ฉ. ว่าด้วย โทษของการขาดสัมมาสมาธิ--นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ
    -(บาลีพระสูตรนี้ ได้ทำให้เกิดประเพณีสวดคิริมานนทสูตร ให้คนเจ็บฟัง เพื่อจะได้หายเจ็บไข้ เช่นเดียวกับโพชฌงคสูตร. บางคนอาจจะสงสัยว่า มิเป็นการผิดหลักกรรมหรือเหตุปัจจัยไปหรือ ที่ความทุกข์ดับไปโดยไม่มีการดับเหตุแห่งทุกข์ ตามหลักแห่งจตุราริยสัจ. ข้อนี้ขอให้เข้าใจว่า การฟังธรรมของพระคิริมานนท์ ทำให้มีธรรมปีติอย่างแรงกล้า อำนาจของธรรมปีตินั้นสามารถระงับเสียได้ซึ่งทุกขเวทนา ทุกขเวทนาจึงระงับไป ดุจดังว่าหายจากอาพาธ; กล่าวได้ว่ามีปัจจัยเพื่อการดับแห่งทุกข์อริยสัจ; ไม่ผิดไปจากกฎเกณฑ์แห่งกรรมหรือกฎเกณฑ์แห่งเหตุปัจจัยเลย; เป็นการดับทุกข์ได้วิธีหนึ่ง จึงนำข้อความนี้ มาใส่ไว้ในหมวดนี้). หมวด ฉ. ว่าด้วย โทษของการขาดสัมมาสมาธิ นิวรณ์ - ข้าศึกแห่งสมาธิ วาเสฏฐะ ! เปรียบเหมือนแม่น้ำอจิรวดีนี้ มีน้ำเต็มเปี่ยม กายืนดื่มได้. ครั้งนั้น มีบุรุษคนหนึ่งมาถึงเข้า เขามีประโยชน์ที่ฝั่งโน้น แสวงหาฝั่งโน้น มีการไปสู่ฝั่งโน้น ประสงค์จะข้ามไปสู่ฝั่งโน้น แต่เขานอนคลุมศีรษะของตนอยู่ที่ริมฝั่งนี้. วาเสฏฐะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : บุรุษนั้นจะไปจากฝั่งในสู่ฝั่งนอกแห่งแม่น้ำอจิรวดีได้หรือหนอ ? “ไม่ได้แน่ ท่านพระโคดม !” วาเสฏฐะ ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : นิวรณ์ ๕ อย่าง เหล่านี้เรียกกันในอริยวินัย ว่า “เครื่องปิด” บ้าง ว่า “เครื่องกั้น” บ้าง ว่า “เครื่องคลุม” บ้าง ว่า “เครื่องร้อยรัด” บ้าง. ห้าอย่าง อย่างไรเล่า ? ห้าอย่างคือ กามฉันทนิวรณ์ พ๎ยาปาทนิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์. วาเสฏฐะ ! นิวรณ์ ๕ อย่าง เหล่านี้แล ซึ่งเรียกกันในอริยวินัย ว่า “เครื่องปิด” บ้าง ว่า “เครื่องกั้น” บ้าง ว่า “เครื่องคลุม” บ้าง ว่า “เครื่องร้อยรัด” บ้าง. วาเสฏฐะ ! พราหมณ์ไตรเพททั้งหลาย ถูกนิวรณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ ปิดแล้ว กั้นแล้ว คลุมแล้ว ร้อยรัดแล้ว. วาเสฏฐะ ! พราหมณ์ไตรเพทเหล่านั้น ละธรรมะที่ทำความเป็นพราหมณ์เสีย สมาทานธรรมะที่ไม่ทำความเป็นพราหมณ์ดำรงชีวิตให้เป็นไปอยู่ อัน นิวรณ์ทั้ง ๕ อย่างเปิดแล้ว กั้นแล้ว คลุมแล้ว ร้อยรัดแล้ว จักเป็นผู้เข้าถึงความเป็นสหายแห่งพรหม ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้.
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews

  • ..ไม่ใช่เลื่อน ต้องฉีกทิ้งทั้งหมด,จับบ่อนเถื่อน หวยใต้ดิน หวยเกินราคาของคนเดินขายหวยที่ลงทะเบียนเปิดเผยชัดเจนก่อนเถอะ,และยาบ้าที่คนขายคนผลิตใครโรงงานไหนผลิตออกมาขายยาบ้าจับมาลงทะเบียนให้ได้ก่อนเถอะ,เจ้าหน้าที่พื้นที่ทั้งหมดตลอดคนข้าราชการรู้กันหมดล่ะ,
    ..การเด็ดขาดกับคนต้นเหตุของปัญหา เรรไม่เด็ดขาดเลย ไม่เปิดโปง ปกปิดให้ด้วย แฉก็ไม่แฉชี้ชัดก็ด้วย,จับเพียงพวกสมุน.
    ..ง่ายมากจะจัดการพวกเถื่อนๆบนแผ่นดินไทย สิ่งแรกคือผลักดันคนที่ไม่ใช่คนไทยออกไปทั้งหมดทุกๆกรณี ใครมีไว้ให้อาศัยหรือใช้แรงงานถือว่ามีความผิด,ชุมชนสังคมนั้นๆจะการข่าวดีเยี่ยมหมด,ต่างชาติต่าวด้าวที่ไม่ใช่คนไทยออกไปหมด จะเหลือคนไทยล้วนๆยิ่งระมัดระวังภัยที่ผิดปกติมันง่ายแสนง่ายเลยล่ะ,ตรวจสอบสืบสวนติดตามจับกุมการกระทำไม่ดีก็แยกแยะชัดเจนรวดเร็วมาลงโทษได้ทันกาล,ไร้มือปั่นป่วนที่สร้างความผิดปกติมากมายลงได้หลายมิติของชุมชนสังคมไทยเราทันที เจ้าหน้าที่เราก็ไม่เหนื่อย กลับบ้านใครมันสร้างสุขในครอบครัวตามปกติ,นี้อะไรมั่วไปหมดเลอะเทอะไปหมด,ปกครองให้คนไทยยากจน ดิ้นรนจนบ้าคลั่ง ยากจนคือตังใช้จ่ายในชีวิตมีปัญหา ที่ระบบรัฐมุ่งใช้ระบบตังแลกเปลี่ยนกันและควบคุมกลไกสังคมด้วยตังด้วย,กฎหมายต่างๆก็ออกมาเพื่อแย่งชิงตังจากประชาชน เสียค่าปรับนั้นนี้ตรึม ขึ้นศาลก็เสียตัง สร้างแค่ความยุติธรรมยังคือภาระคนเรียกร้องหาความเป็นธรรมเสียตังใช้ตังนั่นล่ะ
    ..ปรับใบขับขี่ปรับขนส่งสมัยก่อนๆตรึม ประชาชนมีหน้าที่เสียค่าปรับตามกฎหมาย นี้ไง กฎหมายที่ดูดตังประชาชน ระบบใช้ตัง .ลองไม่เสียตังดูสิจะลดภาระประชาชนมากแค่ไหน,เอาตังไปเลี้ยงครอบครัวเขาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากมายแค่ไหน,ภาษีต่างๆอีก,สาระพัดกฎหมายมากสาระพัดมุกดูดตังประชาชน,พอประชาชนจะมีชีวิตดีหน่อยกลับไปบริหารปกครองเป็นไปเพื่ออย่างดีมีสุขแก่ประชาชน บ่อน้ำมันอีกล่ะคือตัวอย่างที่ดี,เสือกรัฐบาลในอดีตยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันให้เจ้าอื่น,ปกติรัฐบาลต้องแสดงสมองปัญญาความสามารถทำกิจการน้ำมันเองได้,แม้หมดอายุสัมปทานก็ไร้ปัญญาความสามารถคิดสมองหมาปัญญาควายสรรพสัตว์ไร้สมองไม่ตั้งใจก่อการทำเองเพื่อประชาชนคนไทยต้นทุนพลังงานน้ำมันราคาลดลง,ทำเองกลั่นเองขายเองลดต้นทุนค่าครองชีพประชาชนมันขาดทุนชาติเสียจะล้มสะลายตรงไหน,น้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านคนไทยต้นทุนต่ำทันทีภายในชาติไทย ขนส่งขนส่งสินค้าไม่แพง ราคาสินค้าทั่วไทยจะลดลงทันที ทุกๆอย่างจะไม่แพง การพึ่งพาตนเองจะสูงสุดในคนไทยเรา,ส่งขายในตลาดราคาโลกจะไร้ปัญญาคิดอ่านไม่ได้เหรอ,เรามีผู้ปกครองที่กากขี้ขลาดไม่กล้าหาญเผชิญหน้าอะไรกับชาติมหาอำนาจหรือต่างชาติเลยเป็นบ๋อยสถุนมากในอดีตเรื่อยมา.
    ..ทหารประชาชนสมควรยึดอำนาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจริง,มีแต่ทหารฝ่ายการเมืองยึดอำนาจมากว่า10ครั้งชาติมีแต่จะพังพินาศขายชาติขายที่ดินไร่ละ40ล้านบาทพะนะแก่ต่างชาติ เช่าที่ดินได้99ปีอีก,ฉีกรัฐธรรมนูญโคตรเก่งสามารถและเหี้ยกับประชาชน,ฉีกกฎหมายปล้นชาติไทยปล้นชิงธิปไตยไทยเสือกไม่ฉีก อาทิฉีกกฎหมายสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ฉีกmouทั้งลับๆแบะแจ้งที่ทรยศแผ่นดินเป็นทาสถูกเขาต่างชาติเอาเปรียบทิ้งไปและโมฆะทั้งหมด,เราจะได้คืนวัตถุดิบพัฒนาชาติไทยคืนมา100%ทันที.

    ..ระบบปกครองไทยสไตล์ไทยเราเขียนเองสร้างกันเองได้ เหี้ยไปใช้ระบบปกครองคณะกบฎ2475ส่งออกสุมหัวกับฝรั่งทำไม.,เมื่อพิจารณาแล้วว่าสมบูรณญาสิทธิราชย์ไม่ดีและของคณะกบฎ2475สอบตกไม่ผ่านสู่ยุคสมัยล้ำๆก็สร้างระบบใหม่เองเลย
    ..คือระบบจักรวาลที่สากลใช้ปกครองทั่วจักรวาลเป็นส่วนใหญ่ของทางสายกลาง มิติสูงๆก็ยอมรับ คนเลวชั่วคนสัตว์นรกรับไม่ได้เป็นปกติแน่นอนคือ #ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะฝ่ายดีเป็นเครื่องครองใจในสัมมาชีวิตชอบของทุกๆคนไทยก็ว่า.,ภัยใดๆจะละเว้นซึ่งกระทำไม่ดีต่อกันและกันทันที,เจริญทัังกายวัตถุธาตุและเจริญทั้งทางจิตวิญญาณจะเติบโตเบ่งบานในชนเผ่าไทยเราทุกๆคนแน่นอน.สงครามใดๆเราจะชนะสิ้น,มิตรดีสหายดีทั่วมหาจักรวาลเอายานบินมาช่วยรบตรึมล่ะ.
    ..นายกฯพระราชทานภาคมหาชนน่าจะเหมาะสมที่สุด.
    ..
    #นายกฯพระราชทาน
    ..
    https://m.youtube.com/watch?v=B_IzmPwSQ9I&pp=0gcJCX4JAYcqIYzv
    ..ไม่ใช่เลื่อน ต้องฉีกทิ้งทั้งหมด,จับบ่อนเถื่อน หวยใต้ดิน หวยเกินราคาของคนเดินขายหวยที่ลงทะเบียนเปิดเผยชัดเจนก่อนเถอะ,และยาบ้าที่คนขายคนผลิตใครโรงงานไหนผลิตออกมาขายยาบ้าจับมาลงทะเบียนให้ได้ก่อนเถอะ,เจ้าหน้าที่พื้นที่ทั้งหมดตลอดคนข้าราชการรู้กันหมดล่ะ, ..การเด็ดขาดกับคนต้นเหตุของปัญหา เรรไม่เด็ดขาดเลย ไม่เปิดโปง ปกปิดให้ด้วย แฉก็ไม่แฉชี้ชัดก็ด้วย,จับเพียงพวกสมุน. ..ง่ายมากจะจัดการพวกเถื่อนๆบนแผ่นดินไทย สิ่งแรกคือผลักดันคนที่ไม่ใช่คนไทยออกไปทั้งหมดทุกๆกรณี ใครมีไว้ให้อาศัยหรือใช้แรงงานถือว่ามีความผิด,ชุมชนสังคมนั้นๆจะการข่าวดีเยี่ยมหมด,ต่างชาติต่าวด้าวที่ไม่ใช่คนไทยออกไปหมด จะเหลือคนไทยล้วนๆยิ่งระมัดระวังภัยที่ผิดปกติมันง่ายแสนง่ายเลยล่ะ,ตรวจสอบสืบสวนติดตามจับกุมการกระทำไม่ดีก็แยกแยะชัดเจนรวดเร็วมาลงโทษได้ทันกาล,ไร้มือปั่นป่วนที่สร้างความผิดปกติมากมายลงได้หลายมิติของชุมชนสังคมไทยเราทันที เจ้าหน้าที่เราก็ไม่เหนื่อย กลับบ้านใครมันสร้างสุขในครอบครัวตามปกติ,นี้อะไรมั่วไปหมดเลอะเทอะไปหมด,ปกครองให้คนไทยยากจน ดิ้นรนจนบ้าคลั่ง ยากจนคือตังใช้จ่ายในชีวิตมีปัญหา ที่ระบบรัฐมุ่งใช้ระบบตังแลกเปลี่ยนกันและควบคุมกลไกสังคมด้วยตังด้วย,กฎหมายต่างๆก็ออกมาเพื่อแย่งชิงตังจากประชาชน เสียค่าปรับนั้นนี้ตรึม ขึ้นศาลก็เสียตัง สร้างแค่ความยุติธรรมยังคือภาระคนเรียกร้องหาความเป็นธรรมเสียตังใช้ตังนั่นล่ะ ..ปรับใบขับขี่ปรับขนส่งสมัยก่อนๆตรึม ประชาชนมีหน้าที่เสียค่าปรับตามกฎหมาย นี้ไง กฎหมายที่ดูดตังประชาชน ระบบใช้ตัง .ลองไม่เสียตังดูสิจะลดภาระประชาชนมากแค่ไหน,เอาตังไปเลี้ยงครอบครัวเขาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากมายแค่ไหน,ภาษีต่างๆอีก,สาระพัดกฎหมายมากสาระพัดมุกดูดตังประชาชน,พอประชาชนจะมีชีวิตดีหน่อยกลับไปบริหารปกครองเป็นไปเพื่ออย่างดีมีสุขแก่ประชาชน บ่อน้ำมันอีกล่ะคือตัวอย่างที่ดี,เสือกรัฐบาลในอดีตยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันให้เจ้าอื่น,ปกติรัฐบาลต้องแสดงสมองปัญญาความสามารถทำกิจการน้ำมันเองได้,แม้หมดอายุสัมปทานก็ไร้ปัญญาความสามารถคิดสมองหมาปัญญาควายสรรพสัตว์ไร้สมองไม่ตั้งใจก่อการทำเองเพื่อประชาชนคนไทยต้นทุนพลังงานน้ำมันราคาลดลง,ทำเองกลั่นเองขายเองลดต้นทุนค่าครองชีพประชาชนมันขาดทุนชาติเสียจะล้มสะลายตรงไหน,น้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านคนไทยต้นทุนต่ำทันทีภายในชาติไทย ขนส่งขนส่งสินค้าไม่แพง ราคาสินค้าทั่วไทยจะลดลงทันที ทุกๆอย่างจะไม่แพง การพึ่งพาตนเองจะสูงสุดในคนไทยเรา,ส่งขายในตลาดราคาโลกจะไร้ปัญญาคิดอ่านไม่ได้เหรอ,เรามีผู้ปกครองที่กากขี้ขลาดไม่กล้าหาญเผชิญหน้าอะไรกับชาติมหาอำนาจหรือต่างชาติเลยเป็นบ๋อยสถุนมากในอดีตเรื่อยมา. ..ทหารประชาชนสมควรยึดอำนาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจริง,มีแต่ทหารฝ่ายการเมืองยึดอำนาจมากว่า10ครั้งชาติมีแต่จะพังพินาศขายชาติขายที่ดินไร่ละ40ล้านบาทพะนะแก่ต่างชาติ เช่าที่ดินได้99ปีอีก,ฉีกรัฐธรรมนูญโคตรเก่งสามารถและเหี้ยกับประชาชน,ฉีกกฎหมายปล้นชาติไทยปล้นชิงธิปไตยไทยเสือกไม่ฉีก อาทิฉีกกฎหมายสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ฉีกmouทั้งลับๆแบะแจ้งที่ทรยศแผ่นดินเป็นทาสถูกเขาต่างชาติเอาเปรียบทิ้งไปและโมฆะทั้งหมด,เราจะได้คืนวัตถุดิบพัฒนาชาติไทยคืนมา100%ทันที. ..ระบบปกครองไทยสไตล์ไทยเราเขียนเองสร้างกันเองได้ เหี้ยไปใช้ระบบปกครองคณะกบฎ2475ส่งออกสุมหัวกับฝรั่งทำไม.,เมื่อพิจารณาแล้วว่าสมบูรณญาสิทธิราชย์ไม่ดีและของคณะกบฎ2475สอบตกไม่ผ่านสู่ยุคสมัยล้ำๆก็สร้างระบบใหม่เองเลย ..คือระบบจักรวาลที่สากลใช้ปกครองทั่วจักรวาลเป็นส่วนใหญ่ของทางสายกลาง มิติสูงๆก็ยอมรับ คนเลวชั่วคนสัตว์นรกรับไม่ได้เป็นปกติแน่นอนคือ #ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะฝ่ายดีเป็นเครื่องครองใจในสัมมาชีวิตชอบของทุกๆคนไทยก็ว่า.,ภัยใดๆจะละเว้นซึ่งกระทำไม่ดีต่อกันและกันทันที,เจริญทัังกายวัตถุธาตุและเจริญทั้งทางจิตวิญญาณจะเติบโตเบ่งบานในชนเผ่าไทยเราทุกๆคนแน่นอน.สงครามใดๆเราจะชนะสิ้น,มิตรดีสหายดีทั่วมหาจักรวาลเอายานบินมาช่วยรบตรึมล่ะ. ..นายกฯพระราชทานภาคมหาชนน่าจะเหมาะสมที่สุด. .. #นายกฯพระราชทาน .. https://m.youtube.com/watch?v=B_IzmPwSQ9I&pp=0gcJCX4JAYcqIYzv
    0 Comments 0 Shares 531 Views 0 Reviews
  • ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

    ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี
    พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา
    ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา
    ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์
    ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม
    ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล
    ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย
    ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน
    ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน
    “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง
    ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง
    ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์

    .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ

    เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา
    แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย
    ....
    ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง
    ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย

    พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร
    และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก
    .................................
    วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์
    เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้
    ..................................

    มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร

    และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ

    แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า

    จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ

    "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก

    ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา

    แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ

    เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง

    น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน

    (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.)
    .
    .
    จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย”

    ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์ ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์ .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย .... ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก ................................. วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้ .................................. มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.) . . จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย” ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    0 Comments 0 Shares 540 Views 0 Reviews
  • เมื่อเสียงสมน้ำหน้า เคล้าก่นด่า ดังกว่า... ตึก สตง. ถล่ม! วิกฤตศรัทธาหน่วยตรวจ ลืมสำรวจตัวเอง? ไม่ใช่แค่ตึกที่พัง แต่ความเชื่อมั่น ในกระบวนการของภาครัฐเอง ก็สั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ 😓

    🏢 เหตุการณ์ถล่ม ของตึกเดียวในประเทศไทย จากแผ่นดินไหว จุดชนวนคำถามถึงความโปร่งใส ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ และทำให้หน่วยงาน “ผู้ตรวจ” กลายเป็น “ผู้ถูกตรวจสอบ” เสียเอง

    🔎 เมื่อคำถามไม่ได้มีแค่ “ทำไมตึกถล่ม” แต่เป็น “ใครจะรับผิดชอบ?” 28 มีนาคม 2568 เวลา 14.37 น. กรุงเทพฯ สะเทือนจากแรงแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ศูนย์กลางที่เมียนมา 🌏 ในขณะที่อาคารสูงทั่วกรุงเทพฯ แกว่งไกวเล็กน้อยเพียงชั่วครู่ แต่กลับมีตึกหนึ่งที่ “พังลงทั้งหลัง” 😱 ตึกแห่งนั้นคือ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

    เสียงระเบิดของโครงสร้างถล่มลงมา เสียงผู้รอดชีวิตร้องขอความช่วยเหลือ... และเสียง “ประชาชน” ที่เริ่มตั้งคำถามดังยิ่งกว่าเสียงไหน ๆ

    ทำไมตึกเดียวในไทยถึงถล่มทั้งหลัง?

    สตง. ไม่ตรวจสอบโครงการของตนเองหรือ?

    หรือระบบรัฐไทยล้มเหลวในระดับโครงสร้าง... ทั้งจริง ๆ และเชิงเปรียบเทียบ?

    📘 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือ Office of the Auditor General of Thailand คือหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ 🇹🇭 มีภารกิจสำคัญในการตรวจสอบ การใช้เงินของภาครัฐให้ถูกต้อง โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

    📌 ภารกิจหลักของ สตง.
    1. ตรวจสอบงบประมาณหน่วยงานรัฐ (Financial Audit)
    2. ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย (Compliance Audit)
    3. ตรวจสอบประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Performance Audit)

    นอกจากบทบาทในการตรวจสอบ สตง. ยังเสนอแนะการบริหาร และใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมจัดทำรายงานประจำปีต่อรัฐสภา และประชาชนผ่านเว็บไซต์ www.audit.go.th เพื่อให้เกิด “ธรรมาภิบาล” ที่แท้จริง

    สตง. ทำหน้าที่เป็น “ผู้ตรวจสอบความโปร่งใสของรัฐ” แต่เมื่อสำนักงานของตัวเองถล่ม... ใครจะตรวจสอบ “ผู้ตรวจสอบ”?

    🧱 โครงการตึกใหม่ สตง. ต้นทุน 2,560 ล้านบาท แลกกับภาพลักษณ์องค์กร

    🏗️ ข้อมูลโครงการ
    สร้างที่:ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

    ขนาดอาคาร 30 ชั้น บนพื้นที่ 11 ไร่

    งบประมาณรวม 2,560 ล้านบาท

    ผู้รับเหมาคือ กิจการร่วมค้า ITD-CREC เป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด

    บริษัทควบคุมงานคือ กิจการร่วมค้าพีเคดับเบิลยู (PKW) ที่ร่วมทุนระหว่างบริษัทพี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด, บริษัท ว.และ สหาย คอนซัลแตนตส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด

    การก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปี 2563 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 โดยตั้งเป้าเป็นอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับการขยายตัวขององค์กรในอนาคต 🌱

    แต่ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 หลังจากสร้างมาได้เพียง 30%... ตึกก็ถล่มทั้งหลัง 😰

    💣 สาเหตุ? อุบัติเหตุ? หรือสะท้อนปัญหาลึกของระบบ?

    📍 แรงแผ่นดินไหว หรือโครงสร้างอ่อนแอ? แม้แผ่นดินไหวขนาด 8.2 จะถือว่ารุนแรง แต่บริเวณกรุงเทพฯ โดยเฉพาะจตุจักร ได้รับแรงสั่นสะเทือนประมาณ 5.1 เท่านั้น ซึ่งถือว่า ไม่แรงพอที่จะทำให้อาคารพังราบทั้งหลัง ตามมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง

    แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาคารพัง?

    วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน? 🧱

    โครงสร้างไม่รองรับแรงสั่น?

    ขั้นตอนตรวจสอบขาดความรัดกุม?

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหล็กเส้นที่ใช้ในอาคารส่วนใหญ่ มาจากบริษัทต่างชาติ ที่ถูกสั่งปิดโรงงานในปลายปี 2567 เนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ‼️

    🧪 ตรวจสอบวัสดุจริง กับข้อเท็จจริงที่น่าหวั่นใจ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ สวทช. และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้เข้าตรวจสอบเหล็กเส้น จากสถานที่เกิดเหตุ พบว่า เหล็ก 5 จาก 6 ประเภท มาจากโรงงานเดียวกัน โรงงานนี้เคยมีประวัติการระเบิด และเครนหล่น อีกทั้งยังเคยถูกสั่งปิดชั่วคราว จากเหตุผลด้านความปลอดภัย

    ❗ คำถามคือ เหล็กจากแหล่งที่ไม่มีคุณภาพเหล่านี้ ผ่านการอนุมัติเข้าโครงการระดับพันล้าน ได้อย่างไร?

    🧠 เมื่อ “ผู้ตรวจ” ลืม “ตรวจสอบตัวเอง”? กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไทย แม้จะมีกฎหมายและระเบียบที่รัดกุม แต่ในทางปฏิบัติ กลับพบว่า…

    การประมูลมักให้น้ำหนักกับ “ราคาถูก” มากกว่าคุณภาพ ผู้รับเหมาจึงใช้วัสดุราคาต่ำกว่ามาตรฐาน การกำกับดูแลไม่ทั่วถึง เพราะผู้ควบคุมโครงการ ก็อยู่ภายใต้งบจำกัด

    น่าเจ็บปวดที่เหตุการณ์นี้เกิดกับ “สตง.” ผู้ที่ควรจะเป็นต้นแบบของความโปร่งใส

    ⚖️ การเมืองในองค์กรอิสระ: อิสระจริง หรือเลือกกันเอง? โครงสร้าง คตง. และการสรรหา คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มาจากการสรรหาโดย ส.ว. ปัจจุบันผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้รับการแต่งตั้งโดย ส.ว. ชุดพิเศษ การแต่งตั้งกรรมการหลายคน มีข้อครหาว่าไม่โปร่งใส และถูกฟ้องต่อศาลปกครอง

    ⛔ จุดนี้เองที่ทำให้ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึง “อิสรภาพ” ขององค์กรที่ควรเป็นอิสระจากการเมือง

    📣 กระแสโซเชียล & ประชาชน “เสียงสมน้ำหน้า” ดังยิ่งกว่าความเศร้า ในขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ยังรอการกู้ร่างในซากตึก โลกออนไลน์กลับเต็มไปด้วยเสียงแดกดัน เช่น

    “ผู้ตรวจ ลืมตรวจตึกตัวเอง”

    “สมน้ำหน้าที่พังเพราะไม่โปร่งใส”

    “เงินภาษีคนไทยพังลงต่อหน้า”

    คำพูดเหล่านี้อาจดูโหดร้าย แต่ก็สะท้อนความรู้สึกของคนจำนวนมาก ที่รู้สึกว่า “แม้แต่หน่วยงานตรวจสอบ ก็ยังไม่รอดจากระบบที่พัง”

    📉 วิกฤตศรัทธา & บทเรียนราคาแพง สิ่งที่สูญเสียไม่ใช่แค่งบประมาณ หรือชีวิต… แต่คือ ความเชื่อมั่นต่อระบบรัฐ

    🚨 บทเรียนสำคัญที่รัฐต้องรับให้ได้ การคัดเลือกผู้รับเหมา ควรมีระบบที่ยึด “คุณภาพ” เป็นหลัก ต้องมีการตรวจสอบหลายชั้น โดยอิสระจริง ๆ ปฏิรูประบบจัดซื้อจัดจ้าง ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพิ่มบทลงโทษกรณีวัสดุหรือผู้รับเหมาไม่ได้มาตรฐาน

    📌 จากตึกถล่ม สู่การตรวจสอบศรัทธาประชาชน เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่เจ็บปวดของประเทศไทย 🕯️ แต่ในขณะเดียวกัน... นี่อาจเป็นโอกาสในการทบทวนระบบราชการ และการบริหารงบประมาณของรัฐอย่างแท้จริง

    อย่าให้เสียง “สมน้ำหน้า” ดังกลบเสียงของผู้เสียชีวิต อย่าให้ตึกที่พัง เป็นเพียงข่าวแค่ไม่กี่วัน แต่ให้มันเป็นบทเรียนที่สร้าง “การเปลี่ยนแปลง”

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021119 เม.ย. 2568

    📢#ตึกสตงถล่ม #ผู้ตรวจถูกตรวจ #แผ่นดินไหว2568 #ข่าวด่วน #เหล็กไม่ได้มาตรฐาน #สตงคือใคร #ความโปร่งใสภาครัฐ #อาคารถล่มกรุงเทพ #ITDCREC #ข่าวไทย
    เมื่อเสียงสมน้ำหน้า เคล้าก่นด่า ดังกว่า... ตึก สตง. ถล่ม! วิกฤตศรัทธาหน่วยตรวจ ลืมสำรวจตัวเอง? ไม่ใช่แค่ตึกที่พัง แต่ความเชื่อมั่น ในกระบวนการของภาครัฐเอง ก็สั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ 😓 🏢 เหตุการณ์ถล่ม ของตึกเดียวในประเทศไทย จากแผ่นดินไหว จุดชนวนคำถามถึงความโปร่งใส ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ และทำให้หน่วยงาน “ผู้ตรวจ” กลายเป็น “ผู้ถูกตรวจสอบ” เสียเอง 🔎 เมื่อคำถามไม่ได้มีแค่ “ทำไมตึกถล่ม” แต่เป็น “ใครจะรับผิดชอบ?” 28 มีนาคม 2568 เวลา 14.37 น. กรุงเทพฯ สะเทือนจากแรงแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ศูนย์กลางที่เมียนมา 🌏 ในขณะที่อาคารสูงทั่วกรุงเทพฯ แกว่งไกวเล็กน้อยเพียงชั่วครู่ แต่กลับมีตึกหนึ่งที่ “พังลงทั้งหลัง” 😱 ตึกแห่งนั้นคือ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เสียงระเบิดของโครงสร้างถล่มลงมา เสียงผู้รอดชีวิตร้องขอความช่วยเหลือ... และเสียง “ประชาชน” ที่เริ่มตั้งคำถามดังยิ่งกว่าเสียงไหน ๆ ทำไมตึกเดียวในไทยถึงถล่มทั้งหลัง? สตง. ไม่ตรวจสอบโครงการของตนเองหรือ? หรือระบบรัฐไทยล้มเหลวในระดับโครงสร้าง... ทั้งจริง ๆ และเชิงเปรียบเทียบ? 📘 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือ Office of the Auditor General of Thailand คือหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ 🇹🇭 มีภารกิจสำคัญในการตรวจสอบ การใช้เงินของภาครัฐให้ถูกต้อง โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน 📌 ภารกิจหลักของ สตง. 1. ตรวจสอบงบประมาณหน่วยงานรัฐ (Financial Audit) 2. ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย (Compliance Audit) 3. ตรวจสอบประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Performance Audit) นอกจากบทบาทในการตรวจสอบ สตง. ยังเสนอแนะการบริหาร และใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมจัดทำรายงานประจำปีต่อรัฐสภา และประชาชนผ่านเว็บไซต์ www.audit.go.th เพื่อให้เกิด “ธรรมาภิบาล” ที่แท้จริง สตง. ทำหน้าที่เป็น “ผู้ตรวจสอบความโปร่งใสของรัฐ” แต่เมื่อสำนักงานของตัวเองถล่ม... ใครจะตรวจสอบ “ผู้ตรวจสอบ”? 🧱 โครงการตึกใหม่ สตง. ต้นทุน 2,560 ล้านบาท แลกกับภาพลักษณ์องค์กร 🏗️ ข้อมูลโครงการ สร้างที่:ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ขนาดอาคาร 30 ชั้น บนพื้นที่ 11 ไร่ งบประมาณรวม 2,560 ล้านบาท ผู้รับเหมาคือ กิจการร่วมค้า ITD-CREC เป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทควบคุมงานคือ กิจการร่วมค้าพีเคดับเบิลยู (PKW) ที่ร่วมทุนระหว่างบริษัทพี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด, บริษัท ว.และ สหาย คอนซัลแตนตส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด การก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปี 2563 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 โดยตั้งเป้าเป็นอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับการขยายตัวขององค์กรในอนาคต 🌱 แต่ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 หลังจากสร้างมาได้เพียง 30%... ตึกก็ถล่มทั้งหลัง 😰 💣 สาเหตุ? อุบัติเหตุ? หรือสะท้อนปัญหาลึกของระบบ? 📍 แรงแผ่นดินไหว หรือโครงสร้างอ่อนแอ? แม้แผ่นดินไหวขนาด 8.2 จะถือว่ารุนแรง แต่บริเวณกรุงเทพฯ โดยเฉพาะจตุจักร ได้รับแรงสั่นสะเทือนประมาณ 5.1 เท่านั้น ซึ่งถือว่า ไม่แรงพอที่จะทำให้อาคารพังราบทั้งหลัง ตามมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาคารพัง? วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน? 🧱 โครงสร้างไม่รองรับแรงสั่น? ขั้นตอนตรวจสอบขาดความรัดกุม? จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหล็กเส้นที่ใช้ในอาคารส่วนใหญ่ มาจากบริษัทต่างชาติ ที่ถูกสั่งปิดโรงงานในปลายปี 2567 เนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ‼️ 🧪 ตรวจสอบวัสดุจริง กับข้อเท็จจริงที่น่าหวั่นใจ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ สวทช. และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้เข้าตรวจสอบเหล็กเส้น จากสถานที่เกิดเหตุ พบว่า เหล็ก 5 จาก 6 ประเภท มาจากโรงงานเดียวกัน โรงงานนี้เคยมีประวัติการระเบิด และเครนหล่น อีกทั้งยังเคยถูกสั่งปิดชั่วคราว จากเหตุผลด้านความปลอดภัย ❗ คำถามคือ เหล็กจากแหล่งที่ไม่มีคุณภาพเหล่านี้ ผ่านการอนุมัติเข้าโครงการระดับพันล้าน ได้อย่างไร? 🧠 เมื่อ “ผู้ตรวจ” ลืม “ตรวจสอบตัวเอง”? กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไทย แม้จะมีกฎหมายและระเบียบที่รัดกุม แต่ในทางปฏิบัติ กลับพบว่า… การประมูลมักให้น้ำหนักกับ “ราคาถูก” มากกว่าคุณภาพ ผู้รับเหมาจึงใช้วัสดุราคาต่ำกว่ามาตรฐาน การกำกับดูแลไม่ทั่วถึง เพราะผู้ควบคุมโครงการ ก็อยู่ภายใต้งบจำกัด น่าเจ็บปวดที่เหตุการณ์นี้เกิดกับ “สตง.” ผู้ที่ควรจะเป็นต้นแบบของความโปร่งใส ⚖️ การเมืองในองค์กรอิสระ: อิสระจริง หรือเลือกกันเอง? โครงสร้าง คตง. และการสรรหา คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มาจากการสรรหาโดย ส.ว. ปัจจุบันผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้รับการแต่งตั้งโดย ส.ว. ชุดพิเศษ การแต่งตั้งกรรมการหลายคน มีข้อครหาว่าไม่โปร่งใส และถูกฟ้องต่อศาลปกครอง ⛔ จุดนี้เองที่ทำให้ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึง “อิสรภาพ” ขององค์กรที่ควรเป็นอิสระจากการเมือง 📣 กระแสโซเชียล & ประชาชน “เสียงสมน้ำหน้า” ดังยิ่งกว่าความเศร้า ในขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ยังรอการกู้ร่างในซากตึก โลกออนไลน์กลับเต็มไปด้วยเสียงแดกดัน เช่น “ผู้ตรวจ ลืมตรวจตึกตัวเอง” “สมน้ำหน้าที่พังเพราะไม่โปร่งใส” “เงินภาษีคนไทยพังลงต่อหน้า” คำพูดเหล่านี้อาจดูโหดร้าย แต่ก็สะท้อนความรู้สึกของคนจำนวนมาก ที่รู้สึกว่า “แม้แต่หน่วยงานตรวจสอบ ก็ยังไม่รอดจากระบบที่พัง” 📉 วิกฤตศรัทธา & บทเรียนราคาแพง สิ่งที่สูญเสียไม่ใช่แค่งบประมาณ หรือชีวิต… แต่คือ ความเชื่อมั่นต่อระบบรัฐ 🚨 บทเรียนสำคัญที่รัฐต้องรับให้ได้ การคัดเลือกผู้รับเหมา ควรมีระบบที่ยึด “คุณภาพ” เป็นหลัก ต้องมีการตรวจสอบหลายชั้น โดยอิสระจริง ๆ ปฏิรูประบบจัดซื้อจัดจ้าง ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพิ่มบทลงโทษกรณีวัสดุหรือผู้รับเหมาไม่ได้มาตรฐาน 📌 จากตึกถล่ม สู่การตรวจสอบศรัทธาประชาชน เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่เจ็บปวดของประเทศไทย 🕯️ แต่ในขณะเดียวกัน... นี่อาจเป็นโอกาสในการทบทวนระบบราชการ และการบริหารงบประมาณของรัฐอย่างแท้จริง อย่าให้เสียง “สมน้ำหน้า” ดังกลบเสียงของผู้เสียชีวิต อย่าให้ตึกที่พัง เป็นเพียงข่าวแค่ไม่กี่วัน แต่ให้มันเป็นบทเรียนที่สร้าง “การเปลี่ยนแปลง” ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021119 เม.ย. 2568 📢#ตึกสตงถล่ม #ผู้ตรวจถูกตรวจ #แผ่นดินไหว2568 #ข่าวด่วน #เหล็กไม่ได้มาตรฐาน #สตงคือใคร #ความโปร่งใสภาครัฐ #อาคารถล่มกรุงเทพ #ITDCREC #ข่าวไทย
    0 Comments 0 Shares 872 Views 0 Reviews
  • ตามหาความจริง ตึกถล่มจตุจักร

    แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร บริเวณเมืองลอยกอ ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. สั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล หนึ่งในนั้นคือโครงการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ สูง 30 ชั้น บนถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร พังถล่มลงมา ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 11 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย บาดเจ็บ 18 ราย สูญหายอีกจำนวนมาก

    สังคมตั้งข้อสงสัยไปที่การก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้คุณภาพ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 2,136 ล้านบาท ผู้รับจ้างคือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด ส่วนผู้ควบคุมงานก่อสร้างคือ กิจการร่วมค้าพีเคดับเบิลยู บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด, บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และ บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด งบประมาณ 74.653 ล้านบาท

    มีการตรวจสอบบริษัทผู้รับจ้างอย่างไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) พบความผิดปกติตรงที่เมื่อปี 2567 ได้โพสต์ภาพและข่าวการเฉลิมฉลองปิดงานก่อสร้างชั้นดาดฟ้า ในบัญชีโซเชียลมีเดียของบริษัทฯ นำเสนอว่าใช้ระบบโครงสร้างแบบแกนกลางรับแรง และพื้นไร้คาน พอเกิดเหตุได้ลบบทความทิ้ง ไม่นับรวมการตรวจสอบที่ตั้งบริษัท พบว่าเป็นตึกแถวธรรมดาในซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ

    ขณะที่ สตง.เจ้าของโครงการ ชี้แจงว่าได้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น ยืนยีนว่ากระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการแก้แบบโครงสร้างให้เล็กลงเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะออกแบบให้เสาสี่เหลี่ยมด้านหน้าอาคารสูงสามชั้นมีขนาด 1.40 x 1.40 เมตร ส่วนชั้น 29 ถึงดาดฟ้า เป็นเสากลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.80 เมตร เพื่อรองรับหลังคาตึก เป็นไปตามที่ผู้ออกแบบกำหนดไว้ไม่มีการแก้ไข

    กระทรวงอุตสาหกรรมได้เก็บตัวอย่างเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างไปตรวจสอบที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่ามีเหล็กบางส่วนไม่ได้มาตรฐานมาจากบริษัทที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สั่งปิดไปเมื่อเดือน ธ.ค.2567 เนื่องจากจำหน่ายเหล็กไม่ได้ตามมาตรฐาน

    ถึงบัดนี้นอกจากความรับผิดชอบของผู้รับจ้างแล้ว การค้นหาความจริงถึงสาเหตุตึกถล่มมาจากภัยธรรมชาติหรือการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานยังคงดำเนินต่อไป ตามที่ รมว.มหาดไทยตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีวิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นประธาน ซึ่งให้เวลาสืบสวนภายใน 7 วัน

    #Newskit
    ตามหาความจริง ตึกถล่มจตุจักร แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร บริเวณเมืองลอยกอ ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. สั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล หนึ่งในนั้นคือโครงการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ สูง 30 ชั้น บนถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร พังถล่มลงมา ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 11 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย บาดเจ็บ 18 ราย สูญหายอีกจำนวนมาก สังคมตั้งข้อสงสัยไปที่การก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้คุณภาพ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 2,136 ล้านบาท ผู้รับจ้างคือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด ส่วนผู้ควบคุมงานก่อสร้างคือ กิจการร่วมค้าพีเคดับเบิลยู บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด, บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และ บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด งบประมาณ 74.653 ล้านบาท มีการตรวจสอบบริษัทผู้รับจ้างอย่างไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) พบความผิดปกติตรงที่เมื่อปี 2567 ได้โพสต์ภาพและข่าวการเฉลิมฉลองปิดงานก่อสร้างชั้นดาดฟ้า ในบัญชีโซเชียลมีเดียของบริษัทฯ นำเสนอว่าใช้ระบบโครงสร้างแบบแกนกลางรับแรง และพื้นไร้คาน พอเกิดเหตุได้ลบบทความทิ้ง ไม่นับรวมการตรวจสอบที่ตั้งบริษัท พบว่าเป็นตึกแถวธรรมดาในซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ขณะที่ สตง.เจ้าของโครงการ ชี้แจงว่าได้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น ยืนยีนว่ากระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการแก้แบบโครงสร้างให้เล็กลงเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะออกแบบให้เสาสี่เหลี่ยมด้านหน้าอาคารสูงสามชั้นมีขนาด 1.40 x 1.40 เมตร ส่วนชั้น 29 ถึงดาดฟ้า เป็นเสากลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.80 เมตร เพื่อรองรับหลังคาตึก เป็นไปตามที่ผู้ออกแบบกำหนดไว้ไม่มีการแก้ไข กระทรวงอุตสาหกรรมได้เก็บตัวอย่างเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างไปตรวจสอบที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่ามีเหล็กบางส่วนไม่ได้มาตรฐานมาจากบริษัทที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สั่งปิดไปเมื่อเดือน ธ.ค.2567 เนื่องจากจำหน่ายเหล็กไม่ได้ตามมาตรฐาน ถึงบัดนี้นอกจากความรับผิดชอบของผู้รับจ้างแล้ว การค้นหาความจริงถึงสาเหตุตึกถล่มมาจากภัยธรรมชาติหรือการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานยังคงดำเนินต่อไป ตามที่ รมว.มหาดไทยตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีวิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นประธาน ซึ่งให้เวลาสืบสวนภายใน 7 วัน #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 653 Views 0 Reviews
  • **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน

    เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’

    ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา

    ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร

    กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี

    เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น

    เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง

    บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ)

    Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน)

    เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล

    เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง

    ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน

    บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.agentm.tw/310261/
    https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00
    https://www.yeeyi.com/news/details/629504/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/李白/1043
    https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719
    http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259
    https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904
    https://www.sohu.com/a/538839040_355475
    http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211#

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ) Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน) เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.agentm.tw/310261/ https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00 https://www.yeeyi.com/news/details/629504/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/李白/1043 https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719 http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259 https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904 https://www.sohu.com/a/538839040_355475 http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211# #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    2 Comments 0 Shares 1063 Views 0 Reviews
  • ปั้น5สหาย
    ปั้น5สหาย
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ
    .
    ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง
    .
    "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ"
    .
    ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน
    .
    ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ
    .
    บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม"
    .
    ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ
    .
    ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน
    .
    "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต
    .
    ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง
    .
    ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล
    .
    "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396
    ..............
    Sondhi X
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ . ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง . "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ" . ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน . ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ . บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม" . ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ . ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน . "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต . ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง . ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล . "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396 .............. Sondhi X
    Like
    11
    0 Comments 0 Shares 2651 Views 0 Reviews
  • วันนี้ข้าพเจ้าได้มาขอพรพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของข้าพเจ้า รวมถึงญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งปวงด้วยเทอญ สาธุ 🙏🏼✨
    วันนี้ข้าพเจ้าได้มาขอพรพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของข้าพเจ้า รวมถึงญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งปวงด้วยเทอญ สาธุ 🙏🏼✨
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • วันนี้ข้าพเจ้าได้มาขอพรพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของข้าพเจ้า รวมถึงญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งปวงด้วยเทอญ สาธุ 🙏🏼✨
    วันนี้ข้าพเจ้าได้มาขอพรพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของข้าพเจ้า รวมถึงญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งปวงด้วยเทอญ สาธุ 🙏🏼✨
    Love
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 350 Views 0 Reviews
  • วันนี้ข้าพเจ้าได้มาขอพรพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของข้าพเจ้า รวมถึงญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งปวงด้วยเทอญ สาธุ 🙏🏼✨
    วันนี้ข้าพเจ้าได้มาขอพรพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของข้าพเจ้า รวมถึงญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งปวงด้วยเทอญ สาธุ 🙏🏼✨
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 353 Views 0 Reviews
  • ศาลสั่งจำคุก "ทนายตั้ม-ไฮโซสาว" คดีหมิ่นประมาท "สหายแสง-ลูกสาว" เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน โดยโทษจำคุกไม่รอลงอาญา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016146

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลสั่งจำคุก "ทนายตั้ม-ไฮโซสาว" คดีหมิ่นประมาท "สหายแสง-ลูกสาว" เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน โดยโทษจำคุกไม่รอลงอาญา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016146 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 Comments 0 Shares 1086 Views 0 Reviews
  • ✨พระปิดตาหลวงพ่อผุด วัดวังเวียน จังหวัดจันทบุรี ท่านเป็นสหายธรรมกับหลวงพ่อจีน วัดท่าลาด พุทธศิลป์และเนื้อหาของพระจึงคล้ายคลึงกันมาก ท่านจัดสร้างพระด้วยกรรมวิธีที่ซับซ้อนจากมวลสารว่านวิเศษต่างๆทั้งไม้ไก่กุ๊ก ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ว่านเศรษฐี ผงอิทธิเจ ผงทางเสน่ห์มหานิยมที่รวบรวมไว้มาคลุกเคล้ากับรักยางไม้ให้ได้เป็นเนื้อพระ ดังนั้นด้านพุทธคุณทางเมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพันจึงโดดเด่นเป็นที่ยอมรับกันมานานถูกยกให้เป็นเบอร์หนึ่งแห่งเมืองจันท์
    ✨พระปิดตาหลวงพ่อผุด วัดวังเวียน จังหวัดจันทบุรี ท่านเป็นสหายธรรมกับหลวงพ่อจีน วัดท่าลาด พุทธศิลป์และเนื้อหาของพระจึงคล้ายคลึงกันมาก ท่านจัดสร้างพระด้วยกรรมวิธีที่ซับซ้อนจากมวลสารว่านวิเศษต่างๆทั้งไม้ไก่กุ๊ก ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ว่านเศรษฐี ผงอิทธิเจ ผงทางเสน่ห์มหานิยมที่รวบรวมไว้มาคลุกเคล้ากับรักยางไม้ให้ได้เป็นเนื้อพระ ดังนั้นด้านพุทธคุณทางเมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพันจึงโดดเด่นเป็นที่ยอมรับกันมานานถูกยกให้เป็นเบอร์หนึ่งแห่งเมืองจันท์
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 0 Reviews
  • #พี่คิงส์รับไม่ได้เจงๆ
    อิตัวเสี้ยมเบอร์หนึ่งเลย
    ออกทีวี แถสีข้างลอกเป็นแผ่น
    แปลงร่างเป็นพยานเฉยเลย
    แต่เหมือนสหายไม่ยอมนะ
    จะไม่ทิ้งนายไว้ข้างหลัง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #พี่คิงส์รับไม่ได้เจงๆ อิตัวเสี้ยมเบอร์หนึ่งเลย ออกทีวี แถสีข้างลอกเป็นแผ่น แปลงร่างเป็นพยานเฉยเลย แต่เหมือนสหายไม่ยอมนะ จะไม่ทิ้งนายไว้ข้างหลัง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน

    #กระบี่อมตะ
    โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล
    สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์
    นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน
    เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า

    นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย

    วกมาสู่เล่มนี้

    เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ

    เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน

    มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา

    ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก

    คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ

    แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่

    ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด

    สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร

    ไปลองอ่านดูนะครับ

    #โก้วเล้ง
    #วณเมืองลุง
    #นิบายจีน
    #นิยายแปล
    #รีวิวหนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes]

    ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน #กระบี่อมตะ โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์ นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย วกมาสู่เล่มนี้ เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่ ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร ไปลองอ่านดูนะครับ #โก้วเล้ง #วณเมืองลุง #นิบายจีน #นิยายแปล #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes]
    Like
    Yay
    2
    0 Comments 0 Shares 928 Views 0 Reviews
  • องค์ประกอบของความแข็งแกร่ง
    ถ้าหากว่าคุณมีความปรารถนาที่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งแล้วล่ะก็ คุณก็ควรที่จะมีองค์ประกอบเหล่านี้อยู่กับตัวของคุณนั่นเอง
    องค์ประกอบต่างๆของผู้ที่แข็งแกร่งมีนั้นมีดังต่อไปนี้ คือ
    1. มีพละกำลังร่างกายที่แข็งแรง ถ้าหากว่าคุณไม่มีร่างกายที่พร้อมรบทุกสถานการณ์แล้วล่ะก็คุณก็อาจจะพ่ายแพ้ได้
    2. จิตใจที่เข้มแข็งกล้าหาญ ถ้าหากว่าคุณเป็นพวกขี้กลัวแล้วล่ะก็ คุณก็มีโอกาสที่จะพ่ายแพ้ได้ง่าย ถ้าคุณถูกข่มขู่ให้กลัว คุณก็แพ้เค้าแล้วล่ะ
    3. วิญญาณที่แข็งแกร่ง เพราะถ้าคุณไม่มีวิญญาณที่ดีในตัวของคุณ ซึ่งก็คือการปฏิบัติธรรมนั่นเอง ทำให้คุณสามารถมีวิญญาณที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี
    4. ความดีในตนเอง หรือ โชคดี บุญญาวาสนา นั่นเอง ถ้าคุณไม่ใช่คนดีอยู่แล้วล่ะก็ จะไม่มีใครผู้ใด หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเค้าเข้ามาช่วยเหลือคุณในยามคับขันได้หรอกนะ
    5. ธรรมะ หรือ คุณธรรม ถ้าหากว่าคุณเป็นเพียงแค่คนชั่วแต่เก่งแล้วไม่มีธรรมอยู่ในหัวใจของตัวของคุณเองแล้วล่ะก็ สักวันเมื่อคุณพลาดท่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุกระการอันใดก็ตามแล้วล่ะก็ จะมีแต่คนอื่นเค้ามาซ้ำเติมคุณให้คุณเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยิ่งเข้าไปอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วคุณจะต้องมีคุณธรรมเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นการปกป้องป้องปรามไม่ให้ใครเค้ามาทำร้ายคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือเรียกอีกอย่างว่า มีมิตรสหายคอยช่วยเหลือ ไม่มีศัตรูเข้ามาซ้ำเติมคุณได้
    สุดท้าย ถ้าหากว่าคุณอยาก หรือ ต้องการที่จะแข็งแกร่งอย่างถาวรมั่นคงไปตลอดเวลาแล้วล่ะก็ สิ่งที่คุณต้องเอาชนะให้ได้เลยก็คือ ตัวของคุณเอง เพราะว่า ผู้ที่เอาชนะตัวเองได้นั่นแหล่ะ คือผู้ชนะที่แท้จริงตลอดกาลนั่นเอง
    ถึงแม้ว่าต่อให้คุณชนะใครต่อใครทั่วทั้งมวลมาแล้วก็ตามที แต่ถ้าคุณเอาชนะใจของตนเองไม่ได้แล้วล่ะก็ คุณมันก็แค่ผู้แพ้ยิ่งกว่าศัตรูของคุณที่พ่ายแพ้ให้แก่คุณอยู่ดีนั่นเอง
    องค์ประกอบของความแข็งแกร่ง ถ้าหากว่าคุณมีความปรารถนาที่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งแล้วล่ะก็ คุณก็ควรที่จะมีองค์ประกอบเหล่านี้อยู่กับตัวของคุณนั่นเอง องค์ประกอบต่างๆของผู้ที่แข็งแกร่งมีนั้นมีดังต่อไปนี้ คือ 1. มีพละกำลังร่างกายที่แข็งแรง ถ้าหากว่าคุณไม่มีร่างกายที่พร้อมรบทุกสถานการณ์แล้วล่ะก็คุณก็อาจจะพ่ายแพ้ได้ 2. จิตใจที่เข้มแข็งกล้าหาญ ถ้าหากว่าคุณเป็นพวกขี้กลัวแล้วล่ะก็ คุณก็มีโอกาสที่จะพ่ายแพ้ได้ง่าย ถ้าคุณถูกข่มขู่ให้กลัว คุณก็แพ้เค้าแล้วล่ะ 3. วิญญาณที่แข็งแกร่ง เพราะถ้าคุณไม่มีวิญญาณที่ดีในตัวของคุณ ซึ่งก็คือการปฏิบัติธรรมนั่นเอง ทำให้คุณสามารถมีวิญญาณที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี 4. ความดีในตนเอง หรือ โชคดี บุญญาวาสนา นั่นเอง ถ้าคุณไม่ใช่คนดีอยู่แล้วล่ะก็ จะไม่มีใครผู้ใด หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเค้าเข้ามาช่วยเหลือคุณในยามคับขันได้หรอกนะ 5. ธรรมะ หรือ คุณธรรม ถ้าหากว่าคุณเป็นเพียงแค่คนชั่วแต่เก่งแล้วไม่มีธรรมอยู่ในหัวใจของตัวของคุณเองแล้วล่ะก็ สักวันเมื่อคุณพลาดท่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุกระการอันใดก็ตามแล้วล่ะก็ จะมีแต่คนอื่นเค้ามาซ้ำเติมคุณให้คุณเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยิ่งเข้าไปอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วคุณจะต้องมีคุณธรรมเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นการปกป้องป้องปรามไม่ให้ใครเค้ามาทำร้ายคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือเรียกอีกอย่างว่า มีมิตรสหายคอยช่วยเหลือ ไม่มีศัตรูเข้ามาซ้ำเติมคุณได้ สุดท้าย ถ้าหากว่าคุณอยาก หรือ ต้องการที่จะแข็งแกร่งอย่างถาวรมั่นคงไปตลอดเวลาแล้วล่ะก็ สิ่งที่คุณต้องเอาชนะให้ได้เลยก็คือ ตัวของคุณเอง เพราะว่า ผู้ที่เอาชนะตัวเองได้นั่นแหล่ะ คือผู้ชนะที่แท้จริงตลอดกาลนั่นเอง ถึงแม้ว่าต่อให้คุณชนะใครต่อใครทั่วทั้งมวลมาแล้วก็ตามที แต่ถ้าคุณเอาชนะใจของตนเองไม่ได้แล้วล่ะก็ คุณมันก็แค่ผู้แพ้ยิ่งกว่าศัตรูของคุณที่พ่ายแพ้ให้แก่คุณอยู่ดีนั่นเอง
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์)
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ
    ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง
    ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า
    “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ”
    แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า
    “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย”
    เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า
    “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน”
    จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน
    ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า
    “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง”
    แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า
    “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ”
    เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ”
    พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า
    สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า
    “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น”
    ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที
    ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า
    “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป”
    ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
    เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป
    สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง
    จบบริบูรณ์
    ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(ยุคพระศรีอารย์) นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่ผมจะเสนอทุกท่านนี้นั้นจะเป็นไปในแบบที่มีความสุขและเรียบง่ายมาก แต่ทุกคนนั้นมองข้ามในบางสิ่งที่สำคัญมากไป เอ้ามาเริ่มกันเลยเนาะ ครั้งหนึ่งมีเจ้ากระต่ายที่ทะนงตนเองอยู่ตัวหนึ่ง กับเจ้าเต่าน้อยที่อ่อนแออีกตัวหนึ่ง พร้อมทั้งเหล่าสหายผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ประเภทต่างๆอีกมากมายอาศัยอยู่ด้วยกันในป่าแห่งหนึ่ง ทุกวันนั้นเจ้ากระต่ายมักจะเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารแต่น่ารำคาญในสายตาของเจ้ากระต่ายอยู่ทุกวันๆ และเจ้ากระต่ายก็มักจะดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้าเต่าน้อยอยู่ทุกวันๆว่า “เต่าอย่างนายมันดีแต่เดินชักช้าน่ารำคาญไม่ทันใครๆเค้าหรอก จะทำอะไรก็ชักช้าต้วมเตี้ยมๆ แล้วอย่างนี้จะไปทันเค้าเรอะ ฮ่าๆๆ” แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้ากระต่ายได้ไปเห็นเจ้าเต่าน้อยที่น่ารำคาญเดินชักช้าต้วมเตี้ยมๆแล้วก็เกิดความคิดอยากที่จะกลั่นแกล้งเจ้าเต่าน้อยให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีไปทั่วทั้งป่าให้สะใจตนเองจนถึงที่สุด เลยออกสาส์นท้ารบท้าทายเจ้าเต่าน้อย และอยากที่โอ้อวดตนเองที่มีร่างกายที่ดีกว่าเจ้าเต่าน้อยที่ดีแต่ชักช้าทำอะไรไม่ทันใครเค้าว่า “เรามาวิ่งแข่งกัน ถ้าชั้นชนะนาย นายจะต้องกลายมาเป็นเบ้ของชั้นตลอดไป หรือ นายจะต้องออกไปจากป่าแห่งนี้และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก” “แต่ถ้าชั้นแพ้ นายจะได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายไม่ใช่แค่เต่าที่ดีแต่เดินต้วมเตี้ยมๆไปวันๆที่ไม่มีอะไรดีเด่นในตัวเองเลย หรือ นายจะได้อยู่ในป่าแห่งนี้ต่อไป และได้รับการยอมรับจากชั้นว่านายก็มีดีเหมือนกัน และก็จะได้เป็นเจ้าป่าด้วย” เต่าน้อยลังเลใจอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่เต่าน้อยสุดที่จะอดทนอดกลั้นกับเจ้ากระต่ายที่แสนจะทะนงตนและโอ้อวดนั่นได้ เจ้าเต่าน้อยเลยทำการตกลงที่จะแข่งขันกับเจ้ากระต่าย เพื่อให้เจ้ากระต่ายได้รับรู้กันไปเลยว่า “ชั้นไม่ได้เป็นแค่เต่ากระจอกๆที่ใครๆก็จะมาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ง่ายๆ” อย่างที่เจ้ากระต่ายพูดไว้ “ชั้นก็มีดีในตัวเองเหมือนกัน” จากนั้นเจ้ากระต่ายก็ได้ประกาศบอกไปกับเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเดียวกันให้ได้รับทราบและรับรู้โดยทั่วกันให้มาเป็นสักขีพยานในการที่เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าน้อยจะทำการประลองวิ่งแข่งกัน โดยให้จัดเตรียมงานการแข่งขันกันในอีกสามวัน ครั้นพอถึงวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว เจ้ากระต่ายก็มาก่อนเจ้าเต่า และได้เตรียมพร้อมที่จะทำการประลองแข่งขันในทันที แต่ครั้นพอถึงเวลาที่จะทำการแข่งขันแล้ว แต่เจ้าเต่ากลับยังไม่มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ เจ้ากระต่ายจึงได้ประกาศเหยียดหยามดูถูกเจ้าเต่าว่า “ฮ่าๆๆ ป่านนี้แล้วเจ้าเต่ามันยังไม่โผล่หัวมาที่ลานประลองนี้อีก ดูท่าว่าเจ้าเต่ามันคงจะกลัวหัวหดอยู่ในกระดองหนีไปจากป่านี้แล้วล่ะมั้ง” แต่พอเจ้ากระต่ายพูดจบยังไม่ทันขาดคำ เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็มาถึงที่ลานประลองในทันที เจ้ากระต่ายจึงได้พูดเกทับบอกเจ้าเต่าไปว่า “นายแน่มากที่มาประลองกับชั้นในวันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ” เจ้าเต่าน้อยที่น่าสงสารก็เลยบอกกับเจ้ากระต่ายที่ทระนงตนเองว่า “เรายังไม่ทันได้แข่งกันเลย ใครจะไปรู้ว่าบางทีกระต่ายที่แสนรวดเร็วอย่างนายอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในวันนี้ก็เป็นได้ หึๆๆ” พอได้เวลาที่จะแข่งขันแล้วเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายก็มาเป็นสักขีพยานกันถ้วนหน้า และเชียร์ให้กำลังใจเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่มาแข่งขันกันอย่างเอิกเกริกเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งป่า สัญญาณเริ่มการประลองเริ่มดังขึ้น เจ้ากระต่ายออกตัวได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าเจ้าเต่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ตามเส้นทางแข่งขันมีที่อุปสรรคขวากหนามต่างๆมากมาย เจ้ากระต่ายผ่านไปได้หมดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจ้าเต่ากลับทุลักทุเลผ่านไปแทบจะทุกๆด่าน แต่มีอุปสรรคหนึ่งที่เป็นหัวใจในการแข่งขันในครั้งนี้ที่เหล่าผองเพื่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้ตกลงทำกันไว้และคอยลุ้นอยู่อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุด โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้คิดขึ้นมาเพื่อท้าทายเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าเพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการสามัคคีกลมเกลียวรักกันและกัน เพื่อหวังว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความดีงามในการอยู่ร่วมกันในป่าแห่งนี้ว่า “จงเห็นคุณค่าของกันและกัน อย่าดูถูกกัน อย่าแตกสามัคคีกัน จงเห็นใจกันและกัน เข้าใจกันและกัน และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน ทุกคนนั้นล้วนย่อมมีดีในตนเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือไปกว่ากัน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถช่วยเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ทุกคนย่อมมีดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น” ว่าแล้วก็หันไปทางที่เจ้ากระต่ายที่ทุลักทุเลไม่สามารถฝ่าด่านสุดท้ายของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสหายสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ได้ทำการทดสอบเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าได้ เจ้ากระต่ายหมดแรงหยุดอยู่ที่ด่านนั้น จนฝ่ายเจ้าเต่าน้อยผ่านมาถึงด่านเดียวกันในที่สุด ถึงแม้ว่าจะทุลักทุเลเกือบหมดสภาพดูไม่จืดก็ตามที ด่านสุดท้ายที่ว่านี้ก็คือ ด่านที่จะต้องใช้กำลังแรงของทั้งคู่ฟันฝ่าผ่านไปให้ได้เท่านั้น เพียงแค่กำลังสัตว์ตัวคนเดียวนั้นไม่สามารที่จะฟันฝ่าผ่านไปได้เลย ว่าแล้วเจ้าเต่าก็บอกกับเจ้ากระต่ายว่า “ไหนนายบอกว่านายแน่จริงไง ไหงนายยังฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้” ส่วนฝ่ายเจ้ากระต่ายนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองผิดที่ชอบดูถูกเจ้าเต่าอยู่เสมอๆ จึงยอมรับว่าตนเองนั้นฝ่าด่านนี้ไปไม่ได้แน่ถ้าไม่มีเจ้าเต่าคอยช่วยเหลือด้วยอีกแรงหนึ่ง และได้ร้องขออ้อนวอนขอโทษเจ้าเต่าอย่างสำนึกในความหลงผิดที่ตัวเองได้เคยทำไม่ดีกับเจ้าเต่าไว้ และขอให้เจ้าเต่าให้อภัยให้กับตน และจะไม่ทำไม่ดีแบบนี้กับเจ้าเต่าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเต่าก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้ากระต่ายที่มีต่อตนเองนั้นเป็นของจริง จึงคิดถึงคำที่ราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทั้งหลายที่ได้เคยสั่งสอนตนและเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั่วทั้งป่าไว้ในตอนที่มีเหล่าสัตว์ป่าสมาชิกใหม่ทุกตัวที่ถือกำเนิดเกิดมาในป่านี้นั้นต้องได้รับการปฏิญาณตนต่อหน้าเจ้าป่าราชสีห์และสัตว์ป่าตัวอื่นๆทุกตัวที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ว่าจะสืบทอดสานต่อเจตจำนงบรรพชนที่ตายไปที่เคยอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้และได้เฝ้าคอยดูแลรักษาป่าแห่งนี้ไว้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานในรุ่นหลังว่า “พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งความดีงามของบรรพชนที่ได้ส่งต่อมาสู่พวกเรารุ่นลูกรุ่นหลาน และเราจะส่งต่อซึ่งความดีงามนี้ไปให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานข้างหน้าสืบต่อไป” ว่าแล้วเจ้าเต่าก็ได้บอกถึงเคล็ดลับวิธีที่จะฟันฝ่าผ่านด่านทดสอบของราชสีห์และเหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้กับเจ้ากระต่ายได้ฟัง เจ้ากระต่ายจึงได้รับรู้ถึงเจตจำนงบรรพชนที่ตนเองนั้นได้เคยหลงลืมละเลยไปนานเลยว่า ในตอนที่ตนเองนั้นได้ถือกำเนิดเกิดมาแล้วนั้น และได้อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นั้น ตนเองได้เคยกระทำอะไรไปบ้างในตอนนั้น ทำให้เจ้ากระต่ายถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลคลออาบแก้ม เพราะได้รับรู้ซึ้งซึ่งเจตจำนงของบรรพชนที่ได้ถ่ายทอดมาสู่รุ่นหลังที่ตนเองได้เคยทำการปฏิญาณตนไปนั่นเอง ดังนั้นแล้วเจ้ากระต่ายจึงได้ทำการร่วมมือกับเจ้าเต่าช่วยกันฟันฝ่าผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้อย่างง่ายดาย เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าทุกตัวล้วนต่างตั้งหน้าตั้งตามารอดูเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าทั้งคู่ที่ทางวิ่งเข้าเส้นชัย ที่ในท้ายที่สุดเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าก็ได้จับมือจูงกันไปจนถึงเส้นชัยไปได้ในที่สุด โดยที่ปลายทางนั้นมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้ให้กำลังใจปลอบโยนเจ้ากระต่ายกับเจ้าเต่าที่รับรู้ได้ถึงหัวใจของการถูกทดสอบในครั้งนี้และตลอดไป สุดท้ายนี้ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และไม่มีใครที่ได้เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เพราะเสมอด้วยกันทั้งคู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เหล่าเพื่อนพ้องสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในป่าทุกตัวล้วนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ โดยมีเจ้าป่าราชสีห์เป็นผู้นำประมุขสูงสุดอยู่ในป่าแห่งนี้นั่นเอง จบบริบูรณ์ ป.ล.ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชอบนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบฉบับนี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ
    0 Comments 0 Shares 519 Views 0 Reviews
  • ความถูกต้องกับความปรารถนาและความปรารถนาในความถูกต้อง
    ความถูกต้องกับความปรารถนานั้นแตกต่างกัน และส่วนใหญ่มักจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่ก็มียกเว้นอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือความปรารถนาในความถูกต้อง
    ความถูกต้อง นั้นไม่สามารถเกี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว,ญาติ,มิตร,สหาย ไม่ว่าจะเป็นลาภ,ยศ,สรรเสริญ,สุข ไม่ว่าจะเป็นความอยาก,ไม่อยาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เพราะจะต้องไม่โอนเอียงไปในด้านใดด้านหนึ่ง และจะต้องคำนึงถึงแต่ในความถูกต้องเท่านั้น ไม่ว่าผู้นั้นจะพึงพอใจหรือไม่ก็ตามที และจะต้องมีความเด็ดขาดอีกด้วย โดยจะต้องอยู่ในครรลองทำนองธรรม หลักคุณธรรมความดี และความถูกต้องอีกด้วย
    ไม่เหมือนกับ ความปรารถนา ที่สามารถที่จะกระทำในสิ่งที่ผู้นั้นจะพึงสามารถกระทำทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่คำนึงถึงบาป,บุญ,คุณ,โทษหลักคุณธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ สามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยเข้าข้างตนเองและพวกพ้อง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจในเรื่องใดๆทั้งสิ้นก็ตามที เพื่อสนองตัณหาความต้องการของตนเองเพื่อให้ได้ในทุกสิ่งที่ตนเองต้องการ
    สุดท้าย ความปรารถนาในความถูกต้อง เป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถอยู่ร่วมด้วยกันได้ในทั้งสองอย่างแรก แต่เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำได้โดยง่าย สำหรับคนเลว,คนชั่วช้าต่ำทราม,คนใจคด และไม่มีคุณธรรม,คุณงามความดี,ความถูกต้องดีงามในจิตใจของตนเองเลย จะไม่สามารถที่จะกระทำได้เลย แต่ก็ยกเว้นเฉพาะกับคนที่ดีอย่างแท้จริง และคนที่รักความถูกต้องดีงามเท่านั้นที่จะสามารถที่จะกระทำได้ และบุคคลเช่นนี้นั้นหายากมากในสังคมของเรา และบุคคลดังกล่าวที่ว่ามานี้นั้น ส่วนใหญ่มักจะได้เป็นที่ยกย่องเชิดชูในสายตาของคนดี ไม่ใช่ทั้งในโลกนี้เท่านั้น แต่รวมถึงทั้งในโลกหน้าด้วย ซึ่งเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในสังคมจริงๆ
    ความถูกต้องกับความปรารถนาและความปรารถนาในความถูกต้อง ความถูกต้องกับความปรารถนานั้นแตกต่างกัน และส่วนใหญ่มักจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่ก็มียกเว้นอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือความปรารถนาในความถูกต้อง ความถูกต้อง นั้นไม่สามารถเกี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว,ญาติ,มิตร,สหาย ไม่ว่าจะเป็นลาภ,ยศ,สรรเสริญ,สุข ไม่ว่าจะเป็นความอยาก,ไม่อยาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เพราะจะต้องไม่โอนเอียงไปในด้านใดด้านหนึ่ง และจะต้องคำนึงถึงแต่ในความถูกต้องเท่านั้น ไม่ว่าผู้นั้นจะพึงพอใจหรือไม่ก็ตามที และจะต้องมีความเด็ดขาดอีกด้วย โดยจะต้องอยู่ในครรลองทำนองธรรม หลักคุณธรรมความดี และความถูกต้องอีกด้วย ไม่เหมือนกับ ความปรารถนา ที่สามารถที่จะกระทำในสิ่งที่ผู้นั้นจะพึงสามารถกระทำทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่คำนึงถึงบาป,บุญ,คุณ,โทษหลักคุณธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ สามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยเข้าข้างตนเองและพวกพ้อง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจในเรื่องใดๆทั้งสิ้นก็ตามที เพื่อสนองตัณหาความต้องการของตนเองเพื่อให้ได้ในทุกสิ่งที่ตนเองต้องการ สุดท้าย ความปรารถนาในความถูกต้อง เป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถอยู่ร่วมด้วยกันได้ในทั้งสองอย่างแรก แต่เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำได้โดยง่าย สำหรับคนเลว,คนชั่วช้าต่ำทราม,คนใจคด และไม่มีคุณธรรม,คุณงามความดี,ความถูกต้องดีงามในจิตใจของตนเองเลย จะไม่สามารถที่จะกระทำได้เลย แต่ก็ยกเว้นเฉพาะกับคนที่ดีอย่างแท้จริง และคนที่รักความถูกต้องดีงามเท่านั้นที่จะสามารถที่จะกระทำได้ และบุคคลเช่นนี้นั้นหายากมากในสังคมของเรา และบุคคลดังกล่าวที่ว่ามานี้นั้น ส่วนใหญ่มักจะได้เป็นที่ยกย่องเชิดชูในสายตาของคนดี ไม่ใช่ทั้งในโลกนี้เท่านั้น แต่รวมถึงทั้งในโลกหน้าด้วย ซึ่งเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในสังคมจริงๆ
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
More Results