• เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗ ความว่า
    “สังคมโลกทุกวันนี้ผันแปรไปอย่างรวดเร็ว ตัวชี้วัดความสำเร็จเชิงวัตถุเริ่มหลากหลายไกลห่างเกินจะบรรลุได้ เป็นภาวะที่สวนทางกับความสงบ เรียบง่าย และสามัญธรรมดา ทำให้มนุษย์ในยุคใหม่ มีใจหวั่นไหวคลอนแคลนง่ายไปตามโลกธรรมทั้ง ๔ คู่ กล่าวคือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ เผลอหลงยึดมั่นถือมั่นในโลกธรรมเหล่านั้นว่าเป็นของตน พอจับยึดโลกธรรมฝ่ายไม่น่าพอใจ ก็เร่าร้อนนอนทุกข์ อาจดิ้นรนไขว่คว้าแม้โดยทุจริตเพื่อให้โลกธรรมนั้น ๆ พ้นไป พอจับยึดโลกธรรมฝ่ายน่าพอใจ ก็ยึดติดหลงใหล อาจดิ้นรนไขว่คว้าแม้โดยทุจริตเพื่อให้โลกธรรมนั้น ๆ ยังอยู่หรือเข้ามาบังเกิดแก่ตน ภาวะเช่นนี้ทำให้สุขภาวะของผู้คนในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนค่อยๆ เสื่อมถอยลงทุกขณะ

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอบรมสั่งสอนให้มนุษย์แสวงหาความสุขที่เรียบง่ายอันเกิดจากความสงบ ด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ มุ่งสร้างสรรค์สุขให้บังเกิดได้ง่าย ๆ ด้วยการนำจิตตนเองไปจดจ่อต่อสิ่งดีงาม จึงขอฝากข้อคิดให้เด็กและเยาวชน หันมาสนใจอบรมเจริญสมาธิ ทำใจให้สงบ ฝึกระงับจิต ข่มความคิด ให้ทุเลาความฟุ้งซ่าน ปล่อยวางความหวือหวา วางเฉยต่อความรวดเร็วปุบปับฉับไวของกระแสข่าวสาร สมัยนิยม ความหลงใหล ความรักใคร่ และความชิงชัง ผ่อนพักจากความเครียดต่าง ๆ ที่รุมเร้า แล้วหันไปจดจ่อต่อคุณค่าของความดีงาม เช่น การศึกษาเล่าเรียน การทำงานอดิเรกที่เป็นประโยชน์ การอุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่น การทำบุญกุศล การช่วยงานอาสาสมัคร ฯลฯ เพื่อให้เกิดสุขภาวะทางใจ อันจะเกื้อกูลให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งในอนาคต

    ขออนุโมทนาความดีที่เด็ก เยาวชน และผู้ทำประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนได้บำเพ็ญด้วยดีตลอดมา ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและกุศลธรรมจริยาที่ท่านทั้งหลายได้สั่งสมไว้ ดลบันดาลให้ท่านมีสรรพกำลังพรั่งพร้อม ในอันที่จะบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมประเทศชาติสืบไป เทอญ.”

    #Thaitimes
    เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗ ความว่า “สังคมโลกทุกวันนี้ผันแปรไปอย่างรวดเร็ว ตัวชี้วัดความสำเร็จเชิงวัตถุเริ่มหลากหลายไกลห่างเกินจะบรรลุได้ เป็นภาวะที่สวนทางกับความสงบ เรียบง่าย และสามัญธรรมดา ทำให้มนุษย์ในยุคใหม่ มีใจหวั่นไหวคลอนแคลนง่ายไปตามโลกธรรมทั้ง ๔ คู่ กล่าวคือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ เผลอหลงยึดมั่นถือมั่นในโลกธรรมเหล่านั้นว่าเป็นของตน พอจับยึดโลกธรรมฝ่ายไม่น่าพอใจ ก็เร่าร้อนนอนทุกข์ อาจดิ้นรนไขว่คว้าแม้โดยทุจริตเพื่อให้โลกธรรมนั้น ๆ พ้นไป พอจับยึดโลกธรรมฝ่ายน่าพอใจ ก็ยึดติดหลงใหล อาจดิ้นรนไขว่คว้าแม้โดยทุจริตเพื่อให้โลกธรรมนั้น ๆ ยังอยู่หรือเข้ามาบังเกิดแก่ตน ภาวะเช่นนี้ทำให้สุขภาวะของผู้คนในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนค่อยๆ เสื่อมถอยลงทุกขณะ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอบรมสั่งสอนให้มนุษย์แสวงหาความสุขที่เรียบง่ายอันเกิดจากความสงบ ด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ มุ่งสร้างสรรค์สุขให้บังเกิดได้ง่าย ๆ ด้วยการนำจิตตนเองไปจดจ่อต่อสิ่งดีงาม จึงขอฝากข้อคิดให้เด็กและเยาวชน หันมาสนใจอบรมเจริญสมาธิ ทำใจให้สงบ ฝึกระงับจิต ข่มความคิด ให้ทุเลาความฟุ้งซ่าน ปล่อยวางความหวือหวา วางเฉยต่อความรวดเร็วปุบปับฉับไวของกระแสข่าวสาร สมัยนิยม ความหลงใหล ความรักใคร่ และความชิงชัง ผ่อนพักจากความเครียดต่าง ๆ ที่รุมเร้า แล้วหันไปจดจ่อต่อคุณค่าของความดีงาม เช่น การศึกษาเล่าเรียน การทำงานอดิเรกที่เป็นประโยชน์ การอุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่น การทำบุญกุศล การช่วยงานอาสาสมัคร ฯลฯ เพื่อให้เกิดสุขภาวะทางใจ อันจะเกื้อกูลให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งในอนาคต ขออนุโมทนาความดีที่เด็ก เยาวชน และผู้ทำประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนได้บำเพ็ญด้วยดีตลอดมา ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและกุศลธรรมจริยาที่ท่านทั้งหลายได้สั่งสมไว้ ดลบันดาลให้ท่านมีสรรพกำลังพรั่งพร้อม ในอันที่จะบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของสังคมประเทศชาติสืบไป เทอญ.” #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานทุนจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์
    ซึ่งประกอบด้วย 16 ราชสกุล และสมาชิกสายสัมพันธ์กับมเหสีและเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    จัดงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ในวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์
    และพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส

    #thaitimes #สมเด็จพระสังฆราช #วัดราชบพิธ #ศรีวัฒนธรรม #Thaitimesวัฒนธรรม #วัฒนธรรมไทย
    สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานทุนจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ ซึ่งประกอบด้วย 16 ราชสกุล และสมาชิกสายสัมพันธ์กับมเหสีและเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ในวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ และพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส #thaitimes #สมเด็จพระสังฆราช #วัดราชบพิธ #ศรีวัฒนธรรม #Thaitimesวัฒนธรรม #วัฒนธรรมไทย
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 387 0 รีวิว
  • สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานทุนจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์
    ซึ่งประกอบด้วย 16 ราชสกุล และสมาชิกสายสัมพันธ์กับมเหสีและเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    จัดงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ในวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์
    และพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส

    #thaitimes #สมเด็จพระสังฆราช #งานบำเพ็ญกุศล
    สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานทุนจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ ซึ่งประกอบด้วย 16 ราชสกุล และสมาชิกสายสัมพันธ์กับมเหสีและเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ในวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ และพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส #thaitimes #สมเด็จพระสังฆราช #งานบำเพ็ญกุศล
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 302 0 รีวิว
  • สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานทุนจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์
    ซึ่งประกอบด้วย 16 ราชสกุล และสมาชิกสายสัมพันธ์กับมเหสีและเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    จัดงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ในวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์
    และพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส

    #thaitimes #สมเด็จพระสังฆราช #วัดราชบพิธ
    สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานทุนจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ ซึ่งประกอบด้วย 16 ราชสกุล และสมาชิกสายสัมพันธ์กับมเหสีและเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ในวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ และพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส #thaitimes #สมเด็จพระสังฆราช #วัดราชบพิธ
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว

  • วัดไม่ใช่สตูดิโอพรีเวดดิ้ง !

    ประกาศวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
    เรื่อง การใช้สถานที่ในเขตพระอาราม

    สืบเนื่องจากมีการเผยแพร่ในสังคมออนไลน์อันก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยพระอนุมัติของเจ้าพระคุณ เจ้าอาวาส จึงออกประกาศกำชับอีกคำรบ ดังนี้

    ๑. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม อนุญาตเฉพาะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหรือกิจกรรมตามหลักพระพุทธศาสนาเท่านั้น โดยให้ขออนุญาตตามระเบียบที่วัดกำหนด

    ๒. วัดไม่อนุญาตให้ประกอบพิธีมงคลสมรสในพระอาราม แต่อนุญาตเพียงบุญพิธี กล่าวคือ การทำบุญถวายสังฆทานหรือเจริญพระพุทธมนต์ ตามข้อ ๑. โดยต้องไม่มีการจดทะเบียนสมรส การสวมแหวน การรดน้ำสังข์ หรือพิธีส่วนผนวกใดที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน หากมีกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นไปตามแนวทางนี้ ถือเป็นการกระทำโดยพลการ วัดมิได้เห็นชอบหรือมีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าวโดยประการใด ทั้งนี้ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่น จากผู้มาบำเพ็ญกุศลโดยเด็ดขาด

    ๓. ไม่อนุญาตให้ใช้พระอารามเป็นสถานที่ถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมเชิงพาณิชย์ โฆษณาสินค้าหรือบริการ หรือทำการอื่นใด เพื่อแสวงหาประโยชน์เชิงธุรกิจ หากมีการกระทำในลักษณะที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เอื้อเฟื้อต่อความสงบเรียบร้อย วัดจักขออารักขาจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับผิดชอบให้ช่วยเหลือในการจัดการ ทั้งนี้ การเข้าภายในเขตพระอารามสาธุชนพึงแต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมแก่สถานที่ตามวิถีประชาและธรรมเนียมประเพณีไทยในการเข้าวัด ตลอดจนพึงสำรวม สังวร และรักษากิริยาอาการให้เหมาะสมแก่การอยู่ในบริเวณศาสนสถาน งดแสดงกิริยาอาการไม่เหมาะสม เช่น การปีนป่าย หรือการใช้ปูชนียสถานเป็นฉากประกอบการนำเสนอกิริยาอาการของคู่สมรส หรือเพื่อความบันเทิงอื่น ๆ จนรบกวนการบำเพ็ญสมณธรรมของพระภิกษุสามเณรหรือการปฏิบัติธรรมของสาธุชน

    ๔. วัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ห้างร้าน หรือหน่วยงานใดในการรับจัดพิธีทางศาสนา พิธีมงคลสมรส หรือการอันเอื้อเฟื้อต่อความยินดีในเชิงที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน การแอบอ้างหรือบิดเบือนอันจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าวัดมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความเสียหายซึ่งได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และหากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    ๕. หากพบผู้ที่แอบอ้างหรือเรียกรับประโยชน์ หรืออาจทำให้เสื่อมเสียโดยประการใด หรือพบการกระทำที่ผิดไปจากประกาศนี้ สามารถรายงานเรื่องได้ที่ กลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ spsa@jinavara.or.th

    ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๗

    #Thaitimes
    วัดไม่ใช่สตูดิโอพรีเวดดิ้ง ! ประกาศวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เรื่อง การใช้สถานที่ในเขตพระอาราม สืบเนื่องจากมีการเผยแพร่ในสังคมออนไลน์อันก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยพระอนุมัติของเจ้าพระคุณ เจ้าอาวาส จึงออกประกาศกำชับอีกคำรบ ดังนี้ ๑. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม อนุญาตเฉพาะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหรือกิจกรรมตามหลักพระพุทธศาสนาเท่านั้น โดยให้ขออนุญาตตามระเบียบที่วัดกำหนด ๒. วัดไม่อนุญาตให้ประกอบพิธีมงคลสมรสในพระอาราม แต่อนุญาตเพียงบุญพิธี กล่าวคือ การทำบุญถวายสังฆทานหรือเจริญพระพุทธมนต์ ตามข้อ ๑. โดยต้องไม่มีการจดทะเบียนสมรส การสวมแหวน การรดน้ำสังข์ หรือพิธีส่วนผนวกใดที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน หากมีกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นไปตามแนวทางนี้ ถือเป็นการกระทำโดยพลการ วัดมิได้เห็นชอบหรือมีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าวโดยประการใด ทั้งนี้ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่น จากผู้มาบำเพ็ญกุศลโดยเด็ดขาด ๓. ไม่อนุญาตให้ใช้พระอารามเป็นสถานที่ถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมเชิงพาณิชย์ โฆษณาสินค้าหรือบริการ หรือทำการอื่นใด เพื่อแสวงหาประโยชน์เชิงธุรกิจ หากมีการกระทำในลักษณะที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เอื้อเฟื้อต่อความสงบเรียบร้อย วัดจักขออารักขาจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับผิดชอบให้ช่วยเหลือในการจัดการ ทั้งนี้ การเข้าภายในเขตพระอารามสาธุชนพึงแต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมแก่สถานที่ตามวิถีประชาและธรรมเนียมประเพณีไทยในการเข้าวัด ตลอดจนพึงสำรวม สังวร และรักษากิริยาอาการให้เหมาะสมแก่การอยู่ในบริเวณศาสนสถาน งดแสดงกิริยาอาการไม่เหมาะสม เช่น การปีนป่าย หรือการใช้ปูชนียสถานเป็นฉากประกอบการนำเสนอกิริยาอาการของคู่สมรส หรือเพื่อความบันเทิงอื่น ๆ จนรบกวนการบำเพ็ญสมณธรรมของพระภิกษุสามเณรหรือการปฏิบัติธรรมของสาธุชน ๔. วัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ห้างร้าน หรือหน่วยงานใดในการรับจัดพิธีทางศาสนา พิธีมงคลสมรส หรือการอันเอื้อเฟื้อต่อความยินดีในเชิงที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน การแอบอ้างหรือบิดเบือนอันจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าวัดมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความเสียหายซึ่งได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และหากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ๕. หากพบผู้ที่แอบอ้างหรือเรียกรับประโยชน์ หรืออาจทำให้เสื่อมเสียโดยประการใด หรือพบการกระทำที่ผิดไปจากประกาศนี้ สามารถรายงานเรื่องได้ที่ กลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ spsa@jinavara.or.th ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๗ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แทบทุกคนเคยเป็นมาแล้ว ทั้งเทวดา เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์ ยาจก วณิพก เศรษฐี คหบดี ตลอดจนสัตว์ใหญ่สัตว์น้อย เคยตายมาแล้วด้วยอาการต่างๆ ตายอย่างเทวดา ตายอย่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตายอย่างขอทานข้างถนน ตายอย่างสัตว์ ทั้งที่ตายเอง และทั้งที่ถูกฆ่าตาย

    เคยมีทั้งสุข เคยมีทั้งทุกข์ เคยเป็นทั้งผู้ร้าย เคยเป็นทั้งผู้ดี น้ำตาเคยท่วมบ้านท่วมเมืองมาแล้ว กระดูกทับถมแผ่นดินนี้หาที่ว่างสักเท่าปลายเข็มจะปักลงก็ไม่พบ เปรียบกับชีวิตนี้เพียงชาติเดียว ชีวิตนี้จึงน้อยนัก จะห่วงใยแสวงหาอะไรอีกมาให้ชีวิตนี้ ที่จะสำคัญกว่าการห่วงหาทางหนีมือแห่งกรรม ที่ทำไว้มากมายในอดีตชาติ

    กรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นจะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า

    แทบทุกคนมีชาติในอนาคตที่ไกลออกไป พ้นความรู้เห็นของใครทั้งหลาย จะเกิดเป็นอะไรต่อมิอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ตามอำนาจของกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว ทั้งที่ทำในอดีตชาติและที่ทำในชาตินี้ สำคัญที่ว่าได้ทำกรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นก็จะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า ถ้าเป็นกรรมดี ก็จะให้ความสุขความเจริญ มีบุญห้อมล้อมรักษา ถ้าเป็นกรรมชั่ว ก็จะให้ความทุกข์ความเสื่อมโทรม มีบาปห้อมล้อมรังควาน ..ฯลฯ

    พระนิพนธ์ ธรรมเพื่อความสวัสดี
    สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    ..แทบทุกคนเคยเป็นมาแล้ว ทั้งเทวดา เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์ ยาจก วณิพก เศรษฐี คหบดี ตลอดจนสัตว์ใหญ่สัตว์น้อย เคยตายมาแล้วด้วยอาการต่างๆ ตายอย่างเทวดา ตายอย่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตายอย่างขอทานข้างถนน ตายอย่างสัตว์ ทั้งที่ตายเอง และทั้งที่ถูกฆ่าตาย เคยมีทั้งสุข เคยมีทั้งทุกข์ เคยเป็นทั้งผู้ร้าย เคยเป็นทั้งผู้ดี น้ำตาเคยท่วมบ้านท่วมเมืองมาแล้ว กระดูกทับถมแผ่นดินนี้หาที่ว่างสักเท่าปลายเข็มจะปักลงก็ไม่พบ เปรียบกับชีวิตนี้เพียงชาติเดียว ชีวิตนี้จึงน้อยนัก จะห่วงใยแสวงหาอะไรอีกมาให้ชีวิตนี้ ที่จะสำคัญกว่าการห่วงหาทางหนีมือแห่งกรรม ที่ทำไว้มากมายในอดีตชาติ กรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นจะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า แทบทุกคนมีชาติในอนาคตที่ไกลออกไป พ้นความรู้เห็นของใครทั้งหลาย จะเกิดเป็นอะไรต่อมิอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ตามอำนาจของกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว ทั้งที่ทำในอดีตชาติและที่ทำในชาตินี้ สำคัญที่ว่าได้ทำกรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นก็จะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า ถ้าเป็นกรรมดี ก็จะให้ความสุขความเจริญ มีบุญห้อมล้อมรักษา ถ้าเป็นกรรมชั่ว ก็จะให้ความทุกข์ความเสื่อมโทรม มีบาปห้อมล้อมรังควาน ..ฯลฯ พระนิพนธ์ ธรรมเพื่อความสวัสดี สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร ความว่า

    “เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงน้ำจิตมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ เสด็จสถิตในพระราชสถานะพระประมุข เป็นศรีสง่าแห่งอาณาประชาราษฎร ทรงรับพระราชภาระหน้าที่ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วย “ตบะ” อันหมายถึงกุศลสมาทาน ตามแบบบัญญัติแห่งราชธรรม สอดคล้องต้องด้วยหลักพระพุทธศาสนา อันการทำหน้าที่ของพระราชานั้น ย่อมได้แก่การครองแผ่นดิน สอดส่องดูแลอาณาราษฎร คอยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดุจมารดาบิดาถนอมเลี้ยงบุตร ไม่ย่อหย่อน ละทิ้ง หรือว่างเว้น ดั่งคาถาบทหนึ่งแสดงว่า พระอาทิตย์มีตบะส่องแสงในกลางวัน พระจันทร์มีตบะส่องแสงในกลางคืน เป็นต้น เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็น “ผู้บำเพ็ญตบะ” เมื่อปฏิบัติหน้าที่สำเร็จด้วยดี ย่อมเป็น “ผู้มีตบะ” ปรากฏเกียรติยศลือชาสง่างาม เป็นที่ยำเกรง ผู้คนพากันสรรเสริญว่าถึงพร้อมด้วย “ตบะเดชะ” เป็นคุณาลังการอันวิจิตรยอดเยี่ยม

    สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริ พระราชจริยวัตร ตลอดจนพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความเกษมสวัสดิ์ บังเกิดประโยชนสุข สำเร็จแก่มหาชนใต้ร่มพระบารมี ทรงแผ่พระมหากรุณาธิคุณไปโอบอุ้มคุ้มครองพสกนิกรทั่วหน้า นับว่าได้ทรงกระทำตามหน้าที่ สมพระขัตติยชาติ และสมความเป็นสัตบุรุษคนดี ผู้พากเพียรแผดเผากิเลส ทรงข่มพระราชหฤทัย ยืนหยัดดำรงพระองค์ รับพระราชภาระหน้าที่อย่างอดทน เข้มแข็ง และมั่นคง ตามพระราชอุดมการณ์ที่ทรงสมาทานไว้ โดยมิหวั่นไหวสะทกสะเทือนด้วยกระแสโลกธรรม ต้องตามนัยแห่งภาษิต ใน “มหาสุตโสมชาดก” ความว่า

    “พระราชาผู้เอาชนะคนไม่ควรชนะ ไม่ชื่อว่าพระราชา, เพื่อนผู้เอาชนะเพื่อน ไม่ชื่อว่าเพื่อน ฯลฯ บุตรผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่า ไม่ชื่อว่าบุตร, สภาที่ไม่มีสัตบุรุษ ไม่ชื่อว่าสภา, ผู้ไม่พูดเป็นธรรม ไม่ชื่อว่าสัตบุรุษ, ส่วนผู้สงบจากราคะ โทสะ โมหะ พูดเป็นธรรมะ ย่อมชื่อว่าสัตบุรุษคนดี” ด้วยประการฉะนี้

    ณ มหามงคลสมัยพิเศษแห่งพระชนมพรรษา ขอเดชานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนพระราชกุศลธรรมจริยา ที่ทรงสั่งสมมาด้วยดี โปรดอภิบาลรักษา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงเจริญพระชนมสุขสิริสวัสดิ์ สรรพพิบัติอุปัทวันตรายอย่าได้พ้องพานพระยุคลบาท จงทรงเรืองรองโอภาสด้วยพระราชธรรมบารมี ประดุจดวงวชิระอันผ่องใส แผ่พรรณรังสีแห่งทศมรัชสมัย ส่องใจมหาชนชาวไทย ให้เอิบอาบปลาบปลื้มอยู่เสมอไป ตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ.”

    ที่มา: เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

    #Thaitimes
    เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร ความว่า “เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงน้ำจิตมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ เสด็จสถิตในพระราชสถานะพระประมุข เป็นศรีสง่าแห่งอาณาประชาราษฎร ทรงรับพระราชภาระหน้าที่ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วย “ตบะ” อันหมายถึงกุศลสมาทาน ตามแบบบัญญัติแห่งราชธรรม สอดคล้องต้องด้วยหลักพระพุทธศาสนา อันการทำหน้าที่ของพระราชานั้น ย่อมได้แก่การครองแผ่นดิน สอดส่องดูแลอาณาราษฎร คอยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดุจมารดาบิดาถนอมเลี้ยงบุตร ไม่ย่อหย่อน ละทิ้ง หรือว่างเว้น ดั่งคาถาบทหนึ่งแสดงว่า พระอาทิตย์มีตบะส่องแสงในกลางวัน พระจันทร์มีตบะส่องแสงในกลางคืน เป็นต้น เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็น “ผู้บำเพ็ญตบะ” เมื่อปฏิบัติหน้าที่สำเร็จด้วยดี ย่อมเป็น “ผู้มีตบะ” ปรากฏเกียรติยศลือชาสง่างาม เป็นที่ยำเกรง ผู้คนพากันสรรเสริญว่าถึงพร้อมด้วย “ตบะเดชะ” เป็นคุณาลังการอันวิจิตรยอดเยี่ยม สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริ พระราชจริยวัตร ตลอดจนพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความเกษมสวัสดิ์ บังเกิดประโยชนสุข สำเร็จแก่มหาชนใต้ร่มพระบารมี ทรงแผ่พระมหากรุณาธิคุณไปโอบอุ้มคุ้มครองพสกนิกรทั่วหน้า นับว่าได้ทรงกระทำตามหน้าที่ สมพระขัตติยชาติ และสมความเป็นสัตบุรุษคนดี ผู้พากเพียรแผดเผากิเลส ทรงข่มพระราชหฤทัย ยืนหยัดดำรงพระองค์ รับพระราชภาระหน้าที่อย่างอดทน เข้มแข็ง และมั่นคง ตามพระราชอุดมการณ์ที่ทรงสมาทานไว้ โดยมิหวั่นไหวสะทกสะเทือนด้วยกระแสโลกธรรม ต้องตามนัยแห่งภาษิต ใน “มหาสุตโสมชาดก” ความว่า “พระราชาผู้เอาชนะคนไม่ควรชนะ ไม่ชื่อว่าพระราชา, เพื่อนผู้เอาชนะเพื่อน ไม่ชื่อว่าเพื่อน ฯลฯ บุตรผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่า ไม่ชื่อว่าบุตร, สภาที่ไม่มีสัตบุรุษ ไม่ชื่อว่าสภา, ผู้ไม่พูดเป็นธรรม ไม่ชื่อว่าสัตบุรุษ, ส่วนผู้สงบจากราคะ โทสะ โมหะ พูดเป็นธรรมะ ย่อมชื่อว่าสัตบุรุษคนดี” ด้วยประการฉะนี้ ณ มหามงคลสมัยพิเศษแห่งพระชนมพรรษา ขอเดชานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนพระราชกุศลธรรมจริยา ที่ทรงสั่งสมมาด้วยดี โปรดอภิบาลรักษา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงเจริญพระชนมสุขสิริสวัสดิ์ สรรพพิบัติอุปัทวันตรายอย่าได้พ้องพานพระยุคลบาท จงทรงเรืองรองโอภาสด้วยพระราชธรรมบารมี ประดุจดวงวชิระอันผ่องใส แผ่พรรณรังสีแห่งทศมรัชสมัย ส่องใจมหาชนชาวไทย ให้เอิบอาบปลาบปลื้มอยู่เสมอไป ตลอดกาลเป็นนิตย์ เทอญ.” ที่มา: เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช #Thaitimes
    Love
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเสาร์ ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ความว่า

    “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น “พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงกิเลสกองทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง

    ปฐมเทศนาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้น คือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ทรงประกาศวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ ที่เรียกอีกอย่างว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบัน อันเต็มไปด้วยมิจฉาชีพ มีการฉ้อโกง หลอกลวง ประทุษร้ายกัน ประกอบกับเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มิจฉาชีพจึงสบช่องทำอันตรายต่อผู้คนในสังคมทุกระดับอย่างอย่างรวดเร็วและร้ายแรงมากขึ้น ท่านทั้งหลายควรเร่งหันมาศึกษาพิจารณาธรรมะหมวด “อริยมรรค” โดยดำเนินไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้สมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาอาชีวะ” ซึ่งหมายถึง “การเลี้ยงชีพชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเชิดชูสุจริตชนผู้แสวงหาปัจจัยมาบริโภคโดยชอบ ขอให้งดเว้นการคิดคดโกง หลอกลวง ประจบสอพลอ บีบบังคับขู่เข็ญ และต่อลาภด้วยลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร ไม่อาศัยกำลังกายและกำลังปัญญาของตน ขอให้หยุดและเลิกการกระทำบนพื้นฐานของความโลภที่เกินประมาณ ถึงขั้นทำลายวัฒนธรรม ศีลธรรมอันดีงาม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสวัสดิภาพของส่วนรวม อันจัดเข้าข่ายว่าเป็นมิจฉาชีพทั้งสิ้น

    วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาอาชีวะ” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งความเป็นมิจฉาชีพ แล้วสู้อุตสาหะประกอบสัมมาชีพด้วยกันทุกคน เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากทุจริตชน นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตราย ได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้เลี้ยงชีพชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”

    #thaitimes
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเสาร์ ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ความว่า “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น “พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงกิเลสกองทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง ปฐมเทศนาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้น คือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ทรงประกาศวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ ที่เรียกอีกอย่างว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกปัจจุบัน อันเต็มไปด้วยมิจฉาชีพ มีการฉ้อโกง หลอกลวง ประทุษร้ายกัน ประกอบกับเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มิจฉาชีพจึงสบช่องทำอันตรายต่อผู้คนในสังคมทุกระดับอย่างอย่างรวดเร็วและร้ายแรงมากขึ้น ท่านทั้งหลายควรเร่งหันมาศึกษาพิจารณาธรรมะหมวด “อริยมรรค” โดยดำเนินไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้สมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาอาชีวะ” ซึ่งหมายถึง “การเลี้ยงชีพชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเชิดชูสุจริตชนผู้แสวงหาปัจจัยมาบริโภคโดยชอบ ขอให้งดเว้นการคิดคดโกง หลอกลวง ประจบสอพลอ บีบบังคับขู่เข็ญ และต่อลาภด้วยลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร ไม่อาศัยกำลังกายและกำลังปัญญาของตน ขอให้หยุดและเลิกการกระทำบนพื้นฐานของความโลภที่เกินประมาณ ถึงขั้นทำลายวัฒนธรรม ศีลธรรมอันดีงาม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสวัสดิภาพของส่วนรวม อันจัดเข้าข่ายว่าเป็นมิจฉาชีพทั้งสิ้น วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาอาชีวะ” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งความเป็นมิจฉาชีพ แล้วสู้อุตสาหะประกอบสัมมาชีพด้วยกันทุกคน เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากทุจริตชน นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตราย ได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้เลี้ยงชีพชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.” #thaitimes
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว