• เปลี่ยนภาพจำ บขส. รถทัวร์ใหม่-พนักงานต้อนรับสีชมพู

    รถโดยสารใหม่สีชมพู ยี่ห้อเอ็ม.อา.เอ็น (M.A.N) สัญชาติเยอรมนี ของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ซึ่งเช่ารถโดยสารจำนวน 311 คัน จากบริษัท อิทธิพรอิมปอร์ต จำกัด เป็นเวลา 5 ปี วงเงิน 3,018 ล้านบาท เพื่อทดแทนรถโดยสารรุ่นเก่าที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 10-30 ปี ในทุกเส้นทางทั่วประเทศ ล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 และทยอยรับรถจนครบ 311 คันภายในปลายเดือน ธ.ค.2568 โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 จะพยายามใช้รถรุ่นใหม่ทั้งระบบ และหยุดใช้รถรุ่นเก่าทั้งหมด

    พร้อมกันนี้ ยังได้เปลี่ยนแบบฟอร์มชุดพนักงานต้อนรับ และพนักงานขับรถหญิง โทนสีชมพูทั้งหมด นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ บขส. ทั้งเรื่องของรถ ชุดพนักงาน และการให้บริการเป็นภาพจำใหม่ สีชมพู ซึ่งเป็นสีแห่งความรักความอบอุ่น และเข้าถึงง่าย

    สำหรับรถโดยสารใหม่ มีความยาว 12 เมตร 3 มาตรฐาน ได้แก่ 1. รถปรับอากาศชั้น 1 VIP จำนวน 24 ที่นั่ง 2. รถปรับอากาศชั้น 1 พิเศษ จำนวน 32 ที่นั่ง และ 3. รถปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 36 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน Euro 5 ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ภายในรถมีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ ห้องน้ำ ช่องเก็บสัมภาระ ช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ และบริการไว-ไฟฟรี พร้อมระบบ GPS และกล้อง CCTV

    ในรอบปีที่ผ่านมา บขส.ได้พัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิดเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อท่าอากาศยาน 3 เส้นทาง สุวรรณภูมิ-พัทยา, ดอนเมือง-พัทยา ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุด และดอนเมือง-หัวหิน การเพิ่มบริการส่งพัสดุถึงบ้าน นำร่องพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ปัจจุบันมีรายได้ 1,988 ล้านบาท ขาดทุน 170 ล้านบาท ขาดทุนสะสมตั้งแต่ช่วงโควิด-19 รวม 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะสร้างรายได้ 3,500 ล้านบาทต่อปี กำไร 1,000 ล้านบาทต่อปี และแก้ขาดทุนสะสม เพื่อให้ บขส.อยู่ได้โดยไม่ของบประมาณจากรัฐ

    ปัจจุบัน บขส.ให้บริการรวม 62 เส้นทาง 175 เที่ยววิ่งต่อวัน แบ่งเป็นภาคเหนือ 19 เส้นทาง 68 เที่ยววิ่งต่อวัน, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก 18 เส้นทาง 58 เที่ยววิ่งต่อวัน และภาคใต้ 25 เส้นทาง 49 เที่ยววิ่งต่อวัน โดยมีช่องทางจำหน่ายตั๋วโดยสารอย่างเป็นทางการ ได้แก่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพมหานคร (จตุจักร ตลิ่งชัน และเอกมัย) สถานีเดินรถ บขส. ทั่วประเทศ เว็บไซต์ transport.co.th แอปพลิเคชัน E-Ticket เฟซบุ๊ก BorKorSor99 และไลน์ @TCL99

    #Newskit
    เปลี่ยนภาพจำ บขส. รถทัวร์ใหม่-พนักงานต้อนรับสีชมพู รถโดยสารใหม่สีชมพู ยี่ห้อเอ็ม.อา.เอ็น (M.A.N) สัญชาติเยอรมนี ของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ซึ่งเช่ารถโดยสารจำนวน 311 คัน จากบริษัท อิทธิพรอิมปอร์ต จำกัด เป็นเวลา 5 ปี วงเงิน 3,018 ล้านบาท เพื่อทดแทนรถโดยสารรุ่นเก่าที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 10-30 ปี ในทุกเส้นทางทั่วประเทศ ล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 และทยอยรับรถจนครบ 311 คันภายในปลายเดือน ธ.ค.2568 โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 จะพยายามใช้รถรุ่นใหม่ทั้งระบบ และหยุดใช้รถรุ่นเก่าทั้งหมด พร้อมกันนี้ ยังได้เปลี่ยนแบบฟอร์มชุดพนักงานต้อนรับ และพนักงานขับรถหญิง โทนสีชมพูทั้งหมด นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ บขส. ทั้งเรื่องของรถ ชุดพนักงาน และการให้บริการเป็นภาพจำใหม่ สีชมพู ซึ่งเป็นสีแห่งความรักความอบอุ่น และเข้าถึงง่าย สำหรับรถโดยสารใหม่ มีความยาว 12 เมตร 3 มาตรฐาน ได้แก่ 1. รถปรับอากาศชั้น 1 VIP จำนวน 24 ที่นั่ง 2. รถปรับอากาศชั้น 1 พิเศษ จำนวน 32 ที่นั่ง และ 3. รถปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 36 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน Euro 5 ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ภายในรถมีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ ห้องน้ำ ช่องเก็บสัมภาระ ช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ และบริการไว-ไฟฟรี พร้อมระบบ GPS และกล้อง CCTV ในรอบปีที่ผ่านมา บขส.ได้พัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิดเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อท่าอากาศยาน 3 เส้นทาง สุวรรณภูมิ-พัทยา, ดอนเมือง-พัทยา ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุด และดอนเมือง-หัวหิน การเพิ่มบริการส่งพัสดุถึงบ้าน นำร่องพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ปัจจุบันมีรายได้ 1,988 ล้านบาท ขาดทุน 170 ล้านบาท ขาดทุนสะสมตั้งแต่ช่วงโควิด-19 รวม 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะสร้างรายได้ 3,500 ล้านบาทต่อปี กำไร 1,000 ล้านบาทต่อปี และแก้ขาดทุนสะสม เพื่อให้ บขส.อยู่ได้โดยไม่ของบประมาณจากรัฐ ปัจจุบัน บขส.ให้บริการรวม 62 เส้นทาง 175 เที่ยววิ่งต่อวัน แบ่งเป็นภาคเหนือ 19 เส้นทาง 68 เที่ยววิ่งต่อวัน, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก 18 เส้นทาง 58 เที่ยววิ่งต่อวัน และภาคใต้ 25 เส้นทาง 49 เที่ยววิ่งต่อวัน โดยมีช่องทางจำหน่ายตั๋วโดยสารอย่างเป็นทางการ ได้แก่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพมหานคร (จตุจักร ตลิ่งชัน และเอกมัย) สถานีเดินรถ บขส. ทั่วประเทศ เว็บไซต์ transport.co.th แอปพลิเคชัน E-Ticket เฟซบุ๊ก BorKorSor99 และไลน์ @TCL99 #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บขส.” เผยปชช.แห่เดินทางปีใหม่ 2568 ศุกร์ ธ.ค. นิวไฮ 1.6 แสนคน สูงกว่าคาดการณ์ไว้ 4 หมื่นคน คาดวันนี้ ยังเดินทางต่อเนื่องแตะ 1.1 แสนคน ด้าน “สุรพงษ์” กำชับ รถโดยสารเข้ารับตรงเวลา - ห้ามขายตั๋วแพง – ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร

    นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. เพื่อตรวจการบริหารการจัดรถโดยสารและพนักงาน อำนวยความสะดวกประชาชน ในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 3 หลังจากได้ลงพื้นที่แล้วเมื่อวันที่ 25 - 26 ธันวาคม 2567 โดยกำชับ บขส. จัดรถโดยสารรองรับการเดินทางให้เพียงพอ นำรถเข้ารับผู้โดยสารที่ชานชาลาขาออกให้ตรงเวลา เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ป้องกันการรอคอยรถนาน ดูแลราคาค่าโดยสาร ไม่ขายตั๋วโดยสารเกินราคาที่กำหนด ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร ในช่วงเทศกาล เพราะผู้โดยสารไว้วางใจเลือกใช้บริการ ดังนั้นควรจะได้รับบริการที่ดี มีประสิทธิภาพ สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000124682

    #MGROnline #สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ #หมอชิต2
    “บขส.” เผยปชช.แห่เดินทางปีใหม่ 2568 ศุกร์ ธ.ค. นิวไฮ 1.6 แสนคน สูงกว่าคาดการณ์ไว้ 4 หมื่นคน คาดวันนี้ ยังเดินทางต่อเนื่องแตะ 1.1 แสนคน ด้าน “สุรพงษ์” กำชับ รถโดยสารเข้ารับตรงเวลา - ห้ามขายตั๋วแพง – ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร • นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. เพื่อตรวจการบริหารการจัดรถโดยสารและพนักงาน อำนวยความสะดวกประชาชน ในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 3 หลังจากได้ลงพื้นที่แล้วเมื่อวันที่ 25 - 26 ธันวาคม 2567 โดยกำชับ บขส. จัดรถโดยสารรองรับการเดินทางให้เพียงพอ นำรถเข้ารับผู้โดยสารที่ชานชาลาขาออกให้ตรงเวลา เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ป้องกันการรอคอยรถนาน ดูแลราคาค่าโดยสาร ไม่ขายตั๋วโดยสารเกินราคาที่กำหนด ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสาร ในช่วงเทศกาล เพราะผู้โดยสารไว้วางใจเลือกใช้บริการ ดังนั้นควรจะได้รับบริการที่ดี มีประสิทธิภาพ สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000124682 • #MGROnline #สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ #หมอชิต2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขสมก. Update เส้นทางรถเมล์
    เชื่อมต่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 มีสายใดบ้าง รู้ไว้ไม่หลง!

    เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และสามารถใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก. ในการเดินทาง จึงประชาสัมพันธ์เส้นทางรถเมล์เชื่อมต่อการเดินทาง ทั้ง 2 แห่ง คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง โดยระบุสายรถเมล์ที่ผ่าน และต้นทาง - ปลายทางของสายนั้น ๆ ดังนี้
    1. สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง
    สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E

    2. สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง
    สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E, สาย 4-33E

    อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : t.ly/jlzYH
    🚌ขสมก. Update เส้นทางรถเมล์ เชื่อมต่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 มีสายใดบ้าง รู้ไว้ไม่หลง! เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และสามารถใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก. ในการเดินทาง จึงประชาสัมพันธ์เส้นทางรถเมล์เชื่อมต่อการเดินทาง ทั้ง 2 แห่ง คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง โดยระบุสายรถเมล์ที่ผ่าน และต้นทาง - ปลายทางของสายนั้น ๆ ดังนี้ 📌 1. สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E 📌 2. สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E, สาย 4-33E อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : t.ly/jlzYH
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 569 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครชัยแอร์บ้านใหม่ ภายใต้กลุ่มทุนใหม่

    การประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ ออฟฟิศและอู่จอดรถ ของบริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารรายใหญ่ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 จากบริเวณก่อนถึงแยกรัชวิภา ไปยังปั๊มน้ำมันบางจาก ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 บนพื้นที่ประมาณ 28 ไร่ นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของรถทัวร์รายใหญ่ ที่อยู่บนเส้นทางธุรกิจมานานถึง 38 ปี

    นครชัยแอร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2529 โดยมีนายจักรินทร์ วงศ์เบญจรัตน์ เป็นประธานผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นได้เปิดให้บริการ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-ขอนแก่น และ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี โดยมีรถโดยสารปรับอากาศ 42 ที่นั่ง 20 คัน ก่อนผลักดันรถนอนพิเศษเป็นบริษัทแรก ลดจำนวนที่นั่งจาก 42 ที่นั่งเหลือ 32 ที่นั่ง และขยายเส้นทางอย่างต่อเนื่อง

    ที่ผ่านมานครชัยแอร์ย้ายสำนักงานใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ เมื่อปี 2556 ย้ายมาจากเลขที่ 27 ซอยวิภาวดีรังสิต 19 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย 5 ชั้น ไปยังเลขที่ 109 ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนถึงแยกรัชวิภา บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ เพื่อรองรับการขยายกิจการ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัวนครชัยแอร์ ผ่านมา 11 ปี จึงย้ายมาที่ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 ในปัจจุบัน

    ถึงกระนั้น สถานีเดินรถนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ ยังคงตั้งอยู่ริมถนนกำแพงเพชร 2 เช่นเดิม ผู้โดยสารสามารถใช้บริการได้ตามปกติ รวมทั้งสามารถเลือกขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 และนครชัยแอร์ สาขารังสิต ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก รังสิต ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงงานบริดจสโตน เช่นเดิม

    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ ตระกูลวงศ์เบญจรัตน์ได้ขายกิจการเดินรถ ไม่รวมทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน แก่กลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และระบบขนส่งมวลชน กระทั่งส่งตัวแทนซึ่งล้วนเป็นคนของกลุ่มนายคีรีเข้ามาบริหารแทน ส่วนทายาทรุ่นที่ 3 อย่างนางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ได้หายไปจากพื้นที่ข่าว หลังปรากฎครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2565

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังไม่ประกาศว่านครชัยแอร์เป็นหนึ่งธุรกิจในเครือ จากปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ MOVE ประกอบด้วยรถไฟฟ้า 4 สี รถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบิน

    ข้อความที่ระบุว่า "ต้นแบบการเดินทางไกล ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย ด้วยองค์กรที่มั่นคง และร่วมแรงร่วมใจ ให้บริการ" ซึ่งนายจักรินทร์ ประธานผู้ก่อตั้งได้เขียนไว้ในสำนักงาน คงเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของธุรกิจรถทัวร์ในไทย เพราะอีกไม่นานที่ดินผืนงามกว่า 16 ไร่ย่านแยกรัชวิภา อาจเปลี่ยนมือไปเป็นอย่างอื่น ตามแผนการย้ายสำนักงานใหญ่และขายที่ดินที่เกิดขึ้นนานแล้ว

    #Newskit #นครชัยแอร์ #BTSGroup
    นครชัยแอร์บ้านใหม่ ภายใต้กลุ่มทุนใหม่ การประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ ออฟฟิศและอู่จอดรถ ของบริษัท นครชัยแอร์ จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารรายใหญ่ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 จากบริเวณก่อนถึงแยกรัชวิภา ไปยังปั๊มน้ำมันบางจาก ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 บนพื้นที่ประมาณ 28 ไร่ นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของรถทัวร์รายใหญ่ ที่อยู่บนเส้นทางธุรกิจมานานถึง 38 ปี นครชัยแอร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2529 โดยมีนายจักรินทร์ วงศ์เบญจรัตน์ เป็นประธานผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นได้เปิดให้บริการ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-ขอนแก่น และ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี โดยมีรถโดยสารปรับอากาศ 42 ที่นั่ง 20 คัน ก่อนผลักดันรถนอนพิเศษเป็นบริษัทแรก ลดจำนวนที่นั่งจาก 42 ที่นั่งเหลือ 32 ที่นั่ง และขยายเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมานครชัยแอร์ย้ายสำนักงานใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ เมื่อปี 2556 ย้ายมาจากเลขที่ 27 ซอยวิภาวดีรังสิต 19 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย 5 ชั้น ไปยังเลขที่ 109 ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนถึงแยกรัชวิภา บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ เพื่อรองรับการขยายกิจการ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัวนครชัยแอร์ ผ่านมา 11 ปี จึงย้ายมาที่ปากซอยวิภาวดีรังสิต 60 ในปัจจุบัน ถึงกระนั้น สถานีเดินรถนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ ยังคงตั้งอยู่ริมถนนกำแพงเพชร 2 เช่นเดิม ผู้โดยสารสามารถใช้บริการได้ตามปกติ รวมทั้งสามารถเลือกขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 และนครชัยแอร์ สาขารังสิต ภายในปั๊มน้ำมันบางจาก รังสิต ถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงงานบริดจสโตน เช่นเดิม เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ ตระกูลวงศ์เบญจรัตน์ได้ขายกิจการเดินรถ ไม่รวมทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน แก่กลุ่มนายคีรี กาญจนพาสน์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และระบบขนส่งมวลชน กระทั่งส่งตัวแทนซึ่งล้วนเป็นคนของกลุ่มนายคีรีเข้ามาบริหารแทน ส่วนทายาทรุ่นที่ 3 อย่างนางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ได้หายไปจากพื้นที่ข่าว หลังปรากฎครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2565 อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังไม่ประกาศว่านครชัยแอร์เป็นหนึ่งธุรกิจในเครือ จากปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ MOVE ประกอบด้วยรถไฟฟ้า 4 สี รถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบิน ข้อความที่ระบุว่า "ต้นแบบการเดินทางไกล ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย ด้วยองค์กรที่มั่นคง และร่วมแรงร่วมใจ ให้บริการ" ซึ่งนายจักรินทร์ ประธานผู้ก่อตั้งได้เขียนไว้ในสำนักงาน คงเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของธุรกิจรถทัวร์ในไทย เพราะอีกไม่นานที่ดินผืนงามกว่า 16 ไร่ย่านแยกรัชวิภา อาจเปลี่ยนมือไปเป็นอย่างอื่น ตามแผนการย้ายสำนักงานใหญ่และขายที่ดินที่เกิดขึ้นนานแล้ว #Newskit #นครชัยแอร์ #BTSGroup
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1381 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาย A2 จอดที่เกาะดินแดง ไม่เข้าพหลโยธิน

    ผลกระทบจากการปฎิรูปรถเมล์ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป นอกจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะยกเลิกเดินรถ 14 เส้นทาง เปิดเดินรถเส้นทางใหม่ 10 เส้นทางแล้ว ยังกระทบไปถึงรถเมล์เชื่อมสนามบินดอนเมืองเช่นกัน

    โดยรถเมล์สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเช่นกัน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง โดยได้มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์บนรถเมล์สาย A2 ไปแล้ว

    จากเดิม สาย A2 ออกจากป้ายหยุดรถประจำทาง สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ชั้น 1 ผู้โดยสารขาเข้า ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านหลักสี่ ลงด่านลาดพร้าว เปลี่ยนเป็น ลงด่านดินแดง เลี้ยวขวาที่สามแยกดินแดง สิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะดินแดง (ฝั่งศูนย์การค้าวิคตอรี่ฮับ)

    สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยรถจะไม่ผ่านโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต (ซอยเฉยพ่วง) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต สะพานควาย อารีย์ และสนามเป้าอีกต่อไป

    อย่างไรก็ตาม สามารถใช้บริการรถเมล์สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต 2) ทดแทนกันได้ ซึ่งรถจะลงด่านลาดพร้าว ผ่านป้ายโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต

    ส่วนขาเข้าสนามบิน เปลี่ยนจุดขึ้นรถจากเดิมเกาะพหลโยธิน มาเป็นเกาะดินแดง ไปตามถนนราชวิถี สำนักงาน ป.ป.ส. สามแยกดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านดินแดง ลงสนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ผู้โดยสารขาออก โดยรถจะไม่ผ่านป้ายสนามเป้า อารีย์ สะพานควาย สวนจตุจักร และสวนรถไฟอีกต่อไป

    นอกจากนี้ ยังต้องรอลุ้นว่า รถเมล์สาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี และสาย A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง-ถนนข้าวสาร-สนามหลวง จะยังคงให้บริการต่อ หรือหยุดให้บริการ เนื่องจากสองเส้นทางนี้ไม่ได้ถูกบรรจุในแผนปฎิรูปรถเมล์มาก่อน ซึ่งมีเจ้าภาพหลักคือ กรมการขนส่งทางบก

    #Newskit #ขสมก #สนามบินดอนเมือง
    สาย A2 จอดที่เกาะดินแดง ไม่เข้าพหลโยธิน ผลกระทบจากการปฎิรูปรถเมล์ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป นอกจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะยกเลิกเดินรถ 14 เส้นทาง เปิดเดินรถเส้นทางใหม่ 10 เส้นทางแล้ว ยังกระทบไปถึงรถเมล์เชื่อมสนามบินดอนเมืองเช่นกัน โดยรถเมล์สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถเช่นกัน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง โดยได้มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์บนรถเมล์สาย A2 ไปแล้ว จากเดิม สาย A2 ออกจากป้ายหยุดรถประจำทาง สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ชั้น 1 ผู้โดยสารขาเข้า ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านหลักสี่ ลงด่านลาดพร้าว เปลี่ยนเป็น ลงด่านดินแดง เลี้ยวขวาที่สามแยกดินแดง สิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะดินแดง (ฝั่งศูนย์การค้าวิคตอรี่ฮับ) สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยรถจะไม่ผ่านโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต (ซอยเฉยพ่วง) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต สะพานควาย อารีย์ และสนามเป้าอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สามารถใช้บริการรถเมล์สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต 2) ทดแทนกันได้ ซึ่งรถจะลงด่านลาดพร้าว ผ่านป้ายโรงเรียนหอวัง ธนาคารทหารไทยธนชาต และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต ส่วนขาเข้าสนามบิน เปลี่ยนจุดขึ้นรถจากเดิมเกาะพหลโยธิน มาเป็นเกาะดินแดง ไปตามถนนราชวิถี สำนักงาน ป.ป.ส. สามแยกดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด่านดินแดง ลงสนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 6 ผู้โดยสารขาออก โดยรถจะไม่ผ่านป้ายสนามเป้า อารีย์ สะพานควาย สวนจตุจักร และสวนรถไฟอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังต้องรอลุ้นว่า รถเมล์สาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี และสาย A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง-ถนนข้าวสาร-สนามหลวง จะยังคงให้บริการต่อ หรือหยุดให้บริการ เนื่องจากสองเส้นทางนี้ไม่ได้ถูกบรรจุในแผนปฎิรูปรถเมล์มาก่อน ซึ่งมีเจ้าภาพหลักคือ กรมการขนส่งทางบก #Newskit #ขสมก #สนามบินดอนเมือง
    Like
    6
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1888 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 กรกฎาคมนี้ จุดเปลี่ยน ขสมก.

    ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ยุติการให้บริการรถโดยสารประจำทาง 14 เส้นทาง ตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เพื่อส่งต่อให้ผู้ประกอบการรายใหม่ คือ กลุ่มไทยสมายล์บัส ทำการเดินรถแทน นับเป็นการยุติการเดินรถล็อตใหญ่ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนรถเมล์ไทยก็ว่าได้

    เพราะมีทั้งเส้นทาง ขสมก.ให้บริการมาแล้วหลายปี เช่น สาย 1 ถนนตก-ท่าเตียน รวมไปถึงหลายเส้นทางที่เป็นสายยอดนิยม ก็ยุติการเดินรถไปด้วย เช่น สาย 71 สวนสยาม-วัดธาตุทอง สาย 77 เซ็นทรัลพระราม 3-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) สาย 84 วัดไร่ขิง-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี สาย 515 เซ็นทรัลศาลายา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฯลฯ

    ขณะนี้รถประจำทาง ขสมก. ทั้ง 14 เส้นทาง ได้ติดแผ่นกระดาษประชาสัมพันธ์บนรถโดยสารประจำทางไปแล้ว โดยหลังจากวันที่ 25 กรกฎาคม จะไม่มีรถให้บริการอีก ส่วนรถโดยสารเดิมจะนำไปจัดสรรให้กับเส้นทางอื่นที่ขาดแคลน รวมทั้งเตรียมพร้อมเปิดเส้นทางใหม่ ที่กรมการขนส่งทางบกอนุมัติเส้นทางปฎิรูป ทั้งเส้นทางเดิมที่ปรับปรุง และเส้นทางใหม่ รวม 107 เส้นทาง

    ก่อนหน้านี้ ขสมก. ยุติการเดินรถเพื่อส่งต่อให้กับผู้ประกอบการเอกชน มาตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ประเดิมด้วยสาย 7 คลองขวาง-หัวลำโพง ก่อนที่จะมีสายอื่นตามมา โดยเฉพาะเส้นทางทำเงินอย่างสาย 140 อู่แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

    ด้านบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด ได้เตรียมรถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) เพิ่มอีกกว่า 389 คัน และจะทยอยเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง รวมทั้งกำหนดให้ 4 เส้นทางให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ สาย 4 ท่าน้ำภาษีเจริญ - ท่าเรือคลองเตย สาย 25 ท่าช้างวังหลวง - อู่สายลวด สาย 82 พระประแดง - บางลำพู และสาย 84 สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ - สามพราน

    #Newskit #ขสมก #ไทยสมายล์บัส
    25 กรกฎาคมนี้ จุดเปลี่ยน ขสมก. ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ยุติการให้บริการรถโดยสารประจำทาง 14 เส้นทาง ตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เพื่อส่งต่อให้ผู้ประกอบการรายใหม่ คือ กลุ่มไทยสมายล์บัส ทำการเดินรถแทน นับเป็นการยุติการเดินรถล็อตใหญ่ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนรถเมล์ไทยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งเส้นทาง ขสมก.ให้บริการมาแล้วหลายปี เช่น สาย 1 ถนนตก-ท่าเตียน รวมไปถึงหลายเส้นทางที่เป็นสายยอดนิยม ก็ยุติการเดินรถไปด้วย เช่น สาย 71 สวนสยาม-วัดธาตุทอง สาย 77 เซ็นทรัลพระราม 3-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) สาย 84 วัดไร่ขิง-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี สาย 515 เซ็นทรัลศาลายา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฯลฯ ขณะนี้รถประจำทาง ขสมก. ทั้ง 14 เส้นทาง ได้ติดแผ่นกระดาษประชาสัมพันธ์บนรถโดยสารประจำทางไปแล้ว โดยหลังจากวันที่ 25 กรกฎาคม จะไม่มีรถให้บริการอีก ส่วนรถโดยสารเดิมจะนำไปจัดสรรให้กับเส้นทางอื่นที่ขาดแคลน รวมทั้งเตรียมพร้อมเปิดเส้นทางใหม่ ที่กรมการขนส่งทางบกอนุมัติเส้นทางปฎิรูป ทั้งเส้นทางเดิมที่ปรับปรุง และเส้นทางใหม่ รวม 107 เส้นทาง ก่อนหน้านี้ ขสมก. ยุติการเดินรถเพื่อส่งต่อให้กับผู้ประกอบการเอกชน มาตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ประเดิมด้วยสาย 7 คลองขวาง-หัวลำโพง ก่อนที่จะมีสายอื่นตามมา โดยเฉพาะเส้นทางทำเงินอย่างสาย 140 อู่แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้านบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด ได้เตรียมรถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) เพิ่มอีกกว่า 389 คัน และจะทยอยเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง รวมทั้งกำหนดให้ 4 เส้นทางให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ สาย 4 ท่าน้ำภาษีเจริญ - ท่าเรือคลองเตย สาย 25 ท่าช้างวังหลวง - อู่สายลวด สาย 82 พระประแดง - บางลำพู และสาย 84 สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ - สามพราน #Newskit #ขสมก #ไทยสมายล์บัส
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1843 มุมมอง 0 รีวิว