• ♣ พรรคการเมือง พูดแล้วไม่ทำ ทำแต่เรื่องไม่ได้พูด
    #7ดอกจิก
    ♣ พรรคการเมือง พูดแล้วไม่ทำ ทำแต่เรื่องไม่ได้พูด #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 247 Views 17 0 Reviews
  • ไอติมยัน ปชน.ไม่ร่วมม็อบ "สนธิ" ขอใช้กลไกในสภา (27/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #พรรค ปชช. #ลงถนนร่วมม็อบ #ยื่นหนังสือรัฐบาล #แสดงออกทางการเมือง
    ไอติมยัน ปชน.ไม่ร่วมม็อบ "สนธิ" ขอใช้กลไกในสภา (27/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #พรรค ปชช. #ลงถนนร่วมม็อบ #ยื่นหนังสือรัฐบาล #แสดงออกทางการเมือง
    Haha
    Like
    5
    1 Comments 0 Shares 534 Views 30 0 Reviews
  • จนท.ตำรวจพื้นที่ จ.นครปฐมรวบพี่เลี้ยงพม่าที่ทำลูกมอสเจีย อินฟลูเอนเซอร์ดังร่วงต้องนอนไอซียู แถมยังไม่สลดไลฟ์สดเฟซบุ๊กเหยียดคนไทย ฝากถึงแรงงานเพื่อนบ้านควรให้เกียรติเจ้าบ้านและเคารพกฎหมาย

    จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก "Mosjasmio" อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ได้โพสต์คลิปสุดบีบหัวอกคนเป็นพ่อแม่ หลังพี่เลี้ยงสะเพร่าทำลูกเล็กวัยไม่ถึงเดือนตกพื้น กะโหลกแตก เข้าไอซียู แต่กลับโกหก ก่อนสุดท้ายจะเค้นจนรู้ความจริง

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 พ.ย. “กัน จอมพลัง” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า

    “มอสขอให้ผมช่วย ลูกวัย 1 เดือนพี่เลี้ยงพม่าทำน้องตกพื้นแล้วไม่ยอมบอกจนน้องอาการหนัก หลังจากนั้นพี่เลี้ยงหลบหนีแต่ไม่มีสลด ยังมีการ LIVE สด ด่าคนไทยไร้การศึกษา พร้อมเอาพรรคพวกพม่าเข้า LIVE โจมตีพ่อแม่เด็กไร้การศึกษา นั่งขำหัวเราะเยาะเย้ยกันสนุกสนาน

    ผมจึงประสานท่าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี ท่านช่วยเร่งดำเนินการขอหมายจับ พร้อมส่งทีมบุกจับเช้านี้หมายที่นครปฐม ขอขอบคุณชื่นชมท่าน ผกก.และทีมงานด้วยครับ เร็วมากๆ 1 วันจบ

    ฝากถึงพี่เลี้ยงพม่าคนนี้ คุณจะเก่งบ้านคุณยังไงผมไม่รู้ แต่ที่นี่ประเทศไทยควรให้เกียรติเจ้าบ้าน เคารพกฎหมาย และที่นี่ไม่เอาเรื่องเด็กถูกกระทำมาเป็นเรื่องตลก แล้วพรรคพวกพม่าซ่าๆ ที่มาร่วมวงระวังจะจบไม่สวย”

    #MGROnline #มอสเจีย #อินฟลูเอนเซอร์
    จนท.ตำรวจพื้นที่ จ.นครปฐมรวบพี่เลี้ยงพม่าที่ทำลูกมอสเจีย อินฟลูเอนเซอร์ดังร่วงต้องนอนไอซียู แถมยังไม่สลดไลฟ์สดเฟซบุ๊กเหยียดคนไทย ฝากถึงแรงงานเพื่อนบ้านควรให้เกียรติเจ้าบ้านและเคารพกฎหมาย • จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก "Mosjasmio" อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ได้โพสต์คลิปสุดบีบหัวอกคนเป็นพ่อแม่ หลังพี่เลี้ยงสะเพร่าทำลูกเล็กวัยไม่ถึงเดือนตกพื้น กะโหลกแตก เข้าไอซียู แต่กลับโกหก ก่อนสุดท้ายจะเค้นจนรู้ความจริง • ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 พ.ย. “กัน จอมพลัง” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า • “มอสขอให้ผมช่วย ลูกวัย 1 เดือนพี่เลี้ยงพม่าทำน้องตกพื้นแล้วไม่ยอมบอกจนน้องอาการหนัก หลังจากนั้นพี่เลี้ยงหลบหนีแต่ไม่มีสลด ยังมีการ LIVE สด ด่าคนไทยไร้การศึกษา พร้อมเอาพรรคพวกพม่าเข้า LIVE โจมตีพ่อแม่เด็กไร้การศึกษา นั่งขำหัวเราะเยาะเย้ยกันสนุกสนาน • ผมจึงประสานท่าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี ท่านช่วยเร่งดำเนินการขอหมายจับ พร้อมส่งทีมบุกจับเช้านี้หมายที่นครปฐม ขอขอบคุณชื่นชมท่าน ผกก.และทีมงานด้วยครับ เร็วมากๆ 1 วันจบ • ฝากถึงพี่เลี้ยงพม่าคนนี้ คุณจะเก่งบ้านคุณยังไงผมไม่รู้ แต่ที่นี่ประเทศไทยควรให้เกียรติเจ้าบ้าน เคารพกฎหมาย และที่นี่ไม่เอาเรื่องเด็กถูกกระทำมาเป็นเรื่องตลก แล้วพรรคพวกพม่าซ่าๆ ที่มาร่วมวงระวังจะจบไม่สวย” • #MGROnline #มอสเจีย #อินฟลูเอนเซอร์
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • #ก็พี่คิงส์บอกแล้ว
    ตั้งแต่ช่อง 3 รับย้วยกลับมา
    แล้วย้วยเล่นเชียร์ส้มหนักมาก
    ใครมันจะไปดูฟร๊ะ
    พรรคก็ดิ่ง ช่องที่เชียร์ก็ดิ่ง
    มันก็จะประมาณนี้แหละ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #ก็พี่คิงส์บอกแล้ว ตั้งแต่ช่อง 3 รับย้วยกลับมา แล้วย้วยเล่นเชียร์ส้มหนักมาก ใครมันจะไปดูฟร๊ะ พรรคก็ดิ่ง ช่องที่เชียร์ก็ดิ่ง มันก็จะประมาณนี้แหละ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • 'การกระทำอันเป็นการทรยศ' — ผู้แทนพรรครีพับลิกัน มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน พูดถึงความเป็นไปได้ที่ไบเดนจะมอบอาวุธนิวเคลียร์ให้กับยูเครน

    "สิ่งนี้ต้องหยุดทันที!! รัฐบาลไบเดนกำลังพยายามก่อสงครามนิวเคลียร์และใช้เหตุผลนี้เพื่อหยุดการถ่ายโอนอำนาจให้กับทรัมป์หรือไม่?" กรีนเขียนบนหน้า X ของเธอ, โดยโพสต์ซ้ำสิ่งพิมพ์ของ มาริโอ นาฟัล เกี่ยวกับหัวข้อนี้

    ก่อนหน้านี้, นิวยอร์กไทมส์เขียนว่า ไบเดนอาจส่งคืนอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตให้กับยูเครน, โดยอ้างถึงเจ้าหน้าที่หลายคน

    "พวกเขากำลังเสนอแนวคิดในการส่งคืนอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ความรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ทำให้เกิดคำถามที่สำคัญ: นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือยูเครนหรือไม่ -- หรือมีอะไรมากกว่านั้น?" มาริโอ นาฟัล, นักลงทุนและพิธีกรรายการใหญ่ที่สุดทาง X, แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้
    .
    'ACT OF TREASON' — GOP REPRESENTATIVE MARJORIE TAYLOR GREENE ON THE POSSIBILITY OF BIDEN GIVING NUKES TO UKRAINE

    "This must be stopped immediately!! Is the Biden admin trying to start a nuclear war and use it as the reason to stop the transfer of power to Trump?" Greene wrote on her X page, reposting Mario Nawfal's publication concerning the topic.

    Earlier, the New York Times wrote that Biden could return nuclear weapons to Ukraine that were taken from it after the fall of the Soviet Union, referring to several officials.

    "They’re floating the idea of returning nuclear arms removed after the Soviet Union’s fall. This unprecedented escalation raises serious questions: Is this about aiding Ukraine -- or is something more at play?" Mario Nawfal, investor and host of the largest show on X, commented on the subject.
    .
    1:20 PM · Nov 26, 2024 · 24.4K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861293827518025931
    'การกระทำอันเป็นการทรยศ' — ผู้แทนพรรครีพับลิกัน มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน พูดถึงความเป็นไปได้ที่ไบเดนจะมอบอาวุธนิวเคลียร์ให้กับยูเครน "สิ่งนี้ต้องหยุดทันที!! รัฐบาลไบเดนกำลังพยายามก่อสงครามนิวเคลียร์และใช้เหตุผลนี้เพื่อหยุดการถ่ายโอนอำนาจให้กับทรัมป์หรือไม่?" กรีนเขียนบนหน้า X ของเธอ, โดยโพสต์ซ้ำสิ่งพิมพ์ของ มาริโอ นาฟัล เกี่ยวกับหัวข้อนี้ ก่อนหน้านี้, นิวยอร์กไทมส์เขียนว่า ไบเดนอาจส่งคืนอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตให้กับยูเครน, โดยอ้างถึงเจ้าหน้าที่หลายคน "พวกเขากำลังเสนอแนวคิดในการส่งคืนอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ความรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ทำให้เกิดคำถามที่สำคัญ: นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือยูเครนหรือไม่ -- หรือมีอะไรมากกว่านั้น?" มาริโอ นาฟัล, นักลงทุนและพิธีกรรายการใหญ่ที่สุดทาง X, แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ . 'ACT OF TREASON' — GOP REPRESENTATIVE MARJORIE TAYLOR GREENE ON THE POSSIBILITY OF BIDEN GIVING NUKES TO UKRAINE "This must be stopped immediately!! Is the Biden admin trying to start a nuclear war and use it as the reason to stop the transfer of power to Trump?" Greene wrote on her X page, reposting Mario Nawfal's publication concerning the topic. Earlier, the New York Times wrote that Biden could return nuclear weapons to Ukraine that were taken from it after the fall of the Soviet Union, referring to several officials. "They’re floating the idea of returning nuclear arms removed after the Soviet Union’s fall. This unprecedented escalation raises serious questions: Is this about aiding Ukraine -- or is something more at play?" Mario Nawfal, investor and host of the largest show on X, commented on the subject. . 1:20 PM · Nov 26, 2024 · 24.4K Views https://x.com/SputnikInt/status/1861293827518025931
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 262 Views 0 Reviews
  • คำเตือน….สิ่งที่คนไทยไม่รู้จากบทสัมภาษณ์ของฮุน มาเนต ต่อทีท่าการเคลื่อนไหวในประเทศไทยและ MOU44 ซึ่งเขาไม่เคยยอมรับว่าเกาะกูดเป็นของไทยThe Phnom Penh Post (พนมเปญ โพส์ต) หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของทางการกัมพูชา ได้ออกข่าวบทสัมภาษณ์ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและบุตรชายสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 บทสัมภาษณ์ทำให้เราเห็นว่า กัมพูชายังคงย้ำว่าปัญหาเกาะกูดยังไม่ได้ข้อยุติ ไทยอ้างสิทธิ์ของตนในอธิปไตยเหนือเกาะกูดแต่ฝ่ายเดียว นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆอีกที่คนไทยเราไม่เคยรับรู้จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย แต่เป็นเรื่องน่าละอายใจที่ต้องไปรับรู้มาจากประเทศอื่น เช่น ข้ออ้างเรื่องเขตแดนทางบก ที่บรรลุข้อตกลงไปแล้ว 42 หลักเขต ระยะทาง 805 กิโลเมตร ยังคงเหลืออีก 31 หลักซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ รัฐบาลไทยก็ไม่สนใจเกียรติศักดิ์ศรีของตนเอง วันๆเรามีนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อครอบครัวตนเองมากกว่าประเทศไทย เป็นเรื่องน่าเศร้ามากครับคำสัมภาษณ์ของฮุน มาเนตมีดังนี้“นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้กล่าวถึงการตัดสินใจของรัฐบาลที่นิ่งเฉยต่อข้อพิพาทอธิปไตยเหนือเกาะกูด โดยอ้างถึงการเจรจาต่อรองเขตแดนทางทะเลกับ ประเทศไทยซึ่งยังไม่ได้ให้ข้อยุติ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวถึงการตัดสินใจของรัฐบาลที่จะไม่พูดถึงข้อพิพาทเรื่องอธิปไตยเหนือเกาะกูด โดยอ้างถึงการเจรจาเรื่องพรมแดนทางทะเลกับไทยที่ยังคงดำเนินอยู่แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ปัจจุบันทั้งสองประเทศอ้างสิทธิ์ในเกาะดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตน คำอธิบายดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มฝ่ายค้านและประชาชนบางส่วนที่กล่าวหารัฐบาลว่าไม่ตอบสนองต่อคำกล่าวอ้างของไทยเกี่ยวกับเกาะดังกล่าว ฮุน มาเนต ชี้แจงว่าข้อกล่าวอ้างเหล่านี้มาจากพรรคฝ่ายค้านของไทย ไม่ใช่จากรัฐบาลในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสำเร็จการศึกษาของนักศึกษมหาวิทยาลัยกรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน มาเนตเน้นย้ำว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนต้องได้รับการจัดการด้วยความระมัดระวัง บางคนบอกว่ารัฐบาลเงียบราวกับ ‘ขโมยม้า’ ไม่ยอมเผชิญหน้ากับไทยเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าว พวกเขาตำหนิรัฐบาลของฉันว่าสูญเสียเกาะกูดและดินแดนทางทะเลของกัมพูชา พวกเขาบอกว่ารัฐบาลควรนำเรื่องนี้ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และให้คำอธิบาย”“ทำไมรัฐบาลจึงนิ่งเฉย คำตอบอยู่ที่หลักการสองประการ คือ ความเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองและความรับผิดชอบต่อชาติ หลักการเหล่านี้เป็นแนวทางให้รัฐบาลนิ่งเฉย เพราะการพูดออกมาไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นผู้ใหญ่” เขากล่าวมาเนต ได้ขยายความถึงแนวคิดเรื่องวุฒิภาวะทางการเมือง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน เขาย้ำว่าปัญหาที่ละเอียดอ่อนดังกล่าวควรได้รับการแก้ไขผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ผ่านโซเชียลมีเดียหรือสื่อมวลชนรัฐบาลไม่ได้พูดแบบที่นักวิเคราะห์พูดกัน” เขากล่าว “เมื่อเราพูด เรื่องนี้จะมีความสำคัญ เราควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของประเทศอื่นหรือไม่ พวกเขาปกป้องสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นของพวกเขา ฝ่ายหนึ่งอ้างว่าดินแดนของพวกเขาสูญหายไป อีกฝ่ายก็บอกว่าไม่เป็นเช่นนั้น ทำไมเราต้องจุดไฟเผาบ้านของเราโดยไม่จำเป็น การกระทำโดยหุนหันพลันแล่นอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น” เขากล่าวอธิบาย มาเนตเน้นย้ำว่ากัมพูชาและไทยได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการหารือเรื่องพรมแดนขึ้น 2 คณะ ได้แก่ คณะกรรมาธิการชายแดนร่วม (JBC) ซึ่งรับผิดชอบประเด็นพรมแดนทางบก และคณะกรรมการเทคนิคร่วม (JTC) ซึ่งเน้นที่เขตแดนทางทะเล“นี่เป็นกลไกอย่างเป็นทางการ รัฐบาลทำงานผ่านกลไกเหล่านี้ สิ่งที่พวกเขาพูด [ในประเทศไทย] เป็นเรื่องของพวกเขา หากมีข้อขัดแย้ง ควรมีการแก้ไขแบบพบหน้ากันเพื่อให้เป็นทางการ” เขากล่าวอธิบายมาเนตกล่าวว่าการเจรจาเรื่องพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศจนถึงขณะนี้ได้ดำเนินการเฉพาะเรื่องพรมแดนทางบกเท่านั้น โดยได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับพรมแดนทางบกระยะทาง 805 กิโลเมตร ครอบคลุม 73 หลัก โดยมี 42 หลักที่สรุปผลแล้ว และอีก 31 หลักยังอยู่ระหว่างการพิจารณา“เราได้กำหนดขอบเขตที่ดินตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามในปี 1907 ซึ่งครอบคลุมระยะทาง 805 กิโลเมตรและมีเครื่องหมายพรมแดน 73 หลัก การเจรจาใช้เวลา 18 ปีจึงจะสรุปเครื่องหมายได้ 42 หลัก แต่การทำงานยังคงดำเนินต่อไปจนถึงจุดที่วัดได้ละเอียดทุกมิลลิเมตร” เขากล่าวเมื่อพูดถึงเขตแดนทางทะเล มาเนตกล่าวว่า “เราเคยตกลงกันเรื่องเขตแดนทางทะเลหรือไม่? ไม่เลย การเจรจาเกิดขึ้นหลายครั้งโดยไม่มีข้อตกลง หากไม่มีข้อตกลง เราจะสูญเสียอะไรไป? ขอถามหน่อยเถอะ บางคนบอกว่ามันเป็นการทรยศหรือสูญเสียดินแดน แต่ถ้าไม่มีข้อตกลง เราจะฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้อย่างไร?”เขาได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชาผ่านกลไกสันติภาพที่ใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า สำนักเลขาธิการกิจการชายแดนมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเจรจาต่อเนื่องกับไทยในเรื่องชายแดนนอกจากนี้ มาเนต ยังกล่าวอีกว่า พื้นที่ทั้งหมดของประเทศอาจมีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการคือ 181,035 ตารางกิโลเมตรเขาอ้างถึงการวัด GPS เชิงทดลองที่ดำเนินการในปี 2012 ซึ่งแนะนำว่าการวัดดังกล่าวอาจขยายได้ถึง 181,436 ตารางกิโลเมตร“เศร้าครับ….. เทพมนตรี ลิมปพยอม26 พฤศจิกายน 2567
    คำเตือน….สิ่งที่คนไทยไม่รู้จากบทสัมภาษณ์ของฮุน มาเนต ต่อทีท่าการเคลื่อนไหวในประเทศไทยและ MOU44 ซึ่งเขาไม่เคยยอมรับว่าเกาะกูดเป็นของไทยThe Phnom Penh Post (พนมเปญ โพส์ต) หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของทางการกัมพูชา ได้ออกข่าวบทสัมภาษณ์ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและบุตรชายสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 บทสัมภาษณ์ทำให้เราเห็นว่า กัมพูชายังคงย้ำว่าปัญหาเกาะกูดยังไม่ได้ข้อยุติ ไทยอ้างสิทธิ์ของตนในอธิปไตยเหนือเกาะกูดแต่ฝ่ายเดียว นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆอีกที่คนไทยเราไม่เคยรับรู้จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย แต่เป็นเรื่องน่าละอายใจที่ต้องไปรับรู้มาจากประเทศอื่น เช่น ข้ออ้างเรื่องเขตแดนทางบก ที่บรรลุข้อตกลงไปแล้ว 42 หลักเขต ระยะทาง 805 กิโลเมตร ยังคงเหลืออีก 31 หลักซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ รัฐบาลไทยก็ไม่สนใจเกียรติศักดิ์ศรีของตนเอง วันๆเรามีนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อครอบครัวตนเองมากกว่าประเทศไทย เป็นเรื่องน่าเศร้ามากครับคำสัมภาษณ์ของฮุน มาเนตมีดังนี้“นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้กล่าวถึงการตัดสินใจของรัฐบาลที่นิ่งเฉยต่อข้อพิพาทอธิปไตยเหนือเกาะกูด โดยอ้างถึงการเจรจาต่อรองเขตแดนทางทะเลกับ ประเทศไทยซึ่งยังไม่ได้ให้ข้อยุติ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวถึงการตัดสินใจของรัฐบาลที่จะไม่พูดถึงข้อพิพาทเรื่องอธิปไตยเหนือเกาะกูด โดยอ้างถึงการเจรจาเรื่องพรมแดนทางทะเลกับไทยที่ยังคงดำเนินอยู่แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ปัจจุบันทั้งสองประเทศอ้างสิทธิ์ในเกาะดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตน คำอธิบายดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มฝ่ายค้านและประชาชนบางส่วนที่กล่าวหารัฐบาลว่าไม่ตอบสนองต่อคำกล่าวอ้างของไทยเกี่ยวกับเกาะดังกล่าว ฮุน มาเนต ชี้แจงว่าข้อกล่าวอ้างเหล่านี้มาจากพรรคฝ่ายค้านของไทย ไม่ใช่จากรัฐบาลในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสำเร็จการศึกษาของนักศึกษมหาวิทยาลัยกรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน มาเนตเน้นย้ำว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนต้องได้รับการจัดการด้วยความระมัดระวัง บางคนบอกว่ารัฐบาลเงียบราวกับ ‘ขโมยม้า’ ไม่ยอมเผชิญหน้ากับไทยเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าว พวกเขาตำหนิรัฐบาลของฉันว่าสูญเสียเกาะกูดและดินแดนทางทะเลของกัมพูชา พวกเขาบอกว่ารัฐบาลควรนำเรื่องนี้ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และให้คำอธิบาย”“ทำไมรัฐบาลจึงนิ่งเฉย คำตอบอยู่ที่หลักการสองประการ คือ ความเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองและความรับผิดชอบต่อชาติ หลักการเหล่านี้เป็นแนวทางให้รัฐบาลนิ่งเฉย เพราะการพูดออกมาไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นผู้ใหญ่” เขากล่าวมาเนต ได้ขยายความถึงแนวคิดเรื่องวุฒิภาวะทางการเมือง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน เขาย้ำว่าปัญหาที่ละเอียดอ่อนดังกล่าวควรได้รับการแก้ไขผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ผ่านโซเชียลมีเดียหรือสื่อมวลชนรัฐบาลไม่ได้พูดแบบที่นักวิเคราะห์พูดกัน” เขากล่าว “เมื่อเราพูด เรื่องนี้จะมีความสำคัญ เราควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของประเทศอื่นหรือไม่ พวกเขาปกป้องสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นของพวกเขา ฝ่ายหนึ่งอ้างว่าดินแดนของพวกเขาสูญหายไป อีกฝ่ายก็บอกว่าไม่เป็นเช่นนั้น ทำไมเราต้องจุดไฟเผาบ้านของเราโดยไม่จำเป็น การกระทำโดยหุนหันพลันแล่นอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น” เขากล่าวอธิบาย มาเนตเน้นย้ำว่ากัมพูชาและไทยได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการหารือเรื่องพรมแดนขึ้น 2 คณะ ได้แก่ คณะกรรมาธิการชายแดนร่วม (JBC) ซึ่งรับผิดชอบประเด็นพรมแดนทางบก และคณะกรรมการเทคนิคร่วม (JTC) ซึ่งเน้นที่เขตแดนทางทะเล“นี่เป็นกลไกอย่างเป็นทางการ รัฐบาลทำงานผ่านกลไกเหล่านี้ สิ่งที่พวกเขาพูด [ในประเทศไทย] เป็นเรื่องของพวกเขา หากมีข้อขัดแย้ง ควรมีการแก้ไขแบบพบหน้ากันเพื่อให้เป็นทางการ” เขากล่าวอธิบายมาเนตกล่าวว่าการเจรจาเรื่องพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศจนถึงขณะนี้ได้ดำเนินการเฉพาะเรื่องพรมแดนทางบกเท่านั้น โดยได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับพรมแดนทางบกระยะทาง 805 กิโลเมตร ครอบคลุม 73 หลัก โดยมี 42 หลักที่สรุปผลแล้ว และอีก 31 หลักยังอยู่ระหว่างการพิจารณา“เราได้กำหนดขอบเขตที่ดินตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามในปี 1907 ซึ่งครอบคลุมระยะทาง 805 กิโลเมตรและมีเครื่องหมายพรมแดน 73 หลัก การเจรจาใช้เวลา 18 ปีจึงจะสรุปเครื่องหมายได้ 42 หลัก แต่การทำงานยังคงดำเนินต่อไปจนถึงจุดที่วัดได้ละเอียดทุกมิลลิเมตร” เขากล่าวเมื่อพูดถึงเขตแดนทางทะเล มาเนตกล่าวว่า “เราเคยตกลงกันเรื่องเขตแดนทางทะเลหรือไม่? ไม่เลย การเจรจาเกิดขึ้นหลายครั้งโดยไม่มีข้อตกลง หากไม่มีข้อตกลง เราจะสูญเสียอะไรไป? ขอถามหน่อยเถอะ บางคนบอกว่ามันเป็นการทรยศหรือสูญเสียดินแดน แต่ถ้าไม่มีข้อตกลง เราจะฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้อย่างไร?”เขาได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชาผ่านกลไกสันติภาพที่ใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า สำนักเลขาธิการกิจการชายแดนมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเจรจาต่อเนื่องกับไทยในเรื่องชายแดนนอกจากนี้ มาเนต ยังกล่าวอีกว่า พื้นที่ทั้งหมดของประเทศอาจมีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการคือ 181,035 ตารางกิโลเมตรเขาอ้างถึงการวัด GPS เชิงทดลองที่ดำเนินการในปี 2012 ซึ่งแนะนำว่าการวัดดังกล่าวอาจขยายได้ถึง 181,436 ตารางกิโลเมตร“เศร้าครับ….. เทพมนตรี ลิมปพยอม26 พฤศจิกายน 2567
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • "ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และปูตินไม่ยอมให้ยูเครนใช้ก่อนแน่นอน!"
    สส.มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน จากพรรครีพับลิกัน พูดถึงกระแสข่าวที่ไบเดนจะมอบอาวุธนิวเคลียร์ให้กับยูเครนว่าเป็น 'เรื่องที่บ้ามากและยังเป็นการทรยศต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐ'

    "เรื่องนี้ต้องหยุดทันที!! รัฐบาลไบเดนกำลังพยายามก่อสงครามนิวเคลียร์และใช้เหตุผลนี้เพื่อหยุดการถ่ายโอนอำนาจให้กับทรัมป์หรือไม่" กรีนเขียนบน X ของเธอ โดยอ้างอิงโพสต์ของมาริโอ นาฟัล นักสื่อสารมวลชื่อดังของสหรัฐ

    ก่อนหน้านี้ นิวยอร์กไทมส์เขียนว่าไบเดนอาจส่งอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาได้หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายคืนให้กับยูเครน โดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่หลายคนในรัฐบาลไบเดน

    "พวกเขากำลังเสนอแนวคิดในการส่งอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาได้หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายกลับคืนสู่ยูเครน นี่จะเป็นการยกระดับความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือยูเครนหรือไม่ หรือมีอะไรมากกว่านั้น" มาริโอ นาฟัล กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
    "ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และปูตินไม่ยอมให้ยูเครนใช้ก่อนแน่นอน!" สส.มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน จากพรรครีพับลิกัน พูดถึงกระแสข่าวที่ไบเดนจะมอบอาวุธนิวเคลียร์ให้กับยูเครนว่าเป็น 'เรื่องที่บ้ามากและยังเป็นการทรยศต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐ' "เรื่องนี้ต้องหยุดทันที!! รัฐบาลไบเดนกำลังพยายามก่อสงครามนิวเคลียร์และใช้เหตุผลนี้เพื่อหยุดการถ่ายโอนอำนาจให้กับทรัมป์หรือไม่" กรีนเขียนบน X ของเธอ โดยอ้างอิงโพสต์ของมาริโอ นาฟัล นักสื่อสารมวลชื่อดังของสหรัฐ ก่อนหน้านี้ นิวยอร์กไทมส์เขียนว่าไบเดนอาจส่งอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาได้หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายคืนให้กับยูเครน โดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่หลายคนในรัฐบาลไบเดน "พวกเขากำลังเสนอแนวคิดในการส่งอาวุธนิวเคลียร์ที่ยึดมาได้หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายกลับคืนสู่ยูเครน นี่จะเป็นการยกระดับความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือยูเครนหรือไม่ หรือมีอะไรมากกว่านั้น" มาริโอ นาฟัล กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • #สิระปูดลุงป้อมต่อสายหาคนช่วยสามารถ
    เมื่อวานนี้ พบคลิปในโซเชียล
    สิระ เจนจาคะ อดีตองครักษ์พิทักษ์ลุงป้อม
    ได้เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองนั่งรับประทานอาหาร
    กับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ลุงป้อม โดยใช้ชื่อเรียกว่า คนบ้านป่า
    ติดต่อผู้ใหญ่คนดังกล่าว เพื่อขอให้หาทางช่วยสามารถ
    หลังโดนรวบเมื่อวานนี้ โดยผู้ดำเนินรายการสาวได้ถามว่า
    เพราะเหตุใด ที่ลุงบ้านป่า จึงต้องช่วยนายสามารถ
    นายสิระจึงชี้แจงว่า นายสามารถสร้างความบาดหมาง
    ให้กับคนในพรรค พลปชร หลายคน
    แต่ที่ลุงบ้านป่าต้องช่วย เพราะสามารถเคยลั่นวาจาไว้ว่า
    ถ้าตนโดน จะไม่ยอมพังคนเดียว จะพาลุงไปด้วย
    ซึ่งทางเพจคิงส์โพธิ์แดง ไม่สามารถยืนยันได้ว่า
    ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่
    แต่เป็นการนำเสนอข้อมูลจากคำพูดของนายสิระ
    ที่ปรากฏในโซเชียลเท่านั้น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สิระปูดลุงป้อมต่อสายหาคนช่วยสามารถ เมื่อวานนี้ พบคลิปในโซเชียล สิระ เจนจาคะ อดีตองครักษ์พิทักษ์ลุงป้อม ได้เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองนั่งรับประทานอาหาร กับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ลุงป้อม โดยใช้ชื่อเรียกว่า คนบ้านป่า ติดต่อผู้ใหญ่คนดังกล่าว เพื่อขอให้หาทางช่วยสามารถ หลังโดนรวบเมื่อวานนี้ โดยผู้ดำเนินรายการสาวได้ถามว่า เพราะเหตุใด ที่ลุงบ้านป่า จึงต้องช่วยนายสามารถ นายสิระจึงชี้แจงว่า นายสามารถสร้างความบาดหมาง ให้กับคนในพรรค พลปชร หลายคน แต่ที่ลุงบ้านป่าต้องช่วย เพราะสามารถเคยลั่นวาจาไว้ว่า ถ้าตนโดน จะไม่ยอมพังคนเดียว จะพาลุงไปด้วย ซึ่งทางเพจคิงส์โพธิ์แดง ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ แต่เป็นการนำเสนอข้อมูลจากคำพูดของนายสิระ ที่ปรากฏในโซเชียลเท่านั้น #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Haha
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • #สิระปูดลุงป้อมต่อสายหาคนช่วยสามารถ
    เมื่อวานนี้ พบคลิปในโซเชียล
    สิระ เจนจาคะ อดีตองครักษ์พิทักษ์ลุงป้อม
    ได้เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองนั่งรับประทานอาหาร
    กับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ลุงป้อม โดยใช้ชื่อเรียกว่า คนบ้านป่า
    ติดต่อผู้ใหญ่คนดังกล่าว เพื่อขอให้หาทางช่วยสามารถ
    หลังโดนรวบเมื่อวานนี้ โดยผู้ดำเนินรายการสาวได้ถามว่า
    เพราะเหตุใด ที่ลุงบ้านป่า จึงต้องช่วยนายสามารถ
    นายสิระจึงชี้แจงว่า นายสามารถสร้างความบาดหมาง
    ให้กับคนในพรรค พลปชร หลายคน
    แต่ที่ลุงบ้านป่าต้องช่วย เพราะสามารถเคยลั่นวาจาไว้ว่า
    ถ้าตนโดน จะไม่ยอมพังคนเดียว จะพาลุงไปด้วย
    ซึ่งทางเพจคิงส์โพธิ์แดง ไม่สามารถยืนยันได้ว่า
    ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่
    แต่เป็นการนำเสนอข้อมูลจากคำพูดของนายสิระ
    ที่ปรากฏในโซเชียลเท่านั้น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สิระปูดลุงป้อมต่อสายหาคนช่วยสามารถ เมื่อวานนี้ พบคลิปในโซเชียล สิระ เจนจาคะ อดีตองครักษ์พิทักษ์ลุงป้อม ได้เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองนั่งรับประทานอาหาร กับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ลุงป้อม โดยใช้ชื่อเรียกว่า คนบ้านป่า ติดต่อผู้ใหญ่คนดังกล่าว เพื่อขอให้หาทางช่วยสามารถ หลังโดนรวบเมื่อวานนี้ โดยผู้ดำเนินรายการสาวได้ถามว่า เพราะเหตุใด ที่ลุงบ้านป่า จึงต้องช่วยนายสามารถ นายสิระจึงชี้แจงว่า นายสามารถสร้างความบาดหมาง ให้กับคนในพรรค พลปชร หลายคน แต่ที่ลุงบ้านป่าต้องช่วย เพราะสามารถเคยลั่นวาจาไว้ว่า ถ้าตนโดน จะไม่ยอมพังคนเดียว จะพาลุงไปด้วย ซึ่งทางเพจคิงส์โพธิ์แดง ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ แต่เป็นการนำเสนอข้อมูลจากคำพูดของนายสิระ ที่ปรากฏในโซเชียลเท่านั้น #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 345 Views 12 0 Reviews
  • 25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • ไมค์ วอลซ์ บุคคลซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของเขา เผยยุทธศาสตร์ของคณะบริหารชุดที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง ในการจัดการกับการสู้รบขัดแย้งยูเครน ระบุทีมทรัมป์จะเริ่มต้นดำเนินการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับมอบงานในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
    .
    วอลซ์ ซึ่งปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์ โทรทัศน์ ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) ว่า เรื่องที่มีลำดับความสำคัญสูงเรื่องหนึ่งคือการจัดให้มีการพูดจากันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะนำทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมกันเจรจาเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ
    .
    “เราจำเป็นต้องหารือกันในเรื่องว่าใครจะเข้ามานั่งในโต๊ะเจรจานี้บ้าง มันจะเป็นการทำข้อตกลง (สันติภาพ) กัน หรือเป็นการตกลงหยุดยิงกัน จะใช้วิธีการยังไงในการทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา และจากนั้นก็คือขอบเขตของการทำความตกลงกันครั้งนี้” เขากล่าว
    .
    วอลซ์ยังย้ำถึงความสำคัญของการให้พวกพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปเข้ามีส่วนในกระบวนการนี้ “พันธมิตรและหุ้นส่วนของเราทั้งหมดจำเป็นต้องมาแบกรับภารกิจนี้” เขาย้ำ และสำทับว่า การแก้ไขการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ย้ำให้สัญญาว่า จะทำให้การสู้รบขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลงโดยรวดเร็ว และแสดงความกังวลที่สถานการณ์ลุกลาม ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดแผนการที่เขาจะดำเนินการ
    .
    การแสดงความคิดเห็นของ วอลซ์ ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยไกล อย่างระบบ อะแทคซิมส์ (ATACMS) โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนหมีขาว และมอสโกตอบโต้ด้วยการยิงระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางระบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “โอเรซนิก” โจมตีใส่ยูเครนในสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    วอลซ์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจเมื่อเร็วๆ นี้ของสหรัฐฯ ซึ่งกระทำโดยคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำไปสู่การสู้รบอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้น พร้อมกับพูดถึง สถานการณ์แนวหน้ายูเครนเวลานี้ว่า พวกที่อยู่ที่นั่นเหมือนตกอยู่ใน “เครื่องบดเนื้ออย่างแท้จริง”
    .
    วอลซ์ เป็นนายทหารปฏิบัติการพิเศษหน่วย “กรีน แบเรต์” ของสหรัฐฯที่เกษียณจากกองทัพขณะมียศพันเอก ก่อนหันมาเล่นการเมือง และได้ชื่อว่ามีแนวทางต่างประเทศสายเหยี่ยว เขาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมาโดยตลอด ทว่าขณะเดียวกันก็คัดค้านการเพิ่มความช่วยเหลือให้ยูเครนเช่นเดียวกับทรัมป์
    .
    ว่าที่ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯผู้นี้ แสดงความมั่นใจว่า คณะบริหารของทรัมป์จะทำให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนยุติลงอย่างรวดเร็วและอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนั้นก็สำทับว่า อเมริกาต้องฟื้นฟูยกระดับการป้องปรามและสันติภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้บานปลายขยายตัวในภายหลัง แทนที่จะเพียงแค่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
    .
    อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นที่จะยุติการสู้รบในยูเครน แต่ยังมีความเคลือบแคลงทั้งในอเมริกาและรัสเซีย ตัวอย่างเช่น วุฒิสมาชิกไมค์ ราวส์ สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกกับเคียฟ
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ก็คัดค้านตลอดมาต่อข้อเสนอให้ยูเครนยอมยกดินแดนให้รัสเซีย ถึงแม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยอมรับกับฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ยูเครนคงแพ้สงคราม ถ้าวอชิงตันยุติการสนับสนุน
    .
    นอกจากเรื่องยูเครนแล้ว วอลซ์ยังเปิดเผยในการพูดกับฟ็อกซ์ นิวส์คราวนี้ว่า เขาได้มีการหารือกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน และเตือนอริต่างชาติว่า อย่าคิดฉวยโอกาสระหว่างการถ่ายโอนอำนาจในสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์และของไบเดนขณะนี้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
    .
    วอลซ์ยังยกย่องความเข้มแข็งและความพยายามของอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาไปอย่างน้อยเกือบๆ 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่จะร่างแผนการซึ่งไม่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้วที่ฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา แต่ต้องนำเสถียรภาพมาสู่ตะวันออกกลางอย่างแท้จริง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113496
    ..............
    Sondhi X
    ไมค์ วอลซ์ บุคคลซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของเขา เผยยุทธศาสตร์ของคณะบริหารชุดที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง ในการจัดการกับการสู้รบขัดแย้งยูเครน ระบุทีมทรัมป์จะเริ่มต้นดำเนินการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับมอบงานในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า . วอลซ์ ซึ่งปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์ โทรทัศน์ ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) ว่า เรื่องที่มีลำดับความสำคัญสูงเรื่องหนึ่งคือการจัดให้มีการพูดจากันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะนำทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมกันเจรจาเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ . “เราจำเป็นต้องหารือกันในเรื่องว่าใครจะเข้ามานั่งในโต๊ะเจรจานี้บ้าง มันจะเป็นการทำข้อตกลง (สันติภาพ) กัน หรือเป็นการตกลงหยุดยิงกัน จะใช้วิธีการยังไงในการทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา และจากนั้นก็คือขอบเขตของการทำความตกลงกันครั้งนี้” เขากล่าว . วอลซ์ยังย้ำถึงความสำคัญของการให้พวกพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปเข้ามีส่วนในกระบวนการนี้ “พันธมิตรและหุ้นส่วนของเราทั้งหมดจำเป็นต้องมาแบกรับภารกิจนี้” เขาย้ำ และสำทับว่า การแก้ไขการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ย้ำให้สัญญาว่า จะทำให้การสู้รบขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลงโดยรวดเร็ว และแสดงความกังวลที่สถานการณ์ลุกลาม ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดแผนการที่เขาจะดำเนินการ . การแสดงความคิดเห็นของ วอลซ์ ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยไกล อย่างระบบ อะแทคซิมส์ (ATACMS) โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนหมีขาว และมอสโกตอบโต้ด้วยการยิงระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางระบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “โอเรซนิก” โจมตีใส่ยูเครนในสัปดาห์ที่แล้ว . วอลซ์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจเมื่อเร็วๆ นี้ของสหรัฐฯ ซึ่งกระทำโดยคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำไปสู่การสู้รบอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้น พร้อมกับพูดถึง สถานการณ์แนวหน้ายูเครนเวลานี้ว่า พวกที่อยู่ที่นั่นเหมือนตกอยู่ใน “เครื่องบดเนื้ออย่างแท้จริง” . วอลซ์ เป็นนายทหารปฏิบัติการพิเศษหน่วย “กรีน แบเรต์” ของสหรัฐฯที่เกษียณจากกองทัพขณะมียศพันเอก ก่อนหันมาเล่นการเมือง และได้ชื่อว่ามีแนวทางต่างประเทศสายเหยี่ยว เขาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมาโดยตลอด ทว่าขณะเดียวกันก็คัดค้านการเพิ่มความช่วยเหลือให้ยูเครนเช่นเดียวกับทรัมป์ . ว่าที่ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯผู้นี้ แสดงความมั่นใจว่า คณะบริหารของทรัมป์จะทำให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนยุติลงอย่างรวดเร็วและอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนั้นก็สำทับว่า อเมริกาต้องฟื้นฟูยกระดับการป้องปรามและสันติภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้บานปลายขยายตัวในภายหลัง แทนที่จะเพียงแค่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น . อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นที่จะยุติการสู้รบในยูเครน แต่ยังมีความเคลือบแคลงทั้งในอเมริกาและรัสเซีย ตัวอย่างเช่น วุฒิสมาชิกไมค์ ราวส์ สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกกับเคียฟ . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ก็คัดค้านตลอดมาต่อข้อเสนอให้ยูเครนยอมยกดินแดนให้รัสเซีย ถึงแม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยอมรับกับฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ยูเครนคงแพ้สงคราม ถ้าวอชิงตันยุติการสนับสนุน . นอกจากเรื่องยูเครนแล้ว วอลซ์ยังเปิดเผยในการพูดกับฟ็อกซ์ นิวส์คราวนี้ว่า เขาได้มีการหารือกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน และเตือนอริต่างชาติว่า อย่าคิดฉวยโอกาสระหว่างการถ่ายโอนอำนาจในสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์และของไบเดนขณะนี้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด . วอลซ์ยังยกย่องความเข้มแข็งและความพยายามของอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาไปอย่างน้อยเกือบๆ 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่จะร่างแผนการซึ่งไม่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้วที่ฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา แต่ต้องนำเสถียรภาพมาสู่ตะวันออกกลางอย่างแท้จริง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113496 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 553 Views 0 Reviews
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • ช็อก! ผู้สมัครโปรรัสเซียคว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังปลุกกระแสต่อต้านนาโต้-ยูเครน

    Calin Georgescu ผู้สมัครอิสระฝ่ายขวาจัดที่สนับสนุนรัสเซีย นำคะแนนอย่างน่าประหลาดใจในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังนับคะแนนกว่า 99% ได้ 23% ตามด้วย Elena Lasconi จากพรรคกลางขวา Save Romania Union และนายกรัฐมนตรี Marcel Ciolacu ที่เคยเป็นตัวเต็ง

    ชัยชนะของ Georgescu ที่รณรงค์ผ่าน TikTok ด้วยสโลแกน "คืนศักดิ์ศรีให้ชาติโรมาเนีย" สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เพราะโพลก่อนหน้านี้ให้คะแนนเพียง 5% สื่อรัสเซียต้อนรับผลดังกล่าวอย่างอบอุ่น โดยเขาเคยประณามฐานต่อต้านขีปนาวุธนาโตในโรมาเนียว่าเป็น "ความอัปยศ"

    การเลือกตั้งครั้งนี้เน้นประเด็นค่าครองชีพที่พุ่งสูง โดยโรมาเนียมีสัดส่วนประชากรเสี่ยงยากจนสูงสุดในสหภาพยุโรป และความไม่พอใจต่อการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยยูเครน โดย Lasconi มีคะแนนนำ Ciolacu เพียง 2,000 คะแนน และจะเข้าชิงรอบสุดท้ายกับ Georgescu วันที่ 8 ธันวาคม ท่ามกลางความกังวลว่าผู้สนับสนุนพรรคสังคมประชาธิปไตยในชนบทจะไม่ยอมรับแนวคิดเสรีนิยมก้าวหน้าของ Lasconi
    .
    https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/375438628928783/
    ช็อก! ผู้สมัครโปรรัสเซียคว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังปลุกกระแสต่อต้านนาโต้-ยูเครน Calin Georgescu ผู้สมัครอิสระฝ่ายขวาจัดที่สนับสนุนรัสเซีย นำคะแนนอย่างน่าประหลาดใจในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังนับคะแนนกว่า 99% ได้ 23% ตามด้วย Elena Lasconi จากพรรคกลางขวา Save Romania Union และนายกรัฐมนตรี Marcel Ciolacu ที่เคยเป็นตัวเต็ง ชัยชนะของ Georgescu ที่รณรงค์ผ่าน TikTok ด้วยสโลแกน "คืนศักดิ์ศรีให้ชาติโรมาเนีย" สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เพราะโพลก่อนหน้านี้ให้คะแนนเพียง 5% สื่อรัสเซียต้อนรับผลดังกล่าวอย่างอบอุ่น โดยเขาเคยประณามฐานต่อต้านขีปนาวุธนาโตในโรมาเนียว่าเป็น "ความอัปยศ" การเลือกตั้งครั้งนี้เน้นประเด็นค่าครองชีพที่พุ่งสูง โดยโรมาเนียมีสัดส่วนประชากรเสี่ยงยากจนสูงสุดในสหภาพยุโรป และความไม่พอใจต่อการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยยูเครน โดย Lasconi มีคะแนนนำ Ciolacu เพียง 2,000 คะแนน และจะเข้าชิงรอบสุดท้ายกับ Georgescu วันที่ 8 ธันวาคม ท่ามกลางความกังวลว่าผู้สนับสนุนพรรคสังคมประชาธิปไตยในชนบทจะไม่ยอมรับแนวคิดเสรีนิยมก้าวหน้าของ Lasconi . https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/375438628928783/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • เผยเหตุพรรควอดวาย พ่ายยับ4สนาม ศึกเลือกตั้ง นายก อบจ.
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    เผยเหตุพรรควอดวาย พ่ายยับ4สนาม ศึกเลือกตั้ง นายก อบจ. #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 503 Views 17 0 Reviews
  • รอง ผบช.ก.เผย"สามารถ"ใช้บัญชีม้ารับโอนเงินนับร้อยล้าน กองปราบบุกสอบบอสดิไอคอนในเรือนจำ เตรียมพิจารณาขอหมายเรียก-หมายจับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ"

    วันนี้ (25 พ.ย. ) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จับกุม นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และมารดาในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีเงินเข้าบัญชี นายสามารถ รวมกว่า 110 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีเงิน 3 ล้านบาท ที่มาจาก “ดิไอคอน” ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีที่ นายสามารถดูแล และในบางส่วนถูกโอนไปยังบัญชีของมารดา ก่อนเงินจำนวนดังกล่าวจะส่งต่อกลับมายังบัญชี นายสามารถ อีกครั้ง

    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่านอกจากนี้ ยังตรวจพบเส้นเงินใหม่มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่มาจากบุคคล 9-10 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาของเงินดังกล่าว เนื่องจากมีการโอนเงินผ่านบัญชีอื่นหลายขั้นตอนก่อนจะถึงปลายทางที่บัญชี นายสามารถ เบื้องต้นเชื่อว่าเงินเหล่านี้อาจมีที่มาจากแหล่งเงินสีเทา แต่ยังคงต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม

    "ในช่วงปีใหม่นี้ผมเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญให้บรรดา อินฟลูเอนเซอร์ นักร้อง คนดัง และผู้ดูแลเพจโซเชียลต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี โดยจะส่งทุกคนไปพักห้องวีไอพีในเรือนจำ หากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000113316

    #MGROnline #สามารถ #บัญชีม้า #ฟิล์มรัฐภูมิ
    รอง ผบช.ก.เผย"สามารถ"ใช้บัญชีม้ารับโอนเงินนับร้อยล้าน กองปราบบุกสอบบอสดิไอคอนในเรือนจำ เตรียมพิจารณาขอหมายเรียก-หมายจับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" • วันนี้ (25 พ.ย. ) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จับกุม นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และมารดาในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีเงินเข้าบัญชี นายสามารถ รวมกว่า 110 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีเงิน 3 ล้านบาท ที่มาจาก “ดิไอคอน” ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีที่ นายสามารถดูแล และในบางส่วนถูกโอนไปยังบัญชีของมารดา ก่อนเงินจำนวนดังกล่าวจะส่งต่อกลับมายังบัญชี นายสามารถ อีกครั้ง • พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่านอกจากนี้ ยังตรวจพบเส้นเงินใหม่มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่มาจากบุคคล 9-10 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาของเงินดังกล่าว เนื่องจากมีการโอนเงินผ่านบัญชีอื่นหลายขั้นตอนก่อนจะถึงปลายทางที่บัญชี นายสามารถ เบื้องต้นเชื่อว่าเงินเหล่านี้อาจมีที่มาจากแหล่งเงินสีเทา แต่ยังคงต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม • "ในช่วงปีใหม่นี้ผมเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญให้บรรดา อินฟลูเอนเซอร์ นักร้อง คนดัง และผู้ดูแลเพจโซเชียลต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี โดยจะส่งทุกคนไปพักห้องวีไอพีในเรือนจำ หากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000113316 • #MGROnline #สามารถ #บัญชีม้า #ฟิล์มรัฐภูมิ
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • ♣ พรรคประชาชน พ่าย21 ศึก มิใช่ล้มเหลวธรรมดา แต่ "ล้มเหลวเป็นปกติธุระ"
    #7ดอกจิก
    ♣ พรรคประชาชน พ่าย21 ศึก มิใช่ล้มเหลวธรรมดา แต่ "ล้มเหลวเป็นปกติธุระ" #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • คนนครศรีธรรมราช สั่งสอนแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมรัฐบาลกับทักษิณ-เพื่อไทย

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #พรรคประชาธิปัตย์ #บ้านใหญ่นครฯ #บ้านใหญ่เดชเดโช
    คนนครศรีธรรมราช สั่งสอนแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมรัฐบาลกับทักษิณ-เพื่อไทย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #พรรคประชาธิปัตย์ #บ้านใหญ่นครฯ #บ้านใหญ่เดชเดโช
    Like
    Haha
    11
    0 Comments 1 Shares 874 Views 74 2 Reviews
  • สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44
    .
    สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล
    .
    วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้
    .
    โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่
    .
    สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง
    .
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว
    .
    นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่
    ........
    Sondhi X
    สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44 . สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล . วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้ . โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่ . สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง . “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว . นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่ ........ Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    12
    1 Comments 0 Shares 758 Views 0 Reviews
  • #สามารถคือใคร
    #เห็นละหลายคนงงว่าไอ่เสื้อดำนี้ใครฟร๊ะ
    ชื่อสามารถ สามารถไหนฟร๊ะ
    แล้วเกี่ยวอารายกับดิไอค่อน
    เอาจริงๆ เกี่ยวแม่มมแทบทุกวงการ
    ตอนนี้ตามตัวไม่เจอ เจอแต่แม่ แม่โดนด้วย
    ตัวฟอก ตัวดาร์ค ตัวตบ ครบในที่เดียว
    เดี๋ยวเล่าวีระกรรมเรียงให้
    1. คนนี้แหละ ที่เป็นตัวสำคัญ เข้าไปในพรรค พลปชร ทีหลัง แต่เป็นคนมีทักษะเรื่องการประจบนาย ชนิดที่ ขนาดเสี่ยแป้งยังกระเด็ด คิดเอา และเป็นตัวปั่นในพรรค จนทำให้ ผู้จงรักภักดีลุงเผ่นแนบ
    2. เป็นตัวที่ชอบอ้างชื่อลุงป้อม ในการกระทำเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ แทรกซึ่มในกระทรวง หน่วยงานต่างๆ โดยใช้ชื่อลุงเป็นใบเบิกทาง
    3. เป็นตัวที่อ้างว่า เชื่อม สส.แดง และสส.ส้มได้ และเบิกลุงไปจ่าย พรรคส้มหัวละแสน พรรคแดงหัวละล้าน โดยรับปากลุงว่าถ้าเปย์แบบนี้ ตอนลงโหวตเลือกนายก ลุงได้เป็นแน่นวล แต่หารู้มั๊ย จ่ายไปแสนจ่ายห้าหมื่น จ่ายไปล้าน จ่ายห้าแสน และบรรดาระดับหัวของส้มและแดง เค้าก็ปล่อยให้เปย์ไปดิ ลูกพรรคได้ค่าขนมฟรีๆ ใครไม่เอา ลุงเจ๊งง สามารถ รวยเอารวยเอา ซึ่งลุงโมโหมากที่นักข่าวมาถามจี้ใจดำเรื่องผลโหวต
    4. ต้องบอกว่า การเดินเกมส์ของลุง เริ่มเป๋ เซ หลงทิศก็ตั้งแต่ลุงได้เลื่อนลำดับความสำคัญให้สามารถมาเป็นเบอร์หนึ่ง ไม่รู้สามารถใช้วิธีไหน เหมือนลุงกลายเป็นคนในคาถา สามารถ หยิบฉวยชื่อลุงไปใช้อย่างไม่กระดาก
    5. จำเสียงคนที่บอสพอลอัดเสียงไว้ป่าว ที่บอกว่า ฟิล์มจ่ายเดือนละแสน มันเล่นเล็กไป พอลต้องเล่นให้ใหญ่ ดูแลดีกว่านี้ แล้วบอสพอลจะเหมือนทานอส อยากได้อะไร ดีดนิ้วได้หมด ก็เสียงตานี่นี่แหละ
    6. ทุกคน คงรู้จักนังพัต ใช่ป่ะ ที่เพิ่งเข้าซรังเตไปไม่กี่วันที่ผ่านมา นังพัต ดิลงานกับสามารถนี่แหละ ที่เวลาอ้าง ผู้ใหญ่อะไร เรียกว่าศีลเสมอกันที่สุดแล้ว พัต สามารถ
    ดังนั้น นี่คือตัวสำคัญ ที่มีความเกี่ยวพันกับอีกหลายวงการ
    รอบนี้ โดนเรื่องฟอกด้วย รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สามารถคือใคร #เห็นละหลายคนงงว่าไอ่เสื้อดำนี้ใครฟร๊ะ ชื่อสามารถ สามารถไหนฟร๊ะ แล้วเกี่ยวอารายกับดิไอค่อน เอาจริงๆ เกี่ยวแม่มมแทบทุกวงการ ตอนนี้ตามตัวไม่เจอ เจอแต่แม่ แม่โดนด้วย ตัวฟอก ตัวดาร์ค ตัวตบ ครบในที่เดียว เดี๋ยวเล่าวีระกรรมเรียงให้ 1. คนนี้แหละ ที่เป็นตัวสำคัญ เข้าไปในพรรค พลปชร ทีหลัง แต่เป็นคนมีทักษะเรื่องการประจบนาย ชนิดที่ ขนาดเสี่ยแป้งยังกระเด็ด คิดเอา และเป็นตัวปั่นในพรรค จนทำให้ ผู้จงรักภักดีลุงเผ่นแนบ 2. เป็นตัวที่ชอบอ้างชื่อลุงป้อม ในการกระทำเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ แทรกซึ่มในกระทรวง หน่วยงานต่างๆ โดยใช้ชื่อลุงเป็นใบเบิกทาง 3. เป็นตัวที่อ้างว่า เชื่อม สส.แดง และสส.ส้มได้ และเบิกลุงไปจ่าย พรรคส้มหัวละแสน พรรคแดงหัวละล้าน โดยรับปากลุงว่าถ้าเปย์แบบนี้ ตอนลงโหวตเลือกนายก ลุงได้เป็นแน่นวล แต่หารู้มั๊ย จ่ายไปแสนจ่ายห้าหมื่น จ่ายไปล้าน จ่ายห้าแสน และบรรดาระดับหัวของส้มและแดง เค้าก็ปล่อยให้เปย์ไปดิ ลูกพรรคได้ค่าขนมฟรีๆ ใครไม่เอา ลุงเจ๊งง สามารถ รวยเอารวยเอา ซึ่งลุงโมโหมากที่นักข่าวมาถามจี้ใจดำเรื่องผลโหวต 4. ต้องบอกว่า การเดินเกมส์ของลุง เริ่มเป๋ เซ หลงทิศก็ตั้งแต่ลุงได้เลื่อนลำดับความสำคัญให้สามารถมาเป็นเบอร์หนึ่ง ไม่รู้สามารถใช้วิธีไหน เหมือนลุงกลายเป็นคนในคาถา สามารถ หยิบฉวยชื่อลุงไปใช้อย่างไม่กระดาก 5. จำเสียงคนที่บอสพอลอัดเสียงไว้ป่าว ที่บอกว่า ฟิล์มจ่ายเดือนละแสน มันเล่นเล็กไป พอลต้องเล่นให้ใหญ่ ดูแลดีกว่านี้ แล้วบอสพอลจะเหมือนทานอส อยากได้อะไร ดีดนิ้วได้หมด ก็เสียงตานี่นี่แหละ 6. ทุกคน คงรู้จักนังพัต ใช่ป่ะ ที่เพิ่งเข้าซรังเตไปไม่กี่วันที่ผ่านมา นังพัต ดิลงานกับสามารถนี่แหละ ที่เวลาอ้าง ผู้ใหญ่อะไร เรียกว่าศีลเสมอกันที่สุดแล้ว พัต สามารถ ดังนั้น นี่คือตัวสำคัญ ที่มีความเกี่ยวพันกับอีกหลายวงการ รอบนี้ โดนเรื่องฟอกด้วย รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 542 Views 8 0 Reviews
  • “เบนนี แกนต์” ผู้นำพรรคเอกภาพแห่งชาติ และเคยเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล ก่อนจะถอนตัวออกมาเพราะความขัดแย้งกับเนทันยาฮู กล่าวหาว่ารัฐบาลเลบานอนอยู่เบื้องหลังในการให้อำนาจแก่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์

    แกนต์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลตอบโต้อย่างรุนแรงและแข็งกร้าวมากกว่าเดิม โดยเน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรของฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน (ซึ่งก็คือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเลบานอนนั่นเอง)

    “รัฐบาลเลบานอนให้เสรีภาพแก่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในการดำเนินการ และถึงเวลาที่จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับทรัพย์สินของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์”
    “เบนนี แกนต์” ผู้นำพรรคเอกภาพแห่งชาติ และเคยเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล ก่อนจะถอนตัวออกมาเพราะความขัดแย้งกับเนทันยาฮู กล่าวหาว่ารัฐบาลเลบานอนอยู่เบื้องหลังในการให้อำนาจแก่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แกนต์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลตอบโต้อย่างรุนแรงและแข็งกร้าวมากกว่าเดิม โดยเน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรของฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน (ซึ่งก็คือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเลบานอนนั่นเอง) “รัฐบาลเลบานอนให้เสรีภาพแก่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในการดำเนินการ และถึงเวลาที่จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับทรัพย์สินของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์”
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • ธรณีสงฆ์อัลไพน์ถึงเขากระโดงในเกมการเมือง.การออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงในช่วงนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ .จู่ๆ หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไปลงนามข้อตกลงกับกัมพูชาหลายเรื่อง ในการนำผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไปประชุมกัมพูชานั้น ในข้อที่ 8 ของข้อตกลง มีข้อความชัดเจนว่ารัฐบาลของสองประเทศจะเร่งรัดคณะกรรมการปักปันเขตแดนเจรจาทำการปักปันเขตแดนกันต่อไปโดยเร็ว ข้อตกลงดังกล่าวจึงกระเทือนแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างร้ายแรง .แผลลึกแผลนี้ยังไม่ทันสมาน ก็เกิดแผลสองขึ้น จู่ๆ กระทรวงมหาดไทยในอำนาจของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย มีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินมรดก "ยายเนื่อม" เสียทั้งสิ้น ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองทางกฎหมาย เป็นผลทำให้บรรดาผู้ที่ซื้อที่ดินและบ้านหลายร้อยราย รวมทั้งบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ ซึ่งเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ เป็นกรรมการมาก่อน ต้องอยู่ภายใต้การบังคับของกฎหมายที่ต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งนี้เสียภายใน 90 วัน มิฉะนั้นแล้วจะถือว่าเป็นอันยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ จะเป็นผลทำให้นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ต้องตกเก้าอี้และยังถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต.แผลใจแผลนี้นับว่าเจ็บมาก ดังนั้น ไม่ถึง 3 วันต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าคำพิพากษาคดีเขากระโดงของศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่สุดแล้ว ผูกพันทุกส่วนราชการที่จะต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ให้เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยตามคำพิพากษานั้น เป็นการแถลงกระทบถึงใครที่กำลังสั่งการอธิบดีกรมที่ดินอย่างแน่นอน.พอ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงไม่ขาดคำ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที ว่าได้มีคำสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการตามคำพิพากษา เข้าครอบครองที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นของการรถไฟฯ ตามคำพิพากษา.เมื่อสองรัฐมนตรีแถลงไปในแนวทางเดียวกัน ย่อมกระเทือนกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน ท่ามกลางเสียงเฮ และความทุเรศทุรังที่ประชาชนมีต่อกระทรวงมหาดไทย.วันถัดมา นายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รีบออกมาแถลง แถว่าจะไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เขากระโดง หมายความว่าที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการรถไฟ และรัชกาลที่ 6 ได้ตราพระราชกฤษฎีกามอบที่ดินนี้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม .มีประเด็นหนึ่งที่น่าสงสัย คือ ท่าทีขึงขังและแข็งกร้าวของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการเล่นสงครามประสาททางการเมืองหรือเปล่า พุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทยโดยตรง เนื่องจากเวลานี้พรรคภูมิใจไทยเอง อยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ขี่คอพรรคเพื่อไทยอยู่ ยิ่งพรรคภูมิใจไทยใหญ่คับรัฐบาลมากเท่าไร พรรคเพื่อไทยก็ต้องตกที่นั่งลำบากเท่านั้น.ไม่ทราบว่าท่านรองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับทราบปัญหานี้หรือเปล่า เพราะคุณเองเป็นคนที่อยู่นอกวงการ แต่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ จุลจอมเกล้า นี่คุณกำลังตบหน้าพระราชกฤษฎีกาที่รัชกาลที่ 6 ออกมาประกาศว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
    ธรณีสงฆ์อัลไพน์ถึงเขากระโดงในเกมการเมือง.การออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงในช่วงนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ .จู่ๆ หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไปลงนามข้อตกลงกับกัมพูชาหลายเรื่อง ในการนำผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไปประชุมกัมพูชานั้น ในข้อที่ 8 ของข้อตกลง มีข้อความชัดเจนว่ารัฐบาลของสองประเทศจะเร่งรัดคณะกรรมการปักปันเขตแดนเจรจาทำการปักปันเขตแดนกันต่อไปโดยเร็ว ข้อตกลงดังกล่าวจึงกระเทือนแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่างร้ายแรง .แผลลึกแผลนี้ยังไม่ทันสมาน ก็เกิดแผลสองขึ้น จู่ๆ กระทรวงมหาดไทยในอำนาจของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย มีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินมรดก "ยายเนื่อม" เสียทั้งสิ้น ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองทางกฎหมาย เป็นผลทำให้บรรดาผู้ที่ซื้อที่ดินและบ้านหลายร้อยราย รวมทั้งบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ ซึ่งเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ เป็นกรรมการมาก่อน ต้องอยู่ภายใต้การบังคับของกฎหมายที่ต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งนี้เสียภายใน 90 วัน มิฉะนั้นแล้วจะถือว่าเป็นอันยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ จะเป็นผลทำให้นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ต้องตกเก้าอี้และยังถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต.แผลใจแผลนี้นับว่าเจ็บมาก ดังนั้น ไม่ถึง 3 วันต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าคำพิพากษาคดีเขากระโดงของศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่สุดแล้ว ผูกพันทุกส่วนราชการที่จะต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ให้เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยตามคำพิพากษานั้น เป็นการแถลงกระทบถึงใครที่กำลังสั่งการอธิบดีกรมที่ดินอย่างแน่นอน.พอ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงไม่ขาดคำ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที ว่าได้มีคำสั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการตามคำพิพากษา เข้าครอบครองที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นของการรถไฟฯ ตามคำพิพากษา.เมื่อสองรัฐมนตรีแถลงไปในแนวทางเดียวกัน ย่อมกระเทือนกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน ท่ามกลางเสียงเฮ และความทุเรศทุรังที่ประชาชนมีต่อกระทรวงมหาดไทย.วันถัดมา นายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รีบออกมาแถลง แถว่าจะไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เขากระโดง หมายความว่าที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการรถไฟ และรัชกาลที่ 6 ได้ตราพระราชกฤษฎีกามอบที่ดินนี้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ซ้ำเข้าไปอีก เป็นอันว่าใช้บังคับไม่ได้ ท่านผู้ชมว่ามันทุเรศไหม .มีประเด็นหนึ่งที่น่าสงสัย คือ ท่าทีขึงขังและแข็งกร้าวของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการเล่นสงครามประสาททางการเมืองหรือเปล่า พุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทยโดยตรง เนื่องจากเวลานี้พรรคภูมิใจไทยเอง อยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ขี่คอพรรคเพื่อไทยอยู่ ยิ่งพรรคภูมิใจไทยใหญ่คับรัฐบาลมากเท่าไร พรรคเพื่อไทยก็ต้องตกที่นั่งลำบากเท่านั้น.ไม่ทราบว่าท่านรองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับทราบปัญหานี้หรือเปล่า เพราะคุณเองเป็นคนที่อยู่นอกวงการ แต่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ จุลจอมเกล้า นี่คุณกำลังตบหน้าพระราชกฤษฎีกาที่รัชกาลที่ 6 ออกมาประกาศว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 420 Views 0 Reviews
  • วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน "ลินด์เซย์ เกรแฮม" ออกมาเปิดเผยอีกครั้งว่า เหตุผลประการหนึ่งที่สหรัฐก่อสงครามในยูเครนก็คือแร่หายากในดอนบาส ของยูเครน ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากกว่าที่ใดในโลก:

    "โดนัลด์ ทรัมป์กำลังจะทำข้อตกลงเพื่อผลประโยชน์เกี่ยวกับแร่ธาตุหายากของยูเครนให้กับประเทศเรา ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ดีสำหรับทั้งยูเครนและสหรัฐ"

    หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ลองเดาดูว่าใครจะได้ประโยชน์สูงสุด --> ดูรูปภาพประกอบ
    วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน "ลินด์เซย์ เกรแฮม" ออกมาเปิดเผยอีกครั้งว่า เหตุผลประการหนึ่งที่สหรัฐก่อสงครามในยูเครนก็คือแร่หายากในดอนบาส ของยูเครน ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากกว่าที่ใดในโลก: "โดนัลด์ ทรัมป์กำลังจะทำข้อตกลงเพื่อผลประโยชน์เกี่ยวกับแร่ธาตุหายากของยูเครนให้กับประเทศเรา ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ดีสำหรับทั้งยูเครนและสหรัฐ" หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ลองเดาดูว่าใครจะได้ประโยชน์สูงสุด --> ดูรูปภาพประกอบ
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • #บางปะหัน #เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ #พรรคภูมิใจไทย รีบรุดรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านถนนพัง 10 ปี ไร้การแก้ไข

    https://www.facebook.com/share/15Mw37aZZo
    #บางปะหัน #เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ #พรรคภูมิใจไทย รีบรุดรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านถนนพัง 10 ปี ไร้การแก้ไข https://www.facebook.com/share/15Mw37aZZo
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พรรคภูมิใจไทย รีบรุดรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านถนนพัง 10 ปี ไร้การแก้ไข

    https://youtu.be/L8zC3asmywk
    เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พรรคภูมิใจไทย รีบรุดรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านถนนพัง 10 ปี ไร้การแก้ไข https://youtu.be/L8zC3asmywk
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • #ประสบการณ์ขนลุก# สัก 17 ปีก่อน ..ผู้เขียนได้ไปฉลองปีใหม่ ที่ อ.ดอยสะเก็ด กับพรรคพวก ที่ไปจากกรุงเทพฯจำนวนนึง...ขับรถจากกรุงเทพ ถึง รีสอร์ท ตี 4 กว่า..เราก็เข้าห้อง เป็นบ้านหลัง มี 2 ชั้น..มีหลายห้องนอน..เราก็เลือกนอนชั้นล่าง เพราะขี้เกียจขึ้นแล้ว ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง...เอนตัวนอน...ประสาทค้าง...คือ ระวังมาตลอดทาง...ใครขับรถทางไกล จะทราบความรู้สึกนี้...นอนไปสักพัก มีเสียงกระดานไม้ลั่น เหมือนมีคนเดินอยู่บนหัวเรา...ก็เดินไปหาเพื่อนที่มาด้วยกัน ที่เขาอยู่ห้องถัดไป..ข้างล่างเหมือนกัน...มากันแค่ 2 คน...ที่เหลือตามมาทีหลังจองบ้านไว้ 3 หลัง...เราก็ถามเขาบอก มีคนมาเพิ่มแล้วก็เหรอ...เขาก็บอก...ไม่มีนะ..เราก็ถามต่อ...เมื่อกี้ขึ้นไปข้างบนเหรอ...เขาบอกปล่าว...อาบน้ำเพิ่งเสร็จ...เอาละ ความสงสัยเริ่มเกิด...แต่คิด เข้าค่อยว่ากัน...ก็เดินกลับห้องไปนอน...สักพักเดียว มีเสียงไม้เสียดสีกันอีก...บนหัวเรา เหมือนมีคนเดิน (ลืมบอกไป เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง) ...เราก็คิดเออ..เช้าค่อยว่ากัน...พอตื่นมา..เดินขึ้นไปสำรวจ...สิ่งที่เจอ...มีโกฏิกระดูกเล็กๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้า....เราก็นึก...ทำไมเอามาไว้ที่นี่ ไม่เก็บที่อื่น...แล้วก็ตั้งใจแล้วว่าคืนนี้ เราไม่นอนนี่แน่ กลับไปนอนในเมืองดีกว่า (อ่อในเมืองมีบ้านพักของญาติกันอยู่) ...ก็กินดื่มกันไปยาวจน เราก็เล่าเรื่องเช้ามืดให้ฟัง..แต่ไม่มีใครเชื่อ..จนถึง พอ countdown เสร็จ เที่ยงคืนกว่า..เราบอกขอลงไปนอนในเมือง...ก็ขับรถออกมา...ใครเคยไปดอยสะเก็ดจะทราบว่า ลักษณะจะโค้ง ตามภูเขา...ก็ขับไป...พอออกจากโค้ง เจอศาลเพียงตา..ตั้งอยู่ก็ไม่คิดอะไร....ก็ขับต่อไปอีกสัก 5 นาที...หลุดโค้งมาก็เจอศาลเพียงตาอีก..ก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร...ทีนี้ รอบที่ 3 ....เฮ้ย ศาลเพียงตา มันอันเดิมนี่......ไม่ปกติแล้ว...เราเอาสร้อยพระที่คอ...มากำแล้วบอกว่า ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองข้าพเจ้า...เปิดทางให้ที....!! ...อีกแค่เพียง 2 นาที ก็ถึงถนนหลัก...มีไฟถนนชัดเจน...เราก็ดูเวลา...ตั้งแต่จากรีสอร์ทเราใช้เวลาไป 30 กว่านาที...ทั้งๆที่ตอนขาขึ้นไป เราใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาที....กำหนดการคือ อยู่กัน สองคืน...รวมทั้งคณะ น่าจะประมาณ 10 คน...พอผ่านคืนแรก ..รุ่งขึ้นก็ไปนัดกินข้าวกันในเมือง...เขารีบบอกเลย...ย้ายกันออกมาหมดแล้ว ลงมานอนในเมือง...เราถามเจออะไร? ...เขาบอก..หลายอย่าง..แต่กลับกรุงเทพค่อยเล่า..(แต่หลังจากดลับมาก็ลืมถาม).สรุปบ้าน 3 หลัง ที่จอง 2 คืน..ทิ้งหมด เสียเงินฟรี...#ประสบการณ์ตรงที่เกิดกับตนเอง..
    #ประสบการณ์ขนลุก# สัก 17 ปีก่อน ..ผู้เขียนได้ไปฉลองปีใหม่ ที่ อ.ดอยสะเก็ด กับพรรคพวก ที่ไปจากกรุงเทพฯจำนวนนึง...ขับรถจากกรุงเทพ ถึง รีสอร์ท ตี 4 กว่า..เราก็เข้าห้อง เป็นบ้านหลัง มี 2 ชั้น..มีหลายห้องนอน..เราก็เลือกนอนชั้นล่าง เพราะขี้เกียจขึ้นแล้ว ขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง...เอนตัวนอน...ประสาทค้าง...คือ ระวังมาตลอดทาง...ใครขับรถทางไกล จะทราบความรู้สึกนี้...นอนไปสักพัก มีเสียงกระดานไม้ลั่น เหมือนมีคนเดินอยู่บนหัวเรา...ก็เดินไปหาเพื่อนที่มาด้วยกัน ที่เขาอยู่ห้องถัดไป..ข้างล่างเหมือนกัน...มากันแค่ 2 คน...ที่เหลือตามมาทีหลังจองบ้านไว้ 3 หลัง...เราก็ถามเขาบอก มีคนมาเพิ่มแล้วก็เหรอ...เขาก็บอก...ไม่มีนะ..เราก็ถามต่อ...เมื่อกี้ขึ้นไปข้างบนเหรอ...เขาบอกปล่าว...อาบน้ำเพิ่งเสร็จ...เอาละ ความสงสัยเริ่มเกิด...แต่คิด เข้าค่อยว่ากัน...ก็เดินกลับห้องไปนอน...สักพักเดียว มีเสียงไม้เสียดสีกันอีก...บนหัวเรา เหมือนมีคนเดิน (ลืมบอกไป เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง) ...เราก็คิดเออ..เช้าค่อยว่ากัน...พอตื่นมา..เดินขึ้นไปสำรวจ...สิ่งที่เจอ...มีโกฏิกระดูกเล็กๆ อยู่ในตู้เสื้อผ้า....เราก็นึก...ทำไมเอามาไว้ที่นี่ ไม่เก็บที่อื่น...แล้วก็ตั้งใจแล้วว่าคืนนี้ เราไม่นอนนี่แน่ กลับไปนอนในเมืองดีกว่า (อ่อในเมืองมีบ้านพักของญาติกันอยู่) ...ก็กินดื่มกันไปยาวจน เราก็เล่าเรื่องเช้ามืดให้ฟัง..แต่ไม่มีใครเชื่อ..จนถึง พอ countdown เสร็จ เที่ยงคืนกว่า..เราบอกขอลงไปนอนในเมือง...ก็ขับรถออกมา...ใครเคยไปดอยสะเก็ดจะทราบว่า ลักษณะจะโค้ง ตามภูเขา...ก็ขับไป...พอออกจากโค้ง เจอศาลเพียงตา..ตั้งอยู่ก็ไม่คิดอะไร....ก็ขับต่อไปอีกสัก 5 นาที...หลุดโค้งมาก็เจอศาลเพียงตาอีก..ก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร...ทีนี้ รอบที่ 3 ....เฮ้ย ศาลเพียงตา มันอันเดิมนี่......ไม่ปกติแล้ว...เราเอาสร้อยพระที่คอ...มากำแล้วบอกว่า ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองข้าพเจ้า...เปิดทางให้ที....!! ...อีกแค่เพียง 2 นาที ก็ถึงถนนหลัก...มีไฟถนนชัดเจน...เราก็ดูเวลา...ตั้งแต่จากรีสอร์ทเราใช้เวลาไป 30 กว่านาที...ทั้งๆที่ตอนขาขึ้นไป เราใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาที....กำหนดการคือ อยู่กัน สองคืน...รวมทั้งคณะ น่าจะประมาณ 10 คน...พอผ่านคืนแรก ..รุ่งขึ้นก็ไปนัดกินข้าวกันในเมือง...เขารีบบอกเลย...ย้ายกันออกมาหมดแล้ว ลงมานอนในเมือง...เราถามเจออะไร? ...เขาบอก..หลายอย่าง..แต่กลับกรุงเทพค่อยเล่า..(แต่หลังจากดลับมาก็ลืมถาม).สรุปบ้าน 3 หลัง ที่จอง 2 คืน..ทิ้งหมด เสียเงินฟรี...#ประสบการณ์ตรงที่เกิดกับตนเอง..
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
More Results