• ..พูดอย่างจริงใจ,แบบเปิดอกเลยนะ,
    ...แน่นอนบังเอิญมิใช่บังเอิญ มีใครพูดกระซิบข้างหูมั้ยนะต้องจำเป็นไปชุมนุมสถานที่ซาตานนี้นะ,เคยเตือนว่าอย่าไปเลย,ส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นศูนย์รวมการเก็บเกี่ยวพลังงานจิตเชิงลบหรือบวกได้หมดเลยล่ะ,มันเอาไปขายทั่วจักรวาลทัังเชิงลบเชิงบวกล่ะ,เชิงลบแน่นอนสร้างหายนะได้เพิ่มมากขึ้นในหลายๆช่องทางที่มันมีพลังชั่วแล้ว จะไปทำลายที่ไหนก็ได้,ปกติผู้คนที่จราจรให้มันเก็บเกี่ยวอยู่แล้ว,ประเทศไทยเราสมควรทำลายสถานที่นี้เถอะ,มันชัดเจนขนาดนี้แล้วสัญลักษณ์ชัดๆฝ่ายมืด,ขออย่าเป็นฝ่ายมืดเลย,ที่ครอบงำเดอะแก๊งนี้เดอะคณะนี้,อดีตแกนนำพันธมิตรอาจเปลี่ยนสัญลักษณ์ไปเลยเป็นอันใหม่ก็ดีนะ,เหมือนตาปีศาจอย่างไงมันรู้,เมื่อพันธมิตรทิ้งจบอดีตนั้นแล้ว,ทิ้งโลโก้ไปเลยด้วยเถอะอย่าเสียดาย,เราติดตามสัญลักษณ์พวกซาตานมาเห็นแล้วไม่คอยสบายใจ,ตอนแลกบอกสถานที่จะชุมนุนว่าที่นี้ ก็ไม่เห็นด้วยในตอนต้นอยู่แล้ว,บ้านนี้มีคนอ่านน้อยก็ว่า,เลยไม่มีลำโพงดังไกลนักในการเตือน,เห็นสีรุ่งในเพจข่าวออนไลน์ของที่นี้ก็ยังไม่ค่อยสบายใจ,จนมองว่าเป็นพวกซาตานไปด้วยเลยนะ,มาใช้แอปซาตานคุมหลังฉากมั้ยนะยังคิดเลยthaitimeนี้,ผู้จัดการและทีมงานจะไม่รู้เรื่องdeep stateซาตานแรปทีเลี่ยนagenda2030เบื้องต้นเลยเหรอ,นี้คือตางูตาปีศาจตาสัตว์เลื้อยคลานชัดๆอิลูมินาติก็ว่า,
    ..พวกมันไม่ปะปนในแอปนี้ด้วยนะ ในเพจผู้จัดการออนไลน์ด้วยนะ,
    ..ถ้าthatimeเป็นพวกมันด้วยก็บอกด้วยนะ เปิดเผยให้ชัดเจนแบบพิธานั้นล่ะพรรคก้าวไกลโน้น.,ฝ่ายมืดปัจจุบันนี้ก็ชัดเจนหมดแล้วเช่นกัน เพื่อคัดเลือกคนมาเข้าพวกก็ว่าแบบเปิดเผยได้ ไม่ปิดบังแบบอดีตแล้ว,เพราะพระเจ้าเมื่อเลิกอนุญาตจะหาสมาชิกไปเป็นฝ่ายมารสะดวกๆแบบนี้ไม่ได้อีก,คือฝ่ายแสงก็เลือกคัดคนดึดดูดชาวโลกไปเป็นพวกตนมากๆอย่างเสรีได้เต็มที่เช่นอนุญาตฝ่ายมืดแบบนี้ในยุคนี้,เมื่อโลกระเบิดในอนาคต ฝ่ายมืดก็ดึงวิญญาณนัันๆไปด้วยทั้งหมดทันทีเช่นกันเหมือนสัญญาซาตานที่ลงนามกันไว้นั้นล่ะ,
    ..เคสนี้รูปนี้อธิบายชัดมาก,ตาชัดๆ,ตาเดียวแบบตาปีศาจในหนังเดอะลอร์ดนั้นล่ะ,หอคอยตาปีศาจ,คณะแกนร่วมรวมพลังแผ่นดินไทย หากจะสร้างสัญลักษณ์ตนขึ้นมาใหม่ อย่าไปทางสัญลักษณ์พวกปีศาจซาตานฝ่ายมืดเน้อ,มันจะน่าผิดหวังมาก,พันธมิตรจะสิ้นค่าทันทีเลยของยุคสมันอดีตเรา,เหมือนถูกหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยบูชายันต์ให้พวกซาตานมารปีศาจมัน,
    ..ถ้าแฟนพันธ์แท้สายกูรูซาตานจริง เขาชี้ชัดเลยว่าคณะร่วมนี้เป็นฝ่ายมืดด้วย,ไปเพิ่มพลังงานใก้มันเลย ในที่ของๆมันด้วยเต็มๆ.ตาปีศาจชัดเจนมาก,ใครนะบินโดรนถ่ายรูปจนเห็นชัดขนาดนีั.นี้คือมุมมองบริบทด้านสัญลักษณ์ดวงตาปีศาจ,ส่วนในด้านคนไม่สนใจก็คือเพื่อไล่รัฐบาลนั้นล่ะ,ทหารไทยอยู่ฝ่ายตรงข้ามเรานะคุณลุงอังเคิลฮุนเซน อยากได้อะไรเกี๋ยวจัดให้.
    ..พูดอย่างจริงใจ,แบบเปิดอกเลยนะ, ...☝️แน่นอนบังเอิญมิใช่บังเอิญ มีใครพูดกระซิบข้างหูมั้ยนะต้องจำเป็นไปชุมนุมสถานที่ซาตานนี้นะ,เคยเตือนว่าอย่าไปเลย,ส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นศูนย์รวมการเก็บเกี่ยวพลังงานจิตเชิงลบหรือบวกได้หมดเลยล่ะ,มันเอาไปขายทั่วจักรวาลทัังเชิงลบเชิงบวกล่ะ,เชิงลบแน่นอนสร้างหายนะได้เพิ่มมากขึ้นในหลายๆช่องทางที่มันมีพลังชั่วแล้ว จะไปทำลายที่ไหนก็ได้,ปกติผู้คนที่จราจรให้มันเก็บเกี่ยวอยู่แล้ว,ประเทศไทยเราสมควรทำลายสถานที่นี้เถอะ,มันชัดเจนขนาดนี้แล้วสัญลักษณ์ชัดๆฝ่ายมืด,ขออย่าเป็นฝ่ายมืดเลย,ที่ครอบงำเดอะแก๊งนี้เดอะคณะนี้,อดีตแกนนำพันธมิตรอาจเปลี่ยนสัญลักษณ์ไปเลยเป็นอันใหม่ก็ดีนะ,เหมือนตาปีศาจอย่างไงมันรู้,เมื่อพันธมิตรทิ้งจบอดีตนั้นแล้ว,ทิ้งโลโก้ไปเลยด้วยเถอะอย่าเสียดาย,เราติดตามสัญลักษณ์พวกซาตานมาเห็นแล้วไม่คอยสบายใจ,ตอนแลกบอกสถานที่จะชุมนุนว่าที่นี้ ก็ไม่เห็นด้วยในตอนต้นอยู่แล้ว,บ้านนี้มีคนอ่านน้อยก็ว่า,เลยไม่มีลำโพงดังไกลนักในการเตือน,เห็นสีรุ่งในเพจข่าวออนไลน์ของที่นี้ก็ยังไม่ค่อยสบายใจ,จนมองว่าเป็นพวกซาตานไปด้วยเลยนะ,มาใช้แอปซาตานคุมหลังฉากมั้ยนะยังคิดเลยthaitimeนี้,ผู้จัดการและทีมงานจะไม่รู้เรื่องdeep stateซาตานแรปทีเลี่ยนagenda2030เบื้องต้นเลยเหรอ,นี้คือตางูตาปีศาจตาสัตว์เลื้อยคลานชัดๆอิลูมินาติก็ว่า, ..พวกมันไม่ปะปนในแอปนี้ด้วยนะ ในเพจผู้จัดการออนไลน์ด้วยนะ, ..ถ้าthatimeเป็นพวกมันด้วยก็บอกด้วยนะ เปิดเผยให้ชัดเจนแบบพิธานั้นล่ะพรรคก้าวไกลโน้น.,ฝ่ายมืดปัจจุบันนี้ก็ชัดเจนหมดแล้วเช่นกัน เพื่อคัดเลือกคนมาเข้าพวกก็ว่าแบบเปิดเผยได้ ไม่ปิดบังแบบอดีตแล้ว,เพราะพระเจ้าเมื่อเลิกอนุญาตจะหาสมาชิกไปเป็นฝ่ายมารสะดวกๆแบบนี้ไม่ได้อีก,คือฝ่ายแสงก็เลือกคัดคนดึดดูดชาวโลกไปเป็นพวกตนมากๆอย่างเสรีได้เต็มที่เช่นอนุญาตฝ่ายมืดแบบนี้ในยุคนี้,เมื่อโลกระเบิดในอนาคต ฝ่ายมืดก็ดึงวิญญาณนัันๆไปด้วยทั้งหมดทันทีเช่นกันเหมือนสัญญาซาตานที่ลงนามกันไว้นั้นล่ะ, ..เคสนี้รูปนี้อธิบายชัดมาก,ตาชัดๆ,ตาเดียวแบบตาปีศาจในหนังเดอะลอร์ดนั้นล่ะ,หอคอยตาปีศาจ,คณะแกนร่วมรวมพลังแผ่นดินไทย หากจะสร้างสัญลักษณ์ตนขึ้นมาใหม่ อย่าไปทางสัญลักษณ์พวกปีศาจซาตานฝ่ายมืดเน้อ,มันจะน่าผิดหวังมาก,พันธมิตรจะสิ้นค่าทันทีเลยของยุคสมันอดีตเรา,เหมือนถูกหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยบูชายันต์ให้พวกซาตานมารปีศาจมัน, ..ถ้าแฟนพันธ์แท้สายกูรูซาตานจริง เขาชี้ชัดเลยว่าคณะร่วมนี้เป็นฝ่ายมืดด้วย,ไปเพิ่มพลังงานใก้มันเลย ในที่ของๆมันด้วยเต็มๆ.ตาปีศาจชัดเจนมาก,ใครนะบินโดรนถ่ายรูปจนเห็นชัดขนาดนีั.นี้คือมุมมองบริบทด้านสัญลักษณ์ดวงตาปีศาจ,ส่วนในด้านคนไม่สนใจก็คือเพื่อไล่รัฐบาลนั้นล่ะ,ทหารไทยอยู่ฝ่ายตรงข้ามเรานะคุณลุงอังเคิลฮุนเซน อยากได้อะไรเกี๋ยวจัดให้.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • “ชัยธวัช” ชี้ สถานการณ์การเมืองแรงตอนนี้ ไม่ได้เกิดจาก “ตระกูลชิน” แต่เป็น “คณะรัฐประหาร-ชนชั้นนำ” ที่ต้องการมีอำนาจเหนือเสียงประชาชน เราต้องไม่หันกลับไปอีก ต้องออกจากการเมืองของชนชั้นนำสร้างการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่
    .
    19 มิ.ย. 2568 - นายชัยธวัช ตุลาธน กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon ระบุว่า “ในสถานการณ์ที่กระแสความไม่พอใจต่อนายกฯ ลุกลามอย่างรุนแรง ประเด็นหนึ่งที่ผมอยากชวนคิด คือ ภาวะที่เราไม่พอใจอยู่นี้ ถึงที่สุดแล้วไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตระกูลชินวัตร แต่มันเป็นผลพวงจากการเมืองของคณะรัฐประหาร และชนชั้นนำบางกลุ่มที่ต้องการมีอำนาจเหนือเสียงของประชาชน
    .
    “การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังจากนี้ เราจึงต้องไม่หวนกลับไปใช้วิถีทางนอกประชาธิปไตยอีกการเมืองของชนชั้นนำ 20 ปี
    .
    ที่ผ่านมา ทำให้ชีวิตของเราและประเทศตกต่ำอย่างทุกวันนี้ ทำให้เรามีนายกและรัฐบาลแบบนี้ ดังนั้น มีแต่เราต้องชวนกันออกจากการเมืองของชนชั้นนำ แล้วสร้างการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ของชาติ”
    .
    #MGROnline #ชัยธวัชตุลาธน #กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า #อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล #ตระกูลชินวัตร #คณะรัฐประหาร
    “ชัยธวัช” ชี้ สถานการณ์การเมืองแรงตอนนี้ ไม่ได้เกิดจาก “ตระกูลชิน” แต่เป็น “คณะรัฐประหาร-ชนชั้นนำ” ที่ต้องการมีอำนาจเหนือเสียงประชาชน เราต้องไม่หันกลับไปอีก ต้องออกจากการเมืองของชนชั้นนำสร้างการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ . 19 มิ.ย. 2568 - นายชัยธวัช ตุลาธน กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon ระบุว่า “ในสถานการณ์ที่กระแสความไม่พอใจต่อนายกฯ ลุกลามอย่างรุนแรง ประเด็นหนึ่งที่ผมอยากชวนคิด คือ ภาวะที่เราไม่พอใจอยู่นี้ ถึงที่สุดแล้วไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตระกูลชินวัตร แต่มันเป็นผลพวงจากการเมืองของคณะรัฐประหาร และชนชั้นนำบางกลุ่มที่ต้องการมีอำนาจเหนือเสียงของประชาชน . “การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังจากนี้ เราจึงต้องไม่หวนกลับไปใช้วิถีทางนอกประชาธิปไตยอีกการเมืองของชนชั้นนำ 20 ปี . ที่ผ่านมา ทำให้ชีวิตของเราและประเทศตกต่ำอย่างทุกวันนี้ ทำให้เรามีนายกและรัฐบาลแบบนี้ ดังนั้น มีแต่เราต้องชวนกันออกจากการเมืองของชนชั้นนำ แล้วสร้างการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ของชาติ” . #MGROnline #ชัยธวัชตุลาธน #กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า #อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล #ตระกูลชินวัตร #คณะรัฐประหาร
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 262 Views 0 Reviews
  • ..กลรบผีบ้าอะไรของคนรัฐบาลไทยเสือกไม่ประกาศปิดด่าน,ปิดด่านก่อนปิดพรมแดนทั้งหมดก่อน,แล้วส่งเขมรทั้งหมดที่อยู่ในไทยกลับประเทศเขมรไปทั้งหมด,ผีบ้าอะไรเสือกปล่อยคนเขมรที่ตนกำลังจะรบกับคนเขมรแท้ๆรัฐบาลเขมรแท้ๆปล่อยคนเขมรอยู่ที่ไทยได้อย่างไร,ถ้าคนเขมรนั้นคือไส้ศึกพร้อมระเบิดเมืองภายในประเทศไทยทุกเมื่อล่ะจะเกิดอะไรขึ้น,นี้คือผีบ้าปกครองประเทศแท้ๆ,ขาดคุณสมบัติปกป้องประเทศไทยและเป็นผู้นำประเทศชัดเจน,ภาวะสงครามสมควรปลดถีบผู้นำไร้ปัญญาฝีมือไร้วุฒิภาวะนี้ออกไปเถอะ,และผิดตั้งแต่แรกด้วยเสือกให้เป็นรัฐบาลได้ไงด้วยเมื่อแพ้การเลือกตั้ง,และจริงๆต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดทันที,เมื่อพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งเป็นรัฐบาลมาเป็นนายกฯได้,ลากยาวว่าพรรคก้าวไกลจะล้มสถาบันฯ ,ตอนนี้จริงๆยิ่งกว่าล้มสถาบันอีก เหยียบหน้าสถาบันให้อับอายแก่ชาวโลกด้วยทั้งทำลายชื่อเสียงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือสถาบันอย่างมีนัยยะสำคัญด้วย,จะรบกันเสือกให้ข้าวให้น้ำให้เสบียงให้ทางให้ถนนมันไปมาอยู่ปกติ ผีบ้าอะไรเขาทำกันแบบนั้น,
    ..ต้องรอให้ชีวิตคนไทยตายก่อนมั้ย,ถ้าไง ให้สส.สว.พรรคการเมืองรัฐบาลเดินทางเข้าพื้นที่ใกล้ชิดให้ดูหน่อย,อย่าอยู่ในเมืองหลวงในกะลาในกรุงหากใจเย็นไม่เดือดร้อนในอธิปไตยความรักชาติหวงแหนชาติดินแดนเขตตนให้ประชาชนตนอยู่อาศัย,หน้างานยังขี้ขลาดกวาดกลัวจะกล้าไปดู,นักการเมืองมันกากจริงๆ,ระบบเล่นการเมืองแบบนี้สมควรถูกพักงานด้วยการยึดอำนาจโดยทหารของพระราชาโดยทหารของประชาชนผู้รักชาติไทยรักบ้านเมืองตนอย่างแท้จริง มิใช่รักผลประโยชน์ตนในดินแดนเขมรกลัวผลกระทบกำไรตนและเจ้าสัวตนหรือเดอะแก๊งตน.,สมควรไล่รัฐบาลนี้ได้แล้วจริงๆโดยทหารยึดอำนาจนี้ดีที่สุดเพราะจะได้กวาดล้างคนไม่ดีของแผ่นดินไทยจริงจังในครัังเดียวพร้อมกันในกาลสมัยยุคนี้พอดีเลย.

    https://youtu.be/_8vF18mJjjY?si=6K9oe9wq66YFcaqP
    ..กลรบผีบ้าอะไรของคนรัฐบาลไทยเสือกไม่ประกาศปิดด่าน,ปิดด่านก่อนปิดพรมแดนทั้งหมดก่อน,แล้วส่งเขมรทั้งหมดที่อยู่ในไทยกลับประเทศเขมรไปทั้งหมด,ผีบ้าอะไรเสือกปล่อยคนเขมรที่ตนกำลังจะรบกับคนเขมรแท้ๆรัฐบาลเขมรแท้ๆปล่อยคนเขมรอยู่ที่ไทยได้อย่างไร,ถ้าคนเขมรนั้นคือไส้ศึกพร้อมระเบิดเมืองภายในประเทศไทยทุกเมื่อล่ะจะเกิดอะไรขึ้น,นี้คือผีบ้าปกครองประเทศแท้ๆ,ขาดคุณสมบัติปกป้องประเทศไทยและเป็นผู้นำประเทศชัดเจน,ภาวะสงครามสมควรปลดถีบผู้นำไร้ปัญญาฝีมือไร้วุฒิภาวะนี้ออกไปเถอะ,และผิดตั้งแต่แรกด้วยเสือกให้เป็นรัฐบาลได้ไงด้วยเมื่อแพ้การเลือกตั้ง,และจริงๆต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดทันที,เมื่อพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งเป็นรัฐบาลมาเป็นนายกฯได้,ลากยาวว่าพรรคก้าวไกลจะล้มสถาบันฯ ,ตอนนี้จริงๆยิ่งกว่าล้มสถาบันอีก เหยียบหน้าสถาบันให้อับอายแก่ชาวโลกด้วยทั้งทำลายชื่อเสียงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือสถาบันอย่างมีนัยยะสำคัญด้วย,จะรบกันเสือกให้ข้าวให้น้ำให้เสบียงให้ทางให้ถนนมันไปมาอยู่ปกติ ผีบ้าอะไรเขาทำกันแบบนั้น, ..ต้องรอให้ชีวิตคนไทยตายก่อนมั้ย,ถ้าไง ให้สส.สว.พรรคการเมืองรัฐบาลเดินทางเข้าพื้นที่ใกล้ชิดให้ดูหน่อย,อย่าอยู่ในเมืองหลวงในกะลาในกรุงหากใจเย็นไม่เดือดร้อนในอธิปไตยความรักชาติหวงแหนชาติดินแดนเขตตนให้ประชาชนตนอยู่อาศัย,หน้างานยังขี้ขลาดกวาดกลัวจะกล้าไปดู,นักการเมืองมันกากจริงๆ,ระบบเล่นการเมืองแบบนี้สมควรถูกพักงานด้วยการยึดอำนาจโดยทหารของพระราชาโดยทหารของประชาชนผู้รักชาติไทยรักบ้านเมืองตนอย่างแท้จริง มิใช่รักผลประโยชน์ตนในดินแดนเขมรกลัวผลกระทบกำไรตนและเจ้าสัวตนหรือเดอะแก๊งตน.,สมควรไล่รัฐบาลนี้ได้แล้วจริงๆโดยทหารยึดอำนาจนี้ดีที่สุดเพราะจะได้กวาดล้างคนไม่ดีของแผ่นดินไทยจริงจังในครัังเดียวพร้อมกันในกาลสมัยยุคนี้พอดีเลย. https://youtu.be/_8vF18mJjjY?si=6K9oe9wq66YFcaqP
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลโดนทัวร์ลง เหตุนิ่งเกินไป ไม่ทันเหลี่ยมกัมพูชา
    .
    ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้เริ่มเห็นภาพกันรัฐบาลชุดนี้กำลังมีปัญหากับการรับมือการเล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศ ภายหลังรัฐบาลกัมพูชายืนยันจะเอาประเด็นข้อพิพาทที่ช่องบกขึ้นศาลโลก ในเรื่องนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า "ผมเข้าใจความจำเป็นในการสงวนท่าทีของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.ต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรชี้แจงกับประชาชน ให้ได้รับทราบว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลยกับปัญหาดังกล่าว ยังคงประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินมาตรการที่ได้สัดส่วน เป็นไปตามหลักสากล ที่เหมาะกับสถานการณ์ อย่างทันท่วงที หากถูกรุกล้ำอธิปไตย"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052121

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รัฐบาลโดนทัวร์ลง เหตุนิ่งเกินไป ไม่ทันเหลี่ยมกัมพูชา . ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้เริ่มเห็นภาพกันรัฐบาลชุดนี้กำลังมีปัญหากับการรับมือการเล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศ ภายหลังรัฐบาลกัมพูชายืนยันจะเอาประเด็นข้อพิพาทที่ช่องบกขึ้นศาลโลก ในเรื่องนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า "ผมเข้าใจความจำเป็นในการสงวนท่าทีของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.ต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรชี้แจงกับประชาชน ให้ได้รับทราบว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลยกับปัญหาดังกล่าว ยังคงประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินมาตรการที่ได้สัดส่วน เป็นไปตามหลักสากล ที่เหมาะกับสถานการณ์ อย่างทันท่วงที หากถูกรุกล้ำอธิปไตย" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052121 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    13
    3 Comments 0 Shares 1174 Views 1 Reviews
  • 12 พฤษภาคม 2568- รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สำคัญเรื่อง การเลือกตั้งเทศบาลในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทยที่ยังคงมีลักษณะผสมผสานระหว่างความต่อเนื่องของโครงสร้างอำนาจเดิมและสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มปรากฏในบางพื้นที่ จากข้อมูลสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ดังนี้

    ภาพรวมพฤติกรรมการเลือกตั้ง

    1 ความต่อเนื่องของระบบอุปถัมภ์และบ้านใหญ่

    พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพล หรือ “บ้านใหญ่” ซึ่งใช้อำนาจผ่านระบบอุปถัมภ์ (patronage system) และการซื้อเสียงเพื่อรักษาฐานอำนาจ

    ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า “แชมป์เก่า” หรือผู้ดำรงตำแหน่งเดิมส่วนใหญ่ยังคงรักษาเก้าอี้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีตระกูลการเมืองครอบงำมายาวนาน

    การซื้อเสียงยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยมีการร้องเรียนและหลักฐานที่ปรากฏในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีรายงานการจ่ายเงินหัวละ 3,000 บาท การซื้อเสียงนี้ถูกมองว่าเป็น “ความปกติ” ในบริบทการเลือกตั้งท้องถิ่นไทย

    2 สัญญาณการเปลี่ยนแปลง

    แม้ระบบบ้านใหญ่จะยังครองอำนาจ แต่บางพื้นที่เริ่มแสดงถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) ซึ่งมีฐานจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่พอใจกับการเมืองแบบเดิม

    พรรคประชาชนได้รับชัยชนะในเทศบาลเมือง 5 แห่ง และเทศบาลตำบล 9 แห่ง จากทั้งหมด 95 แห่งที่ส่งผู้สมัคร คิดเป็นประมาณ 15% ของพื้นที่ที่ลงแข่ง

    ชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ เช่น สมุทรปราการ สะท้อนถึงฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ที่พรรคนี้มีคะแนนนิยมสูง

    3 ความท้าทายของพรรคประชาชน

    ผลการเลือกตั้งที่ได้เพียง 15% จากพื้นที่ที่ลงสมัคร แสดงว่าพรรคประชาชนยังเผชิญความท้าทายในการเจาะฐานคะแนนในพื้นที่ที่มีระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก

    การเลือกตั้งท้องถิ่นเน้นที่ตัวบุคคลและความสัมพันธ์ในชุมชนมากกว่านโยบายระดับชาติ ซึ่งพรรคประชาชนอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความยึดโยงกับชุมชนให้มากขึ้น

    4 ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต
    พฤติกรรมการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน: ประชาชนบางส่วนแยกการตัดสินใจระหว่างการเลือกตั้งระดับชาติ (เน้นพรรคและนโยบาย) และระดับท้องถิ่น (เน้นตัวบุคคลและผลงาน) ส่งผลให้พรรคที่แข็งแกร่งในระดับชาติ เช่น พรรคประชาชน อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในระดับท้องถิ่น

    สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้น: การที่พรรคประชาชนได้รับชัยชนะใน 14 เทศบาลจาก 95 แห่งที่ลงสมัคร แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็แสดงถึงการเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต่อต้านการเมืองบ้านใหญ่

    การซื้อเสียง: การซื้อเสียงยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส การร้องเรียนในพื้นที่อย่างกาฬสินธุ์และสงขลา บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น

    5 สรุป
    การเลือกตั้งเทศบาล 2568 แสดงให้เห็นถึงความทนทานของโครงสร้างอำนาจแบบบ้านใหญ่และระบบอุปถัมภ์ที่ยังครองการเมืองท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏผ่านชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มที่มองหาทางเลือกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องใช้เวลาและการทำงานในระดับชุมชนที่เข้มข้นขึ้นเพื่อทลายโครงสร้างอำนาจเดิม ในอนาคต การเลือกตั้งท้องถิ่นจะยังคงเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนพลวัตระหว่างความเก่ากับความใหม่ของการเมืองไทย
    12 พฤษภาคม 2568- รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สำคัญเรื่อง การเลือกตั้งเทศบาลในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทยที่ยังคงมีลักษณะผสมผสานระหว่างความต่อเนื่องของโครงสร้างอำนาจเดิมและสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มปรากฏในบางพื้นที่ จากข้อมูลสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ดังนี้ ภาพรวมพฤติกรรมการเลือกตั้ง 1 ความต่อเนื่องของระบบอุปถัมภ์และบ้านใหญ่ พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพล หรือ “บ้านใหญ่” ซึ่งใช้อำนาจผ่านระบบอุปถัมภ์ (patronage system) และการซื้อเสียงเพื่อรักษาฐานอำนาจ ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า “แชมป์เก่า” หรือผู้ดำรงตำแหน่งเดิมส่วนใหญ่ยังคงรักษาเก้าอี้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีตระกูลการเมืองครอบงำมายาวนาน การซื้อเสียงยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยมีการร้องเรียนและหลักฐานที่ปรากฏในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีรายงานการจ่ายเงินหัวละ 3,000 บาท การซื้อเสียงนี้ถูกมองว่าเป็น “ความปกติ” ในบริบทการเลือกตั้งท้องถิ่นไทย 2 สัญญาณการเปลี่ยนแปลง แม้ระบบบ้านใหญ่จะยังครองอำนาจ แต่บางพื้นที่เริ่มแสดงถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) ซึ่งมีฐานจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่พอใจกับการเมืองแบบเดิม พรรคประชาชนได้รับชัยชนะในเทศบาลเมือง 5 แห่ง และเทศบาลตำบล 9 แห่ง จากทั้งหมด 95 แห่งที่ส่งผู้สมัคร คิดเป็นประมาณ 15% ของพื้นที่ที่ลงแข่ง ชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ เช่น สมุทรปราการ สะท้อนถึงฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ที่พรรคนี้มีคะแนนนิยมสูง 3 ความท้าทายของพรรคประชาชน ผลการเลือกตั้งที่ได้เพียง 15% จากพื้นที่ที่ลงสมัคร แสดงว่าพรรคประชาชนยังเผชิญความท้าทายในการเจาะฐานคะแนนในพื้นที่ที่มีระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก การเลือกตั้งท้องถิ่นเน้นที่ตัวบุคคลและความสัมพันธ์ในชุมชนมากกว่านโยบายระดับชาติ ซึ่งพรรคประชาชนอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความยึดโยงกับชุมชนให้มากขึ้น 4 ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต พฤติกรรมการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน: ประชาชนบางส่วนแยกการตัดสินใจระหว่างการเลือกตั้งระดับชาติ (เน้นพรรคและนโยบาย) และระดับท้องถิ่น (เน้นตัวบุคคลและผลงาน) ส่งผลให้พรรคที่แข็งแกร่งในระดับชาติ เช่น พรรคประชาชน อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในระดับท้องถิ่น สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้น: การที่พรรคประชาชนได้รับชัยชนะใน 14 เทศบาลจาก 95 แห่งที่ลงสมัคร แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็แสดงถึงการเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต่อต้านการเมืองบ้านใหญ่ การซื้อเสียง: การซื้อเสียงยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส การร้องเรียนในพื้นที่อย่างกาฬสินธุ์และสงขลา บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น 5 สรุป การเลือกตั้งเทศบาล 2568 แสดงให้เห็นถึงความทนทานของโครงสร้างอำนาจแบบบ้านใหญ่และระบบอุปถัมภ์ที่ยังครองการเมืองท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏผ่านชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มที่มองหาทางเลือกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องใช้เวลาและการทำงานในระดับชุมชนที่เข้มข้นขึ้นเพื่อทลายโครงสร้างอำนาจเดิม ในอนาคต การเลือกตั้งท้องถิ่นจะยังคงเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนพลวัตระหว่างความเก่ากับความใหม่ของการเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 522 Views 0 Reviews
  • ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย,

    ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด.
    ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ,
    ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย.
    https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย, ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด. ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ, ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย. https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    0 Comments 0 Shares 737 Views 0 Reviews
  • ปชช.ทวงความยุติธรรม 53 จัดกิจกรรมรำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง 10 เมษา “ธิดา” ยันคนเสื้อแดงต่อสู้กับเผด็จการ ไม่ใช่เพื่อใคร ซัดเพื่อไทยยังไม่เข้าใจสังคมไทยดีพอ ลั่นไม่ร่วมขบวนการหมุนทวนกงล้อประวัติศาสตร์ ร่วมมือกลุ่มจารีตอำนาจนิยมต่ออำนาจวงจรอุบาทว์ ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้ต้องสร้างภูมิคุ้ม หยุดกระบวนการชั่วช้าสามานย์ ไม่ให้ทำร้านคนเจนต่อไป พร้อมเดินหน้าแก้กม.กองทัพ สกัดปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่า ปชช.-ต้องขึ้นศาลพลเรือน

    วันนี้(10 เม.ย. 68) คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 จัดกิจกรรม “15 ปี รำลึก เมษา-พฤษภาคม 53” โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. รวมถึงตัวแทนพรรคการเมือง เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน เป็นต้น เข้าร่วม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000034401

    #MGROnline #รำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง
    ปชช.ทวงความยุติธรรม 53 จัดกิจกรรมรำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง 10 เมษา “ธิดา” ยันคนเสื้อแดงต่อสู้กับเผด็จการ ไม่ใช่เพื่อใคร ซัดเพื่อไทยยังไม่เข้าใจสังคมไทยดีพอ ลั่นไม่ร่วมขบวนการหมุนทวนกงล้อประวัติศาสตร์ ร่วมมือกลุ่มจารีตอำนาจนิยมต่ออำนาจวงจรอุบาทว์ ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้ต้องสร้างภูมิคุ้ม หยุดกระบวนการชั่วช้าสามานย์ ไม่ให้ทำร้านคนเจนต่อไป พร้อมเดินหน้าแก้กม.กองทัพ สกัดปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่า ปชช.-ต้องขึ้นศาลพลเรือน • วันนี้(10 เม.ย. 68) คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 จัดกิจกรรม “15 ปี รำลึก เมษา-พฤษภาคม 53” โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. รวมถึงตัวแทนพรรคการเมือง เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน เป็นต้น เข้าร่วม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000034401 • #MGROnline #รำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง
    0 Comments 0 Shares 639 Views 0 Reviews
  • "ไพศาล" ชี้ 44 สส.พรรคก้าวไกล ยื่นแก้ "ม.112" ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดจรรยาบรรณ และไม่ผิดจริยธรรม แต่ถูกกล่าวหาร้ายแรง
    https://www.thai-tai.tv/news/17776/
    "ไพศาล" ชี้ 44 สส.พรรคก้าวไกล ยื่นแก้ "ม.112" ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดจรรยาบรรณ และไม่ผิดจริยธรรม แต่ถูกกล่าวหาร้ายแรง https://www.thai-tai.tv/news/17776/
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • ♣ รัฐสภายุโรป คือกลุ่มที่พรรคก้าวไกลใช้งบแผ่นดิน บินไปฟ้องเรื่องโดนคดี 112 วันนี้จึงฉวยโอกาสจากเรื่องอุยกูร์ เพื่อโหวตลงมติประณามไทย แต่กลับพบว่ามีหัวข้อลงมติเรื่องเสนอให้ไทย ยกเลิกแก้ไข ม.112 พ่วงมาด้วย
    #7ดอกจิก
    ♣ รัฐสภายุโรป คือกลุ่มที่พรรคก้าวไกลใช้งบแผ่นดิน บินไปฟ้องเรื่องโดนคดี 112 วันนี้จึงฉวยโอกาสจากเรื่องอุยกูร์ เพื่อโหวตลงมติประณามไทย แต่กลับพบว่ามีหัวข้อลงมติเรื่องเสนอให้ไทย ยกเลิกแก้ไข ม.112 พ่วงมาด้วย #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 418 Views 0 Reviews
  • ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ##
    ..
    ..
    นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!!
    .
    นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน
    .
    ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้...
    .
    สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย...
    .
    อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!!
    .
    ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต.
    .
    จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง
    .
    โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา...
    .
    แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้)
    .
    ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
    .
    ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี
    .
    ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา)
    .
    ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...???
    .
    คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก
    .
    พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...???
    .
    ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...???
    .
    ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ
    .
    แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว...
    .
    พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย
    .
    หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า
    .
    มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้
    .
    มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
    .
    ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...???
    .
    ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า...
    .
    "มันต้องแบ่งได้"
    .
    ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้...
    .
    แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ...
    .
    สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน...
    .
    และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ## .. .. นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!! . นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน . ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้... . สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย... . อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!! . ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต. . จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง . โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา... . แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้) . ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง . ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี . ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา) . ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...??? . คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก . พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...??? . ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...??? . ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ . แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว... . พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย . หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า . มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ . มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ . ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...??? . ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า... . "มันต้องแบ่งได้" . ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้... . แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ... . สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน... . และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    0 Comments 0 Shares 1095 Views 0 Reviews
  • ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ
    .
    “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน
    .
    เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ
    .
    ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง
    .
    นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ)
    .
    “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม
    .
    นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม
    .
    “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว
    .
    นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ
    .
    “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย
    .
    ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”.
    ............
    Sondhi X
    ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ . “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน . เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ . ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง . นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) . “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว . อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม . นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม . “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว . นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ . “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย . ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้ . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”. ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    15
    0 Comments 0 Shares 2749 Views 0 Reviews
  • ♣ พรรคประชาชน มี DNA สืบเชื้อสายจากพรรคก้าวไกล ขนาดยื่นขออภิปราย ยังขอรุมโท-รมนายกฯหญิง เพียงคนเดียว ก้าวไกลก้าวกามจริงๆ
    #7ดอกจิก
    ♣ พรรคประชาชน มี DNA สืบเชื้อสายจากพรรคก้าวไกล ขนาดยื่นขออภิปราย ยังขอรุมโท-รมนายกฯหญิง เพียงคนเดียว ก้าวไกลก้าวกามจริงๆ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    Wow
    3
    1 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112
    .
    แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน
    .
    นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง
    .
    “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว
    .
    สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง
    .............
    Sondhi X
    พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112 . แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน . นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง . “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว . สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง ............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    24
    2 Comments 0 Shares 2882 Views 0 Reviews
  • กรณี ป.ป.ช.ส่งหนังสือลับเรียก 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหา ปม มาตรา112 ทำเอาบรรดาขุนพลเสื้อส้ม หลายคนเก็บอาการไม่อยู่ ออกมาใช้สื่อออนไลน์วิจารณ์การทำงานของ ป.ป.ช.อย่างดุเดือด

    #112เขย่าขวัญพรรคส้ม #พรรคส้มวิกฤต #25สสเสี่ยงหลุดเก้าอี้ #มาตรา112 #พรรคประชาชน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    กรณี ป.ป.ช.ส่งหนังสือลับเรียก 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหา ปม มาตรา112 ทำเอาบรรดาขุนพลเสื้อส้ม หลายคนเก็บอาการไม่อยู่ ออกมาใช้สื่อออนไลน์วิจารณ์การทำงานของ ป.ป.ช.อย่างดุเดือด #112เขย่าขวัญพรรคส้ม #พรรคส้มวิกฤต #25สสเสี่ยงหลุดเก้าอี้ #มาตรา112 #พรรคประชาชน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    19
    1 Comments 0 Shares 2042 Views 58 0 Reviews
  • ศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับ "ไชยามพวาน" ส.ส.พรรคไทยก้าวหน้า ที่เคยถูกขับจากพรรคก้าวไกล ขืนใจนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ตำรวจส่งหมายถึงสภา ขอตัวไปดำเนินคดี

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000012473

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับ "ไชยามพวาน" ส.ส.พรรคไทยก้าวหน้า ที่เคยถูกขับจากพรรคก้าวไกล ขืนใจนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ตำรวจส่งหมายถึงสภา ขอตัวไปดำเนินคดี อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000012473 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 1105 Views 0 Reviews
  • ด่วน!
    ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว

    ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    ด่วน! ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112
    .
    ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี
    .
    ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา
    .
    นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก
    ..............
    Sondhi X
    เปิดประวัติ 'สุชาติ' ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีแก้ 112 . ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เลือก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี เป็นประธานป.ป.ช. ซึ่งจะทำหน้าที่ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2570 หลังจากนายสุชาติได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับประวัติ นายสุชาติ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง/เนติบัณทิตไทย เนติบัณทิตย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นิติศาสตร์ มหาบัณทิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นอกจากนี้ เคยทำหน้าที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว รองอธิบดีผู้พิพากษาแรงงานกลาง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ คดีชำนัญพิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี . ขณะที่ ความคืบหน้าคดีสำคัญที่อยู่ในมือป.ป.ช.นั้น นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการพิจารณา เรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ยังคงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา . นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงานมานั้น ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการไต่สวนว่า หลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน . เมื่อผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ภายในปีนี้ จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นส่วนตัว หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถพิจารณาได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากมีการชี้แจงแล้วก็จะมีการสรุปสำนวน และพิจารณาว่าคำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ และข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ทั้งนี้ ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ตัองไปดำเนินการเพิ่มเติมมาก .............. Sondhi X
    Like
    22
    0 Comments 0 Shares 2607 Views 0 Reviews
  • เลขาฯ ป.ป.ช. คาดแจ้งข้อหา 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล เข้าชื่อแก้ ม.112 ใน 1-2 เดือนนี้ แต่ยังไม่ใช่การชี้มูลว่าผิดแจ้งข้อหาเพื่อให้โอกาสชี้แจง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011746

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เลขาฯ ป.ป.ช. คาดแจ้งข้อหา 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล เข้าชื่อแก้ ม.112 ใน 1-2 เดือนนี้ แต่ยังไม่ใช่การชี้มูลว่าผิดแจ้งข้อหาเพื่อให้โอกาสชี้แจง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011746 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 829 Views 0 Reviews
  • 'ประชาชน' โวมีของเพียบ พร้อมเปิดศึกซักฟอก อัดรัฐบาลไม่ตรงปก
    .
    สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น คาดว่าสปอตไลท์น่าจะจับมาที่พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวมีข้อมูลเตรียมไว้ 3-4 เรื่อง กําลังปรึกษาทางพรรคว่าจะพูดเองในเรื่องใด หรือมอบหมายเรื่องใดให้คนอื่นพูด ซึ่งข้อมูลแต่ละด้าน เรารวบรวมจากข้าราชการภายในที่ส่งต่อมาให้ และจากประชาชนทั่วไป
    .
    นายณัฐชา กล่าวว่า ส่วนเนื้อหาจะเป็นเรื่องใดนั้น ภาพรวมจะมีครบทุกอย่าง เป็นการบริหารตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 รัฐบาลทําให้ประชาชนผิดหวัง ในส่วนรัฐมนตรีบางคน มีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต และการใช้อํานาจหน้าที่ในทางที่ผิด
    .
    ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า นายพิธา กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังไม่ตรงปกเหมือนตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ตอนนั้นที่อภิปรายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดชัดเจนจนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรงกับตอนนั้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นเวทีดีเบตที่ช่อง 3 นางสาวแพทองธาร ก็มีการพูดเกี่ยวกับผู้นำอาเซียน ตอนนั้นก็ยังตอบได้ดี แต่พอมาบริหารจัดการเอง ก็น่าเสียดาย ที่ไม่ตรงกับการอภิปรายและหาเสียงไว้ หากทำตามที่เคยพูดไว้ก็น่าจะทุเลาลงได้
    ..............
    Sondhi X
    'ประชาชน' โวมีของเพียบ พร้อมเปิดศึกซักฟอก อัดรัฐบาลไม่ตรงปก . สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น คาดว่าสปอตไลท์น่าจะจับมาที่พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เปิดเผยว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวมีข้อมูลเตรียมไว้ 3-4 เรื่อง กําลังปรึกษาทางพรรคว่าจะพูดเองในเรื่องใด หรือมอบหมายเรื่องใดให้คนอื่นพูด ซึ่งข้อมูลแต่ละด้าน เรารวบรวมจากข้าราชการภายในที่ส่งต่อมาให้ และจากประชาชนทั่วไป . นายณัฐชา กล่าวว่า ส่วนเนื้อหาจะเป็นเรื่องใดนั้น ภาพรวมจะมีครบทุกอย่าง เป็นการบริหารตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 รัฐบาลทําให้ประชาชนผิดหวัง ในส่วนรัฐมนตรีบางคน มีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต และการใช้อํานาจหน้าที่ในทางที่ผิด . ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า นายพิธา กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังไม่ตรงปกเหมือนตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ตอนนั้นที่อภิปรายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดชัดเจนจนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรงกับตอนนั้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นเวทีดีเบตที่ช่อง 3 นางสาวแพทองธาร ก็มีการพูดเกี่ยวกับผู้นำอาเซียน ตอนนั้นก็ยังตอบได้ดี แต่พอมาบริหารจัดการเอง ก็น่าเสียดาย ที่ไม่ตรงกับการอภิปรายและหาเสียงไว้ หากทำตามที่เคยพูดไว้ก็น่าจะทุเลาลงได้ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    9
    0 Comments 0 Shares 1853 Views 0 Reviews
  • หมดบารมี ประชาธิปปัตย์ นับถอยหลังปิดตำนาน
    นับถอยหลัง เหลืออีกไม่กี่เดือน จะถึงวันหยอดบัตรเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันเสาร์ที่1 กุมภาพันธ์จํานวน 47 จังหวัด ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะรวมทั้งการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัดด้วย
    ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศไทยนั้นมีบรรยากาศความเข้มข้นแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งส.ส.ระดับประเทศแม้จะเป็นการช่วงชิงอํานาจในการบริหารประเทศ แต่มุมหนึ่งก็ไม่ได้มีการวางเดิมพันที่สูงเหมือนกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
    โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความเข้มข้น เพราะนั่นหมายถึงการควบคุมทรัพยากรของรัฐที่เป็นเอกเทศจากฝ่ายบริหารส่วนกลาง จึงไม่แปลกที่จะมีเหตุการณ์ไข้โป้งและเหตุการณ์ความรุนแรงให้เห็นเป็นระยะหนึ่งในสนามที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างคาดไม่ถึงคือจังหวัดตรัง ซึ่งเวลานี้ ภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองของจังหวัดตรัง มีโฉมหน้าแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยในอดีตเป็นฐานที่มั่นสําคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากหลายทศวรรษพรรคประชาธิปัตย์สามารถครองเก้าอี้ส.ส.ของจังหวัดนี้ได้มาตลอด แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนถึงฐานราก
    วันนี้จังหวัดตรังไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์แบบเด็ดขาดเหมือนในอดีต ภายหลังพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถเข้ามาคล้องเก้าอี้ส.ส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดตรังไปได้บางส่วน
    หรือแม้แต่คะแนนส สบัญชีรายชื่อเฉพาะตรังก็พบว่าประชาธิปัตย์อยู่อันดับที่3ตามหลังพรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกล
    ที่ปัจจุบันเป็นพรรคประชาชนเกือบ100 000 คะแนนประกอบกับสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือภายหลังเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
    ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าชวนหลีกภัยไม่ได้มีความหมายต่อพรรคประชาธิปัตย์แบบอดีตอีกแล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง จึงทําให้สมรภูมิเลือกตั้งท้องถิ่นตรังเปลี่ยนไปด้วยระดับประเทศครั้งต่อไป
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    หมดบารมี ประชาธิปปัตย์ นับถอยหลังปิดตำนาน นับถอยหลัง เหลืออีกไม่กี่เดือน จะถึงวันหยอดบัตรเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันเสาร์ที่1 กุมภาพันธ์จํานวน 47 จังหวัด ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะรวมทั้งการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัดด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศไทยนั้นมีบรรยากาศความเข้มข้นแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งส.ส.ระดับประเทศแม้จะเป็นการช่วงชิงอํานาจในการบริหารประเทศ แต่มุมหนึ่งก็ไม่ได้มีการวางเดิมพันที่สูงเหมือนกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความเข้มข้น เพราะนั่นหมายถึงการควบคุมทรัพยากรของรัฐที่เป็นเอกเทศจากฝ่ายบริหารส่วนกลาง จึงไม่แปลกที่จะมีเหตุการณ์ไข้โป้งและเหตุการณ์ความรุนแรงให้เห็นเป็นระยะหนึ่งในสนามที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างคาดไม่ถึงคือจังหวัดตรัง ซึ่งเวลานี้ ภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองของจังหวัดตรัง มีโฉมหน้าแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยในอดีตเป็นฐานที่มั่นสําคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากหลายทศวรรษพรรคประชาธิปัตย์สามารถครองเก้าอี้ส.ส.ของจังหวัดนี้ได้มาตลอด แต่ปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนถึงฐานราก วันนี้จังหวัดตรังไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์แบบเด็ดขาดเหมือนในอดีต ภายหลังพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถเข้ามาคล้องเก้าอี้ส.ส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดตรังไปได้บางส่วน หรือแม้แต่คะแนนส สบัญชีรายชื่อเฉพาะตรังก็พบว่าประชาธิปัตย์อยู่อันดับที่3ตามหลังพรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันเป็นพรรคประชาชนเกือบ100 000 คะแนนประกอบกับสถานการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือภายหลังเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าชวนหลีกภัยไม่ได้มีความหมายต่อพรรคประชาธิปัตย์แบบอดีตอีกแล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลง จึงทําให้สมรภูมิเลือกตั้งท้องถิ่นตรังเปลี่ยนไปด้วยระดับประเทศครั้งต่อไป ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 1191 Views 0 Reviews
  • "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่
    .
    สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี
    .
    วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้
    .
    “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
    .
    ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
    .
    "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"
    .
    กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
    .
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
    นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว
    .
    นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"
    “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน
    .
    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง”
    การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา
    .
    "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น
    .
    "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน”
    .
    - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก
    .
    - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
    .
    “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
    .
    “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน
    .
    คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา”
    .
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
    ...............
    Sondhi X
    "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่ . สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี . วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้ . “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" . ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ . "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์" . กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง . นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก" นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว . นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง" “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน . นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง” การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา . "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น . "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน” . - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก . - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง . “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป . “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน . คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา” . ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป ............... Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 3046 Views 0 Reviews
  • “ปชน.” อยู่ไม่ไหวโร่แจงยันปืน 5 กระบอกของสมาชิกพรรคปราจีนฯมีทะเบียนไม่ใช่ปืนเถื่อน-พกพาในที่สาธารณะ ชี้ไม่ได้ทำผิดเมินขับพ้นพรรค บอกตอนนี้เจ้าตัวไม่ไม่มีตำแหน่ง โบ้ยฝ่ายตรงข้ามวางงาน

    วันที่ (20 ธ.ค.2567) ที่รัฐสภา นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานสาขาพรรคประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน 5 กระบอกและเครื่องกระสุน โดยแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ว่า ผู้ที่ปรากฏในข่าวดังกล่าวไม่ใช่ผอ.พรรค นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม เคยเป็นอดีตผู้ประสานงาน จ.ปราจีนบุรี ของพรรคก้าวไกล และเคยเป็นผู้ช่วย สส. ของน.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อน.ส.เบญจาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายสุเมธจึงไม่ได้เป็นทั้งผู้ช่วย สส. และผู้ประสานงานประจำจังหวัดแล้ว แต่ก่อนหน้านี้นายสุเมธ เป็นประธานคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นปราจีนบุรี ซึ่งมันจบไปแล้ว ปัจจุบันเป็นนายสุเมธ ไสลวงษ์ ที่เป็น ผอ.พรรคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ไม่ใช่นายสุเมธที่ถูกจับกุมเรื่องอาวุธปืน อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากชื่อสุเมธเหมือนกัน ยืนยันว่าขณะนี้นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นจบเรียบร้อย เราได้ผู้สมัครและประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000122229

    #MGROnline #รองโฆษกพรรคประชาชน #พรรคประชาชน

    “ปชน.” อยู่ไม่ไหวโร่แจงยันปืน 5 กระบอกของสมาชิกพรรคปราจีนฯมีทะเบียนไม่ใช่ปืนเถื่อน-พกพาในที่สาธารณะ ชี้ไม่ได้ทำผิดเมินขับพ้นพรรค บอกตอนนี้เจ้าตัวไม่ไม่มีตำแหน่ง โบ้ยฝ่ายตรงข้ามวางงาน • วันที่ (20 ธ.ค.2567) ที่รัฐสภา นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานสาขาพรรคประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน 5 กระบอกและเครื่องกระสุน โดยแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ว่า ผู้ที่ปรากฏในข่าวดังกล่าวไม่ใช่ผอ.พรรค นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม เคยเป็นอดีตผู้ประสานงาน จ.ปราจีนบุรี ของพรรคก้าวไกล และเคยเป็นผู้ช่วย สส. ของน.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อน.ส.เบญจาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายสุเมธจึงไม่ได้เป็นทั้งผู้ช่วย สส. และผู้ประสานงานประจำจังหวัดแล้ว แต่ก่อนหน้านี้นายสุเมธ เป็นประธานคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นปราจีนบุรี ซึ่งมันจบไปแล้ว ปัจจุบันเป็นนายสุเมธ ไสลวงษ์ ที่เป็น ผอ.พรรคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ไม่ใช่นายสุเมธที่ถูกจับกุมเรื่องอาวุธปืน อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากชื่อสุเมธเหมือนกัน ยืนยันว่าขณะนี้นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นจบเรียบร้อย เราได้ผู้สมัครและประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000122229 • #MGROnline #รองโฆษกพรรคประชาชน #พรรคประชาชน
    0 Comments 0 Shares 540 Views 0 Reviews
  • มอบตัวแล้วมือยิงพ่อ สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ที่แท้หลานชายเจ้าของร้านข้าวต้มจุดเกิดเหตุ ปมทะเลาะวิวาทถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ลูกสาวยันไม่เกี่ยวการเมืองขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ด้าน ตร.ตั้งข้อหาพยายามฆ่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118693

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    มอบตัวแล้วมือยิงพ่อ สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ที่แท้หลานชายเจ้าของร้านข้าวต้มจุดเกิดเหตุ ปมทะเลาะวิวาทถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ลูกสาวยันไม่เกี่ยวการเมืองขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ด้าน ตร.ตั้งข้อหาพยายามฆ่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118693 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 1386 Views 0 Reviews
  • รัดบานได้ที เข้มงวดคัดกรองแรงงานต่างด้าว เน้นตะเพิดพวกฝักใฝ่พรรคก้าวไกล-ประชาชวย ที่เข้ามาหาแดรกแต่กลับร่วมบ่.อนทำล..ายชาติ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    รัดบานได้ที เข้มงวดคัดกรองแรงงานต่างด้าว เน้นตะเพิดพวกฝักใฝ่พรรคก้าวไกล-ประชาชวย ที่เข้ามาหาแดรกแต่กลับร่วมบ่.อนทำล..ายชาติ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 588 Views 0 Reviews
  • ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช.
    .
    ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย
    .
    สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต
    .
    ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
    .
    ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ
    .
    ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
    .
    ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
    .
    ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ
    .
    ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6
    .
    สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
    .
    ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
    .
    ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    ศาลไม่รับคดีล้มล้าง ขาดหลักฐานชัดเจน จับตาคดีในมือ กกต.-ปปช. . ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย . สำหรับคำร้องที่นายธีรยุทธยื่นมี 6 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต . ประเด็นที่ 2 นายทักษิณสั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา . ประเด็นที่ 3 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . ประเด็นที่ 4 นายทักษิณสั่งการแทนพรรคเพื่อไทย โดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมตรี เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของนายทักษิณ . ประเด็นที่ 5 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล . ประเด็นที่ 6 นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของนายทักษิณที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา . ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม แต่การพิจารณาว่า บุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ . ข้อกล่าวอ้างในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ดังนั้น กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 . สำหรับประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 7 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง . ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ . ด้านดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย อดีตส.ว. แสดงความคิดเห็นว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษรที่ขอให้สั่งหยุดการกระทำของคุณทักษิณและ พท.ทั้ง 6 ประเด็น เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯแต่ข้อเท็จจริงทั้ง 6 ประเด็นก็ยังมีผู้ยื่นคำร้องต่อ ปปช.และ กกต.กล่าวหานายทักษิณ พรรคเพื่อไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมทำผิดตามกฎหมายอื่นที่มีโทษรุนแรงทั้งต่อบุคคลและพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปสิ้นสุดการพิจารณาที่ศาลยุติธรรมหรือ ศาลรัฐธรรมนูญได้อีกเป็นหลายกรณี ประชาชนพลเมืองดีของไทยจึงยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป .............. Sondhi X
    Sad
    Like
    4
    1 Comments 0 Shares 2902 Views 0 Reviews
More Results