• ตอนนี้อนุทิน สั่งยกเลิกmou43,44,tor46สมตามเรา..ประชาชนเชื่อว่าอนุทินต้องไม่เป็นแบบรัฐบาลที่แล้ว,เพราะความเป็นจริง ข้อมูลค่าจริงคงรับรู้กันหมดแล้ว พรรคภูมิใจไทยเองยังเห็สด้วยในการยกเลิกmou43,44ก่อนตนมาเป็นรัฐบาลอีก,ภูมิใจที่จะทำสิ่งชั่วเลวหรือภูมิใจที่จะทำสิ่งดีต่อประชาชนต่อชาติก็ต้องเลือกเอา,ประชุมมาจริงกับเขมรแต่เสียกลยุทธทางสงครามเผด็จศึกตัดกำลังตัดศักยภาพทางสงครามสนามรบกับเขมร ก็ต้องไม่ทำตามผลที่ประชุมผีบ้านี้กระทำกัน ,ถ้าเปิดด่าน ย่อมแสดงว่ามีเจตนาทำลายแผนการยุทธวิธีจัดการเขมร ตัดกำลังเขมรทางทหารให้อ่อนแอลงไป,มิให้รุกรานคุกคามเพื่อเข้ายึดประเทศไทยเราได้,หรือถ้าเปิดด่านจะเสียแผนการรบกำจัดศัตรูนั้นเอง,

    https://youtube.com/watch?v=qImPV7rNAI8&si=_TORWlrxmDgFu_tc
    ตอนนี้อนุทิน สั่งยกเลิกmou43,44,tor46สมตามเรา..ประชาชนเชื่อว่าอนุทินต้องไม่เป็นแบบรัฐบาลที่แล้ว,เพราะความเป็นจริง ข้อมูลค่าจริงคงรับรู้กันหมดแล้ว พรรคภูมิใจไทยเองยังเห็สด้วยในการยกเลิกmou43,44ก่อนตนมาเป็นรัฐบาลอีก,ภูมิใจที่จะทำสิ่งชั่วเลวหรือภูมิใจที่จะทำสิ่งดีต่อประชาชนต่อชาติก็ต้องเลือกเอา,ประชุมมาจริงกับเขมรแต่เสียกลยุทธทางสงครามเผด็จศึกตัดกำลังตัดศักยภาพทางสงครามสนามรบกับเขมร ก็ต้องไม่ทำตามผลที่ประชุมผีบ้านี้กระทำกัน ,ถ้าเปิดด่าน ย่อมแสดงว่ามีเจตนาทำลายแผนการยุทธวิธีจัดการเขมร ตัดกำลังเขมรทางทหารให้อ่อนแอลงไป,มิให้รุกรานคุกคามเพื่อเข้ายึดประเทศไทยเราได้,หรือถ้าเปิดด่านจะเสียแผนการรบกำจัดศัตรูนั้นเอง, https://youtube.com/watch?v=qImPV7rNAI8&si=_TORWlrxmDgFu_tc
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • อนุทินถูกวางยาจาก รมต.กลาโหมแล้ว,ประกาศเปิดด่าน แบบนี้ทำคนไทยผิดหวังทั้งประเทศไปเลย,อย่าเอาเศษเงินคนละครึ่งมาตบหัวแลกเปิดด่านช่วยเขมรนะ,เจ้าสัวกิจการใครต้องขุดออกมาประจานกันจริงๆแล้ว เจ้าสัวเหล่านี้คิดแต่ประโยชน์ของตนเอง,เอกชนต่างชาติที่มีกิจการในไทยก็ด้วยที่ใช้ไทยหาตังกับการค้าขายเขมร เร่งการเปิดด่านก็ด้วย,
    ..กฎอัยการศึกไร้น้ำยาจริงๆ.
    ..อนุทินจะต้องถูกยุบพรรคทันที,หากยังใช้คนไม่ถูกแบบนี้,ไม่เด็ดขาดตัดศักยภาพทางทหารศัตรู เสมือนคนยินยอมลงนามเปิดด่านคือไส้ศึกช่วยเพิ่มเสบียงเพิ่มกำลังศัตรูให้มีแรงมาทำสงครามกับไทยนั้นเอง,เสริมกำลังเสริมเสบียงให้พร้อมก่อนมารบกับไทยแบบรอบแรก,กักตุนเสบียงต่างๆทุกๆรูปแบบ หรือเร่งรีบต้องเปิดด่านช่วยเหลือเขมรชัดเจน,การประชุมนี้ถือว่าไม่มีสาระและประโยชน์อะไร เสียเวลาด้วย,สมควรยุบและยุติวิถีการเจรจานี้ทันที,เขมรต้องถูกปิดด่านถาวรจากฝั่งไทยทุกๆกรณีตลอดพรมแดน ไม่มีการเจรจาใดๆอีกต่อไปแม้ไม่มีการรบ จนกว่าเราจะสร้างรั้วลวดหนามกำแพงถาวรลวดหนามนี้เสร็จสมบูรณ์ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด,
    ..เราสามารถสร้างกำแพงในเขตพื้นที่ดินแดนเราเองทันทีได้ห่างจากเส้นศูนย์กลางปกติ10-20เมตร.จากเสาหมุดเขตแดนได้,โดยตรงแนวเส้นเสาหมุดที่เล็งตรงจากเสาต่อเสาหมุดเขตแดนเราล็อกด้วยพิกัดgpsถาวรได้,สร้างรั้วลวดหนามง่ายๆปกติธรรมดาแบบเสารั้วไทบ้านๆเราได้ต้นทุนไม่แพงให้รู้ว่าแนวนี้คือเขตไทยฝั่งไทย จากนั้นวัดเข้ามาฝั่งไทยดินแดนเราเองจากรั้วเขตแดนธรรมดาง่ายๆกันเขมรกับไทยนั้นวัดเข้ามาสักบวกลบ10-20เมตร เราสามารถสร้างกำแพงรั้วลวดหนามชนิดถาวรมั่นคงไปเลยต่ออีกชั้นหนึ่ง, เราสามารถเดินรถลาดตะเวนตลอดแนวลวดหนามถาวรได้,รั้วปกติธรรมดากั้นด่านแรก,ด่านสองรั้วกำแพงสูงถาวรลวดหนามกั้นอีกชั้น,ใช้งบ25,000บาทคนละครึ่งนั้นล่ะ,เราคนไทยเสียสละพร้อมใจกันไม่รับตังนี้,แล้วเร่งรีบเอาตังนี้ที่ต้องด่วนและด่วนที่สุดสร้างกั้นเขมรให้เสร็จโดยรวดเร็ว เราจะตัดตอนภัยคุกคามนี้อีกตัวไปได้ มันจะเป็นจะตายก็ประเทศของมันชาติเนรคุณทรยศนี้ เจ้าสัวเอกชนไทยและต่างชาติในไทยเสียดายโอกาสก็ปิดกิจการในไทยทันทีแล้วย้ายไปเขมรเสีย อย่ามาโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงเอาอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยเรามาสร้างรายได้กำไรมหาศาลหาแดกบนสนามรบสนามความขัดแย้งนี้ ในการทำกำไร,จะว่ามรึงไทยและเขมรรบกัน กูคนค้าขายไม่เกี่ยวหรือกูคนต่างชาติเปิดกิจการในไทยมรึงไม่เกี่ยว,รัฐบาลไทยมรึงต้องเปิดด่านให้อำนวยกูค้าขายทำเงิน ส่งเสบียงอาหารยาสะสมให้ทหารเขมรได้เสรีดีต่อการทำกำไรการค้ากูฝั่งเขมร,อธิปไตยไทยมรึงก็เรื่องของมรึงไม่เกี่ยวกับกูคนต่างชาติเจ้าสัวไทยแบบกูก็ได้วย.

    https://youtube.com/watch?v=l84ju69tsDQ&si=lulzR-gFbJ6y6haE
    อนุทินถูกวางยาจาก รมต.กลาโหมแล้ว,ประกาศเปิดด่าน แบบนี้ทำคนไทยผิดหวังทั้งประเทศไปเลย,อย่าเอาเศษเงินคนละครึ่งมาตบหัวแลกเปิดด่านช่วยเขมรนะ,เจ้าสัวกิจการใครต้องขุดออกมาประจานกันจริงๆแล้ว เจ้าสัวเหล่านี้คิดแต่ประโยชน์ของตนเอง,เอกชนต่างชาติที่มีกิจการในไทยก็ด้วยที่ใช้ไทยหาตังกับการค้าขายเขมร เร่งการเปิดด่านก็ด้วย, ..กฎอัยการศึกไร้น้ำยาจริงๆ. ..อนุทินจะต้องถูกยุบพรรคทันที,หากยังใช้คนไม่ถูกแบบนี้,ไม่เด็ดขาดตัดศักยภาพทางทหารศัตรู เสมือนคนยินยอมลงนามเปิดด่านคือไส้ศึกช่วยเพิ่มเสบียงเพิ่มกำลังศัตรูให้มีแรงมาทำสงครามกับไทยนั้นเอง,เสริมกำลังเสริมเสบียงให้พร้อมก่อนมารบกับไทยแบบรอบแรก,กักตุนเสบียงต่างๆทุกๆรูปแบบ หรือเร่งรีบต้องเปิดด่านช่วยเหลือเขมรชัดเจน,การประชุมนี้ถือว่าไม่มีสาระและประโยชน์อะไร เสียเวลาด้วย,สมควรยุบและยุติวิถีการเจรจานี้ทันที,เขมรต้องถูกปิดด่านถาวรจากฝั่งไทยทุกๆกรณีตลอดพรมแดน ไม่มีการเจรจาใดๆอีกต่อไปแม้ไม่มีการรบ จนกว่าเราจะสร้างรั้วลวดหนามกำแพงถาวรลวดหนามนี้เสร็จสมบูรณ์ตลอดแนวพรมแดนเขมรทั้งหมด, ..เราสามารถสร้างกำแพงในเขตพื้นที่ดินแดนเราเองทันทีได้ห่างจากเส้นศูนย์กลางปกติ10-20เมตร.จากเสาหมุดเขตแดนได้,โดยตรงแนวเส้นเสาหมุดที่เล็งตรงจากเสาต่อเสาหมุดเขตแดนเราล็อกด้วยพิกัดgpsถาวรได้,สร้างรั้วลวดหนามง่ายๆปกติธรรมดาแบบเสารั้วไทบ้านๆเราได้ต้นทุนไม่แพงให้รู้ว่าแนวนี้คือเขตไทยฝั่งไทย จากนั้นวัดเข้ามาฝั่งไทยดินแดนเราเองจากรั้วเขตแดนธรรมดาง่ายๆกันเขมรกับไทยนั้นวัดเข้ามาสักบวกลบ10-20เมตร เราสามารถสร้างกำแพงรั้วลวดหนามชนิดถาวรมั่นคงไปเลยต่ออีกชั้นหนึ่ง, เราสามารถเดินรถลาดตะเวนตลอดแนวลวดหนามถาวรได้,รั้วปกติธรรมดากั้นด่านแรก,ด่านสองรั้วกำแพงสูงถาวรลวดหนามกั้นอีกชั้น,ใช้งบ25,000บาทคนละครึ่งนั้นล่ะ,เราคนไทยเสียสละพร้อมใจกันไม่รับตังนี้,แล้วเร่งรีบเอาตังนี้ที่ต้องด่วนและด่วนที่สุดสร้างกั้นเขมรให้เสร็จโดยรวดเร็ว เราจะตัดตอนภัยคุกคามนี้อีกตัวไปได้ มันจะเป็นจะตายก็ประเทศของมันชาติเนรคุณทรยศนี้ เจ้าสัวเอกชนไทยและต่างชาติในไทยเสียดายโอกาสก็ปิดกิจการในไทยทันทีแล้วย้ายไปเขมรเสีย อย่ามาโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงเอาอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยเรามาสร้างรายได้กำไรมหาศาลหาแดกบนสนามรบสนามความขัดแย้งนี้ ในการทำกำไร,จะว่ามรึงไทยและเขมรรบกัน กูคนค้าขายไม่เกี่ยวหรือกูคนต่างชาติเปิดกิจการในไทยมรึงไม่เกี่ยว,รัฐบาลไทยมรึงต้องเปิดด่านให้อำนวยกูค้าขายทำเงิน ส่งเสบียงอาหารยาสะสมให้ทหารเขมรได้เสรีดีต่อการทำกำไรการค้ากูฝั่งเขมร,อธิปไตยไทยมรึงก็เรื่องของมรึงไม่เกี่ยวกับกูคนต่างชาติเจ้าสัวไทยแบบกูก็ได้วย. https://youtube.com/watch?v=l84ju69tsDQ&si=lulzR-gFbJ6y6haE
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • “อนุทิน” ยันยึดข้อตกลง “ยุบสภาใน 4 เดือน” เดินหน้าจัดทำ รธน.ใหม่ – ชี้ MOA ที่พูดกันไม่ถูก ต้องเรียก “agreement” บอกแต่ละพรรคต้องอธิบายแนวทางแก้รธน.ให้ปชช.เข้าใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086840

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    “อนุทิน” ยันยึดข้อตกลง “ยุบสภาใน 4 เดือน” เดินหน้าจัดทำ รธน.ใหม่ – ชี้ MOA ที่พูดกันไม่ถูก ต้องเรียก “agreement” บอกแต่ละพรรคต้องอธิบายแนวทางแก้รธน.ให้ปชช.เข้าใจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086840 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • กัมพูชาจับนักข่าว 2 ราย! หลังถ่ายภาพปราสาทติดทุ่นระเบิดที่ปราสาทตาควาย!
    https://www.thai-tai.tv/news/21406/.
    .#ไทยไท #กัมพูชา #นักข่าว #ทุ่นระเบิด #การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวต่างประเทศ
    กัมพูชาจับนักข่าว 2 ราย! หลังถ่ายภาพปราสาทติดทุ่นระเบิดที่ปราสาทตาควาย! https://www.thai-tai.tv/news/21406/. .#ไทยไท #กัมพูชา #นักข่าว #ทุ่นระเบิด #การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวต่างประเทศ
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ เผยให้ทางสวนสัตว์ดังพักให้บริการซาฟารีโซนสัตว์ดุร้าย กรณีฝูงสิงโตรุมขย้ำ จนท.เสียชีวิต พร้อมทบทวนกฎเหล็ก 23 ข้อหลังเกิดเหตุ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086824

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ เผยให้ทางสวนสัตว์ดังพักให้บริการซาฟารีโซนสัตว์ดุร้าย กรณีฝูงสิงโตรุมขย้ำ จนท.เสียชีวิต พร้อมทบทวนกฎเหล็ก 23 ข้อหลังเกิดเหตุ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086824 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • คนใจไว้ใจ #รัฐบาลอนุทินได้ไหม #ชายแดนไทยเขมร #เปิดด่าน
    คนใจไว้ใจ #รัฐบาลอนุทินได้ไหม #ชายแดนไทยเขมร #เปิดด่าน
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 0 Reviews
  • บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า

    บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่
    ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว
    ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม
    แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง
    ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน
    ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป
    “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 เมย 57
    ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่ ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 เมย 57 ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    WWW.DROPBOX.COM
    old_track.pdf
    Shared with Dropbox
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 14
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 14 (ตอนจบ)
    หลังจากนาย Kenneth จัดอบรมหลักสูตรปรับพื้นสนามล่าได้ประมาณ
2 ปี วันหนึ่งในปี ค.ศ.1963 นาย Alexis Johnson ก็เข้ามาเยี่ยมระหว่างการฝึกอบรมและประกาศว่านาย Kenneth ทำหน้าที่ปรับพื้นสนามล่าได้ผล เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงจะให้นาย Kenneth ไปทำหน้าที่สำคัญกว่านั้น โดยเป็น Dean of Area Studies for the Foreign Service Institute ซึ่งเป็นการสร้างหลักสูตรสำหรับโปรแกรมต่างๆ ทั่วโลก เป็นงานนั่งโต๊ะ ซึ่งนาย Kenneth บอกว่าไม่รู้ตัวเลย ว่าเขาถูกปลดจากที่ยืนบนแท่นที่ มีไฟส่อง ไปนั่งโต๊ะทำงานในมุมมืด แต่งานมันมีมุมลึกกว่าเดิม ถึงจะลึกยังไง คงไม่สบกับอารมณ์ของนาย Kenneth ซึ่งชอบเสนอหน้า เขาทนนั่งทำงานอยู่ที่สถาบันนี้อยู่ 2,3 ปี จึงออกไปทำงานเป็นศาสตราจารย์เต็ม ตัวใน American University ตามคำชวนของนาย Ernest Griffith แห่ง Council for American Learned Studies ตกลง ใครนะเป็นเจ้าของ มิชชั่นนารี จากเมืองตรัง
    นาย Griffith ขอให้เขาตั้งสถาบันเอเซีย ท้ังตะวันออกเฉียงใต้และเอเซียใต้ที่ American University ซึ่งนาย Kenneth ก็ตกลง เขาคิดหลักสูตรและให้มีการสอนทั้งภาษา ไทย พม่า เวียตนาม ฮินดู และอินโดนีเซีย ฯลฯ หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยดังๆ ต่างๆ ในอเมริกา ต่างพากันตั้งสถาบันทำนองนี้กันหมด ครอบคลุมไปหลาย area เครื่องมือนักล่าแพร่หลายและใช้การได้อย่างดี นาย Kenneth (หรือคนสร้างนาย Kenneth ? ) เป็นคนมองเห็นการณ์ไกลจริง
    และก็สถาบันแบบนี้แหละ ที่ ประมาณ 6,7 ปีมานี้ ไอ้โจรร้ายได้ส่งพวกอาจารย์นักบิด(เบือน)รุ่นใหญ่ ไปเป็นหัวหน้าภาควิชา โดยการสนับสนุนให้ทุนก้อนใหญ่ และการร่วมมือของพวกนักล่า ไปปรับหลักสูตรใหม่ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสถาบัน หลังจากน้ัน บทความที่บิดเบือนเกี่ยวกับสถาบัน เขียนโดยสมุนนักล่า และ ขี้ข้าโจร ก็ทยอยกันออกมา จนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็กำลังโหมฟืนเพิ่มไฟ นักล่าและไอ้โจรร้าย ทำทุกวิถีทางที่จะเขย่าเสาหลักให้คลอน การครอบครองแดนสมันน้อยจะได้ง่ายขึ้น เลิกสงสัยกันได้ว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
    อเมริกาซึ่งเคยรู้จักเมืองไทยแบบลางเลือน รู้แค่ว่าเมืองไทยมีแต่คนฝาแฝดตัวติดกัน รู้จักสถาบันกษัตริย์ของไทยผ่านสายตา ของนางพี่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเพ้อเจ้อ เช่น นาง Anna Leonowens ก็ได้ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนไป คงต้องยอมรับว่า ฝีมือกระล่อนและความเป็นนักฉวยโอกาสของนาย Kenneth ได้ผล ทำให้เครื่องมือนักล่าประเภทนี้ขึ้นอันดับ อเมริกาติดใจดัดแปลงเครื่องมือชนิดนี้ไปเรื่อๆ นาย Kenneth มาเป็นมิชชั่นนารี อาสามาทำงานในเมืองไทยเอง หรือจะมาด้วยเหตุผลอื่น เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมือนักล่าเช่นนี้ ได้ผลอย่างชนิดเหลือเชื่อ การเรียนภาษาไทยจนเข้าใจและอ่านได้ ถึงขนาดอ่านขาดว่าม้าตัวเต็งชื่อสฤษดิ์จะเข้าวิน ทำให้อเมริกาเดินงานได้ตามแผนที่วางไว้เกือบทุกอย่าง แบบนี้จะมีหรือที่ อเมริกาจะไม่เก็บเครื่องมือชนิดนี้ไว้ใช้ต่อ แค่ดัดแปลงใส่ app ใหม่ๆเข้าไปเรื่อยๆเท่านั้น
    สถาบันเอเซียศึกษาไม่ว่าอยู่ใน เมืองไทย หรือในอเมริกา มาจากไหน หนังสือเกือบ 2000 เล่ม และแผ่นที่หอบไป ขยายผลได้มากมาย มูลนิธิต่างๆ เช่น Asia Foundation ….. ได้ถูกนำมาก่อตั้งในเมืองไทยมีทั้งแบบโจ๋งครึ่ม และปกปิด ครูบาอาจารย์หรือ ให้ทุนมันเข้าไป จะได้ไปรับวัฒนธรรมทางความคิดของอเมริกากลับเข้ามา เหตุการณ์ ค.ศ.1960 ที่ประธานาธิบดี Kennedy ฉุนขาดจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผ่านมากว่า 50 ปี เรารู้กันบ้างไหมว่าเขาเอานาย Kenneth 1,2,3….. ถึง 1000 มาไว้บ้านเรากี่คนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย Kenneth รุ่นใหม่ ชื่อพี่เจฟ เข้ามาเป็น Peace Corp อยู่ทางใต้ (เดินตามรอยกันมาเดี๊ยะเชียวนะ ! ) ตั้งแต่ยังแน่นหนุ่ม ตอนนั้นทั้งเหี่ยวทั้งล้านก็ยังอยู่เมืองไทย เข้าออกในที่สูงที่ลับที่แจ้ง บนเวทีลุงกำนันก็ไปขึ้นมาแล้ว ขนพรรคพวกมาอยู่ข้างเวทีเกือบทุกวัน สมัยหนึ่ง 3-4 ปีมาแล้วถึงกับจัดงานหาทุนให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง (ไม่เข็ดเรื่อง Lotus Project หรือไง ต้องให้แฉกันมากกว่านี้มั๊ย ? ท่านใดอ่านแล้วงงก็ไปหาอ่านกันต่อในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอยนะครับ) ยังมีทุนการศึกษาต่างๆ เช่น American Field Service (AFS) ที่ให้แก่นักเรียนชั้น ม. ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่กับครอบครัวอเมริกัน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม หลายๆคน เดี๋ยวนี้ก็ยังเข้มแข็งจัดงานเฉลิมฉลองมิตรไมตรีความเข้าใจอันดีของ 2 ประเทศอยู่ทุกปี ขนาดโดนเขาด่า เขามาแทรกแซงประเทศ คนพวกนี้ก็เหมือนจะเห็นบุญคุณของ 1 ปี ที่ไปอยู่กับเขามากกว่าแผ่นดินเกิดของตนเอง
    นี่ยังไม่ได้พูดถึงครูบาอาจารย์ ที่ได้ทุนไปเรียนปริญญาตรี โท เอก ของ Asia Foundation, Fulbright, Ford Foundation, Rockefeller ฯลฯ อาจารย์ต่างๆเหล่านี้ กลับมาสอนในมหาวิทยาลัยไทย แต่จัดหลักสูตรใหม่ตามที่ผู้ให้ทุนต้องการ เขารู้จักเรามากว่า 50 ปีแล้วจากที่แทบจะไม่มีใครในบ้านเมืองเขาได้ยินชื่อเมืองเราเลย จนเดี๋ยวนี้เขารู้จักเมืองเราทุกตารางนิ้ว รู้จักและใช้คนของเราทำงานเพื่อ ประโยชน์ของเขา เขาติดตามเราทุกย่างก้าว ครอบงำความคิด วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ เราเกือบทุกเรื่อง โดยเราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่ไม่รู้สึก ไม่ฉุกคิด ไม่เฉลียวใจ ไม่รับรู้ ไม่หวงแหน นี่ขนาดเขาใช้เครื่องมือล่าระดับง่ามไม้เล็กๆ เขายังกวาดข้อมูล นำไปใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือล่าให้แม่นยำขึ้นไปอีก แล้วถ้าเราเจอเครื่องมือล่าประเภทหัวเจาะ ไม่ว่าเป็นประเภทหัวเจาะผมทอง หรือผมดำสัญชาติไทยแต่ใจเป็นอื่น ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยในบ้านเรา และอาจจะกำลังถูกนำมาใช้งานเร็วๆนี้ แล้วเราจะนั่งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปหรือครับ

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 14 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 14 (ตอนจบ) หลังจากนาย Kenneth จัดอบรมหลักสูตรปรับพื้นสนามล่าได้ประมาณ
2 ปี วันหนึ่งในปี ค.ศ.1963 นาย Alexis Johnson ก็เข้ามาเยี่ยมระหว่างการฝึกอบรมและประกาศว่านาย Kenneth ทำหน้าที่ปรับพื้นสนามล่าได้ผล เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงจะให้นาย Kenneth ไปทำหน้าที่สำคัญกว่านั้น โดยเป็น Dean of Area Studies for the Foreign Service Institute ซึ่งเป็นการสร้างหลักสูตรสำหรับโปรแกรมต่างๆ ทั่วโลก เป็นงานนั่งโต๊ะ ซึ่งนาย Kenneth บอกว่าไม่รู้ตัวเลย ว่าเขาถูกปลดจากที่ยืนบนแท่นที่ มีไฟส่อง ไปนั่งโต๊ะทำงานในมุมมืด แต่งานมันมีมุมลึกกว่าเดิม ถึงจะลึกยังไง คงไม่สบกับอารมณ์ของนาย Kenneth ซึ่งชอบเสนอหน้า เขาทนนั่งทำงานอยู่ที่สถาบันนี้อยู่ 2,3 ปี จึงออกไปทำงานเป็นศาสตราจารย์เต็ม ตัวใน American University ตามคำชวนของนาย Ernest Griffith แห่ง Council for American Learned Studies ตกลง ใครนะเป็นเจ้าของ มิชชั่นนารี จากเมืองตรัง นาย Griffith ขอให้เขาตั้งสถาบันเอเซีย ท้ังตะวันออกเฉียงใต้และเอเซียใต้ที่ American University ซึ่งนาย Kenneth ก็ตกลง เขาคิดหลักสูตรและให้มีการสอนทั้งภาษา ไทย พม่า เวียตนาม ฮินดู และอินโดนีเซีย ฯลฯ หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยดังๆ ต่างๆ ในอเมริกา ต่างพากันตั้งสถาบันทำนองนี้กันหมด ครอบคลุมไปหลาย area เครื่องมือนักล่าแพร่หลายและใช้การได้อย่างดี นาย Kenneth (หรือคนสร้างนาย Kenneth ? ) เป็นคนมองเห็นการณ์ไกลจริง และก็สถาบันแบบนี้แหละ ที่ ประมาณ 6,7 ปีมานี้ ไอ้โจรร้ายได้ส่งพวกอาจารย์นักบิด(เบือน)รุ่นใหญ่ ไปเป็นหัวหน้าภาควิชา โดยการสนับสนุนให้ทุนก้อนใหญ่ และการร่วมมือของพวกนักล่า ไปปรับหลักสูตรใหม่ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสถาบัน หลังจากน้ัน บทความที่บิดเบือนเกี่ยวกับสถาบัน เขียนโดยสมุนนักล่า และ ขี้ข้าโจร ก็ทยอยกันออกมา จนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็กำลังโหมฟืนเพิ่มไฟ นักล่าและไอ้โจรร้าย ทำทุกวิถีทางที่จะเขย่าเสาหลักให้คลอน การครอบครองแดนสมันน้อยจะได้ง่ายขึ้น เลิกสงสัยกันได้ว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร อเมริกาซึ่งเคยรู้จักเมืองไทยแบบลางเลือน รู้แค่ว่าเมืองไทยมีแต่คนฝาแฝดตัวติดกัน รู้จักสถาบันกษัตริย์ของไทยผ่านสายตา ของนางพี่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเพ้อเจ้อ เช่น นาง Anna Leonowens ก็ได้ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนไป คงต้องยอมรับว่า ฝีมือกระล่อนและความเป็นนักฉวยโอกาสของนาย Kenneth ได้ผล ทำให้เครื่องมือนักล่าประเภทนี้ขึ้นอันดับ อเมริกาติดใจดัดแปลงเครื่องมือชนิดนี้ไปเรื่อๆ นาย Kenneth มาเป็นมิชชั่นนารี อาสามาทำงานในเมืองไทยเอง หรือจะมาด้วยเหตุผลอื่น เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมือนักล่าเช่นนี้ ได้ผลอย่างชนิดเหลือเชื่อ การเรียนภาษาไทยจนเข้าใจและอ่านได้ ถึงขนาดอ่านขาดว่าม้าตัวเต็งชื่อสฤษดิ์จะเข้าวิน ทำให้อเมริกาเดินงานได้ตามแผนที่วางไว้เกือบทุกอย่าง แบบนี้จะมีหรือที่ อเมริกาจะไม่เก็บเครื่องมือชนิดนี้ไว้ใช้ต่อ แค่ดัดแปลงใส่ app ใหม่ๆเข้าไปเรื่อยๆเท่านั้น สถาบันเอเซียศึกษาไม่ว่าอยู่ใน เมืองไทย หรือในอเมริกา มาจากไหน หนังสือเกือบ 2000 เล่ม และแผ่นที่หอบไป ขยายผลได้มากมาย มูลนิธิต่างๆ เช่น Asia Foundation ….. ได้ถูกนำมาก่อตั้งในเมืองไทยมีทั้งแบบโจ๋งครึ่ม และปกปิด ครูบาอาจารย์หรือ ให้ทุนมันเข้าไป จะได้ไปรับวัฒนธรรมทางความคิดของอเมริกากลับเข้ามา เหตุการณ์ ค.ศ.1960 ที่ประธานาธิบดี Kennedy ฉุนขาดจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผ่านมากว่า 50 ปี เรารู้กันบ้างไหมว่าเขาเอานาย Kenneth 1,2,3….. ถึง 1000 มาไว้บ้านเรากี่คนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย Kenneth รุ่นใหม่ ชื่อพี่เจฟ เข้ามาเป็น Peace Corp อยู่ทางใต้ (เดินตามรอยกันมาเดี๊ยะเชียวนะ ! ) ตั้งแต่ยังแน่นหนุ่ม ตอนนั้นทั้งเหี่ยวทั้งล้านก็ยังอยู่เมืองไทย เข้าออกในที่สูงที่ลับที่แจ้ง บนเวทีลุงกำนันก็ไปขึ้นมาแล้ว ขนพรรคพวกมาอยู่ข้างเวทีเกือบทุกวัน สมัยหนึ่ง 3-4 ปีมาแล้วถึงกับจัดงานหาทุนให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง (ไม่เข็ดเรื่อง Lotus Project หรือไง ต้องให้แฉกันมากกว่านี้มั๊ย ? ท่านใดอ่านแล้วงงก็ไปหาอ่านกันต่อในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอยนะครับ) ยังมีทุนการศึกษาต่างๆ เช่น American Field Service (AFS) ที่ให้แก่นักเรียนชั้น ม. ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่กับครอบครัวอเมริกัน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม หลายๆคน เดี๋ยวนี้ก็ยังเข้มแข็งจัดงานเฉลิมฉลองมิตรไมตรีความเข้าใจอันดีของ 2 ประเทศอยู่ทุกปี ขนาดโดนเขาด่า เขามาแทรกแซงประเทศ คนพวกนี้ก็เหมือนจะเห็นบุญคุณของ 1 ปี ที่ไปอยู่กับเขามากกว่าแผ่นดินเกิดของตนเอง นี่ยังไม่ได้พูดถึงครูบาอาจารย์ ที่ได้ทุนไปเรียนปริญญาตรี โท เอก ของ Asia Foundation, Fulbright, Ford Foundation, Rockefeller ฯลฯ อาจารย์ต่างๆเหล่านี้ กลับมาสอนในมหาวิทยาลัยไทย แต่จัดหลักสูตรใหม่ตามที่ผู้ให้ทุนต้องการ เขารู้จักเรามากว่า 50 ปีแล้วจากที่แทบจะไม่มีใครในบ้านเมืองเขาได้ยินชื่อเมืองเราเลย จนเดี๋ยวนี้เขารู้จักเมืองเราทุกตารางนิ้ว รู้จักและใช้คนของเราทำงานเพื่อ ประโยชน์ของเขา เขาติดตามเราทุกย่างก้าว ครอบงำความคิด วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ เราเกือบทุกเรื่อง โดยเราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่ไม่รู้สึก ไม่ฉุกคิด ไม่เฉลียวใจ ไม่รับรู้ ไม่หวงแหน นี่ขนาดเขาใช้เครื่องมือล่าระดับง่ามไม้เล็กๆ เขายังกวาดข้อมูล นำไปใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือล่าให้แม่นยำขึ้นไปอีก แล้วถ้าเราเจอเครื่องมือล่าประเภทหัวเจาะ ไม่ว่าเป็นประเภทหัวเจาะผมทอง หรือผมดำสัญชาติไทยแต่ใจเป็นอื่น ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยในบ้านเรา และอาจจะกำลังถูกนำมาใช้งานเร็วๆนี้ แล้วเราจะนั่งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปหรือครับ คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13
    นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project
    บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี
    ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า
    ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table
    และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า
    นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13 นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เอกชนหนุน "คนละครึ่ง" เสนอเพิ่มวงเงิน 200 บาท : [NEWS UPDATE]

    นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค เผยถึงการหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมภัตตาคารไทย แพลตฟอร์มไลน์แมน วงใน และแกร็บ ในการเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาท แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรอยต่องบประมาณเหลือไม่มาก นายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายกู้เงินเพิ่มเพราะหนี้สาธารณะสูง อาจไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้เต็มที่ แต่เดินหน้าโครงการแน่นอน และเตรียมขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ย้ำ นายกรัฐมนตรี ไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และอาจเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี เพื่อจูงใจให้เข้าระบบมากขึ้น

    -เพื่อไทยจะเปลี่ยนหลายอย่าง

    -ความไว้ใจไม่เหมือนเดิม

    -แก้ รธน.ต้องถามประชาชน

    -สอบจุดอ่อนเลี้ยงสิงโต
    เอกชนหนุน "คนละครึ่ง" เสนอเพิ่มวงเงิน 200 บาท : [NEWS UPDATE] นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค เผยถึงการหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมภัตตาคารไทย แพลตฟอร์มไลน์แมน วงใน และแกร็บ ในการเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง เอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาท แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรอยต่องบประมาณเหลือไม่มาก นายกรัฐมนตรีไม่มีนโยบายกู้เงินเพิ่มเพราะหนี้สาธารณะสูง อาจไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้เต็มที่ แต่เดินหน้าโครงการแน่นอน และเตรียมขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ย้ำ นายกรัฐมนตรี ไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และอาจเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี เพื่อจูงใจให้เข้าระบบมากขึ้น -เพื่อไทยจะเปลี่ยนหลายอย่าง -ความไว้ใจไม่เหมือนเดิม -แก้ รธน.ต้องถามประชาชน -สอบจุดอ่อนเลี้ยงสิงโต
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 0 Reviews
  • “อนุทิน” เตรียมรื้อโยกย้ายข้าราชการระดับสูงมหาดไทย อ้างคืนความยุติธรรม พร้อมทบทวนโปกเกอร์ให้กลับมาเป็นการพนัน ยันอยากใช้การพนันดึงเศรษฐกิจให้รอนายกฯ คนอื่น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086766

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    “อนุทิน” เตรียมรื้อโยกย้ายข้าราชการระดับสูงมหาดไทย อ้างคืนความยุติธรรม พร้อมทบทวนโปกเกอร์ให้กลับมาเป็นการพนัน ยันอยากใช้การพนันดึงเศรษฐกิจให้รอนายกฯ คนอื่น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086766 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • อนุทินแย้ม คนละครึ่ง ผู้เสียภาษีได้สิทธิ 60 ต่อ 40 ประชาชนทั่วไป 50 ต่อ 50 (10/9/68)
    #คนละครึ่งเวอร์ชันใหม่ #คนเสียภาษีได้มากขึ้น #รัฐอุดหนุน60เปอร์เซ็นต์ #นโยบายอนุทินล่าสุด #โครงการคนละครึ่ง2568 #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    อนุทินแย้ม คนละครึ่ง ผู้เสียภาษีได้สิทธิ 60 ต่อ 40 ประชาชนทั่วไป 50 ต่อ 50 (10/9/68) #คนละครึ่งเวอร์ชันใหม่ #คนเสียภาษีได้มากขึ้น #รัฐอุดหนุน60เปอร์เซ็นต์ #นโยบายอนุทินล่าสุด #โครงการคนละครึ่ง2568 #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 0 Reviews
  • เปิดตัวรัฐบาลราชทัณฑ์ หลังได้ตัวนายกฯ แม้ว
    เหลือรอพรรคร่วมรัฐบาลจากคดีฮั้วสว. และรอฝ่ายค้านจากคดี112
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อนุทิน
    #นายกหนู
    เปิดตัวรัฐบาลราชทัณฑ์ หลังได้ตัวนายกฯ แม้ว เหลือรอพรรคร่วมรัฐบาลจากคดีฮั้วสว. และรอฝ่ายค้านจากคดี112 #คิงส์โพธิ์แดง #อนุทิน #นายกหนู
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 0 Reviews
  • ..#ยกเลิกMOU43
    ..#ยกเลิกMOU44
    #MOU43MOU44ต้องยกเลิกทันที

    ..ยกเลิกmou43,44ไม่ทำแน่ๆดูทรงๆแล้ว,เขตแดน1:1คือเสาเขตแดนสยามปักหมุดชัดเจนแล้วถึง73-74เสาปักหมุดเขตแดน,สร้างรั้วลวดหนามกั้นได้ทันที,
    ..ถ้านายกฯหนูไม่ยกเลิกMOU43,44หลังเข้ารับตำแหน่งภายใน15วันของเดือนกันยายน2568นี้,ต้องฟันธงได้ทันทีว่า ไม่มีความซื่อสัตย์จริงใจทั้งต่อชาติไทยอธิปไตยไทยตนเองและประชาชนแน่แล้ว,วาทะกรรมที่พรรคภูมิใจธรรมรวมตัวกันเสนอยกเลิกMOU43,44กับรัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งเป็นละครโกหกประชาชนฉากหนึ่งนั้นเอง,ไม่อาจสามารถให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อได้อีกต่อไป,ต้องขอนายกฯคนที่33พระราชทานแล้ว,รัฐบาลพระราชทานแล้ว, นายกฯหนู มีเวลาตัดสินใจถึงวันที่15ก.ย.68นี้เท่านั้นหลังรับตำแหน่ง,ช้าสุดวันที่17,ถ้าไม่ทำก็อย่าอ้างอะไร อ้างเหตุผลใดๆเลย,นี้ขนาดประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเชื่อกันว่าต้องปิดด่านถาวรทั้งหมดแน่นอนและจะด่านใดๆต้องทำการปิดตลอดแนวจนกว่าไทยจะสร้างรั้วลวดหนามเสร็จจึงค่อยกลับมาเจรจากันใหม่โน้น,เพื่อตัดเสบียงอาหาร เสบียงอาวุธ เสบียงขนย้ายไส้ศึกกำลังพลมันต่างๆ เสบียงสาระพัดรูปแบบผ่านเอกชนต่างชาติในไทยหรือเอกชนในไทยเองที่รอช่วยเหลือเขมรทุกๆทางอยู่ก็ว่า,
    ..การเปิดด่านเสมือนฆ่าอธิปไตยไทยตนเอง,ส่งมีดส่งปืนให้อีกฝ่ายมาฆ่าตนได้,มันคือความมั่นคงทั้งหมดนะ,เสบียงการซ่อมบำรุงสนับสนุนมันขนจากฝั่งจันทบุรี และ ตราด ก็สามารถกระจายอะไรสาระพัดถึงทหารชายแดนมันให้มีกำลังขึ้นมาต่อสู้กับไทยได้ เพิ่มศักยภาพทางการรบทางทหารเขมรชัดเจนด้วย,เอกชนใดๆในไทยหมายอยากค้าขายกับเขมรสามารถย้ายบริษัท ย้ายโรงงาน ย้ายกิจการตนไปตั้งที่เวียดนาม ที่ลาว ไปค้าขายกับเขมรที่ประเทศลาวและเวียดนามได้,อย่ามาสร้างเงื่อนไขให้ไทย บีบบังคับไทยเปิดด่านเพื่อการค้าขายทำกำไรของส่วนตนประโยชน์บริษัทกิจการตัวเองเลย,เรา..คนไทยถีบคุณออกจากประเทศไทยได้,สื่อนักข่าวสมควรนำข้อมูลบริษัทอะไรบ้างในไทยที่เปิดด่านแล้วผ่านเข้าออกไปเขมรนี้จะบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลใดๆ เราเอามาแฉบอกความจริงประชาชนเถอะแล้วร่วมกดดันแบบกิจการมัน ไม่ใช้สินค้าบริการมัน,ประชาชนมีสิทธิรับรู้ถึงการเข้าออกไปเขมรของมันที่วุ่นวายกับชาติไทยเราในการปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของคนไทยเราเองทั้งประเทศ,เสมือนเอกชนนี้เจตนาใช้จังหวะนี้เปิดประตูให้โจร ว่าโจรนี้กำลังขาดอาหาร สร้างความเดือดร้อนแก่โจรที่กำลังจะพังประตูข้ามเส้นมาฆ่ามาขึ้นบ้านเรา มาสังหารยกครอบครัวเราภายในบ้าน มันพวกนี้อยากขายอาหารให้โจร ขายสินค้าให้โจรปล้นฆ่าเอาบ้านเรา เจตนาสงสารกลุ่มโจร กลัวโจรเดือดร้อน เจรจาเปิดประตูให้โจรนั้นเอง,คนประเภทนี้หนักแผ่นดินไทยมิสามารถแก้ไขได้จริงๆ,ได้โอกาสแก้ตัวที่ดีแล้วกลับทำตัวเหมือนเดิม,มุ่งช่วยเหลือศัตรูปกติ,มันจะเก็บระเบิดหรือไม่เก็บบนแผ่นดินมัน,มันเป็นเรื่องของมัน,บนแผ่นดินไทยเมื่อมันเข้ามาวางมันต้องเก็บทั้งหมด,ไม่เก็บก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก,เราเก็บเอง สร้างรั้วลวดหนามคู่ขนานขณะเก็บไปด้วย ,เอามาวางอีกรัศมีติดรั้วลวดหนามเขตไทยยิงทิ้งเลย,
    ..เข้ายังไม่ไว้วางใจอะไ ก็ออกลายให้เขาเชื่อว่าไม่น่าไว้วางใจไปอีก,เรา..ประชาชนตกลงกันทั่วประเทศให้ยกเลิกmou43,44ทันทีก็ไม่รีบทำตั้งคณะทำงานผีบ้าอะไรอีก มันไม่ชอบด้วยกฎหมายอธิปไตยไทยแต่แรกแล้ว ไม่เคยเอาเข้าสภาด้วย ตกลงกันเองในรัฐบาลนั้นๆเองซึ่งคนทำก็ติดคุกแล้วด้วย,ไร้ความน่าเชื่อถือไปอีก,ต่อมาให้สร้างรั้วลวดหนาทถาวรเสร็จก่อนค่อยว่าเรื่องไม่เปิดด่านอีกหรือไม่.
    https://youtube.com/watch?v=iwUrVFOyo1Y&si=UZ4FkQsz6bQNydMH
    ..#ยกเลิกMOU43 ..#ยกเลิกMOU44 #MOU43MOU44ต้องยกเลิกทันที ..ยกเลิกmou43,44ไม่ทำแน่ๆดูทรงๆแล้ว,เขตแดน1:1คือเสาเขตแดนสยามปักหมุดชัดเจนแล้วถึง73-74เสาปักหมุดเขตแดน,สร้างรั้วลวดหนามกั้นได้ทันที, ..ถ้านายกฯหนูไม่ยกเลิกMOU43,44หลังเข้ารับตำแหน่งภายใน15วันของเดือนกันยายน2568นี้,ต้องฟันธงได้ทันทีว่า ไม่มีความซื่อสัตย์จริงใจทั้งต่อชาติไทยอธิปไตยไทยตนเองและประชาชนแน่แล้ว,วาทะกรรมที่พรรคภูมิใจธรรมรวมตัวกันเสนอยกเลิกMOU43,44กับรัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งเป็นละครโกหกประชาชนฉากหนึ่งนั้นเอง,ไม่อาจสามารถให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อได้อีกต่อไป,ต้องขอนายกฯคนที่33พระราชทานแล้ว,รัฐบาลพระราชทานแล้ว, นายกฯหนู มีเวลาตัดสินใจถึงวันที่15ก.ย.68นี้เท่านั้นหลังรับตำแหน่ง,ช้าสุดวันที่17,ถ้าไม่ทำก็อย่าอ้างอะไร อ้างเหตุผลใดๆเลย,นี้ขนาดประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเชื่อกันว่าต้องปิดด่านถาวรทั้งหมดแน่นอนและจะด่านใดๆต้องทำการปิดตลอดแนวจนกว่าไทยจะสร้างรั้วลวดหนามเสร็จจึงค่อยกลับมาเจรจากันใหม่โน้น,เพื่อตัดเสบียงอาหาร เสบียงอาวุธ เสบียงขนย้ายไส้ศึกกำลังพลมันต่างๆ เสบียงสาระพัดรูปแบบผ่านเอกชนต่างชาติในไทยหรือเอกชนในไทยเองที่รอช่วยเหลือเขมรทุกๆทางอยู่ก็ว่า, ..การเปิดด่านเสมือนฆ่าอธิปไตยไทยตนเอง,ส่งมีดส่งปืนให้อีกฝ่ายมาฆ่าตนได้,มันคือความมั่นคงทั้งหมดนะ,เสบียงการซ่อมบำรุงสนับสนุนมันขนจากฝั่งจันทบุรี และ ตราด ก็สามารถกระจายอะไรสาระพัดถึงทหารชายแดนมันให้มีกำลังขึ้นมาต่อสู้กับไทยได้ เพิ่มศักยภาพทางการรบทางทหารเขมรชัดเจนด้วย,เอกชนใดๆในไทยหมายอยากค้าขายกับเขมรสามารถย้ายบริษัท ย้ายโรงงาน ย้ายกิจการตนไปตั้งที่เวียดนาม ที่ลาว ไปค้าขายกับเขมรที่ประเทศลาวและเวียดนามได้,อย่ามาสร้างเงื่อนไขให้ไทย บีบบังคับไทยเปิดด่านเพื่อการค้าขายทำกำไรของส่วนตนประโยชน์บริษัทกิจการตัวเองเลย,เรา..คนไทยถีบคุณออกจากประเทศไทยได้,สื่อนักข่าวสมควรนำข้อมูลบริษัทอะไรบ้างในไทยที่เปิดด่านแล้วผ่านเข้าออกไปเขมรนี้จะบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลใดๆ เราเอามาแฉบอกความจริงประชาชนเถอะแล้วร่วมกดดันแบบกิจการมัน ไม่ใช้สินค้าบริการมัน,ประชาชนมีสิทธิรับรู้ถึงการเข้าออกไปเขมรของมันที่วุ่นวายกับชาติไทยเราในการปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของคนไทยเราเองทั้งประเทศ,เสมือนเอกชนนี้เจตนาใช้จังหวะนี้เปิดประตูให้โจร ว่าโจรนี้กำลังขาดอาหาร สร้างความเดือดร้อนแก่โจรที่กำลังจะพังประตูข้ามเส้นมาฆ่ามาขึ้นบ้านเรา มาสังหารยกครอบครัวเราภายในบ้าน มันพวกนี้อยากขายอาหารให้โจร ขายสินค้าให้โจรปล้นฆ่าเอาบ้านเรา เจตนาสงสารกลุ่มโจร กลัวโจรเดือดร้อน เจรจาเปิดประตูให้โจรนั้นเอง,คนประเภทนี้หนักแผ่นดินไทยมิสามารถแก้ไขได้จริงๆ,ได้โอกาสแก้ตัวที่ดีแล้วกลับทำตัวเหมือนเดิม,มุ่งช่วยเหลือศัตรูปกติ,มันจะเก็บระเบิดหรือไม่เก็บบนแผ่นดินมัน,มันเป็นเรื่องของมัน,บนแผ่นดินไทยเมื่อมันเข้ามาวางมันต้องเก็บทั้งหมด,ไม่เก็บก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก,เราเก็บเอง สร้างรั้วลวดหนามคู่ขนานขณะเก็บไปด้วย ,เอามาวางอีกรัศมีติดรั้วลวดหนามเขตไทยยิงทิ้งเลย, ..เข้ายังไม่ไว้วางใจอะไ ก็ออกลายให้เขาเชื่อว่าไม่น่าไว้วางใจไปอีก,เรา..ประชาชนตกลงกันทั่วประเทศให้ยกเลิกmou43,44ทันทีก็ไม่รีบทำตั้งคณะทำงานผีบ้าอะไรอีก มันไม่ชอบด้วยกฎหมายอธิปไตยไทยแต่แรกแล้ว ไม่เคยเอาเข้าสภาด้วย ตกลงกันเองในรัฐบาลนั้นๆเองซึ่งคนทำก็ติดคุกแล้วด้วย,ไร้ความน่าเชื่อถือไปอีก,ต่อมาให้สร้างรั้วลวดหนาทถาวรเสร็จก่อนค่อยว่าเรื่องไม่เปิดด่านอีกหรือไม่. https://youtube.com/watch?v=iwUrVFOyo1Y&si=UZ4FkQsz6bQNydMH
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • หนุ่มไทยขอถาม นกม.จะแก้รธน. เพราะเหตุนี้ใช่ไหม (10/9/68)
    #นกมจะแก้รัฐธรรมนูญทำไม #เจตนาเบื้องหลังการแก้รธน #รัฐธรรมนูญเพื่อใคร #ประชาชนมีสิทธิถาม #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    หนุ่มไทยขอถาม นกม.จะแก้รธน. เพราะเหตุนี้ใช่ไหม (10/9/68) #นกมจะแก้รัฐธรรมนูญทำไม #เจตนาเบื้องหลังการแก้รธน #รัฐธรรมนูญเพื่อใคร #ประชาชนมีสิทธิถาม #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 0 Reviews
  • ย้อนฟังอดีตสมัยเป็นรองนายก คนไทยก็ยังหนาวๆ (10/9/68)
    #ย้อนฟังผลงานอนุทิน #รองนายกยุคนั้นยังจำได้ไหม #คนไทยยังหนาว #อดีตไม่ได้น่าจำเสมอไป #อนาคตน่าเป็นห่วง #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    ย้อนฟังอดีตสมัยเป็นรองนายก คนไทยก็ยังหนาวๆ (10/9/68) #ย้อนฟังผลงานอนุทิน #รองนายกยุคนั้นยังจำได้ไหม #คนไทยยังหนาว #อดีตไม่ได้น่าจำเสมอไป #อนาคตน่าเป็นห่วง #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 0 Reviews
  • "ยุทธิยง" แนะ อนุทินควรยกเลิกMOUเป็นสิ่งแรก (10/9/68)
    #ยุทธิยงแนะนายกหนู #ยกเลิกMOU43_44ด่วน #MOUต้องยกเลิก #อธิปไตยไทยต้องมาก่อน #อนุทินต้องฟังเสียงประชาชน #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst
    "ยุทธิยง" แนะ อนุทินควรยกเลิกMOUเป็นสิ่งแรก (10/9/68) #ยุทธิยงแนะนายกหนู #ยกเลิกMOU43_44ด่วน #MOUต้องยกเลิก #อธิปไตยไทยต้องมาก่อน #อนุทินต้องฟังเสียงประชาชน #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 0 Reviews
  • หนุ่มสุดจะทน ถามพรรคส้ม มีจุก (10/9/68)
    #หนุ่มไทยถามตรงๆ #พรรคส้มมีจุก #จี้จุดจนเถียงไม่ออก #เสียงจากประชาชนตัวจริง #ไม่ไหวจะทนแล้ว #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    หนุ่มสุดจะทน ถามพรรคส้ม มีจุก (10/9/68) #หนุ่มไทยถามตรงๆ #พรรคส้มมีจุก #จี้จุดจนเถียงไม่ออก #เสียงจากประชาชนตัวจริง #ไม่ไหวจะทนแล้ว #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 0 Reviews
  • สันติภาพ-มั่นคง นายกอนุทินจะเลือกอะไร..??? (10/9/68)
    #สันติภาพหรือมั่นคง #นายกอนุทินจะเลือกอะไร #เกมนโยบายชายแดน #อธิปไตยต้องไม่ต่อรอง #ผู้นำต้องชัดเจน #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    สันติภาพ-มั่นคง นายกอนุทินจะเลือกอะไร..??? (10/9/68) #สันติภาพหรือมั่นคง #นายกอนุทินจะเลือกอะไร #เกมนโยบายชายแดน #อธิปไตยต้องไม่ต่อรอง #ผู้นำต้องชัดเจน #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 0 Reviews
  • หนุ่มชายแดนไม่ทน เรียกจิรัฏฐ์ เรียกพรรคส้ม มาฟังด่วน! (10/9/68)
    #เสียงจากชายแดน #หนุ่มชายแดนลุกแล้ว #จิรัฏฐ์มาฟังหน่อย #พรรคส้มอย่ามองข้ามชายแดน #ประชาชนของจริง #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    หนุ่มชายแดนไม่ทน เรียกจิรัฏฐ์ เรียกพรรคส้ม มาฟังด่วน! (10/9/68) #เสียงจากชายแดน #หนุ่มชายแดนลุกแล้ว #จิรัฏฐ์มาฟังหน่อย #พรรคส้มอย่ามองข้ามชายแดน #ประชาชนของจริง #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 0 Reviews
  • “Neuralink ผ่าน 2,000 วันใช้งานจริง! ผู้ป่วยควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิด — ก้าวใหม่ของเทคโนโลยีเชื่อมสมองกับเครื่องจักร”

    ลองจินตนาการว่าคุณสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยความคิด โดยไม่ต้องขยับมือหรือพูดออกมา — นั่นคือสิ่งที่ Neuralink บริษัทของ Elon Musk กำลังทำให้เป็นจริง และล่าสุดได้ประกาศว่า มีผู้ป่วย 12 คนทั่วโลกที่ใช้อุปกรณ์ฝังสมองของบริษัทมาแล้วรวมกันกว่า 2,000 วัน หรือกว่า 15,000 ชั่วโมง

    หนึ่งในผู้ใช้ที่โด่งดังที่สุดคือ Noland Arbaugh ผู้ที่เป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุทางน้ำในปี 2016 และได้รับการฝังชิป Neuralink ในปี 2024 หลังจากนั้นเขาสามารถเล่นวิดีโอเกม เรียนภาษา และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว

    การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Neuralink เริ่มการทดลองทางคลินิกนอกสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก โดยฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนในแคนาดาเมื่อปลายเดือนสิงหาคมและต้นกันยายน 2025 ที่โรงพยาบาล Toronto Western Hospital ภายใต้โครงการ CAN-PRIME ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการควบคุมอุปกรณ์ด้วยความคิด

    ผู้ป่วยทั้งสองสามารถควบคุมเคอร์เซอร์บนหน้าจอได้ภายในไม่กี่นาทีหลังการผ่าตัด โดยใช้สัญญาณจากสมองที่ถูกถอดรหัสผ่าน AI และแปลงเป็นการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ — เป็นการข้ามขั้นตอนการเคลื่อนไหวทางกายภาพโดยสิ้นเชิง

    นอกจากแคนาดา Neuralink ยังได้รับอนุมัติจากหน่วยงานในสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มการทดลองทางคลินิก GB-PRIME ซึ่งจะศึกษาการใช้งานชิปในผู้ป่วยอัมพาตเช่นกัน โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการฟื้นฟูการพูด การมองเห็น และความสามารถในการสื่อสารของผู้ป่วย

    ความคืบหน้าของ Neuralink
    มีผู้ใช้ 12 คนทั่วโลก ใช้งานรวมกันกว่า 2,000 วัน และ 15,335 ชั่วโมง
    ผู้ใช้รายแรก Noland Arbaugh สามารถเล่นเกมและเรียนภาษาได้ด้วยความคิด
    การใช้งานจริงเริ่มตั้งแต่ปี 2024 หลังได้รับอนุมัติจาก FDA

    การทดลองทางคลินิกในแคนาดา
    ฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนที่ Toronto Western Hospital
    ผู้ป่วยสามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้ภายในไม่กี่นาทีหลังผ่าตัด
    ใช้ AI ถอดรหัสสัญญาณสมองและแปลงเป็นการเคลื่อนไหว
    โครงการ CAN-PRIME มุ่งเน้นความปลอดภัยและความสามารถในการใช้งานจริง

    การขยายตัวระดับโลก
    ได้รับอนุมัติจากสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มโครงการ GB-PRIME
    เป้าหมายคือการฟื้นฟูการสื่อสาร การมองเห็น และการเคลื่อนไหว
    มีแผนลดต้นทุนการฝังชิปให้เหลือเพียงไม่กี่พันดอลลาร์ในอนาคต
    ใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดเฉพาะทางในการฝังอุปกรณ์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้ป่วยในแคนาดาอายุประมาณ 30 ปี มีอาการอัมพาตจากการบาดเจ็บไขสันหลัง
    อุปกรณ์ฝังในสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว (motor cortex)
    บริษัทอื่นเช่น Synchron ก็พัฒนาเทคโนโลยี BCI เช่นกัน
    ผู้ป่วยรายแรกเคยมีปัญหาชิปหลุดหลังผ่าตัด แต่กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

    https://wccftech.com/elon-musks-brain-chip-firm-neuralink-says-its-12-patients-have-used-chips-for-2000-days/
    🧠 “Neuralink ผ่าน 2,000 วันใช้งานจริง! ผู้ป่วยควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิด — ก้าวใหม่ของเทคโนโลยีเชื่อมสมองกับเครื่องจักร” ลองจินตนาการว่าคุณสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยความคิด โดยไม่ต้องขยับมือหรือพูดออกมา — นั่นคือสิ่งที่ Neuralink บริษัทของ Elon Musk กำลังทำให้เป็นจริง และล่าสุดได้ประกาศว่า มีผู้ป่วย 12 คนทั่วโลกที่ใช้อุปกรณ์ฝังสมองของบริษัทมาแล้วรวมกันกว่า 2,000 วัน หรือกว่า 15,000 ชั่วโมง หนึ่งในผู้ใช้ที่โด่งดังที่สุดคือ Noland Arbaugh ผู้ที่เป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุทางน้ำในปี 2016 และได้รับการฝังชิป Neuralink ในปี 2024 หลังจากนั้นเขาสามารถเล่นวิดีโอเกม เรียนภาษา และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Neuralink เริ่มการทดลองทางคลินิกนอกสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก โดยฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนในแคนาดาเมื่อปลายเดือนสิงหาคมและต้นกันยายน 2025 ที่โรงพยาบาล Toronto Western Hospital ภายใต้โครงการ CAN-PRIME ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการควบคุมอุปกรณ์ด้วยความคิด ผู้ป่วยทั้งสองสามารถควบคุมเคอร์เซอร์บนหน้าจอได้ภายในไม่กี่นาทีหลังการผ่าตัด โดยใช้สัญญาณจากสมองที่ถูกถอดรหัสผ่าน AI และแปลงเป็นการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ — เป็นการข้ามขั้นตอนการเคลื่อนไหวทางกายภาพโดยสิ้นเชิง นอกจากแคนาดา Neuralink ยังได้รับอนุมัติจากหน่วยงานในสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มการทดลองทางคลินิก GB-PRIME ซึ่งจะศึกษาการใช้งานชิปในผู้ป่วยอัมพาตเช่นกัน โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการฟื้นฟูการพูด การมองเห็น และความสามารถในการสื่อสารของผู้ป่วย ✅ ความคืบหน้าของ Neuralink ➡️ มีผู้ใช้ 12 คนทั่วโลก ใช้งานรวมกันกว่า 2,000 วัน และ 15,335 ชั่วโมง ➡️ ผู้ใช้รายแรก Noland Arbaugh สามารถเล่นเกมและเรียนภาษาได้ด้วยความคิด ➡️ การใช้งานจริงเริ่มตั้งแต่ปี 2024 หลังได้รับอนุมัติจาก FDA ✅ การทดลองทางคลินิกในแคนาดา ➡️ ฝังชิปให้ผู้ป่วยอัมพาต 2 คนที่ Toronto Western Hospital ➡️ ผู้ป่วยสามารถควบคุมเคอร์เซอร์ได้ภายในไม่กี่นาทีหลังผ่าตัด ➡️ ใช้ AI ถอดรหัสสัญญาณสมองและแปลงเป็นการเคลื่อนไหว ➡️ โครงการ CAN-PRIME มุ่งเน้นความปลอดภัยและความสามารถในการใช้งานจริง ✅ การขยายตัวระดับโลก ➡️ ได้รับอนุมัติจากสหราชอาณาจักรเพื่อเริ่มโครงการ GB-PRIME ➡️ เป้าหมายคือการฟื้นฟูการสื่อสาร การมองเห็น และการเคลื่อนไหว ➡️ มีแผนลดต้นทุนการฝังชิปให้เหลือเพียงไม่กี่พันดอลลาร์ในอนาคต ➡️ ใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดเฉพาะทางในการฝังอุปกรณ์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้ป่วยในแคนาดาอายุประมาณ 30 ปี มีอาการอัมพาตจากการบาดเจ็บไขสันหลัง ➡️ อุปกรณ์ฝังในสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว (motor cortex) ➡️ บริษัทอื่นเช่น Synchron ก็พัฒนาเทคโนโลยี BCI เช่นกัน ➡️ ผู้ป่วยรายแรกเคยมีปัญหาชิปหลุดหลังผ่าตัด แต่กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง https://wccftech.com/elon-musks-brain-chip-firm-neuralink-says-its-12-patients-have-used-chips-for-2000-days/
    WCCFTECH.COM
    Elon Musk's Brain Chip Firm Neuralink Says Its 12 Patients Have Used Chips For 2,000 Days!
    Neuralink announces 12 patients using its Brain Computer Interfaces, with 15,335 hours of cumulative usage.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • “ศึกขายคีย์ Windows มือสองเดือด! Microsoft สู้คดีในศาลอังกฤษ อาจทำให้ตลาดคีย์ราคาถูกทั่วยุโรปพังทั้งระบบ”

    ถ้าคุณเคยซื้อคีย์ Windows หรือ Office ราคาถูกจากเว็บรีเซลเลอร์ในยุโรป — ตอนนี้สิ่งนั้นอาจกลายเป็นอดีต เพราะ Microsoft กำลังต่อสู้คดีครั้งสำคัญกับบริษัท ValueLicensing ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงกฎการขายซอฟต์แวร์มือสองทั้งทวีป

    คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 เมื่อ ValueLicensing ฟ้อง Microsoft มูลค่า 270 ล้านปอนด์ โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ผูกขาด เช่น เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อของไลเซนส์แบบถาวร ทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองถูกบีบจนแทบหายไป

    แต่ในปี 2025 Microsoft เปลี่ยนแนวทางการป้องกันจาก “เราไม่ได้ทำ” เป็น “ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก” โดยอ้างว่ากฎหมายการขายต่อซอฟต์แวร์ในยุโรป (EU Software Directive) ใช้ได้เฉพาะกับ “โปรแกรม” เท่านั้น ไม่รวมส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI หรือองค์ประกอบอื่นที่ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ — ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์ทั้งหมดอาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

    การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน และจะใช้เวลาสามวันเพื่อวินิจฉัยประเด็นลิขสิทธิ์ก่อนเข้าสู่การไต่สวนเต็มรูปแบบในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าการขายคีย์มือสองในยุโรปนั้น “ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่”

    ผลกระทบอาจรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ Windows 10 กำลังจะหมดการสนับสนุนในเดือนหน้า และผู้ใช้จำนวนมากต้องอัปเกรด — ถ้าคีย์ราคาถูกหายไป ราคาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอาจพุ่งขึ้นทันที

    ข้อมูลจากคดี Microsoft vs ValueLicensing
    คดีเริ่มต้นในปี 2021 ด้วยข้อกล่าวหาว่า Microsoft ผูกขาดตลาดซอฟต์แวร์มือสอง
    มูลค่าความเสียหายที่ ValueLicensing อ้างคือ 270 ล้านปอนด์
    Microsoft เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อ
    การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มวันที่ 9 กันยายน 2025

    ประเด็นทางกฎหมายที่ถกเถียง
    Microsoft อ้างว่ากฎหมาย EU Software Directive ใช้ได้เฉพาะ “โปรแกรม”
    ส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์
    ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์อาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    การตีความนี้อาจส่งผลต่อการขายซอฟต์แวร์มือสองทั่วทั้งยุโรปและสหราชอาณาจักร

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
    คีย์ราคาถูกเป็นที่นิยมในกลุ่ม DIY และผู้ประกอบคอมพิวเตอร์
    การอัปเกรดจาก Windows 10 อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
    ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ Microsoft 365 อาจไม่มีทางเลือกอื่น
    ตลาดรีเซลอาจหายไปทั้งระบบ หากคำตัดสินเข้าข้าง Microsoft

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    คดีนี้อยู่ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร
    ValueLicensing เคยกล่าวว่า “ถ้า Microsoft ชนะ ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก”
    Microsoft เคยใช้แนวทาง “เราไม่ได้ทำ” ก่อนเปลี่ยนเป็น “ตลาดนี้ผิดกฎหมาย”
    คดีเต็มรูปแบบจะเริ่มในปี 2026

    https://www.tomshardware.com/software/microsoft-resale-fight-heads-to-uk-court
    ⚖️ “ศึกขายคีย์ Windows มือสองเดือด! Microsoft สู้คดีในศาลอังกฤษ อาจทำให้ตลาดคีย์ราคาถูกทั่วยุโรปพังทั้งระบบ” ถ้าคุณเคยซื้อคีย์ Windows หรือ Office ราคาถูกจากเว็บรีเซลเลอร์ในยุโรป — ตอนนี้สิ่งนั้นอาจกลายเป็นอดีต เพราะ Microsoft กำลังต่อสู้คดีครั้งสำคัญกับบริษัท ValueLicensing ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงกฎการขายซอฟต์แวร์มือสองทั้งทวีป คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 เมื่อ ValueLicensing ฟ้อง Microsoft มูลค่า 270 ล้านปอนด์ โดยกล่าวหาว่า Microsoft ใช้กลยุทธ์ผูกขาด เช่น เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อของไลเซนส์แบบถาวร ทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองถูกบีบจนแทบหายไป แต่ในปี 2025 Microsoft เปลี่ยนแนวทางการป้องกันจาก “เราไม่ได้ทำ” เป็น “ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก” โดยอ้างว่ากฎหมายการขายต่อซอฟต์แวร์ในยุโรป (EU Software Directive) ใช้ได้เฉพาะกับ “โปรแกรม” เท่านั้น ไม่รวมส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI หรือองค์ประกอบอื่นที่ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ — ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์ทั้งหมดอาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน และจะใช้เวลาสามวันเพื่อวินิจฉัยประเด็นลิขสิทธิ์ก่อนเข้าสู่การไต่สวนเต็มรูปแบบในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าการขายคีย์มือสองในยุโรปนั้น “ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่” ผลกระทบอาจรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ Windows 10 กำลังจะหมดการสนับสนุนในเดือนหน้า และผู้ใช้จำนวนมากต้องอัปเกรด — ถ้าคีย์ราคาถูกหายไป ราคาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอาจพุ่งขึ้นทันที ✅ ข้อมูลจากคดี Microsoft vs ValueLicensing ➡️ คดีเริ่มต้นในปี 2021 ด้วยข้อกล่าวหาว่า Microsoft ผูกขาดตลาดซอฟต์แวร์มือสอง ➡️ มูลค่าความเสียหายที่ ValueLicensing อ้างคือ 270 ล้านปอนด์ ➡️ Microsoft เสนอส่วนลดให้ลูกค้าองค์กรแลกกับการยกเลิกสิทธิ์ขายต่อ ➡️ การพิจารณาคดีเบื้องต้นเริ่มวันที่ 9 กันยายน 2025 ✅ ประเด็นทางกฎหมายที่ถกเถียง ➡️ Microsoft อ้างว่ากฎหมาย EU Software Directive ใช้ได้เฉพาะ “โปรแกรม” ➡️ ส่วนที่ไม่ใช่โปรแกรม เช่น GUI ยังอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ ➡️ ถ้าศาลเห็นด้วย ตลาดรีเซลคีย์อาจกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ➡️ การตีความนี้อาจส่งผลต่อการขายซอฟต์แวร์มือสองทั่วทั้งยุโรปและสหราชอาณาจักร ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ➡️ คีย์ราคาถูกเป็นที่นิยมในกลุ่ม DIY และผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ ➡️ การอัปเกรดจาก Windows 10 อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ➡️ ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ Microsoft 365 อาจไม่มีทางเลือกอื่น ➡️ ตลาดรีเซลอาจหายไปทั้งระบบ หากคำตัดสินเข้าข้าง Microsoft ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ คดีนี้อยู่ในศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักร ➡️ ValueLicensing เคยกล่าวว่า “ถ้า Microsoft ชนะ ตลาดนี้ไม่ควรมีตั้งแต่แรก” ➡️ Microsoft เคยใช้แนวทาง “เราไม่ได้ทำ” ก่อนเปลี่ยนเป็น “ตลาดนี้ผิดกฎหมาย” ➡️ คดีเต็มรูปแบบจะเริ่มในปี 2026 https://www.tomshardware.com/software/microsoft-resale-fight-heads-to-uk-court
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft key resale fight heads to court in the UK — case potentially puts cheap Windows keys at risk
    Tribunal weighs whether parts of Windows and Office fall outside Europe’s resale rules.
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • “Alterego เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ ‘ใกล้เคียงโทรจิต’ พิมพ์ด้วยความคิด คุยเงียบๆ ได้ และแปลภาษาแบบไร้เสียง — ก้าวใหม่ของการสื่อสารมนุษย์กับ AI”

    ถ้าคุณเคยฝันถึงการสื่อสารแบบไม่ต้องพูด ไม่ต้องพิมพ์ แค่ “คิด” แล้วคำพูดก็ปรากฏ — ตอนนี้มันไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป เพราะสตาร์ทอัพชื่อ Alterego ได้เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ที่อ้างว่าเป็น “wearable ใกล้เคียงโทรจิตตัวแรกของโลก” ที่สามารถพิมพ์ข้อความด้วยความคิด ควบคุมอุปกรณ์แบบไร้มือ และสื่อสารกับคนอื่นแบบเงียบๆ ได้

    อุปกรณ์นี้พัฒนาโดย Arnav Kapur จาก MIT Media Lab และ Max Newlon จาก Harvard Innovation Labs โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “Silent Sense” ซึ่งไม่ใช่การอ่านความคิดโดยตรง แต่เป็นการตรวจจับสัญญาณประสาทกล้ามเนื้อที่สมองส่งไปยังระบบพูด ก่อนที่เราจะเปล่งเสียงออกมา — ทำให้สามารถแปลงความตั้งใจเป็นคำสั่งหรือข้อความได้ทันที

    ในวิดีโอสาธิต Kapur ใช้อุปกรณ์นี้พิมพ์ข้อความโดยไม่แตะคีย์บอร์ด ตั้งเตือนในมือถือ และถามคำถามเกี่ยวกับภาพที่เห็นผ่านกล้องขนาดเล็กในตัวอุปกรณ์ จากนั้นเขาสื่อสารแบบเงียบๆ กับผู้ร่วมก่อตั้งผ่าน bone-conduction audio โดยไม่มีเสียงใดๆ ออกมา

    ที่น่าทึ่งคือการแปลภาษาแบบไร้เสียง — Kapur พูดภาษาอังกฤษ แล้วผู้ร่วมสนทนาที่พูดภาษาจีนเข้าใจทันทีผ่านระบบแปลในตัว ซึ่งอาจเป็นประโยชน์มหาศาลสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการพูด เช่น ALS หรือผู้พิการทางเสียง

    แม้จะดูเหมือนหลุดมาจากนิยายไซไฟ แต่ Alterego ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้ไม่อ่านความคิดลึกๆ และไม่มีการเก็บข้อมูลสมองโดยตรง ต่างจากเทคโนโลยีฝังชิปอย่าง Neuralink หรือ EMG แบบสายรัดข้อมือของ Meta — โดยเน้นความปลอดภัยและการควบคุมจากผู้ใช้เป็นหลัก

    ความสามารถของอุปกรณ์ Alterego
    พิมพ์ข้อความด้วยความคิดโดยไม่ต้องใช้คีย์บอร์ด
    สื่อสารแบบเงียบๆ กับผู้อื่นผ่าน bone-conduction audio
    ควบคุมอุปกรณ์และแอปพลิเคชันแบบไร้มือ
    ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแบบไร้เสียง
    ถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวผ่านกล้องในตัว
    แปลภาษาแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องพูดออกเสียง
    ช่วยฟื้นฟูการพูดสำหรับผู้มีปัญหาด้านเสียงหรือระบบประสาท

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง
    ใช้การตรวจจับสัญญาณประสาทกล้ามเนื้อจากใบหน้าและลำคอ
    ไม่ใช่การอ่านคลื่นสมองหรือ EEG
    ส่งข้อมูลผ่าน bone-conduction กลับไปยังผู้ใช้
    พัฒนาโดยทีมจาก MIT และ Harvard Innovation Labs

    การใช้งานจริงในวิดีโอสาธิต
    พิมพ์ข้อความ ตั้งเตือน และถามคำถามจากภาพ
    สื่อสารแบบเงียบกับผู้ร่วมก่อตั้ง
    แปลภาษาอังกฤษ–จีนแบบไร้เสียง
    ใช้กล้องในตัวเพื่อเข้าใจสิ่งแวดล้อม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เทคโนโลยีนี้เคยถูกนำเสนอใน TED ปี 2019
    เป็นทางเลือกที่ไม่ต้องฝังชิปหรือใช้สายรัดกล้ามเนื้อ
    เหมาะกับผู้ใช้งานในพื้นที่เสียงดัง เช่น โรงงานหรือสนามบิน
    อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการสื่อสารมนุษย์กับ AI ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/alterego-demoes-worlds-first-near-telepathic-wearable-that-enables-typing-at-the-speed-of-thought-other-abilities-device-said-to-enable-silent-communication-with-others-control-devices-hands-free-and-restore-speech-for-impaired
    🧠 “Alterego เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ ‘ใกล้เคียงโทรจิต’ พิมพ์ด้วยความคิด คุยเงียบๆ ได้ และแปลภาษาแบบไร้เสียง — ก้าวใหม่ของการสื่อสารมนุษย์กับ AI” ถ้าคุณเคยฝันถึงการสื่อสารแบบไม่ต้องพูด ไม่ต้องพิมพ์ แค่ “คิด” แล้วคำพูดก็ปรากฏ — ตอนนี้มันไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป เพราะสตาร์ทอัพชื่อ Alterego ได้เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ที่อ้างว่าเป็น “wearable ใกล้เคียงโทรจิตตัวแรกของโลก” ที่สามารถพิมพ์ข้อความด้วยความคิด ควบคุมอุปกรณ์แบบไร้มือ และสื่อสารกับคนอื่นแบบเงียบๆ ได้ อุปกรณ์นี้พัฒนาโดย Arnav Kapur จาก MIT Media Lab และ Max Newlon จาก Harvard Innovation Labs โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “Silent Sense” ซึ่งไม่ใช่การอ่านความคิดโดยตรง แต่เป็นการตรวจจับสัญญาณประสาทกล้ามเนื้อที่สมองส่งไปยังระบบพูด ก่อนที่เราจะเปล่งเสียงออกมา — ทำให้สามารถแปลงความตั้งใจเป็นคำสั่งหรือข้อความได้ทันที ในวิดีโอสาธิต Kapur ใช้อุปกรณ์นี้พิมพ์ข้อความโดยไม่แตะคีย์บอร์ด ตั้งเตือนในมือถือ และถามคำถามเกี่ยวกับภาพที่เห็นผ่านกล้องขนาดเล็กในตัวอุปกรณ์ จากนั้นเขาสื่อสารแบบเงียบๆ กับผู้ร่วมก่อตั้งผ่าน bone-conduction audio โดยไม่มีเสียงใดๆ ออกมา ที่น่าทึ่งคือการแปลภาษาแบบไร้เสียง — Kapur พูดภาษาอังกฤษ แล้วผู้ร่วมสนทนาที่พูดภาษาจีนเข้าใจทันทีผ่านระบบแปลในตัว ซึ่งอาจเป็นประโยชน์มหาศาลสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการพูด เช่น ALS หรือผู้พิการทางเสียง แม้จะดูเหมือนหลุดมาจากนิยายไซไฟ แต่ Alterego ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้ไม่อ่านความคิดลึกๆ และไม่มีการเก็บข้อมูลสมองโดยตรง ต่างจากเทคโนโลยีฝังชิปอย่าง Neuralink หรือ EMG แบบสายรัดข้อมือของ Meta — โดยเน้นความปลอดภัยและการควบคุมจากผู้ใช้เป็นหลัก ✅ ความสามารถของอุปกรณ์ Alterego ➡️ พิมพ์ข้อความด้วยความคิดโดยไม่ต้องใช้คีย์บอร์ด ➡️ สื่อสารแบบเงียบๆ กับผู้อื่นผ่าน bone-conduction audio ➡️ ควบคุมอุปกรณ์และแอปพลิเคชันแบบไร้มือ ➡️ ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแบบไร้เสียง ➡️ ถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวผ่านกล้องในตัว ➡️ แปลภาษาแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องพูดออกเสียง ➡️ ช่วยฟื้นฟูการพูดสำหรับผู้มีปัญหาด้านเสียงหรือระบบประสาท ✅ เทคโนโลยีเบื้องหลัง ➡️ ใช้การตรวจจับสัญญาณประสาทกล้ามเนื้อจากใบหน้าและลำคอ ➡️ ไม่ใช่การอ่านคลื่นสมองหรือ EEG ➡️ ส่งข้อมูลผ่าน bone-conduction กลับไปยังผู้ใช้ ➡️ พัฒนาโดยทีมจาก MIT และ Harvard Innovation Labs ✅ การใช้งานจริงในวิดีโอสาธิต ➡️ พิมพ์ข้อความ ตั้งเตือน และถามคำถามจากภาพ ➡️ สื่อสารแบบเงียบกับผู้ร่วมก่อตั้ง ➡️ แปลภาษาอังกฤษ–จีนแบบไร้เสียง ➡️ ใช้กล้องในตัวเพื่อเข้าใจสิ่งแวดล้อม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เทคโนโลยีนี้เคยถูกนำเสนอใน TED ปี 2019 ➡️ เป็นทางเลือกที่ไม่ต้องฝังชิปหรือใช้สายรัดกล้ามเนื้อ ➡️ เหมาะกับผู้ใช้งานในพื้นที่เสียงดัง เช่น โรงงานหรือสนามบิน ➡️ อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการสื่อสารมนุษย์กับ AI ในอนาคต https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/alterego-demoes-worlds-first-near-telepathic-wearable-that-enables-typing-at-the-speed-of-thought-other-abilities-device-said-to-enable-silent-communication-with-others-control-devices-hands-free-and-restore-speech-for-impaired
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • “Republic จับมือ Incentiv สร้าง Web3 ที่ง่ายและให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม — ไม่ใช่แค่สำหรับนักพัฒนา แต่สำหรับทุกคน”

    ถ้าคุณเคยรู้สึกว่าโลก Web3 นั้นซับซ้อนเกินไป มีแต่คนวงในที่ได้ประโยชน์ และคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นตรงไหน — ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Web3 กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และได้รับรางวัลจากการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

    Republic ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกด้านการลงทุนและการเร่งการเติบโตของ Web3 ได้ประกาศจับมือกับ Incentiv ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer 1 ที่รองรับ EVM โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ “ให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม” ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา, ผู้ใช้งาน, ผู้ให้สภาพคล่อง หรือแม้แต่คนที่ช่วยขยายเครือข่าย

    Incentiv มีจุดเด่นคือการรวมเทคโนโลยี Advanced Account Abstraction เข้าไว้ในระดับโปรโตคอล พร้อมโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใสไปยังทุกฝ่ายที่มีบทบาทในระบบ — ไม่ใช่แค่คนที่ถือโทเคนเยอะที่สุด

    ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Incentiv+ Engine ซึ่งเป็นกลไกกลางที่จัดสรรรางวัลตาม “ผลกระทบที่วัดได้จริง” เช่น จำนวนธุรกรรมที่สร้าง, การพัฒนาโค้ด, การให้บริการ หรือการแนะนำผู้ใช้ใหม่ โดยมีฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น เช่น passkey login, การกู้คืนกระเป๋าเงิน, การรวมธุรกรรมหลายรายการ, การจ่ายค่าธรรมเนียมด้วยโทเคนเดียว และกฎการโอนผ่าน TransferGate

    Republic ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra จะเข้ามาให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ พร้อมเปิดเครือข่ายระดับโลกที่ลงทุนไปแล้วกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ เพื่อช่วยให้ Incentiv เข้าถึงผู้ใช้งานจริงในระดับสากล

    ปัจจุบัน Incentiv มีผู้ใช้งานใน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน และเตรียมเปิดตัว mainnet พร้อม token generation event ในเร็วๆ นี้ — ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง Web3 ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของ “คุณค่าที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับ”

    ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv
    Republic ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ผ่าน Republic Research
    สนับสนุนการเติบโตของ Incentiv ด้วยเครือข่ายที่ลงทุนกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ
    เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ง่าย ยั่งยืน และให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม

    จุดเด่นของ Incentiv blockchain
    เป็น Layer 1 ที่รองรับ EVM และออกแบบเพื่อการใช้งานจริง
    ใช้ Advanced Account Abstraction ในระดับโปรโตคอล
    มีโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใส
    รางวัลถูกจัดสรรตามผลกระทบที่วัดได้จริงผ่าน Incentiv+ Engine

    ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย
    Passkey log-in และการกู้คืนกระเป๋าเงิน
    Bundled transactions และ unified token fee payments
    TransferGate transaction rules สำหรับควบคุมการโอน
    ระบบรางวัลรวมที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Republic เคยสนับสนุนโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra
    Incentiv มีผู้ใช้งาน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน
    เตรียมเปิดตัว mainnet และ token generation event ในเร็วๆ นี้
    เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่แค่คนวงใน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักลงทุน
    ระบบรางวัลที่อิงผลกระทบต้องมีการวัดผลที่แม่นยำ — หากไม่ชัดเจนอาจเกิดความเหลื่อมล้ำ
    การรวมฟีเจอร์หลายอย่างในโปรโตคอลอาจเพิ่มความซับซ้อนด้านความปลอดภัย
    การเปิด mainnet และ token event อาจมีความผันผวนด้านราคาในช่วงแรก
    ผู้ใช้ใหม่อาจยังไม่เข้าใจระบบ TransferGate หรือ bundled transactions
    หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี อาจเกิดการใช้ระบบเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

    https://hackread.com/republic-incentiv-partner-reward-web3-participation/
    🌐 “Republic จับมือ Incentiv สร้าง Web3 ที่ง่ายและให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม — ไม่ใช่แค่สำหรับนักพัฒนา แต่สำหรับทุกคน” ถ้าคุณเคยรู้สึกว่าโลก Web3 นั้นซับซ้อนเกินไป มีแต่คนวงในที่ได้ประโยชน์ และคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นตรงไหน — ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Web3 กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และได้รับรางวัลจากการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง Republic ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกด้านการลงทุนและการเร่งการเติบโตของ Web3 ได้ประกาศจับมือกับ Incentiv ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer 1 ที่รองรับ EVM โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ “ให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม” ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา, ผู้ใช้งาน, ผู้ให้สภาพคล่อง หรือแม้แต่คนที่ช่วยขยายเครือข่าย Incentiv มีจุดเด่นคือการรวมเทคโนโลยี Advanced Account Abstraction เข้าไว้ในระดับโปรโตคอล พร้อมโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใสไปยังทุกฝ่ายที่มีบทบาทในระบบ — ไม่ใช่แค่คนที่ถือโทเคนเยอะที่สุด ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Incentiv+ Engine ซึ่งเป็นกลไกกลางที่จัดสรรรางวัลตาม “ผลกระทบที่วัดได้จริง” เช่น จำนวนธุรกรรมที่สร้าง, การพัฒนาโค้ด, การให้บริการ หรือการแนะนำผู้ใช้ใหม่ โดยมีฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น เช่น passkey login, การกู้คืนกระเป๋าเงิน, การรวมธุรกรรมหลายรายการ, การจ่ายค่าธรรมเนียมด้วยโทเคนเดียว และกฎการโอนผ่าน TransferGate Republic ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra จะเข้ามาให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ พร้อมเปิดเครือข่ายระดับโลกที่ลงทุนไปแล้วกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ เพื่อช่วยให้ Incentiv เข้าถึงผู้ใช้งานจริงในระดับสากล ปัจจุบัน Incentiv มีผู้ใช้งานใน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน และเตรียมเปิดตัว mainnet พร้อม token generation event ในเร็วๆ นี้ — ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง Web3 ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของ “คุณค่าที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับ” ✅ ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv ➡️ Republic ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ผ่าน Republic Research ➡️ สนับสนุนการเติบโตของ Incentiv ด้วยเครือข่ายที่ลงทุนกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ ➡️ เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ง่าย ยั่งยืน และให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม ✅ จุดเด่นของ Incentiv blockchain ➡️ เป็น Layer 1 ที่รองรับ EVM และออกแบบเพื่อการใช้งานจริง ➡️ ใช้ Advanced Account Abstraction ในระดับโปรโตคอล ➡️ มีโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใส ➡️ รางวัลถูกจัดสรรตามผลกระทบที่วัดได้จริงผ่าน Incentiv+ Engine ✅ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย ➡️ Passkey log-in และการกู้คืนกระเป๋าเงิน ➡️ Bundled transactions และ unified token fee payments ➡️ TransferGate transaction rules สำหรับควบคุมการโอน ➡️ ระบบรางวัลรวมที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Republic เคยสนับสนุนโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra ➡️ Incentiv มีผู้ใช้งาน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน ➡️ เตรียมเปิดตัว mainnet และ token generation event ในเร็วๆ นี้ ➡️ เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่แค่คนวงใน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักลงทุน ⛔ ระบบรางวัลที่อิงผลกระทบต้องมีการวัดผลที่แม่นยำ — หากไม่ชัดเจนอาจเกิดความเหลื่อมล้ำ ⛔ การรวมฟีเจอร์หลายอย่างในโปรโตคอลอาจเพิ่มความซับซ้อนด้านความปลอดภัย ⛔ การเปิด mainnet และ token event อาจมีความผันผวนด้านราคาในช่วงแรก ⛔ ผู้ใช้ใหม่อาจยังไม่เข้าใจระบบ TransferGate หรือ bundled transactions ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี อาจเกิดการใช้ระบบเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม https://hackread.com/republic-incentiv-partner-reward-web3-participation/
    HACKREAD.COM
    Republic and Incentiv Partner to Simplify and Reward Web3 Participation
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • “ดาวเทียมล้นวงโคจร! สหรัฐฯ ครองแชมป์ด้วย 9,203 ดวง ขณะที่โลกเพิ่มขึ้นวันละ 7 ตัน — จาก Sputnik สู่ยุค Starlink และสงครามอวกาศ”

    ย้อนกลับไปปี 1957 เมื่อ Sputnik 1 กลายเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่โคจรรอบโลกอย่างโดดเดี่ยว — วันนี้มันคงรู้สึกเหงาไม่ออก เพราะมีวัตถุมนุษย์สร้างกว่า 45,000 ชิ้นลอยอยู่ในอวกาศ และในจำนวนนี้มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ถึง 13,727 ดวงจาก 82 ประเทศทั่วโลก

    สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งผู้นำแบบทิ้งห่าง ด้วยจำนวนดาวเทียมถึง 9,203 ดวง มากกว่ารัสเซียที่ตามมาเป็นอันดับสองถึง 6 เท่า ส่วนจีนมี 1,121 ดวง และสหราชอาณาจักรมี 722 ดวง โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว มีดาวเทียมใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 2,695 ดวง — เทียบกับปี 2020 ที่มีเพียง 3,371 ดวงเท่านั้น1

    ดาวเทียมเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่ส่งสัญญาณทีวีหรือพยากรณ์อากาศ แต่ยังใช้ในงานที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน, การติดตามกระแสน้ำในมหาสมุทร, การควบคุมโครงข่ายพลังงาน, การสื่อสารทางทหาร, และแม้แต่การพาเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก

    ในด้านการทหาร สหรัฐฯ ก็ยังนำโด่งด้วยดาวเทียมทางทหารถึง 247 ดวง ตามด้วยจีน 157 ดวง และรัสเซีย 110 ดวง3 ดาวเทียมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสอดแนม, แจ้งเตือนการยิงขีปนาวุธ, สื่อสารภาคสนาม, และแม้แต่การป้องกันไซเบอร์

    แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่การเพิ่มขึ้นของดาวเทียมก็ทำให้เกิดปัญหา “ขยะอวกาศ” ที่กำลังทวีความรุนแรง โดยมีวัตถุที่ถูกติดตามแล้วกว่า 32,750 ชิ้น และมีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่แออัดที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ

    สถานการณ์ดาวเทียมในปัจจุบัน
    มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 13,727 ดวง จาก 82 ประเทศและองค์กร
    สหรัฐฯ มีมากที่สุดที่ 9,203 ดวง ตามด้วยรัสเซีย 1,471 ดวง และจีน 1,121 ดวง1
    ปี 2024 มีดาวเทียมใหม่เพิ่มขึ้น 2,695 ดวง เทียบกับ 3,371 ดวงในปี 2020

    การใช้งานดาวเทียม
    ใช้ในระบบนำทาง, อินเทอร์เน็ต, การพยากรณ์อากาศ, การสื่อสาร
    ใช้ในธุรกรรมการเงิน เช่น การส่งข้อมูลบัตรเครดิตผ่านดาวเทียม
    ใช้ในงานวิจัย เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble และการติดตามมหาสมุทร
    ใช้ในพิธีกรรม เช่น การนำเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก

    ดาวเทียมทางทหาร
    สหรัฐฯ มีดาวเทียมทางทหาร 247 ดวง มากที่สุดในโลก3
    จีนมี 157 ดวง, รัสเซีย 110 ดวง, ฝรั่งเศส 17 ดวง, อิสราเอล 12 ดวง
    ใช้ในการสอดแนม, แจ้งเตือนภัย, GPS, และการสื่อสารภาคสนาม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ดาวเทียมของสหรัฐฯ มีทั้งเชิงพาณิชย์, วิจัย, และทหาร รวมกว่า 11,655 ดวง
    ระบบดาวเทียมเช่น Starlink ของ Elon Musk มีบทบาทสำคัญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก
    ระบบ SATCOM ถูกใช้ในสงคราม เช่น Operation Desert Storm ปี 19912
    ประเทศอื่นที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ได้แก่ รัสเซีย (7,187 ดวง), จีน (5,330 ดวง), สหราชอาณาจักร (735 ดวง), ฝรั่งเศส (604 ดวง)

    คำเตือนจากการเพิ่มขึ้นของดาวเทียม
    ขยะอวกาศมีมากกว่า 32,750 ชิ้นที่ถูกติดตามแล้ว — เสี่ยงต่อการชนกันในวงโคจร
    มีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — เพิ่มความแออัดในอวกาศ
    การควบคุมการปล่อยดาวเทียมยังไม่มีมาตรฐานสากลที่ชัดเจน
    ดาวเทียมทางทหารอาจถูกใช้ในสงครามไซเบอร์หรือการสอดแนมประชาชน
    หากไม่มีการจัดการขยะอวกาศอย่างจริงจัง อาจเกิด “Kessler Syndrome” ที่ทำให้วงโคจรใช้งานไม่ได้

    https://www.slashgear.com/1961880/how-many-satellites-are-in-space-which-country-has-the-most/
    🛰️ “ดาวเทียมล้นวงโคจร! สหรัฐฯ ครองแชมป์ด้วย 9,203 ดวง ขณะที่โลกเพิ่มขึ้นวันละ 7 ตัน — จาก Sputnik สู่ยุค Starlink และสงครามอวกาศ” ย้อนกลับไปปี 1957 เมื่อ Sputnik 1 กลายเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่โคจรรอบโลกอย่างโดดเดี่ยว — วันนี้มันคงรู้สึกเหงาไม่ออก เพราะมีวัตถุมนุษย์สร้างกว่า 45,000 ชิ้นลอยอยู่ในอวกาศ และในจำนวนนี้มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ถึง 13,727 ดวงจาก 82 ประเทศทั่วโลก สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งผู้นำแบบทิ้งห่าง ด้วยจำนวนดาวเทียมถึง 9,203 ดวง มากกว่ารัสเซียที่ตามมาเป็นอันดับสองถึง 6 เท่า ส่วนจีนมี 1,121 ดวง และสหราชอาณาจักรมี 722 ดวง โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว มีดาวเทียมใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 2,695 ดวง — เทียบกับปี 2020 ที่มีเพียง 3,371 ดวงเท่านั้น1 ดาวเทียมเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่ส่งสัญญาณทีวีหรือพยากรณ์อากาศ แต่ยังใช้ในงานที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน, การติดตามกระแสน้ำในมหาสมุทร, การควบคุมโครงข่ายพลังงาน, การสื่อสารทางทหาร, และแม้แต่การพาเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ในด้านการทหาร สหรัฐฯ ก็ยังนำโด่งด้วยดาวเทียมทางทหารถึง 247 ดวง ตามด้วยจีน 157 ดวง และรัสเซีย 110 ดวง3 ดาวเทียมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสอดแนม, แจ้งเตือนการยิงขีปนาวุธ, สื่อสารภาคสนาม, และแม้แต่การป้องกันไซเบอร์ แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่การเพิ่มขึ้นของดาวเทียมก็ทำให้เกิดปัญหา “ขยะอวกาศ” ที่กำลังทวีความรุนแรง โดยมีวัตถุที่ถูกติดตามแล้วกว่า 32,750 ชิ้น และมีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่แออัดที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ✅ สถานการณ์ดาวเทียมในปัจจุบัน ➡️ มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 13,727 ดวง จาก 82 ประเทศและองค์กร ➡️ สหรัฐฯ มีมากที่สุดที่ 9,203 ดวง ตามด้วยรัสเซีย 1,471 ดวง และจีน 1,121 ดวง1 ➡️ ปี 2024 มีดาวเทียมใหม่เพิ่มขึ้น 2,695 ดวง เทียบกับ 3,371 ดวงในปี 2020 ✅ การใช้งานดาวเทียม ➡️ ใช้ในระบบนำทาง, อินเทอร์เน็ต, การพยากรณ์อากาศ, การสื่อสาร ➡️ ใช้ในธุรกรรมการเงิน เช่น การส่งข้อมูลบัตรเครดิตผ่านดาวเทียม ➡️ ใช้ในงานวิจัย เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble และการติดตามมหาสมุทร ➡️ ใช้ในพิธีกรรม เช่น การนำเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ✅ ดาวเทียมทางทหาร ➡️ สหรัฐฯ มีดาวเทียมทางทหาร 247 ดวง มากที่สุดในโลก3 ➡️ จีนมี 157 ดวง, รัสเซีย 110 ดวง, ฝรั่งเศส 17 ดวง, อิสราเอล 12 ดวง ➡️ ใช้ในการสอดแนม, แจ้งเตือนภัย, GPS, และการสื่อสารภาคสนาม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ดาวเทียมของสหรัฐฯ มีทั้งเชิงพาณิชย์, วิจัย, และทหาร รวมกว่า 11,655 ดวง ➡️ ระบบดาวเทียมเช่น Starlink ของ Elon Musk มีบทบาทสำคัญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ➡️ ระบบ SATCOM ถูกใช้ในสงคราม เช่น Operation Desert Storm ปี 19912 ➡️ ประเทศอื่นที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ได้แก่ รัสเซีย (7,187 ดวง), จีน (5,330 ดวง), สหราชอาณาจักร (735 ดวง), ฝรั่งเศส (604 ดวง) ‼️ คำเตือนจากการเพิ่มขึ้นของดาวเทียม ⛔ ขยะอวกาศมีมากกว่า 32,750 ชิ้นที่ถูกติดตามแล้ว — เสี่ยงต่อการชนกันในวงโคจร ⛔ มีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — เพิ่มความแออัดในอวกาศ ⛔ การควบคุมการปล่อยดาวเทียมยังไม่มีมาตรฐานสากลที่ชัดเจน ⛔ ดาวเทียมทางทหารอาจถูกใช้ในสงครามไซเบอร์หรือการสอดแนมประชาชน ⛔ หากไม่มีการจัดการขยะอวกาศอย่างจริงจัง อาจเกิด “Kessler Syndrome” ที่ทำให้วงโคจรใช้งานไม่ได้ https://www.slashgear.com/1961880/how-many-satellites-are-in-space-which-country-has-the-most/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Many Satellites Are In Space And Which Country Has The Most? - SlashGear
    Around 13,700 satellites orbit Earth, and with over 9,000, the U.S. owns the most. It's way ahead of any other nation, including Russia, China, and the U.K.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
More Results