• เหรียญพระพุทธสิงห์1 รุ่นปาฏิหาริย์1 วัดแก่นเหนือ จ.เชียงราย ปี2539
    เหรียญพระพุทธสิงห์1 ที่ระลึกฉลองอุโบสถ หลังฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี รุ่นปาฏิหาริย์1 เนื้อทองแดงรมดำ วัดแก่นเหนือ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ปี2539 // พระดีพิธีใหญ่ ที่ระลึกฉลองอุโบสถ //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณเมตตามหานิยม ทำให้การงานราบรื่น แคล้วคลาดจากภัยอันตราย และเสริมสร้างสิริมงคล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและธุรกิจ การค้าขายรุ่งเรือง ช่วยเสริมบารมีและอำนาจให้แก่ผู้บูชา >>

    ** วัดแก่นเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านแก่นเหนือ ตำบลห้วยซ้อ มีมาช้านานแล้วแต่ประวัติความเป็นมาไม่ปรากฏ พระอุโบสถหลังปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 และดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2539 ด้วยศรัทธาของชาวบ้านแก่นเหนือ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย และมีจิตรกรรมฝาผนังอยู่ภายในเป็นเรื่องของการเทศน์มหาชาติ ด้านข้างพระอุโบสถมีขอนไม้คะเคียนโบราณอยู่แห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้เป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมประจำตำบลห้วยซ้อ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญพระพุทธสิงห์1 รุ่นปาฏิหาริย์1 วัดแก่นเหนือ จ.เชียงราย ปี2539 เหรียญพระพุทธสิงห์1 ที่ระลึกฉลองอุโบสถ หลังฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี รุ่นปาฏิหาริย์1 เนื้อทองแดงรมดำ วัดแก่นเหนือ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ปี2539 // พระดีพิธีใหญ่ ที่ระลึกฉลองอุโบสถ //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณเมตตามหานิยม ทำให้การงานราบรื่น แคล้วคลาดจากภัยอันตราย และเสริมสร้างสิริมงคล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและธุรกิจ การค้าขายรุ่งเรือง ช่วยเสริมบารมีและอำนาจให้แก่ผู้บูชา >> ** วัดแก่นเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านแก่นเหนือ ตำบลห้วยซ้อ มีมาช้านานแล้วแต่ประวัติความเป็นมาไม่ปรากฏ พระอุโบสถหลังปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 และดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2539 ด้วยศรัทธาของชาวบ้านแก่นเหนือ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย และมีจิตรกรรมฝาผนังอยู่ภายในเป็นเรื่องของการเทศน์มหาชาติ ด้านข้างพระอุโบสถมีขอนไม้คะเคียนโบราณอยู่แห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้เป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมประจำตำบลห้วยซ้อ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • LaLiga ไล่ล่าลิขสิทธิ์ฟุตบอล แต่กลับทำอินเทอร์เน็ตสเปนล่ม — เมื่อการปราบละเมิดกลายเป็นการเซ็นเซอร์

    ฤดูกาลฟุตบอล 2025/2026 ของ LaLiga เริ่มต้นด้วยมาตรการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีการส่งคำสั่งลบเนื้อหามากกว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นถึง 142% จากปี 2024 แต่เบื้องหลังตัวเลขนี้คือความเสียหายมหาศาลต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานในสเปน

    LaLiga ร่วมมือกับ Telefónica และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ เช่น Movistar, Vodafone, Orange และ DIGI เพื่อบล็อก IP ที่สงสัยว่าใช้สตรีมเถื่อน แต่แทนที่จะบล็อกเฉพาะเนื้อหาผิดกฎหมาย กลับเลือกบล็อก “ช่วง IP” ทั้งกลุ่ม ซึ่งมักมีเว็บไซต์บริสุทธิ์หลายพันแห่งอยู่ร่วมกัน ส่งผลให้บริการอย่าง Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch และแม้แต่ Google Fonts ถูกบล็อกไปด้วย

    TrueNAS ซึ่งเป็นระบบ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็นผ่าน BitTorrent หลัง CDN ถูกบล็อกซ้ำ ๆ ทำให้ผู้ใช้ในสเปนเข้าถึงอัปเดตด้านความปลอดภัยไม่ได้ ขณะที่ผู้ใช้บางรายหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก แต่แม้แต่บริการ WARP ของ Cloudflare ก็ถูกบล็อกในช่วงเวลาถ่ายทอดสดการแข่งขัน

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และแม้แต่ CEO ของ Cloudflare ที่กล่าวว่า “กลยุทธ์นี้บ้าไปแล้ว” เพราะทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการฉุกเฉินและธุรกิจสำคัญได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนยังคงสนับสนุนแนวทางนี้ โดยปฏิเสธคำร้องของ Cloudflare และองค์กร RootedCON ที่ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม

    LaLiga เพิ่มมาตรการปราบละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มข้น
    ส่ง takedown notice กว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรกของ 2025
    เพิ่มขึ้น 142% จากปี 2024

    ร่วมมือกับ Telefónica และ ISP รายใหญ่ในสเปน
    ใช้การบล็อก IP ที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับสตรีมเถื่อน
    บล็อกเป็นช่วง IP ทำให้เว็บไซต์บริสุทธิ์ถูกบล็อกไปด้วย

    เว็บไซต์และบริการสำคัญได้รับผลกระทบ
    Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch, Google Fonts ถูกบล็อก
    TrueNAS ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็น BitTorrent

    ผู้ใช้หันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก
    แม้แต่ Cloudflare WARP ก็ถูกบล็อกในช่วงถ่ายทอดสด
    ผู้ใช้ในสเปน อิตาลี และฝรั่งเศสรายงานปัญหาอย่างต่อเนื่อง

    Cloudflare และ RootedCON ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
    ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม
    ศาลปฏิเสธคำร้อง โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานความเสียหาย

    https://reclaimthenet.org/laligas-anti-piracy-crackdown-triggers-widespread-internet-disruptions
    📰 LaLiga ไล่ล่าลิขสิทธิ์ฟุตบอล แต่กลับทำอินเทอร์เน็ตสเปนล่ม — เมื่อการปราบละเมิดกลายเป็นการเซ็นเซอร์ ฤดูกาลฟุตบอล 2025/2026 ของ LaLiga เริ่มต้นด้วยมาตรการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีการส่งคำสั่งลบเนื้อหามากกว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นถึง 142% จากปี 2024 แต่เบื้องหลังตัวเลขนี้คือความเสียหายมหาศาลต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานในสเปน LaLiga ร่วมมือกับ Telefónica และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ เช่น Movistar, Vodafone, Orange และ DIGI เพื่อบล็อก IP ที่สงสัยว่าใช้สตรีมเถื่อน แต่แทนที่จะบล็อกเฉพาะเนื้อหาผิดกฎหมาย กลับเลือกบล็อก “ช่วง IP” ทั้งกลุ่ม ซึ่งมักมีเว็บไซต์บริสุทธิ์หลายพันแห่งอยู่ร่วมกัน ส่งผลให้บริการอย่าง Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch และแม้แต่ Google Fonts ถูกบล็อกไปด้วย TrueNAS ซึ่งเป็นระบบ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็นผ่าน BitTorrent หลัง CDN ถูกบล็อกซ้ำ ๆ ทำให้ผู้ใช้ในสเปนเข้าถึงอัปเดตด้านความปลอดภัยไม่ได้ ขณะที่ผู้ใช้บางรายหันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก แต่แม้แต่บริการ WARP ของ Cloudflare ก็ถูกบล็อกในช่วงเวลาถ่ายทอดสดการแข่งขัน แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้ทั่วไป นักพัฒนา และแม้แต่ CEO ของ Cloudflare ที่กล่าวว่า “กลยุทธ์นี้บ้าไปแล้ว” เพราะทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการฉุกเฉินและธุรกิจสำคัญได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนยังคงสนับสนุนแนวทางนี้ โดยปฏิเสธคำร้องของ Cloudflare และองค์กร RootedCON ที่ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม ✅ LaLiga เพิ่มมาตรการปราบละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มข้น ➡️ ส่ง takedown notice กว่า 26 ล้านครั้งในครึ่งปีแรกของ 2025 ➡️ เพิ่มขึ้น 142% จากปี 2024 ✅ ร่วมมือกับ Telefónica และ ISP รายใหญ่ในสเปน ➡️ ใช้การบล็อก IP ที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับสตรีมเถื่อน ➡️ บล็อกเป็นช่วง IP ทำให้เว็บไซต์บริสุทธิ์ถูกบล็อกไปด้วย ✅ เว็บไซต์และบริการสำคัญได้รับผลกระทบ ➡️ Amazon, GitHub, Cloudflare, Twitch, Google Fonts ถูกบล็อก ➡️ TrueNAS ต้องเปลี่ยนวิธีแจกซอฟต์แวร์เป็น BitTorrent ✅ ผู้ใช้หันไปใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก ➡️ แม้แต่ Cloudflare WARP ก็ถูกบล็อกในช่วงถ่ายทอดสด ➡️ ผู้ใช้ในสเปน อิตาลี และฝรั่งเศสรายงานปัญหาอย่างต่อเนื่อง ✅ Cloudflare และ RootedCON ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ➡️ ขอให้ยุติการบล็อกแบบครอบคลุม ➡️ ศาลปฏิเสธคำร้อง โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานความเสียหาย https://reclaimthenet.org/laligas-anti-piracy-crackdown-triggers-widespread-internet-disruptions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 22-9-68
    .
    สวัสดีตอนเช้าวันจันทร์ เช้านี้ที่บ้านพระอาทิตย์แม่ครัวจัดเมนูอาหารเช้าให้คุณสนธิ และทีมงานเป็น ข้าวปลาแกะ กับ ไข่ต้ม พร้อมกับพริกน้ำปลา ซึ่งหลังจากที่คุณสนธิรับประทานอาหารเช้า และร่วมประชุมกับทีมงาน โดยมีการพูดคุยกันในหลายเรื่องทั้งเหตุบ้านการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีชายแดนจันทบุรี-ตราด ที่ว่าที่ รมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จะพยายามเปิดด่านให้ได้, เรื่องศึกสายเลือดชิง "ดุสิตธานี" รวมไปถึงเหตุการณ์ในต่างประเทศเช่น เรื่องวีซ่า H1-B วีซ่าทำงานสำหรับชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพเฉพาะทาง (Specialty Occupation) ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็นปีละ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ การสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ อย่างหนัก
    .
    อย่างไรก็ตาม คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องอะไรในเช้าวันนี้บ้าง โปรดติดตาม !
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Kr7KJV2YwB4
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ดุสิตธานี #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #บ่อนชายแดน
    สนธิเล่าเรื่อง 22-9-68 . สวัสดีตอนเช้าวันจันทร์ เช้านี้ที่บ้านพระอาทิตย์แม่ครัวจัดเมนูอาหารเช้าให้คุณสนธิ และทีมงานเป็น ข้าวปลาแกะ กับ ไข่ต้ม พร้อมกับพริกน้ำปลา ซึ่งหลังจากที่คุณสนธิรับประทานอาหารเช้า และร่วมประชุมกับทีมงาน โดยมีการพูดคุยกันในหลายเรื่องทั้งเหตุบ้านการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีชายแดนจันทบุรี-ตราด ที่ว่าที่ รมว.กลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จะพยายามเปิดด่านให้ได้, เรื่องศึกสายเลือดชิง "ดุสิตธานี" รวมไปถึงเหตุการณ์ในต่างประเทศเช่น เรื่องวีซ่า H1-B วีซ่าทำงานสำหรับชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพเฉพาะทาง (Specialty Occupation) ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็นปีละ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ การสร้างนวัตกรรม มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ อย่างหนัก . อย่างไรก็ตาม คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องอะไรในเช้าวันนี้บ้าง โปรดติดตาม ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Kr7KJV2YwB4 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ดุสิตธานี #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #บ่อนชายแดน
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธุรกิจไฮบริด ดูยังไง?
    ธุรกิจไฮบริด ดูยังไง?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหรียญพุทธซ้อนหลวงพ่อทวด หลวงพ่อทอง ฉลองแซยิด93 วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2553
    เหรียญพุทธซ้อนหลวงพ่อทวด หลวงพ่อทอง ฉลองแซยิด93 วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ จัดสร้างจำนวนน้อย ปลุกเสกอย่างเข้มขลัง หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย พระเกจิอาจารย์อันดับ ๑ เมืองปัตตานี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากกพระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านเมตตาค้าขาย มหาอุตตม์ มหาลาภ มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจหรือทำอาชีพค้าขายก็จะร่ำรวย เดินทางแคล้วคลาด ปลอดภัย เสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชา >>

    ** พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดสำเภาเชย อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี มีเกจิที่มีชื่อเสียงร่วมในพิธี หลวงพ่อทอง ท่านได้ร่วมปลุกเสก อย่างเข้มขลัง ** หลวงพ่อทอง ท่านปลุกเสกมีพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นพระที่รักสันโดษ สมถะ พูดน้อย มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ทำให้สาธุชนเคารพศรัทธาท่านอย่างมาก วัตถุมงคล ของ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย นั้นมีอยู่หลายรุ่นซึ่งเป็นที่นิยม พุทธคุณ ดีเด่นด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขาย รวมไปถึงแคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายก็โดดเด่นไม่แพ้กัน >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพุทธซ้อนหลวงพ่อทวด หลวงพ่อทอง ฉลองแซยิด93 วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2553 เหรียญพุทธซ้อนหลวงพ่อทวด หลวงพ่อทอง ฉลองแซยิด93 วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ จัดสร้างจำนวนน้อย ปลุกเสกอย่างเข้มขลัง หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย พระเกจิอาจารย์อันดับ ๑ เมืองปัตตานี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากกพระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านเมตตาค้าขาย มหาอุตตม์ มหาลาภ มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจหรือทำอาชีพค้าขายก็จะร่ำรวย เดินทางแคล้วคลาด ปลอดภัย เสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชา >> ** พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดสำเภาเชย อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี มีเกจิที่มีชื่อเสียงร่วมในพิธี หลวงพ่อทอง ท่านได้ร่วมปลุกเสก อย่างเข้มขลัง ** หลวงพ่อทอง ท่านปลุกเสกมีพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นพระที่รักสันโดษ สมถะ พูดน้อย มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ทำให้สาธุชนเคารพศรัทธาท่านอย่างมาก วัตถุมงคล ของ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย นั้นมีอยู่หลายรุ่นซึ่งเป็นที่นิยม พุทธคุณ ดีเด่นด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขาย รวมไปถึงแคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายก็โดดเด่นไม่แพ้กัน >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ

    หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

    ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป

    ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร

    แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์

    #Newskit
    ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิจารณ์สนั่นโลโก้ Maybank บนตึก Merdeka 118

    แม้ว่าโลโก้เมย์แบงก์ (Maybank) ธนาคารอันดับหนึ่งของมาเลเซีย กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในเมืองโคตากินาบาลู รัฐซาบาห์ เพราะสาขาที่ปิดถาวรบนถนนจาลันพันตาย (Jalan Pantai) กลายเป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยว แต่สำหรับอาคาร์เมอร์เดก้า 118 (Merdeka 118) ความสูง 118 ชั้น 678.9 เมตร ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่สูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (Burj Khalifa) ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูจะไม่สบอารมณ์กับชาวมาเลเซียเท่าไหร่นัก

    บนสื่อโซเชียลฯ ในมาเลเซียวิจารณ์กรณีที่กลุ่มเมย์แบงก์ ซึ่งเป็นผู้เช่าหลักติดโลโก้ Maybank เป็นตัวอักษรสีเหลืองบนยอดตึกของอาคารดังกล่าว โดยมองว่าอาจทำให้เสียภาพลักษณ์และไม่สะท้อนความหมายของอาคารดังกล่าว ทั้งที่อาคารดังกล่าวออกแบบเป็นสัญลักษณ์ที่นายตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (Tunku Abdul Rahman) นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรก กำลังยื่นมือออกไปขณะอ่านคำประกาศอิสรภาพ ว่า "เมอร์เดก้า" แปลว่าอิสรภาพ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2500 ที่สนามกีฬาเมอร์เดก้า

    ชาวเน็ตมาเลเซียเกรงว่าในไม่ช้าผู้คนจะจดจำอาคาร Merdeka 118 ในชื่อ Maybank Tower แทน ถ้าเปรียบเทียบกับอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ หรือตึกแฝด ย่าน KLCC (Kuala Lumpur City Centre) ทางบริษัทพลังงานแห่งชาติของมาเลเซีย ก็ไม่ได้ใส่โลโก้ของตน ทั้งที่เป็นเจ้าของอาคารที่แท้จริง โดยเห็นว่าหากไม่มีโลโก้ Maybank อาคารดังกล่าวจะดูปกติเรียบร้อยกว่านี้

    ก่อนหน้านี้ กลุ่มเมย์แบงก์ตัดสินใจเช่าอาคารเมอร์เดก้า 118 กับบริษัท เปอร์โมดาลัน เนชันแนล เบอร์ฮัด (Permodalan Nasional Berhad หรือ PNB) เจ้าของอาคารดังกล่าว จำนวน 33 ชั้น 650,000 ตารางฟุต รวมระยะเวลา 21 ปี พร้อมย้ายสำนักงานใหญ่ จากเดิมอาคารเมย์แบงก์บนถนนตุน ราซัค (Tun Razak) และธุรกิจในเครือ เช่น เมย์แบงก์ อิสลาม, เมย์แบงก์ อินเวสเมนท์ แบงก์ และเมย์แบงก์ แอสเซท แมเนจเมนท์ มารวมกันที่นี่ คาดว่าจะรองรับพนักงานประมาณ 5,900 คน อีกทั้งได้รับสิทธิ์ในการตั้งชื่อและติดป้ายบนอาคาร ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์บนอาคารสูงระดับโลก คาดว่าจะทยอยย้ายไปยังสำนักงานแห่งใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2569

    อนึ่ง กลุ่มเมย์แบงก์ประกอบธุรกิจการเงินใน 18 ประเทศ ประกอบด้วยธนาคาร 8 ประเทศ (ธนาคารตามหลักศาสนาอิสลาม 4 ประเทศ) การลงทุน 16 ประเทศ ประกันภัยและตะกาฟุล 5 ประเทศ ในประเทศไทยประกอบธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ โดยซื้อกิจการจากกิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงค์โปร์ เมื่อปี 2554 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อาคารดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์

    #Newskit
    วิจารณ์สนั่นโลโก้ Maybank บนตึก Merdeka 118 แม้ว่าโลโก้เมย์แบงก์ (Maybank) ธนาคารอันดับหนึ่งของมาเลเซีย กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในเมืองโคตากินาบาลู รัฐซาบาห์ เพราะสาขาที่ปิดถาวรบนถนนจาลันพันตาย (Jalan Pantai) กลายเป็นจุดถ่ายรูปเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยว แต่สำหรับอาคาร์เมอร์เดก้า 118 (Merdeka 118) ความสูง 118 ชั้น 678.9 เมตร ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่สูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (Burj Khalifa) ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูจะไม่สบอารมณ์กับชาวมาเลเซียเท่าไหร่นัก บนสื่อโซเชียลฯ ในมาเลเซียวิจารณ์กรณีที่กลุ่มเมย์แบงก์ ซึ่งเป็นผู้เช่าหลักติดโลโก้ Maybank เป็นตัวอักษรสีเหลืองบนยอดตึกของอาคารดังกล่าว โดยมองว่าอาจทำให้เสียภาพลักษณ์และไม่สะท้อนความหมายของอาคารดังกล่าว ทั้งที่อาคารดังกล่าวออกแบบเป็นสัญลักษณ์ที่นายตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (Tunku Abdul Rahman) นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรก กำลังยื่นมือออกไปขณะอ่านคำประกาศอิสรภาพ ว่า "เมอร์เดก้า" แปลว่าอิสรภาพ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2500 ที่สนามกีฬาเมอร์เดก้า ชาวเน็ตมาเลเซียเกรงว่าในไม่ช้าผู้คนจะจดจำอาคาร Merdeka 118 ในชื่อ Maybank Tower แทน ถ้าเปรียบเทียบกับอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ หรือตึกแฝด ย่าน KLCC (Kuala Lumpur City Centre) ทางบริษัทพลังงานแห่งชาติของมาเลเซีย ก็ไม่ได้ใส่โลโก้ของตน ทั้งที่เป็นเจ้าของอาคารที่แท้จริง โดยเห็นว่าหากไม่มีโลโก้ Maybank อาคารดังกล่าวจะดูปกติเรียบร้อยกว่านี้ ก่อนหน้านี้ กลุ่มเมย์แบงก์ตัดสินใจเช่าอาคารเมอร์เดก้า 118 กับบริษัท เปอร์โมดาลัน เนชันแนล เบอร์ฮัด (Permodalan Nasional Berhad หรือ PNB) เจ้าของอาคารดังกล่าว จำนวน 33 ชั้น 650,000 ตารางฟุต รวมระยะเวลา 21 ปี พร้อมย้ายสำนักงานใหญ่ จากเดิมอาคารเมย์แบงก์บนถนนตุน ราซัค (Tun Razak) และธุรกิจในเครือ เช่น เมย์แบงก์ อิสลาม, เมย์แบงก์ อินเวสเมนท์ แบงก์ และเมย์แบงก์ แอสเซท แมเนจเมนท์ มารวมกันที่นี่ คาดว่าจะรองรับพนักงานประมาณ 5,900 คน อีกทั้งได้รับสิทธิ์ในการตั้งชื่อและติดป้ายบนอาคาร ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์บนอาคารสูงระดับโลก คาดว่าจะทยอยย้ายไปยังสำนักงานแห่งใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2569 อนึ่ง กลุ่มเมย์แบงก์ประกอบธุรกิจการเงินใน 18 ประเทศ ประกอบด้วยธนาคาร 8 ประเทศ (ธนาคารตามหลักศาสนาอิสลาม 4 ประเทศ) การลงทุน 16 ประเทศ ประกันภัยและตะกาฟุล 5 ประเทศ ในประเทศไทยประกอบธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ โดยซื้อกิจการจากกิมเอ็ง โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงค์โปร์ เมื่อปี 2554 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อาคารดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธุรกิจผลิต-จำหน่าย-บริการ ดูความเสี่ยงยังไง ?
    ธุรกิจผลิต-จำหน่าย-บริการ ดูความเสี่ยงยังไง ?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง!

    ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด!

    เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ:
    เพิ่มกำไร: เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย
    ผลิตง่าย: ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ ไส้เกี๊ยว หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย
    ทำงานรวดเร็ว: ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล

    รายละเอียดเครื่อง:

    มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V
    กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม.
    ขนาด: 800 x 650 x 900 มม.
    น้ำหนัก: 250 กก.

    ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ!

    แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง
    #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง! 😩 ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด! 💯 เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ: เพิ่มกำไร: 📈 เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย ผลิตง่าย: ✨ ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ 🍔 ไส้เกี๊ยว 🥟 หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ทำงานรวดเร็ว: ⏱️ ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล รายละเอียดเครื่อง: มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V 💪 กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม. ⚡ ขนาด: 800 x 650 x 900 มม. น้ำหนัก: 250 กก. ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ! 👍 แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : “ญี่ปุ่น” ลงทุนอะไรใน “กัมพูชา” ?
    .
    ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาถึงแม้ว่าจะมี “ข้อตกลงหยุดยิง” เบื้องต้น แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากก็คือ การ “เปิดพรมแดน” ซึ่งไทยและกัมพูชาได้หารือกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา หลังการประชุมก็มีการเปิดเผยว่า มีประเทศที่ 3 ก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ได้เรียกร้องให้มีการเปิดพรมแดน
    .
    คำถามที่น่าสนใจก็คือ “กัมพูชา” มีดีอะไร “ธุรกิจญี่ปุ่น” ถึงเลือกเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ และทำไมญี่ปุ่นถึงกดดันให้ไทยกับกัมพูชาเร่งกลับมาเปิดด่านอีกครั้ง ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #ญี่ปุ่นลงทุนอะไรมากัมพูชา #Thailandplusone #ไทยกัมพูชา
    บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : “ญี่ปุ่น” ลงทุนอะไรใน “กัมพูชา” ? . ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาถึงแม้ว่าจะมี “ข้อตกลงหยุดยิง” เบื้องต้น แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากก็คือ การ “เปิดพรมแดน” ซึ่งไทยและกัมพูชาได้หารือกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา หลังการประชุมก็มีการเปิดเผยว่า มีประเทศที่ 3 ก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ได้เรียกร้องให้มีการเปิดพรมแดน . คำถามที่น่าสนใจก็คือ “กัมพูชา” มีดีอะไร “ธุรกิจญี่ปุ่น” ถึงเลือกเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ และทำไมญี่ปุ่นถึงกดดันให้ไทยกับกัมพูชาเร่งกลับมาเปิดด่านอีกครั้ง ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc . #บูรพาไม่แพ้ #ญี่ปุ่นลงทุนอะไรมากัมพูชา #Thailandplusone #ไทยกัมพูชา
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute

    ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

    โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI

    นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์

    Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia
    เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร
    ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน

    สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton
    เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027
    รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW

    เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads
    OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว
    ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร
    สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell
    เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก

    ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
    สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง
    สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ

    https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    📰 Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์ ✅ Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia ➡️ เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ➡️ ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน ✅ สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton ➡️ เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 ➡️ รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW ✅ เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads ➡️ OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว ➡️ ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ ✅ Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร ➡️ สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell ➡️ เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก ✅ ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ➡️ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง ➡️ สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสามารถห้ามนำเข้าได้หมดล่ะ ตลอดแรงงานต่างชาติ ต่างด้าวทั้งหมดด้วย เอกชนไทยหรือต่างชาติใดไม่ยอมก็ถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจบนแผ่นดินไทยทุกๆประเภทได้ทันทีเลย,ย้ายฐานโรงงานตนไปประกอบการค้าที่ประเทศอื่น,จ้างแรงงานในชาตินั้นทันทีได้ ซื้อราคาวัตถุดิบในทันทีได้ ส่วนรัฐบาลไทยจะให้เอกชนนั้นๆนำเข้ามาขายในประเทศไทยได้อีกหรือไม่ก็อีกกรณีหนึ่งเช่นกัน,เพราะไม่ยอมส่งเสริมการจ้างงานคนไทย ไม่ส่งเสริมรับซื้อผลผลิตจากคนไทย ,ฝันอะไรที่รัฐบาลประชาชนจะตีตราอนุญาตสินค้าของบริษัทกิจการนี้มาขายมานำเข้ามาขายในประเทศไทยได้ เราสามารถแบนสินค้าของธุรกิจกิจการนายทุนคนไหนก็ได้เมื่อรัฐบาลไทยเข้มแข็ง การสร้างงานสร้างอาชีพคนไทยต้องมาก่อน ,คนไทยมีงานทำก็มีรายได้,มิใช่ให้ต่างชาติต่างด้าวมาแย่งงานคนไทยทั้งสุมหัวกับเจ้าของกิจการเอกชนภายในไทยทำลายสถานะสัมมาอาชีพคนไทยได้ ทั้งทำงานในกิจการต่างๆในไทยและอิสระดำเนินกิจการเอง,กรมแรงงานไทยต้องพลิกบทบาทใหม่หมดครบคุมกิจการบริษัทได้ ยกเลิกและถอนใบประกอบกิจการได้หากปฏิเสธแรงงานที่รัฐบาลจัดสรรแรงงานให้,กรมแรงงานสามารถวางแผนอัตรางานและกำลังงานได้ เตรียมพร้อมเยาวชนผู้จบใหม่มาทำงานได้ไม่ตกงาน,ยกเลิกกพ.ด้วย.,ให้กรมแรงงานรับผิดชอบการทำงานทั้งของภาครัฐและเอกชนครบวงจรทั้งหมด,การกำกับดูแลจะเป็นในทิศทางเดียวกัน,นักศึกษาจะจบมาสามารถคาดการณ์ว่าตนสามารถเข้างานภาครัฐหรือเอกชนได้ทันทีอย่างไรด้วยเกรดคะแนนที่เล่าเรียนมาตลอดขี้นลำดับการศึกษา,ยกเลิกการสอบครู สอบกพ.ทั้งหมด,ให้ประเมินวิธีอื่นที่เหมาะสมทดแทน ไม่บ้าไม่ประสาทก็จบแล้ว,เพราะเยาวชนไทยเราสามารถฝึกทดลองงานให้เข้ากับเนื้องานหน้างานได้ภายใน1ปี,บรรจุทันทีในทางราชการหรือเอกชนเพื่อให้เยาวชนไทยเรามั่นใจในการทำงานสน้างฐานะรายได้ได้,ปัจจุบันเหี้ยหมดเลอะเทอะไร้ระบบ,เททิ้งเทเยาวชนตกงานหมด,ควบคุมกิจการบริษัทนายลงทุนไม่ได้,นำเข้าแรงงานต่างชาติทำลายเยาวชนตนให้ด้อยค่าอีก,นี้คือการทำลายอธิปไตยด้านความมั่นคงเราอีกนัยยะหนึ่งด้วย.
    ..ผู้นำผู้ปกครองจึงสำคัญมาก เรากากมานานเกินพอจริงๆ,ระบบกากๆต้องถูกทำลาย.

    https://youtube.com/shorts/qd0_qakCj0A?si=lmaEG7-LqFnoGD5q
    รัฐบาลสามารถห้ามนำเข้าได้หมดล่ะ ตลอดแรงงานต่างชาติ ต่างด้าวทั้งหมดด้วย เอกชนไทยหรือต่างชาติใดไม่ยอมก็ถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจบนแผ่นดินไทยทุกๆประเภทได้ทันทีเลย,ย้ายฐานโรงงานตนไปประกอบการค้าที่ประเทศอื่น,จ้างแรงงานในชาตินั้นทันทีได้ ซื้อราคาวัตถุดิบในทันทีได้ ส่วนรัฐบาลไทยจะให้เอกชนนั้นๆนำเข้ามาขายในประเทศไทยได้อีกหรือไม่ก็อีกกรณีหนึ่งเช่นกัน,เพราะไม่ยอมส่งเสริมการจ้างงานคนไทย ไม่ส่งเสริมรับซื้อผลผลิตจากคนไทย ,ฝันอะไรที่รัฐบาลประชาชนจะตีตราอนุญาตสินค้าของบริษัทกิจการนี้มาขายมานำเข้ามาขายในประเทศไทยได้ เราสามารถแบนสินค้าของธุรกิจกิจการนายทุนคนไหนก็ได้เมื่อรัฐบาลไทยเข้มแข็ง การสร้างงานสร้างอาชีพคนไทยต้องมาก่อน ,คนไทยมีงานทำก็มีรายได้,มิใช่ให้ต่างชาติต่างด้าวมาแย่งงานคนไทยทั้งสุมหัวกับเจ้าของกิจการเอกชนภายในไทยทำลายสถานะสัมมาอาชีพคนไทยได้ ทั้งทำงานในกิจการต่างๆในไทยและอิสระดำเนินกิจการเอง,กรมแรงงานไทยต้องพลิกบทบาทใหม่หมดครบคุมกิจการบริษัทได้ ยกเลิกและถอนใบประกอบกิจการได้หากปฏิเสธแรงงานที่รัฐบาลจัดสรรแรงงานให้,กรมแรงงานสามารถวางแผนอัตรางานและกำลังงานได้ เตรียมพร้อมเยาวชนผู้จบใหม่มาทำงานได้ไม่ตกงาน,ยกเลิกกพ.ด้วย.,ให้กรมแรงงานรับผิดชอบการทำงานทั้งของภาครัฐและเอกชนครบวงจรทั้งหมด,การกำกับดูแลจะเป็นในทิศทางเดียวกัน,นักศึกษาจะจบมาสามารถคาดการณ์ว่าตนสามารถเข้างานภาครัฐหรือเอกชนได้ทันทีอย่างไรด้วยเกรดคะแนนที่เล่าเรียนมาตลอดขี้นลำดับการศึกษา,ยกเลิกการสอบครู สอบกพ.ทั้งหมด,ให้ประเมินวิธีอื่นที่เหมาะสมทดแทน ไม่บ้าไม่ประสาทก็จบแล้ว,เพราะเยาวชนไทยเราสามารถฝึกทดลองงานให้เข้ากับเนื้องานหน้างานได้ภายใน1ปี,บรรจุทันทีในทางราชการหรือเอกชนเพื่อให้เยาวชนไทยเรามั่นใจในการทำงานสน้างฐานะรายได้ได้,ปัจจุบันเหี้ยหมดเลอะเทอะไร้ระบบ,เททิ้งเทเยาวชนตกงานหมด,ควบคุมกิจการบริษัทนายลงทุนไม่ได้,นำเข้าแรงงานต่างชาติทำลายเยาวชนตนให้ด้อยค่าอีก,นี้คือการทำลายอธิปไตยด้านความมั่นคงเราอีกนัยยะหนึ่งด้วย. ..ผู้นำผู้ปกครองจึงสำคัญมาก เรากากมานานเกินพอจริงๆ,ระบบกากๆต้องถูกทำลาย. https://youtube.com/shorts/qd0_qakCj0A?si=lmaEG7-LqFnoGD5q
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia เจอแรงกระแทกจากจีนอีกครั้ง — CEO ยอมรับ “ผิดหวัง” หลังถูกแบนชิป AI H20 แม้พัฒนาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน หลังรัฐบาลจีนประกาศห้ามบริษัทเทคโนโลยีภายในประเทศซื้อชิป AI รุ่น H20 ของ Nvidia ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดย Huang กล่าวในงานแถลงข่าวที่ลอนดอนว่า “ธุรกิจของเรากับจีนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเหมือนรถไฟเหาะ”

    ชิป H20 ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของจีน หลังสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล Biden เคยสั่งห้ามส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีนในปี 2023 แต่เมื่อ Trump กลับมาดำรงตำแหน่งในปี 2025 ก็มีการเจรจาใหม่ โดย Nvidia ยอมจ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการยกเลิกข้อจำกัด

    อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่อง “backdoor” และการติดตามชิปจากระยะไกล ทำให้ Cyberspace Administration of China (CAC) สั่งให้บริษัทใหญ่ เช่น ByteDance และ Alibaba หยุดการสั่งซื้อและทดสอบชิป H20 โดยอ้างว่าเทคโนโลยีของ Nvidia อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของข้อมูลภายในประเทศ

    Huang ยืนยันว่า H20 ไม่ใช่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และจีนมีเทคโนโลยีของตัวเองเพียงพอสำหรับการใช้งานทางทหารอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่า “ต้องอดทน” และ “เข้าใจว่ามีวาระใหญ่กว่าที่ต้องจัดการระหว่างจีนกับสหรัฐฯ”

    Nvidia ถูกแบนชิป AI H20 ในจีน
    Cyberspace Administration of China สั่งบริษัทเทคโนโลยีหยุดซื้อและทดสอบ
    ชิป H20 ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน

    Jensen Huang แสดงความผิดหวังต่อการแบน
    ระบุว่า “ธุรกิจในจีนเหมือนรถไฟเหาะ”
    ยืนยันว่า H20 ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงทางทหาร

    ชิป H20 เคยถูกห้ามส่งออกโดยรัฐบาล Biden
    Nvidia พัฒนา H20 เพื่อลดสเปกให้ผ่านข้อจำกัด
    รัฐบาล Trump เจรจาใหม่ให้ Nvidia จ่าย 15% ของรายได้เพื่อแลกกับการขาย

    จีนกังวลเรื่อง backdoor และการติดตามชิปจากระยะไกล
    มีข้อสงสัยว่า H20 อาจมีระบบติดตามหรือ kill switch
    Nvidia ปฏิเสธว่าชิปไม่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    ตลาด AI ในจีนยังมีขนาดใหญ่มาก
    Huang ระบุว่ามีมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์
    เป็นตลาด AI ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

    คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบจากการแบน
    การแบนอาจกระทบรายได้ของ Nvidia หลายพันล้านดอลลาร์
    ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทำให้การคาดการณ์ธุรกิจยากขึ้น
    การกล่าวหาว่ามี backdoor อาจกระทบความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ Nvidia ทั่วโลก
    การพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไปอาจเป็นความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว

    https://www.techradar.com/pro/our-business-in-china-has-been-a-bit-of-a-rollercoaster-nvidia-ceo-disappointed-in-further-chinese-ban-on-buying-its-ai-chips
    📰 Nvidia เจอแรงกระแทกจากจีนอีกครั้ง — CEO ยอมรับ “ผิดหวัง” หลังถูกแบนชิป AI H20 แม้พัฒนาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน หลังรัฐบาลจีนประกาศห้ามบริษัทเทคโนโลยีภายในประเทศซื้อชิป AI รุ่น H20 ของ Nvidia ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดย Huang กล่าวในงานแถลงข่าวที่ลอนดอนว่า “ธุรกิจของเรากับจีนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเหมือนรถไฟเหาะ” ชิป H20 ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของจีน หลังสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล Biden เคยสั่งห้ามส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีนในปี 2023 แต่เมื่อ Trump กลับมาดำรงตำแหน่งในปี 2025 ก็มีการเจรจาใหม่ โดย Nvidia ยอมจ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการยกเลิกข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่อง “backdoor” และการติดตามชิปจากระยะไกล ทำให้ Cyberspace Administration of China (CAC) สั่งให้บริษัทใหญ่ เช่น ByteDance และ Alibaba หยุดการสั่งซื้อและทดสอบชิป H20 โดยอ้างว่าเทคโนโลยีของ Nvidia อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของข้อมูลภายในประเทศ Huang ยืนยันว่า H20 ไม่ใช่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และจีนมีเทคโนโลยีของตัวเองเพียงพอสำหรับการใช้งานทางทหารอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่า “ต้องอดทน” และ “เข้าใจว่ามีวาระใหญ่กว่าที่ต้องจัดการระหว่างจีนกับสหรัฐฯ” ✅ Nvidia ถูกแบนชิป AI H20 ในจีน ➡️ Cyberspace Administration of China สั่งบริษัทเทคโนโลยีหยุดซื้อและทดสอบ ➡️ ชิป H20 ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน ✅ Jensen Huang แสดงความผิดหวังต่อการแบน ➡️ ระบุว่า “ธุรกิจในจีนเหมือนรถไฟเหาะ” ➡️ ยืนยันว่า H20 ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงทางทหาร ✅ ชิป H20 เคยถูกห้ามส่งออกโดยรัฐบาล Biden ➡️ Nvidia พัฒนา H20 เพื่อลดสเปกให้ผ่านข้อจำกัด ➡️ รัฐบาล Trump เจรจาใหม่ให้ Nvidia จ่าย 15% ของรายได้เพื่อแลกกับการขาย ✅ จีนกังวลเรื่อง backdoor และการติดตามชิปจากระยะไกล ➡️ มีข้อสงสัยว่า H20 อาจมีระบบติดตามหรือ kill switch ➡️ Nvidia ปฏิเสธว่าชิปไม่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ✅ ตลาด AI ในจีนยังมีขนาดใหญ่มาก ➡️ Huang ระบุว่ามีมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์ ➡️ เป็นตลาด AI ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบจากการแบน ⛔ การแบนอาจกระทบรายได้ของ Nvidia หลายพันล้านดอลลาร์ ⛔ ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทำให้การคาดการณ์ธุรกิจยากขึ้น ⛔ การกล่าวหาว่ามี backdoor อาจกระทบความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ Nvidia ทั่วโลก ⛔ การพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไปอาจเป็นความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว https://www.techradar.com/pro/our-business-in-china-has-been-a-bit-of-a-rollercoaster-nvidia-ceo-disappointed-in-further-chinese-ban-on-buying-its-ai-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • SMBs กับการก้าวสู่ยุค AI — โอกาสใหม่ที่มาพร้อมความลังเลและช่องว่างทักษะ

    ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) กำลังหันมาใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการขาดเวลาและทรัพยากรในการเติบโต โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่ SMBs คิดเป็น 99% ของธุรกิจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสนใจสูง แต่หลายองค์กรยังลังเลที่จะลงทุนเต็มตัว เนื่องจากขาดทักษะด้านดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    จากรายงานของ Amex และ Barclays พบว่า 28% ของผู้นำ SME ไม่สามารถหลุดจากงานประจำเพื่อวางแผนธุรกิจได้ และ 24% รู้สึกว่าไม่มีเวลาพอที่จะขยายกิจการ ทำให้ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนจะใช้ AI ภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาทักษะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดย 89% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรต้องการใช้ AI ภายใน 2 ปี แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี และยังมีความกังวลเรื่องต้นทุน ความปลอดภัยของข้อมูล และความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว

    หลายองค์กรจึงหันไปลงทุนในด้านการฝึกอบรม (42%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (37%) และการวิจัยและพัฒนา (37%) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI อย่างยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นก็ตาม

    SMBs หันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเติบโต
    43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนใช้ AI ภายใน 12 เดือน
    60% คาดหวังผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ปัญหาทักษะและต้นทุนยังเป็นอุปสรรคหลัก
    89% ต้องการใช้ AI แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี
    30% กังวลเรื่องต้นทุน / 25% ไม่มั่นใจใน ROI / 27% ขาดความเชี่ยวชาญ

    ธุรกิจเริ่มลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อม
    42% ลงทุนในการฝึกอบรม / 37% พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล / 37% ลงทุนใน R&D
    เน้นการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, คาดการณ์, ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า

    AI ช่วยลดภาระงานประจำและเพิ่มเวลาสำหรับการวางแผน
    ช่วยให้ผู้บริหารหลุดจากงานประจำเพื่อโฟกัสการเติบโต
    เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจและปรับตัวต่อเศรษฐกิจ

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI ใน SMBs
    ขาดแผนการฝึกอบรมที่ชัดเจน อาจทำให้การใช้ AI ไม่เกิดผลลัพธ์
    ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณภาครัฐ อาจชะลอการลงทุน
    หากไม่มีการจัดการข้อมูลที่ดี AI อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย
    การใช้ AI โดยไม่มี oversight อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพนักงาน

    https://www.techradar.com/pro/smbs-are-turning-to-ai-to-solve-their-problems-but-many-are-still-cautious-to-go-all-in
    📰 SMBs กับการก้าวสู่ยุค AI — โอกาสใหม่ที่มาพร้อมความลังเลและช่องว่างทักษะ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) กำลังหันมาใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการขาดเวลาและทรัพยากรในการเติบโต โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่ SMBs คิดเป็น 99% ของธุรกิจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสนใจสูง แต่หลายองค์กรยังลังเลที่จะลงทุนเต็มตัว เนื่องจากขาดทักษะด้านดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จากรายงานของ Amex และ Barclays พบว่า 28% ของผู้นำ SME ไม่สามารถหลุดจากงานประจำเพื่อวางแผนธุรกิจได้ และ 24% รู้สึกว่าไม่มีเวลาพอที่จะขยายกิจการ ทำให้ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนจะใช้ AI ภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 อย่างไรก็ตาม ปัญหาทักษะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดย 89% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรต้องการใช้ AI ภายใน 2 ปี แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี และยังมีความกังวลเรื่องต้นทุน ความปลอดภัยของข้อมูล และความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว หลายองค์กรจึงหันไปลงทุนในด้านการฝึกอบรม (42%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (37%) และการวิจัยและพัฒนา (37%) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI อย่างยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นก็ตาม ✅ SMBs หันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเติบโต ➡️ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนใช้ AI ภายใน 12 เดือน ➡️ 60% คาดหวังผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ปัญหาทักษะและต้นทุนยังเป็นอุปสรรคหลัก ➡️ 89% ต้องการใช้ AI แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี ➡️ 30% กังวลเรื่องต้นทุน / 25% ไม่มั่นใจใน ROI / 27% ขาดความเชี่ยวชาญ ✅ ธุรกิจเริ่มลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อม ➡️ 42% ลงทุนในการฝึกอบรม / 37% พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล / 37% ลงทุนใน R&D ➡️ เน้นการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, คาดการณ์, ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า ✅ AI ช่วยลดภาระงานประจำและเพิ่มเวลาสำหรับการวางแผน ➡️ ช่วยให้ผู้บริหารหลุดจากงานประจำเพื่อโฟกัสการเติบโต ➡️ เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจและปรับตัวต่อเศรษฐกิจ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI ใน SMBs ⛔ ขาดแผนการฝึกอบรมที่ชัดเจน อาจทำให้การใช้ AI ไม่เกิดผลลัพธ์ ⛔ ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณภาครัฐ อาจชะลอการลงทุน ⛔ หากไม่มีการจัดการข้อมูลที่ดี AI อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย ⛔ การใช้ AI โดยไม่มี oversight อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพนักงาน https://www.techradar.com/pro/smbs-are-turning-to-ai-to-solve-their-problems-but-many-are-still-cautious-to-go-all-in
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Codeless Testing Tools กับความหวังใหม่ในการตรวจจับช่องโหว่ความปลอดภัย — แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ Cybersecurity

    ในยุคที่การพัฒนาแอปพลิเคชันต้องเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือทดสอบแบบ “ไม่ต้องเขียนโค้ด” หรือ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการโปรเจกต์ สามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว

    เครื่องมือเหล่านี้ เช่น testRigor ใช้การคลิก ลากวาง หรือคำสั่งภาษาธรรมชาติในการสร้างชุดทดสอบ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาอย่างมาก และยังเพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบในระดับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การตรวจสอบการกรอกข้อมูลผิด หรือการตั้งรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย

    แต่เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคไซเบอร์ ช่องโหว่ที่ซับซ้อน เช่น SQL Injection, XSS, หรือการตั้งค่าความปลอดภัยผิดพลาด ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น SAST และ DAST ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดลึกหรือจำลองการโจมตีจริงได้

    แม้ Codeless Tools จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานได้ดี เช่น การตรวจสอบ input validation หรือการทดสอบ regression patch แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่เครื่องมือด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะได้อย่างสมบูรณ์

    Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมในทีมพัฒนา
    ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด
    ช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคสามารถร่วมทดสอบได้

    เพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบทั่วไป
    ลดเวลาและต้นทุนในการสร้าง test case
    เพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบพฤติกรรมผู้ใช้

    สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานด้านความปลอดภัย
    ตรวจสอบ input validation ที่อ่อนแอ
    ตรวจสอบการตั้งรหัสผ่านและ UI ที่ไม่ปลอดภัย
    ทำ regression test สำหรับ patch ที่เคยติดตั้ง

    ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบบ่อยยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
    SQL Injection, XSS, API ที่ไม่ปลอดภัย, การตั้งค่าผิด
    ต้องใช้ SAST (วิเคราะห์โค้ด) และ DAST (จำลองการโจมตีจริง)

    เครื่องมือ Codeless อาจพัฒนาได้ในอนาคต
    มีแนวโน้มจะรวม AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ
    อาจช่วยตรวจจับช่องโหว่ลึกได้มากขึ้นในเวอร์ชันถัดไป

    https://hackread.com/codeless-testing-tools-detect-security-vulnerabilities/
    📰 Codeless Testing Tools กับความหวังใหม่ในการตรวจจับช่องโหว่ความปลอดภัย — แต่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ Cybersecurity ในยุคที่การพัฒนาแอปพลิเคชันต้องเร็วขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือทดสอบแบบ “ไม่ต้องเขียนโค้ด” หรือ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค เช่น นักวิเคราะห์ธุรกิจหรือผู้จัดการโปรเจกต์ สามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว เครื่องมือเหล่านี้ เช่น testRigor ใช้การคลิก ลากวาง หรือคำสั่งภาษาธรรมชาติในการสร้างชุดทดสอบ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาอย่างมาก และยังเพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบในระดับพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น การตรวจสอบการกรอกข้อมูลผิด หรือการตั้งรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย แต่เมื่อพูดถึง “ความปลอดภัย” ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาในยุคไซเบอร์ ช่องโหว่ที่ซับซ้อน เช่น SQL Injection, XSS, หรือการตั้งค่าความปลอดภัยผิดพลาด ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เช่น SAST และ DAST ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดลึกหรือจำลองการโจมตีจริงได้ แม้ Codeless Tools จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานได้ดี เช่น การตรวจสอบ input validation หรือการทดสอบ regression patch แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่เครื่องมือด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะได้อย่างสมบูรณ์ ✅ Codeless Testing Tools ได้รับความนิยมในทีมพัฒนา ➡️ ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด ➡️ ช่วยให้ทีมที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิคสามารถร่วมทดสอบได้ ✅ เพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบทั่วไป ➡️ ลดเวลาและต้นทุนในการสร้าง test case ➡️ เพิ่มความครอบคลุมของการทดสอบพฤติกรรมผู้ใช้ ✅ สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดพื้นฐานด้านความปลอดภัย ➡️ ตรวจสอบ input validation ที่อ่อนแอ ➡️ ตรวจสอบการตั้งรหัสผ่านและ UI ที่ไม่ปลอดภัย ➡️ ทำ regression test สำหรับ patch ที่เคยติดตั้ง ✅ ช่องโหว่ความปลอดภัยที่พบบ่อยยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ➡️ SQL Injection, XSS, API ที่ไม่ปลอดภัย, การตั้งค่าผิด ➡️ ต้องใช้ SAST (วิเคราะห์โค้ด) และ DAST (จำลองการโจมตีจริง) ✅ เครื่องมือ Codeless อาจพัฒนาได้ในอนาคต ➡️ มีแนวโน้มจะรวม AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ ➡️ อาจช่วยตรวจจับช่องโหว่ลึกได้มากขึ้นในเวอร์ชันถัดไป https://hackread.com/codeless-testing-tools-detect-security-vulnerabilities/
    HACKREAD.COM
    Can Codeless Testing Tools Detect Common Security Vulnerabilities?
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน

    ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น

    ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว

    ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF

    Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ

    Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว
    เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน
    เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025

    Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว
    รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน

    รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง
    บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์
    ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF

    ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้
    เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ”
    คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป

    ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้
    ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop
    แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที

    รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์
    ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ
    กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects
    โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด
    หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด
    ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้
    ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings

    https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    📰 ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ✅ Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว ➡️ เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน ➡️ เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025 ✅ Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว ➡️ รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน ✅ รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง ➡️ บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์ ➡️ ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF ✅ ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้ ➡️ เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ” ➡️ คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป ✅ ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้ ➡️ ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop ➡️ แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที ✅ รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ➡️ กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects ⛔ โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด ⛔ หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด ⛔ ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้ ⛔ ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Was One Of ChatGPT's Best Paid Features (And Now It's Free) - SlashGear
    ChatGPT’s “Projects” feature -- once exclusive to paid users -- is now available for free, letting everyone better organize chats into folders.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเลย์ฯ เมินลังกาวี แห่เที่ยวไทยคึกคัก

    ช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และช่วงปิดภาคเรียน ระหว่างวันที่ 13-16 ก.ย.ที่ผ่านมา ภาคใต้ของไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียประมาณ 200,000 ราย จุดหมายปลายทางยอดนิยมมีทั้งอำเภอหาดใหญ่ และหาดสมิหลา อำเภอเมืองสงขลา รวมทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยเฉพาะอำเภอเบตง ซึ่งภาคใต้ของไทยมีชื่อเสียงเรื่องความคุ้มค่า โดยเฉพาะค่าครองชีพที่ไม่สูง สแกน QR Code จ่ายเงินข้ามแดนได้ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อาหารไทยที่มีเอกลักษณ์ มีนักช้อปสนใจจับจ่ายห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีสินค้า อาหารพร้อมทาน และเครื่องดื่มที่ไม่มีขายในมาเลเซีย หรือสินค้าที่ราคาถูกกว่ามาเลเซีย รวมทั้งยังมีวัฒนธรรมที่งดงาม ความเป็นมิตรและอัธยาศัยดีของคนไทย

    ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.ถึง 14 ก.ย.2568 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนประเทศไทยสะสมรวม 3,278,963 คน เป็นอันดับหนึ่งแซงหน้านักท่องเที่ยวจีน

    ในทางกลับกัน นายไซนูดิน คาเดียร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมการท่องเที่ยวลังกาวี (LTA) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Harian Metro สื่อมาเลเซียว่า นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะลังกาวี รัฐเคดะห์ ในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย ลดลง 30-39% เมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน นักท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซียจำนวนมาก เลือกเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้ของไทย หลายคนเลือกจุดหมายปลายทางไปหาดใหญ่ เพราะข้อเสนอน่าสนใจกว่า และค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ปัญหาที่้เกิดขึ้นคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ย่ำแย่ ทั้งเรือข้ามฟากที่ใช้เวลารอคิวยาวนาน หรือตั๋วเครื่องบินราคาสูงกว่า 1,000 ริงกิต (มากกว่า 7,500 บาท) แม้ว่าเกาะลังกาวียังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถปรับปรุงและพัฒนาให้ทันสมัยได้

    ด้านนายบาร์โจยา บาร์ได นักวิเคราะห์เศรษฐกิจในมาเลเซียกล่าวว่า มีชาวมาเลเซียราว 100,000 คนมุ่งหน้าไปยังประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาว มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 600 ริงกิตต่อคน (ประมาณ 4,500 บาท) คาดว่าเม็ดเงินจะไหลออกนอกประเทศมากกว่า 130 ล้านริงกิต (ประมาณ 982 ล้านบาท) ทั้งที่เงินจำนวนนี้ควรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซีย แต่กลับสร้างรายได้มหาศาลแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะที่ธุรกิจในประเทศพลาดโอกาสสร้างรายได้จากวันหยุดนักขัตฤกษ์ หากไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อปรับปรุงต้นทุนและประสบการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศ กระแสนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ไหลออกนอกประเทศในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์จะยังคงมีอยู่ต่อไป

    #Newskit
    มาเลย์ฯ เมินลังกาวี แห่เที่ยวไทยคึกคัก ช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย และช่วงปิดภาคเรียน ระหว่างวันที่ 13-16 ก.ย.ที่ผ่านมา ภาคใต้ของไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียประมาณ 200,000 ราย จุดหมายปลายทางยอดนิยมมีทั้งอำเภอหาดใหญ่ และหาดสมิหลา อำเภอเมืองสงขลา รวมทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยเฉพาะอำเภอเบตง ซึ่งภาคใต้ของไทยมีชื่อเสียงเรื่องความคุ้มค่า โดยเฉพาะค่าครองชีพที่ไม่สูง สแกน QR Code จ่ายเงินข้ามแดนได้ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อาหารไทยที่มีเอกลักษณ์ มีนักช้อปสนใจจับจ่ายห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีสินค้า อาหารพร้อมทาน และเครื่องดื่มที่ไม่มีขายในมาเลเซีย หรือสินค้าที่ราคาถูกกว่ามาเลเซีย รวมทั้งยังมีวัฒนธรรมที่งดงาม ความเป็นมิตรและอัธยาศัยดีของคนไทย ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.ถึง 14 ก.ย.2568 มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนประเทศไทยสะสมรวม 3,278,963 คน เป็นอันดับหนึ่งแซงหน้านักท่องเที่ยวจีน ในทางกลับกัน นายไซนูดิน คาเดียร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมการท่องเที่ยวลังกาวี (LTA) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Harian Metro สื่อมาเลเซียว่า นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะลังกาวี รัฐเคดะห์ ในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันรวมชาติมาเลเซีย ลดลง 30-39% เมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน นักท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซียจำนวนมาก เลือกเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้ของไทย หลายคนเลือกจุดหมายปลายทางไปหาดใหญ่ เพราะข้อเสนอน่าสนใจกว่า และค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ปัญหาที่้เกิดขึ้นคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ย่ำแย่ ทั้งเรือข้ามฟากที่ใช้เวลารอคิวยาวนาน หรือตั๋วเครื่องบินราคาสูงกว่า 1,000 ริงกิต (มากกว่า 7,500 บาท) แม้ว่าเกาะลังกาวียังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถปรับปรุงและพัฒนาให้ทันสมัยได้ ด้านนายบาร์โจยา บาร์ได นักวิเคราะห์เศรษฐกิจในมาเลเซียกล่าวว่า มีชาวมาเลเซียราว 100,000 คนมุ่งหน้าไปยังประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาว มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 600 ริงกิตต่อคน (ประมาณ 4,500 บาท) คาดว่าเม็ดเงินจะไหลออกนอกประเทศมากกว่า 130 ล้านริงกิต (ประมาณ 982 ล้านบาท) ทั้งที่เงินจำนวนนี้ควรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศมาเลเซีย แต่กลับสร้างรายได้มหาศาลแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะที่ธุรกิจในประเทศพลาดโอกาสสร้างรายได้จากวันหยุดนักขัตฤกษ์ หากไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อปรับปรุงต้นทุนและประสบการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศ กระแสนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ไหลออกนอกประเทศในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์จะยังคงมีอยู่ต่อไป #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา

    ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ

    สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล

    นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น

    #Newskit
    ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ยุค AI’! ‘DITP จับมือ 6 พันธมิตร’ เปิดตัว 3 ระบบใหม่! เดินหน้าใช้ ‘AI’ ช่วยผู้ส่งออกเสริมแกร่งธุรกิจไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21524/
    .
    #ไทยไท #กระทรวงพาณิชย์ #DITP #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าววันนี้ #AI
    ‘ยุค AI’! ‘DITP จับมือ 6 พันธมิตร’ เปิดตัว 3 ระบบใหม่! เดินหน้าใช้ ‘AI’ ช่วยผู้ส่งออกเสริมแกร่งธุรกิจไทย https://www.thai-tai.tv/news/21524/ . #ไทยไท #กระทรวงพาณิชย์ #DITP #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าววันนี้ #AI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎหมายใหม่ในรัฐมิชิแกนจ่อแบน VPN และสื่อผู้ใหญ่ทุกประเภท — เสี่ยงกระทบสิทธิความเป็นส่วนตัวทั่วสหรัฐฯ

    เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันในรัฐมิชิแกนได้เสนอร่างกฎหมายชื่อ “Anticorruption of Public Morals Act” ซึ่งมีเป้าหมายในการห้ามเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกมองว่า “บ่อนทำลายศีลธรรมสาธารณะ” โดยเฉพาะสื่อผู้ใหญ่ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ ภาพ เสียง เรื่องแต่ง หรือแม้แต่เนื้อหาที่สร้างโดย AI รวมถึงการกล่าวถึงบุคคลข้ามเพศ

    ที่น่าจับตามองคือ กฎหมายนี้ยังรวมถึงการห้ามใช้เครื่องมือหลีกเลี่ยงการกรองเนื้อหา เช่น VPN, proxy server และการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสอื่นๆ โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องตรวจจับและบล็อกการใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์

    นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษรุนแรงสำหรับผู้ที่เผยแพร่หรือขายเนื้อหาต้องห้าม เช่น จำคุกสูงสุด 20–25 ปี และปรับสูงสุดถึง 125,000 ดอลลาร์ หากมีการเผยแพร่เกิน 100 หน่วย

    แม้ผู้เสนอร่างกฎหมายจะอ้างว่าเป็นการปกป้องเด็กและครอบครัว แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวเตือนว่า การแบน VPN อาจเป็นการเปิดช่องให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนมากขึ้น และอาจกลายเป็นต้นแบบให้รัฐอื่นหรือประเทศเผด็จการนำไปใช้ต่อ

    รัฐมิชิแกนเสนอร่างกฎหมาย “Anticorruption of Public Morals Act”
    ห้ามเผยแพร่เนื้อหาผู้ใหญ่ทุกประเภท ทั้งภาพ เสียง เรื่องแต่ง และเนื้อหา AI
    รวมถึงการกล่าวถึงบุคคลข้ามเพศในเชิงสื่อ
    มีบทลงโทษรุนแรง เช่น จำคุกสูงสุด 25 ปี และปรับสูงสุด 125,000 ดอลลาร์

    กฎหมายนี้ยังห้ามใช้เครื่องมือหลีกเลี่ยงการกรองเนื้อหา
    ครอบคลุม VPN, proxy server และการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัส
    ISP ต้องตรวจจับและบล็อกการใช้งานเครื่องมือเหล่านี้
    หากไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกปรับสูงสุด 500,000 ดอลลาร์

    มีการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อบังคับใช้กฎหมาย
    รวมถึงนักวิเคราะห์ดิจิทัล นักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    ทำหน้าที่ตรวจสอบเว็บไซต์และรายงานการบังคับใช้ประจำปี

    VPN เป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัว
    ช่วยเข้ารหัสข้อมูลและซ่อนตำแหน่ง IP ของผู้ใช้
    ใช้ในการเข้าถึงบริการที่ถูกจำกัดตามภูมิภาค และป้องกันการสอดแนม

    คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบของร่างกฎหมายนี้
    การแบน VPN อาจละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน
    อาจกลายเป็นต้นแบบให้รัฐอื่นหรือประเทศเผด็จการใช้ควบคุมอินเทอร์เน็ต
    ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ต้องใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
    อาจขัดต่อหลักการของเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/vpn-usage-at-risk-in-michigan-under-new-proposed-adult-content-law
    📰 กฎหมายใหม่ในรัฐมิชิแกนจ่อแบน VPN และสื่อผู้ใหญ่ทุกประเภท — เสี่ยงกระทบสิทธิความเป็นส่วนตัวทั่วสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันในรัฐมิชิแกนได้เสนอร่างกฎหมายชื่อ “Anticorruption of Public Morals Act” ซึ่งมีเป้าหมายในการห้ามเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกมองว่า “บ่อนทำลายศีลธรรมสาธารณะ” โดยเฉพาะสื่อผู้ใหญ่ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ ภาพ เสียง เรื่องแต่ง หรือแม้แต่เนื้อหาที่สร้างโดย AI รวมถึงการกล่าวถึงบุคคลข้ามเพศ ที่น่าจับตามองคือ กฎหมายนี้ยังรวมถึงการห้ามใช้เครื่องมือหลีกเลี่ยงการกรองเนื้อหา เช่น VPN, proxy server และการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสอื่นๆ โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องตรวจจับและบล็อกการใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษรุนแรงสำหรับผู้ที่เผยแพร่หรือขายเนื้อหาต้องห้าม เช่น จำคุกสูงสุด 20–25 ปี และปรับสูงสุดถึง 125,000 ดอลลาร์ หากมีการเผยแพร่เกิน 100 หน่วย แม้ผู้เสนอร่างกฎหมายจะอ้างว่าเป็นการปกป้องเด็กและครอบครัว แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวเตือนว่า การแบน VPN อาจเป็นการเปิดช่องให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชนมากขึ้น และอาจกลายเป็นต้นแบบให้รัฐอื่นหรือประเทศเผด็จการนำไปใช้ต่อ ✅ รัฐมิชิแกนเสนอร่างกฎหมาย “Anticorruption of Public Morals Act” ➡️ ห้ามเผยแพร่เนื้อหาผู้ใหญ่ทุกประเภท ทั้งภาพ เสียง เรื่องแต่ง และเนื้อหา AI ➡️ รวมถึงการกล่าวถึงบุคคลข้ามเพศในเชิงสื่อ ➡️ มีบทลงโทษรุนแรง เช่น จำคุกสูงสุด 25 ปี และปรับสูงสุด 125,000 ดอลลาร์ ✅ กฎหมายนี้ยังห้ามใช้เครื่องมือหลีกเลี่ยงการกรองเนื้อหา ➡️ ครอบคลุม VPN, proxy server และการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัส ➡️ ISP ต้องตรวจจับและบล็อกการใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ ➡️ หากไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกปรับสูงสุด 500,000 ดอลลาร์ ✅ มีการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อบังคับใช้กฎหมาย ➡️ รวมถึงนักวิเคราะห์ดิจิทัล นักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ➡️ ทำหน้าที่ตรวจสอบเว็บไซต์และรายงานการบังคับใช้ประจำปี ✅ VPN เป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัว ➡️ ช่วยเข้ารหัสข้อมูลและซ่อนตำแหน่ง IP ของผู้ใช้ ➡️ ใช้ในการเข้าถึงบริการที่ถูกจำกัดตามภูมิภาค และป้องกันการสอดแนม ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบของร่างกฎหมายนี้ ⛔ การแบน VPN อาจละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ⛔ อาจกลายเป็นต้นแบบให้รัฐอื่นหรือประเทศเผด็จการใช้ควบคุมอินเทอร์เน็ต ⛔ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ต้องใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ⛔ อาจขัดต่อหลักการของเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/vpn-usage-at-risk-in-michigan-under-new-proposed-adult-content-law
    WWW.TECHRADAR.COM
    VPN usage at risk in Michigan under new proposed adult content law
    The "Anticorruption of Public Morals Act" would force internet service providers to monitor and block VPN connections
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซอสมะขามเนียนขั้นสุด! ด้วยเครื่องบดคอลลอยด์ BONNY
    เคยเจอปัญหาซอสมะขามไม่เนียน มีกากใย ต้องกรองหลายรอบไหมคะ?

    วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ซอสมะขามของคุณเนียนละเอียดขึ้นอีกระดับ!

    เบื้องหลังความอร่อยที่เหนือกว่าคือ BONNY เครื่องบดคอลลอยด์ รุ่น YCM-JMF180-SHZ-S นั่นเอง! เครื่องนี้มาพร้อม กำลังการผลิตสูงถึง 5,000 กก./ชม. และมอเตอร์ 30 แรงม้า ที่มีความเร็วรอบ 2,800 RPM ไม่ใช่แค่บดธรรมดา แต่ยังบดได้ละเอียดถึงระดับไมโคร! ทำให้กากใยที่แข็งกระด้างกลายเป็นเนื้อซอสที่เนียนนุ่มจนแทบละลายในปาก

    ไม่ต้องเสียเวลากรองซ้ำอีกต่อไป แค่ผ่านเครื่อง BONNY ครั้งเดียว ก็ได้ซอสมะขามที่เนียนสวยพร้อมใช้งานทันที!

    รายละเอียดเครื่อง:
    กำลังการผลิต: 100–500 กก./ชม.
    กำลังไฟฟ้า: 30 แรงม้า
    ขนาด: 106 x 61 x 110 ซม.
    น้ำหนัก: 381 กก.

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)

    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    แชท: m.me/yonghahheng

    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9

    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098

    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #BONNY #เครื่องบดคอลลอยด์ #เครื่องจักรอาหาร #ซอสมะขาม #เครื่องบด #อาหารแปรรูป #ColloidMill #KitchenEquipment #FoodProcessing #ThaiFood #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #ธุรกิจอาหาร #FoodMachinery #HomemadeSauce #TamarindSauce #อาหารไทย #ธุรกิจSME #อาหารแปรรูป #Tamarind #น้ําจิ้ม #น้ําพริก #อาหารคลีน #เครื่องปรุงรส #วัตถุดิบอาหาร #แปรรูป #ธุรกิจใหม่ #เมนูสุขภาพ #วัตถุดิบคุณภาพ
    😋 ซอสมะขามเนียนขั้นสุด! ด้วยเครื่องบดคอลลอยด์ BONNY ✨ เคยเจอปัญหาซอสมะขามไม่เนียน มีกากใย ต้องกรองหลายรอบไหมคะ? 😩 วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ซอสมะขามของคุณเนียนละเอียดขึ้นอีกระดับ! 🚀 เบื้องหลังความอร่อยที่เหนือกว่าคือ BONNY เครื่องบดคอลลอยด์ รุ่น YCM-JMF180-SHZ-S นั่นเอง! 🔥 เครื่องนี้มาพร้อม กำลังการผลิตสูงถึง 5,000 กก./ชม. และมอเตอร์ 30 แรงม้า ที่มีความเร็วรอบ 2,800 RPM ไม่ใช่แค่บดธรรมดา แต่ยังบดได้ละเอียดถึงระดับไมโคร! 🔬 ทำให้กากใยที่แข็งกระด้างกลายเป็นเนื้อซอสที่เนียนนุ่มจนแทบละลายในปาก 🤤 ไม่ต้องเสียเวลากรองซ้ำอีกต่อไป 🙅‍♀️ แค่ผ่านเครื่อง BONNY ครั้งเดียว ก็ได้ซอสมะขามที่เนียนสวยพร้อมใช้งานทันที! 💯 📌 รายละเอียดเครื่อง: กำลังการผลิต: 100–500 กก./ชม. กำลังไฟฟ้า: 30 แรงม้า ขนาด: 106 x 61 x 110 ซม. น้ำหนัก: 381 กก. 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #BONNY #เครื่องบดคอลลอยด์ #เครื่องจักรอาหาร #ซอสมะขาม #เครื่องบด #อาหารแปรรูป #ColloidMill #KitchenEquipment #FoodProcessing #ThaiFood #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #ธุรกิจอาหาร #FoodMachinery #HomemadeSauce #TamarindSauce #อาหารไทย #ธุรกิจSME #อาหารแปรรูป #Tamarind #น้ําจิ้ม #น้ําพริก #อาหารคลีน #เครื่องปรุงรส #วัตถุดิบอาหาร #แปรรูป #ธุรกิจใหม่ #เมนูสุขภาพ #วัตถุดิบคุณภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • พญาต่อเงินต่อทองเรียกทรัพย์
    พญาต่อเงินต่อทองเรียกทรัพย์ // เครื่องรางเสริมการค้าขาย เรียกทรัพย์ โชคลาภ // พระสถาพสวย หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเสริมโภคทรัพย์ เสริมโชคลาภ เมตตามหานิยม เสริมบารมี เงินไหลกองทองไหลมา ค้าขายดี กำไรงาม >>

    ** การนำไปบูชา...ใช้แขวนคอ...แขวนไว้หน้ารถ...บูชาไว้บนหิ้งพระ หรือใส่ในกระเป๋าตังค์เพื่อเรียกทรัพย์ ฯลฯ พญาต่อเงินต่อทองใส่หลอดแก้วพลาสติกไส...ประกอบด้วยตัวต่อตัวผู้กับตัวเมีย..จำนวน..2..ตัว. มีพุทธคุณที่ช่วยในเรื่องของการค้าขายดี กำไรงาม นอกจากนี้ยังมีความเชื่อด้วยว่า ต่อเงิน ต่อทอง นั้น ช่วยในเรื่องของการเสริมโชคลาภด้วยเช่นกัน หรือการไปติดต่องานพบปะผู้คนในเรื่องของการคุยด้านธุรกิจก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี >>

    ** คาถาบูชาต่อเงินต่อทอง
    ตั้งนะโม 3 จบ และท่องว่า

    นะชาลิติ อะระหัง สุสินะโส นะโมพุทธายะ

    ** พระสถาพสวย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พญาต่อเงินต่อทองเรียกทรัพย์ พญาต่อเงินต่อทองเรียกทรัพย์ // เครื่องรางเสริมการค้าขาย เรียกทรัพย์ โชคลาภ // พระสถาพสวย หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเสริมโภคทรัพย์ เสริมโชคลาภ เมตตามหานิยม เสริมบารมี เงินไหลกองทองไหลมา ค้าขายดี กำไรงาม >> ** การนำไปบูชา...ใช้แขวนคอ...แขวนไว้หน้ารถ...บูชาไว้บนหิ้งพระ หรือใส่ในกระเป๋าตังค์เพื่อเรียกทรัพย์ ฯลฯ พญาต่อเงินต่อทองใส่หลอดแก้วพลาสติกไส...ประกอบด้วยตัวต่อตัวผู้กับตัวเมีย..จำนวน..2..ตัว. มีพุทธคุณที่ช่วยในเรื่องของการค้าขายดี กำไรงาม นอกจากนี้ยังมีความเชื่อด้วยว่า ต่อเงิน ต่อทอง นั้น ช่วยในเรื่องของการเสริมโชคลาภด้วยเช่นกัน หรือการไปติดต่องานพบปะผู้คนในเรื่องของการคุยด้านธุรกิจก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี >> ** คาถาบูชาต่อเงินต่อทอง ตั้งนะโม 3 จบ และท่องว่า นะชาลิติ อะระหัง สุสินะโส นะโมพุทธายะ ** พระสถาพสวย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Loongson 9A1000: ก้าวแรกของ GPU จีนสู่ความเป็นอิสระ — ประสิทธิภาพระดับ RX 550 พร้อมพลัง AI 40 TOPS”

    หลังจากพัฒนาอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ปี 2023 บริษัท Loongson Technology ได้ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญในเดือนกันยายน 2025 กับ GPU รุ่นแรกของบริษัทชื่อว่า “Loongson 9A1000” ซึ่งเตรียมเข้าสู่กระบวนการ tapeout หรือการส่งแบบไปผลิตจริงในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Loongson ในตลาดกราฟิกการ์ด หลังจากที่เคยเน้นเฉพาะด้านซีพียูมาก่อน

    9A1000 ถูกวางตำแหน่งเป็นกราฟิกการ์ดระดับเริ่มต้น โดยมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ AMD Radeon RX 550 ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการรองรับการเร่งความเร็วด้าน AI ด้วยพลังประมวลผลสูงถึง 40 TOPS ซึ่งใกล้เคียงกับ NPU รุ่นใหม่ของ AMD อย่าง XDNA 2 ที่ให้ได้ถึง 50 TOPS

    Loongson ยังเผยว่าได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในหลายจุด เช่น ลดพื้นที่ของ stream processor ลง 20% เพิ่มความถี่การทำงานขึ้น 25% และลดการใช้พลังงานในโหลดต่ำลงถึง 70% GPU นี้รองรับ API อย่าง OpenGL 4.0 และ OpenCL ES 3.2 และมีประสิทธิภาพสูงกว่ากราฟิกในตัว LG200 ที่อยู่ในซีพียู 2K3000 ถึง 4 เท่า

    แม้จะยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็ม แต่ Loongson ก็ประกาศแผนต่อยอดด้วยรุ่น 9A2000 ที่จะเร็วกว่า 9A1000 ถึง 10 เท่า และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ NVIDIA RTX 2080 รวมถึงรุ่น 9A3000 ที่อยู่ในแผนพัฒนาแล้วเช่นกัน

    การเปิดตัวนี้สะท้อนความพยายามของจีนในการสร้าง ecosystem ด้าน GPU ที่พึ่งพาตนเองได้ โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Moore Threads, Biren และ Lisuan ร่วมแข่งขันในตลาด แม้หลายสตาร์ทอัพจะล้มเหลวไปก่อนหน้านี้ แต่ Loongson ยังคงเดินหน้าด้วยความมั่นคงและเป้าหมายระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Loongson 9A1000 เป็น GPU รุ่นแรกของบริษัท เตรียมเข้าสู่ขั้นตอน tapeout ใน Q3 ปี 2025
    พัฒนาเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2023 และวางตำแหน่งเป็นกราฟิกการ์ดระดับเริ่มต้น
    ประสิทธิภาพใกล้เคียง AMD RX 550 พร้อมรองรับ AI acceleration
    ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 40 TOPS ใกล้เคียงกับ AMD XDNA 2 NPU

    จุดเด่นด้านสถาปัตยกรรม
    ลดพื้นที่ stream processor ลง 20% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    เพิ่มความถี่การทำงานขึ้น 25% และลดการใช้พลังงานในโหลดต่ำลง 70%
    รองรับ OpenGL 4.0 และ OpenCL ES 3.2
    เร็วกว่กราฟิกในตัว LG200 ถึง 4 เท่า

    แผนพัฒนารุ่นต่อไป
    Loongson 9A2000 จะเร็วกว่า 9A1000 ถึง 10 เท่า และใกล้เคียง RTX 2080
    Loongson 9A3000 อยู่ในแผนพัฒนา แต่ยังไม่มีข้อมูลสเปก
    Loongson เข้าร่วมแข่งขันในตลาด GPU จีนร่วมกับ Moore Threads, Biren และ Lisuan

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RX 550 เป็นกราฟิกการ์ดระดับเริ่มต้นที่เปิดตัวในปี 2017
    40 TOPS ถือว่าเพียงพอสำหรับงาน AI inference ระดับเบื้องต้น เช่น การรู้จำภาพหรือเสียง
    การลดพลังงานในโหลดต่ำช่วยให้เหมาะกับงาน edge computing และ embedded systems
    การเข้าสู่ตลาด GPU ถือเป็นการขยายขอบเขตธุรกิจของ Loongson จากเดิมที่เน้นซีพียู

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-entry-level-gpu-with-amd-rx-550-level-of-performance-is-ready-for-tapeout-loongson-9a1000-is-finally-off-the-drawing-board-and-headed-to-fabs
    🎮 “Loongson 9A1000: ก้าวแรกของ GPU จีนสู่ความเป็นอิสระ — ประสิทธิภาพระดับ RX 550 พร้อมพลัง AI 40 TOPS” หลังจากพัฒนาอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ปี 2023 บริษัท Loongson Technology ได้ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญในเดือนกันยายน 2025 กับ GPU รุ่นแรกของบริษัทชื่อว่า “Loongson 9A1000” ซึ่งเตรียมเข้าสู่กระบวนการ tapeout หรือการส่งแบบไปผลิตจริงในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Loongson ในตลาดกราฟิกการ์ด หลังจากที่เคยเน้นเฉพาะด้านซีพียูมาก่อน 9A1000 ถูกวางตำแหน่งเป็นกราฟิกการ์ดระดับเริ่มต้น โดยมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ AMD Radeon RX 550 ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการรองรับการเร่งความเร็วด้าน AI ด้วยพลังประมวลผลสูงถึง 40 TOPS ซึ่งใกล้เคียงกับ NPU รุ่นใหม่ของ AMD อย่าง XDNA 2 ที่ให้ได้ถึง 50 TOPS Loongson ยังเผยว่าได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในหลายจุด เช่น ลดพื้นที่ของ stream processor ลง 20% เพิ่มความถี่การทำงานขึ้น 25% และลดการใช้พลังงานในโหลดต่ำลงถึง 70% GPU นี้รองรับ API อย่าง OpenGL 4.0 และ OpenCL ES 3.2 และมีประสิทธิภาพสูงกว่ากราฟิกในตัว LG200 ที่อยู่ในซีพียู 2K3000 ถึง 4 เท่า แม้จะยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็ม แต่ Loongson ก็ประกาศแผนต่อยอดด้วยรุ่น 9A2000 ที่จะเร็วกว่า 9A1000 ถึง 10 เท่า และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ NVIDIA RTX 2080 รวมถึงรุ่น 9A3000 ที่อยู่ในแผนพัฒนาแล้วเช่นกัน การเปิดตัวนี้สะท้อนความพยายามของจีนในการสร้าง ecosystem ด้าน GPU ที่พึ่งพาตนเองได้ โดยมีบริษัทอื่น ๆ เช่น Moore Threads, Biren และ Lisuan ร่วมแข่งขันในตลาด แม้หลายสตาร์ทอัพจะล้มเหลวไปก่อนหน้านี้ แต่ Loongson ยังคงเดินหน้าด้วยความมั่นคงและเป้าหมายระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Loongson 9A1000 เป็น GPU รุ่นแรกของบริษัท เตรียมเข้าสู่ขั้นตอน tapeout ใน Q3 ปี 2025 ➡️ พัฒนาเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2023 และวางตำแหน่งเป็นกราฟิกการ์ดระดับเริ่มต้น ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียง AMD RX 550 พร้อมรองรับ AI acceleration ➡️ ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 40 TOPS ใกล้เคียงกับ AMD XDNA 2 NPU ✅ จุดเด่นด้านสถาปัตยกรรม ➡️ ลดพื้นที่ stream processor ลง 20% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ เพิ่มความถี่การทำงานขึ้น 25% และลดการใช้พลังงานในโหลดต่ำลง 70% ➡️ รองรับ OpenGL 4.0 และ OpenCL ES 3.2 ➡️ เร็วกว่กราฟิกในตัว LG200 ถึง 4 เท่า ✅ แผนพัฒนารุ่นต่อไป ➡️ Loongson 9A2000 จะเร็วกว่า 9A1000 ถึง 10 เท่า และใกล้เคียง RTX 2080 ➡️ Loongson 9A3000 อยู่ในแผนพัฒนา แต่ยังไม่มีข้อมูลสเปก ➡️ Loongson เข้าร่วมแข่งขันในตลาด GPU จีนร่วมกับ Moore Threads, Biren และ Lisuan ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RX 550 เป็นกราฟิกการ์ดระดับเริ่มต้นที่เปิดตัวในปี 2017 ➡️ 40 TOPS ถือว่าเพียงพอสำหรับงาน AI inference ระดับเบื้องต้น เช่น การรู้จำภาพหรือเสียง ➡️ การลดพลังงานในโหลดต่ำช่วยให้เหมาะกับงาน edge computing และ embedded systems ➡️ การเข้าสู่ตลาด GPU ถือเป็นการขยายขอบเขตธุรกิจของ Loongson จากเดิมที่เน้นซีพียู https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-entry-level-gpu-with-amd-rx-550-level-of-performance-is-ready-for-tapeout-loongson-9a1000-is-finally-off-the-drawing-board-and-headed-to-fabs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Jack Ma กลับมาแล้ว — ปลุก Alibaba ด้วย AI และสงครามราคา เพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่”

    หลังจากหายตัวไปจากสาธารณะตั้งแต่ปี 2020 เพราะวิจารณ์ระบบการเงินจีนอย่างตรงไปตรงมา Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2025 พร้อมภารกิจ “Make Alibaba Great Again” โดยไม่ต้องมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มีอิทธิพลเต็มรูปแบบในเบื้องหลัง

    Ma กลับมาในช่วงที่ Alibaba กำลังเผชิญการแข่งขันดุเดือดจาก JD.com และ Meituan โดยเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 50,000 ล้านหยวน (ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์) เพื่ออัดฉีดเงินอุดหนุนและดึงลูกค้ากลับมา โดยเฉพาะในตลาด food delivery ที่ Alibaba มีส่วนแบ่ง 43% ตามหลัง Meituan ที่ 47%

    นอกจากสงครามราคากับคู่แข่ง Ma ยังผลักดันการลงทุนใน AI อย่างหนัก โดย Alibaba ประกาศแผนลงทุนกว่า 380,000 ล้านหยวนในโครงสร้างพื้นฐาน AI และคลาวด์ภายใน 3 ปี พร้อมเปิดตัวโมเดล Qwen รุ่นใหม่ที่มีพารามิเตอร์ระดับล้านล้าน และชิป T-head ที่พัฒนาเองเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia

    การกลับมาของ Ma ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรที่เคยตกต่ำในช่วงที่เขาหายไป พนักงานหลายคนถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นเขากลับมาพูดในงานของ Ant Group และ Alibaba Cloud เพราะรู้สึกว่า “จิตวิญญาณของบริษัทกลับมาแล้ว”

    แม้ Ma จะไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เขายังคงสวมบัตรพนักงานและเดินในแคมปัสอย่างเปิดเผย ส่งข้อความถึงผู้บริหาร ขออัปเดตด้าน AI วันละหลายครั้ง และมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงผู้นำ เช่น การสนับสนุน Jiang Fan ให้ดูแลธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบรวมศูนย์ใหม่

    อย่างไรก็ตาม การกลับมาของ Ma ก็มีความเสี่ยง เพราะการอัดฉีดเงินอุดหนุนอาจขัดกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการควบคุม “การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม” และการลงทุนใน AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้อย่างชัดเจนในระยะสั้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jack Ma กลับมาอย่างไม่เป็นทางการใน Alibaba หลังหายไปตั้งแต่ปี 2020
    เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผน “Make Alibaba Great Again” และการอัดฉีดเงินอุดหนุน 50,000 ล้านหยวน
    ผลักดันการลงทุนใน AI และคลาวด์กว่า 380,000 ล้านหยวนภายใน 3 ปี
    เปิดตัวโมเดล Qwen รุ่นใหม่และชิป T-head ที่พัฒนาเอง
    สนับสนุน Jiang Fan ให้ดูแลธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบรวมศูนย์

    ผลกระทบต่อองค์กรและตลาด
    พนักงานรู้สึกมีขวัญกำลังใจมากขึ้นหลัง Ma กลับมา
    หุ้น Alibaba พุ่งขึ้นกว่า 88% ในปี 2025
    รายได้จากคลาวด์โตขึ้น 26% ในไตรมาสล่าสุด
    Alibaba มีส่วนแบ่งตลาด food delivery 43% ตามหลัง Meituan

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ma เคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในจีน และเป็นสัญลักษณ์ของยุคเทคโนโลยีเสรี
    การหายตัวของเขาเกิดหลังวิจารณ์ระบบการเงินจีนและการล้ม IPO ของ Ant Group
    การกลับมาครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจีนเริ่มเปิดรับผู้ก่อตั้งเทคโนโลยีอีกครั้ง
    Alibaba เคยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Ma ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ อาจทำให้โครงสร้างการรายงานภายในสับสน
    การอัดฉีดเงินอุดหนุนอาจขัดกับนโยบายรัฐเรื่อง “การแข่งขันที่เป็นธรรม”
    การลงทุนใน AI ยังไม่สร้างรายได้ชัดเจน และมีต้นทุนสูง
    การเปลี่ยนผู้นำและกลยุทธ์อาจสร้างแรงเสียดทานภายในองค์กร
    การกลับมาของ Ma อาจถูกมองว่าเป็น “ความพยายามครั้งสุดท้าย” ในการกู้ชื่อเสียง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/16/jack-ma-returns-with-a-vengeance-to-make-alibaba-great-again
    🦁 “Jack Ma กลับมาแล้ว — ปลุก Alibaba ด้วย AI และสงครามราคา เพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่” หลังจากหายตัวไปจากสาธารณะตั้งแต่ปี 2020 เพราะวิจารณ์ระบบการเงินจีนอย่างตรงไปตรงมา Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2025 พร้อมภารกิจ “Make Alibaba Great Again” โดยไม่ต้องมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มีอิทธิพลเต็มรูปแบบในเบื้องหลัง Ma กลับมาในช่วงที่ Alibaba กำลังเผชิญการแข่งขันดุเดือดจาก JD.com และ Meituan โดยเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 50,000 ล้านหยวน (ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์) เพื่ออัดฉีดเงินอุดหนุนและดึงลูกค้ากลับมา โดยเฉพาะในตลาด food delivery ที่ Alibaba มีส่วนแบ่ง 43% ตามหลัง Meituan ที่ 47% นอกจากสงครามราคากับคู่แข่ง Ma ยังผลักดันการลงทุนใน AI อย่างหนัก โดย Alibaba ประกาศแผนลงทุนกว่า 380,000 ล้านหยวนในโครงสร้างพื้นฐาน AI และคลาวด์ภายใน 3 ปี พร้อมเปิดตัวโมเดล Qwen รุ่นใหม่ที่มีพารามิเตอร์ระดับล้านล้าน และชิป T-head ที่พัฒนาเองเพื่อลดการพึ่งพา Nvidia การกลับมาของ Ma ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรที่เคยตกต่ำในช่วงที่เขาหายไป พนักงานหลายคนถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นเขากลับมาพูดในงานของ Ant Group และ Alibaba Cloud เพราะรู้สึกว่า “จิตวิญญาณของบริษัทกลับมาแล้ว” แม้ Ma จะไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เขายังคงสวมบัตรพนักงานและเดินในแคมปัสอย่างเปิดเผย ส่งข้อความถึงผู้บริหาร ขออัปเดตด้าน AI วันละหลายครั้ง และมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงผู้นำ เช่น การสนับสนุน Jiang Fan ให้ดูแลธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบรวมศูนย์ใหม่ อย่างไรก็ตาม การกลับมาของ Ma ก็มีความเสี่ยง เพราะการอัดฉีดเงินอุดหนุนอาจขัดกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการควบคุม “การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม” และการลงทุนใน AI ยังไม่สามารถสร้างรายได้อย่างชัดเจนในระยะสั้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jack Ma กลับมาอย่างไม่เป็นทางการใน Alibaba หลังหายไปตั้งแต่ปี 2020 ➡️ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผน “Make Alibaba Great Again” และการอัดฉีดเงินอุดหนุน 50,000 ล้านหยวน ➡️ ผลักดันการลงทุนใน AI และคลาวด์กว่า 380,000 ล้านหยวนภายใน 3 ปี ➡️ เปิดตัวโมเดล Qwen รุ่นใหม่และชิป T-head ที่พัฒนาเอง ➡️ สนับสนุน Jiang Fan ให้ดูแลธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบรวมศูนย์ ✅ ผลกระทบต่อองค์กรและตลาด ➡️ พนักงานรู้สึกมีขวัญกำลังใจมากขึ้นหลัง Ma กลับมา ➡️ หุ้น Alibaba พุ่งขึ้นกว่า 88% ในปี 2025 ➡️ รายได้จากคลาวด์โตขึ้น 26% ในไตรมาสล่าสุด ➡️ Alibaba มีส่วนแบ่งตลาด food delivery 43% ตามหลัง Meituan ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ma เคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในจีน และเป็นสัญลักษณ์ของยุคเทคโนโลยีเสรี ➡️ การหายตัวของเขาเกิดหลังวิจารณ์ระบบการเงินจีนและการล้ม IPO ของ Ant Group ➡️ การกลับมาครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจีนเริ่มเปิดรับผู้ก่อตั้งเทคโนโลยีอีกครั้ง ➡️ Alibaba เคยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Ma ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ อาจทำให้โครงสร้างการรายงานภายในสับสน ⛔ การอัดฉีดเงินอุดหนุนอาจขัดกับนโยบายรัฐเรื่อง “การแข่งขันที่เป็นธรรม” ⛔ การลงทุนใน AI ยังไม่สร้างรายได้ชัดเจน และมีต้นทุนสูง ⛔ การเปลี่ยนผู้นำและกลยุทธ์อาจสร้างแรงเสียดทานภายในองค์กร ⛔ การกลับมาของ Ma อาจถูกมองว่าเป็น “ความพยายามครั้งสุดท้าย” ในการกู้ชื่อเสียง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/16/jack-ma-returns-with-a-vengeance-to-make-alibaba-great-again
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Jack Ma returns with a vengeance to 'Make Alibaba Great Again'
    During China's yearslong crackdown on the tech sector, Alibaba Group Holding Ltd's internal messaging boards lit up with dreams to "MAGA" – Make Alibaba Great Again. Now, the company is deploying one of its most potent weapons to accomplish that mission: Jack Ma.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เอกสารดิจิทัลไม่ใช่แค่ไฟล์ — เมื่อการแก้ไขอย่างปลอดภัยกลายเป็นเกราะป้องกันธุรกิจยุคใหม่”

    ในยุคที่ข้อมูลสำคัญขององค์กรถูกเก็บไว้ในรูปแบบเอกสารดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นสัญญา บันทึกทางการแพทย์ หรือแผนการเงิน การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย (Secure Document Editing) จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นความรับผิดชอบระดับองค์กรที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการปฏิบัติตามกฎหมายโดยตรง

    บทความจาก HackRead ได้ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้บริหารคนหนึ่งแชร์ประสบการณ์ในเวิร์กช็อปว่า เอกสารนโยบายภายในองค์กรถูกดักฟังระหว่างการแก้ไข ส่งผลให้ข้อมูลรั่วไหลและเกิดความเสียหายถาวร เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการใช้เครื่องมือแก้ไขเอกสารที่มีการเข้ารหัสและระบบควบคุมสิทธิ์อย่างรัดกุม

    ภัยคุกคามไม่ได้มาจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการจัดการสิทธิ์ภายในที่ไม่เหมาะสม เช่น การแชร์ไฟล์ผ่านอีเมลหรือคลาวด์โดยไม่มีการควบคุม ทำให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ผลตรวจสุขภาพหรือข้อมูลลูกค้า ตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์

    การเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนจึงเป็นหัวใจของการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคที่ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลพุ่งสูงถึง 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023 และกฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA, GDPR, SOX ต่างกำหนดให้การเข้ารหัสไม่ใช่แค่ “แนะนำ” แต่เป็น “ข้อบังคับ”

    นอกจากเรื่องกฎหมาย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เช่น บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งที่ใช้ระบบแก้ไขเอกสารแบบเข้ารหัสและมีระบบติดตามการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและแนะนำบริการต่อ

    สุดท้าย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยควรถูกฝังอยู่ใน workflow ขององค์กร ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม โดยควรมีระบบเซ็นชื่อดิจิทัล การควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท และการเก็บเวอร์ชันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทีมงานทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ลดระดับความปลอดภัย

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    เอกสารดิจิทัล เช่น สัญญาและข้อมูลสุขภาพ ต้องได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด
    การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยต้องมีการเข้ารหัสและควบคุมสิทธิ์
    ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023
    กฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA และ GDPR กำหนดให้การเข้ารหัสเป็นข้อบังคับ

    แนวทางการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย
    ใช้ระบบที่รองรับการเซ็นชื่อดิจิทัลและการควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท
    มีระบบติดตามเวอร์ชันและประวัติการแก้ไข (audit trail)
    ควรฝังระบบความปลอดภัยไว้ใน workflow ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม
    การใช้ระบบที่ใช้งานง่ายช่วยลดการหลีกเลี่ยงจากผู้ใช้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    มาตรฐานการเข้ารหัสที่แนะนำในปี 2025 ได้แก่ AES-256 และ RSA-4096
    การเข้ารหัสแบบ zero-knowledge ช่วยป้องกันแม้แต่ผู้ดูแลระบบไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
    การปฏิบัติตาม GDPR ต้องแจ้งเหตุรั่วไหลภายใน 72 ชั่วโมง และมีสิทธิ์ลบข้อมูลตามคำขอผู้ใช้
    การไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 4% ของรายได้ทั่วโลก

    https://hackread.com/why-secure-document-editing-important-than-ever/
    📄 “เอกสารดิจิทัลไม่ใช่แค่ไฟล์ — เมื่อการแก้ไขอย่างปลอดภัยกลายเป็นเกราะป้องกันธุรกิจยุคใหม่” ในยุคที่ข้อมูลสำคัญขององค์กรถูกเก็บไว้ในรูปแบบเอกสารดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นสัญญา บันทึกทางการแพทย์ หรือแผนการเงิน การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย (Secure Document Editing) จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นความรับผิดชอบระดับองค์กรที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการปฏิบัติตามกฎหมายโดยตรง บทความจาก HackRead ได้ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้บริหารคนหนึ่งแชร์ประสบการณ์ในเวิร์กช็อปว่า เอกสารนโยบายภายในองค์กรถูกดักฟังระหว่างการแก้ไข ส่งผลให้ข้อมูลรั่วไหลและเกิดความเสียหายถาวร เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการใช้เครื่องมือแก้ไขเอกสารที่มีการเข้ารหัสและระบบควบคุมสิทธิ์อย่างรัดกุม ภัยคุกคามไม่ได้มาจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการจัดการสิทธิ์ภายในที่ไม่เหมาะสม เช่น การแชร์ไฟล์ผ่านอีเมลหรือคลาวด์โดยไม่มีการควบคุม ทำให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ผลตรวจสุขภาพหรือข้อมูลลูกค้า ตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ การเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนจึงเป็นหัวใจของการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคที่ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลพุ่งสูงถึง 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023 และกฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA, GDPR, SOX ต่างกำหนดให้การเข้ารหัสไม่ใช่แค่ “แนะนำ” แต่เป็น “ข้อบังคับ” นอกจากเรื่องกฎหมาย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เช่น บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งที่ใช้ระบบแก้ไขเอกสารแบบเข้ารหัสและมีระบบติดตามการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและแนะนำบริการต่อ สุดท้าย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยควรถูกฝังอยู่ใน workflow ขององค์กร ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม โดยควรมีระบบเซ็นชื่อดิจิทัล การควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท และการเก็บเวอร์ชันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทีมงานทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ลดระดับความปลอดภัย ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ เอกสารดิจิทัล เช่น สัญญาและข้อมูลสุขภาพ ต้องได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด ➡️ การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยต้องมีการเข้ารหัสและควบคุมสิทธิ์ ➡️ ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023 ➡️ กฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA และ GDPR กำหนดให้การเข้ารหัสเป็นข้อบังคับ ✅ แนวทางการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย ➡️ ใช้ระบบที่รองรับการเซ็นชื่อดิจิทัลและการควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท ➡️ มีระบบติดตามเวอร์ชันและประวัติการแก้ไข (audit trail) ➡️ ควรฝังระบบความปลอดภัยไว้ใน workflow ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม ➡️ การใช้ระบบที่ใช้งานง่ายช่วยลดการหลีกเลี่ยงจากผู้ใช้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ มาตรฐานการเข้ารหัสที่แนะนำในปี 2025 ได้แก่ AES-256 และ RSA-4096 ➡️ การเข้ารหัสแบบ zero-knowledge ช่วยป้องกันแม้แต่ผู้ดูแลระบบไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ➡️ การปฏิบัติตาม GDPR ต้องแจ้งเหตุรั่วไหลภายใน 72 ชั่วโมง และมีสิทธิ์ลบข้อมูลตามคำขอผู้ใช้ ➡️ การไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 4% ของรายได้ทั่วโลก https://hackread.com/why-secure-document-editing-important-than-ever/
    HACKREAD.COM
    Why Secure Document Editing is More Important than Ever
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts