• ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียออกมาเตือนว่า หากสหรัฐฯ จัดหาขีปนาวุธโทมาฮอว์กให้ยูเครนใช้โจมตีเป้าหมายระยะไกลในรัสเซียจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน "ถูกทำลาย" ลง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000095281

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียออกมาเตือนว่า หากสหรัฐฯ จัดหาขีปนาวุธโทมาฮอว์กให้ยูเครนใช้โจมตีเป้าหมายระยะไกลในรัสเซียจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน "ถูกทำลาย" ลง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000095281 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 25

    วิเคราะห์หุ้นขนาดเล็ก JPARK วิเคราะห์สัญญาน
    ADX
    Stochastic
    MACD
    RSI
    ตัวเหมาะซื้อตอนวอลลุ่มมา

    Note : ซื้อก่อนรอนาน ซื้อตอนเป็นรูปสามเหลี่ยมเรขาคณิต ( Day Trade )

    BY.
    EP 25 วิเคราะห์หุ้นขนาดเล็ก JPARK วิเคราะห์สัญญาน ADX Stochastic MACD RSI ตัวเหมาะซื้อตอนวอลลุ่มมา Note : ซื้อก่อนรอนาน ซื้อตอนเป็นรูปสามเหลี่ยมเรขาคณิต ( Day Trade ) BY.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ชายคนหนึ่งถูกควบคุมตัว หลังโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุรัวกระสุนปืนกว่า 100 นัด ใส่ท้องถนนเส้นหนึ่งที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย อย่างไรก็ตามตำรวจปฏิเสธความเป็นไปได้ ที่มันจะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือแก๊งอาชญากรรมใดๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000095291

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    ชายคนหนึ่งถูกควบคุมตัว หลังโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุรัวกระสุนปืนกว่า 100 นัด ใส่ท้องถนนเส้นหนึ่งที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย อย่างไรก็ตามตำรวจปฏิเสธความเป็นไปได้ ที่มันจะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือแก๊งอาชญากรรมใดๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000095291 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพล่าสุดหลังการโจมตีของรัสเซียของอาคารโรงงาน Sparrow ภายในศูนย์อุตสาหกรรมในภูมิภาคลวิฟ (Lviv) ทางตะวันตกของยูเครน เขตติดต่อกับโปแลนด์

    สถานที่แห่งนี้หน่วยข่าวกรองรัสเซียยืนยันว่าเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์สำหรับอาวุธของนาโต้ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
    ภาพล่าสุดหลังการโจมตีของรัสเซียของอาคารโรงงาน Sparrow ภายในศูนย์อุตสาหกรรมในภูมิภาคลวิฟ (Lviv) ทางตะวันตกของยูเครน เขตติดต่อกับโปแลนด์ สถานที่แห่งนี้หน่วยข่าวกรองรัสเซียยืนยันว่าเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์สำหรับอาวุธของนาโต้ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68

    คลิก https://m.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0
    สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68 • คลิก https://m.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0
    Like
    Love
    8
    5 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68
    .
    เช้าวันจันทร์หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ เมนูเป็นข้าวคลุกกะปิ คุณสนธิกับ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็พูดคุยประเด็นร้อนแรงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การยกเลิก MOU 2543-2544 และการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชาที่ยังไม่ได้ข้อเสียที แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนจาก "รัฐบาลอังเคิลฮุน" มาเป็น "รัฐบาลหนู อนุทิน" แล้วก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่คุณสนธิจะนำมาเล่าสู่กันฟังในรายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้ เช่น เรื่องราคาทองคำ , เรื่องการแทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ของพรรคภูมิใจไทยด้วย
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #MOU2543 #รัฐบาลอนุทิน #ทรงฤทธิ์โพนเงิน #ราคาทองคำ #เขากระโดง #ฮั้วสว
    สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68 . เช้าวันจันทร์หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ เมนูเป็นข้าวคลุกกะปิ คุณสนธิกับ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็พูดคุยประเด็นร้อนแรงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การยกเลิก MOU 2543-2544 และการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชาที่ยังไม่ได้ข้อเสียที แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนจาก "รัฐบาลอังเคิลฮุน" มาเป็น "รัฐบาลหนู อนุทิน" แล้วก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่คุณสนธิจะนำมาเล่าสู่กันฟังในรายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้ เช่น เรื่องราคาทองคำ , เรื่องการแทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ของพรรคภูมิใจไทยด้วย . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #MOU2543 #รัฐบาลอนุทิน #ทรงฤทธิ์โพนเงิน #ราคาทองคำ #เขากระโดง #ฮั้วสว
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • “CVE-2025-27237 — ช่องโหว่ Zabbix Agent บน Windows เปิดทางให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำยกระดับสิทธิ์ผ่าน DLL Injection”

    Zabbix ซึ่งเป็นระบบมอนิเตอร์ที่นิยมใช้ในองค์กรทั่วโลก กำลังเผชิญกับช่องโหว่ใหม่ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-27237 โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน Zabbix Agent และ Agent 2 บนระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับสิทธิ์ได้ผ่านการโจมตีแบบ DLL Injection โดยอาศัยการแก้ไขไฟล์คอนฟิกของ OpenSSL

    ปัญหาหลักอยู่ที่ตำแหน่งของไฟล์คอนฟิก OpenSSL ซึ่งถูกโหลดจากไดเรกทอรีที่ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถเขียนได้ หากผู้โจมตีสามารถเข้าถึงเครื่องในระดับ local ได้ ก็สามารถแก้ไขไฟล์คอนฟิกให้เรียกใช้ DLL ที่เป็นอันตราย เมื่อ Zabbix Agent หรือระบบรีสตาร์ต DLL นั้นจะถูกโหลดและรันโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เกิดการยกระดับสิทธิ์หรือสร้างความคงอยู่ในระบบ

    แม้ช่องโหว่นี้จะไม่สามารถโจมตีจากระยะไกลได้ แต่ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการโจมตีหลังจากระบบถูกบุกรุกแล้ว (post-exploitation) โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ Zabbix Agent บน Windows อย่างแพร่หลาย

    Zabbix ได้ออกแพตช์แก้ไขในทุกเวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการปรับปรุงสิทธิ์ของไฟล์คอนฟิกให้ไม่สามารถเขียนได้โดยผู้ใช้ทั่วไป พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที และตรวจสอบสิทธิ์ของไฟล์ในระบบที่ใช้งานอยู่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-27237 เกิดใน Zabbix Agent และ Agent 2 บน Windows
    ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถแก้ไขไฟล์คอนฟิก OpenSSL เพื่อเรียก DLL อันตราย
    DLL จะถูกโหลดเมื่อ Zabbix Agent หรือระบบรีสตาร์ต ทำให้เกิด privilege escalation
    ช่องโหว่นี้ไม่สามารถโจมตีจากระยะไกลได้ แต่ใช้ได้ใน post-exploitation
    Zabbix ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 6.0.41, 7.0.18, 7.2.12 และ 7.4.2
    แพตช์มีการปรับสิทธิ์ไฟล์คอนฟิกให้ปลอดภัยจากการเขียนโดยผู้ใช้ทั่วไป
    แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันทีและตรวจสอบสิทธิ์ไฟล์ในระบบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DLL Injection เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการโจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์หรือฝังมัลแวร์
    OpenSSL เป็นไลบรารีที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูล ซึ่งมีความสำคัญต่อความปลอดภัย
    ช่องโหว่แบบ local privilege escalation มักถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นในการโจมตีแบบหลายขั้นตอน
    การตั้งค่าความปลอดภัยของไฟล์คอนฟิกเป็นแนวทางพื้นฐานในการป้องกันการโจมตี
    Zabbix เป็นระบบมอนิเตอร์ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร โรงงาน และศูนย์ข้อมูล

    https://securityonline.info/cve-2025-27237-zabbix-agent-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-openssl-dll-injection/
    🛡️ “CVE-2025-27237 — ช่องโหว่ Zabbix Agent บน Windows เปิดทางให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำยกระดับสิทธิ์ผ่าน DLL Injection” Zabbix ซึ่งเป็นระบบมอนิเตอร์ที่นิยมใช้ในองค์กรทั่วโลก กำลังเผชิญกับช่องโหว่ใหม่ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-27237 โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน Zabbix Agent และ Agent 2 บนระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับสิทธิ์ได้ผ่านการโจมตีแบบ DLL Injection โดยอาศัยการแก้ไขไฟล์คอนฟิกของ OpenSSL ปัญหาหลักอยู่ที่ตำแหน่งของไฟล์คอนฟิก OpenSSL ซึ่งถูกโหลดจากไดเรกทอรีที่ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถเขียนได้ หากผู้โจมตีสามารถเข้าถึงเครื่องในระดับ local ได้ ก็สามารถแก้ไขไฟล์คอนฟิกให้เรียกใช้ DLL ที่เป็นอันตราย เมื่อ Zabbix Agent หรือระบบรีสตาร์ต DLL นั้นจะถูกโหลดและรันโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เกิดการยกระดับสิทธิ์หรือสร้างความคงอยู่ในระบบ แม้ช่องโหว่นี้จะไม่สามารถโจมตีจากระยะไกลได้ แต่ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการโจมตีหลังจากระบบถูกบุกรุกแล้ว (post-exploitation) โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ Zabbix Agent บน Windows อย่างแพร่หลาย Zabbix ได้ออกแพตช์แก้ไขในทุกเวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการปรับปรุงสิทธิ์ของไฟล์คอนฟิกให้ไม่สามารถเขียนได้โดยผู้ใช้ทั่วไป พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที และตรวจสอบสิทธิ์ของไฟล์ในระบบที่ใช้งานอยู่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-27237 เกิดใน Zabbix Agent และ Agent 2 บน Windows ➡️ ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถแก้ไขไฟล์คอนฟิก OpenSSL เพื่อเรียก DLL อันตราย ➡️ DLL จะถูกโหลดเมื่อ Zabbix Agent หรือระบบรีสตาร์ต ทำให้เกิด privilege escalation ➡️ ช่องโหว่นี้ไม่สามารถโจมตีจากระยะไกลได้ แต่ใช้ได้ใน post-exploitation ➡️ Zabbix ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 6.0.41, 7.0.18, 7.2.12 และ 7.4.2 ➡️ แพตช์มีการปรับสิทธิ์ไฟล์คอนฟิกให้ปลอดภัยจากการเขียนโดยผู้ใช้ทั่วไป ➡️ แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันทีและตรวจสอบสิทธิ์ไฟล์ในระบบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DLL Injection เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการโจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์หรือฝังมัลแวร์ ➡️ OpenSSL เป็นไลบรารีที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูล ซึ่งมีความสำคัญต่อความปลอดภัย ➡️ ช่องโหว่แบบ local privilege escalation มักถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นในการโจมตีแบบหลายขั้นตอน ➡️ การตั้งค่าความปลอดภัยของไฟล์คอนฟิกเป็นแนวทางพื้นฐานในการป้องกันการโจมตี ➡️ Zabbix เป็นระบบมอนิเตอร์ที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร โรงงาน และศูนย์ข้อมูล https://securityonline.info/cve-2025-27237-zabbix-agent-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-openssl-dll-injection/
    SECURITYONLINE.INFO
    CVE-2025-27237: Zabbix Agent Flaw Allows Local Privilege Escalation via OpenSSL DLL Injection
    A newly disclosed vulnerability in the Zabbix Agent and Agent 2 for Windows could allow local attackers to
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68

    คลิก https://m.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Redis เจอช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-49844 — แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลผ่าน Lua Script ได้ทันที”

    Redis ฐานข้อมูลแบบ in-memory ที่นิยมใช้ทั่วโลกในงาน real-time analytics, caching และ message brokering กำลังเผชิญกับช่องโหว่ร้ายแรงระดับ CVSS 10.0 ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-49844 โดยช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดใน Lua scripting engine ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่นักพัฒนานิยมใช้เพื่อเพิ่มความสามารถให้ Redis

    ช่องโหว่นี้เปิดทางให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึง Redis สามารถใช้ Lua script ที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อควบคุม garbage collector และทำให้เกิด “use-after-free” ซึ่งหมายถึงการเรียกใช้หน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว ส่งผลให้สามารถรันโค้ดอันตรายภายใน Redis server ได้ทันที — อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดในระบบ และขยายการโจมตีไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นที่เชื่อมต่ออยู่

    นอกจาก CVE-2025-49844 ยังมีช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้องกับ Lua scripting ได้แก่ CVE-2025-46817 (integer overflow), CVE-2025-46818 (privilege escalation ระหว่างผู้ใช้), และ CVE-2025-46819 (out-of-bounds read) ซึ่งทั้งหมดสามารถนำไปสู่การรันโค้ดหรือทำให้ Redis crash ได้

    Redis ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 6.2.20, 7.2.11, 7.4.6, 8.0.4 และ 8.2.2 พร้อมคำแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที หรือใช้วิธีชั่วคราวโดยการบล็อกคำสั่ง EVAL, EVALSHA และ FUNCTION ผ่าน Access Control Lists (ACLs)

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    CVE-2025-49844 เป็นช่องโหว่ use-after-free ใน Lua scripting engine ของ Redis
    ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ หากมีสิทธิ์เข้าถึง Redis
    ช่องโหว่นี้มีระดับความรุนแรง CVSS 10.0 ซึ่งถือว่าสูงสุด
    Redis ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 6.2.20, 7.2.11, 7.4.6, 8.0.4 และ 8.2.2
    ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ CVE-2025-46817, CVE-2025-46818, CVE-2025-46819
    แนะนำให้บล็อกคำสั่ง EVAL, EVALSHA และ FUNCTION ผ่าน ACLs
    ช่องโหว่ทั้งหมดเกิดจากการจัดการหน่วยความจำและสิทธิ์ใน Lua scripting
    Redis Cloud ได้รับการอัปเดตแล้วโดยไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมจากผู้ใช้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Lua scripting เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ Redis ทำงานแบบ custom logic ได้
    use-after-free เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการโจมตีหน่วยความจำเพื่อรันโค้ด
    Redis ถูกใช้ในระบบขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร, e-commerce และระบบ IoT
    ACLs เป็นเครื่องมือที่ช่วยจำกัดสิทธิ์การใช้งานคำสั่งใน Redis
    CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่

    https://securityonline.info/critical-flaw-cve-2025-49844-cvss-10-0-allows-remote-code-execution-in-redis/
    🔥 “Redis เจอช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-49844 — แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลผ่าน Lua Script ได้ทันที” Redis ฐานข้อมูลแบบ in-memory ที่นิยมใช้ทั่วโลกในงาน real-time analytics, caching และ message brokering กำลังเผชิญกับช่องโหว่ร้ายแรงระดับ CVSS 10.0 ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-49844 โดยช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดใน Lua scripting engine ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่นักพัฒนานิยมใช้เพื่อเพิ่มความสามารถให้ Redis ช่องโหว่นี้เปิดทางให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึง Redis สามารถใช้ Lua script ที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อควบคุม garbage collector และทำให้เกิด “use-after-free” ซึ่งหมายถึงการเรียกใช้หน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว ส่งผลให้สามารถรันโค้ดอันตรายภายใน Redis server ได้ทันที — อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดในระบบ และขยายการโจมตีไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นที่เชื่อมต่ออยู่ นอกจาก CVE-2025-49844 ยังมีช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้องกับ Lua scripting ได้แก่ CVE-2025-46817 (integer overflow), CVE-2025-46818 (privilege escalation ระหว่างผู้ใช้), และ CVE-2025-46819 (out-of-bounds read) ซึ่งทั้งหมดสามารถนำไปสู่การรันโค้ดหรือทำให้ Redis crash ได้ Redis ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 6.2.20, 7.2.11, 7.4.6, 8.0.4 และ 8.2.2 พร้อมคำแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที หรือใช้วิธีชั่วคราวโดยการบล็อกคำสั่ง EVAL, EVALSHA และ FUNCTION ผ่าน Access Control Lists (ACLs) ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ CVE-2025-49844 เป็นช่องโหว่ use-after-free ใน Lua scripting engine ของ Redis ➡️ ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ หากมีสิทธิ์เข้าถึง Redis ➡️ ช่องโหว่นี้มีระดับความรุนแรง CVSS 10.0 ซึ่งถือว่าสูงสุด ➡️ Redis ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 6.2.20, 7.2.11, 7.4.6, 8.0.4 และ 8.2.2 ➡️ ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ CVE-2025-46817, CVE-2025-46818, CVE-2025-46819 ➡️ แนะนำให้บล็อกคำสั่ง EVAL, EVALSHA และ FUNCTION ผ่าน ACLs ➡️ ช่องโหว่ทั้งหมดเกิดจากการจัดการหน่วยความจำและสิทธิ์ใน Lua scripting ➡️ Redis Cloud ได้รับการอัปเดตแล้วโดยไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมจากผู้ใช้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Lua scripting เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ Redis ทำงานแบบ custom logic ได้ ➡️ use-after-free เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการโจมตีหน่วยความจำเพื่อรันโค้ด ➡️ Redis ถูกใช้ในระบบขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร, e-commerce และระบบ IoT ➡️ ACLs เป็นเครื่องมือที่ช่วยจำกัดสิทธิ์การใช้งานคำสั่งใน Redis ➡️ CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่ https://securityonline.info/critical-flaw-cve-2025-49844-cvss-10-0-allows-remote-code-execution-in-redis/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Flaw CVE-2025-49844 (CVSS 10.0) Allows Remote Code Execution in Redis
    Redis patched a Critical (CVSS 10.0) RCE flaw (CVE-2025-49844) in Lua scripting. An authenticated attacker can exploit a Use-After-Free bug to gain code execution.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • “QNAP อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน NetBak Replicator และ Qsync Central — เสี่ยงรันโค้ดจากระยะไกลและ SQL Injection”

    QNAP ผู้ผลิตระบบ NAS ที่ได้รับความนิยมในองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป ได้ออกประกาศด้านความปลอดภัยล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2025 โดยระบุว่ามีช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในซอฟต์แวร์สองตัว ได้แก่ NetBak Replicator และ Qsync Central ซึ่งอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดจากระยะไกล หรือโจมตีระบบผ่านช่องโหว่ SQL Injection ได้

    ช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-57714 ใน NetBak Replicator ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 8.5 โดยเกิดจากการกำหนด path ที่ไม่ปลอดภัยใน Windows ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกไฟล์ .exe อันตรายไว้ในตำแหน่งที่ระบบจะเรียกใช้โดยอัตโนมัติเมื่อเปิดโปรแกรม ส่งผลให้สามารถรันโค้ดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ระดับสูง

    ในส่วนของ Qsync Central ซึ่งเป็นเครื่องมือซิงก์ไฟล์ข้าม NAS หลายเครื่อง พบช่องโหว่รวม 5 รายการ ได้แก่:
    การจัดสรรทรัพยากรโดยไม่มีการควบคุม (CVE-2025-44012)
    NULL pointer dereference ที่อาจทำให้ระบบล่ม (CVE-2025-47210)
    การใช้ทรัพยากรเกินขอบเขต (CVE-2025-52867)
    ช่องโหว่ SQL Injection สองรายการ (CVE-2025-53595 และ CVE-2025-54153) ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และสามารถใช้รันโค้ดหรือขโมยข้อมูลได้ หากระบบเปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต

    QNAP ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วใน NetBak Replicator เวอร์ชัน 4.5.15.0807 และ Qsync Central เวอร์ชัน 5.0.0.2 โดยแนะนำให้ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ QTS หรือ QuTS hero แล้วอัปเดตผ่าน App Center ทันที พร้อมคำแนะนำเพิ่มเติมให้จำกัดสิทธิ์บัญชีผู้ใช้ และหลีกเลี่ยงการเปิดพอร์ต NAS สู่ภายนอก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-57714 ใน NetBak Replicator มีคะแนน CVSS 8.5
    เกิดจาก path ที่ไม่ปลอดภัยใน Windows ทำให้สามารถรันไฟล์อันตรายได้
    ช่องโหว่ถูกแก้ไขในเวอร์ชัน 4.5.15.0807
    Qsync Central มีช่องโหว่รวม 5 รายการที่กระทบต่อความเสถียรและความปลอดภัย
    ช่องโหว่ SQL Injection ใน Qsync Central มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6
    ช่องโหว่ทั้งหมดถูกแก้ไขในเวอร์ชัน 5.0.0.2
    QNAP แนะนำให้อัปเดตผ่าน App Center และตรวจสอบสิทธิ์บัญชีผู้ใช้
    คำแนะนำเพิ่มเติมคือหลีกเลี่ยงการเปิดพอร์ต NAS สู่ภายนอก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NetBak Replicator เป็นเครื่องมือสำรองข้อมูลจาก Windows ไปยัง NAS
    Qsync Central ใช้สำหรับซิงก์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์ NAS หลายตัว
    ช่องโหว่ SQL Injection เป็นหนึ่งในวิธีโจมตีที่ใช้กันมากที่สุดในระบบฐานข้อมูล
    การจัดการ path ใน Windows ต้องระวังการใช้เครื่องหมายคำพูดเพื่อป้องกันการ hijack
    CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่จาก 0–10

    https://securityonline.info/qnap-fixes-high-severity-flaws-netbak-replicator-rce-and-sql-injection-in-qsync-central/
    🛠️ “QNAP อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน NetBak Replicator และ Qsync Central — เสี่ยงรันโค้ดจากระยะไกลและ SQL Injection” QNAP ผู้ผลิตระบบ NAS ที่ได้รับความนิยมในองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป ได้ออกประกาศด้านความปลอดภัยล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2025 โดยระบุว่ามีช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในซอฟต์แวร์สองตัว ได้แก่ NetBak Replicator และ Qsync Central ซึ่งอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดจากระยะไกล หรือโจมตีระบบผ่านช่องโหว่ SQL Injection ได้ ช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-57714 ใน NetBak Replicator ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 8.5 โดยเกิดจากการกำหนด path ที่ไม่ปลอดภัยใน Windows ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกไฟล์ .exe อันตรายไว้ในตำแหน่งที่ระบบจะเรียกใช้โดยอัตโนมัติเมื่อเปิดโปรแกรม ส่งผลให้สามารถรันโค้ดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ระดับสูง ในส่วนของ Qsync Central ซึ่งเป็นเครื่องมือซิงก์ไฟล์ข้าม NAS หลายเครื่อง พบช่องโหว่รวม 5 รายการ ได้แก่: 🐛 การจัดสรรทรัพยากรโดยไม่มีการควบคุม (CVE-2025-44012) 🐛 NULL pointer dereference ที่อาจทำให้ระบบล่ม (CVE-2025-47210) 🐛 การใช้ทรัพยากรเกินขอบเขต (CVE-2025-52867) 🐛 ช่องโหว่ SQL Injection สองรายการ (CVE-2025-53595 และ CVE-2025-54153) ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และสามารถใช้รันโค้ดหรือขโมยข้อมูลได้ หากระบบเปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต QNAP ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วใน NetBak Replicator เวอร์ชัน 4.5.15.0807 และ Qsync Central เวอร์ชัน 5.0.0.2 โดยแนะนำให้ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ QTS หรือ QuTS hero แล้วอัปเดตผ่าน App Center ทันที พร้อมคำแนะนำเพิ่มเติมให้จำกัดสิทธิ์บัญชีผู้ใช้ และหลีกเลี่ยงการเปิดพอร์ต NAS สู่ภายนอก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-57714 ใน NetBak Replicator มีคะแนน CVSS 8.5 ➡️ เกิดจาก path ที่ไม่ปลอดภัยใน Windows ทำให้สามารถรันไฟล์อันตรายได้ ➡️ ช่องโหว่ถูกแก้ไขในเวอร์ชัน 4.5.15.0807 ➡️ Qsync Central มีช่องโหว่รวม 5 รายการที่กระทบต่อความเสถียรและความปลอดภัย ➡️ ช่องโหว่ SQL Injection ใน Qsync Central มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 ➡️ ช่องโหว่ทั้งหมดถูกแก้ไขในเวอร์ชัน 5.0.0.2 ➡️ QNAP แนะนำให้อัปเดตผ่าน App Center และตรวจสอบสิทธิ์บัญชีผู้ใช้ ➡️ คำแนะนำเพิ่มเติมคือหลีกเลี่ยงการเปิดพอร์ต NAS สู่ภายนอก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NetBak Replicator เป็นเครื่องมือสำรองข้อมูลจาก Windows ไปยัง NAS ➡️ Qsync Central ใช้สำหรับซิงก์ไฟล์ข้ามอุปกรณ์ NAS หลายตัว ➡️ ช่องโหว่ SQL Injection เป็นหนึ่งในวิธีโจมตีที่ใช้กันมากที่สุดในระบบฐานข้อมูล ➡️ การจัดการ path ใน Windows ต้องระวังการใช้เครื่องหมายคำพูดเพื่อป้องกันการ hijack ➡️ CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่จาก 0–10 https://securityonline.info/qnap-fixes-high-severity-flaws-netbak-replicator-rce-and-sql-injection-in-qsync-central/
    SECURITYONLINE.INFO
    QNAP Fixes High-Severity Flaws: NetBak Replicator RCE and SQL Injection in Qsync Central
    QNAP patches NetBak Replicator and Qsync Central. Flaws include a DLL hijacking risk and critical SQL Injection that allows remote attackers to execute code.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SORVEPOTEL มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ระบาดผ่าน WhatsApp — แพร่ไวระดับประเทศ พร้อมขโมยข้อมูลธนาคารในบราซิล”

    Trend Micro เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ “Water Saci” ที่ใช้มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ SORVEPOTEL ซึ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่าน WhatsApp โดยเฉพาะในบราซิล โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค social engineering ส่งไฟล์ ZIP อันตรายจากบัญชี WhatsApp ที่ถูกยึดมาแล้ว ทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นไฟล์จากเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน

    เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ ZIP ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป เช่น “RES-20250930_112057.zip” หรือ “ORCAMENTO_114418.zip” จะพบไฟล์ .LNK ที่เรียกใช้ PowerShell script เพื่อดาวน์โหลด payload เพิ่มเติมจากโดเมนที่ควบคุมโดยผู้โจมตี เช่น sorvetenopotel[.]com และ expahnsiveuser[.]com

    จุดเด่นที่อันตรายของ SORVEPOTEL คือความสามารถในการ “ยึด WhatsApp Web session” บนเครื่องที่ติดเชื้อ แล้วส่งไฟล์ ZIP เดิมไปยังทุกกลุ่มและรายชื่อในบัญชี WhatsApp ของเหยื่อโดยอัตโนมัติ ทำให้เกิดการแพร่กระจายแบบหนอน (worm) และบัญชี WhatsApp ถูกแบนจากการส่งสแปม

    มัลแวร์ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การขโมยข้อมูลธนาคารผ่าน overlay phishing ที่สร้างหน้าจอหลอกแบบเต็มจอ ซึ่งเลียนแบบแอปธนาคารจริง เช่น Banco do Brasil, Bradesco, Itaú, Santander และ Binance โดยจะดักจับรหัสผ่าน, PIN และรหัส OTP แบบเรียลไทม์

    นอกจากนี้ SORVEPOTEL ยังมีระบบตรวจจับเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น IDA หรือ Wireshark และจะปิดตัวเองทันทีหากพบว่ากำลังถูกวิเคราะห์ พร้อมระบบ geo-validation ที่ทำให้มัลแวร์ทำงานเฉพาะในบราซิลเท่านั้น

    Trend Micro ระบุว่า ณ ขณะนี้พบการติดเชื้อแล้ว 477 เคส โดย 457 เคสอยู่ในบราซิล และมัลแวร์ได้เจาะเข้าไปในหน่วยงานรัฐ, โรงงาน, สถาบันการศึกษา และบริษัทเทคโนโลยี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SORVEPOTEL เป็นมัลแวร์ที่แพร่ผ่าน WhatsApp โดยใช้ไฟล์ ZIP อันตราย
    ไฟล์ ZIP มีชื่อเหมือนเอกสารทั่วไป เช่น RES-20250930_112057.zip
    ภายในมีไฟล์ .LNK ที่เรียก PowerShell script เพื่อดาวน์โหลด payload
    มัลแวร์สามารถยึด WhatsApp Web session แล้วส่งไฟล์ไปยังทุกกลุ่มและรายชื่อ
    ส่งผลให้บัญชี WhatsApp ถูกแบนจากการส่งสแปม
    มีระบบ overlay phishing ที่เลียนแบบหน้าจอธนาคารจริง
    ดักจับข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, PIN, OTP แบบเรียลไทม์
    ตรวจจับเครื่องมือวิเคราะห์และปิดตัวเองทันทีหากถูกตรวจสอบ
    ทำงานเฉพาะในบราซิลผ่าน geo-validation
    พบการติดเชื้อแล้ว 477 เคส โดย 457 เคสอยู่ในบราซิล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    WhatsApp Web session สามารถถูก hijack ได้หากเครื่องติดมัลแวร์
    overlay phishing เป็นเทคนิคที่ใช้หลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลในหน้าจอปลอม
    PowerShell เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการโจมตีแบบ fileless
    การใช้โดเมนปลอมที่ดูเหมือนคำธรรมดา เช่น “sorvete no pote” ช่วยหลบการตรวจจับ
    BYOD (Bring Your Own Device) ทำให้มัลแวร์สามารถเจาะระบบองค์กรผ่านอุปกรณ์ส่วนตัว

    https://securityonline.info/whatsapp-worm-new-sorvepotel-malware-hijacks-sessions-to-spread-aggressively-across-brazil/
    📲 “SORVEPOTEL มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ระบาดผ่าน WhatsApp — แพร่ไวระดับประเทศ พร้อมขโมยข้อมูลธนาคารในบราซิล” Trend Micro เปิดเผยแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ “Water Saci” ที่ใช้มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ SORVEPOTEL ซึ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่าน WhatsApp โดยเฉพาะในบราซิล โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค social engineering ส่งไฟล์ ZIP อันตรายจากบัญชี WhatsApp ที่ถูกยึดมาแล้ว ทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นไฟล์จากเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ ZIP ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป เช่น “RES-20250930_112057.zip” หรือ “ORCAMENTO_114418.zip” จะพบไฟล์ .LNK ที่เรียกใช้ PowerShell script เพื่อดาวน์โหลด payload เพิ่มเติมจากโดเมนที่ควบคุมโดยผู้โจมตี เช่น sorvetenopotel[.]com และ expahnsiveuser[.]com จุดเด่นที่อันตรายของ SORVEPOTEL คือความสามารถในการ “ยึด WhatsApp Web session” บนเครื่องที่ติดเชื้อ แล้วส่งไฟล์ ZIP เดิมไปยังทุกกลุ่มและรายชื่อในบัญชี WhatsApp ของเหยื่อโดยอัตโนมัติ ทำให้เกิดการแพร่กระจายแบบหนอน (worm) และบัญชี WhatsApp ถูกแบนจากการส่งสแปม มัลแวร์ยังมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การขโมยข้อมูลธนาคารผ่าน overlay phishing ที่สร้างหน้าจอหลอกแบบเต็มจอ ซึ่งเลียนแบบแอปธนาคารจริง เช่น Banco do Brasil, Bradesco, Itaú, Santander และ Binance โดยจะดักจับรหัสผ่าน, PIN และรหัส OTP แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ SORVEPOTEL ยังมีระบบตรวจจับเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น IDA หรือ Wireshark และจะปิดตัวเองทันทีหากพบว่ากำลังถูกวิเคราะห์ พร้อมระบบ geo-validation ที่ทำให้มัลแวร์ทำงานเฉพาะในบราซิลเท่านั้น Trend Micro ระบุว่า ณ ขณะนี้พบการติดเชื้อแล้ว 477 เคส โดย 457 เคสอยู่ในบราซิล และมัลแวร์ได้เจาะเข้าไปในหน่วยงานรัฐ, โรงงาน, สถาบันการศึกษา และบริษัทเทคโนโลยี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SORVEPOTEL เป็นมัลแวร์ที่แพร่ผ่าน WhatsApp โดยใช้ไฟล์ ZIP อันตราย ➡️ ไฟล์ ZIP มีชื่อเหมือนเอกสารทั่วไป เช่น RES-20250930_112057.zip ➡️ ภายในมีไฟล์ .LNK ที่เรียก PowerShell script เพื่อดาวน์โหลด payload ➡️ มัลแวร์สามารถยึด WhatsApp Web session แล้วส่งไฟล์ไปยังทุกกลุ่มและรายชื่อ ➡️ ส่งผลให้บัญชี WhatsApp ถูกแบนจากการส่งสแปม ➡️ มีระบบ overlay phishing ที่เลียนแบบหน้าจอธนาคารจริง ➡️ ดักจับข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, PIN, OTP แบบเรียลไทม์ ➡️ ตรวจจับเครื่องมือวิเคราะห์และปิดตัวเองทันทีหากถูกตรวจสอบ ➡️ ทำงานเฉพาะในบราซิลผ่าน geo-validation ➡️ พบการติดเชื้อแล้ว 477 เคส โดย 457 เคสอยู่ในบราซิล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ WhatsApp Web session สามารถถูก hijack ได้หากเครื่องติดมัลแวร์ ➡️ overlay phishing เป็นเทคนิคที่ใช้หลอกผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลในหน้าจอปลอม ➡️ PowerShell เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการโจมตีแบบ fileless ➡️ การใช้โดเมนปลอมที่ดูเหมือนคำธรรมดา เช่น “sorvete no pote” ช่วยหลบการตรวจจับ ➡️ BYOD (Bring Your Own Device) ทำให้มัลแวร์สามารถเจาะระบบองค์กรผ่านอุปกรณ์ส่วนตัว https://securityonline.info/whatsapp-worm-new-sorvepotel-malware-hijacks-sessions-to-spread-aggressively-across-brazil/
    SECURITYONLINE.INFO
    WhatsApp Worm: New SORVEPOTEL Malware Hijacks Sessions to Spread Aggressively Across Brazil
    Trend Micro uncovered "Water Saci," a self-propagating malware (SORVEPOTEL) that hijacks WhatsApp Web sessions to spread aggressively and steal Brazilian banking credentials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวจอร์เจีย เขาคอเคซัส ❄ 59,999 เที่ยวครบ 9 เมืองไฮไลท์

    🗓 จำนวนวัน 8วัน 5คืน
    ✈ TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์
    พักโรงแรม


    นั่งรถ 4WD
    โบสถ์เกอร์เกติ
    อนุสาวรีย์มิตรภาพ รัสเซีย-จอร์เจีย
    ถ้ำอุพลิสชิเค
    นั่งกระเช้า ชมป้อมนาริกาลา
    ล่องเรือทะเลสาบดำ
    ถนนคนเดินชาเดอนี่
    ชิมไวน์้ท้องถิ่นชื่อดัง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จอร์เจีย #จอร์เจีย #georgia #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวจอร์เจีย เขาคอเคซัส 🍁❄ 59,999 🔥 เที่ยวครบ 9 เมืองไฮไลท์ 🔥 🗓 จำนวนวัน 8วัน 5คืน ✈ TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 นั่งรถ 4WD 📍 โบสถ์เกอร์เกติ 📍 อนุสาวรีย์มิตรภาพ รัสเซีย-จอร์เจีย 📍 ถ้ำอุพลิสชิเค 📍 นั่งกระเช้า ชมป้อมนาริกาลา 📍 ล่องเรือทะเลสาบดำ 📍 ถนนคนเดินชาเดอนี่ 📍 ชิมไวน์้ท้องถิ่นชื่อดัง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จอร์เจีย #จอร์เจีย #georgia #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล NIRS ทำลายระบบคลาวด์ G-Drive ของรัฐบาลเกาหลีใต้ — ข้อมูลข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร”

    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ณ เมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลให้ระบบคลาวด์ G-Drive ที่ใช้เก็บเอกสารงานของข้าราชการกว่า 750,000 คนถูกทำลายทั้งหมด โดยไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ทำให้ข้อมูลสูญหายอย่างถาวร

    G-Drive เป็นระบบที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ข้าราชการจัดเก็บเอกสารงานในคลาวด์แทนการเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลประมาณ 30GB ต่อคน และมีการบังคับใช้ในหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงบริหารบุคคลที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้

    ไฟไหม้ครั้งนี้ทำลายระบบสำคัญถึง 96 ระบบ รวมถึง G-Drive ซึ่งมีโครงสร้างแบบ “ความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ” ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ และแม้จะมีการสำรองข้อมูลภายในศูนย์ข้อมูลเดียวกัน แต่ก็ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด

    ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังพยายามกู้คืนข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ไฟล์ที่เก็บไว้ในเครื่องส่วนตัว อีเมล เอกสารทางราชการ และระบบ Onnara ซึ่งใช้เก็บเอกสารที่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยหวังว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลบางส่วนได้เมื่อระบบ Onnara กลับมาใช้งานได้

    เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการดำเนินงานของภาครัฐ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดการข้อมูลของรัฐบาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการออกแบบระบบที่ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอกสำหรับระบบสำคัญเช่น G-Drive

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS เมืองแทจอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025
    ระบบ G-Drive ถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก
    ข้อมูลของข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร
    G-Drive ให้พื้นที่เก็บข้อมูล 30GB ต่อคน และใช้แทนการเก็บในเครื่องส่วนตัว
    กระทรวงบริหารบุคคลได้รับผลกระทบหนักที่สุด
    ระบบสำคัญ 96 ระบบถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้
    ข้อมูลบางส่วนอาจกู้คืนได้จากระบบ Onnara และไฟล์ในเครื่องส่วนตัว
    ระบบ G-Drive มีโครงสร้างแบบความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    G-Drive ถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้าราชการทำงานจากระยะไกลและแชร์เอกสารได้สะดวก
    ข้อมูลใน G-Drive มีขนาดรวมกว่า 858TB เทียบเท่ากระดาษ A4 กว่า 274.6 พันล้านแผ่น
    เหตุไฟไหม้เกิดจากแบตเตอรี่ลิเธียมระเบิดระหว่างการเปลี่ยนในห้องเซิร์ฟเวอร์
    รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งศูนย์บัญชาการฟื้นฟูระบบที่เมืองแทกูเพื่อย้ายระบบที่เสียหาย
    มีการฟื้นฟูระบบออนไลน์แล้ว 15.6% และตั้งบริการทดแทนสำหรับระบบที่ยังไม่ฟื้น

    https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-10-01/national/socialAffairs/NIRS-fire-destroys-governments-cloud-storage-system-no-backups-available/2412936
    🔥 “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล NIRS ทำลายระบบคลาวด์ G-Drive ของรัฐบาลเกาหลีใต้ — ข้อมูลข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร” เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ณ เมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลให้ระบบคลาวด์ G-Drive ที่ใช้เก็บเอกสารงานของข้าราชการกว่า 750,000 คนถูกทำลายทั้งหมด โดยไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ทำให้ข้อมูลสูญหายอย่างถาวร G-Drive เป็นระบบที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ข้าราชการจัดเก็บเอกสารงานในคลาวด์แทนการเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลประมาณ 30GB ต่อคน และมีการบังคับใช้ในหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงบริหารบุคคลที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้ ไฟไหม้ครั้งนี้ทำลายระบบสำคัญถึง 96 ระบบ รวมถึง G-Drive ซึ่งมีโครงสร้างแบบ “ความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ” ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ และแม้จะมีการสำรองข้อมูลภายในศูนย์ข้อมูลเดียวกัน แต่ก็ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังพยายามกู้คืนข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ไฟล์ที่เก็บไว้ในเครื่องส่วนตัว อีเมล เอกสารทางราชการ และระบบ Onnara ซึ่งใช้เก็บเอกสารที่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยหวังว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลบางส่วนได้เมื่อระบบ Onnara กลับมาใช้งานได้ เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการดำเนินงานของภาครัฐ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดการข้อมูลของรัฐบาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการออกแบบระบบที่ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอกสำหรับระบบสำคัญเช่น G-Drive ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS เมืองแทจอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 ➡️ ระบบ G-Drive ถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ➡️ ข้อมูลของข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร ➡️ G-Drive ให้พื้นที่เก็บข้อมูล 30GB ต่อคน และใช้แทนการเก็บในเครื่องส่วนตัว ➡️ กระทรวงบริหารบุคคลได้รับผลกระทบหนักที่สุด ➡️ ระบบสำคัญ 96 ระบบถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้ ➡️ ข้อมูลบางส่วนอาจกู้คืนได้จากระบบ Onnara และไฟล์ในเครื่องส่วนตัว ➡️ ระบบ G-Drive มีโครงสร้างแบบความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ G-Drive ถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้าราชการทำงานจากระยะไกลและแชร์เอกสารได้สะดวก ➡️ ข้อมูลใน G-Drive มีขนาดรวมกว่า 858TB เทียบเท่ากระดาษ A4 กว่า 274.6 พันล้านแผ่น ➡️ เหตุไฟไหม้เกิดจากแบตเตอรี่ลิเธียมระเบิดระหว่างการเปลี่ยนในห้องเซิร์ฟเวอร์ ➡️ รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งศูนย์บัญชาการฟื้นฟูระบบที่เมืองแทกูเพื่อย้ายระบบที่เสียหาย ➡️ มีการฟื้นฟูระบบออนไลน์แล้ว 15.6% และตั้งบริการทดแทนสำหรับระบบที่ยังไม่ฟื้น https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-10-01/national/socialAffairs/NIRS-fire-destroys-governments-cloud-storage-system-no-backups-available/2412936
    KOREAJOONGANGDAILY.JOINS.COM
    NIRS fire destroys government's cloud storage system, no backups available
    A fire at the National Information Resources Service (NIRS) Daejeon headquarters destroyed the government’s G-Drive cloud storage system, erasing work files saved individually by some 750,000 civil servants.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • เว็บไซต์ข่าวกัมพูชา รายงานคำกล่าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ กรณีอนุญาตให้พวกผู้ลี้ภัยพม่าทำงานอย่างถูกกฎหมาย ชี้ถือเป็นการส่งสารอย่างชัดเจนไปยังกัมพูชา ว่าไทยจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน แม้ชาวกัมพูชาพากันแห่แหนกลับประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095275

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    เว็บไซต์ข่าวกัมพูชา รายงานคำกล่าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ กรณีอนุญาตให้พวกผู้ลี้ภัยพม่าทำงานอย่างถูกกฎหมาย ชี้ถือเป็นการส่งสารอย่างชัดเจนไปยังกัมพูชา ว่าไทยจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน แม้ชาวกัมพูชาพากันแห่แหนกลับประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095275 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • เฉิงตู สี่ดรุณี ❄11,999

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม

    ภูเขาสี่ดรุณี
    หุบเขาซวงเฉียวโกว (รวมรถประจำทางในอุทยาน)
    สะพานหนานเฉียว
    แพนด้าเซลฟี่
    ถนนคนเดินชุนซีลู่
    แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS
    ถนนคนเดินไท่กู่หลี่

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เฉิงตู สี่ดรุณี 🍁❄11,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ภูเขาสี่ดรุณี 📍 หุบเขาซวงเฉียวโกว (รวมรถประจำทางในอุทยาน) 📍 สะพานหนานเฉียว 📍 แพนด้าเซลฟี่ 📍 ถนนคนเดินชุนซีลู่ 📍 แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS 📍 ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “คุณมีเวลา 18 เดือน — เมื่อ AI ไม่ได้แย่งงานเรา แต่เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเองต่อหน้ามัน”

    บทความโดย Derek Thompson ในนิตยสาร The Argument เปิดประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับคำเตือนจากผู้บริหารและนักคิดด้าน AI หลายคนว่า “มนุษย์มีเวลาอีกเพียง 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำจนทำให้แรงงานมนุษย์หมดความได้เปรียบ โดยเฉพาะในสายงานระดับเริ่มต้น เช่น นักเขียนโค้ด นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่นักวิจัยระดับสูง

    แต่ Thompson กลับตั้งคำถามว่า ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่ “AI แย่งงานเรา” แต่คือ “เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเอง” ด้วยการพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติมากเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องการคิด การเขียน และการเรียนรู้

    เขายกตัวอย่างจากการออกกำลังกายว่า “เวลาใต้แรงต้าน” (time under tension) คือช่วงที่กล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง เช่น การทำ squat ช้า ๆ จะสร้างกล้ามเนื้อได้มากกว่าแบบเร็ว ๆ เช่นเดียวกับการคิด — การอยู่กับความไม่แน่นอนและความซับซ้อนของข้อมูลเป็นเวลานาน จะช่วยให้เกิดความเข้าใจและความคิดใหม่ ๆ

    Thompson เล่าว่าตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะเขียนบทความนี้ได้ เพราะหัวข้อดูชัดเจนเกินไป แต่เมื่อเขาใช้เวลาอยู่กับมัน ความคิดต่าง ๆ ก็เริ่มเชื่อมโยงกัน ทั้งบทความจาก Financial Times, การสัมภาษณ์ Cal Newport, หนังสือของ Walter Ong และแม้แต่ความคิดขณะออกกำลังกาย จนกลายเป็นกรอบความคิดที่ชัดเจน

    เขาเตือนว่า หากเรายอมให้ AI เขียนแทนเราทุกอย่าง — ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ใช้ ChatGPT ทำการบ้าน หรือนักวิจัยที่ให้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์ — เราอาจสูญเสียความสามารถในการคิดอย่างลึกซึ้ง เพราะ “การเขียนคือการคิด” และเมื่อเราไม่เขียน เราก็ไม่ได้คิด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ผู้บริหาร AI หลายคนเตือนว่า “มนุษย์มีเวลาอีก 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำ
    Thompson มองว่าปัญหาไม่ใช่ AI แย่งงาน แต่คือมนุษย์ลดทอนความสามารถตัวเอง
    เขาเปรียบเทียบการคิดกับ “เวลาใต้แรงต้าน” ในการออกกำลังกาย
    การอยู่กับความไม่แน่นอนนาน ๆ ช่วยให้เกิดความคิดใหม่
    การเขียนคือกระบวนการคิด ไม่ใช่แค่การสื่อสาร
    หากปล่อยให้ AI เขียนแทนทั้งหมด เราอาจสูญเสียความสามารถในการเข้าใจสิ่งที่เราค้นพบ
    นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ทำการบ้าน ทำให้ครูไม่สามารถประเมินความสามารถจริงได้
    นักวิจัยบางคนเริ่มใช้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์แทนตัวเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cal Newport เคยเสนอแนวคิด “deep work” ว่าการทำงานลึก ๆ โดยไม่ถูกรบกวนคือทักษะสำคัญ
    Walter Ong ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเขียนกับการคิดในยุคก่อนดิจิทัล
    การใช้ AI ในการเรียนอาจทำให้เกิด “ภาวะไร้สมรรถนะทางปัญญา” ในระยะยาว
    การเขียนช่วยให้เราจัดระเบียบความคิดและเข้าใจสิ่งที่เรียนรู้
    การคิดแบบ “combinatorial” คือการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่

    https://www.theargumentmag.com/p/you-have-18-months
    ⏳ “คุณมีเวลา 18 เดือน — เมื่อ AI ไม่ได้แย่งงานเรา แต่เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเองต่อหน้ามัน” บทความโดย Derek Thompson ในนิตยสาร The Argument เปิดประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับคำเตือนจากผู้บริหารและนักคิดด้าน AI หลายคนว่า “มนุษย์มีเวลาอีกเพียง 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำจนทำให้แรงงานมนุษย์หมดความได้เปรียบ โดยเฉพาะในสายงานระดับเริ่มต้น เช่น นักเขียนโค้ด นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่นักวิจัยระดับสูง แต่ Thompson กลับตั้งคำถามว่า ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่ “AI แย่งงานเรา” แต่คือ “เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเอง” ด้วยการพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติมากเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องการคิด การเขียน และการเรียนรู้ เขายกตัวอย่างจากการออกกำลังกายว่า “เวลาใต้แรงต้าน” (time under tension) คือช่วงที่กล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง เช่น การทำ squat ช้า ๆ จะสร้างกล้ามเนื้อได้มากกว่าแบบเร็ว ๆ เช่นเดียวกับการคิด — การอยู่กับความไม่แน่นอนและความซับซ้อนของข้อมูลเป็นเวลานาน จะช่วยให้เกิดความเข้าใจและความคิดใหม่ ๆ Thompson เล่าว่าตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะเขียนบทความนี้ได้ เพราะหัวข้อดูชัดเจนเกินไป แต่เมื่อเขาใช้เวลาอยู่กับมัน ความคิดต่าง ๆ ก็เริ่มเชื่อมโยงกัน ทั้งบทความจาก Financial Times, การสัมภาษณ์ Cal Newport, หนังสือของ Walter Ong และแม้แต่ความคิดขณะออกกำลังกาย จนกลายเป็นกรอบความคิดที่ชัดเจน เขาเตือนว่า หากเรายอมให้ AI เขียนแทนเราทุกอย่าง — ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ใช้ ChatGPT ทำการบ้าน หรือนักวิจัยที่ให้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์ — เราอาจสูญเสียความสามารถในการคิดอย่างลึกซึ้ง เพราะ “การเขียนคือการคิด” และเมื่อเราไม่เขียน เราก็ไม่ได้คิด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ผู้บริหาร AI หลายคนเตือนว่า “มนุษย์มีเวลาอีก 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำ ➡️ Thompson มองว่าปัญหาไม่ใช่ AI แย่งงาน แต่คือมนุษย์ลดทอนความสามารถตัวเอง ➡️ เขาเปรียบเทียบการคิดกับ “เวลาใต้แรงต้าน” ในการออกกำลังกาย ➡️ การอยู่กับความไม่แน่นอนนาน ๆ ช่วยให้เกิดความคิดใหม่ ➡️ การเขียนคือกระบวนการคิด ไม่ใช่แค่การสื่อสาร ➡️ หากปล่อยให้ AI เขียนแทนทั้งหมด เราอาจสูญเสียความสามารถในการเข้าใจสิ่งที่เราค้นพบ ➡️ นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ทำการบ้าน ทำให้ครูไม่สามารถประเมินความสามารถจริงได้ ➡️ นักวิจัยบางคนเริ่มใช้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์แทนตัวเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cal Newport เคยเสนอแนวคิด “deep work” ว่าการทำงานลึก ๆ โดยไม่ถูกรบกวนคือทักษะสำคัญ ➡️ Walter Ong ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเขียนกับการคิดในยุคก่อนดิจิทัล ➡️ การใช้ AI ในการเรียนอาจทำให้เกิด “ภาวะไร้สมรรถนะทางปัญญา” ในระยะยาว ➡️ การเขียนช่วยให้เราจัดระเบียบความคิดและเข้าใจสิ่งที่เรียนรู้ ➡️ การคิดแบบ “combinatorial” คือการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ https://www.theargumentmag.com/p/you-have-18-months
    WWW.THEARGUMENTMAG.COM
    “You have 18 months”
    The real deadline isn’t when AI outsmarts us — it’s when we stop using our own minds.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Personal Data Storage — เมื่อข้อมูลของคุณไม่ควรถูกครอบครองโดยใครนอกจากตัวคุณเอง”

    ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวกลายเป็นสินค้าของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แนวคิด “Personal Data Storage” หรือการเก็บข้อมูลส่วนตัวในพื้นที่ที่ผู้ใช้ควบคุมเอง กำลังกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง โดยมีนักคิดอย่าง Sir Tim Berners-Lee ผู้สร้างเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นผู้ผลักดันแนวทางนี้ผ่านโปรโตคอลชื่อ Solid

    Solid คือระบบที่ให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลของตนเองไว้ใน “Pod” หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บไว้ในเครื่องของตนเอง หรือในเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) หรือองค์กรที่ดำเนินงานแบบโปร่งใสและไม่แสวงหากำไร

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — ย้อนกลับไปปี 2009 Berners-Lee เคยเสนอ “Socially Aware Cloud Storage” ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลผ่าน URI และระบบสิทธิ์แบบกระจาย แต่ในยุคนั้นยังไม่มีแรงผลักดันมากพอ จนกระทั่งเกิดวิกฤติความเป็นส่วนตัวหลายครั้งในช่วงปี 2010s ทำให้แนวคิด Solid ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น

    นอกจาก Solid ยังมี AT Protocol ที่พัฒนาโดยทีม Bluesky ซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายสังคมแบบเปิด โดยให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง เช่น การใช้โดเมนส่วนตัวเป็น “internet handle” (@alice.com) และเก็บข้อมูลโพสต์ ไลก์ และการติดตามไว้ใน “Personal Data Server” ที่ผู้ใช้ควบคุมได้

    แนวทางนี้กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอิสระจากแพลตฟอร์มแบบปิด เช่น Facebook หรือ Twitter โดยมีการตั้งองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled และ Northsky ซึ่งทำหน้าที่คล้ายสหกรณ์ข้อมูลที่ผู้ใช้เป็นเจ้าของร่วมกัน

    เป้าหมายของแนวคิดนี้คือการเปลี่ยนบทสนทนาเรื่อง “สิทธิ์ในการดาวน์โหลดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม” ไปสู่ “สิทธิ์ในการให้แพลตฟอร์มเข้าถึงข้อมูลของเรา” — และเฉพาะเมื่อเราอนุญาตเท่านั้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Personal Data Storage คือแนวคิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเอง
    Solid Protocol พัฒนาโดย Tim Berners-Lee เพื่อให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลใน Pod ส่วนตัว
    AT Protocol โดย Bluesky ใช้แนวทางคล้ายกัน โดยให้ผู้ใช้มี “internet handle” เป็นของตนเอง
    ข้อมูลผู้ใช้ เช่น โพสต์ ไลก์ และการติดตาม ถูกเก็บไว้ใน Personal Data Server
    ผู้ใช้สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูลหรือองค์กรชุมชน
    แนวคิดนี้เปลี่ยนจากการให้แพลตฟอร์มเก็บข้อมูล ไปสู่การให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูล
    มีองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled, Northsky ที่ดำเนินงานแบบโปร่งใส
    Solid และ AT Protocol เป็นตัวอย่างของการสร้าง Open Social Web ที่ผู้ใช้ควบคุมได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Solid ใช้ระบบสิทธิ์แบบ declarative เช่น “Alice สามารถอ่านไฟล์นี้”
    AT Protocol ใช้โดเมนเป็นตัวแทนตัวตน เช่น @bob.com
    สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) คล้ายกับสหกรณ์เครดิตในระบบธนาคาร
    การเก็บข้อมูลใน Pod ช่วยลดความเสี่ยงจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว
    แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอย่าง ODI และ MIT

    https://blog.muni.town/personal-data-storage-idea/
    🔐 “Personal Data Storage — เมื่อข้อมูลของคุณไม่ควรถูกครอบครองโดยใครนอกจากตัวคุณเอง” ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวกลายเป็นสินค้าของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แนวคิด “Personal Data Storage” หรือการเก็บข้อมูลส่วนตัวในพื้นที่ที่ผู้ใช้ควบคุมเอง กำลังกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง โดยมีนักคิดอย่าง Sir Tim Berners-Lee ผู้สร้างเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นผู้ผลักดันแนวทางนี้ผ่านโปรโตคอลชื่อ Solid Solid คือระบบที่ให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลของตนเองไว้ใน “Pod” หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บไว้ในเครื่องของตนเอง หรือในเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) หรือองค์กรที่ดำเนินงานแบบโปร่งใสและไม่แสวงหากำไร แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — ย้อนกลับไปปี 2009 Berners-Lee เคยเสนอ “Socially Aware Cloud Storage” ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลผ่าน URI และระบบสิทธิ์แบบกระจาย แต่ในยุคนั้นยังไม่มีแรงผลักดันมากพอ จนกระทั่งเกิดวิกฤติความเป็นส่วนตัวหลายครั้งในช่วงปี 2010s ทำให้แนวคิด Solid ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น นอกจาก Solid ยังมี AT Protocol ที่พัฒนาโดยทีม Bluesky ซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายสังคมแบบเปิด โดยให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง เช่น การใช้โดเมนส่วนตัวเป็น “internet handle” (@alice.com) และเก็บข้อมูลโพสต์ ไลก์ และการติดตามไว้ใน “Personal Data Server” ที่ผู้ใช้ควบคุมได้ แนวทางนี้กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอิสระจากแพลตฟอร์มแบบปิด เช่น Facebook หรือ Twitter โดยมีการตั้งองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled และ Northsky ซึ่งทำหน้าที่คล้ายสหกรณ์ข้อมูลที่ผู้ใช้เป็นเจ้าของร่วมกัน เป้าหมายของแนวคิดนี้คือการเปลี่ยนบทสนทนาเรื่อง “สิทธิ์ในการดาวน์โหลดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม” ไปสู่ “สิทธิ์ในการให้แพลตฟอร์มเข้าถึงข้อมูลของเรา” — และเฉพาะเมื่อเราอนุญาตเท่านั้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Personal Data Storage คือแนวคิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนเอง ➡️ Solid Protocol พัฒนาโดย Tim Berners-Lee เพื่อให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลใน Pod ส่วนตัว ➡️ AT Protocol โดย Bluesky ใช้แนวทางคล้ายกัน โดยให้ผู้ใช้มี “internet handle” เป็นของตนเอง ➡️ ข้อมูลผู้ใช้ เช่น โพสต์ ไลก์ และการติดตาม ถูกเก็บไว้ใน Personal Data Server ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้ เช่น สหกรณ์ข้อมูลหรือองค์กรชุมชน ➡️ แนวคิดนี้เปลี่ยนจากการให้แพลตฟอร์มเก็บข้อมูล ไปสู่การให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูล ➡️ มีองค์กรร่วมดูแลข้อมูล เช่น Blacksky, Tangled, Northsky ที่ดำเนินงานแบบโปร่งใส ➡️ Solid และ AT Protocol เป็นตัวอย่างของการสร้าง Open Social Web ที่ผู้ใช้ควบคุมได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Solid ใช้ระบบสิทธิ์แบบ declarative เช่น “Alice สามารถอ่านไฟล์นี้” ➡️ AT Protocol ใช้โดเมนเป็นตัวแทนตัวตน เช่น @bob.com ➡️ สหกรณ์ข้อมูล (Data Coop) คล้ายกับสหกรณ์เครดิตในระบบธนาคาร ➡️ การเก็บข้อมูลใน Pod ช่วยลดความเสี่ยงจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว ➡️ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอย่าง ODI และ MIT https://blog.muni.town/personal-data-storage-idea/
    BLOG.MUNI.TOWN
    Personal data storage is an idea whose time has come
    Data Ownership as a conversation changes when data resides primarily with people-governed institutions rather than corporations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Social Cooling — เมื่อคะแนนดิจิทัลกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้สังคมเย็นชา”

    ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจดิจิทัล เว็บไซต์ SocialCooling.com ได้เปิดเผยผลกระทบที่ซ่อนอยู่ของ Big Data ต่อพฤติกรรมมนุษย์ โดยเปรียบเทียบว่า “น้ำมันทำให้โลกร้อน แต่ข้อมูลทำให้สังคมเย็น” เพราะเมื่อเรารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง เราจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม — ลดความกล้า เสี่ยงน้อยลง และเซ็นเซอร์ตัวเองมากขึ้น

    แนวคิด “Social Cooling” หมายถึงผลกระทบระยะยาวจากการใช้ระบบคะแนนดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้าง “คะแนนชื่อเสียง” ที่บริษัทหรือรัฐบาลใช้ตัดสินคุณค่าของบุคคล โดยอิงจากพฤติกรรมออนไลน์ เช่น การกดไลก์ การซื้อสินค้า หรือแม้แต่เพื่อนที่คุณมีในโซเชียลมีเดีย

    ข้อมูลของคุณถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ระบบรู้จักมากกว่า เพื่อคาดเดาว่าคุณอาจเป็นคนแบบไหน เช่น มีแนวโน้มเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า เป็นผู้วางแผนมีลูก หรือแม้แต่เป็นเจ้าของปืน โดยที่คุณไม่เคยเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เลย

    ผลลัพธ์คือผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดีขึ้น เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่กล้าคลิกลิงก์ที่อาจดูไม่ดี หรือแม้แต่แพทย์ที่หลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะกลัวคะแนนต่ำจากอัตราการเสียชีวิต

    ในประเทศจีน ระบบ “Social Credit Score” ถูกใช้จริง โดยวัดพฤติกรรมของประชาชนจากการซื้อของ การโพสต์บนโซเชียล และแม้แต่คะแนนของเพื่อน หากคะแนนต่ำจะถูกจำกัดสิทธิ์ เช่น ไม่สามารถสมัครงานราชการ ขอวีซ่า หรือแม้แต่หาคู่ทางออนไลน์

    คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ — เรากำลังกลายเป็นคนดีขึ้น หรือแค่ “เชื่องขึ้น”? และในโลกที่ทุกการกระทำถูกเก็บไว้ตลอดกาล เราจะยังมีสิทธิ์ “ผิดพลาด” ได้อีกหรือไม่?

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Social Cooling คือผลกระทบจากระบบคะแนนดิจิทัลที่ทำให้คนเซ็นเซอร์ตัวเอง
    ข้อมูลของผู้ใช้ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อคาดเดาพฤติกรรมที่ไม่เปิดเผย
    ตัวอย่างการคาดเดา ได้แก่ แนวโน้มทางเพศ ภาวะสุขภาพ ความเห็นทางการเมือง
    ผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดี เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือคลิกลิงก์
    แพทย์บางคนหลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายเพราะกลัวคะแนนต่ำ
    ประเทศจีนใช้ระบบ Social Credit Score เพื่อควบคุมพฤติกรรมประชาชน
    คะแนนต่ำส่งผลต่อสิทธิ์ในการทำงาน ขอวีซ่า หรือแม้แต่การหาคู่
    ระบบนี้สร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัว ความเชื่อง และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Databrokers คือบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเพื่อขายให้กับองค์กรต่าง ๆ
    ระบบคะแนนชื่อเสียงถูกใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Tinder, LinkedIn, Amazon
    Cambridge Analytica เคยใช้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง
    การคืนสินค้าบ่อยอาจทำให้คุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ
    บริษัทประกันสุขภาพบางแห่งใช้ข้อมูลไลฟ์สไตล์ในการประเมินเบี้ยประกัน

    https://www.socialcooling.com/
    🧊 “Social Cooling — เมื่อคะแนนดิจิทัลกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้สังคมเย็นชา” ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจดิจิทัล เว็บไซต์ SocialCooling.com ได้เปิดเผยผลกระทบที่ซ่อนอยู่ของ Big Data ต่อพฤติกรรมมนุษย์ โดยเปรียบเทียบว่า “น้ำมันทำให้โลกร้อน แต่ข้อมูลทำให้สังคมเย็น” เพราะเมื่อเรารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง เราจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม — ลดความกล้า เสี่ยงน้อยลง และเซ็นเซอร์ตัวเองมากขึ้น แนวคิด “Social Cooling” หมายถึงผลกระทบระยะยาวจากการใช้ระบบคะแนนดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้าง “คะแนนชื่อเสียง” ที่บริษัทหรือรัฐบาลใช้ตัดสินคุณค่าของบุคคล โดยอิงจากพฤติกรรมออนไลน์ เช่น การกดไลก์ การซื้อสินค้า หรือแม้แต่เพื่อนที่คุณมีในโซเชียลมีเดีย ข้อมูลของคุณถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ระบบรู้จักมากกว่า เพื่อคาดเดาว่าคุณอาจเป็นคนแบบไหน เช่น มีแนวโน้มเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า เป็นผู้วางแผนมีลูก หรือแม้แต่เป็นเจ้าของปืน โดยที่คุณไม่เคยเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เลย ผลลัพธ์คือผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดีขึ้น เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่กล้าคลิกลิงก์ที่อาจดูไม่ดี หรือแม้แต่แพทย์ที่หลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะกลัวคะแนนต่ำจากอัตราการเสียชีวิต ในประเทศจีน ระบบ “Social Credit Score” ถูกใช้จริง โดยวัดพฤติกรรมของประชาชนจากการซื้อของ การโพสต์บนโซเชียล และแม้แต่คะแนนของเพื่อน หากคะแนนต่ำจะถูกจำกัดสิทธิ์ เช่น ไม่สามารถสมัครงานราชการ ขอวีซ่า หรือแม้แต่หาคู่ทางออนไลน์ คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ — เรากำลังกลายเป็นคนดีขึ้น หรือแค่ “เชื่องขึ้น”? และในโลกที่ทุกการกระทำถูกเก็บไว้ตลอดกาล เราจะยังมีสิทธิ์ “ผิดพลาด” ได้อีกหรือไม่? ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Social Cooling คือผลกระทบจากระบบคะแนนดิจิทัลที่ทำให้คนเซ็นเซอร์ตัวเอง ➡️ ข้อมูลของผู้ใช้ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อคาดเดาพฤติกรรมที่ไม่เปิดเผย ➡️ ตัวอย่างการคาดเดา ได้แก่ แนวโน้มทางเพศ ภาวะสุขภาพ ความเห็นทางการเมือง ➡️ ผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดี เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือคลิกลิงก์ ➡️ แพทย์บางคนหลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายเพราะกลัวคะแนนต่ำ ➡️ ประเทศจีนใช้ระบบ Social Credit Score เพื่อควบคุมพฤติกรรมประชาชน ➡️ คะแนนต่ำส่งผลต่อสิทธิ์ในการทำงาน ขอวีซ่า หรือแม้แต่การหาคู่ ➡️ ระบบนี้สร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัว ความเชื่อง และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Databrokers คือบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเพื่อขายให้กับองค์กรต่าง ๆ ➡️ ระบบคะแนนชื่อเสียงถูกใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Tinder, LinkedIn, Amazon ➡️ Cambridge Analytica เคยใช้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง ➡️ การคืนสินค้าบ่อยอาจทำให้คุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ ➡️ บริษัทประกันสุขภาพบางแห่งใช้ข้อมูลไลฟ์สไตล์ในการประเมินเบี้ยประกัน https://www.socialcooling.com/
    WWW.SOCIALCOOLING.COM
    Social Cooling - big data's unintended side effect
    Thousands of hidden scores influence your chance to get a job, a loan, insurance or even a date. Social Cooling describes how this increases pressure to conform, and asks how this will change society.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวจีน เฉิงตู 10,999

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ EU-เฉิงตู แอร์ไลน์
    พักโรงแรม

    ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า(รวมรถกอล์ฟ)
    ตึกแฝดเฉิงตู
    ชมแสงสี SKP
    ถนนคนเดินชุนซีลู่
    แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS
    POP MART
    ถนนคนเดินไท่กู่หลี่

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวจีน เฉิงตู 🔥😍 10,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ EU-เฉิงตู แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า(รวมรถกอล์ฟ) 📍 ตึกแฝดเฉิงตู 📍 ชมแสงสี SKP 📍 ถนนคนเดินชุนซีลู่ 📍 แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS 📍 POP MART 📍 ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แนะนำถุงร้อน ถุงเย็น … แบบไหนใช้ยังไง เหมาะกับอะไร… เชื้อเถอะค่ะ ใช้ถุงให้เหมาะกับการใช้งาน จะคุ้มค่าที่สุดค่ะ …ใช้ถุงดี คือกำไรแฝงแบบไม่รู้ตัวค่ะ

    ถุงเย็น PE ใส ใน Tiktok
    : https://vt.tiktok.com/ZSAAxF12w/

    ถุงเย็น PE ใส ใน Shopee
    : https://s.shopee.co.th/3VaJzIXMhD
    : https://s.shopee.co.th/3VaJzM9gLU

    ถุง PP ร้อน หนา ตราปูใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSkKMNv5n/

    ถุง PP ร้อน หนา ตราปู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/zRdVepM
    https://th.shp.ee/T8nPT9T

    ถุง PP ร้อน บาง ตราปูใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSkoLWAJF/

    ถุง PP ร้อน บาง ตราปู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/5V7ABL2
    https://th.shp.ee/B15dBiC

    ร้านกินจุ๊บจิ๊บ ถุงดีมีกำไร ส่งไว ได้คุณภาพ

    ⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าและเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง

    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8yDIw0654gK&_r=1

    เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา

    #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก

    #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ถุงหนาตราปู #ถุงเย็น #ถุงร้อน
    แนะนำถุงร้อน ถุงเย็น … แบบไหนใช้ยังไง เหมาะกับอะไร… เชื้อเถอะค่ะ ใช้ถุงให้เหมาะกับการใช้งาน จะคุ้มค่าที่สุดค่ะ …ใช้ถุงดี คือกำไรแฝงแบบไม่รู้ตัวค่ะ ถุงเย็น PE ใส ใน Tiktok : https://vt.tiktok.com/ZSAAxF12w/ ถุงเย็น PE ใส ใน Shopee : https://s.shopee.co.th/3VaJzIXMhD : https://s.shopee.co.th/3VaJzM9gLU ถุง PP ร้อน หนา ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSkKMNv5n/ ถุง PP ร้อน หนา ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/zRdVepM https://th.shp.ee/T8nPT9T ถุง PP ร้อน บาง ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSkoLWAJF/ ถุง PP ร้อน บาง ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/5V7ABL2 https://th.shp.ee/B15dBiC 😍ร้านกินจุ๊บจิ๊บ ถุงดีมีกำไร ส่งไว ได้คุณภาพ😍 🌶️♨️⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าและเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8yDIw0654gK&_r=1 เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ถุงหนาตราปู #ถุงเย็น #ถุงร้อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “เสียงสะท้อนจากสังคมอเมริกัน — การพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายอาจไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด”

    แม้การพนันกีฬาจะถูกกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2018 หลังคำตัดสินของศาลสูง แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research Center ในปี 2025 กลับสะท้อนมุมมองที่เปลี่ยนไปของประชาชน โดยมีจำนวนผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมาย “เป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม” เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2022 เป็น 43% ในปี 2025 และมองว่า “เป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา” เพิ่มจาก 33% เป็น 40%

    แม้จะมีการเติบโตของตลาดการพนันกีฬา โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ แต่จำนวนผู้ที่ลงเดิมพันจริงกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดย 22% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่าเคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 19% ในปี 2022 และที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจาก “การเดิมพันออนไลน์” เท่านั้น

    กลุ่มที่มีแนวโน้มเดิมพันมากที่สุดคือคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม และกลุ่มคนผิวดำและฮิสแปนิก ซึ่งมีอัตราการเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุดเช่นกัน เช่น ชายอายุต่ำกว่า 30 ปีที่เคยมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีมีสัดส่วนเพิ่มจาก 22% เป็น 47% ในเวลาเพียง 3 ปี

    แม้การพนันกีฬาจะสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการเสพติดการพนัน การละเมิดกฎในวงการกีฬา และผลกระทบต่อความโปร่งใสของการแข่งขัน ซึ่งในช่วงหลังมีกรณีที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนันมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    43% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายเป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม
    40% มองว่าเป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2022
    22% ของผู้ใหญ่เคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2022
    การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากการเดิมพันออนไลน์ ซึ่งเพิ่มจาก 6% เป็น 10%
    กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม มีอัตราการเดิมพันสูงที่สุด
    คนผิวดำและฮิสแปนิกมีแนวโน้มเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่น
    กลุ่มคนหนุ่มสาวเปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุด
    การพนันกีฬาถูกกฎหมายใน 38 รัฐ รวมถึง D.C. และเปอร์โตริโก
    การโฆษณาเกี่ยวกับการพนันกีฬาเพิ่มขึ้นในรายการถ่ายทอดสดกีฬา
    การพนันกีฬาสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การพนันกีฬาในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วหลังคำตัดสินของศาลสูงในปี 2018
    การเดิมพันออนไลน์มีความสะดวกและเข้าถึงง่าย ทำให้เป็นช่องทางหลักของผู้เล่น
    หลายรัฐใช้รายได้จากการพนันเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุข
    นักกีฬาหลายคนถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนัน เช่น NFL และ NCAA
    การเสพติดการพนันเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในสหรัฐฯ

    https://www.pewresearch.org/short-reads/2025/10/02/americans-increasingly-see-legal-sports-betting-as-a-bad-thing-for-society-and-sports/
    🎲 “เสียงสะท้อนจากสังคมอเมริกัน — การพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายอาจไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด” แม้การพนันกีฬาจะถูกกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 2018 หลังคำตัดสินของศาลสูง แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research Center ในปี 2025 กลับสะท้อนมุมมองที่เปลี่ยนไปของประชาชน โดยมีจำนวนผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมาย “เป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม” เพิ่มขึ้นจาก 34% ในปี 2022 เป็น 43% ในปี 2025 และมองว่า “เป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา” เพิ่มจาก 33% เป็น 40% แม้จะมีการเติบโตของตลาดการพนันกีฬา โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์ แต่จำนวนผู้ที่ลงเดิมพันจริงกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดย 22% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่าเคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 19% ในปี 2022 และที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจาก “การเดิมพันออนไลน์” เท่านั้น กลุ่มที่มีแนวโน้มเดิมพันมากที่สุดคือคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม และกลุ่มคนผิวดำและฮิสแปนิก ซึ่งมีอัตราการเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุดเช่นกัน เช่น ชายอายุต่ำกว่า 30 ปีที่เคยมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีมีสัดส่วนเพิ่มจาก 22% เป็น 47% ในเวลาเพียง 3 ปี แม้การพนันกีฬาจะสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการเสพติดการพนัน การละเมิดกฎในวงการกีฬา และผลกระทบต่อความโปร่งใสของการแข่งขัน ซึ่งในช่วงหลังมีกรณีที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนันมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ 43% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มองว่าการพนันกีฬาแบบถูกกฎหมายเป็นสิ่งไม่ดีต่อสังคม ➡️ 40% มองว่าเป็นสิ่งไม่ดีต่อกีฬา เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2022 ➡️ 22% ของผู้ใหญ่เคยเดิมพันกีฬาในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2022 ➡️ การเพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากการเดิมพันออนไลน์ ซึ่งเพิ่มจาก 6% เป็น 10% ➡️ กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเฉพาะชายหนุ่ม มีอัตราการเดิมพันสูงที่สุด ➡️ คนผิวดำและฮิสแปนิกมีแนวโน้มเดิมพันสูงกว่ากลุ่มอื่น ➡️ กลุ่มคนหนุ่มสาวเปลี่ยนมุมมองต่อการพนันกีฬาไปในทางลบมากที่สุด ➡️ การพนันกีฬาถูกกฎหมายใน 38 รัฐ รวมถึง D.C. และเปอร์โตริโก ➡️ การโฆษณาเกี่ยวกับการพนันกีฬาเพิ่มขึ้นในรายการถ่ายทอดสดกีฬา ➡️ การพนันกีฬาสร้างรายได้ให้รัฐและผู้ประกอบการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การพนันกีฬาในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วหลังคำตัดสินของศาลสูงในปี 2018 ➡️ การเดิมพันออนไลน์มีความสะดวกและเข้าถึงง่าย ทำให้เป็นช่องทางหลักของผู้เล่น ➡️ หลายรัฐใช้รายได้จากการพนันเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุข ➡️ นักกีฬาหลายคนถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการพนัน เช่น NFL และ NCAA ➡️ การเสพติดการพนันเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในสหรัฐฯ https://www.pewresearch.org/short-reads/2025/10/02/americans-increasingly-see-legal-sports-betting-as-a-bad-thing-for-society-and-sports/
    WWW.PEWRESEARCH.ORG
    Americans increasingly see legal sports betting as a bad thing for society and sports
    Today, 43% of U.S. adults say the fact that sports betting is now legal in much of the country is a bad thing for society, up from 34% in 2022.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำมีในเกือบทุกๆวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันมือถือคือตย.ที่ดี.

    https://youtube.com/shorts/kNiFzqt7eKk?si=EEDvZKB_yGCMlw-o
    ทองคำมีในเกือบทุกๆวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันมือถือคือตย.ที่ดี. https://youtube.com/shorts/kNiFzqt7eKk?si=EEDvZKB_yGCMlw-o
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GIMP 3.0.6 มาแล้ว! รองรับแปรง Photoshop ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบสำหรับสายกราฟิก”

    GIMP 3.0.6 เวอร์ชันล่าสุดของโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สชื่อดัง ได้เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งสำคัญ ทั้งในด้านการรองรับแปรง Photoshop (.ABR), การจัดการพาเลตสี, การส่งออก SVG และการใช้งานฟิลเตอร์แบบไม่ทำลายภาพ (non-destructive filters)

    หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือการเพิ่ม toggle ในหน้าต่าง Brushes และ Fonts เพื่อให้พรีวิวของแปรงและฟอนต์สามารถปรับตามธีมสีของโปรแกรมได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับค่า alpha, การนำเข้า ACB palettes แบบ CMYK และ Lab ได้ดีขึ้น รวมถึงการกรองรูปแบบไฟล์พาเลตในหน้าต่างนำเข้า

    GIMP 3.0.6 ยังปรับปรุงการใช้งานฟิลเตอร์ให้มีความไวต่อบริบทมากขึ้น เช่น ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่สามารถใช้แบบ non-destructive ได้โดยอัตโนมัติ และเพิ่มความสามารถในการใช้ฟิลเตอร์กับช่องสีแบบไม่ทำลายภาพ

    ด้านการใช้งานทั่วไปก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การซูมใน grid และ list view ด้วย scroll หรือ gesture, การแสดง undo สำหรับการล็อกเนื้อหา, การปรับขนาดภาพให้ตรงกับเลเยอร์โดยไม่สนใจ selection, และการแก้ไขการสร้าง layer mask ให้มีความทึบเต็มเมื่อไม่มี alpha

    เครื่องมือ Text ก็ได้รับการปรับปรุงให้เปลี่ยนสีเฉพาะเมื่อผู้ใช้ยืนยันเท่านั้น ส่วนเครื่องมือ Transform ก็สามารถ preview แบบ multi-layer ได้แล้ว และเครื่องมือ Foreground Selection จะไม่สร้าง selection หากไม่มีการวาด stroke

    ปลั๊กอินต่าง ๆ ก็ได้รับการอัปเดต เช่น Print plug-in ที่มีหน้าต่างปรับแต่งใหม่สำหรับ Flatpak/Snap, Jigsaw plug-in ที่สามารถวาดบนเลเยอร์โปร่งใสได้, และ Sphere Designer ที่เปลี่ยนมาใช้ spin scale

    รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลายมากขึ้น เช่น JPEG 2000, TIFF, DDS, SVG, PSP, ICNS, DICOM, WBMP, Farbfeld, XWD และ ILBM รวมถึงการส่งออกไฟล์ FITS และ C Source/HTML แบบ non-interactive

    ในส่วนของ GUI มีการปรับปรุงการซูมพรีวิวข้อมูล, การตั้งชื่อที่สอดคล้องกันมากขึ้น, การจัดการหน้าต่าง และการปรับ CSS เพื่อให้สไตล์อินเทอร์เฟซดูดีขึ้น

    GIMP 3.0.6 พร้อมให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ AppImage, Flatpak และ source tarball สำหรับผู้ที่ต้องการคอมไพล์เอง โดย AppImage เวอร์ชันนี้สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak มีการปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS รวมถึงมี nightly build สำหรับ AArch64 แล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    GIMP 3.0.6 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025
    รองรับแปรง Photoshop (.ABR) ได้ดีขึ้น
    เพิ่ม toggle ให้พรีวิวแปรงและฟอนต์ปรับตามธีมสี
    ปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับ alpha และ ACB palettes แบบ CMYK/Lab
    ฟิลเตอร์สามารถใช้แบบ non-destructive กับช่องสีได้
    ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่รองรับแบบ non-destructive โดยอัตโนมัติ
    ปรับปรุงการซูมใน grid/list view ด้วย scroll และ gesture
    เครื่องมือ Text และ Transform ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานแม่นยำขึ้น
    ปลั๊กอิน Print, Jigsaw, Sphere Designer ได้รับการอัปเดต
    รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลาย เช่น JPEG 2000, TIFF, SVG, ICNS
    ส่งออกไฟล์ FITS และ HTML/C Source แบบ non-interactive ได้
    GUI ปรับปรุงการซูมพรีวิว, การตั้งชื่อ, การจัดการหน้าต่าง และ CSS
    AppImage สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak ปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS
    มี nightly build สำหรับ AArch64 พร้อมให้ใช้งาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GIMP เป็นโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สที่ใช้แทน Photoshop ได้ในหลายกรณี
    PhotoGIMP เป็นแพตช์ที่ปรับ GIMP ให้มีอินเทอร์เฟซคล้าย Photoshop มากขึ้น
    Flatpak เป็นระบบติดตั้งแอปแบบ sandbox ที่นิยมใน Linux
    AppImage เป็นไฟล์รันตรงที่ไม่ต้องติดตั้ง เหมาะกับผู้ใช้ Linux ทุก distro
    GIMP 3.0 ใช้ GTK3 และรองรับ Wayland, HiDPI, และ multi-layer selection

    https://9to5linux.com/gimp-3-0-6-is-now-available-for-download-with-improved-photoshop-brush-support
    🖌️ “GIMP 3.0.6 มาแล้ว! รองรับแปรง Photoshop ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบสำหรับสายกราฟิก” GIMP 3.0.6 เวอร์ชันล่าสุดของโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สชื่อดัง ได้เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งสำคัญ ทั้งในด้านการรองรับแปรง Photoshop (.ABR), การจัดการพาเลตสี, การส่งออก SVG และการใช้งานฟิลเตอร์แบบไม่ทำลายภาพ (non-destructive filters) หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือการเพิ่ม toggle ในหน้าต่าง Brushes และ Fonts เพื่อให้พรีวิวของแปรงและฟอนต์สามารถปรับตามธีมสีของโปรแกรมได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับค่า alpha, การนำเข้า ACB palettes แบบ CMYK และ Lab ได้ดีขึ้น รวมถึงการกรองรูปแบบไฟล์พาเลตในหน้าต่างนำเข้า GIMP 3.0.6 ยังปรับปรุงการใช้งานฟิลเตอร์ให้มีความไวต่อบริบทมากขึ้น เช่น ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่สามารถใช้แบบ non-destructive ได้โดยอัตโนมัติ และเพิ่มความสามารถในการใช้ฟิลเตอร์กับช่องสีแบบไม่ทำลายภาพ ด้านการใช้งานทั่วไปก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การซูมใน grid และ list view ด้วย scroll หรือ gesture, การแสดง undo สำหรับการล็อกเนื้อหา, การปรับขนาดภาพให้ตรงกับเลเยอร์โดยไม่สนใจ selection, และการแก้ไขการสร้าง layer mask ให้มีความทึบเต็มเมื่อไม่มี alpha เครื่องมือ Text ก็ได้รับการปรับปรุงให้เปลี่ยนสีเฉพาะเมื่อผู้ใช้ยืนยันเท่านั้น ส่วนเครื่องมือ Transform ก็สามารถ preview แบบ multi-layer ได้แล้ว และเครื่องมือ Foreground Selection จะไม่สร้าง selection หากไม่มีการวาด stroke ปลั๊กอินต่าง ๆ ก็ได้รับการอัปเดต เช่น Print plug-in ที่มีหน้าต่างปรับแต่งใหม่สำหรับ Flatpak/Snap, Jigsaw plug-in ที่สามารถวาดบนเลเยอร์โปร่งใสได้, และ Sphere Designer ที่เปลี่ยนมาใช้ spin scale รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลายมากขึ้น เช่น JPEG 2000, TIFF, DDS, SVG, PSP, ICNS, DICOM, WBMP, Farbfeld, XWD และ ILBM รวมถึงการส่งออกไฟล์ FITS และ C Source/HTML แบบ non-interactive ในส่วนของ GUI มีการปรับปรุงการซูมพรีวิวข้อมูล, การตั้งชื่อที่สอดคล้องกันมากขึ้น, การจัดการหน้าต่าง และการปรับ CSS เพื่อให้สไตล์อินเทอร์เฟซดูดีขึ้น GIMP 3.0.6 พร้อมให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ AppImage, Flatpak และ source tarball สำหรับผู้ที่ต้องการคอมไพล์เอง โดย AppImage เวอร์ชันนี้สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak มีการปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS รวมถึงมี nightly build สำหรับ AArch64 แล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ GIMP 3.0.6 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วในเดือนตุลาคม 2025 ➡️ รองรับแปรง Photoshop (.ABR) ได้ดีขึ้น ➡️ เพิ่ม toggle ให้พรีวิวแปรงและฟอนต์ปรับตามธีมสี ➡️ ปรับปรุงการนำเข้าพาเลตสี เช่น รองรับ alpha และ ACB palettes แบบ CMYK/Lab ➡️ ฟิลเตอร์สามารถใช้แบบ non-destructive กับช่องสีได้ ➡️ ปิดการใช้งานฟิลเตอร์ที่ไม่รองรับแบบ non-destructive โดยอัตโนมัติ ➡️ ปรับปรุงการซูมใน grid/list view ด้วย scroll และ gesture ➡️ เครื่องมือ Text และ Transform ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานแม่นยำขึ้น ➡️ ปลั๊กอิน Print, Jigsaw, Sphere Designer ได้รับการอัปเดต ➡️ รองรับการนำเข้าไฟล์ภาพหลากหลาย เช่น JPEG 2000, TIFF, SVG, ICNS ➡️ ส่งออกไฟล์ FITS และ HTML/C Source แบบ non-interactive ได้ ➡️ GUI ปรับปรุงการซูมพรีวิว, การตั้งชื่อ, การจัดการหน้าต่าง และ CSS ➡️ AppImage สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Flatpak ปรับปรุงระบบแคชด้วย ORAS ➡️ มี nightly build สำหรับ AArch64 พร้อมให้ใช้งาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GIMP เป็นโปรแกรมแต่งภาพโอเพ่นซอร์สที่ใช้แทน Photoshop ได้ในหลายกรณี ➡️ PhotoGIMP เป็นแพตช์ที่ปรับ GIMP ให้มีอินเทอร์เฟซคล้าย Photoshop มากขึ้น ➡️ Flatpak เป็นระบบติดตั้งแอปแบบ sandbox ที่นิยมใน Linux ➡️ AppImage เป็นไฟล์รันตรงที่ไม่ต้องติดตั้ง เหมาะกับผู้ใช้ Linux ทุก distro ➡️ GIMP 3.0 ใช้ GTK3 และรองรับ Wayland, HiDPI, และ multi-layer selection https://9to5linux.com/gimp-3-0-6-is-now-available-for-download-with-improved-photoshop-brush-support
    9TO5LINUX.COM
    GIMP 3.0.6 Is Now Available for Download with Improved Photoshop Brush Support - 9to5Linux
    GIMP 3.0.6 open-source image editor is now available for download with improved Photoshop brush support and many other changes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกระทรวงแรงงานฯกัมพูชา อ้างว่าพวกฝ่ายต่อต้านในต่างแดน บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการประท้วงของแรงงานของบริษัททาราล พร้อมประณามมันว่ามีเจตนายุยงปลุกปั่นกัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และทำลายรัฐบาล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095268

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    โฆษกกระทรวงแรงงานฯกัมพูชา อ้างว่าพวกฝ่ายต่อต้านในต่างแดน บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการประท้วงของแรงงานของบริษัททาราล พร้อมประณามมันว่ามีเจตนายุยงปลุกปั่นกัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และทำลายรัฐบาล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095268 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัปเดต iPhone ไม่ผ่าน? วิธีแก้แบบไม่เสียข้อมูล พร้อมเทคนิคป้องกันล่วงหน้า”

    หลายคนเคยเจอเหตุการณ์กดอัปเดต iOS แล้วเครื่องค้างขึ้นข้อความ “Update Failed” หรือ “Unable to Install Update” ซึ่งสร้างความหงุดหงิดไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อกลัวว่าจะสูญเสียภาพถ่าย แชต หรือข้อมูลงานสำคัญ บทความนี้จึงรวบรวมวิธีแก้ปัญหา “iPhone Software Update Failed” แบบไม่ต้องล้างเครื่อง พร้อมคำแนะนำป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

    สาเหตุหลักของการอัปเดตไม่ผ่านมักมาจากพื้นที่เก็บข้อมูลไม่พอ, อินเทอร์เน็ตไม่เสถียร, แบตเตอรี่ต่ำ, ไฟล์เฟิร์มแวร์เสีย, เครื่องเจลเบรก หรือแม้แต่ปัญหาฮาร์ดแวร์บางกรณี เช่น หน่วยความจำเสียหาย

    ก่อนเริ่มแก้ไข ควรสำรองข้อมูลผ่าน iCloud หรือ Finder/iTunes เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายหากต้องใช้วิธีที่เสี่ยง เช่น Recovery Mode

    วิธีแก้เบื้องต้น ได้แก่:
    รีสตาร์ทหรือ Force Restart เครื่อง
    ลบไฟล์อัปเดตที่เสียจาก Settings > General > iPhone Storage
    รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย
    เชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC แล้วอัปเดตผ่าน Finder หรือ iTunes โดยไม่ล้างข้อมูล

    หากยังไม่สำเร็จ สามารถใช้เครื่องมือซ่อมระบบ iOS เช่น Wondershare Dr.Fone – System Repair ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้กว่า 150 รูปแบบ เช่น ค้างโลโก้ Apple, หน้าจอขาว, boot loop โดยใช้ “Standard Mode” ที่ไม่ลบข้อมูล

    นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำป้องกันล่วงหน้า เช่น:
    เคลียร์พื้นที่ให้ว่าง 5–6 GB ก่อนอัปเดต
    หลีกเลี่ยง Wi-Fi ที่ไม่เสถียร
    ชาร์จแบตให้เกิน 50%
    หลีกเลี่ยงการเจลเบรก
    ล้างแคชและลบแอปที่ไม่จำเป็น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ปัญหา “iPhone Software Update Failed” เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พื้นที่ไม่พอ, อินเทอร์เน็ตไม่เสถียร, แบตต่ำ
    ข้อความที่พบบ่อย ได้แก่ “Update Failed”, “Unable to Install Update”, “Error 4013/4014”
    การสำรองข้อมูลก่อนแก้ไขเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการสูญหาย
    วิธีแก้เบื้องต้น ได้แก่ รีสตาร์ท, ลบไฟล์อัปเดต, รีเซ็ตเครือข่าย
    การอัปเดตผ่าน Finder/iTunes ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาบนเครื่อง
    Wondershare Dr.Fone – System Repair สามารถแก้ปัญหาโดยไม่ลบข้อมูล
    รองรับ iOS 26 และ iPhone 17 series
    ใช้ “Standard Mode” เพื่อรักษาข้อมูลไว้
    สามารถดาวน์เกรด iOS, เข้า/ออก Recovery/DFU Mode และแก้ปัญหา iTunes ได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การอัปเดตผ่านคอมพิวเตอร์มักเสถียรกว่า OTA เพราะไม่ขึ้นกับ Wi-Fi
    iOS ต้องใช้พื้นที่มากกว่าขนาดไฟล์อัปเดตจริงเพื่อการแตกไฟล์และตรวจสอบ
    Recovery Mode สามารถใช้ “Update” แทน “Restore” เพื่อรักษาข้อมูล
    เครื่องมืออย่าง iToolab FixGo ก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ลบข้อมูล
    การใช้ VPN หรือ DNS ที่บล็อกเซิร์ฟเวอร์ของ Apple อาจทำให้การอัปเดตล้มเหลว

    https://hackread.com/iphone-software-update-failed-fix-without-data-loss/
    📱 “อัปเดต iPhone ไม่ผ่าน? วิธีแก้แบบไม่เสียข้อมูล พร้อมเทคนิคป้องกันล่วงหน้า” หลายคนเคยเจอเหตุการณ์กดอัปเดต iOS แล้วเครื่องค้างขึ้นข้อความ “Update Failed” หรือ “Unable to Install Update” ซึ่งสร้างความหงุดหงิดไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อกลัวว่าจะสูญเสียภาพถ่าย แชต หรือข้อมูลงานสำคัญ บทความนี้จึงรวบรวมวิธีแก้ปัญหา “iPhone Software Update Failed” แบบไม่ต้องล้างเครื่อง พร้อมคำแนะนำป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ สาเหตุหลักของการอัปเดตไม่ผ่านมักมาจากพื้นที่เก็บข้อมูลไม่พอ, อินเทอร์เน็ตไม่เสถียร, แบตเตอรี่ต่ำ, ไฟล์เฟิร์มแวร์เสีย, เครื่องเจลเบรก หรือแม้แต่ปัญหาฮาร์ดแวร์บางกรณี เช่น หน่วยความจำเสียหาย ก่อนเริ่มแก้ไข ควรสำรองข้อมูลผ่าน iCloud หรือ Finder/iTunes เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายหากต้องใช้วิธีที่เสี่ยง เช่น Recovery Mode วิธีแก้เบื้องต้น ได้แก่: 🔰 รีสตาร์ทหรือ Force Restart เครื่อง 🔰 ลบไฟล์อัปเดตที่เสียจาก Settings > General > iPhone Storage 🔰 รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย 🔰 เชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC แล้วอัปเดตผ่าน Finder หรือ iTunes โดยไม่ล้างข้อมูล หากยังไม่สำเร็จ สามารถใช้เครื่องมือซ่อมระบบ iOS เช่น Wondershare Dr.Fone – System Repair ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้กว่า 150 รูปแบบ เช่น ค้างโลโก้ Apple, หน้าจอขาว, boot loop โดยใช้ “Standard Mode” ที่ไม่ลบข้อมูล นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำป้องกันล่วงหน้า เช่น: 🔰 เคลียร์พื้นที่ให้ว่าง 5–6 GB ก่อนอัปเดต 🔰 หลีกเลี่ยง Wi-Fi ที่ไม่เสถียร 🔰 ชาร์จแบตให้เกิน 50% 🔰 หลีกเลี่ยงการเจลเบรก 🔰 ล้างแคชและลบแอปที่ไม่จำเป็น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ปัญหา “iPhone Software Update Failed” เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พื้นที่ไม่พอ, อินเทอร์เน็ตไม่เสถียร, แบตต่ำ ➡️ ข้อความที่พบบ่อย ได้แก่ “Update Failed”, “Unable to Install Update”, “Error 4013/4014” ➡️ การสำรองข้อมูลก่อนแก้ไขเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการสูญหาย ➡️ วิธีแก้เบื้องต้น ได้แก่ รีสตาร์ท, ลบไฟล์อัปเดต, รีเซ็ตเครือข่าย ➡️ การอัปเดตผ่าน Finder/iTunes ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาบนเครื่อง ➡️ Wondershare Dr.Fone – System Repair สามารถแก้ปัญหาโดยไม่ลบข้อมูล ➡️ รองรับ iOS 26 และ iPhone 17 series ➡️ ใช้ “Standard Mode” เพื่อรักษาข้อมูลไว้ ➡️ สามารถดาวน์เกรด iOS, เข้า/ออก Recovery/DFU Mode และแก้ปัญหา iTunes ได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การอัปเดตผ่านคอมพิวเตอร์มักเสถียรกว่า OTA เพราะไม่ขึ้นกับ Wi-Fi ➡️ iOS ต้องใช้พื้นที่มากกว่าขนาดไฟล์อัปเดตจริงเพื่อการแตกไฟล์และตรวจสอบ ➡️ Recovery Mode สามารถใช้ “Update” แทน “Restore” เพื่อรักษาข้อมูล ➡️ เครื่องมืออย่าง iToolab FixGo ก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ลบข้อมูล ➡️ การใช้ VPN หรือ DNS ที่บล็อกเซิร์ฟเวอร์ของ Apple อาจทำให้การอัปเดตล้มเหลว https://hackread.com/iphone-software-update-failed-fix-without-data-loss/
    HACKREAD.COM
    iPhone Software Update Failed? Here’s How to Fix It Without Data Loss
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว