• 'ผู้ว่าฯ กกท.' ลั่น! 'ไม่ได้สนับสนุนสมาคมเปตองชุดที่ถูกลงโทษ หลังโดนแบนห้ามจัดแข่งในซีเกมส์
    https://www.thai-tai.tv/news/21595/
    .
    #ไทยไท #กกท #ซีเกมส์2025 #เปตอง #ข่าววันนี้ #ก้องศักด_ยอดมณี
    'ผู้ว่าฯ กกท.' ลั่น! 'ไม่ได้สนับสนุนสมาคมเปตองชุดที่ถูกลงโทษ หลังโดนแบนห้ามจัดแข่งในซีเกมส์ https://www.thai-tai.tv/news/21595/ . #ไทยไท #กกท #ซีเกมส์2025 #เปตอง #ข่าววันนี้ #ก้องศักด_ยอดมณี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ชีวิตอันวาร์ นายกฯประตูหลัง คุ้นชินกับการแทงประตูหลัง มารับบทคนกลาง ก็ยังติดสันดานเดิม ใครเผลอเป็นโดนแทงข้างหลัง
    #7ดอกจิก
    ♣ ชีวิตอันวาร์ นายกฯประตูหลัง คุ้นชินกับการแทงประตูหลัง มารับบทคนกลาง ก็ยังติดสันดานเดิม ใครเผลอเป็นโดนแทงข้างหลัง #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • “EU เรียกสอบ Apple, Google, Microsoft และ Booking — หวั่นแพลตฟอร์มกลายเป็นแหล่งหลอกลวงการเงิน”

    เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2025 สหภาพยุโรป (EU) ได้ส่งคำร้องขอข้อมูลอย่างเป็นทางการไปยังบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ได้แก่ Apple, Google, Microsoft และ Booking.com เพื่อสอบถามว่าแต่ละบริษัทมีมาตรการอย่างไรในการป้องกันการหลอกลวงทางการเงินบนแพลตฟอร์มของตน ภายใต้กฎหมาย Digital Services Act (DSA) ซึ่งเป็นกฎหมายหลักของ EU ที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาผิดกฎหมายและการใช้งานที่เป็นอันตราย

    EU กังวลว่า App Store และ Google Play อาจถูกใช้สร้างแอปปลอมที่แอบอ้างเป็นบริการธนาคารจริง หรือว่า Bing และ Booking อาจเผยแพร่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์หลอกลวง เช่น การจองที่พักปลอมหรือการเสนอธุรกรรมที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในยุคที่ AI ทำให้การสร้างเนื้อหาหลอกลวงมีความแนบเนียนและแพร่กระจายได้รวดเร็ว

    แม้คำร้องนี้จะยังไม่ใช่การเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็น “ขั้นตอนสำคัญ” ที่อาจนำไปสู่การตรวจสอบภายใต้ DSA และมีโอกาสถูกปรับสูงสุดถึง 6% ของรายได้ทั่วโลก หากพบว่าบริษัทไม่สามารถควบคุมเนื้อหาหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    บริษัทต่าง ๆ ได้ตอบสนองต่อคำร้องนี้ เช่น Google ระบุว่าได้บล็อกผลการค้นหาที่เป็นสแกมหลายร้อยล้านรายการต่อวัน ส่วน Booking เปิดเผยว่าระหว่างปี 2023–2024 ได้ลดจำนวนการจองปลอมจาก 1.5 ล้านรายการเหลือเพียง 250,000 รายการ

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดี Donald Trump ขู่ว่าจะใช้มาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ หากเห็นว่า EU ตั้งเป้าหมายเล่นงานบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันอย่างไม่เป็นธรรม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/24/eu-queries-apple-google-microsoft-over-financial-scams
    🌐 “EU เรียกสอบ Apple, Google, Microsoft และ Booking — หวั่นแพลตฟอร์มกลายเป็นแหล่งหลอกลวงการเงิน” เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2025 สหภาพยุโรป (EU) ได้ส่งคำร้องขอข้อมูลอย่างเป็นทางการไปยังบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ได้แก่ Apple, Google, Microsoft และ Booking.com เพื่อสอบถามว่าแต่ละบริษัทมีมาตรการอย่างไรในการป้องกันการหลอกลวงทางการเงินบนแพลตฟอร์มของตน ภายใต้กฎหมาย Digital Services Act (DSA) ซึ่งเป็นกฎหมายหลักของ EU ที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาผิดกฎหมายและการใช้งานที่เป็นอันตราย EU กังวลว่า App Store และ Google Play อาจถูกใช้สร้างแอปปลอมที่แอบอ้างเป็นบริการธนาคารจริง หรือว่า Bing และ Booking อาจเผยแพร่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์หลอกลวง เช่น การจองที่พักปลอมหรือการเสนอธุรกรรมที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในยุคที่ AI ทำให้การสร้างเนื้อหาหลอกลวงมีความแนบเนียนและแพร่กระจายได้รวดเร็ว แม้คำร้องนี้จะยังไม่ใช่การเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็น “ขั้นตอนสำคัญ” ที่อาจนำไปสู่การตรวจสอบภายใต้ DSA และมีโอกาสถูกปรับสูงสุดถึง 6% ของรายได้ทั่วโลก หากพบว่าบริษัทไม่สามารถควบคุมเนื้อหาหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทต่าง ๆ ได้ตอบสนองต่อคำร้องนี้ เช่น Google ระบุว่าได้บล็อกผลการค้นหาที่เป็นสแกมหลายร้อยล้านรายการต่อวัน ส่วน Booking เปิดเผยว่าระหว่างปี 2023–2024 ได้ลดจำนวนการจองปลอมจาก 1.5 ล้านรายการเหลือเพียง 250,000 รายการ การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดี Donald Trump ขู่ว่าจะใช้มาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ หากเห็นว่า EU ตั้งเป้าหมายเล่นงานบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันอย่างไม่เป็นธรรม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/24/eu-queries-apple-google-microsoft-over-financial-scams
    WWW.THESTAR.COM.MY
    EU queries Apple, Google, Microsoft over financial scams
    The European Union on Sept 23 demanded Big Tech players including Apple and Google explain what action they are taking against financial scams online, as Brussels seeks to show it is not shying away from enforcing its rules.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Amazon ปิดร้าน Fresh ทั้งหมดในอังกฤษ — เทคโนโลยี ‘เดินออกได้เลย’ ไม่เวิร์กในโลกจริง พร้อมหันหน้าสู่ออนไลน์เต็มตัว”

    หลังจากเปิดตัวอย่างฮือฮาในปี 2021 ด้วยร้านค้าปลีกที่ไม่ต้องจ่ายเงินหน้าร้าน Amazon ประกาศปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยจะเปลี่ยน 5 สาขาให้กลายเป็นร้าน Whole Foods Market และย้ายจุดโฟกัสไปที่การขายของชำผ่านช่องทางออนไลน์

    ร้าน Amazon Fresh เคยเป็นต้นแบบของ “Just Walk Out” — ระบบที่ใช้ AI, กล้อง และเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับสินค้าที่ลูกค้าหยิบ แล้วคิดเงินผ่านแอปโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์ แต่ในทางปฏิบัติ ระบบกลับมีปัญหา เช่น การคิดเงินผิดเมื่อผู้ใช้วางสินค้ากลับบนชั้น หรือการเข้าร้านที่ต้องใช้สมาร์ตโฟน ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุหรือผู้ไม่มีแอปไม่สามารถเข้าใช้บริการได้

    Amazon ระบุว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากการประเมินธุรกิจอย่างรอบด้าน และพบว่าโอกาสเติบโตในตลาดออนไลน์ยังมีมหาศาล โดยเฉพาะการร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff รวมถึงแผนเปิดบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า

    แม้จะปิดร้าน แต่ Amazon ยืนยันว่าจะยังลงทุนในสหราชอาณาจักรต่อไป โดยมีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton ซึ่งจะสร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง และเพิ่มจำนวนสมาชิก Prime ที่เข้าถึงบริการของชำให้มากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Amazon ปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักร
    5 สาขาจะถูกเปลี่ยนเป็นร้าน Whole Foods Market
    ระบบ “Just Walk Out” ใช้ AI และกล้องในการคิดเงินโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์
    ปัญหาหลักคือระบบคิดเงินผิด และการเข้าร้านที่ยุ่งยากสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน
    Amazon จะขยายบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า
    ร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff เพื่อเพิ่มช่องทางขายของชำ
    มีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton สร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Amazon ซื้อกิจการ Whole Foods Market ในปี 2017 ด้วยมูลค่า $13.7 พันล้าน
    ร้าน Amazon Fresh ในอังกฤษเปิดตัวครั้งแรกใน Ealing ปี 2021
    เทคโนโลยี “Just Walk Out” เคยถูกใช้ในร้าน Amazon Go ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2018
    Amazon มีพนักงานกว่า 75,000 คนในสหราชอาณาจักร และลงทุนเพิ่มอีก £40 พันล้านใน 3 ปี
    ผู้เชี่ยวชาญมองว่าร้าน Amazon Fresh เป็น “ความพยายามที่แปลกใหม่แต่ไม่ยั่งยืน”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/23/amazoncom-to-close-all-of-its-amazon-fresh-uk-stores
    🏪 “Amazon ปิดร้าน Fresh ทั้งหมดในอังกฤษ — เทคโนโลยี ‘เดินออกได้เลย’ ไม่เวิร์กในโลกจริง พร้อมหันหน้าสู่ออนไลน์เต็มตัว” หลังจากเปิดตัวอย่างฮือฮาในปี 2021 ด้วยร้านค้าปลีกที่ไม่ต้องจ่ายเงินหน้าร้าน Amazon ประกาศปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยจะเปลี่ยน 5 สาขาให้กลายเป็นร้าน Whole Foods Market และย้ายจุดโฟกัสไปที่การขายของชำผ่านช่องทางออนไลน์ ร้าน Amazon Fresh เคยเป็นต้นแบบของ “Just Walk Out” — ระบบที่ใช้ AI, กล้อง และเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับสินค้าที่ลูกค้าหยิบ แล้วคิดเงินผ่านแอปโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์ แต่ในทางปฏิบัติ ระบบกลับมีปัญหา เช่น การคิดเงินผิดเมื่อผู้ใช้วางสินค้ากลับบนชั้น หรือการเข้าร้านที่ต้องใช้สมาร์ตโฟน ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุหรือผู้ไม่มีแอปไม่สามารถเข้าใช้บริการได้ Amazon ระบุว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากการประเมินธุรกิจอย่างรอบด้าน และพบว่าโอกาสเติบโตในตลาดออนไลน์ยังมีมหาศาล โดยเฉพาะการร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff รวมถึงแผนเปิดบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า แม้จะปิดร้าน แต่ Amazon ยืนยันว่าจะยังลงทุนในสหราชอาณาจักรต่อไป โดยมีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton ซึ่งจะสร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง และเพิ่มจำนวนสมาชิก Prime ที่เข้าถึงบริการของชำให้มากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Amazon ปิดร้าน Amazon Fresh ทั้ง 19 แห่งในสหราชอาณาจักร ➡️ 5 สาขาจะถูกเปลี่ยนเป็นร้าน Whole Foods Market ➡️ ระบบ “Just Walk Out” ใช้ AI และกล้องในการคิดเงินโดยไม่ต้องผ่านแคชเชียร์ ➡️ ปัญหาหลักคือระบบคิดเงินผิด และการเข้าร้านที่ยุ่งยากสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน ➡️ Amazon จะขยายบริการส่งของสดแบบ same-day ผ่าน Amazon.co.uk ในปีหน้า ➡️ ร่วมมือกับ Morrisons, Co-op, Iceland และ Gopuff เพื่อเพิ่มช่องทางขายของชำ ➡️ มีแผนสร้างคลังสินค้าใหม่ใน Hull และ Northampton สร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Amazon ซื้อกิจการ Whole Foods Market ในปี 2017 ด้วยมูลค่า $13.7 พันล้าน ➡️ ร้าน Amazon Fresh ในอังกฤษเปิดตัวครั้งแรกใน Ealing ปี 2021 ➡️ เทคโนโลยี “Just Walk Out” เคยถูกใช้ในร้าน Amazon Go ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2018 ➡️ Amazon มีพนักงานกว่า 75,000 คนในสหราชอาณาจักร และลงทุนเพิ่มอีก £40 พันล้านใน 3 ปี ➡️ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าร้าน Amazon Fresh เป็น “ความพยายามที่แปลกใหม่แต่ไม่ยั่งยืน” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/23/amazoncom-to-close-all-of-its-amazon-fresh-uk-stores
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon.com to close all of its Amazon Fresh UK stores
    LONDON (Reuters) -Amazon.com said it planned to close all of its 19 Amazon Fresh UK convenience grocery stores, of which five would be converted to its Whole Foods Markets brand, less than five years after it entered the market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI โตเร็วเกินทุน — รายงานชี้ต้องมีรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีถึงจะพอเลี้ยงระบบ แต่ยังขาดอีก $800 พันล้านทั่วโลก”

    รายงานล่าสุดจาก Bain & Company เปิดเผยว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเติบโตเร็วกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้ โดยเฉพาะในด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ รายงานระบุว่าเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านการประมวลผล AI ได้อย่างยั่งยืนภายในปี 2030 โลกจะต้องมีรายได้จาก AI สูงถึง $2 ล้านล้านต่อปี แต่แม้จะมองในแง่ดี ก็ยังขาดอยู่ถึง $800 พันล้าน

    ความต้องการ compute สำหรับ AI ทั้งการฝึกโมเดลและการใช้งานจริง (inference) เติบโตเร็วกว่ากฎของ Moore’s Law ถึง 2 เท่า ทำให้ผู้ให้บริการ data center ต้องขยายระบบแบบ brute-force โดยไม่สามารถพึ่งพาประสิทธิภาพของชิปได้อีกต่อไป คาดว่าภายในปี 2030 ความต้องการพลังงานของ AI จะสูงถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ

    รายงานยังเตือนว่าการขาดแคลน GPU, หน่วยความจำ HBM, และเทคโนโลยี CoWoS จะยังคงเป็นปัญหาไปอีกหลายปี แม้บริษัทใหญ่จะลงทุนมหาศาล เช่น Microsoft ที่เพิ่มงบสร้าง data center ในรัฐวิสคอนซินเป็น $7 พันล้าน หรือ xAI ของ Elon Musk ที่ตั้งเป้าจะใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี

    หากเงินทุนไม่พอ อุตสาหกรรมจะหันไปใช้ระบบที่ให้ผลตอบแทนต่อวัตต์และพื้นที่สูงที่สุด เช่น rack GPU ขนาดใหญ่ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจทำให้ชิประดับ workstation หายากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AI ต้องการรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีเพื่อรองรับการเติบโตภายในปี 2030
    แม้มองในแง่ดี ยังขาดทุนอยู่ $800 พันล้าน
    ความต้องการ compute เติบโตเร็วกว่าประสิทธิภาพชิปถึง 2 เท่า
    คาดว่า AI จะใช้พลังงานถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ
    GPU, HBM, และ CoWoS ยังขาดแคลนต่อเนื่อง
    Microsoft ลงทุน $7 พันล้านใน data center ใหม่ในวิสคอนซิน
    xAI ตั้งเป้าใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี
    ระบบ rack GPU เช่น GB200 NVL72 และ MI300X จะได้รับความสำคัญมากขึ้น
    การประมวลผลที่ edge เช่น laptop ที่มี NPU จะได้รับความนิยมมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Moore’s Law คือหลักการที่ประสิทธิภาพของชิปจะเพิ่มขึ้นทุก 2 ปี แต่เริ่มชะลอตัวแล้ว
    HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่
    CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อชิปที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    Edge AI ช่วยลดค่าใช้จ่ายและ latency โดยไม่ต้องพึ่ง cloud
    Sovereign AI กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติในหลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐฯ และ EU

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/bain-says-compute-demand-is-outpacing-capital
    ⚡ “AI โตเร็วเกินทุน — รายงานชี้ต้องมีรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีถึงจะพอเลี้ยงระบบ แต่ยังขาดอีก $800 พันล้านทั่วโลก” รายงานล่าสุดจาก Bain & Company เปิดเผยว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเติบโตเร็วกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้ โดยเฉพาะในด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ รายงานระบุว่าเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านการประมวลผล AI ได้อย่างยั่งยืนภายในปี 2030 โลกจะต้องมีรายได้จาก AI สูงถึง $2 ล้านล้านต่อปี แต่แม้จะมองในแง่ดี ก็ยังขาดอยู่ถึง $800 พันล้าน ความต้องการ compute สำหรับ AI ทั้งการฝึกโมเดลและการใช้งานจริง (inference) เติบโตเร็วกว่ากฎของ Moore’s Law ถึง 2 เท่า ทำให้ผู้ให้บริการ data center ต้องขยายระบบแบบ brute-force โดยไม่สามารถพึ่งพาประสิทธิภาพของชิปได้อีกต่อไป คาดว่าภายในปี 2030 ความต้องการพลังงานของ AI จะสูงถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ รายงานยังเตือนว่าการขาดแคลน GPU, หน่วยความจำ HBM, และเทคโนโลยี CoWoS จะยังคงเป็นปัญหาไปอีกหลายปี แม้บริษัทใหญ่จะลงทุนมหาศาล เช่น Microsoft ที่เพิ่มงบสร้าง data center ในรัฐวิสคอนซินเป็น $7 พันล้าน หรือ xAI ของ Elon Musk ที่ตั้งเป้าจะใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี หากเงินทุนไม่พอ อุตสาหกรรมจะหันไปใช้ระบบที่ให้ผลตอบแทนต่อวัตต์และพื้นที่สูงที่สุด เช่น rack GPU ขนาดใหญ่ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจทำให้ชิประดับ workstation หายากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AI ต้องการรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีเพื่อรองรับการเติบโตภายในปี 2030 ➡️ แม้มองในแง่ดี ยังขาดทุนอยู่ $800 พันล้าน ➡️ ความต้องการ compute เติบโตเร็วกว่าประสิทธิภาพชิปถึง 2 เท่า ➡️ คาดว่า AI จะใช้พลังงานถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ ➡️ GPU, HBM, และ CoWoS ยังขาดแคลนต่อเนื่อง ➡️ Microsoft ลงทุน $7 พันล้านใน data center ใหม่ในวิสคอนซิน ➡️ xAI ตั้งเป้าใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี ➡️ ระบบ rack GPU เช่น GB200 NVL72 และ MI300X จะได้รับความสำคัญมากขึ้น ➡️ การประมวลผลที่ edge เช่น laptop ที่มี NPU จะได้รับความนิยมมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Moore’s Law คือหลักการที่ประสิทธิภาพของชิปจะเพิ่มขึ้นทุก 2 ปี แต่เริ่มชะลอตัวแล้ว ➡️ HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อชิปที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ Edge AI ช่วยลดค่าใช้จ่ายและ latency โดยไม่ต้องพึ่ง cloud ➡️ Sovereign AI กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติในหลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐฯ และ EU https://www.tomshardware.com/tech-industry/bain-says-compute-demand-is-outpacing-capital
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AI buildouts need $2 trillion in annual revenue to sustain growth, but massive cash shortfall looms — even generous forecasts highlight $800 billion black hole, says report
    A new Bain report says AI buildout will need $2 trillion in annual revenue just to sustain its growth, and the shortfall could keep GPUs scarce and energy grids strained through 2030.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel หยุดสนับสนุนไดรเวอร์เกมแบบ Day Zero สำหรับซีพียูรุ่นใหม่ — iGPU บน Core Gen 11–14 ถูกจัดเข้ากรุ Legacy แล้ว”

    Intel ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะหยุดให้การสนับสนุนไดรเวอร์เกมแบบ “Day Zero” สำหรับกราฟิกในตัว (iGPU) บนซีพียูรุ่นที่ 11 ถึง 14 ซึ่งรวมถึง Raptor Lake Refresh ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2023 โดยจะเปลี่ยนไปใช้โมเดล “Legacy Software Support” แทน หมายความว่า จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป และจะมีเพียงการอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่และบั๊กสำคัญเท่านั้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้ครอบคลุมทั้งซีพียูเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก โดย Intel จะลดความถี่ในการปล่อยอัปเดตจากรายเดือนเหลือรายไตรมาส และยุติการสนับสนุนเกมใหม่ในวันเปิดตัว (Day Zero Game Support) ซึ่งเคยเป็นจุดขายสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเล่นเกมทันทีหลังวางจำหน่าย

    แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกใจผู้ใช้ แต่ Intel ให้เหตุผลว่า ต้องการโฟกัสทรัพยากรไปที่กราฟิกสถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Intel Arc และ Core Ultra ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสูงกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดเกมและ AI

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของ Intel ที่มีการปลดพนักงานกว่า 4,000 คนในสหรัฐฯ และลดการลงทุนในบางส่วนของธุรกิจที่ไม่ทำกำไร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel หยุดสนับสนุน Day Zero Game Driver สำหรับ iGPU บน Core Gen 11–14
    เปลี่ยนไปใช้โมเดล Legacy Software Support — ไม่มีฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป
    จะมีเฉพาะอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่และบั๊กสำคัญ
    ลดความถี่ในการปล่อยอัปเดตจากรายเดือนเหลือรายไตรมาส
    ครอบคลุมทั้งซีพียูเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก
    Intel ต้องการโฟกัสไปที่ Intel Arc และ Core Ultra
    เกิดขึ้นพร้อมกับการปลดพนักงานกว่า 4,000 คนในสหรัฐฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Day Zero Driver คือไดรเวอร์ที่ออกพร้อมวันเปิดตัวเกม เพื่อให้เล่นได้ทันที
    Intel Arc เป็นกราฟิกการ์ดแยกที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Nvidia และ AMD
    Core Ultra ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่รวม NPU สำหรับงาน AI
    ผู้ใช้ที่เล่นเกม AAA มักใช้กราฟิกการ์ดแยกอยู่แล้ว เช่น RTX 2060 หรือ Arc A380
    การเปลี่ยนไปใช้ Legacy Support ไม่ได้ทำให้เครื่องพัง — ยังใช้งานทั่วไปได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/intel-drops-day-zero-game-driver-support-for-chips-released-last-year-last-gen-igpus-on-14th-gen-core-and-older-cpus-already-put-on-the-backburner-of-legacy-software-support
    🧊 “Intel หยุดสนับสนุนไดรเวอร์เกมแบบ Day Zero สำหรับซีพียูรุ่นใหม่ — iGPU บน Core Gen 11–14 ถูกจัดเข้ากรุ Legacy แล้ว” Intel ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะหยุดให้การสนับสนุนไดรเวอร์เกมแบบ “Day Zero” สำหรับกราฟิกในตัว (iGPU) บนซีพียูรุ่นที่ 11 ถึง 14 ซึ่งรวมถึง Raptor Lake Refresh ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2023 โดยจะเปลี่ยนไปใช้โมเดล “Legacy Software Support” แทน หมายความว่า จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป และจะมีเพียงการอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่และบั๊กสำคัญเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ครอบคลุมทั้งซีพียูเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก โดย Intel จะลดความถี่ในการปล่อยอัปเดตจากรายเดือนเหลือรายไตรมาส และยุติการสนับสนุนเกมใหม่ในวันเปิดตัว (Day Zero Game Support) ซึ่งเคยเป็นจุดขายสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเล่นเกมทันทีหลังวางจำหน่าย แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกใจผู้ใช้ แต่ Intel ให้เหตุผลว่า ต้องการโฟกัสทรัพยากรไปที่กราฟิกสถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Intel Arc และ Core Ultra ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสูงกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดเกมและ AI การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของ Intel ที่มีการปลดพนักงานกว่า 4,000 คนในสหรัฐฯ และลดการลงทุนในบางส่วนของธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel หยุดสนับสนุน Day Zero Game Driver สำหรับ iGPU บน Core Gen 11–14 ➡️ เปลี่ยนไปใช้โมเดล Legacy Software Support — ไม่มีฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป ➡️ จะมีเฉพาะอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่และบั๊กสำคัญ ➡️ ลดความถี่ในการปล่อยอัปเดตจากรายเดือนเหลือรายไตรมาส ➡️ ครอบคลุมทั้งซีพียูเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก ➡️ Intel ต้องการโฟกัสไปที่ Intel Arc และ Core Ultra ➡️ เกิดขึ้นพร้อมกับการปลดพนักงานกว่า 4,000 คนในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Day Zero Driver คือไดรเวอร์ที่ออกพร้อมวันเปิดตัวเกม เพื่อให้เล่นได้ทันที ➡️ Intel Arc เป็นกราฟิกการ์ดแยกที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ➡️ Core Ultra ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่รวม NPU สำหรับงาน AI ➡️ ผู้ใช้ที่เล่นเกม AAA มักใช้กราฟิกการ์ดแยกอยู่แล้ว เช่น RTX 2060 หรือ Arc A380 ➡️ การเปลี่ยนไปใช้ Legacy Support ไม่ได้ทำให้เครื่องพัง — ยังใช้งานทั่วไปได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/intel-drops-day-zero-game-driver-support-for-chips-released-last-year-last-gen-igpus-on-14th-gen-core-and-older-cpus-already-put-on-the-backburner-of-legacy-software-support
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Fenghua No.3 GPU จากจีนเปิดตัวแรง — เคลมรองรับ CUDA, Ray Tracing, และมี HBM กว่า 112GB สำหรับ AI ขนาดใหญ่”

    Innosilicon บริษัทผู้ผลิตชิปจากจีนเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ “Fenghua No.3” ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของอุตสาหกรรม GPU ในประเทศ โดยชูจุดเด่นว่าเป็น GPU แบบ “all-function” ที่รองรับทั้งงาน AI, การประมวลผลทางวิทยาศาสตร์, CAD, การแพทย์ และเกม พร้อมเคลมว่า “รองรับ CUDA” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะของ Nvidia — หากเป็นจริง จะถือเป็นครั้งแรกที่ GPU จากจีนสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ที่พัฒนาบน CUDA ได้โดยตรง

    Fenghua No.3 ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบ open-source แทน PowerVR ที่เคยใช้ในรุ่นก่อนหน้า และมีการออกแบบใหม่ทั้งหมดจากภายในประเทศ โดยอ้างว่าใช้เทคโนโลยีจากโครงการ Nanhu V3 ของ OpenCore Institute

    ด้านการเล่นเกม Fenghua No.3 รองรับ API สมัยใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan 1.2 และ OpenGL 4.6 พร้อมฟีเจอร์ Ray Tracing และสามารถรันเกมอย่าง Tomb Raider, Delta Force และ Valorant ได้อย่างลื่นไหลในการสาธิต แม้จะไม่มีข้อมูลเฟรมเรตหรือความละเอียดที่ใช้ในการทดสอบ

    สำหรับงาน AI Fenghua No.3 มาพร้อมหน่วยความจำ HBM มากกว่า 112GB ซึ่งสามารถรันโมเดลขนาด 32B และ 72B ได้ด้วยการ์ดเดียว และสามารถรันโมเดลขนาด 671B และ 685B ได้เมื่อใช้การ์ด 8 ใบร่วมกัน โดยรองรับโมเดล DeepSeek V3, R1, V3.1 และ Qwen 2.5, Qwen 3 อย่างเต็มรูปแบบ

    นอกจากนี้ยังเป็น GPU ตัวแรกของจีนที่รองรับฟอร์แมต YUV444 สำหรับงานภาพละเอียดสูง และสามารถแสดงผลบนจอ 8K ได้พร้อมกันถึง 6 จอที่ 30Hz อีกทั้งยังรองรับ DICOM สำหรับการแสดงผลภาพทางการแพทย์ เช่น MRI และ CT scan โดยไม่ต้องใช้จอ grayscale เฉพาะทาง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Fenghua No.3 เป็น GPU รุ่นใหม่จาก Innosilicon ประเทศจีน
    ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และออกแบบใหม่ทั้งหมดภายในประเทศ
    เคลมว่ารองรับ CUDA ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะของ Nvidia
    รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.2, OpenGL 4.6 และ Ray Tracing
    รันเกม Tomb Raider, Delta Force, Valorant ได้ในการสาธิต
    มาพร้อม HBM มากกว่า 112GB สำหรับงาน AI ขนาดใหญ่
    รองรับโมเดล DeepSeek และ Qwen หลายเวอร์ชัน
    รองรับ YUV444 สำหรับงาน CAD และวิดีโอ
    แสดงผล 8K ได้พร้อมกัน 6 จอที่ 30Hz
    รองรับ DICOM สำหรับภาพทางการแพทย์โดยไม่ต้องใช้จอเฉพาะ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    CUDA เป็นแพลตฟอร์มที่ Nvidia ใช้สำหรับงาน AI และ HPC โดยทั่วไปไม่เปิดให้ GPU อื่นใช้งาน
    RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่กำลังได้รับความนิยมในจีนเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพา IP จากตะวันตก
    HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่เร็วและเหมาะกับงาน AI มากกว่า GDDR
    YUV444 ให้ความละเอียดสีสูงกว่าฟอร์แมตทั่วไป เช่น YUV420 ซึ่งใช้ในวิดีโอสตรีมมิ่ง
    DICOM เป็นมาตรฐานภาพทางการแพทย์ที่ใช้ในโรงพยาบาลทั่วโลก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-latest-gpu-arrives-with-claims-of-cuda-compatibility-and-rt-support-fenghua-no-3-also-boasts-112gb-of-hbm-memory-for-ai
    🚀 “Fenghua No.3 GPU จากจีนเปิดตัวแรง — เคลมรองรับ CUDA, Ray Tracing, และมี HBM กว่า 112GB สำหรับ AI ขนาดใหญ่” Innosilicon บริษัทผู้ผลิตชิปจากจีนเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ “Fenghua No.3” ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของอุตสาหกรรม GPU ในประเทศ โดยชูจุดเด่นว่าเป็น GPU แบบ “all-function” ที่รองรับทั้งงาน AI, การประมวลผลทางวิทยาศาสตร์, CAD, การแพทย์ และเกม พร้อมเคลมว่า “รองรับ CUDA” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะของ Nvidia — หากเป็นจริง จะถือเป็นครั้งแรกที่ GPU จากจีนสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ที่พัฒนาบน CUDA ได้โดยตรง Fenghua No.3 ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบ open-source แทน PowerVR ที่เคยใช้ในรุ่นก่อนหน้า และมีการออกแบบใหม่ทั้งหมดจากภายในประเทศ โดยอ้างว่าใช้เทคโนโลยีจากโครงการ Nanhu V3 ของ OpenCore Institute ด้านการเล่นเกม Fenghua No.3 รองรับ API สมัยใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan 1.2 และ OpenGL 4.6 พร้อมฟีเจอร์ Ray Tracing และสามารถรันเกมอย่าง Tomb Raider, Delta Force และ Valorant ได้อย่างลื่นไหลในการสาธิต แม้จะไม่มีข้อมูลเฟรมเรตหรือความละเอียดที่ใช้ในการทดสอบ สำหรับงาน AI Fenghua No.3 มาพร้อมหน่วยความจำ HBM มากกว่า 112GB ซึ่งสามารถรันโมเดลขนาด 32B และ 72B ได้ด้วยการ์ดเดียว และสามารถรันโมเดลขนาด 671B และ 685B ได้เมื่อใช้การ์ด 8 ใบร่วมกัน โดยรองรับโมเดล DeepSeek V3, R1, V3.1 และ Qwen 2.5, Qwen 3 อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังเป็น GPU ตัวแรกของจีนที่รองรับฟอร์แมต YUV444 สำหรับงานภาพละเอียดสูง และสามารถแสดงผลบนจอ 8K ได้พร้อมกันถึง 6 จอที่ 30Hz อีกทั้งยังรองรับ DICOM สำหรับการแสดงผลภาพทางการแพทย์ เช่น MRI และ CT scan โดยไม่ต้องใช้จอ grayscale เฉพาะทาง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Fenghua No.3 เป็น GPU รุ่นใหม่จาก Innosilicon ประเทศจีน ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และออกแบบใหม่ทั้งหมดภายในประเทศ ➡️ เคลมว่ารองรับ CUDA ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะของ Nvidia ➡️ รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.2, OpenGL 4.6 และ Ray Tracing ➡️ รันเกม Tomb Raider, Delta Force, Valorant ได้ในการสาธิต ➡️ มาพร้อม HBM มากกว่า 112GB สำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ รองรับโมเดล DeepSeek และ Qwen หลายเวอร์ชัน ➡️ รองรับ YUV444 สำหรับงาน CAD และวิดีโอ ➡️ แสดงผล 8K ได้พร้อมกัน 6 จอที่ 30Hz ➡️ รองรับ DICOM สำหรับภาพทางการแพทย์โดยไม่ต้องใช้จอเฉพาะ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ CUDA เป็นแพลตฟอร์มที่ Nvidia ใช้สำหรับงาน AI และ HPC โดยทั่วไปไม่เปิดให้ GPU อื่นใช้งาน ➡️ RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่กำลังได้รับความนิยมในจีนเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพา IP จากตะวันตก ➡️ HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่เร็วและเหมาะกับงาน AI มากกว่า GDDR ➡️ YUV444 ให้ความละเอียดสีสูงกว่าฟอร์แมตทั่วไป เช่น YUV420 ซึ่งใช้ในวิดีโอสตรีมมิ่ง ➡️ DICOM เป็นมาตรฐานภาพทางการแพทย์ที่ใช้ในโรงพยาบาลทั่วโลก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-latest-gpu-arrives-with-claims-of-cuda-compatibility-and-rt-support-fenghua-no-3-also-boasts-112gb-of-hbm-memory-for-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft ฝังช่องน้ำหล่อเย็นลงในซิลิคอน — พลิกโฉมการระบายความร้อน AI ด้วยไมโครฟลูอิดิก 3 เท่าเหนือกว่า cold plate”

    ในยุคที่ AI accelerators ปล่อยความร้อนระดับ 2,000 วัตต์ต่อชิป Microsoft เผยโฉมเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมของ data center ไปตลอดกาล — ด้วยการ “ฝังช่องน้ำหล่อเย็นขนาดจิ๋ว” ลงไปในแผ่นซิลิคอนโดยตรง แทนที่จะใช้ cold plate แบบเดิมที่วางอยู่ด้านบนของชิป

    เทคโนโลยีนี้เรียกว่า microfluidic cooling ซึ่งใช้ช่องทางขนาดเท่าเส้นผมที่ถูกแกะสลักลงในด้านหลังของแผ่นซิลิคอน เพื่อให้ของเหลวไหลเข้าไปใกล้แหล่งความร้อนจริงอย่างทรานซิสเตอร์มากที่สุด โดย Microsoft ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ thermal fingerprint ของแต่ละชิป แล้วออกแบบช่องทางให้เหมาะกับจุดร้อนเฉพาะตัว — ลวดลายของช่องทางคล้ายเส้นใบไม้มากกว่าท่อตรงแบบเดิม

    ผลการทดสอบภายในของ Microsoft พบว่าระบบนี้สามารถลดอุณหภูมิสูงสุดของ GPU ได้ถึงสองในสาม และระบายความร้อนได้ดีกว่า cold plate แบบเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งหมายความว่า data center สามารถเพิ่มความหนาแน่นของชิป, เพิ่มความเร็วในช่วงโหลดสูง และเปิดทางให้กับการออกแบบชิปแบบ 3D ที่เคยติดปัญหาเรื่องความร้อน

    อย่างไรก็ตาม การนำของเหลวเข้าไปในตัวชิปโดยตรงไม่ใช่เรื่องง่าย — ต้องออกแบบให้ช่องลึกพอที่จะดูดซับความร้อน แต่ไม่ลึกจนทำให้โครงสร้างชิปอ่อนแอ และต้องมั่นใจว่าไม่มีการรั่วซึมในระบบทั้งหมด ตั้งแต่ซิลิคอนไปจนถึงบอร์ดและท่อใน data center

    Microsoft กำลังทดลองหลายรูปแบบเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ร่วมกับผู้ผลิตชิปอย่าง TSMC, Intel และ Samsung โดยหวังว่าจะนำไปใช้กับชิปในอนาคต รวมถึงอาจใช้กับ GPU ระดับสูงอย่าง Rubin Ultra ที่ปล่อยความร้อนถึง 2,300 วัตต์ต่อตัว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft พัฒนาเทคโนโลยี microfluidic cooling โดยฝังช่องน้ำหล่อเย็นลงในซิลิคอน
    ช่องทางมีขนาดเท่าเส้นผมและออกแบบตามลวดลายธรรมชาติคล้ายเส้นใบไม้
    ใช้ AI วิเคราะห์ thermal fingerprint เพื่อออกแบบช่องทางเฉพาะจุดร้อน
    ระบายความร้อนได้ดีกว่า cold plate ถึง 3 เท่า
    ลดอุณหภูมิสูงสุดของ GPU ได้ถึงสองในสาม
    เปิดทางให้กับการออกแบบชิปแบบ 3D และเพิ่มความหนาแน่นของ rack
    Microsoft กำลังทดลองร่วมกับ TSMC, Intel และ Samsung
    อาจนำไปใช้กับ GPU ระดับสูง เช่น Rubin Ultra ที่ปล่อยความร้อน 2,300 วัตต์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Microfluidics เคยถูกใช้ในงานชีววิทยา เช่น lab-on-chip และการวิเคราะห์เลือด
    IBM เคยทดลองแนวคิดคล้ายกันในปี 2011 แต่ยังไม่สามารถผลิตเชิงพาณิชย์
    AMD และ TSMC มีสิทธิบัตรเกี่ยวกับการระบายความร้อนในตัวชิปแบบฝัง
    Rubin Ultra เป็น GPU ที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น LLM และ simulation
    การออกแบบ thermal-aware ด้วย AI เริ่มใช้ในหลายบริษัท เช่น Meta และ Google

    https://www.techpowerup.com/341271/microsoft-etches-microfluidic-channels-into-silicon-for-3x-better-cooling
    💧 “Microsoft ฝังช่องน้ำหล่อเย็นลงในซิลิคอน — พลิกโฉมการระบายความร้อน AI ด้วยไมโครฟลูอิดิก 3 เท่าเหนือกว่า cold plate” ในยุคที่ AI accelerators ปล่อยความร้อนระดับ 2,000 วัตต์ต่อชิป Microsoft เผยโฉมเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมของ data center ไปตลอดกาล — ด้วยการ “ฝังช่องน้ำหล่อเย็นขนาดจิ๋ว” ลงไปในแผ่นซิลิคอนโดยตรง แทนที่จะใช้ cold plate แบบเดิมที่วางอยู่ด้านบนของชิป เทคโนโลยีนี้เรียกว่า microfluidic cooling ซึ่งใช้ช่องทางขนาดเท่าเส้นผมที่ถูกแกะสลักลงในด้านหลังของแผ่นซิลิคอน เพื่อให้ของเหลวไหลเข้าไปใกล้แหล่งความร้อนจริงอย่างทรานซิสเตอร์มากที่สุด โดย Microsoft ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ thermal fingerprint ของแต่ละชิป แล้วออกแบบช่องทางให้เหมาะกับจุดร้อนเฉพาะตัว — ลวดลายของช่องทางคล้ายเส้นใบไม้มากกว่าท่อตรงแบบเดิม ผลการทดสอบภายในของ Microsoft พบว่าระบบนี้สามารถลดอุณหภูมิสูงสุดของ GPU ได้ถึงสองในสาม และระบายความร้อนได้ดีกว่า cold plate แบบเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งหมายความว่า data center สามารถเพิ่มความหนาแน่นของชิป, เพิ่มความเร็วในช่วงโหลดสูง และเปิดทางให้กับการออกแบบชิปแบบ 3D ที่เคยติดปัญหาเรื่องความร้อน อย่างไรก็ตาม การนำของเหลวเข้าไปในตัวชิปโดยตรงไม่ใช่เรื่องง่าย — ต้องออกแบบให้ช่องลึกพอที่จะดูดซับความร้อน แต่ไม่ลึกจนทำให้โครงสร้างชิปอ่อนแอ และต้องมั่นใจว่าไม่มีการรั่วซึมในระบบทั้งหมด ตั้งแต่ซิลิคอนไปจนถึงบอร์ดและท่อใน data center Microsoft กำลังทดลองหลายรูปแบบเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ร่วมกับผู้ผลิตชิปอย่าง TSMC, Intel และ Samsung โดยหวังว่าจะนำไปใช้กับชิปในอนาคต รวมถึงอาจใช้กับ GPU ระดับสูงอย่าง Rubin Ultra ที่ปล่อยความร้อนถึง 2,300 วัตต์ต่อตัว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft พัฒนาเทคโนโลยี microfluidic cooling โดยฝังช่องน้ำหล่อเย็นลงในซิลิคอน ➡️ ช่องทางมีขนาดเท่าเส้นผมและออกแบบตามลวดลายธรรมชาติคล้ายเส้นใบไม้ ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์ thermal fingerprint เพื่อออกแบบช่องทางเฉพาะจุดร้อน ➡️ ระบายความร้อนได้ดีกว่า cold plate ถึง 3 เท่า ➡️ ลดอุณหภูมิสูงสุดของ GPU ได้ถึงสองในสาม ➡️ เปิดทางให้กับการออกแบบชิปแบบ 3D และเพิ่มความหนาแน่นของ rack ➡️ Microsoft กำลังทดลองร่วมกับ TSMC, Intel และ Samsung ➡️ อาจนำไปใช้กับ GPU ระดับสูง เช่น Rubin Ultra ที่ปล่อยความร้อน 2,300 วัตต์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Microfluidics เคยถูกใช้ในงานชีววิทยา เช่น lab-on-chip และการวิเคราะห์เลือด ➡️ IBM เคยทดลองแนวคิดคล้ายกันในปี 2011 แต่ยังไม่สามารถผลิตเชิงพาณิชย์ ➡️ AMD และ TSMC มีสิทธิบัตรเกี่ยวกับการระบายความร้อนในตัวชิปแบบฝัง ➡️ Rubin Ultra เป็น GPU ที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น LLM และ simulation ➡️ การออกแบบ thermal-aware ด้วย AI เริ่มใช้ในหลายบริษัท เช่น Meta และ Google https://www.techpowerup.com/341271/microsoft-etches-microfluidic-channels-into-silicon-for-3x-better-cooling
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Microsoft Etches Microfluidic Channels Into Silicon for 3x Better Cooling
    When you have hundreds of thousands of AI accelerators in your datacenters, like Microsoft, problems easily build up, especially with cooling. Today, Microsoft showcased its custom cooling plates, which utilize microfluidics to carry liquid coolant into microscopic channels etched directly into the ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็ฉายแวววินาศสันตะโรซะแล้ว เพราะนายวรภัค รมช.คลัง ผู้โดนคดีโกงแบงก์ คิดจะขึ้นภาษี ขึ้นแวต ขยายฐานรีดภาษี ยกเลิกส่วนลด ลดงบสวัสดิการ
    #7ดอกจิก
    ♣ ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็ฉายแวววินาศสันตะโรซะแล้ว เพราะนายวรภัค รมช.คลัง ผู้โดนคดีโกงแบงก์ คิดจะขึ้นภาษี ขึ้นแวต ขยายฐานรีดภาษี ยกเลิกส่วนลด ลดงบสวัสดิการ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Oracle เปลี่ยนผู้นำครั้งใหญ่ — ตั้ง 2 Co-CEO คนใหม่แทน Safra Catz พร้อมเดินหน้าสู่ยุค AI เต็มตัว”

    หลังจากดำรงตำแหน่ง CEO มานานกว่า 10 ปี Safra Catz ประกาศลงจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Oracle โดยจะย้ายไปดำรงตำแหน่ง Executive Vice Chair ในคณะกรรมการบริษัทแทน พร้อมเปิดทางให้กับผู้นำรุ่นใหม่สองคนคือ Clay Magouyrk และ Mike Sicilia ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น Co-CEO อย่างเป็นทางการ

    Clay Magouyrk เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Cloud Infrastructure (OCI) และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Gen2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับกิกะวัตต์ ส่วน Mike Sicilia เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Industries และเป็นผู้นำการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การเงิน การสื่อสาร และค้าปลีก

    Larry Ellison ผู้ก่อตั้งและ CTO ของ Oracle กล่าวว่าทั้งสองคนเป็นผู้นำที่พิสูจน์แล้ว และการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Oracle กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจคลาวด์และ AI ที่มีดีลระดับหลายแสนล้านดอลลาร์กับลูกค้ารายใหญ่ เช่น OpenAI

    Safra Catz กล่าวในแถลงการณ์ว่า “นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการส่งต่อบทบาทให้กับผู้นำรุ่นใหม่” โดยเธอจะยังคงทำงานร่วมกับ Larry Ellison ในการกำหนดทิศทางของบริษัทต่อไป

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังรวมถึงการแต่งตั้ง Mark Hura เป็นประธานฝ่าย Global Field Operations และ Doug Kehring เป็น Chief Financial Officer คนใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในยุค AI

    https://www.techradar.com/pro/oracle-appoints-not-one-but-two-co-ceos-as-safra-catz-leaves-top-job
    👥 “Oracle เปลี่ยนผู้นำครั้งใหญ่ — ตั้ง 2 Co-CEO คนใหม่แทน Safra Catz พร้อมเดินหน้าสู่ยุค AI เต็มตัว” หลังจากดำรงตำแหน่ง CEO มานานกว่า 10 ปี Safra Catz ประกาศลงจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของ Oracle โดยจะย้ายไปดำรงตำแหน่ง Executive Vice Chair ในคณะกรรมการบริษัทแทน พร้อมเปิดทางให้กับผู้นำรุ่นใหม่สองคนคือ Clay Magouyrk และ Mike Sicilia ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น Co-CEO อย่างเป็นทางการ Clay Magouyrk เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Cloud Infrastructure (OCI) และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Gen2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับกิกะวัตต์ ส่วน Mike Sicilia เคยเป็นประธานฝ่าย Oracle Industries และเป็นผู้นำการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การเงิน การสื่อสาร และค้าปลีก Larry Ellison ผู้ก่อตั้งและ CTO ของ Oracle กล่าวว่าทั้งสองคนเป็นผู้นำที่พิสูจน์แล้ว และการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Oracle กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจคลาวด์และ AI ที่มีดีลระดับหลายแสนล้านดอลลาร์กับลูกค้ารายใหญ่ เช่น OpenAI Safra Catz กล่าวในแถลงการณ์ว่า “นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการส่งต่อบทบาทให้กับผู้นำรุ่นใหม่” โดยเธอจะยังคงทำงานร่วมกับ Larry Ellison ในการกำหนดทิศทางของบริษัทต่อไป การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังรวมถึงการแต่งตั้ง Mark Hura เป็นประธานฝ่าย Global Field Operations และ Doug Kehring เป็น Chief Financial Officer คนใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในยุค AI https://www.techradar.com/pro/oracle-appoints-not-one-but-two-co-ceos-as-safra-catz-leaves-top-job
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Perplexity เปิดตัว Email Assistant — ผู้ช่วย AI สำหรับกล่องจดหมาย แต่ค่าบริการแรงถึง $200 ต่อเดือน”

    Perplexity บริษัทด้าน AI ที่กำลังมาแรง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชื่อ “Email Assistant” ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถจัดการกล่องจดหมายของคุณได้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการสรุปอีเมล, เขียนตอบกลับในสไตล์ของคุณ, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน หรือแม้แต่จัดหมวดหมู่อีเมลด้วย smart labels — ทั้งหมดนี้ทำงานได้ทั้งใน Gmail และ Outlook2

    ฟีเจอร์นี้ไม่ได้มาแบบฟรี ๆ เพราะจะเปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกระดับสูงสุด “Perplexity Max” ซึ่งมีค่าบริการถึง $200 ต่อเดือน โดยรวมฟีเจอร์ Email Assistant เข้าไปในแพ็กเกจที่มีสิทธิ์เข้าถึงโมเดลขั้นสูง, Labs ไม่จำกัด และฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร

    ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งาน Email Assistant ได้ง่าย ๆ เพียงส่งอีเมลไปที่ assistant@perplexity.com หรือ CC เข้าไปในเธรดที่ต้องการให้ช่วยจัดการ ระบบจะรู้ทันทีว่าเป็นคุณ และเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น ตรวจสอบปฏิทิน, เสนอเวลานัดหมาย, ส่งคำเชิญประชุม หรือสรุปเนื้อหาอีเมลให้เข้าใจง่าย

    แม้ราคาจะสูง แต่ Perplexity เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง โดยระบบรองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสแบบ enterprise-grade และยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Perplexity เปิดตัว Email Assistant สำหรับ Gmail และ Outlook
    ฟีเจอร์รวมถึงการเขียนตอบอีเมล, สรุปเนื้อหา, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน
    ใช้งานผ่านการส่งอีเมลหรือ CC ไปที่ assistant@perplexity.com
    รองรับ smart labels เพื่อจัดหมวดหมู่อีเมลแบบอัตโนมัติ
    ใช้ได้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Perplexity Max ที่มีค่าบริการ $200/เดือน
    รองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสระดับองค์กร
    ยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Perplexity Max ยังรวมฟีเจอร์ Comet browser และ Labs ไม่จำกัด
    Google Gemini และ Microsoft Copilot ก็มีฟีเจอร์คล้ายกันใน Gmail และ Outlook
    ตลาด productivity software มีมูลค่ากว่า $50 พันล้าน และกำลังแข่งขันสูง
    AI agent แบบนี้สามารถลดเวลาทำงานของผู้ช่วยและฝ่ายบุคคลได้หลายชั่วโมงต่อวัน
    การจัดการอีเมลอัตโนมัติเป็นเทรนด์ใหม่ในองค์กรยุค AI

    https://www.techradar.com/pro/perplexity-launches-an-ai-assistant-for-your-inbox-but-you-wont-believe-how-much-it-costs
    📨 “Perplexity เปิดตัว Email Assistant — ผู้ช่วย AI สำหรับกล่องจดหมาย แต่ค่าบริการแรงถึง $200 ต่อเดือน” Perplexity บริษัทด้าน AI ที่กำลังมาแรง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในชื่อ “Email Assistant” ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถจัดการกล่องจดหมายของคุณได้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการสรุปอีเมล, เขียนตอบกลับในสไตล์ของคุณ, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน หรือแม้แต่จัดหมวดหมู่อีเมลด้วย smart labels — ทั้งหมดนี้ทำงานได้ทั้งใน Gmail และ Outlook2 ฟีเจอร์นี้ไม่ได้มาแบบฟรี ๆ เพราะจะเปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิกระดับสูงสุด “Perplexity Max” ซึ่งมีค่าบริการถึง $200 ต่อเดือน โดยรวมฟีเจอร์ Email Assistant เข้าไปในแพ็กเกจที่มีสิทธิ์เข้าถึงโมเดลขั้นสูง, Labs ไม่จำกัด และฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งาน Email Assistant ได้ง่าย ๆ เพียงส่งอีเมลไปที่ assistant@perplexity.com หรือ CC เข้าไปในเธรดที่ต้องการให้ช่วยจัดการ ระบบจะรู้ทันทีว่าเป็นคุณ และเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น ตรวจสอบปฏิทิน, เสนอเวลานัดหมาย, ส่งคำเชิญประชุม หรือสรุปเนื้อหาอีเมลให้เข้าใจง่าย แม้ราคาจะสูง แต่ Perplexity เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง โดยระบบรองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสแบบ enterprise-grade และยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Perplexity เปิดตัว Email Assistant สำหรับ Gmail และ Outlook ➡️ ฟีเจอร์รวมถึงการเขียนตอบอีเมล, สรุปเนื้อหา, จัดตารางนัดหมาย, เพิ่มลงปฏิทิน ➡️ ใช้งานผ่านการส่งอีเมลหรือ CC ไปที่ assistant@perplexity.com ➡️ รองรับ smart labels เพื่อจัดหมวดหมู่อีเมลแบบอัตโนมัติ ➡️ ใช้ได้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Perplexity Max ที่มีค่าบริการ $200/เดือน ➡️ รองรับ SOC 2 และ GDPR พร้อมการเข้ารหัสระดับองค์กร ➡️ ยืนยันว่าจะไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการฝึกโมเดล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Perplexity Max ยังรวมฟีเจอร์ Comet browser และ Labs ไม่จำกัด ➡️ Google Gemini และ Microsoft Copilot ก็มีฟีเจอร์คล้ายกันใน Gmail และ Outlook ➡️ ตลาด productivity software มีมูลค่ากว่า $50 พันล้าน และกำลังแข่งขันสูง ➡️ AI agent แบบนี้สามารถลดเวลาทำงานของผู้ช่วยและฝ่ายบุคคลได้หลายชั่วโมงต่อวัน ➡️ การจัดการอีเมลอัตโนมัติเป็นเทรนด์ใหม่ในองค์กรยุค AI https://www.techradar.com/pro/perplexity-launches-an-ai-assistant-for-your-inbox-but-you-wont-believe-how-much-it-costs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Wi-Fi 8 มาแน่ปี 2028 — ไม่เน้นความเร็ว แต่เน้นความนิ่ง ลื่นไหล และเชื่อมต่อได้แม้ในจุดอับสัญญาณ”

    Wi-Fi 8 หรือชื่อทางเทคนิค IEEE 802.11bn กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจังโดยบริษัทชั้นนำอย่าง MediaTek และ Qualcomm โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่า “ไม่เน้นความเร็วสูงสุด” แต่จะเน้นความเสถียรของการเชื่อมต่อในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวนสูง, จุดอับสัญญาณ, หรือการใช้งานขณะเคลื่อนที่

    Wi-Fi 8 จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น “Single Mobility Domain” ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง access point เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ไม่เกิดการหลุดหรือดีเลย์ระหว่างการย้ายตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีระบบ “Multi-AP Coordination” ที่ทำให้ access point หลายตัวทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมเหมือนผ้าห่มไร้รอยต่อ

    MediaTek และ Qualcomm ต่างเน้นว่า Wi-Fi 8 จะให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อแบบสาย โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การประชุมทางไกล, การควบคุมอุปกรณ์ IoT, หรือการใช้งาน AI แบบเรียลไทม์

    แม้จะไม่มีการเพิ่มความเร็วสูงสุดจาก Wi-Fi 7 แต่ Wi-Fi 8 จะเพิ่ม “ความเร็วเฉลี่ย” และลด latency ได้ถึง 25% ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น อาคารที่มีหลายชั้นหรือพื้นที่สาธารณะที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น

    การเปิดตัว Wi-Fi 8 คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2028 โดยอุปกรณ์รุ่นแรกอาจเริ่มผ่านการรับรองในช่วงปลายปี 2027 ซึ่งหมายความว่า Wi-Fi 7 จะยังคงเป็นมาตรฐานหลักไปอีกหลายปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Wi-Fi 8 คือมาตรฐานใหม่ IEEE 802.11bn ที่จะเปิดตัวในปี 2028
    ไม่เน้นความเร็วสูงสุด แต่เน้นความเสถียรและความลื่นไหลของการเชื่อมต่อ
    มีฟีเจอร์ Single Mobility Domain สำหรับการเชื่อมต่อขณะเคลื่อนที่
    มีระบบ Multi-AP Coordination ให้ access point ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด
    ลด latency ได้ถึง 25% และลดการหลุดสัญญาณระหว่าง roaming
    MediaTek และ Qualcomm เป็นผู้นำในการพัฒนามาตรฐานนี้
    เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น AI, IoT, การประชุมทางไกล
    คาดว่าอุปกรณ์ Wi-Fi 8 จะเริ่มผ่านการรับรองในปลายปี 2027

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi 7 ยังอยู่ในช่วงขยายตัว โดยคาดว่าจะมีการใช้งานถึง 30–40% ภายในปีหน้า
    Wi-Fi 8 ใช้แนวคิด Ultra High Reliability (UHR) เป็นแกนหลักในการออกแบบ
    Qualcomm ระบุว่า Wi-Fi 8 จะให้ประสบการณ์ “เหมือนเชื่อมต่อด้วยสาย” แม้ใช้งานแบบไร้สาย
    MediaTek กำลังทดสอบร่วมกับพันธมิตร เช่น Dafa ที่ใช้ 25G PON ร่วมกับ Wi-Fi 8
    Wi-Fi 8 จะช่วยลดปัญหา jitter และ packet loss ที่เกิดขึ้นใน Wi-Fi รุ่นก่อน

    https://www.techradar.com/pro/wi-fi-8-is-a-go-as-key-nvidia-partner-confirms-there-wont-be-much-difference-in-speed-ahead-of-expected-launch-in-2028
    📶 “Wi-Fi 8 มาแน่ปี 2028 — ไม่เน้นความเร็ว แต่เน้นความนิ่ง ลื่นไหล และเชื่อมต่อได้แม้ในจุดอับสัญญาณ” Wi-Fi 8 หรือชื่อทางเทคนิค IEEE 802.11bn กำลังถูกพัฒนาอย่างจริงจังโดยบริษัทชั้นนำอย่าง MediaTek และ Qualcomm โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่า “ไม่เน้นความเร็วสูงสุด” แต่จะเน้นความเสถียรของการเชื่อมต่อในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวนสูง, จุดอับสัญญาณ, หรือการใช้งานขณะเคลื่อนที่ Wi-Fi 8 จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น “Single Mobility Domain” ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง access point เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ไม่เกิดการหลุดหรือดีเลย์ระหว่างการย้ายตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีระบบ “Multi-AP Coordination” ที่ทำให้ access point หลายตัวทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมเหมือนผ้าห่มไร้รอยต่อ MediaTek และ Qualcomm ต่างเน้นว่า Wi-Fi 8 จะให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อแบบสาย โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การประชุมทางไกล, การควบคุมอุปกรณ์ IoT, หรือการใช้งาน AI แบบเรียลไทม์ แม้จะไม่มีการเพิ่มความเร็วสูงสุดจาก Wi-Fi 7 แต่ Wi-Fi 8 จะเพิ่ม “ความเร็วเฉลี่ย” และลด latency ได้ถึง 25% ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น อาคารที่มีหลายชั้นหรือพื้นที่สาธารณะที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น การเปิดตัว Wi-Fi 8 คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2028 โดยอุปกรณ์รุ่นแรกอาจเริ่มผ่านการรับรองในช่วงปลายปี 2027 ซึ่งหมายความว่า Wi-Fi 7 จะยังคงเป็นมาตรฐานหลักไปอีกหลายปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Wi-Fi 8 คือมาตรฐานใหม่ IEEE 802.11bn ที่จะเปิดตัวในปี 2028 ➡️ ไม่เน้นความเร็วสูงสุด แต่เน้นความเสถียรและความลื่นไหลของการเชื่อมต่อ ➡️ มีฟีเจอร์ Single Mobility Domain สำหรับการเชื่อมต่อขณะเคลื่อนที่ ➡️ มีระบบ Multi-AP Coordination ให้ access point ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด ➡️ ลด latency ได้ถึง 25% และลดการหลุดสัญญาณระหว่าง roaming ➡️ MediaTek และ Qualcomm เป็นผู้นำในการพัฒนามาตรฐานนี้ ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำ เช่น AI, IoT, การประชุมทางไกล ➡️ คาดว่าอุปกรณ์ Wi-Fi 8 จะเริ่มผ่านการรับรองในปลายปี 2027 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi 7 ยังอยู่ในช่วงขยายตัว โดยคาดว่าจะมีการใช้งานถึง 30–40% ภายในปีหน้า ➡️ Wi-Fi 8 ใช้แนวคิด Ultra High Reliability (UHR) เป็นแกนหลักในการออกแบบ ➡️ Qualcomm ระบุว่า Wi-Fi 8 จะให้ประสบการณ์ “เหมือนเชื่อมต่อด้วยสาย” แม้ใช้งานแบบไร้สาย ➡️ MediaTek กำลังทดสอบร่วมกับพันธมิตร เช่น Dafa ที่ใช้ 25G PON ร่วมกับ Wi-Fi 8 ➡️ Wi-Fi 8 จะช่วยลดปัญหา jitter และ packet loss ที่เกิดขึ้นใน Wi-Fi รุ่นก่อน https://www.techradar.com/pro/wi-fi-8-is-a-go-as-key-nvidia-partner-confirms-there-wont-be-much-difference-in-speed-ahead-of-expected-launch-in-2028
    WWW.TECHRADAR.COM
    The next-gen Wi-Fi 8 standard skips blazing peaks to fix dead zones and shaky edges that ruin streaming in crowded spaces
    The new wireless standard is all about stable connections, seamless roaming, and edge performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แฮก M&S สะเทือนวงการ — HyperBUNKER เสนอทางรอดด้วยคลังสำรองแบบออฟไลน์ที่แฮกเกอร์แตะไม่ได้”

    Marks & Spencer (M&S) ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ DragonForce ในเดือนเมษายน 2025 ส่งผลให้ระบบภายในล่ม, พนักงานถูกล็อกไม่ให้เข้าถึงไฟล์สำคัญ, และบริการออนไลน์รวมถึงการชำระเงินแบบไร้สัมผัสถูกระงับชั่วคราว ความเสียหายครั้งนี้ทำให้มูลค่าบริษัทหายไปเกือบ £700 ล้าน และกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการป้องกันข้อมูลในองค์กรขนาดใหญ่

    หนึ่งในแนวทางที่ถูกพูดถึงมากคือการใช้ระบบสำรองข้อมูลแบบ “ออฟไลน์จริง” ซึ่งไม่เชื่อมต่อกับเครือข่ายใด ๆ เลย — และ HyperBUNKER จากโครเอเชียก็เสนอทางออกนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เทคโนโลยี data diode ที่สร้างช่องทาง “ทางเดียว” สำหรับการเขียนข้อมูลลงคลังสำรอง โดยไม่มีช่องทางย้อนกลับหรือการเชื่อมต่อใด ๆ กับระบบภายนอก

    HyperBUNKER ใช้โครงสร้างแบบ rack shelf ที่เก็บข้อมูลบน SSD หรือฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบ optocoupler ที่ตรวจสอบการเข้าถึงแบบแยกไฟฟ้า และ logic แบบ “butlering” ที่ไม่พึ่งพาโปรโตคอลหรือ handshake ใด ๆ ทำให้คลังข้อมูลนี้ “ล่องหน” ในโครงสร้างเครือข่าย และไม่สามารถถูกแฮกผ่านออนไลน์ได้เลย

    แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนมาจากโรงงานนิวเคลียร์หรือระบบทหาร แต่ HyperBUNKER ยืนยันว่าองค์กรทั่วไปก็สามารถนำไปใช้ได้ โดยเฉพาะในยุคที่แรนซัมแวร์พุ่งสูงถึง 37% จากปีที่แล้ว และการโจมตีมักเริ่มจากการลบหรือเข้ารหัสระบบสำรองก่อน

    อย่างไรก็ตาม การใช้ระบบนี้ต้องแลกกับต้นทุนที่สูง, การจัดการที่ซับซ้อน และความเสี่ยงด้านการโจรกรรมทางกายภาพ ซึ่งทำให้องค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนลงทุน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    M&S ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ DragonForce ทำให้ระบบภายในล่ม
    พนักงานถูกล็อกไม่ให้เข้าถึงไฟล์สำคัญ และบริการออนไลน์ถูกระงับ
    มูลค่าบริษัทลดลงเกือบ £700 ล้านภายในไม่กี่วัน
    HyperBUNKER เสนอระบบสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์โดยใช้ data diode
    ระบบนี้เขียนข้อมูลแบบทางเดียว ไม่มีช่องทางย้อนกลับ
    ใช้ SSD หรือฮาร์ดดิสก์ใน rack shelf พร้อม optocoupler และ logic แบบไม่พึ่งโปรโตคอล
    ระบบนี้ไม่สามารถถูกแฮกผ่านเครือข่ายได้
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการป้องกันข้อมูลสำคัญจากแรนซัมแวร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แรนซัมแวร์ในปี 2025 เพิ่มขึ้น 37% จากปี 2024
    กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Spider ใช้เทคนิค MFA fatigue และ SIM swapping ในการเจาะระบบ M&S
    การขโมยไฟล์ NTDS.dit ทำให้แฮกเกอร์สามารถถอดรหัสรหัสผ่านและเคลื่อนที่ในระบบได้
    HyperBUNKER ก่อตั้งโดยทีมจาก InfoLAB ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการกู้ข้อมูล
    ระบบนี้สามารถกู้คืนโครงสร้างไฟล์แบบ NAS ได้ครบถ้วนในกรณีฉุกเฉิน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ระบบ HyperBUNKER ต้องลงทุนสูงและมีความซับซ้อนในการจัดการ
    การโจรกรรมทางกายภาพยังเป็นช่องโหว่เดียวที่ระบบนี้ไม่สามารถป้องกันได้
    องค์กรต้องมีพื้นที่และทีมงานที่เข้าใจการจัดการคลังข้อมูลแบบออฟไลน์
    การใช้ระบบนี้อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการสำรองข้อมูลเดิมทั้งหมด
    ไม่เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเร็วในการสำรองแบบเรียลไทม์หรือ cloud-based

    https://www.techradar.com/pro/security/unhackable-backup-storage-could-have-helped-in-the-m-s-hack-case-by-keeping-data-physically-offline-but-it-comes-at-a-cost
    🛡️ “แฮก M&S สะเทือนวงการ — HyperBUNKER เสนอทางรอดด้วยคลังสำรองแบบออฟไลน์ที่แฮกเกอร์แตะไม่ได้” Marks & Spencer (M&S) ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ DragonForce ในเดือนเมษายน 2025 ส่งผลให้ระบบภายในล่ม, พนักงานถูกล็อกไม่ให้เข้าถึงไฟล์สำคัญ, และบริการออนไลน์รวมถึงการชำระเงินแบบไร้สัมผัสถูกระงับชั่วคราว ความเสียหายครั้งนี้ทำให้มูลค่าบริษัทหายไปเกือบ £700 ล้าน และกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการป้องกันข้อมูลในองค์กรขนาดใหญ่ หนึ่งในแนวทางที่ถูกพูดถึงมากคือการใช้ระบบสำรองข้อมูลแบบ “ออฟไลน์จริง” ซึ่งไม่เชื่อมต่อกับเครือข่ายใด ๆ เลย — และ HyperBUNKER จากโครเอเชียก็เสนอทางออกนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เทคโนโลยี data diode ที่สร้างช่องทาง “ทางเดียว” สำหรับการเขียนข้อมูลลงคลังสำรอง โดยไม่มีช่องทางย้อนกลับหรือการเชื่อมต่อใด ๆ กับระบบภายนอก HyperBUNKER ใช้โครงสร้างแบบ rack shelf ที่เก็บข้อมูลบน SSD หรือฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบ optocoupler ที่ตรวจสอบการเข้าถึงแบบแยกไฟฟ้า และ logic แบบ “butlering” ที่ไม่พึ่งพาโปรโตคอลหรือ handshake ใด ๆ ทำให้คลังข้อมูลนี้ “ล่องหน” ในโครงสร้างเครือข่าย และไม่สามารถถูกแฮกผ่านออนไลน์ได้เลย แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนมาจากโรงงานนิวเคลียร์หรือระบบทหาร แต่ HyperBUNKER ยืนยันว่าองค์กรทั่วไปก็สามารถนำไปใช้ได้ โดยเฉพาะในยุคที่แรนซัมแวร์พุ่งสูงถึง 37% จากปีที่แล้ว และการโจมตีมักเริ่มจากการลบหรือเข้ารหัสระบบสำรองก่อน อย่างไรก็ตาม การใช้ระบบนี้ต้องแลกกับต้นทุนที่สูง, การจัดการที่ซับซ้อน และความเสี่ยงด้านการโจรกรรมทางกายภาพ ซึ่งทำให้องค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนลงทุน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ M&S ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ DragonForce ทำให้ระบบภายในล่ม ➡️ พนักงานถูกล็อกไม่ให้เข้าถึงไฟล์สำคัญ และบริการออนไลน์ถูกระงับ ➡️ มูลค่าบริษัทลดลงเกือบ £700 ล้านภายในไม่กี่วัน ➡️ HyperBUNKER เสนอระบบสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์โดยใช้ data diode ➡️ ระบบนี้เขียนข้อมูลแบบทางเดียว ไม่มีช่องทางย้อนกลับ ➡️ ใช้ SSD หรือฮาร์ดดิสก์ใน rack shelf พร้อม optocoupler และ logic แบบไม่พึ่งโปรโตคอล ➡️ ระบบนี้ไม่สามารถถูกแฮกผ่านเครือข่ายได้ ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการป้องกันข้อมูลสำคัญจากแรนซัมแวร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แรนซัมแวร์ในปี 2025 เพิ่มขึ้น 37% จากปี 2024 ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Spider ใช้เทคนิค MFA fatigue และ SIM swapping ในการเจาะระบบ M&S ➡️ การขโมยไฟล์ NTDS.dit ทำให้แฮกเกอร์สามารถถอดรหัสรหัสผ่านและเคลื่อนที่ในระบบได้ ➡️ HyperBUNKER ก่อตั้งโดยทีมจาก InfoLAB ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการกู้ข้อมูล ➡️ ระบบนี้สามารถกู้คืนโครงสร้างไฟล์แบบ NAS ได้ครบถ้วนในกรณีฉุกเฉิน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ระบบ HyperBUNKER ต้องลงทุนสูงและมีความซับซ้อนในการจัดการ ⛔ การโจรกรรมทางกายภาพยังเป็นช่องโหว่เดียวที่ระบบนี้ไม่สามารถป้องกันได้ ⛔ องค์กรต้องมีพื้นที่และทีมงานที่เข้าใจการจัดการคลังข้อมูลแบบออฟไลน์ ⛔ การใช้ระบบนี้อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการสำรองข้อมูลเดิมทั้งหมด ⛔ ไม่เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความเร็วในการสำรองแบบเรียลไทม์หรือ cloud-based https://www.techradar.com/pro/security/unhackable-backup-storage-could-have-helped-in-the-m-s-hack-case-by-keeping-data-physically-offline-but-it-comes-at-a-cost
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบคุณบิ๊กต่าย
    ส่งคอมมานโด สไนเปอร์
    เสริมภารกิจทหารในการเฝ้าระวังและสอดแนมกองกำลังกัมพูชา โผล่ล้ำมาเป่ากระหม่อมทันที
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ขอบคุณบิ๊กต่าย ส่งคอมมานโด สไนเปอร์ เสริมภารกิจทหารในการเฝ้าระวังและสอดแนมกองกำลังกัมพูชา โผล่ล้ำมาเป่ากระหม่อมทันที #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดกะโหลก ชะโงกดูไอเดีย คนมีคดีทุจริตตอนคุมแบงก์กรุงไทย มานั่งเป็น รมช.คลัง คิดแต่จะเพิ่มรายได้จากการขึ้นภาษี ขึ้นแวต ลดรายจ่ายจากสวัสดิการ และบำนาญ แต่เสือกไม่คิดจะปราบปรามป้องกันการทุจริตที่สูบเงินในภาครัฐและเอกชนมหาศาล
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เปิดกะโหลก ชะโงกดูไอเดีย คนมีคดีทุจริตตอนคุมแบงก์กรุงไทย มานั่งเป็น รมช.คลัง คิดแต่จะเพิ่มรายได้จากการขึ้นภาษี ขึ้นแวต ลดรายจ่ายจากสวัสดิการ และบำนาญ แต่เสือกไม่คิดจะปราบปรามป้องกันการทุจริตที่สูบเงินในภาครัฐและเอกชนมหาศาล #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าชัชชาติแจงด่วน ถนนสามเส้นถล่มด้วยสาเหตุนี้! (24/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #กรุงเทพ
    #ชัชชาติ
    #ดินถล่ม
    #สามเสน
    #วชิรพยาบาล
    ผู้ว่าชัชชาติแจงด่วน ถนนสามเส้นถล่มด้วยสาเหตุนี้! (24/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #กรุงเทพ #ชัชชาติ #ดินถล่ม #สามเสน #วชิรพยาบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 24 กันยายน วันมหิดล เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระผู้ได้รับการถวายพระสมัญญาภิไธยจากแพทย์และประชาชนทั่วไปว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” : ภาพจาก mgronline.com
    24 กันยายน วันมหิดล เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระผู้ได้รับการถวายพระสมัญญาภิไธยจากแพทย์และประชาชนทั่วไปว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” : ภาพจาก mgronline.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ฮุน เซน' แชร์แถลงการณ์โต้เดือด! ยัน 'เปรยจัน' ไม่ได้บุกรุก-เป็นดินแดนกัมพูชา ซ้ำยุส่งชาวบ้านสู้ทหารไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21599/
    .
    #ไทยไท #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #เปรยจัน
    'ฮุน เซน' แชร์แถลงการณ์โต้เดือด! ยัน 'เปรยจัน' ไม่ได้บุกรุก-เป็นดินแดนกัมพูชา ซ้ำยุส่งชาวบ้านสู้ทหารไทย https://www.thai-tai.tv/news/21599/ . #ไทยไท #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #เปรยจัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/JJa0uK9Wc48?si=BLuoJrrS9KmPO2f9
    https://youtu.be/JJa0uK9Wc48?si=BLuoJrrS9KmPO2f9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังแล้วอึ้ง!!! เขมรเอาเงินจาก…ซื้ออาวุธสู้ไทย (24/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #เขมร
    #อาวุธ
    #ชายแดนไทย
    #scambodia
    ฟังแล้วอึ้ง!!! เขมรเอาเงินจาก…ซื้ออาวุธสู้ไทย (24/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เขมร #อาวุธ #ชายแดนไทย #scambodia
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หลายคนสงสัย ใส่หมวกกันน็อกทำไม ดูจบ อ๋อเลย! (24/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #หมวกกันน็อก
    #ความปลอดภัย
    #อุบัติเหตุ
    หลายคนสงสัย ใส่หมวกกันน็อกทำไม ดูจบ อ๋อเลย! (24/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หมวกกันน็อก #ความปลอดภัย #อุบัติเหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ‘ชัชชาติ’ แจง ถนนยุบตัวบริเวณก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ บริเวณ รพ.วชิระ ถนนสามเสน เกิดจากอุโมงค์แตก และท่อประปารั่ว
    https://www.thai-tai.tv/news/21600/
    .
    #ไทยไท #ชัชชาติ #ถนนทรุด #รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ #ข่าววันนี้ #กรุงเทพฯ
    ‘ชัชชาติ’ แจง ถนนยุบตัวบริเวณก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ บริเวณ รพ.วชิระ ถนนสามเสน เกิดจากอุโมงค์แตก และท่อประปารั่ว https://www.thai-tai.tv/news/21600/ . #ไทยไท #ชัชชาติ #ถนนทรุด #รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ #ข่าววันนี้ #กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๘
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ตของนายปลาซิโด โดมิงโก (Mr. Plácido Domingo) ศิลปินโอเปราระดับตำนาน ในงานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติกรุงเทพ ฯ ครั้งที่ ๒๗ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. https://www.facebook.com/share/p/15zaWortt1/
    วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ตของนายปลาซิโด โดมิงโก (Mr. Plácido Domingo) ศิลปินโอเปราระดับตำนาน ในงานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติกรุงเทพ ฯ ครั้งที่ ๒๗ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. https://www.facebook.com/share/p/15zaWortt1/
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว