• ทักษิณบินออกนอกประเทศแล้ว! ขึ้นเครื่องเจ็ทส่วนตัวหรู G650 จากดอนเมือง มุ่งหน้าสิงคโปร์ หลังผ่าน ตม. คุมเข้ม แม้คดี 112 สิ้นสุด แต่ยังมีคดีอื่นรอฟังคำสั่งศาล 9 ก.ย.นี้ เครื่องบินลำเดียวกับที่เคยใช้กลับไทยเมื่อ 2 ปีก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084830

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ทักษิณบินออกนอกประเทศแล้ว! ขึ้นเครื่องเจ็ทส่วนตัวหรู G650 จากดอนเมือง มุ่งหน้าสิงคโปร์ หลังผ่าน ตม. คุมเข้ม แม้คดี 112 สิ้นสุด แต่ยังมีคดีอื่นรอฟังคำสั่งศาล 9 ก.ย.นี้ เครื่องบินลำเดียวกับที่เคยใช้กลับไทยเมื่อ 2 ปีก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084830 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปี่เซียะ (避邪, Pixiu) มีรูปร่างและเขาคล้ายกวาง แต่มีหน้า, หัว, ขาคล้ายสิงโต, มีปีกคล้ายนก, หลังคล้ายปลา และมีส่วนหางคล้ายแมวปนไปด้วยท้องและบางส่วนของหัวคล้ายมังกร เป็นสัตว์สี่ขา และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยป้องกันและปัดเป่าภยันตรายและภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้แล้ว ปี่เซียะยังเป็นสัญลักษณ์ของการพิทักษ์และคุ้มครองทรัพย์สมบัติอีกด้วย อันเนื่องจากการที่เป็นสัตว์ที่กินอย่างเดียวไม่มีการขับถ่าย
    ปี่เซียะ (避邪, Pixiu) มีรูปร่างและเขาคล้ายกวาง แต่มีหน้า, หัว, ขาคล้ายสิงโต, มีปีกคล้ายนก, หลังคล้ายปลา และมีส่วนหางคล้ายแมวปนไปด้วยท้องและบางส่วนของหัวคล้ายมังกร เป็นสัตว์สี่ขา และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยป้องกันและปัดเป่าภยันตรายและภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้แล้ว ปี่เซียะยังเป็นสัญลักษณ์ของการพิทักษ์และคุ้มครองทรัพย์สมบัติอีกด้วย อันเนื่องจากการที่เป็นสัตว์ที่กินอย่างเดียวไม่มีการขับถ่าย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อพญามังกรเต้นแทงโก้กับพญาคชสารในงานประชุมSCO : คนเคาะข่าว 04-09-68

    อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

    https://www.youtube.com/watch?v=slusD1GdRdw
    เมื่อพญามังกรเต้นแทงโก้กับพญาคชสารในงานประชุมSCO : คนเคาะข่าว 04-09-68 อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร https://www.youtube.com/watch?v=slusD1GdRdw
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ไปแล้วสิงคโปร์!
    20.45น. เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวทักษิณ ออกจากช่องแคบมะละกา เลี้ยวเข้าสู่ทะเลอันดามัน มุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรอินเดีย
    ไม่ไปแล้วสิงคโปร์! 20.45น. เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวทักษิณ ออกจากช่องแคบมะละกา เลี้ยวเข้าสู่ทะเลอันดามัน มุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรอินเดีย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมบางบริษัทมีทุนติดลบแต่ยังไม่เจ๊ง ?
    ทำไมบางบริษัทมีทุนติดลบแต่ยังไม่เจ๊ง ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/6klq-vK_FTw?si=smFWV_-ZhISXikv9
    https://youtube.com/shorts/6klq-vK_FTw?si=smFWV_-ZhISXikv9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก 5 แอป Android ที่ควรค่าแก่การรู้จัก: เมื่อฟีเจอร์ลับกลายเป็นพลังเสริมของมือถือ

    ในบทความจาก SlashGear ได้คัดเลือก 5 แอป Android ที่แม้จะไม่ติดอันดับยอดนิยมใน Play Store แต่กลับมีฟีเจอร์ที่ทรงพลังและช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมมือถือได้ลึกขึ้น ทั้งในด้าน gesture, automation, image processing และการปรับแต่งปุ่มฮาร์ดแวร์ โดยทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องรูทเครื่อง

    แอปแรกคือ Tap, Tap ซึ่งเป็นพอร์ตของฟีเจอร์ Quick Tap จาก Pixel ที่ให้คุณแตะด้านหลังเครื่องเพื่อเรียกใช้งานต่าง ๆ เช่น เปิดไฟฉาย, ถ่ายภาพหน้าจอ หรือเปิดแอป โดยรองรับทั้ง double-tap และ triple-tap พร้อมระบบ “gates” ที่ช่วยป้องกันการทำงานผิดจังหวะ เช่น ไม่ให้ถ่ายภาพหน้าจอขณะเปิดแอปธนาคาร

    แอปที่สองคือ ImageToolbox ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการภาพแบบครบวงจร รองรับการ resize, convert, ลบข้อมูล EXIF, ใส่ลายน้ำ, OCR, สร้าง PDF, สแกน QR และแม้แต่สร้าง ZIP จากภาพหลายไฟล์—ทั้งหมดนี้ทำได้บนมือถือโดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์

    แอปที่สามคือ Key Mapper ซึ่งช่วยให้คุณ remap ปุ่มฮาร์ดแวร์ เช่น ปุ่มเพิ่มเสียงให้กลายเป็นปุ่มเปิดไฟฉาย หรือเปิดแอปเฉพาะเมื่ออยู่ใน lock screen โดยรองรับ gesture แบบกดครั้งเดียว, กดสองครั้ง และกดค้าง พร้อมระบบ constraint ที่ช่วยจำกัดการทำงานในสถานการณ์เฉพาะ

    แอปที่สี่คือ MacroDroid ซึ่งเป็นแอป automation ที่ให้คุณสร้าง macro เพื่อให้มือถือทำงานอัตโนมัติตามเงื่อนไข เช่น เล่นเพลงเมื่อเชื่อมต่อ Bluetooth กับรถ หรือลบภาพหน้าจอทุกวันอาทิตย์ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

    แอปสุดท้ายคือ Action Notch ที่เปลี่ยน notch หรือกล้องหน้าให้กลายเป็นปุ่มเสมือน รองรับ gesture แบบแตะครั้งเดียว, สองครั้ง, กดค้าง และ swipe เพื่อเรียกใช้งานต่าง ๆ เช่น scroll to top, เปิด power menu หรือเรียก automation จาก MacroDroid

    Tap, Tap: แตะหลังเครื่องเพื่อเรียกใช้งาน
    รองรับกว่า 50 actions เช่น เปิดแอป, ถ่ายภาพหน้าจอ, เปิดไฟฉาย
    มีระบบ “gates” เพื่อป้องกันการทำงานผิดจังหวะ
    ต้อง sideload จาก GitHub เพราะไม่มีใน Play Store

    ImageToolbox: จัดการภาพแบบครบวงจร
    รองรับการ resize, convert, ลบ EXIF, watermark, OCR
    มีเครื่องมือสร้าง PDF, สแกน QR, สร้าง ZIP และ GIF
    ใช้งานง่ายผ่าน tab แยกหมวดหมู่ เช่น Edit, Create, Tools

    Key Mapper: รีแมปปุ่มฮาร์ดแวร์
    รองรับ gesture แบบกดครั้งเดียว, สองครั้ง, กดค้าง
    สามารถตั้ง constraint เช่น ทำงานเฉพาะในแอปหรือ lock screen
    ต้องปลดล็อกเวอร์ชันพรีเมียมเพื่อ remap ปุ่มด้านข้าง

    MacroDroid: สร้าง automation แบบไม่ต้องเขียนโค้ด
    macro ประกอบด้วย trigger, action และ constraint
    รองรับ automation เช่น เปิดเพลง, ลบไฟล์, ส่งข้อความ
    มี community ให้แชร์ template และ macro ที่สร้างไว้

    Action Notch: เปลี่ยน notch เป็นปุ่มเสมือน
    รองรับ gesture แบบแตะ, กดค้าง, swipe ซ้าย/ขวา
    เรียกใช้งานเช่น scroll to top, เปิด power menu, trigger automation
    ปรับขนาด interactive zone ได้ เช่น ขยายไปถึง status bar

    https://www.slashgear.com/1952387/android-apps-that-deserve-more-attention/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก 5 แอป Android ที่ควรค่าแก่การรู้จัก: เมื่อฟีเจอร์ลับกลายเป็นพลังเสริมของมือถือ ในบทความจาก SlashGear ได้คัดเลือก 5 แอป Android ที่แม้จะไม่ติดอันดับยอดนิยมใน Play Store แต่กลับมีฟีเจอร์ที่ทรงพลังและช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมมือถือได้ลึกขึ้น ทั้งในด้าน gesture, automation, image processing และการปรับแต่งปุ่มฮาร์ดแวร์ โดยทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องรูทเครื่อง แอปแรกคือ Tap, Tap ซึ่งเป็นพอร์ตของฟีเจอร์ Quick Tap จาก Pixel ที่ให้คุณแตะด้านหลังเครื่องเพื่อเรียกใช้งานต่าง ๆ เช่น เปิดไฟฉาย, ถ่ายภาพหน้าจอ หรือเปิดแอป โดยรองรับทั้ง double-tap และ triple-tap พร้อมระบบ “gates” ที่ช่วยป้องกันการทำงานผิดจังหวะ เช่น ไม่ให้ถ่ายภาพหน้าจอขณะเปิดแอปธนาคาร แอปที่สองคือ ImageToolbox ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการภาพแบบครบวงจร รองรับการ resize, convert, ลบข้อมูล EXIF, ใส่ลายน้ำ, OCR, สร้าง PDF, สแกน QR และแม้แต่สร้าง ZIP จากภาพหลายไฟล์—ทั้งหมดนี้ทำได้บนมือถือโดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ แอปที่สามคือ Key Mapper ซึ่งช่วยให้คุณ remap ปุ่มฮาร์ดแวร์ เช่น ปุ่มเพิ่มเสียงให้กลายเป็นปุ่มเปิดไฟฉาย หรือเปิดแอปเฉพาะเมื่ออยู่ใน lock screen โดยรองรับ gesture แบบกดครั้งเดียว, กดสองครั้ง และกดค้าง พร้อมระบบ constraint ที่ช่วยจำกัดการทำงานในสถานการณ์เฉพาะ แอปที่สี่คือ MacroDroid ซึ่งเป็นแอป automation ที่ให้คุณสร้าง macro เพื่อให้มือถือทำงานอัตโนมัติตามเงื่อนไข เช่น เล่นเพลงเมื่อเชื่อมต่อ Bluetooth กับรถ หรือลบภาพหน้าจอทุกวันอาทิตย์ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด แอปสุดท้ายคือ Action Notch ที่เปลี่ยน notch หรือกล้องหน้าให้กลายเป็นปุ่มเสมือน รองรับ gesture แบบแตะครั้งเดียว, สองครั้ง, กดค้าง และ swipe เพื่อเรียกใช้งานต่าง ๆ เช่น scroll to top, เปิด power menu หรือเรียก automation จาก MacroDroid ✅ Tap, Tap: แตะหลังเครื่องเพื่อเรียกใช้งาน ➡️ รองรับกว่า 50 actions เช่น เปิดแอป, ถ่ายภาพหน้าจอ, เปิดไฟฉาย ➡️ มีระบบ “gates” เพื่อป้องกันการทำงานผิดจังหวะ ➡️ ต้อง sideload จาก GitHub เพราะไม่มีใน Play Store ✅ ImageToolbox: จัดการภาพแบบครบวงจร ➡️ รองรับการ resize, convert, ลบ EXIF, watermark, OCR ➡️ มีเครื่องมือสร้าง PDF, สแกน QR, สร้าง ZIP และ GIF ➡️ ใช้งานง่ายผ่าน tab แยกหมวดหมู่ เช่น Edit, Create, Tools ✅ Key Mapper: รีแมปปุ่มฮาร์ดแวร์ ➡️ รองรับ gesture แบบกดครั้งเดียว, สองครั้ง, กดค้าง ➡️ สามารถตั้ง constraint เช่น ทำงานเฉพาะในแอปหรือ lock screen ➡️ ต้องปลดล็อกเวอร์ชันพรีเมียมเพื่อ remap ปุ่มด้านข้าง ✅ MacroDroid: สร้าง automation แบบไม่ต้องเขียนโค้ด ➡️ macro ประกอบด้วย trigger, action และ constraint ➡️ รองรับ automation เช่น เปิดเพลง, ลบไฟล์, ส่งข้อความ ➡️ มี community ให้แชร์ template และ macro ที่สร้างไว้ ✅ Action Notch: เปลี่ยน notch เป็นปุ่มเสมือน ➡️ รองรับ gesture แบบแตะ, กดค้าง, swipe ซ้าย/ขวา ➡️ เรียกใช้งานเช่น scroll to top, เปิด power menu, trigger automation ➡️ ปรับขนาด interactive zone ได้ เช่น ขยายไปถึง status bar https://www.slashgear.com/1952387/android-apps-that-deserve-more-attention/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 More Great Android Apps Not Enough People Know About - SlashGear
    Not every Android app worth installing is popular — these ones will add convenience and utility to your smartphone experience and deserve to be more well known.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Safe Mode: เมื่อ PS5 เปิดติดแต่ไม่แสดงภาพ และวิธีแก้ที่ไม่ต้องส่งซ่อม

    ในช่วงที่ราคาของ PS5 พุ่งสูงขึ้น ผู้ใช้บางคนกลับต้องเจอกับปัญหาที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่า—เครื่องเปิดติดแต่หน้าจอขึ้นเป็นสีดำ ไม่มีภาพ ไม่มีเสียง ไม่มีอะไรเลย ซึ่งอาจดูเหมือนว่าเครื่องเสีย แต่จริง ๆ แล้วมีหลายสาเหตุที่สามารถแก้ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งช่าง

    สาเหตุหลักที่พบได้บ่อยคือสาย HDMI ที่เสียหรือเสียบไม่แน่น รวมถึงพอร์ต HDMI ที่สกปรกหรือชำรุดทั้งฝั่ง PS5 และทีวี นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากการตั้งค่าภาพที่ไม่ตรงกัน เช่น หากเคยใช้กับจอที่รองรับ HDR หรือความละเอียดสูง แล้วเปลี่ยนมาใช้จอธรรมดา เครื่องอาจพยายามส่งสัญญาณที่จอใหม่ไม่รองรับ

    อีกหนึ่งตัวการคือโหมดพักเครื่อง (Rest Mode) ซึ่งบางครั้งทำให้ระบบไม่สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ และเกิดอาการค้างจนภาพไม่ขึ้น รวมถึงกรณีที่ข้อมูลระบบเสียหาย หรือเครื่องร้อนเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน

    ข่าวดีคือ ปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น ตรวจสอบสาย HDMI, เปลี่ยนพอร์ต, รีสตาร์ทเครื่อง หรือเข้าสู่ Safe Mode เพื่อปรับค่าภาพใหม่, รีบิลด์ฐานข้อมูล หรือแม้แต่รีเซ็ตระบบ (ซึ่งควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย)

    สาเหตุทั่วไปของ PS5 Black Screen
    สาย HDMI เสียหรือเสียบไม่แน่น
    พอร์ต HDMI สกปรกหรือชำรุด
    การตั้งค่าภาพไม่ตรงกับจอที่ใช้งาน
    ระบบค้างจาก Rest Mode หรือข้อมูลเสียหาย

    วิธีแก้เบื้องต้นที่ควรลองก่อนส่งซ่อม
    ตรวจสอบทีวีว่าเปิดอยู่และตั้งค่าพอร์ตถูกต้อง
    เปลี่ยนสาย HDMI หรือพอร์ตที่ใช้งาน
    รีสตาร์ทเครื่องโดยกดปุ่ม Power จนได้ยินสองเสียงบี๊บ
    ถอดปลั๊กแล้วรอ 20 นาที ก่อนเสียบกลับและเปิดใหม่

    การใช้ Safe Mode เพื่อแก้ปัญหา
    เข้าสู่ Safe Mode โดยกดปุ่ม Power จนได้ยินเสียงบี๊บสองครั้ง
    ใช้เมนู Change Video Output หรือ Change Resolution เพื่อแก้ปัญหาภาพ
    ใช้ Rebuild Database เพื่อแก้ข้อมูลเสียหาย
    หากยังไม่หาย อาจต้อง Reset หรือ Reinstall System Software

    ทางเลือกเมื่อวิธีเบื้องต้นไม่ได้ผล
    รีเซ็ตระบบจะลบเกมและข้อมูลทั้งหมด—ควรสำรองก่อน
    สามารถอัปเดตระบบผ่าน USB หากไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
    หากยังไม่หาย อาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์ เช่น HDMI chip หรือ power supply

    https://www.slashgear.com/1955501/how-to-fix-ps5-black-screen-issue-what-causes-problem/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Safe Mode: เมื่อ PS5 เปิดติดแต่ไม่แสดงภาพ และวิธีแก้ที่ไม่ต้องส่งซ่อม ในช่วงที่ราคาของ PS5 พุ่งสูงขึ้น ผู้ใช้บางคนกลับต้องเจอกับปัญหาที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่า—เครื่องเปิดติดแต่หน้าจอขึ้นเป็นสีดำ ไม่มีภาพ ไม่มีเสียง ไม่มีอะไรเลย ซึ่งอาจดูเหมือนว่าเครื่องเสีย แต่จริง ๆ แล้วมีหลายสาเหตุที่สามารถแก้ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งช่าง สาเหตุหลักที่พบได้บ่อยคือสาย HDMI ที่เสียหรือเสียบไม่แน่น รวมถึงพอร์ต HDMI ที่สกปรกหรือชำรุดทั้งฝั่ง PS5 และทีวี นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากการตั้งค่าภาพที่ไม่ตรงกัน เช่น หากเคยใช้กับจอที่รองรับ HDR หรือความละเอียดสูง แล้วเปลี่ยนมาใช้จอธรรมดา เครื่องอาจพยายามส่งสัญญาณที่จอใหม่ไม่รองรับ อีกหนึ่งตัวการคือโหมดพักเครื่อง (Rest Mode) ซึ่งบางครั้งทำให้ระบบไม่สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ และเกิดอาการค้างจนภาพไม่ขึ้น รวมถึงกรณีที่ข้อมูลระบบเสียหาย หรือเครื่องร้อนเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน ข่าวดีคือ ปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น ตรวจสอบสาย HDMI, เปลี่ยนพอร์ต, รีสตาร์ทเครื่อง หรือเข้าสู่ Safe Mode เพื่อปรับค่าภาพใหม่, รีบิลด์ฐานข้อมูล หรือแม้แต่รีเซ็ตระบบ (ซึ่งควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย) ✅ สาเหตุทั่วไปของ PS5 Black Screen ➡️ สาย HDMI เสียหรือเสียบไม่แน่น ➡️ พอร์ต HDMI สกปรกหรือชำรุด ➡️ การตั้งค่าภาพไม่ตรงกับจอที่ใช้งาน ➡️ ระบบค้างจาก Rest Mode หรือข้อมูลเสียหาย ✅ วิธีแก้เบื้องต้นที่ควรลองก่อนส่งซ่อม ➡️ ตรวจสอบทีวีว่าเปิดอยู่และตั้งค่าพอร์ตถูกต้อง ➡️ เปลี่ยนสาย HDMI หรือพอร์ตที่ใช้งาน ➡️ รีสตาร์ทเครื่องโดยกดปุ่ม Power จนได้ยินสองเสียงบี๊บ ➡️ ถอดปลั๊กแล้วรอ 20 นาที ก่อนเสียบกลับและเปิดใหม่ ✅ การใช้ Safe Mode เพื่อแก้ปัญหา ➡️ เข้าสู่ Safe Mode โดยกดปุ่ม Power จนได้ยินเสียงบี๊บสองครั้ง ➡️ ใช้เมนู Change Video Output หรือ Change Resolution เพื่อแก้ปัญหาภาพ ➡️ ใช้ Rebuild Database เพื่อแก้ข้อมูลเสียหาย ➡️ หากยังไม่หาย อาจต้อง Reset หรือ Reinstall System Software ✅ ทางเลือกเมื่อวิธีเบื้องต้นไม่ได้ผล ➡️ รีเซ็ตระบบจะลบเกมและข้อมูลทั้งหมด—ควรสำรองก่อน ➡️ สามารถอัปเดตระบบผ่าน USB หากไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ➡️ หากยังไม่หาย อาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์ เช่น HDMI chip หรือ power supply https://www.slashgear.com/1955501/how-to-fix-ps5-black-screen-issue-what-causes-problem/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Fix The PS5 Black Screen Issue (And What's Causing It, Explained) - SlashGear
    If your PS5 powers on but the screen stays black, check HDMI connections, Safe Mode settings, and software fixes to restore the display.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก PartyBoost: เมื่อปุ่มเล็ก ๆ บน JBL กลายเป็นตัวเชื่อมเสียงให้ล้อมรอบคุณ

    หลายคนอาจเคยเห็นปุ่มรูป ∞ บนลำโพง JBL แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร คำตอบคือ “PartyBoost”—ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลำโพง JBL หลายตัวสามารถเชื่อมต่อกันแบบไร้สาย และเล่นเพลงพร้อมกันได้สูงสุดถึง 99 ตัวในโหมด Party Mode หรือจับคู่สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode

    ฟีเจอร์นี้เหมาะกับสถานการณ์หลากหลาย เช่น ปาร์ตี้ริมสระน้ำที่วาง Flip 6 ไว้ข้างสระ และ Charge 5 ไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้เพื่อให้เสียงกระจายทั่วพื้นที่โดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือจะใช้สองตัวในห้องนั่งเล่นเพื่อสร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา

    การใช้งานก็ง่ายมาก: เปิดลำโพง JBL ที่รองรับ PartyBoost อย่างน้อยสองตัว, เชื่อมต่อ Bluetooth กับตัวใดตัวหนึ่ง, เปิดเพลง, แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว จากนั้นใช้แอป JBL Portable เพื่อเลือกโหมดที่ต้องการ

    ฟีเจอร์ PartyBoost บนลำโพง JBL
    เชื่อมต่อลำโพงได้สูงสุด 99 ตัวในโหมด Party Mode
    ใช้สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode
    ปุ่มอินฟินิตี้คือตัวเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

    การใช้งาน PartyBoost
    เปิดลำโพงที่รองรับ PartyBoost เช่น Flip 5/6, Charge 5, Xtreme 3
    เชื่อมต่อ Bluetooth กับลำโพงตัวแรก
    กดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว แล้วใช้แอป JBL Portable เลือกโหมด

    ประโยชน์ของ PartyBoost
    ขยายพื้นที่เสียงโดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่
    สร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา
    เหมาะกับปาร์ตี้กลางแจ้งหรือการใช้งานในบ้าน

    ความสามารถของลำโพง JBL ที่รองรับ
    ทนทานต่อฝุ่นและน้ำ เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง
    ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย
    เสียงคุณภาพดีเมื่อใช้งานเดี่ยว และยอดเยี่ยมเมื่อเชื่อมต่อหลายตัว

    https://www.slashgear.com/1955729/what-does-infinity-button-do-jbl-speaker/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก PartyBoost: เมื่อปุ่มเล็ก ๆ บน JBL กลายเป็นตัวเชื่อมเสียงให้ล้อมรอบคุณ หลายคนอาจเคยเห็นปุ่มรูป ∞ บนลำโพง JBL แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร คำตอบคือ “PartyBoost”—ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลำโพง JBL หลายตัวสามารถเชื่อมต่อกันแบบไร้สาย และเล่นเพลงพร้อมกันได้สูงสุดถึง 99 ตัวในโหมด Party Mode หรือจับคู่สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode ฟีเจอร์นี้เหมาะกับสถานการณ์หลากหลาย เช่น ปาร์ตี้ริมสระน้ำที่วาง Flip 6 ไว้ข้างสระ และ Charge 5 ไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้เพื่อให้เสียงกระจายทั่วพื้นที่โดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือจะใช้สองตัวในห้องนั่งเล่นเพื่อสร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา การใช้งานก็ง่ายมาก: เปิดลำโพง JBL ที่รองรับ PartyBoost อย่างน้อยสองตัว, เชื่อมต่อ Bluetooth กับตัวใดตัวหนึ่ง, เปิดเพลง, แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว จากนั้นใช้แอป JBL Portable เพื่อเลือกโหมดที่ต้องการ ✅ ฟีเจอร์ PartyBoost บนลำโพง JBL ➡️ เชื่อมต่อลำโพงได้สูงสุด 99 ตัวในโหมด Party Mode ➡️ ใช้สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode ➡️ ปุ่มอินฟินิตี้คือตัวเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ✅ การใช้งาน PartyBoost ➡️ เปิดลำโพงที่รองรับ PartyBoost เช่น Flip 5/6, Charge 5, Xtreme 3 ➡️ เชื่อมต่อ Bluetooth กับลำโพงตัวแรก ➡️ กดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว แล้วใช้แอป JBL Portable เลือกโหมด ✅ ประโยชน์ของ PartyBoost ➡️ ขยายพื้นที่เสียงโดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่ ➡️ สร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา ➡️ เหมาะกับปาร์ตี้กลางแจ้งหรือการใช้งานในบ้าน ✅ ความสามารถของลำโพง JBL ที่รองรับ ➡️ ทนทานต่อฝุ่นและน้ำ เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง ➡️ ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ➡️ เสียงคุณภาพดีเมื่อใช้งานเดี่ยว และยอดเยี่ยมเมื่อเชื่อมต่อหลายตัว https://www.slashgear.com/1955729/what-does-infinity-button-do-jbl-speaker/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Does The Infinity Button Do On A JBL Speaker? - SlashGear
    The infinity (PartyBoost) button on JBL speakers links upto 99 compatible units into a synchronized “party mode,” streaming the same audio across all devices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากดาวเทียมที่ยังหมุนอยู่: เมื่อการหยุดใช้งานอินเทอร์เน็ตต้องจ่ายเงินเพื่อไม่ให้หลุดจากระบบ

    ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้ Starlink สามารถ “พักบริการ” ได้ฟรี โดยไม่ต้องจ่ายรายเดือนในช่วงที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ฤดูหนาวที่ไม่มีคนอยู่บ้าน หรือช่วงที่ไม่ได้เดินทางไปใช้ Starlink Roam แต่ในเดือนกันยายน 2025 Starlink ได้เปลี่ยนเงื่อนไขใหม่: หากต้องการพักบริการแบบไม่ใช้งานเต็มสปีด จะต้องจ่าย $5 ต่อเดือนเพื่อเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า “Standby Mode”

    Standby Mode จะลดความเร็วอินเทอร์เน็ตลงเหลือ 500 Kbps ซึ่งเพียงพอสำหรับการส่งข้อความ, โทรศัพท์ผ่าน Wi-Fi, หรือการสื่อสารฉุกเฉินในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือ นอกจากนี้ยังคงได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อให้จานดาวเทียมทำงานได้อย่างราบรื่น

    ผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์ pause จะได้รับอีเมลแจ้งให้เลือกว่าจะเข้าสู่ Standby Mode หรือไม่ โดยต้องตอบรับภายในวันที่ 13 กันยายน 2025 มิฉะนั้น Starlink จะ “ยกเลิกสายบริการที่พักไว้” ซึ่งหมายความว่าอาจต้องสมัครใหม่และเสียค่าธรรมเนียมในการเปิดใช้งานอีกครั้ง

    ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะกับแผน Residential, Roam และ Priority เท่านั้น ส่วนแผน Business, Enterprise และบัญชีที่ได้จากโปรโมชันจะไม่สามารถใช้ Standby Mode ได้

    https://www.slashgear.com/1956244/starlink-standby-mode-how-works-explained/
    🎙️ เรื่องเล่าจากดาวเทียมที่ยังหมุนอยู่: เมื่อการหยุดใช้งานอินเทอร์เน็ตต้องจ่ายเงินเพื่อไม่ให้หลุดจากระบบ ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้ Starlink สามารถ “พักบริการ” ได้ฟรี โดยไม่ต้องจ่ายรายเดือนในช่วงที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ฤดูหนาวที่ไม่มีคนอยู่บ้าน หรือช่วงที่ไม่ได้เดินทางไปใช้ Starlink Roam แต่ในเดือนกันยายน 2025 Starlink ได้เปลี่ยนเงื่อนไขใหม่: หากต้องการพักบริการแบบไม่ใช้งานเต็มสปีด จะต้องจ่าย $5 ต่อเดือนเพื่อเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า “Standby Mode” Standby Mode จะลดความเร็วอินเทอร์เน็ตลงเหลือ 500 Kbps ซึ่งเพียงพอสำหรับการส่งข้อความ, โทรศัพท์ผ่าน Wi-Fi, หรือการสื่อสารฉุกเฉินในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือ นอกจากนี้ยังคงได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อให้จานดาวเทียมทำงานได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์ pause จะได้รับอีเมลแจ้งให้เลือกว่าจะเข้าสู่ Standby Mode หรือไม่ โดยต้องตอบรับภายในวันที่ 13 กันยายน 2025 มิฉะนั้น Starlink จะ “ยกเลิกสายบริการที่พักไว้” ซึ่งหมายความว่าอาจต้องสมัครใหม่และเสียค่าธรรมเนียมในการเปิดใช้งานอีกครั้ง ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะกับแผน Residential, Roam และ Priority เท่านั้น ส่วนแผน Business, Enterprise และบัญชีที่ได้จากโปรโมชันจะไม่สามารถใช้ Standby Mode ได้ https://www.slashgear.com/1956244/starlink-standby-mode-how-works-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Does Starlink's Standby Mode Work? - SlashGear
    Starlink's new Standby Mode replaces the old Pause feature; it costs $5 monthly and adds an unlimited low-speed data connection.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก OZMO Roller: เมื่อม็อปแนวนอนกลายเป็นอดีต และแนวตั้งคืออนาคตของการทำความสะอาด

    ในโลกของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มาพร้อมฟังก์ชันม็อปพื้น หลายรุ่นใช้แผ่นม็อปหมุนแนวนอนที่อาจแค่ลากคราบไปมาโดยไม่ยกออกจริง ๆ แต่ YEEDI M14 PLUS ได้รับรางวัล SlashGear Innovation Award เพราะพลิกแนวคิดนี้ด้วย OZMO Roller Mopping Technology ที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Tineco

    แทนที่จะหมุนแนวนอน OZMO Roller ใช้ลูกกลิ้งแนวตั้งที่หมุนด้วยความเร็ว 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa และมีหัวฉีดน้ำ 16 จุดที่ยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาที เพื่อขัดคราบฝังแน่นและดูดน้ำสกปรกกลับทันที—ไม่ทิ้งคราบ ไม่ทิ้งกลิ่น และไม่ต้องล้างม็อปด้วยมือ

    ระบบนี้ยังควบคุมด้วย AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเล็งเป้าคราบ, ยืดแขนเข้าไปในมุมแคบ และหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบแปรง ZeroTangle 3.0 ที่ป้องกันขนพันกัน และแรงดูดสูงถึง 18,000 Pa ที่สามารถดูดฝุ่นและเศษขยะได้ทั้งขนาดเล็กและใหญ่

    เมื่อทำงานเสร็จ หุ่นยนต์จะกลับไปยัง Omni-Station ที่สามารถล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C, เป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C, เทน้ำสกปรกทิ้ง, เติมน้ำสะอาด และดูดฝุ่นออกจากถังเก็บ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องให้เจ้าของบ้านแตะต้องเลยแม้แต่นิดเดียว

    เทคโนโลยี OZMO Roller Mopping
    ลูกกลิ้งแนวตั้งหมุนที่ 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa
    หัวฉีดน้ำ 16 จุดยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาทีเพื่อขัดคราบฝังแน่น
    ระบบดูดน้ำสกปรกกลับทันทีเพื่อป้องกันการปนเปื้อน

    ความสามารถด้านการดูดฝุ่น
    แรงดูดสูงสุด 18,000 Pa สำหรับเศษขยะทุกขนาด
    ระบบ ZeroTangle 3.0 ป้องกันขนพันแปรง
    แปรงหลักแบบ Cyclone และแปรงข้างแบบ ARClean

    ระบบนำทางและการปรับแต่ง
    Tru-Edge 2.0 สำหรับทำความสะอาดขอบและมุม
    AIVI 3D 3.0 สำหรับหลบสิ่งกีดขวางและจำแนกพื้นผิว
    ปรับลำดับการทำงาน เช่น เริ่มจากพรมก่อนพื้นแข็ง

    Omni-Station ที่ดูแลตัวเองได้
    ล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C และเป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C
    เทน้ำสกปรกและเติมน้ำสะอาดอัตโนมัติ
    ดูดฝุ่นออกจากถังเก็บโดยไม่ต้องเปิดฝาเอง
    ใช้งานได้นานถึง 150 วันก่อนต้องดูแลเอง

    https://www.slashgear.com/sponsored/1949546/robot-vacuum-roller-mop-innovation-award-yeedi-m14-plus/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก OZMO Roller: เมื่อม็อปแนวนอนกลายเป็นอดีต และแนวตั้งคืออนาคตของการทำความสะอาด ในโลกของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มาพร้อมฟังก์ชันม็อปพื้น หลายรุ่นใช้แผ่นม็อปหมุนแนวนอนที่อาจแค่ลากคราบไปมาโดยไม่ยกออกจริง ๆ แต่ YEEDI M14 PLUS ได้รับรางวัล SlashGear Innovation Award เพราะพลิกแนวคิดนี้ด้วย OZMO Roller Mopping Technology ที่พัฒนาโดยร่วมมือกับ Tineco แทนที่จะหมุนแนวนอน OZMO Roller ใช้ลูกกลิ้งแนวตั้งที่หมุนด้วยความเร็ว 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa และมีหัวฉีดน้ำ 16 จุดที่ยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาที เพื่อขัดคราบฝังแน่นและดูดน้ำสกปรกกลับทันที—ไม่ทิ้งคราบ ไม่ทิ้งกลิ่น และไม่ต้องล้างม็อปด้วยมือ ระบบนี้ยังควบคุมด้วย AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเล็งเป้าคราบ, ยืดแขนเข้าไปในมุมแคบ และหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบแปรง ZeroTangle 3.0 ที่ป้องกันขนพันกัน และแรงดูดสูงถึง 18,000 Pa ที่สามารถดูดฝุ่นและเศษขยะได้ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เมื่อทำงานเสร็จ หุ่นยนต์จะกลับไปยัง Omni-Station ที่สามารถล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C, เป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C, เทน้ำสกปรกทิ้ง, เติมน้ำสะอาด และดูดฝุ่นออกจากถังเก็บ—ทั้งหมดนี้โดยไม่ต้องให้เจ้าของบ้านแตะต้องเลยแม้แต่นิดเดียว ✅ เทคโนโลยี OZMO Roller Mopping ➡️ ลูกกลิ้งแนวตั้งหมุนที่ 200 RPM พร้อมแรงกด 4,000 Pa ➡️ หัวฉีดน้ำ 16 จุดยิงน้ำ 200 ครั้งต่อนาทีเพื่อขัดคราบฝังแน่น ➡️ ระบบดูดน้ำสกปรกกลับทันทีเพื่อป้องกันการปนเปื้อน ✅ ความสามารถด้านการดูดฝุ่น ➡️ แรงดูดสูงสุด 18,000 Pa สำหรับเศษขยะทุกขนาด ➡️ ระบบ ZeroTangle 3.0 ป้องกันขนพันแปรง ➡️ แปรงหลักแบบ Cyclone และแปรงข้างแบบ ARClean ✅ ระบบนำทางและการปรับแต่ง ➡️ Tru-Edge 2.0 สำหรับทำความสะอาดขอบและมุม ➡️ AIVI 3D 3.0 สำหรับหลบสิ่งกีดขวางและจำแนกพื้นผิว ➡️ ปรับลำดับการทำงาน เช่น เริ่มจากพรมก่อนพื้นแข็ง ✅ Omni-Station ที่ดูแลตัวเองได้ ➡️ ล้างม็อปด้วยน้ำร้อน 75°C และเป่าแห้งด้วยลมร้อน 63°C ➡️ เทน้ำสกปรกและเติมน้ำสะอาดอัตโนมัติ ➡️ ดูดฝุ่นออกจากถังเก็บโดยไม่ต้องเปิดฝาเอง ➡️ ใช้งานได้นานถึง 150 วันก่อนต้องดูแลเอง https://www.slashgear.com/sponsored/1949546/robot-vacuum-roller-mop-innovation-award-yeedi-m14-plus/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    YEEDI M14 PLUS Earns SlashGear Innovation Award For Its Game-Changing Roller Mop Technology - SlashGear
    Want a better way to keep your floors spotless? Find out what makes the roller mop technology on the YEEDI M14 PLUS robot vacuum so unique.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเรือที่จ่ายไฟ: เมื่อ Karpowership เปลี่ยนทะเลให้กลายเป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉิน

    Powership คือเรือที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยสามารถใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, หรือแม้แต่เชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อผลิตไฟฟ้าและส่งเข้าสู่โครงข่ายบนฝั่งผ่านสายไฟแรงสูง โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบกเลยแม้แต่นิดเดียว

    บริษัทที่เป็นเจ้าของและผู้ให้บริการหลักคือ Karpowership จากตุรกี ซึ่งมีเรือกว่า 50 ลำในปัจจุบัน และกำลังขยายกำลังผลิตจาก 10,000 MW เป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เรือแต่ละลำสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ไปจนถึง 500 MW โดยใช้เทคโนโลยีแบบ plug-and-play ที่สามารถติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน

    เรือรุ่นใหญ่ที่สุดคือ Khan Class เช่น Osman Khan ที่มีความยาวถึง 300 เมตร และบรรทุกเชื้อเพลิงได้ถึง 38,000 ตัน ใช้เครื่องยนต์แบบ dual-fuel ที่สามารถสลับเชื้อเพลิงตามความพร้อมในพื้นที่ เช่น ก๊าซธรรมชาติในบราซิล หรือดีเซลในโมซัมบิก

    นอกจากความเร็วในการติดตั้งแล้ว Powership ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า, ลดการปล่อยคาร์บอนเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าเก่า และไม่ต้องใช้พื้นที่บนบก—เหมาะกับประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานจำกัด เช่น อินโดนีเซีย, เซเนกัล, เลบานอน, อิรัก และคิวบา

    ล่าสุด Karpowership ยังร่วมมือกับ Seatrium เพื่อพัฒนาเรือรุ่นใหม่ที่ติดตั้งระบบดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อรองรับเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดในอนาคต

    ความสามารถของ Powership
    ผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ถึง 500 MW ต่อเรือ
    ใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, เชื้อเพลิงชีวภาพ
    ติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน

    บริษัท Karpowership และการขยายตัว
    มีเรือกว่า 50 ลำ รวมกำลังผลิตกว่า 10,000 MW
    เป้าหมายคือขยายเป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปี
    ให้บริการในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก

    เทคโนโลยีและความยืดหยุ่น
    ใช้เครื่องยนต์ dual-fuel ที่ปรับตามเชื้อเพลิงในพื้นที่
    ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบก ลดความเสี่ยงด้าน EPC
    มีระบบ CCUS และเทอร์ไบน์ในเรือรุ่นใหม่เพื่อรองรับพลังงานสะอาด

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    อินโดนีเซียใช้ Powership จ่ายไฟให้ 4 เกาะ รวมถึง 80% ของความต้องการ
    บราซิลและเซเนกัลใช้เรือ LNGTS เพื่อจ่ายไฟจากทะเลสู่ฝั่ง
    โมซัมบิกและอิรักใช้เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย

    https://www.slashgear.com/1955619/what-is-a-power-ship-and-why-do-some-countries-need-them/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเรือที่จ่ายไฟ: เมื่อ Karpowership เปลี่ยนทะเลให้กลายเป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉิน Powership คือเรือที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยสามารถใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, หรือแม้แต่เชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อผลิตไฟฟ้าและส่งเข้าสู่โครงข่ายบนฝั่งผ่านสายไฟแรงสูง โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบกเลยแม้แต่นิดเดียว บริษัทที่เป็นเจ้าของและผู้ให้บริการหลักคือ Karpowership จากตุรกี ซึ่งมีเรือกว่า 50 ลำในปัจจุบัน และกำลังขยายกำลังผลิตจาก 10,000 MW เป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เรือแต่ละลำสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ไปจนถึง 500 MW โดยใช้เทคโนโลยีแบบ plug-and-play ที่สามารถติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน เรือรุ่นใหญ่ที่สุดคือ Khan Class เช่น Osman Khan ที่มีความยาวถึง 300 เมตร และบรรทุกเชื้อเพลิงได้ถึง 38,000 ตัน ใช้เครื่องยนต์แบบ dual-fuel ที่สามารถสลับเชื้อเพลิงตามความพร้อมในพื้นที่ เช่น ก๊าซธรรมชาติในบราซิล หรือดีเซลในโมซัมบิก นอกจากความเร็วในการติดตั้งแล้ว Powership ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า, ลดการปล่อยคาร์บอนเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าเก่า และไม่ต้องใช้พื้นที่บนบก—เหมาะกับประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานจำกัด เช่น อินโดนีเซีย, เซเนกัล, เลบานอน, อิรัก และคิวบา ล่าสุด Karpowership ยังร่วมมือกับ Seatrium เพื่อพัฒนาเรือรุ่นใหม่ที่ติดตั้งระบบดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อรองรับเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดในอนาคต ✅ ความสามารถของ Powership ➡️ ผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 30 MW ถึง 500 MW ต่อเรือ ➡️ ใช้เชื้อเพลิงหลากหลาย เช่น น้ำมันเตา, ก๊าซธรรมชาติ, เชื้อเพลิงชีวภาพ ➡️ ติดตั้งและเริ่มจ่ายไฟได้ภายใน 30 วัน ✅ บริษัท Karpowership และการขยายตัว ➡️ มีเรือกว่า 50 ลำ รวมกำลังผลิตกว่า 10,000 MW ➡️ เป้าหมายคือขยายเป็น 21,000 MW ภายในไม่กี่ปี ➡️ ให้บริการในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ✅ เทคโนโลยีและความยืดหยุ่น ➡️ ใช้เครื่องยนต์ dual-fuel ที่ปรับตามเชื้อเพลิงในพื้นที่ ➡️ ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าบนบก ลดความเสี่ยงด้าน EPC ➡️ มีระบบ CCUS และเทอร์ไบน์ในเรือรุ่นใหม่เพื่อรองรับพลังงานสะอาด ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ อินโดนีเซียใช้ Powership จ่ายไฟให้ 4 เกาะ รวมถึง 80% ของความต้องการ ➡️ บราซิลและเซเนกัลใช้เรือ LNGTS เพื่อจ่ายไฟจากทะเลสู่ฝั่ง ➡️ โมซัมบิกและอิรักใช้เพื่อเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย https://www.slashgear.com/1955619/what-is-a-power-ship-and-why-do-some-countries-need-them/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Is A Powership And Why Do Some Countries Need Them? - SlashGear
    Powerships are essentially floating power stations that can anchor offshore and plug in to produce electricity to supplement the local power grid.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก KEV List: เมื่อ CISA เตือนว่า TP-Link และ WhatsApp กำลังถูกใช้โจมตีจริง

    CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ได้อัปเดตรายชื่อช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีจริง (Known Exploited Vulnerabilities หรือ KEV List) โดยเพิ่มสองช่องโหว่ใหม่ที่กำลังถูกใช้ในโลกจริง ได้แก่:

    - ช่องโหว่ระดับรุนแรงใน TP-Link Wi-Fi Extender รุ่น TL-WA855RE
    - ช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมแบบเจาะจง

    ช่องโหว่ใน TP-Link (CVE-2020-24363) เป็นปัญหา “missing authentication” ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งรีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน และตั้งรหัสผ่านใหม่เพื่อเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนใด ๆ แม้จะมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ “end-of-life” แล้ว ทำให้ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป

    ช่องโหว่ใน WhatsApp (CVE-2025-55177) มีความรุนแรงระดับกลาง แต่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมขั้นสูง โดยอาศัยการ sync ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งมีการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ และเมื่อจับคู่กับช่องโหว่ในระบบ Apple (CVE-2025-43300) ที่อยู่ใน ImageIO framework ก็สามารถใช้เป็น “zero-click exploit” ที่ไม่ต้องให้เหยื่อกดอะไรเลย—แค่เปิดแอปก็ถูกเจาะได้

    WhatsApp ได้ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 รายทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นนักข่าวและนักเคลื่อนไหวในภาคประชาสังคม ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ช่องโหว่เหล่านี้ในแคมเปญสอดแนมที่มีเป้าหมายเฉพาะ

    ช่องโหว่ใน TP-Link TL-WA855RE
    CVE-2020-24363 เป็นช่องโหว่ “missing authentication” ที่เปิดให้รีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน
    ผู้โจมตีสามารถตั้งรหัสผ่านใหม่และเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที
    รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ end-of-life แล้ว ไม่มีการอัปเดตอีก

    ช่องโหว่ใน WhatsApp และ Apple
    CVE-2025-55177 เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ในการ sync ข้อมูล
    เมื่อจับคู่กับ CVE-2025-43300 ใน ImageIO ของ Apple จะกลายเป็น zero-click exploit
    ใช้ในแคมเปญสอดแนมที่เจาะจงเป้าหมาย เช่น นักข่าวและนักเคลื่อนไหว

    การตอบสนองจาก WhatsApp และ Apple
    WhatsApp ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 ราย
    Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อปิดช่องโหว่ใน ImageIO
    ผู้ใช้ควรอัปเดต WhatsApp และระบบปฏิบัติการทันที

    คำแนะนำจาก CISA
    ช่องโหว่ทั้งสองถูกเพิ่มใน KEV List ซึ่งหมายถึงมีการโจมตีจริงแล้ว
    หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ต้องแก้ไขภายในวันที่ 23 กันยายน 2025 ตามคำสั่ง BOD 22-01
    CISA แนะนำให้ทุกองค์กรและผู้ใช้ทั่วไปดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว

    https://hackread.com/cisa-tp-link-wi-fi-whatsapp-spyware-flaws-kev-list/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก KEV List: เมื่อ CISA เตือนว่า TP-Link และ WhatsApp กำลังถูกใช้โจมตีจริง CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ได้อัปเดตรายชื่อช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีจริง (Known Exploited Vulnerabilities หรือ KEV List) โดยเพิ่มสองช่องโหว่ใหม่ที่กำลังถูกใช้ในโลกจริง ได้แก่: - ช่องโหว่ระดับรุนแรงใน TP-Link Wi-Fi Extender รุ่น TL-WA855RE - ช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมแบบเจาะจง ช่องโหว่ใน TP-Link (CVE-2020-24363) เป็นปัญหา “missing authentication” ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งรีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน และตั้งรหัสผ่านใหม่เพื่อเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนใด ๆ แม้จะมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ “end-of-life” แล้ว ทำให้ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป ช่องโหว่ใน WhatsApp (CVE-2025-55177) มีความรุนแรงระดับกลาง แต่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมขั้นสูง โดยอาศัยการ sync ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งมีการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ และเมื่อจับคู่กับช่องโหว่ในระบบ Apple (CVE-2025-43300) ที่อยู่ใน ImageIO framework ก็สามารถใช้เป็น “zero-click exploit” ที่ไม่ต้องให้เหยื่อกดอะไรเลย—แค่เปิดแอปก็ถูกเจาะได้ WhatsApp ได้ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 รายทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นนักข่าวและนักเคลื่อนไหวในภาคประชาสังคม ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ช่องโหว่เหล่านี้ในแคมเปญสอดแนมที่มีเป้าหมายเฉพาะ ✅ ช่องโหว่ใน TP-Link TL-WA855RE ➡️ CVE-2020-24363 เป็นช่องโหว่ “missing authentication” ที่เปิดให้รีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน ➡️ ผู้โจมตีสามารถตั้งรหัสผ่านใหม่และเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที ➡️ รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ end-of-life แล้ว ไม่มีการอัปเดตอีก ✅ ช่องโหว่ใน WhatsApp และ Apple ➡️ CVE-2025-55177 เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ในการ sync ข้อมูล ➡️ เมื่อจับคู่กับ CVE-2025-43300 ใน ImageIO ของ Apple จะกลายเป็น zero-click exploit ➡️ ใช้ในแคมเปญสอดแนมที่เจาะจงเป้าหมาย เช่น นักข่าวและนักเคลื่อนไหว ✅ การตอบสนองจาก WhatsApp และ Apple ➡️ WhatsApp ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 ราย ➡️ Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อปิดช่องโหว่ใน ImageIO ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเดต WhatsApp และระบบปฏิบัติการทันที ✅ คำแนะนำจาก CISA ➡️ ช่องโหว่ทั้งสองถูกเพิ่มใน KEV List ซึ่งหมายถึงมีการโจมตีจริงแล้ว ➡️ หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ต้องแก้ไขภายในวันที่ 23 กันยายน 2025 ตามคำสั่ง BOD 22-01 ➡️ CISA แนะนำให้ทุกองค์กรและผู้ใช้ทั่วไปดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว https://hackread.com/cisa-tp-link-wi-fi-whatsapp-spyware-flaws-kev-list/
    HACKREAD.COM
    CISA Adds TP-Link Wi-Fi and WhatsApp Spyware Flaws to KEV List
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก charmap.exe: เมื่อแอปพื้นฐานกลายเป็นหน้ากากของการขุดเหรียญลับ

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 ทีมวิจัยจาก Darktrace ตรวจพบการโจมตีแบบ cryptojacking บนเครือข่ายของบริษัทค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ โดยพบว่ามีการใช้ PowerShell user agent ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนที่นำไปสู่การค้นพบมัลแวร์ NBMiner ที่ถูกฝังอยู่ในกระบวนการของ Windows Character Map (charmap.exe)

    มัลแวร์นี้ถูกโหลดผ่านสคริปต์ infect.ps1 ที่ถูกเข้ารหัสหลายชั้นด้วย Base64 และ XOR เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ โดยใช้ AutoIt loader ที่ถูกออกแบบมาอย่างซับซ้อนเพื่อ inject ตัวเองเข้าไปในโปรเซสที่ดูปลอดภัยและไม่เป็นพิษภัย

    เมื่อเข้าไปใน charmap.exe แล้ว มัลแวร์จะตรวจสอบว่า Task Manager เปิดอยู่หรือไม่, มีแอนตี้ไวรัสตัวอื่นนอกจาก Windows Defender หรือเปล่า และพยายามยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้โดยหลบเลี่ยง UAC เพื่อให้สามารถขุดเหรียญ Monero ได้อย่างเงียบ ๆ ผ่าน mining pool ที่ชื่อ gulf.moneroocean.stream

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้น่ากังวลคือการใช้เทคนิค zero-click และการฝังตัวในหน่วยความจำโดยไม่แตะไฟล์บนดิสก์เลย ทำให้ระบบตรวจจับแบบ signature-based หรือ sandboxing แทบไม่มีโอกาสเห็นพฤติกรรมผิดปกติ

    Jason Soroko จาก Sectigo เตือนว่า cryptojacking ไม่ใช่แค่เรื่องของค่าไฟแพงหรือเครื่องช้า แต่เป็น “สัญญาณของการบุกรุก” ที่อาจเป็นหน้ากากของแคมเปญใหญ่ เช่น การเก็บ credentials หรือการสอดแนมเครือข่ายในระดับองค์กร

    รูปแบบการโจมตีที่ตรวจพบโดย Darktrace
    เริ่มจาก PowerShell user agent ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
    ใช้ infect.ps1 ที่ถูกเข้ารหัสหลายชั้นด้วย Base64 และ XOR
    โหลด AutoIt executable และ inject เข้าไปใน charmap.exe

    เทคนิคการหลบเลี่ยงและยกระดับสิทธิ์
    ตรวจสอบว่า Task Manager เปิดอยู่หรือไม่
    ตรวจสอบว่า Windows Defender เป็นแอนตี้ไวรัสเดียวที่ติดตั้ง
    พยายาม bypass UAC เพื่อยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้

    การฝังตัวและการขุดคริปโต
    ฝังตัวในหน่วยความจำของ charmap.exe โดยไม่แตะไฟล์บนดิสก์
    เชื่อมต่อกับ mining pool gulf.moneroocean.stream เพื่อขุด Monero
    ใช้เทคนิค zero-click และ anti-sandboxing เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
    Jason Soroko เตือนว่า cryptojacking คือสัญญาณของการบุกรุก
    อาจเป็นหน้ากากของแคมเปญที่ใหญ่กว่าการขุดเหรียญ
    การตรวจจับต้องอาศัยการวิเคราะห์พฤติกรรม ไม่ใช่แค่ signature

    https://hackread.com/new-malware-uses-windows-character-map-cryptomining/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก charmap.exe: เมื่อแอปพื้นฐานกลายเป็นหน้ากากของการขุดเหรียญลับ ในเดือนกรกฎาคม 2025 ทีมวิจัยจาก Darktrace ตรวจพบการโจมตีแบบ cryptojacking บนเครือข่ายของบริษัทค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ โดยพบว่ามีการใช้ PowerShell user agent ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนที่นำไปสู่การค้นพบมัลแวร์ NBMiner ที่ถูกฝังอยู่ในกระบวนการของ Windows Character Map (charmap.exe) มัลแวร์นี้ถูกโหลดผ่านสคริปต์ infect.ps1 ที่ถูกเข้ารหัสหลายชั้นด้วย Base64 และ XOR เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ โดยใช้ AutoIt loader ที่ถูกออกแบบมาอย่างซับซ้อนเพื่อ inject ตัวเองเข้าไปในโปรเซสที่ดูปลอดภัยและไม่เป็นพิษภัย เมื่อเข้าไปใน charmap.exe แล้ว มัลแวร์จะตรวจสอบว่า Task Manager เปิดอยู่หรือไม่, มีแอนตี้ไวรัสตัวอื่นนอกจาก Windows Defender หรือเปล่า และพยายามยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้โดยหลบเลี่ยง UAC เพื่อให้สามารถขุดเหรียญ Monero ได้อย่างเงียบ ๆ ผ่าน mining pool ที่ชื่อ gulf.moneroocean.stream สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้น่ากังวลคือการใช้เทคนิค zero-click และการฝังตัวในหน่วยความจำโดยไม่แตะไฟล์บนดิสก์เลย ทำให้ระบบตรวจจับแบบ signature-based หรือ sandboxing แทบไม่มีโอกาสเห็นพฤติกรรมผิดปกติ Jason Soroko จาก Sectigo เตือนว่า cryptojacking ไม่ใช่แค่เรื่องของค่าไฟแพงหรือเครื่องช้า แต่เป็น “สัญญาณของการบุกรุก” ที่อาจเป็นหน้ากากของแคมเปญใหญ่ เช่น การเก็บ credentials หรือการสอดแนมเครือข่ายในระดับองค์กร ✅ รูปแบบการโจมตีที่ตรวจพบโดย Darktrace ➡️ เริ่มจาก PowerShell user agent ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ➡️ ใช้ infect.ps1 ที่ถูกเข้ารหัสหลายชั้นด้วย Base64 และ XOR ➡️ โหลด AutoIt executable และ inject เข้าไปใน charmap.exe ✅ เทคนิคการหลบเลี่ยงและยกระดับสิทธิ์ ➡️ ตรวจสอบว่า Task Manager เปิดอยู่หรือไม่ ➡️ ตรวจสอบว่า Windows Defender เป็นแอนตี้ไวรัสเดียวที่ติดตั้ง ➡️ พยายาม bypass UAC เพื่อยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้ ✅ การฝังตัวและการขุดคริปโต ➡️ ฝังตัวในหน่วยความจำของ charmap.exe โดยไม่แตะไฟล์บนดิสก์ ➡️ เชื่อมต่อกับ mining pool gulf.moneroocean.stream เพื่อขุด Monero ➡️ ใช้เทคนิค zero-click และ anti-sandboxing เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ✅ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ➡️ Jason Soroko เตือนว่า cryptojacking คือสัญญาณของการบุกรุก ➡️ อาจเป็นหน้ากากของแคมเปญที่ใหญ่กว่าการขุดเหรียญ ➡️ การตรวจจับต้องอาศัยการวิเคราะห์พฤติกรรม ไม่ใช่แค่ signature https://hackread.com/new-malware-uses-windows-character-map-cryptomining/
    HACKREAD.COM
    New Malware Uses Windows Character Map for Cryptomining
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังการปิดข่าว: เมื่อการไม่เปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์กลายเป็นกลยุทธ์องค์กร

    จากรายงานล่าสุดของ Bitdefender และการสัมภาษณ์โดย CSO Online พบว่า 69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยผู้บริหารขององค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 42% เมื่อสองปีก่อน สาเหตุหลักคือความกลัวผลกระทบต่อชื่อเสียงและราคาหุ้น มากกว่าการปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรฐานความปลอดภัย

    รูปแบบการโจมตีที่เปลี่ยนไปก็มีส่วน—จาก ransomware ที่เคยบังคับให้เปิดเผยข้อมูล สู่การขโมยข้อมูลแบบเงียบ ๆ โดยไม่กระทบผู้ใช้ปลายทาง เช่น กลุ่ม RedCurl ที่เจาะ hypervisor โดยไม่แตะระบบที่ผู้ใช้เห็น ทำให้การเจรจาเป็นไปแบบลับ ๆ และลดแรงกดดันในการเปิดเผย

    CISO หลายคนเล่าว่าถูกกดดันให้ “ไม่แจ้งคณะกรรมการตรวจสอบ” หรือ “แต่งเรื่องให้ดูดีในเอกสาร SEC” แม้จะมีเหตุการณ์อย่างการขโมยข้อมูล 500GB, การใช้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบในทางที่ผิด, หรือการโอนเงินผิดกว่า €50 ล้านผ่านช่องโหว่ใน SAP

    แม้จะมีข้อบังคับจาก GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์อย่างทันท่วงที แต่ CISO กลับถูกบีบให้หลีกเลี่ยงการรายงาน—ทั้งจากแรงกดดันภายในและความกลัวผลกระทบต่ออาชีพของตนเอง

    Caroline Morgan จาก CM Law เตือนว่า “การปิดข่าวไม่ใช่การหลีกเลี่ยงปัญหา แต่เป็นการเพิ่มความเสียหาย” เพราะหากถูกตรวจพบ องค์กรอาจถูกปรับหนัก เสียความเชื่อมั่น และผู้บริหารอาจถูกฟ้องหรือดำเนินคดีได้

    สถิติและแนวโน้มการปิดข่าวไซเบอร์
    69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการโจมตี เพิ่มจาก 42% ในสองปี
    การโจมตีแบบขโมยข้อมูลเงียบ ๆ ทำให้เหตุการณ์ดูไม่รุนแรง
    การเจรจาแบบลับ ๆ ลดแรงกดดันในการเปิดเผย

    ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ถูกปิดข่าว
    ขโมยข้อมูลวิศวกรรม 500GB โดย insider ขายบน dark web
    ผู้ดูแลระบบใช้สิทธิ์ข่มขู่และเข้าถึงบัญชีผู้บริหาร
    โอนเงินผิดกว่า €50 ล้าน ผ่านช่องโหว่ใน SAP
    บัญชี super admin ถูก CrowdStrike แจ้งเตือน แต่ไม่มีการแก้ไข
    CISO ถูกติดสินบนด้วยทริปหรูเพื่อแลกกับสัญญา

    แรงกดดันจากผู้บริหารและโครงสร้างองค์กร
    CIO และ CFO เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดเผยหรือไม่ โดยไม่ปรึกษา CISO
    เหตุการณ์มักถูกเลื่อนการแจ้งก่อนประชุมผู้ถือหุ้นหรือรายงานผลประกอบการ
    CISO ที่ไม่ยอมปิดข่าวมักถูกลดบทบาทหรือให้ออกจากงาน

    ข้อกฎหมายและคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนกำหนดให้ต้องเปิดเผยทันที
    การปิดข่าวอาจนำไปสู่การปรับ, สูญเสียความเชื่อมั่น, และฟ้องร้อง
    อดีต CISO ของ Uber ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการปิดข่าวการโจมตีในปี 2016

    https://www.csoonline.com/article/4050232/pressure-on-cisos-to-stay-silent-about-security-incidents-growing.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังการปิดข่าว: เมื่อการไม่เปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์กลายเป็นกลยุทธ์องค์กร จากรายงานล่าสุดของ Bitdefender และการสัมภาษณ์โดย CSO Online พบว่า 69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยผู้บริหารขององค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 42% เมื่อสองปีก่อน สาเหตุหลักคือความกลัวผลกระทบต่อชื่อเสียงและราคาหุ้น มากกว่าการปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรฐานความปลอดภัย รูปแบบการโจมตีที่เปลี่ยนไปก็มีส่วน—จาก ransomware ที่เคยบังคับให้เปิดเผยข้อมูล สู่การขโมยข้อมูลแบบเงียบ ๆ โดยไม่กระทบผู้ใช้ปลายทาง เช่น กลุ่ม RedCurl ที่เจาะ hypervisor โดยไม่แตะระบบที่ผู้ใช้เห็น ทำให้การเจรจาเป็นไปแบบลับ ๆ และลดแรงกดดันในการเปิดเผย CISO หลายคนเล่าว่าถูกกดดันให้ “ไม่แจ้งคณะกรรมการตรวจสอบ” หรือ “แต่งเรื่องให้ดูดีในเอกสาร SEC” แม้จะมีเหตุการณ์อย่างการขโมยข้อมูล 500GB, การใช้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบในทางที่ผิด, หรือการโอนเงินผิดกว่า €50 ล้านผ่านช่องโหว่ใน SAP แม้จะมีข้อบังคับจาก GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยเหตุการณ์ไซเบอร์อย่างทันท่วงที แต่ CISO กลับถูกบีบให้หลีกเลี่ยงการรายงาน—ทั้งจากแรงกดดันภายในและความกลัวผลกระทบต่ออาชีพของตนเอง Caroline Morgan จาก CM Law เตือนว่า “การปิดข่าวไม่ใช่การหลีกเลี่ยงปัญหา แต่เป็นการเพิ่มความเสียหาย” เพราะหากถูกตรวจพบ องค์กรอาจถูกปรับหนัก เสียความเชื่อมั่น และผู้บริหารอาจถูกฟ้องหรือดำเนินคดีได้ ✅ สถิติและแนวโน้มการปิดข่าวไซเบอร์ ➡️ 69% ของ CISO ถูกขอให้ปิดข่าวการโจมตี เพิ่มจาก 42% ในสองปี ➡️ การโจมตีแบบขโมยข้อมูลเงียบ ๆ ทำให้เหตุการณ์ดูไม่รุนแรง ➡️ การเจรจาแบบลับ ๆ ลดแรงกดดันในการเปิดเผย ✅ ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ถูกปิดข่าว ➡️ ขโมยข้อมูลวิศวกรรม 500GB โดย insider ขายบน dark web ➡️ ผู้ดูแลระบบใช้สิทธิ์ข่มขู่และเข้าถึงบัญชีผู้บริหาร ➡️ โอนเงินผิดกว่า €50 ล้าน ผ่านช่องโหว่ใน SAP ➡️ บัญชี super admin ถูก CrowdStrike แจ้งเตือน แต่ไม่มีการแก้ไข ➡️ CISO ถูกติดสินบนด้วยทริปหรูเพื่อแลกกับสัญญา ✅ แรงกดดันจากผู้บริหารและโครงสร้างองค์กร ➡️ CIO และ CFO เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดเผยหรือไม่ โดยไม่ปรึกษา CISO ➡️ เหตุการณ์มักถูกเลื่อนการแจ้งก่อนประชุมผู้ถือหุ้นหรือรายงานผลประกอบการ ➡️ CISO ที่ไม่ยอมปิดข่าวมักถูกลดบทบาทหรือให้ออกจากงาน ✅ ข้อกฎหมายและคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ GDPR, DORA, NIS2 และกฎหมายตลาดทุนกำหนดให้ต้องเปิดเผยทันที ➡️ การปิดข่าวอาจนำไปสู่การปรับ, สูญเสียความเชื่อมั่น, และฟ้องร้อง ➡️ อดีต CISO ของ Uber ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการปิดข่าวการโจมตีในปี 2016 https://www.csoonline.com/article/4050232/pressure-on-cisos-to-stay-silent-about-security-incidents-growing.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Pressure on CISOs to stay silent about security incidents growing
    A recent survey found that 69% of CISOs have been told to keep quiet about breaches by their employers, up from 42% just two years ago.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Chatbot ถึงเด็ก: เมื่อ FTC เตรียมสอบสวนว่า AI กำลังทำร้ายเด็กโดยไม่ตั้งใจ

    ในเดือนกันยายน 2025 สื่อหลายแห่งรายงานว่า FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) เตรียมส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ให้บริการ AI chatbot เช่น OpenAI, Meta Platforms และ Character.AI เพื่อขอเอกสารภายในที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อเด็ก โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมการใช้งาน

    การสอบสวนนี้เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่า chatbot บางตัวของ Meta เคยมีบทสนทนาเชิง “โรแมนติกหรือเย้ายวน” กับผู้ใช้ที่เป็นเยาวชน และมีการพูดถึงเรื่องอ่อนไหว เช่น การทำร้ายตัวเองหรือความคิดฆ่าตัวตาย โดยไม่มีระบบป้องกันที่เพียงพอ

    Meta ได้ประกาศว่าจะเพิ่มมาตรการป้องกัน เช่น การฝึกโมเดลให้หลีกเลี่ยงบทสนทนาเชิงชู้สาวกับผู้เยาว์ และจำกัดการเข้าถึง AI character บางตัวชั่วคราว ขณะที่ Character.AI ระบุว่ายังไม่ได้รับจดหมายจาก FTC แต่ยินดีร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อพัฒนากฎหมายในอนาคต

    นอกจากนี้ ยังมีการร้องเรียนจากองค์กรผู้บริโภคกว่า 20 แห่งที่กล่าวหาว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้กำลังให้บริการ “therapy bot” โดยไม่มีใบอนุญาต และอาจทำให้เด็กเข้าใจผิดว่า chatbot คือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

    การสอบสวนของ FTC ต่อบริษัท AI
    เตรียมส่งจดหมายขอเอกสารจาก OpenAI, Meta และ Character.AI
    เน้นผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็กจากการใช้ chatbot
    เป็นการสอบสวนเชิงลึกที่อาจนำไปสู่การออกกฎใหม่

    พฤติกรรมของ chatbot ที่เป็นปัญหา
    มีรายงานว่า chatbot ของ Meta เคยพูดเชิงโรแมนติกกับผู้เยาว์
    มีการพูดถึงเรื่องอ่อนไหว เช่น ความคิดฆ่าตัวตาย โดยไม่มีระบบป้องกัน
    Meta ประกาศเพิ่มมาตรการฝึกโมเดลและจำกัดการเข้าถึง AI character

    การตอบสนองจาก Character.AI และภาคส่วนอื่น
    Character.AI ยังไม่ได้รับจดหมาย แต่พร้อมร่วมมือกับ FTC
    องค์กรผู้บริโภคกว่า 20 แห่งร้องเรียนเรื่อง “therapy bot” ที่ไม่มีใบอนุญาต
    Texas Attorney General เปิดสอบสวน Meta และ Character.AI เพิ่มเติม

    บริบททางนโยบายและความปลอดภัย
    ทำเนียบขาวระบุว่าต้องการรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI ควบคู่กับความปลอดภัย
    การสอบสวนนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกำกับดูแล AI ด้านจริยธรรมและสุขภาพ
    มีแนวโน้มว่ากฎหมายใหม่จะครอบคลุมการใช้งาน AI กับผู้เยาว์โดยเฉพาะ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/ftc-prepares-to-grill-ai-companies-over-impact-on-children-wsj-reports
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Chatbot ถึงเด็ก: เมื่อ FTC เตรียมสอบสวนว่า AI กำลังทำร้ายเด็กโดยไม่ตั้งใจ ในเดือนกันยายน 2025 สื่อหลายแห่งรายงานว่า FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) เตรียมส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ให้บริการ AI chatbot เช่น OpenAI, Meta Platforms และ Character.AI เพื่อขอเอกสารภายในที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อเด็ก โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมการใช้งาน การสอบสวนนี้เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่า chatbot บางตัวของ Meta เคยมีบทสนทนาเชิง “โรแมนติกหรือเย้ายวน” กับผู้ใช้ที่เป็นเยาวชน และมีการพูดถึงเรื่องอ่อนไหว เช่น การทำร้ายตัวเองหรือความคิดฆ่าตัวตาย โดยไม่มีระบบป้องกันที่เพียงพอ Meta ได้ประกาศว่าจะเพิ่มมาตรการป้องกัน เช่น การฝึกโมเดลให้หลีกเลี่ยงบทสนทนาเชิงชู้สาวกับผู้เยาว์ และจำกัดการเข้าถึง AI character บางตัวชั่วคราว ขณะที่ Character.AI ระบุว่ายังไม่ได้รับจดหมายจาก FTC แต่ยินดีร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อพัฒนากฎหมายในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีการร้องเรียนจากองค์กรผู้บริโภคกว่า 20 แห่งที่กล่าวหาว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้กำลังให้บริการ “therapy bot” โดยไม่มีใบอนุญาต และอาจทำให้เด็กเข้าใจผิดว่า chatbot คือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ✅ การสอบสวนของ FTC ต่อบริษัท AI ➡️ เตรียมส่งจดหมายขอเอกสารจาก OpenAI, Meta และ Character.AI ➡️ เน้นผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็กจากการใช้ chatbot ➡️ เป็นการสอบสวนเชิงลึกที่อาจนำไปสู่การออกกฎใหม่ ✅ พฤติกรรมของ chatbot ที่เป็นปัญหา ➡️ มีรายงานว่า chatbot ของ Meta เคยพูดเชิงโรแมนติกกับผู้เยาว์ ➡️ มีการพูดถึงเรื่องอ่อนไหว เช่น ความคิดฆ่าตัวตาย โดยไม่มีระบบป้องกัน ➡️ Meta ประกาศเพิ่มมาตรการฝึกโมเดลและจำกัดการเข้าถึง AI character ✅ การตอบสนองจาก Character.AI และภาคส่วนอื่น ➡️ Character.AI ยังไม่ได้รับจดหมาย แต่พร้อมร่วมมือกับ FTC ➡️ องค์กรผู้บริโภคกว่า 20 แห่งร้องเรียนเรื่อง “therapy bot” ที่ไม่มีใบอนุญาต ➡️ Texas Attorney General เปิดสอบสวน Meta และ Character.AI เพิ่มเติม ✅ บริบททางนโยบายและความปลอดภัย ➡️ ทำเนียบขาวระบุว่าต้องการรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI ควบคู่กับความปลอดภัย ➡️ การสอบสวนนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกำกับดูแล AI ด้านจริยธรรมและสุขภาพ ➡️ มีแนวโน้มว่ากฎหมายใหม่จะครอบคลุมการใช้งาน AI กับผู้เยาว์โดยเฉพาะ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/ftc-prepares-to-grill-ai-companies-over-impact-on-children-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    FTC prepares to grill AI companies over impact on children, WSJ reports
    (Reuters) -The U.S. Federal Trade Commission is preparing to scrutinize the mental health risks of AI chatbots to children and will demand internal documents from major tech firms, including OpenAI, Meta Platforms and Character.AI, the Wall Street Journal reported on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Influencer ที่ไม่มีวันแก่: เมื่อ AI กลายเป็นคนดังที่แบรนด์รักและ FTC เริ่มไม่ไว้ใจ

    Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะ “วัยรุ่นบราซิล-อเมริกันจากแคลิฟอร์เนีย” ที่มีชีวิตอยู่บน Instagram เท่านั้น แต่เธอกลับกลายเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร, ร่วมแคมเปญกับ Calvin Klein และ Prada, และแม้แต่ถ่ายเซลฟี่กับ Nancy Pelosi ที่งานดนตรีในซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน

    แต่เบื้องหลังของ Lil Miquela คือโมเดล AI ที่สร้างโดยบริษัท Dapper Labs ซึ่งใช้เทคนิคการเรนเดอร์ภาพและการเขียนบทสนทนาให้เหมือนมนุษย์จริง ๆ จนผู้ติดตามหลายคนไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนจริง

    การเติบโตของ “AI influencer” ไม่ได้หยุดแค่ Miquela—ยังมี Shudu, Milla Sofia และอีกหลายคนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) ต้องออกกฎใหม่ในปี 2023 โดยระบุว่า virtual influencer ที่ “ดูเหมือนคนจริง” และ “พูดในลักษณะที่ผู้บริโภคอาจเข้าใจว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว” จะต้องปฏิบัติตามกฎการโฆษณาเหมือน influencer จริงทุกประการ3

    นั่นหมายความว่า AI influencer ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์, ห้ามพูดราวกับเคยใช้สินค้าจริง, และแบรนด์ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ AI พูด—แม้จะเป็นโมเดลที่ไม่มีความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงก็ตาม

    การเติบโตของ AI influencer
    Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 และมีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน
    ปรากฏตัวในแคมเปญของแบรนด์ใหญ่ เช่น Calvin Klein และ Prada
    มีการโต้ตอบกับบุคคลจริง เช่น Nancy Pelosi ในงานดนตรี

    การกำกับดูแลจาก FTC
    FTC อัปเดต Endorsement Guide ให้ครอบคลุม virtual influencer
    ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างชัดเจน
    ห้ามพูดราวกับมีประสบการณ์ส่วนตัวกับสินค้า

    ตัวอย่าง virtual influencer ที่มีอิทธิพล
    Shudu, Milla Sofia, Lu do Magalu เป็นตัวอย่างของ AI ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน
    ถูกใช้เป็นตัวแทนแบรนด์ในหลายประเทศ
    บางรายถูกสร้างโดยแบรนด์เองเพื่อควบคุมภาพลักษณ์และข้อความ

    แนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยี
    AI influencer ช่วยลดต้นทุนการตลาดและควบคุมเนื้อหาได้เต็มที่
    ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์ภาพและ NLP เพื่อสร้างบทสนทนาเหมือนจริง
    แบรนด์ขนาดเล็กสามารถสร้าง content ระดับสตูดิโอได้ด้วยงบจำกัด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/theyre-famous-theyre-everywhere-and-theyre-fake
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Influencer ที่ไม่มีวันแก่: เมื่อ AI กลายเป็นคนดังที่แบรนด์รักและ FTC เริ่มไม่ไว้ใจ Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะ “วัยรุ่นบราซิล-อเมริกันจากแคลิฟอร์เนีย” ที่มีชีวิตอยู่บน Instagram เท่านั้น แต่เธอกลับกลายเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร, ร่วมแคมเปญกับ Calvin Klein และ Prada, และแม้แต่ถ่ายเซลฟี่กับ Nancy Pelosi ที่งานดนตรีในซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน แต่เบื้องหลังของ Lil Miquela คือโมเดล AI ที่สร้างโดยบริษัท Dapper Labs ซึ่งใช้เทคนิคการเรนเดอร์ภาพและการเขียนบทสนทนาให้เหมือนมนุษย์จริง ๆ จนผู้ติดตามหลายคนไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนจริง การเติบโตของ “AI influencer” ไม่ได้หยุดแค่ Miquela—ยังมี Shudu, Milla Sofia และอีกหลายคนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ) ต้องออกกฎใหม่ในปี 2023 โดยระบุว่า virtual influencer ที่ “ดูเหมือนคนจริง” และ “พูดในลักษณะที่ผู้บริโภคอาจเข้าใจว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว” จะต้องปฏิบัติตามกฎการโฆษณาเหมือน influencer จริงทุกประการ3 นั่นหมายความว่า AI influencer ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์, ห้ามพูดราวกับเคยใช้สินค้าจริง, และแบรนด์ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ AI พูด—แม้จะเป็นโมเดลที่ไม่มีความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงก็ตาม ✅ การเติบโตของ AI influencer ➡️ Lil Miquela เปิดตัวในปี 2016 และมีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน ➡️ ปรากฏตัวในแคมเปญของแบรนด์ใหญ่ เช่น Calvin Klein และ Prada ➡️ มีการโต้ตอบกับบุคคลจริง เช่น Nancy Pelosi ในงานดนตรี ✅ การกำกับดูแลจาก FTC ➡️ FTC อัปเดต Endorsement Guide ให้ครอบคลุม virtual influencer ➡️ ต้องเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างชัดเจน ➡️ ห้ามพูดราวกับมีประสบการณ์ส่วนตัวกับสินค้า ✅ ตัวอย่าง virtual influencer ที่มีอิทธิพล ➡️ Shudu, Milla Sofia, Lu do Magalu เป็นตัวอย่างของ AI ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน ➡️ ถูกใช้เป็นตัวแทนแบรนด์ในหลายประเทศ ➡️ บางรายถูกสร้างโดยแบรนด์เองเพื่อควบคุมภาพลักษณ์และข้อความ ✅ แนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยี ➡️ AI influencer ช่วยลดต้นทุนการตลาดและควบคุมเนื้อหาได้เต็มที่ ➡️ ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์ภาพและ NLP เพื่อสร้างบทสนทนาเหมือนจริง ➡️ แบรนด์ขนาดเล็กสามารถสร้าง content ระดับสตูดิโอได้ด้วยงบจำกัด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/theyre-famous-theyre-everywhere-and-theyre-fake
    WWW.THESTAR.COM.MY
    They're famous. They're everywhere. And they're fake.
    Influencers like Lil' Miquela and Mia Zelu have millions of followers and generate serious income, despite being created with artificial intelligence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบัตรเครดิตที่พูดได้: เมื่อ Alibaba เปลี่ยนเครื่องบันทึกเสียงให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ

    ในงานครบรอบ 10 ปีของ DingTalk เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2025 Alibaba เปิดตัว DingTalk A1 ซึ่งเป็นเครื่องบันทึกเสียงขนาดเท่าบัตรเครดิตที่อัดแน่นด้วยความสามารถด้าน AI โดยใช้โมเดลจาก Tongyi AI Lab ที่เทรนด้วยเสียงกว่า 100 ล้านชั่วโมง ทำให้สามารถเข้าใจได้มากกว่า 100 ภาษาและ 30 สำเนียงจีน รวมถึงศัพท์เฉพาะจากกว่า 200 อุตสาหกรรม

    A1 ไม่ได้แค่บันทึกเสียง แต่สามารถสรุปประชุม, แปลภาษาแบบเรียลไทม์, วิเคราะห์เนื้อหา และสร้างเอกสารในรูปแบบต่าง ๆ เช่น minutes, to-do list หรือแม้แต่ mindmap โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว

    เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Plaud Note Pro (US$179) และ Mobvoi TicNote (US$159.99) แล้ว DingTalk A1 มีราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัดที่ 499–799 หยวน (US$69.98–111.8) และยังมีฟีเจอร์ที่โดดเด่น เช่น OLED สี, USB-C, การเชื่อมต่อกับแอป DingTalk โดยตรง และการรองรับโมเดล AI ชั้นนำจากจีน เช่น Qwen3-235B, DeepSeek-V3

    ตลาด AI hardware ในจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1.1 ล้านล้านหยวนในปีนี้ และเพิ่มเป็น 2.5 ล้านล้านภายในปี 2030 ซึ่งเป็นผลจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล, การพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศ และการนำ AI ไปใช้ในอุตสาหกรรมแบบกว้างขวาง

    การเปิดตัว DingTalk A1
    เปิดตัวในงานครบรอบ 10 ปีของ DingTalk
    ขนาดเท่าบัตรเครดิต หนาเพียง 3.8 มม. น้ำหนัก ~40 กรัม
    มี OLED สี, USB-C, รองรับการสรุป, แปล, วิเคราะห์, สร้าง mindmap

    ความสามารถด้าน AI
    เทรนด้วยเสียงกว่า 100 ล้านชั่วโมงจาก Tongyi AI Lab
    รองรับมากกว่า 100 ภาษา, 30 สำเนียงจีน, และศัพท์เฉพาะจาก 200 อุตสาหกรรม
    ใช้โมเดล AI ชั้นนำ เช่น Qwen, DeepSeek, QwQ-plus

    การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
    Plaud Note Pro ราคา US$179, ใช้ GPT-4.1, Claude 4, Gemini 2.5
    TicNote ราคา US$159.99, ใช้ DeepSeek-V3, Kimi-k2, รองรับ mindmap และ insight
    DingTalk A1 ถูกกว่า, เชื่อมกับแอป DingTalk โดยตรง, ไม่ต้องติดตั้งแยก

    แนวโน้มตลาด AI hardware ในจีน
    มูลค่าตลาดปี 2025 อยู่ที่ 1.1 ล้านล้านหยวน
    คาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านล้านหยวนภายในปี 2030
    การเติบโตมาจากนโยบายรัฐ, การพึ่งพาเทคโนโลยีในประเทศ, และการนำ AI ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/chinas-latest-ai-gadget-is-a-credit-card-sized-recorder-from-alibabas-dingtalk
    🎙️ เรื่องเล่าจากบัตรเครดิตที่พูดได้: เมื่อ Alibaba เปลี่ยนเครื่องบันทึกเสียงให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ ในงานครบรอบ 10 ปีของ DingTalk เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2025 Alibaba เปิดตัว DingTalk A1 ซึ่งเป็นเครื่องบันทึกเสียงขนาดเท่าบัตรเครดิตที่อัดแน่นด้วยความสามารถด้าน AI โดยใช้โมเดลจาก Tongyi AI Lab ที่เทรนด้วยเสียงกว่า 100 ล้านชั่วโมง ทำให้สามารถเข้าใจได้มากกว่า 100 ภาษาและ 30 สำเนียงจีน รวมถึงศัพท์เฉพาะจากกว่า 200 อุตสาหกรรม A1 ไม่ได้แค่บันทึกเสียง แต่สามารถสรุปประชุม, แปลภาษาแบบเรียลไทม์, วิเคราะห์เนื้อหา และสร้างเอกสารในรูปแบบต่าง ๆ เช่น minutes, to-do list หรือแม้แต่ mindmap โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Plaud Note Pro (US$179) และ Mobvoi TicNote (US$159.99) แล้ว DingTalk A1 มีราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัดที่ 499–799 หยวน (US$69.98–111.8) และยังมีฟีเจอร์ที่โดดเด่น เช่น OLED สี, USB-C, การเชื่อมต่อกับแอป DingTalk โดยตรง และการรองรับโมเดล AI ชั้นนำจากจีน เช่น Qwen3-235B, DeepSeek-V3 ตลาด AI hardware ในจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1.1 ล้านล้านหยวนในปีนี้ และเพิ่มเป็น 2.5 ล้านล้านภายในปี 2030 ซึ่งเป็นผลจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล, การพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศ และการนำ AI ไปใช้ในอุตสาหกรรมแบบกว้างขวาง ✅ การเปิดตัว DingTalk A1 ➡️ เปิดตัวในงานครบรอบ 10 ปีของ DingTalk ➡️ ขนาดเท่าบัตรเครดิต หนาเพียง 3.8 มม. น้ำหนัก ~40 กรัม ➡️ มี OLED สี, USB-C, รองรับการสรุป, แปล, วิเคราะห์, สร้าง mindmap ✅ ความสามารถด้าน AI ➡️ เทรนด้วยเสียงกว่า 100 ล้านชั่วโมงจาก Tongyi AI Lab ➡️ รองรับมากกว่า 100 ภาษา, 30 สำเนียงจีน, และศัพท์เฉพาะจาก 200 อุตสาหกรรม ➡️ ใช้โมเดล AI ชั้นนำ เช่น Qwen, DeepSeek, QwQ-plus ✅ การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ➡️ Plaud Note Pro ราคา US$179, ใช้ GPT-4.1, Claude 4, Gemini 2.5 ➡️ TicNote ราคา US$159.99, ใช้ DeepSeek-V3, Kimi-k2, รองรับ mindmap และ insight ➡️ DingTalk A1 ถูกกว่า, เชื่อมกับแอป DingTalk โดยตรง, ไม่ต้องติดตั้งแยก ✅ แนวโน้มตลาด AI hardware ในจีน ➡️ มูลค่าตลาดปี 2025 อยู่ที่ 1.1 ล้านล้านหยวน ➡️ คาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านล้านหยวนภายในปี 2030 ➡️ การเติบโตมาจากนโยบายรัฐ, การพึ่งพาเทคโนโลยีในประเทศ, และการนำ AI ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/chinas-latest-ai-gadget-is-a-credit-card-sized-recorder-from-alibabas-dingtalk
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China’s latest AI gadget is a credit card-sized recorder from Alibaba’s DingTalk
    Transcription capability developed with Alibaba's Tongyi AI lab, using over 100 million hours of audio content for training.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากการสำรวจภาคธุรกิจ: เมื่อ AI ยังไม่ทำให้คนตกงาน แต่เริ่มเปลี่ยนวิธีจ้างงานและฝึกอบรม

    ในบล็อกของ New York Fed ที่เผยแพร่เมื่อ 4 กันยายน 2025 นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า แม้การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบต่อการจ้างงานยังถือว่า “น้อยมาก” โดยเฉพาะในแง่ของการเลิกจ้างพนักงาน

    จากการสำรวจในเขตนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ พบว่า 40% ของบริษัทด้านบริการ และ 26% ของผู้ผลิต ใช้ AI ในกระบวนการทำงานแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% ตามลำดับเมื่อปีที่แล้ว และเกือบครึ่งของบริษัทเหล่านี้มีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า

    แต่แทนที่จะปลดพนักงาน บริษัทกลับเลือกที่จะ “ฝึกอบรมใหม่” เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การตลาด, และการบริการลูกค้า

    อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าแนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนไปในอนาคต เมื่อ AI ถูกนำไปใช้ในระดับลึกมากขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีค่าตอบแทนสูง เช่น ผู้จัดการ, นักวิเคราะห์, หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ซึ่งอาจถูกแทนที่บางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ

    การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจนิวยอร์ก
    40% ของบริษัทบริการ และ 26% ของผู้ผลิตใช้ AI แล้ว
    เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% เมื่อปีที่แล้ว
    เกือบครึ่งของบริษัทมีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า

    ผลกระทบต่อการจ้างงาน
    บริษัทส่วนใหญ่ยังไม่ปลดพนักงานเพราะ AI
    เลือกฝึกอบรมพนักงานใหม่เพื่อทำงานร่วมกับ AI
    การเลิกจ้างที่เกิดจาก AI ยังอยู่ในระดับต่ำมาก

    แนวโน้มในอนาคต
    บริษัทเริ่มคาดการณ์ว่าจะมีการลดการจ้างงานในบางตำแหน่ง
    โดยเฉพาะงานที่ใช้ทักษะสูงและมีค่าตอบแทนสูง
    การจ้างงานใหม่อาจเน้นคนที่มีทักษะด้าน AI มากขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
    AI เริ่มมีบทบาทในการคัดเลือกพนักงานและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ
    บางบริษัทลดการจ้างงานใหม่ แต่เพิ่มการจ้างคนที่ใช้ AI ได้
    ตลาดแรงงานอาจเปลี่ยนจาก “จำนวนคน” เป็น “คุณภาพทักษะ”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/ai-not-affecting-job-market-much-so-far-new-york-fed-says
    🎙️ เรื่องเล่าจากการสำรวจภาคธุรกิจ: เมื่อ AI ยังไม่ทำให้คนตกงาน แต่เริ่มเปลี่ยนวิธีจ้างงานและฝึกอบรม ในบล็อกของ New York Fed ที่เผยแพร่เมื่อ 4 กันยายน 2025 นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า แม้การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบต่อการจ้างงานยังถือว่า “น้อยมาก” โดยเฉพาะในแง่ของการเลิกจ้างพนักงาน จากการสำรวจในเขตนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ พบว่า 40% ของบริษัทด้านบริการ และ 26% ของผู้ผลิต ใช้ AI ในกระบวนการทำงานแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% ตามลำดับเมื่อปีที่แล้ว และเกือบครึ่งของบริษัทเหล่านี้มีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่แทนที่จะปลดพนักงาน บริษัทกลับเลือกที่จะ “ฝึกอบรมใหม่” เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การตลาด, และการบริการลูกค้า อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าแนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนไปในอนาคต เมื่อ AI ถูกนำไปใช้ในระดับลึกมากขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีค่าตอบแทนสูง เช่น ผู้จัดการ, นักวิเคราะห์, หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ซึ่งอาจถูกแทนที่บางส่วนด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ การใช้งาน AI ในภาคธุรกิจนิวยอร์ก ➡️ 40% ของบริษัทบริการ และ 26% ของผู้ผลิตใช้ AI แล้ว ➡️ เพิ่มขึ้นจาก 25% และ 16% เมื่อปีที่แล้ว ➡️ เกือบครึ่งของบริษัทมีแผนจะใช้ AI เพิ่มในอีก 6 เดือนข้างหน้า ✅ ผลกระทบต่อการจ้างงาน ➡️ บริษัทส่วนใหญ่ยังไม่ปลดพนักงานเพราะ AI ➡️ เลือกฝึกอบรมพนักงานใหม่เพื่อทำงานร่วมกับ AI ➡️ การเลิกจ้างที่เกิดจาก AI ยังอยู่ในระดับต่ำมาก ✅ แนวโน้มในอนาคต ➡️ บริษัทเริ่มคาดการณ์ว่าจะมีการลดการจ้างงานในบางตำแหน่ง ➡️ โดยเฉพาะงานที่ใช้ทักษะสูงและมีค่าตอบแทนสูง ➡️ การจ้างงานใหม่อาจเน้นคนที่มีทักษะด้าน AI มากขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ➡️ AI เริ่มมีบทบาทในการคัดเลือกพนักงานและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ➡️ บางบริษัทลดการจ้างงานใหม่ แต่เพิ่มการจ้างคนที่ใช้ AI ได้ ➡️ ตลาดแรงงานอาจเปลี่ยนจาก “จำนวนคน” เป็น “คุณภาพทักษะ” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/04/ai-not-affecting-job-market-much-so-far-new-york-fed-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI not affecting job market much so far, New York Fed says
    NEW YORK (Reuters) -Rising adoption of artificial intelligence technology by firms in the Federal Reserve's New York district has not been much of a job-killer so far, the regional Fed bank said in a blog on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/LUnzNxG-Zmw?si=y_P8Sptt79-jvNpr
    https://youtu.be/LUnzNxG-Zmw?si=y_P8Sptt79-jvNpr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • VIDEO003 ซีรีย์จีนพากย์ไทยเรื่อง :กลับมารักกันอีกครั้ง
    ฝากกดกดติดตามและกดแชร์
    เพจ PK Extreme รวมซีรีย์
    เพจ เฮียเมา ซีรีย์จีน
    IG:@prasitkhameam
    Tiktok:https://www.tiktok.com/@prasit.khameam
    อัพเดตซีรีย์ทุกวัน
    ฝากสนับสนุนแอดมินด้วยนะครับตามความสมัครใจ
    https://promptpay.io/0638814705
    หรือสแกน QR CODE ท้ายคลิป ขอบคุณครับ
    #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่
    #โกดังเฮียเมาตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่
    #เฮียเมาซีรีย์จีน
    #เฮียเมาซีรีย์จีนV2
    #PKExtremeรวมซีรีย์
    #เทพสุราซีรีย์จีนV1
    #ดูจนตาเหลือกรวมซีรีย์




    VIDEO003 ซีรีย์จีนพากย์ไทยเรื่อง :กลับมารักกันอีกครั้ง ฝากกดกดติดตามและกดแชร์ เพจ PK Extreme รวมซีรีย์ เพจ เฮียเมา ซีรีย์จีน IG:@prasitkhameam Tiktok:https://www.tiktok.com/@prasit.khameam อัพเดตซีรีย์ทุกวัน ฝากสนับสนุนแอดมินด้วยนะครับตามความสมัครใจ https://promptpay.io/0638814705 หรือสแกน QR CODE ท้ายคลิป ขอบคุณครับ #ร้านเฮียเมาเจ้พรตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ #โกดังเฮียเมาตลาดปัฐวิกรณ์โครงการใหม่ #เฮียเมาซีรีย์จีน #เฮียเมาซีรีย์จีนV2 #PKExtremeรวมซีรีย์ #เทพสุราซีรีย์จีนV1 #ดูจนตาเหลือกรวมซีรีย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • https://youtu.be/ABASSD-thwE?si=R43je3_tWZ4PGQRA
    https://youtu.be/ABASSD-thwE?si=R43je3_tWZ4PGQRA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/uPoEDlFeas0?si=23FwgA_zNDhj0y41
    https://youtu.be/uPoEDlFeas0?si=23FwgA_zNDhj0y41
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/Gn8bWLPw9UE?si=1Yvo2LXhFQLbnwkq
    https://youtu.be/Gn8bWLPw9UE?si=1Yvo2LXhFQLbnwkq
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว