• ๑๒ สิงหาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากวิวัฒนาการของโมเดล GPT: จาก GPT-2 สู่ gpt-oss ยุคใหม่ของ AI แบบเปิด

    ย้อนกลับไปปี 2019 OpenAI เคยเปิดตัว GPT-2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Transformer และได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ AI แต่หลังจากนั้น OpenAI ก็หันไปพัฒนาโมเดลแบบปิด เช่น GPT-3 และ ChatGPT โดยไม่เปิดเผยน้ำหนักโมเดลอีกเลย จนกระทั่งสิงหาคม 2025 พวกเขากลับมาอีกครั้งด้วย gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B ซึ่งเป็นโมเดลแบบ “open-weight” ที่เปิดให้ดาวน์โหลด ใช้งาน และปรับแต่งได้อย่างเสรีภายใต้ Apache 2.0 license

    โมเดล gpt-oss ใช้เทคนิคใหม่ ๆ เช่น Mixture-of-Experts (MoE), Sliding Window Attention, RMSNorm และ SwiGLU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการประมวลผล โดยสามารถรันบน GPU ทั่วไปได้ เช่น 20B ใช้แค่ 16GB RAM ส่วน 120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว

    แม้สถาปัตยกรรมโดยรวมยังคงใช้ Transformer เหมือนเดิม แต่การปรับแต่งภายในทำให้โมเดลเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก และสามารถแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น Qwen3 ได้อย่างสูสี

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเรื่องความแม่นยำของข้อมูล (hallucination rate สูงถึง 49–53%) และความโปร่งใสของชุดข้อมูลที่ใช้ฝึก ซึ่ง OpenAI ยังไม่เปิดเผยเพราะเกรงปัญหาด้านลิขสิทธิ์

    OpenAI เปิดตัว gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B เป็นโมเดล open-weight ครั้งแรกในรอบ 6 ปี
    ใช้ Apache 2.0 license เปิดให้ใช้งานและปรับแต่งได้อย่างเสรี

    โมเดลใช้สถาปัตยกรรม Transformer แบบ decoder-only
    เหมือน GPT-2 แต่มีการปรับแต่งภายในหลายจุด

    ใช้เทคนิค Mixture-of-Experts (MoE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    เปิดใช้งานเฉพาะบางส่วนของโมเดลในแต่ละ token

    gpt-oss-20B รันได้บน GPU ทั่วไป (16GB RAM)
    ส่วน gpt-oss-120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว

    โมเดลมี benchmark สูง เช่น Codeforces score 2622 (120B)
    สูงกว่า DeepSeek R1 แต่ยังต่ำกว่า o3 และ o4-mini

    ใช้ Sliding Window Attention, RMSNorm, SwiGLU แทนเทคนิคเก่า
    ลดต้นทุนการคำนวณและเพิ่มความเร็วในการ inference

    เปรียบเทียบกับ Qwen3 พบว่า gpt-oss เน้น “กว้าง” มากกว่า “ลึก”
    มี embedding และ FFN ขนาดใหญ่ แต่ layer น้อยกว่า

    การเปิดโมเดลแบบ open-weight ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
    เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การฝึกบนข้อมูลภายในองค์กร

    Apache 2.0 license ช่วยให้ startup และองค์กรขนาดเล็กเข้าถึง AI ขั้นสูง
    โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือขออนุญาต

    โมเดลสามารถใช้ในระบบ agent เช่น การเรียกใช้เครื่องมือหรือ API
    รองรับการใช้งานแบบ hybrid ระหว่าง local และ cloud

    OpenAI หวังใช้ gpt-oss เพื่อแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น DeepSeek และ Qwen
    และฟื้นความเชื่อมั่นจากชุมชน open-source

    โมเดล gpt-oss มี hallucination rate สูง (49–53%)
    อาจให้ข้อมูลผิดพลาดในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

    OpenAI ไม่เปิดเผยชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกโมเดล
    เกิดข้อกังวลเรื่องลิขสิทธิ์และความโปร่งใส

    แม้จะเปิดน้ำหนักโมเดล แต่ยังต้องใช้ hardware ขั้นสูงสำหรับรุ่นใหญ่
    อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มี GPU ระดับ enterprise

    การใช้ MoE ทำให้การฝึกและ deploy ซับซ้อนขึ้น
    ต้องมีระบบ routing และการจัดการ expert ที่แม่นยำ

    https://magazine.sebastianraschka.com/p/from-gpt-2-to-gpt-oss-analyzing-the
    🧠💡 เรื่องเล่าจากวิวัฒนาการของโมเดล GPT: จาก GPT-2 สู่ gpt-oss ยุคใหม่ของ AI แบบเปิด ย้อนกลับไปปี 2019 OpenAI เคยเปิดตัว GPT-2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Transformer และได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ AI แต่หลังจากนั้น OpenAI ก็หันไปพัฒนาโมเดลแบบปิด เช่น GPT-3 และ ChatGPT โดยไม่เปิดเผยน้ำหนักโมเดลอีกเลย จนกระทั่งสิงหาคม 2025 พวกเขากลับมาอีกครั้งด้วย gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B ซึ่งเป็นโมเดลแบบ “open-weight” ที่เปิดให้ดาวน์โหลด ใช้งาน และปรับแต่งได้อย่างเสรีภายใต้ Apache 2.0 license โมเดล gpt-oss ใช้เทคนิคใหม่ ๆ เช่น Mixture-of-Experts (MoE), Sliding Window Attention, RMSNorm และ SwiGLU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการประมวลผล โดยสามารถรันบน GPU ทั่วไปได้ เช่น 20B ใช้แค่ 16GB RAM ส่วน 120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว แม้สถาปัตยกรรมโดยรวมยังคงใช้ Transformer เหมือนเดิม แต่การปรับแต่งภายในทำให้โมเดลเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก และสามารถแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น Qwen3 ได้อย่างสูสี อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเรื่องความแม่นยำของข้อมูล (hallucination rate สูงถึง 49–53%) และความโปร่งใสของชุดข้อมูลที่ใช้ฝึก ซึ่ง OpenAI ยังไม่เปิดเผยเพราะเกรงปัญหาด้านลิขสิทธิ์ ✅ OpenAI เปิดตัว gpt-oss-20B และ gpt-oss-120B เป็นโมเดล open-weight ครั้งแรกในรอบ 6 ปี ➡️ ใช้ Apache 2.0 license เปิดให้ใช้งานและปรับแต่งได้อย่างเสรี ✅ โมเดลใช้สถาปัตยกรรม Transformer แบบ decoder-only ➡️ เหมือน GPT-2 แต่มีการปรับแต่งภายในหลายจุด ✅ ใช้เทคนิค Mixture-of-Experts (MoE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ เปิดใช้งานเฉพาะบางส่วนของโมเดลในแต่ละ token ✅ gpt-oss-20B รันได้บน GPU ทั่วไป (16GB RAM) ➡️ ส่วน gpt-oss-120B ใช้ H100 GPU ตัวเดียว ✅ โมเดลมี benchmark สูง เช่น Codeforces score 2622 (120B) ➡️ สูงกว่า DeepSeek R1 แต่ยังต่ำกว่า o3 และ o4-mini ✅ ใช้ Sliding Window Attention, RMSNorm, SwiGLU แทนเทคนิคเก่า ➡️ ลดต้นทุนการคำนวณและเพิ่มความเร็วในการ inference ✅ เปรียบเทียบกับ Qwen3 พบว่า gpt-oss เน้น “กว้าง” มากกว่า “ลึก” ➡️ มี embedding และ FFN ขนาดใหญ่ แต่ layer น้อยกว่า ✅ การเปิดโมเดลแบบ open-weight ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ➡️ เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น การฝึกบนข้อมูลภายในองค์กร ✅ Apache 2.0 license ช่วยให้ startup และองค์กรขนาดเล็กเข้าถึง AI ขั้นสูง ➡️ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือขออนุญาต ✅ โมเดลสามารถใช้ในระบบ agent เช่น การเรียกใช้เครื่องมือหรือ API ➡️ รองรับการใช้งานแบบ hybrid ระหว่าง local และ cloud ✅ OpenAI หวังใช้ gpt-oss เพื่อแข่งขันกับโมเดลจากจีน เช่น DeepSeek และ Qwen ➡️ และฟื้นความเชื่อมั่นจากชุมชน open-source ‼️ โมเดล gpt-oss มี hallucination rate สูง (49–53%) ⛔ อาจให้ข้อมูลผิดพลาดในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ‼️ OpenAI ไม่เปิดเผยชุดข้อมูลที่ใช้ฝึกโมเดล ⛔ เกิดข้อกังวลเรื่องลิขสิทธิ์และความโปร่งใส ‼️ แม้จะเปิดน้ำหนักโมเดล แต่ยังต้องใช้ hardware ขั้นสูงสำหรับรุ่นใหญ่ ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มี GPU ระดับ enterprise ‼️ การใช้ MoE ทำให้การฝึกและ deploy ซับซ้อนขึ้น ⛔ ต้องมีระบบ routing และการจัดการ expert ที่แม่นยำ https://magazine.sebastianraschka.com/p/from-gpt-2-to-gpt-oss-analyzing-the
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ช่องโหว่ในระบบดีลเลอร์รถยนต์ เปิดทางให้แฮกเกอร์ปลดล็อกรถจากระยะไกล

    Eaton Zveare นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบพอร์ทัลออนไลน์ของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ซึ่งมีดีลเลอร์กว่า 1,000 แห่งในสหรัฐฯ ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชี “ผู้ดูแลระดับชาติ” ได้เอง และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า รวมถึงควบคุมฟังก์ชันบางอย่างของรถจากระยะไกล เช่น การปลดล็อกรถ

    Zveare ใช้เทคนิคแก้ไขโค้ดที่โหลดในเบราว์เซอร์หน้า login เพื่อข้ามระบบตรวจสอบสิทธิ์ และสร้างบัญชีแอดมินที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทุกดีลเลอร์ได้โดยไม่มีใครรู้ เขายังพบเครื่องมือ lookup ที่สามารถใช้หมายเลขตัวถังรถ (VIN) หรือแค่ชื่อ-นามสกุล เพื่อค้นหาข้อมูลเจ้าของรถได้ทันที

    ที่น่าตกใจคือ ระบบยังอนุญาตให้เชื่อมรถเข้ากับบัญชีมือถือใหม่ได้ง่าย ๆ โดยแค่ “รับรองว่าเป็นเจ้าของจริง” ซึ่ง Zveare ทดลองกับรถของเพื่อน (โดยได้รับอนุญาต) และสามารถควบคุมการปลดล็อกรถผ่านแอปได้สำเร็จ

    แม้บริษัทจะรีบแก้ไขภายในหนึ่งสัปดาห์หลังได้รับแจ้ง แต่กรณีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของระบบดีลเลอร์ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก และขาดการป้องกันที่รัดกุม

    นักวิจัยพบช่องโหว่ในระบบพอร์ทัลของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่
    มีดีลเลอร์กว่า 1,000 แห่งในสหรัฐฯ

    ช่องโหว่ช่วยให้สร้างบัญชีแอดมินระดับชาติได้เอง
    เข้าถึงข้อมูลลูกค้า, ดีลเลอร์, และระบบควบคุมรถ

    ใช้แค่ VIN หรือชื่อ-นามสกุล ก็สามารถค้นหาข้อมูลเจ้าของรถได้
    ผ่านเครื่องมือ lookup ภายในระบบ

    สามารถเชื่อมรถเข้ากับบัญชีมือถือใหม่ได้ง่าย ๆ
    ใช้แค่การรับรองว่าเป็นเจ้าของ โดยไม่มีการตรวจสอบจริง

    ระบบใช้ Single Sign-On (SSO) ทำให้สามารถสวมรอยผู้ใช้คนอื่นได้
    เข้าถึงดีลเลอร์อื่นโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน

    บริษัทแก้ไขช่องโหว่ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังได้รับแจ้ง
    Zveare นำเสนอผลการวิจัยในงาน Defcon

    https://hackread.com/carmaker-portal-flaw-hackers-unlock-cars-steal-data/
    🚗🔓 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ช่องโหว่ในระบบดีลเลอร์รถยนต์ เปิดทางให้แฮกเกอร์ปลดล็อกรถจากระยะไกล Eaton Zveare นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบพอร์ทัลออนไลน์ของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ซึ่งมีดีลเลอร์กว่า 1,000 แห่งในสหรัฐฯ ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชี “ผู้ดูแลระดับชาติ” ได้เอง และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า รวมถึงควบคุมฟังก์ชันบางอย่างของรถจากระยะไกล เช่น การปลดล็อกรถ Zveare ใช้เทคนิคแก้ไขโค้ดที่โหลดในเบราว์เซอร์หน้า login เพื่อข้ามระบบตรวจสอบสิทธิ์ และสร้างบัญชีแอดมินที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทุกดีลเลอร์ได้โดยไม่มีใครรู้ เขายังพบเครื่องมือ lookup ที่สามารถใช้หมายเลขตัวถังรถ (VIN) หรือแค่ชื่อ-นามสกุล เพื่อค้นหาข้อมูลเจ้าของรถได้ทันที ที่น่าตกใจคือ ระบบยังอนุญาตให้เชื่อมรถเข้ากับบัญชีมือถือใหม่ได้ง่าย ๆ โดยแค่ “รับรองว่าเป็นเจ้าของจริง” ซึ่ง Zveare ทดลองกับรถของเพื่อน (โดยได้รับอนุญาต) และสามารถควบคุมการปลดล็อกรถผ่านแอปได้สำเร็จ แม้บริษัทจะรีบแก้ไขภายในหนึ่งสัปดาห์หลังได้รับแจ้ง แต่กรณีนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของระบบดีลเลอร์ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก และขาดการป้องกันที่รัดกุม ✅ นักวิจัยพบช่องโหว่ในระบบพอร์ทัลของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ➡️ มีดีลเลอร์กว่า 1,000 แห่งในสหรัฐฯ ✅ ช่องโหว่ช่วยให้สร้างบัญชีแอดมินระดับชาติได้เอง ➡️ เข้าถึงข้อมูลลูกค้า, ดีลเลอร์, และระบบควบคุมรถ ✅ ใช้แค่ VIN หรือชื่อ-นามสกุล ก็สามารถค้นหาข้อมูลเจ้าของรถได้ ➡️ ผ่านเครื่องมือ lookup ภายในระบบ ✅ สามารถเชื่อมรถเข้ากับบัญชีมือถือใหม่ได้ง่าย ๆ ➡️ ใช้แค่การรับรองว่าเป็นเจ้าของ โดยไม่มีการตรวจสอบจริง ✅ ระบบใช้ Single Sign-On (SSO) ทำให้สามารถสวมรอยผู้ใช้คนอื่นได้ ➡️ เข้าถึงดีลเลอร์อื่นโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ✅ บริษัทแก้ไขช่องโหว่ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังได้รับแจ้ง ➡️ Zveare นำเสนอผลการวิจัยในงาน Defcon https://hackread.com/carmaker-portal-flaw-hackers-unlock-cars-steal-data/
    HACKREAD.COM
    Carmaker Portal Flaw Could Let Hackers Unlock Cars, Steal Data
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ScarCruft จากสายลับสู่โจรเรียกค่าไถ่

    ScarCruft กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ เคยเป็นที่รู้จักในฐานะสายลับไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลและบุคคลสำคัญในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และรัสเซีย แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 พวกเขาเปลี่ยนแนวทางครั้งใหญ่ โดยหันมาใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (ransomware) ชื่อว่า VCD เพื่อโจมตีแบบหวังผลทางการเงิน

    การโจมตีครั้งนี้ดำเนินการโดยกลุ่มย่อยชื่อ ChinopuNK ผ่านอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ปลอมซึ่งแอบอ้างว่าเป็นการอัปเดตรหัสไปรษณีย์ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์จะถูกติดตั้งมัลแวร์มากกว่า 9 ชนิด รวมถึง ChillyChino รุ่นใหม่, LightPeek, FadeStealer และ NubSpy ซึ่งเป็น backdoor ที่เขียนด้วยภาษา Rust และใช้บริการ PubNub เพื่อซ่อนการสื่อสารให้ดูเหมือนทราฟฟิกปกติ

    ที่น่าตกใจคือ VCD ransomware ไม่เพียงเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อ แต่ยังแสดงข้อความเรียกค่าไถ่ทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี สะท้อนว่าพวกเขาเตรียมพร้อมโจมตีทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    นักวิเคราะห์จาก DeepTempo เตือนว่า การใช้ ransomware อาจไม่ใช่แค่การหาเงิน แต่เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากการขโมยข้อมูล หรือใช้กดดันทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ของกลุ่ม APT ที่ผสมผสานการจารกรรมกับอาชญากรรมไซเบอร์

    ScarCruft เปลี่ยนจากการจารกรรมมาใช้ ransomware ชื่อ VCD
    เป็นการโจมตีแบบหวังผลทางการเงินครั้งแรกของกลุ่ม

    การโจมตีดำเนินการโดยกลุ่มย่อย ChinopuNK
    ใช้อีเมลฟิชชิ่งปลอมเป็นไฟล์อัปเดตรหัสไปรษณีย์

    มัลแวร์ที่ใช้มีมากกว่า 9 ชนิด รวมถึง ChillyChino รุ่นใหม่
    และ backdoor NubSpy ที่เขียนด้วยภาษา Rust

    NubSpy ใช้ PubNub เพื่อซ่อนการสื่อสารให้ดูเหมือนปกติ
    ทำให้ตรวจจับได้ยาก

    VCD ransomware เข้ารหัสไฟล์และแสดงข้อความเรียกค่าไถ่
    มีทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี

    นักวิเคราะห์ชี้ว่า ransomware อาจใช้เป็นเครื่องมือเบี่ยงเบนหรือกดดัน
    ไม่ใช่แค่การหาเงิน แต่เป็นยุทธศาสตร์หลายชั้น

    https://hackread.com/north-korean-group-scarcruft-spying-ransomware-attacks/
    🕵️‍♂️💰 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ScarCruft จากสายลับสู่โจรเรียกค่าไถ่ ScarCruft กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ เคยเป็นที่รู้จักในฐานะสายลับไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลและบุคคลสำคัญในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และรัสเซีย แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 พวกเขาเปลี่ยนแนวทางครั้งใหญ่ โดยหันมาใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (ransomware) ชื่อว่า VCD เพื่อโจมตีแบบหวังผลทางการเงิน การโจมตีครั้งนี้ดำเนินการโดยกลุ่มย่อยชื่อ ChinopuNK ผ่านอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ปลอมซึ่งแอบอ้างว่าเป็นการอัปเดตรหัสไปรษณีย์ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์จะถูกติดตั้งมัลแวร์มากกว่า 9 ชนิด รวมถึง ChillyChino รุ่นใหม่, LightPeek, FadeStealer และ NubSpy ซึ่งเป็น backdoor ที่เขียนด้วยภาษา Rust และใช้บริการ PubNub เพื่อซ่อนการสื่อสารให้ดูเหมือนทราฟฟิกปกติ ที่น่าตกใจคือ VCD ransomware ไม่เพียงเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อ แต่ยังแสดงข้อความเรียกค่าไถ่ทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี สะท้อนว่าพวกเขาเตรียมพร้อมโจมตีทั้งในประเทศและต่างประเทศ นักวิเคราะห์จาก DeepTempo เตือนว่า การใช้ ransomware อาจไม่ใช่แค่การหาเงิน แต่เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากการขโมยข้อมูล หรือใช้กดดันทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวโน้มใหม่ของกลุ่ม APT ที่ผสมผสานการจารกรรมกับอาชญากรรมไซเบอร์ ✅ ScarCruft เปลี่ยนจากการจารกรรมมาใช้ ransomware ชื่อ VCD ➡️ เป็นการโจมตีแบบหวังผลทางการเงินครั้งแรกของกลุ่ม ✅ การโจมตีดำเนินการโดยกลุ่มย่อย ChinopuNK ➡️ ใช้อีเมลฟิชชิ่งปลอมเป็นไฟล์อัปเดตรหัสไปรษณีย์ ✅ มัลแวร์ที่ใช้มีมากกว่า 9 ชนิด รวมถึง ChillyChino รุ่นใหม่ ➡️ และ backdoor NubSpy ที่เขียนด้วยภาษา Rust ✅ NubSpy ใช้ PubNub เพื่อซ่อนการสื่อสารให้ดูเหมือนปกติ ➡️ ทำให้ตรวจจับได้ยาก ✅ VCD ransomware เข้ารหัสไฟล์และแสดงข้อความเรียกค่าไถ่ ➡️ มีทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี ✅ นักวิเคราะห์ชี้ว่า ransomware อาจใช้เป็นเครื่องมือเบี่ยงเบนหรือกดดัน ➡️ ไม่ใช่แค่การหาเงิน แต่เป็นยุทธศาสตร์หลายชั้น https://hackread.com/north-korean-group-scarcruft-spying-ransomware-attacks/
    HACKREAD.COM
    North Korean Group ScarCruft Expands From Spying to Ransomware Attacks
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกผู้บริหารความปลอดภัย: ยุคทองของ CSO กับภารกิจรับมือภัยไซเบอร์ยุค AI

    ในปี 2025 ตำแหน่ง Chief Security Officer (CSO) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่องค์กรทั่วโลกต้องการมากที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น แต่เพราะ CSO กลายเป็นผู้มีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในระดับ C-suite ที่ต้องเข้าใจทั้งเทคโนโลยี กฎหมาย และการสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูง

    รายงานจาก Skillsoft ระบุว่า ความต้องการ CSO เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด เช่น การเงิน การแพทย์ รัฐบาล และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ขณะที่เงินเดือนของ CSO ในองค์กรขนาดใหญ่สามารถแตะระดับ $700,000–$2,000,000 ต่อปี

    สิ่งที่องค์กรต้องการไม่ใช่แค่ความรู้ด้านเทคนิค แต่รวมถึง soft skills เช่น การสื่อสารในภาวะวิกฤต การเข้าใจการเงิน และการจัดการภาพลักษณ์องค์กร รวมถึงความเข้าใจใน AI ทั้งด้านความเสี่ยงและการใช้ AI เพื่อป้องกันภัย

    นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มการเตรียมผู้สืบทอดตำแหน่งผ่านบทบาทรอง เช่น Deputy CSO หรือหัวหน้าฝ่าย GRC (Governance, Risk, Compliance) เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการบริหารความปลอดภัย

    ความต้องการ CSO เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2025
    โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด

    เงินเดือนของ CSO สูงถึง $700,000–$2,000,000 ต่อปี
    โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น New York, Bay Area, Washington D.C.

    CSO ต้องมีทั้งความรู้ด้านเทคนิคและ soft skills
    เช่น การสื่อสารกับบอร์ด การจัดการวิกฤต และความเข้าใจด้านการเงิน

    AI literacy กลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของ CSO ยุคใหม่
    ต้องเข้าใจทั้งการป้องกันภัยจาก AI และการใช้ AI ในการตรวจจับ

    มีการเตรียมผู้สืบทอดตำแหน่งผ่านบทบาทรอง เช่น Deputy CSO
    เพื่อสร้างความต่อเนื่องและลดความเสี่ยงด้านบุคลากร

    องค์กรเริ่มเน้นการจ้างงานแบบเน้นทักษะมากกว่าปริญญา
    ให้ความสำคัญกับใบรับรองและประสบการณ์จริง

    https://www.csoonline.com/article/4033026/cso-hiring-on-the-rise-how-to-land-a-top-security-exec-role.html
    🛡️🏢 เรื่องเล่าจากโลกผู้บริหารความปลอดภัย: ยุคทองของ CSO กับภารกิจรับมือภัยไซเบอร์ยุค AI ในปี 2025 ตำแหน่ง Chief Security Officer (CSO) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่องค์กรทั่วโลกต้องการมากที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น แต่เพราะ CSO กลายเป็นผู้มีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในระดับ C-suite ที่ต้องเข้าใจทั้งเทคโนโลยี กฎหมาย และการสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูง รายงานจาก Skillsoft ระบุว่า ความต้องการ CSO เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด เช่น การเงิน การแพทย์ รัฐบาล และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ขณะที่เงินเดือนของ CSO ในองค์กรขนาดใหญ่สามารถแตะระดับ $700,000–$2,000,000 ต่อปี สิ่งที่องค์กรต้องการไม่ใช่แค่ความรู้ด้านเทคนิค แต่รวมถึง soft skills เช่น การสื่อสารในภาวะวิกฤต การเข้าใจการเงิน และการจัดการภาพลักษณ์องค์กร รวมถึงความเข้าใจใน AI ทั้งด้านความเสี่ยงและการใช้ AI เพื่อป้องกันภัย นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มการเตรียมผู้สืบทอดตำแหน่งผ่านบทบาทรอง เช่น Deputy CSO หรือหัวหน้าฝ่าย GRC (Governance, Risk, Compliance) เพื่อสร้างความต่อเนื่องในการบริหารความปลอดภัย ✅ ความต้องการ CSO เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2025 ➡️ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด ✅ เงินเดือนของ CSO สูงถึง $700,000–$2,000,000 ต่อปี ➡️ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น New York, Bay Area, Washington D.C. ✅ CSO ต้องมีทั้งความรู้ด้านเทคนิคและ soft skills ➡️ เช่น การสื่อสารกับบอร์ด การจัดการวิกฤต และความเข้าใจด้านการเงิน ✅ AI literacy กลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของ CSO ยุคใหม่ ➡️ ต้องเข้าใจทั้งการป้องกันภัยจาก AI และการใช้ AI ในการตรวจจับ ✅ มีการเตรียมผู้สืบทอดตำแหน่งผ่านบทบาทรอง เช่น Deputy CSO ➡️ เพื่อสร้างความต่อเนื่องและลดความเสี่ยงด้านบุคลากร ✅ องค์กรเริ่มเน้นการจ้างงานแบบเน้นทักษะมากกว่าปริญญา ➡️ ให้ความสำคัญกับใบรับรองและประสบการณ์จริง https://www.csoonline.com/article/4033026/cso-hiring-on-the-rise-how-to-land-a-top-security-exec-role.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CSO hiring on the rise: How to land a top security exec role
    2025 sees strong demand for top-level CSOs who can influence the C-suite, navigate regulatory and threat complexity, and meet the AI era head on.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: Do Kwon เตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์

    Do Kwon ผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs และผู้พัฒนาเหรียญ TerraUSD (UST) และ Luna ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งในโลกคริปโต กำลังจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อเขาเตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงที่เกิดจากการล่มสลายของระบบ stablecoin ที่เขาสร้างขึ้นในปี 2022 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั่วโลกกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์

    ก่อนหน้านี้ Kwon เคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงการฉ้อโกงหลักทรัพย์ ฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ ฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร และสมคบคิดฟอกเงิน แต่ล่าสุดศาลแขวงแมนฮัตตันได้รับแจ้งว่าเขาอาจเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” โดยมีการนัดไต่สวนในวันที่ 12 สิงหาคม 2025

    การรับสารภาพครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีที่อาจนำไปสู่โทษจำคุกสูงสุดถึง 100 ปี และอาจรวมถึงการยอมรับความผิดอย่างเป็นทางการต่อหน้าศาล

    เบื้องหลังของคดีนี้คือการล่มสลายของ TerraUSD ซึ่งเป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่ได้มีสินทรัพย์ค้ำประกันจริง ทำให้ระบบพังทลายเมื่อเกิดความผันผวน ส่งผลให้ Luna ซึ่งเป็นเหรียญคู่ขนานสูญมูลค่าอย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

    Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรเมื่อปี 2023 ขณะพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม และถูกส่งตัวกลับมายังสหรัฐฯ เพื่อรับการพิจารณาคดี

    Do Kwon เตรียมเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” ในคดีฉ้อโกง
    ศาลนัดไต่สวนวันที่ 12 สิงหาคม 2025 ที่แมนฮัตตัน

    เขาเคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงฉ้อโกงและฟอกเงิน
    หากถูกตัดสินผิดทุกข้อหา อาจถูกจำคุกสูงสุด 100 ปี

    คดีเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของ TerraUSD และ Luna ในปี 2022
    สร้างความเสียหายกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์

    TerraUSD เป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน
    ระบบพังเมื่อเกิดความผันผวน ทำให้ Luna สูญมูลค่า

    Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรและส่งตัวกลับสหรัฐฯ
    หลังพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม

    Terraform และ Kwon ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางแพ่งในปี 2024
    ต้องจ่ายค่าปรับและชดใช้กว่า 4.47 พันล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/crypto-exec-do-kwon-charged-with-fraud-expected-to-plead-guilty-
    💸⚖️ เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: Do Kwon เตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ Do Kwon ผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs และผู้พัฒนาเหรียญ TerraUSD (UST) และ Luna ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งในโลกคริปโต กำลังจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อเขาเตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงที่เกิดจากการล่มสลายของระบบ stablecoin ที่เขาสร้างขึ้นในปี 2022 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั่วโลกกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ Kwon เคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงการฉ้อโกงหลักทรัพย์ ฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ ฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร และสมคบคิดฟอกเงิน แต่ล่าสุดศาลแขวงแมนฮัตตันได้รับแจ้งว่าเขาอาจเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” โดยมีการนัดไต่สวนในวันที่ 12 สิงหาคม 2025 การรับสารภาพครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีที่อาจนำไปสู่โทษจำคุกสูงสุดถึง 100 ปี และอาจรวมถึงการยอมรับความผิดอย่างเป็นทางการต่อหน้าศาล เบื้องหลังของคดีนี้คือการล่มสลายของ TerraUSD ซึ่งเป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่ได้มีสินทรัพย์ค้ำประกันจริง ทำให้ระบบพังทลายเมื่อเกิดความผันผวน ส่งผลให้ Luna ซึ่งเป็นเหรียญคู่ขนานสูญมูลค่าอย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรเมื่อปี 2023 ขณะพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม และถูกส่งตัวกลับมายังสหรัฐฯ เพื่อรับการพิจารณาคดี ✅ Do Kwon เตรียมเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” ในคดีฉ้อโกง ➡️ ศาลนัดไต่สวนวันที่ 12 สิงหาคม 2025 ที่แมนฮัตตัน ✅ เขาเคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงฉ้อโกงและฟอกเงิน ➡️ หากถูกตัดสินผิดทุกข้อหา อาจถูกจำคุกสูงสุด 100 ปี ✅ คดีเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของ TerraUSD และ Luna ในปี 2022 ➡️ สร้างความเสียหายกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ✅ TerraUSD เป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ➡️ ระบบพังเมื่อเกิดความผันผวน ทำให้ Luna สูญมูลค่า ✅ Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรและส่งตัวกลับสหรัฐฯ ➡️ หลังพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม ✅ Terraform และ Kwon ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางแพ่งในปี 2024 ➡️ ต้องจ่ายค่าปรับและชดใช้กว่า 4.47 พันล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/crypto-exec-do-kwon-charged-with-fraud-expected-to-plead-guilty-
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto exec Do Kwon, charged with fraud, expected to plead guilty
    NEW YORK (Reuters) -Do Kwon, the South Korean cryptocurrency entrepreneur facing U.S. fraud charges over two digital currencies that lost an estimated $40 billion in 2022, is expected to enter a guilty plea, court records showed on Monday.
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Apple: Tim Cook กับ 4 คำที่พลิกเกม AI และประกาศยุทธศาสตร์ใหม่อย่างมั่นใจ

    ในช่วงที่โลกเทคโนโลยีหมุนเร็วด้วยกระแส AI บริษัทใหญ่ต่างเร่งเปิดตัวโมเดลใหม่และฟีเจอร์ล้ำหน้า แต่ Apple กลับดูเงียบผิดปกติ จนหลายคนตั้งคำถามว่า “ตกขบวนหรือเปล่า?” จนกระทั่ง Tim Cook CEO ของ Apple ออกมาพูดในประชุมพนักงานทั่วบริษัทว่า:

    “We’ve rarely been first.”

    แค่ 4 คำนี้ก็เปลี่ยนมุมมองของคนทั้งวงการ เพราะมันสะท้อนแนวคิดของ Apple ที่ไม่เน้น “เร็วที่สุด” แต่เน้น “ถูกต้องที่สุด” เหมือนที่เคยทำกับ Mac, iPhone, iPad และ iPod ที่ไม่ใช่เจ้าแรกในตลาด แต่เป็นเจ้าแรกที่ “ทำให้คนทั่วไปใช้งานได้จริง”

    Cook ยอมรับว่า Apple ล่าช้าในเรื่อง AI โดยเฉพาะ Siri ที่ยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้ช่วย AI จากค่ายอื่นได้ เขาเผยว่า Apple เคยพยายามใช้โมเดล hybrid ที่ผสมระบบเดิมกับ LLM แต่ผลลัพธ์ไม่ถึง “Apple quality” จึงตัดสินใจรื้อใหม่หมด และเริ่มสร้าง Siri เวอร์ชันใหม่จากศูนย์ โดยตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2026

    นอกจากนี้ Apple ยังลงทุนสร้างชิป AI ใหม่ชื่อ “Baltra” และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในฮิวสตัน พร้อมเปิดตัวระบบ Private Cloud Compute เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    Cook ยังประกาศว่า Apple จะ “ลงทุนอย่างจริงจัง” และ “เปิดรับการเข้าซื้อกิจการ” เพื่อเร่งพัฒนา AI โดยมีข่าวลือว่าอาจเล็งซื้อบริษัทอย่าง Perplexity หรือแม้แต่เจรจากับ OpenAI และ Anthropic

    Tim Cook กล่าว “We’ve rarely been first” เพื่อรีเซ็ตภาพลักษณ์ของ Apple ในยุค AI
    เน้นความถูกต้องมากกว่าความเร็วในการเข้าสู่ตลาด

    Apple ยอมรับว่า Siri ยังไม่ถึงมาตรฐานที่ต้องการ
    จึงรื้อระบบ hybrid เดิมและเริ่มสร้างใหม่ทั้งหมด

    Siri เวอร์ชันใหม่จะเปิดตัวในปี 2026
    มุ่งเน้นความฉลาดและเข้าใจบริบทมากขึ้น

    Apple พัฒนา AI chip ใหม่ชื่อ “Baltra” และศูนย์ข้อมูลในฮิวสตัน
    รองรับระบบ Private Cloud Compute เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล

    Apple ประกาศลงทุนเพิ่มใน AI และเปิดรับการเข้าซื้อกิจการ
    มีข่าวว่าอาจเล็งซื้อ Perplexity หรือเจรจากับ OpenAI และ Anthropic

    Craig Federighi ยอมรับว่าแนวทางเดิมไม่ตอบโจทย์คุณภาพของ Apple
    จึงเปลี่ยนทิศทางการพัฒนา Siri อย่างสิ้นเชิง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/with-just-four-words-tim-cook-reset-apples-ai-narrative-and-reminded-everyone-not-to-count-them-out
    🍎🤖 เรื่องเล่าจาก Apple: Tim Cook กับ 4 คำที่พลิกเกม AI และประกาศยุทธศาสตร์ใหม่อย่างมั่นใจ ในช่วงที่โลกเทคโนโลยีหมุนเร็วด้วยกระแส AI บริษัทใหญ่ต่างเร่งเปิดตัวโมเดลใหม่และฟีเจอร์ล้ำหน้า แต่ Apple กลับดูเงียบผิดปกติ จนหลายคนตั้งคำถามว่า “ตกขบวนหรือเปล่า?” จนกระทั่ง Tim Cook CEO ของ Apple ออกมาพูดในประชุมพนักงานทั่วบริษัทว่า: 🔖 “We’ve rarely been first.” แค่ 4 คำนี้ก็เปลี่ยนมุมมองของคนทั้งวงการ เพราะมันสะท้อนแนวคิดของ Apple ที่ไม่เน้น “เร็วที่สุด” แต่เน้น “ถูกต้องที่สุด” เหมือนที่เคยทำกับ Mac, iPhone, iPad และ iPod ที่ไม่ใช่เจ้าแรกในตลาด แต่เป็นเจ้าแรกที่ “ทำให้คนทั่วไปใช้งานได้จริง” Cook ยอมรับว่า Apple ล่าช้าในเรื่อง AI โดยเฉพาะ Siri ที่ยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้ช่วย AI จากค่ายอื่นได้ เขาเผยว่า Apple เคยพยายามใช้โมเดล hybrid ที่ผสมระบบเดิมกับ LLM แต่ผลลัพธ์ไม่ถึง “Apple quality” จึงตัดสินใจรื้อใหม่หมด และเริ่มสร้าง Siri เวอร์ชันใหม่จากศูนย์ โดยตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2026 นอกจากนี้ Apple ยังลงทุนสร้างชิป AI ใหม่ชื่อ “Baltra” และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในฮิวสตัน พร้อมเปิดตัวระบบ Private Cloud Compute เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Cook ยังประกาศว่า Apple จะ “ลงทุนอย่างจริงจัง” และ “เปิดรับการเข้าซื้อกิจการ” เพื่อเร่งพัฒนา AI โดยมีข่าวลือว่าอาจเล็งซื้อบริษัทอย่าง Perplexity หรือแม้แต่เจรจากับ OpenAI และ Anthropic ✅ Tim Cook กล่าว “We’ve rarely been first” เพื่อรีเซ็ตภาพลักษณ์ของ Apple ในยุค AI ➡️ เน้นความถูกต้องมากกว่าความเร็วในการเข้าสู่ตลาด ✅ Apple ยอมรับว่า Siri ยังไม่ถึงมาตรฐานที่ต้องการ ➡️ จึงรื้อระบบ hybrid เดิมและเริ่มสร้างใหม่ทั้งหมด ✅ Siri เวอร์ชันใหม่จะเปิดตัวในปี 2026 ➡️ มุ่งเน้นความฉลาดและเข้าใจบริบทมากขึ้น ✅ Apple พัฒนา AI chip ใหม่ชื่อ “Baltra” และศูนย์ข้อมูลในฮิวสตัน ➡️ รองรับระบบ Private Cloud Compute เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ✅ Apple ประกาศลงทุนเพิ่มใน AI และเปิดรับการเข้าซื้อกิจการ ➡️ มีข่าวว่าอาจเล็งซื้อ Perplexity หรือเจรจากับ OpenAI และ Anthropic ✅ Craig Federighi ยอมรับว่าแนวทางเดิมไม่ตอบโจทย์คุณภาพของ Apple ➡️ จึงเปลี่ยนทิศทางการพัฒนา Siri อย่างสิ้นเชิง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/with-just-four-words-tim-cook-reset-apples-ai-narrative-and-reminded-everyone-not-to-count-them-out
    WWW.THESTAR.COM.MY
    With just four words, Tim Cook reset Apple’s AI narrative and reminded everyone not to count them out
    Cook isn't pretending Apple will be the first to market with bleeding-edge AI tools. What he is saying is: we know how to play this game.
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018

    AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย”

    แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว

    กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน

    คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?”

    Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง
    สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ

    AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม
    เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน

    Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้
    เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย

    วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล
    มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม

    กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า
    เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว
    แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    🧠📺 เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018 AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย” แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?” ✅ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง ➡️ สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ ✅ AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม ➡️ เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน ✅ Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้ ➡️ เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย ✅ วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล ➡️ มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม ✅ กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า ➡️ เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว ➡️ แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Jim Acosta’s AI interview raises deeper questions about human connection
    The interview sparked backlash and raised ethical concerns over technology's potential role in tarnishing the memory of the dead or changing their viewpoint.
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • ZUS COFFEE ทุนมาเลย์ฯ บุกไทย

    ZUS COFFEE (ซุส คอฟฟี่) โลโก้ชายเครางามสีน้ำเงิน ผู้บริโภคชาวไทยอาจไม่คุ้นหู แต่ที่ประเทศมาเลเซียถือเป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุด 746 แห่ง แซงหน้าสตาร์บัคส์ มาเลเซีย ของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชั่น (Berjaya Corporation) ที่มีประมาณ 320 แห่ง กระทั่งขยายสาขาไปยังฟิลิปปินส์ในปี 2566 มีมากถึง 153 สาขา ต่อด้วยสิงคโปร์ 5 สาขา บรูไน 5 สาขาในปี 2567 และไทยคือจุดหมายล่าสุด ก่อนจะเปิดที่อินโดนีเซียร่วมกับกลุ่มกาปัลอาปี (Kapal Api Group) ในลำดับถัดไป

    ซุส คอฟฟี่ เปิดสาขาแรกในไทยที่อาคารวานิช เพลส อารีย์ ถนนพหลโยธิน ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ส.ค. 2568 บริหารงานโดย บริษัท ซุสเพรซโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ด้วยทุนจดทะเบียน 81.55 ล้านบาท มีกรรมการบริษัทชาวมาเลเซีย 5 คน ร่วมกับ นายพงษ์ศักดิ์ ธัมประพาสอัศดร กรรมการบริษัทชาวไทย นับเป็นกลุ่มทุนมาเลเซียในไทยที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย หรือกลุ่มมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย.

    แหล่งข่าวระบุว่า ซุส คอฟฟี่ เป็นความตั้งใจของบริษัทแม่ในมาเลเซีย ที่ต้องการขยายตลาดมายังประเทศไทยโดยตรง ไม่ได้เป็นแฟรนไชส์ มีแผนที่จะขยายสาขาในไทยราว 30 แห่งภายในต้นปี 2569 โดยสาขาถัดไปอยู่ที่ย่านอโศก ปิ่นเกล้า และสีลม ส่วนข้อกังวลถึงวัตถุดิบโดยเฉพาะกะทิ สำหรับเมนูยอดนิยมอย่าง Coconut Latte ยอมรับว่าที่ประเทศมาเลเซียกะทิขาดตลาดจริง แต่สำหรับประเทศไทยวัตถุดิบเหลือเฟือ เชื่อว่าคนไทยขาดกะทิไม่ได้

    ก่อนหน้านี้ นายเวนอน เทียน เจิ้ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของซุสเพรซโซ่ มาเลเซีย กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ซุสคอฟฟี่วางแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 200 แห่งในปีนี้ โดยจะเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 107 แห่งในมาเลเซีย ประมาณ 80 แห่งในฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟรงค์ เลา มหาเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์ และอีก 6 แห่งในสิงคโปร์ ส่วนบรูไนบริหารในรูปแบบแฟรนไชส์

    ซุส คอฟฟี่ ก่อตั้งในปี 2562 เริ่มต้นจากโมเดลธุรกิจที่เน้นเทคโนโลยีด้วยบริการส่งกาแฟผ่านแอปพลิเคชันของตัวเอง ก่อนเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์และผู้คนนิยมสั่งอาหารออนไลน์ ทำให้มียอดขายออนไลน์ประมาณ 70% จากการจัดส่งและรับสินค้าเอง และด้วยการปรับต้นทุนสร้างร้านกาแฟแบบดั้งเดิม ทำให้ขายกาแฟได้ถูกกว่าสตาร์บัคส์ราว 20% และเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าชาวมาเลเซีย ขณะที่สตาร์บัคส์ได้รับผลกระทบจากการรณรงค์คว่ำบาตรกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

    #Newskit
    ZUS COFFEE ทุนมาเลย์ฯ บุกไทย ZUS COFFEE (ซุส คอฟฟี่) โลโก้ชายเครางามสีน้ำเงิน ผู้บริโภคชาวไทยอาจไม่คุ้นหู แต่ที่ประเทศมาเลเซียถือเป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุด 746 แห่ง แซงหน้าสตาร์บัคส์ มาเลเซีย ของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชั่น (Berjaya Corporation) ที่มีประมาณ 320 แห่ง กระทั่งขยายสาขาไปยังฟิลิปปินส์ในปี 2566 มีมากถึง 153 สาขา ต่อด้วยสิงคโปร์ 5 สาขา บรูไน 5 สาขาในปี 2567 และไทยคือจุดหมายล่าสุด ก่อนจะเปิดที่อินโดนีเซียร่วมกับกลุ่มกาปัลอาปี (Kapal Api Group) ในลำดับถัดไป ซุส คอฟฟี่ เปิดสาขาแรกในไทยที่อาคารวานิช เพลส อารีย์ ถนนพหลโยธิน ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ส.ค. 2568 บริหารงานโดย บริษัท ซุสเพรซโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ด้วยทุนจดทะเบียน 81.55 ล้านบาท มีกรรมการบริษัทชาวมาเลเซีย 5 คน ร่วมกับ นายพงษ์ศักดิ์ ธัมประพาสอัศดร กรรมการบริษัทชาวไทย นับเป็นกลุ่มทุนมาเลเซียในไทยที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย หรือกลุ่มมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. แหล่งข่าวระบุว่า ซุส คอฟฟี่ เป็นความตั้งใจของบริษัทแม่ในมาเลเซีย ที่ต้องการขยายตลาดมายังประเทศไทยโดยตรง ไม่ได้เป็นแฟรนไชส์ มีแผนที่จะขยายสาขาในไทยราว 30 แห่งภายในต้นปี 2569 โดยสาขาถัดไปอยู่ที่ย่านอโศก ปิ่นเกล้า และสีลม ส่วนข้อกังวลถึงวัตถุดิบโดยเฉพาะกะทิ สำหรับเมนูยอดนิยมอย่าง Coconut Latte ยอมรับว่าที่ประเทศมาเลเซียกะทิขาดตลาดจริง แต่สำหรับประเทศไทยวัตถุดิบเหลือเฟือ เชื่อว่าคนไทยขาดกะทิไม่ได้ ก่อนหน้านี้ นายเวนอน เทียน เจิ้ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของซุสเพรซโซ่ มาเลเซีย กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ซุสคอฟฟี่วางแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 200 แห่งในปีนี้ โดยจะเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 107 แห่งในมาเลเซีย ประมาณ 80 แห่งในฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟรงค์ เลา มหาเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์ และอีก 6 แห่งในสิงคโปร์ ส่วนบรูไนบริหารในรูปแบบแฟรนไชส์ ซุส คอฟฟี่ ก่อตั้งในปี 2562 เริ่มต้นจากโมเดลธุรกิจที่เน้นเทคโนโลยีด้วยบริการส่งกาแฟผ่านแอปพลิเคชันของตัวเอง ก่อนเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์และผู้คนนิยมสั่งอาหารออนไลน์ ทำให้มียอดขายออนไลน์ประมาณ 70% จากการจัดส่งและรับสินค้าเอง และด้วยการปรับต้นทุนสร้างร้านกาแฟแบบดั้งเดิม ทำให้ขายกาแฟได้ถูกกว่าสตาร์บัคส์ราว 20% และเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าชาวมาเลเซีย ขณะที่สตาร์บัคส์ได้รับผลกระทบจากการรณรงค์คว่ำบาตรกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • ระบบขายชาติก็จะพังนะสิ.

    นี้ก็ขัดขวางคำสั่งฝ่ายกูตลอดอยู่แล้ว ไปๆให้เร็วๆระบบกูจะได้หาคนของกูมาแทนและพร้อมทำตามคำสั่งฝ่ายระบบกู.

    ระบบฮุนเซนระบบทักษิณลูกพี่กูจะพัง,กูมาแทนนายกฯมิได้เป็นนายกฯนะก็เสียระบบมากพอแล้วพะนะ,จะเพิ่มการเสียระบบลอกเลียนสไตล์กูอีกคงไม่ได้,เพราะอยากเตะออกไปนานแล้ว,
    ..ทหารไทยประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อนบิ๊กกุ้งสัก1-2วันคงดี,จากนั้นนั่งตำแหน่งนายกฯรักษาการแทนรัฐบาลชุดนี้เลย ประชาชนคนไทยเกือบทั้งประเทศที่รักชาติไทยลงมติเห็นชอบแน่นอน.

    https://youtube.com/shorts/dtl-7NGilJU?si=ihSgBab3BEoktaS1
    ระบบขายชาติก็จะพังนะสิ. นี้ก็ขัดขวางคำสั่งฝ่ายกูตลอดอยู่แล้ว ไปๆให้เร็วๆระบบกูจะได้หาคนของกูมาแทนและพร้อมทำตามคำสั่งฝ่ายระบบกู. ระบบฮุนเซนระบบทักษิณลูกพี่กูจะพัง,กูมาแทนนายกฯมิได้เป็นนายกฯนะก็เสียระบบมากพอแล้วพะนะ,จะเพิ่มการเสียระบบลอกเลียนสไตล์กูอีกคงไม่ได้,เพราะอยากเตะออกไปนานแล้ว, ..ทหารไทยประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อนบิ๊กกุ้งสัก1-2วันคงดี,จากนั้นนั่งตำแหน่งนายกฯรักษาการแทนรัฐบาลชุดนี้เลย ประชาชนคนไทยเกือบทั้งประเทศที่รักชาติไทยลงมติเห็นชอบแน่นอน. https://youtube.com/shorts/dtl-7NGilJU?si=ihSgBab3BEoktaS1
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากชั้นในของชิป: CT scan เผยความลับของ Intel 386 ที่ซ่อนอยู่ใต้เซรามิก

    ในยุคที่ชิปสมัยใหม่มีขนาดเล็กลงและซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ Ken Shirriff นักวิจัยด้านฮาร์ดแวร์ได้ใช้เทคโนโลยี CT scan เพื่อเปิดเผยโครงสร้างภายในของ Intel 386—ชิประดับตำนานจากยุค 1980 ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ x86 แบบ 32 บิต

    แม้ภายนอกจะดูเหมือนเซรามิกสีเทาพร้อมขา 132 ขา แต่ภายในกลับซ่อนวิศวกรรมระดับสูงไว้มากมาย โดย CT scan ให้ภาพ X-ray หลายร้อยชั้นที่สามารถรวมเป็นโมเดล 3D เพื่อหมุน ดู และ “ลอก” ชั้นต่าง ๆ ได้แบบดิจิทัล

    สิ่งที่พบมีตั้งแต่สายทองคำขนาด 35 ไมโครเมตรที่เชื่อมระหว่าง die กับแผงวงจร ไปจนถึงโครงสร้างวงจร 6 ชั้นที่ซ่อนอยู่ภายในเซรามิก ซึ่งประกอบด้วย 2 ชั้นสำหรับสัญญาณ และ 4 ชั้นสำหรับพลังงานและกราวด์ โดยใช้เทคนิค “single-row double-shelf bonding” เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของการเชื่อมต่อ

    นอกจากนี้ยังพบสายไฟข้างชิปที่ใช้ในขั้นตอนชุบทอง ซึ่งปกติจะไม่ปรากฏให้เห็น รวมถึงการออกแบบที่รองรับการกระจายความร้อนด้วยอีพ็อกซีผสมเงินใต้ die เพื่อให้ชิปทำงานได้เสถียร

    ที่น่าสนใจคือ มีขาบางขาในแพ็กเกจที่ระบุว่า “No Connect” แต่จริง ๆ แล้วมีการเชื่อมต่อภายใน die ซึ่งอาจใช้สำหรับการทดสอบหรือฟังก์ชันลับที่ Intel ไม่เคยเปิดเผย

    Ken Shirriff ใช้ CT scan สำรวจโครงสร้างภายในของ Intel 386 CPU
    สร้างโมเดล 3D ที่สามารถหมุนและลอกชั้นต่าง ๆ ได้แบบดิจิทัล

    พบสายทองคำขนาด 35 µm เชื่อมระหว่าง die กับแผงวงจร
    บางจุดมีถึง 5 เส้นเพื่อรองรับกระแสไฟสูง

    แพ็กเกจภายในเป็นวงจร 6 ชั้น: 2 ชั้นสัญญาณ + 4 ชั้นพลังงาน
    ใช้เทคนิค “single-row double-shelf bonding” เพื่อเพิ่มความหนาแน่น

    พบสายไฟด้านข้างที่ใช้ชุบทองในขั้นตอนการผลิต
    ยืนยันด้วยการขัดเซรามิกให้ตรงกับภาพ CT

    ใต้ die มีอีพ็อกซีผสมเงินเพื่อระบายความร้อนและเชื่อมกราวด์
    ช่วยให้ชิปทำงานได้เสถียรภายใต้โหลด

    พบขา “No Connect” ที่มีการเชื่อมต่อภายใน die จริง
    อาจใช้สำหรับการทดสอบหรือฟังก์ชันลับของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ct-scan-peels-back-the-layers-of-time-to-reveal-the-engineering-within-intels-iconic-386-cpu-exposing-intricate-pin-mapping-hidden-power-planes-and-more
    🔬💾 เรื่องเล่าจากชั้นในของชิป: CT scan เผยความลับของ Intel 386 ที่ซ่อนอยู่ใต้เซรามิก ในยุคที่ชิปสมัยใหม่มีขนาดเล็กลงและซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ Ken Shirriff นักวิจัยด้านฮาร์ดแวร์ได้ใช้เทคโนโลยี CT scan เพื่อเปิดเผยโครงสร้างภายในของ Intel 386—ชิประดับตำนานจากยุค 1980 ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ x86 แบบ 32 บิต แม้ภายนอกจะดูเหมือนเซรามิกสีเทาพร้อมขา 132 ขา แต่ภายในกลับซ่อนวิศวกรรมระดับสูงไว้มากมาย โดย CT scan ให้ภาพ X-ray หลายร้อยชั้นที่สามารถรวมเป็นโมเดล 3D เพื่อหมุน ดู และ “ลอก” ชั้นต่าง ๆ ได้แบบดิจิทัล สิ่งที่พบมีตั้งแต่สายทองคำขนาด 35 ไมโครเมตรที่เชื่อมระหว่าง die กับแผงวงจร ไปจนถึงโครงสร้างวงจร 6 ชั้นที่ซ่อนอยู่ภายในเซรามิก ซึ่งประกอบด้วย 2 ชั้นสำหรับสัญญาณ และ 4 ชั้นสำหรับพลังงานและกราวด์ โดยใช้เทคนิค “single-row double-shelf bonding” เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังพบสายไฟข้างชิปที่ใช้ในขั้นตอนชุบทอง ซึ่งปกติจะไม่ปรากฏให้เห็น รวมถึงการออกแบบที่รองรับการกระจายความร้อนด้วยอีพ็อกซีผสมเงินใต้ die เพื่อให้ชิปทำงานได้เสถียร ที่น่าสนใจคือ มีขาบางขาในแพ็กเกจที่ระบุว่า “No Connect” แต่จริง ๆ แล้วมีการเชื่อมต่อภายใน die ซึ่งอาจใช้สำหรับการทดสอบหรือฟังก์ชันลับที่ Intel ไม่เคยเปิดเผย ✅ Ken Shirriff ใช้ CT scan สำรวจโครงสร้างภายในของ Intel 386 CPU ➡️ สร้างโมเดล 3D ที่สามารถหมุนและลอกชั้นต่าง ๆ ได้แบบดิจิทัล ✅ พบสายทองคำขนาด 35 µm เชื่อมระหว่าง die กับแผงวงจร ➡️ บางจุดมีถึง 5 เส้นเพื่อรองรับกระแสไฟสูง ✅ แพ็กเกจภายในเป็นวงจร 6 ชั้น: 2 ชั้นสัญญาณ + 4 ชั้นพลังงาน ➡️ ใช้เทคนิค “single-row double-shelf bonding” เพื่อเพิ่มความหนาแน่น ✅ พบสายไฟด้านข้างที่ใช้ชุบทองในขั้นตอนการผลิต ➡️ ยืนยันด้วยการขัดเซรามิกให้ตรงกับภาพ CT ✅ ใต้ die มีอีพ็อกซีผสมเงินเพื่อระบายความร้อนและเชื่อมกราวด์ ➡️ ช่วยให้ชิปทำงานได้เสถียรภายใต้โหลด ✅ พบขา “No Connect” ที่มีการเชื่อมต่อภายใน die จริง ➡️ อาจใช้สำหรับการทดสอบหรือฟังก์ชันลับของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ct-scan-peels-back-the-layers-of-time-to-reveal-the-engineering-within-intels-iconic-386-cpu-exposing-intricate-pin-mapping-hidden-power-planes-and-more
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • เดอะแก๊งอนุรักษ์ศักดินานิยมหรือและเดอะแก๊งโหนเจ้าบวกเดอะแก๊งล้มเจ้าร่วมถึงชุดคณะที่หัวหน้ามันบอกว่าทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามมัน มันคงไม่ยอมอย่างชัดเจน,ผิดปกติมากคนชั่วเลวพวกนี้ทำไมลอยหน้าลอยตาบินบนในฐานอำนาจปกครองประเทศไทยอยู่ได้ถึงตอนนี้กระบวนการยุติธรรมเราลงดาบเชื่องช้ามาและเสมือนเป็นผู้ละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่เด็ดขาดจริงๆเลย,ปล่อยให้เกิดเหตุลุกลามใหญ่โตจนเจตนาจำนงไปเพื่อเสียอธิปไตยดินแดนไทยชัดเจนด้วย,mou43/44ไม่ผ่านสภาก้าวล่วงพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ด้านภัยอธิปไตยดินแดนชัดเจนแต่กระบวนการยุติธรรมกลับนิ่งเฉย ซึ่งกูรูผู้รู้ชี้นำแล้วว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวเวลาไหนได้ตลอดเวลาเพราะตกลงแค่สองฝ่าย ทั้งเขมรละเมิดจริงข้อตกลงด้วย,รัฐบาลปัจจุบันทั้งพรรคหลักพรรคร่วมตลอดสส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดเข้าข่ายเป็นกบฎต่ออธิปไตยไทยชัดเจน ,สส.ทั้งสภานิ่งเฉยดูดายด้วย ไม่ประชุมยกเลิกmou43/44ที่ไม่ชอบนี้ด้วย เข้าข่ายความผิดชัดเจนร่วมกันต่อละเว้นปกป้องดินแดนอธิปไตยตนเองอย่างมีนัยยะสำคัญ ขาดซึ่งคุณสมบัติการเป็นสส.และพรรคการเมืองที่ไปมีเจตนาดำรงรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยชาติไทยตนอย่างชัดเจน,ไร้การแสดงออกเต็มที่ในการปกป้องดินแดนตน ยังเห็นชอบการไม่ยกเลิกmou43/44ไปด้วย,ตลอดพรรคการเมืองยังมีหลักฐานชี้ชัดว่าถูกครอบงำจากพรรคเพื่อไทยชัดเจนในการไปเยี่ยมบ้านทักษิณก่อนการจัดตั้งรัฐบาล,สส.ทั้งสภาไม่อาจเป็นที่ไว้วางใจในการร่วมปกป้องดินแดนไทยและอธิปไตยไทยจริงอย่างชัดเจนมาก,ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเฉยเมยต่อภัยคุกคามดินแดนไทยอธิปไตยไทยชัดเจนมาโดยตลอดจนแม่ทัพภาค2.บุกยึด11จุดคืนจากเขมรให้เห็นจริงประจักษ์ชัดเจนว่า สส.ทั้งสภาและชุดรัฐบาลนี้ไม่ปกป้องดินแดนอธิปไตยไทยจริงและมีเจตนาให้ไทยสูญเสียดินแดนพื้นที่ตลอดแนวพรมแดนไทยที่ติดกับเขมรจากการเจตนาไม่ยอมยกเลิกmou43/44นี้ซึ่งสามารถทำได้ทันทีในรัฐบาลชุดนี้แต่ฝ่ายเดียวได้ทั้งเขมรละเมิดจริงในข้อตกลงด้วย,เจตนาส่อเป็นภัยไส้ศึกจริงต่ออธิปไตยไทยทั้งที่ลาวและเวียดนามที่ติดกับเขมรก็ใช้1:50,000เหมือนกัน,แต่รัฐบาลไทยมีเจตนาปกป้อง1:200,000 เข้าข่ายชัดเจนมาก,
    ..ทหารไทยมีความชอบธรรมอย่างถึงที่สุดเพื่อประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศในสถานการณ์ที่เขมรเตรียมกำลังรอรบกับไทยด้วยอย่างชัดเจน,รัฐบาลไทยชุดนี้ตลอดสส.ทั้งสภา ไม่เป็นที่ไว้วางใจต่อการปกป้องอธิปไตยของชาติ,เรา..ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้และสส.ทั้งสภา,รัฐบาลชุดนี้และสภาสส.ทั้งหมดไม่สมควรมีสถานะใดๆอีกต่อไปและขอนายกฯพระราชทาน รัฐบาลพระราชทานเพื่อตัดตอนการแทรกแซงจากฝรั่งต่างชาติทั้งหมดมิให้วุ่นวายสร้างโกลาหลในวิถีปกครองไทยเราจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติจึงจัดการให้มีการเลือกตั้งใหม่.
    https://youtube.com/shorts/obm_MjGJ7qQ?si=G1ijo6sCzDuY-lg_
    เดอะแก๊งอนุรักษ์ศักดินานิยมหรือและเดอะแก๊งโหนเจ้าบวกเดอะแก๊งล้มเจ้าร่วมถึงชุดคณะที่หัวหน้ามันบอกว่าทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามมัน มันคงไม่ยอมอย่างชัดเจน,ผิดปกติมากคนชั่วเลวพวกนี้ทำไมลอยหน้าลอยตาบินบนในฐานอำนาจปกครองประเทศไทยอยู่ได้ถึงตอนนี้กระบวนการยุติธรรมเราลงดาบเชื่องช้ามาและเสมือนเป็นผู้ละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่เด็ดขาดจริงๆเลย,ปล่อยให้เกิดเหตุลุกลามใหญ่โตจนเจตนาจำนงไปเพื่อเสียอธิปไตยดินแดนไทยชัดเจนด้วย,mou43/44ไม่ผ่านสภาก้าวล่วงพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ด้านภัยอธิปไตยดินแดนชัดเจนแต่กระบวนการยุติธรรมกลับนิ่งเฉย ซึ่งกูรูผู้รู้ชี้นำแล้วว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวเวลาไหนได้ตลอดเวลาเพราะตกลงแค่สองฝ่าย ทั้งเขมรละเมิดจริงข้อตกลงด้วย,รัฐบาลปัจจุบันทั้งพรรคหลักพรรคร่วมตลอดสส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดเข้าข่ายเป็นกบฎต่ออธิปไตยไทยชัดเจน ,สส.ทั้งสภานิ่งเฉยดูดายด้วย ไม่ประชุมยกเลิกmou43/44ที่ไม่ชอบนี้ด้วย เข้าข่ายความผิดชัดเจนร่วมกันต่อละเว้นปกป้องดินแดนอธิปไตยตนเองอย่างมีนัยยะสำคัญ ขาดซึ่งคุณสมบัติการเป็นสส.และพรรคการเมืองที่ไปมีเจตนาดำรงรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยชาติไทยตนอย่างชัดเจน,ไร้การแสดงออกเต็มที่ในการปกป้องดินแดนตน ยังเห็นชอบการไม่ยกเลิกmou43/44ไปด้วย,ตลอดพรรคการเมืองยังมีหลักฐานชี้ชัดว่าถูกครอบงำจากพรรคเพื่อไทยชัดเจนในการไปเยี่ยมบ้านทักษิณก่อนการจัดตั้งรัฐบาล,สส.ทั้งสภาไม่อาจเป็นที่ไว้วางใจในการร่วมปกป้องดินแดนไทยและอธิปไตยไทยจริงอย่างชัดเจนมาก,ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเฉยเมยต่อภัยคุกคามดินแดนไทยอธิปไตยไทยชัดเจนมาโดยตลอดจนแม่ทัพภาค2.บุกยึด11จุดคืนจากเขมรให้เห็นจริงประจักษ์ชัดเจนว่า สส.ทั้งสภาและชุดรัฐบาลนี้ไม่ปกป้องดินแดนอธิปไตยไทยจริงและมีเจตนาให้ไทยสูญเสียดินแดนพื้นที่ตลอดแนวพรมแดนไทยที่ติดกับเขมรจากการเจตนาไม่ยอมยกเลิกmou43/44นี้ซึ่งสามารถทำได้ทันทีในรัฐบาลชุดนี้แต่ฝ่ายเดียวได้ทั้งเขมรละเมิดจริงในข้อตกลงด้วย,เจตนาส่อเป็นภัยไส้ศึกจริงต่ออธิปไตยไทยทั้งที่ลาวและเวียดนามที่ติดกับเขมรก็ใช้1:50,000เหมือนกัน,แต่รัฐบาลไทยมีเจตนาปกป้อง1:200,000 เข้าข่ายชัดเจนมาก, ..ทหารไทยมีความชอบธรรมอย่างถึงที่สุดเพื่อประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศในสถานการณ์ที่เขมรเตรียมกำลังรอรบกับไทยด้วยอย่างชัดเจน,รัฐบาลไทยชุดนี้ตลอดสส.ทั้งสภา ไม่เป็นที่ไว้วางใจต่อการปกป้องอธิปไตยของชาติ,เรา..ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้และสส.ทั้งสภา,รัฐบาลชุดนี้และสภาสส.ทั้งหมดไม่สมควรมีสถานะใดๆอีกต่อไปและขอนายกฯพระราชทาน รัฐบาลพระราชทานเพื่อตัดตอนการแทรกแซงจากฝรั่งต่างชาติทั้งหมดมิให้วุ่นวายสร้างโกลาหลในวิถีปกครองไทยเราจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติจึงจัดการให้มีการเลือกตั้งใหม่. https://youtube.com/shorts/obm_MjGJ7qQ?si=G1ijo6sCzDuY-lg_
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • Adaptec SmartRAID 4300: การปฏิวัติ RAID สำหรับยุค NVMe ความเร็วสูง

    ในยุคที่ข้อมูลเติบโตแบบก้าวกระโดด การจัดการ storage ให้เร็วและปลอดภัยกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูล Adaptec จึงเปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด—RAID card แบบ software-defined ที่รองรับ SSD NVMe ได้ถึง 32 ตัว พร้อมความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุดถึง 291 GB/s

    ต่างจาก RAID card แบบเดิมที่เชื่อมต่อ SSD โดยตรง SmartRAID 4300 ใช้แนวคิดใหม่: ไม่มีการเชื่อมต่อไดรฟ์บนตัวการ์ดเลย แต่ใช้ CPU เป็นศูนย์กลางในการจัดการ I/O แล้วส่งข้อมูลผ่าน software-defined storage (SDS) ไปยัง SSD โดยตรง

    การออกแบบนี้ช่วยลดข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ RAID แบบเก่า ทำให้สามารถใช้ SSD จากหลายแบรนด์ร่วมกันได้ และยังเพิ่มความสามารถในการขยายระบบแบบไร้ข้อจำกัดของ vendor

    SmartRAID 4300 ยังรองรับ RAID modes หลากหลาย (0, 1, 10, 5, 50), secure boot, secure update, attestation, และการจัดการผ่าน UEFI pre-boot พร้อมฟีเจอร์ enterprise เช่น hot-plug, hot-spare, S.M.A.R.T., และการรองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte

    นอกจากนี้ยังมีการเร่งความเร็ว RAID โดยใช้ hardware accelerator บน PCIe x16 ซึ่งช่วยลดภาระของ CPU และเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน/เขียนข้อมูลอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในระบบ Linux ที่สามารถทำ random read ได้ถึง 27 ล้าน IOPS

    Adaptec เปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ RAID card แบบ software-defined
    รองรับ SSD NVMe สูงสุด 32 ตัวผ่าน PCIe 4.0 และ 5.0

    ความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุด 291 GB/s และเขียน 155 GB/s ใน RAID 5 บน Linux
    ใช้การจัดการ I/O ผ่าน software โดยไม่เชื่อมต่อ SSD บนตัวการ์ด

    รองรับ RAID modes: 0, 1, 10, 5, 50
    มีฟีเจอร์ enterprise เช่น secure boot, hot-plug, S.M.A.R.T.

    ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ MD2 low-profile และเสียบผ่าน PCIe x16 slot
    เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความปลอดภัย

    รองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte
    รองรับการจัดการผ่าน UEFI pre-boot และ maxView tool

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/adaptec-announces-new-raid-card-that-supports-up-to-32-nvme-pcie-4-0-and-5-0-ssds-offers-up-to-291gb-s-read-speeds-at-full-capacity
    🚀🔧 Adaptec SmartRAID 4300: การปฏิวัติ RAID สำหรับยุค NVMe ความเร็วสูง ในยุคที่ข้อมูลเติบโตแบบก้าวกระโดด การจัดการ storage ให้เร็วและปลอดภัยกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูล Adaptec จึงเปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด—RAID card แบบ software-defined ที่รองรับ SSD NVMe ได้ถึง 32 ตัว พร้อมความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุดถึง 291 GB/s ต่างจาก RAID card แบบเดิมที่เชื่อมต่อ SSD โดยตรง SmartRAID 4300 ใช้แนวคิดใหม่: ไม่มีการเชื่อมต่อไดรฟ์บนตัวการ์ดเลย แต่ใช้ CPU เป็นศูนย์กลางในการจัดการ I/O แล้วส่งข้อมูลผ่าน software-defined storage (SDS) ไปยัง SSD โดยตรง การออกแบบนี้ช่วยลดข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ RAID แบบเก่า ทำให้สามารถใช้ SSD จากหลายแบรนด์ร่วมกันได้ และยังเพิ่มความสามารถในการขยายระบบแบบไร้ข้อจำกัดของ vendor SmartRAID 4300 ยังรองรับ RAID modes หลากหลาย (0, 1, 10, 5, 50), secure boot, secure update, attestation, และการจัดการผ่าน UEFI pre-boot พร้อมฟีเจอร์ enterprise เช่น hot-plug, hot-spare, S.M.A.R.T., และการรองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte นอกจากนี้ยังมีการเร่งความเร็ว RAID โดยใช้ hardware accelerator บน PCIe x16 ซึ่งช่วยลดภาระของ CPU และเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน/เขียนข้อมูลอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในระบบ Linux ที่สามารถทำ random read ได้ถึง 27 ล้าน IOPS ✅ Adaptec เปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ RAID card แบบ software-defined ➡️ รองรับ SSD NVMe สูงสุด 32 ตัวผ่าน PCIe 4.0 และ 5.0 ✅ ความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุด 291 GB/s และเขียน 155 GB/s ใน RAID 5 บน Linux ➡️ ใช้การจัดการ I/O ผ่าน software โดยไม่เชื่อมต่อ SSD บนตัวการ์ด ✅ รองรับ RAID modes: 0, 1, 10, 5, 50 ➡️ มีฟีเจอร์ enterprise เช่น secure boot, hot-plug, S.M.A.R.T. ✅ ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ MD2 low-profile และเสียบผ่าน PCIe x16 slot ➡️ เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความปลอดภัย ✅ รองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte ➡️ รองรับการจัดการผ่าน UEFI pre-boot และ maxView tool https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/adaptec-announces-new-raid-card-that-supports-up-to-32-nvme-pcie-4-0-and-5-0-ssds-offers-up-to-291gb-s-read-speeds-at-full-capacity
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโรงงาน Intel: เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด

    Intel เคยเป็นผู้นำในโลกของชิปคอมพิวเตอร์ แต่วันนี้กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากคู่แข่งอย่าง TSMC และ AMD, ปัญหาด้านเทคโนโลยีการผลิต, ความล้มเหลวในการออกแบบชิปใหม่, และแรงกดดันทางการเมืองและการเงิน

    หนึ่งในความหวังของ Intel คือเทคโนโลยีการผลิตใหม่ที่เรียกว่า “18A” ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 1.8 นาโนเมตร ที่มาพร้อมนวัตกรรม RibbonFET และ PowerVia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน แต่การผลิตจริงกลับเต็มไปด้วยปัญหา “yield” หรืออัตราชิปที่ใช้งานได้ต่ำมาก บางช่วงอยู่ที่เพียง 5–10% เท่านั้น ซึ่งห่างไกลจากเป้าหมาย 70–80% ที่จำเป็นต่อการทำกำไร

    Intel จึงต้องชะลอการเปิดตัวชิป Panther Lake ที่ใช้ 18A ไปเป็นปี 2026 และอาจต้องหันไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง “14A” แทน หากไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกมาใช้บริการ foundry ได้

    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ยุทธศาสตร์ IDM 2.0 ที่เปิดตัวในปี 2021 โดยอดีต CEO Pat Gelsinger ซึ่งตั้งเป้าให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป แต่การเปลี่ยนแปลงนี้กลับนำไปสู่การปลดพนักงานกว่า 25,000 คน และการยกเลิกโครงการโรงงานหลายแห่งในเยอรมนีและโปแลนด์

    CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan จึงต้องนำพา Intel ผ่านช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง ด้วยปรัชญา “ไม่มีเช็คเปล่า” และการเน้นผลลัพธ์มากกว่าการตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/all-the-pains-of-intel-from-cpu-design-and-process-technologies-to-internal-clashes-and-political-pressure
    🧠⚙️ เรื่องเล่าจากโรงงาน Intel: เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด Intel เคยเป็นผู้นำในโลกของชิปคอมพิวเตอร์ แต่วันนี้กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากคู่แข่งอย่าง TSMC และ AMD, ปัญหาด้านเทคโนโลยีการผลิต, ความล้มเหลวในการออกแบบชิปใหม่, และแรงกดดันทางการเมืองและการเงิน หนึ่งในความหวังของ Intel คือเทคโนโลยีการผลิตใหม่ที่เรียกว่า “18A” ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 1.8 นาโนเมตร ที่มาพร้อมนวัตกรรม RibbonFET และ PowerVia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน แต่การผลิตจริงกลับเต็มไปด้วยปัญหา “yield” หรืออัตราชิปที่ใช้งานได้ต่ำมาก บางช่วงอยู่ที่เพียง 5–10% เท่านั้น ซึ่งห่างไกลจากเป้าหมาย 70–80% ที่จำเป็นต่อการทำกำไร Intel จึงต้องชะลอการเปิดตัวชิป Panther Lake ที่ใช้ 18A ไปเป็นปี 2026 และอาจต้องหันไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง “14A” แทน หากไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกมาใช้บริการ foundry ได้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ยุทธศาสตร์ IDM 2.0 ที่เปิดตัวในปี 2021 โดยอดีต CEO Pat Gelsinger ซึ่งตั้งเป้าให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป แต่การเปลี่ยนแปลงนี้กลับนำไปสู่การปลดพนักงานกว่า 25,000 คน และการยกเลิกโครงการโรงงานหลายแห่งในเยอรมนีและโปแลนด์ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan จึงต้องนำพา Intel ผ่านช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง ด้วยปรัชญา “ไม่มีเช็คเปล่า” และการเน้นผลลัพธ์มากกว่าการตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/all-the-pains-of-intel-from-cpu-design-and-process-technologies-to-internal-clashes-and-political-pressure
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกปลอมที่เหมือนจริง: เมื่อ AI ถูกใช้สร้างเว็บรัฐบาลปลอมเพื่อหลอกประชาชน

    ในบราซิล นักวิจัยจาก ThreatLabz พบว่ามีการใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบเว็บของหน่วยงานรัฐบาลอย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเว็บไซต์ของกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถูกใช้เพื่อหลอกขโมยข้อมูลส่วนตัวและเงินจากประชาชน

    เว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีหน้าตาเหมือนของจริงแทบทุกจุด ยกเว้นแค่ URL ที่เปลี่ยนเล็กน้อย เช่น “govbrs[.]com” แทนที่จะเป็น “gov.br” และยังใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันอันดับใน Google ให้ขึ้นมาอยู่บนสุด ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บจริง

    เมื่อเหยื่อเข้าเว็บ พวกเขาจะถูกขอให้กรอกหมายเลข CPF (คล้ายเลขบัตรประชาชน) และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ก่อนจะถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix ซึ่งเงินจะถูกส่งตรงไปยังบัญชีของแฮกเกอร์

    ที่น่าตกใจคือ โค้ดของเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite AI โดยมีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดที่เป็น template ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์ใช้ prompt เพื่อสั่งให้ AI “สร้างเว็บที่เหมือนของจริง”

    แฮกเกอร์ใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบเว็บรัฐบาลบราซิล
    เช่น เว็บกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ

    ใช้ URL ปลอมที่คล้ายของจริง เช่น govbrs[.]com
    ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บทางการ

    ใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันเว็บปลอมขึ้นอันดับต้น ๆ
    เพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการหลอกเหยื่อ

    เหยื่อต้องกรอกหมายเลข CPF และข้อมูลส่วนตัว
    ก่อนถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix

    โค้ดของเว็บปลอมมีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite
    มีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดแบบ template

    นักวิจัยเตือนว่าแม้ตอนนี้จะขโมยเงินไม่มาก แต่มีศักยภาพในการสร้างความเสียหายมหาศาล
    แนะนำให้ใช้ Zero Trust architecture และ best practices เพื่อป้องกัน

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-now-mimicking-government-websites-using-ai-everything-you-need-to-know-to-stay-safe
    🌐🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากโลกปลอมที่เหมือนจริง: เมื่อ AI ถูกใช้สร้างเว็บรัฐบาลปลอมเพื่อหลอกประชาชน ในบราซิล นักวิจัยจาก ThreatLabz พบว่ามีการใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบเว็บของหน่วยงานรัฐบาลอย่างแนบเนียน โดยเฉพาะเว็บไซต์ของกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถูกใช้เพื่อหลอกขโมยข้อมูลส่วนตัวและเงินจากประชาชน เว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีหน้าตาเหมือนของจริงแทบทุกจุด ยกเว้นแค่ URL ที่เปลี่ยนเล็กน้อย เช่น “govbrs[.]com” แทนที่จะเป็น “gov.br” และยังใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันอันดับใน Google ให้ขึ้นมาอยู่บนสุด ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บจริง เมื่อเหยื่อเข้าเว็บ พวกเขาจะถูกขอให้กรอกหมายเลข CPF (คล้ายเลขบัตรประชาชน) และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ก่อนจะถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix ซึ่งเงินจะถูกส่งตรงไปยังบัญชีของแฮกเกอร์ ที่น่าตกใจคือ โค้ดของเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้มีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite AI โดยมีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดที่เป็น template ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์ใช้ prompt เพื่อสั่งให้ AI “สร้างเว็บที่เหมือนของจริง” ✅ แฮกเกอร์ใช้ Generative AI สร้างเว็บไซต์ปลอมเลียนแบบเว็บรัฐบาลบราซิล ➡️ เช่น เว็บกรมการขนส่งและกระทรวงศึกษาธิการ ✅ ใช้ URL ปลอมที่คล้ายของจริง เช่น govbrs[.]com ➡️ ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บทางการ ✅ ใช้เทคนิค SEO poisoning เพื่อดันเว็บปลอมขึ้นอันดับต้น ๆ ➡️ เพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการหลอกเหยื่อ ✅ เหยื่อต้องกรอกหมายเลข CPF และข้อมูลส่วนตัว ➡️ ก่อนถูกหลอกให้จ่ายเงินผ่านระบบ Pix ✅ โค้ดของเว็บปลอมมีลักษณะเหมือนถูกสร้างโดย AI เช่น Deepsite ➡️ มีการใช้ TailwindCSS และคำอธิบายโค้ดแบบ template ✅ นักวิจัยเตือนว่าแม้ตอนนี้จะขโมยเงินไม่มาก แต่มีศักยภาพในการสร้างความเสียหายมหาศาล ➡️ แนะนำให้ใช้ Zero Trust architecture และ best practices เพื่อป้องกัน https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-now-mimicking-government-websites-using-ai-everything-you-need-to-know-to-stay-safe
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hackers are now mimicking government websites using AI - everything you need to know to stay safe
    Multiple Brazilian government sites were cloned, and more could be on the way
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บสู่โลกออนไลน์: เมื่อเครื่องมือแพทย์กลายเป็นช่องโหว่ให้ข้อมูลหลุด

    ลองจินตนาการว่า MRI หรือ X-ray ที่คุณเพิ่งตรวจ ถูกเก็บไว้ในระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ อย่าง “123456” แล้วข้อมูลนั้น—รวมถึงชื่อ เบอร์โทร และผลตรวจ—หลุดออกไปให้ใครก็ได้เห็น

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ จากการค้นพบของนักวิจัยจาก Modat ที่สแกนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลก และพบว่ามีมากกว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ทำให้ข้อมูลหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

    ข้อมูลที่หลุดไม่ใช่แค่ภาพสแกนสมองหรือผลเลือด แต่ยังรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่สามารถนำไปใช้หลอกลวง หรือแม้แต่แบล็กเมล์ผู้ป่วยได้ เช่น ขู่จะเปิดเผยโรคที่เป็นให้ครอบครัวรู้ หากไม่จ่ายเงิน

    ที่น่าตกใจคือ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งค่าให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตั้งแต่โรงงาน โดยไม่มีความจำเป็นทางคลินิก และโรงพยาบาลจำนวนมากไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น หรืออัปเดตระบบเลย

    นอกจากการขโมยข้อมูล ยังมีความเสี่ยงที่แฮกเกอร์จะ “แก้ไข” ข้อมูล เช่น เปลี่ยนผลตรวจ หรือเพิ่มขนาดยาที่สั่งจ่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยโดยตรง

    พบอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด
    ทำให้ข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะโดยไม่ตั้งใจ

    ข้อมูลที่หลุดรวมถึง MRI, X-ray, ผลเลือด และข้อมูลส่วนตัว
    เช่น ชื่อ เบอร์โทร และหมายเลขผู้ป่วย

    บางอุปกรณ์ไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ เช่น “admin” หรือ “123456”
    ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

    ข้อมูลที่หลุดอาจถูกใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงผู้ป่วย
    เช่น ส่งอีเมลปลอมจากโรงพยาบาลเพื่อขโมยข้อมูลเพิ่มเติม

    ประเทศที่มีอุปกรณ์หลุดมากที่สุดคือสหรัฐฯ, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, บราซิล และเยอรมนี
    รวมกันมากกว่า 600,000 เครื่อง

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทาง proactive security
    เช่น ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดและจัดการช่องโหว่ล่วงหน้า

    https://www.techradar.com/pro/security/mri-scans-x-rays-and-more-leaked-online-in-major-breach-over-a-million-healthcare-devices-affected-heres-what-we-know
    🧠💥 เรื่องเล่าจากห้องแล็บสู่โลกออนไลน์: เมื่อเครื่องมือแพทย์กลายเป็นช่องโหว่ให้ข้อมูลหลุด ลองจินตนาการว่า MRI หรือ X-ray ที่คุณเพิ่งตรวจ ถูกเก็บไว้ในระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ อย่าง “123456” แล้วข้อมูลนั้น—รวมถึงชื่อ เบอร์โทร และผลตรวจ—หลุดออกไปให้ใครก็ได้เห็น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้ จากการค้นพบของนักวิจัยจาก Modat ที่สแกนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลก และพบว่ามีมากกว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ทำให้ข้อมูลหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ ข้อมูลที่หลุดไม่ใช่แค่ภาพสแกนสมองหรือผลเลือด แต่ยังรวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่สามารถนำไปใช้หลอกลวง หรือแม้แต่แบล็กเมล์ผู้ป่วยได้ เช่น ขู่จะเปิดเผยโรคที่เป็นให้ครอบครัวรู้ หากไม่จ่ายเงิน ที่น่าตกใจคือ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งค่าให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตั้งแต่โรงงาน โดยไม่มีความจำเป็นทางคลินิก และโรงพยาบาลจำนวนมากไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น หรืออัปเดตระบบเลย นอกจากการขโมยข้อมูล ยังมีความเสี่ยงที่แฮกเกอร์จะ “แก้ไข” ข้อมูล เช่น เปลี่ยนผลตรวจ หรือเพิ่มขนาดยาที่สั่งจ่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยโดยตรง ✅ พบอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 1.2 ล้านเครื่องที่ตั้งค่าผิดพลาด ➡️ ทำให้ข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะโดยไม่ตั้งใจ ✅ ข้อมูลที่หลุดรวมถึง MRI, X-ray, ผลเลือด และข้อมูลส่วนตัว ➡️ เช่น ชื่อ เบอร์โทร และหมายเลขผู้ป่วย ✅ บางอุปกรณ์ไม่มีรหัสผ่าน หรือใช้รหัสง่าย ๆ เช่น “admin” หรือ “123456” ➡️ ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ✅ ข้อมูลที่หลุดอาจถูกใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงผู้ป่วย ➡️ เช่น ส่งอีเมลปลอมจากโรงพยาบาลเพื่อขโมยข้อมูลเพิ่มเติม ✅ ประเทศที่มีอุปกรณ์หลุดมากที่สุดคือสหรัฐฯ, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, บราซิล และเยอรมนี ➡️ รวมกันมากกว่า 600,000 เครื่อง ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทาง proactive security ➡️ เช่น ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดและจัดการช่องโหว่ล่วงหน้า https://www.techradar.com/pro/security/mri-scans-x-rays-and-more-leaked-online-in-major-breach-over-a-million-healthcare-devices-affected-heres-what-we-know
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • ลดทันที 3,000 เหลือเพียง 5,900.-
    เซินเจิ้น-เมืองยุโรป-ฮ่องกง 3 วัน 2 คืน
    15-17 ส.ค. 68
    สายการบิน ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์

    วัดกวนอู • เมืองยุโรปมาเลเนีย • เมืองหิมะ • ถนนคนเดินตงเหมิน
    ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก) • ร้านหยก • ร้านยาสมุนไพร • เมืองโบราณหนานโถว • Oh Bay • โชว์น้ำพุดนตรี
    ฮ่องกง • วัดแชกงหมิว • ร้านจิวเวอร์รี่ • เจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ • ช้อปปิ้งถนนนาธาน • ร้าน Pop Mart

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eebb23

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/485b3e

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Shenzhen #HongKong #ทัวร์ฮ่องกง #ทัวร์เซินเจิ้น #ทัวร์3วัน2คืน #วัดกวนอู #เมืองยุโรปมาเลเนีย #เมืองหิมะ #ถนนตงเหมิน #OhBay #น้ำพุดนตรี #วัดแชกงหมิว #เจ้าแม่กวนอิม #ถนนนาธาน #PopMart #โปรทัวร์
    📣 ลดทันที 3,000 เหลือเพียง 5,900.- ✈️ เซินเจิ้น-เมืองยุโรป-ฮ่องกง 3 วัน 2 คืน 🗓️ 15-17 ส.ค. 68 สายการบิน ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์ 🏮 วัดกวนอู • เมืองยุโรปมาเลเนีย • เมืองหิมะ • ถนนคนเดินตงเหมิน 🏙️ ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก) • ร้านหยก • ร้านยาสมุนไพร • เมืองโบราณหนานโถว • Oh Bay • โชว์น้ำพุดนตรี 🌉 ฮ่องกง • วัดแชกงหมิว • ร้านจิวเวอร์รี่ • เจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ • ช้อปปิ้งถนนนาธาน • ร้าน Pop Mart ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eebb23 ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/485b3e LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Shenzhen #HongKong #ทัวร์ฮ่องกง #ทัวร์เซินเจิ้น #ทัวร์3วัน2คืน #วัดกวนอู #เมืองยุโรปมาเลเนีย #เมืองหิมะ #ถนนตงเหมิน #OhBay #น้ำพุดนตรี #วัดแชกงหมิว #เจ้าแม่กวนอิม #ถนนนาธาน #PopMart #โปรทัวร์
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • ลดทันที 3,000 เหลือเพียง 5,900.-
    เซินเจิ้น-เมืองยุโรป-ฮ่องกง 3 วัน 2 คืน
    15-17 ส.ค. 68
    สายการบิน ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์

    วัดกวนอู • เมืองยุโรปมาเลเนีย • เมืองหิมะ • ถนนคนเดินตงเหมิน
    ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก) • ร้านหยก • ร้านยาสมุนไพร • เมืองโบราณหนานโถว • Oh Bay • โชว์น้ำพุดนตรี
    ฮ่องกง • วัดแชกงหมิว • ร้านจิวเวอร์รี่ • เจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ • ช้อปปิ้งถนนนาธาน • ร้าน Pop Mart

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eebb23

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/485b3e

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Shenzhen #HongKong #ทัวร์ฮ่องกง
    📣 ลดทันที 3,000 เหลือเพียง 5,900.- ✈️ เซินเจิ้น-เมืองยุโรป-ฮ่องกง 3 วัน 2 คืน 🗓️ 15-17 ส.ค. 68 สายการบิน ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์ 🏮 วัดกวนอู • เมืองยุโรปมาเลเนีย • เมืองหิมะ • ถนนคนเดินตงเหมิน 🏙️ ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก) • ร้านหยก • ร้านยาสมุนไพร • เมืองโบราณหนานโถว • Oh Bay • โชว์น้ำพุดนตรี 🌉 ฮ่องกง • วัดแชกงหมิว • ร้านจิวเวอร์รี่ • เจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ • ช้อปปิ้งถนนนาธาน • ร้าน Pop Mart ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eebb23 ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/485b3e LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Shenzhen #HongKong #ทัวร์ฮ่องกง
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • ลดทันที 3,000 เหลือเพียง 5,900.-
    เซินเจิ้น-เมืองยุโรป-ฮ่องกง 3 วัน 2 คืน
    15-17 ส.ค. 68
    สายการบิน ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์

    วัดกวนอู • เมืองยุโรปมาเลเนีย • เมืองหิมะ • ถนนคนเดินตงเหมิน
    ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก) • ร้านหยก • ร้านยาสมุนไพร • เมืองโบราณหนานโถว • Oh Bay • โชว์น้ำพุดนตรี
    ฮ่องกง • วัดแชกงหมิว • ร้านจิวเวอร์รี่ • เจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ • ช้อปปิ้งถนนนาธาน • ร้าน Pop Mart

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eebb23

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/485b3e

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว
    📣 ลดทันที 3,000 เหลือเพียง 5,900.- ✈️ เซินเจิ้น-เมืองยุโรป-ฮ่องกง 3 วัน 2 คืน 🗓️ 15-17 ส.ค. 68 สายการบิน ZH-เซินเจิ้น แอร์ไลน์ 🏮 วัดกวนอู • เมืองยุโรปมาเลเนีย • เมืองหิมะ • ถนนคนเดินตงเหมิน 🏙️ ตึกผิงอัน (ถ่ายรูปด้านนอก) • ร้านหยก • ร้านยาสมุนไพร • เมืองโบราณหนานโถว • Oh Bay • โชว์น้ำพุดนตรี 🌉 ฮ่องกง • วัดแชกงหมิว • ร้านจิวเวอร์รี่ • เจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ • ช้อปปิ้งถนนนาธาน • ร้าน Pop Mart ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eebb23 ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f ดูทัวร์ฮ่องกงทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/485b3e LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #ทัวร์ฮ่องกง #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • เมื่อ Huawei เปิดซอร์ส CANN: ยุทธศาสตร์ใหม่ท้าชน CUDA เพื่ออิสรภาพด้าน AI ของจีน

    ลองนึกภาพว่าโลกของ AI ที่เคยถูกครอบงำโดย CUDA ของ Nvidia กำลังถูกท้าทายอย่างจริงจังจาก Huawei ที่ตัดสินใจเปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน AI บนชิป Ascend ของตัวเอง

    CUDA ครองตลาดมากว่า 20 ปี ด้วยการผูกขาดนักพัฒนาให้ใช้เฉพาะฮาร์ดแวร์ของ Nvidia เท่านั้น การเปิดซอร์ส CANN จึงไม่ใช่แค่การปล่อยโค้ด แต่เป็นการเปิดประตูสู่ระบบนิเวศใหม่ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเจ้าของเทคโนโลยี

    Huawei เริ่มพูดคุยกับมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัท AI ชั้นนำในจีน เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดสำหรับ Ascend ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กใหม่ที่รองรับงาน AI ได้หลากหลายมากขึ้น

    แม้จะยังไม่เทียบเท่า CUDA ในแง่ของความเสถียรและการสนับสนุน แต่ Huawei ก็เริ่มไล่ตามในด้านประสิทธิภาพ โดยบางรุ่นของ Ascend มีผลทดสอบที่เหนือกว่า Nvidia ในบางสถานการณ์

    การเปิดซอร์ส CANN ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปให้กับ Huawei การสร้างซอฟต์แวร์พื้นฐานของตัวเองจึงเป็นก้าวสำคัญ

    Huawei เปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับชิป Ascend
    เพื่อท้าทายการผูกขาดของ CUDA จาก Nvidia

    CUDA เป็นระบบปิดที่ผูกนักพัฒนาไว้กับฮาร์ดแวร์ Nvidia
    ทำให้การพัฒนา AI ต้องอยู่ในระบบของ Nvidia เท่านั้น

    CANN มีโครงสร้างแบบหลายชั้น รองรับทั้งงานทั่วไปและงานประสิทธิภาพสูง
    เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักพัฒนา AI

    Huawei เริ่มสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัท AI ในจีน
    เพื่อเร่งสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กสำหรับ Ascend

    มีรายงานว่า Ascend บางรุ่นมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia ในบางกรณี
    เช่น DeepSeek R1 บน CloudMatrix 384

    การเปิดซอร์ส CANN เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เทคโนโลยีอิสระของจีน
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตกท่ามกลางข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/pro/brave-or-foolhardy-huawei-takes-the-fight-to-nvidia-cuda-by-making-its-ascend-ai-gpu-software-open-source
    🚀🇨🇳 เมื่อ Huawei เปิดซอร์ส CANN: ยุทธศาสตร์ใหม่ท้าชน CUDA เพื่ออิสรภาพด้าน AI ของจีน ลองนึกภาพว่าโลกของ AI ที่เคยถูกครอบงำโดย CUDA ของ Nvidia กำลังถูกท้าทายอย่างจริงจังจาก Huawei ที่ตัดสินใจเปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน AI บนชิป Ascend ของตัวเอง CUDA ครองตลาดมากว่า 20 ปี ด้วยการผูกขาดนักพัฒนาให้ใช้เฉพาะฮาร์ดแวร์ของ Nvidia เท่านั้น การเปิดซอร์ส CANN จึงไม่ใช่แค่การปล่อยโค้ด แต่เป็นการเปิดประตูสู่ระบบนิเวศใหม่ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเจ้าของเทคโนโลยี Huawei เริ่มพูดคุยกับมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัท AI ชั้นนำในจีน เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดสำหรับ Ascend ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กใหม่ที่รองรับงาน AI ได้หลากหลายมากขึ้น แม้จะยังไม่เทียบเท่า CUDA ในแง่ของความเสถียรและการสนับสนุน แต่ Huawei ก็เริ่มไล่ตามในด้านประสิทธิภาพ โดยบางรุ่นของ Ascend มีผลทดสอบที่เหนือกว่า Nvidia ในบางสถานการณ์ การเปิดซอร์ส CANN ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปให้กับ Huawei การสร้างซอฟต์แวร์พื้นฐานของตัวเองจึงเป็นก้าวสำคัญ ✅ Huawei เปิดซอร์ส CANN ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือสำหรับชิป Ascend ➡️ เพื่อท้าทายการผูกขาดของ CUDA จาก Nvidia ✅ CUDA เป็นระบบปิดที่ผูกนักพัฒนาไว้กับฮาร์ดแวร์ Nvidia ➡️ ทำให้การพัฒนา AI ต้องอยู่ในระบบของ Nvidia เท่านั้น ✅ CANN มีโครงสร้างแบบหลายชั้น รองรับทั้งงานทั่วไปและงานประสิทธิภาพสูง ➡️ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักพัฒนา AI ✅ Huawei เริ่มสร้างชุมชนพัฒนาแบบเปิดร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัท AI ในจีน ➡️ เพื่อเร่งสร้างเครื่องมือ ไลบรารี และเฟรมเวิร์กสำหรับ Ascend ✅ มีรายงานว่า Ascend บางรุ่นมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia ในบางกรณี ➡️ เช่น DeepSeek R1 บน CloudMatrix 384 ✅ การเปิดซอร์ส CANN เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เทคโนโลยีอิสระของจีน ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตกท่ามกลางข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/brave-or-foolhardy-huawei-takes-the-fight-to-nvidia-cuda-by-making-its-ascend-ai-gpu-software-open-source
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • ๑๒ ส.ค. ๖๘
    บอกรักแม่ให้ดังที่สุดในใจ และทำให้แม่ยิ้มกว้างที่สุดในวันพิเศษนี้
    เพราะ “รักแม่นะ” เป็นคำที่แม่รอฟังเสมอ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร และพนักงานเว็บไซต์ ครูซโดเมน ดอทคอม

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #รักแม่ทุกวัน #MotherDay #วันแม่แห่งชาติ #กอดแม่ #บอกรักแม่ #FamilyLove #วันหยุด #เรือสำราญ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/AIDozNZ9Xzc?si=AkPOxu6_P-XzkmBS
    https://youtu.be/AIDozNZ9Xzc?si=AkPOxu6_P-XzkmBS
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/4SFOztgwogI?si=dtBmpvtqv17s5IvF
    https://youtu.be/4SFOztgwogI?si=dtBmpvtqv17s5IvF
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews