• จากผลสำรวจของ Economist/YouGov พบว่าชาวอเมริกัน 60% ไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ในขณะที่มีเพียง 16% เท่านั้นที่สนับสนุน
    จากผลสำรวจของ Economist/YouGov พบว่าชาวอเมริกัน 60% ไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ในขณะที่มีเพียง 16% เท่านั้นที่สนับสนุน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/RcMCbZSAXqk?si=0E82NTNo3RRUcjyM
    https://youtube.com/shorts/RcMCbZSAXqk?si=0E82NTNo3RRUcjyM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/RcMCbZSAXqk?si=0E82NTNo3RRUcjyM
    https://youtube.com/shorts/RcMCbZSAXqk?si=0E82NTNo3RRUcjyM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาอาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์
    สัทธรรมลำดับที่ : 290
    ชื่อบทธรรม :- อาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=290
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์
    --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ในโลกนี้
    ย่อมตามเห็นซึ่ง รูป ว่า
    “นั่นของเรา, นั่นเป็นเรา, นั่นเป็นตัวตนของเรา”
    ดังนี้.
    รูป นั้น
    ย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นแก่เขา ;
    โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ย่อมปรากฏแก่เขา
    #เพราะความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นแห่งรูป.
    -- ภิกษุ ท. ! ความสะดุ้งเพราะถือมั่น(อุปฺปชฺชนฺติ)​ ย่อมมีอย่างนี้แล.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/24/?keywords=อุปฺปชฺชนฺติ+อุปาทาน

    (ในกรณีแห่ง
    เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
    ก็ได้ตรัสอย่างเดียวกัน
    ).-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/17/34.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/17/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔/๓๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/24/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=290
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=19&id=290
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=19
    ลำดับสาธยายธรรม : 19 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_19.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาอาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์ สัทธรรมลำดับที่ : 290 ชื่อบทธรรม :- อาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=290 เนื้อความทั้งหมด :- --อาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์ --ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ในโลกนี้ ย่อมตามเห็นซึ่ง รูป ว่า “นั่นของเรา, นั่นเป็นเรา, นั่นเป็นตัวตนของเรา” ดังนี้. รูป นั้น ย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นแก่เขา ; โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ย่อมปรากฏแก่เขา #เพราะความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นแห่งรูป. -- ภิกษุ ท. ! ความสะดุ้งเพราะถือมั่น(อุปฺปชฺชนฺติ)​ ย่อมมีอย่างนี้แล. http://etipitaka.com/read/pali/17/24/?keywords=อุปฺปชฺชนฺติ+อุปาทาน (ในกรณีแห่ง เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ได้ตรัสอย่างเดียวกัน ).- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/17/34. http://etipitaka.com/read/thai/17/17/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔/๓๔. http://etipitaka.com/read/pali/17/24/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=290 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=19&id=290 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=19 ลำดับสาธยายธรรม : 19 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_19.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์
    -อาการที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ์ ภิกษุ ท. ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ในโลกนี้ ย่อมตามเห็นซึ่ง รูป ว่า “นั่นของเรา, นั่นเป็นเรา, นั่นเป็นตัวตนของเรา” ดังนี้. รูปนั้น ย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นแก่เขา ; โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ย่อมปรากฏแก่เขา เพราะความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นแห่งรูป. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ได้ตรัสอย่างเดียวกัน).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่าสัญญาในอุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่นในตน)​ระงับไป
    สัทธรรมลำดับที่ : 657
    ชื่อบทธรรม :- สัญญาในอุปาทานระงับไป
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=657
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัญญาในอุปาทานระงับไป--เมื่ออารมณ์แห่งสัญญานั้นเป็นวิภูตะ
    (ขอให้ผู้ศึกษาอดทนอ่านข้อความอันเป็นอุปมาในตอนต้น
    ซึ่งค่อนข้างจะยืดยาวให้เห็นชัดเสียก่อน ว่า
    ม้ากระจอกกับม้าอาชาไนยต่างกันอย่างไร
    จึงจะเข้าใจความต่างระหว่างผู้ที่เพ่งด้วยความยึดถือและเพ่งด้วยความไม่ยึดถือ
    จึงจะเข้าใจความหมายของคำว่า
    วิภูตะ--ความเห็นแจ้งของผู้ที่เพ่งด้วยความไม่ยึดถือ).

    --สันธะ ! เธอจงเพ่งอย่างการเพ่งของสัตว์อาชาไนย ;
    อย่าเพ่งอย่างการเพ่งของสัตว์กระจอก.
    --สันธะ ! อย่างไรเล่า เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์กระจอก ?
    +--สันธะ ! ม้ากระจอก ถูกผูกไว้ที่รางเลี้ยงอาหาร
    ใจของมันก็จะเพ่งอยู่แต่ว่า “ข้าวเปลือก ๆ” เพราะเหตุไรเล่า ?
    +--สันธะ ! เพราะเหตุว่ามันไม่มีแก่ใจที่จะคิดว่า
    “วันนี้ สารถีของเราต้องการให้เราทำอะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอย่างไรหนอ” ;
    มันมัวเพ่งอยู่ในใจว่า “ ข้าวเปลือก ๆ” ดังนี้.
    +--สันธะ ! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่ภิกษุกระจอกบางรูปในกรณีนี้
    ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม
    มีจิตถูก -​ กามราคะนิวรณ์ กลุ้มรุมห่อหุ้มอยู่.
    เขาไม่รู้ตามเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกจาก กามราคะ ที่เกิดขึ้นแล้ว ;
    เขากระทำกามราคะนั้น ๆ ให้เนื่องกันไม่ขาดสาย
    เพ่งอยู่ เพ่งทั่วอยู่ เพ่งโดยไม่เหลืออยู่ เพ่งลงอยู่.

    (ในกรณีแห่ง
    -​ พยาบาท - ถีนมิทธะ - อุทธัจจกุกกุจจะ - และวิจิกิจฉา --นิวรณ์
    ก็ได้เป็นไปในลักษณะอย่างเดียวกันกับกรณีแห่ง กามราคะนิวรณ์).

    ภิกษุนั้นย่อมเพ่ง
    อาศัยความสำคัญว่า ดินบ้าง
    อาศัยความสำคัญว่า น้ำบ้าง
    อาศัยความสำคัญว่า ไฟบ้าง
    อาศัยความสำคัญว่า ลมบ้าง
    ว่าอากาสานัญจายตนะบ้าง
    ว่าวิญญาณัญจายตนะบ้าง
    ว่าอากิญจัญญายตนะบ้าง
    ว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะบ้าง
    ว่าโลกนี้บ้าง ว่าโลกอื่นบ้าง
    อาศัยความสำคัญว่า
    “สิ่งที่เราเห็นแล้ว”.
    “สิ่งที่เราฟังแล้ว”,
    “สิ่งที่เรารู้สึกแล้ว”,
    “สิ่งที่เรารู้แจ้งแล้ว”,
    “สิ่งที่เราบรรลุแล้ว”,
    “สิ่งที่เราแสวงหาแล้ว”,
    “สิ่งที่ใจของเราติดตามแล้ว”
    แต่ละอย่างๆเป็นต้น ดังนี้บ้าง, เพ่งอยู่.
    +--สันธะ ! อย่างนี้แล #เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์กระจอก.

    --สันธะ ! อย่างไรเล่า เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์อาชาไนย ?
    +--สันธะ ! ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ถูกผูกไว้ที่รางเลี้ยงอาหาร
    ใจของมันจะไม่เพ่งอยู่แต่ว่า “ข้าวเปลือก ๆ” เพราะเหตุไรเล่า ?
    +--สันธะ ! เพราะเหตุว่า แม้ถูกผูกอยู่ที่รางเลี้ยงอาหาร แต่ใจของมันมัวไปคิดอยู่ว่า
    “วันนี้ สารถีของเราต้องการให้เราทำอะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอย่างไรหนอ”
    ดังนี้ ;
    มันไม่มัวแต่เพ่งอยู่ในใจว่า “ข้าวเปลือก ๆ”
    ดังนี้.
    +-สันธะ ! ก็ม้าอาชาไนยนั้น รู้สึกอยู่ว่า
    การถูกลงปะฏักนั้นเป็นเหมือน การใช้หนี้
    การถูกจองจำ ความเสื่อมเสีย เป็นเหมือนเสนียดจัญไร.

    (ขอให้สังเกตว่า แม้อยู่ในที่เดียวกัน ต่อหน้าสถานการณ์อย่างเดียวกัน
    ม้าสองตัวนี้ก็มีความรู้สึกอยู่ในใจคนละอย่างตามความต่างของมัน
    คือตัวหนึ่งเพ่งแต่จะกิน ตัวหนึ่งเพ่งแต่ในหน้าที่ ที่จะไม่ทำให้บกพร่องจนถูกลงโทษ ;
    ดังนี้เรียกว่า มีความเพ่งต่างกันเป็นคนละอย่าง).

    +--สันธะ ! ภิกษุอาชาไนยผู้เจริญ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
    : ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม ไปแล้วสู่โคนไม้ก็ตาม ไปแล้วสู่เรือนว่างก็ตาม,
    มีจิตถูก --กามราคะนิวรณ์ กลุ้มรุม ห่อหุ้ม อยู่,
    เขาเห็นตามเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว.

    (ในกรณีแห่ง
    -​ พยาบาท - ถีนมิทธะ - อุทธัจจกุกกุจจะ - และวิจิกิจฉา --นิวรณ์
    ก็ได้เป็นไปในลักษณะอย่างเดียวกันกับกรณีแห่งกามราคะนิวรณ์).

    ภิกษุนั้น ย่อมเพ่ง
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าดิน
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าน้ำ
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าไฟ
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าลม
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าอากาสานัญจายตนะ
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าวิญญาณัญจายตนะ
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าอากิญจัญญายตนะ
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าโลกนี้ ไม่อาศัยความสำคัญว่าโลกอื่น
    ย่อมเพ่งไม่อาศัยความสำคัญว่า
    “สิ่งที่เราเห็นแล้ว”,
    “สิ่งที่เราฟังแล้ว”,
    “สิ่งที่เรารู้สึกแล้ว”,
    “สิ่งที่เรารู้แจ้งแล้ว”,
    “สิ่งที่เราบรรลุแล้ว”,
    “สิ่งที่เราแสวงหาแล้ว”,
    “สิ่งที่ใจของเราติดตามแล้ว”
    แต่ละอย่างๆ เป็นต้น ดังนี้บ้าง, เพ่งอยู่ ๆ.
    +--สันธะ ! เทวดาทั้งหลาย พร้อมทั้งอินทร์ พรหม และปชาบดี
    ย่อมนมัสการบุรุษอาชาไนยผู้เจริญผู้เพ่งอยู่อย่างนี้ มาแต่ที่ไกลทีเดียว
    กล่าวว่า :-
    “ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ! ข้าแต่ท่านบุรุษสูงสุด !
    ข้าพเจ้าขอนมัสการท่าน
    เพราะข้าพเจ้าไม่อาจจะทราบสิ่งซึ่งท่านอาศัยแล้วเพ่ง ของท่าน"

    (เมื่อตรัสดังนี้แล้ว สันธะภิกษุได้ทูลถามว่า : -)

    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ เพ่งอย่างไรกัน
    ชนิดที่ไม่อาศัยดินหรือน้ำ เป็นต้น แล้วเพ่ง
    ... ฯลฯ...
    จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญว่าดังนั้น พระเจ้าข้า ?”

    (ต่อไปนี้ เป็นคำตรัสที่แสดงให้เห็นว่า
    สัญญาต่างๆ จะถูกเพิกถอนไป
    เมื่ออารมณ์แห่งสัญญานั้นเป็นที่แจ่มแจ้งแก่ผู้เพ่ง
    ว่าสิ่งนั้นๆ มิได้เป็นตามที่คนธรรมดาสามัญที่สำคัญว่าเป็นอย่างไร ;
    ขอให้ผู้ศึกษาตั้งใจทำความเข้าใจให้ดีที่สุด ดังต่อไปนี้ : -)

    --สัทธะ ! ในกรณีนี้
    ปฐวีสัญญา (ความสำคัญในดินว่าดิน)
    ย่อมเป็นแจ้ง (วิภูติเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง)
    แก่บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ

    (ว่าดินที่สำคัญกันว่าเป็นดินนั้น หาใช่ดินไม่
    หากแต่เป็นเพียงสังขตธรรมตามธรรมชาติ
    เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา คือ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
    ---ตามนัยแห่งอรรถกถา : มโนรถปูรณี ภ. ๓ น. ๔๓๒)

    ความสำคัญในน้ำว่าน้ำ,
    ความสำคัญในไฟว่าไฟ,
    ความสำคัญในลมว่าลม,
    ความสำคัญในอากาสานัญจายตนะ ว่าอากาสานัญจายตนะ,
    ความสำคัญในวิญญาณัญจายตนะ ว่าวิญญาณัญจายตนะ,
    ความสำคัญในอากิญจัญญายตนะ ว่าอากิญจัญญายตนะ,
    ความสำคัญในเนวสัญญานาสัญญายตนะ ว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ,
    ความสำคัญในโลกนี้ว่าโลกนี้,
    ความสำคัญในโลกอื่นว่าโลกอื่น,
    ความสำคัญในสิ่งที่เห็นแล้ว ฟังแล้ว
    ... ฯลฯ...
    ว่า “สิ่งที่เราเห็นแล้ว” “สิ่งที่เราฟังแล้ว”
    ... ฯลฯ...
    ก็ล้วนแต่เป็นแจ้งแก่บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ

    (ว่าสิ่งเหล่านั้น หาได้เป็นที่สำคัญมั่นหมาย ว่าเป็นอะไร ๆ กันนั้นไม่
    หากแต่เป็นสังขตธรรมตามธรรมชาติ
    เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา คือ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
    --- ตามนัยแห่งอรรถกถา : นโนรถปูรณี ภ. ๓ น. ๔๓๒).

    --สันธะ ! #บุรุษอาชาไนยผู้เจริญเพ่งอยู่อย่างนี้ จึงได้ชื่อว่า
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าดินแล้วเพ่ง
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าน้ำแล้วเพ่ง
    ไม่อาศัยความสำคัญว่าไฟแล้วเพ่ง เป็นต้น
    จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญว่าดังนั้น.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. 24/298/216.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/298/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๔๘/๒๑๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/348/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=657
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=657
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45
    ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่าสัญญาในอุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่นในตน)​ระงับไป สัทธรรมลำดับที่ : 657 ชื่อบทธรรม :- สัญญาในอุปาทานระงับไป https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=657 เนื้อความทั้งหมด :- --สัญญาในอุปาทานระงับไป--เมื่ออารมณ์แห่งสัญญานั้นเป็นวิภูตะ (ขอให้ผู้ศึกษาอดทนอ่านข้อความอันเป็นอุปมาในตอนต้น ซึ่งค่อนข้างจะยืดยาวให้เห็นชัดเสียก่อน ว่า ม้ากระจอกกับม้าอาชาไนยต่างกันอย่างไร จึงจะเข้าใจความต่างระหว่างผู้ที่เพ่งด้วยความยึดถือและเพ่งด้วยความไม่ยึดถือ จึงจะเข้าใจความหมายของคำว่า วิภูตะ--ความเห็นแจ้งของผู้ที่เพ่งด้วยความไม่ยึดถือ). --สันธะ ! เธอจงเพ่งอย่างการเพ่งของสัตว์อาชาไนย ; อย่าเพ่งอย่างการเพ่งของสัตว์กระจอก. --สันธะ ! อย่างไรเล่า เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์กระจอก ? +--สันธะ ! ม้ากระจอก ถูกผูกไว้ที่รางเลี้ยงอาหาร ใจของมันก็จะเพ่งอยู่แต่ว่า “ข้าวเปลือก ๆ” เพราะเหตุไรเล่า ? +--สันธะ ! เพราะเหตุว่ามันไม่มีแก่ใจที่จะคิดว่า “วันนี้ สารถีของเราต้องการให้เราทำอะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอย่างไรหนอ” ; มันมัวเพ่งอยู่ในใจว่า “ ข้าวเปลือก ๆ” ดังนี้. +--สันธะ ! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่ภิกษุกระจอกบางรูปในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม มีจิตถูก -​ กามราคะนิวรณ์ กลุ้มรุมห่อหุ้มอยู่. เขาไม่รู้ตามเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกจาก กามราคะ ที่เกิดขึ้นแล้ว ; เขากระทำกามราคะนั้น ๆ ให้เนื่องกันไม่ขาดสาย เพ่งอยู่ เพ่งทั่วอยู่ เพ่งโดยไม่เหลืออยู่ เพ่งลงอยู่. (ในกรณีแห่ง -​ พยาบาท - ถีนมิทธะ - อุทธัจจกุกกุจจะ - และวิจิกิจฉา --นิวรณ์ ก็ได้เป็นไปในลักษณะอย่างเดียวกันกับกรณีแห่ง กามราคะนิวรณ์). ภิกษุนั้นย่อมเพ่ง อาศัยความสำคัญว่า ดินบ้าง อาศัยความสำคัญว่า น้ำบ้าง อาศัยความสำคัญว่า ไฟบ้าง อาศัยความสำคัญว่า ลมบ้าง ว่าอากาสานัญจายตนะบ้าง ว่าวิญญาณัญจายตนะบ้าง ว่าอากิญจัญญายตนะบ้าง ว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะบ้าง ว่าโลกนี้บ้าง ว่าโลกอื่นบ้าง อาศัยความสำคัญว่า “สิ่งที่เราเห็นแล้ว”. “สิ่งที่เราฟังแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้สึกแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้แจ้งแล้ว”, “สิ่งที่เราบรรลุแล้ว”, “สิ่งที่เราแสวงหาแล้ว”, “สิ่งที่ใจของเราติดตามแล้ว” แต่ละอย่างๆเป็นต้น ดังนี้บ้าง, เพ่งอยู่. +--สันธะ ! อย่างนี้แล #เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์กระจอก. --สันธะ ! อย่างไรเล่า เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์อาชาไนย ? +--สันธะ ! ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ถูกผูกไว้ที่รางเลี้ยงอาหาร ใจของมันจะไม่เพ่งอยู่แต่ว่า “ข้าวเปลือก ๆ” เพราะเหตุไรเล่า ? +--สันธะ ! เพราะเหตุว่า แม้ถูกผูกอยู่ที่รางเลี้ยงอาหาร แต่ใจของมันมัวไปคิดอยู่ว่า “วันนี้ สารถีของเราต้องการให้เราทำอะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอย่างไรหนอ” ดังนี้ ; มันไม่มัวแต่เพ่งอยู่ในใจว่า “ข้าวเปลือก ๆ” ดังนี้. +-สันธะ ! ก็ม้าอาชาไนยนั้น รู้สึกอยู่ว่า การถูกลงปะฏักนั้นเป็นเหมือน การใช้หนี้ การถูกจองจำ ความเสื่อมเสีย เป็นเหมือนเสนียดจัญไร. (ขอให้สังเกตว่า แม้อยู่ในที่เดียวกัน ต่อหน้าสถานการณ์อย่างเดียวกัน ม้าสองตัวนี้ก็มีความรู้สึกอยู่ในใจคนละอย่างตามความต่างของมัน คือตัวหนึ่งเพ่งแต่จะกิน ตัวหนึ่งเพ่งแต่ในหน้าที่ ที่จะไม่ทำให้บกพร่องจนถูกลงโทษ ; ดังนี้เรียกว่า มีความเพ่งต่างกันเป็นคนละอย่าง). +--สันธะ ! ภิกษุอาชาไนยผู้เจริญ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม ไปแล้วสู่โคนไม้ก็ตาม ไปแล้วสู่เรือนว่างก็ตาม, มีจิตถูก --กามราคะนิวรณ์ กลุ้มรุม ห่อหุ้ม อยู่, เขาเห็นตามเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว. (ในกรณีแห่ง -​ พยาบาท - ถีนมิทธะ - อุทธัจจกุกกุจจะ - และวิจิกิจฉา --นิวรณ์ ก็ได้เป็นไปในลักษณะอย่างเดียวกันกับกรณีแห่งกามราคะนิวรณ์). ภิกษุนั้น ย่อมเพ่ง ไม่อาศัยความสำคัญว่าดิน ไม่อาศัยความสำคัญว่าน้ำ ไม่อาศัยความสำคัญว่าไฟ ไม่อาศัยความสำคัญว่าลม ไม่อาศัยความสำคัญว่าอากาสานัญจายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าวิญญาณัญจายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าอากิญจัญญายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าโลกนี้ ไม่อาศัยความสำคัญว่าโลกอื่น ย่อมเพ่งไม่อาศัยความสำคัญว่า “สิ่งที่เราเห็นแล้ว”, “สิ่งที่เราฟังแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้สึกแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้แจ้งแล้ว”, “สิ่งที่เราบรรลุแล้ว”, “สิ่งที่เราแสวงหาแล้ว”, “สิ่งที่ใจของเราติดตามแล้ว” แต่ละอย่างๆ เป็นต้น ดังนี้บ้าง, เพ่งอยู่ ๆ. +--สันธะ ! เทวดาทั้งหลาย พร้อมทั้งอินทร์ พรหม และปชาบดี ย่อมนมัสการบุรุษอาชาไนยผู้เจริญผู้เพ่งอยู่อย่างนี้ มาแต่ที่ไกลทีเดียว กล่าวว่า :- “ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ! ข้าแต่ท่านบุรุษสูงสุด ! ข้าพเจ้าขอนมัสการท่าน เพราะข้าพเจ้าไม่อาจจะทราบสิ่งซึ่งท่านอาศัยแล้วเพ่ง ของท่าน" (เมื่อตรัสดังนี้แล้ว สันธะภิกษุได้ทูลถามว่า : -) --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ เพ่งอย่างไรกัน ชนิดที่ไม่อาศัยดินหรือน้ำ เป็นต้น แล้วเพ่ง ... ฯลฯ... จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญว่าดังนั้น พระเจ้าข้า ?” (ต่อไปนี้ เป็นคำตรัสที่แสดงให้เห็นว่า สัญญาต่างๆ จะถูกเพิกถอนไป เมื่ออารมณ์แห่งสัญญานั้นเป็นที่แจ่มแจ้งแก่ผู้เพ่ง ว่าสิ่งนั้นๆ มิได้เป็นตามที่คนธรรมดาสามัญที่สำคัญว่าเป็นอย่างไร ; ขอให้ผู้ศึกษาตั้งใจทำความเข้าใจให้ดีที่สุด ดังต่อไปนี้ : -) --สัทธะ ! ในกรณีนี้ ปฐวีสัญญา (ความสำคัญในดินว่าดิน) ย่อมเป็นแจ้ง (วิภูติเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง) แก่บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ (ว่าดินที่สำคัญกันว่าเป็นดินนั้น หาใช่ดินไม่ หากแต่เป็นเพียงสังขตธรรมตามธรรมชาติ เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา คือ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ---ตามนัยแห่งอรรถกถา : มโนรถปูรณี ภ. ๓ น. ๔๓๒) ความสำคัญในน้ำว่าน้ำ, ความสำคัญในไฟว่าไฟ, ความสำคัญในลมว่าลม, ความสำคัญในอากาสานัญจายตนะ ว่าอากาสานัญจายตนะ, ความสำคัญในวิญญาณัญจายตนะ ว่าวิญญาณัญจายตนะ, ความสำคัญในอากิญจัญญายตนะ ว่าอากิญจัญญายตนะ, ความสำคัญในเนวสัญญานาสัญญายตนะ ว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ, ความสำคัญในโลกนี้ว่าโลกนี้, ความสำคัญในโลกอื่นว่าโลกอื่น, ความสำคัญในสิ่งที่เห็นแล้ว ฟังแล้ว ... ฯลฯ... ว่า “สิ่งที่เราเห็นแล้ว” “สิ่งที่เราฟังแล้ว” ... ฯลฯ... ก็ล้วนแต่เป็นแจ้งแก่บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ (ว่าสิ่งเหล่านั้น หาได้เป็นที่สำคัญมั่นหมาย ว่าเป็นอะไร ๆ กันนั้นไม่ หากแต่เป็นสังขตธรรมตามธรรมชาติ เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา คือ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา --- ตามนัยแห่งอรรถกถา : นโนรถปูรณี ภ. ๓ น. ๔๓๒). --สันธะ ! #บุรุษอาชาไนยผู้เจริญเพ่งอยู่อย่างนี้ จึงได้ชื่อว่า ไม่อาศัยความสำคัญว่าดินแล้วเพ่ง ไม่อาศัยความสำคัญว่าน้ำแล้วเพ่ง ไม่อาศัยความสำคัญว่าไฟแล้วเพ่ง เป็นต้น จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญว่าดังนั้น.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. 24/298/216. http://etipitaka.com/read/thai/24/298/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๔๘/๒๑๖. http://etipitaka.com/read/pali/24/348/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=657 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=657 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45 ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัญญาในอุปาทานระงับไป
    -สัญญาในอุปาทานระงับไป เมื่ออารมณ์แห่งสัญญานั้นเป็นวิภูตะ (ขอให้ผู้ศึกษาอดทนอ่านข้อความอันเป็นอุปมาในตอนต้น ซึ่งค่อนข้างจะยืดยาวให้เห็นชัดเสียก่อน ว่า ม้ากระจอกกับม้าอาชาไนยต่างกันอย่างไร จึงจะเข้าใจความต่างระหว่างผู้ที่เพ่งด้วยความยึดถือและเพ่งด้วยความไม่ยึดถือ จึงจะเข้าใจความหมายของคำว่า วิภูตะ-ความเห็นแจ้งของผู้ที่เพ่งด้วยความไม่ยึดถือ). สันธะ ! เธอจงเพ่งอย่างการเพ่งของสัตว์อาชาไนย ; อย่าเพ่งอย่างการเพ่งของสัตว์กระจอก. สันธะ ! อย่างไรเล่า เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์กระจอก ? สันธะ ! ม้ากระจอก ถูกผูกไว้ที่รางเลี้ยงอาหาร ใจของมันก็จะเพ่งอยู่แต่ว่า “ข้าวเปลือก ๆ” เพราะเหตุไรเล่า ? สันธะ ! เพราะเหตุว่ามันไม่มีแก่ใจที่จะคิดว่า “วันนี้ สารถีของเราต้องการให้เราทำอะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอย่างไรหนอ” ; มันมัวเพ่งอยู่ในใจว่า “ ข้าวเปลือก ๆ” ดังนี้. สันธะ ! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่ภิกษุกระจอกบางรูปในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม มีจิตถูกกามราคนิวรณ์กลุ้มรุมห่อหุ้มอยู่. เขาไม่รู้ตามเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกจากกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว ; เขากระทำกามราคะนั้น ๆ ให้เนื่องกันไม่ขาดสาย เพ่งอยู่ เพ่งทั่วอยู่ เพ่งโดยไม่เหลืออยู่ เพ่งลงอยู่. (ในกรณีแห่ง พยาบาท - ถีนมิทธะ - อุทธัจจกุกกุจจะ - และวิจิกิจฉานิวรณ์ก็ได้เป็นไปในลักษณะอย่างเดียวกันกับกรณีแห่งกามราคะนิวรณ์). ภิกษุนั้นย่อมเพ่งอาศัยความสำคัญว่าดินบ้าง ย่อมเพ่งอาศัยความสำคัญว่าน้ำบ้าง อาศัยความสำคัญว่าไฟบ้าง อาศัยความสำคัญว่าลมบ้าง ว่าอากาสานัญจายตนะบ้าง ว่าวิญญาณัญจายตนะบ้าง ว่าอากิญจัญญายตนะบ้าง ว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะบ้าง ว่าโลกนี้บ้าง ว่าโลกอื่นบ้าง อาศัยความสำคัญว่า “สิ่งที่เราเห็นแล้ว”. “สิ่งที่เราฟังแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้สึกแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้แจ้งแล้ว”, “สิ่งที่เราบรรลุแล้ว”, “สิ่งที่เราแสวงหาแล้ว”, “สิ่งที่ใจของเราติดตามแล้ว” แต่ละอย่างๆเป็นต้น ดังนี้บ้าง, เพ่งอยู่. สันธะ ! อย่างนี้แล เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์กระจอก. สันธะ ! อย่างไรเล่า เป็นการเพ่งอย่างของสัตว์อาชาไนย ? สันธะ ! ม้าอาชาไนยตัวเจริญ ถูกผูกไว้ที่รางเลี้ยงอาหาร ใจของมันจะไม่เพ่งอยู่แต่ว่า “ข้าวเปลือก ๆ” เพราะเหตุไรเล่า ? สันธะ ! เพราะเหตุว่า แม้ถูกผูกอยู่ที่รางเลี้ยงอาหาร แต่ใจของมันมัวไปคิดอยู่ว่า “วันนี้ สารถีของเราต้องการให้เราทำอะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอย่างไรหนอ” ดังนี้ ; มันไม่มัวแต่เพ่งอยู่ในใจว่า “ข้าวเปลือก ๆ” ดังนี้. สันธะ ! ก็ม้าอาชาไนยนั้น รู้สึกอยู่ว่า การถูกลงปะฏักนั้นเป็นเหมือนการใช้หนี้ การถูกจองจำ ความเสื่อมเสีย เป็นเหมือนเสนียดจัญไร. (ขอให้สังเกตว่า แม้อยู่ในที่เดียวกัน ต่อหน้าสถานการณ์อย่างเดียวกัน ม้าสองตัวนี้ก็มีความรู้สึกอยู่ในใจคนละอย่างตามความต่างของมัน คือตัวหนึ่งเพ่งแต่จะกิน ตัวหนึ่งเพ่งแต่ในหน้าที่ ที่จะไม่ทำให้บกพร่องจนถูกลงโทษ ; ดังนี้เรียกว่า มีความเพ่งต่างกันเป็นคนละอย่าง). สันธะ ! ภิกษุอาชาไนยผู้เจริญ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม ไปแล้วสู่โคนไม้ก็ตาม ไปแล้วสู่เรือนว่างก็ตาม, มีจิตไม่ถูกกามราคนิวรณ์กลุ้มรุม ห่อหุ้ม อยู่, เขาเห็นตามเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องออกกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว. (ในกรณีแห่ง พยาบาท - ถีนมิทธะ - อุทธัจจกุกกุจจะ - และวิจิกิจฉา - นิวรณ์ ก็ได้เป็นไปในลักษณะอย่างเดียวกันกับกรณีแห่งกามราคะนิวรณ์). ภิกษุนั้น ย่อมเพ่งไม่อาศัยความสำคัญว่าดิน ย่อมเพ่งไม่อาศัยความสำคัญว่าน้ำ ไม่อาศัยความสำคัญว่าไฟ ไม่อาศัยความสำคัญว่าลม ไม่อาศัยความสำคัญว่าอากาสานัญจายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าวิญญาณัญจายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าอากิญจัญญายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ไม่อาศัยความสำคัญว่าโลกนี้ ไม่อาศัยความสำคัญว่าโลกอื่น ย่อมเพ่งไม่อาศัยความสำคัญว่า “สิ่งที่เราเห็นแล้ว”. “สิ่งที่เราฟังแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้สึกแล้ว”, “สิ่งที่เรารู้แจ้งแล้ว”, “สิ่งที่เราบรรลุแล้ว”, “สิ่งที่เราแสวงหาแล้ว”, “สิ่งที่ใจของเราติดตามแล้ว” แต่ละอย่างๆ เป็นต้น ดังนี้บ้าง, เพ่งอยู่ ๆ. สันธะ ! เทวดาทั้งหลาย พร้อมทั้งอินทร์ พรหม และปชาบดี ย่อมนมัสการบุรุษอาชาไนยผู้เจริญผู้เพ่งอยู่อย่างนี้ มาแต่ที่ไกลทีเดียว กล่าวว่า : “ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ! ข้าแต่ท่านบุรุษสูงสุด ! ข้าพเจ้าขอนมัสการท่าน เพราะข้าพเจ้าไม่อาจจะทราบสิ่งซึ่งท่านอาศัยแล้วเพ่ง ของท่าน” (เมื่อตรัสดังนี้แล้ว สันธภิกษุได้ทูลถามว่า :-) “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ เพ่งอย่างไรกัน ชนิดที่ไม่อาศัยดินหรือน้ำเป็นต้นแล้วเพ่ง จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญว่าดังนั้น พระเจ้าข้า ?” (ต่อไปนี้ เป็นคำตรัสที่แสดงให้เห็นว่า สัญญาต่างๆ จะถูกเพิกถอนไป เมื่ออารมณ์แห่งสัญญานั้นเป็นที่แจ่มแจ้งแก่ผู้เพ่ง ว่าสิ่งนั้นๆ มิได้เป็นตามที่คนธรรมดาสามัญที่สำคัญว่าเป็นอย่างไร ; ขอให้ผู้ศึกษาตั้งใจทำความเข้าใจให้ดีที่สุด ดังต่อไปนี้ :-) สัทธะ ! ในกรณีนี้ ปฐวีสัญญา (ความสำคัญในดินว่าดิน) ย่อมเป็นแจ้ง (วิภูติเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง) แก่บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ (ว่าดินที่สำคัญกันว่าเป็นดินนั้น หาใช่ดินไม่ หากแต่เป็นเพียงสังขตธรรมตามธรรมชาติ เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา คือ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา - ตามนัยแห่งอรรถกถา : มโนรถปูรณี ภ. ๓ น. ๔๓๒) ความสำคัญในน้ำว่าน้ำ, ความสำคัญในไฟว่าไฟ, ความสำคัญในลมว่าลม, ความสำคัญในอากาสานัญจายตนะ ว่าอากาสานัญจายตนะ, ความสำคัญในวิญญาณัญจายตนะว่าวิญญาณัญจายตนะ, ความสำคัญในอากิญจัญญายตนะว่าอากิญจัญญายตนะ, ความสำคัญในเนวสัญญานาสัญญายตนะว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ, ความสำคัญในโลกนี้ว่าโลกนี้, ความสำคัญในโลกอื่นว่าโลกอื่น, ความสำคัญในสิ่งที่เห็นแล้ว ฟังแล้ว ฯลฯ ว่า “สิ่งที่เราเห็นแล้ว” “สิ่งที่เราฟังแล้ว” ฯลฯ ก็ล้วนแต่เป็นแจ้งแก่บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ (ว่าสิ่งเหล่านั้น หาได้เป็นที่สำคัญมั่นหมาย ว่าเป็นอะไร ๆ กันนั้นไม่ หากแต่เป็นสังขตธรรมตามธรรมชาติ เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา คือ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา - ตามนัยแห่งอรรถกถา : นโนรถปูรณี ภ. ๓ น. ๔๓๒). สันธะ ! บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ เพ่งอยู่อย่างนี้ จึงได้ชื่อว่า ไม่อาศัยความสำคัญว่าดินแล้วเพ่ง ไม่อาศัยความสำคัญว่าน้ำแล้วเพ่ง ไม่อาศัยความสำคัญว่าไฟแล้วเพ่ง เป็นต้น จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญว่าดังนั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก
    สัทธรรมลำดับที่ : 1025
    ชื่อบทธรรม : -วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1025
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก
    --นันทิยะ ! อริยสาวก เป็นผู้มีปรกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท เป็นอย่างไรเล่า ?
    --นันทิยะ ! ในกรณีนี้คือ อริยสาวก เป็นผู้ประกอบด้วย
    ๑.ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว (พุทเธอเวจจัปปสาเทนะ)
    ดังนี้ว่า
    http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=พุทฺเธ+อเวจฺจปฺปสาเทน
    “แม้เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
    เป็นผู้ไกลจากกิเลส
    ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
    เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
    เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี
    เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
    เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
    เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานด้วยธรรม
    เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์”
    ดังนี้.
    อริยสาวกนั้น ไม่มีความพอใจหยุดอยู่
    เพียงแค่ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว
    แต่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป คือ
    เพื่อความวิเวกในกลางวัน เพื่อความหลีกเร้นในกลางคืน.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=ปวิเวกาย+ปฏิสลฺลานาย
    +--เมื่ออริยสาวกนั้น เป็นผู้ไม่ประมาทอยู่อย่างนี้,
    ปราโมทย์ (ความบันเทิงใจ) ย่อมเกิดขึ้น;
    เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติ (ความอิ่มใจ) ย่อมเกิดขึ้น;
    เมื่อมีใจปีติ กายก็สงบระงับ;
    ผู้มีกายสงบระงับ ย่อมรู้สึกเป็นสุข;
    จิตของ ผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น (เป็นสมาธิ)
    เมื่อจิตตั้งมั่น ธรรม (ที่ยังไม่เคยปรากฏ) ย่อมปรากฏ;
    เพราะความปรากฏแห่งธรรม อริยสาวกนั้น ย่อมถึงซึ่งการนับ
    ได้ว่า
    เป็นผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท โดยแท้.

    (ในกรณีแห่งโสตาปัตติยังคะ
    ที่สอง คือ
    ๒.ความเลื่อมใสในพระธรรมอย่างไม่หวั่นไหว ก็ดี
    ที่สาม คือ
    ๓.ความเลื่อมใสในพระสงฆ์อย่างไม่หวั่นไหว ก็ดี
    ที่สี่ คือ
    ๔.ความมีศีลอ้นเป็นอริย-ประเสริฐ (อริยกันตศีล--อริยกนฺเตหิ สีเลหิ)​
    http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=อริยกนฺเตหิ+สีเลหิ
    ก็ดี ก็ได้ทรงตรัสไว้มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้อความข้างบน
    ที่กล่าวถึงความ
    ๑.เลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
    )
    --นันทิยะ ! อย่างนี้แล อริยสาวกชื่อว่า #เป็นผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท.-

    (ขอให้สังเกตเห็นใจความสำคัญที่ว่า
    แม้จะเป็นเตรียม พระโสดาบัน (คือธัมมานุสารี และสัทธานุสารีก็ตาม)
    หรือ เป็นพระโสดาบันแล้วก็ตาม
    ยังมีกิจคือความไม่ประมาทที่จะต้องกระทำสืบต่อยิ่งขึ้นไป
    ความข้อความในพระสูตรนี้ ให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาทอยู่เสมอ.
    ข้อปฏิบัติเหล่านั้นมีใจความสำคัญอยู่ที่ว่า
    กลางวันมีวิเวก คือสงัดจากความรบกวนภายนอก
    กลางคืนมีปฏิสัลลาณะ คือจิตไม่ฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ
    แต่มากำหนดอยู่ที่ธรรมอันควรกำหนดอยู่ตลอดเวลา
    จนเกิดผลตามลำดับ นับตั้งแต่ความปราโมทย์
    ไปจนถึงความปรากฏแห่งธรรมที่ยังไม่เคยปรากฏ.
    อริยสาวกชั้นที่สูงขึ้นไปก็มีหลักปฏิบัติทำนองนี้ คือ
    กลางวันมีวิเวิก กลางคืนมีปฏิสัลลาณะ
    เพื่อบรรลุธรรมชั้นที่สูงขึ้นไปกว่าที่บรรลุอยู่ จนกระทั่งถึงชั้นพระอรหันต์.
    แม้ชั้นพระอรหันต์ซึ่งเป็นชั้นที่ถึงที่สุดแห่งความไม่ประมาทแล้ว
    ก็ยังมีวิเวกในกลางวัน มีปฏิสัลลาณะในกลางคืน
    เพื่อความอยู่เป็นผาสุกของบุคคลผู้ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์.
    ขอให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการอยู่อย่างมีวิเวกและมีปฏิสัลลาณะ
    ว่าเป็นฐานรากในการสืบต่อความไม่ประมาทให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปในตัวเอง
    โดยไม่ต้องลำบากมากมายนัก
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/359/1602
    http://etipitaka.com/read/thai/19/395/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๐๑/๑๖๐๒
    http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1025
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1025
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89
    ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก สัทธรรมลำดับที่ : 1025 ชื่อบทธรรม : -วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1025 เนื้อความทั้งหมด :- --วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก --นันทิยะ ! อริยสาวก เป็นผู้มีปรกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท เป็นอย่างไรเล่า ? --นันทิยะ ! ในกรณีนี้คือ อริยสาวก เป็นผู้ประกอบด้วย ๑.ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว (พุทเธอเวจจัปปสาเทนะ) ดังนี้ว่า http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=พุทฺเธ+อเวจฺจปฺปสาเทน “แม้เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์” ดังนี้. อริยสาวกนั้น ไม่มีความพอใจหยุดอยู่ เพียงแค่ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว แต่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป คือ เพื่อความวิเวกในกลางวัน เพื่อความหลีกเร้นในกลางคืน. http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=ปวิเวกาย+ปฏิสลฺลานาย +--เมื่ออริยสาวกนั้น เป็นผู้ไม่ประมาทอยู่อย่างนี้, ปราโมทย์ (ความบันเทิงใจ) ย่อมเกิดขึ้น; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติ (ความอิ่มใจ) ย่อมเกิดขึ้น; เมื่อมีใจปีติ กายก็สงบระงับ; ผู้มีกายสงบระงับ ย่อมรู้สึกเป็นสุข; จิตของ ผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น (เป็นสมาธิ) เมื่อจิตตั้งมั่น ธรรม (ที่ยังไม่เคยปรากฏ) ย่อมปรากฏ; เพราะความปรากฏแห่งธรรม อริยสาวกนั้น ย่อมถึงซึ่งการนับ ได้ว่า เป็นผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท โดยแท้. (ในกรณีแห่งโสตาปัตติยังคะ ที่สอง คือ ๒.ความเลื่อมใสในพระธรรมอย่างไม่หวั่นไหว ก็ดี ที่สาม คือ ๓.ความเลื่อมใสในพระสงฆ์อย่างไม่หวั่นไหว ก็ดี ที่สี่ คือ ๔.ความมีศีลอ้นเป็นอริย-ประเสริฐ (อริยกันตศีล--อริยกนฺเตหิ สีเลหิ)​ http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=อริยกนฺเตหิ+สีเลหิ ก็ดี ก็ได้ทรงตรัสไว้มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้อความข้างบน ที่กล่าวถึงความ ๑.เลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ) --นันทิยะ ! อย่างนี้แล อริยสาวกชื่อว่า #เป็นผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท.- (ขอให้สังเกตเห็นใจความสำคัญที่ว่า แม้จะเป็นเตรียม พระโสดาบัน (คือธัมมานุสารี และสัทธานุสารีก็ตาม) หรือ เป็นพระโสดาบันแล้วก็ตาม ยังมีกิจคือความไม่ประมาทที่จะต้องกระทำสืบต่อยิ่งขึ้นไป ความข้อความในพระสูตรนี้ ให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาทอยู่เสมอ. ข้อปฏิบัติเหล่านั้นมีใจความสำคัญอยู่ที่ว่า กลางวันมีวิเวก คือสงัดจากความรบกวนภายนอก กลางคืนมีปฏิสัลลาณะ คือจิตไม่ฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ แต่มากำหนดอยู่ที่ธรรมอันควรกำหนดอยู่ตลอดเวลา จนเกิดผลตามลำดับ นับตั้งแต่ความปราโมทย์ ไปจนถึงความปรากฏแห่งธรรมที่ยังไม่เคยปรากฏ. อริยสาวกชั้นที่สูงขึ้นไปก็มีหลักปฏิบัติทำนองนี้ คือ กลางวันมีวิเวิก กลางคืนมีปฏิสัลลาณะ เพื่อบรรลุธรรมชั้นที่สูงขึ้นไปกว่าที่บรรลุอยู่ จนกระทั่งถึงชั้นพระอรหันต์. แม้ชั้นพระอรหันต์ซึ่งเป็นชั้นที่ถึงที่สุดแห่งความไม่ประมาทแล้ว ก็ยังมีวิเวกในกลางวัน มีปฏิสัลลาณะในกลางคืน เพื่อความอยู่เป็นผาสุกของบุคคลผู้ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์. ขอให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการอยู่อย่างมีวิเวกและมีปฏิสัลลาณะ ว่าเป็นฐานรากในการสืบต่อความไม่ประมาทให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปในตัวเอง โดยไม่ต้องลำบากมากมายนัก ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/359/1602 http://etipitaka.com/read/thai/19/395/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๐๑/๑๖๐๒ http://etipitaka.com/read/pali/19/501/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1025 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1025 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89 ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก
    -(ผู้ยึดการปฏิบัติอริยอัฏฐังคิกมรรคเป็นหลัก พึงมองให้เห็นความสำคัญที่สุดแห่งพระบาลีนี้ ที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าปฏิบัติในชั้นลึกคือการรู้เห็นอย่างถูกต้องเกี่ยวกับอายตนะอันเป็นที่ตั้งแห่งตัณหาอุปทานแล้ว ย่อมเป็นเคล็ดลับในการปฏิบัติอริยอัฏฐังคิกมรรคอย่างครบถ้วน ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ไม่เสียเวลามากเหมือนผู้ปฏิบัติชนิดแจกแจงเป็นองค์ๆ และองค์ละหลายๆ อย่าง ซึ่งโดยมากปฏิบัติจนตายหรือเกือบตายก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ จึงขอเน้นความสำคัญอย่างยิ่งแห่งพระบาลีนี้ แก่ผู้ปฏิบัติทุกคน. ข้อความที่ยกมานี้ ยกมาแต่ข้อความที่แสดงด้วยเรื่องของจักษุ ผู้ศึกษาพึงเทียบเคียงเอาเองออกไปถึงเรื่องของ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมโน แต่ละอย่างๆ ออกเป็นห้าประเด็น เหมือนอย่างที่แสดงไว้ในกรณีแห่งจักษุข้างต้นนั้น, ก็จะได้อายตนะนิกธรรม ๖ หมวดๆ ละ ๕ อย่าง; รวมเป็น ๓๐ อย่าง โดยบริบูรณ์). วิธีการสืบต่อความไม่ประมาทของอริยสาวก นันทิยะ ! อริยสาวก เป็นผู้มีปรกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท เป็นอย่างไรเล่า ? นันทิยะ ! ในกรณีนี้คือ อริยสาวก เป็นผู้ประกอบด้วย ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว (พุทธอเวจจัปปสาทะ) ดังนี้ว่า “แม้เพราะ เหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์” ดังนี้. อริยสาวกนั้น ไม่มีความพอใจหยุดอยู่ เพียงแค่ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว แต่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป คือเพื่อความวิเวกในกลางวัน เพื่อความหลีกเร้นในกลางคืน. เมื่ออริยสาวกนั้น เป็นผู้ไม่ประมาทอยู่อย่างนี้, ปราโมทย์ (ความบันเทิงใจ) ย่อมเกิดขึ้น; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติ (ความอิ่มใจ) ย่อมเกิดขึ้น; เมื่อมีใจปีติ กายก็สงบระงับ; ผู้มีกายสงบระงับ ย่อมรู้สึกเป็นสุข; จิตของ ผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น (เป็นสมาธิ) เมื่อจิตตั้งมั่น ธรรม (ที่ยังไม่เคยปรากฏ) ย่อมปรากฏ; เพราะความปรากฏแห่งธรรม อริยสาวกนั้น ย่อมถึงซึ่งการนับ ได้ว่า เป็นผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท โดยแท้. (ในกรณีแห่งโสตาปัตติยังคะที่สอง คือ ความเลื่อมใสในพระธรรมอย่างไม่หวั่นไหว ก็ดี ที่สามคือ ความเลื่อมใสในพระสงฆ์อย่างไม่หวั่นไหว ก็ดี ที่สี่คือ ความมีศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ (อริยกันตศีล) ก็ดี ก็ได้ทรงตรัสไว้มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้อความข้างบนที่กล่าวถึงความ เลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ) นันทิยะ ! อย่างนี้แล อริยสาวกชื่อว่า เป็นผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันพระ อำนาจของบุญรักษา และรักษาศิลรักษาธรรมกัน เพียรบุญกุศล บุญภาวนากัน
    วันพระ อำนาจของบุญรักษา และรักษาศิลรักษาธรรมกัน เพียรบุญกุศล บุญภาวนากัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยามเมื่อประสบกับปัญหา...
    Cr.Wiwan Boonya
    ยามเมื่อประสบกับปัญหา... Cr.Wiwan Boonya
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🪷 ไม่มีวันไหนที่สูญเปล่า…ถ้าใจเรารู้ทัน

    บางวัน…อาจไม่ได้ภาวนาได้นาน
    บางวัน…อาจโกรธจนอยากตอบโต้
    บางวัน…อาจฟุ้งซ่านจนหาทางนิ่งไม่เจอ

    แต่ถ้า แค่เห็น ว่า "ความโกรธนี้"
    เกิดจากใจที่ไปผูกกับความเจ็บ
    แล้วรู้ว่าการปล่อยวางทำให้สุขขึ้น

    หรือ แค่เห็น ว่า "ความฟุ้งซ่านนี้"
    มาจากภาระชีวิตที่ยังต้องคิดต้องจัดการ
    แล้วเลิกเพ่งว่าจิตต้องนิ่งให้ได้วันนี้

    …ก็ถือว่า “วันนั้นไม่สูญเปล่าแล้ว”

    การเจริญสติแบบพุทธ
    ไม่ใช่การบังคับให้ชีวิตสงบเหมือนเดิมทุกวัน
    แต่คือการ “เห็นความต่าง” อย่างเข้าใจ

    เห็นว่าแม้วันนี้จิตจะไม่เหมือนเมื่อวาน
    แต่ก็เพราะเหตุปัจจัยมันเปลี่ยนไป
    และถ้ารู้เหตุของการเปลี่ยนแปลงนั้น
    เราจะค่อยๆ ปล่อยจาก อุปาทาน ที่เคยครอบงำจิตได้จริง

    แม้วันนั้นจะไม่สงบ
    แม้จะไม่ได้นั่งนาน
    แต่ถ้ามี “สติรู้ทันใจ” แม้เพียงครั้งเดียว
    ก็ถือว่าเราได้ ใช้ชีวิตอยู่เหนือชะตาเดิมแล้ว

    และนั่นคือสิ่งที่พุทธะเรียกว่า "ปัญญา"

    อย่าตั้งสเปคว่าต้องสงบ ต้องนิ่ง ต้องดีขึ้นทุกวัน
    แต่ให้ตั้งจิตไว้ที่ความจริงว่า
    "ขอแค่วันนี้…ได้เห็นใจตัวเองอย่างที่เป็น"

    ก็ไม่มีวันไหนในชีวิต…ที่สูญเปล่าเลย

    #เจริญสติไม่ใช่การบังคับจิต
    #แต่คือการเรียนรู้จิตด้วยความเข้าใจ
    #ธรรมะกลางวันธรรมดา
    #เห็นใจตัวเองด้วยใจที่เข้าใจ
    🪷 ไม่มีวันไหนที่สูญเปล่า…ถ้าใจเรารู้ทัน บางวัน…อาจไม่ได้ภาวนาได้นาน บางวัน…อาจโกรธจนอยากตอบโต้ บางวัน…อาจฟุ้งซ่านจนหาทางนิ่งไม่เจอ แต่ถ้า แค่เห็น ว่า "ความโกรธนี้" เกิดจากใจที่ไปผูกกับความเจ็บ แล้วรู้ว่าการปล่อยวางทำให้สุขขึ้น หรือ แค่เห็น ว่า "ความฟุ้งซ่านนี้" มาจากภาระชีวิตที่ยังต้องคิดต้องจัดการ แล้วเลิกเพ่งว่าจิตต้องนิ่งให้ได้วันนี้ …ก็ถือว่า “วันนั้นไม่สูญเปล่าแล้ว” ✨ การเจริญสติแบบพุทธ ไม่ใช่การบังคับให้ชีวิตสงบเหมือนเดิมทุกวัน แต่คือการ “เห็นความต่าง” อย่างเข้าใจ เห็นว่าแม้วันนี้จิตจะไม่เหมือนเมื่อวาน แต่ก็เพราะเหตุปัจจัยมันเปลี่ยนไป และถ้ารู้เหตุของการเปลี่ยนแปลงนั้น เราจะค่อยๆ ปล่อยจาก อุปาทาน ที่เคยครอบงำจิตได้จริง แม้วันนั้นจะไม่สงบ แม้จะไม่ได้นั่งนาน แต่ถ้ามี “สติรู้ทันใจ” แม้เพียงครั้งเดียว ก็ถือว่าเราได้ ใช้ชีวิตอยู่เหนือชะตาเดิมแล้ว และนั่นคือสิ่งที่พุทธะเรียกว่า "ปัญญา" 💬 อย่าตั้งสเปคว่าต้องสงบ ต้องนิ่ง ต้องดีขึ้นทุกวัน แต่ให้ตั้งจิตไว้ที่ความจริงว่า "ขอแค่วันนี้…ได้เห็นใจตัวเองอย่างที่เป็น" ก็ไม่มีวันไหนในชีวิต…ที่สูญเปล่าเลย #เจริญสติไม่ใช่การบังคับจิต #แต่คือการเรียนรู้จิตด้วยความเข้าใจ #ธรรมะกลางวันธรรมดา #เห็นใจตัวเองด้วยใจที่เข้าใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพฤหัสบดีที่ 19 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพฤหัสบดีที่ 19 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันพุธที่ 18/6/68 สวัสดีตรับ..
    วันพุธที่ 18/6/68 สวัสดีตรับ..
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวแบบนี้ ถึงจะเป็นข่าวจริง ว่าอิหร่านมียุทธวิธีอย่างไร มีประโยชน์แก่กองทัพไทย ที่จะศึกษาไว้ ขอให้อิหร่านกำราบศัตรูของภูมิภาคให้สูญเผ่าพันธุ์
    https://youtu.be/gzxvOWKWSEI?si=q4vmADKPuKALaEA8
    ข่าวแบบนี้ ถึงจะเป็นข่าวจริง ว่าอิหร่านมียุทธวิธีอย่างไร มีประโยชน์แก่กองทัพไทย ที่จะศึกษาไว้ ขอให้อิหร่านกำราบศัตรูของภูมิภาคให้สูญเผ่าพันธุ์ https://youtu.be/gzxvOWKWSEI?si=q4vmADKPuKALaEA8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามยิว-อิหร่านตึงเครียด!“ทรัมป์”โพสต์ “เรารู้ว่าผู้นำสูงสุดเขาซ่อนอยู่ที่ไหนแต่เขายังปลอดภัย เราจะยังไม่พาเขาออกไป(ฆ่าเขา!!)อย่างน้อยก็ตอนนี้! แต่เราไม่ต้องการให้โจมตีปชช.ทหารสหรัฐฯ,ความอดทนเริ่มหมดแล้ว,โพสต์ต่อ ”Uncondition Surrender"! ขณะที่ผู้นำอิหร่านประกาศก้องว่าโลกต้องจดจำค่ำคืนนี้ไปอีกเป็นศตวรรษ !
    สงครามยิว-อิหร่านตึงเครียด!“ทรัมป์”โพสต์ “เรารู้ว่าผู้นำสูงสุดเขาซ่อนอยู่ที่ไหนแต่เขายังปลอดภัย เราจะยังไม่พาเขาออกไป(ฆ่าเขา!!)อย่างน้อยก็ตอนนี้! แต่เราไม่ต้องการให้โจมตีปชช.ทหารสหรัฐฯ,ความอดทนเริ่มหมดแล้ว,โพสต์ต่อ ”Uncondition Surrender"! ขณะที่ผู้นำอิหร่านประกาศก้องว่าโลกต้องจดจำค่ำคืนนี้ไปอีกเป็นศตวรรษ !
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568. แรม ๘ ค่ำ เดือนเจ็ด(๗) ปีมะเส็ง เป็นวันพระ หรือ วันธรรมสวนะ
    "อย่าอิจฉาใคร คนเราเกิดมา มีต้นทุนไม่เหมือนกัน วาสนาไม่เท่ากัน การเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ถือเป็นการหาความทุกข์ ให้กับตนเอง" - ท่านพุทธทาสภิกขุ.
    วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568. แรม ๘ ค่ำ เดือนเจ็ด(๗) ปีมะเส็ง เป็นวันพระ หรือ วันธรรมสวนะ "อย่าอิจฉาใคร คนเราเกิดมา มีต้นทุนไม่เหมือนกัน วาสนาไม่เท่ากัน การเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ถือเป็นการหาความทุกข์ ให้กับตนเอง" - ท่านพุทธทาสภิกขุ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • Vacation at Avani plus koh samui. sea breaze really heal my mind.
    Vacation at Avani plus koh samui. sea breaze really heal my mind.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศีลธรรมความดี
    มีประดับใจ
    ดีงามขวนขวาย
    ให้ธรรมแนบชิด

    ใจดีครรลอง
    ต้องมีสติ
    ธรรมจริงสู่จิต
    สถิตนิรันดร์

    ธรรมหน้าที่งาม
    ความจริงบากบั่น
    จิตรวมตั้งมั่น
    ปัญญานำหนุน

    ทางใจสว่าง
    ทางธรรมเข้าดุลย์
    กุศลผลบุญ
    หนุนให้ประเสริฐ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ศีลธรรมความดี มีประดับใจ ดีงามขวนขวาย ให้ธรรมแนบชิด ใจดีครรลอง ต้องมีสติ ธรรมจริงสู่จิต สถิตนิรันดร์ ธรรมหน้าที่งาม ความจริงบากบั่น จิตรวมตั้งมั่น ปัญญานำหนุน ทางใจสว่าง ทางธรรมเข้าดุลย์ กุศลผลบุญ หนุนให้ประเสริฐ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอังคาร(17มิ.ย.) เรียกร้องเตหะราน "ยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไข" พร้อมเตือนว่าอเมริกาสามารถลอบสังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่านอย่างง่ายดาย ความเคลื่อนไหวมีขึ้นในขณะที่อิหร่านกับอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ ทำศึกตอบโต้กันไปมาครั้งหายนะลากยาวเข้าสู่วันที่ 5
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000057142

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอังคาร(17มิ.ย.) เรียกร้องเตหะราน "ยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไข" พร้อมเตือนว่าอเมริกาสามารถลอบสังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่านอย่างง่ายดาย ความเคลื่อนไหวมีขึ้นในขณะที่อิหร่านกับอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ ทำศึกตอบโต้กันไปมาครั้งหายนะลากยาวเข้าสู่วันที่ 5 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000057142 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1196 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/
    ระบบป้องกันภัยของอิสราเอลทำงานผิดพลาดอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่สามติดต่อกันสามวัน
    1/ ระบบป้องกันภัยของอิสราเอลทำงานผิดพลาดอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่สามติดต่อกันสามวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • 2/
    ระบบป้องกันภัยของอิสราเอลทำงานผิดพลาดอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่สามติดต่อกันสามวัน
    2/ ระบบป้องกันภัยของอิสราเอลทำงานผิดพลาดอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่สามติดต่อกันสามวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 16 0 รีวิว