• xMEMS Labs ได้ขยายเทคโนโลยี µCooling Fan-on-a-Chip ไปยังศูนย์ข้อมูล AI โดยนำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers ที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นใหม่

    เทคโนโลยีนี้ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า โดยสามารถลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15% และลด thermal resistance ลงกว่า 20% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโมดูลและยืดอายุการใช้งาน

    µCooling ใช้ monolithic MEMS fan ที่ผลิตด้วยกระบวนการ silicon fabrication ซึ่งสามารถสร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free โดยไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ทำให้มีความทนทานสูงและไม่ต้องบำรุงรักษา

    ✅ การขยายเทคโนโลยีไปยังศูนย์ข้อมูล AI
    - นำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers
    - ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า

    ✅ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของโมดูล
    - ลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15%
    - ลด thermal resistance ลงกว่า 20%

    ✅ การออกแบบที่ทนทานและไม่ต้องบำรุงรักษา
    - ใช้ monolithic MEMS fan ที่ไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว
    - สร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free

    ✅ แนวโน้มของตลาด optical transceivers
    - Dell'Oro Group คาดการณ์ว่า optical transceiver รุ่น 800G และ 1.6T จะเติบโตมากกว่า 35% CAGR จนถึงปี 2028

    https://www.techpowerup.com/336083/xmems-extends-ucooling-fan-on-a-chip-technology-to-ai-data-centers
    xMEMS Labs ได้ขยายเทคโนโลยี µCooling Fan-on-a-Chip ไปยังศูนย์ข้อมูล AI โดยนำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers ที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นใหม่ เทคโนโลยีนี้ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า โดยสามารถลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15% และลด thermal resistance ลงกว่า 20% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโมดูลและยืดอายุการใช้งาน µCooling ใช้ monolithic MEMS fan ที่ผลิตด้วยกระบวนการ silicon fabrication ซึ่งสามารถสร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free โดยไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ทำให้มีความทนทานสูงและไม่ต้องบำรุงรักษา ✅ การขยายเทคโนโลยีไปยังศูนย์ข้อมูล AI - นำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers - ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า ✅ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของโมดูล - ลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15% - ลด thermal resistance ลงกว่า 20% ✅ การออกแบบที่ทนทานและไม่ต้องบำรุงรักษา - ใช้ monolithic MEMS fan ที่ไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว - สร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free ✅ แนวโน้มของตลาด optical transceivers - Dell'Oro Group คาดการณ์ว่า optical transceiver รุ่น 800G และ 1.6T จะเติบโตมากกว่า 35% CAGR จนถึงปี 2028 https://www.techpowerup.com/336083/xmems-extends-ucooling-fan-on-a-chip-technology-to-ai-data-centers
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    xMEMS Extends µCooling Fan-on-a-Chip Technology to AI Data Centers
    xMEMS Labs, Inc., the pioneer of monolithic MEMS-based solutions, today announced the expansion of its revolutionary µCooling fan-on-a-chip platform into AI data centers, bringing the industry's first in-module active thermal management solution to high-performance optical transceivers. Originall...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • Andrei Kartapolov หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการป้องกันประเทศของสภาดูมา (สภาผู้แทนราษฎรของรัสเซีย) คาดหวังว่าทหารเกาหลีเหนืออาจเข้าร่วมปฏิบัติการรบในพื้นที่อื่นๆ หลังจากมีส่วนช่วยรัสเซียปลดปล่อยเคิร์สได้สำเร็จแล้ว


    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะเป็นของปูติน

    "นี่จะเป็นการตัดสินใจของผู้บัญชาการสูงสุด เขาจะตัดสินใจอย่างไรก็ได้ แต่ผมไม่ตัดโอกาสของเพื่อนทหารเกาหลีเหนือออกไป และเราจะได้รู้กันในภายหลัง" คาร์ตาโปลอฟกล่าว
    Andrei Kartapolov หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการป้องกันประเทศของสภาดูมา (สภาผู้แทนราษฎรของรัสเซีย) คาดหวังว่าทหารเกาหลีเหนืออาจเข้าร่วมปฏิบัติการรบในพื้นที่อื่นๆ หลังจากมีส่วนช่วยรัสเซียปลดปล่อยเคิร์สได้สำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะเป็นของปูติน "นี่จะเป็นการตัดสินใจของผู้บัญชาการสูงสุด เขาจะตัดสินใจอย่างไรก็ได้ แต่ผมไม่ตัดโอกาสของเพื่อนทหารเกาหลีเหนือออกไป และเราจะได้รู้กันในภายหลัง" คาร์ตาโปลอฟกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลการวิจัยของ Barracuda ที่พบว่า 23% ของไฟล์แนบ HTML ที่ส่งผ่านอีเมลเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ โดย HTML กลายเป็นไฟล์ที่ถูกใช้มากที่สุดในการโจมตีแบบ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว

    แฮกเกอร์มักใช้ HTML attachments เพื่อฝังสคริปต์ที่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง หน้าเข้าสู่ระบบปลอม หรือหลอกให้ดาวน์โหลดมัลแวร์ นอกจากนี้ 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบ ก็เป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการกำหนดนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์แนบผ่านอีเมล

    แม้ว่าการโจมตีด้วย PDF attachments จะพบได้น้อยกว่า โดยมีเพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ที่ถูกระบุว่าเป็นอันตราย แต่แฮกเกอร์เริ่มใช้ ลิงก์หลอกลวง ใน PDF เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์ปลอม

    ✅ HTML เป็นไฟล์แนบที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด
    - 23% ของไฟล์แนบ HTML ถูกระบุว่าเป็นอันตราย
    - ใช้สำหรับ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว

    ✅ การใช้ไฟล์ไบนารีในการโจมตี
    - 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง
    - ควรมีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์ไบนารีผ่านอีเมล

    ✅ PDF attachments มีความเสี่ยงต่ำกว่า
    - เพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ถูกระบุว่าเป็นอันตราย
    - แต่เริ่มมีการใช้ลิงก์หลอกลวงเพื่อขโมยข้อมูล

    ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ
    - ควรใช้ AI-powered cloud email security เพื่อช่วยตรวจจับการโจมตี
    - ควรเสริมมาตรการป้องกัน phishing นอกเหนือจากการตรวจสอบลิงก์และไฟล์แนบ

    https://www.techradar.com/pro/security/almost-a-quarter-of-html-attachments-are-malicious-research-finds
    บทความนี้กล่าวถึงผลการวิจัยของ Barracuda ที่พบว่า 23% ของไฟล์แนบ HTML ที่ส่งผ่านอีเมลเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ โดย HTML กลายเป็นไฟล์ที่ถูกใช้มากที่สุดในการโจมตีแบบ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว แฮกเกอร์มักใช้ HTML attachments เพื่อฝังสคริปต์ที่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง หน้าเข้าสู่ระบบปลอม หรือหลอกให้ดาวน์โหลดมัลแวร์ นอกจากนี้ 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบ ก็เป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการกำหนดนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์แนบผ่านอีเมล แม้ว่าการโจมตีด้วย PDF attachments จะพบได้น้อยกว่า โดยมีเพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ที่ถูกระบุว่าเป็นอันตราย แต่แฮกเกอร์เริ่มใช้ ลิงก์หลอกลวง ใน PDF เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์ปลอม ✅ HTML เป็นไฟล์แนบที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด - 23% ของไฟล์แนบ HTML ถูกระบุว่าเป็นอันตราย - ใช้สำหรับ phishing และการขโมยข้อมูลประจำตัว ✅ การใช้ไฟล์ไบนารีในการโจมตี - 87% ของไฟล์ไบนารีที่ถูกตรวจพบเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยงสูง - ควรมีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการส่งไฟล์ไบนารีผ่านอีเมล ✅ PDF attachments มีความเสี่ยงต่ำกว่า - เพียง 0.13% ของไฟล์ PDF ถูกระบุว่าเป็นอันตราย - แต่เริ่มมีการใช้ลิงก์หลอกลวงเพื่อขโมยข้อมูล ✅ แนวทางป้องกันที่แนะนำ - ควรใช้ AI-powered cloud email security เพื่อช่วยตรวจจับการโจมตี - ควรเสริมมาตรการป้องกัน phishing นอกเหนือจากการตรวจสอบลิงก์และไฟล์แนบ https://www.techradar.com/pro/security/almost-a-quarter-of-html-attachments-are-malicious-research-finds
    WWW.TECHRADAR.COM
    Almost a quarter of HTML attachments are malicious, research finds
    A new study finds HTML files are the riskiest file type
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • Hitachi Vantara ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Hitachi ได้รับผลกระทบจากการโจมตีด้วย Akira ransomware ทำให้ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่งผลกระทบต่อบริการและลูกค้าหลายราย

    Akira ransomware เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้กลยุทธ์ double-extortion โดยขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัส และเรียกร้องค่าไถ่เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูลที่ถูกขโมย กลุ่มนี้มักเจาะระบบผ่าน ช่องโหว่ของ VPN และข้อมูลล็อกอินที่ถูกขโมย

    แม้ว่าบริการ คลาวด์ของ Hitachi Vantara จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่บริษัทต้องปิดระบบภายใน รวมถึง Hitachi Vantara Manufacturing เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของมัลแวร์

    ✅ ผลกระทบต่อ Hitachi Vantara
    - บริษัทต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์
    - ส่งผลกระทบต่อบริการและลูกค้าหลายราย

    ✅ ลักษณะของ Akira ransomware
    - ใช้กลยุทธ์ double-extortion ขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัส
    - เจาะระบบผ่านช่องโหว่ของ VPN และข้อมูลล็อกอินที่ถูกขโมย

    ✅ การตอบสนองของ Hitachi Vantara
    - ปิดระบบที่ได้รับผลกระทบเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของมัลแวร์
    - นำผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้ามาช่วยกู้คืนระบบ

    ✅ ผลกระทบต่อบริการคลาวด์
    - บริการคลาวด์ของ Hitachi Vantara ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง

    https://www.techradar.com/pro/security/hitachi-vantara-takes-down-important-systems-following-akira-ransomware-attack
    Hitachi Vantara ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Hitachi ได้รับผลกระทบจากการโจมตีด้วย Akira ransomware ทำให้ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่งผลกระทบต่อบริการและลูกค้าหลายราย Akira ransomware เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้กลยุทธ์ double-extortion โดยขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัส และเรียกร้องค่าไถ่เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูลที่ถูกขโมย กลุ่มนี้มักเจาะระบบผ่าน ช่องโหว่ของ VPN และข้อมูลล็อกอินที่ถูกขโมย แม้ว่าบริการ คลาวด์ของ Hitachi Vantara จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่บริษัทต้องปิดระบบภายใน รวมถึง Hitachi Vantara Manufacturing เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของมัลแวร์ ✅ ผลกระทบต่อ Hitachi Vantara - บริษัทต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์ - ส่งผลกระทบต่อบริการและลูกค้าหลายราย ✅ ลักษณะของ Akira ransomware - ใช้กลยุทธ์ double-extortion ขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัส - เจาะระบบผ่านช่องโหว่ของ VPN และข้อมูลล็อกอินที่ถูกขโมย ✅ การตอบสนองของ Hitachi Vantara - ปิดระบบที่ได้รับผลกระทบเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของมัลแวร์ - นำผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้ามาช่วยกู้คืนระบบ ✅ ผลกระทบต่อบริการคลาวด์ - บริการคลาวด์ของ Hitachi Vantara ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง https://www.techradar.com/pro/security/hitachi-vantara-takes-down-important-systems-following-akira-ransomware-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marks & Spencer กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ cyber incident ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของบริษัทมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีรายงานว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นฝีมือของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์

    แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการโจมตีด้วย ransomware แต่แหล่งข่าวจาก BleepingComputer ระบุว่า Scattered Spider ได้ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ของ Marks & Spencer เมื่อวันที่ 24 เมษายน

    ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ Marks & Spencer ต้อง ปิดระบบบางส่วน และหยุดให้บริการ Click and Collect ในทุกสาขา รวมถึงการสั่งซื้อออนไลน์

    ✅ ผลกระทบต่อระบบของบริษัท
    - Marks & Spencer ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์
    - บริการ Click and Collect ถูกระงับในทุกสาขา

    ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง
    - Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์
    - ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts

    ✅ การตอบสนองของ Marks & Spencer
    - บริษัทนำระบบบางส่วนออฟไลน์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์
    - CrowdStrike, Microsoft และ Fenix24 ถูกเรียกเข้ามาช่วยตรวจสอบและกู้คืนระบบ

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน
    - ร้านค้าบางแห่งไม่สามารถรับชำระเงินแบบ contactless ได้
    - การสั่งซื้อออนไลน์ถูกระงับชั่วคราว

    https://www.techradar.com/pro/security/marks-and-spencer-outage-allegedly-linked-to-scatteredspider-ransomware-attack
    Marks & Spencer กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ cyber incident ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของบริษัทมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีรายงานว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นฝีมือของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการโจมตีด้วย ransomware แต่แหล่งข่าวจาก BleepingComputer ระบุว่า Scattered Spider ได้ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ของ Marks & Spencer เมื่อวันที่ 24 เมษายน ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ Marks & Spencer ต้อง ปิดระบบบางส่วน และหยุดให้บริการ Click and Collect ในทุกสาขา รวมถึงการสั่งซื้อออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อระบบของบริษัท - Marks & Spencer ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์ - บริการ Click and Collect ถูกระงับในทุกสาขา ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง - Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์ - ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ✅ การตอบสนองของ Marks & Spencer - บริษัทนำระบบบางส่วนออฟไลน์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์ - CrowdStrike, Microsoft และ Fenix24 ถูกเรียกเข้ามาช่วยตรวจสอบและกู้คืนระบบ ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน - ร้านค้าบางแห่งไม่สามารถรับชำระเงินแบบ contactless ได้ - การสั่งซื้อออนไลน์ถูกระงับชั่วคราว https://www.techradar.com/pro/security/marks-and-spencer-outage-allegedly-linked-to-scatteredspider-ransomware-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • VeriSource ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบริหารสวัสดิการพนักงานในสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ 4 ล้านคน ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมที่ 55,000 คน เมื่อปีที่แล้ว

    ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วย ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลปรากฏบน dark web

    VeriSource ได้เสนอ บริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นมาตรการที่ล่าช้า แต่ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้

    ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ
    - ข้อมูลของ 4 ล้านคนถูกขโมย เพิ่มขึ้นจาก 55,000 คนเมื่อปีที่แล้ว

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย
    - ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN)

    ✅ การตอบสนองของ VeriSource
    - เสนอบริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน
    - ให้บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล

    ✅ สถานะของข้อมูลที่ถูกขโมย
    - ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
    - ข้อมูลยังไม่ปรากฏบน dark web

    https://www.techradar.com/pro/security/verisource-bumps-up-potential-victim-count-of-data-breach-to-4-million
    VeriSource ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบริหารสวัสดิการพนักงานในสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ส่งผลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของ 4 ล้านคน ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดิมที่ 55,000 คน เมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วย ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลปรากฏบน dark web VeriSource ได้เสนอ บริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นมาตรการที่ล่าช้า แต่ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้ ✅ จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ - ข้อมูลของ 4 ล้านคนถูกขโมย เพิ่มขึ้นจาก 55,000 คนเมื่อปีที่แล้ว ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย - ชื่อ, ที่อยู่, วันเกิด, ข้อมูลเพศ และหมายเลขประกันสังคม (SSN) ✅ การตอบสนองของ VeriSource - เสนอบริการตรวจสอบเครดิตฟรี 12 เดือน - ให้บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ✅ สถานะของข้อมูลที่ถูกขโมย - ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด - ข้อมูลยังไม่ปรากฏบน dark web https://www.techradar.com/pro/security/verisource-bumps-up-potential-victim-count-of-data-breach-to-4-million
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • Shokz ได้เปิดตัว OpenDots ONE ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบเปิดที่มีขนาดเล็กที่สุดของบริษัท โดยมีน้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง และใช้ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหูของผู้ใช้ แม้ไม่มีดีไซน์แบบ wraparound เหมือนรุ่นก่อน

    OpenDots ONE ใช้ ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบส และมี DirectPitch Audio ที่ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้อยู่ในช่องหูโดยตรง

    นอกจากนี้ หูฟังยังมี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง รองรับ IP54 กันน้ำและเหงื่อ และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกันผ่าน multipoint connectivity

    ✅ ดีไซน์และน้ำหนักเบา
    - น้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง
    - ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหู

    ✅ คุณภาพเสียงและเทคโนโลยี
    - ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere
    - DirectPitch Audio ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง

    ✅ แบตเตอรี่และการใช้งาน
    - ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    - ใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง

    ✅ คุณสมบัติพิเศษ
    - IP54 กันน้ำและเหงื่อ
    - Multipoint connectivity เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน

    https://www.techradar.com/audio/earbuds-airpods/shokz-launches-its-smallest-open-earbuds-yet-and-im-ready-to-hear-this-one-out-despite-the-high-price
    Shokz ได้เปิดตัว OpenDots ONE ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบเปิดที่มีขนาดเล็กที่สุดของบริษัท โดยมีน้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง และใช้ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหูของผู้ใช้ แม้ไม่มีดีไซน์แบบ wraparound เหมือนรุ่นก่อน OpenDots ONE ใช้ ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบส และมี DirectPitch Audio ที่ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้อยู่ในช่องหูโดยตรง นอกจากนี้ หูฟังยังมี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง รองรับ IP54 กันน้ำและเหงื่อ และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกันผ่าน multipoint connectivity ✅ ดีไซน์และน้ำหนักเบา - น้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง - ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหู ✅ คุณภาพเสียงและเทคโนโลยี - ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere - DirectPitch Audio ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง ✅ แบตเตอรี่และการใช้งาน - ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง - ใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง ✅ คุณสมบัติพิเศษ - IP54 กันน้ำและเหงื่อ - Multipoint connectivity เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน https://www.techradar.com/audio/earbuds-airpods/shokz-launches-its-smallest-open-earbuds-yet-and-im-ready-to-hear-this-one-out-despite-the-high-price
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • HMRC หรือกรมสรรพากรของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศแผนการลงทุน £1 พันล้าน เพื่อจัดหาระบบ CRM ใหม่ที่สามารถบริหารจัดการการติดต่อกับผู้เสียภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ปรับปรุงบริการลูกค้า ลดภาระงานด้านเอกสาร และเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล

    ระบบ CRM ใหม่นี้จะเป็น แพลตฟอร์ม SaaS ที่รวมฟังก์ชันสำคัญ เช่น การลงทะเบียนผู้ใช้ การจัดการบัญชีลูกค้า การตรวจสอบตัวตน และการป้องกันการฉ้อโกง นอกจากนี้ยังต้องสามารถทำงานร่วมกับ Contact Centre as a Service (CCaaS) ซึ่ง HMRC มีแผนจะจัดหาในปีนี้

    ปัจจุบัน HMRC เผชิญกับปัญหาด้านบริการลูกค้าอย่างหนัก โดยในปีงบประมาณ 2023-24 มีผู้โทรเข้ามา 44,000 ราย ที่ถูกตัดสายหลังรอคอยนานถึง 70 นาที และโดยเฉลี่ย หนึ่งในสามของสายโทรศัพท์ไม่ได้รับการตอบกลับ

    ✅ งบประมาณและระยะเวลาสัญญา
    - HMRC ตั้งงบประมาณ £1 พันล้าน (ไม่รวม VAT)
    - คาดว่าจะลงนามสัญญากับผู้ให้บริการเป็นระยะเวลา 15 ปี

    ✅ เป้าหมายของระบบ CRM ใหม่
    - ปรับปรุงบริการลูกค้าและลดภาระงานด้านเอกสาร
    - เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและป้องกันการฉ้อโกง

    ✅ การทำงานร่วมกับระบบ CCaaS
    - ระบบ CRM ต้องสามารถทำงานร่วมกับ Contact Centre as a Service
    - ช่วยให้การให้บริการลูกค้าผ่านโทรศัพท์และช่องทางออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ ปัญหาด้านบริการลูกค้าในปัจจุบัน
    - ผู้โทรเข้ามา 44,000 รายถูกตัดสายหลังรอคอย 70 นาที
    - หนึ่งในสามของสายโทรศัพท์ไม่ได้รับการตอบกลับ

    https://www.techradar.com/pro/hmrc-launches-gbp1-billion-bid-for-new-crm-system
    HMRC หรือกรมสรรพากรของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศแผนการลงทุน £1 พันล้าน เพื่อจัดหาระบบ CRM ใหม่ที่สามารถบริหารจัดการการติดต่อกับผู้เสียภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ปรับปรุงบริการลูกค้า ลดภาระงานด้านเอกสาร และเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ระบบ CRM ใหม่นี้จะเป็น แพลตฟอร์ม SaaS ที่รวมฟังก์ชันสำคัญ เช่น การลงทะเบียนผู้ใช้ การจัดการบัญชีลูกค้า การตรวจสอบตัวตน และการป้องกันการฉ้อโกง นอกจากนี้ยังต้องสามารถทำงานร่วมกับ Contact Centre as a Service (CCaaS) ซึ่ง HMRC มีแผนจะจัดหาในปีนี้ ปัจจุบัน HMRC เผชิญกับปัญหาด้านบริการลูกค้าอย่างหนัก โดยในปีงบประมาณ 2023-24 มีผู้โทรเข้ามา 44,000 ราย ที่ถูกตัดสายหลังรอคอยนานถึง 70 นาที และโดยเฉลี่ย หนึ่งในสามของสายโทรศัพท์ไม่ได้รับการตอบกลับ ✅ งบประมาณและระยะเวลาสัญญา - HMRC ตั้งงบประมาณ £1 พันล้าน (ไม่รวม VAT) - คาดว่าจะลงนามสัญญากับผู้ให้บริการเป็นระยะเวลา 15 ปี ✅ เป้าหมายของระบบ CRM ใหม่ - ปรับปรุงบริการลูกค้าและลดภาระงานด้านเอกสาร - เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและป้องกันการฉ้อโกง ✅ การทำงานร่วมกับระบบ CCaaS - ระบบ CRM ต้องสามารถทำงานร่วมกับ Contact Centre as a Service - ช่วยให้การให้บริการลูกค้าผ่านโทรศัพท์และช่องทางออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ปัญหาด้านบริการลูกค้าในปัจจุบัน - ผู้โทรเข้ามา 44,000 รายถูกตัดสายหลังรอคอย 70 นาที - หนึ่งในสามของสายโทรศัพท์ไม่ได้รับการตอบกลับ https://www.techradar.com/pro/hmrc-launches-gbp1-billion-bid-for-new-crm-system
    WWW.TECHRADAR.COM
    HMRC launches £1 billion bid for new CRM system
    HMRC is on the lookout for a new CRM supplier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการปรับปรุงฟีเจอร์ การค้นหาของ ChatGPT ซึ่ง OpenAI ได้เพิ่มความสามารถใหม่หลายอย่างเพื่อให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญคือ การปรับปรุงระบบอ้างอิง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยตอนนี้ แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง และเมื่อผู้ใช้เลื่อนเมาส์ไปที่อ้างอิง ระบบจะแสดงส่วนของข้อความที่เกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้ OpenAI ยังได้พัฒนา ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา ฟีเจอร์นี้คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดตัว

    อีกหนึ่งการปรับปรุงที่สำคัญคือ ระบบความจำที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน และนำมาใช้ในการค้นหาครั้งต่อไป ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องอธิบายข้อมูลเดิมซ้ำๆ เช่น หากผู้ใช้ไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์จากแบรนด์ใด ChatGPT จะจดจำและกรองผลลัพธ์ให้

    ✅ ระบบอ้างอิงที่ดีขึ้น
    - แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง
    - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ง่ายขึ้น

    ✅ ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์
    - แสดงคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา
    - คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google

    ✅ ระบบความจำที่ดีขึ้น
    - ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน
    - ช่วยให้การค้นหาครั้งต่อไปมีความแม่นยำมากขึ้น

    ✅ การรวมเข้ากับ WhatsApp
    - ผู้ใช้สามารถเพิ่ม ChatGPT เป็นรายชื่อใน WhatsApp และสนทนาได้โดยตรง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-powered-up-search-for-everyone-here-are-all-the-new-features
    บทความนี้กล่าวถึงการปรับปรุงฟีเจอร์ การค้นหาของ ChatGPT ซึ่ง OpenAI ได้เพิ่มความสามารถใหม่หลายอย่างเพื่อให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญคือ การปรับปรุงระบบอ้างอิง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยตอนนี้ แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง และเมื่อผู้ใช้เลื่อนเมาส์ไปที่อ้างอิง ระบบจะแสดงส่วนของข้อความที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ OpenAI ยังได้พัฒนา ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา ฟีเจอร์นี้คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดตัว อีกหนึ่งการปรับปรุงที่สำคัญคือ ระบบความจำที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน และนำมาใช้ในการค้นหาครั้งต่อไป ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องอธิบายข้อมูลเดิมซ้ำๆ เช่น หากผู้ใช้ไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์จากแบรนด์ใด ChatGPT จะจดจำและกรองผลลัพธ์ให้ ✅ ระบบอ้างอิงที่ดีขึ้น - แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ง่ายขึ้น ✅ ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์ - แสดงคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา - คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google ✅ ระบบความจำที่ดีขึ้น - ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน - ช่วยให้การค้นหาครั้งต่อไปมีความแม่นยำมากขึ้น ✅ การรวมเข้ากับ WhatsApp - ผู้ใช้สามารถเพิ่ม ChatGPT เป็นรายชื่อใน WhatsApp และสนทนาได้โดยตรง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-powered-up-search-for-everyone-here-are-all-the-new-features
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จอห์น ฮีลีย์ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ยืนยันการส่งกองกำลังไปยูเครนเป็นข้อตกลงที่ทำสำเร็จแล้ว

    โดยที่กองกำลังของอังกฤษจะถูกส่งไปประจำการทางตะวันตกของประเทศ และจะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูความสามารถในการสู้รบ...

    ตามรายงานของสื่อในอังกฤษ กองกำลังอังกฤษจะถูกส่งไปประจำการในยูเครนตะวันตก ห่างจากแนวหน้า เป้าหมายของอังกฤษ "จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างกองกำลังติดอาวุธที่ทันสมัยและมีศักยภาพของยูเครนขึ้นมาใหม่"

    นอกจากนี้ อังกฤษยังวางแผนเร่งเสริมความสามารถในการป้องกันน่านฟ้าและน่านน้ำที่เป็นอาณาเขตของยูเครนโดยกองทัพอากาศและกองทัพเรือของอังกฤษ

    ด้านเซอร์เกย์ ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เตือนว่าการที่กองกำลังตะวันตกประจำการในยูเครนอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างสองฝ่าย ซึ่งอาจขยายไปถึงนาโต้ทั้งหมด และลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 และยังเน้นย้ำว่าอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียพร้อมใช้งานเสมอ ในกรณีที่ประเทศถูกรุกรานอย่างรุนแรง
    จอห์น ฮีลีย์ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ยืนยันการส่งกองกำลังไปยูเครนเป็นข้อตกลงที่ทำสำเร็จแล้ว โดยที่กองกำลังของอังกฤษจะถูกส่งไปประจำการทางตะวันตกของประเทศ และจะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูความสามารถในการสู้รบ... ตามรายงานของสื่อในอังกฤษ กองกำลังอังกฤษจะถูกส่งไปประจำการในยูเครนตะวันตก ห่างจากแนวหน้า เป้าหมายของอังกฤษ "จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างกองกำลังติดอาวุธที่ทันสมัยและมีศักยภาพของยูเครนขึ้นมาใหม่" นอกจากนี้ อังกฤษยังวางแผนเร่งเสริมความสามารถในการป้องกันน่านฟ้าและน่านน้ำที่เป็นอาณาเขตของยูเครนโดยกองทัพอากาศและกองทัพเรือของอังกฤษ ด้านเซอร์เกย์ ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เตือนว่าการที่กองกำลังตะวันตกประจำการในยูเครนอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างสองฝ่าย ซึ่งอาจขยายไปถึงนาโต้ทั้งหมด และลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 และยังเน้นย้ำว่าอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียพร้อมใช้งานเสมอ ในกรณีที่ประเทศถูกรุกรานอย่างรุนแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/VNnj6ZYPDYI?si=Yz_KloZ-wqCdQ1VM
    https://youtu.be/VNnj6ZYPDYI?si=Yz_KloZ-wqCdQ1VM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิงคโปร์ ยุบสภาก่อนได้เปรียบ?

    การประกาศยุบสภาของรัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการให้ชาวสิงคโปร์ได้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลซึ่งจะนำพาประเทศในช่วงเวลาวิกฤต หลังจากโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนและอาจถึงขั้นไร้เสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งสิงคโปร์ถูกขึ้นภาษี 10% นายหว่องเคยกล่าวต่อรัฐสภาว่า ยุคของโลกาภิวัตน์ตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว สิงคโปร์เสี่ยงที่จะถูกบีบให้หลุดจากการแข่งขัน ตกขอบ และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    การยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้สมัยนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 3 ก็เคยยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 ก.ค.2563 เพื่อต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีเวลาทำงานเต็ม 5 ปีในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการจัดเลือกตั้งในช่วงโควิด-19 ก็ตาม และนายลี เซียน ลุง ก็ลงจากตำแหน่งในวันที่ 15 พ.ค. 2567 เพื่อส่งต่อให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4

    การเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในครั้งนี้ เป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภา 97 คน จาก 33 เขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง 2.7 ล้านคน นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 19 นับตั้งแค่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี ค.ศ.1948 และเป็นครั้งที่ 14 นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ.1965 รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง รับบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในรัฐสภาสิงคโปร์ ที่ครองอำนาจมายาวนาน สมัยที่แล้วได้มา 79 ที่นั่ง จะต้องแข่งกับพรรคแรงงาน (WP) ซึ่งสมัยที่แล้วได้มา 8 ที่นั่ง พรรคก้าวหน้าสิงคโปร์ (PSP) ได้มา 2 ที่นั่ง และพรรคอื่นๆ

    บทความจาก รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) วิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า การยุบสภาของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นอกจากจะเป็นการพยายามหาฉันทมติจากประชาชนว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของเขา และคณะรัฐมนตรีของเขามากน้อยเพียงใดแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติสงครามการค้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลของเขาเข้าใจวิกฤติครั้งนี้ และพร้อมจะเข้ามามีบทบาทเต็มที่ในการหาทางออกให้ประเทศ ย่อมเป็นการฉกฉวยคะแนนบนความกังวลใจของชาวสิงคโปร์

    #Newskit
    สิงคโปร์ ยุบสภาก่อนได้เปรียบ? การประกาศยุบสภาของรัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการให้ชาวสิงคโปร์ได้ตัดสินใจเลือกรัฐบาลซึ่งจะนำพาประเทศในช่วงเวลาวิกฤต หลังจากโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนและอาจถึงขั้นไร้เสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งสิงคโปร์ถูกขึ้นภาษี 10% นายหว่องเคยกล่าวต่อรัฐสภาว่า ยุคของโลกาภิวัตน์ตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว สิงคโปร์เสี่ยงที่จะถูกบีบให้หลุดจากการแข่งขัน ตกขอบ และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง การยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้สมัยนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 3 ก็เคยยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 10 ก.ค.2563 เพื่อต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่มีเวลาทำงานเต็ม 5 ปีในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการจัดเลือกตั้งในช่วงโควิด-19 ก็ตาม และนายลี เซียน ลุง ก็ลงจากตำแหน่งในวันที่ 15 พ.ค. 2567 เพื่อส่งต่อให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 4 การเลือกตั้งทั่วไปของสิงคโปร์ในครั้งนี้ เป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภา 97 คน จาก 33 เขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง 2.7 ล้านคน นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 19 นับตั้งแค่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปี ค.ศ.1948 และเป็นครั้งที่ 14 นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ.1965 รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง รับบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (PAP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในรัฐสภาสิงคโปร์ ที่ครองอำนาจมายาวนาน สมัยที่แล้วได้มา 79 ที่นั่ง จะต้องแข่งกับพรรคแรงงาน (WP) ซึ่งสมัยที่แล้วได้มา 8 ที่นั่ง พรรคก้าวหน้าสิงคโปร์ (PSP) ได้มา 2 ที่นั่ง และพรรคอื่นๆ บทความจาก รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU-RAC) วิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า การยุบสภาของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นอกจากจะเป็นการพยายามหาฉันทมติจากประชาชนว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของเขา และคณะรัฐมนตรีของเขามากน้อยเพียงใดแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติสงครามการค้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลของเขาเข้าใจวิกฤติครั้งนี้ และพร้อมจะเข้ามามีบทบาทเต็มที่ในการหาทางออกให้ประเทศ ย่อมเป็นการฉกฉวยคะแนนบนความกังวลใจของชาวสิงคโปร์ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยางคอนติเนนทอล ปิดโรงงานอลอร์สตาร์ มาเลเซีย

    คอนติเนนทอล (Continental) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์อันดับ 1 จากประเทศเยอรมนี ที่มียอดขายสูงสุด 1 ใน 3 ของโลก กำลังเตรียมปิดโรงงานผลิตยางรถยนต์ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุกขนาดเบา และจักรยานยนต์สำหรับตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในเมืองอลอร์สตาร์ (Aloe Setar) รัฐเคดะห์ (Kedah) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ภายในสิ้นปี 2568 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการคงความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นผลจากการพิจารณาทบทวนธุรกิจเต็มรูปแบบ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์ และสถานที่ตั้งโรงงาน

    สำหรับพนักงานทั้งหมด 950 คน ที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานในครั้งนี้ คอนติเนนทอลได้เสนอความช่วยเหลือ เช่น การให้คำปรึกษาด้านอาชีพ และการสำรวจโอกาสในการทำงานทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ การปิดโรงงานดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากโรงงานผลิตยางรถยนต์ที่ดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 46 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2522 บนพื้นที่ 133,000 ตารางเมตร และกลายเป็นบริษัทในเครือคอนติเนนทอลมาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2555 อย่างไรก็ตาม ยังเหลือโรงงานในมาเลเซียอีก 1 แห่ง ที่เมืองเปอตาลิง จายา รัฐสลังงอร์ ผลิตยางออฟโรดสำหรับขนย้ายวัสดุและใช้งานทางการเกษตร มีพนักงาน 500 คน

    ยางรถยนต์คอนติเนนทอลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2414 นำเข้าและจำหน่ายในมาเลเซียช่วงต้นทศวรรษปี 1960-1970 กระทั่งในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 คอนติเนนทอลเริ่มลงทุนโดยตรงมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมาเลเซีย โดยในปี 2549 เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท ไซม์ ไทร์ อินเตอร์เนชันแนล บริษัทในเครือ ไซม์ ดาร์บี้ (Sime Darby) หนึ่งในผู้นำธุรกิจยานยนต์ในมาเลเซีย ทำให้คอนติเนนตัลมีฐานการผลิตและการเข้าถึงตลาดที่สำคัญในมาเลเซียในที่สุด

    แม้ว่าโรงงานที่อลอร์สตาร์จะต้องปิดตัวลง แต่คอนติเนนทอลยืนยันที่จะให้มาเลเซียเป็นตลาดสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เน้นย้ำถึงการมุ่งรักษาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าและพันธมิตรในประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคอนติเนนทอลมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ 22 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก โดยในภูมิภาคเอเชีย มีโรงงานทั้งที่มาเลเซีย เหอเฟย์ในจีน ระยองในไทย โมดิปุรัมในอินเดีย และกาลูทาราในศรีลังกา ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ต.ค. 2567 คอนติเนนทอล ประกาศว่า กำลังขยายกำลังการผลิตยางรถยนต์ในโรงงานจังหวัดระยอง ประเทศไทย อีก 3 ล้านเส้นต่อปี สร้างงานเพิ่ม 600 อัตรา วางแผนลงทุนมากกว่า 300 ล้านยูโร (13,000 ล้านบาท)

    #Newskit
    ยางคอนติเนนทอล ปิดโรงงานอลอร์สตาร์ มาเลเซีย คอนติเนนทอล (Continental) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์อันดับ 1 จากประเทศเยอรมนี ที่มียอดขายสูงสุด 1 ใน 3 ของโลก กำลังเตรียมปิดโรงงานผลิตยางรถยนต์ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุกขนาดเบา และจักรยานยนต์สำหรับตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในเมืองอลอร์สตาร์ (Aloe Setar) รัฐเคดะห์ (Kedah) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ภายในสิ้นปี 2568 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการคงความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นผลจากการพิจารณาทบทวนธุรกิจเต็มรูปแบบ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์ และสถานที่ตั้งโรงงาน สำหรับพนักงานทั้งหมด 950 คน ที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานในครั้งนี้ คอนติเนนทอลได้เสนอความช่วยเหลือ เช่น การให้คำปรึกษาด้านอาชีพ และการสำรวจโอกาสในการทำงานทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ การปิดโรงงานดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากโรงงานผลิตยางรถยนต์ที่ดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 46 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2522 บนพื้นที่ 133,000 ตารางเมตร และกลายเป็นบริษัทในเครือคอนติเนนทอลมาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2555 อย่างไรก็ตาม ยังเหลือโรงงานในมาเลเซียอีก 1 แห่ง ที่เมืองเปอตาลิง จายา รัฐสลังงอร์ ผลิตยางออฟโรดสำหรับขนย้ายวัสดุและใช้งานทางการเกษตร มีพนักงาน 500 คน ยางรถยนต์คอนติเนนทอลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2414 นำเข้าและจำหน่ายในมาเลเซียช่วงต้นทศวรรษปี 1960-1970 กระทั่งในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 คอนติเนนทอลเริ่มลงทุนโดยตรงมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมาเลเซีย โดยในปี 2549 เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท ไซม์ ไทร์ อินเตอร์เนชันแนล บริษัทในเครือ ไซม์ ดาร์บี้ (Sime Darby) หนึ่งในผู้นำธุรกิจยานยนต์ในมาเลเซีย ทำให้คอนติเนนตัลมีฐานการผลิตและการเข้าถึงตลาดที่สำคัญในมาเลเซียในที่สุด แม้ว่าโรงงานที่อลอร์สตาร์จะต้องปิดตัวลง แต่คอนติเนนทอลยืนยันที่จะให้มาเลเซียเป็นตลาดสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เน้นย้ำถึงการมุ่งรักษาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าและพันธมิตรในประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคอนติเนนทอลมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ 22 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก โดยในภูมิภาคเอเชีย มีโรงงานทั้งที่มาเลเซีย เหอเฟย์ในจีน ระยองในไทย โมดิปุรัมในอินเดีย และกาลูทาราในศรีลังกา ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ต.ค. 2567 คอนติเนนทอล ประกาศว่า กำลังขยายกำลังการผลิตยางรถยนต์ในโรงงานจังหวัดระยอง ประเทศไทย อีก 3 ล้านเส้นต่อปี สร้างงานเพิ่ม 600 อัตรา วางแผนลงทุนมากกว่า 300 ล้านยูโร (13,000 ล้านบาท) #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/WHGVE00ss5E?si=58J_L5XwwIBYD--e
    https://youtu.be/WHGVE00ss5E?si=58J_L5XwwIBYD--e
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/7Hc1-H5CLRI?si=cgvM5DR0Ccx-aQ2Z
    https://youtu.be/7Hc1-H5CLRI?si=cgvM5DR0Ccx-aQ2Z
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/ZPDi6SF73Oo?si=yFDmuOk7n51g8C0j
    https://youtu.be/ZPDi6SF73Oo?si=yFDmuOk7n51g8C0j
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว