• ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000041022
    ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000041022
    MGRONLINE.COM
    ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา
    คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ปุจฉาว่า ประชาธิปไตยไทยมันล้มเหลวหมดแล้ว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนา Ibrahim Diallo ได้คิดค้นวิธีป้องกันบล็อกของเขาจากบอทที่เป็นอันตราย โดยใช้ Zip Bombs ซึ่งเป็นไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก

    Diallo พบว่าบอทบางตัวพยายามโจมตีเซิร์ฟเวอร์ของเขาด้วยการฉีดโค้ดที่เป็นอันตรายหรือสแกนหาช่องโหว่ ดังนั้นเขาจึงสร้าง Zip Bombs ที่มีขนาด 1MB แต่สามารถขยายเป็น 1GB และ 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB เพื่อทำให้บอทเหล่านั้นล่ม

    เมื่อเซิร์ฟเวอร์ของเขาตรวจพบบอทที่เป็นอันตราย ระบบจะส่ง 200 OK Response พร้อมกับไฟล์ Zip Bomb ซึ่งบอทจะเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป บอทจะใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมดและล่มไป

    Diallo เตือนว่าการใช้ Zip Bombs ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะหากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้เช่นกัน นอกจากนี้ บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้

    Zip Bombs คืออะไร?
    - ไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก
    - ใช้เพื่อทำให้บอทที่เป็นอันตรายล่มโดยใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมด

    วิธีการทำงานของระบบป้องกันบอท
    - เซิร์ฟเวอร์ตรวจพบบอทที่เป็นอันตรายและส่งไฟล์ Zip Bomb
    - บอทเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ระบบของบอทล่ม

    ตัวอย่าง Zip Bombs ที่ใช้
    - 1MB ที่สามารถขยายเป็น 1GB
    - 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB

    ข้อจำกัดของ Zip Bombs
    - บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้
    - หากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/software-dev-fortifies-his-blog-with-zip-bombs-attacking-bots-meet-their-end-with-explosive-data-package
    นักพัฒนา Ibrahim Diallo ได้คิดค้นวิธีป้องกันบล็อกของเขาจากบอทที่เป็นอันตราย โดยใช้ Zip Bombs ซึ่งเป็นไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก Diallo พบว่าบอทบางตัวพยายามโจมตีเซิร์ฟเวอร์ของเขาด้วยการฉีดโค้ดที่เป็นอันตรายหรือสแกนหาช่องโหว่ ดังนั้นเขาจึงสร้าง Zip Bombs ที่มีขนาด 1MB แต่สามารถขยายเป็น 1GB และ 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB เพื่อทำให้บอทเหล่านั้นล่ม เมื่อเซิร์ฟเวอร์ของเขาตรวจพบบอทที่เป็นอันตราย ระบบจะส่ง 200 OK Response พร้อมกับไฟล์ Zip Bomb ซึ่งบอทจะเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป บอทจะใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมดและล่มไป Diallo เตือนว่าการใช้ Zip Bombs ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะหากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้เช่นกัน นอกจากนี้ บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้ ✅ Zip Bombs คืออะไร? - ไฟล์บีบอัดขนาดเล็กที่สามารถขยายตัวเป็นไฟล์ขนาดมหาศาลเมื่อถูกเปิดออก - ใช้เพื่อทำให้บอทที่เป็นอันตรายล่มโดยใช้ทรัพยากรหน่วยความจำจนหมด ✅ วิธีการทำงานของระบบป้องกันบอท - เซิร์ฟเวอร์ตรวจพบบอทที่เป็นอันตรายและส่งไฟล์ Zip Bomb - บอทเปิดไฟล์เพื่อพยายามดึงข้อมูล แต่ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ระบบของบอทล่ม ✅ ตัวอย่าง Zip Bombs ที่ใช้ - 1MB ที่สามารถขยายเป็น 1GB - 10MB ที่สามารถขยายเป็น 10GB ✅ ข้อจำกัดของ Zip Bombs - บอทบางตัวสามารถตรวจจับและหลีกเลี่ยง Zip Bombs ได้ - หากเปิดไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์ของตัวเองล่มได้ https://www.tomshardware.com/desktops/servers/software-dev-fortifies-his-blog-with-zip-bombs-attacking-bots-meet-their-end-with-explosive-data-package
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดย Jensen Huang ซีอีโอของบริษัทระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบัน ขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก และอาจทำให้บริษัทอเมริกันเสียเปรียบในการแข่งขันกับจีน

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump กำลังพิจารณา เพิ่มความเข้มงวด ในข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดยอาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ซึ่งจะทำให้การส่งออกขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแทนที่จะเป็นข้อกำหนดทั่วไป

    ภายใต้กฎปัจจุบัน ประเทศพันธมิตร (Tier 1) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด ขณะที่ ประเทศในกลุ่ม Tier 2 เช่น อินเดียและบราซิล ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ส่วน ประเทศที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร (Tier 3) เช่น จีนและรัสเซีย ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด

    Huang เตือนว่าหากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง โดย Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ และอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต

    ข้อเรียกร้องของ Nvidia
    - Jensen Huang เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI
    - ระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบันขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก

    แนวทางของรัฐบาลสหรัฐฯ
    - รัฐบาล Trump กำลังพิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในข้อจำกัด
    - อาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime

    ข้อจำกัดการส่งออกภายใต้กฎปัจจุบัน
    - Tier 1 (ประเทศพันธมิตร) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด
    - Tier 2 (อินเดีย, บราซิล) ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี
    - Tier 3 (จีน, รัสเซีย) ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด

    ผลกระทบต่อการแข่งขันกับจีน
    - Huawei กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia
    - หากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-asks-us-government-to-ease-ai-gpu-export-rules-but-trump-administration-plans-tighter-controls
    Nvidia ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดย Jensen Huang ซีอีโอของบริษัทระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบัน ขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก และอาจทำให้บริษัทอเมริกันเสียเปรียบในการแข่งขันกับจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump กำลังพิจารณา เพิ่มความเข้มงวด ในข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดยอาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ซึ่งจะทำให้การส่งออกขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแทนที่จะเป็นข้อกำหนดทั่วไป ภายใต้กฎปัจจุบัน ประเทศพันธมิตร (Tier 1) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด ขณะที่ ประเทศในกลุ่ม Tier 2 เช่น อินเดียและบราซิล ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ส่วน ประเทศที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร (Tier 3) เช่น จีนและรัสเซีย ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด Huang เตือนว่าหากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง โดย Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ และอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต ✅ ข้อเรียกร้องของ Nvidia - Jensen Huang เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI - ระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบันขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก ✅ แนวทางของรัฐบาลสหรัฐฯ - รัฐบาล Trump กำลังพิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในข้อจำกัด - อาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ✅ ข้อจำกัดการส่งออกภายใต้กฎปัจจุบัน - Tier 1 (ประเทศพันธมิตร) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด - Tier 2 (อินเดีย, บราซิล) ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี - Tier 3 (จีน, รัสเซีย) ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันกับจีน - Huawei กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia - หากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-asks-us-government-to-ease-ai-gpu-export-rules-but-trump-administration-plans-tighter-controls
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kevin Zhang รองประธานอาวุโสของบริษัทเปิดเผยว่า TSMC จะนำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค

    ในอดีต อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขับเคลื่อนโดย โปรเซสเซอร์สำหรับพีซี แต่เมื่อสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาท เทคโนโลยีการผลิตก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับ SoC สำหรับมือถือ และปัจจุบัน AI และ HPC กำลังกลายเป็นกลุ่มที่ต้องการเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุด

    TSMC วางแผนที่จะนำเสนอ N3P, N2, N2P และ A14 สำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์โดยไม่ต้องใช้ backside power delivery ขณะที่ A16 และ A14P จะถูกออกแบบมาสำหรับ AI และ HPC โดยใช้ Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN)

    นอกจากนี้ TSMC กำลังขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล โดยมีการพัฒนา silicon photonics และ embedded power components เพื่อสร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน

    การปรับตัวของ TSMC ต่อความต้องการของตลาด
    - นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับ AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค
    - ขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล

    เทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี
    - ใช้ N3P, N2, N2P และ A14 ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์
    - ไม่ต้องใช้ backside power delivery

    เทคโนโลยีสำหรับ AI และ HPC
    - ใช้ A16 และ A14P พร้อม Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN)
    - รองรับการใช้พลังงานสูงในศูนย์ข้อมูล

    การพัฒนา multi-chiplet packaging
    - รวม silicon photonics และ embedded power components
    - สร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-svp-kevin-zhang-opens-up-on-process-technology-development-and-evolving-demands-interview
    TSMC กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kevin Zhang รองประธานอาวุโสของบริษัทเปิดเผยว่า TSMC จะนำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค ในอดีต อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขับเคลื่อนโดย โปรเซสเซอร์สำหรับพีซี แต่เมื่อสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาท เทคโนโลยีการผลิตก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับ SoC สำหรับมือถือ และปัจจุบัน AI และ HPC กำลังกลายเป็นกลุ่มที่ต้องการเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุด TSMC วางแผนที่จะนำเสนอ N3P, N2, N2P และ A14 สำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์โดยไม่ต้องใช้ backside power delivery ขณะที่ A16 และ A14P จะถูกออกแบบมาสำหรับ AI และ HPC โดยใช้ Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN) นอกจากนี้ TSMC กำลังขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล โดยมีการพัฒนา silicon photonics และ embedded power components เพื่อสร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน ✅ การปรับตัวของ TSMC ต่อความต้องการของตลาด - นำเสนอเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันสำหรับ AI, HPC และอุปกรณ์ผู้บริโภค - ขยายเทคโนโลยี multi-chiplet packaging เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล ✅ เทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์มือถือและพีซี - ใช้ N3P, N2, N2P และ A14 ซึ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์ - ไม่ต้องใช้ backside power delivery ✅ เทคโนโลยีสำหรับ AI และ HPC - ใช้ A16 และ A14P พร้อม Super Power Rail Backside Power Delivery Network (BSPDN) - รองรับการใช้พลังงานสูงในศูนย์ข้อมูล ✅ การพัฒนา multi-chiplet packaging - รวม silicon photonics และ embedded power components - สร้างระบบที่มีแบนด์วิดธ์สูงและประหยัดพลังงาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-svp-kevin-zhang-opens-up-on-process-technology-development-and-evolving-demands-interview
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • Buffalo Japan ฉลองครบรอบ 50 ปี ด้วยการเปิดตัว ฮาร์ดดิสก์แบบโปร่งใสรุ่นพิเศษ ที่มีชื่อว่า Buffalo HD-SKL 'Skeleton Hard Disk' ซึ่งมาพร้อมกับ แผงใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน เช่น จานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล

    แม้ว่าฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้จะเน้นไปที่ ดีไซน์และความสวยงาม มากกว่าประสิทธิภาพ แต่ Buffalo ยืนยันว่าใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์ เพื่อให้มีความทนทานและดูหรูหรา

    นอกจากนี้ Buffalo ยังพัฒนา SeekWizard ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับ Windows ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูล ผ่านโหมดต่างๆ เช่น Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave

    อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้ไม่ได้มาพร้อมกับ ไฟ RGB ซึ่งแตกต่างจากแนวโน้มของอุปกรณ์ไอทีในปัจจุบันที่นิยมโชว์กลไกภายในด้วยแสงไฟ

    Buffalo HD-SKL มีความจุ 4TB และใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B สำหรับการเชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC โดยมาพร้อมกับ สาย USB ยาว 1 เมตรและอะแดปเตอร์ไฟ

    สินค้ารุ่นนี้จะวางจำหน่ายใน ญี่ปุ่น ผ่านระบบ ลอตเตอรี่ ซึ่งผู้ที่สนใจต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ซื้อ เนื่องจากมีเพียง 50 เครื่องเท่านั้น และจะเริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025

    ดีไซน์โปร่งใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน
    - สามารถมองเห็นจานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล
    - ใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์

    ฟีเจอร์ SeekWizard สำหรับ Windows
    - ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูลผ่านโหมดต่างๆ
    - โหมดที่มีให้เลือก ได้แก่ Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave

    การเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม
    - ความจุ 4TB
    - ใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B
    - มาพร้อมสาย USB ยาว 1 เมตร และอะแดปเตอร์ไฟ

    การวางจำหน่าย
    - มีเพียง 50 เครื่อง และต้องลงทะเบียนผ่านระบบลอตเตอรี่
    - เริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025

    https://www.tomshardware.com/pc-components/external-hdds/buffalo-celebrates-50yr-anniversary-with-a-limited-edition-skeleton-transparent-hard-disk
    Buffalo Japan ฉลองครบรอบ 50 ปี ด้วยการเปิดตัว ฮาร์ดดิสก์แบบโปร่งใสรุ่นพิเศษ ที่มีชื่อว่า Buffalo HD-SKL 'Skeleton Hard Disk' ซึ่งมาพร้อมกับ แผงใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน เช่น จานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล แม้ว่าฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้จะเน้นไปที่ ดีไซน์และความสวยงาม มากกว่าประสิทธิภาพ แต่ Buffalo ยืนยันว่าใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์ เพื่อให้มีความทนทานและดูหรูหรา นอกจากนี้ Buffalo ยังพัฒนา SeekWizard ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับ Windows ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูล ผ่านโหมดต่างๆ เช่น Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้ไม่ได้มาพร้อมกับ ไฟ RGB ซึ่งแตกต่างจากแนวโน้มของอุปกรณ์ไอทีในปัจจุบันที่นิยมโชว์กลไกภายในด้วยแสงไฟ Buffalo HD-SKL มีความจุ 4TB และใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B สำหรับการเชื่อมต่อกับ Mac หรือ PC โดยมาพร้อมกับ สาย USB ยาว 1 เมตรและอะแดปเตอร์ไฟ สินค้ารุ่นนี้จะวางจำหน่ายใน ญี่ปุ่น ผ่านระบบ ลอตเตอรี่ ซึ่งผู้ที่สนใจต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ซื้อ เนื่องจากมีเพียง 50 เครื่องเท่านั้น และจะเริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025 ✅ ดีไซน์โปร่งใสที่เผยให้เห็นกลไกภายใน - สามารถมองเห็นจานหมุนและหัวอ่าน/เขียนข้อมูล - ใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมที่ผ่านการเจียระไนและอโนไดซ์ ✅ ฟีเจอร์ SeekWizard สำหรับ Windows - ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนอ่านข้อมูลผ่านโหมดต่างๆ - โหมดที่มีให้เลือก ได้แก่ Random Seek, Sequential Seek, Metronome และ Wave ✅ การเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม - ความจุ 4TB - ใช้ USB 3.2 (Gen 1) Micro-B - มาพร้อมสาย USB ยาว 1 เมตร และอะแดปเตอร์ไฟ ✅ การวางจำหน่าย - มีเพียง 50 เครื่อง และต้องลงทะเบียนผ่านระบบลอตเตอรี่ - เริ่มจัดส่งในเดือน มิถุนายน 2025 https://www.tomshardware.com/pc-components/external-hdds/buffalo-celebrates-50yr-anniversary-with-a-limited-edition-skeleton-transparent-hard-disk
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Buffalo celebrates 50yr anniversary with a limited edition 'skeleton' transparent hard disk
    A bundled SeekWizard app moves the visible HDD actuator arm in interesting ways.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep291 (live)
    นักโทษเทวดาชั้น 14 ยังไม่จบ ศาลฎีกาฯสั่งไต่สวนเอง งานนี้ “ทักษิณ” จะรอดหรือไม่?
    #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทก่อสร้างของสหราชอาณาจักร Blu-3 ถูกกล่าวหาว่าจ่ายสินบน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ได้รับสัญญาก่อสร้างศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์ โดยสำนักงาน Serious Fraud Office (SFO) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้

    SFO ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 70 นาย ไปตรวจค้น 4 ที่พักอาศัยและ 1 สำนักงาน ในลอนดอน, เคนต์, เซอร์รีย์ และซัมเมอร์เซ็ต เพื่อรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ยังประสานงานกับทางการโมนาโกเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งในผู้ต้องสงสัย

    Microsoft มีศูนย์ข้อมูลใน Middenmeer, Holland Kroon ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายเพิ่มเติมในปี 2023 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักรไม่ได้ระบุว่าคดีสินบนนี้เกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว

    ทางการท้องถิ่นของ Holland Kroon ระบุว่าพวกเขากำลังติดตามการสอบสวนของ SFO และพร้อมให้ความร่วมมือหากจำเป็น

    การสอบสวนของ SFO
    - จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีสินบน
    - ส่งเจ้าหน้าที่ 70 นาย ไปตรวจค้นที่พักและสำนักงาน

    ศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์
    - ตั้งอยู่ใน Middenmeer, Holland Kroon
    - สร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายในปี 2023

    บทบาทของ Blu-3 และ Mace Group
    - Blu-3 และ Mace Group เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล
    - ยังไม่ชัดเจนว่าคดีสินบนเกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว

    การตอบสนองของรัฐบาลท้องถิ่น
    - Holland Kroon ติดตามการสอบสวนและพร้อมให้ความร่วมมือ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/uk-company-allegedly-paid-usd4m-in-bribes-to-secure-microsoft-data-center-construction-contract
    บริษัทก่อสร้างของสหราชอาณาจักร Blu-3 ถูกกล่าวหาว่าจ่ายสินบน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ได้รับสัญญาก่อสร้างศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์ โดยสำนักงาน Serious Fraud Office (SFO) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ SFO ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 70 นาย ไปตรวจค้น 4 ที่พักอาศัยและ 1 สำนักงาน ในลอนดอน, เคนต์, เซอร์รีย์ และซัมเมอร์เซ็ต เพื่อรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ยังประสานงานกับทางการโมนาโกเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งในผู้ต้องสงสัย Microsoft มีศูนย์ข้อมูลใน Middenmeer, Holland Kroon ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายเพิ่มเติมในปี 2023 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักรไม่ได้ระบุว่าคดีสินบนนี้เกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว ทางการท้องถิ่นของ Holland Kroon ระบุว่าพวกเขากำลังติดตามการสอบสวนของ SFO และพร้อมให้ความร่วมมือหากจำเป็น ✅ การสอบสวนของ SFO - จับกุมบุคคล 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีสินบน - ส่งเจ้าหน้าที่ 70 นาย ไปตรวจค้นที่พักและสำนักงาน ✅ ศูนย์ข้อมูลของ Microsoft ในเนเธอร์แลนด์ - ตั้งอยู่ใน Middenmeer, Holland Kroon - สร้างขึ้นในปี 2014 และได้รับอนุญาตให้ขยายในปี 2023 ✅ บทบาทของ Blu-3 และ Mace Group - Blu-3 และ Mace Group เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล - ยังไม่ชัดเจนว่าคดีสินบนเกี่ยวข้องกับโครงการเดิมหรือการขยายตัว ✅ การตอบสนองของรัฐบาลท้องถิ่น - Holland Kroon ติดตามการสอบสวนและพร้อมให้ความร่วมมือ https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/uk-company-allegedly-paid-usd4m-in-bribes-to-secure-microsoft-data-center-construction-contract
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    UK company allegedly paid $4m in bribes to secure Microsoft data center construction contract
    The UK's Serious Fraud Office (SFO) has made three arrests as part of the investigation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันดี และแร่ธาตุ ประโยชน์ที่เป็นไปได้จากการรับประทานเมล็ดฟักทอง ได้แก่ เสริมสร้างสุขภาพกระดูก สุขภาพทางเพศ และระบบภูมิคุ้มกัน ผู้คนมักเรียกเมล็ดฟักทองว่า “pepitas” ซึ่งเป็นภาษาสเปนแปลว่า “เมล็ดสควอชเล็ก ๆ” ขับถ่ายพยาธิฯ
    เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันดี และแร่ธาตุ ประโยชน์ที่เป็นไปได้จากการรับประทานเมล็ดฟักทอง ได้แก่ เสริมสร้างสุขภาพกระดูก สุขภาพทางเพศ และระบบภูมิคุ้มกัน ผู้คนมักเรียกเมล็ดฟักทองว่า “pepitas” ซึ่งเป็นภาษาสเปนแปลว่า “เมล็ดสควอชเล็ก ๆ” ขับถ่ายพยาธิฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนา NSG650 ได้สร้างโปรเจ็กต์ LinuxInExcel ซึ่งทำให้สามารถรัน Linux ภายใน Microsoft Excel ได้ โดยใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro เพื่อเรียกใช้งานอีมูเลเตอร์ใน DLL และแสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต

    แม้ว่าการรัน Linux ใน Excel จะเป็นไปได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้าน ประสิทธิภาพและเสถียรภาพ โดย NSG650 ยอมรับว่าโปรเจ็กต์นี้ "มีบั๊กเยอะมาก" และทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก

    นอกจากนี้ Enderman ซึ่งเป็น YouTuber ได้เพิ่ม ระบบรองรับอินพุต ให้กับ LinuxInExcel ทำให้สามารถโต้ตอบกับระบบได้มากขึ้น และเผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งานบน YouTube

    การรัน Linux ใน Microsoft Excel
    - ใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro
    - แสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต

    ข้อจำกัดของโปรเจ็กต์
    - ประสิทธิภาพต่ำและมีบั๊กจำนวนมาก
    - ทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก

    การพัฒนาเพิ่มเติมโดย Enderman
    - เพิ่มระบบรองรับอินพุตให้กับ LinuxInExcel
    - เผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งาน

    ความสนใจจากชุมชนออนไลน์
    - โปรเจ็กต์ถูกอัปโหลดบน GitHub และได้รับความสนใจจากนักพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/software/linux/developer-gets-linux-running-inside-microsoft-excel-mostly-for-fun
    นักพัฒนา NSG650 ได้สร้างโปรเจ็กต์ LinuxInExcel ซึ่งทำให้สามารถรัน Linux ภายใน Microsoft Excel ได้ โดยใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro เพื่อเรียกใช้งานอีมูเลเตอร์ใน DLL และแสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต แม้ว่าการรัน Linux ใน Excel จะเป็นไปได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้าน ประสิทธิภาพและเสถียรภาพ โดย NSG650 ยอมรับว่าโปรเจ็กต์นี้ "มีบั๊กเยอะมาก" และทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก นอกจากนี้ Enderman ซึ่งเป็น YouTuber ได้เพิ่ม ระบบรองรับอินพุต ให้กับ LinuxInExcel ทำให้สามารถโต้ตอบกับระบบได้มากขึ้น และเผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งานบน YouTube ✅ การรัน Linux ใน Microsoft Excel - ใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro - แสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต ✅ ข้อจำกัดของโปรเจ็กต์ - ประสิทธิภาพต่ำและมีบั๊กจำนวนมาก - ทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก ✅ การพัฒนาเพิ่มเติมโดย Enderman - เพิ่มระบบรองรับอินพุตให้กับ LinuxInExcel - เผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งาน ✅ ความสนใจจากชุมชนออนไลน์ - โปรเจ็กต์ถูกอัปโหลดบน GitHub และได้รับความสนใจจากนักพัฒนา https://www.tomshardware.com/software/linux/developer-gets-linux-running-inside-microsoft-excel-mostly-for-fun
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • Boox ได้เปิดตัว Mira Pro (Color) ซึ่งเป็น จอ E Ink สีขนาด 23.5 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยี Kaleido 3 สามารถแสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี แม้ว่าจะยังห่างไกลจากจอ OLED 10-bit ที่สามารถแสดงสีได้มากกว่าพันล้านสี แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับจอ E Ink สี

    จอ E Ink ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้มีสีสันสดใสหรืออัตรารีเฟรชสูง แต่เน้นไปที่ การลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา จากการใช้งานระยะยาว โดยให้ความรู้สึกคล้ายกับการอ่านกระดาษมากกว่าการมองจอที่มีแสงสว่าง

    Mira Pro มี ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล และรองรับ โหมดการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น Speed Mode สำหรับวิดีโอ, Reading Mode สำหรับการอ่านเว็บไซต์, Normal Mode สำหรับแอปทั่วไป และ Text Mode สำหรับเอกสาร นอกจากนี้ยังมี ไฟหน้าสองโทน ที่สามารถปรับเป็นแสงเย็นหรือแสงอุ่นได้

    จอนี้มี พอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย ได้แก่ HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C พร้อมสายเชื่อมต่อที่ให้มาในกล่อง และขาตั้งอะลูมิเนียมที่สามารถปรับระดับความสูง, เอียง และหมุนได้

    Mira Pro (Color) วางจำหน่ายในราคา $1,899.99 และจัดส่งจากคลังสินค้าของ Boox ในจีน โดยยังไม่มีการจัดส่งจากคลังสินค้าในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป

    เทคโนโลยีจอ E Ink สี
    - ใช้ Kaleido 3 แสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี
    - ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านกระดาษ

    ความละเอียดและโหมดการใช้งาน
    - ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล
    - รองรับ Speed Mode, Reading Mode, Normal Mode และ Text Mode

    พอร์ตเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม
    - มี HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C
    - มาพร้อมสายเชื่อมต่อและขาตั้งอะลูมิเนียมที่ปรับระดับได้

    การวางจำหน่ายและการจัดส่ง
    - ราคา $1,899.99
    - จัดส่งจากคลังสินค้าในจีน ยังไม่มีการจัดส่งจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป

    https://www.tomshardware.com/monitors/boox-debuts-23-5-inch-color-e-ink-monitor-with-1800p-resolution-and-usd1-900-price-tag
    Boox ได้เปิดตัว Mira Pro (Color) ซึ่งเป็น จอ E Ink สีขนาด 23.5 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยี Kaleido 3 สามารถแสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี แม้ว่าจะยังห่างไกลจากจอ OLED 10-bit ที่สามารถแสดงสีได้มากกว่าพันล้านสี แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับจอ E Ink สี จอ E Ink ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้มีสีสันสดใสหรืออัตรารีเฟรชสูง แต่เน้นไปที่ การลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา จากการใช้งานระยะยาว โดยให้ความรู้สึกคล้ายกับการอ่านกระดาษมากกว่าการมองจอที่มีแสงสว่าง Mira Pro มี ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล และรองรับ โหมดการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น Speed Mode สำหรับวิดีโอ, Reading Mode สำหรับการอ่านเว็บไซต์, Normal Mode สำหรับแอปทั่วไป และ Text Mode สำหรับเอกสาร นอกจากนี้ยังมี ไฟหน้าสองโทน ที่สามารถปรับเป็นแสงเย็นหรือแสงอุ่นได้ จอนี้มี พอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย ได้แก่ HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C พร้อมสายเชื่อมต่อที่ให้มาในกล่อง และขาตั้งอะลูมิเนียมที่สามารถปรับระดับความสูง, เอียง และหมุนได้ Mira Pro (Color) วางจำหน่ายในราคา $1,899.99 และจัดส่งจากคลังสินค้าของ Boox ในจีน โดยยังไม่มีการจัดส่งจากคลังสินค้าในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป ✅ เทคโนโลยีจอ E Ink สี - ใช้ Kaleido 3 แสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี - ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านกระดาษ ✅ ความละเอียดและโหมดการใช้งาน - ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล - รองรับ Speed Mode, Reading Mode, Normal Mode และ Text Mode ✅ พอร์ตเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม - มี HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C - มาพร้อมสายเชื่อมต่อและขาตั้งอะลูมิเนียมที่ปรับระดับได้ ✅ การวางจำหน่ายและการจัดส่ง - ราคา $1,899.99 - จัดส่งจากคลังสินค้าในจีน ยังไม่มีการจัดส่งจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป https://www.tomshardware.com/monitors/boox-debuts-23-5-inch-color-e-ink-monitor-with-1800p-resolution-and-usd1-900-price-tag
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Boox debuts 23.5-inch color E ink monitor with 1800p resolution and $1,900 price tag
    The latest color E ink display from Boox costs as much as a high-end IPS panel from Apple or Dell
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia และ Anthropic กำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับ กฎระเบียบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังจีน โดย Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีนผ่านวิธีการที่แปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์

    Nvidia ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่า บริษัทอเมริกันควรเน้นไปที่นวัตกรรมแทนที่จะเผยแพร่เรื่องราวที่เกินจริง อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลักลอบนำเข้าชิป AI เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

    ข้อพิพาทนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ กฎระเบียบ AI Diffusion Rules ของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยกฎเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ เช่น จีน ได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก

    Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป ขณะที่ Anthropic ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น และลดการแข่งขันจากจีน

    ข้อกล่าวหาการลักลอบนำเข้าชิป AI
    - Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีน
    - ใช้วิธีการแปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์

    การตอบโต้ของ Nvidia
    - ปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่าควรเน้นไปที่นวัตกรรม
    - อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง

    กฎระเบียบ AI Diffusion Rules
    - มีผลบังคับใช้วันที่ 15 พฤษภาคม
    - มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป
    - Anthropic ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/despite-nvidia-claims-chinese-smugglers-have-used-live-lobsters-and-fake-baby-bumps-to-traffic-chips
    Nvidia และ Anthropic กำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับ กฎระเบียบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังจีน โดย Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีนผ่านวิธีการที่แปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์ Nvidia ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยระบุว่า บริษัทอเมริกันควรเน้นไปที่นวัตกรรมแทนที่จะเผยแพร่เรื่องราวที่เกินจริง อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลักลอบนำเข้าชิป AI เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ข้อพิพาทนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ กฎระเบียบ AI Diffusion Rules ของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม โดยกฎเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศที่เป็นปฏิปักษ์ เช่น จีน ได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป ขณะที่ Anthropic ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Amazon ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น และลดการแข่งขันจากจีน ✅ ข้อกล่าวหาการลักลอบนำเข้าชิป AI - Anthropic อ้างว่ามีการลักลอบนำเข้าชิป Nvidia ไปยังจีน - ใช้วิธีการแปลกประหลาด เช่น ซ่อนชิปไว้ในท้องกุ้งล็อบสเตอร์สด หรือใช้หน้าท้องปลอมของหญิงตั้งครรภ์ ✅ การตอบโต้ของ Nvidia - ปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่าควรเน้นไปที่นวัตกรรม - อย่างไรก็ตาม ศุลกากรจีนได้บันทึกกรณีการลักลอบนำเข้าชิปด้วยวิธีเหล่านี้จริง ✅ กฎระเบียบ AI Diffusion Rules - มีผลบังคับใช้วันที่ 15 พฤษภาคม - มีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนได้รับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงจากตะวันตก ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - Nvidia ต้องการขายชิป AI ให้กับจีนต่อไป - Anthropic ต้องการให้สหรัฐฯ ควบคุมการส่งออกเพื่อให้บริษัทอเมริกันสามารถเข้าถึงชิป AI ได้มากขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/despite-nvidia-claims-chinese-smugglers-have-used-live-lobsters-and-fake-baby-bumps-to-traffic-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Despite Nvidia claims, Chinese smugglers have used live lobsters and fake baby bumps to traffic chips
    Anthropic has been accused of telling "tall tales" about Chinese chip smugglers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัว IPO (Intel Performance Optimizations) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมบน Core Ultra 200S (Arrow Lake) โดยผลการทดสอบจากผู้ใช้บน BiliBili พบว่า IPO ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่า 200S Boost ในหลายเกม

    การทดสอบใช้ Core Ultra 7 265K, หน่วยความจำ DDR5-8000, และ GeForce RTX 5090D โดยเปรียบเทียบ XMP Configuration, 200S Boost, และ IPO ในเกมต่างๆ เช่น Cyberpunk 2077, Forza Horizon 5, Counter-Strike 2 และ Watch Dogs: Legion

    IPO ปรับความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz ตามลำดับ และเพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz ขณะที่ 200S Boost เน้นไปที่การเพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU)

    ผลการทดสอบพบว่า IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกม โดยเฉพาะ Counter-Strike 2 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16% และ Cyberpunk 2077 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3%

    IPO vs. 200S Boost ในการเล่นเกม
    - IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกมที่ทดสอบ
    - Counter-Strike 2 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16%
    - Cyberpunk 2077 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3%

    การปรับแต่งของ IPO
    - เพิ่มความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz
    - เพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz

    การปรับแต่งของ 200S Boost
    - เพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU)

    การใช้งานและการเข้าถึง
    - 200S Boost สามารถใช้งานได้ผ่าน อัปเดตเฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ด
    - IPO มีให้ใช้งานเฉพาะใน ประเทศจีน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-ipo-delivers-better-gaming-performance-than-200s-boost-in-user-benchmarks
    Intel ได้เปิดตัว IPO (Intel Performance Optimizations) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมบน Core Ultra 200S (Arrow Lake) โดยผลการทดสอบจากผู้ใช้บน BiliBili พบว่า IPO ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่า 200S Boost ในหลายเกม การทดสอบใช้ Core Ultra 7 265K, หน่วยความจำ DDR5-8000, และ GeForce RTX 5090D โดยเปรียบเทียบ XMP Configuration, 200S Boost, และ IPO ในเกมต่างๆ เช่น Cyberpunk 2077, Forza Horizon 5, Counter-Strike 2 และ Watch Dogs: Legion IPO ปรับความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz ตามลำดับ และเพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz ขณะที่ 200S Boost เน้นไปที่การเพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU) ผลการทดสอบพบว่า IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกม โดยเฉพาะ Counter-Strike 2 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16% และ Cyberpunk 2077 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3% ✅ IPO vs. 200S Boost ในการเล่นเกม - IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกมที่ทดสอบ - Counter-Strike 2 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16% - Cyberpunk 2077 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3% ✅ การปรับแต่งของ IPO - เพิ่มความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz - เพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz ✅ การปรับแต่งของ 200S Boost - เพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU) ✅ การใช้งานและการเข้าถึง - 200S Boost สามารถใช้งานได้ผ่าน อัปเดตเฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ด - IPO มีให้ใช้งานเฉพาะใน ประเทศจีน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-ipo-delivers-better-gaming-performance-than-200s-boost-in-user-benchmarks
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel IPO delivers better gaming performance than 200S Boost in user benchmarks
    Similar performance-enhancing technology but slightly different results
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • Baikal Electronics บริษัทพัฒนาซีพียูของรัสเซีย ได้ผลิตและจำหน่าย 85,000 หน่วย ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2012 จนถึงสิ้นปี 2024 โดยส่วนใหญ่เป็น Baikal-T ซึ่งเป็นซีพียูระดับล่างสำหรับงานฝังตัว

    แม้ว่าบริษัทจะออกแบบซีพียูสำหรับหลายประเภท แต่ Baikal-T1 ซึ่งเป็นซีพียู MIPS P5600 แบบ 32 บิต ที่ทำงานที่ 1.20 GHz และใช้พลังงาน 5W ถือเป็นรุ่นที่มีการผลิตมากที่สุด นอกจากนี้ยังมี Baikal-M ซึ่งใช้ Arm Cortex-A57 และ Baikal-S ที่มี 48 คอร์ Arm Cortex-A75

    Baikal Electronics เคยผลิตซีพียูที่ TSMC ในไต้หวัน ก่อนปี 2022 แต่หลังจากที่ไต้หวัน, สหรัฐฯ และยุโรปออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย บริษัทก็ไม่สามารถนำเข้าซีพียูที่ทันสมัยได้อีกต่อไป

    ล่าสุด Baikal Electronics ได้เริ่มผลิต ไมโครคอนโทรลเลอร์ของตัวเอง และมีแผนเปิดตัว Baikal-L สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต รวมถึง Baikal-S2 สำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะผลิตโดย SMIC ในจีน

    จำนวนซีพียูที่ผลิต
    - ผลิตและจำหน่าย 85,000 หน่วย ตั้งแต่ปี 2012
    - ส่วนใหญ่เป็น Baikal-T สำหรับงานฝังตัว

    รายละเอียดของซีพียู Baikal
    - Baikal-T1: ใช้ MIPS P5600 แบบ 32 บิต ทำงานที่ 1.20 GHz
    - Baikal-M: ใช้ Arm Cortex-A57 พร้อม 8 คอร์
    - Baikal-S: มี 48 คอร์ Arm Cortex-A75

    ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร
    - ไม่สามารถนำเข้าซีพียูที่ทันสมัยจากไต้หวันได้อีกต่อไป
    - ซีพียูที่ผลิตก่อนปี 2022 ถูกนำเข้ามาในรัสเซียเป็นเวลาหลายปี

    แผนการพัฒนาในอนาคต
    - เริ่มผลิต ไมโครคอนโทรลเลอร์ของตัวเอง
    - เตรียมเปิดตัว Baikal-L สำหรับแล็ปท็อปและแท็บเล็ต
    - เตรียมผลิต Baikal-S2 สำหรับศูนย์ข้อมูล

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/russias-baikal-has-produced-85-000-of-its-cpus-since-2012-aims-for-more
    Baikal Electronics บริษัทพัฒนาซีพียูของรัสเซีย ได้ผลิตและจำหน่าย 85,000 หน่วย ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2012 จนถึงสิ้นปี 2024 โดยส่วนใหญ่เป็น Baikal-T ซึ่งเป็นซีพียูระดับล่างสำหรับงานฝังตัว แม้ว่าบริษัทจะออกแบบซีพียูสำหรับหลายประเภท แต่ Baikal-T1 ซึ่งเป็นซีพียู MIPS P5600 แบบ 32 บิต ที่ทำงานที่ 1.20 GHz และใช้พลังงาน 5W ถือเป็นรุ่นที่มีการผลิตมากที่สุด นอกจากนี้ยังมี Baikal-M ซึ่งใช้ Arm Cortex-A57 และ Baikal-S ที่มี 48 คอร์ Arm Cortex-A75 Baikal Electronics เคยผลิตซีพียูที่ TSMC ในไต้หวัน ก่อนปี 2022 แต่หลังจากที่ไต้หวัน, สหรัฐฯ และยุโรปออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย บริษัทก็ไม่สามารถนำเข้าซีพียูที่ทันสมัยได้อีกต่อไป ล่าสุด Baikal Electronics ได้เริ่มผลิต ไมโครคอนโทรลเลอร์ของตัวเอง และมีแผนเปิดตัว Baikal-L สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต รวมถึง Baikal-S2 สำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะผลิตโดย SMIC ในจีน ✅ จำนวนซีพียูที่ผลิต - ผลิตและจำหน่าย 85,000 หน่วย ตั้งแต่ปี 2012 - ส่วนใหญ่เป็น Baikal-T สำหรับงานฝังตัว ✅ รายละเอียดของซีพียู Baikal - Baikal-T1: ใช้ MIPS P5600 แบบ 32 บิต ทำงานที่ 1.20 GHz - Baikal-M: ใช้ Arm Cortex-A57 พร้อม 8 คอร์ - Baikal-S: มี 48 คอร์ Arm Cortex-A75 ✅ ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร - ไม่สามารถนำเข้าซีพียูที่ทันสมัยจากไต้หวันได้อีกต่อไป - ซีพียูที่ผลิตก่อนปี 2022 ถูกนำเข้ามาในรัสเซียเป็นเวลาหลายปี ✅ แผนการพัฒนาในอนาคต - เริ่มผลิต ไมโครคอนโทรลเลอร์ของตัวเอง - เตรียมเปิดตัว Baikal-L สำหรับแล็ปท็อปและแท็บเล็ต - เตรียมผลิต Baikal-S2 สำหรับศูนย์ข้อมูล https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/russias-baikal-has-produced-85-000-of-its-cpus-since-2012-aims-for-more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA RTX PRO 6000 Blackwell Workstation Edition กำลังเป็นที่สนใจในวงการกราฟิกระดับมืออาชีพ หลังจากมีการรั่วไหลของ PCB Layout ที่เผยให้เห็นการออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นก่อน

    ข้อมูลที่หลุดออกมาระบุว่า RTX PRO 6000 Blackwell ใช้ GDDR7 แบบติดตั้งสองด้าน ซึ่งคล้ายกับ GeForce RTX 5090 Founders Edition นอกจากนี้ยังมีการออกแบบ blower-style cooling ที่ช่วยให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวจาก VideoCardz ระบุว่า NVIDIA ยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของรีวิว embargo ซึ่งหมายความว่าข้อมูลเพิ่มเติมอาจถูกเปิดเผยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    การออกแบบ PCB ที่รั่วไหล
    - ใช้ GDDR7 แบบติดตั้งสองด้าน
    - คล้ายกับ GeForce RTX 5090 Founders Edition

    ระบบระบายความร้อน
    - ใช้ blower-style cooling เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน

    สถานะของการเปิดตัว
    - NVIDIA ยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของรีวิว embargo
    - ข้อมูลเพิ่มเติมอาจถูกเปิดเผยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    ความแตกต่างจากรุ่นก่อน
    - มีการออกแบบ PCB ที่สั้นลง
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและประสิทธิภาพ

    https://www.techpowerup.com/336219/nvidia-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-edition-pcb-layout-leaked-by-insider
    NVIDIA RTX PRO 6000 Blackwell Workstation Edition กำลังเป็นที่สนใจในวงการกราฟิกระดับมืออาชีพ หลังจากมีการรั่วไหลของ PCB Layout ที่เผยให้เห็นการออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นก่อน ข้อมูลที่หลุดออกมาระบุว่า RTX PRO 6000 Blackwell ใช้ GDDR7 แบบติดตั้งสองด้าน ซึ่งคล้ายกับ GeForce RTX 5090 Founders Edition นอกจากนี้ยังมีการออกแบบ blower-style cooling ที่ช่วยให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวจาก VideoCardz ระบุว่า NVIDIA ยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของรีวิว embargo ซึ่งหมายความว่าข้อมูลเพิ่มเติมอาจถูกเปิดเผยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ✅ การออกแบบ PCB ที่รั่วไหล - ใช้ GDDR7 แบบติดตั้งสองด้าน - คล้ายกับ GeForce RTX 5090 Founders Edition ✅ ระบบระบายความร้อน - ใช้ blower-style cooling เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ✅ สถานะของการเปิดตัว - NVIDIA ยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของรีวิว embargo - ข้อมูลเพิ่มเติมอาจถูกเปิดเผยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ✅ ความแตกต่างจากรุ่นก่อน - มีการออกแบบ PCB ที่สั้นลง - อาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและประสิทธิภาพ https://www.techpowerup.com/336219/nvidia-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-edition-pcb-layout-leaked-by-insider
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NVIDIA RTX PRO 6000 Blackwell Workstation Edition PCB Layout Leaked By Insider
    Over the past weekend, members of the Chiphell discussion board started posting truly NDA-busting photo material—one example made headlines a few days ago. A fairly convincing list of next-gen NVIDIA RTX PRO Blackwell series graphics cards appeared online just over a month ago; only a smattering of ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024 ขณะที่ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง

    ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใน สหรัฐฯ และยุโรป ส่วนญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ

    แม้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนจะชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023 เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อ Huawei แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตต่อไป

    จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV ภายในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี laser-induced discharge plasma ซึ่งจะเริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026

    ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น
    - จีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024
    - ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง

    การขยายตัวของโรงงานผลิต
    - ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานใน สหรัฐฯ และยุโรป
    - ญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ

    ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
    - การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023
    - Huawei ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี

    การพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ
    - จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV โดยใช้ laser-induced discharge plasma
    - เริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026

    https://www.techpowerup.com/336222/chinas-semiconductor-equipment-market-share-rises-as-taiwan-korea-and-japan-decline
    อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024 ขณะที่ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ใน สหรัฐฯ และยุโรป ส่วนญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ แม้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนจะชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023 เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อ Huawei แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตต่อไป จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV ภายในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี laser-induced discharge plasma ซึ่งจะเริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026 ✅ ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น - จีนมีส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2010 เป็น 38% ในปี 2024 - ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดลดลง ✅ การขยายตัวของโรงงานผลิต - ไต้หวันเริ่มสร้างโรงงานใน สหรัฐฯ และยุโรป - ญี่ปุ่นมีโครงการโรงงานใหม่เพียงไม่กี่แห่ง แม้ว่า TSMC จะมีแผนสร้างโรงงานใน คุมาโมโตะ ✅ ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ - การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนชะลอตัวลงระหว่างปี 2019-2023 - Huawei ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่จีนยังคงเติบโตที่ 9-10% ต่อปี ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ - จีนกำลังพัฒนา ระบบลิโทกราฟี EUV โดยใช้ laser-induced discharge plasma - เริ่มทดลองผลิตในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 และมีแผนผลิตจำนวนมากในปี 2026 https://www.techpowerup.com/336222/chinas-semiconductor-equipment-market-share-rises-as-taiwan-korea-and-japan-decline
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    China's Semiconductor Equipment Market Share Rises as Taiwan, Korea and Japan Decline
    The global semiconductor industry is experiencing notable shifts, largely influenced by the rapid expansion of the Mainland China market. From 2010 to 2024, China's share of global semiconductor equipment sales rose significantly, from just 6% in 2010 to 38% in 2024. On the other side McKinsey repor...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • IBM Cloud กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่นำ Intel Gaudi 3 AI accelerators มาใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เทคโนโลยี AI ทรงพลังเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และลดต้นทุนของฮาร์ดแวร์ AI ที่มีราคาสูง

    การเปิดตัวนี้ถือเป็นการใช้งานเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของ Intel Gaudi 3 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับ Generative AI (GenAI), large model inferencing และ model fine-tuning โดยมีโครงสร้างที่เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนา

    IBM Cloud ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแล เช่น การเงิน, การดูแลสุขภาพ และภาครัฐ โดยใช้ AI ในการตรวจจับการฉ้อโกง, การวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ และการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง

    Intel Gaudi 3 พร้อมให้บริการใน IBM Cloud regions ได้แก่ แฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมนี), วอชิงตัน ดี.ซี. และดัลลัส (สหรัฐฯ) และจะถูกนำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ IBM ในอนาคต

    IBM Cloud เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ใช้ Intel Gaudi 3
    - ช่วยให้ AI ทรงพลังเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
    - ลดต้นทุนของฮาร์ดแวร์ AI ที่มีราคาสูง

    คุณสมบัติของ Intel Gaudi 3
    - รองรับ Generative AI, large model inferencing และ model fine-tuning
    - มีโครงสร้างที่เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนา

    การใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ
    - การเงิน: ตรวจจับการฉ้อโกงและให้บริการลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล
    - การดูแลสุขภาพ: วิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์และพัฒนาแพลตฟอร์ม telemedicine
    - ภาครัฐ: ใช้ AI ในการบริหารจัดการข้อมูลและความปลอดภัย

    พื้นที่ให้บริการของ Intel Gaudi 3
    - พร้อมใช้งานใน แฟรงก์เฟิร์ต, วอชิงตัน ดี.ซี. และดัลลัส
    - จะถูกนำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ IBM ในอนาคต

    https://www.techpowerup.com/336224/ibm-cloud-is-first-service-provider-to-deploy-intel-gaudi-3
    IBM Cloud กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่นำ Intel Gaudi 3 AI accelerators มาใช้ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เทคโนโลยี AI ทรงพลังเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และลดต้นทุนของฮาร์ดแวร์ AI ที่มีราคาสูง การเปิดตัวนี้ถือเป็นการใช้งานเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของ Intel Gaudi 3 ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับ Generative AI (GenAI), large model inferencing และ model fine-tuning โดยมีโครงสร้างที่เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนา IBM Cloud ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแล เช่น การเงิน, การดูแลสุขภาพ และภาครัฐ โดยใช้ AI ในการตรวจจับการฉ้อโกง, การวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ และการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง Intel Gaudi 3 พร้อมให้บริการใน IBM Cloud regions ได้แก่ แฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมนี), วอชิงตัน ดี.ซี. และดัลลัส (สหรัฐฯ) และจะถูกนำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ IBM ในอนาคต ✅ IBM Cloud เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ใช้ Intel Gaudi 3 - ช่วยให้ AI ทรงพลังเข้าถึงได้ง่ายขึ้น - ลดต้นทุนของฮาร์ดแวร์ AI ที่มีราคาสูง ✅ คุณสมบัติของ Intel Gaudi 3 - รองรับ Generative AI, large model inferencing และ model fine-tuning - มีโครงสร้างที่เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนา ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ - การเงิน: ตรวจจับการฉ้อโกงและให้บริการลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล - การดูแลสุขภาพ: วิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์และพัฒนาแพลตฟอร์ม telemedicine - ภาครัฐ: ใช้ AI ในการบริหารจัดการข้อมูลและความปลอดภัย ✅ พื้นที่ให้บริการของ Intel Gaudi 3 - พร้อมใช้งานใน แฟรงก์เฟิร์ต, วอชิงตัน ดี.ซี. และดัลลัส - จะถูกนำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ IBM ในอนาคต https://www.techpowerup.com/336224/ibm-cloud-is-first-service-provider-to-deploy-intel-gaudi-3
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    IBM Cloud is First Service Provider to Deploy Intel Gaudi 3
    IBM is the first cloud service provider to make Intel Gaudi 3 AI accelerators available to customers, a move designed to make powerful artificial intelligence capabilities more accessible and to directly address the high cost of specialized AI hardware. For Intel, the rollout on IBM Cloud marks the ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรายังเรียนตัวเราเองว่าเป็นคนไทยรึ เขมรสั่งให้ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยเพื่อปราสาทและแผ่นดิน จีนเทาปกครองหน่วยราชการหลายแห่ง พม่าตั้งประเทศในแผ่นดินไทยแล้วทำอะไรก็ได้ที่พรรคการเมืองสนับสนุน รัฐบาลผสมเขมร ไม่มีไทยแล้ว
    เรายังเรียนตัวเราเองว่าเป็นคนไทยรึ เขมรสั่งให้ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยเพื่อปราสาทและแผ่นดิน จีนเทาปกครองหน่วยราชการหลายแห่ง พม่าตั้งประเทศในแผ่นดินไทยแล้วทำอะไรก็ได้ที่พรรคการเมืองสนับสนุน รัฐบาลผสมเขมร ไม่มีไทยแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • WhatsApp ได้เพิ่ม Perplexity AI เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการสนทนา AI ภายในแอป โดยผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285 ลงในรายชื่อผู้ติดต่อ

    นอกจากนี้ WhatsApp ยังรองรับ ChatGPT ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478 ลงในแอป ทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้นในการสนทนากับ AI

    อย่างไรก็ตาม การเพิ่ม AI ลงใน WhatsApp ทำให้เกิดข้อกังวลด้าน ความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะหลังจากที่ Aravind Srinivas ซีอีโอของ Perplexity เปิดเผยว่า Comet Browser ของบริษัทอาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้และขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด

    การเพิ่ม Perplexity AI ใน WhatsApp
    - ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285
    - รองรับการให้คำตอบ, แหล่งข้อมูล และการสร้างภาพ

    การรองรับ ChatGPT ใน WhatsApp
    - สามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478
    - รองรับการสนทนาและการจดจำบริบทจากการสนทนาก่อนหน้า

    ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว
    - Perplexity อาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ผ่าน Comet Browser
    - ข้อมูลอาจถูกขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด

    การตอบสนองของ WhatsApp
    - Meta ได้เพิ่ม Meta AI ลงในแอปเป็นปุ่มถาวรที่มุมล่างขวา
    - ผู้ใช้สามารถปิดการใช้งาน Meta AI ได้หากไม่ต้องการใช้

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/forget-meta-ai-whatsapp-now-lets-you-talk-directly-to-perplexity-and-chatgpt-in-the-app-heres-how
    WhatsApp ได้เพิ่ม Perplexity AI เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการสนทนา AI ภายในแอป โดยผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285 ลงในรายชื่อผู้ติดต่อ นอกจากนี้ WhatsApp ยังรองรับ ChatGPT ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478 ลงในแอป ทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้นในการสนทนากับ AI อย่างไรก็ตาม การเพิ่ม AI ลงใน WhatsApp ทำให้เกิดข้อกังวลด้าน ความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะหลังจากที่ Aravind Srinivas ซีอีโอของ Perplexity เปิดเผยว่า Comet Browser ของบริษัทอาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้และขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด ✅ การเพิ่ม Perplexity AI ใน WhatsApp - ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับ Perplexity AI ได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (833) 436-3285 - รองรับการให้คำตอบ, แหล่งข้อมูล และการสร้างภาพ ✅ การรองรับ ChatGPT ใน WhatsApp - สามารถเข้าถึงได้โดยเพิ่มหมายเลข +1 (800) 242-8478 - รองรับการสนทนาและการจดจำบริบทจากการสนทนาก่อนหน้า ✅ ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว - Perplexity อาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ผ่าน Comet Browser - ข้อมูลอาจถูกขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด ✅ การตอบสนองของ WhatsApp - Meta ได้เพิ่ม Meta AI ลงในแอปเป็นปุ่มถาวรที่มุมล่างขวา - ผู้ใช้สามารถปิดการใช้งาน Meta AI ได้หากไม่ต้องการใช้ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/forget-meta-ai-whatsapp-now-lets-you-talk-directly-to-perplexity-and-chatgpt-in-the-app-heres-how
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ

    แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย

    นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม

    จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ
    - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023
    - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น

    เป้าหมายของการโจมตี
    - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร
    - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก

    บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่
    - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด

    แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ
    - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023
    - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ

    https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    Google รายงานว่าในปี 2024 มีการใช้ช่องโหว่ zero-day จำนวน 75 รายการ โดยส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะจาก จีนและเกาหลีเหนือ แม้ว่าจำนวนช่องโหว่ zero-day จะลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 แต่แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การใช้ช่องโหว่เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Google พบว่า 44% ของช่องโหว่ zero-day ในปี 2024 ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2023 โดยเฉพาะช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย นอกจากนี้ รัฐบาลเป็นผู้ใช้ช่องโหว่ zero-day มากที่สุด โดย 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริษัทที่ให้บริการสอดแนม ✅ จำนวนช่องโหว่ zero-day ที่พบ - พบ 75 รายการ ลดลงจาก 98 รายการในปี 2023 - แนวโน้มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าการใช้ช่องโหว่ยังคงเพิ่มขึ้น ✅ เป้าหมายของการโจมตี - 44% ของช่องโหว่ zero-day ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร - ช่องโหว่ใน ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยและอุปกรณ์เครือข่าย เป็นเป้าหมายหลัก ✅ บทบาทของรัฐบาลในการใช้ช่องโหว่ - 50% ของช่องโหว่ที่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล - จีนและเกาหลีเหนือ เป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ✅ แนวโน้มของช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ - ช่องโหว่ใน Windows เพิ่มขึ้นเป็น 22 รายการ จาก 16 รายการในปี 2023 - ช่องโหว่ใน Safari และ iOS ลดลงจาก 11 และ 9 รายการ เหลือ 3 และ 2 รายการ https://www.techradar.com/pro/security/75-zero-day-exploitations-spotted-by-google-governments-increasingly-responsible-for-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    75 zero-day exploitations spotted by Google, governments increasingly responsible for attacks
    Of all the zero-days abused in 2024, the majority were used in state-sponsored attacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเตือนว่า คลื่นความร้อนในฤดูร้อนอาจส่งผลกระทบต่อเราเตอร์ Wi-Fi โดยเฉพาะหากวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง หรือ ในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ

    Virgin Media ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ในสหราชอาณาจักรแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการวางเราเตอร์ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง หรือในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน

    นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์ เช่น ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร และ ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อให้สัญญาณกระจายได้ดีขึ้น

    ตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยง
    - ไม่ควรวางเราเตอร์ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง
    - ไม่ควรวางในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ

    ผลกระทบของอุณหภูมิสูงต่อเราเตอร์
    - อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง
    - ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน

    ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์
    - ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร
    - ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง

    วิธีปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi
    - ใช้ Wi-Fi extender หากต้องการเพิ่มระยะสัญญาณ
    - เปลี่ยน Wi-Fi channel เพื่อลดการรบกวนจากเครือข่ายอื่น

    https://www.techradar.com/computing/wi-fi-broadband/experts-warn-of-heatwave-danger-to-routers-so-act-now-before-summer-kicks-in-and-temperatures-could-really-soar-to-the-point-that-kills-your-wi-fi
    ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเตือนว่า คลื่นความร้อนในฤดูร้อนอาจส่งผลกระทบต่อเราเตอร์ Wi-Fi โดยเฉพาะหากวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง หรือ ในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ Virgin Media ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ในสหราชอาณาจักรแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการวางเราเตอร์ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง หรือในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์ เช่น ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร และ ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อให้สัญญาณกระจายได้ดีขึ้น ✅ ตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยง - ไม่ควรวางเราเตอร์ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง - ไม่ควรวางในตู้ปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ ✅ ผลกระทบของอุณหภูมิสูงต่อเราเตอร์ - อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง - ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เราเตอร์หยุดทำงาน ✅ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเราเตอร์ - ควรอยู่ห่างจากโทรศัพท์ไร้สายและอุปกรณ์ที่อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi อย่างน้อย 1 เมตร - ควรวางในที่สูงและไม่มีสิ่งกีดขวาง ✅ วิธีปรับปรุงสัญญาณ Wi-Fi - ใช้ Wi-Fi extender หากต้องการเพิ่มระยะสัญญาณ - เปลี่ยน Wi-Fi channel เพื่อลดการรบกวนจากเครือข่ายอื่น https://www.techradar.com/computing/wi-fi-broadband/experts-warn-of-heatwave-danger-to-routers-so-act-now-before-summer-kicks-in-and-temperatures-could-really-soar-to-the-point-that-kills-your-wi-fi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windscribe ได้รับชัยชนะในคดีความเกี่ยวกับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) ในประเทศกรีซ หลังจากที่ Yegor Sak ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" เนื่องจากมีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ

    ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Windscribe หรือ Sak มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด

    Sak ระบุว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างที่น่ากังวลเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัว โดยหากคำตัดสินนี้ถูกยกเลิก อาจทำให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน

    การตั้งข้อหาและการพิจารณาคดี
    - Yegor Sak ถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย"
    - ผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ
    - ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม VPN
    - คดีนี้เป็นชัยชนะสำหรับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN)
    - Windscribe ยืนยันว่า ไม่มีบันทึกข้อมูลผู้ใช้ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ได้

    ตัวอย่างจากบริษัทอื่น
    - Mullvad เคยพิสูจน์ความถูกต้องของนโยบาย No-Log หลังจากถูกตำรวจบุกค้นในปี 2023
    - Private Internet Access (PIA) เคยพิสูจน์นโยบาย No-Log ในศาลถึงสองครั้ง

    บทบาทของ VPN ในความเป็นส่วนตัวออนไลน์
    - VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ท่องเว็บโดยไม่เปิดเผยตัวตน
    - นักวิจัยในสหภาพยุโรปมองว่า VPN เป็น "ความท้าทายสำคัญ" ต่อการบังคับใช้กฎหมาย

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/case-dismissed-windscribe-wins-landmark-no-log-vpn-lawsuit-in-greece
    Windscribe ได้รับชัยชนะในคดีความเกี่ยวกับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) ในประเทศกรีซ หลังจากที่ Yegor Sak ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" เนื่องจากมีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Windscribe หรือ Sak มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด Sak ระบุว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างที่น่ากังวลเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัว โดยหากคำตัดสินนี้ถูกยกเลิก อาจทำให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน ✅ การตั้งข้อหาและการพิจารณาคดี - Yegor Sak ถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" - ผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ - ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม VPN - คดีนี้เป็นชัยชนะสำหรับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) - Windscribe ยืนยันว่า ไม่มีบันทึกข้อมูลผู้ใช้ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ได้ ✅ ตัวอย่างจากบริษัทอื่น - Mullvad เคยพิสูจน์ความถูกต้องของนโยบาย No-Log หลังจากถูกตำรวจบุกค้นในปี 2023 - Private Internet Access (PIA) เคยพิสูจน์นโยบาย No-Log ในศาลถึงสองครั้ง ✅ บทบาทของ VPN ในความเป็นส่วนตัวออนไลน์ - VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ท่องเว็บโดยไม่เปิดเผยตัวตน - นักวิจัยในสหภาพยุโรปมองว่า VPN เป็น "ความท้าทายสำคัญ" ต่อการบังคับใช้กฎหมาย https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/case-dismissed-windscribe-wins-landmark-no-log-vpn-lawsuit-in-greece
    WWW.TECHRADAR.COM
    Case dismissed – Windscribe wins landmark no-log VPN lawsuit in Greece
    Windscribe's Co-Founder and CEO was charged in June 2023 on behalf of an anonymous user
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังสร้างความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ และ โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยรายงานจาก Expereo พบว่า เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI

    นอกจากนี้ 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้ว่าความปลอดภัยจะเป็น ลำดับที่สองของการลงทุน รองจาก เครือข่ายและการเชื่อมต่อ (43%)

    ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI ในองค์กรยังคงสูงเกินจริง โดย หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI และ 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน

    ผลกระทบด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI
    - 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    การลงทุนด้านเทคโนโลยี
    - ความปลอดภัยไซเบอร์เป็น ลำดับที่สองของการลงทุน (38%)
    - เครือข่ายและการเชื่อมต่อเป็น ลำดับแรกของการลงทุน (43%)

    ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI
    - หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับ AI
    - 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน

    ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
    - 50% ขององค์กรในสหรัฐฯ ระบุว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา
    - 34% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

    https://www.techradar.com/pro/rushed-ai-deployments-and-skills-shortages-are-putting-businesses-at-risk
    การนำ AI มาใช้ในองค์กรกำลังสร้างความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ และ โครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยรายงานจาก Expereo พบว่า เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI นอกจากนี้ 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้ว่าความปลอดภัยจะเป็น ลำดับที่สองของการลงทุน รองจาก เครือข่ายและการเชื่อมต่อ (43%) ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI ในองค์กรยังคงสูงเกินจริง โดย หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI และ 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ✅ ผลกระทบด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - เกือบ 20% ขององค์กรในสหรัฐฯ ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการใช้ AI - 41% ขององค์กรทั่วโลก เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ การลงทุนด้านเทคโนโลยี - ความปลอดภัยไซเบอร์เป็น ลำดับที่สองของการลงทุน (38%) - เครือข่ายและการเชื่อมต่อเป็น ลำดับแรกของการลงทุน (43%) ✅ ความคาดหวังเกี่ยวกับ AI - หนึ่งในสามของ CIO ทั่วโลก เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับ AI - 27% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ✅ ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ - 50% ขององค์กรในสหรัฐฯ ระบุว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา - 34% ของผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ https://www.techradar.com/pro/rushed-ai-deployments-and-skills-shortages-are-putting-businesses-at-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว