• งาน Auto Shanghai 2025 ได้เปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร โดยมีการจัดแสดงรถยนต์ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ เบาะนวด และฟีเจอร์เสริมอื่นๆ รวมถึงการเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชม

    งานนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน มากกว่าการเน้นสมรรถนะของเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว

    ✅ นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
    - รถยนต์ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่และเบาะนวด
    - การเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจ

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์
    - มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
    - ลดความสำคัญของสมรรถนะเครื่องยนต์

    ✅ การจัดแสดงและผู้เข้าร่วมงาน
    - มีผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์เข้าร่วมงานหลายร้อยราย
    - การจัดแสดงรถยนต์ที่เน้นความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย

    ✅ เป้าหมายของงาน
    - นำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/screens-drones-massages-shanghai-flaunts-the-future-of-cars
    งาน Auto Shanghai 2025 ได้เปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร โดยมีการจัดแสดงรถยนต์ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ เบาะนวด และฟีเจอร์เสริมอื่นๆ รวมถึงการเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชม งานนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน มากกว่าการเน้นสมรรถนะของเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว ✅ นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต - รถยนต์ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่และเบาะนวด - การเปิดตัวแท็กซี่บินได้ที่ดึงดูดความสนใจ ✅ การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ - มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน - ลดความสำคัญของสมรรถนะเครื่องยนต์ ✅ การจัดแสดงและผู้เข้าร่วมงาน - มีผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์เข้าร่วมงานหลายร้อยราย - การจัดแสดงรถยนต์ที่เน้นความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย ✅ เป้าหมายของงาน - นำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/screens-drones-massages-shanghai-flaunts-the-future-of-cars
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Screens, drones, massages: Shanghai flaunts the future of cars
    At the huge Auto Shanghai industry show this week, the chatter was less about powerful engines and more about cutting-edge technology and passenger comfort.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับแอปเบราว์เซอร์ยอดนิยมที่มีการสอดแนมข้อมูลผู้ใช้งาน โดยในวิดีโอพาโรดีปี 2024 Apple ได้แนะนำให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนมาใช้ Safari แทน Chrome ของ Google วิดีโอที่ชื่อว่า Privacy on iPhone: Flock แสดงภาพกล้องวงจรปิดที่มีปีกบินตามผู้ใช้งาน iPhone และเฝ้าดูพฤติกรรมของพวกเขาอย่างใกล้ชิด

    วิดีโอดังกล่าวเป็นการอ้างอิงถึงเทคโนโลยี FLoC (Federated Learning of Cohorts) ของ Google ซึ่งใช้ในการจัดกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อส่งโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจงโดยไม่ต้องติดตามพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งานแบบรายบุคคล แม้ว่า Google จะยกเลิกการใช้ FLoC แต่ยังคงติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งานผ่านวิธีอื่น เช่น การใช้คุกกี้บุคคลที่สาม

    Safari ของ Apple มีจุดเด่นที่ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ภายนอกติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ Apple ใช้ในการแข่งขันกับ Chrome

    ✅ การอ้างอิงถึง FLoC
    - FLoC เป็นเทคโนโลยีที่ Google ใช้ในการจัดกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อส่งโฆษณา
    - Google ยกเลิกการใช้ FLoC แต่ยังคงติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งานผ่านวิธีอื่น

    ✅ ข้อได้เปรียบของ Safari
    - Safari ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ภายนอกติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งาน
    - Apple ใช้ข้อได้เปรียบนี้ในการแข่งขันกับ Chrome

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
    - ผู้ใช้งานได้รับการปกป้องข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นเมื่อใช้ Safari

    ✅ เป้าหมายของ Apple
    - ส่งเสริมการใช้ Safari เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/this-popular-internet-browser-app-is-spying-on-you-apple-warns
    Apple ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับแอปเบราว์เซอร์ยอดนิยมที่มีการสอดแนมข้อมูลผู้ใช้งาน โดยในวิดีโอพาโรดีปี 2024 Apple ได้แนะนำให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนมาใช้ Safari แทน Chrome ของ Google วิดีโอที่ชื่อว่า Privacy on iPhone: Flock แสดงภาพกล้องวงจรปิดที่มีปีกบินตามผู้ใช้งาน iPhone และเฝ้าดูพฤติกรรมของพวกเขาอย่างใกล้ชิด วิดีโอดังกล่าวเป็นการอ้างอิงถึงเทคโนโลยี FLoC (Federated Learning of Cohorts) ของ Google ซึ่งใช้ในการจัดกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อส่งโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจงโดยไม่ต้องติดตามพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งานแบบรายบุคคล แม้ว่า Google จะยกเลิกการใช้ FLoC แต่ยังคงติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งานผ่านวิธีอื่น เช่น การใช้คุกกี้บุคคลที่สาม Safari ของ Apple มีจุดเด่นที่ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ภายนอกติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ Apple ใช้ในการแข่งขันกับ Chrome ✅ การอ้างอิงถึง FLoC - FLoC เป็นเทคโนโลยีที่ Google ใช้ในการจัดกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อส่งโฆษณา - Google ยกเลิกการใช้ FLoC แต่ยังคงติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งานผ่านวิธีอื่น ✅ ข้อได้เปรียบของ Safari - Safari ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ภายนอกติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งาน - Apple ใช้ข้อได้เปรียบนี้ในการแข่งขันกับ Chrome ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน - ผู้ใช้งานได้รับการปกป้องข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นเมื่อใช้ Safari ✅ เป้าหมายของ Apple - ส่งเสริมการใช้ Safari เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/this-popular-internet-browser-app-is-spying-on-you-apple-warns
    WWW.THESTAR.COM.MY
    This popular Internet browser app is spying on you, Apple warns
    An old warning from Apple about a popular Internet browsing app is gaining renewed attention.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump ในช่วง 100 วันแรก ซึ่งมีผลกระทบต่อการป้องกันข้อมูลเท็จและการแทรกแซงจากต่างประเทศ โดยมีการลดงบประมาณสำหรับการวิจัยข้อมูลเท็จ การปิดหน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดการข้อมูลเท็จ และการปรับโครงสร้างในหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง

    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สร้างความกังวลในด้านความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากเปิดโอกาสให้คู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น รัสเซีย จีน และอิหร่าน สามารถเผยแพร่ข้อมูลเท็จได้ง่ายขึ้น

    ✅ การลดงบประมาณและการปิดหน่วยงาน
    - ลดงบประมาณสำหรับการวิจัยข้อมูลเท็จและการแทรกแซงจากต่างประเทศ
    - ปิดหน่วยงาน Counter Foreign Information Manipulation and Interference (R/FIMI)

    ✅ ผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
    - เปิดโอกาสให้คู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์เผยแพร่ข้อมูลเท็จได้ง่ายขึ้น
    - การปิดหน่วยงานทำให้ไม่มีการติดตามข้อมูลเท็จจากต่างประเทศ

    ✅ การปรับโครงสร้างในหน่วยงานรัฐบาล
    - ปรับโครงสร้างในกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    - ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้ง

    ✅ เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง
    - ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/us-anti-disinformation-guardrails-fall-in-trump039s-first-100-days
    บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump ในช่วง 100 วันแรก ซึ่งมีผลกระทบต่อการป้องกันข้อมูลเท็จและการแทรกแซงจากต่างประเทศ โดยมีการลดงบประมาณสำหรับการวิจัยข้อมูลเท็จ การปิดหน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดการข้อมูลเท็จ และการปรับโครงสร้างในหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สร้างความกังวลในด้านความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากเปิดโอกาสให้คู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น รัสเซีย จีน และอิหร่าน สามารถเผยแพร่ข้อมูลเท็จได้ง่ายขึ้น ✅ การลดงบประมาณและการปิดหน่วยงาน - ลดงบประมาณสำหรับการวิจัยข้อมูลเท็จและการแทรกแซงจากต่างประเทศ - ปิดหน่วยงาน Counter Foreign Information Manipulation and Interference (R/FIMI) ✅ ผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ - เปิดโอกาสให้คู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์เผยแพร่ข้อมูลเท็จได้ง่ายขึ้น - การปิดหน่วยงานทำให้ไม่มีการติดตามข้อมูลเท็จจากต่างประเทศ ✅ การปรับโครงสร้างในหน่วยงานรัฐบาล - ปรับโครงสร้างในกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้ง ✅ เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง - ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/us-anti-disinformation-guardrails-fall-in-trump039s-first-100-days
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US anti-disinformation guardrails fall in Trump's first 100 days
    The moves could have national security implications, experts warn, granting US adversaries more freedom to sow disinformation as geopolitical rivalries intensify.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงเหตุการณ์การโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อ SK Telecom บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ โดยการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2025 และทำให้ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลในวงกว้าง ส่งผลให้หุ้นของบริษัทลดลงถึง 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

    SK Telecom ได้ออกมาตรการแก้ไขโดยเสนอการเปลี่ยนซิมการ์ด (USIM) ฟรีให้กับลูกค้าทั้งหมด 23 ล้านคน ผ่านร้านค้ากว่า 2,600 แห่ง ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลูกค้าสมัครใช้บริการ USIM Protection Service ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนแล้วประมาณ 5.54 ล้านคน หรือเกือบหนึ่งในสี่ของลูกค้าทั้งหมด

    ✅ ผลกระทบต่อบริษัท
    - หุ้นของ SK Telecom ลดลง 8.5% หลังการโจมตี
    - การรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าในวงกว้าง

    ✅ มาตรการแก้ไขของ SK Telecom
    - เสนอการเปลี่ยนซิมการ์ด (USIM) ฟรีให้กับลูกค้าทั้งหมด
    - แนะนำบริการ USIM Protection Service เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
    - ลูกค้าจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของข้อมูล
    - มีผู้ลงทะเบียนบริการป้องกันแล้วประมาณ 5.54 ล้านคน

    ✅ เป้าหมายของมาตรการ
    - ลดผลกระทบจากการโจมตีและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของลูกค้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/sk-telecom-shares-plunge-after-data-breach-due-to-cyberattack
    บทความนี้กล่าวถึงเหตุการณ์การโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อ SK Telecom บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ โดยการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2025 และทำให้ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลในวงกว้าง ส่งผลให้หุ้นของบริษัทลดลงถึง 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว SK Telecom ได้ออกมาตรการแก้ไขโดยเสนอการเปลี่ยนซิมการ์ด (USIM) ฟรีให้กับลูกค้าทั้งหมด 23 ล้านคน ผ่านร้านค้ากว่า 2,600 แห่ง ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลูกค้าสมัครใช้บริการ USIM Protection Service ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนแล้วประมาณ 5.54 ล้านคน หรือเกือบหนึ่งในสี่ของลูกค้าทั้งหมด ✅ ผลกระทบต่อบริษัท - หุ้นของ SK Telecom ลดลง 8.5% หลังการโจมตี - การรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าในวงกว้าง ✅ มาตรการแก้ไขของ SK Telecom - เสนอการเปลี่ยนซิมการ์ด (USIM) ฟรีให้กับลูกค้าทั้งหมด - แนะนำบริการ USIM Protection Service เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน - ลูกค้าจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของข้อมูล - มีผู้ลงทะเบียนบริการป้องกันแล้วประมาณ 5.54 ล้านคน ✅ เป้าหมายของมาตรการ - ลดผลกระทบจากการโจมตีและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของลูกค้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/sk-telecom-shares-plunge-after-data-breach-due-to-cyberattack
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SK Telecom shares plunge after data breach due to cyberattack
    SEOUL (Reuters) -SK Telecom shares fell as much as 8.5% on Monday to hit their lowest level since August last year, after South Korea's biggest mobile carrier disclosed it suffered a leak of customer data earlier this month caused by a cyberattack.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marks & Spencer (M&S) บริษัทค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดยบริษัทได้หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2025 เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างเป็นระบบ เหตุการณ์นี้ทำให้ M&S ต้องแจ้งให้พนักงานชั่วคราวที่ทำงานในศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทใน Castle Donington อยู่บ้านชั่วคราว

    การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทที่ลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน และยังไม่มีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์จาก M&S นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Darktrace คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีแบบ ransomware เนื่องจากการที่บริษัทต้องปิดระบบออนไลน์

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน
    - หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน
    - แจ้งให้พนักงานชั่วคราวในศูนย์กระจายสินค้าอยู่บ้านชั่วคราว

    ✅ ผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท
    - หุ้นลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน

    ✅ การจัดการเหตุการณ์
    - M&S กำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหา
    - คาดการณ์ว่าเหตุการณ์อาจเกี่ยวข้องกับ ransomware

    ✅ ความสำคัญของการป้องกัน
    - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลในธุรกิจค้าปลีก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ms-tells-warehouse-agency-staff-to-stay-home-as-cyber-incident-continues
    Marks & Spencer (M&S) บริษัทค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดยบริษัทได้หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2025 เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างเป็นระบบ เหตุการณ์นี้ทำให้ M&S ต้องแจ้งให้พนักงานชั่วคราวที่ทำงานในศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทใน Castle Donington อยู่บ้านชั่วคราว การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทที่ลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน และยังไม่มีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์จาก M&S นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Darktrace คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการโจมตีแบบ ransomware เนื่องจากการที่บริษัทต้องปิดระบบออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน - หยุดรับคำสั่งซื้อออนไลน์และแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน - แจ้งให้พนักงานชั่วคราวในศูนย์กระจายสินค้าอยู่บ้านชั่วคราว ✅ ผลกระทบต่อหุ้นของบริษัท - หุ้นลดลงถึง 8% ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ✅ การจัดการเหตุการณ์ - M&S กำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหา - คาดการณ์ว่าเหตุการณ์อาจเกี่ยวข้องกับ ransomware ✅ ความสำคัญของการป้องกัน - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลในธุรกิจค้าปลีก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/28/ms-tells-warehouse-agency-staff-to-stay-home-as-cyber-incident-continues
    WWW.THESTAR.COM.MY
    M&S tells warehouse agency staff to stay home as cyber incident continues
    LONDON (Reuters) - British retailer Marks & Spencer told agency staff at its central England distribution centre to stay at home on Monday, after it stopped taking online orders following a cyber incident last week.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เคยเป็นที่ใฝ่ฝันของหลายคน แต่ปัจจุบันกลับเผชิญกับความท้าทายมากมาย เช่น การปลดพนักงานจำนวนมาก การลดสิทธิประโยชน์ และความกดดันจากการพัฒนา AI ที่ส่งผลต่อการทำงานของพนักงาน

    ในปี 2025 อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการปลดพนักงานมากที่สุดในภาคเอกชน โดยมีพนักงานกว่า 50,000 คน จากบริษัทเทคโนโลยี 100 แห่งถูกปลดออก นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์ที่เคยมี เช่น การทำงานจากที่บ้านและอาหารฟรี ถูกลดลงอย่างมาก ขณะที่พนักงานต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่บริษัทคาดหวัง

    การพัฒนา AI ยังส่งผลให้พนักงานบางส่วนต้องกลับมาทำงานที่เคยถูกแทนที่ด้วย AI เช่น การเขียนโค้ด และยังมีการลดตำแหน่งงานที่ไม่จำเป็นลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

    ✅ การปลดพนักงานและผลกระทบ
    - พนักงานกว่า 50,000 คนจาก 100 บริษัทถูกปลดออก
    - บริษัทใหญ่ เช่น Intel, Meta และ Google มีการปลดพนักงานจำนวนมาก

    ✅ การลดสิทธิประโยชน์
    - สิทธิประโยชน์ เช่น การทำงานจากที่บ้านและอาหารฟรี ถูกลดลง
    - พนักงานต้องทำงานหนักขึ้น เช่น การทำงาน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

    ✅ ผลกระทบจากการพัฒนา AI
    - AI แทนที่งานบางส่วน แต่พนักงานบางคนต้องกลับมาทำงานที่ AI ไม่สามารถทำได้
    - บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI มากกว่าการเพิ่มเงินเดือน

    ✅ เป้าหมายของบริษัทเทคโนโลยี
    - เพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง

    https://www.techspot.com/news/107700-reality-today-tech-industry-layoffs-long-hours-ai.html
    บทความนี้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เคยเป็นที่ใฝ่ฝันของหลายคน แต่ปัจจุบันกลับเผชิญกับความท้าทายมากมาย เช่น การปลดพนักงานจำนวนมาก การลดสิทธิประโยชน์ และความกดดันจากการพัฒนา AI ที่ส่งผลต่อการทำงานของพนักงาน ในปี 2025 อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการปลดพนักงานมากที่สุดในภาคเอกชน โดยมีพนักงานกว่า 50,000 คน จากบริษัทเทคโนโลยี 100 แห่งถูกปลดออก นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์ที่เคยมี เช่น การทำงานจากที่บ้านและอาหารฟรี ถูกลดลงอย่างมาก ขณะที่พนักงานต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่บริษัทคาดหวัง การพัฒนา AI ยังส่งผลให้พนักงานบางส่วนต้องกลับมาทำงานที่เคยถูกแทนที่ด้วย AI เช่น การเขียนโค้ด และยังมีการลดตำแหน่งงานที่ไม่จำเป็นลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ✅ การปลดพนักงานและผลกระทบ - พนักงานกว่า 50,000 คนจาก 100 บริษัทถูกปลดออก - บริษัทใหญ่ เช่น Intel, Meta และ Google มีการปลดพนักงานจำนวนมาก ✅ การลดสิทธิประโยชน์ - สิทธิประโยชน์ เช่น การทำงานจากที่บ้านและอาหารฟรี ถูกลดลง - พนักงานต้องทำงานหนักขึ้น เช่น การทำงาน 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ✅ ผลกระทบจากการพัฒนา AI - AI แทนที่งานบางส่วน แต่พนักงานบางคนต้องกลับมาทำงานที่ AI ไม่สามารถทำได้ - บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI มากกว่าการเพิ่มเงินเดือน ✅ เป้าหมายของบริษัทเทคโนโลยี - เพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง https://www.techspot.com/news/107700-reality-today-tech-industry-layoffs-long-hours-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The reality of today's tech industry: layoffs, long hours, AI threats, and few perks
    As parodied in the brilliant Silicon Valley show, there was a time when some tech employees were paid fortunes to do almost nothing in their jobs. Their...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการใช้ AI ในการโกงการแข่งขันเขียนโค้ดที่มหาวิทยาลัย Waterloo ประเทศแคนาดา โดยการแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC) ซึ่งเป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย รวมถึงการเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ

    ในปี 2025 มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขัน เนื่องจากพบว่ามีผู้เข้าร่วมใช้ AI ในการเขียนโค้ด ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน การใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถโกงได้โดยไม่ต้องปิดโปรแกรม

    มหาวิทยาลัย Waterloo วางแผนที่จะเพิ่มมาตรการป้องกันในอนาคต เช่น การปรับปรุงเทคโนโลยี การเพิ่มการดูแล และการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู

    ✅ การแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC)
    - เป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรม
    - ผู้ชนะสามารถเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ

    ✅ การใช้ AI ในการโกง
    - พบว่าผู้เข้าร่วมใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ในการเขียนโค้ด
    - การใช้ AI ถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน

    ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต
    - การปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการโกง
    - การเพิ่มการดูแลและการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    - มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขันในปี 2025

    https://www.techspot.com/news/107701-ai-cheating-forces-university-waterloo-withhold-coding-competition.html
    บทความนี้กล่าวถึงปัญหาการใช้ AI ในการโกงการแข่งขันเขียนโค้ดที่มหาวิทยาลัย Waterloo ประเทศแคนาดา โดยการแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC) ซึ่งเป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย รวมถึงการเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ ในปี 2025 มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขัน เนื่องจากพบว่ามีผู้เข้าร่วมใช้ AI ในการเขียนโค้ด ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน การใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถโกงได้โดยไม่ต้องปิดโปรแกรม มหาวิทยาลัย Waterloo วางแผนที่จะเพิ่มมาตรการป้องกันในอนาคต เช่น การปรับปรุงเทคโนโลยี การเพิ่มการดูแล และการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู ✅ การแข่งขัน Canadian Computing Competition (CCC) - เป็นการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ชนะเข้าสู่โปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิศวกรรม - ผู้ชนะสามารถเป็นตัวแทนของแคนาดาในเวทีระดับนานาชาติ ✅ การใช้ AI ในการโกง - พบว่าผู้เข้าร่วมใช้ AI เช่น Copilot ใน GitHub ในการเขียนโค้ด - การใช้ AI ถือเป็นการละเมิดกฎการแข่งขัน ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต - การปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการโกง - การเพิ่มการดูแลและการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักเรียนและครู ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน - มหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่เผยแพร่ผลการแข่งขันในปี 2025 https://www.techspot.com/news/107701-ai-cheating-forces-university-waterloo-withhold-coding-competition.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    University cancels publication of coding competition results over AI cheating fears
    Those who do well in the University of Waterloo's CCC are often accepted into the University's prestigious computing and engineering programs, or are even selected to represent...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • Geoffrey Hinton ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "Godfather of AI" ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่ AI อาจเข้าควบคุมมนุษย์ในอนาคต โดยเขาประเมินว่ามีโอกาส 10-20% ที่ AI จะสามารถควบคุมมนุษย์ได้หากไม่มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม Hinton ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สร้างรากฐานเทคโนโลยี AI เช่น ChatGPT ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนา AI ที่รวดเร็วและขาดการควบคุม โดยเฉพาะการนำ AI ไปใช้ในอาวุธและยานพาหนะทางทหาร

    Hinton ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าความปลอดภัย โดยเขาเสนอให้บริษัทจัดสรรทรัพยากรประมาณ หนึ่งในสาม เพื่อการวิจัยด้านความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันมีการจัดสรรเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ เขายังผิดหวังกับ Google ที่เปลี่ยนนโยบาย AI เพื่ออนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีในอาวุธทางทหาร

    แม้ว่า Hinton จะเตือนถึงความเสี่ยง แต่เขายังเชื่อว่า AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการศึกษา การแพทย์ และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

    ✅ ความเสี่ยงของ AI
    - มีโอกาส 10-20% ที่ AI จะเข้าควบคุมมนุษย์ในอนาคต
    - การพัฒนา AI ที่รวดเร็วและขาดการควบคุมอาจนำไปสู่เหตุการณ์ระดับการสูญพันธุ์

    ✅ การใช้ AI ในอาวุธทางทหาร
    - บริษัทเทคโนโลยีให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าความปลอดภัย
    - Google เปลี่ยนนโยบาย AI เพื่ออนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีในอาวุธทางทหาร

    ✅ ข้อเสนอของ Hinton
    - บริษัทควรจัดสรรทรัพยากรประมาณหนึ่งในสามเพื่อการวิจัยด้านความปลอดภัย
    - AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการศึกษา การแพทย์ และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

    ✅ เป้าหมายของคำเตือน
    - กระตุ้นให้มีการกำกับดูแลและการวิจัยด้านความปลอดภัยของ AI

    https://www.techspot.com/news/107706-godfather-ai-geoffrey-hinton-warns-there-10-20.html
    Geoffrey Hinton ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "Godfather of AI" ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่ AI อาจเข้าควบคุมมนุษย์ในอนาคต โดยเขาประเมินว่ามีโอกาส 10-20% ที่ AI จะสามารถควบคุมมนุษย์ได้หากไม่มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม Hinton ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สร้างรากฐานเทคโนโลยี AI เช่น ChatGPT ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนา AI ที่รวดเร็วและขาดการควบคุม โดยเฉพาะการนำ AI ไปใช้ในอาวุธและยานพาหนะทางทหาร Hinton ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าความปลอดภัย โดยเขาเสนอให้บริษัทจัดสรรทรัพยากรประมาณ หนึ่งในสาม เพื่อการวิจัยด้านความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันมีการจัดสรรเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ เขายังผิดหวังกับ Google ที่เปลี่ยนนโยบาย AI เพื่ออนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีในอาวุธทางทหาร แม้ว่า Hinton จะเตือนถึงความเสี่ยง แต่เขายังเชื่อว่า AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการศึกษา การแพทย์ และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ✅ ความเสี่ยงของ AI - มีโอกาส 10-20% ที่ AI จะเข้าควบคุมมนุษย์ในอนาคต - การพัฒนา AI ที่รวดเร็วและขาดการควบคุมอาจนำไปสู่เหตุการณ์ระดับการสูญพันธุ์ ✅ การใช้ AI ในอาวุธทางทหาร - บริษัทเทคโนโลยีให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าความปลอดภัย - Google เปลี่ยนนโยบาย AI เพื่ออนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีในอาวุธทางทหาร ✅ ข้อเสนอของ Hinton - บริษัทควรจัดสรรทรัพยากรประมาณหนึ่งในสามเพื่อการวิจัยด้านความปลอดภัย - AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการศึกษา การแพทย์ และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ✅ เป้าหมายของคำเตือน - กระตุ้นให้มีการกำกับดูแลและการวิจัยด้านความปลอดภัยของ AI https://www.techspot.com/news/107706-godfather-ai-geoffrey-hinton-warns-there-10-20.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "Godfather of AI" warns there's a 10 to 20% chance AI could seize control
    Speaking during an interview earlier this month that was aired on CBS Saturday morning, Hinton, who jointly won the Nobel Prize in physics last year, issued a...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความสับสนในตลาดงานด้านเทคโนโลยีในปี 2025 ที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) บริษัทต่างๆ พยายามรวม AI เข้ากับการดำเนินงานของตน ส่งผลให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect" ซึ่งมักมีคำต่อท้ายอย่าง "Senior," "Associate," หรือ "Specialist" ทำให้ผู้สมัครงานสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างของตำแหน่งเหล่านี้

    การวิจัยจากมหาวิทยาลัย Maryland และ LinkUp พบว่าเกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI อย่างไรก็ตาม การขาดมาตรฐานในชื่อตำแหน่งงานทำให้ทั้งผู้สมัครและนายจ้างต้องเผชิญกับความท้าทายในการเชื่อมโยงกัน

    นอกจากนี้ LinkedIn รายงานว่าผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning ที่เคยหายากในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน

    ✅ การเติบโตของตำแหน่งงานด้าน AI
    - เกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI
    - ตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning กลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน

    ✅ ความสับสนในชื่อตำแหน่งงาน
    - ชื่อตำแหน่งงานหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect"
    - การขาดมาตรฐานทำให้ผู้สมัครและนายจ้างสับสน

    ✅ ความต้องการทักษะด้าน AI
    - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30%
    - นายจ้างพยายามสร้างตำแหน่งงานที่ดึงดูดและยืดหยุ่น

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดงาน
    - ตำแหน่ง Data Scientist กำลังเปลี่ยนไปสู่ AI Engineer ที่ต้องการทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์ขั้นสูง

    https://www.techspot.com/news/107704-ai-boom-scrambles-tech-job-titles-leaving-job.html
    บทความนี้กล่าวถึงความสับสนในตลาดงานด้านเทคโนโลยีในปี 2025 ที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) บริษัทต่างๆ พยายามรวม AI เข้ากับการดำเนินงานของตน ส่งผลให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect" ซึ่งมักมีคำต่อท้ายอย่าง "Senior," "Associate," หรือ "Specialist" ทำให้ผู้สมัครงานสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างของตำแหน่งเหล่านี้ การวิจัยจากมหาวิทยาลัย Maryland และ LinkUp พบว่าเกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI อย่างไรก็ตาม การขาดมาตรฐานในชื่อตำแหน่งงานทำให้ทั้งผู้สมัครและนายจ้างต้องเผชิญกับความท้าทายในการเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ LinkedIn รายงานว่าผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning ที่เคยหายากในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน ✅ การเติบโตของตำแหน่งงานด้าน AI - เกือบหนึ่งในสี่ของตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีใหม่ในสหรัฐฯ ต้องการทักษะด้าน AI - ตำแหน่งงานด้าน AI และ Machine Learning กลายเป็นส่วนสำคัญของตลาดงาน ✅ ความสับสนในชื่อตำแหน่งงาน - ชื่อตำแหน่งงานหลากหลาย เช่น "AI Engineer," "Machine Learning Developer," และ "Data Architect" - การขาดมาตรฐานทำให้ผู้สมัครและนายจ้างสับสน ✅ ความต้องการทักษะด้าน AI - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้าน AI ได้งานเร็วขึ้นถึง 30% - นายจ้างพยายามสร้างตำแหน่งงานที่ดึงดูดและยืดหยุ่น ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดงาน - ตำแหน่ง Data Scientist กำลังเปลี่ยนไปสู่ AI Engineer ที่ต้องการทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์ขั้นสูง https://www.techspot.com/news/107704-ai-boom-scrambles-tech-job-titles-leaving-job.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    In the race for AI talent, companies create a confusing web of job titles
    Karin Kimbrough, LinkedIn's chief global economist, explained that the tech industry now assigns up to 40 different titles to similar roles, leaving job seekers uncertain about whether...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • WorkComposer แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดตามการทำงานของพนักงาน ได้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ โดยมีภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะผ่านอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นี้เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดใน Amazon S3 storage bucket ซึ่งทำให้ข้อมูลที่ควรจะเป็นส่วนตัวกลายเป็นสาธารณะ

    ภาพที่รั่วไหลมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนาภายในองค์กร เอกสารธุรกิจ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบที่แสดงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และ API keys ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูล การหลอกลวง หรือการสอดแนมทางธุรกิจ

    Cybernews ซึ่งเป็นผู้ค้นพบเหตุการณ์นี้ ได้แจ้งเตือน WorkComposer และบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขโดยการปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม WorkComposer ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ เหตุการณ์และผลกระทบ
    - ข้อมูลภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพถูกเปิดเผย
    - มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนา และข้อมูลการเข้าสู่ระบบ

    ✅ การแก้ไขปัญหา
    - WorkComposer ได้ปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล
    - Cybernews แจ้งเตือนบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย
    - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูลและการหลอกลวง
    - พนักงานไม่มีการควบคุมข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏในภาพ

    ✅ ความสำคัญของการป้องกัน
    - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยในระบบคลาวด์

    https://www.techspot.com/news/107711-workcomposer-leak-exposes-21-million-employee-screenshots-online.html
    WorkComposer แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดตามการทำงานของพนักงาน ได้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ โดยมีภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะผ่านอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นี้เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดใน Amazon S3 storage bucket ซึ่งทำให้ข้อมูลที่ควรจะเป็นส่วนตัวกลายเป็นสาธารณะ ภาพที่รั่วไหลมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนาภายในองค์กร เอกสารธุรกิจ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบที่แสดงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และ API keys ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูล การหลอกลวง หรือการสอดแนมทางธุรกิจ Cybernews ซึ่งเป็นผู้ค้นพบเหตุการณ์นี้ ได้แจ้งเตือน WorkComposer และบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขโดยการปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม WorkComposer ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ เหตุการณ์และผลกระทบ - ข้อมูลภาพหน้าจอการทำงานของพนักงานกว่า 21 ล้านภาพถูกเปิดเผย - มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น อีเมล การสนทนา และข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ✅ การแก้ไขปัญหา - WorkComposer ได้ปิดการเข้าถึงข้อมูลที่รั่วไหล - Cybernews แจ้งเตือนบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย - ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมข้อมูลและการหลอกลวง - พนักงานไม่มีการควบคุมข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏในภาพ ✅ ความสำคัญของการป้องกัน - เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยในระบบคลาวด์ https://www.techspot.com/news/107711-workcomposer-leak-exposes-21-million-employee-screenshots-online.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    WorkComposer leak exposes 21 million employee screenshots online
    Over 200,000 employees across thousands of organizations use WorkComposer to track productivity by logging keystrokes, monitoring application usage, and capturing screenshots every few minutes. Researchers at Cybernews...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความพยายามของนักพัฒนา Jonas Eschenburg ในการพอร์ตเกม Doom ให้สามารถเล่นได้บนเครื่อง Atari ST ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่เปิดตัวในปี 1985 โดยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเครื่องที่เกม Doom ถูกออกแบบมาให้เล่นในปี 1993 การพัฒนานี้แสดงถึงความท้าทายและความมุ่งมั่นในการนำเกมที่มีความต้องการสูงมาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์

    Eschenburg ได้เริ่มต้นการพัฒนาโดยใช้การจำลอง (emulation) และสามารถทำให้เกม Doom แสดงผลในโหมดสีเทาและมีเฟรมเรตต่ำ ต่อมาเขาได้ปรับปรุงให้เกมสามารถแสดงผลในโหมดสี 16 บิต พร้อมเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหายเมื่อผู้เล่นถูกโจมตี แม้ว่าการพอร์ตเกมนี้ยังคงมีข้อจำกัด เช่น การทำงานบนฮาร์ดแวร์จริงที่ยังเป็นเรื่องท้าทาย แต่การพัฒนาแสดงถึงความก้าวหน้าและความน่าสนใจในวงการเกม

    ✅ การเริ่มต้นพัฒนา
    - ใช้การจำลองเพื่อทำให้เกม Doom สามารถแสดงผลในโหมดสีเทา
    - เฟรมเรตต่ำและไม่มีเสียงในเวอร์ชันแรก

    ✅ การปรับปรุงและความก้าวหน้า
    - เพิ่มโหมดสี 16 บิตและเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหาย
    - การพัฒนาแสดงถึงความมุ่งมั่นและความท้าทายในการพอร์ตเกม

    ✅ ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ Atari ST
    - Atari ST มี CPU 8 MHz และ RAM สูงสุด 512 KB
    - เกม Doom ต้องการ CPU Intel 386 และ RAM 4 MB ในเวอร์ชันดั้งเดิม

    ✅ เป้าหมายของการพัฒนา
    - นำเกม Doom มาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์

    https://www.techspot.com/news/107713-atari-st-eight-years-early-doom-but-not.html
    บทความนี้กล่าวถึงความพยายามของนักพัฒนา Jonas Eschenburg ในการพอร์ตเกม Doom ให้สามารถเล่นได้บนเครื่อง Atari ST ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่เปิดตัวในปี 1985 โดยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเครื่องที่เกม Doom ถูกออกแบบมาให้เล่นในปี 1993 การพัฒนานี้แสดงถึงความท้าทายและความมุ่งมั่นในการนำเกมที่มีความต้องการสูงมาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ Eschenburg ได้เริ่มต้นการพัฒนาโดยใช้การจำลอง (emulation) และสามารถทำให้เกม Doom แสดงผลในโหมดสีเทาและมีเฟรมเรตต่ำ ต่อมาเขาได้ปรับปรุงให้เกมสามารถแสดงผลในโหมดสี 16 บิต พร้อมเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหายเมื่อผู้เล่นถูกโจมตี แม้ว่าการพอร์ตเกมนี้ยังคงมีข้อจำกัด เช่น การทำงานบนฮาร์ดแวร์จริงที่ยังเป็นเรื่องท้าทาย แต่การพัฒนาแสดงถึงความก้าวหน้าและความน่าสนใจในวงการเกม ✅ การเริ่มต้นพัฒนา - ใช้การจำลองเพื่อทำให้เกม Doom สามารถแสดงผลในโหมดสีเทา - เฟรมเรตต่ำและไม่มีเสียงในเวอร์ชันแรก ✅ การปรับปรุงและความก้าวหน้า - เพิ่มโหมดสี 16 บิตและเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหาย - การพัฒนาแสดงถึงความมุ่งมั่นและความท้าทายในการพอร์ตเกม ✅ ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ Atari ST - Atari ST มี CPU 8 MHz และ RAM สูงสุด 512 KB - เกม Doom ต้องการ CPU Intel 386 และ RAM 4 MB ในเวอร์ชันดั้งเดิม ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - นำเกม Doom มาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ https://www.techspot.com/news/107713-atari-st-eight-years-early-doom-but-not.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The Atari ST was eight years too early for Doom, but not anymore
    Augsburg-based indie developer Jonas "indyjo" Eschenburg recently began sharing early work on a native Doom port for the Atari ST. Although early clips reveal significant compromises, continued...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบที่สำคัญเกี่ยวกับการสร้างน้ำบนดวงจันทร์ โดย NASA ได้ยืนยันว่าลมสุริยะ (Solar Wind) มีบทบาทสำคัญในการสร้างโมเลกุลน้ำบนพื้นผิวดวงจันทร์ การค้นพบนี้เกิดจากการทดลองที่จำลองสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ในห้องปฏิบัติการ โดยใช้ดินจากดวงจันทร์ที่เก็บมาจากภารกิจ Apollo 17 ในปี 1972

    ลมสุริยะซึ่งประกอบด้วยโปรตอนที่เดินทางด้วยความเร็วสูงกว่า 1 ล้านไมล์ต่อชั่วโมง จะชนกับดินบนดวงจันทร์และเปลี่ยนโปรตอนเป็นอะตอมไฮโดรเจน จากนั้นไฮโดรเจนจะจับกับอะตอมออกซิเจนในแร่ธาตุของดวงจันทร์ เช่น ซิลิกา เพื่อสร้างโมเลกุลน้ำและไฮดรอกซิล

    การค้นพบนี้มีความสำคัญต่อโครงการ Artemis ของ NASA ที่มุ่งเน้นการสร้างฐานมนุษย์บนดวงจันทร์ โดยน้ำที่เกิดขึ้นจากกระบวนการนี้สามารถนำไปใช้เป็นทรัพยากรที่ยั่งยืนสำหรับการดื่ม การผลิตออกซิเจน และเชื้อเพลิงจรวด

    ✅ บทบาทของลมสุริยะ
    - ลมสุริยะชนกับดินบนดวงจันทร์และเปลี่ยนโปรตอนเป็นอะตอมไฮโดรเจน
    - ไฮโดรเจนจับกับออกซิเจนในแร่ธาตุเพื่อสร้างโมเลกุลน้ำและไฮดรอกซิล

    ✅ การทดลองของ NASA
    - ใช้ดินจากดวงจันทร์ที่เก็บมาจากภารกิจ Apollo 17
    - จำลองสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ในห้องปฏิบัติการ

    ✅ ผลกระทบต่อโครงการ Artemis
    - น้ำที่เกิดขึ้นสามารถนำไปใช้เป็นทรัพยากรที่ยั่งยืนสำหรับการดื่ม การผลิตออกซิเจน และเชื้อเพลิงจรวด
    - ช่วยสนับสนุนการสร้างฐานมนุษย์บนดวงจันทร์

    ✅ ความสำคัญของการค้นพบ
    - ยืนยันว่าลมสุริยะเป็นแหล่งสำคัญในการสร้างน้ำบนดวงจันทร์
    - ช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรบนดวงจันทร์

    https://www.techspot.com/news/107714-moon-surface-can-make-water-thanks-solar-wind.html
    บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบที่สำคัญเกี่ยวกับการสร้างน้ำบนดวงจันทร์ โดย NASA ได้ยืนยันว่าลมสุริยะ (Solar Wind) มีบทบาทสำคัญในการสร้างโมเลกุลน้ำบนพื้นผิวดวงจันทร์ การค้นพบนี้เกิดจากการทดลองที่จำลองสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ในห้องปฏิบัติการ โดยใช้ดินจากดวงจันทร์ที่เก็บมาจากภารกิจ Apollo 17 ในปี 1972 ลมสุริยะซึ่งประกอบด้วยโปรตอนที่เดินทางด้วยความเร็วสูงกว่า 1 ล้านไมล์ต่อชั่วโมง จะชนกับดินบนดวงจันทร์และเปลี่ยนโปรตอนเป็นอะตอมไฮโดรเจน จากนั้นไฮโดรเจนจะจับกับอะตอมออกซิเจนในแร่ธาตุของดวงจันทร์ เช่น ซิลิกา เพื่อสร้างโมเลกุลน้ำและไฮดรอกซิล การค้นพบนี้มีความสำคัญต่อโครงการ Artemis ของ NASA ที่มุ่งเน้นการสร้างฐานมนุษย์บนดวงจันทร์ โดยน้ำที่เกิดขึ้นจากกระบวนการนี้สามารถนำไปใช้เป็นทรัพยากรที่ยั่งยืนสำหรับการดื่ม การผลิตออกซิเจน และเชื้อเพลิงจรวด ✅ บทบาทของลมสุริยะ - ลมสุริยะชนกับดินบนดวงจันทร์และเปลี่ยนโปรตอนเป็นอะตอมไฮโดรเจน - ไฮโดรเจนจับกับออกซิเจนในแร่ธาตุเพื่อสร้างโมเลกุลน้ำและไฮดรอกซิล ✅ การทดลองของ NASA - ใช้ดินจากดวงจันทร์ที่เก็บมาจากภารกิจ Apollo 17 - จำลองสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ในห้องปฏิบัติการ ✅ ผลกระทบต่อโครงการ Artemis - น้ำที่เกิดขึ้นสามารถนำไปใช้เป็นทรัพยากรที่ยั่งยืนสำหรับการดื่ม การผลิตออกซิเจน และเชื้อเพลิงจรวด - ช่วยสนับสนุนการสร้างฐานมนุษย์บนดวงจันทร์ ✅ ความสำคัญของการค้นพบ - ยืนยันว่าลมสุริยะเป็นแหล่งสำคัญในการสร้างน้ำบนดวงจันทร์ - ช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรบนดวงจันทร์ https://www.techspot.com/news/107714-moon-surface-can-make-water-thanks-solar-wind.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Moon's surface can make water thanks to solar wind, NASA experiment confirms
    The breakthrough comes from researchers at NASA's Goddard Space Flight Center, who set out to replicate the harsh lunar environment in the most realistic laboratory simulation to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความสำเร็จของ Arm ในการพัฒนาและส่งมอบชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน โดย Arm ได้เริ่มต้นการพัฒนาชิปตั้งแต่ปี 1985 ด้วยชิป ARM1 ที่มีเพียง 6,000 gates และใช้เทคโนโลยี 3μm ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในคอมพิวเตอร์ Acorn Archimedes ในสหราชอาณาจักร

    ปัจจุบัน Arm ได้ส่งมอบชิปไปแล้วกว่า 250 พันล้านชิ้น ซึ่งถูกใช้งานในอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น เซ็นเซอร์ สมาร์ทโฟน และศูนย์ข้อมูล โดยชิปที่ทันสมัยที่สุดของ Arm มีมากกว่า 100 ล้าน gates และใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm

    Arm ยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีเป้าหมายที่จะครองตลาด CPU ในศูนย์ข้อมูลถึง 50% ภายในปี 2025 อย่างไรก็ตาม Arm ต้องเผชิญกับความท้าทายจากคู่แข่ง เช่น RISC-V และบริษัทเทคโนโลยีในจีนที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

    ✅ การเริ่มต้นและการพัฒนา
    - ชิป ARM1 มีเพียง 6,000 gates และใช้เทคโนโลยี 3μm
    - ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในคอมพิวเตอร์ Acorn Archimedes

    ✅ ความสำเร็จในปัจจุบัน
    - ส่งมอบชิปไปแล้วกว่า 250 พันล้านชิ้น
    - ชิปที่ทันสมัยที่สุดมีมากกว่า 100 ล้าน gates และใช้เทคโนโลยี 3nm

    ✅ บทบาทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - เป้าหมายที่จะครองตลาด CPU ในศูนย์ข้อมูลถึง 50% ภายในปี 2025
    - มีบทบาทสำคัญในอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น เซ็นเซอร์และสมาร์ทโฟน

    ✅ ความสำคัญของการประหยัดพลังงาน
    - ชิปของ Arm มีคุณสมบัติที่ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/over-250-billion-arm-chips-have-shipped-since-the-first-arm1-processor-launched-40-years-ago
    บทความนี้กล่าวถึงความสำเร็จของ Arm ในการพัฒนาและส่งมอบชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน โดย Arm ได้เริ่มต้นการพัฒนาชิปตั้งแต่ปี 1985 ด้วยชิป ARM1 ที่มีเพียง 6,000 gates และใช้เทคโนโลยี 3μm ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในคอมพิวเตอร์ Acorn Archimedes ในสหราชอาณาจักร ปัจจุบัน Arm ได้ส่งมอบชิปไปแล้วกว่า 250 พันล้านชิ้น ซึ่งถูกใช้งานในอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น เซ็นเซอร์ สมาร์ทโฟน และศูนย์ข้อมูล โดยชิปที่ทันสมัยที่สุดของ Arm มีมากกว่า 100 ล้าน gates และใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm Arm ยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก โดยมีเป้าหมายที่จะครองตลาด CPU ในศูนย์ข้อมูลถึง 50% ภายในปี 2025 อย่างไรก็ตาม Arm ต้องเผชิญกับความท้าทายจากคู่แข่ง เช่น RISC-V และบริษัทเทคโนโลยีในจีนที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ✅ การเริ่มต้นและการพัฒนา - ชิป ARM1 มีเพียง 6,000 gates และใช้เทคโนโลยี 3μm - ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในคอมพิวเตอร์ Acorn Archimedes ✅ ความสำเร็จในปัจจุบัน - ส่งมอบชิปไปแล้วกว่า 250 พันล้านชิ้น - ชิปที่ทันสมัยที่สุดมีมากกว่า 100 ล้าน gates และใช้เทคโนโลยี 3nm ✅ บทบาทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - เป้าหมายที่จะครองตลาด CPU ในศูนย์ข้อมูลถึง 50% ภายในปี 2025 - มีบทบาทสำคัญในอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น เซ็นเซอร์และสมาร์ทโฟน ✅ ความสำคัญของการประหยัดพลังงาน - ชิปของ Arm มีคุณสมบัติที่ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/over-250-billion-arm-chips-have-shipped-since-the-first-arm1-processor-launched-40-years-ago
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมใหม่ของ CPU รุ่น Panther Lake ซึ่งจะใช้คอร์ประสิทธิภาพสูง (Performance Core) ที่มีชื่อว่า Cougar Cove และคอร์ประหยัดพลังงาน (Efficiency Core) ที่มีชื่อว่า Darkmont โดย Panther Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025

    CPU รุ่นนี้มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างพลังของ Arrow Lake และประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของ Lunar Lake โดยมีคอร์แบบไฮบริดสูงสุด 18 คอร์ (6P+8E+4LPE) และคอร์กราฟิก 12 Xe ที่ใช้สถาปัตยกรรม Celestial (Xe3) นอกจากนี้ยังมีการรองรับหน่วยความจำแบบ LPCAMM ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความยืดหยุ่น

    Panther Lake ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในอุปกรณ์หลากหลาย เช่น โน้ตบุ๊กระดับเริ่มต้น อุปกรณ์พกพา และแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม โดยมี TDP สูงสุด 64W และยังมีแผนที่จะนำสถาปัตยกรรมนี้ไปใช้ในยานยนต์

    ✅ สถาปัตยกรรมใหม่
    - ใช้คอร์ประสิทธิภาพสูง Cougar Cove และคอร์ประหยัดพลังงาน Darkmont
    - มีคอร์แบบไฮบริดสูงสุด 18 คอร์ (6P+8E+4LPE)

    ✅ การรองรับกราฟิกและหน่วยความจำ
    - คอร์กราฟิก 12 Xe ใช้สถาปัตยกรรม Celestial (Xe3)
    - รองรับหน่วยความจำแบบ LPCAMM ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความยืดหยุ่น

    ✅ การใช้งานในอุปกรณ์หลากหลาย
    - ใช้งานในโน้ตบุ๊กระดับเริ่มต้น อุปกรณ์พกพา และแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม
    - มี TDP สูงสุด 64W และแผนที่จะนำไปใช้ในยานยนต์

    ✅ เป้าหมายของ Intel
    - ผสมผสานพลังของ Arrow Lake และประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของ Lunar Lake

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-cougar-cove-p-darkmont-e-core-architectures-revealed-in-panther-lake-perfmon-commit
    Intel ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมใหม่ของ CPU รุ่น Panther Lake ซึ่งจะใช้คอร์ประสิทธิภาพสูง (Performance Core) ที่มีชื่อว่า Cougar Cove และคอร์ประหยัดพลังงาน (Efficiency Core) ที่มีชื่อว่า Darkmont โดย Panther Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 CPU รุ่นนี้มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างพลังของ Arrow Lake และประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของ Lunar Lake โดยมีคอร์แบบไฮบริดสูงสุด 18 คอร์ (6P+8E+4LPE) และคอร์กราฟิก 12 Xe ที่ใช้สถาปัตยกรรม Celestial (Xe3) นอกจากนี้ยังมีการรองรับหน่วยความจำแบบ LPCAMM ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความยืดหยุ่น Panther Lake ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในอุปกรณ์หลากหลาย เช่น โน้ตบุ๊กระดับเริ่มต้น อุปกรณ์พกพา และแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม โดยมี TDP สูงสุด 64W และยังมีแผนที่จะนำสถาปัตยกรรมนี้ไปใช้ในยานยนต์ ✅ สถาปัตยกรรมใหม่ - ใช้คอร์ประสิทธิภาพสูง Cougar Cove และคอร์ประหยัดพลังงาน Darkmont - มีคอร์แบบไฮบริดสูงสุด 18 คอร์ (6P+8E+4LPE) ✅ การรองรับกราฟิกและหน่วยความจำ - คอร์กราฟิก 12 Xe ใช้สถาปัตยกรรม Celestial (Xe3) - รองรับหน่วยความจำแบบ LPCAMM ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความยืดหยุ่น ✅ การใช้งานในอุปกรณ์หลากหลาย - ใช้งานในโน้ตบุ๊กระดับเริ่มต้น อุปกรณ์พกพา และแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม - มี TDP สูงสุด 64W และแผนที่จะนำไปใช้ในยานยนต์ ✅ เป้าหมายของ Intel - ผสมผสานพลังของ Arrow Lake และประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของ Lunar Lake https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-cougar-cove-p-darkmont-e-core-architectures-revealed-in-panther-lake-perfmon-commit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงคิดว่าเป็นแนวทางที่ฉลาดมาก ไม่งั้นอเมริกาจะได้ทุกอย่างแล้วทิ้งไต้หวันไว้กลางทางได้ แต่ลุงก็คิดว่าทรัมป์ก็คงไม่ยอมเช่นกัน

    รัฐบาลไต้หวันได้ประกาศมาตรการใหม่เพื่อเสริมสร้าง "โล่ซิลิคอน" โดยการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC และการลงทุนในต่างประเทศ มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ โดยมีการบังคับใช้ข้อจำกัด "N-1" ซึ่งอนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่นเท่านั้น

    มาตรการนี้จะมีผลกระทบต่อการผลิตชิปในสหรัฐฯ ของ TSMC ซึ่งจะถูกจำกัดให้ใช้เทคโนโลยีที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่นจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในไต้หวัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือยกเลิกการลงทุนในต่างประเทศหากพบว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ

    ✅ ข้อจำกัด "N-1"
    - จำกัดการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC
    - อนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่นเท่านั้น

    ✅ ผลกระทบต่อ TSMC
    - การผลิตชิปในสหรัฐฯ จะถูกจำกัดให้ใช้เทคโนโลยีที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่น
    - TSMC วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น $165 พันล้าน

    ✅ การควบคุมการลงทุนในต่างประเทศ
    - รัฐบาลมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือยกเลิกการลงทุนที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ
    - บริษัทที่ลงทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจถูกปรับสูงสุด NT$10 ล้าน

    ✅ เป้าหมายของมาตรการ
    - ปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwans-government-strengthens-silicon-shield-restricts-exports-of-tsmcs-most-advanced-process-technologies
    ลุงคิดว่าเป็นแนวทางที่ฉลาดมาก ไม่งั้นอเมริกาจะได้ทุกอย่างแล้วทิ้งไต้หวันไว้กลางทางได้ แต่ลุงก็คิดว่าทรัมป์ก็คงไม่ยอมเช่นกัน รัฐบาลไต้หวันได้ประกาศมาตรการใหม่เพื่อเสริมสร้าง "โล่ซิลิคอน" โดยการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC และการลงทุนในต่างประเทศ มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ โดยมีการบังคับใช้ข้อจำกัด "N-1" ซึ่งอนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่นเท่านั้น มาตรการนี้จะมีผลกระทบต่อการผลิตชิปในสหรัฐฯ ของ TSMC ซึ่งจะถูกจำกัดให้ใช้เทคโนโลยีที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่นจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในไต้หวัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือยกเลิกการลงทุนในต่างประเทศหากพบว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ ✅ ข้อจำกัด "N-1" - จำกัดการส่งออกเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC - อนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่นเท่านั้น ✅ ผลกระทบต่อ TSMC - การผลิตชิปในสหรัฐฯ จะถูกจำกัดให้ใช้เทคโนโลยีที่ล้าหลังไปหนึ่งรุ่น - TSMC วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น $165 พันล้าน ✅ การควบคุมการลงทุนในต่างประเทศ - รัฐบาลมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือยกเลิกการลงทุนที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ - บริษัทที่ลงทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจถูกปรับสูงสุด NT$10 ล้าน ✅ เป้าหมายของมาตรการ - ปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwans-government-strengthens-silicon-shield-restricts-exports-of-tsmcs-most-advanced-process-technologies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ช่องโหว่แบบ zero-day ในระบบ Craft CMS ซึ่งส่งผลกระทบต่อเซิร์ฟเวอร์กว่า 300 แห่ง โดยช่องโหว่ที่ถูกใช้มีสองรายการ ได้แก่ CVE-2025-32432 ซึ่งเป็นช่องโหว่การรันโค้ดระยะไกล (RCE) และ CVE-2204-58136 ซึ่งเป็นช่องโหว่ใน Yii PHP framework ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงฟังก์ชันหรือทรัพยากรที่ถูกจำกัด

    นักวิจัยจาก Orange Cyberdefense พบว่าการโจมตีเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เหล่านี้ร่วมกันเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่และรันโค้ดที่เป็นอันตราย ผู้ใช้งาน Craft CMS ถูกแนะนำให้ตรวจสอบสัญญาณการถูกโจมตี เช่น การเปลี่ยนแปลงในฐานข้อมูลหรือการเข้าถึงที่ผิดปกติ และควรอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี

    ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้
    - CVE-2025-32432: ช่องโหว่การรันโค้ดระยะไกล (RCE) ที่มีคะแนนความรุนแรง 10/10
    - CVE-2204-58136: ช่องโหว่ใน Yii PHP framework ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงทรัพยากรที่ถูกจำกัด

    ✅ ผลกระทบต่อเซิร์ฟเวอร์
    - เซิร์ฟเวอร์กว่า 300 แห่งถูกโจมตี
    - มีเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ประมาณ 13,000 แห่ง

    ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน
    - ตรวจสอบสัญญาณการถูกโจมตี เช่น การเปลี่ยนแปลงในฐานข้อมูล
    - อัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันล่าสุด เช่น 3.9.15, 4.14.15, และ 5.6.17

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - ใช้ช่องโหว่เพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์และรันโค้ดที่เป็นอันตราย

    https://www.techradar.com/pro/security/craft-cms-zero-day-exploited-to-compromise-hundreds-of-vulnerable-servers
    บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ช่องโหว่แบบ zero-day ในระบบ Craft CMS ซึ่งส่งผลกระทบต่อเซิร์ฟเวอร์กว่า 300 แห่ง โดยช่องโหว่ที่ถูกใช้มีสองรายการ ได้แก่ CVE-2025-32432 ซึ่งเป็นช่องโหว่การรันโค้ดระยะไกล (RCE) และ CVE-2204-58136 ซึ่งเป็นช่องโหว่ใน Yii PHP framework ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงฟังก์ชันหรือทรัพยากรที่ถูกจำกัด นักวิจัยจาก Orange Cyberdefense พบว่าการโจมตีเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยผู้โจมตีใช้ช่องโหว่เหล่านี้ร่วมกันเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่และรันโค้ดที่เป็นอันตราย ผู้ใช้งาน Craft CMS ถูกแนะนำให้ตรวจสอบสัญญาณการถูกโจมตี เช่น การเปลี่ยนแปลงในฐานข้อมูลหรือการเข้าถึงที่ผิดปกติ และควรอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้ - CVE-2025-32432: ช่องโหว่การรันโค้ดระยะไกล (RCE) ที่มีคะแนนความรุนแรง 10/10 - CVE-2204-58136: ช่องโหว่ใน Yii PHP framework ที่เปิดโอกาสให้เข้าถึงทรัพยากรที่ถูกจำกัด ✅ ผลกระทบต่อเซิร์ฟเวอร์ - เซิร์ฟเวอร์กว่า 300 แห่งถูกโจมตี - มีเซิร์ฟเวอร์ที่มีช่องโหว่ประมาณ 13,000 แห่ง ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน - ตรวจสอบสัญญาณการถูกโจมตี เช่น การเปลี่ยนแปลงในฐานข้อมูล - อัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันล่าสุด เช่น 3.9.15, 4.14.15, และ 5.6.17 ✅ เป้าหมายของการโจมตี - ใช้ช่องโหว่เพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์และรันโค้ดที่เป็นอันตราย https://www.techradar.com/pro/security/craft-cms-zero-day-exploited-to-compromise-hundreds-of-vulnerable-servers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัวบริการใหม่สำหรับ Windows Server 2025 ที่ช่วยลดจำนวนการรีบูตเครื่อง โดยบริการนี้เรียกว่า Hotpatching ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตระบบโดยไม่ต้องรีบูตเครื่องในบางครั้ง บริการนี้มีค่าใช้จ่าย $1.50 ต่อ CPU core ต่อเดือน และจะเริ่มใช้งานได้ทั่วไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2025

    Hotpatching จะช่วยลดจำนวนการรีบูตเครื่องจาก 12 ครั้งต่อปี เหลือเพียง 4 ครั้ง โดยมีการอัปเดตแบบ baseline ในเดือนมกราคม เมษายน กรกฎาคม และตุลาคม ซึ่งต้องรีบูตเครื่อง และในเดือนอื่นๆ จะเป็นการอัปเดตแบบ hotpatch ที่ไม่ต้องรีบูต

    บริการนี้รองรับเฉพาะ Windows Server 2025 Standard และ Datacenter edition ที่เชื่อมต่อกับ Azure Arc ส่วน Azure Editions เช่น Azure IaaS และ Azure Stack จะยังคงได้รับ hotpatching ฟรี

    ✅ การลดจำนวนการรีบูตเครื่อง
    - ลดจำนวนการรีบูตเครื่องจาก 12 ครั้งต่อปีเหลือเพียง 4 ครั้ง
    - มีการอัปเดตแบบ baseline ที่ต้องรีบูตเครื่อง และ hotpatch ที่ไม่ต้องรีบูต

    ✅ ค่าใช้จ่ายและการใช้งาน
    - ค่าใช้จ่าย $1.50 ต่อ CPU core ต่อเดือน
    - รองรับเฉพาะ Windows Server 2025 Standard และ Datacenter edition ที่เชื่อมต่อกับ Azure Arc

    ✅ เป้าหมายของบริการ
    - ลดความไม่สะดวกจากการรีบูตเครื่อง
    - เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการระบบ

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-previews-a-paid-reboot-reduction-service-for-windows-server-2025
    Microsoft ได้เปิดตัวบริการใหม่สำหรับ Windows Server 2025 ที่ช่วยลดจำนวนการรีบูตเครื่อง โดยบริการนี้เรียกว่า Hotpatching ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตระบบโดยไม่ต้องรีบูตเครื่องในบางครั้ง บริการนี้มีค่าใช้จ่าย $1.50 ต่อ CPU core ต่อเดือน และจะเริ่มใช้งานได้ทั่วไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 Hotpatching จะช่วยลดจำนวนการรีบูตเครื่องจาก 12 ครั้งต่อปี เหลือเพียง 4 ครั้ง โดยมีการอัปเดตแบบ baseline ในเดือนมกราคม เมษายน กรกฎาคม และตุลาคม ซึ่งต้องรีบูตเครื่อง และในเดือนอื่นๆ จะเป็นการอัปเดตแบบ hotpatch ที่ไม่ต้องรีบูต บริการนี้รองรับเฉพาะ Windows Server 2025 Standard และ Datacenter edition ที่เชื่อมต่อกับ Azure Arc ส่วน Azure Editions เช่น Azure IaaS และ Azure Stack จะยังคงได้รับ hotpatching ฟรี ✅ การลดจำนวนการรีบูตเครื่อง - ลดจำนวนการรีบูตเครื่องจาก 12 ครั้งต่อปีเหลือเพียง 4 ครั้ง - มีการอัปเดตแบบ baseline ที่ต้องรีบูตเครื่อง และ hotpatch ที่ไม่ต้องรีบูต ✅ ค่าใช้จ่ายและการใช้งาน - ค่าใช้จ่าย $1.50 ต่อ CPU core ต่อเดือน - รองรับเฉพาะ Windows Server 2025 Standard และ Datacenter edition ที่เชื่อมต่อกับ Azure Arc ✅ เป้าหมายของบริการ - ลดความไม่สะดวกจากการรีบูตเครื่อง - เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการระบบ https://www.techradar.com/pro/microsoft-previews-a-paid-reboot-reduction-service-for-windows-server-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการที่ FBI ได้ประกาศตั้งรางวัลมูลค่าสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การระบุตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์ Salt Typhoon ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน กลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ เช่น การขโมยข้อมูลการโทรและการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งศาล

    นอกจากนี้ FBI ยังระบุว่ารางวัลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Rewards for Justice (RFJ) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นการป้องกันกิจกรรมไซเบอร์ที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    ✅ การตั้งรางวัลมูลค่าสูง
    - รางวัลมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การระบุตัวบุคคลในกลุ่ม Salt Typhoon
    - กลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ

    ✅ เป้าหมายของการประกาศ
    - ป้องกันกิจกรรมไซเบอร์ที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
    - สนับสนุนการสืบสวนและการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์

    ✅ การโจมตีที่เกี่ยวข้อง
    - การขโมยข้อมูลการโทรและการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งศาล
    - การโจมตีที่มีผลกระทบในระดับโลก

    ✅ โครงการ Rewards for Justice (RFJ)
    - มุ่งเน้นการป้องกันกิจกรรมไซเบอร์ที่เป็นอันตราย
    - เสนอรางวัลสำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามไซเบอร์

    https://www.techradar.com/pro/security/fbi-places-bounty-on-salt-typhoon-usd10-million-for-info-on-infamous-chinese-hacking-group
    บทความนี้กล่าวถึงการที่ FBI ได้ประกาศตั้งรางวัลมูลค่าสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การระบุตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์ Salt Typhoon ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน กลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ เช่น การขโมยข้อมูลการโทรและการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งศาล นอกจากนี้ FBI ยังระบุว่ารางวัลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Rewards for Justice (RFJ) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นการป้องกันกิจกรรมไซเบอร์ที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ✅ การตั้งรางวัลมูลค่าสูง - รางวัลมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การระบุตัวบุคคลในกลุ่ม Salt Typhoon - กลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ ✅ เป้าหมายของการประกาศ - ป้องกันกิจกรรมไซเบอร์ที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ - สนับสนุนการสืบสวนและการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ ✅ การโจมตีที่เกี่ยวข้อง - การขโมยข้อมูลการโทรและการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งศาล - การโจมตีที่มีผลกระทบในระดับโลก ✅ โครงการ Rewards for Justice (RFJ) - มุ่งเน้นการป้องกันกิจกรรมไซเบอร์ที่เป็นอันตราย - เสนอรางวัลสำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามไซเบอร์ https://www.techradar.com/pro/security/fbi-places-bounty-on-salt-typhoon-usd10-million-for-info-on-infamous-chinese-hacking-group
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน โดยเฉพาะในบริบทของการใช้งานในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีการเตือนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลและทหารหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์เหล่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อความ เอกสาร และตำแหน่งที่ตั้ง อาจถูกเก็บรวบรวมและนำไปใช้โดยรัฐจีน

    มีการเปรียบเทียบการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนว่าเหมือนกับการเสียบ USB ที่ไม่รู้จักเข้ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์ที่อาจถูกใช้ในการดักฟัง

    ✅ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์จีน
    - หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน
    - มีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวอาจถูกเก็บรวบรวม

    ✅ การเปรียบเทียบความเสี่ยง
    - การเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนเปรียบเสมือนการเสียบ USB ที่ไม่รู้จัก
    - อาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม

    ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์
    - ไมโครโฟนอาจถูกใช้ในการดักฟังโดยรัฐจีน

    ✅ การตอบสนองของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
    - ผู้ผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักรต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/security/uk-defense-firm-warns-staff-against-charging-phones-in-chinese-cars
    บทความนี้กล่าวถึงความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน โดยเฉพาะในบริบทของการใช้งานในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีการเตือนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลและทหารหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์เหล่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อความ เอกสาร และตำแหน่งที่ตั้ง อาจถูกเก็บรวบรวมและนำไปใช้โดยรัฐจีน มีการเปรียบเทียบการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนว่าเหมือนกับการเสียบ USB ที่ไม่รู้จักเข้ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์ที่อาจถูกใช้ในการดักฟัง ✅ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์จีน - หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับรถยนต์ที่ผลิตในจีน - มีความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวอาจถูกเก็บรวบรวม ✅ การเปรียบเทียบความเสี่ยง - การเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์จีนเปรียบเสมือนการเสียบ USB ที่ไม่รู้จัก - อาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์หรือการสอดแนม ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับไมโครโฟนในรถยนต์ - ไมโครโฟนอาจถูกใช้ในการดักฟังโดยรัฐจีน ✅ การตอบสนองของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ - ผู้ผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักรต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยข้อมูล https://www.techradar.com/pro/security/uk-defense-firm-warns-staff-against-charging-phones-in-chinese-cars
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Wallet อาจได้รับการอัปเกรดครั้งสำคัญที่ช่วยให้การเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัสง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มบัตรชำระเงินได้เพียงแค่แตะบัตรกับโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับการแตะบัตรบนเครื่องอ่านบัตรไร้สัมผัส

    ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method” พร้อมกับวิธีการเพิ่มบัตรแบบเดิม เช่น การกรอกข้อมูลบัตรด้วยตนเอง แม้ว่าการใช้ NFC จะช่วยลดเวลาในการเพิ่มบัตร แต่ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อความปลอดภัย

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ หรือว่าฟีเจอร์นี้จะมาพร้อมกับ Android 16 หรือเป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตเล็กๆ

    ✅ การเพิ่มบัตรด้วย NFC
    - ใช้เทคโนโลยี NFC เพื่อเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัส
    - ลดเวลาในการเพิ่มบัตรเมื่อเทียบกับการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง

    ✅ ความปลอดภัย
    - ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อป้องกันการเพิ่มบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ✅ การใช้งานและความเข้ากันได้
    - ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method”
    - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ

    ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์
    - เพิ่มความสะดวกและลดเวลาในการเพิ่มบัตรชำระเงิน

    https://www.techradar.com/phones/android/google-wallet-could-soon-let-you-add-cards-by-tapping-them-on-your-phone-and-i-cant-believe-this-isnt-already-a-thing
    Google Wallet อาจได้รับการอัปเกรดครั้งสำคัญที่ช่วยให้การเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัสง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มบัตรชำระเงินได้เพียงแค่แตะบัตรกับโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับการแตะบัตรบนเครื่องอ่านบัตรไร้สัมผัส ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method” พร้อมกับวิธีการเพิ่มบัตรแบบเดิม เช่น การกรอกข้อมูลบัตรด้วยตนเอง แม้ว่าการใช้ NFC จะช่วยลดเวลาในการเพิ่มบัตร แต่ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ หรือว่าฟีเจอร์นี้จะมาพร้อมกับ Android 16 หรือเป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตเล็กๆ ✅ การเพิ่มบัตรด้วย NFC - ใช้เทคโนโลยี NFC เพื่อเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัส - ลดเวลาในการเพิ่มบัตรเมื่อเทียบกับการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง ✅ ความปลอดภัย - ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อป้องกันการเพิ่มบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ การใช้งานและความเข้ากันได้ - ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method” - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์ - เพิ่มความสะดวกและลดเวลาในการเพิ่มบัตรชำระเงิน https://www.techradar.com/phones/android/google-wallet-could-soon-let-you-add-cards-by-tapping-them-on-your-phone-and-i-cant-believe-this-isnt-already-a-thing
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้

    การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000

    Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว
    - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว

    ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย
    - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา
    - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    ✅ ผลกระทบทางการเงิน
    - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี
    - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร

    ✅ วิธีการป้องกัน
    - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง
    - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้ การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย ✅ ผลกระทบทางการเงิน - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร ✅ วิธีการป้องกัน - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีแบบฟิชชิงที่เพิ่มขึ้น โดยอาชญากรไซเบอร์มักปลอมตัวเป็นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง เช่น Microsoft, Google และ Apple เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน จากการวิจัยของ Check Point พบว่า Microsoft เป็นแบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยคิดเป็น 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ รองลงมาคือ Google 12% และ Apple 8%

    นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของการปลอมตัวเป็น Mastercard โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งอาชญากรใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต เช่น หมายเลขบัตรและ CVV การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนมาจากบริษัทจริง

    Check Point แนะนำให้ผู้ใช้งานเพิ่มความระมัดระวัง เช่น การตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมถึงการใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    ✅ แบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุด
    - Microsoft: 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์
    - Google: 12% และ Apple: 8%

    ✅ การปลอมตัวเป็น Mastercard
    - พบการโจมตีในญี่ปุ่นโดยใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต
    - อาชญากรใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอม

    ✅ คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย
    - ตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA)

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - ขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน

    https://www.techradar.com/pro/security/criminals-are-pretending-to-be-microsoft-google-and-apple-in-phishing-attacks
    บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีแบบฟิชชิงที่เพิ่มขึ้น โดยอาชญากรไซเบอร์มักปลอมตัวเป็นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง เช่น Microsoft, Google และ Apple เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน จากการวิจัยของ Check Point พบว่า Microsoft เป็นแบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยคิดเป็น 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ รองลงมาคือ Google 12% และ Apple 8% นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของการปลอมตัวเป็น Mastercard โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งอาชญากรใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต เช่น หมายเลขบัตรและ CVV การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนมาจากบริษัทจริง Check Point แนะนำให้ผู้ใช้งานเพิ่มความระมัดระวัง เช่น การตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมถึงการใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ✅ แบรนด์ที่ถูกปลอมตัวมากที่สุด - Microsoft: 36% ของการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ - Google: 12% และ Apple: 8% ✅ การปลอมตัวเป็น Mastercard - พบการโจมตีในญี่ปุ่นโดยใช้เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิต - อาชญากรใช้วิธีการที่ซับซ้อน เช่น การส่งอีเมลปลอม ✅ คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย - ตรวจสอบที่อยู่อีเมลและหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) ✅ เป้าหมายของการโจมตี - ขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน https://www.techradar.com/pro/security/criminals-are-pretending-to-be-microsoft-google-and-apple-in-phishing-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    Criminals are pretending to be Microsoft, Google, and Apple in phishing attacks
    Cybercriminals are impersonating popular tech firms to trick victims
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้เปรียบเทียบแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมสองแห่ง ได้แก่ Wix และ Squarespace โดยเน้นจุดเด่นและข้อจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการ

    Wix มีจุดเด่นที่ความยืดหยุ่นในการออกแบบและเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การแก้ไขแบบลากและวางที่ไม่จำกัดตำแหน่ง และการรองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ ในขณะที่ Squarespace มีจุดเด่นที่การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม รวมถึงฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่รวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน

    ✅ จุดเด่นของ Wix
    - มีเทมเพลตกว่า 900 แบบที่หลากหลาย
    - เครื่องมือแก้ไขแบบลากและวางที่ยืดหยุ่น
    - รองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ
    - มีแผนการใช้งานฟรี

    ✅ จุดเด่นของ Squarespace
    - การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม
    - ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซรวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน
    - รองรับการสร้างบล็อกที่มีฟีเจอร์การสร้างรายได้

    ✅ การเปรียบเทียบราคา
    - Wix เริ่มต้นที่ $17/เดือน และมีแผนฟรี
    - Squarespace เริ่มต้นที่ $16/เดือน แต่ไม่มีแผนฟรี

    ✅ การใช้งานและการสนับสนุน
    - Wix มีการสนับสนุนที่หลากหลาย เช่น แชทสดและโทรศัพท์
    - Squarespace มีการสนับสนุนแบบแชทสด 24/7

    https://www.techradar.com/news/wix-vs-squarespace-which-is-better
    บทความนี้เปรียบเทียบแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมสองแห่ง ได้แก่ Wix และ Squarespace โดยเน้นจุดเด่นและข้อจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการ Wix มีจุดเด่นที่ความยืดหยุ่นในการออกแบบและเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การแก้ไขแบบลากและวางที่ไม่จำกัดตำแหน่ง และการรองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ ในขณะที่ Squarespace มีจุดเด่นที่การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม รวมถึงฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่รวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน ✅ จุดเด่นของ Wix - มีเทมเพลตกว่า 900 แบบที่หลากหลาย - เครื่องมือแก้ไขแบบลากและวางที่ยืดหยุ่น - รองรับแอปพลิเคชันกว่า 500 รายการ - มีแผนการใช้งานฟรี ✅ จุดเด่นของ Squarespace - การออกแบบที่มีโครงสร้างและความสวยงาม - ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซรวมอยู่ในทุกแผนการใช้งาน - รองรับการสร้างบล็อกที่มีฟีเจอร์การสร้างรายได้ ✅ การเปรียบเทียบราคา - Wix เริ่มต้นที่ $17/เดือน และมีแผนฟรี - Squarespace เริ่มต้นที่ $16/เดือน แต่ไม่มีแผนฟรี ✅ การใช้งานและการสนับสนุน - Wix มีการสนับสนุนที่หลากหลาย เช่น แชทสดและโทรศัพท์ - Squarespace มีการสนับสนุนแบบแชทสด 24/7 https://www.techradar.com/news/wix-vs-squarespace-which-is-better
    WWW.TECHRADAR.COM
    Wix vs Squarespace: Which website builder is better?
    We compare two premium platforms for modern website building
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการใช้ AI ในการคัดเลือกลูกสุนัขที่มีศักยภาพในการเป็นสุนัขนำทางหรือสุนัขบริการ โดยการวิจัยจากมหาวิทยาลัย East London พบว่า AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80% ในระยะเวลา 12 เดือน การใช้ AI ช่วยลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลกระทบทั้งด้านอารมณ์และการเงิน

    AI ทำงานโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกสุนัขผ่านแบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัขในช่วงอายุ 6 เดือนและ 12 เดือน AI สามารถตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่แม้แต่ผู้ฝึกสุนัขที่มีประสบการณ์อาจมองข้าม

    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก เช่น The Seeing Eye และ Canine Companions ซึ่งเป็นทีมที่ปรากฏในสารคดี Netflix เรื่อง Inside the Mind of a Dog

    ✅ ความแม่นยำของ AI
    - AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80%
    - ลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข

    ✅ การวิเคราะห์พฤติกรรม
    - ใช้แบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัข
    - AI ตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่ผู้ฝึกอาจมองข้าม

    ✅ การสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก
    - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก The Seeing Eye และ Canine Companions
    - องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในวงการฝึกสุนัขนำทาง

    ✅ เป้าหมายของโครงการ
    - เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดเลือกสุนัขนำทาง
    - ลดผลกระทบด้านอารมณ์และการเงินจากการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึก

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/ai-is-better-at-picking-which-puppy-will-make-a-good-guide-dog-than-humans-are
    บทความนี้กล่าวถึงการใช้ AI ในการคัดเลือกลูกสุนัขที่มีศักยภาพในการเป็นสุนัขนำทางหรือสุนัขบริการ โดยการวิจัยจากมหาวิทยาลัย East London พบว่า AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80% ในระยะเวลา 12 เดือน การใช้ AI ช่วยลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลกระทบทั้งด้านอารมณ์และการเงิน AI ทำงานโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกสุนัขผ่านแบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัขในช่วงอายุ 6 เดือนและ 12 เดือน AI สามารถตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่แม้แต่ผู้ฝึกสุนัขที่มีประสบการณ์อาจมองข้าม โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก เช่น The Seeing Eye และ Canine Companions ซึ่งเป็นทีมที่ปรากฏในสารคดี Netflix เรื่อง Inside the Mind of a Dog ✅ ความแม่นยำของ AI - AI สามารถทำนายความเหมาะสมของลูกสุนัขได้ด้วยความแม่นยำถึง 80% - ลดปัญหาการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึกสุนัข ✅ การวิเคราะห์พฤติกรรม - ใช้แบบสอบถามที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์ สมาธิ และบุคลิกภาพของสุนัข - AI ตรวจจับรูปแบบพฤติกรรมที่ผู้ฝึกอาจมองข้าม ✅ การสนับสนุนจากองค์กรระดับโลก - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก The Seeing Eye และ Canine Companions - องค์กรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในวงการฝึกสุนัขนำทาง ✅ เป้าหมายของโครงการ - เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดเลือกสุนัขนำทาง - ลดผลกระทบด้านอารมณ์และการเงินจากการล้มเหลวในขั้นตอนการฝึก https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/ai-is-better-at-picking-which-puppy-will-make-a-good-guide-dog-than-humans-are
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลสำรวจล่าสุดของ Figma ที่แสดงให้เห็นว่า AI ยังไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังที่สูงเกินจริงได้ในปัจจุบัน แม้ว่า AI จะเริ่มมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา แต่ยังคงมีข้อจำกัดที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่า AI ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงได้

    จากการสำรวจพบว่า 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตของพวกเขา แต่มีเพียง 27% เท่านั้นที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้พัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ เนื่องจาก AI ถูกนำมาใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ดและการพัฒนา ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า

    ✅ ความสำคัญของ AI ในอนาคต
    - 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต
    - มีเพียง 27% ที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร

    ✅ การใช้งาน AI ในปัจจุบัน
    - 78% เชื่อว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน
    - มีเพียง 58% ที่เชื่อว่า AI ช่วยปรับปรุงคุณภาพของงาน

    ✅ ความแตกต่างระหว่างนักออกแบบและนักพัฒนา
    - นักพัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ
    - AI ถูกใช้ในงานเขียนโค้ดและการพัฒนามากกว่างานสร้างสรรค์

    ✅ เป้าหมายของการสำรวจ
    - สำรวจการใช้งาน AI ในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา
    - วิเคราะห์ผลกระทบของ AI ต่อเป้าหมายขององค์กร

    https://www.techradar.com/pro/figmas-latest-survey-shows-ai-is-not-yet-living-up-to-its-over-hyped-promise
    บทความนี้กล่าวถึงผลสำรวจล่าสุดของ Figma ที่แสดงให้เห็นว่า AI ยังไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังที่สูงเกินจริงได้ในปัจจุบัน แม้ว่า AI จะเริ่มมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา แต่ยังคงมีข้อจำกัดที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่า AI ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงได้ จากการสำรวจพบว่า 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตของพวกเขา แต่มีเพียง 27% เท่านั้นที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้พัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ เนื่องจาก AI ถูกนำมาใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ดและการพัฒนา ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า ✅ ความสำคัญของ AI ในอนาคต - 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต - มีเพียง 27% ที่เชื่อว่า AI จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายขององค์กร ✅ การใช้งาน AI ในปัจจุบัน - 78% เชื่อว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน - มีเพียง 58% ที่เชื่อว่า AI ช่วยปรับปรุงคุณภาพของงาน ✅ ความแตกต่างระหว่างนักออกแบบและนักพัฒนา - นักพัฒนามีความพึงพอใจต่อ AI มากกว่านักออกแบบ - AI ถูกใช้ในงานเขียนโค้ดและการพัฒนามากกว่างานสร้างสรรค์ ✅ เป้าหมายของการสำรวจ - สำรวจการใช้งาน AI ในกระบวนการทำงานของนักออกแบบและนักพัฒนา - วิเคราะห์ผลกระทบของ AI ต่อเป้าหมายขององค์กร https://www.techradar.com/pro/figmas-latest-survey-shows-ai-is-not-yet-living-up-to-its-over-hyped-promise
    WWW.TECHRADAR.COM
    Figma’s latest survey shows AI is not yet living up to its over-hyped promise
    Designers and developers split on just how useful AI really is right now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว