• เครื่องบิน Su-34 ของรัสเซียโจมตีหมู่บ้าน Bahatyr ทิศทางตะวันตกของ Kurakhove ในเขต Donetsk ด้วยระเบิดร่อน FAB-500 จำนวน 11 ลูก ติดต่อกัน

    หน่วยรบรัสเซียได้เคลื่อนพลเข้าใกล้เขตชานเมืองของ Bahatyr แล้ว เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ถูกโจมตีด้วยระเบิดร่อน MLRS ปืนใหญ่ และโดรนเป็นประจำทุกวัน ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่ไม่ค่อยพบเห็นในหมู่บ้านขนาดใหญ่เช่นนี้
    เครื่องบิน Su-34 ของรัสเซียโจมตีหมู่บ้าน Bahatyr ทิศทางตะวันตกของ Kurakhove ในเขต Donetsk ด้วยระเบิดร่อน FAB-500 จำนวน 11 ลูก ติดต่อกัน หน่วยรบรัสเซียได้เคลื่อนพลเข้าใกล้เขตชานเมืองของ Bahatyr แล้ว เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ถูกโจมตีด้วยระเบิดร่อน MLRS ปืนใหญ่ และโดรนเป็นประจำทุกวัน ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่ไม่ค่อยพบเห็นในหมู่บ้านขนาดใหญ่เช่นนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • One day trips in Alorsetar,Malaysia
    One day trips in Alorsetar,Malaysia
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • พัทยา - ชายชาวเบลเยียมวัย 25 ปี ทำลายไวน์ในร้านสะดวกซื้อหลายขวด ก่อนตกลงชดใช้เงิน 35,000 บาท ก่อนที่เขาจะก่อเหตุวุ่นวายในร้านสะดวกซื้ออีกแห่ง!
    พัทยา - ชายชาวเบลเยียมวัย 25 ปี ทำลายไวน์ในร้านสะดวกซื้อหลายขวด ก่อนตกลงชดใช้เงิน 35,000 บาท ก่อนที่เขาจะก่อเหตุวุ่นวายในร้านสะดวกซื้ออีกแห่ง!
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • Samsung กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านชิปเซ็ตสำหรับสมาร์ทโฟนพับได้ โดยมีรายงานว่า Galaxy Z Flip7 จะใช้ Exynos 2500 แทน Snapdragon 8 Elite ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Samsung เลือกใช้ Snapdragon สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง

    Exynos 2500 เดิมทีถูกคาดหวังว่าจะใช้ใน Galaxy S25 แต่เนื่องจากอัตราการผลิตที่ต่ำ Samsung จึงต้องเปลี่ยนไปใช้ Snapdragon 8 Elite แทน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดจาก Chosun Daily ระบุว่า Samsung ได้เริ่มการผลิต Galaxy Z Flip7 พร้อม Exynos 2500 แล้ว ซึ่งหากเป็นจริง นี่จะเป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนพับได้ของ Samsung ใช้ชิป Exynos

    เหตุผลหลักที่ Samsung เลือกใช้ Exynos แทน Snapdragon คือ ต้นทุน เนื่องจาก Qualcomm ได้ปรับราคาชิปเซ็ตให้สูงขึ้น ทำให้ Samsung หันมาพัฒนา SoC ของตัวเองเพื่อควบคุมต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

    นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า Galaxy Z Flip7 FE ซึ่งเป็นรุ่นราคาประหยัด อาจใช้ Exynos 2400e เช่นเดียวกับ Galaxy S24 FE และ Samsung อาจจัดงาน Unpacked ครั้งที่สองของปี ที่นิวยอร์กเพื่อเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

    การเปลี่ยนมาใช้ Exynos 2500
    - Galaxy Z Flip7 จะใช้ Exynos 2500 แทน Snapdragon 8 Elite
    - เป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนพับได้ของ Samsung ใช้ชิป Exynos

    เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง
    - Qualcomm ปรับราคาชิปเซ็ตให้สูงขึ้น
    - Samsung ต้องการควบคุมต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

    Galaxy Z Flip7 FE และ Exynos 2400e
    - รุ่นราคาประหยัดอาจใช้ Exynos 2400e เช่นเดียวกับ Galaxy S24 FE
    - อาจมีการเปิดตัวในงาน Unpacked ครั้งที่สองของปี

    การผลิตและการเปิดตัว
    - Samsung ได้เริ่มการผลิต Galaxy Z Flip7 พร้อม Exynos 2500
    - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    https://www.neowin.net/news/samsung-allegedly-ditches-snapdragon-for-exynos-2500-in-galaxy-z-flip7/
    Samsung กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านชิปเซ็ตสำหรับสมาร์ทโฟนพับได้ โดยมีรายงานว่า Galaxy Z Flip7 จะใช้ Exynos 2500 แทน Snapdragon 8 Elite ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Samsung เลือกใช้ Snapdragon สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง Exynos 2500 เดิมทีถูกคาดหวังว่าจะใช้ใน Galaxy S25 แต่เนื่องจากอัตราการผลิตที่ต่ำ Samsung จึงต้องเปลี่ยนไปใช้ Snapdragon 8 Elite แทน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดจาก Chosun Daily ระบุว่า Samsung ได้เริ่มการผลิต Galaxy Z Flip7 พร้อม Exynos 2500 แล้ว ซึ่งหากเป็นจริง นี่จะเป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนพับได้ของ Samsung ใช้ชิป Exynos เหตุผลหลักที่ Samsung เลือกใช้ Exynos แทน Snapdragon คือ ต้นทุน เนื่องจาก Qualcomm ได้ปรับราคาชิปเซ็ตให้สูงขึ้น ทำให้ Samsung หันมาพัฒนา SoC ของตัวเองเพื่อควบคุมต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า Galaxy Z Flip7 FE ซึ่งเป็นรุ่นราคาประหยัด อาจใช้ Exynos 2400e เช่นเดียวกับ Galaxy S24 FE และ Samsung อาจจัดงาน Unpacked ครั้งที่สองของปี ที่นิวยอร์กเพื่อเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ✅ การเปลี่ยนมาใช้ Exynos 2500 - Galaxy Z Flip7 จะใช้ Exynos 2500 แทน Snapdragon 8 Elite - เป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนพับได้ของ Samsung ใช้ชิป Exynos ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง - Qualcomm ปรับราคาชิปเซ็ตให้สูงขึ้น - Samsung ต้องการควบคุมต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ✅ Galaxy Z Flip7 FE และ Exynos 2400e - รุ่นราคาประหยัดอาจใช้ Exynos 2400e เช่นเดียวกับ Galaxy S24 FE - อาจมีการเปิดตัวในงาน Unpacked ครั้งที่สองของปี ✅ การผลิตและการเปิดตัว - Samsung ได้เริ่มการผลิต Galaxy Z Flip7 พร้อม Exynos 2500 - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 https://www.neowin.net/news/samsung-allegedly-ditches-snapdragon-for-exynos-2500-in-galaxy-z-flip7/
    WWW.NEOWIN.NET
    Samsung allegedly ditches Snapdragon for Exynos 2500 in Galaxy Z Flip7
    For the first time ever, a Samsung foldable could reportedly be powered by an in-house Exynos processor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • Flappy Bird เกมมือถือสุดฮิตที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในปี 2013 ได้กลับมาอีกครั้งบน Android หลังจากหายไปนานถึง 10 ปี โดยครั้งนี้เกมมาพร้อมกับตัวละครใหม่ โลกใหม่ และโหมดการเล่นที่หลากหลาย

    เกมเวอร์ชันล่าสุดสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่าน Epic Games Store และยังคงรูปแบบการเล่นที่เรียบง่ายแต่ท้าทาย ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นในโหมด Classic หรือ Quest ซึ่งเพิ่มความท้าทายใหม่ๆ ให้กับเกม อย่างไรก็ตาม เกมเวอร์ชันนี้ไม่มีการเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเคยเป็นประเด็นในเวอร์ชันก่อนหน้านี้

    Flappy Bird ถูกสร้างโดย Dong Nguyen นักพัฒนาเกมชาวเวียดนาม และเคยได้รับความนิยมอย่างมากจนมียอดดาวน์โหลดกว่า 50 ล้านครั้ง ก่อนที่ Nguyen จะตัดสินใจถอดเกมออกจากร้านค้าแอปในปี 2014 เนื่องจากเขารู้สึกว่าเกมนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขา

    ในปี 2024 Nguyen สูญเสียเครื่องหมายการค้าของเกมให้กับ Gametech Holdings และมีการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ภายใต้ชื่อ The Flappy Bird Foundation ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์เชิงลบเนื่องจากมีการนำคริปโตเคอร์เรนซีเข้ามาเกี่ยวข้อง Nguyen ได้ออกมาปฏิเสธว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมเวอร์ชันดังกล่าว

    การเปิดตัวใหม่บน Android
    - Flappy Bird กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไป 10 ปี
    - สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่าน Epic Games Store

    โหมดการเล่นใหม่
    - มีโหมด Classic และ Quest เพิ่มความท้าทายให้กับผู้เล่น
    - ไม่มีการเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี

    ประวัติของเกม
    - สร้างโดย Dong Nguyen และเคยได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2013
    - มียอดดาวน์โหลดกว่า 50 ล้านครั้งก่อนถูกถอดออกจากร้านค้าแอป

    การเปลี่ยนแปลงด้านเครื่องหมายการค้า
    - Nguyen สูญเสียเครื่องหมายการค้าให้กับ Gametech Holdings ในปี 2024
    - เวอร์ชันใหม่ภายใต้ชื่อ The Flappy Bird Foundation ได้รับเสียงวิจารณ์เชิงลบ

    https://www.neowin.net/news/flappy-bird-returns-to-android-after-10-years-with-new-characters-and-worlds/
    Flappy Bird เกมมือถือสุดฮิตที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในปี 2013 ได้กลับมาอีกครั้งบน Android หลังจากหายไปนานถึง 10 ปี โดยครั้งนี้เกมมาพร้อมกับตัวละครใหม่ โลกใหม่ และโหมดการเล่นที่หลากหลาย เกมเวอร์ชันล่าสุดสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่าน Epic Games Store และยังคงรูปแบบการเล่นที่เรียบง่ายแต่ท้าทาย ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นในโหมด Classic หรือ Quest ซึ่งเพิ่มความท้าทายใหม่ๆ ให้กับเกม อย่างไรก็ตาม เกมเวอร์ชันนี้ไม่มีการเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเคยเป็นประเด็นในเวอร์ชันก่อนหน้านี้ Flappy Bird ถูกสร้างโดย Dong Nguyen นักพัฒนาเกมชาวเวียดนาม และเคยได้รับความนิยมอย่างมากจนมียอดดาวน์โหลดกว่า 50 ล้านครั้ง ก่อนที่ Nguyen จะตัดสินใจถอดเกมออกจากร้านค้าแอปในปี 2014 เนื่องจากเขารู้สึกว่าเกมนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขา ในปี 2024 Nguyen สูญเสียเครื่องหมายการค้าของเกมให้กับ Gametech Holdings และมีการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ภายใต้ชื่อ The Flappy Bird Foundation ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์เชิงลบเนื่องจากมีการนำคริปโตเคอร์เรนซีเข้ามาเกี่ยวข้อง Nguyen ได้ออกมาปฏิเสธว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมเวอร์ชันดังกล่าว ✅ การเปิดตัวใหม่บน Android - Flappy Bird กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไป 10 ปี - สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่าน Epic Games Store ✅ โหมดการเล่นใหม่ - มีโหมด Classic และ Quest เพิ่มความท้าทายให้กับผู้เล่น - ไม่มีการเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี ✅ ประวัติของเกม - สร้างโดย Dong Nguyen และเคยได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2013 - มียอดดาวน์โหลดกว่า 50 ล้านครั้งก่อนถูกถอดออกจากร้านค้าแอป ✅ การเปลี่ยนแปลงด้านเครื่องหมายการค้า - Nguyen สูญเสียเครื่องหมายการค้าให้กับ Gametech Holdings ในปี 2024 - เวอร์ชันใหม่ภายใต้ชื่อ The Flappy Bird Foundation ได้รับเสียงวิจารณ์เชิงลบ https://www.neowin.net/news/flappy-bird-returns-to-android-after-10-years-with-new-characters-and-worlds/
    WWW.NEOWIN.NET
    Flappy Bird returns to Android after 10 years with new characters and worlds
    Flappy Bird is back for Android users after more than a decade. The resurrected game is available to download on the Epic Games Store.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบปฏิบัติการและความตื่นเต้นที่ลดลงเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการใหม่ๆ โดยผู้เขียนสะท้อนถึงช่วงเวลาที่ Windows XP, Vista และ Windows 7 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและน่าตื่นเต้น แต่เมื่อ ChromeOS และ Android เริ่มมีการอัปเดตแบบต่อเนื่องและไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความตื่นเต้นเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการก็ลดลง

    Google มีบทบาทสำคัญในการทำให้การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องธรรมดา โดย ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่องที่ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ Android ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5 เป็นต้นมา

    นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีเว็บ เช่น HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น ส่งผลให้ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป

    ChromeOS และการอัปเดตแบบต่อเนื่อง
    - ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    - ระบบมีความปลอดภัยสูงและสามารถอัปเดตได้รวดเร็ว

    Android และการลดลงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    - Android มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5
    - การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญสำหรับผู้ใช้

    บทบาทของเทคโนโลยีเว็บ
    - HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น
    - ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป

    แนวโน้มของการอัปเดตระบบปฏิบัติการ
    - การอัปเดตแบบต่อเนื่องช่วยลดความยุ่งยากในการใช้งาน
    - ผู้ใช้สามารถโฟกัสไปที่การทำงานแทนที่จะต้องเรียนรู้ระบบใหม่

    https://www.neowin.net/editorials/how-google-killed-my-excitement-in-operating-system-upgrades/
    บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบปฏิบัติการและความตื่นเต้นที่ลดลงเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการใหม่ๆ โดยผู้เขียนสะท้อนถึงช่วงเวลาที่ Windows XP, Vista และ Windows 7 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและน่าตื่นเต้น แต่เมื่อ ChromeOS และ Android เริ่มมีการอัปเดตแบบต่อเนื่องและไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความตื่นเต้นเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการก็ลดลง Google มีบทบาทสำคัญในการทำให้การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องธรรมดา โดย ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่องที่ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ Android ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5 เป็นต้นมา นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีเว็บ เช่น HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น ส่งผลให้ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป ✅ ChromeOS และการอัปเดตแบบต่อเนื่อง - ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - ระบบมีความปลอดภัยสูงและสามารถอัปเดตได้รวดเร็ว ✅ Android และการลดลงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - Android มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5 - การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญสำหรับผู้ใช้ ✅ บทบาทของเทคโนโลยีเว็บ - HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น - ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป ✅ แนวโน้มของการอัปเดตระบบปฏิบัติการ - การอัปเดตแบบต่อเนื่องช่วยลดความยุ่งยากในการใช้งาน - ผู้ใช้สามารถโฟกัสไปที่การทำงานแทนที่จะต้องเรียนรู้ระบบใหม่ https://www.neowin.net/editorials/how-google-killed-my-excitement-in-operating-system-upgrades/
    WWW.NEOWIN.NET
    How Google killed my excitement in operating system upgrades
    In this editorial, I explore how Google killed my excitement in operating system upgrades. Despite this, there is a bit of a twist to my opinion on the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/LOrm7q8ln0E?si=wgapS5fztG3YlXNd
    https://youtu.be/LOrm7q8ln0E?si=wgapS5fztG3YlXNd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ในคดีต่อต้านการผูกขาดเกี่ยวกับตลาดการค้นหาออนไลน์ โดย DOJ ได้เสนอแนวทางแก้ไขที่อาจส่งผลกระทบต่อการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของ Google รวมถึงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

    Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ให้การในศาลว่า การบังคับให้ Google แชร์ข้อมูลดัชนีการค้นหาและข้อมูลคำค้นหากับคู่แข่ง อาจทำให้บริษัทสูญเสียความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และส่งผลกระทบต่อการลงทุนใน R&D ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองทศวรรษ

    นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google หยุดจ่ายเงินให้กับบริษัทต่างๆ เช่น Apple และ Samsung เพื่อรักษาตำแหน่งเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น และยังมีข้อเสนอให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome ให้กับผู้ซื้อรายอื่น ซึ่ง OpenAI, Perplexity และ Yahoo ได้แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome

    Parisa Tabriz ผู้จัดการทั่วไปของ Google Chrome ได้ให้การในศาลเพื่อปกป้องการเป็นเจ้าของ Chrome โดยระบุว่า Google เป็นบริษัทเดียวที่สามารถดำเนินการ Chrome ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวของเบราว์เซอร์ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของ Google

    ข้อกล่าวหาจาก DOJ
    - DOJ กล่าวหา Google ว่าผูกขาดตลาดการค้นหาออนไลน์
    - ศาลรับรองข้อกล่าวหาในปี 2024

    แนวทางแก้ไขที่เสนอโดย DOJ
    - บังคับให้ Google แชร์ข้อมูลดัชนีการค้นหาและข้อมูลคำค้นหากับคู่แข่ง
    - หยุดจ่ายเงินให้ Apple และ Samsung เพื่อรักษาตำแหน่งเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น
    - บังคับให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome

    การตอบสนองของ Google
    - Sundar Pichai ระบุว่าการแชร์ข้อมูลจะทำให้ Google สูญเสียความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม
    - Parisa Tabriz ให้การว่าฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวของ Chrome ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของ Google

    ผู้สนใจซื้อ Chrome
    - OpenAI, Perplexity และ Yahoo แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome

    https://www.neowin.net/news/sundar-pichai-warns-proposed-remedies-by-doj-could-kill-googles-rd-and-innovation/
    Google กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ในคดีต่อต้านการผูกขาดเกี่ยวกับตลาดการค้นหาออนไลน์ โดย DOJ ได้เสนอแนวทางแก้ไขที่อาจส่งผลกระทบต่อการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของ Google รวมถึงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ให้การในศาลว่า การบังคับให้ Google แชร์ข้อมูลดัชนีการค้นหาและข้อมูลคำค้นหากับคู่แข่ง อาจทำให้บริษัทสูญเสียความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และส่งผลกระทบต่อการลงทุนใน R&D ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองทศวรรษ นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google หยุดจ่ายเงินให้กับบริษัทต่างๆ เช่น Apple และ Samsung เพื่อรักษาตำแหน่งเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น และยังมีข้อเสนอให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome ให้กับผู้ซื้อรายอื่น ซึ่ง OpenAI, Perplexity และ Yahoo ได้แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome Parisa Tabriz ผู้จัดการทั่วไปของ Google Chrome ได้ให้การในศาลเพื่อปกป้องการเป็นเจ้าของ Chrome โดยระบุว่า Google เป็นบริษัทเดียวที่สามารถดำเนินการ Chrome ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวของเบราว์เซอร์ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของ Google ✅ ข้อกล่าวหาจาก DOJ - DOJ กล่าวหา Google ว่าผูกขาดตลาดการค้นหาออนไลน์ - ศาลรับรองข้อกล่าวหาในปี 2024 ✅ แนวทางแก้ไขที่เสนอโดย DOJ - บังคับให้ Google แชร์ข้อมูลดัชนีการค้นหาและข้อมูลคำค้นหากับคู่แข่ง - หยุดจ่ายเงินให้ Apple และ Samsung เพื่อรักษาตำแหน่งเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น - บังคับให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome ✅ การตอบสนองของ Google - Sundar Pichai ระบุว่าการแชร์ข้อมูลจะทำให้ Google สูญเสียความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม - Parisa Tabriz ให้การว่าฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวของ Chrome ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของ Google ✅ ผู้สนใจซื้อ Chrome - OpenAI, Perplexity และ Yahoo แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome https://www.neowin.net/news/sundar-pichai-warns-proposed-remedies-by-doj-could-kill-googles-rd-and-innovation/
    WWW.NEOWIN.NET
    Sundar Pichai warns proposed remedies by DOJ could kill Google's R&D and innovation
    Google's CEO believes the DOJ demands, including sharing search data with rival companies, could stifle Google's innovation and harm its R&D efforts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • JetBrains ได้เปิดตัว Mellum ซึ่งเป็นโมเดล AI เฉพาะทางสำหรับการช่วยเติมโค้ด และประกาศเปิดโอเพ่นซอร์สให้ใช้งานบน Hugging Face โดย Mellum ถูกออกแบบมาเพื่อให้การเติมโค้ดใน IntelliJ IDEA, PyCharm และ IDE อื่นๆ ของ JetBrains มีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

    Mellum แตกต่างจากโมเดล AI ขนาดใหญ่ทั่วไป เนื่องจากถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะด้าน โดย JetBrains เรียกแนวคิดนี้ว่า "focal model" ซึ่งหมายถึงโมเดลที่เน้นความสามารถเฉพาะทาง เช่น การเติมโค้ด แทนที่จะพยายามทำงานหลายอย่างพร้อมกัน

    JetBrains รายงานว่า Mellum ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำของ AI Assistant ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับระบบก่อนหน้า และหวังว่าโอเพ่นซอร์สจะช่วยให้นักวิจัยและนักพัฒนาสามารถศึกษาและปรับปรุงโมเดลได้

    นอกจากนี้ JetBrains ยังได้เปิดตัว AI Assistant รุ่นใหม่ ที่มีระดับการใช้งานฟรี และรองรับโมเดล AI เพิ่มเติม เช่น Google Gemini เพื่อให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด

    การเปิดตัว Mellum
    - Mellum เป็นโมเดล AI เฉพาะทางสำหรับการเติมโค้ด
    - เปิดโอเพ่นซอร์สให้ใช้งานบน Hugging Face

    แนวคิดของ "focal model"
    - โมเดลที่เน้นความสามารถเฉพาะทาง เช่น การเติมโค้ด
    - ช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น

    ผลกระทบต่อ AI Assistant
    - Mellum ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำของ AI Assistant
    - JetBrains เปิดตัว AI Assistant รุ่นใหม่ที่มีระดับการใช้งานฟรี

    การรองรับโมเดล AI เพิ่มเติม
    - AI Assistant รองรับ Google Gemini นอกเหนือจาก OpenAI

    https://www.neowin.net/news/jetbrains-open-sources-mellum-its-specialized-ai-model-for-code-completion/
    JetBrains ได้เปิดตัว Mellum ซึ่งเป็นโมเดล AI เฉพาะทางสำหรับการช่วยเติมโค้ด และประกาศเปิดโอเพ่นซอร์สให้ใช้งานบน Hugging Face โดย Mellum ถูกออกแบบมาเพื่อให้การเติมโค้ดใน IntelliJ IDEA, PyCharm และ IDE อื่นๆ ของ JetBrains มีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น Mellum แตกต่างจากโมเดล AI ขนาดใหญ่ทั่วไป เนื่องจากถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะด้าน โดย JetBrains เรียกแนวคิดนี้ว่า "focal model" ซึ่งหมายถึงโมเดลที่เน้นความสามารถเฉพาะทาง เช่น การเติมโค้ด แทนที่จะพยายามทำงานหลายอย่างพร้อมกัน JetBrains รายงานว่า Mellum ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำของ AI Assistant ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับระบบก่อนหน้า และหวังว่าโอเพ่นซอร์สจะช่วยให้นักวิจัยและนักพัฒนาสามารถศึกษาและปรับปรุงโมเดลได้ นอกจากนี้ JetBrains ยังได้เปิดตัว AI Assistant รุ่นใหม่ ที่มีระดับการใช้งานฟรี และรองรับโมเดล AI เพิ่มเติม เช่น Google Gemini เพื่อให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด ✅ การเปิดตัว Mellum - Mellum เป็นโมเดล AI เฉพาะทางสำหรับการเติมโค้ด - เปิดโอเพ่นซอร์สให้ใช้งานบน Hugging Face ✅ แนวคิดของ "focal model" - โมเดลที่เน้นความสามารถเฉพาะทาง เช่น การเติมโค้ด - ช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ✅ ผลกระทบต่อ AI Assistant - Mellum ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำของ AI Assistant - JetBrains เปิดตัว AI Assistant รุ่นใหม่ที่มีระดับการใช้งานฟรี ✅ การรองรับโมเดล AI เพิ่มเติม - AI Assistant รองรับ Google Gemini นอกเหนือจาก OpenAI https://www.neowin.net/news/jetbrains-open-sources-mellum-its-specialized-ai-model-for-code-completion/
    WWW.NEOWIN.NET
    JetBrains open sources Mellum, its specialized AI model for code completion
    JetBrains AI's Mellum has gone open source, offering the base version of its focused code-centric AI model on Hugging Face for researchers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wikipedia กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI โดย Wikimedia Foundation ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครในการดูแลและปรับปรุงเนื้อหา แทนที่จะใช้ AI เพื่อแทนที่มนุษย์

    AI จะถูกนำมาใช้เพื่อ ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความ การแปลภาษา และการช่วยให้ข้อมูลสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ AI ยังจะช่วยในการฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ผ่านระบบ mentorship อัตโนมัติ

    อย่างไรก็ตาม Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ เนื่องจากชุมชนอาสาสมัครเป็นหัวใจสำคัญของ Wikipedia และการสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน

    การใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัคร
    - ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความและการแปลภาษา
    - ปรับปรุงการค้นหาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่
    - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การ onboarding ของอาสาสมัครมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - ระบบ mentorship อัตโนมัติช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เข้าใจการทำงานของ Wikipedia

    การรักษาบทบาทของมนุษย์
    - Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์
    - การสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน

    แผนการดำเนินงาน
    - กลยุทธ์ AI จะถูกนำมาใช้ในช่วงสามปีข้างหน้า
    - มีการทบทวนแผนงานเป็นรายปีเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม

    https://www.neowin.net/news/wikipedia-announces-new-ai-strategy-but-it-wont-sacrifice-human-editors/
    Wikipedia กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI โดย Wikimedia Foundation ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครในการดูแลและปรับปรุงเนื้อหา แทนที่จะใช้ AI เพื่อแทนที่มนุษย์ AI จะถูกนำมาใช้เพื่อ ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความ การแปลภาษา และการช่วยให้ข้อมูลสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ AI ยังจะช่วยในการฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ผ่านระบบ mentorship อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ เนื่องจากชุมชนอาสาสมัครเป็นหัวใจสำคัญของ Wikipedia และการสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน ✅ การใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัคร - ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความและการแปลภาษา - ปรับปรุงการค้นหาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การ onboarding ของอาสาสมัครมีประสิทธิภาพมากขึ้น - ระบบ mentorship อัตโนมัติช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เข้าใจการทำงานของ Wikipedia ✅ การรักษาบทบาทของมนุษย์ - Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ - การสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน ✅ แผนการดำเนินงาน - กลยุทธ์ AI จะถูกนำมาใช้ในช่วงสามปีข้างหน้า - มีการทบทวนแผนงานเป็นรายปีเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม https://www.neowin.net/news/wikipedia-announces-new-ai-strategy-but-it-wont-sacrifice-human-editors/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wikipedia announces new AI strategy but it won't sacrifice human editors
    Wikipedia is working on a new AI strategy, but it won't replace the humans who built the platform for over 25 years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • Visa กำลังพัฒนาโครงการ Visa Intelligent Commerce ซึ่งจะช่วยให้ AI สามารถใช้บัตรเครดิตของผู้ใช้ในการซื้อสินค้าและชำระเงินโดยอัตโนมัติ โดย AI จะสามารถค้นหาสินค้าและทำธุรกรรมได้ภายในขอบเขตที่ผู้ใช้กำหนด

    โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ AI สามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย โดยใช้ AI-Ready Cards ซึ่งเป็นบัตรที่ใช้ข้อมูลดิจิทัลแบบโทเค็นแทนข้อมูลบัตรจริง เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและเพิ่มความปลอดภัย

    Visa ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Anthropic, Microsoft, OpenAI, Perplexity และ Mistral เพื่อพัฒนาโครงการนี้ และคาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้า

    การใช้ AI ในการทำธุรกรรม
    - AI สามารถค้นหาสินค้าและทำธุรกรรมได้โดยอัตโนมัติ
    - ผู้ใช้สามารถกำหนดงบประมาณและเงื่อนไขการใช้จ่าย

    การพัฒนา AI-Ready Cards
    - ใช้ข้อมูลดิจิทัลแบบโทเค็นแทนข้อมูลบัตรจริง
    - เพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง

    ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี
    - Visa ร่วมมือกับ Anthropic, Microsoft, OpenAI, Perplexity และ Mistral
    - มีการทดลองใช้งานร่วมกับ IBM, Stripe และ Samsung

    แผนการเปิดตัว
    - โครงการอยู่ในช่วงทดลองและคาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้า

    https://www.neowin.net/news/visa-wants-to-give-ai-agents-your-credit-card-so-that-they-can-shop-and-pay-for-you/
    Visa กำลังพัฒนาโครงการ Visa Intelligent Commerce ซึ่งจะช่วยให้ AI สามารถใช้บัตรเครดิตของผู้ใช้ในการซื้อสินค้าและชำระเงินโดยอัตโนมัติ โดย AI จะสามารถค้นหาสินค้าและทำธุรกรรมได้ภายในขอบเขตที่ผู้ใช้กำหนด โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ AI สามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย โดยใช้ AI-Ready Cards ซึ่งเป็นบัตรที่ใช้ข้อมูลดิจิทัลแบบโทเค็นแทนข้อมูลบัตรจริง เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและเพิ่มความปลอดภัย Visa ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Anthropic, Microsoft, OpenAI, Perplexity และ Mistral เพื่อพัฒนาโครงการนี้ และคาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้า ✅ การใช้ AI ในการทำธุรกรรม - AI สามารถค้นหาสินค้าและทำธุรกรรมได้โดยอัตโนมัติ - ผู้ใช้สามารถกำหนดงบประมาณและเงื่อนไขการใช้จ่าย ✅ การพัฒนา AI-Ready Cards - ใช้ข้อมูลดิจิทัลแบบโทเค็นแทนข้อมูลบัตรจริง - เพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง ✅ ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี - Visa ร่วมมือกับ Anthropic, Microsoft, OpenAI, Perplexity และ Mistral - มีการทดลองใช้งานร่วมกับ IBM, Stripe และ Samsung ✅ แผนการเปิดตัว - โครงการอยู่ในช่วงทดลองและคาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้า https://www.neowin.net/news/visa-wants-to-give-ai-agents-your-credit-card-so-that-they-can-shop-and-pay-for-you/
    WWW.NEOWIN.NET
    Visa wants to give AI agents your credit card so that they can shop and pay for you
    Visa is partnering with key AI companies through Visa Intelligent Commerce, allowing AI agents to securely pay for items on your behalf.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • Winhance ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับปรับแต่งและปรับปรุง Windows 11 และ 10 ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C# เพื่อให้มีการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น รวมถึงรองรับเวอร์ชันพกพา

    การอัปเดตนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้าน UI และฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts เพื่อให้มีความสม่ำเสมอระหว่าง Windows 10 และ 11 นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม ปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจัดการการตั้งค่าได้สะดวกขึ้น

    Winhance ยังได้เพิ่ม ฟีเจอร์ใหม่ในหลายหมวดหมู่ เช่น การจัดการแอปพลิเคชัน Windows, การปรับแต่งระบบ, การเพิ่มประสิทธิภาพ และการตั้งค่าพลังงาน โดยมีการแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจนขึ้นเพื่อให้ใช้งานง่าย

    เปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C#
    - รองรับการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น
    - มีเวอร์ชันพกพาสำหรับใช้งานโดยไม่ต้องติดตั้ง

    การปรับปรุง UI และฟีเจอร์ใหม่
    - ใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts
    - เพิ่มปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า

    การจัดการแอปพลิเคชัน Windows
    - เพิ่มหมวดหมู่ใหม่สำหรับแอป Windows, Legacy Capabilities และ Optional Features
    - สามารถติดตั้งและลบแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้น

    การปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
    - เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่ง Taskbar, Start Menu และ Explorer

    https://www.neowin.net/news/this-unofficial-powershell-gui-windows-1110-customization-and-tweaking-app-gets-big-upgrade/
    Winhance ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับปรับแต่งและปรับปรุง Windows 11 และ 10 ได้รับการอัปเดตครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C# เพื่อให้มีการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น รวมถึงรองรับเวอร์ชันพกพา การอัปเดตนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้าน UI และฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น การใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts เพื่อให้มีความสม่ำเสมอระหว่าง Windows 10 และ 11 นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม ปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจัดการการตั้งค่าได้สะดวกขึ้น Winhance ยังได้เพิ่ม ฟีเจอร์ใหม่ในหลายหมวดหมู่ เช่น การจัดการแอปพลิเคชัน Windows, การปรับแต่งระบบ, การเพิ่มประสิทธิภาพ และการตั้งค่าพลังงาน โดยมีการแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจนขึ้นเพื่อให้ใช้งานง่าย ✅ เปลี่ยนจาก PowerShell GUI เป็น C# - รองรับการติดตั้งและถอนการติดตั้งที่ง่ายขึ้น - มีเวอร์ชันพกพาสำหรับใช้งานโดยไม่ต้องติดตั้ง ✅ การปรับปรุง UI และฟีเจอร์ใหม่ - ใช้ Google Material Symbols แทน Windows Fonts - เพิ่มปุ่มบันทึกและนำเข้าค่าการตั้งค่า ✅ การจัดการแอปพลิเคชัน Windows - เพิ่มหมวดหมู่ใหม่สำหรับแอป Windows, Legacy Capabilities และ Optional Features - สามารถติดตั้งและลบแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้น ✅ การปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพระบบ - เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่ง Taskbar, Start Menu และ Explorer https://www.neowin.net/news/this-unofficial-powershell-gui-windows-1110-customization-and-tweaking-app-gets-big-upgrade/
    WWW.NEOWIN.NET
    This unofficial PowerShell GUI Windows 11/10 customization and tweaking app gets big upgrade
    Winhance, an unofficial, third-party app for Windows 11/10 tweaking and customisation, has received its latest update, and it's a major one.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงภายในแอป ซึ่งเป็นการนำความสามารถด้านการปรับแต่งภาพมาไว้ในบทสนทนากับ AI

    ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างขึ้นด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพจากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งได้ โดยใช้ ข้อความคำสั่ง เช่น เปลี่ยนสีผมในภาพส่วนตัว เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ

    Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น โดยสามารถรวมข้อความและภาพเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็นเพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างโดย AI และ Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็น ให้กับภาพทั้งหมดที่สร้างโดย Gemini

    ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา และในหลายประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education

    การแก้ไขภาพโดยใช้ข้อความคำสั่ง
    - ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพเพื่อปรับแต่ง
    - สามารถเปลี่ยนสีผม เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ

    การรวมข้อความและภาพในบทสนทนา
    - ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น
    - สามารถสร้างภาพประกอบสำหรับเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ต้องการ

    การใช้ SynthID watermark
    - ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็น
    - Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็นให้กับภาพทั้งหมด

    การเปิดใช้งานทั่วโลก
    - ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา
    - ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education

    https://www.neowin.net/news/the-gemini-app-now-lets-you-edit-images-directly/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงภายในแอป ซึ่งเป็นการนำความสามารถด้านการปรับแต่งภาพมาไว้ในบทสนทนากับ AI ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างขึ้นด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพจากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งได้ โดยใช้ ข้อความคำสั่ง เช่น เปลี่ยนสีผมในภาพส่วนตัว เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น โดยสามารถรวมข้อความและภาพเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็นเพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างโดย AI และ Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็น ให้กับภาพทั้งหมดที่สร้างโดย Gemini ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา และในหลายประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education ✅ การแก้ไขภาพโดยใช้ข้อความคำสั่ง - ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพเพื่อปรับแต่ง - สามารถเปลี่ยนสีผม เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ ✅ การรวมข้อความและภาพในบทสนทนา - ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น - สามารถสร้างภาพประกอบสำหรับเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ต้องการ ✅ การใช้ SynthID watermark - ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็น - Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็นให้กับภาพทั้งหมด ✅ การเปิดใช้งานทั่วโลก - ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา - ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education https://www.neowin.net/news/the-gemini-app-now-lets-you-edit-images-directly/
    WWW.NEOWIN.NET
    The Gemini app now lets you edit images directly
    Do you use the Gemini chatbot? Google says it is now possible to edit images just by using text prompts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง"

    WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่"

    รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

    อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป

    นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่

    การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla
    - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ"
    - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X

    สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla
    - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025
    - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน

    บทบาททางการเมืองของ Musk
    - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE
    - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป

    ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla
    - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่
    - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า

    https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง" WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่" รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ ✅ การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ✅ สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025 - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน ✅ บทบาททางการเมืองของ Musk - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    WWW.NEOWIN.NET
    Elon Musk accuses WSJ of lying about Tesla looking for a new CEO
    A recent report claimed that the Tesla board was seeking to replace its CEO. Now, Tesla's chair and Elon Musk have called this report false.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • AnduinOS 1.3 เป็นระบบปฏิบัติการ Linux ที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้าย Windows 11 โดยใช้ GNOME 48 ซึ่งมีการปรับแต่งให้คล้ายกับ Windows เช่น ปุ่ม Start ที่อยู่ตรงกลาง และ แอปที่ปักหมุด เพื่อให้ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows สามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้น

    ระบบปฏิบัติการนี้ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 25.04 ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026 และมาพร้อมกับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อให้การติดตั้งแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด และ การรองรับ HDR

    แม้ว่า AnduinOS จะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก (ไม่ได้อยู่ใน Top 100 ของ Distrowatch) แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows โดยสามารถทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง

    พื้นฐานของระบบปฏิบัติการ
    - ใช้ Ubuntu 25.04 และได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026
    - มีการปรับแต่ง GNOME ให้คล้ายกับ Windows 11

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
    - GNOME 48 พร้อมการปรับแต่ง UI ให้คล้าย Windows
    - รองรับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อการติดตั้งแอปที่ง่ายขึ้น
    - เพิ่ม Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด
    - รองรับ HDR

    ความนิยมและการใช้งาน
    - ยังไม่ติดอันดับใน Distrowatch แต่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Windows
    - เหมาะสำหรับการทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง

    ข้อจำกัดของระบบ
    - ไม่สามารถอัปเกรดเวอร์ชันแบบ in-place upgrade ได้
    - ทีมพัฒนากำลังหาทางแก้ไขปัญหานี้

    https://www.neowin.net/news/arduinos-13-is-a-linux-distro-that-looks-like-windows-11-now-with-gnome-48-and-hdr-support/
    AnduinOS 1.3 เป็นระบบปฏิบัติการ Linux ที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้าย Windows 11 โดยใช้ GNOME 48 ซึ่งมีการปรับแต่งให้คล้ายกับ Windows เช่น ปุ่ม Start ที่อยู่ตรงกลาง และ แอปที่ปักหมุด เพื่อให้ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows สามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้น ระบบปฏิบัติการนี้ใช้พื้นฐานจาก Ubuntu 25.04 ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026 และมาพร้อมกับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อให้การติดตั้งแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด และ การรองรับ HDR แม้ว่า AnduinOS จะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก (ไม่ได้อยู่ใน Top 100 ของ Distrowatch) แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบ Linux ที่มีลักษณะคล้าย Windows โดยสามารถทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง ✅ พื้นฐานของระบบปฏิบัติการ - ใช้ Ubuntu 25.04 และได้รับการสนับสนุนจนถึงเดือนมกราคม 2026 - มีการปรับแต่ง GNOME ให้คล้ายกับ Windows 11 ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา - GNOME 48 พร้อมการปรับแต่ง UI ให้คล้าย Windows - รองรับ GNOME Software และ Flatpak เพื่อการติดตั้งแอปที่ง่ายขึ้น - เพิ่ม Super + V สำหรับดูประวัติคลิปบอร์ด - รองรับ HDR ✅ ความนิยมและการใช้งาน - ยังไม่ติดอันดับใน Distrowatch แต่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Windows - เหมาะสำหรับการทดลองใช้งานใน Virtual Machine หรือบนคอมพิวเตอร์สำรอง ✅ ข้อจำกัดของระบบ - ไม่สามารถอัปเกรดเวอร์ชันแบบ in-place upgrade ได้ - ทีมพัฒนากำลังหาทางแก้ไขปัญหานี้ https://www.neowin.net/news/arduinos-13-is-a-linux-distro-that-looks-like-windows-11-now-with-gnome-48-and-hdr-support/
    WWW.NEOWIN.NET
    AnduinOS 1.3 is a Linux distro that looks like Windows 11, now with GNOME 48 and HDR support
    A new update of AnduinOS is now out. Version 1.3 is based on Ubuntu 25.04 but has been heavily themed to look like Windows 11 out of the box.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft Edge ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดที่ค่อนข้างคงที่ แม้ว่าจะเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน Windows 10 และ 11 และมีการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Chrome อย่างต่อเนื่อง

    จากข้อมูลของ Statcounter พบว่าในเดือนเมษายน 2025 Google Chrome ครองตลาดเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปด้วยส่วนแบ่ง 65.02% ลดลง 0.62 จุด จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ Microsoft Edge มีส่วนแบ่ง 13.29% ลดลง 0.08 จุด ในเดือนเดียวกัน แต่เพิ่มขึ้น 0.32 จุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

    แม้ว่า Edge จะมีส่วนแบ่งตลาดที่ค่อนข้างต่ำทั่วโลก แต่ในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร มีส่วนแบ่ง 21.78% ขณะที่ใน อินเดีย Chrome ครองตลาดถึง 86.22% และ Edge มีเพียง 5.65%

    เบราว์เซอร์อื่นๆ ที่ติดอันดับ ได้แก่ Safari (7.95%), Firefox (6.14%) และ Opera (3.04%) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเดือนเมษายน 2025

    ส่วนแบ่งตลาดของเบราว์เซอร์เดสก์ท็อป
    - Google Chrome ครองตลาดด้วย 65.02%
    - Microsoft Edge มีส่วนแบ่ง 13.29% ลดลงเล็กน้อยในเดือนเมษายน 2025

    แนวโน้มของ Microsoft Edge
    - ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 0.32 จุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
    - มีส่วนแบ่งสูงขึ้นในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร (21.78%)

    สถานการณ์ของเบราว์เซอร์อื่นๆ
    - Safari มีส่วนแบ่ง 7.95%
    - Firefox มีส่วนแบ่ง 6.14%
    - Opera มีส่วนแบ่ง 3.04%

    กลยุทธ์ของ Microsoft
    - ผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Chrome ผ่านการแจ้งเตือนและการตั้งค่าเริ่มต้น
    - Edge ยังคงเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน Windows 10 และ 11

    https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-not-going-anywhere-with-its-market-share/
    Microsoft Edge ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดที่ค่อนข้างคงที่ แม้ว่าจะเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน Windows 10 และ 11 และมีการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Chrome อย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ Statcounter พบว่าในเดือนเมษายน 2025 Google Chrome ครองตลาดเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปด้วยส่วนแบ่ง 65.02% ลดลง 0.62 จุด จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ Microsoft Edge มีส่วนแบ่ง 13.29% ลดลง 0.08 จุด ในเดือนเดียวกัน แต่เพิ่มขึ้น 0.32 จุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ว่า Edge จะมีส่วนแบ่งตลาดที่ค่อนข้างต่ำทั่วโลก แต่ในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร มีส่วนแบ่ง 21.78% ขณะที่ใน อินเดีย Chrome ครองตลาดถึง 86.22% และ Edge มีเพียง 5.65% เบราว์เซอร์อื่นๆ ที่ติดอันดับ ได้แก่ Safari (7.95%), Firefox (6.14%) และ Opera (3.04%) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเดือนเมษายน 2025 ✅ ส่วนแบ่งตลาดของเบราว์เซอร์เดสก์ท็อป - Google Chrome ครองตลาดด้วย 65.02% - Microsoft Edge มีส่วนแบ่ง 13.29% ลดลงเล็กน้อยในเดือนเมษายน 2025 ✅ แนวโน้มของ Microsoft Edge - ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 0.32 จุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว - มีส่วนแบ่งสูงขึ้นในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร (21.78%) ✅ สถานการณ์ของเบราว์เซอร์อื่นๆ - Safari มีส่วนแบ่ง 7.95% - Firefox มีส่วนแบ่ง 6.14% - Opera มีส่วนแบ่ง 3.04% ✅ กลยุทธ์ของ Microsoft - ผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก Chrome ผ่านการแจ้งเตือนและการตั้งค่าเริ่มต้น - Edge ยังคงเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน Windows 10 และ 11 https://www.neowin.net/news/microsoft-edge-is-not-going-anywhere-with-its-market-share/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Edge is not going anywhere with its market share
    Competing with Chrome is very hard, and even Microsoft is struggling to make a dent in Chrome's market share.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ดำเนินการ บล็อกวิธีการข้ามข้อกำหนดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชี Microsoft ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการติดตั้ง Windows 11 ซึ่งทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจ

    ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้สามารถใช้คำสั่ง BYPASSNRO เพื่อข้ามข้อกำหนดดังกล่าว แต่ Microsoft ได้เริ่มทดสอบการลบคำสั่งนี้ออกจากกระบวนการติดตั้ง Windows 11 อย่างไรก็ตาม มีการค้นพบวิธีการข้ามใหม่ รวมถึงวิธีการที่เป็นทางการจาก Microsoft และเครื่องมือ Rufus ยังคงสามารถใช้ได้

    ผู้ใช้จำนวนมากใน Neowin และ Feedback Hub ของ Microsoft ได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยบางคนตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณีที่คอมพิวเตอร์ไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย หรือสถานการณ์ที่อินเทอร์เน็ตขัดข้องในระหว่างการติดตั้ง

    นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่อาจเกิดขึ้น หากผู้ใช้ต้องซื้อ Windows 11 Enterprise SKU เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

    Microsoft บล็อกวิธีการข้ามข้อกำหนดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชี Microsoft
    - คำสั่ง BYPASSNRO ถูกลบออกจากกระบวนการติดตั้ง Windows 11
    - มีการค้นพบวิธีการข้ามใหม่ รวมถึงวิธีการที่เป็นทางการจาก Microsoft

    ปฏิกิริยาจากผู้ใช้
    - ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจใน Neowin และ Feedback Hub
    - มีข้อกังวลเกี่ยวกับกรณีที่คอมพิวเตอร์ไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย

    ผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็ก
    - อาจต้องซื้อ Windows 11 Enterprise SKU เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนด
    - ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอาจเป็นภาระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

    การตอบสนองของ Microsoft
    - ยังไม่มีการตอบกลับอย่างเป็นทางการจาก Microsoft เกี่ยวกับเรื่องนี้

    https://www.neowin.net/news/microsoft-blocks-the-most-popular-windows-11-bypass-for-internet-msa-making-users-angry/
    Microsoft ได้ดำเนินการ บล็อกวิธีการข้ามข้อกำหนดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชี Microsoft ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการติดตั้ง Windows 11 ซึ่งทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจ ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้สามารถใช้คำสั่ง BYPASSNRO เพื่อข้ามข้อกำหนดดังกล่าว แต่ Microsoft ได้เริ่มทดสอบการลบคำสั่งนี้ออกจากกระบวนการติดตั้ง Windows 11 อย่างไรก็ตาม มีการค้นพบวิธีการข้ามใหม่ รวมถึงวิธีการที่เป็นทางการจาก Microsoft และเครื่องมือ Rufus ยังคงสามารถใช้ได้ ผู้ใช้จำนวนมากใน Neowin และ Feedback Hub ของ Microsoft ได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยบางคนตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณีที่คอมพิวเตอร์ไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย หรือสถานการณ์ที่อินเทอร์เน็ตขัดข้องในระหว่างการติดตั้ง นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่อาจเกิดขึ้น หากผู้ใช้ต้องซื้อ Windows 11 Enterprise SKU เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ✅ Microsoft บล็อกวิธีการข้ามข้อกำหนดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและบัญชี Microsoft - คำสั่ง BYPASSNRO ถูกลบออกจากกระบวนการติดตั้ง Windows 11 - มีการค้นพบวิธีการข้ามใหม่ รวมถึงวิธีการที่เป็นทางการจาก Microsoft ✅ ปฏิกิริยาจากผู้ใช้ - ผู้ใช้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจใน Neowin และ Feedback Hub - มีข้อกังวลเกี่ยวกับกรณีที่คอมพิวเตอร์ไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็ก - อาจต้องซื้อ Windows 11 Enterprise SKU เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนด - ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอาจเป็นภาระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ✅ การตอบสนองของ Microsoft - ยังไม่มีการตอบกลับอย่างเป็นทางการจาก Microsoft เกี่ยวกับเรื่องนี้ https://www.neowin.net/news/microsoft-blocks-the-most-popular-windows-11-bypass-for-internet-msa-making-users-angry/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft blocks the most popular Windows 11 bypass for internet, MSA, making users angry
    Microsoft recently removed one of the most popular methods for bypassing Windows 11 requirements of internet connectivity and Microsoft Account. Users are quite annoyed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/IBM5TLdSg9U?si=TpSmG79NRY4InRR3
    https://youtu.be/IBM5TLdSg9U?si=TpSmG79NRY4InRR3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง 14 ใบรับรองด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม และมีผลต่อโอกาสในการทำงาน รวมถึงระดับเงินเดือนของผู้ถือใบรับรอง

    ใบรับรองเหล่านี้ถูกคัดเลือกโดยพิจารณาจาก การยอมรับในอุตสาหกรรม, เครือข่ายมืออาชีพ, และ ผลตอบแทนทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลจาก CyberSeek, Skillsoft, และ Foote Partners เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด

    ใบรับรองที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด ได้แก่ AWS Certified Security — Specialty, Certified Cloud Security Professional (CCSP), Certified Ethical Hacker (C|EH), Certified Information Security Manager (CISM), และ Certified Information Systems Security Professional (CISSP) ซึ่งแต่ละใบรับรองมีข้อกำหนดและข้อดีที่แตกต่างกัน

    นอกจากนี้ บทความยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือกใบรับรองที่เหมาะสมกับเป้าหมายอาชีพของแต่ละบุคคล โดยเน้นไปที่ ความต้องการของตลาด, โอกาสในการสร้างเครือข่าย, และ ผลตอบแทนทางการเงิน

    ใบรับรองที่ได้รับการยอมรับสูงสุด
    - AWS Certified Security — Specialty
    - Certified Cloud Security Professional (CCSP)
    - Certified Ethical Hacker (C|EH)
    - Certified Information Privacy Professional (CIPP)
    - Certified Information Security Manager (CISM)
    - Certified Information Systems Auditor (CISA)
    - Certified Information Systems Security Professional (CISSP)
    - Certified in Risk and Information Systems Control (CRISC)
    - Cisco Certified Network Professional (CCNP) Security
    - CompTIA Advanced Security Practitioner (CASP+)
    - CompTIA Security+
    - GIAC Security Essentials Certification (GSEC)
    - Offensive Security Certified Professional (OSCP)
    - Systems Security Certified Practitioner (SSCP)

    เกณฑ์การคัดเลือกใบรับรอง
    - การยอมรับในอุตสาหกรรม
    - เครือข่ายมืออาชีพและโอกาสในการสร้างเครือข่าย
    - ผลตอบแทนทางการเงินและระดับเงินเดือน

    แนวโน้มของตลาดใบรับรอง
    - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Security กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
    - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Risk Management มีผลต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง

    คำแนะนำในการเลือกใบรับรอง
    - ควรเลือกใบรับรองที่สอดคล้องกับเป้าหมายอาชีพ
    - พิจารณาค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ต้องใช้ในการสอบ

    https://www.csoonline.com/article/3970107/the-14-most-valuable-cybersecurity-certifications.html
    บทความนี้กล่าวถึง 14 ใบรับรองด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม และมีผลต่อโอกาสในการทำงาน รวมถึงระดับเงินเดือนของผู้ถือใบรับรอง ใบรับรองเหล่านี้ถูกคัดเลือกโดยพิจารณาจาก การยอมรับในอุตสาหกรรม, เครือข่ายมืออาชีพ, และ ผลตอบแทนทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลจาก CyberSeek, Skillsoft, และ Foote Partners เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ใบรับรองที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด ได้แก่ AWS Certified Security — Specialty, Certified Cloud Security Professional (CCSP), Certified Ethical Hacker (C|EH), Certified Information Security Manager (CISM), และ Certified Information Systems Security Professional (CISSP) ซึ่งแต่ละใบรับรองมีข้อกำหนดและข้อดีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ บทความยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือกใบรับรองที่เหมาะสมกับเป้าหมายอาชีพของแต่ละบุคคล โดยเน้นไปที่ ความต้องการของตลาด, โอกาสในการสร้างเครือข่าย, และ ผลตอบแทนทางการเงิน ✅ ใบรับรองที่ได้รับการยอมรับสูงสุด - AWS Certified Security — Specialty - Certified Cloud Security Professional (CCSP) - Certified Ethical Hacker (C|EH) - Certified Information Privacy Professional (CIPP) - Certified Information Security Manager (CISM) - Certified Information Systems Auditor (CISA) - Certified Information Systems Security Professional (CISSP) - Certified in Risk and Information Systems Control (CRISC) - Cisco Certified Network Professional (CCNP) Security - CompTIA Advanced Security Practitioner (CASP+) - CompTIA Security+ - GIAC Security Essentials Certification (GSEC) - Offensive Security Certified Professional (OSCP) - Systems Security Certified Practitioner (SSCP) ✅ เกณฑ์การคัดเลือกใบรับรอง - การยอมรับในอุตสาหกรรม - เครือข่ายมืออาชีพและโอกาสในการสร้างเครือข่าย - ผลตอบแทนทางการเงินและระดับเงินเดือน ✅ แนวโน้มของตลาดใบรับรอง - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Security กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Risk Management มีผลต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง ✅ คำแนะนำในการเลือกใบรับรอง - ควรเลือกใบรับรองที่สอดคล้องกับเป้าหมายอาชีพ - พิจารณาค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ต้องใช้ในการสอบ https://www.csoonline.com/article/3970107/the-14-most-valuable-cybersecurity-certifications.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 14 most valuable cybersecurity certifications
    Widely recognized across the industry, these blue-chip certs are highly valued by employers, offer competitive salaries, and are backed by strong professional communities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • คูเวตกำลังเผชิญกับ วิกฤตพลังงาน ที่รุนแรง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลต้องดำเนินการ ปราบปรามการขุดคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากกิจกรรมนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า

    กระทรวงมหาดไทยของคูเวตได้เริ่ม ปฏิบัติการด้านความมั่นคง เพื่อตรวจสอบบ้านที่ใช้สำหรับการขุดคริปโต ซึ่งถือเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย โดยมีรายงานว่าบ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า

    แม้ว่าคูเวตจะ ห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มี กฎหมายเฉพาะที่ควบคุมการขุดคริปโต ทำให้ผู้ขุดสามารถใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแลเพื่อดำเนินกิจกรรมของตน

    การดำเนินการของรัฐบาล
    - กระทรวงมหาดไทยเริ่มปฏิบัติการตรวจสอบบ้านที่ใช้ขุดคริปโต
    - บ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า

    สถานการณ์พลังงานในคูเวต
    - คูเวตกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานจากการเติบโตของประชากรและอุณหภูมิที่สูงขึ้น
    - การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าล่าช้าทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า

    กฎหมายเกี่ยวกับคริปโตในคูเวต
    - คูเวตห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มีข้อบังคับเฉพาะเกี่ยวกับการขุด
    - ผู้ขุดใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแล

    ผลกระทบของการปราบปราม
    - การใช้พลังงานในพื้นที่ Al-Wafrah ลดลง 55% หลังจากปฏิบัติการของรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/kuwait-cracks-down-on-cryptocurrency-mining-amid-power-crisis
    คูเวตกำลังเผชิญกับ วิกฤตพลังงาน ที่รุนแรง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลต้องดำเนินการ ปราบปรามการขุดคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากกิจกรรมนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า กระทรวงมหาดไทยของคูเวตได้เริ่ม ปฏิบัติการด้านความมั่นคง เพื่อตรวจสอบบ้านที่ใช้สำหรับการขุดคริปโต ซึ่งถือเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย โดยมีรายงานว่าบ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า แม้ว่าคูเวตจะ ห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มี กฎหมายเฉพาะที่ควบคุมการขุดคริปโต ทำให้ผู้ขุดสามารถใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแลเพื่อดำเนินกิจกรรมของตน ✅ การดำเนินการของรัฐบาล - กระทรวงมหาดไทยเริ่มปฏิบัติการตรวจสอบบ้านที่ใช้ขุดคริปโต - บ้านบางหลังใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 20 เท่า ✅ สถานการณ์พลังงานในคูเวต - คูเวตกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานจากการเติบโตของประชากรและอุณหภูมิที่สูงขึ้น - การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าล่าช้าทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า ✅ กฎหมายเกี่ยวกับคริปโตในคูเวต - คูเวตห้ามการซื้อขายคริปโต แต่ยังไม่มีข้อบังคับเฉพาะเกี่ยวกับการขุด - ผู้ขุดใช้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ถูกและการขาดการกำกับดูแล ✅ ผลกระทบของการปราบปราม - การใช้พลังงานในพื้นที่ Al-Wafrah ลดลง 55% หลังจากปฏิบัติการของรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/kuwait-cracks-down-on-cryptocurrency-mining-amid-power-crisis
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Kuwait cracks down on cryptocurrency mining amid power crisis
    KUWAIT (Reuters) -Kuwait has launched a crackdown on cryptocurrency miners it accuses of being a "major" cause of a power crisis that has led to blackouts, as authorities seek to ease pressure on the grid before the start of a sweltering summer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ถูกศาลอุทธรณ์ในลอนดอนสั่งให้จ่ายเงิน 502 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Optis Cellular Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทด้านสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ สำหรับการใช้ สิทธิบัตร 4G ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น iPhone และ iPad

    คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ Optis ฟ้อง Apple ในลอนดอน โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตรที่จำเป็นต่อมาตรฐานเทคโนโลยี 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสูงของลอนดอนเคยตัดสินให้ Apple จ่ายเงิน 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis มองว่าจำนวนเงินดังกล่าวต่ำเกินไป และยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ Apple ต้องจ่ายเงินก้อนเดียว 502 ล้านดอลลาร์ สำหรับการใช้สิทธิบัตรของ Optis ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2027 ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับ ใบอนุญาตระดับโลก

    Apple แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินนี้ และประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า Optis ไม่ได้ผลิตสินค้าใดๆ และมีธุรกิจหลักคือการฟ้องร้องบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรที่พวกเขาซื้อมา ขณะที่ Optis ยืนยันว่าคำตัดสินนี้ช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตรของตน

    คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ลอนดอน
    - Apple ต้องจ่าย 502 ล้านดอลลาร์ ให้ Optis สำหรับการใช้สิทธิบัตร 4G
    - ค่าธรรมเนียมครอบคลุมช่วงปี 2013-2027

    ประวัติของคดี
    - Optis ฟ้อง Apple ในปี 2019 โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตร 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ศาลสูงเคยตัดสินให้ Apple จ่าย 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis ยื่นอุทธรณ์

    ปฏิกิริยาของ Apple และ Optis
    - Apple ไม่พอใจและประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์
    - Optis ยืนยันว่าคำตัดสินช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตร

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - คดีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำหนดค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/apple-must-pay-optis-502-million-lump-sum-in-uk-patent-dispute-court-rules
    Apple ถูกศาลอุทธรณ์ในลอนดอนสั่งให้จ่ายเงิน 502 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Optis Cellular Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทด้านสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ สำหรับการใช้ สิทธิบัตร 4G ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น iPhone และ iPad คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ Optis ฟ้อง Apple ในลอนดอน โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตรที่จำเป็นต่อมาตรฐานเทคโนโลยี 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสูงของลอนดอนเคยตัดสินให้ Apple จ่ายเงิน 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis มองว่าจำนวนเงินดังกล่าวต่ำเกินไป และยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้ Apple ต้องจ่ายเงินก้อนเดียว 502 ล้านดอลลาร์ สำหรับการใช้สิทธิบัตรของ Optis ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2027 ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมสำหรับ ใบอนุญาตระดับโลก Apple แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินนี้ และประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า Optis ไม่ได้ผลิตสินค้าใดๆ และมีธุรกิจหลักคือการฟ้องร้องบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรที่พวกเขาซื้อมา ขณะที่ Optis ยืนยันว่าคำตัดสินนี้ช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตรของตน ✅ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ลอนดอน - Apple ต้องจ่าย 502 ล้านดอลลาร์ ให้ Optis สำหรับการใช้สิทธิบัตร 4G - ค่าธรรมเนียมครอบคลุมช่วงปี 2013-2027 ✅ ประวัติของคดี - Optis ฟ้อง Apple ในปี 2019 โดยอ้างว่า Apple ใช้สิทธิบัตร 4G โดยไม่ได้รับอนุญาต - ศาลสูงเคยตัดสินให้ Apple จ่าย 56.43 ล้านดอลลาร์ แต่ Optis ยื่นอุทธรณ์ ✅ ปฏิกิริยาของ Apple และ Optis - Apple ไม่พอใจและประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ - Optis ยืนยันว่าคำตัดสินช่วยยืนยันมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิบัตร ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี - คดีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำหนดค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/apple-must-pay-optis-502-million-lump-sum-in-uk-patent-dispute-court-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple must pay Optis $502 million lump sum in UK patent dispute, court rules
    LONDON (Reuters) -Apple must pay a U.S. patent holder $502 million for the use of 4G patents in devices including iPhones and iPads, London's Court of Appeal ruled on Thursday, in the latest stage of a long-running legal battle.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/OYorrRBBHoA?si=BD3fepiUQGK874m4
    https://youtube.com/shorts/OYorrRBBHoA?si=BD3fepiUQGK874m4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังเผชิญกับกระแสความนิยมของ DeepSeek ซึ่งเป็นแชตบอท AI ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

    Qi Xiangdong ประธานบริษัท Qi An Xin (QAX) ซึ่งเป็นบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปักกิ่ง ได้กล่าวในงาน Digital China Summit ว่า AI ขนาดใหญ่มีความท้าทายด้านความปลอดภัย และอาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ หรือแม้แต่ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของโมเดล AI

    รัฐบาลจีนได้สนับสนุนการใช้ AI อย่างแพร่หลาย โดยมีการนำ DeepSeek ไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ, การให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงดูเด็ก และแม้แต่การแพทย์ อย่างไรก็ตาม มณฑลหูหนาน ได้สั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำของข้อมูล

    นอกจากนี้ สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีน ได้ประกาศ แคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อตรวจสอบบริการ AI ที่ให้คำแนะนำทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับการลงทุนและข่าวสารสาธารณะ

    ความนิยมของ DeepSeek ในจีน
    - DeepSeek เป็นแชตบอท AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
    - ถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ และการแพทย์

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - Qi Xiangdong เตือนว่า AI อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ
    - มีความเสี่ยงจากการ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของ AI

    การควบคุมการใช้ AI ในจีน
    - มณฑลหูหนานสั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา
    - สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีนประกาศแคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน

    การใช้ AI ในภาครัฐ
    - รัฐบาลจีนใช้ AI ในการร่างเอกสารและตรวจสอบข้อมูล
    - มีการนำ AI ไปใช้ร่วมกับกล้องวงจรปิดเพื่อช่วยค้นหาผู้สูญหาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/relying-on-ai-carries-risks-cybersecurity-expert-warns-amid-chinas-deepseek-craze
    จีนกำลังเผชิญกับกระแสความนิยมของ DeepSeek ซึ่งเป็นแชตบอท AI ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย Qi Xiangdong ประธานบริษัท Qi An Xin (QAX) ซึ่งเป็นบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปักกิ่ง ได้กล่าวในงาน Digital China Summit ว่า AI ขนาดใหญ่มีความท้าทายด้านความปลอดภัย และอาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ หรือแม้แต่ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของโมเดล AI รัฐบาลจีนได้สนับสนุนการใช้ AI อย่างแพร่หลาย โดยมีการนำ DeepSeek ไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ, การให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงดูเด็ก และแม้แต่การแพทย์ อย่างไรก็ตาม มณฑลหูหนาน ได้สั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำของข้อมูล นอกจากนี้ สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีน ได้ประกาศ แคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อตรวจสอบบริการ AI ที่ให้คำแนะนำทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับการลงทุนและข่าวสารสาธารณะ ✅ ความนิยมของ DeepSeek ในจีน - DeepSeek เป็นแชตบอท AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน - ถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ และการแพทย์ ✅ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - Qi Xiangdong เตือนว่า AI อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ - มีความเสี่ยงจากการ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของ AI ✅ การควบคุมการใช้ AI ในจีน - มณฑลหูหนานสั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา - สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีนประกาศแคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน ✅ การใช้ AI ในภาครัฐ - รัฐบาลจีนใช้ AI ในการร่างเอกสารและตรวจสอบข้อมูล - มีการนำ AI ไปใช้ร่วมกับกล้องวงจรปิดเพื่อช่วยค้นหาผู้สูญหาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/relying-on-ai-carries-risks-cybersecurity-expert-warns-amid-chinas-deepseek-craze
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Relying on AI carries risks, cybersecurity expert warns amid China’s DeepSeek craze
    Political adviser cautions against dependence on AI for decision-making, calls for security mechanism to monitor and intercept threats.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อมี request มีหรือจะไม่จัดให้

    #เก็บเวลาไว้ในขวดแก้ว
    เมื่อมี request มีหรือจะไม่จัดให้ 🥰🥰 #เก็บเวลาไว้ในขวดแก้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อดีตชวนมองถึงปัจจุบัน.
    ..อดีตชวนมองถึงปัจจุบัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว