ย้อนตำนานทักษิณ ทำแคปิตอล โอเค
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยต่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ตอนหนึ่งระบุว่า วันก่อนคิดกับนายกฯ (แพทองธาร ชินวัตร) ดังๆ ทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมดไปได้ คิดดังๆ ว่าเราจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาทสามารถให้เอกชนลงทุน เรียกเสียงฮือฮาแก่ผู้สนับสนุน แม้จะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ทำให้ย้อนถึงสมัยเป็นนักธุรกิจ ตระกูลชินวัตรทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลมาก่อน ภายใต้ชื่อ "แคปปิตอล โอเค"
ปี 2546 กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชินวัตร ร่วมทุนกับดีบีเอส แบงก์ ลิมิเต็ด ประเทศสิงคโปร์ เจ้าของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ในขณะนั้น ก่อตั้งบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งสินเชื่อไม่มีหลักประกัน บัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อต่างๆ โดยกลุ่มชินคอร์ปฯ ถือหุ้น 60% และดีบีเอส 40% ผ่านไป 2 ปีมีลูกค้าราว 6 แสนราย ส่วนมากเป็นสินเชื่อบุคคล 60% สินเชื่อเช่าซื้อ 30% และบัตรเครดิต 10%
23 ม.ค. 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้แก่ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงคโปร์ จำนวน 1,487.74 ล้านหุ้น รวม 73,271.20 ล้านบาท ทำให้แคปปิตอล โอเค ไม่ได้เป็นของตระกูลชินวัตรอีกต่อไป หลังจากนั้นเมื่อรัฐบาลทักษิณถูกประชาชนชุมนุมขับไล่และเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ธุรกิจสินเชื่อของแคปิตอลโอเคเริ่มซบเซา แม้กลุ่มชินคอร์ปฯ ซื้อหุ้นที่เหลือจากดีบีเอส กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 99.99% และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5,200 ล้านบาท แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น
ในที่สุดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2550 กลุ่มชินคอร์ปฯ จึงได้ขายหุ้นแคปปิตอล โอเค ซึ่งขณะนั้นมีทุนจดทะเบียน 7,500 ล้านบาท ให้กับ 2 บริษัท ได้แก่ เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) และออริกซ์ คอร์ปอเรชั่น (บริษัทย่อยของ ORIX) เพื่อลดภาระผลขาดทุนจากการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ และลดภาระการสนับสนุนเงินทุนแก่แคปปิตอล โอเค ในอนาคต หลังจากนั้นเมื่อเศรษฐกิจซบเซา ปลายปี 2552 แคปปิตอล โอเค จึงหยุดการให้สินเชื่อลูกค้าบุคคลในที่สุด
ปัจจุบัน แคปปิตอล โอเค เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ซึ่งมีปัญหาการผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รวม 7 รุ่น กว่า 4,000 ล้านบาท เคยถูกสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษอดีตผู้บริหารกรณีทุจริต และผู้ถือหุ้นกู้กำลังร้องเรียนหน่วยงานทีเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบธรรมาภิบาล
#Newskit ย้อนตำนานทักษิณ ทำแคปิตอล โอเค
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยต่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ตอนหนึ่งระบุว่า วันก่อนคิดกับนายกฯ (แพทองธาร ชินวัตร) ดังๆ ทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมดไปได้ คิดดังๆ ว่าเราจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาทสามารถให้เอกชนลงทุน เรียกเสียงฮือฮาแก่ผู้สนับสนุน แม้จะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ทำให้ย้อนถึงสมัยเป็นนักธุรกิจ ตระกูลชินวัตรทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลมาก่อน ภายใต้ชื่อ "แคปปิตอล โอเค"
ปี 2546 กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชินวัตร ร่วมทุนกับดีบีเอส แบงก์ ลิมิเต็ด ประเทศสิงคโปร์ เจ้าของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ในขณะนั้น ก่อตั้งบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งสินเชื่อไม่มีหลักประกัน บัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อต่างๆ โดยกลุ่มชินคอร์ปฯ ถือหุ้น 60% และดีบีเอส 40% ผ่านไป 2 ปีมีลูกค้าราว 6 แสนราย ส่วนมากเป็นสินเชื่อบุคคล 60% สินเชื่อเช่าซื้อ 30% และบัตรเครดิต 10%
23 ม.ค. 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้แก่ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงคโปร์ จำนวน 1,487.74 ล้านหุ้น รวม 73,271.20 ล้านบาท ทำให้แคปปิตอล โอเค ไม่ได้เป็นของตระกูลชินวัตรอีกต่อไป หลังจากนั้นเมื่อรัฐบาลทักษิณถูกประชาชนชุมนุมขับไล่และเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ธุรกิจสินเชื่อของแคปิตอลโอเคเริ่มซบเซา แม้กลุ่มชินคอร์ปฯ ซื้อหุ้นที่เหลือจากดีบีเอส กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 99.99% และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5,200 ล้านบาท แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น
ในที่สุดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2550 กลุ่มชินคอร์ปฯ จึงได้ขายหุ้นแคปปิตอล โอเค ซึ่งขณะนั้นมีทุนจดทะเบียน 7,500 ล้านบาท ให้กับ 2 บริษัท ได้แก่ เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) และออริกซ์ คอร์ปอเรชั่น (บริษัทย่อยของ ORIX) เพื่อลดภาระผลขาดทุนจากการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ และลดภาระการสนับสนุนเงินทุนแก่แคปปิตอล โอเค ในอนาคต หลังจากนั้นเมื่อเศรษฐกิจซบเซา ปลายปี 2552 แคปปิตอล โอเค จึงหยุดการให้สินเชื่อลูกค้าบุคคลในที่สุด
ปัจจุบัน แคปปิตอล โอเค เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ซึ่งมีปัญหาการผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รวม 7 รุ่น กว่า 4,000 ล้านบาท เคยถูกสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษอดีตผู้บริหารกรณีทุจริต และผู้ถือหุ้นกู้กำลังร้องเรียนหน่วยงานทีเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบธรรมาภิบาล
#Newskit