• FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันอังคารที่ 11 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันอังคารที่ 11 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/tJ-nxDlvR4E?si=2u1TlsuSGD9j96zG
    https://youtube.com/shorts/tJ-nxDlvR4E?si=2u1TlsuSGD9j96zG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/QfsIKz86n_I?si=smTiSfbfwkFVptOe
    https://youtube.com/shorts/QfsIKz86n_I?si=smTiSfbfwkFVptOe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/D2GlKMkOG3Q?si=O2CHtDoMyxuhqkNh
    https://youtu.be/D2GlKMkOG3Q?si=O2CHtDoMyxuhqkNh
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning Monday💛my dear friends🥰
    Hope you have a great day 👍💯🤩
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Good morning Monday💛my dear friends🥰 Hope you have a great day 👍💯🤩 #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 วิธีจัดการกับ "ความรู้สึก" ตามหลักพุทธศาสตร์

    (บทความโดย ดังตฤณ)


    ---

    🔍 1️⃣ ปัญหาที่ยากที่สุดในชีวิต: "จัดการกับความรู้สึก"

    😣 แม้จะเป็นคนที่ใช้เหตุผลเก่ง

    เข้าใจทุกอย่างทางทฤษฎี

    แต่หากควบคุมความรู้สึกไม่ได้ ก็ยังทุกข์อยู่ดี


    💡 ดังนั้น ทางออกคือการเข้าใจและรู้ทัน "ความรู้สึก" ของตัวเองให้ได้


    ---

    🧘‍♂️ 2️⃣ แนวทาง "เจริญสติ" เพื่อจัดการความรู้สึก

    ☸ พุทธศาสนาดั้งเดิมสอนให้โฟกัสที่ "ภายใน"
    ✅ เน้นให้เห็น ความจริงของกายและใจ
    ✅ เมื่อเข้าใจว่ากาย-ใจไม่ใช่ตัวตน ความทุกข์ก็ลดลง
    ✅ ฝึก รู้ความรู้สึกในปัจจุบันให้ได้ ไม่ใช่คิดไปข้างหน้า หรือจมอยู่กับอดีต

    🌀 ตัวอย่างการฝึกผ่านลมหายใจ

    หายใจเข้า → รู้ว่าอึดอัดหรือสบาย

    หายใจออก → รู้ว่าเป็นสุขหรือเป็นทุกข์


    🎯 เมื่อสามารถ "รู้" ได้ตามจริง
    ✅ จะเข้าใจว่า สุขและทุกข์ไม่เที่ยง
    ✅ จะไม่ "จม" ไปกับความสุขหรือความทุกข์
    ✅ จะ รู้จริง ไม่ใช่แค่จำหลักการพุทธ


    ---

    🔄 3️⃣ เมื่อเข้าใจจริง: คุณจะ "ไม่รู้สึกว่าสูญเสียอะไรเลย"

    💡 เพราะทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ

    ทุกข์ที่รู้สึกว่าหนัก

    ความรู้สึกสูญเสีย

    ความกลัว หรือความยึดติด
    🎯 ล้วนเป็นของชั่วคราวที่มาผ่านไป


    💭 เมื่อเห็นแจ้งด้วยใจจริงๆ
    ✅ จะรู้สึกว่า "ไม่มีอะไรจริงเลย"
    ✅ จิตใจจะ เบาขึ้น ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น
    ✅ ไม่ต้องดิ้นรน "รักษา" หรือ "ไขว่คว้า" สิ่งที่ไม่จีรัง


    ---

    🎯 4️⃣ สรุป: วิธีจัดการความรู้สึกให้ใจ "ปล่อยวาง" ได้

    ✅ 1. ฝึกสังเกตความรู้สึกของตัวเอง
    🚫 ไม่ตัดสินว่าดีหรือร้าย แค่รู้ทัน

    ✅ 2. ใช้ลมหายใจเป็นจุดสังเกต
    🌬️ หายใจเข้า = อึดอัด หรือสบาย
    🌬️ หายใจออก = สุข หรือทุกข์

    ✅ 3. เข้าใจว่าสุขและทุกข์ "ไม่เที่ยง"
    🔄 วันนี้ทุกข์ พรุ่งนี้อาจสุข
    🔄 วันนี้สุข อีกไม่นานอาจกลับทุกข์

    ✅ 4. เมื่อเข้าใจแล้ว จะ "ไม่รู้สึกว่าสูญเสียอะไรเลย"
    🔓 เพราะ ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ

    💡 สุดท้าย คนที่ "รู้สึกจริงๆ" ว่าไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
    ✅ จะ ปล่อยวางได้ตั้งแต่วันนี้
    ✅ จนกระทั่งถึง วันสุดท้ายของชีวิต!

    📌 วิธีจัดการกับ "ความรู้สึก" ตามหลักพุทธศาสตร์ (บทความโดย ดังตฤณ) --- 🔍 1️⃣ ปัญหาที่ยากที่สุดในชีวิต: "จัดการกับความรู้สึก" 😣 แม้จะเป็นคนที่ใช้เหตุผลเก่ง เข้าใจทุกอย่างทางทฤษฎี แต่หากควบคุมความรู้สึกไม่ได้ ก็ยังทุกข์อยู่ดี 💡 ดังนั้น ทางออกคือการเข้าใจและรู้ทัน "ความรู้สึก" ของตัวเองให้ได้ --- 🧘‍♂️ 2️⃣ แนวทาง "เจริญสติ" เพื่อจัดการความรู้สึก ☸ พุทธศาสนาดั้งเดิมสอนให้โฟกัสที่ "ภายใน" ✅ เน้นให้เห็น ความจริงของกายและใจ ✅ เมื่อเข้าใจว่ากาย-ใจไม่ใช่ตัวตน ความทุกข์ก็ลดลง ✅ ฝึก รู้ความรู้สึกในปัจจุบันให้ได้ ไม่ใช่คิดไปข้างหน้า หรือจมอยู่กับอดีต 🌀 ตัวอย่างการฝึกผ่านลมหายใจ หายใจเข้า → รู้ว่าอึดอัดหรือสบาย หายใจออก → รู้ว่าเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ 🎯 เมื่อสามารถ "รู้" ได้ตามจริง ✅ จะเข้าใจว่า สุขและทุกข์ไม่เที่ยง ✅ จะไม่ "จม" ไปกับความสุขหรือความทุกข์ ✅ จะ รู้จริง ไม่ใช่แค่จำหลักการพุทธ --- 🔄 3️⃣ เมื่อเข้าใจจริง: คุณจะ "ไม่รู้สึกว่าสูญเสียอะไรเลย" 💡 เพราะทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ ทุกข์ที่รู้สึกว่าหนัก ความรู้สึกสูญเสีย ความกลัว หรือความยึดติด 🎯 ล้วนเป็นของชั่วคราวที่มาผ่านไป 💭 เมื่อเห็นแจ้งด้วยใจจริงๆ ✅ จะรู้สึกว่า "ไม่มีอะไรจริงเลย" ✅ จิตใจจะ เบาขึ้น ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น ✅ ไม่ต้องดิ้นรน "รักษา" หรือ "ไขว่คว้า" สิ่งที่ไม่จีรัง --- 🎯 4️⃣ สรุป: วิธีจัดการความรู้สึกให้ใจ "ปล่อยวาง" ได้ ✅ 1. ฝึกสังเกตความรู้สึกของตัวเอง 🚫 ไม่ตัดสินว่าดีหรือร้าย แค่รู้ทัน ✅ 2. ใช้ลมหายใจเป็นจุดสังเกต 🌬️ หายใจเข้า = อึดอัด หรือสบาย 🌬️ หายใจออก = สุข หรือทุกข์ ✅ 3. เข้าใจว่าสุขและทุกข์ "ไม่เที่ยง" 🔄 วันนี้ทุกข์ พรุ่งนี้อาจสุข 🔄 วันนี้สุข อีกไม่นานอาจกลับทุกข์ ✅ 4. เมื่อเข้าใจแล้ว จะ "ไม่รู้สึกว่าสูญเสียอะไรเลย" 🔓 เพราะ ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ 💡 สุดท้าย คนที่ "รู้สึกจริงๆ" ว่าไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ✅ จะ ปล่อยวางได้ตั้งแต่วันนี้ ✅ จนกระทั่งถึง วันสุดท้ายของชีวิต!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้ว Storyฯ คุยถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ จากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid036pXf9b2bDT6Pj7hz6t8U4hTYrJTrubWu3xRGJ26wogVFFnWAsTm6iQm7PECsHvbFl) วันนี้มาคุยต่อกันเกี่ยวกับอีกหนึ่งวลีเด็ดจากเรื่องเดียวกัน คือ ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วง... ตามเวลาของมัน’ (ฮวาคายฮวาลั่วจื้อโหย่วสือ / 花开花落自有时)

    จริงๆ แล้วความหมายของมันค่อนข้างตรงตัวเพราะสะท้อนถึงวัฏจักรแห่งชีวิต และเชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนคงคิดว่ามันมาจากกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ

    วลีนี้ผันแปรมาจากวรรคหนึ่งในบทกวีในสมัยซ่งใต้ เป็นบทกวีของนางคณิกาหลวงเหยียนหรุ่ยผู้เลื่องชื่อด้านบทกวี มีชื่อว่า ‘ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน’ (不是爱风尘 / มิได้รักในชีวิตนางคณิกา) และประโยคดั้งเดิมคือ ‘บุปผาโรยร่วงและผลิบานตามเวลาของมัน’ (คือร่วงก่อนแล้วค่อยบาน ไม่ใช่บานแล้วจึงร่วงแบบที่เราคุ้นเคย)

    ประวัติของเหยียนหรุ่ยไม่แน่ชัด บ้างว่านางถูกพ่อเลี้ยงหลอกมาขาย บ้างว่าพ่อของนางเคยเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยที่ต้องโทษ แต่ที่ชัดเจนคือนางได้รับการศึกษามาอย่างดีก่อนจะกลายมาเป็นนางคณิกาหลวง (คือถูกเรียกใช้ร้องรำทำเพลงในงานเลี้ยงต่างๆ ของขุนนาง) ชีวิตของนางผ่านร้อนผ่านหนาวไม่น้อย นางได้รับการชื่นชมจากขุนนางและผู้มีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อยด้วยบทกวีที่โดดเด่น หนึ่งในนั้นคือถังจงโหย่วผู้ว่าราชการเขตเจ๋อตง จนต่อมานางถูกจับเข้าคุกไปทรมานด้วยข้อหาที่ว่านางค้างคืนในจวนของถังจงโหย่ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเอาผิดถังจงโหย่ว (ซึ่งเป็นการผิดกฎการใช้บริการนางคณิกาหลวง) แต่นางไม่ยอมรับผิดตามข้อกล่าวหา จนสุดท้ายเรื่องถึงในวังและได้มีการแต่งตั้งเยวี่ยหลิน (ลูกชายของเยวี่ยเฟยหรืองักฮุย) มาไต่สวนจนพบว่าจริงแล้วมันเป็นการแย่งชิงอำนาจของขุนนางโดยมีนางเป็นหมากตาหนึ่ง นางจึงได้รับการปลดปล่อย และต่อมาในบั้นปลายชีวิตนางกินดีอยู่ดีในฐานะอนุภรรยาอันเป็นที่รักของพ่อม่ายเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง

    เรื่องราวตอนที่นางถูกใส่ร้ายจนจำคุกและถูกทรมานเจียนตายนั้น เป็นคดีความที่โด่งดัง เกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1182 และตอนที่นางถูกนำมาไต่สวนอีกครั้งโดยเยวี่ยหลินนั้น ด้วยความที่เยวี่ยหลินได้ยินกิตติศัพท์ความสามารถด้านโคลงกลอนของนางและสืบรู้เรื่องราวที่แท้จริงจนตั้งใจจะปล่อยนางอยู่แล้ว จึงตั้งเงื่อนไขให้นางเล่าความจริงผ่านบทกวีเพื่อแลกกับอิสรภาพ และ ‘ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน’ คือบทกวีบทนั้น

    ‘ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน’ มีแปดวรรค เป็นบทกลอนที่ใช้การเปรียบเปรยและอุปมาอุไมยไม่น้อย สาระใจความสรุปได้ว่า: อย่าได้คิดดูถูกว่านางเป็นสตรีใฝ่ต่ำ นางไม่ได้ต้องการมาเป็นนางคณิกา แต่มีเหตุผิดพลาดทำให้ชีวิตผกผัน ชะตาชีวิตของนางตอนนี้ขึ้นอยู่กับเยวี่ยหลินแล้ว นางอยากหลุดพ้นจากชีวิตนางคณิกานี้ แต่ยังจำต้องทนแม้ฝืนใจเต็มที และสิ่งที่โหยหาคืออิสรภาพ

    ฟังดูเหมือนไม่น่ามีอะไรเกี่ยวกับ ‘บุปผาโรยร่วงฯ’ ใช่ไหม?

    ประโยค ‘บุปผาโรยร่วงฯ’ นี้ ในบทกวีเดิมเขียนไว้ว่า ‘บุปผาโรยร่วงและผลิบานตามเวลาของมัน ล้วนแล้วแต่สุริยเทพจะกำหนด’ (花落花开自有时, 总赖东君主) เป็นการอุปมาอุปไมยว่า ไม่ว่านางจะตกอับจำคุก (บุปผาโรยร่วง) หรือจะพ้นคุกยืนหยัดขึ้นได้ใหม่ (บุปผาผลิบาน) อาจดูคล้ายเป็นเรื่องที่ชะตาชีวิตกำหนดไว้แล้ว แต่จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับเยวี่ยหลิน (สุริยเทพ) ดังนั้นประโยคนี้ในความหมายดั้งเดิมของมันคือการรำพันถึงชะตาชีวิตที่ตกอยู่ในมือคนอื่น ตนเองไม่อาจกำหนดได้ สะท้อนถึงความท้อแท้ในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับในธรรมชาติของมันและอ้อนวอนขอความเห็นใจ

    ว่ากันว่าบทกวีนี้มิเพียงทำให้นางหลุดจากคุกแต่ยังได้รับการปลดชื่อออกจากทะเบียนทาสซึ่งเป็นสถานะของนางคณิกาหลวงอีกด้วย (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงสถานะทาสของนางคณิกาหลวงแล้วในเรื่องของ ซ่งอิ่นจาง ในเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน>) เป็นการได้รับอิสรภาพสองแบบเลยทีเดียว

    วรรคที่ใช้ดอกไม้อุปมาอุปไมยถึงชะตาชีวิตนี้ เป็นที่นิยมแพร่หลายด้วยความไพเราะของมัน และต่อมาถูกผันเปลี่ยนมาเป็น ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ (คือบานแล้วจึงโรย ตามวัฏจักรธรรมชาติ) และมีการแต่งวรรคต่ออีกหลากหลาย เช่น ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน รักเกิดรักดับไม่มีผู้ใดบังคับได้’ เป็นต้น แต่ล้วนเป็นประโยคที่กล่าวถึงการดับการเกิดตามครรลองธรรมชาติเพื่อสะท้อนความไม่จีรัง และนิยมนำมาใช้กับความรักหรือความสัมพันธ์ระหว่างคน และนี่ก็เป็นบริบทและความหมายที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> นี่เอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.vogue.com.tw/culture/content-42286
    https://kknews.cc/history/5x9gyb8.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/严蕊/892616
    http://www.gaosan.com/gaokao/262749.html
    https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_753d1a95cd9e.aspx
    http://book.sina.com.cn/excerpt/rwws/2017-04-14/1446/doc-ifyeimqc3679324-p2.shtml

    #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #เหยียนหรุ่ย #บุปผาผลิบาน #ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน
    สัปดาห์ที่แล้ว Storyฯ คุยถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ จากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid036pXf9b2bDT6Pj7hz6t8U4hTYrJTrubWu3xRGJ26wogVFFnWAsTm6iQm7PECsHvbFl) วันนี้มาคุยต่อกันเกี่ยวกับอีกหนึ่งวลีเด็ดจากเรื่องเดียวกัน คือ ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วง... ตามเวลาของมัน’ (ฮวาคายฮวาลั่วจื้อโหย่วสือ / 花开花落自有时) จริงๆ แล้วความหมายของมันค่อนข้างตรงตัวเพราะสะท้อนถึงวัฏจักรแห่งชีวิต และเชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนคงคิดว่ามันมาจากกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ วลีนี้ผันแปรมาจากวรรคหนึ่งในบทกวีในสมัยซ่งใต้ เป็นบทกวีของนางคณิกาหลวงเหยียนหรุ่ยผู้เลื่องชื่อด้านบทกวี มีชื่อว่า ‘ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน’ (不是爱风尘 / มิได้รักในชีวิตนางคณิกา) และประโยคดั้งเดิมคือ ‘บุปผาโรยร่วงและผลิบานตามเวลาของมัน’ (คือร่วงก่อนแล้วค่อยบาน ไม่ใช่บานแล้วจึงร่วงแบบที่เราคุ้นเคย) ประวัติของเหยียนหรุ่ยไม่แน่ชัด บ้างว่านางถูกพ่อเลี้ยงหลอกมาขาย บ้างว่าพ่อของนางเคยเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยที่ต้องโทษ แต่ที่ชัดเจนคือนางได้รับการศึกษามาอย่างดีก่อนจะกลายมาเป็นนางคณิกาหลวง (คือถูกเรียกใช้ร้องรำทำเพลงในงานเลี้ยงต่างๆ ของขุนนาง) ชีวิตของนางผ่านร้อนผ่านหนาวไม่น้อย นางได้รับการชื่นชมจากขุนนางและผู้มีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อยด้วยบทกวีที่โดดเด่น หนึ่งในนั้นคือถังจงโหย่วผู้ว่าราชการเขตเจ๋อตง จนต่อมานางถูกจับเข้าคุกไปทรมานด้วยข้อหาที่ว่านางค้างคืนในจวนของถังจงโหย่ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเอาผิดถังจงโหย่ว (ซึ่งเป็นการผิดกฎการใช้บริการนางคณิกาหลวง) แต่นางไม่ยอมรับผิดตามข้อกล่าวหา จนสุดท้ายเรื่องถึงในวังและได้มีการแต่งตั้งเยวี่ยหลิน (ลูกชายของเยวี่ยเฟยหรืองักฮุย) มาไต่สวนจนพบว่าจริงแล้วมันเป็นการแย่งชิงอำนาจของขุนนางโดยมีนางเป็นหมากตาหนึ่ง นางจึงได้รับการปลดปล่อย และต่อมาในบั้นปลายชีวิตนางกินดีอยู่ดีในฐานะอนุภรรยาอันเป็นที่รักของพ่อม่ายเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง เรื่องราวตอนที่นางถูกใส่ร้ายจนจำคุกและถูกทรมานเจียนตายนั้น เป็นคดีความที่โด่งดัง เกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1182 และตอนที่นางถูกนำมาไต่สวนอีกครั้งโดยเยวี่ยหลินนั้น ด้วยความที่เยวี่ยหลินได้ยินกิตติศัพท์ความสามารถด้านโคลงกลอนของนางและสืบรู้เรื่องราวที่แท้จริงจนตั้งใจจะปล่อยนางอยู่แล้ว จึงตั้งเงื่อนไขให้นางเล่าความจริงผ่านบทกวีเพื่อแลกกับอิสรภาพ และ ‘ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน’ คือบทกวีบทนั้น ‘ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน’ มีแปดวรรค เป็นบทกลอนที่ใช้การเปรียบเปรยและอุปมาอุไมยไม่น้อย สาระใจความสรุปได้ว่า: อย่าได้คิดดูถูกว่านางเป็นสตรีใฝ่ต่ำ นางไม่ได้ต้องการมาเป็นนางคณิกา แต่มีเหตุผิดพลาดทำให้ชีวิตผกผัน ชะตาชีวิตของนางตอนนี้ขึ้นอยู่กับเยวี่ยหลินแล้ว นางอยากหลุดพ้นจากชีวิตนางคณิกานี้ แต่ยังจำต้องทนแม้ฝืนใจเต็มที และสิ่งที่โหยหาคืออิสรภาพ ฟังดูเหมือนไม่น่ามีอะไรเกี่ยวกับ ‘บุปผาโรยร่วงฯ’ ใช่ไหม? ประโยค ‘บุปผาโรยร่วงฯ’ นี้ ในบทกวีเดิมเขียนไว้ว่า ‘บุปผาโรยร่วงและผลิบานตามเวลาของมัน ล้วนแล้วแต่สุริยเทพจะกำหนด’ (花落花开自有时, 总赖东君主) เป็นการอุปมาอุปไมยว่า ไม่ว่านางจะตกอับจำคุก (บุปผาโรยร่วง) หรือจะพ้นคุกยืนหยัดขึ้นได้ใหม่ (บุปผาผลิบาน) อาจดูคล้ายเป็นเรื่องที่ชะตาชีวิตกำหนดไว้แล้ว แต่จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับเยวี่ยหลิน (สุริยเทพ) ดังนั้นประโยคนี้ในความหมายดั้งเดิมของมันคือการรำพันถึงชะตาชีวิตที่ตกอยู่ในมือคนอื่น ตนเองไม่อาจกำหนดได้ สะท้อนถึงความท้อแท้ในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับในธรรมชาติของมันและอ้อนวอนขอความเห็นใจ ว่ากันว่าบทกวีนี้มิเพียงทำให้นางหลุดจากคุกแต่ยังได้รับการปลดชื่อออกจากทะเบียนทาสซึ่งเป็นสถานะของนางคณิกาหลวงอีกด้วย (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงสถานะทาสของนางคณิกาหลวงแล้วในเรื่องของ ซ่งอิ่นจาง ในเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน>) เป็นการได้รับอิสรภาพสองแบบเลยทีเดียว วรรคที่ใช้ดอกไม้อุปมาอุปไมยถึงชะตาชีวิตนี้ เป็นที่นิยมแพร่หลายด้วยความไพเราะของมัน และต่อมาถูกผันเปลี่ยนมาเป็น ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ (คือบานแล้วจึงโรย ตามวัฏจักรธรรมชาติ) และมีการแต่งวรรคต่ออีกหลากหลาย เช่น ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน รักเกิดรักดับไม่มีผู้ใดบังคับได้’ เป็นต้น แต่ล้วนเป็นประโยคที่กล่าวถึงการดับการเกิดตามครรลองธรรมชาติเพื่อสะท้อนความไม่จีรัง และนิยมนำมาใช้กับความรักหรือความสัมพันธ์ระหว่างคน และนี่ก็เป็นบริบทและความหมายที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> นี่เอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.vogue.com.tw/culture/content-42286 https://kknews.cc/history/5x9gyb8.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/严蕊/892616 http://www.gaosan.com/gaokao/262749.html https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_753d1a95cd9e.aspx http://book.sina.com.cn/excerpt/rwws/2017-04-14/1446/doc-ifyeimqc3679324-p2.shtml #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #เหยียนหรุ่ย #บุปผาผลิบาน #ปู๋ซื่ออ้ายเฟิงเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลงแนวร๊อค-จีนกวางตุ้ง อมตะนิรันด์กาล ของวง Beyond ชื่อว่า Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空 แปลว่า "มหาสมุทรไร้ขอบเขต ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่" เนื้อเพลงมีความหมายถึง เสรีภาพส่วนบุคคลและการแสวงหาความฝัน
    -------------------------------------------
    นำมาขับร้อง(ใหม่)โดย ตัง จี๋ เข่ย Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    หรือ ในชื่อสากล ว่า G.E.M. (Get Everybody Moving)
    เพลงแนวร๊อค-จีนกวางตุ้ง อมตะนิรันด์กาล ของวง Beyond ชื่อว่า Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空 แปลว่า "มหาสมุทรไร้ขอบเขต ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่" เนื้อเพลงมีความหมายถึง เสรีภาพส่วนบุคคลและการแสวงหาความฝัน ------------------------------------------- นำมาขับร้อง(ใหม่)โดย ตัง จี๋ เข่ย Tang Tsz-kei (鄧紫棋) หรือ ในชื่อสากล ว่า G.E.M. (Get Everybody Moving)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่หลังจากการเปิดตัวการ์ดจอซีรีส์ RTX 50 โดยพบปัญหาหลายอย่าง เช่น การขาดแคลนสินค้า การลดประสิทธิภาพจากส่วนที่ขาดหายไปในโครงสร้างชิป และล่าสุดคือ ปัญหาหน้าจอดำ (Black Screen) ที่สร้างความปวดหัวให้กับทั้งผู้ใช้และทีมวิศวกรของ NVIDIA

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ NVIDIA ได้ปล่อยไดรเวอร์ Hotfix เวอร์ชัน 572.75 ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ในการพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว โดยไดรเวอร์นี้ออกแบบมาเพื่อจัดการสองปัญหาหลัก:
    1) การทำงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพหลังการรีบูต (สำหรับ RTX 5080/5090): ปัญหานี้อาจเกิดจากการโอเวอร์คล็อกที่ทำให้การ์ดจอไม่ทำงานเต็มศักยภาพหลังจากระบบเริ่มต้นใหม่
    2) ปัญหาหน้าจอดำในซีรีส์ RTX 50: ผู้ใช้หลายรายรายงานว่าปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นในเกมที่ใช้เทคโนโลยี Frame Generation แม้จะอัปเดตไดรเวอร์ก่อนหน้านี้แล้ว

    NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทำการอัปเดตไดรเวอร์เวอร์ชันล่าสุด เนื่องจากอาจช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้จำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ

    ปัญหาหน้าจอดำใน RTX 50 ถือเป็นบททดสอบสำคัญของ NVIDIA ในการรักษาความไว้วางใจจากผู้ใช้ ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขผ่านไดรเวอร์และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เราจะต้องติดตามต่อไปว่าไดรเวอร์ใหม่นี้จะช่วยบรรเทาปัญหาได้จริงหรือไม่

    https://wccftech.com/nvidia-releases-another-hotfix-driver-to-resolve-black-screen-issues/
    NVIDIA ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่หลังจากการเปิดตัวการ์ดจอซีรีส์ RTX 50 โดยพบปัญหาหลายอย่าง เช่น การขาดแคลนสินค้า การลดประสิทธิภาพจากส่วนที่ขาดหายไปในโครงสร้างชิป และล่าสุดคือ ปัญหาหน้าจอดำ (Black Screen) ที่สร้างความปวดหัวให้กับทั้งผู้ใช้และทีมวิศวกรของ NVIDIA เมื่อเร็ว ๆ นี้ NVIDIA ได้ปล่อยไดรเวอร์ Hotfix เวอร์ชัน 572.75 ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ในการพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว โดยไดรเวอร์นี้ออกแบบมาเพื่อจัดการสองปัญหาหลัก: 1) การทำงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพหลังการรีบูต (สำหรับ RTX 5080/5090): ปัญหานี้อาจเกิดจากการโอเวอร์คล็อกที่ทำให้การ์ดจอไม่ทำงานเต็มศักยภาพหลังจากระบบเริ่มต้นใหม่ 2) ปัญหาหน้าจอดำในซีรีส์ RTX 50: ผู้ใช้หลายรายรายงานว่าปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นในเกมที่ใช้เทคโนโลยี Frame Generation แม้จะอัปเดตไดรเวอร์ก่อนหน้านี้แล้ว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทำการอัปเดตไดรเวอร์เวอร์ชันล่าสุด เนื่องจากอาจช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้จำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ปัญหาหน้าจอดำใน RTX 50 ถือเป็นบททดสอบสำคัญของ NVIDIA ในการรักษาความไว้วางใจจากผู้ใช้ ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขผ่านไดรเวอร์และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เราจะต้องติดตามต่อไปว่าไดรเวอร์ใหม่นี้จะช่วยบรรเทาปัญหาได้จริงหรือไม่ https://wccftech.com/nvidia-releases-another-hotfix-driver-to-resolve-black-screen-issues/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Releases Another Hotfix Driver to Resolve Black Screen Issues, Marking the Firm's Fifth Attempt to Address The Problem
    NVIDIA has released another "hotfix driver" to address issues with the RTX 50 GPUs, including the troublesome black-screen problem.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นแอปที่ช่วยให้คนทั่วโลกติดต่อกันได้สะดวกมานานถึงสองทศวรรษ Skype กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายในปีนี้ โดย Microsoft เจ้าของปัจจุบันได้ประกาศว่าจะยุติการให้บริการ Skype อย่างถาวรในวันที่ 5 พฤษภาคม 2025 พร้อมกับแนะนำให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์ม Microsoft Teams แทน

    การเปลี่ยนไปใช้ Microsoft Teams แทน
    - การใช้งาน Teams ด้วยบัญชี Skype: ผู้ใช้งานสามารถล็อกอิน Teams ด้วยบัญชี Skype เดิม โดยข้อมูลแชท รายชื่อ และกลุ่มสนทนาจะถูกย้ายมาอัตโนมัติ
    - การโทรระหว่าง Skype และ Teams: ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งสองแพลตฟอร์มสามารถสื่อสารระหว่างกันได้
    - การโทรไปยังโทรศัพท์พื้นฐานและมือถือ: Teams จะมีแป้นพิมพ์หมายเลขชั่วคราวสำหรับผู้ใช้ Skype ที่ยังมีเครดิตคงเหลือ แต่ฟีเจอร์นี้จะค่อยๆ ยุติลงตามการหมดอายุของการสมัครสมาชิก Skype

    ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่อยากย้าย
    - สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการย้ายไปใช้ Teams Microsoft มีคำแนะนำให้ผู้ใช้สำรองข้อมูลแชท รายชื่อ และสื่อใน Skype ก่อนวันที่ยุติบริการ โดยสามารถดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านี้ผ่าน Go.skype.com/export และลบบัญชี Skype ได้ที่หน้าจัดการบัญชีของ Microsoft

    Skype เริ่มต้นในปี 2003 โดยสองนักธุรกิจชาวสวีเดนและเดนมาร์ก นำเสนอแนวคิดใหม่ในการโทรฟรีผ่านอินเทอร์เน็ตที่ลดค่าใช้จ่ายสูงจากการโทรต่างประเทศ Microsoft เข้าซื้อกิจการนี้ในปี 2011 ด้วยมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ Skype สูญเสียความนิยมเมื่อ Microsoft เปิดตัว Teams ในปี 2017 ซึ่งกลายมาเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารหลักในตลาดองค์กรและแข่งขันกับ Zoom และ WhatsApp โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19

    การปิดตัวของ Skype สะท้อนถึงการปรับตัวของเทคโนโลยีและความต้องการของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป Microsoft กำลังมุ่งเน้นไปยัง Teams ที่ได้รับความนิยมในตลาดองค์กรด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุมและทันสมัยกว่า แต่ Skype จะยังคงเป็นตำนานในฐานะผู้ปฏิวัติการสื่อสารในยุคแรกเริ่ม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/09/the-last-days-of-skype-time-to-switch-to-teams---or-say-goodbye
    หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นแอปที่ช่วยให้คนทั่วโลกติดต่อกันได้สะดวกมานานถึงสองทศวรรษ Skype กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายในปีนี้ โดย Microsoft เจ้าของปัจจุบันได้ประกาศว่าจะยุติการให้บริการ Skype อย่างถาวรในวันที่ 5 พฤษภาคม 2025 พร้อมกับแนะนำให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์ม Microsoft Teams แทน การเปลี่ยนไปใช้ Microsoft Teams แทน - การใช้งาน Teams ด้วยบัญชี Skype: ผู้ใช้งานสามารถล็อกอิน Teams ด้วยบัญชี Skype เดิม โดยข้อมูลแชท รายชื่อ และกลุ่มสนทนาจะถูกย้ายมาอัตโนมัติ - การโทรระหว่าง Skype และ Teams: ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งสองแพลตฟอร์มสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ - การโทรไปยังโทรศัพท์พื้นฐานและมือถือ: Teams จะมีแป้นพิมพ์หมายเลขชั่วคราวสำหรับผู้ใช้ Skype ที่ยังมีเครดิตคงเหลือ แต่ฟีเจอร์นี้จะค่อยๆ ยุติลงตามการหมดอายุของการสมัครสมาชิก Skype ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่อยากย้าย - สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการย้ายไปใช้ Teams Microsoft มีคำแนะนำให้ผู้ใช้สำรองข้อมูลแชท รายชื่อ และสื่อใน Skype ก่อนวันที่ยุติบริการ โดยสามารถดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านี้ผ่าน Go.skype.com/export และลบบัญชี Skype ได้ที่หน้าจัดการบัญชีของ Microsoft Skype เริ่มต้นในปี 2003 โดยสองนักธุรกิจชาวสวีเดนและเดนมาร์ก นำเสนอแนวคิดใหม่ในการโทรฟรีผ่านอินเทอร์เน็ตที่ลดค่าใช้จ่ายสูงจากการโทรต่างประเทศ Microsoft เข้าซื้อกิจการนี้ในปี 2011 ด้วยมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ Skype สูญเสียความนิยมเมื่อ Microsoft เปิดตัว Teams ในปี 2017 ซึ่งกลายมาเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารหลักในตลาดองค์กรและแข่งขันกับ Zoom และ WhatsApp โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 การปิดตัวของ Skype สะท้อนถึงการปรับตัวของเทคโนโลยีและความต้องการของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป Microsoft กำลังมุ่งเน้นไปยัง Teams ที่ได้รับความนิยมในตลาดองค์กรด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุมและทันสมัยกว่า แต่ Skype จะยังคงเป็นตำนานในฐานะผู้ปฏิวัติการสื่อสารในยุคแรกเริ่ม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/09/the-last-days-of-skype-time-to-switch-to-teams---or-say-goodbye
    WWW.THESTAR.COM.MY
    The last days of Skype: Time to switch to Teams – or say goodbye
    As the sun slowly sets Skype, some two decades after it started a revolution in online communication, owner Microsoft is pointing the way to its remaining loyal users: Teams.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี Donald Trump เปิดเผยว่าขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพูดคุยกับกลุ่ม 4 กลุ่มที่สนใจซื้อกิจการของ TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงและมีเจ้าของเป็นบริษัทจีน ByteDance โดยการเจรจานี้เกิดขึ้นจากกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติที่บังคับให้ ByteDance ต้องขาย TikTok หรือเผชิญหน้ากับการแบนในสหรัฐฯ

    กฎหมายดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2025 ซึ่งเกี่ยวข้องกับความกังวลเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานและปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ เนื่องจาก TikTok มีผู้ใช้จำนวนมากในสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าข้อมูลผู้ใช้อาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีนผ่าน ByteDance

    หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 Trump ได้ออกคำสั่งผู้บริหารเพื่อขยายเวลาให้ ByteDance จัดการปัญหานี้ออกไปอีก 75 วัน ซึ่งสร้างโอกาสให้การเจรจาขายกิจการดำเนินไปได้

    แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด แต่หนึ่งในผู้สนใจที่น่าสนใจคือ Frank McCourt อดีตเจ้าของทีมเบสบอล Los Angeles Dodgers ซึ่งได้แสดงความสนใจอย่างชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่ามูลค่าของ TikTok อาจสูงถึง 50 พันล้านดอลลาร์

    TikTok ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อหลายกลุ่มเพราะเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้ใช้งานจำนวนมาก และมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมดิจิทัลในปัจจุบัน การขายกิจการนี้จึงอาจเป็นทั้งโอกาสทางธุรกิจและวิธีแก้ไขปัญหาทางการเมืองในเวลาเดียวกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/10/trump-says-us-talking-to-four-different-groups-on-sale-of-tiktok
    ประธานาธิบดี Donald Trump เปิดเผยว่าขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพูดคุยกับกลุ่ม 4 กลุ่มที่สนใจซื้อกิจการของ TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงและมีเจ้าของเป็นบริษัทจีน ByteDance โดยการเจรจานี้เกิดขึ้นจากกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติที่บังคับให้ ByteDance ต้องขาย TikTok หรือเผชิญหน้ากับการแบนในสหรัฐฯ กฎหมายดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2025 ซึ่งเกี่ยวข้องกับความกังวลเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานและปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ เนื่องจาก TikTok มีผู้ใช้จำนวนมากในสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าข้อมูลผู้ใช้อาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีนผ่าน ByteDance หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 Trump ได้ออกคำสั่งผู้บริหารเพื่อขยายเวลาให้ ByteDance จัดการปัญหานี้ออกไปอีก 75 วัน ซึ่งสร้างโอกาสให้การเจรจาขายกิจการดำเนินไปได้ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด แต่หนึ่งในผู้สนใจที่น่าสนใจคือ Frank McCourt อดีตเจ้าของทีมเบสบอล Los Angeles Dodgers ซึ่งได้แสดงความสนใจอย่างชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่ามูลค่าของ TikTok อาจสูงถึง 50 พันล้านดอลลาร์ TikTok ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อหลายกลุ่มเพราะเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้ใช้งานจำนวนมาก และมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมดิจิทัลในปัจจุบัน การขายกิจการนี้จึงอาจเป็นทั้งโอกาสทางธุรกิจและวิธีแก้ไขปัญหาทางการเมืองในเวลาเดียวกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/10/trump-says-us-talking-to-four-different-groups-on-sale-of-tiktok
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump says US talking to four different groups on sale of TikTok
    ABOARD AIR FORCE ONE (Reuters) - U.S. President Donald Trump said on Sunday that his administration was in touch with four different groups about the sale of Chinese-owned social media platform TikTok, and that all options were good.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สนธิเล่าเรื่อง 10 มี.ค. 2568 #SondhiTlk #SondhiX
    https://www.youtube.com/live/BpF4cTSTYjE
    #สนธิเล่าเรื่อง 10 มี.ค. 2568 #SondhiTlk #SondhiX https://www.youtube.com/live/BpF4cTSTYjE
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 10-3-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจัน่ทร์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ ในบ้านเมืองมาพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโด่งดังในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างการเสียชีวิตในเรือนจำของ "อดีตผกก.โจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล, การเมืองเรื่องทักษิณ-เนวิน รวมไปถึงเรื่องราวต่างประเทศ และเรื่องราวรอบบ้านเราที่รับรองได้ว่าหลายคนคิดไม่ถึง กรุณาติดตามโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=BpF4cTSTYjE
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    สนธิเล่าเรื่อง 10-3-68 . สวัสดีเช้าวันจัน่ทร์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ ในบ้านเมืองมาพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโด่งดังในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างการเสียชีวิตในเรือนจำของ "อดีตผกก.โจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล, การเมืองเรื่องทักษิณ-เนวิน รวมไปถึงเรื่องราวต่างประเทศ และเรื่องราวรอบบ้านเราที่รับรองได้ว่าหลายคนคิดไม่ถึง กรุณาติดตามโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=BpF4cTSTYjE . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    Like
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเร็วๆ นี้มีการค้นพบว่า DVD ของ Warner Bros. ที่วางจำหน่ายระหว่างปี 2006 ถึง 2008 กำลังประสบปัญหา "ดิสก์เน่า" (Laser Rot) ทำให้แผ่นดิสก์จำนวนมากไม่สามารถเล่นได้ หรือเกิดปัญหาหยุดหรือข้ามระหว่างการเล่น โดยมีรายงานว่าอาจมีแผ่นดิสก์ที่ได้รับผลกระทบมากถึง 200 รายการ ซึ่งหลายเรื่องเป็นภาพยนตร์และซีรีส์คลาสสิกที่อาจสูญหายไปจากการเข้าถึงในอนาคต

    บางเรื่องได้ถูกรีมาสเตอร์ใหม่ใน Blu-ray หรือให้บริการบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แต่ก็ยังมีอีกหลายรายการที่ไม่ได้รับการพิมพ์ซ้ำหรือรีมาสเตอร์ ทำให้ภาพยนตร์และซีรีส์เหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะสูญหายไปในอนาคต

    "ดิสก์เน่า" เกิดจากปัญหาทางเทคนิค เช่น:
    - การออกซิไดซ์ของชั้นสะท้อนแสง
    - ปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างแผ่นดิสก์และสิ่งปนเปื้อน
    - การเสื่อมสภาพของกาวที่ใช้ยึดชั้นต่างๆ ของแผ่นดิสก์
    - สภาพการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม เช่น การสัมผัสแสง UV หรือความชื้น

    Warner Bros. แนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อขอเปลี่ยนแผ่นที่ยังมีการผลิตอยู่ แต่สำหรับแผ่นที่ไม่มีการผลิตอีกต่อไป ทางบริษัทไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้ การสำรองข้อมูลและการทำสำเนาจึงกลายเป็นวิธีที่ผู้ใช้ควรพิจารณา โดยเฉพาะสำหรับภาพยนตร์ที่ไม่มีการรีมาสเตอร์ใหม่

    ปัญหานี้สะท้อนถึงความสำคัญของการเก็บรักษา "สื่อกายภาพ" (Physical Media) โดยเฉพาะเมื่อสื่อดิจิทัลบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสามารถถูกลบออกจากแคตาล็อกได้ตามนโยบายบริษัท การสำรองข้อมูลและการอนุรักษ์สื่อดั้งเดิมจึงเป็นแนวทางที่สำคัญสำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบภาพยนตร์คลาสสิก

    https://www.techspot.com/news/107068-hundreds-warner-bros-dvds-2000s-rotting-away.html
    เมื่อเร็วๆ นี้มีการค้นพบว่า DVD ของ Warner Bros. ที่วางจำหน่ายระหว่างปี 2006 ถึง 2008 กำลังประสบปัญหา "ดิสก์เน่า" (Laser Rot) ทำให้แผ่นดิสก์จำนวนมากไม่สามารถเล่นได้ หรือเกิดปัญหาหยุดหรือข้ามระหว่างการเล่น โดยมีรายงานว่าอาจมีแผ่นดิสก์ที่ได้รับผลกระทบมากถึง 200 รายการ ซึ่งหลายเรื่องเป็นภาพยนตร์และซีรีส์คลาสสิกที่อาจสูญหายไปจากการเข้าถึงในอนาคต บางเรื่องได้ถูกรีมาสเตอร์ใหม่ใน Blu-ray หรือให้บริการบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แต่ก็ยังมีอีกหลายรายการที่ไม่ได้รับการพิมพ์ซ้ำหรือรีมาสเตอร์ ทำให้ภาพยนตร์และซีรีส์เหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะสูญหายไปในอนาคต "ดิสก์เน่า" เกิดจากปัญหาทางเทคนิค เช่น: - การออกซิไดซ์ของชั้นสะท้อนแสง - ปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างแผ่นดิสก์และสิ่งปนเปื้อน - การเสื่อมสภาพของกาวที่ใช้ยึดชั้นต่างๆ ของแผ่นดิสก์ - สภาพการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม เช่น การสัมผัสแสง UV หรือความชื้น Warner Bros. แนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อขอเปลี่ยนแผ่นที่ยังมีการผลิตอยู่ แต่สำหรับแผ่นที่ไม่มีการผลิตอีกต่อไป ทางบริษัทไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้ การสำรองข้อมูลและการทำสำเนาจึงกลายเป็นวิธีที่ผู้ใช้ควรพิจารณา โดยเฉพาะสำหรับภาพยนตร์ที่ไม่มีการรีมาสเตอร์ใหม่ ปัญหานี้สะท้อนถึงความสำคัญของการเก็บรักษา "สื่อกายภาพ" (Physical Media) โดยเฉพาะเมื่อสื่อดิจิทัลบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสามารถถูกลบออกจากแคตาล็อกได้ตามนโยบายบริษัท การสำรองข้อมูลและการอนุรักษ์สื่อดั้งเดิมจึงเป็นแนวทางที่สำคัญสำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบภาพยนตร์คลาสสิก https://www.techspot.com/news/107068-hundreds-warner-bros-dvds-2000s-rotting-away.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hundreds of Warner Bros. DVDs from the 2000s are rotting away
    Film collectors recently discovered that potentially hundreds of Warner Bros. DVDs released between 2006 and 2008 have become unplayable due to laser rot. The company has promised...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดเผยถึงแคมเปญโฆษณามุ่งร้าย (Malvertising) ครั้งใหญ่ที่มีผลกระทบต่ออุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลกในช่วงปลายปี 2024 โดย Microsoft ดำเนินการลบ GitHub repositories จำนวนมากที่ถูกใช้เป็นแหล่งในการแพร่กระจายมัลแวร์ในแคมเปญนี้

    แคมเปญนี้เริ่มจากการฝังโฆษณาในวิดีโอบนเว็บไซต์สตรีมมิ่งเถื่อน ซึ่งโฆษณาเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวนำผู้ใช้ไปยัง GitHub repositories ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี โดยขั้นตอนการโจมตีมีลักษณะเป็นหลายชั้น (Multi-stage Attack Chain):

    1) ชั้นแรก: GitHub repositories ใช้แจกจ่ายมัลแวร์ที่เก็บข้อมูลระบบ เช่น ข้อมูลหน่วยความจำ, ความละเอียดของหน้าจอ และระบบปฏิบัติการ
    2) ชั้นที่สอง: Payload อื่น ๆ ถูกติดตั้งเพื่อสร้างความเสียหายเพิ่มเติม เช่น มัลแวร์ Lumma Stealer และ Doenerium Infostealer ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้งาน
    3) ชั้นที่สาม: มัลแวร์ PowerShell script จะดาวน์โหลดโทรจันควบคุมระยะไกล (NetSupport RAT) จากเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี

    นอกจากนี้ การโจมตียังรวมถึงการใช้โปรแกรม AutoIt interpreter เพื่อเปิดใช้งานไฟล์และสร้างความคงทนในระบบ ซึ่งในบางกรณี PowerShell ถูกใช้เพื่อปิดการทำงานของ Windows Defender และหลีกเลี่ยงการตรวจจับ

    แม้ว่าผู้โจมตีจะใช้ GitHub เป็นแหล่งหลักในการโฮสต์มัลแวร์ Microsoft ยังพบว่ามีการใช้ Dropbox และ Discord เพื่อแพร่กระจาย payload ในบางกรณีอีกด้วย

    แคมเปญนี้มีผลกระทบต่อทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้เห็นถึงความไม่เลือกปฏิบัติของผู้โจมตี ซึ่ง Microsoft ได้ติดตามกิจกรรมนี้ภายใต้ชื่อ Storm-0408 ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีซึ่งใช้กลยุทธ์ฟิชชิ่งและ SEO เพื่อกระจายมัลแวร์ในวงกว้าง

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-says-malvertising-campaign-impacted-1-million-pcs/
    Microsoft ได้เปิดเผยถึงแคมเปญโฆษณามุ่งร้าย (Malvertising) ครั้งใหญ่ที่มีผลกระทบต่ออุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลกในช่วงปลายปี 2024 โดย Microsoft ดำเนินการลบ GitHub repositories จำนวนมากที่ถูกใช้เป็นแหล่งในการแพร่กระจายมัลแวร์ในแคมเปญนี้ แคมเปญนี้เริ่มจากการฝังโฆษณาในวิดีโอบนเว็บไซต์สตรีมมิ่งเถื่อน ซึ่งโฆษณาเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวนำผู้ใช้ไปยัง GitHub repositories ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี โดยขั้นตอนการโจมตีมีลักษณะเป็นหลายชั้น (Multi-stage Attack Chain): 1) ชั้นแรก: GitHub repositories ใช้แจกจ่ายมัลแวร์ที่เก็บข้อมูลระบบ เช่น ข้อมูลหน่วยความจำ, ความละเอียดของหน้าจอ และระบบปฏิบัติการ 2) ชั้นที่สอง: Payload อื่น ๆ ถูกติดตั้งเพื่อสร้างความเสียหายเพิ่มเติม เช่น มัลแวร์ Lumma Stealer และ Doenerium Infostealer ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้งาน 3) ชั้นที่สาม: มัลแวร์ PowerShell script จะดาวน์โหลดโทรจันควบคุมระยะไกล (NetSupport RAT) จากเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี นอกจากนี้ การโจมตียังรวมถึงการใช้โปรแกรม AutoIt interpreter เพื่อเปิดใช้งานไฟล์และสร้างความคงทนในระบบ ซึ่งในบางกรณี PowerShell ถูกใช้เพื่อปิดการทำงานของ Windows Defender และหลีกเลี่ยงการตรวจจับ แม้ว่าผู้โจมตีจะใช้ GitHub เป็นแหล่งหลักในการโฮสต์มัลแวร์ Microsoft ยังพบว่ามีการใช้ Dropbox และ Discord เพื่อแพร่กระจาย payload ในบางกรณีอีกด้วย แคมเปญนี้มีผลกระทบต่อทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้เห็นถึงความไม่เลือกปฏิบัติของผู้โจมตี ซึ่ง Microsoft ได้ติดตามกิจกรรมนี้ภายใต้ชื่อ Storm-0408 ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีซึ่งใช้กลยุทธ์ฟิชชิ่งและ SEO เพื่อกระจายมัลแวร์ในวงกว้าง https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-says-malvertising-campaign-impacted-1-million-pcs/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Microsoft says malvertising campaign impacted 1 million PCs
    ​Microsoft has taken down an undisclosed number of GitHub repositories used in a massive malvertising campaign that impacted almost one million devices worldwide.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวใหม่ในโลกของภัยคุกคามไซเบอร์ โดยระบุว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลเกาหลีเหนือในชื่อ Moonstone Sleet ได้เริ่มใช้ Qilin ransomware เพื่อโจมตีเป้าหมายในองค์กรต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงถึงการขยายตัวของกลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจาก Qilin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการให้บริการแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถเช่าเครื่องมือโจมตีนี้ไปใช้งานได้

    == การเคลื่อนไหวของ Moonstone Sleet ==
    ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Moonstone Sleet ซึ่งเคยถูกเรียกว่า Storm-1789 มีพฤติกรรมที่คล้ายกับกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนืออื่น ๆ แต่ได้พัฒนาเครื่องมือและโครงสร้างการโจมตีของตัวเองในภายหลัง พวกเขาใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น:
    - การปล่อยซอฟต์แวร์ที่แฝงมัลแวร์ เช่น PuTTY และแพ็กเกจ npm ที่ถูกแอบแฝง
    - การสร้างบริษัทปลอม เช่น C.C. Waterfall และ StarGlow Ventures เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานใน LinkedIn หรือผ่านอีเมล

    == Qilin Ransomware และผลกระทบ ==
    Qilin ransomware เปิดตัวในชื่อ "Agenda" ตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีบทบาทสำคัญในปลายปี 2023 กลุ่มนี้มุ่งเป้าหมายที่ระบบเสมือน VMware ESXi และเรียกค่าไถ่ที่อาจสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ เหยื่อที่สำคัญในอดีต ได้แก่:
    - angfeng, ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์
    - Lee Enterprises, บริษัทสื่อสหรัฐฯ
    - Synnovis, ซึ่งการโจมตีนี้ส่งผลให้โรงพยาบาลในลอนดอนต้องยกเลิกการผ่าตัดหลายร้อยครั้ง

    ในเดือนพฤษภาคม 2024 Moonstone Sleet ยังถูกจับโยงกับการโจมตีโดยใช้ FakePenny ransomware พร้อมเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin จำนวน 6.6 ล้านดอลลาร์

    Moonstone Sleet ไม่ใช่กลุ่มแรกจากเกาหลีเหนือที่มีบทบาทในเหตุการณ์ ransomware ครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Lazarus Group เคยสร้างความเสียหายทั่วโลกด้วย WannaCry ransomware ในปี 2017 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามต่อเนื่องของเกาหลีเหนือในการใช้ไซเบอร์เป็นเครื่องมือในยุทธศาสตร์ของรัฐ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-north-korean-hackers-now-deploying-qilin-ransomware/
    Microsoft ได้เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวใหม่ในโลกของภัยคุกคามไซเบอร์ โดยระบุว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลเกาหลีเหนือในชื่อ Moonstone Sleet ได้เริ่มใช้ Qilin ransomware เพื่อโจมตีเป้าหมายในองค์กรต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงถึงการขยายตัวของกลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจาก Qilin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการให้บริการแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถเช่าเครื่องมือโจมตีนี้ไปใช้งานได้ == การเคลื่อนไหวของ Moonstone Sleet == ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Moonstone Sleet ซึ่งเคยถูกเรียกว่า Storm-1789 มีพฤติกรรมที่คล้ายกับกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนืออื่น ๆ แต่ได้พัฒนาเครื่องมือและโครงสร้างการโจมตีของตัวเองในภายหลัง พวกเขาใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น: - การปล่อยซอฟต์แวร์ที่แฝงมัลแวร์ เช่น PuTTY และแพ็กเกจ npm ที่ถูกแอบแฝง - การสร้างบริษัทปลอม เช่น C.C. Waterfall และ StarGlow Ventures เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานใน LinkedIn หรือผ่านอีเมล == Qilin Ransomware และผลกระทบ == Qilin ransomware เปิดตัวในชื่อ "Agenda" ตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีบทบาทสำคัญในปลายปี 2023 กลุ่มนี้มุ่งเป้าหมายที่ระบบเสมือน VMware ESXi และเรียกค่าไถ่ที่อาจสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ เหยื่อที่สำคัญในอดีต ได้แก่: - angfeng, ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ - Lee Enterprises, บริษัทสื่อสหรัฐฯ - Synnovis, ซึ่งการโจมตีนี้ส่งผลให้โรงพยาบาลในลอนดอนต้องยกเลิกการผ่าตัดหลายร้อยครั้ง ในเดือนพฤษภาคม 2024 Moonstone Sleet ยังถูกจับโยงกับการโจมตีโดยใช้ FakePenny ransomware พร้อมเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin จำนวน 6.6 ล้านดอลลาร์ Moonstone Sleet ไม่ใช่กลุ่มแรกจากเกาหลีเหนือที่มีบทบาทในเหตุการณ์ ransomware ครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Lazarus Group เคยสร้างความเสียหายทั่วโลกด้วย WannaCry ransomware ในปี 2017 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามต่อเนื่องของเกาหลีเหนือในการใช้ไซเบอร์เป็นเครื่องมือในยุทธศาสตร์ของรัฐ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-north-korean-hackers-now-deploying-qilin-ransomware/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Microsoft: North Korean hackers join Qilin ransomware gang
    Microsoft says a North Korean hacking group tracked as Moonstone Sleet has deployed Qilin ransomware payloads in a limited number of attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทผู้ผลิตแล็ปท็อป Compal Electronics ได้รับรางวัล iF Design Award 2025 จากการออกแบบที่น่าตื่นเต้นของแล็ปท็อปรุ่น Compal Infinite ซึ่งมีหน้าจอที่สามารถขยายแนวนอนจาก 14 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้ว ได้อย่างน่าทึ่ง! ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยี rollable OLED screen ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพื้นที่การทำงานเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องพกพาจอพกพาเพิ่มเติม

    คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ
    1) การขยายหน้าจอ:
    - หน้าจอสามารถเลื่อนขยายออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทำให้เครื่องยังคงสมดุลขณะใช้งาน
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น เช่น นักออกแบบหรือโปรแกรมเมอร์

    2) การออกแบบที่ไร้รอยต่อ:
    - กลไกการเลื่อนหน้าจอถูกออกแบบให้เรียบเนียน แข็งแรง และทนทาน โดย Compal เน้นว่าการขยายหน้าจอจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพหรืออายุการใช้งาน

    3) แสง LED บนฝาแล็ปท็อป:
    - ฝาเครื่องมีไฟ LED แบบปรับแต่งได้ ซึ่งสามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น การมาของอีเมล

    ก่อนหน้านี้ Lenovo ได้เปิดตัวต้นแบบแล็ปท็อปหน้าจอขยายในแนวตั้ง และ ThinkBook ที่สามารถขยายได้จาก 14 นิ้วถึง 16.7 นิ้ว แต่ Compal Infinite มอบมิติใหม่ด้วยการขยายในแนวนอนที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานจอกว้างโดยเฉพาะ

    แม้ว่าดีไซน์ล้ำสมัยของ Compal Infinite จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคหรือแผนการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่เทคโนโลยีนี้แสดงถึงทิศทางที่น่าจับตามองในตลาดแล็ปท็อป ยิ่งถ้าผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ที่ใช้ Compal เป็น OEM หยิบไปต่อยอด อุปกรณ์นี้อาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดพรีเมียมได้เลย!

    https://www.tomshardware.com/laptops/compal-infinite-laptop-built-around-screen-that-extends-from-14-to-18-inches-horizontally
    บริษัทผู้ผลิตแล็ปท็อป Compal Electronics ได้รับรางวัล iF Design Award 2025 จากการออกแบบที่น่าตื่นเต้นของแล็ปท็อปรุ่น Compal Infinite ซึ่งมีหน้าจอที่สามารถขยายแนวนอนจาก 14 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้ว ได้อย่างน่าทึ่ง! ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยี rollable OLED screen ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพื้นที่การทำงานเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องพกพาจอพกพาเพิ่มเติม คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ 1) การขยายหน้าจอ: - หน้าจอสามารถเลื่อนขยายออกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทำให้เครื่องยังคงสมดุลขณะใช้งาน - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอที่กว้างขึ้น เช่น นักออกแบบหรือโปรแกรมเมอร์ 2) การออกแบบที่ไร้รอยต่อ: - กลไกการเลื่อนหน้าจอถูกออกแบบให้เรียบเนียน แข็งแรง และทนทาน โดย Compal เน้นว่าการขยายหน้าจอจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพหรืออายุการใช้งาน 3) แสง LED บนฝาแล็ปท็อป: - ฝาเครื่องมีไฟ LED แบบปรับแต่งได้ ซึ่งสามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น การมาของอีเมล ก่อนหน้านี้ Lenovo ได้เปิดตัวต้นแบบแล็ปท็อปหน้าจอขยายในแนวตั้ง และ ThinkBook ที่สามารถขยายได้จาก 14 นิ้วถึง 16.7 นิ้ว แต่ Compal Infinite มอบมิติใหม่ด้วยการขยายในแนวนอนที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่ใช้งานจอกว้างโดยเฉพาะ แม้ว่าดีไซน์ล้ำสมัยของ Compal Infinite จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคหรือแผนการผลิตเชิงพาณิชย์ แต่เทคโนโลยีนี้แสดงถึงทิศทางที่น่าจับตามองในตลาดแล็ปท็อป ยิ่งถ้าผู้ผลิตแบรนด์ใหญ่ที่ใช้ Compal เป็น OEM หยิบไปต่อยอด อุปกรณ์นี้อาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดพรีเมียมได้เลย! https://www.tomshardware.com/laptops/compal-infinite-laptop-built-around-screen-that-extends-from-14-to-18-inches-horizontally
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาชนชาวเนปาลหลายแสนคน (บางแหล่งข่าวระบุมากกว่าล้านคน) มารวมตัวกันเพื่อต้อนรับ "สมเด็จพระราชาธิบดีคยาเนนทรา พีระ พิกรม ชาห์ เทวะ" กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของเนปาล หลังจากสถาบันกษัตริย์ถูกยุบในปีพ.ศ. 2551 (2008) ขณะพระองค์เสด็จกลับกรุงกาฐมาณฑุ [กาด-มาน-ดุ] เมืองหลวงของเนปาล ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศพยายามเรียกร้องให้เนปาลฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์มานานหลายปี

    ผู้ชุมนุมที่มาต้อนรับฯรายหนึ่งบอกว่า เค้าเป็นผู้ที่เคยร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านพระองค์เมื่อปี 2006 แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจต้องการให้มีสถาบันฯ ต้องการให้พระองค์กลับมาครองราช เพราะนักการเมืองคอร์รัปชั่นกันอย่างเลวร้าย เหล่าผู้มีอำนาจไม่ทำอะไรให้ประเทศเลย

    ตอนนั้นที่เค้าออกมาชุมนุมประท้วงไม่เอาสถาบันกษัตริย์เพราะคิดว่าจะช่วยทำให้ประเทศดีขึ้น แต่เค้าคิดผิด ประเทศย่ำแย่หนักกว่าเดิม ตอนนี้เลยเปลี่ยนใจอยากให้ฟื้นฟูสถาบันฯ

    ในปีพ.ศ. 2551 สภานิติบัญญัติแห่งชาติของเนปาล ได้มีมติยกเลิกการปกครองระบอบราชาธิปไตย และสถาปนาสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เป็นการสิ้นสุดระบอบการปกครองของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศกว่า 240 ปี และราชวงศ์ชาห์ซึ่งปกครองแผ่นดินนี้เกือบ 500 ปี
    .
    ก่อนการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์เนปาล:
    สรุปคร่าวๆมาจาก ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร
    https://www.posttoday.com/columnist/639757
    หลังเหตุการณ์สังหารหมู่ของราชวงศ์เนปาลในปี 2001 ส่งผลให้พระมหากษัตริย์พิเรนทรพีรพิกรมศาหเทวะและสมเด็จพระราชินีไอศวรรยาราชยลักษมีเทวีศาหะ เสด็จสวรรคต พร้อมด้วยสมาชิกพระราชวงศ์อีก 7 พระองค์

    ต่อมาเจ้าชายชญาเนนทร พระอนุชาของพระมหากษัตริย์พิเรนทราพระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความขัดแย้งกับฝ่ายการเมืองอย่างรุนแรง โดยที่กษัตริย์ชญาเนนทรพยายามปกป้องสถาบันกษัตริย์อย่างเต็มที่ โดยอ้างสาเหตุจากการทุจริตคอรัปชั่น และการบริหารเทศที่ล้มเหลวของพรรคการเมืองทั้งหลาย

    ในปี 2002 กษัตริย์ชญาเนนทรทรงประกาศยุบสภา แต่การเมืองที่วุ่นวาย ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้สำเร็จ จนที่สุดพระองค์ตัดสินใจยึดอำนาจในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2005 ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจากพรรคการเมืองต่างๆ

    ในปี 2006 กลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองรวมตัวกันต่อต้านการปกครองของพระมหากษัตริย์ชญาเนนทร จนเกิดความวุ่นวายภายในประเทศ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมที่ไม่พอใจสถาบันกษัตริย์

    ในที่สุดพระมหากษัตริย์ชญาเนนทร ทรงยอมให้อำนาจบริหารแก่พรรคการเมืองเพื่อกลับคืนสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง และพรรคการเมืองต่างเรียกร้องให้จัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อกำหนดบทบาทในการเมืองของพระมหากษัตริย์

    10 มิถุนายน ค.ศ. 2006 รัฐสภาเนปาลได้ยกเลิกอำนาจที่สำคัญๆของพระมหากษัตริย์ รวมทั้งอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ทำให้บทบาทของพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทำงานร่วมกับรัฐสภาได้สิ้นสุดลง (King in Parliament) และลดทอนพระมหากษัตริย์เป็นเพียงตรายาง แต่ให้พระองค์ยังทรงทำหน้าที่ประมุขของรัฐในการต้อนรับอาคันตุกะและทูตานุทูตต่อไปได้ และรัฐสภาได้โอนอำนาจที่พระมหากษัตริย์เคยมีไปที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้อำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีมาตลอด 239 ปีมีอันต้องสิ้นสุดลง

    23 สิงหาคม ค.ศ. 2007 รัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่านของเนปาลได้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพระมหากษัตริย์ชญาเนนทรที่สืบจากพระเชษฐาของพระองค์ให้เป็นสมบัติของชาติ รวมทั้งพระราชวัง (Narayanhiti Palace) แต่ไม่ได้ยึดทรัพย์สินที่กษัตริย์ชญาเนนทรครอบครองก่อนขึ้นครองราชย์

    24 ธันวาคม ค.ศ. 2007 รัฐสภารักษาการได้ลงมติว่า อาจจะมีการให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยุติลงชั่วคราวในปี ค.ศ. 2008 อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพกับพวกกบฏเหมาอิสต์ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนี้คือร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเปลี่ยนเนปาลให้เป็นสาธารณรัฐนั่นเอง

    28 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 สภาร่างรัฐธรรมนูญประกาศอย่างเป็นทางการว่าในรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกต่อไป และเนปาลจะเปลี่ยนไปเป็นสาธารณรัฐ การตัดสินดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่มีการทำประชามติ กษัตริย์ชญาเนนทรยอมรับการตัดสินดังกล่าว และขอให้รัฐบาลจัดที่พักอาศัยให้พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ และรัฐบาลได้จัดให้พระองค์พำนักอยู่ที่วังแห่งหนึ่ง (Nirmal Niwas Palace)

    ประชาชนชาวเนปาลหลายแสนคน (บางแหล่งข่าวระบุมากกว่าล้านคน) มารวมตัวกันเพื่อต้อนรับ "สมเด็จพระราชาธิบดีคยาเนนทรา พีระ พิกรม ชาห์ เทวะ" กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของเนปาล หลังจากสถาบันกษัตริย์ถูกยุบในปีพ.ศ. 2551 (2008) ขณะพระองค์เสด็จกลับกรุงกาฐมาณฑุ [กาด-มาน-ดุ] เมืองหลวงของเนปาล ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศพยายามเรียกร้องให้เนปาลฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์มานานหลายปี ผู้ชุมนุมที่มาต้อนรับฯรายหนึ่งบอกว่า เค้าเป็นผู้ที่เคยร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านพระองค์เมื่อปี 2006 แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจต้องการให้มีสถาบันฯ ต้องการให้พระองค์กลับมาครองราช เพราะนักการเมืองคอร์รัปชั่นกันอย่างเลวร้าย เหล่าผู้มีอำนาจไม่ทำอะไรให้ประเทศเลย ตอนนั้นที่เค้าออกมาชุมนุมประท้วงไม่เอาสถาบันกษัตริย์เพราะคิดว่าจะช่วยทำให้ประเทศดีขึ้น แต่เค้าคิดผิด ประเทศย่ำแย่หนักกว่าเดิม ตอนนี้เลยเปลี่ยนใจอยากให้ฟื้นฟูสถาบันฯ ในปีพ.ศ. 2551 สภานิติบัญญัติแห่งชาติของเนปาล ได้มีมติยกเลิกการปกครองระบอบราชาธิปไตย และสถาปนาสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เป็นการสิ้นสุดระบอบการปกครองของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศกว่า 240 ปี และราชวงศ์ชาห์ซึ่งปกครองแผ่นดินนี้เกือบ 500 ปี . ก่อนการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์เนปาล: สรุปคร่าวๆมาจาก ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร https://www.posttoday.com/columnist/639757 หลังเหตุการณ์สังหารหมู่ของราชวงศ์เนปาลในปี 2001 ส่งผลให้พระมหากษัตริย์พิเรนทรพีรพิกรมศาหเทวะและสมเด็จพระราชินีไอศวรรยาราชยลักษมีเทวีศาหะ เสด็จสวรรคต พร้อมด้วยสมาชิกพระราชวงศ์อีก 7 พระองค์ ต่อมาเจ้าชายชญาเนนทร พระอนุชาของพระมหากษัตริย์พิเรนทราพระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความขัดแย้งกับฝ่ายการเมืองอย่างรุนแรง โดยที่กษัตริย์ชญาเนนทรพยายามปกป้องสถาบันกษัตริย์อย่างเต็มที่ โดยอ้างสาเหตุจากการทุจริตคอรัปชั่น และการบริหารเทศที่ล้มเหลวของพรรคการเมืองทั้งหลาย ในปี 2002 กษัตริย์ชญาเนนทรทรงประกาศยุบสภา แต่การเมืองที่วุ่นวาย ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้สำเร็จ จนที่สุดพระองค์ตัดสินใจยึดอำนาจในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2005 ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจากพรรคการเมืองต่างๆ ในปี 2006 กลุ่มพันธมิตรพรรคการเมืองรวมตัวกันต่อต้านการปกครองของพระมหากษัตริย์ชญาเนนทร จนเกิดความวุ่นวายภายในประเทศ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมที่ไม่พอใจสถาบันกษัตริย์ ในที่สุดพระมหากษัตริย์ชญาเนนทร ทรงยอมให้อำนาจบริหารแก่พรรคการเมืองเพื่อกลับคืนสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง และพรรคการเมืองต่างเรียกร้องให้จัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อกำหนดบทบาทในการเมืองของพระมหากษัตริย์ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2006 รัฐสภาเนปาลได้ยกเลิกอำนาจที่สำคัญๆของพระมหากษัตริย์ รวมทั้งอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ทำให้บทบาทของพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทำงานร่วมกับรัฐสภาได้สิ้นสุดลง (King in Parliament) และลดทอนพระมหากษัตริย์เป็นเพียงตรายาง แต่ให้พระองค์ยังทรงทำหน้าที่ประมุขของรัฐในการต้อนรับอาคันตุกะและทูตานุทูตต่อไปได้ และรัฐสภาได้โอนอำนาจที่พระมหากษัตริย์เคยมีไปที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้อำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีมาตลอด 239 ปีมีอันต้องสิ้นสุดลง 23 สิงหาคม ค.ศ. 2007 รัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่านของเนปาลได้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพระมหากษัตริย์ชญาเนนทรที่สืบจากพระเชษฐาของพระองค์ให้เป็นสมบัติของชาติ รวมทั้งพระราชวัง (Narayanhiti Palace) แต่ไม่ได้ยึดทรัพย์สินที่กษัตริย์ชญาเนนทรครอบครองก่อนขึ้นครองราชย์ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2007 รัฐสภารักษาการได้ลงมติว่า อาจจะมีการให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยุติลงชั่วคราวในปี ค.ศ. 2008 อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพกับพวกกบฏเหมาอิสต์ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนี้คือร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเปลี่ยนเนปาลให้เป็นสาธารณรัฐนั่นเอง 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 สภาร่างรัฐธรรมนูญประกาศอย่างเป็นทางการว่าในรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกต่อไป และเนปาลจะเปลี่ยนไปเป็นสาธารณรัฐ การตัดสินดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่มีการทำประชามติ กษัตริย์ชญาเนนทรยอมรับการตัดสินดังกล่าว และขอให้รัฐบาลจัดที่พักอาศัยให้พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ และรัฐบาลได้จัดให้พระองค์พำนักอยู่ที่วังแห่งหนึ่ง (Nirmal Niwas Palace)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ Zen 6 โปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ AMD ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวอย่าง ChipHell และ Moore's Law Is Dead ชี้ให้เห็นว่า Zen 6 จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมทั้งตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป

    ความโดดเด่นที่คุณต้องจับตามอง
    1) จำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น:
    - Zen 6 จะนำเสนอ Core Chiplet Die (CCD) ที่มีถึง 12 คอร์ ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ เช่น Zen 3, 4 และ 5 ที่มี 8 คอร์ ทำให้โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปในแพลตฟอร์ม AM5 สามารถรองรับได้ถึง 24 คอร์
    - สำหรับแล็ปท็อป Advanced Processing Units (APUs) จะพัฒนาจากโครงสร้าง 8+4 คอร์ใน Zen 5 มาเป็นโครงสร้าง 12 คอร์เต็มรูปแบบ

    2) เทคโนโลยี 3D V-Cache:
    - รุ่นพรีเมียมของ Zen 6 จะมาพร้อมกับ 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมหาศาล โดยมี L3 Cache ขนาด 96 MB หรือประมาณ 4 MB ต่อคอร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ Zen 5

    3) การใช้กระบวนการผลิตขั้นสูง:
    - Zen 6 คาดว่าจะใช้เทคโนโลยีการผลิตจาก TSMC ที่ขนาด 3 นาโนเมตร (N3P) หรืออาจไปถึง 2 นาโนเมตรในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน

    Zen 6 จะถูกนำมาใช้ใน APU รุ่นใหม่ในชื่อ Medusa Point สำหรับแล็ปท็อป โดยประกอบด้วย:
    - CCD ขนาด 12 คอร์
    - I/O Die (IOD) ขนาด 200 mm² ที่มี 8 RDNA Work Groups
    - ตัวควบคุมหน่วยความจำขนาด 128 บิต และอาจมี Infinity Cache เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU

    ส่วนเดสก์ท็อป APU ที่เรียกว่า Medusa Ridge จะมี IOD ขนาด 155 mm² และอาจไม่รวม GPU ในตัว แต่มุ่งเน้นการใช้งาน NPU ขนาดใหญ่ที่ทันสมัย

    Zen 6 น่าจะเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อประดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเล่นเกมและผู้ใช้ที่ต้องการพลังการประมวลผลสูงสุด การเพิ่มจำนวนคอร์และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น 3D V-Cache และ Infinity Cache เป็นสิ่งที่ทำให้ AMD สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Intel ได้อย่างเข้มข้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-zen-6-based-desktop-processors-may-feature-up-to-24-cores
    มีข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ Zen 6 โปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ AMD ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวอย่าง ChipHell และ Moore's Law Is Dead ชี้ให้เห็นว่า Zen 6 จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมทั้งตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป ความโดดเด่นที่คุณต้องจับตามอง 1) จำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น: - Zen 6 จะนำเสนอ Core Chiplet Die (CCD) ที่มีถึง 12 คอร์ ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ เช่น Zen 3, 4 และ 5 ที่มี 8 คอร์ ทำให้โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปในแพลตฟอร์ม AM5 สามารถรองรับได้ถึง 24 คอร์ - สำหรับแล็ปท็อป Advanced Processing Units (APUs) จะพัฒนาจากโครงสร้าง 8+4 คอร์ใน Zen 5 มาเป็นโครงสร้าง 12 คอร์เต็มรูปแบบ 2) เทคโนโลยี 3D V-Cache: - รุ่นพรีเมียมของ Zen 6 จะมาพร้อมกับ 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมหาศาล โดยมี L3 Cache ขนาด 96 MB หรือประมาณ 4 MB ต่อคอร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ Zen 5 3) การใช้กระบวนการผลิตขั้นสูง: - Zen 6 คาดว่าจะใช้เทคโนโลยีการผลิตจาก TSMC ที่ขนาด 3 นาโนเมตร (N3P) หรืออาจไปถึง 2 นาโนเมตรในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน Zen 6 จะถูกนำมาใช้ใน APU รุ่นใหม่ในชื่อ Medusa Point สำหรับแล็ปท็อป โดยประกอบด้วย: - CCD ขนาด 12 คอร์ - I/O Die (IOD) ขนาด 200 mm² ที่มี 8 RDNA Work Groups - ตัวควบคุมหน่วยความจำขนาด 128 บิต และอาจมี Infinity Cache เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU ส่วนเดสก์ท็อป APU ที่เรียกว่า Medusa Ridge จะมี IOD ขนาด 155 mm² และอาจไม่รวม GPU ในตัว แต่มุ่งเน้นการใช้งาน NPU ขนาดใหญ่ที่ทันสมัย Zen 6 น่าจะเป็นตัวเลือกสำคัญในตลาดเดสก์ท็อปและแล็ปท็อประดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเล่นเกมและผู้ใช้ที่ต้องการพลังการประมวลผลสูงสุด การเพิ่มจำนวนคอร์และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น 3D V-Cache และ Infinity Cache เป็นสิ่งที่ทำให้ AMD สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Intel ได้อย่างเข้มข้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-zen-6-based-desktop-processors-may-feature-up-to-24-cores
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • Double yellow tulip.
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Double yellow tulip. #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว