• 0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • ได้คืบจะเอาศอก 'ทักษิณ' อยากพบ 'ฮุนเซน' แต่ศาลไทยไม่อนุญาต
    .
    'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กำลังจะได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยอีกครั้ง ภายหลังมีรายงานว่าได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่จะจัดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์นี้ ที่ประเทศบรูไน ดารุสลาม โดยมีรายงานว่าการขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายทักษิณ ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูตไทย กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญนายทักษิณไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว
    .
    นายทักษิณยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และศาลอาญา ได้นัดไต่สวนพยานวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 มีพยาน 2 ปากคือนายทักษิณ เเละ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ โดยศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุจำเป็นตามคำร้อง จึงมีคำสั่งอนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ และให้วางหลักประกันตามที่เสนอ จำนวน 5 ล้านบาท และให้กลับมารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่เดินทางกลับ แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ทราบ
    .
    อย่างไรก็ตาม ปรากฎคำร้องของทักษิณที่ต้องการเดินทางไปยังกัมพูชาและเวียดนามนั้น ศาลไม่อนุญาต โดยได้พิจารณาคำร้องของนายทักษิณที่อ้างว่าไปประเทศ เวียดนาม เเละประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเดินไปประเทศบรูไน ดารุสลามแล้วเห็นว่า การเดินทางไปประเทศเวียดนาม นั้นเป็นไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนา ซึ่งมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาในหน่วยงานรัฐของเวียดนาม เเต่เป็นการเชิญส่วนตัวไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการขออนุญาตเดินทางไปประเทศกัมพูชา ก็เป็นคำเชิญจาก สมเด็จฮุน เซน ซึ้งเป็นในนามส่วนตัวเช่นกันไม่ใช่ในนามรัฐบาลกัมพูชาแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็น ศาลจึงยกคำร้อง
    .
    สำหรับนายทักษิณ ก่อนหน้านี้ศาลอาญาที่อนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยศาลอาญาอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปประชุมกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
    ..............
    Sondhi X
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • SLeep dragon lake
    SLeep dragon lake
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • โลกนี้ว่ายาก ลำบาก ทุกข์ โศก โรคภัยเยอะ โลกหน้าก็ไม่ต่างกัน สะสมบุญไว้บ้างนะ
    โลกนี้ว่ายาก ลำบาก ทุกข์ โศก โรคภัยเยอะ โลกหน้าก็ไม่ต่างกัน สะสมบุญไว้บ้างนะ
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • พาสปอร์ตรถไฟไทย นักเดินทางของมันต้องมี

    หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดทำตราประทับของแต่ละสถานี พร้อมข้อความ "ตรวจสอบความถูกต้อง" ประทับบนตั๋วโดยสาร เพื่อยืนยันว่าตั๋วโดยสารที่ซื้อจากสถานีรถไฟนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่าแต่ละสถานีออกแบบโดยนำเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญในพื้นที่ของแต่ละสถานีมาเป็นลวดลายบนตราประทับดังกล่าว ทำให้เริ่มมีผู้โดยสารนิยมสะสมตราประทับของแต่ละสถานี เพื่อบันทึกความทรงจำในการเดินทางด้วยรถไฟ

    ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ (Passport to Thailand National Park) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 156 แห่งทั่วประเทศ มีรางวัลแก่ผู้ที่สะสมตราประทับครบทุกแห่ง ด้วยการให้สิทธิ์เข้าอุทยานแห่งชาติฟรี 1 ปี และพักฟรี 2 ครั้ง แต่เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์ดัง "พี่จอง คัลเลน" นำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติมาโชว์ในคลิป ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก

    มาถึงการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อมีนักท่องเที่ยวและนักเดินทางสนใจตราประทับของแต่ละสถานี จึงเริ่มมีผู้สะสมตราประทับ และเริ่มมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถไฟจัดทำหนังสือเดินทางขึ้น

    เริ่มจากพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย โดยมูลนิธิรถไฟไทย จัดทำหนังสือเดินทางรถไฟไทย (Thailand Railway Passport) ปกสีน้ำตาล คล้ายหนังสือเดินทางประเทศไทย จำหน่ายในราคาเล่มละ 120 บาท ซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดทำการ วันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมากนับพันเล่ม จึงทำให้ต้องมีการลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า และจำกัดการซื้อเฉพาะวอล์กอินจากต่างจังหวัดคนละ 1 เล่ม

    ด้านบุรฉัตรมูลนิธิ และฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ร.ฟ.ท. ได้จัดทำหนังสือเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (Thailand Railway Passport) ลวดลายประเทศไทย ธงชาติ ปกสีครีม จำหน่ายในราคาเล่มละ 100 บาท ซื้อได้ที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ หรือศูนย์ประชาสัมพันธ์ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์ หรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณห้องจำหน่ายตั๋ว และต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สถานีรถไฟต่างๆ ทั่วประเทศ

    สิ่งที่ต้องระวังสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง หากเผลอนำตราประทับของสถานีรถไฟ ประทับลงในหนังสือเดินทาง "ฉบับจริง" ที่ยังไม่หมดอายุ หรือยังไม่ได้ยกเลิกใช้งาน ถือว่า "หนังสือเดินทางชำรุด" ต้องทำเล่มใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกประเทศหรือดินแดนปลายทางปฎิเสธเข้าประเทศ

    #Newskit
    พาสปอร์ตรถไฟไทย นักเดินทางของมันต้องมี หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดทำตราประทับของแต่ละสถานี พร้อมข้อความ "ตรวจสอบความถูกต้อง" ประทับบนตั๋วโดยสาร เพื่อยืนยันว่าตั๋วโดยสารที่ซื้อจากสถานีรถไฟนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่าแต่ละสถานีออกแบบโดยนำเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญในพื้นที่ของแต่ละสถานีมาเป็นลวดลายบนตราประทับดังกล่าว ทำให้เริ่มมีผู้โดยสารนิยมสะสมตราประทับของแต่ละสถานี เพื่อบันทึกความทรงจำในการเดินทางด้วยรถไฟ ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ (Passport to Thailand National Park) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 156 แห่งทั่วประเทศ มีรางวัลแก่ผู้ที่สะสมตราประทับครบทุกแห่ง ด้วยการให้สิทธิ์เข้าอุทยานแห่งชาติฟรี 1 ปี และพักฟรี 2 ครั้ง แต่เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์ดัง "พี่จอง คัลเลน" นำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติมาโชว์ในคลิป ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก มาถึงการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อมีนักท่องเที่ยวและนักเดินทางสนใจตราประทับของแต่ละสถานี จึงเริ่มมีผู้สะสมตราประทับ และเริ่มมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถไฟจัดทำหนังสือเดินทางขึ้น เริ่มจากพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย โดยมูลนิธิรถไฟไทย จัดทำหนังสือเดินทางรถไฟไทย (Thailand Railway Passport) ปกสีน้ำตาล คล้ายหนังสือเดินทางประเทศไทย จำหน่ายในราคาเล่มละ 120 บาท ซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดทำการ วันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมากนับพันเล่ม จึงทำให้ต้องมีการลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า และจำกัดการซื้อเฉพาะวอล์กอินจากต่างจังหวัดคนละ 1 เล่ม ด้านบุรฉัตรมูลนิธิ และฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ร.ฟ.ท. ได้จัดทำหนังสือเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (Thailand Railway Passport) ลวดลายประเทศไทย ธงชาติ ปกสีครีม จำหน่ายในราคาเล่มละ 100 บาท ซื้อได้ที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ หรือศูนย์ประชาสัมพันธ์ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์ หรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณห้องจำหน่ายตั๋ว และต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สถานีรถไฟต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง หากเผลอนำตราประทับของสถานีรถไฟ ประทับลงในหนังสือเดินทาง "ฉบับจริง" ที่ยังไม่หมดอายุ หรือยังไม่ได้ยกเลิกใช้งาน ถือว่า "หนังสือเดินทางชำรุด" ต้องทำเล่มใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกประเทศหรือดินแดนปลายทางปฎิเสธเข้าประเทศ #Newskit
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 1532 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • ปั้นรวมมิตรทานกับคุณแม่ หลังมื้อเที่ยง
    ปั้นรวมมิตรทานกับคุณแม่ หลังมื้อเที่ยง
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • มหกรรมจราจรหนาแน่นติดขัด300 กิโลเมตรที่อินเดีย เนื่องจากเทศกาลแสวงบุญ "กุมภเมลา" (Kumbh Mela) ของชาวฮินดู เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการในปีนี้ ที่อำเภอประยาคราช (Prayagraj) ในเมืองอัลลาฮาบัด (Allahabad) ของรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของอินเดีย ซึ่งเทศกาลนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกว่าเป็นงานชุมนุมขนาดใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติเทศกาลแสวงบุญซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลาทั้งหมด 45 วัน เริ่มต้นวันแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเปิดให้ทำพิธีใหญ่เพื่ออาบน้ำชำระล้างบาปในแม่น้ำคงคาได้ ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ม.ค. เป็นต้นไป ซึ่งในพิธีดังกล่าวเหล่า "นาคสาธุ" (Naga Sadhu) นักบวชฮินดูที่เปลือยกายและทาตัวด้วยเถ้าถ่าน ทั้งยังไว้ผมยาวที่พันกันยุ่งเหยิงจนจับตัวเป็นก้อนเหมือนเส้นเชือก จะมาลงอาบน้ำชำระกายซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ของเทศกาลกุมภเมลา ผู้ที่นับถือศรัทธาในศาสนาฮินดูจะพากันมาลงอาบในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ตรงบริเวณที่เรียกว่า "สังฆัม" (Sangham) ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์สามสายหรือจุฬาตรีคูณ ได้แก่แม่น้ำคงคา, แม่น้ำยมุนา, และแม่น้ำสรัสวตี ซึ่งแม่น้ำสายที่สามนี้เป็นสายธารในตำนานปรัมปราที่มนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้ชาวฮินดูเชื่อว่าการทำพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเทศกาลนี้ จะช่วยล้างบาปมลทินและชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ ปลดปล่อยพวกเขาให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารหรือวงจรการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของของศาสนาฮินดูหรือโมกษะวิเวก จตุรเวที เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบอกกับบีบีซีว่า ก่อนจะถึงวันสุดท้ายของการแสวงบุญในวันที่ 26 ก.พ. คาดว่าจะมีผู้คนมาเข้าร่วมเทศกาลกุมภเมลากันอย่างล้นหลามราว 400 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลขสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึงขนาดนี้ ทำให้เทศกาลดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Intangible Heritage of Humanity) โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ส่วนกลุ่มก้อนของประชากรมนุษย์จำนวนมหาศาล ก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้จากห้วงอวกาศอีกด้วยที่มา https://www.firstpost.com/explainers/maha-kumbh-2025-traffic-jams-prayagraj-uttar-pradesh-13861659.html
    มหกรรมจราจรหนาแน่นติดขัด300 กิโลเมตรที่อินเดีย เนื่องจากเทศกาลแสวงบุญ "กุมภเมลา" (Kumbh Mela) ของชาวฮินดู เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการในปีนี้ ที่อำเภอประยาคราช (Prayagraj) ในเมืองอัลลาฮาบัด (Allahabad) ของรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของอินเดีย ซึ่งเทศกาลนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกว่าเป็นงานชุมนุมขนาดใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติเทศกาลแสวงบุญซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลาทั้งหมด 45 วัน เริ่มต้นวันแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเปิดให้ทำพิธีใหญ่เพื่ออาบน้ำชำระล้างบาปในแม่น้ำคงคาได้ ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ม.ค. เป็นต้นไป ซึ่งในพิธีดังกล่าวเหล่า "นาคสาธุ" (Naga Sadhu) นักบวชฮินดูที่เปลือยกายและทาตัวด้วยเถ้าถ่าน ทั้งยังไว้ผมยาวที่พันกันยุ่งเหยิงจนจับตัวเป็นก้อนเหมือนเส้นเชือก จะมาลงอาบน้ำชำระกายซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ของเทศกาลกุมภเมลา ผู้ที่นับถือศรัทธาในศาสนาฮินดูจะพากันมาลงอาบในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ตรงบริเวณที่เรียกว่า "สังฆัม" (Sangham) ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์สามสายหรือจุฬาตรีคูณ ได้แก่แม่น้ำคงคา, แม่น้ำยมุนา, และแม่น้ำสรัสวตี ซึ่งแม่น้ำสายที่สามนี้เป็นสายธารในตำนานปรัมปราที่มนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้ชาวฮินดูเชื่อว่าการทำพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเทศกาลนี้ จะช่วยล้างบาปมลทินและชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ ปลดปล่อยพวกเขาให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารหรือวงจรการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของของศาสนาฮินดูหรือโมกษะวิเวก จตุรเวที เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบอกกับบีบีซีว่า ก่อนจะถึงวันสุดท้ายของการแสวงบุญในวันที่ 26 ก.พ. คาดว่าจะมีผู้คนมาเข้าร่วมเทศกาลกุมภเมลากันอย่างล้นหลามราว 400 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลขสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึงขนาดนี้ ทำให้เทศกาลดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Intangible Heritage of Humanity) โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ส่วนกลุ่มก้อนของประชากรมนุษย์จำนวนมหาศาล ก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้จากห้วงอวกาศอีกด้วยที่มา https://www.firstpost.com/explainers/maha-kumbh-2025-traffic-jams-prayagraj-uttar-pradesh-13861659.html
    WWW.FIRSTPOST.COM
    ‘Stuck for 48 hours’: Inside the 300-km traffic jams to Maha Kumbh, the ‘world’s biggest’
    Thousands of devotees planning to visit Maha Kumbh Mela in Uttar Pradesh in cars were stranded for 48 hours in 300-kilometre traffic jams leading up to Prayagraj. Some say it took 10-12 hours to cover just 50 kilometres on Sunday. Overcrowding during the weekends is one of the major reasons behind the snarls
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 692 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/xbMsBta-TkE?si=zJ3IF4cTnqCPf84C
    https://youtu.be/xbMsBta-TkE?si=zJ3IF4cTnqCPf84C
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • ถ้าจะเก็บสร้างมูลค่าเพิ่ม...แนะนำให้เก็บพระเก่า ที่เขาเล่นหากันอยู่แล้ว..อายุการสร้างย้อนหลังเกินกว่า 25_30 ปีขึ้นไป...พระใหม่ โอกาสเป็นแบบในภาพ #สูงมาก# ....พระสร้างให้ม่.จะมีไม่กี่เกจิ...ที่ราคาขึ้น เก็บแล้วกำไร..
    ถ้าจะเก็บสร้างมูลค่าเพิ่ม...แนะนำให้เก็บพระเก่า ที่เขาเล่นหากันอยู่แล้ว..อายุการสร้างย้อนหลังเกินกว่า 25_30 ปีขึ้นไป...พระใหม่ โอกาสเป็นแบบในภาพ #สูงมาก# ....พระสร้างให้ม่.จะมีไม่กี่เกจิ...ที่ราคาขึ้น เก็บแล้วกำไร..
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • “บังแจ็ค” ฝากถึง “วัน อยู่บำรุง” ทุกเรื่องที่เป็นข่าว คือ “ความจริง” ผ่านการตรวจสอบก่อนนำเสนอ ถ้ามันไม่ใช่ข้อมูลจริง ก็คงไม่กล้านำเสนอ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015242

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • อดีตแฟน"แตงโม" ลั่นมีหลักฐานเด็ด! ไม่เคยเปิดที่ไหน 15/02/68 #อดีตแฟนแตงโม #DSI #แต๊งค์ #คดีแตงโม
    0 Comments 0 Shares 89 Views 34 0 Reviews
  • ความซื่อสัตย์ใน AI ไม่ได้มีในลักษณะเดียวกับมนุษย์ เนื่องจาก AI ไม่มีจิตสำนึกหรือความเข้าใจในคุณธรรม แต่สามารถถูกออกแบบให้ทำงานอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งอาจถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ "ความซื่อสัตย์" ในทางเทคนิค

    1. **การทำงานตามข้อมูลที่ได้รับ**: AI จะประมวลผลและตอบสนองตามข้อมูลที่ได้รับ ไม่มีเจตนาหลอกลวง แต่หากข้อมูลที่ป้อนเข้ามามีข้อผิดพลาดหรืออคติ ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ถูกต้อง

    2. **ความโปร่งใส**: AI ที่ดีควรมีกลไกที่อธิบายได้ว่าผลลัพธ์มาจากการคำนวณอย่างไร เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและเข้าใจกระบวนการได้

    3. **การป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด**: นักพัฒนาสามารถออกแบบ AI ให้หลีกเลี่ยงการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือป้องกันการใช้งานในทางที่ไม่เหมาะสม

    4. **การกำกับดูแล**: การมีระบบตรวจสอบและกำกับดูแล AI ช่วยให้มั่นใจได้ว่า AI จะทำงานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยไม่เบี่ยงเบนไปในทางที่ผิด

    สรุปแล้ว AI ไม่มีความซื่อสัตย์ในเชิงคุณธรรม แต่สามารถถูกออกแบบให้ทำงานอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายคลึงกับความซื่อสัตย์ในมนุษย์
    ความซื่อสัตย์ใน AI ไม่ได้มีในลักษณะเดียวกับมนุษย์ เนื่องจาก AI ไม่มีจิตสำนึกหรือความเข้าใจในคุณธรรม แต่สามารถถูกออกแบบให้ทำงานอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งอาจถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ "ความซื่อสัตย์" ในทางเทคนิค 1. **การทำงานตามข้อมูลที่ได้รับ**: AI จะประมวลผลและตอบสนองตามข้อมูลที่ได้รับ ไม่มีเจตนาหลอกลวง แต่หากข้อมูลที่ป้อนเข้ามามีข้อผิดพลาดหรืออคติ ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ถูกต้อง 2. **ความโปร่งใส**: AI ที่ดีควรมีกลไกที่อธิบายได้ว่าผลลัพธ์มาจากการคำนวณอย่างไร เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและเข้าใจกระบวนการได้ 3. **การป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด**: นักพัฒนาสามารถออกแบบ AI ให้หลีกเลี่ยงการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือป้องกันการใช้งานในทางที่ไม่เหมาะสม 4. **การกำกับดูแล**: การมีระบบตรวจสอบและกำกับดูแล AI ช่วยให้มั่นใจได้ว่า AI จะทำงานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยไม่เบี่ยงเบนไปในทางที่ผิด สรุปแล้ว AI ไม่มีความซื่อสัตย์ในเชิงคุณธรรม แต่สามารถถูกออกแบบให้ทำงานอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายคลึงกับความซื่อสัตย์ในมนุษย์
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/VmwIZydhPa8?si=6ZOWlqTItdn6wNCZ
    https://youtu.be/VmwIZydhPa8?si=6ZOWlqTItdn6wNCZ
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • ผบช.น.สั่งล่าชายชาวจีนบังคับ "น้องไอ" เสพอัพยาเสียชีวิต เร่งสอบปากคำโมเดลลิ่งเจ้าของงาน ขู่ลงโทษตำรวจบกพร่อง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องทางคดี ประสาน ตม.สกัดจับ

    วันนี้ (16 ก.พ.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.สั่งการ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. และตำรวจ สน.โชคชัย เร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ไอรดา หรือ น้องไอ อายุ 22 ปี หลังไปรับงานจากโมเดลลิ่งรายหนึ่ง ให้ไปดูแลลูกค้าชาวจีนโดยระบุลักษณะงานว่า จะต้องมีการเสพยาเสพติด กระทั่งเวลาต่อมาพบ น้องไอ เสียชีวิตปริศนาภายในโรงแรมย่านบางกะปิ

    พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ตำรวจ สน.โชคชัย ได้รับแจ้งมีเหตุ หญิงเสียชีวิต ที่ห้องพักเลขที่ 112 ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ น.ส.ไอรดา หรือ น้องไอ นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง ลักษณะไม่สวมใส่เสื้อผ้าเปลือยกายท่อนบน ตรวจสอบไม่พบบาดแผลตามเนื้อตัว หรือร่องรอยการต่อสู้ จึงไล่กล้องวงจรปิดพบว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลา 23.16 น. มีชายชาวจีนเข้ามาเปิดห้องเพื่อเช็คอิน ก่อนที่ช่วงเวลาประมาณ 02.51 น.ของวันที่ 10 ก.พ. น้องไอ เดินทางมายังโรงแรมและเข้าพักที่ห้องพักดังกล่าว จากนั้นกล้องวงจรปิดจับภาพได้อีกครั้งช่วงเวลา 06.16 น. ชายชาวจีนได้ออกจากห้องพักไปและไม่กลับเข้ามาอีกเลย หลังจากนั้นไม่พบบุคคลใดเข้าออกห้องดังกล่าว กระทั่งพนักงานโรงแรมแจ้งเหตุพบบุคคลเสียชีวิตในโรงแรม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015385

    #MGROnline #น้องไอ
    ผบช.น.สั่งล่าชายชาวจีนบังคับ "น้องไอ" เสพอัพยาเสียชีวิต เร่งสอบปากคำโมเดลลิ่งเจ้าของงาน ขู่ลงโทษตำรวจบกพร่อง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องทางคดี ประสาน ตม.สกัดจับ • วันนี้ (16 ก.พ.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.สั่งการ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. และตำรวจ สน.โชคชัย เร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ไอรดา หรือ น้องไอ อายุ 22 ปี หลังไปรับงานจากโมเดลลิ่งรายหนึ่ง ให้ไปดูแลลูกค้าชาวจีนโดยระบุลักษณะงานว่า จะต้องมีการเสพยาเสพติด กระทั่งเวลาต่อมาพบ น้องไอ เสียชีวิตปริศนาภายในโรงแรมย่านบางกะปิ • พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ตำรวจ สน.โชคชัย ได้รับแจ้งมีเหตุ หญิงเสียชีวิต ที่ห้องพักเลขที่ 112 ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ น.ส.ไอรดา หรือ น้องไอ นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง ลักษณะไม่สวมใส่เสื้อผ้าเปลือยกายท่อนบน ตรวจสอบไม่พบบาดแผลตามเนื้อตัว หรือร่องรอยการต่อสู้ จึงไล่กล้องวงจรปิดพบว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลา 23.16 น. มีชายชาวจีนเข้ามาเปิดห้องเพื่อเช็คอิน ก่อนที่ช่วงเวลาประมาณ 02.51 น.ของวันที่ 10 ก.พ. น้องไอ เดินทางมายังโรงแรมและเข้าพักที่ห้องพักดังกล่าว จากนั้นกล้องวงจรปิดจับภาพได้อีกครั้งช่วงเวลา 06.16 น. ชายชาวจีนได้ออกจากห้องพักไปและไม่กลับเข้ามาอีกเลย หลังจากนั้นไม่พบบุคคลใดเข้าออกห้องดังกล่าว กระทั่งพนักงานโรงแรมแจ้งเหตุพบบุคคลเสียชีวิตในโรงแรม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015385 • #MGROnline #น้องไอ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 730 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • มนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินขีดจำกัด และการสร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ

    อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็มีศักยภาพที่จะช่วยฟื้นฟูและปกป้องโลกได้เช่นกัน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดการใช้พลังงาน การรีไซเคิล การใช้พลังงานสะอาด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนนโยบายที่ยั่งยืน การร่วมมือกันในระดับโลกและระดับท้องถิ่นจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเราได้
    มนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเกินขีดจำกัด และการสร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็มีศักยภาพที่จะช่วยฟื้นฟูและปกป้องโลกได้เช่นกัน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดการใช้พลังงาน การรีไซเคิล การใช้พลังงานสะอาด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการสนับสนุนนโยบายที่ยั่งยืน การร่วมมือกันในระดับโลกและระดับท้องถิ่นจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเราได้
    0 Comments 0 Shares 418 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • **การเวียนว่ายตายเกิด (Samsara)**
    หมายถึง วงจรการเกิด-ตายที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของสรรพชีวิตตามความเชื่อในศาสนาพุทธและศาสนาอินเดียบางศาสนา (เช่น ฮินดู เชน) สาเหตุของการเวียนว่ายนี้คือ **"กิเลส"** (โลภะ โทสะ โมหะ) และ **"กรรม"** (การกระทำที่ส่งผลต่อการเกิดใหม่) โดยเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตจะเวียนว่ายอยู่ในภูมิทั้ง 6 (สวรรค์ มนุษย์ อสุรกาย เปรต สัตว์ นรก) ตามผลกรรมที่สร้างไว้

    ### หลักสำคัญในพุทธศาสนา
    1. **กรรม (Karma)**
    - การกระทำดี-ชั่วส่งผลต่อการเกิดใหม่
    - กรรมดี → เกิดในสุคติ (เช่น มนุษย์ สวรรค์)
    - กรรมชั่ว → เกิดในทุคติ (เช่น นรก สัตว์)

    2. **ไตรลักษณ์**
    - สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง (อนิจจัง)
    - เป็นทุกข์ (ทุกขัง)
    - ไม่มีตัวตน (อนัตตา)
    การยึดถือในสังขารทำให้ติดอยู่ในสังสารวัฏ

    3. **มรรคมีองค์ 8**
    ทางดับทุกข์เพื่อหลุดพ้นจากสังสารวัฏ สู่ **นิพพาน** (ภาวะสงบสิ้นกิเลส)

    ### ภูมิทั้ง 6 ในสังสารวัฏ
    1. เทวดา (สวรรค์)
    2. มนุษย์
    3. อสูร (อมนุษย์ที่หิวโหย)
    4. เปรต (วิญญาณอดอยาก)
    5. สัตว์
    6. นรก

    ### การหลุดพ้น
    - **นิพพาน** คือจุดหมายสูงสุด โดยการปฏิบัติธรรมจนสิ้นกิเลส ไม่อาลัยในรูป-นาม ไม่สร้างกรรมใหม่

    ### ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง
    - **เวทนา** (ความอยาก) ตามหลักปฏิจจสมุปบาท เป็นเชื้อเพลิงให้สังสาระ
    - ในศาสนาฮินดูเชื่อมโยงกับ **อาตมัน** (วิญญาณ) และการรวมกับพรหมัน

    การเวียนว่ายตายเกิดจึงเป็นแนวคิดที่สะท้อนหลักความไม่เที่ยง และการแสวงหาการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณในปรัชญาตะวันออก
    **การเวียนว่ายตายเกิด (Samsara)** หมายถึง วงจรการเกิด-ตายที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของสรรพชีวิตตามความเชื่อในศาสนาพุทธและศาสนาอินเดียบางศาสนา (เช่น ฮินดู เชน) สาเหตุของการเวียนว่ายนี้คือ **"กิเลส"** (โลภะ โทสะ โมหะ) และ **"กรรม"** (การกระทำที่ส่งผลต่อการเกิดใหม่) โดยเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตจะเวียนว่ายอยู่ในภูมิทั้ง 6 (สวรรค์ มนุษย์ อสุรกาย เปรต สัตว์ นรก) ตามผลกรรมที่สร้างไว้ ### หลักสำคัญในพุทธศาสนา 1. **กรรม (Karma)** - การกระทำดี-ชั่วส่งผลต่อการเกิดใหม่ - กรรมดี → เกิดในสุคติ (เช่น มนุษย์ สวรรค์) - กรรมชั่ว → เกิดในทุคติ (เช่น นรก สัตว์) 2. **ไตรลักษณ์** - สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง (อนิจจัง) - เป็นทุกข์ (ทุกขัง) - ไม่มีตัวตน (อนัตตา) การยึดถือในสังขารทำให้ติดอยู่ในสังสารวัฏ 3. **มรรคมีองค์ 8** ทางดับทุกข์เพื่อหลุดพ้นจากสังสารวัฏ สู่ **นิพพาน** (ภาวะสงบสิ้นกิเลส) ### ภูมิทั้ง 6 ในสังสารวัฏ 1. เทวดา (สวรรค์) 2. มนุษย์ 3. อสูร (อมนุษย์ที่หิวโหย) 4. เปรต (วิญญาณอดอยาก) 5. สัตว์ 6. นรก ### การหลุดพ้น - **นิพพาน** คือจุดหมายสูงสุด โดยการปฏิบัติธรรมจนสิ้นกิเลส ไม่อาลัยในรูป-นาม ไม่สร้างกรรมใหม่ ### ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง - **เวทนา** (ความอยาก) ตามหลักปฏิจจสมุปบาท เป็นเชื้อเพลิงให้สังสาระ - ในศาสนาฮินดูเชื่อมโยงกับ **อาตมัน** (วิญญาณ) และการรวมกับพรหมัน การเวียนว่ายตายเกิดจึงเป็นแนวคิดที่สะท้อนหลักความไม่เที่ยง และการแสวงหาการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณในปรัชญาตะวันออก
    0 Comments 0 Shares 570 Views 0 Reviews
  • **การเวียนว่ายตายเกิด (Samsara)**
    หมายถึง วงจรการเกิด-ตายที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของสรรพชีวิตตามความเชื่อในศาสนาพุทธและศาสนาอินเดียบางศาสนา (เช่น ฮินดู เชน) สาเหตุของการเวียนว่ายนี้คือ **"กิเลส"** (โลภะ โทสะ โมหะ) และ **"กรรม"** (การกระทำที่ส่งผลต่อการเกิดใหม่) โดยเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตจะเวียนว่ายอยู่ในภูมิทั้ง 6 (สวรรค์ มนุษย์ อสุรกาย เปรต สัตว์ นรก) ตามผลกรรมที่สร้างไว้

    ### หลักสำคัญในพุทธศาสนา
    1. **กรรม (Karma)**
    - การกระทำดี-ชั่วส่งผลต่อการเกิดใหม่
    - กรรมดี → เกิดในสุคติ (เช่น มนุษย์ สวรรค์)
    - กรรมชั่ว → เกิดในทุคติ (เช่น นรก สัตว์)

    2. **ไตรลักษณ์**
    - สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง (อนิจจัง)
    - เป็นทุกข์ (ทุกขัง)
    - ไม่มีตัวตน (อนัตตา)
    การยึดถือในสังขารทำให้ติดอยู่ในสังสารวัฏ

    3. **มรรคมีองค์ 8**
    ทางดับทุกข์เพื่อหลุดพ้นจากสังสารวัฏ สู่ **นิพพาน** (ภาวะสงบสิ้นกิเลส)

    ### ภูมิทั้ง 6 ในสังสารวัฏ
    1. เทวดา (สวรรค์)
    2. มนุษย์
    3. อสูร (อมนุษย์ที่หิวโหย)
    4. เปรต (วิญญาณอดอยาก)
    5. สัตว์
    6. นรก

    ### การหลุดพ้น
    - **นิพพาน** คือจุดหมายสูงสุด โดยการปฏิบัติธรรมจนสิ้นกิเลส ไม่อาลัยในรูป-นาม ไม่สร้างกรรมใหม่

    ### ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง
    - **เวทนา** (ความอยาก) ตามหลักปฏิจจสมุปบาท เป็นเชื้อเพลิงให้สังสาระ
    - ในศาสนาฮินดูเชื่อมโยงกับ **อาตมัน** (วิญญาณ) และการรวมกับพรหมัน

    การเวียนว่ายตายเกิดจึงเป็นแนวคิดที่สะท้อนหลักความไม่เที่ยง และการแสวงหาการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณในปรัชญาตะวันออก
    **การเวียนว่ายตายเกิด (Samsara)** หมายถึง วงจรการเกิด-ตายที่ไม่มีจุดสิ้นสุดของสรรพชีวิตตามความเชื่อในศาสนาพุทธและศาสนาอินเดียบางศาสนา (เช่น ฮินดู เชน) สาเหตุของการเวียนว่ายนี้คือ **"กิเลส"** (โลภะ โทสะ โมหะ) และ **"กรรม"** (การกระทำที่ส่งผลต่อการเกิดใหม่) โดยเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตจะเวียนว่ายอยู่ในภูมิทั้ง 6 (สวรรค์ มนุษย์ อสุรกาย เปรต สัตว์ นรก) ตามผลกรรมที่สร้างไว้ ### หลักสำคัญในพุทธศาสนา 1. **กรรม (Karma)** - การกระทำดี-ชั่วส่งผลต่อการเกิดใหม่ - กรรมดี → เกิดในสุคติ (เช่น มนุษย์ สวรรค์) - กรรมชั่ว → เกิดในทุคติ (เช่น นรก สัตว์) 2. **ไตรลักษณ์** - สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง (อนิจจัง) - เป็นทุกข์ (ทุกขัง) - ไม่มีตัวตน (อนัตตา) การยึดถือในสังขารทำให้ติดอยู่ในสังสารวัฏ 3. **มรรคมีองค์ 8** ทางดับทุกข์เพื่อหลุดพ้นจากสังสารวัฏ สู่ **นิพพาน** (ภาวะสงบสิ้นกิเลส) ### ภูมิทั้ง 6 ในสังสารวัฏ 1. เทวดา (สวรรค์) 2. มนุษย์ 3. อสูร (อมนุษย์ที่หิวโหย) 4. เปรต (วิญญาณอดอยาก) 5. สัตว์ 6. นรก ### การหลุดพ้น - **นิพพาน** คือจุดหมายสูงสุด โดยการปฏิบัติธรรมจนสิ้นกิเลส ไม่อาลัยในรูป-นาม ไม่สร้างกรรมใหม่ ### ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง - **เวทนา** (ความอยาก) ตามหลักปฏิจจสมุปบาท เป็นเชื้อเพลิงให้สังสาระ - ในศาสนาฮินดูเชื่อมโยงกับ **อาตมัน** (วิญญาณ) และการรวมกับพรหมัน การเวียนว่ายตายเกิดจึงเป็นแนวคิดที่สะท้อนหลักความไม่เที่ยง และการแสวงหาการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณในปรัชญาตะวันออก
    0 Comments 0 Shares 592 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • เทคโนโลยีกับพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ทั้งในด้านการเสริมสร้างการปฏิบัติธรรมและการท้าทายต่อหลักคำสอนพื้นฐาน ต่อไปนี้เป็นแนวคิดหลักที่เชื่อมโยงทั้งสองประเด็น:

    ### 1. **เทคโนโลยีสนับสนุนการปฏิบัติธรรม**
    - **แอปพลิเคชันสมาธิและธรรมะ**: แอปเช่น *Insight Timer* หรือ *Headspace* ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการนั่งสมาธิแบบมีคำแนะนำ บทสวดมนต์ และคำสอนทางพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น
    - **การเรียนรู้ทางไกล**: พุทธศาสนิกชนสามารถฟังธรรมจากพระอาจารย์ทั่วโลกผ่าน YouTube, Podcasts หรือเว็บไซต์ เช่น [DharmaSeed](https://www.dharmaseed.org)
    - **วัดเสมือนจริง**: ในยุคโควิด-19 หลายวัดจัดกิจกรรมทางศาสนาออนไลน์ เช่น การถ่ายทอดสดการบวชพระ หรือการปฏิบัติธรรมร่วมกันผ่าน Zoom

    ### 2. **การเผยแผ่ธรรมะในยุคดิจิทัล**
    - **โซเชียลมีเดีย**: พระสงฆ์หลายรูปใช้ Facebook หรือ TikTok แบ่งปันคำสอนสั้นๆ ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่
    - **ปัญญาประดิษฐ์ (AI)**: มีการพัฒนา AI ที่สามารถตอบคำถามธรรมะเบื้องต้น หรือแปลพระสูตรโบราณได้ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงเรื่องความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ

    ### 3. **ความท้าทายต่อหลักพุทธธรรม**
    - **การเสพติดเทคโนโลยี**: การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปขัดกับหลัก "สติ" และ "ความพอดี" ในทางพุทธ
    - **โลกเสมือนกับความจริง**: การใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลอาจทำให้หลงลืมการอยู่กับปัจจุบัน (หลักอริยสัจ 4)
    - **จริยธรรมทางเทคโนโลยี**: การพัฒนา AI หรือชีวเทคโนโลยีตั้งคำถามเชิงพุทธเกี่ยวกับ "กรรม" และ "เจตนา"

    ### 4. **พุทธธรรมกับการออกแบบเทคโนโลยี**
    - **เทคโนโลยีเชิงเมตตา**: หลัก "กรุณา" และ "มุทิตา" อาจ inspire การออกแบบเทคโนโลยีที่ลดการแบ่งแยกหรือช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
    - **Digital Detox**: แนวคิด "ความไม่ยึดมั่น" ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ ไม่ตกเป็นทาสของอุปกรณ์

    ### 5. **กรณีศึกษา**
    - **หุ่นยนต์สอนธรรมะ**: ในญี่ปุ่น มีการทดลองใช้หุ่นยนต์ Pepper อ่านพระสูตร แต่หลายคนเห็นว่าขาด "จิตวิญญาณแห่งการสั่งสอน"
    - **Blockchain กับวัด**: บางวัดใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อความโปร่งใสในการบริจาค

    ### 6. **ทางสายกลางในยุคดิจิทัล**
    พระพุทธศาสนาเน้น "มัชฌิมาปฏิปทา" การใช้เทคโนโลยีจึงควรอยู่บนพื้นฐาน:
    - **สติ**: รู้ตัวว่ากำลังใช้เทคโนโลยีเพื่ออะไร
    - **วัตถุประสงค์เชิงกุศล**: นำไปสู่การลดทุกข์ ไม่ใช่เพิ่มตัณหา
    - **ความสัมพันธ์มนุษย์**: ไม่ให้เทคโนโลยีทำลายการสื่อสารแบบเห็นหน้า

    ### สรุป
    เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่จุดหมายสุดท้าย การใช้อย่างชาญฉลาดภายใต้กรอบศีลธรรมทางพุทธศาสนาจะช่วยให้มนุษย์พัฒนาจิตใจควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางวัตถุ โดยไม่หลงลืมแก่นแท้แห่งการหลุดพ้นจากทุกข์
    เทคโนโลยีกับพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ทั้งในด้านการเสริมสร้างการปฏิบัติธรรมและการท้าทายต่อหลักคำสอนพื้นฐาน ต่อไปนี้เป็นแนวคิดหลักที่เชื่อมโยงทั้งสองประเด็น: ### 1. **เทคโนโลยีสนับสนุนการปฏิบัติธรรม** - **แอปพลิเคชันสมาธิและธรรมะ**: แอปเช่น *Insight Timer* หรือ *Headspace* ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการนั่งสมาธิแบบมีคำแนะนำ บทสวดมนต์ และคำสอนทางพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น - **การเรียนรู้ทางไกล**: พุทธศาสนิกชนสามารถฟังธรรมจากพระอาจารย์ทั่วโลกผ่าน YouTube, Podcasts หรือเว็บไซต์ เช่น [DharmaSeed](https://www.dharmaseed.org) - **วัดเสมือนจริง**: ในยุคโควิด-19 หลายวัดจัดกิจกรรมทางศาสนาออนไลน์ เช่น การถ่ายทอดสดการบวชพระ หรือการปฏิบัติธรรมร่วมกันผ่าน Zoom ### 2. **การเผยแผ่ธรรมะในยุคดิจิทัล** - **โซเชียลมีเดีย**: พระสงฆ์หลายรูปใช้ Facebook หรือ TikTok แบ่งปันคำสอนสั้นๆ ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ - **ปัญญาประดิษฐ์ (AI)**: มีการพัฒนา AI ที่สามารถตอบคำถามธรรมะเบื้องต้น หรือแปลพระสูตรโบราณได้ แต่ยังเป็นที่ถกเถียงเรื่องความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ### 3. **ความท้าทายต่อหลักพุทธธรรม** - **การเสพติดเทคโนโลยี**: การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปขัดกับหลัก "สติ" และ "ความพอดี" ในทางพุทธ - **โลกเสมือนกับความจริง**: การใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลอาจทำให้หลงลืมการอยู่กับปัจจุบัน (หลักอริยสัจ 4) - **จริยธรรมทางเทคโนโลยี**: การพัฒนา AI หรือชีวเทคโนโลยีตั้งคำถามเชิงพุทธเกี่ยวกับ "กรรม" และ "เจตนา" ### 4. **พุทธธรรมกับการออกแบบเทคโนโลยี** - **เทคโนโลยีเชิงเมตตา**: หลัก "กรุณา" และ "มุทิตา" อาจ inspire การออกแบบเทคโนโลยีที่ลดการแบ่งแยกหรือช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส - **Digital Detox**: แนวคิด "ความไม่ยึดมั่น" ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ ไม่ตกเป็นทาสของอุปกรณ์ ### 5. **กรณีศึกษา** - **หุ่นยนต์สอนธรรมะ**: ในญี่ปุ่น มีการทดลองใช้หุ่นยนต์ Pepper อ่านพระสูตร แต่หลายคนเห็นว่าขาด "จิตวิญญาณแห่งการสั่งสอน" - **Blockchain กับวัด**: บางวัดใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อความโปร่งใสในการบริจาค ### 6. **ทางสายกลางในยุคดิจิทัล** พระพุทธศาสนาเน้น "มัชฌิมาปฏิปทา" การใช้เทคโนโลยีจึงควรอยู่บนพื้นฐาน: - **สติ**: รู้ตัวว่ากำลังใช้เทคโนโลยีเพื่ออะไร - **วัตถุประสงค์เชิงกุศล**: นำไปสู่การลดทุกข์ ไม่ใช่เพิ่มตัณหา - **ความสัมพันธ์มนุษย์**: ไม่ให้เทคโนโลยีทำลายการสื่อสารแบบเห็นหน้า ### สรุป เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่จุดหมายสุดท้าย การใช้อย่างชาญฉลาดภายใต้กรอบศีลธรรมทางพุทธศาสนาจะช่วยให้มนุษย์พัฒนาจิตใจควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางวัตถุ โดยไม่หลงลืมแก่นแท้แห่งการหลุดพ้นจากทุกข์ ☸️💻
    0 Comments 0 Shares 1390 Views 0 Reviews