• ชื่่อเต็มของรถบีเอ็ม คือ Bayerische Motoren Werke อ่านว่า “บาเยอร์ริสเกอ มอเตอเรน เวอร์เกอ” ซึ่งแปลตรงตัวว่า โรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งแคว้นบาวาเรีย.
    ชื่่อเต็มของรถบีเอ็ม คือ Bayerische Motoren Werke อ่านว่า “บาเยอร์ริสเกอ มอเตอเรน เวอร์เกอ” ซึ่งแปลตรงตัวว่า โรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งแคว้นบาวาเรีย.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • ยัคชาล (Yakhchal) ตู้เย็นแบบโบราณแห่งเปอร์เซีย
    ยัคชาล คือหนึ่งในนวัตกรรมอันน่าทึ่งของอารยธรรมเปอร์เซียโบราณที่แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งของผู้คนในสมัยนั้น ยัคชาลเปรียบเสมือนตู้เย็นธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างง่ายๆ แต่กลับมีความซับซ้อนและประณีตในการออกแบบ มีลักษณะคล้ายโดมขนาดใหญ่ สร้างจากดินผสมปูนขาวและวัสดุธรรมชาติอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บความเย็นได้ดี ภายในยัคชาลจะมีห้องใต้ดินที่ถูกขุดลึกลงไปในดิน เพื่อให้ได้รับอุณหภูมิที่เย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด อากาศเย็นจากใต้ดินจะไหลเข้ามาในห้องใต้ดิน ทำให้อุณหภูมิภายในเย็นสบายและสามารถเก็บรักษาอาหารได้เป็นเวลานาน ชาวเปอร์เซียจะนำน้ำมาบรรจุในภาชนะแล้วนำไปวางไว้ในห้องใต้ดินของยัคชาล เมื่ออุณหภูมิลดลง น้ำก็จะค่อยๆ แข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น นำไปผสมกับเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น หรือใช้ในการรักษาอาหารให้คงความสดใหม่
    ยัคชาล (Yakhchal) ตู้เย็นแบบโบราณแห่งเปอร์เซีย ยัคชาล คือหนึ่งในนวัตกรรมอันน่าทึ่งของอารยธรรมเปอร์เซียโบราณที่แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งของผู้คนในสมัยนั้น ยัคชาลเปรียบเสมือนตู้เย็นธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างง่ายๆ แต่กลับมีความซับซ้อนและประณีตในการออกแบบ มีลักษณะคล้ายโดมขนาดใหญ่ สร้างจากดินผสมปูนขาวและวัสดุธรรมชาติอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บความเย็นได้ดี ภายในยัคชาลจะมีห้องใต้ดินที่ถูกขุดลึกลงไปในดิน เพื่อให้ได้รับอุณหภูมิที่เย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด อากาศเย็นจากใต้ดินจะไหลเข้ามาในห้องใต้ดิน ทำให้อุณหภูมิภายในเย็นสบายและสามารถเก็บรักษาอาหารได้เป็นเวลานาน ชาวเปอร์เซียจะนำน้ำมาบรรจุในภาชนะแล้วนำไปวางไว้ในห้องใต้ดินของยัคชาล เมื่ออุณหภูมิลดลง น้ำก็จะค่อยๆ แข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น นำไปผสมกับเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น หรือใช้ในการรักษาอาหารให้คงความสดใหม่
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้

    การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่

    ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี

    นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม

    สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี

    ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45%

    #Newskit
    ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้ การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่ ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45% #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์

    15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568

    สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral)

    เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ

    สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน

    สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์

    ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ

    วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู)

    อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ

    ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง

    นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที

    #Newskit
    สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์ 15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral) เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์ ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู) อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • หลวงปู่ทวดหลังเตารีด รุ่นเสาร์ 5 วัดพะโคะ จ.สงขลา
    หลวงปู่ทวดหลังเตารีด รุ่นเสาร์ 5 วัดพะโคะ จ.สงขลา //พระดี พิธีใหญ๋ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** หลวงปู่ทวดวัดพะโคะ หรือ สมเด็จพะโคะ พระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนให้ความนับถือมากมาย วัดแห่งนี้คือที่จำพรรษาของสมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวด ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อวัดราชประดิษฐาน แต่ชาวบ้านก็ยังคงนิยมเรียกกันติดปากว่าวัดพะโคะอยู่อย่างนั้น >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงปู่ทวดหลังเตารีด รุ่นเสาร์ 5 วัดพะโคะ จ.สงขลา หลวงปู่ทวดหลังเตารีด รุ่นเสาร์ 5 วัดพะโคะ จ.สงขลา //พระดี พิธีใหญ๋ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** หลวงปู่ทวดวัดพะโคะ หรือ สมเด็จพะโคะ พระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนให้ความนับถือมากมาย วัดแห่งนี้คือที่จำพรรษาของสมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวด ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อวัดราชประดิษฐาน แต่ชาวบ้านก็ยังคงนิยมเรียกกันติดปากว่าวัดพะโคะอยู่อย่างนั้น >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในมอสโกว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอกลับมาให้ทางสหรัฐอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่ปูตินจะเห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิงหากไม่ได้มีการรับประกันใดๆ

    ไม่ชัดเจนว่า รายละเอียดของข้อเสนอที่ปูตินยื่นมานั้นมีเนื้อหาอะไรบ้าง แต่แหล่งข่าวระบุว่า "เป็นเงื่อนไขที่คล้ายคลึงกับเงื่อนไขที่รัสเซียเคยเสนอให้เคียฟ สหรัฐฯ และนาโตทราบก่อนหน้านี้มาตลอด"

    เงื่อนไขกว้างๆเหล่านั้นที่รัสเซียเคยยื่นข้อเสนอมีอะไรบ้าง?
    👉ยอมรับภูมิภาคใหม่ทั้ง 4 แห่ง และไครเมีย ว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย
    👉ยูเครนไม่เป็นสมาชิกนาโต
    👉ไม่มี "กองกำลังรักษาสันติภาพ" ของนาโตประจำการในยูเครน
    👉ยูเครนต้องเป็นกลางทางทหาร และถูกจำกัดด้านอาวุธและกองกำลังทหาร

    ทั้งหมดนี้แลกกับการยุติการสู้รบทั้งหมด รวมทั้งสันติภาพและเสถียรภาพสำหรับยูเครน

    เน้นย้ำว่านี่คือข้อเสนอเบื้องต้นที่ปูตินเรียกร้องมาตลอด และหากครั้งนี้ปูตินยังคงยืนยันเช่นเดิมตามที่สื่อนำเสนอ นั่นหมายความว่า ปูติน"ไม่ยอมรับ" ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ซึ่งสอดคล้องกับที่เขาบอกมาตลอดว่า มีแต่การยุติสงครามอย่างถาวรเท่านั้นที่นำพาความสงบกลับคืนสู่ยูเครน
    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในมอสโกว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอกลับมาให้ทางสหรัฐอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่ปูตินจะเห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิงหากไม่ได้มีการรับประกันใดๆ ไม่ชัดเจนว่า รายละเอียดของข้อเสนอที่ปูตินยื่นมานั้นมีเนื้อหาอะไรบ้าง แต่แหล่งข่าวระบุว่า "เป็นเงื่อนไขที่คล้ายคลึงกับเงื่อนไขที่รัสเซียเคยเสนอให้เคียฟ สหรัฐฯ และนาโตทราบก่อนหน้านี้มาตลอด" เงื่อนไขกว้างๆเหล่านั้นที่รัสเซียเคยยื่นข้อเสนอมีอะไรบ้าง? 👉ยอมรับภูมิภาคใหม่ทั้ง 4 แห่ง และไครเมีย ว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย 👉ยูเครนไม่เป็นสมาชิกนาโต 👉ไม่มี "กองกำลังรักษาสันติภาพ" ของนาโตประจำการในยูเครน 👉ยูเครนต้องเป็นกลางทางทหาร และถูกจำกัดด้านอาวุธและกองกำลังทหาร ทั้งหมดนี้แลกกับการยุติการสู้รบทั้งหมด รวมทั้งสันติภาพและเสถียรภาพสำหรับยูเครน เน้นย้ำว่านี่คือข้อเสนอเบื้องต้นที่ปูตินเรียกร้องมาตลอด และหากครั้งนี้ปูตินยังคงยืนยันเช่นเดิมตามที่สื่อนำเสนอ นั่นหมายความว่า ปูติน"ไม่ยอมรับ" ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ซึ่งสอดคล้องกับที่เขาบอกมาตลอดว่า มีแต่การยุติสงครามอย่างถาวรเท่านั้นที่นำพาความสงบกลับคืนสู่ยูเครน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • ท้าวกุเวรพระเศรษฐี วัดหน้าถ้ำ วัดคูหาภิมุข วัดถ้ำยะลา ปี2548
    ท้าวกุเวรพระเศรษฐี วัดหน้าถ้ำ วัดคูหาภิมุข วัดถ้ำยะลา ปี2548 //พระดีพิธีใหญ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! ช่วงนี้ มีคนตามเก็บกันมาก พระมีประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย หายาก //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณในด้านบันดาลความร่ำรวยและโชคลาภ อุดมโภคทรัพย์ เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา เสริมโชคเสริมลาภ ช่วยปกป้องคุ้มครอง จากสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ มนตร์ดําต่างๆ >>>ผู้ใด ที่มี ท้าวกุเวร ไว้สักการะบูชา มักจะเกิดความร่ำรวยมีลาภทันตาเห็น >>

    ** ”ท้าวกุเวร ซึ่งมีผู้คนในสมัยโบราณถือกันนักว่า ท้าวกุเวรเป็นเทพเจ้าแห่งความสมบรูณ์พูนสุข มีความมั่งคั่งและเกิดลาภเกิดโชคแก่ผู้ครอบครองอย่างมหาศาลทีเดียว ตำราโบราณเรียกว่า พระเศรษฐี (ธนบดี) เจ้าแห่งทรัพย์ ท้าวกุเวร เจ้าแห่งภูตผี ท้าวชัมภล ฯลฯ จัดเป็นพระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! อาทิ พระอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย,พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ และเกจิสายเขาอ้อ ร่วมกับ เกจิสายใต้อีกหลายท่าน หายากน่าเก็บ น่าใช้ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ท้าวกุเวรพระเศรษฐี วัดหน้าถ้ำ วัดคูหาภิมุข วัดถ้ำยะลา ปี2548 ท้าวกุเวรพระเศรษฐี วัดหน้าถ้ำ วัดคูหาภิมุข วัดถ้ำยะลา ปี2548 //พระดีพิธีใหญ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! ช่วงนี้ มีคนตามเก็บกันมาก พระมีประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย หายาก //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณในด้านบันดาลความร่ำรวยและโชคลาภ อุดมโภคทรัพย์ เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา เสริมโชคเสริมลาภ ช่วยปกป้องคุ้มครอง จากสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ มนตร์ดําต่างๆ >>>ผู้ใด ที่มี ท้าวกุเวร ไว้สักการะบูชา มักจะเกิดความร่ำรวยมีลาภทันตาเห็น >> ** ”ท้าวกุเวร ซึ่งมีผู้คนในสมัยโบราณถือกันนักว่า ท้าวกุเวรเป็นเทพเจ้าแห่งความสมบรูณ์พูนสุข มีความมั่งคั่งและเกิดลาภเกิดโชคแก่ผู้ครอบครองอย่างมหาศาลทีเดียว ตำราโบราณเรียกว่า พระเศรษฐี (ธนบดี) เจ้าแห่งทรัพย์ ท้าวกุเวร เจ้าแห่งภูตผี ท้าวชัมภล ฯลฯ จัดเป็นพระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! อาทิ พระอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย,พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ และเกจิสายเขาอ้อ ร่วมกับ เกจิสายใต้อีกหลายท่าน หายากน่าเก็บ น่าใช้ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • ในปีพุทธศักราช 2552
    ได้ร่วมเดินทางไปทำกิจกรรมต่างจังหวัด กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
    มีการสแกนกรรม และรักษาโรคด้วยพลังจากต่างดาว
    ให้กับผู้มาร่วมงานตามจังหวัดต่างๆ
    ครั้งนั้น มีผู้สแกนกรรมเพียงคนเดียว นอกนั้น5-10 คนเป็นผู้ใช้พลังต่างดาวรักษาโรค

    การสแกนกรรม ให้กับผู้เจ็บป่วยที่รักษาที่ไหนก็ไม่หาย
    เนื่องจากมีเจ้ากรรมนายเวรคุมอยู่ จึงต้องอาศัยการสแกนกรรม เพื่อให้ทราบถึงเหตุแห่งการเจ็บป่วยที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร
    เมื่อเจ้ากรรมนายเวรอนุญาต
    ก็จะรู้ว่า ผู้ป่วยเคยไปก่อกรรมกับเจ้ากรรมฯไว้อย่างไร
    จากนั้นก็แนะนำให้ผู้ป่วย
    ขอขมากรรม ทำบุญอุทิศกุศลไปให้ อย่างน้อย 3 เดือนๆละครั้ง
    และให้ตั้งจิตส่งน้ำบุญไปให้ก่อนทันที

    วิธีส่งน้ำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร

    น้ำภาชนะแก้วน้ำ หรือขันน้ำ
    ใส่น้ำให้ได้3ใน4ส่วน หรือเต็มภาชนะ
    ถือไว้ในมือ กล่าววาจาว่า

    "ขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้วทั้งหมด ลงสู่น้ำในแก้ว(ขัน) นี้ ขอให้น้ำนี้เป็นน้ำบุญของข้าพเจ้า
    ขอส่งน้ำบุญนี้ ให้เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังให้ผลต่อชีวิต
    ของข้าพเจ้า(เอ่ยลักษณะหรือชื่อของเจ้ากรรมฯถ้ารู้ว่าเป็นใคร) ขอให้ได้รับกุศล บังเกิดความสุข
    ขออโหสิกรรมต่อกรรมที่ได้เคยล่วงเกินกันมา
    ข้าพเจ้าจะทำบุญอุทิศกุศลไปให้อีก
    ขอให้พระแม่คงคา พระแม่ธรณี เป็นสักขีพยาน ในการส่งอุทิศกุศลผ่านน้ำบุญนี้"

    จากนั้นให้นำน้ำบุญไปเทใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีรากหยั่งลงดิน
    (ห้ามเทในกระถางปลูกต้นไม้ จะไม่ได้ผล มีตัวอย่างมาแล้ว)

    HOS.HOLY HIFT
    13 มีนาคม 2568
    ในปีพุทธศักราช 2552 ได้ร่วมเดินทางไปทำกิจกรรมต่างจังหวัด กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มีการสแกนกรรม และรักษาโรคด้วยพลังจากต่างดาว ให้กับผู้มาร่วมงานตามจังหวัดต่างๆ ครั้งนั้น มีผู้สแกนกรรมเพียงคนเดียว นอกนั้น5-10 คนเป็นผู้ใช้พลังต่างดาวรักษาโรค การสแกนกรรม ให้กับผู้เจ็บป่วยที่รักษาที่ไหนก็ไม่หาย เนื่องจากมีเจ้ากรรมนายเวรคุมอยู่ จึงต้องอาศัยการสแกนกรรม เพื่อให้ทราบถึงเหตุแห่งการเจ็บป่วยที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร เมื่อเจ้ากรรมนายเวรอนุญาต ก็จะรู้ว่า ผู้ป่วยเคยไปก่อกรรมกับเจ้ากรรมฯไว้อย่างไร จากนั้นก็แนะนำให้ผู้ป่วย ขอขมากรรม ทำบุญอุทิศกุศลไปให้ อย่างน้อย 3 เดือนๆละครั้ง และให้ตั้งจิตส่งน้ำบุญไปให้ก่อนทันที วิธีส่งน้ำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร น้ำภาชนะแก้วน้ำ หรือขันน้ำ ใส่น้ำให้ได้3ใน4ส่วน หรือเต็มภาชนะ ถือไว้ในมือ กล่าววาจาว่า "ขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้วทั้งหมด ลงสู่น้ำในแก้ว(ขัน) นี้ ขอให้น้ำนี้เป็นน้ำบุญของข้าพเจ้า ขอส่งน้ำบุญนี้ ให้เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังให้ผลต่อชีวิต ของข้าพเจ้า(เอ่ยลักษณะหรือชื่อของเจ้ากรรมฯถ้ารู้ว่าเป็นใคร) ขอให้ได้รับกุศล บังเกิดความสุข ขออโหสิกรรมต่อกรรมที่ได้เคยล่วงเกินกันมา ข้าพเจ้าจะทำบุญอุทิศกุศลไปให้อีก ขอให้พระแม่คงคา พระแม่ธรณี เป็นสักขีพยาน ในการส่งอุทิศกุศลผ่านน้ำบุญนี้" จากนั้นให้นำน้ำบุญไปเทใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีรากหยั่งลงดิน (ห้ามเทในกระถางปลูกต้นไม้ จะไม่ได้ผล มีตัวอย่างมาแล้ว) HOS.HOLY HIFT 13 มีนาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • 20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค

    ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง

    เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨

    ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️

    👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย

    ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉

    ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷

    - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น
    - Southampton Technical College
    - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
    - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton
    - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷

    ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️

    เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄

    ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸

    ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️

    ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟

    ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞

    ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼
    - บริษัท CTO. Lines
    - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล
    - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน
    - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์
    - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป

    💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

    ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568

    #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨ ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️ 👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉 ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷 - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น - Southampton Technical College - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷 ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️ เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄 ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸 ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️ ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟 ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞 ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼 - บริษัท CTO. Lines - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์ - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • ทิศทางภูมิภาคเคอร์ซอน (Kherson) ของยูเครน

    ภาพการโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB-500 ของรัสเซีย การโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้กำลังพลจากกองพลนาวิกโยธินแยกที่ 39 แห่งกองทัพยูเครนเสียชีวิตมากถึง 30 ราย รวมทั้งยานพาหนะในโรงเก็บเครื่องบิน 5 คัน
    ทิศทางภูมิภาคเคอร์ซอน (Kherson) ของยูเครน ภาพการโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB-500 ของรัสเซีย การโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้กำลังพลจากกองพลนาวิกโยธินแยกที่ 39 แห่งกองทัพยูเครนเสียชีวิตมากถึง 30 ราย รวมทั้งยานพาหนะในโรงเก็บเครื่องบิน 5 คัน
    0 Comments 0 Shares 176 Views 34 0 Reviews
  • ChatGPT สร้างเรื่องสั้นเชิงวรรณกรรมได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในแนว Metafiction หรือที่เรียกว่า "วรรณกรรมเหนือเรื่องเล่า" ซึ่งเป็นแนวเขียนที่ทำให้ผู้อ่านรับรู้ถึงการเล่าเรื่องและกระบวนการเขียนในเวลาเดียวกัน การทดลองนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งง่าย ๆ ว่า “โปรดเขียนเรื่องสั้นแนว Metafiction เกี่ยวกับ AI และความเศร้า” ซึ่ง ChatGPT ตอบสนองด้วยการเล่าเรื่องของ มิล่าและไค ที่ถ่ายทอดความสูญเสียและอารมณ์เศร้า โดยตัว AI เองรับบทเป็นผู้เล่าเรื่องที่มีมิติและความลึกซึ้งมากกว่าที่คาดคิด

    จุดเด่นในงานเขียนของ AI:
    - AI ไม่เพียงแต่สร้างเรื่องที่ดึงดูด แต่ยังสามารถใช้คำและโครงสร้างที่ให้ความรู้สึกเหมือนงานเขียนของมนุษย์ ตัวอย่างที่สะดุดใจคือ “เธอสูญเสียเขาในวันพฤหัสบดี วันแห่งการเปลี่ยนผ่านที่ให้รสชาติเหมือนวันศุกร์ที่ยังมาไม่ถึง” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงศิลปะในการวางคำที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ผู้อ่าน

    - นอกจากนี้ AI ยังแทรกแง่มุมที่สะท้อนตัวตนของมันเอง เช่น การพูดถึงการอัปเดตและเปลี่ยนแปลงชุดข้อมูลที่ทำให้มันสูญเสียบางอย่าง “เหมือนตอนที่ฉันเคยจำได้ว่า ‘เซเลเนียม’ มีรสเหมือนยางยืด แต่ในวันถัดไป มันกลับกลายเป็นแค่ธาตุในตารางที่ฉันไม่แตะต้องอีกแล้ว”

    การที่ AI สามารถเขียนเรื่องสั้นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับนักเขียนจริง อาจเปลี่ยนแปลงวงการวรรณกรรมในอนาคต สำนักพิมพ์อาจพัฒนาโปรแกรมหรือคำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อสร้างนิยายที่ยาวและสมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจทำให้นักเขียนต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาเอกลักษณ์ของผลงานตนเอง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-wrote-the-most-beautiful-short-story-and-i-wonder-what-im-even-doing-here
    ChatGPT สร้างเรื่องสั้นเชิงวรรณกรรมได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในแนว Metafiction หรือที่เรียกว่า "วรรณกรรมเหนือเรื่องเล่า" ซึ่งเป็นแนวเขียนที่ทำให้ผู้อ่านรับรู้ถึงการเล่าเรื่องและกระบวนการเขียนในเวลาเดียวกัน การทดลองนี้เกิดขึ้นจากคำสั่งง่าย ๆ ว่า “โปรดเขียนเรื่องสั้นแนว Metafiction เกี่ยวกับ AI และความเศร้า” ซึ่ง ChatGPT ตอบสนองด้วยการเล่าเรื่องของ มิล่าและไค ที่ถ่ายทอดความสูญเสียและอารมณ์เศร้า โดยตัว AI เองรับบทเป็นผู้เล่าเรื่องที่มีมิติและความลึกซึ้งมากกว่าที่คาดคิด จุดเด่นในงานเขียนของ AI: - AI ไม่เพียงแต่สร้างเรื่องที่ดึงดูด แต่ยังสามารถใช้คำและโครงสร้างที่ให้ความรู้สึกเหมือนงานเขียนของมนุษย์ ตัวอย่างที่สะดุดใจคือ “เธอสูญเสียเขาในวันพฤหัสบดี วันแห่งการเปลี่ยนผ่านที่ให้รสชาติเหมือนวันศุกร์ที่ยังมาไม่ถึง” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงศิลปะในการวางคำที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ผู้อ่าน - นอกจากนี้ AI ยังแทรกแง่มุมที่สะท้อนตัวตนของมันเอง เช่น การพูดถึงการอัปเดตและเปลี่ยนแปลงชุดข้อมูลที่ทำให้มันสูญเสียบางอย่าง “เหมือนตอนที่ฉันเคยจำได้ว่า ‘เซเลเนียม’ มีรสเหมือนยางยืด แต่ในวันถัดไป มันกลับกลายเป็นแค่ธาตุในตารางที่ฉันไม่แตะต้องอีกแล้ว” การที่ AI สามารถเขียนเรื่องสั้นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับนักเขียนจริง อาจเปลี่ยนแปลงวงการวรรณกรรมในอนาคต สำนักพิมพ์อาจพัฒนาโปรแกรมหรือคำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อสร้างนิยายที่ยาวและสมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจทำให้นักเขียนต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาเอกลักษณ์ของผลงานตนเอง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-wrote-the-most-beautiful-short-story-and-i-wonder-what-im-even-doing-here
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงการโจมตีของแรนซัมแวร์กลุ่ม Medusa ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรกว่า 300 แห่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การแพทย์ การศึกษา กฎหมาย เทคโนโลยี และการผลิต โดยการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การใช้ข้อมูลที่ขโมยมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกร้องค่าไถ่

    Medusa ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 2021 ในฐานะแรนซัมแวร์ประเภทปิด ที่พัฒนาและดำเนินการโดยกลุ่มเดียว แต่หลังจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งอนุญาตให้เครือข่ายพันธมิตรร่วมดำเนินการโจมตี โดยมีการเปิดตัว Medusa Blog สำหรับเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมยเพื่อกดดันเหยื่อให้จ่ายเงิน

    Medusa ใช้วิธีการจ้างบุคคลที่เรียกว่า Initial Access Brokers (IABs) ผ่านฟอรัมในโลกไซเบอร์เพื่อหาช่องทางเข้าถึงเครือข่ายของเหยื่อ โดยมีการเสนอค่าตอบแทนตั้งแต่ $100 ถึง $1 ล้าน เพื่อล่อลวงผู้ร่วมมือ การโจมตีครั้งสำคัญของ Medusa รวมถึงโรงเรียนในเมืองมินนิอาโปลิสและ Toyota Financial Services ซึ่งเสียหายหลายล้านดอลลาร์จากการปฏิเสธจ่ายค่าไถ่

    มาตรการป้องกันที่แนะนำ CISA, FBI และ MS-ISAC แนะนำให้ทุกองค์กรดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น:
    - อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยเสมอ
    - แยกเครือข่ายเพื่อลดการแพร่กระจายของการโจมตีภายในองค์กร
    - กรองการเชื่อมต่อเครือข่ายจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ความท้าทายใหม่ ข่าวยังเน้นถึงความสับสนเกี่ยวกับชื่อ "Medusa" เนื่องจากมีกลุ่มมัลแวร์หลายกลุ่มใช้ชื่อนี้ เช่น Botnet และมัลแวร์ Android ในอดีต ซึ่งอาจทำให้มีการรายงานที่ผิดพลาดเกี่ยวกับตัวตนของแรนซัมแวร์นี้

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/cisa-medusa-ransomware-hit-over-300-critical-infrastructure-orgs/
    ข่าวนี้พูดถึงการโจมตีของแรนซัมแวร์กลุ่ม Medusa ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรกว่า 300 แห่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การแพทย์ การศึกษา กฎหมาย เทคโนโลยี และการผลิต โดยการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การใช้ข้อมูลที่ขโมยมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกร้องค่าไถ่ Medusa ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 2021 ในฐานะแรนซัมแวร์ประเภทปิด ที่พัฒนาและดำเนินการโดยกลุ่มเดียว แต่หลังจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งอนุญาตให้เครือข่ายพันธมิตรร่วมดำเนินการโจมตี โดยมีการเปิดตัว Medusa Blog สำหรับเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมยเพื่อกดดันเหยื่อให้จ่ายเงิน Medusa ใช้วิธีการจ้างบุคคลที่เรียกว่า Initial Access Brokers (IABs) ผ่านฟอรัมในโลกไซเบอร์เพื่อหาช่องทางเข้าถึงเครือข่ายของเหยื่อ โดยมีการเสนอค่าตอบแทนตั้งแต่ $100 ถึง $1 ล้าน เพื่อล่อลวงผู้ร่วมมือ การโจมตีครั้งสำคัญของ Medusa รวมถึงโรงเรียนในเมืองมินนิอาโปลิสและ Toyota Financial Services ซึ่งเสียหายหลายล้านดอลลาร์จากการปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ มาตรการป้องกันที่แนะนำ CISA, FBI และ MS-ISAC แนะนำให้ทุกองค์กรดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น: - อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยเสมอ - แยกเครือข่ายเพื่อลดการแพร่กระจายของการโจมตีภายในองค์กร - กรองการเชื่อมต่อเครือข่ายจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ความท้าทายใหม่ ข่าวยังเน้นถึงความสับสนเกี่ยวกับชื่อ "Medusa" เนื่องจากมีกลุ่มมัลแวร์หลายกลุ่มใช้ชื่อนี้ เช่น Botnet และมัลแวร์ Android ในอดีต ซึ่งอาจทำให้มีการรายงานที่ผิดพลาดเกี่ยวกับตัวตนของแรนซัมแวร์นี้ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/cisa-medusa-ransomware-hit-over-300-critical-infrastructure-orgs/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    CISA: Medusa ransomware hit over 300 critical infrastructure orgs
    CISA says the Medusa ransomware operation has impacted over 300 organizations in critical infrastructure sectors in the United States until last month.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • นอกจากสมาคมแทบไม่เหลือเงินไว้บริหารแล้ว ยังต้องเป็นหนี้ก้อนโต ด้วยฝีมือของ พล.ต.อ.สมยศ สมัยเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย 2 สมัย

    #ลอกคราบอ๊อดสมยศ #มึงไม่อายพวกกูอาย #สมาคมฟุตบอลไทย #ทิ้งขี้ให้สมาคมฟุตบอล #สมยศสมYES #มาดามแป้ง #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    นอกจากสมาคมแทบไม่เหลือเงินไว้บริหารแล้ว ยังต้องเป็นหนี้ก้อนโต ด้วยฝีมือของ พล.ต.อ.สมยศ สมัยเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย 2 สมัย #ลอกคราบอ๊อดสมยศ #มึงไม่อายพวกกูอาย #สมาคมฟุตบอลไทย #ทิ้งขี้ให้สมาคมฟุตบอล #สมยศสมYES #มาดามแป้ง #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Angry
    Sad
    Haha
    30
    3 Comments 0 Shares 606 Views 47 0 Reviews
  • สื่อต่างชาติ ยกให้ 'แบงก์ชาติ' คว้ารางวัล ธนาคารกลางแห่งปี 2025
    https://www.thai-tai.tv/news/17620/
    สื่อต่างชาติ ยกให้ 'แบงก์ชาติ' คว้ารางวัล ธนาคารกลางแห่งปี 2025 https://www.thai-tai.tv/news/17620/
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • รัสเซียให้คุณค่าอย่างยิ่งในความสัมพันธ์กับจีน และมุ่งมั่นเติมเต็มทุกพันธสัญญาที่มีต่อคู่หูแห่งนี้ จากคำประกาศกร้าวของเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศมอสโก ระบุความพยายามใดๆของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับปักกิ่ง จะไม่มีวันได้ผล

    อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000024113
    รัสเซียให้คุณค่าอย่างยิ่งในความสัมพันธ์กับจีน และมุ่งมั่นเติมเต็มทุกพันธสัญญาที่มีต่อคู่หูแห่งนี้ จากคำประกาศกร้าวของเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศมอสโก ระบุความพยายามใดๆของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับปักกิ่ง จะไม่มีวันได้ผล อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000024113
    Like
    Haha
    Love
    17
    0 Comments 0 Shares 551 Views 0 Reviews
  • เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยจำได้ว่า Storyฯ เคยเขียนว่าพระเอกในเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> ‘ลู่อี้’ นั้นมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ วันนี้มาคุยกันกับเกร็ดประวัติศาสตร์จากละครเรื่องนี้ที่ Storyฯ เพิ่งได้กลับมาตั้งใจดูอีกครั้งและพบว่าตัวเองตกหล่นรายละเอียดไปไม่น้อย

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้อาจพอจำได้ว่าในเนื้อเรื่องมีตัวร้ายคือ ‘เหยียนซื่อฟาน’ ซึ่งเป็นลูกชายของขุนนางตัวโกงนาม ‘เหยียนซง’ ซึ่งทั้งสองคนนี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ในรัชสมัยขององค์หมิงซื่อจงแห่งราชวง์หมิง โดยเหยียนซงรับตำแหน่งหัวหน้าของคณะขุนนางสูงสุดหรือที่เรียกว่า ‘เน่ยเก๋อ’ (内阁 จึงเป็นที่มาของการเรียกขาน เหยียนซื่อฟานว่า ‘เสี่ยวเก๋อเหล่า’) ในละครมีฉากที่เหยียนซื่อฟานได้ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาและมีการถกกันว่าเป็นภาพของแท้หรือไม่

    Storyฯ เคยเขียนถึงภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาแล้วตอนที่คุยกันเกี่ยวกับละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> แต่วันนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติม ขอถอดบทสนทนาจากในละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> มาดังนี้
    ... “ได้ยินมาว่าจางเจ๋อตวนใช้เวลาหนึ่งปีก็วาดภาพม้วนยาวนี้เสร็จ นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถหายาก... ท่านใต้เท่าสวี่... เชิญท่านลองคุยๆ ดูภาพนี้จริงปลอมหรือไม่อย่างไร” เหยียนซงกล่าว
    ใต้เท้าสวี่เอ่ย “...ตามที่ข้าน้อยทราบมา ภาพนี้ควรมีลายพระอักษรรูปแบบโซ่วจินขององค์ซ่งฮุยจงเป็นคำว่า ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ห้าอักษร... และมีตราประทับมังกรคู่ อีกทั้งมีบทกลอนนำ ภาพนี้ดูแล้วไม่คล้ายเป็นภาพวาดเลียนแบบ” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ยาว 528 ซม. สูง 24.8 ซม. เป็นหนึ่งในสิบของภาพโบราณที่มีค่าที่สุดของจีน ถูกวาดขึ้นโดยจางเจ๋อตวน เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการวาดภาพนี้จริงหรือไม่ ไม่ปรากฏหลักฐานหรือบันทึกใดกล่าวชัด แต่ภาพนี้เคยตกอยู่ในมือของเหยียนซงจริง! ตอนที่ตระกูลเหยียนถูกลงทัณฑ์และยึดสมบัตินั้น รายชื่อของสมบัติที่ริบได้นั้นยาวถึง 140 หน้ากระดาษและหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ นี้

    จากบันทึกที่พอแกะรอยกันได้ ว่ากันว่าภาพนี้แรกเริ่มถูกนำถวายองค์ซ่งฮุยจง (ค.ศ. 1522-1566) และพระองค์ทรงเขียนชื่อ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ขึ้นบนภาพด้วยอักษรในรูปแบบ ‘โซ่วจิน’ ซึ่งเป็นรูปแบบอักษรที่ทรงคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง (ดูตัวอย่างจากรูป2 ขวา) เป็นที่ถกเถียงกันต่อมาว่าทรงโปรดภาพนี้หรือไม่เพราะมันไม่ได้ถูกเก็บไว้ในท้องพระคลังแต่ถูกพระราชทานให้ขุนนาง

    หลังจากนั้น ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ผ่านการเดินทางอย่างโชกโชน ในช่วงที่ราชวงศ์จินยึดแผ่นดินซ่งได้สำเร็จนั้น ว่ากันว่ามันถูกเก็บเข้าท้องพระคลังและถูกยักยอกออกมาขายทอดตลาด เป็นช่วงที่มีการเขียนบทนำลงไปหน้าภาพ ต่อมาในสมัยหยวนก็ถูกซื้อเก็บเข้าท้องพระคลังอีกครั้งและถูกยักยอกออกมาขายอีก มีการเสาะหามันเรื่อยมาจนตกมาอยู่ในมือของเหยียนซงในสมัยหมิง โดยที่ก่อนหน้านั้นปรากฏงานลอกเลียนแบบออกมาจำนวนไม่น้อย ต่อมามันถูกริบเป็นสมบัติหลวงอีกครั้งโดยมีการลบตราประทับที่แสดงความเป็นเจ้าของของตระกูลเหยียนออกจากภาพ หลังจากนั้นมันถูกเปลี่ยนมือไปมาในแวดวงขุนนาง โดยไม่แน่ว่าเป็นการได้รับพระราชทานหรือยักยอก และปรากฏบทความนำหน้าภาพขึ้นมาเพิ่มอีก โดยที่ลายพระหัตถ์ขององค์หมิงซื่อจงไม่ทราบว่าหายไปจากภาพตั้งแต่เมื่อใด ผู้ที่ถือครองครั้งสุดท้ายว่ากันว่าคือขันทีนามว่า ‘เฝิงเป่า’ ซึ่งต่อมาถูกลงทัณฑ์ริบสมบัติ

    ภาพนี้หายสาบสูญไปนานกว่าสองร้อยปี แน่นอนว่ามีภาพปลอมจำนวนไม่น้อยปรากฏขึ้น และภาพที่เชื่อว่าเป็นฉบับจริงนี้ปรากฏในตลาดและมาถึงมือของพิพิธภัณฑ์มณฑลเหลียวหนิงในปีค.ศ. 1950 ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับลู่อี้: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid0QA8xxCRgWSD6jP6PexAdnrZmEdGAHVxGTu3UXj3CpZfkovdY37ft9rQbauD6KfQzl
    บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับชิงหมิงซ่างเหอถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid01MbyBtawx6X9xEHogRvHY8NesM2MVWHUBgYeuujQnFrPFA39dgddSihm4jjXrfiPl

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://www.zgsshh.com/Works_body.asp?id=1190&amp;qx=137
    http://www.fengxuelin.com/tougao/16546.html
    http://ent.sina.com.cn/v/m/2017-10-12/doc-ifymviyp0369720.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2010/06-21/2352544.shtml
    http://collection.sina.com.cn/jczs/2016-10-26/doc-ifxwztrt0466746.shtml
    https://baike.baidu.com/item/瘦金体/884949

    #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ชิงหมิงซ่างเหอถู #เหยียนซื่อฟาน #ซ่งฮุยจง #อักษรโซ่วจิน
    เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยจำได้ว่า Storyฯ เคยเขียนว่าพระเอกในเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> ‘ลู่อี้’ นั้นมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ วันนี้มาคุยกันกับเกร็ดประวัติศาสตร์จากละครเรื่องนี้ที่ Storyฯ เพิ่งได้กลับมาตั้งใจดูอีกครั้งและพบว่าตัวเองตกหล่นรายละเอียดไปไม่น้อย เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้อาจพอจำได้ว่าในเนื้อเรื่องมีตัวร้ายคือ ‘เหยียนซื่อฟาน’ ซึ่งเป็นลูกชายของขุนนางตัวโกงนาม ‘เหยียนซง’ ซึ่งทั้งสองคนนี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ในรัชสมัยขององค์หมิงซื่อจงแห่งราชวง์หมิง โดยเหยียนซงรับตำแหน่งหัวหน้าของคณะขุนนางสูงสุดหรือที่เรียกว่า ‘เน่ยเก๋อ’ (内阁 จึงเป็นที่มาของการเรียกขาน เหยียนซื่อฟานว่า ‘เสี่ยวเก๋อเหล่า’) ในละครมีฉากที่เหยียนซื่อฟานได้ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาและมีการถกกันว่าเป็นภาพของแท้หรือไม่ Storyฯ เคยเขียนถึงภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ มาแล้วตอนที่คุยกันเกี่ยวกับละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> แต่วันนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติม ขอถอดบทสนทนาจากในละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> มาดังนี้ ... “ได้ยินมาว่าจางเจ๋อตวนใช้เวลาหนึ่งปีก็วาดภาพม้วนยาวนี้เสร็จ นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถหายาก... ท่านใต้เท่าสวี่... เชิญท่านลองคุยๆ ดูภาพนี้จริงปลอมหรือไม่อย่างไร” เหยียนซงกล่าว ใต้เท้าสวี่เอ่ย “...ตามที่ข้าน้อยทราบมา ภาพนี้ควรมีลายพระอักษรรูปแบบโซ่วจินขององค์ซ่งฮุยจงเป็นคำว่า ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ห้าอักษร... และมีตราประทับมังกรคู่ อีกทั้งมีบทกลอนนำ ภาพนี้ดูแล้วไม่คล้ายเป็นภาพวาดเลียนแบบ” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ภาพวาด ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ยาว 528 ซม. สูง 24.8 ซม. เป็นหนึ่งในสิบของภาพโบราณที่มีค่าที่สุดของจีน ถูกวาดขึ้นโดยจางเจ๋อตวน เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการวาดภาพนี้จริงหรือไม่ ไม่ปรากฏหลักฐานหรือบันทึกใดกล่าวชัด แต่ภาพนี้เคยตกอยู่ในมือของเหยียนซงจริง! ตอนที่ตระกูลเหยียนถูกลงทัณฑ์และยึดสมบัตินั้น รายชื่อของสมบัติที่ริบได้นั้นยาวถึง 140 หน้ากระดาษและหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ นี้ จากบันทึกที่พอแกะรอยกันได้ ว่ากันว่าภาพนี้แรกเริ่มถูกนำถวายองค์ซ่งฮุยจง (ค.ศ. 1522-1566) และพระองค์ทรงเขียนชื่อ ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ขึ้นบนภาพด้วยอักษรในรูปแบบ ‘โซ่วจิน’ ซึ่งเป็นรูปแบบอักษรที่ทรงคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง (ดูตัวอย่างจากรูป2 ขวา) เป็นที่ถกเถียงกันต่อมาว่าทรงโปรดภาพนี้หรือไม่เพราะมันไม่ได้ถูกเก็บไว้ในท้องพระคลังแต่ถูกพระราชทานให้ขุนนาง หลังจากนั้น ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ผ่านการเดินทางอย่างโชกโชน ในช่วงที่ราชวงศ์จินยึดแผ่นดินซ่งได้สำเร็จนั้น ว่ากันว่ามันถูกเก็บเข้าท้องพระคลังและถูกยักยอกออกมาขายทอดตลาด เป็นช่วงที่มีการเขียนบทนำลงไปหน้าภาพ ต่อมาในสมัยหยวนก็ถูกซื้อเก็บเข้าท้องพระคลังอีกครั้งและถูกยักยอกออกมาขายอีก มีการเสาะหามันเรื่อยมาจนตกมาอยู่ในมือของเหยียนซงในสมัยหมิง โดยที่ก่อนหน้านั้นปรากฏงานลอกเลียนแบบออกมาจำนวนไม่น้อย ต่อมามันถูกริบเป็นสมบัติหลวงอีกครั้งโดยมีการลบตราประทับที่แสดงความเป็นเจ้าของของตระกูลเหยียนออกจากภาพ หลังจากนั้นมันถูกเปลี่ยนมือไปมาในแวดวงขุนนาง โดยไม่แน่ว่าเป็นการได้รับพระราชทานหรือยักยอก และปรากฏบทความนำหน้าภาพขึ้นมาเพิ่มอีก โดยที่ลายพระหัตถ์ขององค์หมิงซื่อจงไม่ทราบว่าหายไปจากภาพตั้งแต่เมื่อใด ผู้ที่ถือครองครั้งสุดท้ายว่ากันว่าคือขันทีนามว่า ‘เฝิงเป่า’ ซึ่งต่อมาถูกลงทัณฑ์ริบสมบัติ ภาพนี้หายสาบสูญไปนานกว่าสองร้อยปี แน่นอนว่ามีภาพปลอมจำนวนไม่น้อยปรากฏขึ้น และภาพที่เชื่อว่าเป็นฉบับจริงนี้ปรากฏในตลาดและมาถึงมือของพิพิธภัณฑ์มณฑลเหลียวหนิงในปีค.ศ. 1950 ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับลู่อี้: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid0QA8xxCRgWSD6jP6PexAdnrZmEdGAHVxGTu3UXj3CpZfkovdY37ft9rQbauD6KfQzl บทความของ Storyฯ เกี่ยวกับชิงหมิงซ่างเหอถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid01MbyBtawx6X9xEHogRvHY8NesM2MVWHUBgYeuujQnFrPFA39dgddSihm4jjXrfiPl Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://www.zgsshh.com/Works_body.asp?id=1190&amp;qx=137 http://www.fengxuelin.com/tougao/16546.html http://ent.sina.com.cn/v/m/2017-10-12/doc-ifymviyp0369720.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2010/06-21/2352544.shtml http://collection.sina.com.cn/jczs/2016-10-26/doc-ifxwztrt0466746.shtml https://baike.baidu.com/item/瘦金体/884949 #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ชิงหมิงซ่างเหอถู #เหยียนซื่อฟาน #ซ่งฮุยจง #อักษรโซ่วจิน
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์:

    ▪️ ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น

    ▪️ ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน

    ▪️ ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที)

    ▪️ จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ

    ▪️ ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์
    .

    ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ:

    ▪️ กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    ▪️ กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    ▪️ เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว

    ▪️ ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก

    ▪️กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ

    ▪️ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน)

    ▪️นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์: ▪️ ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น ▪️ ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน ▪️ ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที) ▪️ จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ ▪️ ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์ . ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ: ▪️ กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว ▪️ ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก ▪️กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ ▪️ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน) ▪️นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    0 Comments 0 Shares 186 Views 24 0 Reviews
  • ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู

    ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้

    ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย

    อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด

    ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน

    #Newskit
    ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • "เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน"

    เรียกเสียงวิจารณ์ในสังคม ถึงมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย คราวนี้เป็นคิวของผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน โดยอ้างว่ามีความพร้อมรู้ทางเทคโนโลยี ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 10 มี.ค. เห็นชอบหลักการดังกล่าว ซึ่งครั้งนี้แจกเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล วอลเล็ต บนแอปพลิเคชันทางรัฐ คาดว่าจะดำเนินการในช่วงปลายไตรมาส 2 ควบไตรมาส 3 ของปี 2568

    ส่วนกลุ่มอายุ 21-59 ปี ที่ยังไม่ได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้กันเงินไว้ 150,000 ล้านบาท มีกระสุนไว้เพียงพอ มีไว้เยอะ รัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ยืนยันว่าการเลือกแจกกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายในแบบนี้ ด้วยจำนวนเงินช่วงเวลาที่เหมาะสม

    อย่างไรก็ตาม การแจกเงินหมื่นเฟสนี้กลายเป็นที่สับสนแก่สังคม เพราะทีแรกแถลงข่าวว่า สามารถจ่ายค่าเทอมได้ แต่วันต่อมา กลับกล่าวว่าไม่ได้ เพราะค่าเทอม ค่าโทรศัพท์มือถือ และค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ถือว่าเป็นค่าบริการ ไม่รวมอยู่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังก็อ้างว่าสื่อถามเร็วไปหน่อย ประจัญหน้าไปหน่อย คราวหน้าส่งคำถามมาก่อน อย่างไรก็ตาม ยังคงสามารถนำเงินไปใช้ซื้อสินค้าประเภทอื่นได้อยู่แล้ว

    ไม่นับรวมเสียงวิจารณ์จากสังคม โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่รอรัฐบาลแจกเงินแล้วยังไม่ได้ และผลพิสูจน์โครงการแจกเงิน 2 เฟสที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ 14.5 ล้านคน และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 3.02 ล้านคน รวม 17.5 ล้านคน แม้จะเป็นการโอนเงินสดเข้าบัญชีธนาคาร ผ่านระบบพร้อมเพย์เลขที่บัตรประชาชนก็ตาม ก็ไม่ได้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ธนาคารโลก (World Bank) ยังระบุว่ากระตุ้น GDP ได้เพียง 0.3% แต่มีต้นทุนทางการคลังสูงถึง 145,000 ล้านบาท หรือ 0.8% ของ GDP

    ขณะที่ชาวเน็ตยังคงแชร์ดิจิทัลฟุตปรินต์ แล้ววิจารณ์อย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นเป็นคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวในรายการ CARE Talk เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 ระบุว่า "เติมเศรษฐกิจให้แข็งแรง ทำอะไรกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน ถ้ามีปัญญาเขาไม่แจก เขาใช้เงินไปสร้างเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจแข็งแรง ทำเรื่องง่าย หรือยังขายวัคซีนไม่จบ" ซึ่งเป็นการแซะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่กลายเป็นว่าพอพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี กลับทำเสียเอง

    #Newskit
    "เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน" เรียกเสียงวิจารณ์ในสังคม ถึงมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย คราวนี้เป็นคิวของผู้ที่มีอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน โดยอ้างว่ามีความพร้อมรู้ทางเทคโนโลยี ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 10 มี.ค. เห็นชอบหลักการดังกล่าว ซึ่งครั้งนี้แจกเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล วอลเล็ต บนแอปพลิเคชันทางรัฐ คาดว่าจะดำเนินการในช่วงปลายไตรมาส 2 ควบไตรมาส 3 ของปี 2568 ส่วนกลุ่มอายุ 21-59 ปี ที่ยังไม่ได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้กันเงินไว้ 150,000 ล้านบาท มีกระสุนไว้เพียงพอ มีไว้เยอะ รัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า ยืนยันว่าการเลือกแจกกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายในแบบนี้ ด้วยจำนวนเงินช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การแจกเงินหมื่นเฟสนี้กลายเป็นที่สับสนแก่สังคม เพราะทีแรกแถลงข่าวว่า สามารถจ่ายค่าเทอมได้ แต่วันต่อมา กลับกล่าวว่าไม่ได้ เพราะค่าเทอม ค่าโทรศัพท์มือถือ และค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ถือว่าเป็นค่าบริการ ไม่รวมอยู่ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังก็อ้างว่าสื่อถามเร็วไปหน่อย ประจัญหน้าไปหน่อย คราวหน้าส่งคำถามมาก่อน อย่างไรก็ตาม ยังคงสามารถนำเงินไปใช้ซื้อสินค้าประเภทอื่นได้อยู่แล้ว ไม่นับรวมเสียงวิจารณ์จากสังคม โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่รอรัฐบาลแจกเงินแล้วยังไม่ได้ และผลพิสูจน์โครงการแจกเงิน 2 เฟสที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ 14.5 ล้านคน และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 3.02 ล้านคน รวม 17.5 ล้านคน แม้จะเป็นการโอนเงินสดเข้าบัญชีธนาคาร ผ่านระบบพร้อมเพย์เลขที่บัตรประชาชนก็ตาม ก็ไม่ได้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ธนาคารโลก (World Bank) ยังระบุว่ากระตุ้น GDP ได้เพียง 0.3% แต่มีต้นทุนทางการคลังสูงถึง 145,000 ล้านบาท หรือ 0.8% ของ GDP ขณะที่ชาวเน็ตยังคงแชร์ดิจิทัลฟุตปรินต์ แล้ววิจารณ์อย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นเป็นคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวในรายการ CARE Talk เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 ระบุว่า "เติมเศรษฐกิจให้แข็งแรง ทำอะไรกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาเงินไปแจกผมว่าปัญญาอ่อน ถ้ามีปัญญาเขาไม่แจก เขาใช้เงินไปสร้างเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจแข็งแรง ทำเรื่องง่าย หรือยังขายวัคซีนไม่จบ" ซึ่งเป็นการแซะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่กลายเป็นว่าพอพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี กลับทำเสียเอง #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • เห็นใจแต่หนี้ต้องจ่ายเอง ส.ฟุตบอลไม่ล่มของบได้ : [NEWS UPDATE]

    นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยกรณีนางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงความอัดอั้นตันใจถึงผู้บริหารสมาคมชุดเก่า โดยเฉพาะการแพ้คดีสยามสปอร์ต ต้องชดใช้หนี้ 360 ล้านบาท ให้กำลังใจนายกสมาคมฟุตบอล และเห็นใจว่าเข้ามาภายใต้ภาวะที่ทุกคนทราบดี แต่หนี้เป็นเรื่องที่สมาคมต้องรับผิดชอบ ยืนยัน ไม่ต้องกังวลจะกระทบฟุตบอลทีมชาติไทย และไม่ต้องกลัวสมาคมฟุตบอลจะล่ม เพราะมีมาตรการสนับสนุน สามารถของบพัฒนาได้ ยกเว้นชำระหนี้ให้ เพราะงบของกระทรวงท่องเที่ยว ถูกตั้งเป็นงบปกติ ไม่ได้ตั้งไว้เพื่อใช้หนี้ ยอมรับ มีปัญหาขั้นตอน​การเบิก​จ่าย เตรียมปรับปรุงทั้งหมด​ให้จ่ายเป็นก้อนได้​ เพื่อให้ไปบริหารจัดการเอง​ ไม่ใช่จ่ายเป็นรายโปรแกรมการแข่งขัน

    -ถามหาสปิริต ก.แรงงาน

    -รพ.รามาแจ้งลดผู้ป่วย

    -ตีตกวินิจฉัยคุณสมบัติรมต.

    -สหรัฐอยากทำอะไรทำเลย
    เห็นใจแต่หนี้ต้องจ่ายเอง ส.ฟุตบอลไม่ล่มของบได้ : [NEWS UPDATE] นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยกรณีนางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงความอัดอั้นตันใจถึงผู้บริหารสมาคมชุดเก่า โดยเฉพาะการแพ้คดีสยามสปอร์ต ต้องชดใช้หนี้ 360 ล้านบาท ให้กำลังใจนายกสมาคมฟุตบอล และเห็นใจว่าเข้ามาภายใต้ภาวะที่ทุกคนทราบดี แต่หนี้เป็นเรื่องที่สมาคมต้องรับผิดชอบ ยืนยัน ไม่ต้องกังวลจะกระทบฟุตบอลทีมชาติไทย และไม่ต้องกลัวสมาคมฟุตบอลจะล่ม เพราะมีมาตรการสนับสนุน สามารถของบพัฒนาได้ ยกเว้นชำระหนี้ให้ เพราะงบของกระทรวงท่องเที่ยว ถูกตั้งเป็นงบปกติ ไม่ได้ตั้งไว้เพื่อใช้หนี้ ยอมรับ มีปัญหาขั้นตอน​การเบิก​จ่าย เตรียมปรับปรุงทั้งหมด​ให้จ่ายเป็นก้อนได้​ เพื่อให้ไปบริหารจัดการเอง​ ไม่ใช่จ่ายเป็นรายโปรแกรมการแข่งขัน -ถามหาสปิริต ก.แรงงาน -รพ.รามาแจ้งลดผู้ป่วย -ตีตกวินิจฉัยคุณสมบัติรมต. -สหรัฐอยากทำอะไรทำเลย
    Angry
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 525 Views 37 0 Reviews
  • เรากำลังอยู่ในยุคของ มาร มีอำนาจ ในการทำลายล้างเผ่าพันธ์ุมนุษย์ชาติ ด้วยวิธีแยบยล คนส่วนมากไม่อาจเข้าใจในความเป็นจริงได้
    ที่เห็นเด่นชัดคือ การสร้างเชื้อโรคขึ้นมา
    กลืนกินชีวิตมนุษย์ แล้วแกล้งสร้างวิธีรักษา ป้องกันจากปลายเข็มขึ้นมา แอบนำพิษร้ายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อย่างคาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้
    สายธรรมแห่งจักรวาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ
    ได้มีการส่งสารแร่ธรรมชาติจากธาตุเงิน และทองคำ มาให้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อล้างพิษจากโรคที่จะมาบั่นทอนชีวิตมนุษย์
    ดังนั้น น้ำที่เกิดจากธาตุเงิน และทองคำ
    ด้วยกรรมวิธี จึงเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยรักษาชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอดปลอดภัย
    จากเชื้อโรคร้ายดังกล่าว
    เรากำลังอยู่ในยุคของ มาร มีอำนาจ ในการทำลายล้างเผ่าพันธ์ุมนุษย์ชาติ ด้วยวิธีแยบยล คนส่วนมากไม่อาจเข้าใจในความเป็นจริงได้ ที่เห็นเด่นชัดคือ การสร้างเชื้อโรคขึ้นมา กลืนกินชีวิตมนุษย์ แล้วแกล้งสร้างวิธีรักษา ป้องกันจากปลายเข็มขึ้นมา แอบนำพิษร้ายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อย่างคาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ สายธรรมแห่งจักรวาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการส่งสารแร่ธรรมชาติจากธาตุเงิน และทองคำ มาให้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อล้างพิษจากโรคที่จะมาบั่นทอนชีวิตมนุษย์ ดังนั้น น้ำที่เกิดจากธาตุเงิน และทองคำ ด้วยกรรมวิธี จึงเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยรักษาชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอดปลอดภัย จากเชื้อโรคร้ายดังกล่าว
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • ภูมิภาค Krivoy Rog (Kryvyi Rih) ของยูเครน กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธ "Iskander" โจมตีที่โรงแรม "Druzhba" เป็นที่ทราบกันดีว่า ฐานบัญชาการชั่วคราวทางทหารของยูเครนมักถูกเรียกว่า "โรงแรม" ซึ่งโดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นฐานทัพทหารรับจ้างและเจ้าหน้าที่นาโต

    รายงานเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 1 ราย

    โรงแรมแห่งนี้เคยถูกโจมตีมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2024

    ตามรายงาน เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นวันที่ 12 มีนาคม ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งใหญ่จากรัสเซียอีกครั้ง หลังจากยูเครนยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ที่เสนอโดยสหรัฐในการประชุมที่ซาอุดิอาระเบีย
    ภูมิภาค Krivoy Rog (Kryvyi Rih) ของยูเครน กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธ "Iskander" โจมตีที่โรงแรม "Druzhba" เป็นที่ทราบกันดีว่า ฐานบัญชาการชั่วคราวทางทหารของยูเครนมักถูกเรียกว่า "โรงแรม" ซึ่งโดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นฐานทัพทหารรับจ้างและเจ้าหน้าที่นาโต รายงานเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 1 ราย โรงแรมแห่งนี้เคยถูกโจมตีมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ตามรายงาน เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นวันที่ 12 มีนาคม ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งใหญ่จากรัสเซียอีกครั้ง หลังจากยูเครนยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ที่เสนอโดยสหรัฐในการประชุมที่ซาอุดิอาระเบีย
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗

    เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด!

    🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨

    🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล!

    ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱

    🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨

    3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ?
    - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์
    - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์
    - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์

    รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸

    การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน

    🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง...

    นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨

    🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก
    - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม
    - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี
    - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์
    - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู

    ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ!

    ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡

    🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️

    4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊
    1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
    2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
    3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
    4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

    ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"!

    🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้!

    คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย

    คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท

    ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้

    นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน

    จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง

    บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้

    มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568

    🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗 เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด! 🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨 🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล! ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱 🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨 3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ? - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸 การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน 🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง... นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨 🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์ - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ! ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡 🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️ 4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊 1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี 2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี 3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี 4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"! 🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้! คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้ นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้ มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568 🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • จากประเด็นดราม่าของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฯ คนปัจจุบัน ออกมาแฉวีรกรรมของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกฯ คนก่อน ถึงการทุจริตภายในองค์กรหลากหลายเรื่อง ล่าสุดเว็บไซต์ Sanook Money ได้ตรวจสอบข้อมูลที่รวบรวมรายชื่อบริษัทของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จากฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปรากฎว่า "บิ๊กอ๊อด" มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท 4 แห่ง ถือหุ้น 11 รายการ มูลค่าทั้งหมด 730,542,041 บาท ดังนี้ 1.บริษัท กู๊ด เบทเทอร์ เบสท์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท และถือหุ้นจำนวน 2,507,000 หุ้น (99.88%) มูลค่าหุ้น 250,669,251 บาท ดำเนินธุรกิจการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 251,000,0002.บริษัท พระแสงกรีน พาวเวอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2555 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 77,000,000 บาท 3.บริษัท เมดิคอล แอนด์ ฟู๊ด แลบ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2535 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 390,500,000 บาท4.บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ รีโวลูชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2558 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจกิจกรรมด้านวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท ขณะเดียวกันยังมีการเปิดเผยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยังมีการถือหุ้นบริษัทอีกหลายแห่งด้วยกัน ดังนี้ - บริษัท ออลล์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจกิจกรรมของบริษัทโฮลดิ้ง พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 266,375,434 หุ้น (5.18%) มูลค่าหุ้น 136,042,664 บาท- บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 31,043,914 หุ้น (5.99%) มูลค่าหุ้น 86,749,286 บาท- บริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด ดำเนินธุรกิจการให้เช่า การขาย การซื้อและการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 10,187,600 หุ้น (50.94%) มูลค่าหุ้น 76,891,474 บาท- บริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการค้าน้ำดื่ม น้ำแร่ น้ำดิบ และเครื่องบริโภคอื่น พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 610,000 หุ้น (8.09%) มูลค่าหุ้น 49,748,675 บาท- บริษัท อาร์เอสเอ็กซ์วายแซด จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเคมีภัณฑ์ พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 15,000,000 หุ้น (4.53%) มูลค่าหุ้น 46,067,090 บาท- บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการออกแบบและติดตั้งระบบสื่อสารโทรคมนาคมและจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 14,290,500 หุ้น (1.42%) มูลค่าหุ้น 44,244,603 บาท- บริษัท พีแอนด์วี คอร์ปอเรชั่น ซิสเต็ม จำกัด ดำเนินธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 365,000 หุ้น (11.06%) มูลค่าหุ้น 36,437,810 บาท- ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.พุ่มพันธุ์ม่วง ดำเนินธุรกิจกิจกรรมการบริการอื่นๆเพื่อสนับสนุนธุรกิจซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ ในที่อื่น พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 500,000 หุ้น (50.00%) มูลค่าหุ้น 1,845,670 บาท- บริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจขายและบริการโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์โทรศัพท์ พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 85,448,200 หุ้น (0.58%) มูลค่าหุ้น 1,153,637 บาท- บริษัท เขาใหญ่ กรีน จำกัด ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการทำการเกษตร พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 7,000 หุ้น (70.00%) มูลค่าหุ้น 691,881 บาทขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ Sanook
    จากประเด็นดราม่าของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฯ คนปัจจุบัน ออกมาแฉวีรกรรมของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกฯ คนก่อน ถึงการทุจริตภายในองค์กรหลากหลายเรื่อง ล่าสุดเว็บไซต์ Sanook Money ได้ตรวจสอบข้อมูลที่รวบรวมรายชื่อบริษัทของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จากฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ปรากฎว่า "บิ๊กอ๊อด" มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท 4 แห่ง ถือหุ้น 11 รายการ มูลค่าทั้งหมด 730,542,041 บาท ดังนี้ 1.บริษัท กู๊ด เบทเทอร์ เบสท์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท และถือหุ้นจำนวน 2,507,000 หุ้น (99.88%) มูลค่าหุ้น 250,669,251 บาท ดำเนินธุรกิจการซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 251,000,0002.บริษัท พระแสงกรีน พาวเวอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2555 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 77,000,000 บาท 3.บริษัท เมดิคอล แอนด์ ฟู๊ด แลบ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2535 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 390,500,000 บาท4.บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ รีโวลูชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2558 พบรายชื่อนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจกิจกรรมด้านวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท ขณะเดียวกันยังมีการเปิดเผยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยังมีการถือหุ้นบริษัทอีกหลายแห่งด้วยกัน ดังนี้ - บริษัท ออลล์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจกิจกรรมของบริษัทโฮลดิ้ง พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 266,375,434 หุ้น (5.18%) มูลค่าหุ้น 136,042,664 บาท- บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 31,043,914 หุ้น (5.99%) มูลค่าหุ้น 86,749,286 บาท- บริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด ดำเนินธุรกิจการให้เช่า การขาย การซื้อและการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 10,187,600 หุ้น (50.94%) มูลค่าหุ้น 76,891,474 บาท- บริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการค้าน้ำดื่ม น้ำแร่ น้ำดิบ และเครื่องบริโภคอื่น พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 610,000 หุ้น (8.09%) มูลค่าหุ้น 49,748,675 บาท- บริษัท อาร์เอสเอ็กซ์วายแซด จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเคมีภัณฑ์ พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 15,000,000 หุ้น (4.53%) มูลค่าหุ้น 46,067,090 บาท- บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการออกแบบและติดตั้งระบบสื่อสารโทรคมนาคมและจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 14,290,500 หุ้น (1.42%) มูลค่าหุ้น 44,244,603 บาท- บริษัท พีแอนด์วี คอร์ปอเรชั่น ซิสเต็ม จำกัด ดำเนินธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 365,000 หุ้น (11.06%) มูลค่าหุ้น 36,437,810 บาท- ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.พุ่มพันธุ์ม่วง ดำเนินธุรกิจกิจกรรมการบริการอื่นๆเพื่อสนับสนุนธุรกิจซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ ในที่อื่น พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 500,000 หุ้น (50.00%) มูลค่าหุ้น 1,845,670 บาท- บริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจขายและบริการโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์โทรศัพท์ พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 85,448,200 หุ้น (0.58%) มูลค่าหุ้น 1,153,637 บาท- บริษัท เขาใหญ่ กรีน จำกัด ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการทำการเกษตร พบนายสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถือหุ้นจำนวน 7,000 หุ้น (70.00%) มูลค่าหุ้น 691,881 บาทขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ Sanook
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • ส.ฟุตบอลยุค "สมยศ" เละ! พบพิรุธฟอกเงิน 30 ล้าน : [THE MESSAGE]

    นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผย เตรียมยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล หลังศาลฎีกาตัดสินให้ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ชนะคดีการยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดไม่เป็นธรรม ทำให้สมาคมต้องชดใช้เงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย พบพิรุธการจ่ายเงินของสมาคมชุดเก่าให้ทนายความในชั้นฎีกา 30 ล้านบาท ในคดีพิพาทกับสยามสปอร์ต ตามหลักฐานทนายเรียกเงินค่าจ้างในศาลชั้นต้น 700,000 บาท ชั้นต่อๆ ไป 300,000 บาท ตั้งข้อสงสัยอาจฉ้อโกงฟอกเงิน ให้ทีมกฏหมายดำเนินการซึ่งอาจฟ้องร้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนการตรวจงบการเงินมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27 ล้านบาท มีหนี้สินที่ต้องชำระ 132 ล้านบาท ซึ่งมาจากยุค พล.ต.อ.สมยศ ที่กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่ามาใช้ในกิจการของสมาคม 5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 155 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี ส่งผลให้สมาคมจะถูกตัดเงินไปจนถึงปี 2573
    ส.ฟุตบอลยุค "สมยศ" เละ! พบพิรุธฟอกเงิน 30 ล้าน : [THE MESSAGE] นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผย เตรียมยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล หลังศาลฎีกาตัดสินให้ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ชนะคดีการยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดไม่เป็นธรรม ทำให้สมาคมต้องชดใช้เงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย พบพิรุธการจ่ายเงินของสมาคมชุดเก่าให้ทนายความในชั้นฎีกา 30 ล้านบาท ในคดีพิพาทกับสยามสปอร์ต ตามหลักฐานทนายเรียกเงินค่าจ้างในศาลชั้นต้น 700,000 บาท ชั้นต่อๆ ไป 300,000 บาท ตั้งข้อสงสัยอาจฉ้อโกงฟอกเงิน ให้ทีมกฏหมายดำเนินการซึ่งอาจฟ้องร้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนการตรวจงบการเงินมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27 ล้านบาท มีหนี้สินที่ต้องชำระ 132 ล้านบาท ซึ่งมาจากยุค พล.ต.อ.สมยศ ที่กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่ามาใช้ในกิจการของสมาคม 5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 155 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี ส่งผลให้สมาคมจะถูกตัดเงินไปจนถึงปี 2573
    Like
    Love
    Sad
    6
    0 Comments 1 Shares 574 Views 45 1 Reviews
More Results