• เจ้าของโรงงานสุดเจ๋ง แรงงานกลับเขมร เธอง้อซะที่ไหน (25/8/68)

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #แรงงานเขมร
    #เจ้าของโรงงาน
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ThailandPolitics
    #แรงงานต่างด้าว
    #ข่าวด่วน
    #เศรษฐกิจไทย
    เจ้าของโรงงานสุดเจ๋ง แรงงานกลับเขมร เธอง้อซะที่ไหน (25/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #แรงงานเขมร #เจ้าของโรงงาน #ThaiTimes #news1 #shorts #ThailandPolitics #แรงงานต่างด้าว #ข่าวด่วน #เศรษฐกิจไทย
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 0 Reviews
  • SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate

    SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า

    แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง

    SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที

    นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน
    โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า
    Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank
    โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate
    โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน
    SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม
    โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank
    Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ
    SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI
    การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia
    Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank
    โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
    SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    🏗️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอ: จุดเริ่มต้นของจักรวาล AI ชื่อ Stargate SoftBank ได้ซื้อโรงงานขนาดใหญ่ในเมือง Lordstown รัฐโอไฮโอ จาก Foxconn ด้วยมูลค่า $375 ล้าน โรงงานนี้มีพื้นที่กว่า 6.2 ล้านตารางฟุต เดิมใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI และอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้านในหลายปีข้างหน้า แม้ว่า SoftBank จะเป็นเจ้าของโรงงาน แต่ Foxconn จะยังคงเป็นผู้ดำเนินการผลิต โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในรูปแบบพันธมิตรระยะยาว จุดเด่นของโรงงานนี้คือมีพลังงานไฟฟ้าสำรองมหาศาล และพื้นที่ขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งเหมาะกับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ต้องใช้พลังงานสูง SoftBank ยังอยู่ระหว่างการเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล Stargate โดยพิจารณาจากแหล่งพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ซึ่งเมื่อสถานที่พร้อม โรงงานในโอไฮโอก็จะเป็นแหล่งผลิตเครื่องจักรหลักทันที นอกจากนี้ SoftBank ยังถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปอย่าง Ampere และ Graphcore ซึ่งอาจนำชิปของตนมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อลดการพึ่งพา Nvidia ที่ปัจจุบันครองตลาดอยู่ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ SoftBank ซื้อโรงงาน Foxconn ในโอไฮโอด้วยมูลค่า $375 ล้าน ➡️ โรงงานมีขนาด 6.2 ล้านตารางฟุต ใหญ่กว่าศูนย์ผลิตในฮิวสตันถึง 6 เท่า ➡️ Foxconn จะยังคงดำเนินการผลิต แม้โรงงานเป็นของ SoftBank ➡️ โรงงานจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI สำหรับโครงการ Stargate ➡️ โครงการ Stargate มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ➡️ SoftBank กำลังเลือกสถานที่ตั้งศูนย์ข้อมูล โดยพิจารณาจากพลังงาน น้ำ และโครงสร้างโทรคมนาคม ➡️ โรงงานโอไฮโอจะเป็นฐานผลิตหลักของ Stargate และรับคำสั่งซื้อจาก OpenAI, Oracle และ SoftBank ➡️ Foxconn เป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ➡️ SoftBank เคยประกาศลงทุน $100 พันล้านในโครงการนี้เมื่อเดือนมกราคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ถือหุ้นใน Ampere และ Graphcore ซึ่งผลิตชิปสำหรับ AI ➡️ การใช้ชิปของตัวเองอาจช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia ➡️ Foxconn เคยใช้โรงงานนี้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนขายให้ SoftBank ➡️ โครงการ Stargate ได้รับความสนใจจากธนาคารญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันทั่วโลก ➡️ SoftBank มีบริษัทลูกชื่อ SB Energy ที่พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในสหรัฐฯ ซึ่งอาจใช้เป็นฐานพลังงานให้ Stargate https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/softbank-acquires-foxconns-ohio-facility-to-build-stargate-ai-servers-usd375-million-deal-says-foxconn-will-continue-to-operate-the-plant
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • รองปลัด กทม.เผยสั่งปิดศูนย์พักพิง 4 แห่ง ใกล้เหตุโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไฟไหม้ ย้ายไปวัดสุทธาโภชน์ และที่โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา หลังตรวจพบคุณภาพอากาศยังเต็มไปด้วยสารพิษ

    วันนี้ (12 พ.ค.) นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง ย่านซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้เจ้าของโรงงานเดินทางมาให้ข้อมูลบางส่วนกับเจ้าหน้าที่แล้ว โดยพบว่า ภายในโกดังของโรงงานมีเม็ดพลาสติกมากถึง 300 ตัน หรือราว 300,000 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้เผาไหม้จนเกือบหมดแล้ว และจากการตรวจสอบจุดความร้อนด้านใต้โรงงาน พบว่า ยังคงมีเปลวเพลิงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่บริเวณอาคารหลังที่ 3 อีกประมาณ 20% จึงให้เจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮและเครื่องจักรหนักไปทุบเจาะกำแพงโรงงานทางด้านซ้าย เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถนำสายยางไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้ คาดว่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้ ก่อนจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่ เพราะหากมีฝนตกจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่า เนื่องจากสารพิษจะกระจายออกด้านข้างโรงงานได้ ส่วนโรงงานมีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบว่าเจ้าของมีชื่อเป็นคนไทย และบุคคลที่มาแสดงตัวก็เป็นคนไทยด้วยเช่นกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044300

    #MGROnline #ไฟไหม้ฉลองกรุง55 #โรงงานเฟอนิเจอร์ไฟไหม้
    รองปลัด กทม.เผยสั่งปิดศูนย์พักพิง 4 แห่ง ใกล้เหตุโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไฟไหม้ ย้ายไปวัดสุทธาโภชน์ และที่โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา หลังตรวจพบคุณภาพอากาศยังเต็มไปด้วยสารพิษ • วันนี้ (12 พ.ค.) นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง ย่านซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้เจ้าของโรงงานเดินทางมาให้ข้อมูลบางส่วนกับเจ้าหน้าที่แล้ว โดยพบว่า ภายในโกดังของโรงงานมีเม็ดพลาสติกมากถึง 300 ตัน หรือราว 300,000 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้เผาไหม้จนเกือบหมดแล้ว และจากการตรวจสอบจุดความร้อนด้านใต้โรงงาน พบว่า ยังคงมีเปลวเพลิงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่บริเวณอาคารหลังที่ 3 อีกประมาณ 20% จึงให้เจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮและเครื่องจักรหนักไปทุบเจาะกำแพงโรงงานทางด้านซ้าย เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถนำสายยางไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้ คาดว่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้ ก่อนจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่ เพราะหากมีฝนตกจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่า เนื่องจากสารพิษจะกระจายออกด้านข้างโรงงานได้ ส่วนโรงงานมีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบว่าเจ้าของมีชื่อเป็นคนไทย และบุคคลที่มาแสดงตัวก็เป็นคนไทยด้วยเช่นกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044300 • #MGROnline #ไฟไหม้ฉลองกรุง55 #โรงงานเฟอนิเจอร์ไฟไหม้
    0 Comments 0 Shares 477 Views 0 Reviews
  • เหล็กจีนทำลายโลก
    ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
    ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ?

    เดชา นฤนารท.
    29/3/68 11.20 น.

    ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป

    ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน

    ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม

    ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต

    คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว

    ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2

    และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน

    ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน

    ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก

    ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**

    งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว

    ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร

    ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์

    ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.

    เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง
    เห็นแล้วจะเป็นลม
    ชมรม strong ต้านทุจริต

    เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท
    https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr

    ผ้าพื้นละ 110,000 บาท

    https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr

    พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr

    โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    เหล็กจีนทำลายโลก ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ? เดชา นฤนารท. 29/3/68 11.20 น. ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2 และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน** งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์ ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย. เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง เห็นแล้วจะเป็นลม ชมรม strong ต้านทุจริต เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr ผ้าพื้นละ 110,000 บาท https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 1055 Views 0 Reviews
  • เหล็กจีนทำลายโลก
    ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
    ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ?

    เดชา นฤนารท.
    29/3/68 11.20 น.

    ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป

    ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน

    ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม

    ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต

    คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว

    ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2

    และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน

    ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน

    ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก

    ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**

    งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว

    ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร

    ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์

    ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.

    เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง
    เห็นแล้วจะเป็นลม
    ชมรม strong ต้านทุจริต

    เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท
    https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr

    ผ้าพื้นละ 110,000 บาท

    https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr

    พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr

    โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท
    https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    เหล็กจีนทำลายโลก ประเทศจีนจับได้เมือสายไปแล้ว เหล็กปลอมออกไปหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย ทำไมเกิดขึ้น? ใครเป็นคนรู้เห็นเป็นใจ? เดชา นฤนารท. 29/3/68 11.20 น. ประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีน ทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอม ในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิต คาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว ตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2 และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีน ปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน ผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมาก ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน** งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้ว ส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใคร ต่อด้วย เฟอร์นิเจอร์สวรรค์ ตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย. เปิดราคาคุรุภัณฑ์ อาคาร สตง เห็นแล้วจะเป็นลม ชมรม strong ต้านทุจริต เก้าอี้ตัวละ 97900 บาท https://www.facebook.com/share/1R4ShHo9WC/?mibextid=wwXIfr ผ้าพื้นละ 110,000 บาท https://www.facebook.com/share/15W1c8Xvki/?mibextid=wwXIfr พรมทอมือ nylon ผืนละ 165,000 บาท https://www.facebook.com/share/1AJhURAfQM/?mibextid=wwXIfr โต๊ะกลมทานอาหารตัวละ 90,000 บาท https://www.facebook.com/share/16LKvsMFhi/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 1037 Views 0 Reviews
  • เหล็กจีนทำลายโลกประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีนทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอมในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิตคาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาวตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีนปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐานผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมากข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้วส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใครตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.เดชา นฤนารท.29/3/68 11.20 น.
    เหล็กจีนทำลายโลกประเด็นตึกถล่ม จากบริษัทจีนที่ร่วมมือกับบริษัทอิตาเลียนไทย ยังดูเล็กไป ถ้าคนไทยตื่นรู้ความจริงว่า รัฐบาลจีนได้เข้าทะลายโรงงานผลิตเหล็กปลอมจำนวนมากหลายแห่งในประเทศจีนทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียรายได้ไปมากถึงกว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ เพราะอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในการก่อสร้างของจีนเสียหายไปหลายแห่ง และทำให้จีนเสื่อมเสียความเชื่อมั่นไปทั่วโลก จากการส่งออกเหล็กปลอมในปีที่แล้ว สีจิ้นผิง ใช้ไม้แข็ง สั่งเจ้าหน้าที่ทุกมลฑล เข้ากรวดล้างโรงงานผลิตเหล็กเถื่อนกว่า500แห่ง จนราบคาบ กลายเป็นโรงงานร้าง และดำเนินคดีเจ้าของโรงงานด้วยการสั่งประหาร และจำคุกตลอดชีวิตคาดกันว่ายังมีเหล็กปลอมจากจีนกว่า 60 ล้านตัน หลุดออกไปยังประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ใส่ใจและมีการคอรัปชั่นสูง เช่น ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาวตึกถล่มในไทย เป็นผลงานการก่อสร้างจากกลุ่มบริษัทเดียวกันที่คานเหล็กถล่มลงมาในการก่อสร้างที่ถนนพระราม2และยังมีคอนโดหรูอีกหลายแห่ง ที่ใช้บริการเหล็กปลอมจากจีนปีที่แล้วก็เกิดคานเหล็กร่วงลงมาบ่อยมาก จากการก่อสร้างรถไฟภายใน กทม.เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐานผลจากการเกิดอาฟเตอร์ช็อคในเมียนมาร์ หลังเกิดแผ่นดินไหว ตึกอาคาร บ้านเรือน วัด แม้ไม่ได้สร้างให้สูง ก็พังถล่มลงมาจำนวนมากข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปถึงประเทศจีน คนจีนหลายล้านคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า **นั่นมันต้องเกิดจากเหล็กปลอมที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนแน่นอน**งานนี้บริษัทรับเหมาของบริษัทจีนกับอิตาเลียนไทย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป เพราะเสียเครดิตไปหมดแล้วส่วนข้าราชการไทยกับนักการเมืองไทย ก็จะโบ้ยโทษกันไปมาเหมือนเคย และจะไม่มีใครมาสนใจเหล็กปลอมกว่า 60 ล้านตันของจีน ว่าแจกพรอตมันจะหล่นไปตรงใส่หัวของใครตึก สนง.ของ สตช.ถล่ม แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ก็จะตายตามไปด้วย.เดชา นฤนารท.29/3/68 11.20 น.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 988 Views 0 Reviews
  • ผมไม่เคยลืม“ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ”คนทำชั่วลอบยิงผมแล้วหนีไปอยู่เขมร ผมรอ15ปีเต็มๆ .เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยลืม ให้ผมตายไป ผมก็ยังจะไม่ลืม แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 15 ปีแล้วก็ตาม อีกเดือนกว่าๆ จะครบรอบ16ปีวันที่ 17 เมษายน 2552 ของการลอบสังหารผมบริเวณใกล้ๆ สี่แยกบางขุนพรหม ระหว่างเดินทางไปจัดรายการ Good Morning Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ที่ถนนพระอาทิตย์แล้ว แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปีกว่าแล้ว แต่เหตุการณ์ยังเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้อยู่เลย.ผู้ต้องหาลอบยิงผมนั้นมีอยู่ 3 คน จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ตอนนี้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2556 และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการดักฟังโทรศัพท์อย่างมาก อดีตเคยเป็นคนขับรถของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ครั้งเป็นผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด และ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมรบพิเศษ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี.ล่าสุด มีความคืบหน้าเรื่องหนึ่งในผู้ต้องหาที่ยิงผม คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือชื่อ นายอรรถพล ปาทาน จากแหล่งข่าวที่ผมมีอยู่ในประเทศกัมพูชา เขาบอกว่าเขาเพิ่งเจอมือปืนที่ยิงผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เขาระบุว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นสิบปีแล้ว เปลี่ยนชื่อตัวเองว่า "ฉัตร" มีบัตรประชาชนเป็นพลเมืองกัมพูชาไปแล้ว มีครอบครัว มีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา มีลูกด้วยกันแต่เลิกรากันไปแล้ว และส่งเสียเงินมาเลี้ยงดูลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทย ฐานะการเงินของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในปัจจุบันถือว่าใช้ได้ เพราะทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่ประเทศกัมพูชา มีรถราใช้ เป็นรถยนต์อีซูซุ รุ่น MUX ตอนนี้เห็นว่ารับงานก่อสร้างต่อเติมอยู่ที่กาสิโนฝั่งปอยเปต ของคุณวัฒนา อัศวเหม ที่โดนไฟไหม้ใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2565 สายสืบผมเก็บข้อมูลเชิงลึกเห็นว่า มีนายทุนที่เป็นคนไทย มีแบ็กคอยดูแลอยู่ ชื่อ เสี่ยพัฒน์ เป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลในไทย คอยให้ความช่วยเหลือ เมื่อมกราคม 2568 ปีใหม่ที่ผ่านมา ส.ต.ท.วรวุฒิ บ่นอิจฉาเพื่อนๆว่าได้กลับบ้านเกิด ส่วนตัวคุณไม่มีปัญญาที่จะกลับบ้านเหมือนคนอื่นเขา เบอร์โทรศัพท์ที่ลงด้วยเลขหมาย 197 เป็นของคุณใช่ไหม ตอบผมหน่อย รอรับสายผมนะ ผมรอคุณมา 15 ปีเต็มๆ ผมอยากจะทราบว่านายคุณให้ค่าหัวผมเท่าไรวะ คุณถึงรับงานมายิงผม .ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมจะต้องร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลทุกๆ รัฐบาล คือเรื่องความเป็นธรรมของการดำเนินคดีกับคนที่ลอบฆ่าผม ซึ่งผมรู้ว่าใครเป็นคนลงมือและใครเป็นคนสั่ง ผมก็จะทำเรื่องร้องเรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ว่าบุคคลที่อยู่ภายใต้หมายจับนี้เป็นคนที่ยิงผม และผมมีหลักฐานชัดเจนว่าหลบอยู่ที่กัมพูชา ไม่ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป.คนๆนี้มีหมายจับอยู่แล้ว เวรกรรมตามทันจริงๆ จากนี้ไปเขาคงไม่มีความสุขถ้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าผมรู้ตัวตน รู้แหล่งที่อยู่เขาเรียบร้อยแล้ว เชื่อผมสิ คนทำชั่วหนีไม่พ้นหรอก ในที่สุดจะต้องโดนเวรกรรมลงโทษ ช้าหรือเร็วเท่านั้น "สวัสดีคุณฉัตร" คุณฉัตรครับ ผมยังไม่ลืมคุณ.เผอิญมีตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เรื่องผมโดนยิงกับ หนุ่ม คงกระพัน ทำเป็นรู้เรื่องดี คุยโวโอ้อวดแล้วบอกว่าเป็นคนทำคดีนี้เอง รู้ทุกอย่างนั้น ก็เป็นคนที่ติดตามคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ตำรวจคนนี้ชื่อเล่นว่า "ยาว" พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตเคยเป็นสืบนครบาล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 แต่ชอบมีคนอวยว่าเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มของเมืองไทย ส่วนตัวเองก็อวดอ้างว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ และเผอิญว่าลูกเขยของ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ ชื่ออะไร รู้ไหมท่านผู้ชม ? ชื่อว่า นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ นายปอ หนึ่งในจำเลยคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโมนั่นเอง เผอิญเห็นคุยนักคุยหนาว่าคุณทำคดีที่ลอบยิงผม รู้ทุกเรื่อง แล้วก็เคยบอกว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ น่าเสียดายที่คุณเกษียณอายุไปนานแล้ว 13-14 ปี ไม่อย่างนั้นผมก็อยากให้ไปตามเรื่องให้ผมหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันจะลืม
    ผมไม่เคยลืม“ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ”คนทำชั่วลอบยิงผมแล้วหนีไปอยู่เขมร ผมรอ15ปีเต็มๆ .เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยลืม ให้ผมตายไป ผมก็ยังจะไม่ลืม แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 15 ปีแล้วก็ตาม อีกเดือนกว่าๆ จะครบรอบ16ปีวันที่ 17 เมษายน 2552 ของการลอบสังหารผมบริเวณใกล้ๆ สี่แยกบางขุนพรหม ระหว่างเดินทางไปจัดรายการ Good Morning Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ที่ถนนพระอาทิตย์แล้ว แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปีกว่าแล้ว แต่เหตุการณ์ยังเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้อยู่เลย.ผู้ต้องหาลอบยิงผมนั้นมีอยู่ 3 คน จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ตอนนี้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2556 และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการดักฟังโทรศัพท์อย่างมาก อดีตเคยเป็นคนขับรถของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ครั้งเป็นผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด และ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมรบพิเศษ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี.ล่าสุด มีความคืบหน้าเรื่องหนึ่งในผู้ต้องหาที่ยิงผม คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือชื่อ นายอรรถพล ปาทาน จากแหล่งข่าวที่ผมมีอยู่ในประเทศกัมพูชา เขาบอกว่าเขาเพิ่งเจอมือปืนที่ยิงผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เขาระบุว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นสิบปีแล้ว เปลี่ยนชื่อตัวเองว่า "ฉัตร" มีบัตรประชาชนเป็นพลเมืองกัมพูชาไปแล้ว มีครอบครัว มีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา มีลูกด้วยกันแต่เลิกรากันไปแล้ว และส่งเสียเงินมาเลี้ยงดูลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทย ฐานะการเงินของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในปัจจุบันถือว่าใช้ได้ เพราะทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่ประเทศกัมพูชา มีรถราใช้ เป็นรถยนต์อีซูซุ รุ่น MUX ตอนนี้เห็นว่ารับงานก่อสร้างต่อเติมอยู่ที่กาสิโนฝั่งปอยเปต ของคุณวัฒนา อัศวเหม ที่โดนไฟไหม้ใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2565 สายสืบผมเก็บข้อมูลเชิงลึกเห็นว่า มีนายทุนที่เป็นคนไทย มีแบ็กคอยดูแลอยู่ ชื่อ เสี่ยพัฒน์ เป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลในไทย คอยให้ความช่วยเหลือ เมื่อมกราคม 2568 ปีใหม่ที่ผ่านมา ส.ต.ท.วรวุฒิ บ่นอิจฉาเพื่อนๆว่าได้กลับบ้านเกิด ส่วนตัวคุณไม่มีปัญญาที่จะกลับบ้านเหมือนคนอื่นเขา เบอร์โทรศัพท์ที่ลงด้วยเลขหมาย 197 เป็นของคุณใช่ไหม ตอบผมหน่อย รอรับสายผมนะ ผมรอคุณมา 15 ปีเต็มๆ ผมอยากจะทราบว่านายคุณให้ค่าหัวผมเท่าไรวะ คุณถึงรับงานมายิงผม .ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมจะต้องร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลทุกๆ รัฐบาล คือเรื่องความเป็นธรรมของการดำเนินคดีกับคนที่ลอบฆ่าผม ซึ่งผมรู้ว่าใครเป็นคนลงมือและใครเป็นคนสั่ง ผมก็จะทำเรื่องร้องเรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ว่าบุคคลที่อยู่ภายใต้หมายจับนี้เป็นคนที่ยิงผม และผมมีหลักฐานชัดเจนว่าหลบอยู่ที่กัมพูชา ไม่ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป.คนๆนี้มีหมายจับอยู่แล้ว เวรกรรมตามทันจริงๆ จากนี้ไปเขาคงไม่มีความสุขถ้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าผมรู้ตัวตน รู้แหล่งที่อยู่เขาเรียบร้อยแล้ว เชื่อผมสิ คนทำชั่วหนีไม่พ้นหรอก ในที่สุดจะต้องโดนเวรกรรมลงโทษ ช้าหรือเร็วเท่านั้น "สวัสดีคุณฉัตร" คุณฉัตรครับ ผมยังไม่ลืมคุณ.เผอิญมีตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เรื่องผมโดนยิงกับ หนุ่ม คงกระพัน ทำเป็นรู้เรื่องดี คุยโวโอ้อวดแล้วบอกว่าเป็นคนทำคดีนี้เอง รู้ทุกอย่างนั้น ก็เป็นคนที่ติดตามคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ตำรวจคนนี้ชื่อเล่นว่า "ยาว" พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตเคยเป็นสืบนครบาล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 แต่ชอบมีคนอวยว่าเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มของเมืองไทย ส่วนตัวเองก็อวดอ้างว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ และเผอิญว่าลูกเขยของ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ ชื่ออะไร รู้ไหมท่านผู้ชม ? ชื่อว่า นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ นายปอ หนึ่งในจำเลยคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโมนั่นเอง เผอิญเห็นคุยนักคุยหนาว่าคุณทำคดีที่ลอบยิงผม รู้ทุกเรื่อง แล้วก็เคยบอกว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ น่าเสียดายที่คุณเกษียณอายุไปนานแล้ว 13-14 ปี ไม่อย่างนั้นผมก็อยากให้ไปตามเรื่องให้ผมหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันจะลืม
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1348 Views 0 Reviews
  • TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) และ Broadcom กำลังพิจารณาทำข้อตกลงแยกกิจการของ Intel โดย Broadcom สนใจในส่วนการออกแบบและการตลาดชิป ส่วน TSMC สนใจในโรงงานผลิตชิปของ Intel ข้อตกลงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยเบื้องต้นและยังไม่มีการเสนอข้อเสนออย่างเป็นทางการ

    Intel กำลังเผชิญกับความยากลำบากในการแข่งขันกับ TSMC และบริษัทอื่น ๆ ในตลาดชิป และ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เนื่องจากประสบปัญหาในการดำเนินงานหลายครั้ง รวมถึงการล่าช้าในการผลิตชิป การสูญเสียส่วนแบ่งตลาดชิป AI และการพึ่งพาเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการขยายโรงงาน

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ แม้ว่า Intel จะประสบปัญหาทางการเงิน แต่การที่ TSMC และ Broadcom สนใจที่จะเข้าครอบครองกิจการนั้นยังคงเผชิญกับอุปสรรคใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติและไม่ต้องการให้บริษัทต่างชาติเป็นเจ้าของโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แม้รัฐบาลจะสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ แต่ความสามารถในการผลิตในประเทศของ Intel ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์

    หากการเจรจานี้ดำเนินต่อไป TSMC และ Broadcom อาจต้องหาพันธมิตรในประเทศสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง การแบ่งกิจการของ Intel อาจนำไปสู่การเน้นความเชี่ยวชาญที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบหรือการผลิตชิป

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-and-broadcom-explore-deals-to-rip-apart-intels-foundry-and-chip-design-wings-says-report
    TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) และ Broadcom กำลังพิจารณาทำข้อตกลงแยกกิจการของ Intel โดย Broadcom สนใจในส่วนการออกแบบและการตลาดชิป ส่วน TSMC สนใจในโรงงานผลิตชิปของ Intel ข้อตกลงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยเบื้องต้นและยังไม่มีการเสนอข้อเสนออย่างเป็นทางการ Intel กำลังเผชิญกับความยากลำบากในการแข่งขันกับ TSMC และบริษัทอื่น ๆ ในตลาดชิป และ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เนื่องจากประสบปัญหาในการดำเนินงานหลายครั้ง รวมถึงการล่าช้าในการผลิตชิป การสูญเสียส่วนแบ่งตลาดชิป AI และการพึ่งพาเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการขยายโรงงาน สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ แม้ว่า Intel จะประสบปัญหาทางการเงิน แต่การที่ TSMC และ Broadcom สนใจที่จะเข้าครอบครองกิจการนั้นยังคงเผชิญกับอุปสรรคใหญ่จากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติและไม่ต้องการให้บริษัทต่างชาติเป็นเจ้าของโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แม้รัฐบาลจะสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ แต่ความสามารถในการผลิตในประเทศของ Intel ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ หากการเจรจานี้ดำเนินต่อไป TSMC และ Broadcom อาจต้องหาพันธมิตรในประเทศสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง การแบ่งกิจการของ Intel อาจนำไปสู่การเน้นความเชี่ยวชาญที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบหรือการผลิตชิป https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-and-broadcom-explore-deals-to-rip-apart-intels-foundry-and-chip-design-wings-says-report
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    TSMC and Broadcom explore deals to split Intel's foundry and chip design wings, says report
    Broadcom is interested in chip design and marketing segments, while TSMC is considering taking over its fabrication plants.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • #นี่คือการเปิดเพื่อผู้เสียหายทุกคน
    การขุดเรื่องนังสองมิจ ที่สร้างความเสีย-หาย
    กับพี่น้องประชาชน ไม่ต่ำกว่าหลักร้อยล้าน
    ข้อมูล และหลักต๋านที่พรั่งพรู ทำให้มองเห็น
    ตัวละครใหม่ๆ ที่มีความเกี่ยวโยงกันอย่างน่าตกใจ
    ก็คิดซะว่า ได้อ่านนิทานวันละเรื่องแล้วกัน
    พี่น้องสองมิจ อักษรย่อ ผ.ผึ้ง ซึ่งเรื่องนี้
    มีความเกี่ยวพันธ์ กับแฝดพี่ หรือ ผ.1
    สิ่งที่เป็นเครื่องมือสำคัญของสองพี่น้อง
    นี้คือ การสร้างภาพ ให้คนอื่นเข้าใจว่า
    ตัวเองนั้นล่ำซำ แต่แท้จริง รวยจังตังชาวบ้าน
    ที่มาด้วยการตุ๋น โดยอาศัยลิ้น ที่ดุจการเป่ามนต์ตรา
    ให้ใครฟังก็เชื่อ บีบน้ำตาเก่งยิ่งกว่าดารารุ่นเก๋า
    เมื่อวาน หลายคนได้อ่านไปแล้ว
    ว่าตัวย่อ ผ.ผึ้ง ซึ่งเป็นแฝดพี่มีสามีมีสีคนหนึ่ง
    โดยระหว่างกินอยู่กัน ก็ให้สามีไปหยิบยืมญาติพี่น้อง
    ซึ่งสามีณ เวลานั้นก็เหมือนถูกมนต์ดำ ขอบตาแพะ
    ทำให้ลุ่มหลงในคำพูดพรรณา พาญาติพี่น้องเดือดร้อน
    ไปตามๆกัน โดยนังวันทอง ก็จะบอกคนนั้นคนนี้
    ว่าสามี เป็นคนม่ายดี ติดการปานัน ซึ่งส่วนนั้น
    พี่คิงส์ไม่ได้คอนเฟิร์ม สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือ
    การยืมญาติมาให้ ผ.ผึ้ง 1 นี้ เกิดขึ้นจริง และบิด
    ตามนิสัยของอินังมิจ
    การดำเนินกิจการ ที่ไม่มีระบบห่านจิกอะไรเลย
    ของโรงงานสองพี่น้องมิจนี้ เอาเงินคนโน้นมาโปะตรงนี้
    หาตุ๋นรายใหม่ ไปโปะตรงนั้น วนไปเรื่อย
    แต่สร้างภาพด้วยการซื้อชุปเปอร์คาร์ รถสปอต
    ซื้อรถวีไอพี แต่ขับซักพัก ไปจำต่อ วนไป
    ก่อนที่จะเทสามีมีสี มีอดีตพนักงานมาเปิดหลักต๋าน
    ให้พี่คิงส์เห็น ว่าบราวนี่ที่เคลมว่า ผลิตจากเกา
    ที่จริง เค้านี่แหละเป็นคนทำมาเองในโรงงาน
    สิ่งที่พนักงาน เจ็บใจมีหลายประเด็น
    แฟนเพจพี่คิงส์เชื่อป่ะ เจ้าของโรงงาน ต้มพนักงาน
    ยืมพนักงานหลักแสน รวมๆกันไม่ต่ำกว่า 4 - 5 ล้าน
    เช็ดดดดด แล้วบิดหมด
    ยังไม่พอ ไอ่ชู้้ ที่เป็นคนขับรถ คือฉมฉัก
    งานไม่ต้องทำ
    วันๆนั่งเล่นเกมส์ กับแต่งรถกระบะแว๊นส์
    อยากได้อะไร ตัวอักษรย่อผ.ผึ้ง เปย์หมด
    ได้ทั้งซั่ม ได้ทั้งเงิน น่าจะถึงอกถึงใจ
    แต่คนมันศีลเหมอกันนะ ฉมชาย ก็ไม่ธรรมดา
    ไปต้มเมียตัวเอง ให้ยืมญาติพี่น้องมาให้นัง ผ.1
    พอได้ตังมา เทเมียซะเลย เพราะไม่เร้าใจเท่า ผ.1
    และทุกวันนี้ ด้วยนังสองมิจ บช ถูกอายัติเกลี้ยง
    ที่ไลฟ์ขายอะไรต่อมิอะไร เข้าบัญชีพลขับชู้นี่ทั้งหมด
    สำหรับ ผู้ เสีย หาย ที่ถูกตุ๋นไป ก็เจ็บใจ
    เพราะอ้างว่า ไม่มีตังมาคืน แต่ฉมฉัก กลับกินหรู
    อยู่แพง แต่งรถหลายแสน วันดีคืนดี อยากเป็น
    อยากเท่ห์ เหมือนวันหนุ่ม 2544 ก็ไปทำตัวลาย
    หมดเป็นแฉนๆ ไอ่เฮี้ย
    แน่นอน ทรัยพ์สมบัติอะไร ตอนนี้สองพี่น้องต้องไม่ให้มีชื่อตัวเอง
    เพราะมีคะดีเพียบ พอ ผู้ เสีย หาย ฟ๊อง ต่อให้ชนะ
    ก็สืบซับอะไรไม่ได้อะไรเลย ก็ทุกอย่างกองอยู่ที่ฉมฉักหมด
    พี่ต้มใครมาได้แบ่งน้อง น้องต้มใครมาได้แบ่งพี่
    ผ่านบช ฉมฉัก วาสนาผู้ใด้น้อ
    ก็วาสนาฉมฉักอะดิ 55555555
    วันนี้ ผสห มีทั้งนิติบุคคล ทั้งบุคคลธรรมดา
    รวมถึงพนักงาน โดนเรียบ
    แล้วคิดดูดิ ไอ่พวก ผสห ที่ยังเชื่อคำของมัมมะ
    บอกจะช่วยรับผิดชอบ ของให้ ผ.2 ได้ปักตระกร้า
    กรรูจะบอกให้ มัมมะนี่ จ้าวหนี้เบอร์ต้นเลย
    แล้วมันจะมาคืนพวกเมิงเพื่ออะไร อิด็อก
    ไม่เป็นไร เดี๋ยวกรรรูจะเรียกความเป็นธรรมให้ทุกคนเอง
    ส่วนใคร อยากจะเชื่อน้ำลายมัมมะ กับนังสองผ.ต่อไป
    ก็เรื่องของพวกเมิง ส่วนคนที่เชียร์ อยากอุดหนุน
    นังสองมิจ ก็เอาเลย ออเดอร์แล้วไมไ่ด้ของ
    กรรูจะนั่งขรรรม ทุ๊ยยย
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นี่คือการเปิดเพื่อผู้เสียหายทุกคน การขุดเรื่องนังสองมิจ ที่สร้างความเสีย-หาย กับพี่น้องประชาชน ไม่ต่ำกว่าหลักร้อยล้าน ข้อมูล และหลักต๋านที่พรั่งพรู ทำให้มองเห็น ตัวละครใหม่ๆ ที่มีความเกี่ยวโยงกันอย่างน่าตกใจ ก็คิดซะว่า ได้อ่านนิทานวันละเรื่องแล้วกัน พี่น้องสองมิจ อักษรย่อ ผ.ผึ้ง ซึ่งเรื่องนี้ มีความเกี่ยวพันธ์ กับแฝดพี่ หรือ ผ.1 สิ่งที่เป็นเครื่องมือสำคัญของสองพี่น้อง นี้คือ การสร้างภาพ ให้คนอื่นเข้าใจว่า ตัวเองนั้นล่ำซำ แต่แท้จริง รวยจังตังชาวบ้าน ที่มาด้วยการตุ๋น โดยอาศัยลิ้น ที่ดุจการเป่ามนต์ตรา ให้ใครฟังก็เชื่อ บีบน้ำตาเก่งยิ่งกว่าดารารุ่นเก๋า เมื่อวาน หลายคนได้อ่านไปแล้ว ว่าตัวย่อ ผ.ผึ้ง ซึ่งเป็นแฝดพี่มีสามีมีสีคนหนึ่ง โดยระหว่างกินอยู่กัน ก็ให้สามีไปหยิบยืมญาติพี่น้อง ซึ่งสามีณ เวลานั้นก็เหมือนถูกมนต์ดำ ขอบตาแพะ ทำให้ลุ่มหลงในคำพูดพรรณา พาญาติพี่น้องเดือดร้อน ไปตามๆกัน โดยนังวันทอง ก็จะบอกคนนั้นคนนี้ ว่าสามี เป็นคนม่ายดี ติดการปานัน ซึ่งส่วนนั้น พี่คิงส์ไม่ได้คอนเฟิร์ม สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือ การยืมญาติมาให้ ผ.ผึ้ง 1 นี้ เกิดขึ้นจริง และบิด ตามนิสัยของอินังมิจ การดำเนินกิจการ ที่ไม่มีระบบห่านจิกอะไรเลย ของโรงงานสองพี่น้องมิจนี้ เอาเงินคนโน้นมาโปะตรงนี้ หาตุ๋นรายใหม่ ไปโปะตรงนั้น วนไปเรื่อย แต่สร้างภาพด้วยการซื้อชุปเปอร์คาร์ รถสปอต ซื้อรถวีไอพี แต่ขับซักพัก ไปจำต่อ วนไป ก่อนที่จะเทสามีมีสี มีอดีตพนักงานมาเปิดหลักต๋าน ให้พี่คิงส์เห็น ว่าบราวนี่ที่เคลมว่า ผลิตจากเกา ที่จริง เค้านี่แหละเป็นคนทำมาเองในโรงงาน สิ่งที่พนักงาน เจ็บใจมีหลายประเด็น แฟนเพจพี่คิงส์เชื่อป่ะ เจ้าของโรงงาน ต้มพนักงาน ยืมพนักงานหลักแสน รวมๆกันไม่ต่ำกว่า 4 - 5 ล้าน เช็ดดดดด แล้วบิดหมด ยังไม่พอ ไอ่ชู้้ ที่เป็นคนขับรถ คือฉมฉัก งานไม่ต้องทำ วันๆนั่งเล่นเกมส์ กับแต่งรถกระบะแว๊นส์ อยากได้อะไร ตัวอักษรย่อผ.ผึ้ง เปย์หมด ได้ทั้งซั่ม ได้ทั้งเงิน น่าจะถึงอกถึงใจ แต่คนมันศีลเหมอกันนะ ฉมชาย ก็ไม่ธรรมดา ไปต้มเมียตัวเอง ให้ยืมญาติพี่น้องมาให้นัง ผ.1 พอได้ตังมา เทเมียซะเลย เพราะไม่เร้าใจเท่า ผ.1 และทุกวันนี้ ด้วยนังสองมิจ บช ถูกอายัติเกลี้ยง ที่ไลฟ์ขายอะไรต่อมิอะไร เข้าบัญชีพลขับชู้นี่ทั้งหมด สำหรับ ผู้ เสีย หาย ที่ถูกตุ๋นไป ก็เจ็บใจ เพราะอ้างว่า ไม่มีตังมาคืน แต่ฉมฉัก กลับกินหรู อยู่แพง แต่งรถหลายแสน วันดีคืนดี อยากเป็น อยากเท่ห์ เหมือนวันหนุ่ม 2544 ก็ไปทำตัวลาย หมดเป็นแฉนๆ ไอ่เฮี้ย แน่นอน ทรัยพ์สมบัติอะไร ตอนนี้สองพี่น้องต้องไม่ให้มีชื่อตัวเอง เพราะมีคะดีเพียบ พอ ผู้ เสีย หาย ฟ๊อง ต่อให้ชนะ ก็สืบซับอะไรไม่ได้อะไรเลย ก็ทุกอย่างกองอยู่ที่ฉมฉักหมด พี่ต้มใครมาได้แบ่งน้อง น้องต้มใครมาได้แบ่งพี่ ผ่านบช ฉมฉัก วาสนาผู้ใด้น้อ ก็วาสนาฉมฉักอะดิ 55555555 วันนี้ ผสห มีทั้งนิติบุคคล ทั้งบุคคลธรรมดา รวมถึงพนักงาน โดนเรียบ แล้วคิดดูดิ ไอ่พวก ผสห ที่ยังเชื่อคำของมัมมะ บอกจะช่วยรับผิดชอบ ของให้ ผ.2 ได้ปักตระกร้า กรรูจะบอกให้ มัมมะนี่ จ้าวหนี้เบอร์ต้นเลย แล้วมันจะมาคืนพวกเมิงเพื่ออะไร อิด็อก ไม่เป็นไร เดี๋ยวกรรรูจะเรียกความเป็นธรรมให้ทุกคนเอง ส่วนใคร อยากจะเชื่อน้ำลายมัมมะ กับนังสองผ.ต่อไป ก็เรื่องของพวกเมิง ส่วนคนที่เชียร์ อยากอุดหนุน นังสองมิจ ก็เอาเลย ออเดอร์แล้วไมไ่ด้ของ กรรูจะนั่งขรรรม ทุ๊ยยย อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 1073 Views 0 Reviews
  • เคยไปคุยงานกับเจ้าของโรงงานแห่งนึง...เริ่มเดินเข้าก็เห็นศาลพระพรหมใหญ่มีมาก...ก็ไม่ได้คิดอะไร ..เดินเข้า สนง. อันนี้น้ำไหล อันนี้พวงองุ่น อันนี้น้ำเต้า อันนี้กระดิ่งลม...สอดส่ายสายตาไปเรื่อยๆ ฝาผนัง เต็มไปด้วย ผ้ายันต์สารพัด...เอาง่ายๆ คือ ทุกๆการมองเห็น เป็นสิ่งเสริมสารพัดมงคลทั้งหมด...มีตู้ปลาทอง และอีกมากมาย...ก็เลยถามคุณเจ้าของบริษัท..ว่า เยอะจริง...แกเลยบอกยังไม่หมด...พาไปดูห้องพระ...ยิ่งใหญ่อลังกการ..น่าจะมีพระบูชาหลักร้อยชิ้น...เราก็ถามแกว่า...ต้องขนาดนี้เลยหรือ...แกตอบว่า ผมเชื่อ..ผมเริ่มทำสิ่งเหล่านี้ ตั้งแต่ 30 ปีก่อน..จากโรงงานเล็กๆ กลายเป็นโงงานใหญ่แบบที่เห็นและส่งออกไปจีน...และอีกหลายประเทศ...คุณผู้อ่านก็ตัดสินเองนะครับ
    เคยไปคุยงานกับเจ้าของโรงงานแห่งนึง...เริ่มเดินเข้าก็เห็นศาลพระพรหมใหญ่มีมาก...ก็ไม่ได้คิดอะไร ..เดินเข้า สนง. อันนี้น้ำไหล อันนี้พวงองุ่น อันนี้น้ำเต้า อันนี้กระดิ่งลม...สอดส่ายสายตาไปเรื่อยๆ ฝาผนัง เต็มไปด้วย ผ้ายันต์สารพัด...เอาง่ายๆ คือ ทุกๆการมองเห็น เป็นสิ่งเสริมสารพัดมงคลทั้งหมด...มีตู้ปลาทอง และอีกมากมาย...ก็เลยถามคุณเจ้าของบริษัท..ว่า เยอะจริง...แกเลยบอกยังไม่หมด...พาไปดูห้องพระ...ยิ่งใหญ่อลังกการ..น่าจะมีพระบูชาหลักร้อยชิ้น...เราก็ถามแกว่า...ต้องขนาดนี้เลยหรือ...แกตอบว่า ผมเชื่อ..ผมเริ่มทำสิ่งเหล่านี้ ตั้งแต่ 30 ปีก่อน..จากโรงงานเล็กๆ กลายเป็นโงงานใหญ่แบบที่เห็นและส่งออกไปจีน...และอีกหลายประเทศ...คุณผู้อ่านก็ตัดสินเองนะครับ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 495 Views 0 Reviews
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 936 Views 0 Reviews
  • #พริกขี้หนูสีรุ้ง

    สาระและบันเทิงเบื้องหลังตัวการ์ตูน ลำดับที่ 1

    อยากเขียนถึงมังงะหรือหนังสือภาพการ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่นเรื่องนี้ครับ ด้วยตั้งแต่อดีตอันยาวนานสืบเนื่องมาจวบถึงปัจจุบัน หลายครั้งที่หนังสือการ์ตูนกลายเป็นนักโทษหรือสิ่งชั่วร้าย ที่ผู้ใหญ่มักนำมาเป็นข้อกล่าวอ้างถึง ว่าคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ดีหลายอย่างในเด็ก ๆ ซึ่งหากจะพิจารณาอย่างไม่อคติแล้ว ควรจะบอกว่าเป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งในหลายสาเหตุ และก็เพียงแค่บางเรื่อ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง ด้วยยังมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายประการที่ส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ในวัยเด็ก การ์ตูนที่ดีก็มีไม่น้อย ดังเรื่องที่กำลังจะยกมาพูดถึงนี้

    🌶

    นิจิอิโระ โตการาชิ (มีความหมายในภาษาไทยได้ว่า พริกแดงสีรุ้ง) หรือในชื่อที่เคยได้รับการตีพิมพ์ภาคภาษาไทยคือ "พริกขี้หนูสีรุ้ง" เป็นมังงะ ที่เขียนขึ้นจากปลายปากกาคอแร้งของ อ.อาดาจิ มิซึรุ ตีพิมพ์ในหนังสือ วีคลี โชเน็น ซันเดย์ สนพ.โชงะกุคัง ตั้งแต่ 5 เมษายน พ.ศ.2533 จนถึง พ.ศ. 2535 รวมเล่มมีทั้งหมด 11 เล่ม ได้รับการแปลมาในภาคภาษาไทยสมัยยังไม่มีลิขสิทธิ์ โดยหลายสำนักพิมพ์ ที่คุ้นเคยนักอ่านชาวไทยที่สุดก็จะเป็นของ สนพ.วิบูลย์กิจ เป็นผลงานลำดับที่เท่าไรไม่ทราบชัด แต่ผลงานก่อนหน้าอันโด่งดังในบ้านเราก็มีหลายเรื่องอย่าง ทัชยอดรักนักกีฬา ,ราฟ รักต้องลุย ,มิยูกิที่รัก ,สโลว์สเต๊ป ฯลฯ



    เรื่องนี้พิเศษตรงที่เป็นผลงานหนึ่งเดียวที่ผู้เขียน ฉีกแนว เปลี่ยนบรรยากาศจากเดิมที่มักใช้พื้นหลัง และโครงเรื่องในการนำเสนอเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรักวัยรุ่นชวนว้าวุ่นของช่วงมัธยมปลาย โดยโยงเข้ากับการกีฬาที่เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งของชนชาติญี่ปุ่นคือเบสบอลเป็นหลัก บางเรื่องก็อาจจะสลับไปเป็นซอฟต์บอลบ้าง ว่ายน้ำบ้าง มวยสากลบ้าง แต่หลักๆมักไม่พ้นเบสบอล ทว่า พริกขี้หนูสีรุ้ง เรียกว่ามาในแนวที่ผู้อ่านไม่มีวันคาดถึง คือดำเนินเรื่องสมมติไปในยุคสมัยที่คล้ายกับยุคอดีตของดาวดวงหนึ่ง ที่ผู้เขียนเองก็ไม่ระบุว่าคือที่ดาวอะไร แต่เป็นอันรู้กันได้เองสำหรับนักอ่าน และดินแดนในท้องเรื่องก็มีความคล้ายคลึงกับญี่ปุ่นในยุคโชกุนเรืองอำนาจ โดยโครงเรื่องหลักพูดถึง พี่น้อง 7 คน ที่มีแม่คนละคนกัน แต่มีบิดาคนเดียวกัน ลูกแต่ละคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีอายุห่างกันประมาณ2-3ปี ไล่ไปตามลำดับ และแต่ละคนนั้น เมื่อแม่ตายไป ก็ได้รับการบอกกล่าวโดยทางใดทางหนึ่ง ให้เดินทางไปรวมกันในสถานที่หนึ่งซึ่งมีพี่น้องต่างแม่คนอื่นอาศัยอยู่ จนมาอยู่รวมกันครบทุกคน แล้วเรื่องราวการผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อพ่อที่แท้จริงของเด็กๆเหล่านี้ แท้จริงคือโชกุนผู้ที่แอบซน ออกเดินทางไปท่องเที่ยวในวัยหนุ่มละอ่อน แล้วไปมีสัมพันธ์รักลึกซึ้งกับหญิงงามตามเมืองต่างๆ แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องจากไป โดยก่อนจากคงจะได้บอกความจริงกับสาวๆไว้ แต่แม่ๆทุกคนได้เก็บความลับนี้ไว้ให้ตายไปกับตน ไม่มีสักคนที่เล่าความจริงนี้ให้บุตรของตนได้ทราบ



    เรื่องราวอันชวนให้ติดตาม ไปพร้อมกับรอยยิ้มจึงค่อยๆดำเนินไปตามจำนวนตอนที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นทีละน้อย คนอ่านต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยเหล่าพี่น้อง ที่ตั้งใจจะเดินทางไปเยี่ยมสุสานของแม่ๆทั้งหมด โดยร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เผื่อจะได้ค้นพบความลับของชายผู้ที่เป็นพ่อว่าแท้จริงคือใครกันแน่ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในขณะที่โชกุนผู้ที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตลูกนั้น ก็คอยส่งลูกน้องไปสืบข่าว และดูแลให้การช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครองลูกๆ ในยามที่เกิดภัยอันตราย

    🌶

    โดยปกติผลงานของ อ.อาดาจิ ที่ผ่านมาก่อนหน้าที่จะเขียนเรื่องนี้นั้น ผู้ที่ติดตามผลงานมาอย่างยาวนาน จะคุ้นเคยและทราบเป็นอย่างดีว่า ผู้เขียนมักเป็นผู้ร่ำรวยอารมณ์ขัน ขยันหยอดมุกเล็กๆน้อยๆ สอดแทรกอยู่ในเนื้อหาของเรื่องตลอดเป็นช่วง และเป็นมุกที่ไม่เหมือนใคร และยากจะหาคนเลียนแบบได้ คือมั่นใจได้เลยว่าถ้าอ่านงานของนักเขียนคนนี้ ปลอดภัยจากยาพิษที่อาบปนมากับตัวการ์ตูนอย่างแน่นอน งานภาพสะอาดสะอ้าน ดูสบายตา เน้นการเล่าเรื่องด้วยทัศนียภาพ วิวทิวทัศน์ อาคารสถานที่ ใช้ตัวอักษรน้อยถึงน้อยมาก เล่าเท่าที่จำเป็น ไม่บรรยายพร่ำเพรื่อ บางที 4-5 หน้า ไม่มีอักษรแม้แต่ตัวเดียว แต่สามารถสื่ออารมณ์ และดำเนินเรื่องไปโดยที่คนอ่านยังสามารถเข้าใจในความหมายที่ผู้เขียนต้องการพาไปได้อย่างน่าทึ่ง ดังนั้นการเสพงานของผู้เขียนคนนี้ สำหรับกับผมเหมือนกำลังชื่นชมงานศิลปะในนิทรรศการหรือหอศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้



    ความประทับใจในผลงานของอาจารย์อาดาจิ ชื่นชอบทุกเรื่องที่เคยได้อ่านมา แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความพิเศษและน่าสนใจมากที่สุด ซึ่งเมื่อคราวยังอยู่ในช่วงวัยมัธยมต้นต่อมัธยมปลายนั้น ก็เพียงแต่อ่านสนุกไปตามวัย โดยยังไม่อาจจะตีความเข้าใจถึงนัยยะแฝง ที่ผู้เขียนสอดแทรกใส่ไว้ในแต่ละช่วงของเนื้อเรื่อง ต่อเมื่อเราเติบโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาถึงปัจจุบัน เมื่อมีโอกาสได้กลับมาย้อนอ่านอีกครั้ง จึงสามารถรับสารได้มากขึ้น และเข้าใจในแก๊ก มุกต่างๆ รวมถึงแนวความคิดที่ค่อนข้างล้ำสมัยในยุคนั้น คือกล่าวถึงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายโดยมนุษย์ ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยีที่มีแต่ยิ่งทำให้คนติดความสะดวกสบาย และขี้เกียจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสร้างหายนะให้เกิดขึ้นกับโลกจนยากที่จะเยียวยาแก้ไข ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก แต่กลับสื่อสารเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างแนบเนียนผ่านคำพูดของตัวการ์ตูนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงยุคโชกุนได้ โดยมีการย้ำอยู่หลายครั้งในหลายตอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการ์ตูนนั้น เป็นเรื่องในยุคปัจจุบัน นี่คือกุญแจดอกสำคัญ



    เพราะแม้กาลเวลาจะล่วงมากว่า สามทศวรรษ แต่มังงะเรื่องนี้ยังคงไม่ล้าสมัย กลับยิ่งเสนอความจริงสิ่งที่เคยสื่อสะท้อนไว้ในอดีต ว่ามนุษย์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาในการดำเนินรอยตามความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีอย่างบ้าคลั่ง แล้วในท้ายที่สุดก็คงจะต้องร่วมกันแบกรับกับผลลัพธ์อันเลวร้ายที่เราทั้งหลาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งซึ่งสร้างหรือทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา

    นี่คือชะตากรรมที่มิอาจบิดพลิ้ว หรือหลีกเลี่ยงได้

    ภาพประกอบยืมมาจากเว็บการ์ตูนญี่ปุ่นครับ ส่วนข้อมูลดิบประกอบเกี่ยวกับชื่อและคำแปล ระยะเวลาตีพิมพ์ จำนวนทั้งหลาย มาจากเว็บญี่ปุ่นโดยใช้กูเกิลแปลภาษาและรวมถึง วิกิพีเดียไทย

    #การ์ตูน
    #การ์ตูนญี่ปุ่น
    #มังงะ
    #อาดาจิมิซึรุ
    #อาดาจิ
    #thaitimes
    #การ์ตูนเล่ม
    #หนังสือการ์ตูน
    #บทความ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #พริกขี้หนูสีรุ้ง 🌐สาระและบันเทิงเบื้องหลังตัวการ์ตูน ลำดับที่ 1 อยากเขียนถึงมังงะหรือหนังสือภาพการ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่นเรื่องนี้ครับ ด้วยตั้งแต่อดีตอันยาวนานสืบเนื่องมาจวบถึงปัจจุบัน หลายครั้งที่หนังสือการ์ตูนกลายเป็นนักโทษหรือสิ่งชั่วร้าย ที่ผู้ใหญ่มักนำมาเป็นข้อกล่าวอ้างถึง ว่าคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ดีหลายอย่างในเด็ก ๆ ซึ่งหากจะพิจารณาอย่างไม่อคติแล้ว ควรจะบอกว่าเป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งในหลายสาเหตุ และก็เพียงแค่บางเรื่อ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง ด้วยยังมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายประการที่ส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ในวัยเด็ก การ์ตูนที่ดีก็มีไม่น้อย ดังเรื่องที่กำลังจะยกมาพูดถึงนี้ 🌶 นิจิอิโระ โตการาชิ (มีความหมายในภาษาไทยได้ว่า พริกแดงสีรุ้ง) หรือในชื่อที่เคยได้รับการตีพิมพ์ภาคภาษาไทยคือ "พริกขี้หนูสีรุ้ง" เป็นมังงะ ที่เขียนขึ้นจากปลายปากกาคอแร้งของ อ.อาดาจิ มิซึรุ ตีพิมพ์ในหนังสือ วีคลี โชเน็น ซันเดย์ สนพ.โชงะกุคัง ตั้งแต่ 5 เมษายน พ.ศ.2533 จนถึง พ.ศ. 2535 รวมเล่มมีทั้งหมด 11 เล่ม ได้รับการแปลมาในภาคภาษาไทยสมัยยังไม่มีลิขสิทธิ์ โดยหลายสำนักพิมพ์ ที่คุ้นเคยนักอ่านชาวไทยที่สุดก็จะเป็นของ สนพ.วิบูลย์กิจ เป็นผลงานลำดับที่เท่าไรไม่ทราบชัด แต่ผลงานก่อนหน้าอันโด่งดังในบ้านเราก็มีหลายเรื่องอย่าง ทัชยอดรักนักกีฬา ,ราฟ รักต้องลุย ,มิยูกิที่รัก ,สโลว์สเต๊ป ฯลฯ 🌈 เรื่องนี้พิเศษตรงที่เป็นผลงานหนึ่งเดียวที่ผู้เขียน ฉีกแนว เปลี่ยนบรรยากาศจากเดิมที่มักใช้พื้นหลัง และโครงเรื่องในการนำเสนอเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรักวัยรุ่นชวนว้าวุ่นของช่วงมัธยมปลาย โดยโยงเข้ากับการกีฬาที่เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งของชนชาติญี่ปุ่นคือเบสบอลเป็นหลัก บางเรื่องก็อาจจะสลับไปเป็นซอฟต์บอลบ้าง ว่ายน้ำบ้าง มวยสากลบ้าง แต่หลักๆมักไม่พ้นเบสบอล ทว่า พริกขี้หนูสีรุ้ง เรียกว่ามาในแนวที่ผู้อ่านไม่มีวันคาดถึง คือดำเนินเรื่องสมมติไปในยุคสมัยที่คล้ายกับยุคอดีตของดาวดวงหนึ่ง ที่ผู้เขียนเองก็ไม่ระบุว่าคือที่ดาวอะไร แต่เป็นอันรู้กันได้เองสำหรับนักอ่าน และดินแดนในท้องเรื่องก็มีความคล้ายคลึงกับญี่ปุ่นในยุคโชกุนเรืองอำนาจ โดยโครงเรื่องหลักพูดถึง พี่น้อง 7 คน ที่มีแม่คนละคนกัน แต่มีบิดาคนเดียวกัน ลูกแต่ละคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีอายุห่างกันประมาณ2-3ปี ไล่ไปตามลำดับ และแต่ละคนนั้น เมื่อแม่ตายไป ก็ได้รับการบอกกล่าวโดยทางใดทางหนึ่ง ให้เดินทางไปรวมกันในสถานที่หนึ่งซึ่งมีพี่น้องต่างแม่คนอื่นอาศัยอยู่ จนมาอยู่รวมกันครบทุกคน แล้วเรื่องราวการผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อพ่อที่แท้จริงของเด็กๆเหล่านี้ แท้จริงคือโชกุนผู้ที่แอบซน ออกเดินทางไปท่องเที่ยวในวัยหนุ่มละอ่อน แล้วไปมีสัมพันธ์รักลึกซึ้งกับหญิงงามตามเมืองต่างๆ แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องจากไป โดยก่อนจากคงจะได้บอกความจริงกับสาวๆไว้ แต่แม่ๆทุกคนได้เก็บความลับนี้ไว้ให้ตายไปกับตน ไม่มีสักคนที่เล่าความจริงนี้ให้บุตรของตนได้ทราบ 🏯 เรื่องราวอันชวนให้ติดตาม ไปพร้อมกับรอยยิ้มจึงค่อยๆดำเนินไปตามจำนวนตอนที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นทีละน้อย คนอ่านต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยเหล่าพี่น้อง ที่ตั้งใจจะเดินทางไปเยี่ยมสุสานของแม่ๆทั้งหมด โดยร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เผื่อจะได้ค้นพบความลับของชายผู้ที่เป็นพ่อว่าแท้จริงคือใครกันแน่ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในขณะที่โชกุนผู้ที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตลูกนั้น ก็คอยส่งลูกน้องไปสืบข่าว และดูแลให้การช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครองลูกๆ ในยามที่เกิดภัยอันตราย 🌶 โดยปกติผลงานของ อ.อาดาจิ ที่ผ่านมาก่อนหน้าที่จะเขียนเรื่องนี้นั้น ผู้ที่ติดตามผลงานมาอย่างยาวนาน จะคุ้นเคยและทราบเป็นอย่างดีว่า ผู้เขียนมักเป็นผู้ร่ำรวยอารมณ์ขัน ขยันหยอดมุกเล็กๆน้อยๆ สอดแทรกอยู่ในเนื้อหาของเรื่องตลอดเป็นช่วง และเป็นมุกที่ไม่เหมือนใคร และยากจะหาคนเลียนแบบได้ คือมั่นใจได้เลยว่าถ้าอ่านงานของนักเขียนคนนี้ ปลอดภัยจากยาพิษที่อาบปนมากับตัวการ์ตูนอย่างแน่นอน งานภาพสะอาดสะอ้าน ดูสบายตา เน้นการเล่าเรื่องด้วยทัศนียภาพ วิวทิวทัศน์ อาคารสถานที่ ใช้ตัวอักษรน้อยถึงน้อยมาก เล่าเท่าที่จำเป็น ไม่บรรยายพร่ำเพรื่อ บางที 4-5 หน้า ไม่มีอักษรแม้แต่ตัวเดียว แต่สามารถสื่ออารมณ์ และดำเนินเรื่องไปโดยที่คนอ่านยังสามารถเข้าใจในความหมายที่ผู้เขียนต้องการพาไปได้อย่างน่าทึ่ง ดังนั้นการเสพงานของผู้เขียนคนนี้ สำหรับกับผมเหมือนกำลังชื่นชมงานศิลปะในนิทรรศการหรือหอศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ 🌈 ความประทับใจในผลงานของอาจารย์อาดาจิ ชื่นชอบทุกเรื่องที่เคยได้อ่านมา แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความพิเศษและน่าสนใจมากที่สุด ซึ่งเมื่อคราวยังอยู่ในช่วงวัยมัธยมต้นต่อมัธยมปลายนั้น ก็เพียงแต่อ่านสนุกไปตามวัย โดยยังไม่อาจจะตีความเข้าใจถึงนัยยะแฝง ที่ผู้เขียนสอดแทรกใส่ไว้ในแต่ละช่วงของเนื้อเรื่อง ต่อเมื่อเราเติบโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาถึงปัจจุบัน เมื่อมีโอกาสได้กลับมาย้อนอ่านอีกครั้ง จึงสามารถรับสารได้มากขึ้น และเข้าใจในแก๊ก มุกต่างๆ รวมถึงแนวความคิดที่ค่อนข้างล้ำสมัยในยุคนั้น คือกล่าวถึงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายโดยมนุษย์ ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยีที่มีแต่ยิ่งทำให้คนติดความสะดวกสบาย และขี้เกียจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสร้างหายนะให้เกิดขึ้นกับโลกจนยากที่จะเยียวยาแก้ไข ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก แต่กลับสื่อสารเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างแนบเนียนผ่านคำพูดของตัวการ์ตูนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงยุคโชกุนได้ โดยมีการย้ำอยู่หลายครั้งในหลายตอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการ์ตูนนั้น เป็นเรื่องในยุคปัจจุบัน นี่คือกุญแจดอกสำคัญ 🌏 เพราะแม้กาลเวลาจะล่วงมากว่า สามทศวรรษ แต่มังงะเรื่องนี้ยังคงไม่ล้าสมัย กลับยิ่งเสนอความจริงสิ่งที่เคยสื่อสะท้อนไว้ในอดีต ว่ามนุษย์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาในการดำเนินรอยตามความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีอย่างบ้าคลั่ง แล้วในท้ายที่สุดก็คงจะต้องร่วมกันแบกรับกับผลลัพธ์อันเลวร้ายที่เราทั้งหลาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งซึ่งสร้างหรือทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา นี่คือชะตากรรมที่มิอาจบิดพลิ้ว หรือหลีกเลี่ยงได้ ภาพประกอบยืมมาจากเว็บการ์ตูนญี่ปุ่นครับ ส่วนข้อมูลดิบประกอบเกี่ยวกับชื่อและคำแปล ระยะเวลาตีพิมพ์ จำนวนทั้งหลาย มาจากเว็บญี่ปุ่นโดยใช้กูเกิลแปลภาษาและรวมถึง วิกิพีเดียไทย #การ์ตูน #การ์ตูนญี่ปุ่น #มังงะ #อาดาจิมิซึรุ #อาดาจิ #thaitimes #การ์ตูนเล่ม #หนังสือการ์ตูน #บทความ #หนังสือน่าอ่าน
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 2887 Views 0 Reviews