• “Pebble กลับมาอีกครั้ง! เปิดตัว Appstore ใหม่ พร้อมนาฬิการุ่นล่าสุดและเครื่องมือพัฒนาอัจฉริยะ”

    ลองจินตนาการว่าแบรนด์นาฬิกาอัจฉริยะที่เคยเป็นขวัญใจนักพัฒนาเมื่อสิบปีก่อน กลับมาอีกครั้งในปี 2025 พร้อมกับการเปิดตัว Pebble Appstore ใหม่ที่เต็มไปด้วยแอปเก่าและใหม่จากชุมชนผู้พัฒนา และนาฬิการุ่นล่าสุด Pebble 2 Duo และ Pebble Time 2 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการสนับสนุนจาก Rebble กลุ่มผู้รักษาไฟ Pebble ให้ลุกโชนต่อเนื่องตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา

    Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ประกาศข่าวดีนี้ผ่านบล็อกส่วนตัว โดยเล่าถึงความคืบหน้าในการผลิตนาฬิการุ่นใหม่ การพัฒนา Appstore และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา รวมถึงความร่วมมือกับ Rebble ที่ช่วยให้ PebbleOS กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพนซอร์ส

    นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัว SDK ที่อัปเดตใหม่ รองรับ Python 3 และ Cloud IDE ที่ให้คุณสร้างแอปได้ในเบราว์เซอร์ภายใน 2 นาที พร้อมฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสร้างแอปอัตโนมัติ และแผนการพัฒนา SDK ที่จะรองรับเซ็นเซอร์ใหม่ๆ เช่น บารอมิเตอร์ ทัชสกรีน และลำโพง

    แม้จะมีความล่าช้าในการผลิตและข้อจำกัดบางประการ เช่น แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานได้เต็มที่ แต่ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาก็ยังคงตื่นเต้นและพร้อมกลับมาสร้างสิ่งใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มนี้อีกครั้ง

    สรุปเนื้อหาจากข่าว
    การกลับมาของ Pebble Appstore
    เปิดตัวใหม่บนเว็บไซต์ apps.rePebble.com
    รวมแอปเก่าและใหม่กว่า 2,000 แอป และ 10,000 หน้าปัดนาฬิกา
    เพิ่มฟีเจอร์แนะนำแอปคล้ายกัน และแชร์ลิงก์ผ่านโซเชียล

    ความร่วมมือกับ Rebble
    Rebble เป็นพันธมิตรหลักในการเปิด Appstore ใหม่
    ให้บริการ backend และ dev portal โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก
    Core Devices สนับสนุนเงินทุนให้ Rebble โดยตรง

    การผลิตนาฬิการุ่นใหม่
    Pebble 2 Duo สีขาวผลิตแล้ว 2,960 เรือนในเดือนกันยายน
    Pebble Time 2 อยู่ในขั้นตอน DVT และคาดว่าจะผลิตจริงปลายธันวาคม
    รองรับการขยายหน้าจอแอปเก่าให้เต็มจอ PT2

    เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา
    SDK อัปเดตจาก Python 2 เป็น Python 3
    Cloud IDE สร้างแอปในเบราว์เซอร์ได้ภายใน 2 นาที
    รองรับการสร้างแอปด้วย AI ผ่านคำสั่ง pebble new-project --ai
    รองรับการทดสอบบน emulator รุ่นใหม่
    แผนพัฒนา SDK รวมถึง API ใหม่และ JS SDK จาก Moddable

    ความเห็นจากชุมชน
    นักพัฒนาเก่ากลับมาสร้างแอปใหม่อีกครั้ง
    ผู้ใช้ตื่นเต้นกับการกลับมาของ Pebble และการสนับสนุนจาก Rebble
    มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มระบบตรวจสอบแอปที่ยังใช้งานได้

    คำเตือนและข้อจำกัด
    แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานเนื่องจาก API ที่ล้าสมัยหรือหน้าตั้งค่าที่เสีย
    การผลิต Pebble Time 2 ล่าช้ากว่ากำหนด อาจส่งผลต่อการจัดส่ง
    แอปที่สร้างด้วย AI อาจมีคุณภาพไม่เสถียร หากผู้สร้างไม่มีความรู้ในการแก้ไข
    แอปมือถือใหม่ยังไม่เปิดซอร์ส ทำให้บางผู้ใช้กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

    https://ericmigi.com/blog/re-introducing-the-pebble-appstore
    ⌚ “Pebble กลับมาอีกครั้ง! เปิดตัว Appstore ใหม่ พร้อมนาฬิการุ่นล่าสุดและเครื่องมือพัฒนาอัจฉริยะ” ลองจินตนาการว่าแบรนด์นาฬิกาอัจฉริยะที่เคยเป็นขวัญใจนักพัฒนาเมื่อสิบปีก่อน กลับมาอีกครั้งในปี 2025 พร้อมกับการเปิดตัว Pebble Appstore ใหม่ที่เต็มไปด้วยแอปเก่าและใหม่จากชุมชนผู้พัฒนา และนาฬิการุ่นล่าสุด Pebble 2 Duo และ Pebble Time 2 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการสนับสนุนจาก Rebble กลุ่มผู้รักษาไฟ Pebble ให้ลุกโชนต่อเนื่องตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ประกาศข่าวดีนี้ผ่านบล็อกส่วนตัว โดยเล่าถึงความคืบหน้าในการผลิตนาฬิการุ่นใหม่ การพัฒนา Appstore และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา รวมถึงความร่วมมือกับ Rebble ที่ช่วยให้ PebbleOS กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพนซอร์ส นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัว SDK ที่อัปเดตใหม่ รองรับ Python 3 และ Cloud IDE ที่ให้คุณสร้างแอปได้ในเบราว์เซอร์ภายใน 2 นาที พร้อมฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสร้างแอปอัตโนมัติ และแผนการพัฒนา SDK ที่จะรองรับเซ็นเซอร์ใหม่ๆ เช่น บารอมิเตอร์ ทัชสกรีน และลำโพง แม้จะมีความล่าช้าในการผลิตและข้อจำกัดบางประการ เช่น แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานได้เต็มที่ แต่ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาก็ยังคงตื่นเต้นและพร้อมกลับมาสร้างสิ่งใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มนี้อีกครั้ง สรุปเนื้อหาจากข่าว ✅ การกลับมาของ Pebble Appstore ➡️ เปิดตัวใหม่บนเว็บไซต์ apps.rePebble.com ➡️ รวมแอปเก่าและใหม่กว่า 2,000 แอป และ 10,000 หน้าปัดนาฬิกา ➡️ เพิ่มฟีเจอร์แนะนำแอปคล้ายกัน และแชร์ลิงก์ผ่านโซเชียล ✅ ความร่วมมือกับ Rebble ➡️ Rebble เป็นพันธมิตรหลักในการเปิด Appstore ใหม่ ➡️ ให้บริการ backend และ dev portal โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ➡️ Core Devices สนับสนุนเงินทุนให้ Rebble โดยตรง ✅ การผลิตนาฬิการุ่นใหม่ ➡️ Pebble 2 Duo สีขาวผลิตแล้ว 2,960 เรือนในเดือนกันยายน ➡️ Pebble Time 2 อยู่ในขั้นตอน DVT และคาดว่าจะผลิตจริงปลายธันวาคม ➡️ รองรับการขยายหน้าจอแอปเก่าให้เต็มจอ PT2 ✅ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ➡️ SDK อัปเดตจาก Python 2 เป็น Python 3 ➡️ Cloud IDE สร้างแอปในเบราว์เซอร์ได้ภายใน 2 นาที ➡️ รองรับการสร้างแอปด้วย AI ผ่านคำสั่ง pebble new-project --ai ➡️ รองรับการทดสอบบน emulator รุ่นใหม่ ➡️ แผนพัฒนา SDK รวมถึง API ใหม่และ JS SDK จาก Moddable ✅ ความเห็นจากชุมชน ➡️ นักพัฒนาเก่ากลับมาสร้างแอปใหม่อีกครั้ง ➡️ ผู้ใช้ตื่นเต้นกับการกลับมาของ Pebble และการสนับสนุนจาก Rebble ➡️ มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มระบบตรวจสอบแอปที่ยังใช้งานได้ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานเนื่องจาก API ที่ล้าสมัยหรือหน้าตั้งค่าที่เสีย ⛔ การผลิต Pebble Time 2 ล่าช้ากว่ากำหนด อาจส่งผลต่อการจัดส่ง ⛔ แอปที่สร้างด้วย AI อาจมีคุณภาพไม่เสถียร หากผู้สร้างไม่มีความรู้ในการแก้ไข ⛔ แอปมือถือใหม่ยังไม่เปิดซอร์ส ทำให้บางผู้ใช้กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว https://ericmigi.com/blog/re-introducing-the-pebble-appstore
    ERICMIGI.COM
    (re)Introducing the Pebble Appstore
    (re)Introducing the Pebble Appstore
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: Servo ได้รับเงินทุนจากรัฐ! Igalia เดินหน้าพัฒนาเว็บเอนจินโอเพ่นซอร์สเพื่ออนาคตของอินเทอร์เน็ต

    Igalia บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโอเพ่นซอร์สจากยุโรป ประกาศข่าวดีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 ว่าได้รับเงินสนับสนุนจาก Sovereign Tech Fund เพื่อพัฒนา Servo — เว็บเอนจินที่เขียนด้วยภาษา Rust ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างสถาปัตยกรรมเบราว์เซอร์ใหม่ที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และทันสมัย

    Servo ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์ แต่เป็นชุดไลบรารีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบนิเวศของ Rust โดย Igalia ได้เข้ามารับหน้าที่ดูแลตั้งแต่ปี 2023 และผลักดันให้ Servo กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในวงการเทคโนโลยี

    เงินทุนจาก Sovereign Tech Fund จะถูกนำไปใช้ใน 3 ด้านหลัก:

    1️⃣ การเพิ่มฟีเจอร์ด้านการเข้าถึง (Accessibility) เพื่อให้ Servo รองรับผู้ใช้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย เช่น ผู้ใช้ screen reader

    2️⃣ การพัฒนา WebView API เพื่อให้สามารถฝัง Servo ลงในแอปพลิเคชันได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ

    3️⃣ การดูแลรักษาโครงการอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดการ issue, ตรวจสอบ pull request และออกเวอร์ชันใหม่

    นอกจากนั้น Igalia ยังเน้นว่า Servo เป็นโครงการที่มีคุณค่าต่อสาธารณะ และการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้เทคโนโลยีเว็บมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ผูกขาดอยู่กับเอนจินหลักอย่าง Chromium หรือ WebKit

    Igalia ได้รับเงินทุนจาก Sovereign Tech Fund
    ใช้พัฒนา Servo เว็บเอนจินโอเพ่นซอร์สที่เขียนด้วยภาษา Rust
    มุ่งเน้นความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และการใช้งานในระยะยาว

    Servo เป็นมากกว่าเบราว์เซอร์
    เป็นชุดไลบรารีที่ใช้ในระบบนิเวศของภาษา Rust
    Igalia รับหน้าที่ดูแลตั้งแต่ปี 2023

    เป้าหมายการพัฒนาในปีหน้า
    เพิ่มฟีเจอร์ Accessibility รองรับผู้ใช้ screen reader
    พัฒนา WebView API เพื่อฝัง Servo ในแอปต่าง ๆ
    ดูแลโครงการ เช่น ตรวจสอบ pull request และออกเวอร์ชันใหม่

    ความสำคัญของโครงการ
    ส่งเสริมความหลากหลายของเทคโนโลยีเว็บ
    ลดการพึ่งพาเอนจินจากบริษัทใหญ่ เช่น Google หรือ Apple
    สร้างทางเลือกใหม่ให้กับนักพัฒนาและผู้ใช้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rust เป็นภาษาที่เน้นความปลอดภัยด้านหน่วยความจำ
    WebView API เป็นหัวใจสำคัญในการฝังเว็บเอนจินในแอป
    Accessibility เป็นประเด็นที่มักถูกละเลยในโครงการโอเพ่นซอร์ส

    คำเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บเอนจิน
    ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและการสนับสนุนระยะยาว
    หากไม่มีชุมชนหรือเงินทุน อาจทำให้โครงการหยุดชะงัก
    การฝังเอนจินในแอปต้องมี API ที่เสถียรและปลอดภัย

    https://www.igalia.com/2025/10/09/Igalia,-Servo,-and-the-Sovereign-Tech-Fund.html
    📰 หัวข้อข่าว: Servo ได้รับเงินทุนจากรัฐ! Igalia เดินหน้าพัฒนาเว็บเอนจินโอเพ่นซอร์สเพื่ออนาคตของอินเทอร์เน็ต Igalia บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโอเพ่นซอร์สจากยุโรป ประกาศข่าวดีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 ว่าได้รับเงินสนับสนุนจาก Sovereign Tech Fund เพื่อพัฒนา Servo — เว็บเอนจินที่เขียนด้วยภาษา Rust ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างสถาปัตยกรรมเบราว์เซอร์ใหม่ที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และทันสมัย Servo ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์ แต่เป็นชุดไลบรารีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบนิเวศของ Rust โดย Igalia ได้เข้ามารับหน้าที่ดูแลตั้งแต่ปี 2023 และผลักดันให้ Servo กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในวงการเทคโนโลยี เงินทุนจาก Sovereign Tech Fund จะถูกนำไปใช้ใน 3 ด้านหลัก: 1️⃣ การเพิ่มฟีเจอร์ด้านการเข้าถึง (Accessibility) เพื่อให้ Servo รองรับผู้ใช้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย เช่น ผู้ใช้ screen reader 2️⃣ การพัฒนา WebView API เพื่อให้สามารถฝัง Servo ลงในแอปพลิเคชันได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ 3️⃣ การดูแลรักษาโครงการอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดการ issue, ตรวจสอบ pull request และออกเวอร์ชันใหม่ นอกจากนั้น Igalia ยังเน้นว่า Servo เป็นโครงการที่มีคุณค่าต่อสาธารณะ และการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้เทคโนโลยีเว็บมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ผูกขาดอยู่กับเอนจินหลักอย่าง Chromium หรือ WebKit ✅ Igalia ได้รับเงินทุนจาก Sovereign Tech Fund ➡️ ใช้พัฒนา Servo เว็บเอนจินโอเพ่นซอร์สที่เขียนด้วยภาษา Rust ➡️ มุ่งเน้นความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และการใช้งานในระยะยาว ✅ Servo เป็นมากกว่าเบราว์เซอร์ ➡️ เป็นชุดไลบรารีที่ใช้ในระบบนิเวศของภาษา Rust ➡️ Igalia รับหน้าที่ดูแลตั้งแต่ปี 2023 ✅ เป้าหมายการพัฒนาในปีหน้า ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ Accessibility รองรับผู้ใช้ screen reader ➡️ พัฒนา WebView API เพื่อฝัง Servo ในแอปต่าง ๆ ➡️ ดูแลโครงการ เช่น ตรวจสอบ pull request และออกเวอร์ชันใหม่ ✅ ความสำคัญของโครงการ ➡️ ส่งเสริมความหลากหลายของเทคโนโลยีเว็บ ➡️ ลดการพึ่งพาเอนจินจากบริษัทใหญ่ เช่น Google หรือ Apple ➡️ สร้างทางเลือกใหม่ให้กับนักพัฒนาและผู้ใช้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rust เป็นภาษาที่เน้นความปลอดภัยด้านหน่วยความจำ ➡️ WebView API เป็นหัวใจสำคัญในการฝังเว็บเอนจินในแอป ➡️ Accessibility เป็นประเด็นที่มักถูกละเลยในโครงการโอเพ่นซอร์ส ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บเอนจิน ⛔ ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและการสนับสนุนระยะยาว ⛔ หากไม่มีชุมชนหรือเงินทุน อาจทำให้โครงการหยุดชะงัก ⛔ การฝังเอนจินในแอปต้องมี API ที่เสถียรและปลอดภัย https://www.igalia.com/2025/10/09/Igalia,-Servo,-and-the-Sovereign-Tech-Fund.html
    WWW.IGALIA.COM
    Igalia, Servo, and the Sovereign Tech Fund | Igalia
    Igalia is an open source consultancy specialised in the development of innovative projects and solutions. Our engineers have expertise in a wide range of technological areas, including browsers and client-side web technologies, graphics pipeline, compilers and virtual machines. We have the most WPE, WebKit, Chromium/Blink and Firefox expertise found in the consulting business, including many reviewers and committers. Igalia designs, develops, customises and optimises GNU/Linux-based solutions for companies across the globe. Our work and contributions are present in many projects such as GStreamer, Mesa 3D, WebKit, Chromium, etc.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว


  • #พรบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือคาร์บอนเครติดคือภัยพิบัติคนไทยเรา หรือมุกแอบแฝงควบคุมคาร์บอนให้ต่ำลง เป้าหมายควบคุมประชาชนในประเทศนั้นทั้งหมดให้เป็นทาสขี้ข้าโดยเบ็ดเสร็จของอีลิทไซออนิสต์deep state อะเจนด้า30ที่ต้องการ,

    #รัฐบาลสามารถควบคุมCBDCเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้า

    #รัฐบาลสามารถควบคุมปริมาณคาร์บอนของคุณ

    #รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงิน

    #รัฐบาลสามารถควบคุมระบบเครดิตทางสังคมของ

    #รัฐบาลสามารถควบคุมโปรแกรมCBDCให้หยุดเงินของคุณได้ทั้งหมด


    จีนคือตัวพ่อเผด็จการจะยึดโลกควบคุมมนุษย์ อีลิทไซออนิสต์deep stateโลกมันทิ้งอเมริกาย้ายมาใช้งานจีนแล้ว.,เหมือนทิ้งอังกฤษปอนด์ ไปหาอเมริกาดอลล่าร์เพื่อควบคุมโลก ในโลกยุคใหม่ที่เราเห็นกันชัดๆที่ผ่านๆมา,ตอนนี้กำลังจะเขียนบริบทโลกใหม่อีกแล้ว ยูโรปทางตัน อเมริกาก็ทางตัน ,จีนคือตัวเลือก ,ทิ้งดอลล่าร์ใช้หยวนนั้นเองในโลกทางการเงิน,แต่ความจริงระบบคอมมิวนิสต์ต่างหากที่เหมาะสมกับสไตล์อีลิทมัน,อังกฤษและอเมริกามันลองใช้แล้วล้มเหลว จึงจะใช้ระบบเผด็จการแทนในการทดสอบครั้งนี้ในยุคใหม่นี้ มันจึงถ่ายทอดเทคโนโลยีย้ายโอนมาอัดมาใส่ที่จีน,คนจีนคือห้องทดลองผิวโลกขนาดใหญ่ของมันที่ผ่านๆมา.,ทางเลือกมีแค่คนจีนดีๆจะลุกขึ้นสู้ร่วมต่อต้านระบบเผด็จการปลดปล่อยตนเองทั้งประเทศจีนเท่านั้น.,หรืออเมริกายิงขีปนาวุธถล่มจีนปลดปล่อยชาวจีนเท่านั้น,โดยอเมริกาก็ปลดปล่อยตนเองจากอีลิทเองด้วยซึ่งถูกกดขี่มานานเช่นกัน.
    ..ในสภาฯไทยเรา นายกฯอนุทินประกาศชัดเจนเหมือนมุ่งเน้นเจตนารมณ์ตามคำสั่งอีลิทเด่นมาก,ซึ่งจริงๆไม่ต้องอ่านหรือเขียนอย่างเป็นทางการก็ได้,รวมเอาพรบ.สภาพอากาศมายื่นพื้นช่วยค้ำให้อีลิทด้วย รับไม้ต่อชัดเจนไม่ว่าจะเปลี่ยนใครมาเป็นนายกฯ เหมือนไม่แตะบ่อปิโตรเลี่ยน บ่อน้ำมันไทยเลยนั้นล่ะ ถ้าประกาศว่าจะยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่เคยผ่านสภาสส.สว.อันขัดต่อความมั่นคงทางอธิปไตยของชาติด้านพลังงานของรัฐธรรมนูญแม่บทเรา ถ้าประกาศแบบนี้จะดีมาก ยกเลิกเลย,แต่ไม่แตะเลย,วิกฤติเศรษฐกิจไทยแค่ลดราคาน้ำมันลงเหลือ1-2บาทแบบอิหร่าน เราจะผ่านพ้นทันทีทั้งประเทศ เสมือนยึดแดนดินคืนจากเขมรที่เสาหมุด1:1 ทั้ง73-74เสาเขตแดนตั้งเป็นฐานเดิมเรื่องเขตแดนก็จบแล้ว,mouใดๆถือว่าโมฆะหมด,เรามีนายกฯที่ไม่มีฝีมือ ไม่กล้าหาญจริงแต่นั้น,,นายกฯกล้าหาญคือโมฆะสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ยึดดินแดนไทยคืนจากเขมร,สร้างรั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ปิดด่านไทยเขมรไม่มีกำหนดจนกว่าเขมรจะหมดสิ้นสภาพสถานะมาเป็นภัยร้ายแรงคุกคามกับไทยได้อีกพร้อมคว่ำบาตรเขมรทุกๆช่องทางทั้งหมดด้วย,กรณีโจรใต้เราก็สร้างรั้วลวดหนามถาวรตลอดแนวพรมแดนกว่า600กม.ด้วยเช่นกัน.,นี้คือพื้นฐานจริงที่นายกฯประเทศต้องทำทันทีในยุคนี้ ปลดปล่อยประเทศไทย กอบกู้ชาติไทยคืนจากการผูกขาดทรัพยากรชาติไทยจากต่างชาติทั้งหมด,เมื่อนายกฯในอดีตชั่วเลว นายกฯปัจจุบันไม่จำเป็นต้องคงสิ่งชั่วเลวที่มันร่วมกันทำไว้,เพราะอำนาจนายกฯอยู่ในมือตนแล้วในปัจจุบัน,เรามีผู้นำผู้ปกครองทันหมากอีลิทย่อมต่อกรหรือชนะได้แน่เช่นกัน.,ผ่านพ้นภัยอันตรายลักษณะผีบ้าที่คอมมิวนิสต์จีนทำกับประชาชนพลเมืองมันด้วย.

    [...CBDC ของจีนเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์ที่จำเป็น ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้าอันกว้างขวาง

    ประชาชนสามารถชำระค่าสิ่งของได้อย่าง "สะดวก" โดยไม่ต้องใช้อะไรเลยนอกจากใบหน้า

    แต่สิ่งนี้ยังทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงินของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์

    ลองนึกภาพผู้หญิงคนนี้ต้องการซื้อโคล่า แต่ในเดือนนี้เธอได้เกินปริมาณคาร์บอนที่อนุญาตไว้แล้ว สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้ปฏิเสธธุรกรรมโดยอัลกอริทึมได้

    หรือจินตนาการว่าเธอวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทางโซเชียลมีเดีย และพบว่าตัวเองถูกขึ้นบัญชีดำโดยระบบเครดิตทางสังคมของจีน สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้หยุดเงินทุนของเธอได้ทั้งหมด

    อย่าพลาด: ฝันร้ายดิสโทเปียนี้กำลังจะเกิดขึ้นในโลกตะวันตก หากเรายอมให้รัฐบาลหลอกให้เรายอมรับ ID ดิจิทัลและ CBDC ]
    #พรบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือคาร์บอนเครติดคือภัยพิบัติคนไทยเรา หรือมุกแอบแฝงควบคุมคาร์บอนให้ต่ำลง เป้าหมายควบคุมประชาชนในประเทศนั้นทั้งหมดให้เป็นทาสขี้ข้าโดยเบ็ดเสร็จของอีลิทไซออนิสต์deep state อะเจนด้า30ที่ต้องการ, #รัฐบาลสามารถควบคุมCBDCเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้า #รัฐบาลสามารถควบคุมปริมาณคาร์บอนของคุณ #รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงิน #รัฐบาลสามารถควบคุมระบบเครดิตทางสังคมของ #รัฐบาลสามารถควบคุมโปรแกรมCBDCให้หยุดเงินของคุณได้ทั้งหมด จีนคือตัวพ่อเผด็จการจะยึดโลกควบคุมมนุษย์ อีลิทไซออนิสต์deep stateโลกมันทิ้งอเมริกาย้ายมาใช้งานจีนแล้ว.,เหมือนทิ้งอังกฤษปอนด์ ไปหาอเมริกาดอลล่าร์เพื่อควบคุมโลก ในโลกยุคใหม่ที่เราเห็นกันชัดๆที่ผ่านๆมา,ตอนนี้กำลังจะเขียนบริบทโลกใหม่อีกแล้ว ยูโรปทางตัน อเมริกาก็ทางตัน ,จีนคือตัวเลือก ,ทิ้งดอลล่าร์ใช้หยวนนั้นเองในโลกทางการเงิน,แต่ความจริงระบบคอมมิวนิสต์ต่างหากที่เหมาะสมกับสไตล์อีลิทมัน,อังกฤษและอเมริกามันลองใช้แล้วล้มเหลว จึงจะใช้ระบบเผด็จการแทนในการทดสอบครั้งนี้ในยุคใหม่นี้ มันจึงถ่ายทอดเทคโนโลยีย้ายโอนมาอัดมาใส่ที่จีน,คนจีนคือห้องทดลองผิวโลกขนาดใหญ่ของมันที่ผ่านๆมา.,ทางเลือกมีแค่คนจีนดีๆจะลุกขึ้นสู้ร่วมต่อต้านระบบเผด็จการปลดปล่อยตนเองทั้งประเทศจีนเท่านั้น.,หรืออเมริกายิงขีปนาวุธถล่มจีนปลดปล่อยชาวจีนเท่านั้น,โดยอเมริกาก็ปลดปล่อยตนเองจากอีลิทเองด้วยซึ่งถูกกดขี่มานานเช่นกัน. ..ในสภาฯไทยเรา นายกฯอนุทินประกาศชัดเจนเหมือนมุ่งเน้นเจตนารมณ์ตามคำสั่งอีลิทเด่นมาก,ซึ่งจริงๆไม่ต้องอ่านหรือเขียนอย่างเป็นทางการก็ได้,รวมเอาพรบ.สภาพอากาศมายื่นพื้นช่วยค้ำให้อีลิทด้วย รับไม้ต่อชัดเจนไม่ว่าจะเปลี่ยนใครมาเป็นนายกฯ เหมือนไม่แตะบ่อปิโตรเลี่ยน บ่อน้ำมันไทยเลยนั้นล่ะ ถ้าประกาศว่าจะยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่เคยผ่านสภาสส.สว.อันขัดต่อความมั่นคงทางอธิปไตยของชาติด้านพลังงานของรัฐธรรมนูญแม่บทเรา ถ้าประกาศแบบนี้จะดีมาก ยกเลิกเลย,แต่ไม่แตะเลย,วิกฤติเศรษฐกิจไทยแค่ลดราคาน้ำมันลงเหลือ1-2บาทแบบอิหร่าน เราจะผ่านพ้นทันทีทั้งประเทศ เสมือนยึดแดนดินคืนจากเขมรที่เสาหมุด1:1 ทั้ง73-74เสาเขตแดนตั้งเป็นฐานเดิมเรื่องเขตแดนก็จบแล้ว,mouใดๆถือว่าโมฆะหมด,เรามีนายกฯที่ไม่มีฝีมือ ไม่กล้าหาญจริงแต่นั้น,,นายกฯกล้าหาญคือโมฆะสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ยึดดินแดนไทยคืนจากเขมร,สร้างรั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ปิดด่านไทยเขมรไม่มีกำหนดจนกว่าเขมรจะหมดสิ้นสภาพสถานะมาเป็นภัยร้ายแรงคุกคามกับไทยได้อีกพร้อมคว่ำบาตรเขมรทุกๆช่องทางทั้งหมดด้วย,กรณีโจรใต้เราก็สร้างรั้วลวดหนามถาวรตลอดแนวพรมแดนกว่า600กม.ด้วยเช่นกัน.,นี้คือพื้นฐานจริงที่นายกฯประเทศต้องทำทันทีในยุคนี้ ปลดปล่อยประเทศไทย กอบกู้ชาติไทยคืนจากการผูกขาดทรัพยากรชาติไทยจากต่างชาติทั้งหมด,เมื่อนายกฯในอดีตชั่วเลว นายกฯปัจจุบันไม่จำเป็นต้องคงสิ่งชั่วเลวที่มันร่วมกันทำไว้,เพราะอำนาจนายกฯอยู่ในมือตนแล้วในปัจจุบัน,เรามีผู้นำผู้ปกครองทันหมากอีลิทย่อมต่อกรหรือชนะได้แน่เช่นกัน.,ผ่านพ้นภัยอันตรายลักษณะผีบ้าที่คอมมิวนิสต์จีนทำกับประชาชนพลเมืองมันด้วย. [...CBDC ของจีนเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์ที่จำเป็น ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้าอันกว้างขวาง ประชาชนสามารถชำระค่าสิ่งของได้อย่าง "สะดวก" โดยไม่ต้องใช้อะไรเลยนอกจากใบหน้า แต่สิ่งนี้ยังทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงินของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์ ลองนึกภาพผู้หญิงคนนี้ต้องการซื้อโคล่า แต่ในเดือนนี้เธอได้เกินปริมาณคาร์บอนที่อนุญาตไว้แล้ว สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้ปฏิเสธธุรกรรมโดยอัลกอริทึมได้ หรือจินตนาการว่าเธอวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทางโซเชียลมีเดีย และพบว่าตัวเองถูกขึ้นบัญชีดำโดยระบบเครดิตทางสังคมของจีน สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้หยุดเงินทุนของเธอได้ทั้งหมด อย่าพลาด: ฝันร้ายดิสโทเปียนี้กำลังจะเกิดขึ้นในโลกตะวันตก หากเรายอมให้รัฐบาลหลอกให้เรายอมรับ ID ดิจิทัลและ CBDC ]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • กมธ.ความมั่นคงฯ ลุยสอบเงินทุนกัมพูชา เชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทบความมั่นคงไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21820/
    .
    #ไทยไท #รังสิมันต์โรม #กมธความมั่นคง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ธรรมนัส #นฤมล #เบนสมิธ #ฟอกเงิน
    กมธ.ความมั่นคงฯ ลุยสอบเงินทุนกัมพูชา เชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทบความมั่นคงไทย https://www.thai-tai.tv/news/21820/ . #ไทยไท #รังสิมันต์โรม #กมธความมั่นคง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ธรรมนัส #นฤมล #เบนสมิธ #ฟอกเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบงค์ชาติมีทั้งจังหวะฝ่ายดีบริหารจัดการ,มีทั้งฝ่ายไม่ดีอำนวยประโยชน์ให้แบงค์เอกชน,แต่สุดท้ายเอาเข้าจริงๆแบงค์ชาติคือจุดเปลี่ยนทั้งหมดของเศรษฐกิจไทย ,จุดเปลี่ยนทั้งหมดที่จะทำให้คนไทยร่ำรวยหรือยากจนเพราะดูแลเรื่องเงินเรื่องตังของจริง,ธุรกรรมชั่วเลวใดที่เข้าไทย จะออกจากไทย แบงค์ชาติสั่งอายัดและตรวจสอบก่อนได้ทั้งหมด ยกเว้นกรณีพวกมาเหนือกฎหมาย ใช้อำนาจเหนือกฎหมายกระทำการผ่านช่องทางออกอื่นๆ เช่นหลบหนีการตรวจสอบจากตม.ไทยได้ ขนเงินขนทองคำออกนอกประเทศผ่านเครื่องบิน บินไปฝากไปฟอกตังที่สิงคโปร์เป็นต้น หรือทั่วประเทศ โดยอาศัยชนชั้นศักดินาอำมาตย์พิเศษตน เจ้าสัวพิเศษตน ผู้ดีเก่าตน เจ้าขุนมูลนายเก่าตน มันผ่านระบบตรวจสอบได้แน่นอนจากแบงค์ชาติ แม้แต่เกาะฟอกเงินต่างประเทศแบงค์ชาติไม่รู้ไม่เชื่อมโยงระบบก็อาจเป็นไปไม่ได้,เกาะฟอกเงินอาจโอนเข้าไทยผ่านแบงค์ชาตินี้ล่ะ,เอกชนไทยและเอกชนแบงค์ต่างประเทศใดรับโอนมาแบงค์ชาติก็เห็นหมดล่ะ สั่งยึดอายัดได้หมด,แต่ความจริงเนื้องานไส้ในเราก็ไม่รู้ได้นั้นเอง.
    ..เงินทุนมากมายมาโจมตีไทย เข้าไทย ออกจากไทย ดูดจากไทย แบงค์ชาติรู้ภาพรวมยอดรวมต้นทางปลายทางหมดล่ะ,อำนาจทางการเงินของแบงค์ชาตินั้นเด็ดขาดได้,แต่จะเด็ดขาดกับอีลิทdeep stateนายตนเองคงยาก.
    ..แบงค์ชาติสามารถช่วยประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุขทางการเงินที่ใช้เงินจับจ่ายใช้สอยจริงได้ สามารถสร้างกลไกกองทุนหมู่บ้านที่มีประสิทธิภาพเสมือนสถาบันการเงินประจำหมู่บ้านนั้นๆได้ ตังจะหมุนเวียนในชุมชนแบงค์ชาติก็กำหนดเงื่อนไขกติกาได้,เชื่อมโยงระบบการตลาดกับแหล่งตลาดชุมชนแบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านได้,ประสานรัฐบาลได้ มิให้แบงค์เอกชนมายุ่งเกี่ยวเป็นอิสระได้,สังกัดทางตรงกับแบงค์ชาติได้,ฟรีดอกเบี้ยแก่ประชาชนในหมู่บ้านก็ได้อีก สร้างกฎกติกาเงื่อนไขพิเศษช่วยชุมชนได้ หรือง่ายๆ เอากำไรที่ได้จากทองคำ มาแบ่งช่วยหมู่บ้านชุมชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบพิเศษฟรีดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สามารถใช้จ่ายผ่านกองทุนร้านค้าหมู่บ้านตนเท่านั้นหากมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเกิดขึ้น เช่นคนละครึ่งแบบนี้ ใช้จ่ายได้แค่ในตลาดชุมชน ในร้านค้ากองทุนหมู่บ้านที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาล ตังจะหมุนเวียนในประเทศในชุมชนทันที,ไม่มีตลาดกองทุนชุมชนก็ก่อตั้งขึ้นโดยผู้นำหมู่บ้านตำบลอำ้ภอจังหวัดสิ,ใช้เป็นตลาดกระจายสินค้าก็ได้ ตลาดแบบตลาดเทศบาลนั้นล่ะแต่ปลอดภาษี,ประชาชนสามารถเอาสินค้าตนเองทางการเกษตรมาขายอิสระเสรีได้ มีแหล่งตลาดเป็นของตนเองจริง ตลาดระดับชุมชนขนาดอำเภอ จังหวัดก็ว่าไป สร้างระบบบริการจัดการแบบตลาดเทศบาลอำเภอเมืองไป,เกษตรมีแบงค์ชาติปล่อยเงินกู้หมู่บ้านละ1ล้านบาทก่อนเพื่อเป็นปฐมชัยมี80,000หมู่บ้านชุมชนก็80,000ล้านบาท ประชาชนมากู้คนละ10,000บาทแค่นั้นก่อน,ปลูกผักสวนครัวได้,ฟรีดอกเบี้ย ชำระเงินต้นในสองปีข้างหน้า,ก็ช่วยชาวบ้านได้100คนเลยนะไม่น้อยเลย,คืนแค่เงินต้น,บางคนทำขนมเอาไปขายในตลาดชุมชนตน ปลูกพืชผักสวนครัว สัมมาอาชีพสาระพัด มาแลกเปลี่ยนค้าขายในตลาดชุมชนตน,รวมกลุ่มส่งออกได้อีก,เช่นคนละ10,000รวมกลุ่มใหญ่ ปลูกนั้นนี้ ส่งออกได้กำไรมาอาจเกินล้านบาท,เช่นกัญชาเสรี,อาจไม่ต่ำกว่า10ล้านบาทต่อรอบการผลิตแบบไทบ้าน,ฝิ่นเสรีขายให้โรงพยาบาลสกัดยาแก้ปวดเองเป็นต้น555,คือมีสาระพัดวิธีทำให้ประชาชนยืนด้วยขาตนเองได้ไม่เอาเปรียบสถานะชิงฐานะร่ำรวยของประชาชนไปแบบยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งบนบกและในทะเลสองฝั่งให้ต่างชาติ,เราทำเอง ขายน้ำมันราคาลิตร1-2บาทแบบอิหร่านนะ,วิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เรากำลังเจออยู่จะเป็นเรื่องขี้หมาทันที,ปากก็บอกชาติบ้านเมืองพบเจอวิกฤติเศรษฐกิจนะ วิกฤตินี้อันตรายมากพะนะ กระทบไทยแล้วมันมาจากยุโรปทางการเงินที่ล้มสลาย มุกจะก่อสงครามตัวแทนสู่สงครามโลกอีก.
    ..รัฐบาลชุดปัจจุบันสั่งกิจการในไทยทั้งหมดลดราคาน้ำมันลงเหลือลิตรละ10บาททุกๆชนิดดูสิ มีผลในพรุ่งนี้,เพราะต้นทุนผลิตจริงๆไม่กี่บาท,เช่นนั้นจะยกเลิกสัมปทานทั้งหมดจะเอกชนไทยหรือต่างประเทศเพราะไม่เคยนำเข้าสภาสส.สว.ไทยแม้แต่เคสสัมปทานเดียวและมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยด้านพลังงานชัดเจนด้วยที่ปล้นประเทศไทย,ยึดครองประเทศไทยผ่านmouสัญญาสัมปทานนี้นานกว่าเขมรยึด11จุดอีสานใต้อีก,ตั้งแต่ปี2522-23ไทยสมควรร่ำรวยนานแล้วโดยสามารถกระจายความร่ำรวยนี้แก่ภาคประชาชนคนไทยเราทุกๆคนไทยจนถึงปัจจุบัน,มันสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้ทันทีเป็นเรื่องภายในอธิปไตยความมั่นคงภายในเราชัดเจนด้วย.,mouสัมปทานบ่อน้ำมัน นานกฯอนุทินยกเลิกทั้งหมดได้เพราะไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเรา,สส.สว.เราเลย,เป็นmouสัญญาที่ทุจริตปล้นประเทศไทยด้านทรัพยากรชาติไทยผ่านกระบวนกฎหมายไทยที่ทุจริตไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อประเทศตนเองโดยราชการไทยที่ไม่ซื่อสัตย์ดำเนินการเองให้เกิดขึ้น จะด้วยคณะครม.ชุดอดีตที่ผ่านมาก็ตามในรัฐบาลในอดีตรวมอธิบดีพลังงานต้นเรื่องด้วยที่ไม่เสนอเรื่องใหญ่โตระดับชาติภัยความมั่นคงทางด้านพลังงานที่เป็นกลไกที่แท้จริงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบและกระทบทุกๆมิติด้วย แต่ข้าราชการเลวชั่วไม่สุจริตจึงก่อการวางแผนสร้างเงื่อนไขสัญญาเลวชั่วนี้ขึ้นให้เป็นภัยต่อแผ่นดินไทยตนจนถูกครอบงำผูกขาดการตลาดน้ำมันสิ้น,จึงต้องโมฆะทั้งหมดทันทีที่ชอบธรรม,นายกฯอนุทินเซ็นต์อนุมัติสั่งการผ่านคณะครม.ได้ทันที,มีผลอย่างเป็นทางการในสิ้นเดือนตุลา.68นี้ก็ได้ให้อีกฝ่ายเก็บของออกจากประเทศไทยไป,อย่าหยาบจึงใช้กำลังผลักดันขับไล่ออกนอกประเทศไทยไป,นี้คือแผ่นดินไทย คืออธิปไตยไทย ต่างชาติจะมาปล้นทรัพยากรไทยไม่ใช่ทำง่ายๆแบบอดีตอีกแล้ว มันคือการปลดแอกปลดปล่อยและกอบกู้ประเทศไทยที่แท้จริง,เรื่องเขมรฮุนเซนเป็นเรื่องขี้หมาปลีกย่อย เพราะไอ้สารเลวห่านี้ก็อยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยเราอันเดียวกัน บ่อทองคำด้วย,จึงตีมูลค่ากว่า20ล้านล้านบาทได้สบายมิใช่10ล้านล้านหรอก เผลอๆ100ล้านล้านบาทเลยเพราะคือส่วนหัวบ่อใหญ่เลย.

    https://youtube.com/shorts/MPch22srWUg?si=Z3hLWLwQ9iyzg1c3
    แบงค์ชาติมีทั้งจังหวะฝ่ายดีบริหารจัดการ,มีทั้งฝ่ายไม่ดีอำนวยประโยชน์ให้แบงค์เอกชน,แต่สุดท้ายเอาเข้าจริงๆแบงค์ชาติคือจุดเปลี่ยนทั้งหมดของเศรษฐกิจไทย ,จุดเปลี่ยนทั้งหมดที่จะทำให้คนไทยร่ำรวยหรือยากจนเพราะดูแลเรื่องเงินเรื่องตังของจริง,ธุรกรรมชั่วเลวใดที่เข้าไทย จะออกจากไทย แบงค์ชาติสั่งอายัดและตรวจสอบก่อนได้ทั้งหมด ยกเว้นกรณีพวกมาเหนือกฎหมาย ใช้อำนาจเหนือกฎหมายกระทำการผ่านช่องทางออกอื่นๆ เช่นหลบหนีการตรวจสอบจากตม.ไทยได้ ขนเงินขนทองคำออกนอกประเทศผ่านเครื่องบิน บินไปฝากไปฟอกตังที่สิงคโปร์เป็นต้น หรือทั่วประเทศ โดยอาศัยชนชั้นศักดินาอำมาตย์พิเศษตน เจ้าสัวพิเศษตน ผู้ดีเก่าตน เจ้าขุนมูลนายเก่าตน มันผ่านระบบตรวจสอบได้แน่นอนจากแบงค์ชาติ แม้แต่เกาะฟอกเงินต่างประเทศแบงค์ชาติไม่รู้ไม่เชื่อมโยงระบบก็อาจเป็นไปไม่ได้,เกาะฟอกเงินอาจโอนเข้าไทยผ่านแบงค์ชาตินี้ล่ะ,เอกชนไทยและเอกชนแบงค์ต่างประเทศใดรับโอนมาแบงค์ชาติก็เห็นหมดล่ะ สั่งยึดอายัดได้หมด,แต่ความจริงเนื้องานไส้ในเราก็ไม่รู้ได้นั้นเอง. ..เงินทุนมากมายมาโจมตีไทย เข้าไทย ออกจากไทย ดูดจากไทย แบงค์ชาติรู้ภาพรวมยอดรวมต้นทางปลายทางหมดล่ะ,อำนาจทางการเงินของแบงค์ชาตินั้นเด็ดขาดได้,แต่จะเด็ดขาดกับอีลิทdeep stateนายตนเองคงยาก. ..แบงค์ชาติสามารถช่วยประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุขทางการเงินที่ใช้เงินจับจ่ายใช้สอยจริงได้ สามารถสร้างกลไกกองทุนหมู่บ้านที่มีประสิทธิภาพเสมือนสถาบันการเงินประจำหมู่บ้านนั้นๆได้ ตังจะหมุนเวียนในชุมชนแบงค์ชาติก็กำหนดเงื่อนไขกติกาได้,เชื่อมโยงระบบการตลาดกับแหล่งตลาดชุมชนแบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านได้,ประสานรัฐบาลได้ มิให้แบงค์เอกชนมายุ่งเกี่ยวเป็นอิสระได้,สังกัดทางตรงกับแบงค์ชาติได้,ฟรีดอกเบี้ยแก่ประชาชนในหมู่บ้านก็ได้อีก สร้างกฎกติกาเงื่อนไขพิเศษช่วยชุมชนได้ หรือง่ายๆ เอากำไรที่ได้จากทองคำ มาแบ่งช่วยหมู่บ้านชุมชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบพิเศษฟรีดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สามารถใช้จ่ายผ่านกองทุนร้านค้าหมู่บ้านตนเท่านั้นหากมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเกิดขึ้น เช่นคนละครึ่งแบบนี้ ใช้จ่ายได้แค่ในตลาดชุมชน ในร้านค้ากองทุนหมู่บ้านที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาล ตังจะหมุนเวียนในประเทศในชุมชนทันที,ไม่มีตลาดกองทุนชุมชนก็ก่อตั้งขึ้นโดยผู้นำหมู่บ้านตำบลอำ้ภอจังหวัดสิ,ใช้เป็นตลาดกระจายสินค้าก็ได้ ตลาดแบบตลาดเทศบาลนั้นล่ะแต่ปลอดภาษี,ประชาชนสามารถเอาสินค้าตนเองทางการเกษตรมาขายอิสระเสรีได้ มีแหล่งตลาดเป็นของตนเองจริง ตลาดระดับชุมชนขนาดอำเภอ จังหวัดก็ว่าไป สร้างระบบบริการจัดการแบบตลาดเทศบาลอำเภอเมืองไป,เกษตรมีแบงค์ชาติปล่อยเงินกู้หมู่บ้านละ1ล้านบาทก่อนเพื่อเป็นปฐมชัยมี80,000หมู่บ้านชุมชนก็80,000ล้านบาท ประชาชนมากู้คนละ10,000บาทแค่นั้นก่อน,ปลูกผักสวนครัวได้,ฟรีดอกเบี้ย ชำระเงินต้นในสองปีข้างหน้า,ก็ช่วยชาวบ้านได้100คนเลยนะไม่น้อยเลย,คืนแค่เงินต้น,บางคนทำขนมเอาไปขายในตลาดชุมชนตน ปลูกพืชผักสวนครัว สัมมาอาชีพสาระพัด มาแลกเปลี่ยนค้าขายในตลาดชุมชนตน,รวมกลุ่มส่งออกได้อีก,เช่นคนละ10,000รวมกลุ่มใหญ่ ปลูกนั้นนี้ ส่งออกได้กำไรมาอาจเกินล้านบาท,เช่นกัญชาเสรี,อาจไม่ต่ำกว่า10ล้านบาทต่อรอบการผลิตแบบไทบ้าน,ฝิ่นเสรีขายให้โรงพยาบาลสกัดยาแก้ปวดเองเป็นต้น555,คือมีสาระพัดวิธีทำให้ประชาชนยืนด้วยขาตนเองได้ไม่เอาเปรียบสถานะชิงฐานะร่ำรวยของประชาชนไปแบบยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งบนบกและในทะเลสองฝั่งให้ต่างชาติ,เราทำเอง ขายน้ำมันราคาลิตร1-2บาทแบบอิหร่านนะ,วิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เรากำลังเจออยู่จะเป็นเรื่องขี้หมาทันที,ปากก็บอกชาติบ้านเมืองพบเจอวิกฤติเศรษฐกิจนะ วิกฤตินี้อันตรายมากพะนะ กระทบไทยแล้วมันมาจากยุโรปทางการเงินที่ล้มสลาย มุกจะก่อสงครามตัวแทนสู่สงครามโลกอีก. ..รัฐบาลชุดปัจจุบันสั่งกิจการในไทยทั้งหมดลดราคาน้ำมันลงเหลือลิตรละ10บาททุกๆชนิดดูสิ มีผลในพรุ่งนี้,เพราะต้นทุนผลิตจริงๆไม่กี่บาท,เช่นนั้นจะยกเลิกสัมปทานทั้งหมดจะเอกชนไทยหรือต่างประเทศเพราะไม่เคยนำเข้าสภาสส.สว.ไทยแม้แต่เคสสัมปทานเดียวและมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยด้านพลังงานชัดเจนด้วยที่ปล้นประเทศไทย,ยึดครองประเทศไทยผ่านmouสัญญาสัมปทานนี้นานกว่าเขมรยึด11จุดอีสานใต้อีก,ตั้งแต่ปี2522-23ไทยสมควรร่ำรวยนานแล้วโดยสามารถกระจายความร่ำรวยนี้แก่ภาคประชาชนคนไทยเราทุกๆคนไทยจนถึงปัจจุบัน,มันสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้ทันทีเป็นเรื่องภายในอธิปไตยความมั่นคงภายในเราชัดเจนด้วย.,mouสัมปทานบ่อน้ำมัน นานกฯอนุทินยกเลิกทั้งหมดได้เพราะไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเรา,สส.สว.เราเลย,เป็นmouสัญญาที่ทุจริตปล้นประเทศไทยด้านทรัพยากรชาติไทยผ่านกระบวนกฎหมายไทยที่ทุจริตไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อประเทศตนเองโดยราชการไทยที่ไม่ซื่อสัตย์ดำเนินการเองให้เกิดขึ้น จะด้วยคณะครม.ชุดอดีตที่ผ่านมาก็ตามในรัฐบาลในอดีตรวมอธิบดีพลังงานต้นเรื่องด้วยที่ไม่เสนอเรื่องใหญ่โตระดับชาติภัยความมั่นคงทางด้านพลังงานที่เป็นกลไกที่แท้จริงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบและกระทบทุกๆมิติด้วย แต่ข้าราชการเลวชั่วไม่สุจริตจึงก่อการวางแผนสร้างเงื่อนไขสัญญาเลวชั่วนี้ขึ้นให้เป็นภัยต่อแผ่นดินไทยตนจนถูกครอบงำผูกขาดการตลาดน้ำมันสิ้น,จึงต้องโมฆะทั้งหมดทันทีที่ชอบธรรม,นายกฯอนุทินเซ็นต์อนุมัติสั่งการผ่านคณะครม.ได้ทันที,มีผลอย่างเป็นทางการในสิ้นเดือนตุลา.68นี้ก็ได้ให้อีกฝ่ายเก็บของออกจากประเทศไทยไป,อย่าหยาบจึงใช้กำลังผลักดันขับไล่ออกนอกประเทศไทยไป,นี้คือแผ่นดินไทย คืออธิปไตยไทย ต่างชาติจะมาปล้นทรัพยากรไทยไม่ใช่ทำง่ายๆแบบอดีตอีกแล้ว มันคือการปลดแอกปลดปล่อยและกอบกู้ประเทศไทยที่แท้จริง,เรื่องเขมรฮุนเซนเป็นเรื่องขี้หมาปลีกย่อย เพราะไอ้สารเลวห่านี้ก็อยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยเราอันเดียวกัน บ่อทองคำด้วย,จึงตีมูลค่ากว่า20ล้านล้านบาทได้สบายมิใช่10ล้านล้านหรอก เผลอๆ100ล้านล้านบาทเลยเพราะคือส่วนหัวบ่อใหญ่เลย. https://youtube.com/shorts/MPch22srWUg?si=Z3hLWLwQ9iyzg1c3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Taiwan Model: ข้อเสนอพันธมิตรเทคโนโลยีใหม่ระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอธิปไตยกับการลงทุนต่างแดน”

    ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 คณะผู้แทนจากไต้หวันนำโดยรองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเสนอแนวทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระดับสูงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Taiwan Model” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยไม่กระทบต่ออธิปไตยด้านการผลิตชิปของไต้หวัน

    Taiwan Model คือข้อเสนอที่ให้บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยรัฐบาลไต้หวันจะสนับสนุนผ่านการค้ำประกันสินเชื่อการส่งออกและระบบประกันการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน

    แนวทางนี้ยังรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์ของไต้หวันในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น Hsinchu Science Park ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อเสนอ Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับข้อเสนอเดิมที่เคยถูกปฏิเสธอย่างชัดเจน เช่น การให้ไต้หวันย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งไต้หวันยืนยันว่าจะเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ภายในประเทศ เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีนที่อยู่ห่างออกไปเพียง 80 ไมล์

    ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังผลักดันนโยบายใหม่ เช่น กฎ 1:1 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องผลิตในสหรัฐฯ หนึ่งชิปต่อการนำเข้าหนึ่งชิป เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 100% ซึ่งไต้หวันหวังว่าจะใช้ Taiwan Model เป็นเครื่องมือในการเจรจาลดภาษีเหล่านี้ และขยายสิทธิยกเว้นภาษีที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Taiwan Model เป็นข้อเสนอความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ
    รองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun นำคณะผู้แทนเสนอแนวทางนี้ในปลายเดือนกันยายน 2025
    บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยมีการค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนจากรัฐบาล
    สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน
    ไต้หวันจะแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
    ไต้หวันปฏิเสธข้อเสนอให้ย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ
    สหรัฐฯ เสนอ “กฎ 1:1” เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศ
    ไต้หวันหวังใช้ Taiwan Model เพื่อขยายสิทธิยกเว้นภาษีและลดภาษีที่มีอยู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Hsinchu Science Park เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของไต้หวันที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    CHIPS Act ของสหรัฐฯ เป็นนโยบายสนับสนุนการผลิตชิปในประเทศผ่านเงินทุนและสิทธิประโยชน์
    TSMC มีโรงงานในรัฐแอริโซนา แต่ยังคงเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ในไต้หวัน
    การค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของธุรกิจข้ามชาติ
    ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศต้องคำนึงถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-proposes-strategic-tech-alliance-with-the-white-house-taiwan-model-would-help-companies-invest-easily-in-the-u-s-to-satisfy-demands
    🌏 “Taiwan Model: ข้อเสนอพันธมิตรเทคโนโลยีใหม่ระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอธิปไตยกับการลงทุนต่างแดน” ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 คณะผู้แทนจากไต้หวันนำโดยรองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเสนอแนวทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระดับสูงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Taiwan Model” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยไม่กระทบต่ออธิปไตยด้านการผลิตชิปของไต้หวัน Taiwan Model คือข้อเสนอที่ให้บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยรัฐบาลไต้หวันจะสนับสนุนผ่านการค้ำประกันสินเชื่อการส่งออกและระบบประกันการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน แนวทางนี้ยังรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์ของไต้หวันในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น Hsinchu Science Park ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อเสนอ Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับข้อเสนอเดิมที่เคยถูกปฏิเสธอย่างชัดเจน เช่น การให้ไต้หวันย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งไต้หวันยืนยันว่าจะเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ภายในประเทศ เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีนที่อยู่ห่างออกไปเพียง 80 ไมล์ ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังผลักดันนโยบายใหม่ เช่น กฎ 1:1 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องผลิตในสหรัฐฯ หนึ่งชิปต่อการนำเข้าหนึ่งชิป เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 100% ซึ่งไต้หวันหวังว่าจะใช้ Taiwan Model เป็นเครื่องมือในการเจรจาลดภาษีเหล่านี้ และขยายสิทธิยกเว้นภาษีที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Taiwan Model เป็นข้อเสนอความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ ➡️ รองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun นำคณะผู้แทนเสนอแนวทางนี้ในปลายเดือนกันยายน 2025 ➡️ บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยมีการค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนจากรัฐบาล ➡️ สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน ➡️ ไต้หวันจะแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ➡️ ไต้หวันปฏิเสธข้อเสนอให้ย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ ➡️ สหรัฐฯ เสนอ “กฎ 1:1” เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศ ➡️ ไต้หวันหวังใช้ Taiwan Model เพื่อขยายสิทธิยกเว้นภาษีและลดภาษีที่มีอยู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Hsinchu Science Park เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของไต้หวันที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ CHIPS Act ของสหรัฐฯ เป็นนโยบายสนับสนุนการผลิตชิปในประเทศผ่านเงินทุนและสิทธิประโยชน์ ➡️ TSMC มีโรงงานในรัฐแอริโซนา แต่ยังคงเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ในไต้หวัน ➡️ การค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของธุรกิจข้ามชาติ ➡️ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศต้องคำนึงถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-proposes-strategic-tech-alliance-with-the-white-house-taiwan-model-would-help-companies-invest-easily-in-the-u-s-to-satisfy-demands
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI รายได้พุ่ง $4.3B ในครึ่งปีแรก 2025 — แต่ขาดทุนทะลุ $13.5B จากต้นทุนวิจัยและดีลกับ Microsoft”

    แม้จะเป็นผู้นำในวงการ AI ระดับโลก แต่รายงานทางการเงินล่าสุดของ OpenAI กลับเผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่หลายคนคาดไว้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 บริษัทสร้างรายได้กว่า $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024 โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จาก ChatGPT และ API สำหรับองค์กร

    แต่ในขณะเดียวกัน OpenAI ก็รายงานผลขาดทุนสุทธิสูงถึง $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งของตัวเลขนี้มาจากการปรับมูลค่าผลประโยชน์จากหุ้นแปลงสภาพ (convertible interest rights) ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดโดยตรง

    ค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังคงเป็นภาระหลัก โดยสูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น $2 พันล้านดอลลาร์ และค่าตอบแทนแบบหุ้น (stock-based compensation) ก็พุ่งขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์

    OpenAI ยังจ่ายเงินให้ Microsoft เป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ทั้งหมด ตามข้อตกลงที่มีอยู่ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจนี้

    แม้จะเผาเงินไปกว่า $2.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก แต่บริษัทก็ยังถือเงินสดและหลักทรัพย์รวมกว่า $17.5 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับเงินทุนใหม่ $10 พันล้านดอลลาร์ และกำลังเจรจาเพื่อระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์

    ขณะเดียวกัน มีการเสนอขายหุ้นให้พนักงาน (tender offer) ที่ประเมินมูลค่าบริษัทไว้สูงถึง $500 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของ OpenAI แม้จะยังไม่สามารถทำกำไรได้ในระยะสั้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รายได้ครึ่งปีแรก 2025 ของ OpenAI อยู่ที่ $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024
    ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งมาจากการปรับมูลค่าหุ้นแปลงสภาพ
    ค่าใช้จ่ายด้าน R&D สูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์
    ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาอยู่ที่ $2 พันล้านดอลลาร์
    ค่าตอบแทนแบบหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์
    จ่ายรายได้ 20% ให้ Microsoft ตามข้อตกลงที่มีอยู่
    เผาเงินสดไป $2.5 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก
    ถือเงินสดและหลักทรัพย์รวม $17.5 พันล้านดอลลาร์
    กำลังเจรจาระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์
    Tender offer ประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ $500 พันล้านดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รายได้หลักของ OpenAI มาจาก ChatGPT Plus และ API สำหรับองค์กร
    ค่าใช้จ่ายด้าน compute สำหรับฝึกโมเดล GPT อาจแตะ $14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025
    การจ่ายรายได้ให้ Microsoft เป็นผลจากข้อตกลงที่ Microsoft ลงทุนใน OpenAI
    การประเมินมูลค่าบริษัทที่ $500 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ OpenAI กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุด
    นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อขยายฐานผู้ใช้

    https://www.techinasia.com/news/openais-revenue-rises-16-to-4-3b-in-h1-2025
    💸 “OpenAI รายได้พุ่ง $4.3B ในครึ่งปีแรก 2025 — แต่ขาดทุนทะลุ $13.5B จากต้นทุนวิจัยและดีลกับ Microsoft” แม้จะเป็นผู้นำในวงการ AI ระดับโลก แต่รายงานทางการเงินล่าสุดของ OpenAI กลับเผยให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่าที่หลายคนคาดไว้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 บริษัทสร้างรายได้กว่า $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024 โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จาก ChatGPT และ API สำหรับองค์กร แต่ในขณะเดียวกัน OpenAI ก็รายงานผลขาดทุนสุทธิสูงถึง $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งของตัวเลขนี้มาจากการปรับมูลค่าผลประโยชน์จากหุ้นแปลงสภาพ (convertible interest rights) ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดโดยตรง ค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ยังคงเป็นภาระหลัก โดยสูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น $2 พันล้านดอลลาร์ และค่าตอบแทนแบบหุ้น (stock-based compensation) ก็พุ่งขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์ OpenAI ยังจ่ายเงินให้ Microsoft เป็นสัดส่วน 20% ของรายได้ทั้งหมด ตามข้อตกลงที่มีอยู่ ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจนี้ แม้จะเผาเงินไปกว่า $2.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก แต่บริษัทก็ยังถือเงินสดและหลักทรัพย์รวมกว่า $17.5 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับเงินทุนใหม่ $10 พันล้านดอลลาร์ และกำลังเจรจาเพื่อระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน มีการเสนอขายหุ้นให้พนักงาน (tender offer) ที่ประเมินมูลค่าบริษัทไว้สูงถึง $500 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของ OpenAI แม้จะยังไม่สามารถทำกำไรได้ในระยะสั้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รายได้ครึ่งปีแรก 2025 ของ OpenAI อยู่ที่ $4.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024 ➡️ ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $13.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมากกว่าครึ่งมาจากการปรับมูลค่าหุ้นแปลงสภาพ ➡️ ค่าใช้จ่ายด้าน R&D สูงถึง $6.7 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ค่าใช้จ่ายด้านการขายและโฆษณาอยู่ที่ $2 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ค่าตอบแทนแบบหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น $2.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ จ่ายรายได้ 20% ให้ Microsoft ตามข้อตกลงที่มีอยู่ ➡️ เผาเงินสดไป $2.5 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ➡️ ถือเงินสดและหลักทรัพย์รวม $17.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ กำลังเจรจาระดมทุนเพิ่มอีก $30 พันล้านดอลลาร์ ➡️ Tender offer ประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ $500 พันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รายได้หลักของ OpenAI มาจาก ChatGPT Plus และ API สำหรับองค์กร ➡️ ค่าใช้จ่ายด้าน compute สำหรับฝึกโมเดล GPT อาจแตะ $14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ➡️ การจ่ายรายได้ให้ Microsoft เป็นผลจากข้อตกลงที่ Microsoft ลงทุนใน OpenAI ➡️ การประเมินมูลค่าบริษัทที่ $500 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ OpenAI กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุด ➡️ นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อขยายฐานผู้ใช้ https://www.techinasia.com/news/openais-revenue-rises-16-to-4-3b-in-h1-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ
    ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน.
    ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว.
    ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด

    ..

    #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
    ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง


    ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท).

    ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง.

    เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย.

    เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ.
    สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง

    เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง.

    เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท

    ...........................................................................

    เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
    การเมือง
    20 มิ.ย. 66

    หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่
    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้
    เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196)
    ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123)
    ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้


    ประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท

    รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง

    ...........................................................................


    ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ
    นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท
    รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท

    หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก

    ...........................................................................

    คณะทำงานทางการเมือง
    คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้

    ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ...........................................................................


    ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง
    จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส.
    และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส.
    ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน


    เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส.
    พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

    ผู้ป่วยใน
    ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน
    ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง
    ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน
    ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง
    การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี
    การคลอดบุตร :
    คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท
    คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท
    สวัสดิการอื่น ๆ

    ...........................................................................

    ผู้ป่วยนอก
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี
    อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง
    การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี
    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ
    ...........................................................................

    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ
    ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ
    ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556

    ...........................................................................


    https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo



    ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน. ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว. ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด .. #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท). ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง. เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย. เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ. สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง. เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท ........................................................................... เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง การเมือง 20 มิ.ย. 66 หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้ เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196) ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123) ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ........................................................................... ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก ........................................................................... คณะทำงานทางการเมือง คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ........................................................................... ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส. และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส. พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด ผู้ป่วยใน ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี การคลอดบุตร : คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท สวัสดิการอื่น ๆ ........................................................................... ผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ ........................................................................... เบี้ยประชุมกรรมาธิการ ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556 ........................................................................... https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบจริยธรรม — สร้างเพลงร่วมกับนักดนตรีเสมือนที่ได้รับค่าตอบแทนจริง”

    ในยุคที่เพลงจาก AI กำลังท่วมแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และปัญหาลิขสิทธิ์กลายเป็นประเด็นร้อน Aiode ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่พลิกแนวคิดการสร้างเพลงด้วย AI โดยเน้น “จริยธรรม” และ “ความร่วมมือกับมนุษย์” เป็นหัวใจหลัก

    Aiode เป็นแอปเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ที่ให้ผู้ใช้สร้างเพลงร่วมกับ “นักดนตรีเสมือน” ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง โดยนักดนตรีเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรี แนวเพลง และลักษณะการเล่นของโมเดล และที่สำคัญคือได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน

    ผู้ใช้สามารถเลือกนักดนตรีเสมือนที่ต้องการ แล้วให้พวกเขาเล่นท่อนโซโลหรือคอรัสใหม่ โดยไม่ต้องแก้ไขทั้งเพลง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการทดสอบแบบปิดก่อนเปิดตัวจริง นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสไตล์ การเล่น และโครงสร้างของเพลงได้อย่างละเอียด

    Aiode ยังเน้นความโปร่งใสในการฝึกโมเดล โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และมีระบบ “clean room” ที่แยกข้อมูลฝึกออกจากระบบอื่น เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์กลับไปยังศิลปินต้นฉบับผ่านกลไก royalty pool

    แม้จะใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ prompt แล้วรอเพลงจากแพลตฟอร์มอย่าง Suno หรือ Udio แต่ Aiode ให้ความสำคัญกับการควบคุมและความแม่นยำในการสร้างเพลงมากกว่า โดยเปรียบเสมือนการทำงานร่วมกับนักดนตรีจริงในสตูดิโอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์
    ใช้ “นักดนตรีเสมือน” ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง
    นักดนตรีต้นฉบับมีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรีและแนวเพลงของโมเดล
    ได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งท่อนเพลงเฉพาะ เช่น คอรัสหรือโซโล โดยไม่ต้องแก้ทั้งเพลง
    ใช้ระบบ clean room และข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นในการฝึกโมเดล
    มีระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์ผ่าน royalty pool กลับไปยังศิลปินต้นฉบับ
    เน้นการควบคุมและความแม่นยำมากกว่าการสร้างเพลงแบบ prompt-based
    เปิดตัวหลังจากทดสอบแบบปิดนานกว่า 1 ปี และได้รับเงินทุน $5.5M เพื่อขยายแพลตฟอร์ม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Suno และ Udio เป็นแพลตฟอร์ม AI ดนตรีที่เน้นการสร้างเพลงจากข้อความแบบรวดเร็ว
    ปัญหาลิขสิทธิ์ในวงการ AI ดนตรีกำลังทวีความรุนแรง โดยมีการฟ้องร้องหลายกรณี
    การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย
    นักดนตรีสามารถใช้ Aiode เพื่อเข้าใจสไตล์ของตัวเองผ่านโมเดลเสมือน
    การใช้ AI แบบจริยธรรมอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการสร้างสรรค์

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/musicians-meet-your-ethical-ai-bandmates
    🎼 “Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบจริยธรรม — สร้างเพลงร่วมกับนักดนตรีเสมือนที่ได้รับค่าตอบแทนจริง” ในยุคที่เพลงจาก AI กำลังท่วมแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และปัญหาลิขสิทธิ์กลายเป็นประเด็นร้อน Aiode ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่พลิกแนวคิดการสร้างเพลงด้วย AI โดยเน้น “จริยธรรม” และ “ความร่วมมือกับมนุษย์” เป็นหัวใจหลัก Aiode เป็นแอปเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ที่ให้ผู้ใช้สร้างเพลงร่วมกับ “นักดนตรีเสมือน” ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง โดยนักดนตรีเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรี แนวเพลง และลักษณะการเล่นของโมเดล และที่สำคัญคือได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน ผู้ใช้สามารถเลือกนักดนตรีเสมือนที่ต้องการ แล้วให้พวกเขาเล่นท่อนโซโลหรือคอรัสใหม่ โดยไม่ต้องแก้ไขทั้งเพลง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการทดสอบแบบปิดก่อนเปิดตัวจริง นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสไตล์ การเล่น และโครงสร้างของเพลงได้อย่างละเอียด Aiode ยังเน้นความโปร่งใสในการฝึกโมเดล โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และมีระบบ “clean room” ที่แยกข้อมูลฝึกออกจากระบบอื่น เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์กลับไปยังศิลปินต้นฉบับผ่านกลไก royalty pool แม้จะใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ prompt แล้วรอเพลงจากแพลตฟอร์มอย่าง Suno หรือ Udio แต่ Aiode ให้ความสำคัญกับการควบคุมและความแม่นยำในการสร้างเพลงมากกว่า โดยเปรียบเสมือนการทำงานร่วมกับนักดนตรีจริงในสตูดิโอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ➡️ ใช้ “นักดนตรีเสมือน” ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง ➡️ นักดนตรีต้นฉบับมีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรีและแนวเพลงของโมเดล ➡️ ได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งท่อนเพลงเฉพาะ เช่น คอรัสหรือโซโล โดยไม่ต้องแก้ทั้งเพลง ➡️ ใช้ระบบ clean room และข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นในการฝึกโมเดล ➡️ มีระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์ผ่าน royalty pool กลับไปยังศิลปินต้นฉบับ ➡️ เน้นการควบคุมและความแม่นยำมากกว่าการสร้างเพลงแบบ prompt-based ➡️ เปิดตัวหลังจากทดสอบแบบปิดนานกว่า 1 ปี และได้รับเงินทุน $5.5M เพื่อขยายแพลตฟอร์ม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Suno และ Udio เป็นแพลตฟอร์ม AI ดนตรีที่เน้นการสร้างเพลงจากข้อความแบบรวดเร็ว ➡️ ปัญหาลิขสิทธิ์ในวงการ AI ดนตรีกำลังทวีความรุนแรง โดยมีการฟ้องร้องหลายกรณี ➡️ การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย ➡️ นักดนตรีสามารถใช้ Aiode เพื่อเข้าใจสไตล์ของตัวเองผ่านโมเดลเสมือน ➡️ การใช้ AI แบบจริยธรรมอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการสร้างสรรค์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/musicians-meet-your-ethical-ai-bandmates
    WWW.TECHRADAR.COM
    New AI music platform Aiode pays artists for the digital clones collaborating on new songs.
    Aiode's AI-powered music studio pays the people inspiring its virtual session players
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนมีดีคือจีนแท้,จีนไม่ดีคือจีนเทา มันใฝ่ทรยศจีนแท้ได้,ทำลายคนจีนแท้ในประเทศจีนได้,
    ..จริงๆจีนมีนโยบายตนเองชัด,ถ้านายกฯเราดีก็ชัดเจนกับจีนได้หมด,แต่มิใช่แบบลาวแบบเขมร ทาสหนี้จีนเมืองขึ้นจีน ขายแผ่นดินให้จีนยึดครองได้หลากหลายวิธีลักษณะแบบนั้น,จีนปัจจุบันมองผลประโยชน์สำคัญเป็นหลักแล้วก่อนมองด้านอดีตที่เคยสัมพันธ์กันมาก่อน,นโยบายไทยเราก็อนาถด้วย จุดยืนตนเองไม่มี เพราะนักการเมืองไทยและข้าราชการไทยเราทุจริตไม่ซื่อสัตย์ในหน้าที่ถูกตังเจ้าสัวไทยนอมินีจีนซื้อด้วยเงินก็ขาอ่อนหมดแล้ว,รากฐานคือผู้นำผู้ปกครองเรากาก ไม่มีอะไรเลย,จีนจึงเต็มไทยไปหมดรวมต่างด้าวด้วย,ต่างด้าวต่างชาติมีงานในไทยมากเท่าไร คนไทยก็ตกงานมากเท่านั่นเพราะเอกชนไทยและต่างชาติสุมหัวกันทำลายแรงงานคนไทยได้สบาย สุดท้ายคนไทยตกงาน ขาดรายได้รายรับ ถูกยึดที่ดินผิดปกติด้วยกฎหมายเปิดช่องมากมายจากนักการเมืองปกครองประเทศแบบสาระเลวชั่ว,จีนแฟร์มาก เราประเทศได้ผู้นำเอาคนไทยมาก่อนมันจะจบเลย,คนไทยจะมีงานทำเกือบหมด,ไม่มีงานทางตรงจากประจำกิจการบริษัทโรงงานก็เป็นงานทางอ้อมส่งวัตถุดิบเข้ากิจการโรงงานบริษัทนั้นๆได้,มีรายได้รายรับผ่านช่องทางนี้ได้,กระทรวงแรงงานเรากากไม่มีอะไรหรอก บริหารจัดการไม่เป็น,ต้นน้ำคือโรงเรียนวิลัยมหาลัยไทยตน ปลายน้ำคือกิจการเอกชนและหน่วนงานรัฐบาล ตนต้องส่งแรงงานไทยตนทั้งหมดให้ถึงฝั่งจะเป็นด้านเอกชนที่คนไทยนั้นๆสนใจทำงานหรือหน่วยงานระบบราชการตนก็ต้องส่งคนไทนนั้นๆถึงฝันใฝ่ด้วย,ชี้แนะวิชาชีพ อาชีพแต่แรก,เตรียมรองรับเมื่อเขาจบการศึกษา ประสานแหล่งงานเตรียมพร้อมรับแรงงานคนไทยเข้าทำงาน ทั้งเอกชนและทางรัฐเองที่สรรหากำลังพลบุคลากร,ตลอดทั่วโลกด้วย ติดตามทุกๆสัปดาห์หรือเดือนด้วยเพื่อปกป้องคนไทยเรา หรืออาชญากรรมค้ามนุษย์ทั้งในไทยเองและที่ต่างประเทศ.,กระทรวงแรงงานเราจึงกากตอบไม่ผิด,ตนต้องอุดช่องขัดขวางมิให้ประสิทธิภาพหน้าที่ตนลดลง ดูแลรายรับคนได้ได้ทั่วประเทศ,ส่งเสริมทักษะและอาชีพจริง สนับสนุนแหล่งเงินทุนสร้างรายได้รายรับด้วย,บริหารและบริการแบบครบวงจรอุ่นใจเมื่อทุกๆคนไทยเข้าไปหาว่ามีโอกาสสร้างรายรับเข้าบ้านแน่นอนเมื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานนี้,คนไทยเราไม่อดตายมีเงินมีตังมีรายได้ไว้ใช้จ่ายเลี้ยงชีพตนและคนที่ตนอยากดูแลเลี้ยงดูด้วย,
    ..จีน อินเดีย อินโดฯ เอเชียเราคือตลาดการค้าเสรีที่ใหญ่โตมากสามารถพึงพากันในเอเชียในหลายๆด้านได้สบายเช่นตลาดสร้างรายได้แลกเปลี่ยนกันในแต่ละประเทศ,หรือสร้างความสงบร่มเย็นปลอดสงครามสู้รบใดๆทั้งภายในและแบบเขมรยิงใส่ไทยเราก่อนแบบนี้,
    ..จีนเป็นพี่ใหญ่ที่ดีกับไทยในอดีตแต่ไส้ในเราไม่รู้ว่าไปแลกกับผลประโยชน์ของประเทศไทยอะไรบ้าง,ทุกๆบ้านไส้ในเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับเรา,แต่ทั้งหมดคบกันอาจด้วยผลประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอ.,น้อยมาที่สายสัมพันธุ์มาก่อน,แต่จีนแท้ สายสัมพันธุ์ที่ดีอาจมาก่อนเสมอ,คนจีนที่นิสัยดีๆซื่อสัตย์ซื่อตรงมีไม่น้อย ตลอดผู้นำจีนแม้เขาคือคอมมิวนิสต์เขาก็เป็นคนดีในหมู่คอมมิวนิสต์เขาได้,คนดีคบกันไม่สนใจว่าปกครองด้วยระบบอะไรหรอก,เพราะคนดีจะไม่ทรยศและหักหลังกันและกันเด็ดขาด.,ต่างตักเตือนเฝ้าระวังภัยให้กันและกันเมื่อมีภัยเกิดขึ้น.,ไม่ทิ้งกันเช่นกัน.
    ..ดีที่สุดเรา..ประเทศไทนคนไทยเราต้องสามัคคีกันพึ่งพากันและกันช่วยเหลือกันและกันดีที่สุด.

    https://youtube.com/shorts/mNwZxmoscYQ?si=XiKZq615VFPIjxNd
    จีนมีดีคือจีนแท้,จีนไม่ดีคือจีนเทา มันใฝ่ทรยศจีนแท้ได้,ทำลายคนจีนแท้ในประเทศจีนได้, ..จริงๆจีนมีนโยบายตนเองชัด,ถ้านายกฯเราดีก็ชัดเจนกับจีนได้หมด,แต่มิใช่แบบลาวแบบเขมร ทาสหนี้จีนเมืองขึ้นจีน ขายแผ่นดินให้จีนยึดครองได้หลากหลายวิธีลักษณะแบบนั้น,จีนปัจจุบันมองผลประโยชน์สำคัญเป็นหลักแล้วก่อนมองด้านอดีตที่เคยสัมพันธ์กันมาก่อน,นโยบายไทยเราก็อนาถด้วย จุดยืนตนเองไม่มี เพราะนักการเมืองไทยและข้าราชการไทยเราทุจริตไม่ซื่อสัตย์ในหน้าที่ถูกตังเจ้าสัวไทยนอมินีจีนซื้อด้วยเงินก็ขาอ่อนหมดแล้ว,รากฐานคือผู้นำผู้ปกครองเรากาก ไม่มีอะไรเลย,จีนจึงเต็มไทยไปหมดรวมต่างด้าวด้วย,ต่างด้าวต่างชาติมีงานในไทยมากเท่าไร คนไทยก็ตกงานมากเท่านั่นเพราะเอกชนไทยและต่างชาติสุมหัวกันทำลายแรงงานคนไทยได้สบาย สุดท้ายคนไทยตกงาน ขาดรายได้รายรับ ถูกยึดที่ดินผิดปกติด้วยกฎหมายเปิดช่องมากมายจากนักการเมืองปกครองประเทศแบบสาระเลวชั่ว,จีนแฟร์มาก เราประเทศได้ผู้นำเอาคนไทยมาก่อนมันจะจบเลย,คนไทยจะมีงานทำเกือบหมด,ไม่มีงานทางตรงจากประจำกิจการบริษัทโรงงานก็เป็นงานทางอ้อมส่งวัตถุดิบเข้ากิจการโรงงานบริษัทนั้นๆได้,มีรายได้รายรับผ่านช่องทางนี้ได้,กระทรวงแรงงานเรากากไม่มีอะไรหรอก บริหารจัดการไม่เป็น,ต้นน้ำคือโรงเรียนวิลัยมหาลัยไทยตน ปลายน้ำคือกิจการเอกชนและหน่วนงานรัฐบาล ตนต้องส่งแรงงานไทยตนทั้งหมดให้ถึงฝั่งจะเป็นด้านเอกชนที่คนไทยนั้นๆสนใจทำงานหรือหน่วยงานระบบราชการตนก็ต้องส่งคนไทนนั้นๆถึงฝันใฝ่ด้วย,ชี้แนะวิชาชีพ อาชีพแต่แรก,เตรียมรองรับเมื่อเขาจบการศึกษา ประสานแหล่งงานเตรียมพร้อมรับแรงงานคนไทยเข้าทำงาน ทั้งเอกชนและทางรัฐเองที่สรรหากำลังพลบุคลากร,ตลอดทั่วโลกด้วย ติดตามทุกๆสัปดาห์หรือเดือนด้วยเพื่อปกป้องคนไทยเรา หรืออาชญากรรมค้ามนุษย์ทั้งในไทยเองและที่ต่างประเทศ.,กระทรวงแรงงานเราจึงกากตอบไม่ผิด,ตนต้องอุดช่องขัดขวางมิให้ประสิทธิภาพหน้าที่ตนลดลง ดูแลรายรับคนได้ได้ทั่วประเทศ,ส่งเสริมทักษะและอาชีพจริง สนับสนุนแหล่งเงินทุนสร้างรายได้รายรับด้วย,บริหารและบริการแบบครบวงจรอุ่นใจเมื่อทุกๆคนไทยเข้าไปหาว่ามีโอกาสสร้างรายรับเข้าบ้านแน่นอนเมื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานนี้,คนไทยเราไม่อดตายมีเงินมีตังมีรายได้ไว้ใช้จ่ายเลี้ยงชีพตนและคนที่ตนอยากดูแลเลี้ยงดูด้วย, ..จีน อินเดีย อินโดฯ เอเชียเราคือตลาดการค้าเสรีที่ใหญ่โตมากสามารถพึงพากันในเอเชียในหลายๆด้านได้สบายเช่นตลาดสร้างรายได้แลกเปลี่ยนกันในแต่ละประเทศ,หรือสร้างความสงบร่มเย็นปลอดสงครามสู้รบใดๆทั้งภายในและแบบเขมรยิงใส่ไทยเราก่อนแบบนี้, ..จีนเป็นพี่ใหญ่ที่ดีกับไทยในอดีตแต่ไส้ในเราไม่รู้ว่าไปแลกกับผลประโยชน์ของประเทศไทยอะไรบ้าง,ทุกๆบ้านไส้ในเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับเรา,แต่ทั้งหมดคบกันอาจด้วยผลประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอ.,น้อยมาที่สายสัมพันธุ์มาก่อน,แต่จีนแท้ สายสัมพันธุ์ที่ดีอาจมาก่อนเสมอ,คนจีนที่นิสัยดีๆซื่อสัตย์ซื่อตรงมีไม่น้อย ตลอดผู้นำจีนแม้เขาคือคอมมิวนิสต์เขาก็เป็นคนดีในหมู่คอมมิวนิสต์เขาได้,คนดีคบกันไม่สนใจว่าปกครองด้วยระบบอะไรหรอก,เพราะคนดีจะไม่ทรยศและหักหลังกันและกันเด็ดขาด.,ต่างตักเตือนเฝ้าระวังภัยให้กันและกันเมื่อมีภัยเกิดขึ้น.,ไม่ทิ้งกันเช่นกัน. ..ดีที่สุดเรา..ประเทศไทนคนไทยเราต้องสามัคคีกันพึ่งพากันและกันช่วยเหลือกันและกันดีที่สุด. https://youtube.com/shorts/mNwZxmoscYQ?si=XiKZq615VFPIjxNd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • “EU Chips Act 2.0: เมื่อยุโรปยอมรับว่าแผนผลิตชิประดับโลกล้มเหลว — และต้องทุ่มงบเพิ่ม 4 เท่าเพื่อไม่ให้ตกขบวนเทคโนโลยี”

    สหภาพยุโรป (EU) เคยตั้งเป้าหมายไว้สูงลิ่วในปี 2022 ว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกให้ได้ 20% ภายในปี 2030 ผ่านโครงการ European Chips Act ที่มีงบประมาณกว่า 43,000 ล้านยูโร (ราว 50.4 พันล้านดอลลาร์) แต่ล่าสุด EU ต้องยอมรับว่าเป้าหมายนี้ “ไปไม่ถึง” และกำลังผลักดันเวอร์ชันใหม่ในชื่อ “Chips Act 2.0” โดยเสนอให้เพิ่มงบประมาณเป็น 4 เท่า และปรับยุทธศาสตร์ให้ตรงจุดมากขึ้น

    ข้อมูลล่าสุดจาก European Court of Auditors และกลุ่มพันธมิตร Semicon Coalition ที่นำโดยเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า EU จะสามารถครองตลาดได้เพียง 11.7% ภายในปี 2030 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 9.8% ในปี 2022 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยหนึ่งในสาเหตุหลักคือ Intel ยกเลิกแผนสร้างโรงงานผลิตชิปมูลค่า 30 พันล้านยูโรในเยอรมนี และอีกแห่งในโปแลนด์ ทำให้ความหวังในการดึงผู้ผลิตชิปรายใหญ่เข้าสู่ยุโรปพังทลาย

    Chips Act 2.0 จึงมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนเทคโนโลยีเฉพาะทาง, เร่งการอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน, และเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนและบุคลากรในห่วงโซ่การผลิตชิป โดยมีบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia, Intel, ASML, STMicroelectronics และ Infineon เข้าร่วมลงนามสนับสนุนแผนใหม่นี้

    แม้ EU จะยังมีความหวังจากโรงงานของ TSMC ที่เมือง Dresden ประเทศเยอรมนี แต่ก็เป็นโครงการขนาดเล็กและไม่ใช่เทคโนโลยีขั้นสูงเท่าที่ใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ยุโรปยังคงตามหลังในสงครามเทคโนโลยีระดับโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    EU ตั้งเป้าครองตลาดชิปโลก 20% ภายในปี 2030 ผ่าน Chips Act งบ 43,000 ล้านยูโร
    ล่าสุดคาดว่าจะทำได้เพียง 11.7% เพิ่มขึ้นจาก 9.8% ในปี 2022
    Intel ยกเลิกแผนสร้างโรงงานในเยอรมนีและโปแลนด์ ทำให้เป้าหมายสะดุด
    กลุ่ม Semicon Coalition นำโดยเนเธอร์แลนด์ผลักดัน Chips Act 2.0
    เสนอเพิ่มงบประมาณเป็น 4 เท่า และปรับยุทธศาสตร์ให้ตรงจุดมากขึ้น
    บริษัทใหญ่ เช่น Nvidia, Intel, ASML, STMicroelectronics และ Infineon ร่วมลงนามสนับสนุน
    Chips Act 2.0 เน้นการเร่งอนุมัติโครงการ, เพิ่มเงินทุน, และพัฒนาบุคลากร
    TSMC มีโรงงานใน Dresden แต่เป็นโครงการขนาดเล็ก ไม่ใช่เทคโนโลยีขั้นสูง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สหรัฐฯ ลงทุนมหาศาลผ่าน Chips Act และ Inflation Reduction Act เพื่อดึงผู้ผลิตชิป
    จีน, เกาหลีใต้ และไต้หวันยังคงนำหน้าในด้านการผลิตและเทคโนโลยีชิป
    รถยนต์ยุคใหม่ใช้ชิปมากกว่า 3,000 ตัวต่อคัน ทำให้ความต้องการพุ่งสูง
    การแข่งขันในอุตสาหกรรมชิปเป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติและเศรษฐกิจ
    EU ยังขาดระบบสนับสนุนแบบรวมศูนย์ ทำให้การลงทุนกระจายและไม่เกิดผลรวม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/eu-pushes-for-chips-act-2-0-investment-as-it-looks-set-to-miss-global-silicon-production-targets-by-a-wide-margin-seeks-quadrupling-of-semiconductor-investment-as-usd50-billion-initiative-flounders
    💥 “EU Chips Act 2.0: เมื่อยุโรปยอมรับว่าแผนผลิตชิประดับโลกล้มเหลว — และต้องทุ่มงบเพิ่ม 4 เท่าเพื่อไม่ให้ตกขบวนเทคโนโลยี” สหภาพยุโรป (EU) เคยตั้งเป้าหมายไว้สูงลิ่วในปี 2022 ว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกให้ได้ 20% ภายในปี 2030 ผ่านโครงการ European Chips Act ที่มีงบประมาณกว่า 43,000 ล้านยูโร (ราว 50.4 พันล้านดอลลาร์) แต่ล่าสุด EU ต้องยอมรับว่าเป้าหมายนี้ “ไปไม่ถึง” และกำลังผลักดันเวอร์ชันใหม่ในชื่อ “Chips Act 2.0” โดยเสนอให้เพิ่มงบประมาณเป็น 4 เท่า และปรับยุทธศาสตร์ให้ตรงจุดมากขึ้น ข้อมูลล่าสุดจาก European Court of Auditors และกลุ่มพันธมิตร Semicon Coalition ที่นำโดยเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า EU จะสามารถครองตลาดได้เพียง 11.7% ภายในปี 2030 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 9.8% ในปี 2022 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยหนึ่งในสาเหตุหลักคือ Intel ยกเลิกแผนสร้างโรงงานผลิตชิปมูลค่า 30 พันล้านยูโรในเยอรมนี และอีกแห่งในโปแลนด์ ทำให้ความหวังในการดึงผู้ผลิตชิปรายใหญ่เข้าสู่ยุโรปพังทลาย Chips Act 2.0 จึงมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนเทคโนโลยีเฉพาะทาง, เร่งการอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน, และเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนและบุคลากรในห่วงโซ่การผลิตชิป โดยมีบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia, Intel, ASML, STMicroelectronics และ Infineon เข้าร่วมลงนามสนับสนุนแผนใหม่นี้ แม้ EU จะยังมีความหวังจากโรงงานของ TSMC ที่เมือง Dresden ประเทศเยอรมนี แต่ก็เป็นโครงการขนาดเล็กและไม่ใช่เทคโนโลยีขั้นสูงเท่าที่ใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ยุโรปยังคงตามหลังในสงครามเทคโนโลยีระดับโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ EU ตั้งเป้าครองตลาดชิปโลก 20% ภายในปี 2030 ผ่าน Chips Act งบ 43,000 ล้านยูโร ➡️ ล่าสุดคาดว่าจะทำได้เพียง 11.7% เพิ่มขึ้นจาก 9.8% ในปี 2022 ➡️ Intel ยกเลิกแผนสร้างโรงงานในเยอรมนีและโปแลนด์ ทำให้เป้าหมายสะดุด ➡️ กลุ่ม Semicon Coalition นำโดยเนเธอร์แลนด์ผลักดัน Chips Act 2.0 ➡️ เสนอเพิ่มงบประมาณเป็น 4 เท่า และปรับยุทธศาสตร์ให้ตรงจุดมากขึ้น ➡️ บริษัทใหญ่ เช่น Nvidia, Intel, ASML, STMicroelectronics และ Infineon ร่วมลงนามสนับสนุน ➡️ Chips Act 2.0 เน้นการเร่งอนุมัติโครงการ, เพิ่มเงินทุน, และพัฒนาบุคลากร ➡️ TSMC มีโรงงานใน Dresden แต่เป็นโครงการขนาดเล็ก ไม่ใช่เทคโนโลยีขั้นสูง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สหรัฐฯ ลงทุนมหาศาลผ่าน Chips Act และ Inflation Reduction Act เพื่อดึงผู้ผลิตชิป ➡️ จีน, เกาหลีใต้ และไต้หวันยังคงนำหน้าในด้านการผลิตและเทคโนโลยีชิป ➡️ รถยนต์ยุคใหม่ใช้ชิปมากกว่า 3,000 ตัวต่อคัน ทำให้ความต้องการพุ่งสูง ➡️ การแข่งขันในอุตสาหกรรมชิปเป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติและเศรษฐกิจ ➡️ EU ยังขาดระบบสนับสนุนแบบรวมศูนย์ ทำให้การลงทุนกระจายและไม่เกิดผลรวม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/eu-pushes-for-chips-act-2-0-investment-as-it-looks-set-to-miss-global-silicon-production-targets-by-a-wide-margin-seeks-quadrupling-of-semiconductor-investment-as-usd50-billion-initiative-flounders
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DJI ถูกตัดสินว่าเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกลาโหมจีน — ศาลสหรัฐฯ ยืนยันรายชื่อในบัญชีบริษัททหาร แม้หลักฐานส่วนใหญ่ไม่ชัดเจน”

    DJI ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่งแพ้คดีต่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังจากศาลแขวงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยผู้พิพากษา Paul Friedman มีคำตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ2 แม้ศาลจะปฏิเสธเหตุผลส่วนใหญ่ที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แต่กลับยอมรับเพียงเหตุผลเดียวที่เกี่ยวข้องกับการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ซึ่งเพียงพอให้คงสถานะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนไว้ได้

    DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน และการถูกจัดอยู่ในบัญชีนี้ส่งผลให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และถูกห้ามทำสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งในสหรัฐฯ

    แม้การอยู่ในบัญชีนี้จะไม่ใช่การแบนโดยตรง แต่ก็ทำให้การดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ยากขึ้น และอาจนำไปสู่การแบนเต็มรูปแบบในอนาคต โดย DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025 เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

    คำตัดสินนี้ยังสะท้อนถึงอำนาจของกระทรวงกลาโหมในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนในหลายข้อกล่าวหา โดยศาลให้เหตุผลว่า “ต้องให้ความเคารพต่อหน่วยงานด้านความมั่นคง”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H
    กระทรวงกลาโหมเสนอหลายเหตุผล แต่ศาลยอมรับเพียงข้อเดียวคือการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน
    DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน
    การอยู่ในบัญชีนี้ทำให้ DJI สูญเสียสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางและถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคง
    DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025
    คำตัดสินนี้อาจนำไปสู่การแบนผลิตภัณฑ์ DJI ในสหรัฐฯ ในอนาคต
    DJI ยังคงดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ และกำลังพิจารณาทางเลือกทางกฎหมายเพิ่มเติม
    บริษัท Hesai Group ซึ่งผลิตเซ็นเซอร์ Lidar ก็แพ้คดีคล้ายกันในเดือนกรกฎาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DJI ครองตลาดโดรนเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ มากกว่า 50%
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีอำนาจกว้างในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพต่างชาติ
    การได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน เช่น เงินทุนหรือสิทธิพิเศษ อาจเพียงพอให้ถูกจัดเป็น “military-civil fusion contributor”
    การใช้โดรน DJI ในหน่วยงานพลเรือนของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลเรื่อง backdoor และการเข้าถึงข้อมูลโดยจีน
    การตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติในเดือนธันวาคมจะเป็นจุดชี้ขาดอนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/judge-rules-that-drone-maker-dji-is-affiliated-with-chinas-defense-industry-company-to-stay-on-pentagons-list-of-chinese-military-companies
    🚁 “DJI ถูกตัดสินว่าเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกลาโหมจีน — ศาลสหรัฐฯ ยืนยันรายชื่อในบัญชีบริษัททหาร แม้หลักฐานส่วนใหญ่ไม่ชัดเจน” DJI ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่งแพ้คดีต่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังจากศาลแขวงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยผู้พิพากษา Paul Friedman มีคำตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ2 แม้ศาลจะปฏิเสธเหตุผลส่วนใหญ่ที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แต่กลับยอมรับเพียงเหตุผลเดียวที่เกี่ยวข้องกับการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ซึ่งเพียงพอให้คงสถานะบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนไว้ได้ DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน และการถูกจัดอยู่ในบัญชีนี้ส่งผลให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และถูกห้ามทำสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่งในสหรัฐฯ แม้การอยู่ในบัญชีนี้จะไม่ใช่การแบนโดยตรง แต่ก็ทำให้การดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ยากขึ้น และอาจนำไปสู่การแบนเต็มรูปแบบในอนาคต โดย DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025 เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ คำตัดสินนี้ยังสะท้อนถึงอำนาจของกระทรวงกลาโหมในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนในหลายข้อกล่าวหา โดยศาลให้เหตุผลว่า “ต้องให้ความเคารพต่อหน่วยงานด้านความมั่นคง” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ DJI ยังคงอยู่ในบัญชี “Chinese Military Companies” ตามมาตรา 1260H ➡️ กระทรวงกลาโหมเสนอหลายเหตุผล แต่ศาลยอมรับเพียงข้อเดียวคือการได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ➡️ DJI ยืนยันว่าไม่ได้ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน ➡️ การอยู่ในบัญชีนี้ทำให้ DJI สูญเสียสัญญากับหน่วยงานรัฐบาลกลางและถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคง ➡️ DJI ยังต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติภายในเดือนธันวาคม 2025 ➡️ คำตัดสินนี้อาจนำไปสู่การแบนผลิตภัณฑ์ DJI ในสหรัฐฯ ในอนาคต ➡️ DJI ยังคงดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ และกำลังพิจารณาทางเลือกทางกฎหมายเพิ่มเติม ➡️ บริษัท Hesai Group ซึ่งผลิตเซ็นเซอร์ Lidar ก็แพ้คดีคล้ายกันในเดือนกรกฎาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DJI ครองตลาดโดรนเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ มากกว่า 50% ➡️ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีอำนาจกว้างในการกำหนดรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพต่างชาติ ➡️ การได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน เช่น เงินทุนหรือสิทธิพิเศษ อาจเพียงพอให้ถูกจัดเป็น “military-civil fusion contributor” ➡️ การใช้โดรน DJI ในหน่วยงานพลเรือนของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลเรื่อง backdoor และการเข้าถึงข้อมูลโดยจีน ➡️ การตรวจสอบความปลอดภัยแห่งชาติในเดือนธันวาคมจะเป็นจุดชี้ขาดอนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/judge-rules-that-drone-maker-dji-is-affiliated-with-chinas-defense-industry-company-to-stay-on-pentagons-list-of-chinese-military-companies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนจัดการเขมร กองทัพไทยต้องยึดอำนาจภายในไทยเราก่อน,ปิดช่องและตัดตอนตัวก่อเหตุวุ่นวายนอกประสงค์ได้,นักการเมืองและพวกอาศัยอำนาจรัฐบาลจากนักการเมืองต้องถูกควบคุมตัวทั้งหมด,ตัวเงินทุนก่อโกลาหลวุ่นวายตัวจริง ตัดวงจรเงินทุนปลุกระดมได้ทั้งภายในและมาจากภายนอกด้วย,เมื่อฝ่ายไส้ศึกขยับเคลื่อนไหวจะจัดการด้วยกฎหมายพิเศษได้ โดยกฎหมายปกติทำห่าอะไรหลายขั้นตอนเกินไป,โจรรอดตัวและหนีได้,
    ..เศร้าใจมาก กองทัพไทยเรายังรังเรไว้หน้าพวกนักการเมืองทำไม,ต่างชาติชั่วเลวต่างๆด้วย,รัฐบาลที่เลือกตั้งมาจากลุงตู่ปลดปล่อยให้เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันหมดความชอบธรรมแล้ว,ชาติมิอาจรักษาอธิปไตยไทยจริงๆได้เลยในหลายสิบๆปีที่ผ่านๆมาหรือนับจากเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งแรก,เราสูญเสียอธิปไตยจริงตั้งแต่นั้นมาแล้ว,เราหลอกลวงตนเองมาตลอด หลอกคนไทยภายในชาติตนเองมาตลอดจากวิถีปกครองของระบบฝรั่งส่งออกมานี้,
    ..เรา..ประชาชนคนไทยและกองทัพไทยต้องทวงคืนเอกราชอธิปไตยแผ่นดินไทยทั้งหมดกลับมาจริงจังได้แล้วโดยเฉพาะปิโตรเลียมเรา และวัตถุดิบพัฒนาชาติอันมีค่าอื่นๆมากมายทั้งหมดกลับมาด้วย,มิใช่เป็นแบบปัจจุบันนี้,ไม่มีรัฐบาลใดกล้าหาญด้วยเรื่องนี้เลย,และปัญหาเขมรกับไทยเราปัจจุบันก็มาจากบ่อปิโตรเลียมไทยเราในอ่าวไทยเรากว่า20ล้านล้านบาท 10ล้านล้านบาทมันไม่ใช่หรอก,รวมบนบกด้วยและตัวเลขที่แท้จริงอาจกว่า100ล้านล้านบาทโน้น ในมิติต่างๆที่ยังปิดบังกำความลับอยู่,
    ..กองทัพไทยเราต้องจัดการปัญหาภายในบ้านเมืองเราเอง,ท่านเห็นหมดแล้วว่านักการเมืองอุบาทก์แค่ไหน,ท่านสามารถร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยสร้างระบบแบบวิถีสังคมไทยๆเราขึ้นมาปกครองได้ จำเป็นอะไรต้องไปเอาตนผูกขาดกับระบบปกครองฝรั่งส่งออกผีบ้านี้,ด้วยรากฐานการสร้างสรรค์ประยุกต์คิดค้นระบบบนเจตจำนงเสรี,สัปปุริสธรรม7,และปราศจากความกลัวใดๆด้วย เรา..ประเทศไทยเราสร้างวิถีปกครองฉบับเราเองขึ้นมาได้ ทั่วจักรวาลทุกๆอารยะธรรมกว่าล้านล้านปีแสงอาจลงใจเห็นด้วยกับเราด้วยพร้อมอวยพรสรรเสริญเราด้วยต่างหากมีแต่เจริญๆโน้น.
    [..( ปล.สัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นธรรมะของคนดี คนเก่ง มีศีลธรรมหรือพลเมืองที่ดี หรือเป็นตัวอย่างทั้งผู้นำที่ดีและหรือผู้ตามที่ดีก็ได้หมดก่อนจะขึ้นไปนำใคร หรือคุณสมบัติของสัตบุรุษ 7 ประการ ประกอบด้วย: ธัมมัญญุตา (รู้หลัก/เหตุ), อัตถัญญุตา (รู้ผล/ความมุ่งหมาย), อัตตัญญุตา (รู้จักตน), มัตตัญญุตา (รู้จักประมาณ), กาลัญญุตา (รู้จักกาล/เวลา), ปริสัญญุตา (รู้จักชุมชน/บริษัท), และปุคคลัญญุตา (รู้จักบุคคล). การปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 นี้จะนำมาซึ่งความเจริญทั้งแก่ตนเองคือประเทศไทยเราเองนี้และสังคมก็คือสังคมไทยเราเองนี้อีกล่ะ เราคือคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้ในนามประเทศไทยจากหลายๆประเทศทั่วโลกที่เราต้องสัมพันธ์กับเขา. )..บ้านนี้ต้องทุบทำลาย เก็บและกวาด ทำความสะอาดครัังใหญ่.,กำจัดอุปสรรคเพื่อเกิดใหม่หรือก้าวต่อไปได้.,พวกสาระเลวนี้ทำชาติไทยเสื่อมทรามมาอย่างยาวนานพอแล้ว.,ไล่ล่าและเด็ดหัวเลย.]

    https://youtube.com/shorts/Z9w1NqFC8Cs?si=fXYooJic78K7zCZw
    ก่อนจัดการเขมร กองทัพไทยต้องยึดอำนาจภายในไทยเราก่อน,ปิดช่องและตัดตอนตัวก่อเหตุวุ่นวายนอกประสงค์ได้,นักการเมืองและพวกอาศัยอำนาจรัฐบาลจากนักการเมืองต้องถูกควบคุมตัวทั้งหมด,ตัวเงินทุนก่อโกลาหลวุ่นวายตัวจริง ตัดวงจรเงินทุนปลุกระดมได้ทั้งภายในและมาจากภายนอกด้วย,เมื่อฝ่ายไส้ศึกขยับเคลื่อนไหวจะจัดการด้วยกฎหมายพิเศษได้ โดยกฎหมายปกติทำห่าอะไรหลายขั้นตอนเกินไป,โจรรอดตัวและหนีได้, ..เศร้าใจมาก กองทัพไทยเรายังรังเรไว้หน้าพวกนักการเมืองทำไม,ต่างชาติชั่วเลวต่างๆด้วย,รัฐบาลที่เลือกตั้งมาจากลุงตู่ปลดปล่อยให้เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันหมดความชอบธรรมแล้ว,ชาติมิอาจรักษาอธิปไตยไทยจริงๆได้เลยในหลายสิบๆปีที่ผ่านๆมาหรือนับจากเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งแรก,เราสูญเสียอธิปไตยจริงตั้งแต่นั้นมาแล้ว,เราหลอกลวงตนเองมาตลอด หลอกคนไทยภายในชาติตนเองมาตลอดจากวิถีปกครองของระบบฝรั่งส่งออกมานี้, ..เรา..ประชาชนคนไทยและกองทัพไทยต้องทวงคืนเอกราชอธิปไตยแผ่นดินไทยทั้งหมดกลับมาจริงจังได้แล้วโดยเฉพาะปิโตรเลียมเรา และวัตถุดิบพัฒนาชาติอันมีค่าอื่นๆมากมายทั้งหมดกลับมาด้วย,มิใช่เป็นแบบปัจจุบันนี้,ไม่มีรัฐบาลใดกล้าหาญด้วยเรื่องนี้เลย,และปัญหาเขมรกับไทยเราปัจจุบันก็มาจากบ่อปิโตรเลียมไทยเราในอ่าวไทยเรากว่า20ล้านล้านบาท 10ล้านล้านบาทมันไม่ใช่หรอก,รวมบนบกด้วยและตัวเลขที่แท้จริงอาจกว่า100ล้านล้านบาทโน้น ในมิติต่างๆที่ยังปิดบังกำความลับอยู่, ..กองทัพไทยเราต้องจัดการปัญหาภายในบ้านเมืองเราเอง,ท่านเห็นหมดแล้วว่านักการเมืองอุบาทก์แค่ไหน,ท่านสามารถร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยสร้างระบบแบบวิถีสังคมไทยๆเราขึ้นมาปกครองได้ จำเป็นอะไรต้องไปเอาตนผูกขาดกับระบบปกครองฝรั่งส่งออกผีบ้านี้,ด้วยรากฐานการสร้างสรรค์ประยุกต์คิดค้นระบบบนเจตจำนงเสรี,สัปปุริสธรรม7,และปราศจากความกลัวใดๆด้วย เรา..ประเทศไทยเราสร้างวิถีปกครองฉบับเราเองขึ้นมาได้ ทั่วจักรวาลทุกๆอารยะธรรมกว่าล้านล้านปีแสงอาจลงใจเห็นด้วยกับเราด้วยพร้อมอวยพรสรรเสริญเราด้วยต่างหากมีแต่เจริญๆโน้น. [..( ปล.สัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นธรรมะของคนดี คนเก่ง มีศีลธรรมหรือพลเมืองที่ดี หรือเป็นตัวอย่างทั้งผู้นำที่ดีและหรือผู้ตามที่ดีก็ได้หมดก่อนจะขึ้นไปนำใคร หรือคุณสมบัติของสัตบุรุษ 7 ประการ ประกอบด้วย: ธัมมัญญุตา (รู้หลัก/เหตุ), อัตถัญญุตา (รู้ผล/ความมุ่งหมาย), อัตตัญญุตา (รู้จักตน), มัตตัญญุตา (รู้จักประมาณ), กาลัญญุตา (รู้จักกาล/เวลา), ปริสัญญุตา (รู้จักชุมชน/บริษัท), และปุคคลัญญุตา (รู้จักบุคคล). การปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 นี้จะนำมาซึ่งความเจริญทั้งแก่ตนเองคือประเทศไทยเราเองนี้และสังคมก็คือสังคมไทยเราเองนี้อีกล่ะ เราคือคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้ในนามประเทศไทยจากหลายๆประเทศทั่วโลกที่เราต้องสัมพันธ์กับเขา. )..บ้านนี้ต้องทุบทำลาย เก็บและกวาด ทำความสะอาดครัังใหญ่.,กำจัดอุปสรรคเพื่อเกิดใหม่หรือก้าวต่อไปได้.,พวกสาระเลวนี้ทำชาติไทยเสื่อมทรามมาอย่างยาวนานพอแล้ว.,ไล่ล่าและเด็ดหัวเลย.] https://youtube.com/shorts/Z9w1NqFC8Cs?si=fXYooJic78K7zCZw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • #การเมืองกระทบวิถีชีวิตคนไทยทุกๆคน
    #การเมืองคนไทยต้องใส่ใจ
    #การปกครองจากนักการเมืองทุกๆคนไทยต้องเกี่ยวข้อง

    ..นักการเมืองตอนนี้นับว่าอันตรายและเป็นภัยต่อความมั่นคงทางด้านอธิปไตยชาติชัดเจน ทั่งไม่ซื่อสัตย์สุจริตแล้วด้วย.
    ..กองทัพไทยเท่านั้นตอนนี้ที่สมควรเข้ามาควบคุมการปกครองในบ้านเมืองทั้งหมด เพื่อตัดตอนการแทรกแซงวิถีปกครองไทยเราจริงในเวลานี้ได้ และต้องทีมแบบ แม่ทัพภาค2หรือคณะบิ๊กปู เท่านั้นที่ประชาชนพอไว้วางใจได้,ผบ.เหล่าทัพทั้งหมดเราเห็นชัดเจนในน้ำหนึ่งใจเดียวกับภาคประชาชนแบบเราแล้ว,แต่วิถีการเมืองจากภาคนักการเมืองถือว่าล้มเหลวและไม่มีความน่าไว้วางใจต่อการจะมีหน้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองเพื่อปกป้องอธิปไตยไทยได้ต่อไปอีกแล้ว.,หากยังปล่อยให้ทำหน้าที่จะเป็นภัยร้ายแรงต่อแผ่นดินไทยทันทีแบบไม่ต้องสงสัย,ทั้งข้าราชการไทยก็เลวชั่วไม่น้อยในการไปใฝ่ชั่วเลวกับพวกนักการเมือง,จึงสรุปความว่าทหารพระราชาเราต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศอย่างเป็นทางการได้แล้ว,ยึดอำนาจฝ่ายนักการเมืองทั้งหมดทันที ตรวจสอบทรัพย์สินและแหล่งที่มาของเงินทุนผิดปกติทั้งหมด จะข้าราชการเอง จะนักการเมืองญาติพี่น้องลูกน้องคนงานทั้งหมดด้วย จะเจ้าสัวเอกชนทั้งหมดด้วย จะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติทั้งหมดเช่นกัน,เงินทุนเงินเทา นายทุนต่างชาติเทา คนไทยเทาทัังหมดต้องตรวจสอบทั้งหมด,และเจ้าหน้าที่ดีเรามีตรึมแน่นอน,คนไม่พอจ้างนักศึกษาที่จบมาแล้วตกงาน เข้าไปอบรมก่อนเริ่มงานเพื่อชาติไทยเราได้,เงินเทากว่า100ล้านล้านบาทใต้ดิน ยึดทั้งหมดได้แน่นอน,ทหารท่านทั้งหลานท่านเลิกเกรงใจระบบประชาธิปไตยฝรั่งส่งออกผีบ้านี้เถอะ,ชาติไทย คนไทย แผ่นดินไทยเราต้องปกป้องดูแลก่อนอย่างจริงจังได้แล้ว,วิถีสภาแบบนักการเมืองสไตล์ปกครองของฝรั่งนี้ล้มเหลวแล้ว ต่างชาติต่างๆเข้าแทรกแซงวุ่นวายง่ายเกินไป.

    ..มีหลายๆอย่างที่สถานะแบบปัจจุบันมิอาจกำจัดคนชั่วเลวบนแผ่นดินไทยเราได้,ต้องสถานะพิเศษคนพิเศษเท่านั้นจึงจะทำให้เป็นปกติได้.,แล้วจึงมาร่วมกับประชาชนคนไทยเราสร้างชาติไทยเราขึ้นมาใหม่อีกครั้ง.

    ..ทหารกองทัพไทยท่านต้องตัดสินใจได้แล้ว,ให้บิ๊กกุ้งเป็นนายกฯแทนก็ได้โดยมีบิ๊กปูยึดอำนาจผลักดันบิ๊กกุ้งหน้าฉาก,โลกไม่สนใจหรอก,บ้านใครชาติใครก็ต่างแก้ปัญหาบ้านใครเมืองมันทั้งสิ้น,เราจะตัดตอนพวกไซออนิสต์ได้ระดับหนึ่ง เช่นCIAในภูมิภาคไทยเรานี้ จะสร้างบทละครกำกับเองลำบากขึ้น.,ฑูตไหนต้องสงสัยเชิญออกจากประเทศไทยก่อนได้,สำนักไหนฝ่ายทหารเรารู้แน่ชัดว่ามันคือพวกไส้ศึกก็จัดการได้,บ้านเมืองเราจะปล่อยต่อไปแบบนี้อีกไม่ได้.,เพราะโลกไม่เหมือนเดิมแล้ว,คนไทยเราต้องรอดและไปด้วยกัน.


    https://youtube.com/watch?v=Gbq-MB0wMwQ&si=IvZHQkoQVxWN-Ugy
    #การเมืองกระทบวิถีชีวิตคนไทยทุกๆคน #การเมืองคนไทยต้องใส่ใจ #การปกครองจากนักการเมืองทุกๆคนไทยต้องเกี่ยวข้อง ..นักการเมืองตอนนี้นับว่าอันตรายและเป็นภัยต่อความมั่นคงทางด้านอธิปไตยชาติชัดเจน ทั่งไม่ซื่อสัตย์สุจริตแล้วด้วย. ..กองทัพไทยเท่านั้นตอนนี้ที่สมควรเข้ามาควบคุมการปกครองในบ้านเมืองทั้งหมด เพื่อตัดตอนการแทรกแซงวิถีปกครองไทยเราจริงในเวลานี้ได้ และต้องทีมแบบ แม่ทัพภาค2หรือคณะบิ๊กปู เท่านั้นที่ประชาชนพอไว้วางใจได้,ผบ.เหล่าทัพทั้งหมดเราเห็นชัดเจนในน้ำหนึ่งใจเดียวกับภาคประชาชนแบบเราแล้ว,แต่วิถีการเมืองจากภาคนักการเมืองถือว่าล้มเหลวและไม่มีความน่าไว้วางใจต่อการจะมีหน้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองเพื่อปกป้องอธิปไตยไทยได้ต่อไปอีกแล้ว.,หากยังปล่อยให้ทำหน้าที่จะเป็นภัยร้ายแรงต่อแผ่นดินไทยทันทีแบบไม่ต้องสงสัย,ทั้งข้าราชการไทยก็เลวชั่วไม่น้อยในการไปใฝ่ชั่วเลวกับพวกนักการเมือง,จึงสรุปความว่าทหารพระราชาเราต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศอย่างเป็นทางการได้แล้ว,ยึดอำนาจฝ่ายนักการเมืองทั้งหมดทันที ตรวจสอบทรัพย์สินและแหล่งที่มาของเงินทุนผิดปกติทั้งหมด จะข้าราชการเอง จะนักการเมืองญาติพี่น้องลูกน้องคนงานทั้งหมดด้วย จะเจ้าสัวเอกชนทั้งหมดด้วย จะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติทั้งหมดเช่นกัน,เงินทุนเงินเทา นายทุนต่างชาติเทา คนไทยเทาทัังหมดต้องตรวจสอบทั้งหมด,และเจ้าหน้าที่ดีเรามีตรึมแน่นอน,คนไม่พอจ้างนักศึกษาที่จบมาแล้วตกงาน เข้าไปอบรมก่อนเริ่มงานเพื่อชาติไทยเราได้,เงินเทากว่า100ล้านล้านบาทใต้ดิน ยึดทั้งหมดได้แน่นอน,ทหารท่านทั้งหลานท่านเลิกเกรงใจระบบประชาธิปไตยฝรั่งส่งออกผีบ้านี้เถอะ,ชาติไทย คนไทย แผ่นดินไทยเราต้องปกป้องดูแลก่อนอย่างจริงจังได้แล้ว,วิถีสภาแบบนักการเมืองสไตล์ปกครองของฝรั่งนี้ล้มเหลวแล้ว ต่างชาติต่างๆเข้าแทรกแซงวุ่นวายง่ายเกินไป. ..มีหลายๆอย่างที่สถานะแบบปัจจุบันมิอาจกำจัดคนชั่วเลวบนแผ่นดินไทยเราได้,ต้องสถานะพิเศษคนพิเศษเท่านั้นจึงจะทำให้เป็นปกติได้.,แล้วจึงมาร่วมกับประชาชนคนไทยเราสร้างชาติไทยเราขึ้นมาใหม่อีกครั้ง. ..ทหารกองทัพไทยท่านต้องตัดสินใจได้แล้ว,ให้บิ๊กกุ้งเป็นนายกฯแทนก็ได้โดยมีบิ๊กปูยึดอำนาจผลักดันบิ๊กกุ้งหน้าฉาก,โลกไม่สนใจหรอก,บ้านใครชาติใครก็ต่างแก้ปัญหาบ้านใครเมืองมันทั้งสิ้น,เราจะตัดตอนพวกไซออนิสต์ได้ระดับหนึ่ง เช่นCIAในภูมิภาคไทยเรานี้ จะสร้างบทละครกำกับเองลำบากขึ้น.,ฑูตไหนต้องสงสัยเชิญออกจากประเทศไทยก่อนได้,สำนักไหนฝ่ายทหารเรารู้แน่ชัดว่ามันคือพวกไส้ศึกก็จัดการได้,บ้านเมืองเราจะปล่อยต่อไปแบบนี้อีกไม่ได้.,เพราะโลกไม่เหมือนเดิมแล้ว,คนไทยเราต้องรอดและไปด้วยกัน. https://youtube.com/watch?v=Gbq-MB0wMwQ&si=IvZHQkoQVxWN-Ugy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา”

    Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน

    องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ

    OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ

    เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง

    แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส
    โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค
    ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย
    ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้
    มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร
    แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ
    สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ
    EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส
    โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน
    Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย
    โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก

    https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    🌍 “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา” Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค ➡️ ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย ➡️ ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้ ➡️ มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร ➡️ แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ ➡️ สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ ➡️ EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน ➡️ Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย ➡️ โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenSSF Warns: Open Source Software Is Not a Free Service
    OpenSSF and other foundations warn that they can no longer be the unpaid gatekeepers of the software supply chain and that enterprises must contribute financially.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุปสรรคแพลตฟอร์มไทยสู่ระดับโลก: ทำไมเรายังไปไม่ถึง?

    ในยุคที่โลกดิจิทัลขับเคลื่อนทุกอย่าง ประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยหน้า การเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซ และ บริการออนไลน์ พุ่งทะยานไม่หยุด โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    แต่เมื่อมองลึกลงไป... เราจะพบความจริงที่เจ็บปวด — ผู้เล่นใหญ่ ๆ ที่ครองตลาดกลับไม่ใช่ของไทยเองเลย!

    Shopee
    Lazada
    Grab
    TikTok Shop

    ทั้งหมดเป็นต่างชาติที่เข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดแบบเบ็ดเสร็จ

    ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “เราไม่มีความสามารถ” แต่คือ “เราถูกกดทับด้วยโครงสร้าง”

    1️⃣ ผู้เล่นต่างชาติใช้เงินมหาศาล ทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก จนสร้างฐานผู้ใช้มหาศาล
    2️⃣ เมื่อคนเริ่มติดแพลตฟอร์ม ➝ พวกเขาก็ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม
    3️⃣ ร้านค้าเล็ก ๆ ต้องแบกภาระ กำไรหด ในขณะที่ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้น

    แล้ว สตาร์ทอัพไทย ล่ะ?

    ความจริงคือ…เรายังติดกับดักใหญ่ 2 เรื่อง
    บุคลากร – ไทยต้องการแรงงานดิจิทัล 20,000–30,000 คนต่อปี แต่ระบบการศึกษาผลิตได้ไม่ถึง 6,000
    เงินทุน – กว่า 70% ของสตาร์ทอัพไทยล้มเหลวเพราะหาทุนต่อยอดไม่ได้ Series B+ ยิ่งแทบจะไม่มีใครลงทุน

    นี่คือ วิกฤตสามเหลี่ยมเพชร
    ไม่มีเงินทุน ➝ จ้างคนเก่งไม่ได้
    ไม่มีคนเก่ง ➝ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน
    พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➝ สู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้

    ปัญหาการผูกขาด ยังทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ โดนกินส่วนแบ่งหนัก ตัวเลขค่าธรรมเนียม GP ของ Food Delivery สูงถึง 30–32%!!
    ร้านค้าขาย 10,000 บาท ➝ เหลือจริงไม่ถึง 7,000 บาท
    ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายแพงขึ้น

    แล้วเราจะไปต่ออย่างไร

    ข้อเสนอสำคัญ
    สร้างคนเก่งดิจิทัล ผ่านการศึกษาและอบรมใหม่ ๆ
    ดึงดูดเงินทุน VC โดยเฉพาะ Series B+
    รัฐต้องจริงจังกับการกำกับดูแลการผูกขาด
    เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➝ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบ “Super-App” แต่เจาะลึกเฉพาะทาง เช่น
    Wongnai รีวิวร้านอาหาร
    Flash Express โลจิสติกส์

    ไทยมีโอกาสในหลายด้าน: เกษตร การท่องเที่ยว การแพทย์
    ถ้าเราพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้จริง ➝ เราจะสร้าง ยูนิคอร์น ไทยตัวใหม่ได้

    อนาคตดิจิทัลไทย
    ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” ด้วยการคุมผูกขาด แต่ต้อง “สร้างภูมิคุ้มกัน” ด้วยการลงทุนในคน เงินทุน และนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง

    เพราะสุดท้ายแล้ว…
    ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมี Super-App ที่ครองโลก
    แต่เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ เชี่ยวชาญ ลึก และแข็งแรง พอจะยืนในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🌏 อุปสรรคแพลตฟอร์มไทยสู่ระดับโลก: ทำไมเรายังไปไม่ถึง? ในยุคที่โลกดิจิทัลขับเคลื่อนทุกอย่าง 🇹🇭 ประเทศไทยก็ไม่ได้น้อยหน้า การเติบโตของตลาด อีคอมเมิร์ซ และ บริการออนไลน์ พุ่งทะยานไม่หยุด 🚀 โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 🛒📱 แต่เมื่อมองลึกลงไป... เราจะพบความจริงที่เจ็บปวด 💔 — ผู้เล่นใหญ่ ๆ ที่ครองตลาดกลับไม่ใช่ของไทยเองเลย! Shopee 🟠 Lazada 🔵 Grab 🟢 TikTok Shop 🎥 ทั้งหมดเป็นต่างชาติที่เข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดแบบเบ็ดเสร็จ 😮 🔥 ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่ “เราไม่มีความสามารถ” แต่คือ “เราถูกกดทับด้วยโครงสร้าง” 1️⃣ ผู้เล่นต่างชาติใช้เงินมหาศาล 💰 ทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก จนสร้างฐานผู้ใช้มหาศาล 2️⃣ เมื่อคนเริ่มติดแพลตฟอร์ม ➝ พวกเขาก็ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม 💸 3️⃣ ร้านค้าเล็ก ๆ ต้องแบกภาระ กำไรหด ✂️ ในขณะที่ผู้บริโภคก็จ่ายแพงขึ้น 👨‍💻 แล้ว สตาร์ทอัพไทย ล่ะ? ความจริงคือ…เรายังติดกับดักใหญ่ 2 เรื่อง ⚡ บุคลากร – ไทยต้องการแรงงานดิจิทัล 20,000–30,000 คนต่อปี แต่ระบบการศึกษาผลิตได้ไม่ถึง 6,000 😵 ⚡ เงินทุน – กว่า 70% ของสตาร์ทอัพไทยล้มเหลวเพราะหาทุนต่อยอดไม่ได้ ❌ Series B+ ยิ่งแทบจะไม่มีใครลงทุน นี่คือ วิกฤตสามเหลี่ยมเพชร 💎 ➡️ ไม่มีเงินทุน ➝ จ้างคนเก่งไม่ได้ ➡️ ไม่มีคนเก่ง ➝ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➡️ พัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ทัน ➝ สู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้ ⚖️ ปัญหาการผูกขาด ยังทำให้ร้านค้าเล็ก ๆ โดนกินส่วนแบ่งหนัก 🥲 ตัวเลขค่าธรรมเนียม GP ของ Food Delivery สูงถึง 30–32%!! ร้านค้าขาย 10,000 บาท ➝ เหลือจริงไม่ถึง 7,000 บาท 🥲 ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายแพงขึ้น 🍔📦 ✨ แล้วเราจะไปต่ออย่างไร ‼️‼️⁉️❓ 💡 ข้อเสนอสำคัญ ✅ สร้างคนเก่งดิจิทัล 👩‍💻 ผ่านการศึกษาและอบรมใหม่ ๆ ✅ ดึงดูดเงินทุน VC 💵 โดยเฉพาะ Series B+ ✅ รัฐต้องจริงจังกับการกำกับดูแลการผูกขาด ⚖️ ✅ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➝ ไม่จำเป็นต้องสู้แบบ “Super-App” แต่เจาะลึกเฉพาะทาง เช่น 🗝️ Wongnai 🍜 รีวิวร้านอาหาร 🗝️Flash Express 📦 โลจิสติกส์ 🌱 ไทยมีโอกาสในหลายด้าน: เกษตร 🍍 การท่องเที่ยว 🏝️ การแพทย์ 💊 ถ้าเราพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะทางได้จริง ➝ เราจะสร้าง ยูนิคอร์น ไทยตัวใหม่ได้ 🦄 🔮 อนาคตดิจิทัลไทย ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” ด้วยการคุมผูกขาด แต่ต้อง “สร้างภูมิคุ้มกัน” ด้วยการลงทุนในคน 💪 เงินทุน 💰 และนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง เพราะสุดท้ายแล้ว… 🇹🇭 ไทยอาจไม่จำเป็นต้องมี Super-App ที่ครองโลก แต่เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ เชี่ยวชาญ ลึก และแข็งแรง พอจะยืนในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ 🌏✨ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI โตเร็วเกินทุน — รายงานชี้ต้องมีรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีถึงจะพอเลี้ยงระบบ แต่ยังขาดอีก $800 พันล้านทั่วโลก”

    รายงานล่าสุดจาก Bain & Company เปิดเผยว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเติบโตเร็วกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้ โดยเฉพาะในด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ รายงานระบุว่าเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านการประมวลผล AI ได้อย่างยั่งยืนภายในปี 2030 โลกจะต้องมีรายได้จาก AI สูงถึง $2 ล้านล้านต่อปี แต่แม้จะมองในแง่ดี ก็ยังขาดอยู่ถึง $800 พันล้าน

    ความต้องการ compute สำหรับ AI ทั้งการฝึกโมเดลและการใช้งานจริง (inference) เติบโตเร็วกว่ากฎของ Moore’s Law ถึง 2 เท่า ทำให้ผู้ให้บริการ data center ต้องขยายระบบแบบ brute-force โดยไม่สามารถพึ่งพาประสิทธิภาพของชิปได้อีกต่อไป คาดว่าภายในปี 2030 ความต้องการพลังงานของ AI จะสูงถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ

    รายงานยังเตือนว่าการขาดแคลน GPU, หน่วยความจำ HBM, และเทคโนโลยี CoWoS จะยังคงเป็นปัญหาไปอีกหลายปี แม้บริษัทใหญ่จะลงทุนมหาศาล เช่น Microsoft ที่เพิ่มงบสร้าง data center ในรัฐวิสคอนซินเป็น $7 พันล้าน หรือ xAI ของ Elon Musk ที่ตั้งเป้าจะใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี

    หากเงินทุนไม่พอ อุตสาหกรรมจะหันไปใช้ระบบที่ให้ผลตอบแทนต่อวัตต์และพื้นที่สูงที่สุด เช่น rack GPU ขนาดใหญ่ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจทำให้ชิประดับ workstation หายากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AI ต้องการรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีเพื่อรองรับการเติบโตภายในปี 2030
    แม้มองในแง่ดี ยังขาดทุนอยู่ $800 พันล้าน
    ความต้องการ compute เติบโตเร็วกว่าประสิทธิภาพชิปถึง 2 เท่า
    คาดว่า AI จะใช้พลังงานถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ
    GPU, HBM, และ CoWoS ยังขาดแคลนต่อเนื่อง
    Microsoft ลงทุน $7 พันล้านใน data center ใหม่ในวิสคอนซิน
    xAI ตั้งเป้าใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี
    ระบบ rack GPU เช่น GB200 NVL72 และ MI300X จะได้รับความสำคัญมากขึ้น
    การประมวลผลที่ edge เช่น laptop ที่มี NPU จะได้รับความนิยมมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Moore’s Law คือหลักการที่ประสิทธิภาพของชิปจะเพิ่มขึ้นทุก 2 ปี แต่เริ่มชะลอตัวแล้ว
    HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่
    CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อชิปที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    Edge AI ช่วยลดค่าใช้จ่ายและ latency โดยไม่ต้องพึ่ง cloud
    Sovereign AI กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติในหลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐฯ และ EU

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/bain-says-compute-demand-is-outpacing-capital
    ⚡ “AI โตเร็วเกินทุน — รายงานชี้ต้องมีรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีถึงจะพอเลี้ยงระบบ แต่ยังขาดอีก $800 พันล้านทั่วโลก” รายงานล่าสุดจาก Bain & Company เปิดเผยว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเติบโตเร็วกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้ โดยเฉพาะในด้านพลังงานและฮาร์ดแวร์ รายงานระบุว่าเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการด้านการประมวลผล AI ได้อย่างยั่งยืนภายในปี 2030 โลกจะต้องมีรายได้จาก AI สูงถึง $2 ล้านล้านต่อปี แต่แม้จะมองในแง่ดี ก็ยังขาดอยู่ถึง $800 พันล้าน ความต้องการ compute สำหรับ AI ทั้งการฝึกโมเดลและการใช้งานจริง (inference) เติบโตเร็วกว่ากฎของ Moore’s Law ถึง 2 เท่า ทำให้ผู้ให้บริการ data center ต้องขยายระบบแบบ brute-force โดยไม่สามารถพึ่งพาประสิทธิภาพของชิปได้อีกต่อไป คาดว่าภายในปี 2030 ความต้องการพลังงานของ AI จะสูงถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ รายงานยังเตือนว่าการขาดแคลน GPU, หน่วยความจำ HBM, และเทคโนโลยี CoWoS จะยังคงเป็นปัญหาไปอีกหลายปี แม้บริษัทใหญ่จะลงทุนมหาศาล เช่น Microsoft ที่เพิ่มงบสร้าง data center ในรัฐวิสคอนซินเป็น $7 พันล้าน หรือ xAI ของ Elon Musk ที่ตั้งเป้าจะใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี หากเงินทุนไม่พอ อุตสาหกรรมจะหันไปใช้ระบบที่ให้ผลตอบแทนต่อวัตต์และพื้นที่สูงที่สุด เช่น rack GPU ขนาดใหญ่ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจทำให้ชิประดับ workstation หายากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AI ต้องการรายได้ $2 ล้านล้านต่อปีเพื่อรองรับการเติบโตภายในปี 2030 ➡️ แม้มองในแง่ดี ยังขาดทุนอยู่ $800 พันล้าน ➡️ ความต้องการ compute เติบโตเร็วกว่าประสิทธิภาพชิปถึง 2 เท่า ➡️ คาดว่า AI จะใช้พลังงานถึง 200 กิกะวัตต์ โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐฯ ➡️ GPU, HBM, และ CoWoS ยังขาดแคลนต่อเนื่อง ➡️ Microsoft ลงทุน $7 พันล้านใน data center ใหม่ในวิสคอนซิน ➡️ xAI ตั้งเป้าใช้ GPU เทียบเท่า H100 ถึง 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี ➡️ ระบบ rack GPU เช่น GB200 NVL72 และ MI300X จะได้รับความสำคัญมากขึ้น ➡️ การประมวลผลที่ edge เช่น laptop ที่มี NPU จะได้รับความนิยมมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Moore’s Law คือหลักการที่ประสิทธิภาพของชิปจะเพิ่มขึ้นทุก 2 ปี แต่เริ่มชะลอตัวแล้ว ➡️ HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) เป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อชิปที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ Edge AI ช่วยลดค่าใช้จ่ายและ latency โดยไม่ต้องพึ่ง cloud ➡️ Sovereign AI กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติในหลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐฯ และ EU https://www.tomshardware.com/tech-industry/bain-says-compute-demand-is-outpacing-capital
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AI buildouts need $2 trillion in annual revenue to sustain growth, but massive cash shortfall looms — even generous forecasts highlight $800 billion black hole, says report
    A new Bain report says AI buildout will need $2 trillion in annual revenue just to sustain its growth, and the shortfall could keep GPUs scarce and energy grids strained through 2030.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์สถาบัน — Harvard ลงทุนกว่า $116 ล้าน, 401(k) เปิดรับคริปโต, และ DeFi เติบโตต่อเนื่อง”

    ในอดีต การพูดถึง Bitcoin ในแวดวงการเงินสถาบันอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ในปี 2025 ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมหาวิทยาลัย Harvard เปิดเผยว่าได้ถือหุ้นในกองทุน Bitcoin ETF ของ BlackRock กว่า 2 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า $116 ล้าน กลายเป็นการลงทุนอันดับ 5 รองจาก Microsoft, Amazon, Booking และ Meta

    การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่สถาบันการเงินเริ่มยอมรับ Bitcoin เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะผ่านโครงสร้าง ETF ที่มีความปลอดภัย โปร่งใส และมีการกำกับดูแลจาก SEC ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการถือครองคริปโตโดยตรง เช่น การจัดการ private key หรือความผันผวนของตลาดแลกเปลี่ยน

    นอกจากมหาวิทยาลัยแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังประกาศนโยบายใหม่ที่เปิดให้รวมคริปโตเข้ากับบัญชีเกษียณ 401(k) ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนมหาศาลจากกองทุนเกษียณทั่วประเทศ และช่วยลดความผันผวนของตลาดในระยะยาว

    ในฝั่งของ DeFi หรือการเงินแบบกระจายอำนาจ Bitcoin ยังคงเป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีเงินทุนไหลเข้าสู่วงการกว่า $180 ล้านในช่วงครึ่งปีแรก และบริษัทด้าน stablecoin ก็สามารถระดมทุนได้ถึง $13 ล้าน เพื่อสร้างแพลตฟอร์มธนาคารที่ใช้เหรียญดิจิทัลเป็นหลัก

    Ethereum ซึ่งเป็นคริปโตอันดับสองก็มีการเติบโตเช่นกัน โดยจำนวนธุรกรรมบนเครือข่ายแตะระดับสูงสุดของปี แม้ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการจัดประเภทของ liquid staking แต่ตลาดที่เริ่มมีความชัดเจนด้านกฎระเบียบก็ช่วยให้ ETH มีเสถียรภาพมากขึ้น

    การยอมรับ Bitcoin ในระดับสถาบัน
    Harvard ลงทุน $116 ล้านในกองทุน iShares Bitcoin ETF ของ BlackRock
    ETF ช่วยให้สถาบันเข้าถึง Bitcoin โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง
    สินทรัพย์ภายใต้การจัดการของ Bitcoin ETF พุ่งเกิน $86.3 พันล้านหลังการอนุมัติจาก SEC
    สถาบันอื่น เช่น Brown, Emory และ University of Texas ก็เริ่มลงทุนในคริปโตเช่นกัน

    การเปิดรับคริปโตในบัญชีเกษียณ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้เปิด 401(k) สำหรับคริปโต
    นโยบายนี้อาจนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนจากกองทุนเกษียณ
    ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความผันผวนของตลาดคริปโต
    นักลงทุนสามารถกระจายพอร์ตด้วยสินทรัพย์ทางเลือกที่มีผลตอบแทนสูง

    การเติบโตของ DeFi และ Ethereum
    Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์หลักใน DeFi โดยมีเงินทุนไหลเข้า $180 ล้าน
    บริษัทด้าน stablecoin ระดมทุน $13 ล้านเพื่อสร้างแพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัล
    Ethereum มีธุรกรรมแตะระดับสูงสุดของปี แม้ยังมีข้อถกเถียงด้านกฎหมาย
    ตลาดคริปโตเริ่มมีความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ส่งผลให้สินทรัพย์มีเสถียรภาพมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การอนุมัติ ETF โดย SEC ในปี 2024 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการยอมรับคริปโต
    Bitcoin ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ คล้ายทองคำ แต่มีความคล่องตัวสูงกว่า
    การจัดสรรคริปโตเพียง 2–3% ในพอร์ตสถาบันอาจสร้างดีมานด์กว่า $3–4 ล้านล้านดอลลาร์
    การลงทุนผ่าน ETF ช่วยลดความเสี่ยงด้านการจัดเก็บและความปลอดภัยของคริปโต

    https://hackread.com/bitcoin-continues-increase-institutional-popularity/
    💰 “Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์สถาบัน — Harvard ลงทุนกว่า $116 ล้าน, 401(k) เปิดรับคริปโต, และ DeFi เติบโตต่อเนื่อง” ในอดีต การพูดถึง Bitcoin ในแวดวงการเงินสถาบันอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ในปี 2025 ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมหาวิทยาลัย Harvard เปิดเผยว่าได้ถือหุ้นในกองทุน Bitcoin ETF ของ BlackRock กว่า 2 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า $116 ล้าน กลายเป็นการลงทุนอันดับ 5 รองจาก Microsoft, Amazon, Booking และ Meta การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่สถาบันการเงินเริ่มยอมรับ Bitcoin เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะผ่านโครงสร้าง ETF ที่มีความปลอดภัย โปร่งใส และมีการกำกับดูแลจาก SEC ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการถือครองคริปโตโดยตรง เช่น การจัดการ private key หรือความผันผวนของตลาดแลกเปลี่ยน นอกจากมหาวิทยาลัยแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังประกาศนโยบายใหม่ที่เปิดให้รวมคริปโตเข้ากับบัญชีเกษียณ 401(k) ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนมหาศาลจากกองทุนเกษียณทั่วประเทศ และช่วยลดความผันผวนของตลาดในระยะยาว ในฝั่งของ DeFi หรือการเงินแบบกระจายอำนาจ Bitcoin ยังคงเป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีเงินทุนไหลเข้าสู่วงการกว่า $180 ล้านในช่วงครึ่งปีแรก และบริษัทด้าน stablecoin ก็สามารถระดมทุนได้ถึง $13 ล้าน เพื่อสร้างแพลตฟอร์มธนาคารที่ใช้เหรียญดิจิทัลเป็นหลัก Ethereum ซึ่งเป็นคริปโตอันดับสองก็มีการเติบโตเช่นกัน โดยจำนวนธุรกรรมบนเครือข่ายแตะระดับสูงสุดของปี แม้ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการจัดประเภทของ liquid staking แต่ตลาดที่เริ่มมีความชัดเจนด้านกฎระเบียบก็ช่วยให้ ETH มีเสถียรภาพมากขึ้น ✅ การยอมรับ Bitcoin ในระดับสถาบัน ➡️ Harvard ลงทุน $116 ล้านในกองทุน iShares Bitcoin ETF ของ BlackRock ➡️ ETF ช่วยให้สถาบันเข้าถึง Bitcoin โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง ➡️ สินทรัพย์ภายใต้การจัดการของ Bitcoin ETF พุ่งเกิน $86.3 พันล้านหลังการอนุมัติจาก SEC ➡️ สถาบันอื่น เช่น Brown, Emory และ University of Texas ก็เริ่มลงทุนในคริปโตเช่นกัน ✅ การเปิดรับคริปโตในบัญชีเกษียณ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้เปิด 401(k) สำหรับคริปโต ➡️ นโยบายนี้อาจนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนจากกองทุนเกษียณ ➡️ ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความผันผวนของตลาดคริปโต ➡️ นักลงทุนสามารถกระจายพอร์ตด้วยสินทรัพย์ทางเลือกที่มีผลตอบแทนสูง ✅ การเติบโตของ DeFi และ Ethereum ➡️ Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์หลักใน DeFi โดยมีเงินทุนไหลเข้า $180 ล้าน ➡️ บริษัทด้าน stablecoin ระดมทุน $13 ล้านเพื่อสร้างแพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัล ➡️ Ethereum มีธุรกรรมแตะระดับสูงสุดของปี แม้ยังมีข้อถกเถียงด้านกฎหมาย ➡️ ตลาดคริปโตเริ่มมีความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ส่งผลให้สินทรัพย์มีเสถียรภาพมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การอนุมัติ ETF โดย SEC ในปี 2024 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการยอมรับคริปโต ➡️ Bitcoin ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ คล้ายทองคำ แต่มีความคล่องตัวสูงกว่า ➡️ การจัดสรรคริปโตเพียง 2–3% ในพอร์ตสถาบันอาจสร้างดีมานด์กว่า $3–4 ล้านล้านดอลลาร์ ➡️ การลงทุนผ่าน ETF ช่วยลดความเสี่ยงด้านการจัดเก็บและความปลอดภัยของคริปโต https://hackread.com/bitcoin-continues-increase-institutional-popularity/
    HACKREAD.COM
    Bitcoin continues to increase its institutional popularity
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคนบอกว่า วัคซีน "มีประโยชน์" นี่ คือ *ผล*ประโยชน์ ที่เขาได้รับ!!
    รัฐบาลสหรัฐถือสิทธิบัตรวัคซีนและได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นเปอร์เซนต์ตามยอดขาย
    แพทย์ได้รับคะแนนจาก HEDIS ซึ่งเป็นระบบที่ติดตามการสั่งฉีดวัคซีน และพวกเขาได้รับโบนัสเป็นเงินสใจถ้าทำยอดได้ตามเป้า(สูงสุด 400 ดอลลาร์ต่อเด็ก 1 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนดทุกตัว)
    กระทรวงสาธารณสุขได้รับเงินทุนสนับสนุนมากขึ้นเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้น
    โรงพยาบาลได้รับเงินชดเชยสูงขึ้น· บริษัทประกันเอกชนให้รางวัลการปฏิบัติตามข้อกำหนด
    บริษัทยา จ่ายค่าวิทยากร ให้แพทย์ที่ บรรยายโน้มน้าวให้คนฉีดวัคซีน
    https://www.facebook.com/share/p/192UbWDRdz/
    ✍️มีคนบอกว่า วัคซีน "มีประโยชน์" นี่ คือ *ผล*ประโยชน์ ที่เขาได้รับ!! 💥รัฐบาลสหรัฐถือสิทธิบัตรวัคซีนและได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นเปอร์เซนต์ตามยอดขาย 💥แพทย์ได้รับคะแนนจาก HEDIS ซึ่งเป็นระบบที่ติดตามการสั่งฉีดวัคซีน และพวกเขาได้รับโบนัสเป็นเงินสใจถ้าทำยอดได้ตามเป้า(สูงสุด 400 ดอลลาร์ต่อเด็ก 1 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนดทุกตัว) 💥กระทรวงสาธารณสุขได้รับเงินทุนสนับสนุนมากขึ้นเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้น 💥 โรงพยาบาลได้รับเงินชดเชยสูงขึ้น· บริษัทประกันเอกชนให้รางวัลการปฏิบัติตามข้อกำหนด 💥บริษัทยา จ่ายค่าวิทยากร ให้แพทย์ที่ บรรยายโน้มน้าวให้คนฉีดวัคซีน https://www.facebook.com/share/p/192UbWDRdz/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว



  • รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน

    ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์.




    #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย

    สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า

    ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู

    อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา

    อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา
    การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน

    แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง

    งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู

    หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน
    ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด

    แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ
    แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน

    กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง

    ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน
    โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน

    ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์

    สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง
    สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18)
    ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี

    ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ
    พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE]
    6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones:
    Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น
    Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK

    1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน)
    1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน)
    1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน)
    1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน
    1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม
    (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่)
    1913 ธนาคารกลางสหรัฐ
    1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค
    1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค)
    1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ

    พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน:

    • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา

    • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา

    • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย

    • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส

    • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ

    • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา
    • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน

    ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้

    อย่าหลงกล/
    อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม
    ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์
    ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)//

    ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA

    เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย
    ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน
    กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน
    ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM สมยศ จิราวณิชานันท์ ของสหรัฐอเมริกา

    https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html


    รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์. #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์ สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18) ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE] 6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones: Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK 1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน) 1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน) 1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน) 1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน 1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่) 1913 ธนาคารกลางสหรัฐ 1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค 1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค) 1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน: • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้ อย่าหลงกล/ อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์ ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)// ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM [CIA] ของสหรัฐอเมริกา https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ Bitcoin เริ่มชะลอ… นักลงทุนสถาบันหันหลังให้ BTC แล้วหันหน้าสู่ Altcoin และ DeFi

    ปี 2025 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโต เมื่อ Bitcoin ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของการลงทุน เริ่มสูญเสียความเป็นผู้นำในด้าน “dominance” โดยลดลงต่ำกว่า 58% เป็นครั้งแรกในรอบปี ขณะที่ Altcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ กลับได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและหาผลตอบแทนที่สูงกว่า

    Ethereum ETF เพียงอย่างเดียวสามารถดึงเงินลงทุนได้ถึง 3 พันล้านดอลลาร์ภายในสัปดาห์เดียว และตลาด Altcoin โดยรวม (TOTAL3) เติบโตขึ้นกว่า 109% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาด ที่ไม่ได้พึ่งพาแค่ Bitcoin อีกต่อไป

    DeFi และ Stablecoin ก็เป็นอีกสองกลุ่มที่เติบโตโดดเด่น โดย DeFi มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 44.5% และ Stablecoin เพิ่มขึ้น 38.6% ในปีเดียว ขณะที่ DEX (Decentralized Exchange) มีปริมาณการซื้อขายรวมกว่า 1.15 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ไปสู่โครงสร้างแบบกระจายอำนาจ

    การขยายตัวของสภาพคล่องทั่วโลก (M2) กว่า 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ และการลดดอกเบี้ยในหลายประเทศ ทำให้เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะ Altcoin ที่มีความผันผวนสูงแต่ให้ผลตอบแทนมากกว่า Bitcoin ถึง 200% ในบางช่วง

    Bitcoin สูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดคริปโต
    Dominance ลดลงต่ำกว่า 58% เป็นครั้งแรกในปี 2025
    นักลงทุนสถาบันเริ่มหันไปลงทุนใน Altcoin และ DeFi

    Ethereum ETF ดึงเงินลงทุนมหาศาล
    มี inflow ถึง $3 พันล้านในสัปดาห์เดียว
    สะท้อนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ใช่ Bitcoin

    Altcoin เติบโตเหนือความคาดหมาย
    TOTAL3 เพิ่มขึ้น 109.43% เมื่อเทียบกับปีก่อน
    Altcoin ให้ผลตอบแทนสูงกว่า Bitcoin ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ

    DeFi และ Stablecoin เป็นกลุ่มที่เติบโตเร็ว
    DeFi เพิ่มขึ้น 44.5% / Stablecoin เพิ่มขึ้น 38.6%
    สะท้อนการใช้งานจริงและความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

    DEX กลายเป็นโครงสร้างหลักของการซื้อขาย
    ปริมาณซื้อขายรวมกว่า $1.15 ล้านล้านในปีเดียว
    Ethereum มี volume สูงสุดในเดือนสิงหาคมที่ $139.63 พันล้าน

    On-chain lending และ staking เติบโตต่อเนื่อง
    Lending TVL เพิ่มขึ้น 65% เป็น $79.8B / AAVE ครองครึ่งตลาด
    ETH ที่ถูก stake รวมกว่า 35.8 ล้าน ETH

    สภาพคล่องทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากนโยบายการเงิน
    M2 ขยายตัว $5.6 ล้านล้านในปีเดียว
    เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะ Altcoin

    https://hackread.com/shifting-pivot-toward-altcoins-bitcoin-slowdown/
    📰 เมื่อ Bitcoin เริ่มชะลอ… นักลงทุนสถาบันหันหลังให้ BTC แล้วหันหน้าสู่ Altcoin และ DeFi ปี 2025 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโต เมื่อ Bitcoin ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของการลงทุน เริ่มสูญเสียความเป็นผู้นำในด้าน “dominance” โดยลดลงต่ำกว่า 58% เป็นครั้งแรกในรอบปี ขณะที่ Altcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ กลับได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและหาผลตอบแทนที่สูงกว่า Ethereum ETF เพียงอย่างเดียวสามารถดึงเงินลงทุนได้ถึง 3 พันล้านดอลลาร์ภายในสัปดาห์เดียว และตลาด Altcoin โดยรวม (TOTAL3) เติบโตขึ้นกว่า 109% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาด ที่ไม่ได้พึ่งพาแค่ Bitcoin อีกต่อไป DeFi และ Stablecoin ก็เป็นอีกสองกลุ่มที่เติบโตโดดเด่น โดย DeFi มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 44.5% และ Stablecoin เพิ่มขึ้น 38.6% ในปีเดียว ขณะที่ DEX (Decentralized Exchange) มีปริมาณการซื้อขายรวมกว่า 1.15 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ไปสู่โครงสร้างแบบกระจายอำนาจ การขยายตัวของสภาพคล่องทั่วโลก (M2) กว่า 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ และการลดดอกเบี้ยในหลายประเทศ ทำให้เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะ Altcoin ที่มีความผันผวนสูงแต่ให้ผลตอบแทนมากกว่า Bitcoin ถึง 200% ในบางช่วง ✅ Bitcoin สูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดคริปโต ➡️ Dominance ลดลงต่ำกว่า 58% เป็นครั้งแรกในปี 2025 ➡️ นักลงทุนสถาบันเริ่มหันไปลงทุนใน Altcoin และ DeFi ✅ Ethereum ETF ดึงเงินลงทุนมหาศาล ➡️ มี inflow ถึง $3 พันล้านในสัปดาห์เดียว ➡️ สะท้อนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ใช่ Bitcoin ✅ Altcoin เติบโตเหนือความคาดหมาย ➡️ TOTAL3 เพิ่มขึ้น 109.43% เมื่อเทียบกับปีก่อน ➡️ Altcoin ให้ผลตอบแทนสูงกว่า Bitcoin ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ ✅ DeFi และ Stablecoin เป็นกลุ่มที่เติบโตเร็ว ➡️ DeFi เพิ่มขึ้น 44.5% / Stablecoin เพิ่มขึ้น 38.6% ➡️ สะท้อนการใช้งานจริงและความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ✅ DEX กลายเป็นโครงสร้างหลักของการซื้อขาย ➡️ ปริมาณซื้อขายรวมกว่า $1.15 ล้านล้านในปีเดียว ➡️ Ethereum มี volume สูงสุดในเดือนสิงหาคมที่ $139.63 พันล้าน ✅ On-chain lending และ staking เติบโตต่อเนื่อง ➡️ Lending TVL เพิ่มขึ้น 65% เป็น $79.8B / AAVE ครองครึ่งตลาด ➡️ ETH ที่ถูก stake รวมกว่า 35.8 ล้าน ETH ✅ สภาพคล่องทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากนโยบายการเงิน ➡️ M2 ขยายตัว $5.6 ล้านล้านในปีเดียว ➡️ เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะ Altcoin https://hackread.com/shifting-pivot-toward-altcoins-bitcoin-slowdown/
    HACKREAD.COM
    Shifting Tides: Investors Pivot Toward Altcoins Amid Bitcoin Slowdown
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NASA ผนึกกำลัง Google เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลก — ใช้ภาพดาวเทียมและ AI คาดการณ์ภัยพิบัติก่อนเกิด”

    หลังจากสงครามรัสเซีย–ยูเครนเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 นักวิทยาศาสตร์ด้านพืชผล Inbal Becker-Reshef จาก NASA ได้รับจดหมายจากรัฐบาลยูเครน ขอให้ช่วยประเมินความเสียหายของผลผลิตข้าวสาลีและธัญพืชที่สูญหายไปจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและการประมวลผลด้วย AI เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่สงคราม

    ในปี 2025 Becker-Reshef และทีมงานกว่า 20 คนได้เปิดตัว “สายด่วนวิกฤตอาหารโลก” ซึ่งเป็นศูนย์ประเมินผลผลิตพืชผลแบบเร่งด่วนระดับโลก โดยได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google.org, Microsoft AI for Good Lab, Planet Labs, NASA และองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) จุดประสงค์คือให้รัฐบาล หน่วยงานช่วยเหลือ และสมาคมเกษตรสามารถส่งคำขอวิเคราะห์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้ง เพื่อรับข้อมูลล่วงหน้าในการเตรียมรับมือ

    ระบบนี้ใช้ภาพจากดาวเทียมที่ถูกวิเคราะห์ด้วยโมเดล AI เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารในอนาคต เช่น การสูญเสียผลผลิตจากน้ำท่วม, ภัยแล้ง, ไฟป่า หรือสงคราม ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น น้ำท่วมในปากีสถานที่ทำให้ประชาชนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพ และผลผลิตข้าวกับอ้อยถูกทำลาย

    แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NASA Harvest ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาคพื้นดินได้ เช่น เขตสงครามหรือพื้นที่ที่มีภัยพิบัติรุนแรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NASA เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลกโดยใช้ภาพดาวเทียมและ AI วิเคราะห์
    ได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google, Microsoft, Planet Labs และ FAO
    ใช้ภาพจากอวกาศเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารล่วงหน้า
    ศูนย์นี้สามารถรับคำขอจากรัฐบาลและหน่วยงานช่วยเหลือทั่วโลก

    จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ
    เริ่มต้นจากคำขอของรัฐบาลยูเครนให้ช่วยประเมินผลผลิตที่สูญหายจากสงคราม
    Becker-Reshef เป็นหัวหน้าทีม NASA Harvest และอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส
    ทีมงานมีนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและการวิเคราะห์ภาพดาวเทียม
    ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมแทนการเก็บข้อมูลภาคพื้นดินในพื้นที่อันตราย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NASA Harvest เป็นโครงการที่ใช้ข้อมูลอวกาศเพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร
    ภาพดาวเทียมสามารถช่วยวิเคราะห์ผลผลิต, การหมุนเวียนพืช, และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
    บริษัทเอกชนอย่าง John Deere และ CNH Industrial เริ่มลงทุนในเทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อการเกษตร
    การใช้ AI ร่วมกับภาพดาวเทียมช่วยให้การตอบสนองต่อวิกฤตเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/nasa-scientist-starts-food-crisis-hotline-with-tech-giant-funding
    🌍 “NASA ผนึกกำลัง Google เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลก — ใช้ภาพดาวเทียมและ AI คาดการณ์ภัยพิบัติก่อนเกิด” หลังจากสงครามรัสเซีย–ยูเครนเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 นักวิทยาศาสตร์ด้านพืชผล Inbal Becker-Reshef จาก NASA ได้รับจดหมายจากรัฐบาลยูเครน ขอให้ช่วยประเมินความเสียหายของผลผลิตข้าวสาลีและธัญพืชที่สูญหายไปจากการรุกรานของกองทัพรัสเซีย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและการประมวลผลด้วย AI เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อการเกษตรในพื้นที่สงคราม ในปี 2025 Becker-Reshef และทีมงานกว่า 20 คนได้เปิดตัว “สายด่วนวิกฤตอาหารโลก” ซึ่งเป็นศูนย์ประเมินผลผลิตพืชผลแบบเร่งด่วนระดับโลก โดยได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google.org, Microsoft AI for Good Lab, Planet Labs, NASA และองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) จุดประสงค์คือให้รัฐบาล หน่วยงานช่วยเหลือ และสมาคมเกษตรสามารถส่งคำขอวิเคราะห์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้ง เพื่อรับข้อมูลล่วงหน้าในการเตรียมรับมือ ระบบนี้ใช้ภาพจากดาวเทียมที่ถูกวิเคราะห์ด้วยโมเดล AI เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารในอนาคต เช่น การสูญเสียผลผลิตจากน้ำท่วม, ภัยแล้ง, ไฟป่า หรือสงคราม ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น น้ำท่วมในปากีสถานที่ทำให้ประชาชนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพ และผลผลิตข้าวกับอ้อยถูกทำลาย แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NASA Harvest ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาคพื้นดินได้ เช่น เขตสงครามหรือพื้นที่ที่มีภัยพิบัติรุนแรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NASA เปิดสายด่วนวิกฤตอาหารโลกโดยใช้ภาพดาวเทียมและ AI วิเคราะห์ ➡️ ได้รับเงินทุนเริ่มต้นกว่า 7.7 ล้านดอลลาร์จาก Google, Microsoft, Planet Labs และ FAO ➡️ ใช้ภาพจากอวกาศเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านอาหารล่วงหน้า ➡️ ศูนย์นี้สามารถรับคำขอจากรัฐบาลและหน่วยงานช่วยเหลือทั่วโลก ✅ จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ ➡️ เริ่มต้นจากคำขอของรัฐบาลยูเครนให้ช่วยประเมินผลผลิตที่สูญหายจากสงคราม ➡️ Becker-Reshef เป็นหัวหน้าทีม NASA Harvest และอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส ➡️ ทีมงานมีนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและการวิเคราะห์ภาพดาวเทียม ➡️ ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมแทนการเก็บข้อมูลภาคพื้นดินในพื้นที่อันตราย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NASA Harvest เป็นโครงการที่ใช้ข้อมูลอวกาศเพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร ➡️ ภาพดาวเทียมสามารถช่วยวิเคราะห์ผลผลิต, การหมุนเวียนพืช, และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ➡️ บริษัทเอกชนอย่าง John Deere และ CNH Industrial เริ่มลงทุนในเทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อการเกษตร ➡️ การใช้ AI ร่วมกับภาพดาวเทียมช่วยให้การตอบสนองต่อวิกฤตเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/17/nasa-scientist-starts-food-crisis-hotline-with-tech-giant-funding
    WWW.THESTAR.COM.MY
    NASA scientist starts food crisis hotline with tech giant funding
    Right after Russia's full-scale invasion of Ukraine, crop scientist Inbal Becker-Reshef got a letter from officials in Kyiv. They wanted to figure out how much wheat and other grains were lost to Vladimir Putin's occupying forces.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ปราชญ์ สามสี' เผย 'ทอม ไรท์' ขุดมหากาพย์ 'หุ้นบางจาก' แฉ 'นักลงทุนลึกลับ' อาจเป็น 'นอมินี' เงินทุนสีเทา!
    https://www.thai-tai.tv/news/21506/
    .
    #ไทยไท #ข่าวเจาะ #ทอมไรท์ #หุ้นบางจาก #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'ปราชญ์ สามสี' เผย 'ทอม ไรท์' ขุดมหากาพย์ 'หุ้นบางจาก' แฉ 'นักลงทุนลึกลับ' อาจเป็น 'นอมินี' เงินทุนสีเทา! https://www.thai-tai.tv/news/21506/ . #ไทยไท #ข่าวเจาะ #ทอมไรท์ #หุ้นบางจาก #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมจากชิปซิลิคอน — จุดเปลี่ยนที่อาจทำให้ควอนตัมกลายเป็นเรื่อง ‘ธรรมดา’”

    Quantum Motion สตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักรที่แยกตัวจากมหาวิทยาลัย Oxford และ UCL ได้ประกาศเปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack เครื่องแรกของโลกที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชิปซิลิคอนมาตรฐานแบบเดียวกับที่ใช้ในโน้ตบุ๊กและสมาร์ตโฟน โดยระบบนี้ถูกติดตั้งแล้วที่ศูนย์ National Quantum Computing Centre (NQCC) ของสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025

    สิ่งที่ทำให้ระบบนี้โดดเด่นคือการใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ซึ่งสามารถผลิตได้ในโรงงานชิปทั่วไป และติดตั้งในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาดมาตรฐาน 19 นิ้วเพียง 3 ตู้เท่านั้น — รวมถึงระบบ cryogenics และอุปกรณ์ควบคุมทั้งหมด ถือเป็น “quantum computing’s silicon moment” ที่อาจเปลี่ยนเกมการผลิตฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้สามารถขยายได้ในระดับอุตสาหกรรม

    ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต และรองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Qiskit และ Cirq ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปควอนตัมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมือใหม่ทั้งหมด

    แม้จะเป็นก้าวใหญ่ด้านวิศวกรรม แต่ Quantum Motion ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวน qubit, ความแม่นยำของ gate, เวลาคงอยู่ของ qubit หรือ benchmark ใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ยังไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพจริงได้ในตอนนี้ และต้องรอการทดสอบจาก NQCC ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack จากชิปซิลิคอนมาตรฐาน
    ใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ที่สามารถผลิตในโรงงานทั่วไป
    ติดตั้งในศูนย์ NQCC ของสหราชอาณาจักรเมื่อ 15 กันยายน 2025
    ระบบทั้งหมดอยู่ในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาด 19 นิ้วเพียง 3 ตู้ รวมถึงตู้เย็นควอนตัมและอุปกรณ์ควบคุม

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    ใช้สถาปัตยกรรม tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต
    รองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น Qiskit และ Cirq
    ออกแบบให้สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลทั่วไปโดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง
    เป็นระบบแรกที่ใช้ชิปซิลิคอนแบบ mass manufacturable สำหรับควอนตัม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Quantum Motion ก่อตั้งในปี 2017 โดยนักวิจัยจาก Oxford และ UCL
    ได้รับเงินทุนกว่า $50.8 ล้านในปี 2023 และเข้าร่วมโครงการ DARPA QBI ในปี 2025
    การใช้ชิปซิลิคอนช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการผลิตจำนวนมาก
    หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การใช้งานควอนตัมในด้านพลังงาน ยา และการเงินอย่างแพร่หลาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/uk-start-up-quantum-computer-runs-on-standard-chips
    🧊 “Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมจากชิปซิลิคอน — จุดเปลี่ยนที่อาจทำให้ควอนตัมกลายเป็นเรื่อง ‘ธรรมดา’” Quantum Motion สตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักรที่แยกตัวจากมหาวิทยาลัย Oxford และ UCL ได้ประกาศเปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack เครื่องแรกของโลกที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชิปซิลิคอนมาตรฐานแบบเดียวกับที่ใช้ในโน้ตบุ๊กและสมาร์ตโฟน โดยระบบนี้ถูกติดตั้งแล้วที่ศูนย์ National Quantum Computing Centre (NQCC) ของสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025 สิ่งที่ทำให้ระบบนี้โดดเด่นคือการใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ซึ่งสามารถผลิตได้ในโรงงานชิปทั่วไป และติดตั้งในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาดมาตรฐาน 19 นิ้วเพียง 3 ตู้เท่านั้น — รวมถึงระบบ cryogenics และอุปกรณ์ควบคุมทั้งหมด ถือเป็น “quantum computing’s silicon moment” ที่อาจเปลี่ยนเกมการผลิตฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้สามารถขยายได้ในระดับอุตสาหกรรม ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต และรองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Qiskit และ Cirq ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปควอนตัมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมือใหม่ทั้งหมด แม้จะเป็นก้าวใหญ่ด้านวิศวกรรม แต่ Quantum Motion ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวน qubit, ความแม่นยำของ gate, เวลาคงอยู่ของ qubit หรือ benchmark ใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ยังไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพจริงได้ในตอนนี้ และต้องรอการทดสอบจาก NQCC ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack จากชิปซิลิคอนมาตรฐาน ➡️ ใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ที่สามารถผลิตในโรงงานทั่วไป ➡️ ติดตั้งในศูนย์ NQCC ของสหราชอาณาจักรเมื่อ 15 กันยายน 2025 ➡️ ระบบทั้งหมดอยู่ในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาด 19 นิ้วเพียง 3 ตู้ รวมถึงตู้เย็นควอนตัมและอุปกรณ์ควบคุม ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต ➡️ รองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น Qiskit และ Cirq ➡️ ออกแบบให้สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลทั่วไปโดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง ➡️ เป็นระบบแรกที่ใช้ชิปซิลิคอนแบบ mass manufacturable สำหรับควอนตัม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Quantum Motion ก่อตั้งในปี 2017 โดยนักวิจัยจาก Oxford และ UCL ➡️ ได้รับเงินทุนกว่า $50.8 ล้านในปี 2023 และเข้าร่วมโครงการ DARPA QBI ในปี 2025 ➡️ การใช้ชิปซิลิคอนช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการผลิตจำนวนมาก ➡️ หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การใช้งานควอนตัมในด้านพลังงาน ยา และการเงินอย่างแพร่หลาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/uk-start-up-quantum-computer-runs-on-standard-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Start-up hails world's first quantum computer made from everyday silicon — fits in three 19-inch server racks and is touted as 'quantum computing's silicon moment'
    Built on a standard CMOS process and packed into three racks, Quantum Motion’s silicon spin-qubit machine is ready to be tested.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดด่านมาตรการสุดท้าย ผลประโยชน์บางคน? : [NEWS UPDATE]
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยถึงการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้สิ่งผิดกฎหมายข้ามไปข้ามมาไม่ได้ เช่น สแกมเมอร์หลอกลวงข้ามไปแล้วมาหลอกคนไทย แรงงานผิดกฎหมายข้ามไปสิ่งไม่ดีก็ตามมา
    มันเป็นผลประโยชน์ของใครบางคน การเปิดด่านจึงควรเป็นมาตรการสุดท้ายของการเจรจา ควรเปิดในช่วงที่เหมาะสม เมื่อผู้นำประเทศเขมรเข้าใจเรา ไม่ดื้อกับเราแล้ว ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเราไม่โจมตีกาสิโนแหล่งเงินทุนเขา เราไม่โจมตีพลเรือน เราโจมตีเฉพาะทหาร หากเรายิงพลเรือน สันดานเราก็เหมือนเขมร ปัจจุบันประชาคมโลกก็โจมตีเขา เขาได้รับกรรมแล้ว ใครจะเข้าไปลงทุน ไปเชื่อมสัมพันธ์ ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะเขาไม่มีจริยธรรม ไม่เคารพกฎกติกาสากล


    แก๊งบัญชีม้าตระเวนกดเงิน

    "ทักษิณ"คิดถึงหลาน

    อย่าสร้างภาระผูกพันงบ

    ออมสินเร่ง Soft Loan
    เปิดด่านมาตรการสุดท้าย ผลประโยชน์บางคน? : [NEWS UPDATE] พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยถึงการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้สิ่งผิดกฎหมายข้ามไปข้ามมาไม่ได้ เช่น สแกมเมอร์หลอกลวงข้ามไปแล้วมาหลอกคนไทย แรงงานผิดกฎหมายข้ามไปสิ่งไม่ดีก็ตามมา มันเป็นผลประโยชน์ของใครบางคน การเปิดด่านจึงควรเป็นมาตรการสุดท้ายของการเจรจา ควรเปิดในช่วงที่เหมาะสม เมื่อผู้นำประเทศเขมรเข้าใจเรา ไม่ดื้อกับเราแล้ว ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเราไม่โจมตีกาสิโนแหล่งเงินทุนเขา เราไม่โจมตีพลเรือน เราโจมตีเฉพาะทหาร หากเรายิงพลเรือน สันดานเราก็เหมือนเขมร ปัจจุบันประชาคมโลกก็โจมตีเขา เขาได้รับกรรมแล้ว ใครจะเข้าไปลงทุน ไปเชื่อมสัมพันธ์ ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะเขาไม่มีจริยธรรม ไม่เคารพกฎกติกาสากล แก๊งบัญชีม้าตระเวนกดเงิน "ทักษิณ"คิดถึงหลาน อย่าสร้างภาระผูกพันงบ ออมสินเร่ง Soft Loan
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts