• ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #เหนื่อยนักก็พักหน่อย #ซีรีส์จีน #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #เหนื่อยนักก็พักหน่อย #ซีรีส์จีน #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • รัสเซียใช้โรงฝึกศัลยกรรมสงคราม ที่เปลี่ยนสนามรบเป็นห้องรักษาชีวิตด้วยเทคโนโลยี AI และ VR

    การเปิดตัวห้องปฏิบัติการฝึกทักษะทางการแพทย์ใหม่
    กระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และ สถาบันศัลยกรรมฉุกเฉินและฟื้นฟู V. K. Gusak เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมและวิจัยทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลใน Donetsk (พื้นที่ผนวกใหม่ของรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหาร) เพื่อยกระดับการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในบริบทของภูมิภาคที่เผชิญความขัดแย้งในสงคราม

    เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ
    1. VR และ AI: เพื่อสร้างสถานการณ์จำลองการรักษาผู้ป่วย
    2. อุปกรณ์เสมือนจริง (VR) และอินเทอร์เฟซประสาท (Neurointerfaces) เพื่อสร้างสถานการณ์สมมุติที่ใกล้เคียงกับสนามรบ เช่น การรักษาผู้บาดเจ็บหมู่ภายใต้เสียงระเบิด
    3. เครื่องมือวัดชีวภาพ (Biometric Sensors) ที่ติดตามอัตราการเต้นหัวใจ ความเครียด และการทำงานของกล้ามเนื้อระหว่างฝึก
    4. ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกอย่างเป็นระบบ ลดอคติจากการประเมินด้วยมนุษย์

    วัตถุประสงค์หลัก
    เพื่อเตรียมความพร้อมแพทย์และพยาบาลในภูมิภาคใหม่ที่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ได้แก่
    1. สภาพแวดล้อมความเครียดสูงจากการรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนมากในภาวะฉุกเฉิน
    2. การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์เสี่ยง เช่น การผ่าตัดที่ต้องแข่งกับเวลา
    3. ความอดทนต่อการทำงานระยะยาว ผ่านการฝึกใช้กล้ามเนื้อเฉพาะจุดด้วยเครื่องจำลองการผ่าตัด

    ตามคำกล่าวของ รอแมน อิชเชนโก (Roman Ishchenko) ผู้อำนวยการสถาบัน ห้องปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะเชิงเทคนิค แต่ยังสร้างความมั่นใจให้บุคลากรเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง โดยระบบเทคโนโลยีจะช่วยวัดผลได้อย่างแม่นยำ เช่น การวิเคราะห์ว่าแพทย์สามารถควบคุมความเครียดขณะผ่าตัดได้ดีเพียงใด

    ความสำคัญเชิงนโยบาย
    การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ดังกล่าวสะท้อนความพยายามของรัสเซียในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในดินแดนที่เพิ่งผนวก ซึ่งต้องเผชิญทั้งความท้าทายจากความขัดแย้งและความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้อาจเป็นแบบจำลองสำหรับการขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคต

    หากด้านหนึ่ง AI ถูกใช้เพื่อสร้างอาวุธทำลายล้าง อีกด้านมันก็เป็นเครื่องมือช่วยเหลือที่ทรงพลังไม่แพ้กัน ห้องปฏิบัติการใน Donesk คือตัวอย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีนี้สามารถเป็น "พันธมิตร" ในการกู้ชีพ แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังหาร ทั้งยังท้าทายแนวคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ AI ในสงคราม

    ที่มา
    https://t.me/minzdravru/12508


    รัสเซียใช้โรงฝึกศัลยกรรมสงคราม ที่เปลี่ยนสนามรบเป็นห้องรักษาชีวิตด้วยเทคโนโลยี AI และ VR การเปิดตัวห้องปฏิบัติการฝึกทักษะทางการแพทย์ใหม่ กระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และ สถาบันศัลยกรรมฉุกเฉินและฟื้นฟู V. K. Gusak เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมและวิจัยทางการแพทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลใน Donetsk (พื้นที่ผนวกใหม่ของรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางทหาร) เพื่อยกระดับการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะในบริบทของภูมิภาคที่เผชิญความขัดแย้งในสงคราม เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ 1. VR และ AI: เพื่อสร้างสถานการณ์จำลองการรักษาผู้ป่วย 2. อุปกรณ์เสมือนจริง (VR) และอินเทอร์เฟซประสาท (Neurointerfaces) เพื่อสร้างสถานการณ์สมมุติที่ใกล้เคียงกับสนามรบ เช่น การรักษาผู้บาดเจ็บหมู่ภายใต้เสียงระเบิด 3. เครื่องมือวัดชีวภาพ (Biometric Sensors) ที่ติดตามอัตราการเต้นหัวใจ ความเครียด และการทำงานของกล้ามเนื้อระหว่างฝึก 4. ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกอย่างเป็นระบบ ลดอคติจากการประเมินด้วยมนุษย์ วัตถุประสงค์หลัก เพื่อเตรียมความพร้อมแพทย์และพยาบาลในภูมิภาคใหม่ที่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ได้แก่ 1. สภาพแวดล้อมความเครียดสูงจากการรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนมากในภาวะฉุกเฉิน 2. การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์เสี่ยง เช่น การผ่าตัดที่ต้องแข่งกับเวลา 3. ความอดทนต่อการทำงานระยะยาว ผ่านการฝึกใช้กล้ามเนื้อเฉพาะจุดด้วยเครื่องจำลองการผ่าตัด ตามคำกล่าวของ รอแมน อิชเชนโก (Roman Ishchenko) ผู้อำนวยการสถาบัน ห้องปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะเชิงเทคนิค แต่ยังสร้างความมั่นใจให้บุคลากรเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง โดยระบบเทคโนโลยีจะช่วยวัดผลได้อย่างแม่นยำ เช่น การวิเคราะห์ว่าแพทย์สามารถควบคุมความเครียดขณะผ่าตัดได้ดีเพียงใด ความสำคัญเชิงนโยบาย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ดังกล่าวสะท้อนความพยายามของรัสเซียในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในดินแดนที่เพิ่งผนวก ซึ่งต้องเผชิญทั้งความท้าทายจากความขัดแย้งและความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้อาจเป็นแบบจำลองสำหรับการขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคต หากด้านหนึ่ง AI ถูกใช้เพื่อสร้างอาวุธทำลายล้าง อีกด้านมันก็เป็นเครื่องมือช่วยเหลือที่ทรงพลังไม่แพ้กัน ห้องปฏิบัติการใน Donesk คือตัวอย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีนี้สามารถเป็น "พันธมิตร" ในการกู้ชีพ แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังหาร ทั้งยังท้าทายแนวคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ AI ในสงคราม ที่มา https://t.me/minzdravru/12508
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • โยวโจวคือสถานที่ใด?

    สวัสดีค่ะ Storyฯ เพิ่งอ่านนวนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จบไป (ชอบมาก คุณธรรมน้ำมิตรดี แนะนำ!) แต่ยังไม่มีเวลาดูซีรีส์ ก็ไม่แน่ใจว่ามีการดัดแปลงเนื้อหาไปจากนิยายต้นฉบับมากน้อยแค่ไหน

    เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ‘โยวโจว’ (幽州) จึงเกิดความ ‘เอ๊ะ’ ว่ามันคือสถานที่ใด เพราะชื่อนี้ปรากฏบ่อยมากในนิยายและซีรีส์จีนโบราณหลายเรื่องที่มีฉากสู้รบ (ใครคุ้นหูคุ้นตาจากเรื่องอะไรมาเม้นท์บอกกันได้) Storyฯ เลยไปทำการบ้านมาเล่าสู่กันฟัง

    ‘โจว’ ปัจจุบันใช้เรียกทวีป เช่น ย่าโจว คือทวีปเอเชีย แต่ในสมัยจีนโบราณ โจวเป็นการเรียกเขตพื้นที่ แต่ขนาดและอำนาจการปกครองของมันแตกต่างกันไป แรกเริ่มเลยมันเป็นเพียงการแบ่งพื้นที่ ไม่ได้มีอำนาจการปกครอง ในสมัยฉินมีการกล่าวถึงเก้าโจว แต่จากบันทึกโบราณพบว่าชื่อเรียกของเก้าโจวนี้แตกต่างกันไป ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพิ่มเป็นสิบสามโจว มีอำนาจการปกครองท้องถิ่น นับเป็นเขตการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด หากต้องใช้คำไทย Storyฯ คิดว่า ‘มณฑล’ น่าจะเป็นคำที่ใกล้เคียงที่สุด ถัดจากโจวคือจวิ้น (郡) แล้วก็เป็นเซี่ยน (县)

    สิบสามมณฑลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้ในรูปประกอบ 2 (ขวา) โยวโจวคือเขตพื้นที่สีเหลืองและหยางโจว (บ้านเดิมของพระเอกและนางเอกในเรื่อง) คือพื้นที่สีม่วง เห็นแล้วเพื่อนเพจคงได้อรรถรสของความยากลำบากและระยะทางของการเดินทางที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย/ละครเรื่องนี้กัน

    <สยบรักจอมเสเพล> ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดในสมัยฮั่น มันเป็นยุคสมัยสมมุติและราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากเหตุการณ์ต่างๆ และสไตล์การแต่งกายในละครแล้ว เทียบใกล้เคียงกับช่วงปลายสมัยห้าราชวงศ์สิบรัฐที่แม่ทัพใหญ่ระดับเจี๋ยตู้สื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองและการทหารในพื้นที่ของตนและช่วงชิงดินแดนกัน (เริ่มมีตำแหน่งนี้ในสมัยถัง) และเลียนแบบเหตุการณ์สวมอาภรณ์สีเหลืองตั้งตนเป็นฮ่องเต้อันเป็นตำนานของจ้าวควงอิ้นเมื่อครั้งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง มีการกล่าวถึงแม่น้ำฮวงโห เขตเปี้ยนเหลียงและเมืองหลวงที่ชื่อว่าตงตู ซึ่งอาจเป็นชื่อสมมุติของเมืองตงจิง (เปี้ยนเหลียงหรือไคเฟิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ) หรืออาจหมายถึงเมืองลั่วหยางซึ่งเป็นตงตูหรือนครตะวันออกสมัยถัง (หมายเหตุ ‘จิง’ ‘ตู’ และ ‘เฉิง’ ล้วนแปลว่านครหรือเมือง)

    แต่... แม้ว่าเหตุการณ์ในละคร/นิยายจะใกล้เคียงกับช่วงต้นราชวงศ์ซ่ง ทว่าการเรียกเขตพื้นที่การปกครองต่างๆ ยังอิงตามสิบสามมณฑลสมัยฮั่น เพราะในสมัยซ่งเหนือ โยวโจวไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของซ่ง แต่อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เหลียว และมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป (ดูแผนที่โดยคร่าวในรูปประกอบ 1)

    หน้าตาแผนที่ของจีนเปลี่ยนไปในแต่ละสมัย การแบ่งเขตปกครองและชื่อเรียกก็ย่อมแตกต่างกันไป โยวโจวในสมัยฮั่นนั้น ต่อมาถูกเรียกเป็นเยียนเป่ยในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจัวจวิ้นในสมัยสุย กลับมาเป็นโยวโจวในสมัยถัง ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่ออีกเป็นฟ่านหยางจวิ้นในสมัยถังกลาง หลังจากนั้นกลับมาเป็นโยวโจวแล้วจัวโจว ในสมัยเหลียว/ซ่งกลายเป็นเขตปกครองสิบหกเขตย่อยเรียกว่าโยวอวิ๋นหรือเยียนอวิ๋น หลังจากนั้นเขตการปกครองก็เปลี่ยนไปอีก และชื่อ ‘โยวโจว’ ก็หายไปจากแผนที่จีน

    แต่มันไม่ได้หายไปไหน ศูนย์การปกครองของโยวโจวในสมัยโบราณคือเมืองโยวตู (หรือในสมัยสุยคือจัวตู) ซึ่งก็คือกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนั่นเอง

    โยวตูในสมัยก่อนเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก เพราะมันเป็นศูนย์กลางการปกครองของมณฑลโยวโจว ซึ่งเป็นฐานกำลังทหารรักษาชายแดนที่สำคัญ ในสมัยถังนั้น เจี๋ยตู้สื่อแห่งโยวโจวมีอำนาจการปกครองและจำนวนกองทัพในมือมากที่สุดในบรรดาเจี๋ยตู้สื่อทั้งหมด จึงไม่แปลกที่จะมีนิยายเกี่ยวกับการรบและการแย่งชิงกำลังทหารกันที่โยวโจว นอกจากนี้ โยวตูยังเป็นเมืองปลายทางเมืองหนึ่งของคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุย จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าขายในภาคเหนือของจีน พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเกษตรธัญพืชที่สำคัญ ไม่เพียงมีปริมาณผลผลิตเพียงพอสำหรับประชากรในโยวโจวเอง หากแต่ยังส่งออกโดยผ่านต้าอวิ้นเหอไปขายเป็นเสบียงยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ดังเช่นที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g44250708/destined/
    https://kknews.cc/history/l8r6qvg.html
    https://www.artsmia.org/art-of-asia/history/maps.cfm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/幽州/1049370
    https://zh.wikipedia.org/wiki/北京历史
    https://www.sohu.com/a/674479826_121180648
    https://www.sohu.com/a/277568460_628936

    #สยบรักจอมเสเพล #โยวโจว #โยวตู #สิบสามมณฑล #ปักกิ่ง
    โยวโจวคือสถานที่ใด? สวัสดีค่ะ Storyฯ เพิ่งอ่านนวนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จบไป (ชอบมาก คุณธรรมน้ำมิตรดี แนะนำ!) แต่ยังไม่มีเวลาดูซีรีส์ ก็ไม่แน่ใจว่ามีการดัดแปลงเนื้อหาไปจากนิยายต้นฉบับมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ‘โยวโจว’ (幽州) จึงเกิดความ ‘เอ๊ะ’ ว่ามันคือสถานที่ใด เพราะชื่อนี้ปรากฏบ่อยมากในนิยายและซีรีส์จีนโบราณหลายเรื่องที่มีฉากสู้รบ (ใครคุ้นหูคุ้นตาจากเรื่องอะไรมาเม้นท์บอกกันได้) Storyฯ เลยไปทำการบ้านมาเล่าสู่กันฟัง ‘โจว’ ปัจจุบันใช้เรียกทวีป เช่น ย่าโจว คือทวีปเอเชีย แต่ในสมัยจีนโบราณ โจวเป็นการเรียกเขตพื้นที่ แต่ขนาดและอำนาจการปกครองของมันแตกต่างกันไป แรกเริ่มเลยมันเป็นเพียงการแบ่งพื้นที่ ไม่ได้มีอำนาจการปกครอง ในสมัยฉินมีการกล่าวถึงเก้าโจว แต่จากบันทึกโบราณพบว่าชื่อเรียกของเก้าโจวนี้แตกต่างกันไป ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพิ่มเป็นสิบสามโจว มีอำนาจการปกครองท้องถิ่น นับเป็นเขตการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด หากต้องใช้คำไทย Storyฯ คิดว่า ‘มณฑล’ น่าจะเป็นคำที่ใกล้เคียงที่สุด ถัดจากโจวคือจวิ้น (郡) แล้วก็เป็นเซี่ยน (县) สิบสามมณฑลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้ในรูปประกอบ 2 (ขวา) โยวโจวคือเขตพื้นที่สีเหลืองและหยางโจว (บ้านเดิมของพระเอกและนางเอกในเรื่อง) คือพื้นที่สีม่วง เห็นแล้วเพื่อนเพจคงได้อรรถรสของความยากลำบากและระยะทางของการเดินทางที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย/ละครเรื่องนี้กัน <สยบรักจอมเสเพล> ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดในสมัยฮั่น มันเป็นยุคสมัยสมมุติและราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากเหตุการณ์ต่างๆ และสไตล์การแต่งกายในละครแล้ว เทียบใกล้เคียงกับช่วงปลายสมัยห้าราชวงศ์สิบรัฐที่แม่ทัพใหญ่ระดับเจี๋ยตู้สื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองและการทหารในพื้นที่ของตนและช่วงชิงดินแดนกัน (เริ่มมีตำแหน่งนี้ในสมัยถัง) และเลียนแบบเหตุการณ์สวมอาภรณ์สีเหลืองตั้งตนเป็นฮ่องเต้อันเป็นตำนานของจ้าวควงอิ้นเมื่อครั้งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง มีการกล่าวถึงแม่น้ำฮวงโห เขตเปี้ยนเหลียงและเมืองหลวงที่ชื่อว่าตงตู ซึ่งอาจเป็นชื่อสมมุติของเมืองตงจิง (เปี้ยนเหลียงหรือไคเฟิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ) หรืออาจหมายถึงเมืองลั่วหยางซึ่งเป็นตงตูหรือนครตะวันออกสมัยถัง (หมายเหตุ ‘จิง’ ‘ตู’ และ ‘เฉิง’ ล้วนแปลว่านครหรือเมือง) แต่... แม้ว่าเหตุการณ์ในละคร/นิยายจะใกล้เคียงกับช่วงต้นราชวงศ์ซ่ง ทว่าการเรียกเขตพื้นที่การปกครองต่างๆ ยังอิงตามสิบสามมณฑลสมัยฮั่น เพราะในสมัยซ่งเหนือ โยวโจวไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของซ่ง แต่อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เหลียว และมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป (ดูแผนที่โดยคร่าวในรูปประกอบ 1) หน้าตาแผนที่ของจีนเปลี่ยนไปในแต่ละสมัย การแบ่งเขตปกครองและชื่อเรียกก็ย่อมแตกต่างกันไป โยวโจวในสมัยฮั่นนั้น ต่อมาถูกเรียกเป็นเยียนเป่ยในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจัวจวิ้นในสมัยสุย กลับมาเป็นโยวโจวในสมัยถัง ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่ออีกเป็นฟ่านหยางจวิ้นในสมัยถังกลาง หลังจากนั้นกลับมาเป็นโยวโจวแล้วจัวโจว ในสมัยเหลียว/ซ่งกลายเป็นเขตปกครองสิบหกเขตย่อยเรียกว่าโยวอวิ๋นหรือเยียนอวิ๋น หลังจากนั้นเขตการปกครองก็เปลี่ยนไปอีก และชื่อ ‘โยวโจว’ ก็หายไปจากแผนที่จีน แต่มันไม่ได้หายไปไหน ศูนย์การปกครองของโยวโจวในสมัยโบราณคือเมืองโยวตู (หรือในสมัยสุยคือจัวตู) ซึ่งก็คือกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนั่นเอง โยวตูในสมัยก่อนเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก เพราะมันเป็นศูนย์กลางการปกครองของมณฑลโยวโจว ซึ่งเป็นฐานกำลังทหารรักษาชายแดนที่สำคัญ ในสมัยถังนั้น เจี๋ยตู้สื่อแห่งโยวโจวมีอำนาจการปกครองและจำนวนกองทัพในมือมากที่สุดในบรรดาเจี๋ยตู้สื่อทั้งหมด จึงไม่แปลกที่จะมีนิยายเกี่ยวกับการรบและการแย่งชิงกำลังทหารกันที่โยวโจว นอกจากนี้ โยวตูยังเป็นเมืองปลายทางเมืองหนึ่งของคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุย จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าขายในภาคเหนือของจีน พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเกษตรธัญพืชที่สำคัญ ไม่เพียงมีปริมาณผลผลิตเพียงพอสำหรับประชากรในโยวโจวเอง หากแต่ยังส่งออกโดยผ่านต้าอวิ้นเหอไปขายเป็นเสบียงยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ดังเช่นที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g44250708/destined/ https://kknews.cc/history/l8r6qvg.html https://www.artsmia.org/art-of-asia/history/maps.cfm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/幽州/1049370 https://zh.wikipedia.org/wiki/北京历史 https://www.sohu.com/a/674479826_121180648 https://www.sohu.com/a/277568460_628936 #สยบรักจอมเสเพล #โยวโจว #โยวตู #สิบสามมณฑล #ปักกิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ #เหนื่อยก็พัก #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ #เหนื่อยก็พัก #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #เบริด์ธงไชย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #เบริด์ธงไชย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #บี้สุกฤษฎ์ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #บี้สุกฤษฎ์ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ระฆังจิ่งหยางจง

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับเกร็ดเล็กน้อยจากเรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก>

    ในซีรีส์นี้มีเหตุการณ์สำคัญที่มีการตีระฆังเรียกให้เหล่าขุนนางมาชุมนุมกัน ครั้งแรกที่แคว้นอู๋ตอนที่ประกาศเรื่องฮ่องเต้ถูกแคว้นอันจับตัวไป เหล่าขุนนางเรียกระฆังนี้ว่า ‘จิ่งหยางจง’ และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือที่หรูอี้ให้ตีระฆังเพื่อประกาศโทษของฮ่องเต้แคว้นอันต่อหน้าเหล่าขุนนาง ระฆังนี้มีชื่อว่า ‘อันหยางจง’

    ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวในรัชสมัยสมมุติและดินแดนสมมุติ แต่ ‘จิ่งหยางจง’ (景阳钟) มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลที่กล่าวถึง ‘อันหยางจง’ จึงสันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับแคว้นอันในเรื่องนี้

    ข้อมูลเกี่ยวกับระฆังจิ่งหยางจงมีไม่มาก เพียงกล่าวไว้ว่ามีที่มาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้ในรัชสมัยฮ่องเต้ฉีอู่ตี้ (ค.ศ. 440–493) ในตำราประวัติศาสตร์ฉีใต้ ‘หนานฉีซู’ บรรพที่ยี่สิบบันทึกไว้ว่า “เนื่องด้วยในพระราชฐานชั้นในไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากประตูตวนเหมิน จึงทรงให้จัดวางระฆังไว้บนหอจิ่งหยาง ข้าราชสำนักเมื่อได้ยินเสียงระฆังแต่เช้าก็ให้ตื่นขึ้นแต่งตัว... ระฆังดังเมื่อห้ากู่และสามกู่”

    อนึ่ง ประตูตวนเหมินเป็นชื่อประตูพระราชวังประตูบานหลักหน้าพระราชวัง (คือด้านทิศใต้) เป็นชื่อที่ถูกใช้มาหลายยุคสมัยหลายพระราชวังรวมถึงในสมัยราชวงศ์ฉีใต้ และในหลายยุคสมัยมีการจัดวางหอกลองหรือหอระฆังไว้ตีบอกเวลาหน้าประตูพระราชวัง ส่วนหอจิ่งหยางนั้น เป็นหอสูงในเขตพระราชวัง ณ เมืองเจี้ยนคัง (คือนานกิงปัจจุบัน)

    ในยุคสมัยต่อมามีการตั้งวางหอระฆังในพระราชวังเพื่อบอกเวลาเช่นกัน และมีการเรียกขานระฆังนี้กันต่อมาว่า ‘จิ่งหยางจง’ ลักษณะหน้าตาของจิ่งหยางจงนี้เป็นอย่างไรไม่ปรากฏหลักฐาน ทราบแต่เพียงว่าเป็นระฆังยักษ์ และการบอกเวลาโดยการตีระฆังจิ่งหยางจงนี้ถูกใช้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อเนื่องกันมาหลายรัชสมัย จวบจนสมัยราชวงศ์ชิงยังคงมีการเอ่ยถึงชื่อ ‘จิ่งหยางจง’ นี้ในหลายบทกวีที่กล่าวถึงเวลารุ่งสางหรือเวลาที่ขุนนางต้องตื่นขึ้นมาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงเมื่อได้ยินเสียงระฆังนี้ ซึ่งก็สอดคล้องตามวัตถุประสงค์เดิมที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้

    ส่วนเวลาที่ตีระฆังนั้น เดิมระบุว่าคือห้ากู่และสามกู่ ซึ่งในสมัยโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้าช่วงเวลาเรียกว่า ‘กู่’ หรือ ‘เกิง’ เวลาห้ากู่ก็คือช่วงเวลาประมาณตีสามถึงตีห้า (ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ขุนนางต้องตื่นมาเตรียมประชุมท้องพระโรงดังที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว) และเวลาสามกู่คือช่วงเวลาประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง ซึ่งเป็นการเตือนว่าได้เวลาเข้านอนแล้ว

    ดังที่กล่าวไปข้างต้น ระฆังจิ่งหยางจงมีไว้บอกเวลายามเช้าและกลางคืน แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีการกล่าวไว้ว่าเมื่อได้ยินเสียงของระฆังนี้ ให้เหล่าขุนนางมารวมตัวกัน Storyฯ ก็หาไม่พบข้อมูลว่านอกเหนือจากเวลาห้ากู่และสามกู่แล้ว ได้เคยปรากฏเหตุการณ์พิเศษที่ต้องมีตีระฆังจิ่งหยางจงนี้เพื่อเรียกชุมนุมเหล่าขุนนางหรือไม่

    นอกเหนือจากหอระฆังในพระราชวังแล้ว ยังมีหอระฆังในเมืองสำหรับบอกเวลาชาวบ้าน และมีหอระฆังตามวัดที่นอกจากจะใช้บอกเวลาแล้ว ยังใช้บอกเวลามีคนตายในละแวกนั้น ทั้งนี้แล้วแต่หลักปฏิบัติของแต่ละวัด

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/642825978
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=262732&remap=gb
    https://www.arsomsiam.com/หน่วยเวลาและนาฬิกาจีน/
    https://baike.baidu.com/item/景阳钟
    https://www.zdic.net/hans/景阳钟

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #จิ่งหยางจง #หอระฆังพระราชวัง #ประชุมท้องพระโรง #ราชวงศ์ฉีใต้
    ระฆังจิ่งหยางจง สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับเกร็ดเล็กน้อยจากเรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ในซีรีส์นี้มีเหตุการณ์สำคัญที่มีการตีระฆังเรียกให้เหล่าขุนนางมาชุมนุมกัน ครั้งแรกที่แคว้นอู๋ตอนที่ประกาศเรื่องฮ่องเต้ถูกแคว้นอันจับตัวไป เหล่าขุนนางเรียกระฆังนี้ว่า ‘จิ่งหยางจง’ และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือที่หรูอี้ให้ตีระฆังเพื่อประกาศโทษของฮ่องเต้แคว้นอันต่อหน้าเหล่าขุนนาง ระฆังนี้มีชื่อว่า ‘อันหยางจง’ ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวในรัชสมัยสมมุติและดินแดนสมมุติ แต่ ‘จิ่งหยางจง’ (景阳钟) มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลที่กล่าวถึง ‘อันหยางจง’ จึงสันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับแคว้นอันในเรื่องนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับระฆังจิ่งหยางจงมีไม่มาก เพียงกล่าวไว้ว่ามีที่มาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้ในรัชสมัยฮ่องเต้ฉีอู่ตี้ (ค.ศ. 440–493) ในตำราประวัติศาสตร์ฉีใต้ ‘หนานฉีซู’ บรรพที่ยี่สิบบันทึกไว้ว่า “เนื่องด้วยในพระราชฐานชั้นในไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากประตูตวนเหมิน จึงทรงให้จัดวางระฆังไว้บนหอจิ่งหยาง ข้าราชสำนักเมื่อได้ยินเสียงระฆังแต่เช้าก็ให้ตื่นขึ้นแต่งตัว... ระฆังดังเมื่อห้ากู่และสามกู่” อนึ่ง ประตูตวนเหมินเป็นชื่อประตูพระราชวังประตูบานหลักหน้าพระราชวัง (คือด้านทิศใต้) เป็นชื่อที่ถูกใช้มาหลายยุคสมัยหลายพระราชวังรวมถึงในสมัยราชวงศ์ฉีใต้ และในหลายยุคสมัยมีการจัดวางหอกลองหรือหอระฆังไว้ตีบอกเวลาหน้าประตูพระราชวัง ส่วนหอจิ่งหยางนั้น เป็นหอสูงในเขตพระราชวัง ณ เมืองเจี้ยนคัง (คือนานกิงปัจจุบัน) ในยุคสมัยต่อมามีการตั้งวางหอระฆังในพระราชวังเพื่อบอกเวลาเช่นกัน และมีการเรียกขานระฆังนี้กันต่อมาว่า ‘จิ่งหยางจง’ ลักษณะหน้าตาของจิ่งหยางจงนี้เป็นอย่างไรไม่ปรากฏหลักฐาน ทราบแต่เพียงว่าเป็นระฆังยักษ์ และการบอกเวลาโดยการตีระฆังจิ่งหยางจงนี้ถูกใช้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อเนื่องกันมาหลายรัชสมัย จวบจนสมัยราชวงศ์ชิงยังคงมีการเอ่ยถึงชื่อ ‘จิ่งหยางจง’ นี้ในหลายบทกวีที่กล่าวถึงเวลารุ่งสางหรือเวลาที่ขุนนางต้องตื่นขึ้นมาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงเมื่อได้ยินเสียงระฆังนี้ ซึ่งก็สอดคล้องตามวัตถุประสงค์เดิมที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้ ส่วนเวลาที่ตีระฆังนั้น เดิมระบุว่าคือห้ากู่และสามกู่ ซึ่งในสมัยโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้าช่วงเวลาเรียกว่า ‘กู่’ หรือ ‘เกิง’ เวลาห้ากู่ก็คือช่วงเวลาประมาณตีสามถึงตีห้า (ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ขุนนางต้องตื่นมาเตรียมประชุมท้องพระโรงดังที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว) และเวลาสามกู่คือช่วงเวลาประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง ซึ่งเป็นการเตือนว่าได้เวลาเข้านอนแล้ว ดังที่กล่าวไปข้างต้น ระฆังจิ่งหยางจงมีไว้บอกเวลายามเช้าและกลางคืน แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีการกล่าวไว้ว่าเมื่อได้ยินเสียงของระฆังนี้ ให้เหล่าขุนนางมารวมตัวกัน Storyฯ ก็หาไม่พบข้อมูลว่านอกเหนือจากเวลาห้ากู่และสามกู่แล้ว ได้เคยปรากฏเหตุการณ์พิเศษที่ต้องมีตีระฆังจิ่งหยางจงนี้เพื่อเรียกชุมนุมเหล่าขุนนางหรือไม่ นอกเหนือจากหอระฆังในพระราชวังแล้ว ยังมีหอระฆังในเมืองสำหรับบอกเวลาชาวบ้าน และมีหอระฆังตามวัดที่นอกจากจะใช้บอกเวลาแล้ว ยังใช้บอกเวลามีคนตายในละแวกนั้น ทั้งนี้แล้วแต่หลักปฏิบัติของแต่ละวัด (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/642825978 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=262732&remap=gb https://www.arsomsiam.com/หน่วยเวลาและนาฬิกาจีน/ https://baike.baidu.com/item/景阳钟 https://www.zdic.net/hans/景阳钟 #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #จิ่งหยางจง #หอระฆังพระราชวัง #ประชุมท้องพระโรง #ราชวงศ์ฉีใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ซิลลี่ฟูลส์ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ซิลลี่ฟูลส์ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ปู้เหลียงเหรินแห่งสมัยถัง

    ในซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีกล่าวไว้ แคว้นอู๋มีลิ่วเต้าเหมิน แคว้นอันมีองครักษ์เสื้อแดง และแคว้นฉู่มีปู้เหลียงเหริน โดยที่เหรินหรูอี้ถูกเข้าใจว่าเป็นปู้เหลียงเหรินจากแคว้นฉู่

    ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอาณาจักรและยุคสมัยสมมุติ ลิ่วเต้าเหมินและองครักษ์เสื้อแดงไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงมีมือปราบลิ่วซ่านเหมินและมีองค์รักษ์เสื้อแพร (Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ลองค้นอ่านย้อนหลังจากสารบัญบนเพจนะคะ) ส่วนปู้เหลียงเหรินนั้น มีอยู่จริงในสมัยถัง เพื่อนเพจบางท่านอาจพอจำได้ว่าในเรื่อง <ตำนานลั่วหยาง> และ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> มีปู้เหลียงเหรินปรากฏด้วย (แต่จำไม่ได้แล้วว่าซับไทยแปลไว้แตกต่างกันไหม)

    ในบันทึกเกร็ดประวัติของสมัยชิงมีเขียนถึงโดยคร่าวว่า ผู้มีหน้าที่การสืบตามและจับกุมคนร้ายนั้น ในสมัยถังเรียกว่าปู้เหลียงเหริน มีหัวหน้าเรียกว่าปู้เหลียงซ่วย สถานะเปรียบได้เป็นต้าสุยเหอของราชวงศ์ฮั่น (แต่... ต้าสุยหรือต้าสุยเหอนี้ ในสมัยฮั่นคือราชองครักษ์รักษาพระราชวังที่ประจำการอยู่หน้าประตูวัง) และตามพจนานุกรมฉบับสุยถังและห้าราชวงศ์ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 1997 นั้น อธิบายถึงปู้เหลียงเหรินไว้ว่าเป็นคนที่ปฏิบัติภารกิจของทางการในสมัยถัง มีหน้าที่ตามสืบและจับกุมผู้กระทำความผิด

    คำว่า ‘ปู้เหลียงเหริน’ แปลตรงตัวว่าคนไม่ดี แล้วทำไมจึงใช้ชื่อนี้? คำตอบยังเป็นที่ถกกันจวบจนปัจจุบันเพราะไม่มีเอกสารยืนยันชัดเจน บ้างก็ว่าเป็นเพราะวิธีการสืบหาและจับคนร้ายของพวกเขานั้นโหดร้ายและสกปรก บ้างก็ว่าจริงแล้วพวกเขาเป็นอดีตอาชญากรที่ทางการให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างผลงานไถ่โทษ และบ้างก็ว่าเป็นการเรียกย่อที่หมายถึงมือปราบที่มีหน้าที่จับกุมคนไม่ดี

    จากการพยายามไปหาข้อมูลมา Storyฯ รู้สึกว่า ปู้เหลียงเหรินเป็นกลุ่มคนที่เป็นปริศนาทางประวัติศาสตร์มิใช่น้อย เนื่องเพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแทบไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่ามีอยู่ในสมัยถัง มีหน้าที่สืบหาและจับกุมคนร้าย แต่ตัวตนและสถานะของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรไม่มีการระบุชัด และในพงศาวดารถังลิ่วเตี่ยน ไม่ปรากฏตำแหน่งหัวหน้าปู้เหลียงซ่วยและไม่มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหริน

    และเนื่องด้วยมีเอกสารในสมัยชิงที่นิยามปู้เหลียงเหรินโดยเปรียบเทียบถึงราชองรักษ์ต้าสุยของสมัยฮั่นตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้มีคนสันนิษฐานว่าปู้เหลียงเหรินเป็นหน่วยงานลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เท่านั้น

    แต่... ถ้าเป็นองค์กรลับก็ไม่ควรมีการกล่าวถึงอย่างเปิดเผย ทว่าในบันทึกในเกร็ดประวัติและรวมเรื่องสั้น ‘ฉาวเหยี่ยเชียนจ้าย’ ของสมัยถังนั้น มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหรินในคดีดังที่เกี่ยวข้องกับคดีคนหายจากตระกูลขุนนางระดับสูงในรัชสมัยขององค์ถังไท่จงหลี่ซื่อหมินแห่งราชวงศ์ถัง

    ในเมื่อองค์กรนี้มีตัวตนจริง แต่ไม่ปรากฏชื่อในหน่วยงานราชการอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจไม่เป็นความลับ จึงเป็นที่สันนิษฐานไปอีกว่า ปู้เหลียงเหรินจัดเป็นเจ้าหน้าที่หลวงที่ระดับต่ำมากหรือเสมียน เรียกว่า ‘ลี่’ (吏) (หมายเหตุ ถ้ามีตำแหน่งเป็นขุนนางจะเรียกว่า ‘กวน’/官) หรือเป็นเพียงคนที่ช่วยงานราชการโดยไม่มียศตำแหน่งอย่างแท้จริง และที่บอกว่าพวกเขามีสถานะที่ต่ำมากนั้น เป็นเพราะว่า พวกเขาเป็นอาชญกรมาก่อนและเข้ามาทำงานให้ทางการเพื่อไถ่โทษ ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งในที่มาของชื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง

    นอกจากตัวตนที่เป็นปริศนาแล้ว ที่เป็นปริศนายิ่งกว่าก็คือการหายตัวไปของปู้เหลียงเหริน เพราะไม่มีบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ข้อสันนิษฐานว่าเมื่อสิ้นราชวงศ์ถังกลุ่มปู้เหลียงเหรินก็หอบสมบัติหนีหายกันไป บ้างก็ว่าสลายตัวไป บ้างก็ว่าไปปักหลักที่ที่มั่นอื่นรอวันกลับมาทำงานอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีการยืนยัน แต่ข้อเท็จจริงคือหลังจากราชวงศ์ถังล่มสลายก็ไม่มีการเรียกมือปราบว่าปู้เหลียงเหรินอีกเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.ejdz.cn/download/news/n143411.html
    https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_13674760
    https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl?page=1
    http://www.qulishi.com/article/201906/344565.html
    https://www.163.com/dy/article/GQNDI8640552B97M.html

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #ปู้เหลียงเหริน #มือปราบสมัยถัง
    ปู้เหลียงเหรินแห่งสมัยถัง ในซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีกล่าวไว้ แคว้นอู๋มีลิ่วเต้าเหมิน แคว้นอันมีองครักษ์เสื้อแดง และแคว้นฉู่มีปู้เหลียงเหริน โดยที่เหรินหรูอี้ถูกเข้าใจว่าเป็นปู้เหลียงเหรินจากแคว้นฉู่ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอาณาจักรและยุคสมัยสมมุติ ลิ่วเต้าเหมินและองครักษ์เสื้อแดงไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงมีมือปราบลิ่วซ่านเหมินและมีองค์รักษ์เสื้อแพร (Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ลองค้นอ่านย้อนหลังจากสารบัญบนเพจนะคะ) ส่วนปู้เหลียงเหรินนั้น มีอยู่จริงในสมัยถัง เพื่อนเพจบางท่านอาจพอจำได้ว่าในเรื่อง <ตำนานลั่วหยาง> และ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> มีปู้เหลียงเหรินปรากฏด้วย (แต่จำไม่ได้แล้วว่าซับไทยแปลไว้แตกต่างกันไหม) ในบันทึกเกร็ดประวัติของสมัยชิงมีเขียนถึงโดยคร่าวว่า ผู้มีหน้าที่การสืบตามและจับกุมคนร้ายนั้น ในสมัยถังเรียกว่าปู้เหลียงเหริน มีหัวหน้าเรียกว่าปู้เหลียงซ่วย สถานะเปรียบได้เป็นต้าสุยเหอของราชวงศ์ฮั่น (แต่... ต้าสุยหรือต้าสุยเหอนี้ ในสมัยฮั่นคือราชองครักษ์รักษาพระราชวังที่ประจำการอยู่หน้าประตูวัง) และตามพจนานุกรมฉบับสุยถังและห้าราชวงศ์ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 1997 นั้น อธิบายถึงปู้เหลียงเหรินไว้ว่าเป็นคนที่ปฏิบัติภารกิจของทางการในสมัยถัง มีหน้าที่ตามสืบและจับกุมผู้กระทำความผิด คำว่า ‘ปู้เหลียงเหริน’ แปลตรงตัวว่าคนไม่ดี แล้วทำไมจึงใช้ชื่อนี้? คำตอบยังเป็นที่ถกกันจวบจนปัจจุบันเพราะไม่มีเอกสารยืนยันชัดเจน บ้างก็ว่าเป็นเพราะวิธีการสืบหาและจับคนร้ายของพวกเขานั้นโหดร้ายและสกปรก บ้างก็ว่าจริงแล้วพวกเขาเป็นอดีตอาชญากรที่ทางการให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างผลงานไถ่โทษ และบ้างก็ว่าเป็นการเรียกย่อที่หมายถึงมือปราบที่มีหน้าที่จับกุมคนไม่ดี จากการพยายามไปหาข้อมูลมา Storyฯ รู้สึกว่า ปู้เหลียงเหรินเป็นกลุ่มคนที่เป็นปริศนาทางประวัติศาสตร์มิใช่น้อย เนื่องเพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแทบไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่ามีอยู่ในสมัยถัง มีหน้าที่สืบหาและจับกุมคนร้าย แต่ตัวตนและสถานะของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรไม่มีการระบุชัด และในพงศาวดารถังลิ่วเตี่ยน ไม่ปรากฏตำแหน่งหัวหน้าปู้เหลียงซ่วยและไม่มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหริน และเนื่องด้วยมีเอกสารในสมัยชิงที่นิยามปู้เหลียงเหรินโดยเปรียบเทียบถึงราชองรักษ์ต้าสุยของสมัยฮั่นตามที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้มีคนสันนิษฐานว่าปู้เหลียงเหรินเป็นหน่วยงานลับที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เท่านั้น แต่... ถ้าเป็นองค์กรลับก็ไม่ควรมีการกล่าวถึงอย่างเปิดเผย ทว่าในบันทึกในเกร็ดประวัติและรวมเรื่องสั้น ‘ฉาวเหยี่ยเชียนจ้าย’ ของสมัยถังนั้น มีการกล่าวถึงปู้เหลียงเหรินในคดีดังที่เกี่ยวข้องกับคดีคนหายจากตระกูลขุนนางระดับสูงในรัชสมัยขององค์ถังไท่จงหลี่ซื่อหมินแห่งราชวงศ์ถัง ในเมื่อองค์กรนี้มีตัวตนจริง แต่ไม่ปรากฏชื่อในหน่วยงานราชการอย่างเป็นทางการ แต่ก็อาจไม่เป็นความลับ จึงเป็นที่สันนิษฐานไปอีกว่า ปู้เหลียงเหรินจัดเป็นเจ้าหน้าที่หลวงที่ระดับต่ำมากหรือเสมียน เรียกว่า ‘ลี่’ (吏) (หมายเหตุ ถ้ามีตำแหน่งเป็นขุนนางจะเรียกว่า ‘กวน’/官) หรือเป็นเพียงคนที่ช่วยงานราชการโดยไม่มียศตำแหน่งอย่างแท้จริง และที่บอกว่าพวกเขามีสถานะที่ต่ำมากนั้น เป็นเพราะว่า พวกเขาเป็นอาชญกรมาก่อนและเข้ามาทำงานให้ทางการเพื่อไถ่โทษ ซึ่งสอดคล้องกับหนึ่งในที่มาของชื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั่นเอง นอกจากตัวตนที่เป็นปริศนาแล้ว ที่เป็นปริศนายิ่งกว่าก็คือการหายตัวไปของปู้เหลียงเหริน เพราะไม่มีบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ข้อสันนิษฐานว่าเมื่อสิ้นราชวงศ์ถังกลุ่มปู้เหลียงเหรินก็หอบสมบัติหนีหายกันไป บ้างก็ว่าสลายตัวไป บ้างก็ว่าไปปักหลักที่ที่มั่นอื่นรอวันกลับมาทำงานอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีการยืนยัน แต่ข้อเท็จจริงคือหลังจากราชวงศ์ถังล่มสลายก็ไม่มีการเรียกมือปราบว่าปู้เหลียงเหรินอีกเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.ejdz.cn/download/news/n143411.html https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_13674760 https://item.btime.com/f12taep1nci9228p25pl8r5dejl?page=1 http://www.qulishi.com/article/201906/344565.html https://www.163.com/dy/article/GQNDI8640552B97M.html #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #ปู้เหลียงเหริน #มือปราบสมัยถัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • มีคนเขียนว่า ทองคำ ไม่ได้มีค่าอะไร เป็นสิ่งสมมุติค่ากันขึ้นมาเอง...
    ..แนวคิด ..มันต้องมีอะไรสักอย่างที่แทนค่า การแลกเปลี่ยนได้..เปลือกหอยยังมี...หลักฐานเชิงประจักษ์ ในภาพ ค้นพบที่ กรีก อายุที่ทดสอบค่าตามกระบวนการแล้ว ยืนยัน ไม่น้อยกว่า 3000 ปี...และมีแบบนี้ในหลายอารยธรรม...และปัจจุบัน ทองคำ ก็ยังคงเป็นของที่หาไม่ง่ายนักตามธรรมชาติ...ฉะนั้น คู่ควรแล้ว ที่มีค่ามาจนถึงปัจจุบัน ..และต่อไปในอนาคต...ใครเงินเย็นเก็บเลย..ถ้าคาดหวังกำไรระยะสั้น...อย่าเพิ่ง....
    มีคนเขียนว่า ทองคำ ไม่ได้มีค่าอะไร เป็นสิ่งสมมุติค่ากันขึ้นมาเอง... ..แนวคิด ..มันต้องมีอะไรสักอย่างที่แทนค่า การแลกเปลี่ยนได้..เปลือกหอยยังมี...หลักฐานเชิงประจักษ์ ในภาพ ค้นพบที่ กรีก อายุที่ทดสอบค่าตามกระบวนการแล้ว ยืนยัน ไม่น้อยกว่า 3000 ปี...และมีแบบนี้ในหลายอารยธรรม...และปัจจุบัน ทองคำ ก็ยังคงเป็นของที่หาไม่ง่ายนักตามธรรมชาติ...ฉะนั้น คู่ควรแล้ว ที่มีค่ามาจนถึงปัจจุบัน ..และต่อไปในอนาคต...ใครเงินเย็นเก็บเลย..ถ้าคาดหวังกำไรระยะสั้น...อย่าเพิ่ง....
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #บอดี้สแลม #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #บอดี้สแลม #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • 17/1/68

    ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง
    ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ

    1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง

    2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด

    3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย
    น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี

    4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

    5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้

    6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด

    7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก

    8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย

    9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า

    นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง

    โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป

    World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด
    https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT

    Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร


    17/1/68 ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ 1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง 2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด 3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี 4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้ 6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด 7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก 8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย 9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปิดปมอาการวิปลาสเมื่อคืนพ่นกราดเคพาหุ่งเพราะอะไร
    ไม่จบง่ายๆ กับมหากาพย์นกสองหัว หรือตัวหาผลประโยชน์
    กับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ หญิงชราที่ชอบเรียกตัวเองว่าพี่
    กับการเข้ามาหาประโยชน์กับการแอบอ้างสถานะความเป็น
    แฟนคลับCL เป็นด้อมเกรดเบอร์หนึ่งของเมืองไทย
    ไลฟ์ไป ข๋ายของไป ละครด่าสาวเกาไป ก็ตัดเบรคข๋ายของต่อ
    ฟันรายได้เดือนหลักแสน
    - เอาจริงๆ ในวงการ ตต. แฟนคลับพระเอกเอง ก็มีไม่กี่คนหรอก ที่ยอมคบหากับนาง นอกจากสาวกนางที่ผ่านการเชื่อมจิต จนเชื่อทุกอย่างไม่ต่างจากทุย
    ที่คนรอบตัวเริ่มถอยห่าง ก็เพราะ SANDAN ของนางเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มโปรเจค แก้ตัวแทนมิ๊จฉ๋าชีพเข้ามา อาการ อีโก้สูงระดับดาวอังคาร มั่นหน้า มั่นโหนก ต้องวางตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากด้วยคอนเนคชั่น
    - และในขณะ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นโนหนึ่งของฝั่งแฟนคลับพระเอก กลับมีพฤติกรรมแปลกประหลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผจก นางชวนสาวกนาง ปกป้องแม้ในวันที่ ผจก ออกมาให้ข่าวให้ร้ายพระเอกที่นางอ้างชื่อหาแดรก หรือจะเป็น 4 เฒ่าหญิง ที่ออกมาด่าพระเอก นางก็ยังชวนสาวกไปอุดหนุน
    - จนล่าสุด เอาแฝดพี่อิไผ่ มิ๊จฉ๋าชีพที่มีทั้งKADEE ฉ๊อโGงเยอะแยะ มันเองยังเผลอยอมรับเลย มาพรรณาแก้ตัวแทน ซึี่งพาเอาเมน CL งงกันเป็นแถม เพราะอิแฝด คือผู้ซัพพอตสาวเกา หลายสิบล้าน ถ้าสมมุติจะมีใครช่วยฟอกขาวให้ มันคนเป็นฝั่งสาวเกาหรือเปล่าฟรีะ แต่นางนิดา กลับเสนอตัวแบบถวายหัวอย่างน่าประหลาด หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนถึงปัจจุบันแถมยังช่วยมิ๊จฉาชีพขายของด้วย และนางนิดาสกุลคุ๊กกี้ ก็จะมีเหตุผลบร้าบอคอแตกมาให้สาวกได้ดื่มด่ำเสมอ
    นี่คือสาเหตุที่ทำให้คนรอบตัว ที่เคยสนิท กลับไม่ไหวกับพฤติกรรม
    คำถาม เคพาหุ่งคือใคร
    เคพาหุ่ง คือคนที่อยู่ในโลก ตต ที่คอยยืนหยัด ปกป้องน้องพระเอกเสมอ จนเป็นหนึ่งในkadeeเดต ที่อิป้าศรีธัญญาจะฟ๊อง
    ซึ่ง เคพาหุ่ง คือหนึ่งในคนที่สามารถคุยกับพี่คิงส์แบบวงในได้ อาจจะพูดได้ว่า เคยเจอตัวจริงพี่คิงส์แล้วด้วยซ้ำ
    ในขณะที่อินังนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ พ่นคำให้ร้ายเคพาหุ่ง มันกลับไม่รู้หรอกว่า เคพาหุ่ง ลับหลังนังนิดา ไม่เคยพูดจากก้าวร้าว หรือเอ่ยถึงนังนิดาในเชิงลบเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเชื่อทันทีกับสิ่งที่พี่คิงส์นำเสนอข้อมูลที่พาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ เคยพูดกับพี่คิงส์ว่า เรื่องอื่น ผมเชื่อพี่คิงส์หมด แต่เรื่องพี่นิดา คุ๊กกี้ ผมขอนะครับ เพราะผมรักเคารพแกมาก
    ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่มีปัญหา เรื่องเชื่อไม่เชื่อ มันก็เป็นอิสระที่ใครจะตัดสินใจแบบไหน
    แล้วถามว่า แล้วอิดามันวิปลาส คั่งเมื่อคืนเพราะอะไร
    เรื่องมันเป็นแบบนี้ คืออิดามันได้ข๋ายของแจกปีใหม่ นั่นหมายถึง ก่อนสิ้นปี 67 และเคพาหุ่ง เค้าก็สั่งไป 2 ชุด ชุดละ 999 เลยน๊ะ
    ปรากฏว่า ของที่ต้องการก็ไม่ส่ง เคพาหุ่งก็ทวงถาม นังนิดาก็เลยจะยัดอย่างอื่นให้แทน แต่เคพาหุ่งเค้าก็อยากได้ในสิ่งที่เค้าสั่ง มันก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ เคพาหุ่งเลยบอกว่า กะจะรอพวกของกิน จะได้ให้เพื่อนๆในห้อง ตต.ของเค เพราะน้องมันแจกบ่อย มักเอาตังจากของขวัญที่ได้ ไปแจก ที่เหลือก็เอาไปทำบุญที่วัด
    เออ น้องมันก็จิตดีมากเนาะ
    ต่อนะ
    ถ้าทาร์มไล์ก็แบบนี้ รอของข้ามปีถึงวันที่ 4 มกราคม ซึ่งถ้าร่วมปีที่แล้วก็ราว 17 วันแล้วไมได้ซักที ก็เลยขอเงินคืน อิดาโอนให้คืน 2000 ไม่ต้องทอน เคพาหุ่งก็ห่วงความรู้สึกอีก บอกงั้นอุดหนุนเสื้อตัวละ 540 สามตัวแทน
    - แต่ด้วยความที่อิดา มันระแวง และพยายามหาว่าใครคือคนเอาข่าวมาบอกพี่คิงส์ มันกลับคิดไปเอง ว่าเคพาหุ่ง คือคนเอาข้อมูลที่มาให้พี่คิงส์ตีแผ่ แต่พี่บอกตรงนี้เลย ถ้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิดานามสกุลคุ๊กกี้ เคพาหุ่งไม่เปิดปากเลย ไม่เคยเลย กลับออกตัวปกป้องด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อินิดา มันเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ก็เลยเกิดวิปลาส คิดว่าเคพาหุ่งไม่อยู่ในโอวาท ก็เลยแสดงบทบาท ไลฟ์ด่าและให้ร้ายเคพาหุ่งเมื่อคืน
    ถามว่าตอนนี้ เคพาหุ่งรู้สึกยังไง เค้ารู้สึกผิดหวัง กับคนที่เค้าเคยพูดว่ารัก เคารพ และออกตัวปกป้องเสมอมา และขอเงินค่าเสื้อคืน คือไม่เอาแล้ว พอกันที
    พอจะขอเงินค่าเสื้อคืน อิดาก็หน้าไม่มียาง บอกว่าที่เคยโอนทำบุญที่เคจะบวชพันนึงอะ คืนชั้นมาด้วยละกัน เคพาหุ่งเลยบอกว่า งั้นโอนให้ผมกลับมาส่วนที่เหลือสี่ร้อยกว่าก็พอ
    เนี่ย เรื่องมันก็แค่นี้แหละ อีโก้ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของกาแลคซี่
    ต้องทำตัวเก่ง ทำตัวเหนือ และไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์
    ยังไงน้องๆในตต. ก็ฝากดูแล เคพาหุ่งด้วยละกัน
    อย่าให้อิคั่งนี่ ไปรังควาน น้องมันจะบวชแล้ว สงสารน้องมัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปิดปมอาการวิปลาสเมื่อคืนพ่นกราดเคพาหุ่งเพราะอะไร ไม่จบง่ายๆ กับมหากาพย์นกสองหัว หรือตัวหาผลประโยชน์ กับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ หญิงชราที่ชอบเรียกตัวเองว่าพี่ กับการเข้ามาหาประโยชน์กับการแอบอ้างสถานะความเป็น แฟนคลับCL เป็นด้อมเกรดเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ไลฟ์ไป ข๋ายของไป ละครด่าสาวเกาไป ก็ตัดเบรคข๋ายของต่อ ฟันรายได้เดือนหลักแสน - เอาจริงๆ ในวงการ ตต. แฟนคลับพระเอกเอง ก็มีไม่กี่คนหรอก ที่ยอมคบหากับนาง นอกจากสาวกนางที่ผ่านการเชื่อมจิต จนเชื่อทุกอย่างไม่ต่างจากทุย ที่คนรอบตัวเริ่มถอยห่าง ก็เพราะ SANDAN ของนางเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มโปรเจค แก้ตัวแทนมิ๊จฉ๋าชีพเข้ามา อาการ อีโก้สูงระดับดาวอังคาร มั่นหน้า มั่นโหนก ต้องวางตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากด้วยคอนเนคชั่น - และในขณะ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นโนหนึ่งของฝั่งแฟนคลับพระเอก กลับมีพฤติกรรมแปลกประหลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผจก นางชวนสาวกนาง ปกป้องแม้ในวันที่ ผจก ออกมาให้ข่าวให้ร้ายพระเอกที่นางอ้างชื่อหาแดรก หรือจะเป็น 4 เฒ่าหญิง ที่ออกมาด่าพระเอก นางก็ยังชวนสาวกไปอุดหนุน - จนล่าสุด เอาแฝดพี่อิไผ่ มิ๊จฉ๋าชีพที่มีทั้งKADEE ฉ๊อโGงเยอะแยะ มันเองยังเผลอยอมรับเลย มาพรรณาแก้ตัวแทน ซึี่งพาเอาเมน CL งงกันเป็นแถม เพราะอิแฝด คือผู้ซัพพอตสาวเกา หลายสิบล้าน ถ้าสมมุติจะมีใครช่วยฟอกขาวให้ มันคนเป็นฝั่งสาวเกาหรือเปล่าฟรีะ แต่นางนิดา กลับเสนอตัวแบบถวายหัวอย่างน่าประหลาด หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนถึงปัจจุบันแถมยังช่วยมิ๊จฉาชีพขายของด้วย และนางนิดาสกุลคุ๊กกี้ ก็จะมีเหตุผลบร้าบอคอแตกมาให้สาวกได้ดื่มด่ำเสมอ นี่คือสาเหตุที่ทำให้คนรอบตัว ที่เคยสนิท กลับไม่ไหวกับพฤติกรรม คำถาม เคพาหุ่งคือใคร เคพาหุ่ง คือคนที่อยู่ในโลก ตต ที่คอยยืนหยัด ปกป้องน้องพระเอกเสมอ จนเป็นหนึ่งในkadeeเดต ที่อิป้าศรีธัญญาจะฟ๊อง ซึ่ง เคพาหุ่ง คือหนึ่งในคนที่สามารถคุยกับพี่คิงส์แบบวงในได้ อาจจะพูดได้ว่า เคยเจอตัวจริงพี่คิงส์แล้วด้วยซ้ำ ในขณะที่อินังนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ พ่นคำให้ร้ายเคพาหุ่ง มันกลับไม่รู้หรอกว่า เคพาหุ่ง ลับหลังนังนิดา ไม่เคยพูดจากก้าวร้าว หรือเอ่ยถึงนังนิดาในเชิงลบเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเชื่อทันทีกับสิ่งที่พี่คิงส์นำเสนอข้อมูลที่พาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ เคยพูดกับพี่คิงส์ว่า เรื่องอื่น ผมเชื่อพี่คิงส์หมด แต่เรื่องพี่นิดา คุ๊กกี้ ผมขอนะครับ เพราะผมรักเคารพแกมาก ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่มีปัญหา เรื่องเชื่อไม่เชื่อ มันก็เป็นอิสระที่ใครจะตัดสินใจแบบไหน แล้วถามว่า แล้วอิดามันวิปลาส คั่งเมื่อคืนเพราะอะไร เรื่องมันเป็นแบบนี้ คืออิดามันได้ข๋ายของแจกปีใหม่ นั่นหมายถึง ก่อนสิ้นปี 67 และเคพาหุ่ง เค้าก็สั่งไป 2 ชุด ชุดละ 999 เลยน๊ะ ปรากฏว่า ของที่ต้องการก็ไม่ส่ง เคพาหุ่งก็ทวงถาม นังนิดาก็เลยจะยัดอย่างอื่นให้แทน แต่เคพาหุ่งเค้าก็อยากได้ในสิ่งที่เค้าสั่ง มันก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ เคพาหุ่งเลยบอกว่า กะจะรอพวกของกิน จะได้ให้เพื่อนๆในห้อง ตต.ของเค เพราะน้องมันแจกบ่อย มักเอาตังจากของขวัญที่ได้ ไปแจก ที่เหลือก็เอาไปทำบุญที่วัด เออ น้องมันก็จิตดีมากเนาะ ต่อนะ ถ้าทาร์มไล์ก็แบบนี้ รอของข้ามปีถึงวันที่ 4 มกราคม ซึ่งถ้าร่วมปีที่แล้วก็ราว 17 วันแล้วไมได้ซักที ก็เลยขอเงินคืน อิดาโอนให้คืน 2000 ไม่ต้องทอน เคพาหุ่งก็ห่วงความรู้สึกอีก บอกงั้นอุดหนุนเสื้อตัวละ 540 สามตัวแทน - แต่ด้วยความที่อิดา มันระแวง และพยายามหาว่าใครคือคนเอาข่าวมาบอกพี่คิงส์ มันกลับคิดไปเอง ว่าเคพาหุ่ง คือคนเอาข้อมูลที่มาให้พี่คิงส์ตีแผ่ แต่พี่บอกตรงนี้เลย ถ้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิดานามสกุลคุ๊กกี้ เคพาหุ่งไม่เปิดปากเลย ไม่เคยเลย กลับออกตัวปกป้องด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อินิดา มันเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ก็เลยเกิดวิปลาส คิดว่าเคพาหุ่งไม่อยู่ในโอวาท ก็เลยแสดงบทบาท ไลฟ์ด่าและให้ร้ายเคพาหุ่งเมื่อคืน ถามว่าตอนนี้ เคพาหุ่งรู้สึกยังไง เค้ารู้สึกผิดหวัง กับคนที่เค้าเคยพูดว่ารัก เคารพ และออกตัวปกป้องเสมอมา และขอเงินค่าเสื้อคืน คือไม่เอาแล้ว พอกันที พอจะขอเงินค่าเสื้อคืน อิดาก็หน้าไม่มียาง บอกว่าที่เคยโอนทำบุญที่เคจะบวชพันนึงอะ คืนชั้นมาด้วยละกัน เคพาหุ่งเลยบอกว่า งั้นโอนให้ผมกลับมาส่วนที่เหลือสี่ร้อยกว่าก็พอ เนี่ย เรื่องมันก็แค่นี้แหละ อีโก้ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของกาแลคซี่ ต้องทำตัวเก่ง ทำตัวเหนือ และไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ ยังไงน้องๆในตต. ก็ฝากดูแล เคพาหุ่งด้วยละกัน อย่าให้อิคั่งนี่ ไปรังควาน น้องมันจะบวชแล้ว สงสารน้องมัน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #wetv #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #wetv #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@piangsiao_arom #เพียงเลี้ยวอารมณ์ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@piangsiao_arom #เพียงเลี้ยวอารมณ์ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 1 1 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #wetv #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #wetv #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #สตอรี่ #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #สตอรี่ #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ชืวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #เพลงไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    ชืวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #เพลงไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #สตอรี่ #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #สตอรี่ #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原)

    เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ

    ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้

    เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น

    เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ

    อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่

    ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่

    กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง

    บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต

    Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29
    https://www.sohu.com/a/390828068_120445432
    https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html
    https://www.shicile.com/detail/6070192050078
    https://www.sohu.com/a/680570874_121124391

    #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原) เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่ ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่ กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29 https://www.sohu.com/a/390828068_120445432 https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html https://www.shicile.com/detail/6070192050078 https://www.sohu.com/a/680570874_121124391 #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • #รู้แหละมีคนรอโพสนี้เยอะมาก
    เอ้า มา
    แฟนคลับพี่หลายคนรอลุ้น บวกสงสัย ทำไมพี่คิงส์ไม่หยิบเรื่องนี้มาตอบโต้อะไรเลย ดูเงียบผิดปกติ
    เอาหละ จะบอกว่าพี่คิงส์ เป็นคนแรกที่เปิดเรื่องปูเป็นหนอน
    ซึ่งในหลายๆเรื่อง แม้แต่ CL เอง ก็ยังไม่รู้ นั่นก็เพราะพี่มีสายทั้งสองฝั่ง
    ที่อยู่ฝั่งสาว ก็มิน้อยเช่นกัน และสาเหตุที่พี่นิ่งๆไปสองวันกับเรื่องนี้
    ก็เพราะช่วงที่พี่เปิดเรื่องปูเป็นหนอน อิดาอิแก่ไร้มโนสำนึก มันออกตัวป้องอิปูตั้งแต่ตอนนั้น พาสาวกรุมกร่นด่าพี่คิงส์ทางตต. ลามมายันเพจพี่ พูดง่ายๆ ป้องสุดลิ่มทิ่มประตู ตอนนั้นยังสงสัยว่า อิดานี่มันจั๊ดง่าว หรือมันมีผลประโยชน์อะไรแฝงกับอิปู หรือเพราะมันสนิทแอบคุยหลังบ้านกัน ณ เวลานั้น ตั้งสมมุติฐานไว้ประมาณนี้ แต่ก็ต้องยอมรับแหละ แฟนคลับ CL นี่แหละ ที่ออกมาแสดงความไม่น่ารักกับพี่เยอะมาก ยกเว้นคนที่เป็นแฟนพันธิ์แท้ของพี่ ที่รู้เสมอว่าพี่มักมาก่อนกาลแน่นอน
    ดังนั้น พี่ชลอเรื่องนี้ เพราะอยากให้คนที่เคยมาด่าพี่ ได้อิ่มเอมกับการแสดงของปูเป็นหนอนให้ฉ่ำก่อน ให้อิ่มก่อน อาจมีคนรู้สึกสำนึกกับสิ่งที่ปฏิบัติกับกรู ที่เชื่อคนอย่างอิดาคุ๊กกี้ ก็แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมาก
    สำหรับโพสนี้ พี่จะไล่เรียงเป็นตัวละครไปละกัน
    1. อิดา อินิดาคุ๊กกี้
    2. อิป้า คืออิป้าศรีธัญญ่าข้างบ้านพี่
    3. ผจก ปู ผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านพี่เอง
    4. 4 ป้ามหาแก่ อันนี้อยู่อยู่ข้างบ้านพี่เช่นกัน
    5. มดดำ พิธีกรทีวี
    6. CL แน๊ก ชาลี
    เชื่อว่ามีคำถามคาใจกันประเด็นหลักๆดังนี้
    คำถามที่ 1 ทำไม มดดำ ถึงอ่านข้อมูลที่ตรงกับที่ ปูเป็นหนอนพิมพ์เป๊ะ มดดำไม่รักชาลีเหรอ มดดำร่วมรุมทึ้งชาลีเหรอ
    อะเคร พี่คิงส์จะเจาะเรื่องนี้ให้นะ
    สำหรับพี่คิงส์ ไม่เคยที่จะสงสัยในความรักของมดดำ ที่มีต่อ CL แม้กระทั่งวินาทีนี้ ความผูกพันธ์ของมดดำ ที่มีต่อ CL มันอบอุ่นยิ่งกว่าคนรู้จัก เหมือนพี่น้อง หรือเหมือนพ่อกับลูกเลยก็ว่าได้
    คำถามว่า ทำไม มดดำถึงอ่านข้อมูลแบบนั้น
    เราต้องเข้าใจกระบวนการการทำงานรายการก่อนว่า
    ไม่ว่าจะเป็นรายการแฉ หรือรายการใส่ไข่อะไรนั่นก็ตาม
    มดดำ หรือพิธีกร ทุกคนจะได้บีฟเพียงพอต่อการทำงาน
    แต่จะมีสคริปให้อ่าน ไม่ได้มาจากความคิดของพิธีกร แม้ว่าจะมีการใส่ความคิดเห็นลงไปบ้าง แต่แกนของเนื้อหา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ บก.รายการ หรือโปรดิวส์เซอร์ เป็นผู้จัดมาให้แบบครบแล้ว
    ดังนั้น พี่คิงส์มั่นใจว่า เนื้อหาในคริป คนที่นำมา จะเป็นบกรายการ หรือโปรดิวส์เซอร์ ที่ได้ข้อมูลที่หยิบยื่นจากอิปูเป็นหนอน จะด้วยความรู้จักส่วนตัวเอาเนื้อหามาแทรกเนียนๆ หรือจะเพียงแค่เห็นว่า เป็นเรื่องที่เอามาเล่นแล้วดังแน่ โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความเสียหายกับใครอย่างไร
    ส่วนมดดำเองก็ทำหน้าที่เป็นพิธีกร ดำเนินรายการ ดังนั้นมีหน้าที่คือ อ่านในสิ่งที่ถูกเสริฟมาให้แน่นอน ซึ่งอาจจะมีการพูดคุยกันระหว่างมดดำ กับCL กันเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ แค่จะออกสื่อหรือไม่ ก็ต้องมาบวกลบคุณหารแค่นั้นเอง แต่ถึงอย่างไรพี่คิงส์จากข้อมูลที่มี ยืนยันว่า มดดำ คือพี่ที่รักแน๊กมากที่สุดในโลกคนหนึ่งไม่มีตัวเฮี้ยที่ไหนมาเปลี่ยนความจริงเรื่องนี้ไปได้
    .............................................
    คำถามที่ 2 สื่อทำไมยำ CL
    คือแบบนี้ ถ้าเราจำกันได้ จะมี 2 รอบใหญ่ๆ
    ที่อิป้าศรีธัญญา ได้ใช้บริการสื่อบางสื่อ
    ครั้งแรก ตอนแถลง ครั้งที่สองตอน 4 ป้า
    อิป้าบ่นแค่วันเดียวมั๊ง ว่าทำไมเรื่อง 4 ป้า ไม่เป็นข่าวซักที
    แล้วก็มีคนเอาข่าวไปลงจริงๆ
    คืองี้ครับ สำหรับสื่อมวลชน มีรูปแบบการทำงานหลายแบบ
    1. นำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง + ดราม่า ถ้าข่าวสำนักนึงลง ถ้าตัวเองไม่ลง อันนี้ ผอ. หรือบก เล่นนักข่าวแน่นอน จึงต้องลงเพราะช่องอื่น หรือเพจอื่นเค้ามี ไม่มีไม่ได้
    2. สื่อที่ต้องอยู่ได้ด้วยงบประมาณ ซึ่งเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่อำนวยต่อการรักษาอุดมการณ์ เพราะมันกินไม่ได้ จึงต้องมีการสอดแทรกด้วยการรับงบประมาณจากบุคคล หรือเอกชน มาเพื่อโปรโมทบางอย่างเสมอ รวมถึงการสร้างข่าวตามออเดอร์ แนบมาด้วยเนื้อข่าวที่อิป้าก็สำนวนเต็มๆในนั้น
    3. ช่องไม่รู้เห็น แต่ บก หรือนักข่าว แอบรับใต้โต้ แบบนี้ก็มี
    4. สื่อที่เจ้าของหรือ บก.เป็นด้อมสาวเสียเอง
    ดังนั้น อันนี้ คือ 4 กลุ่มใหญ่ๆนะ ที่พี่จะอธิบายให้เข้าใจ
    ดังนั้นแปลว่า ถ้าอิป้า ส่งข่าวให้ กลุ่มที่ 3 กับกลุ่มที่ 4 แน่นอน กลุ่มที่ 1 กับสื่อกลุ่มที่ 2 ก็ต้องออกด้วย โดยที่อิป้าไม่ต้องลงทุนด้วยเงิน
    อาการเลยประมาณที่เห็น เหมือนรุมยำCL แต่จริงๆ มันไม่ใช่ทั้งหมด
    แต่ทั้งนี้ จากอิป้าได้ใช้บริการ อ้อ ตอนสร้างเทรนทิพย์ แบนนแน๊กชาลี โดยที่ไปดูยูซเป็นเวียดนาม ยูซผีไปปั่นอะนะ ตอนนั้นต้องยอมรับ สื่อใหญ่ แต่ไม่ทันเทคโนโลยี ยังไม่รู้ว่าไอ่เทรนที่มันปั่นได้ ก็ลงกันไป แต่มันมาโป๊ะตรงที่ คอมเม้นของคนจริงในแอฟฟ้า กลับสวนทางดิ ช่องหลักๆโดนทัวร์ลง
    ซึ่งอิป้า ก็ได้ปรับกลยุทธ์ เรียบร้อย คือ พอรู้จากบกข่าว ว่าจะลงกี่โมง อิป้าจะพากองร๊บ แบบที่มันเปิดรับเพิ่มตอนนี้แหละ แล้วเอายูซผี จำนวนที่พี่คิงส์นับได้ ก็ประมาณ 100-120 ตัว ไปคอมเม้นดักไว้ก่อน ให้เป็นคอมเม้นแรกๆ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือว่า CL มีคนไม่ชอบเยอะจริงๆ
    ..............................................
    ดังนั้น ที่พี่คิงส์ชิลๆ เพราะกระบวนการทั้งหมด มันไม่ได้เกิดขึ้น เพราะความรักหรือความชังแบบธรรมชาติ แต่มันคือการบิดเบือนความจริง ด้วยความพยามของอิป้าศรีธัญญา ที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจ กุมทุกอย่างไว้ในกำมือ
    นี่แหละ พี่คิงส์ถึงบอกว่า อย่าไปดิ้น เวลาที่มีสื่อหลายช่องเค้าทำข่าวกัน นิ่งไว้ และพอคนเห็นไอ่ร้อยกว่าคอมเม้นแรก ด่าแน๊กรัวๆ ก็ยิ่งร้อนไปใหญ่ เออ นั่นแหละ ซอมบี้ที่อิป้าทำ ยิ่งไอ่แผนฟินิกส์ที่มันเปิดอะนะ อันนี้ ยิ่งเป็นการคอนเฟิร์มในข้อมูลที่พี่แจ้งนี้เป๊ะเลย
    เป็นไง กรรู มาก่อนกาลมั๊ยล่ะ
    เอา รู้ว่ากำลังมันส์ มาต่อเลย
    คำถามต่อมา อุ๊ย CL เจอคอมเม้นแบบนี้ จะเป็นเหมือนคุณอิ๊ดขายสบู่มั๊ย
    คือแบบนี้นะ พี่คิงส์จะบอกให้ ไอ่คำถามนี้ ส่วนใหญ่ เป็นคำถามที่อิป้าเป็นคนให้พวกสมุนมาพิมพ์ คือ มันหวังแบบคนปังยาอ่อน ว่าCL มาเห็นคอมเม้นแบบนี้แล้วจะชี้นำ คืออันนี้บอกเลย ฟรายมาก ที่ประเมิน CL ต่ำไป
    คือ พอCLขยับ ว่าจะฟ๊องพวกแม๋ง คือดิ้นกันไง เพราะที่ผ่านมา CL อดทนเพราะแม่สั่งมาตลอด และอยากให้ทุกคนมีความสุข
    แต่ดราม่า และการให้ร้ายที่ต่อเนื่อง มันเริ่มทำให้แฟนคลับไม่มีความสุขแล้วนี่ดิ ทำให้ CLเอง ก็ต้องทำให้สถานการณ์เรื่องเฮี้ยๆพวกนี้มันจบ ซึ่งมันหาทางอื่นไม่ได้ นั่นคือต้องใช้กฎม๋าย เช็ดดดเขร้ ไอ่พวกเฮี้ย อิป้า แต่ละตัว ดันมั่นอกมั่นใจมากตลอดว่า พวกกรูทำเฮี้ยไรได้หมด เพราะไอ่ CL มันไม่ฟ๊อง มันเลยทิ้งร่องรอยหลักฐ๋าน ดิจิม่อนฟรุ๊ตตี้ไว้เพียบ ดังน้น อิป้าจึงต้องหาคนมาเป็นนักร๊บนั่นแหละ ที่บอกว่า อยากหาคนมาถอดเทปอะ จริงๆ หาคนมากวาดลบคลิป และโพสต่างๆที่อาจหลงเหลือเป็นหลักฐ๋านที่จะโดนดำเนิน KADEE และก็เอาไว้เป็นทาส ดูมีบารมีดี ตามแบบฉบับคนติดดราม่าจนต้องเข้าพบหม๋อจิตอะนะ
    คำถามสุดท้าย เอาจริงๆ CL จะเสียใจมั๊ย รับได้ไหม กับข่าว
    คือ ก็ตอบไปแล้วแหละบางส่วน แต่พี่คิงส์จะอธิบายแบบนี้นะ แล้วจะเข้าใจ
    ที่ผ่านมา CL โดนมากี่เรื่อง สิ่งที่พี่คิงส์เปิด ที่ตีแผ่ แล้วทุกคนบอกสงสาร ต้องไม่ลืมว่า ที่พี่เปิดอะ น้องมันเจอมาตลอดนะ แล้วรับรู้คนเดียวด้วย ยังทนได้เลย แล้วตอนนี้กับเรื่องแค่นี้ ทำไมทุกคนถึงประเมินน้องต่ำเกิ๊น
    พี่คิงส์วิเคราะห์แบบฟันธงเลยนะ ณ เวลานี้CL ไม่ได้มีอารมณ์ทางลบกับตัวเอง แต่กลับมีพลังเหมือนเสือที่ถูกมัดไว้ด้วยความกตัญญู แต่ตอนนี้ เหมือนทุกอย่างถูกปลดปล่อย แค่มดปลวกจะทำให้เสือสะดุ้งได้ยังไง เอาว่า ใครที่ทำเฮี้ยอะไรเอาไว้ พวกเมิงรอดูร่างแท้ของ CL ก็แล้วกัน
    ไอ่ฉัด!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ปล. ฝากถึงอิดาคุ๊กกี้จอมกลับกลอกว่า เมิงกับกรู ไม่จบนะ กรูยังมีจัดให้เมิงอีกเยอะ ก็เมิงพูดเอง ว่าให้กรูจัดเมิงเต็มที่ ดังนั้น อยู่นิ่งๆ อย่าดิ้นเยอะ ยิ่งดิ้น ยิ่งเจ็บ อิsus
    #รู้แหละมีคนรอโพสนี้เยอะมาก เอ้า มา แฟนคลับพี่หลายคนรอลุ้น บวกสงสัย ทำไมพี่คิงส์ไม่หยิบเรื่องนี้มาตอบโต้อะไรเลย ดูเงียบผิดปกติ เอาหละ จะบอกว่าพี่คิงส์ เป็นคนแรกที่เปิดเรื่องปูเป็นหนอน ซึ่งในหลายๆเรื่อง แม้แต่ CL เอง ก็ยังไม่รู้ นั่นก็เพราะพี่มีสายทั้งสองฝั่ง ที่อยู่ฝั่งสาว ก็มิน้อยเช่นกัน และสาเหตุที่พี่นิ่งๆไปสองวันกับเรื่องนี้ ก็เพราะช่วงที่พี่เปิดเรื่องปูเป็นหนอน อิดาอิแก่ไร้มโนสำนึก มันออกตัวป้องอิปูตั้งแต่ตอนนั้น พาสาวกรุมกร่นด่าพี่คิงส์ทางตต. ลามมายันเพจพี่ พูดง่ายๆ ป้องสุดลิ่มทิ่มประตู ตอนนั้นยังสงสัยว่า อิดานี่มันจั๊ดง่าว หรือมันมีผลประโยชน์อะไรแฝงกับอิปู หรือเพราะมันสนิทแอบคุยหลังบ้านกัน ณ เวลานั้น ตั้งสมมุติฐานไว้ประมาณนี้ แต่ก็ต้องยอมรับแหละ แฟนคลับ CL นี่แหละ ที่ออกมาแสดงความไม่น่ารักกับพี่เยอะมาก ยกเว้นคนที่เป็นแฟนพันธิ์แท้ของพี่ ที่รู้เสมอว่าพี่มักมาก่อนกาลแน่นอน ดังนั้น พี่ชลอเรื่องนี้ เพราะอยากให้คนที่เคยมาด่าพี่ ได้อิ่มเอมกับการแสดงของปูเป็นหนอนให้ฉ่ำก่อน ให้อิ่มก่อน อาจมีคนรู้สึกสำนึกกับสิ่งที่ปฏิบัติกับกรู ที่เชื่อคนอย่างอิดาคุ๊กกี้ ก็แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมาก สำหรับโพสนี้ พี่จะไล่เรียงเป็นตัวละครไปละกัน 1. อิดา อินิดาคุ๊กกี้ 2. อิป้า คืออิป้าศรีธัญญ่าข้างบ้านพี่ 3. ผจก ปู ผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านพี่เอง 4. 4 ป้ามหาแก่ อันนี้อยู่อยู่ข้างบ้านพี่เช่นกัน 5. มดดำ พิธีกรทีวี 6. CL แน๊ก ชาลี เชื่อว่ามีคำถามคาใจกันประเด็นหลักๆดังนี้ คำถามที่ 1 ทำไม มดดำ ถึงอ่านข้อมูลที่ตรงกับที่ ปูเป็นหนอนพิมพ์เป๊ะ มดดำไม่รักชาลีเหรอ มดดำร่วมรุมทึ้งชาลีเหรอ อะเคร พี่คิงส์จะเจาะเรื่องนี้ให้นะ สำหรับพี่คิงส์ ไม่เคยที่จะสงสัยในความรักของมดดำ ที่มีต่อ CL แม้กระทั่งวินาทีนี้ ความผูกพันธ์ของมดดำ ที่มีต่อ CL มันอบอุ่นยิ่งกว่าคนรู้จัก เหมือนพี่น้อง หรือเหมือนพ่อกับลูกเลยก็ว่าได้ คำถามว่า ทำไม มดดำถึงอ่านข้อมูลแบบนั้น เราต้องเข้าใจกระบวนการการทำงานรายการก่อนว่า ไม่ว่าจะเป็นรายการแฉ หรือรายการใส่ไข่อะไรนั่นก็ตาม มดดำ หรือพิธีกร ทุกคนจะได้บีฟเพียงพอต่อการทำงาน แต่จะมีสคริปให้อ่าน ไม่ได้มาจากความคิดของพิธีกร แม้ว่าจะมีการใส่ความคิดเห็นลงไปบ้าง แต่แกนของเนื้อหา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ บก.รายการ หรือโปรดิวส์เซอร์ เป็นผู้จัดมาให้แบบครบแล้ว ดังนั้น พี่คิงส์มั่นใจว่า เนื้อหาในคริป คนที่นำมา จะเป็นบกรายการ หรือโปรดิวส์เซอร์ ที่ได้ข้อมูลที่หยิบยื่นจากอิปูเป็นหนอน จะด้วยความรู้จักส่วนตัวเอาเนื้อหามาแทรกเนียนๆ หรือจะเพียงแค่เห็นว่า เป็นเรื่องที่เอามาเล่นแล้วดังแน่ โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความเสียหายกับใครอย่างไร ส่วนมดดำเองก็ทำหน้าที่เป็นพิธีกร ดำเนินรายการ ดังนั้นมีหน้าที่คือ อ่านในสิ่งที่ถูกเสริฟมาให้แน่นอน ซึ่งอาจจะมีการพูดคุยกันระหว่างมดดำ กับCL กันเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ แค่จะออกสื่อหรือไม่ ก็ต้องมาบวกลบคุณหารแค่นั้นเอง แต่ถึงอย่างไรพี่คิงส์จากข้อมูลที่มี ยืนยันว่า มดดำ คือพี่ที่รักแน๊กมากที่สุดในโลกคนหนึ่งไม่มีตัวเฮี้ยที่ไหนมาเปลี่ยนความจริงเรื่องนี้ไปได้ ............................................. คำถามที่ 2 สื่อทำไมยำ CL คือแบบนี้ ถ้าเราจำกันได้ จะมี 2 รอบใหญ่ๆ ที่อิป้าศรีธัญญา ได้ใช้บริการสื่อบางสื่อ ครั้งแรก ตอนแถลง ครั้งที่สองตอน 4 ป้า อิป้าบ่นแค่วันเดียวมั๊ง ว่าทำไมเรื่อง 4 ป้า ไม่เป็นข่าวซักที แล้วก็มีคนเอาข่าวไปลงจริงๆ คืองี้ครับ สำหรับสื่อมวลชน มีรูปแบบการทำงานหลายแบบ 1. นำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง + ดราม่า ถ้าข่าวสำนักนึงลง ถ้าตัวเองไม่ลง อันนี้ ผอ. หรือบก เล่นนักข่าวแน่นอน จึงต้องลงเพราะช่องอื่น หรือเพจอื่นเค้ามี ไม่มีไม่ได้ 2. สื่อที่ต้องอยู่ได้ด้วยงบประมาณ ซึ่งเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่อำนวยต่อการรักษาอุดมการณ์ เพราะมันกินไม่ได้ จึงต้องมีการสอดแทรกด้วยการรับงบประมาณจากบุคคล หรือเอกชน มาเพื่อโปรโมทบางอย่างเสมอ รวมถึงการสร้างข่าวตามออเดอร์ แนบมาด้วยเนื้อข่าวที่อิป้าก็สำนวนเต็มๆในนั้น 3. ช่องไม่รู้เห็น แต่ บก หรือนักข่าว แอบรับใต้โต้ แบบนี้ก็มี 4. สื่อที่เจ้าของหรือ บก.เป็นด้อมสาวเสียเอง ดังนั้น อันนี้ คือ 4 กลุ่มใหญ่ๆนะ ที่พี่จะอธิบายให้เข้าใจ ดังนั้นแปลว่า ถ้าอิป้า ส่งข่าวให้ กลุ่มที่ 3 กับกลุ่มที่ 4 แน่นอน กลุ่มที่ 1 กับสื่อกลุ่มที่ 2 ก็ต้องออกด้วย โดยที่อิป้าไม่ต้องลงทุนด้วยเงิน อาการเลยประมาณที่เห็น เหมือนรุมยำCL แต่จริงๆ มันไม่ใช่ทั้งหมด แต่ทั้งนี้ จากอิป้าได้ใช้บริการ อ้อ ตอนสร้างเทรนทิพย์ แบนนแน๊กชาลี โดยที่ไปดูยูซเป็นเวียดนาม ยูซผีไปปั่นอะนะ ตอนนั้นต้องยอมรับ สื่อใหญ่ แต่ไม่ทันเทคโนโลยี ยังไม่รู้ว่าไอ่เทรนที่มันปั่นได้ ก็ลงกันไป แต่มันมาโป๊ะตรงที่ คอมเม้นของคนจริงในแอฟฟ้า กลับสวนทางดิ ช่องหลักๆโดนทัวร์ลง ซึ่งอิป้า ก็ได้ปรับกลยุทธ์ เรียบร้อย คือ พอรู้จากบกข่าว ว่าจะลงกี่โมง อิป้าจะพากองร๊บ แบบที่มันเปิดรับเพิ่มตอนนี้แหละ แล้วเอายูซผี จำนวนที่พี่คิงส์นับได้ ก็ประมาณ 100-120 ตัว ไปคอมเม้นดักไว้ก่อน ให้เป็นคอมเม้นแรกๆ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือว่า CL มีคนไม่ชอบเยอะจริงๆ .............................................. ดังนั้น ที่พี่คิงส์ชิลๆ เพราะกระบวนการทั้งหมด มันไม่ได้เกิดขึ้น เพราะความรักหรือความชังแบบธรรมชาติ แต่มันคือการบิดเบือนความจริง ด้วยความพยามของอิป้าศรีธัญญา ที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจ กุมทุกอย่างไว้ในกำมือ นี่แหละ พี่คิงส์ถึงบอกว่า อย่าไปดิ้น เวลาที่มีสื่อหลายช่องเค้าทำข่าวกัน นิ่งไว้ และพอคนเห็นไอ่ร้อยกว่าคอมเม้นแรก ด่าแน๊กรัวๆ ก็ยิ่งร้อนไปใหญ่ เออ นั่นแหละ ซอมบี้ที่อิป้าทำ ยิ่งไอ่แผนฟินิกส์ที่มันเปิดอะนะ อันนี้ ยิ่งเป็นการคอนเฟิร์มในข้อมูลที่พี่แจ้งนี้เป๊ะเลย เป็นไง กรรู มาก่อนกาลมั๊ยล่ะ เอา รู้ว่ากำลังมันส์ มาต่อเลย คำถามต่อมา อุ๊ย CL เจอคอมเม้นแบบนี้ จะเป็นเหมือนคุณอิ๊ดขายสบู่มั๊ย คือแบบนี้นะ พี่คิงส์จะบอกให้ ไอ่คำถามนี้ ส่วนใหญ่ เป็นคำถามที่อิป้าเป็นคนให้พวกสมุนมาพิมพ์ คือ มันหวังแบบคนปังยาอ่อน ว่าCL มาเห็นคอมเม้นแบบนี้แล้วจะชี้นำ คืออันนี้บอกเลย ฟรายมาก ที่ประเมิน CL ต่ำไป คือ พอCLขยับ ว่าจะฟ๊องพวกแม๋ง คือดิ้นกันไง เพราะที่ผ่านมา CL อดทนเพราะแม่สั่งมาตลอด และอยากให้ทุกคนมีความสุข แต่ดราม่า และการให้ร้ายที่ต่อเนื่อง มันเริ่มทำให้แฟนคลับไม่มีความสุขแล้วนี่ดิ ทำให้ CLเอง ก็ต้องทำให้สถานการณ์เรื่องเฮี้ยๆพวกนี้มันจบ ซึ่งมันหาทางอื่นไม่ได้ นั่นคือต้องใช้กฎม๋าย เช็ดดดเขร้ ไอ่พวกเฮี้ย อิป้า แต่ละตัว ดันมั่นอกมั่นใจมากตลอดว่า พวกกรูทำเฮี้ยไรได้หมด เพราะไอ่ CL มันไม่ฟ๊อง มันเลยทิ้งร่องรอยหลักฐ๋าน ดิจิม่อนฟรุ๊ตตี้ไว้เพียบ ดังน้น อิป้าจึงต้องหาคนมาเป็นนักร๊บนั่นแหละ ที่บอกว่า อยากหาคนมาถอดเทปอะ จริงๆ หาคนมากวาดลบคลิป และโพสต่างๆที่อาจหลงเหลือเป็นหลักฐ๋านที่จะโดนดำเนิน KADEE และก็เอาไว้เป็นทาส ดูมีบารมีดี ตามแบบฉบับคนติดดราม่าจนต้องเข้าพบหม๋อจิตอะนะ คำถามสุดท้าย เอาจริงๆ CL จะเสียใจมั๊ย รับได้ไหม กับข่าว คือ ก็ตอบไปแล้วแหละบางส่วน แต่พี่คิงส์จะอธิบายแบบนี้นะ แล้วจะเข้าใจ ที่ผ่านมา CL โดนมากี่เรื่อง สิ่งที่พี่คิงส์เปิด ที่ตีแผ่ แล้วทุกคนบอกสงสาร ต้องไม่ลืมว่า ที่พี่เปิดอะ น้องมันเจอมาตลอดนะ แล้วรับรู้คนเดียวด้วย ยังทนได้เลย แล้วตอนนี้กับเรื่องแค่นี้ ทำไมทุกคนถึงประเมินน้องต่ำเกิ๊น พี่คิงส์วิเคราะห์แบบฟันธงเลยนะ ณ เวลานี้CL ไม่ได้มีอารมณ์ทางลบกับตัวเอง แต่กลับมีพลังเหมือนเสือที่ถูกมัดไว้ด้วยความกตัญญู แต่ตอนนี้ เหมือนทุกอย่างถูกปลดปล่อย แค่มดปลวกจะทำให้เสือสะดุ้งได้ยังไง เอาว่า ใครที่ทำเฮี้ยอะไรเอาไว้ พวกเมิงรอดูร่างแท้ของ CL ก็แล้วกัน ไอ่ฉัด! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง ปล. ฝากถึงอิดาคุ๊กกี้จอมกลับกลอกว่า เมิงกับกรู ไม่จบนะ กรูยังมีจัดให้เมิงอีกเยอะ ก็เมิงพูดเอง ว่าให้กรูจัดเมิงเต็มที่ ดังนั้น อยู่นิ่งๆ อย่าดิ้นเยอะ ยิ่งดิ้น ยิ่งเจ็บ อิsus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts