• ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งผลาญ 8 พันล้าน!

    เมื่อวันก่อนแพลตฟอร์ม X บัญชี @thaccaofficial ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ยังไม่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกฎหมายยังไม่ผ่าน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "จริงๆ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะระบาย ไหนๆ ก็ใกล้จะลากันแล้ว จำได้ไหมปีแรกๆ ที่เรา THACCA โดนด่าว่า ซอฟต์เพาเวอร์ 5,000 ล้านๆ โดนล้อ โดนด่ามาตลอด รู้ไหมจริงๆ งบปี 67 เราไม่ได้เงินสักบาทเลย เราเลยต้องมาของบกลาง แต่ก็โดนตัดแล้วตัดอีกจนเหลือ 635 ล้านบาท แค่ 12% จากที่เขาด่าเราเท่านั้น แต่เราก็พยายามทำงานเท่าที่เราได้งบมาให้ดีที่สุด มากที่สุด แล้วก็คุ้มที่สุด กับทุกอุตสาหกรรม ถ้าเราได้งบ 5,000 ล้านจริงตามที่เขาด่าเรา ตอนนี้ผลงานเราคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว"

    ปรากฎว่าถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธารว่า มีอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากการจัดอีเวนต์ ทำไมไม่ผ่านกฎหมายทักก้า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แฉว่าแม้จะได้งบประมาณจากงบกลาง 635 ล้านบาท แต่ก็ไปของบจัดมหาสงกรานต์และอีเวนต์อีก ในปี 2567 ได้งบประมาณรวม 3,229.36 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ได้งบประมาณไป 2,318.42 ล้านบาท บวกกับงบกลาง 1,336.72 ล้านบาท และงบที่ซ้ำในกระทรวงอื่นๆ 2,082.85 ล้านบาท เท่ากับ 5,737.99 ล้านบาท รวม 2 ปีใช้เงินไป 8,967.35 ล้านบาท หน่วยงานนี้ยังไม่มีเพราะไม่มีกฎหมายเข้าสภาฯ มีเพียงสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ดูแลประสานงานเท่านั้น

    ด้านนายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ระบุเพิ่มเติมว่า THACCA ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานส่วนราชการ ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นการกระจายงบประมาณไปยังกระทรวงและกรมต่างๆ โครงการสำคัญอย่าง OFOS (One family one soft power) มีเป้าหมายอบรมคนไทยให้ได้ 20 ล้านคนภายใน 4 ปี แต่พบว่า 2 ปีที่ผ่านมามีผู้อบรมเพียง 20,355 คน และโครงการ OFOS อาหาร ตั้งเป้าหมาย 10,000 คน แต่มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเพียง 1,300 คน ส่วนในปี 2569 ได้ของบประมาณอีก 3,900 ล้านบาท แต่หลังจาก น.ส.แพทองธารพ้นตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สิ้นสภาพไปด้วย แต่งบฯ ยังคงกระจายไปหน่วยงานอื่น ตนในฐานะ สส. จะติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณก้อนนี้ต่อไป

    #Newskit
    ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งผลาญ 8 พันล้าน! เมื่อวันก่อนแพลตฟอร์ม X บัญชี @thaccaofficial ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ยังไม่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกฎหมายยังไม่ผ่าน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "จริงๆ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะระบาย ไหนๆ ก็ใกล้จะลากันแล้ว จำได้ไหมปีแรกๆ ที่เรา THACCA โดนด่าว่า ซอฟต์เพาเวอร์ 5,000 ล้านๆ โดนล้อ โดนด่ามาตลอด รู้ไหมจริงๆ งบปี 67 เราไม่ได้เงินสักบาทเลย เราเลยต้องมาของบกลาง แต่ก็โดนตัดแล้วตัดอีกจนเหลือ 635 ล้านบาท แค่ 12% จากที่เขาด่าเราเท่านั้น แต่เราก็พยายามทำงานเท่าที่เราได้งบมาให้ดีที่สุด มากที่สุด แล้วก็คุ้มที่สุด กับทุกอุตสาหกรรม ถ้าเราได้งบ 5,000 ล้านจริงตามที่เขาด่าเรา ตอนนี้ผลงานเราคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว" ปรากฎว่าถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธารว่า มีอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากการจัดอีเวนต์ ทำไมไม่ผ่านกฎหมายทักก้า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แฉว่าแม้จะได้งบประมาณจากงบกลาง 635 ล้านบาท แต่ก็ไปของบจัดมหาสงกรานต์และอีเวนต์อีก ในปี 2567 ได้งบประมาณรวม 3,229.36 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ได้งบประมาณไป 2,318.42 ล้านบาท บวกกับงบกลาง 1,336.72 ล้านบาท และงบที่ซ้ำในกระทรวงอื่นๆ 2,082.85 ล้านบาท เท่ากับ 5,737.99 ล้านบาท รวม 2 ปีใช้เงินไป 8,967.35 ล้านบาท หน่วยงานนี้ยังไม่มีเพราะไม่มีกฎหมายเข้าสภาฯ มีเพียงสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ดูแลประสานงานเท่านั้น ด้านนายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ระบุเพิ่มเติมว่า THACCA ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานส่วนราชการ ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นการกระจายงบประมาณไปยังกระทรวงและกรมต่างๆ โครงการสำคัญอย่าง OFOS (One family one soft power) มีเป้าหมายอบรมคนไทยให้ได้ 20 ล้านคนภายใน 4 ปี แต่พบว่า 2 ปีที่ผ่านมามีผู้อบรมเพียง 20,355 คน และโครงการ OFOS อาหาร ตั้งเป้าหมาย 10,000 คน แต่มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเพียง 1,300 คน ส่วนในปี 2569 ได้ของบประมาณอีก 3,900 ล้านบาท แต่หลังจาก น.ส.แพทองธารพ้นตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สิ้นสภาพไปด้วย แต่งบฯ ยังคงกระจายไปหน่วยงานอื่น ตนในฐานะ สส. จะติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณก้อนนี้ต่อไป #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่”

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง

    จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง

    เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ

    การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง

    ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย
    พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ
    แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
    การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา
    การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด

    การตรวจสอบและหลักฐาน
    ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย
    ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล
    พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
    การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน
    Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้
    แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s
    หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร

    https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    🦠 “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่” ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง ✅ ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย ➡️ พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ ➡️ แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน ➡️ การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา ➡️ การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด ✅ การตรวจสอบและหลักฐาน ➡️ ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย ➡️ ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล ➡️ พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ➡️ การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน ➡️ Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ ➡️ แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s ➡️ หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    WWW.TUNI.FI
    Myocardial infarction may be an infectious disease | Tampere universities
    A pioneering study by researchers from Finland and the UK has demonstrated for the first time that myocardial infarction may be an infectious disease. This discovery challenges the conventional und...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น

    เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน

    ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด

    Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย)
    Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ
    สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว
    ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้

    Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง)
    ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้
    สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security
    ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search

    Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน)
    Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่
    สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications
    ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด

    Widgets (วิดเจ็ต)
    วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น
    ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา
    สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้

    Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา)
    แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา
    ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร
    ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions

    https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    🎙️ เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด ✅ Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย) ➡️ Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ ➡️ สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว ➡️ ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้ ✅ Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง) ➡️ ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้ ➡️ สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security ➡️ ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search ✅ Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน) ➡️ Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่ ➡️ สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications ➡️ ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด ✅ Widgets (วิดเจ็ต) ➡️ วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น ➡️ ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา ➡️ สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้ ✅ Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา) ➡️ แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา ➡️ ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร ➡️ ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Settings To Disable On Your New Windows 11 Laptop - SlashGear
    Windows has come to include a huge amount of features to make your everyday computing experience better, but you may not want all of them turned on at once.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากการค้นหาซอฟต์แวร์ถึงการถูกควบคุมเครื่อง: เมื่อการคลิกผิดเพียงครั้งเดียวอาจเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามา

    ในเดือนสิงหาคม 2025 FortiGuard Labs ได้เปิดเผยแคมเปญโจมตีแบบใหม่ที่ใช้เทคนิค SEO Poisoning เพื่อหลอกผู้ใช้ Windows ที่พูดภาษาจีนให้ดาวน์โหลดมัลแวร์ โดยแฮกเกอร์สร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเว็บของผู้ให้บริการซอฟต์แวร์จริง และใช้ปลั๊กอินพิเศษดันอันดับเว็บไซต์ให้ขึ้นไปอยู่บนสุดของผลการค้นหา

    เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บและดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง จะพบว่าไฟล์นั้นมีทั้งแอปจริงและมัลแวร์แฝงอยู่ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่าติดมัลแวร์แล้ว โดยมัลแวร์จะตรวจสอบก่อนว่าเครื่องนั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมวิจัยหรือ sandbox หรือไม่ หากพบว่าเป็นเครื่องทดสอบ มันจะหยุดทำงานทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการถูกวิเคราะห์

    มัลแวร์ที่ถูกฝังไว้มีสองตัวหลักคือ Hiddengh0st ซึ่งใช้ควบคุมเครื่องจากระยะไกล และ Winos ซึ่งเน้นขโมยข้อมูล เช่น คีย์ที่พิมพ์, ข้อมูล clipboard, และข้อมูลจากกระเป๋าคริปโตอย่าง Tether และ Ethereum

    เพื่อให้มัลแวร์อยู่ในเครื่องได้นานที่สุด มันจะเปลี่ยนไฟล์ระบบและสร้างไฟล์ใหม่ที่เปิดตัวเองทุกครั้งที่เปิดเครื่อง พร้อมใช้เทคนิคหลอกตา เช่น การเปลี่ยนตัวอักษรในโดเมน (เช่น “google.com” กับ “ɢoogle.com”) เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ทันสังเกต

    วิธีการโจมตีแบบ SEO Poisoning
    สร้างเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบเว็บซอฟต์แวร์จริง
    ใช้ปลั๊กอินดันอันดับเว็บปลอมให้ขึ้นผลการค้นหา
    ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บจริงและดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง

    ลักษณะของมัลแวร์ที่ใช้
    Hiddengh0st: ควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    Winos: ขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลคริปโต
    ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงานเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    เทคนิคการหลอกลวงเพิ่มเติม
    ใช้โดเมนที่คล้ายกัน เช่น “ɢoogle.com” แทน “google.com”
    ฝังมัลแวร์ไว้ในไฟล์ติดตั้งที่มีแอปจริงร่วมด้วย
    เปลี่ยนไฟล์ระบบและสร้างไฟล์ใหม่เพื่อเปิดตัวเองอัตโนมัติ

    https://hackread.com/seo-poisoning-attack-windows-hiddengh0st-winos-malware/
    🎙️ เรื่องเล่าจากการค้นหาซอฟต์แวร์ถึงการถูกควบคุมเครื่อง: เมื่อการคลิกผิดเพียงครั้งเดียวอาจเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามา ในเดือนสิงหาคม 2025 FortiGuard Labs ได้เปิดเผยแคมเปญโจมตีแบบใหม่ที่ใช้เทคนิค SEO Poisoning เพื่อหลอกผู้ใช้ Windows ที่พูดภาษาจีนให้ดาวน์โหลดมัลแวร์ โดยแฮกเกอร์สร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเว็บของผู้ให้บริการซอฟต์แวร์จริง และใช้ปลั๊กอินพิเศษดันอันดับเว็บไซต์ให้ขึ้นไปอยู่บนสุดของผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บและดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง จะพบว่าไฟล์นั้นมีทั้งแอปจริงและมัลแวร์แฝงอยู่ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่าติดมัลแวร์แล้ว โดยมัลแวร์จะตรวจสอบก่อนว่าเครื่องนั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมวิจัยหรือ sandbox หรือไม่ หากพบว่าเป็นเครื่องทดสอบ มันจะหยุดทำงานทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการถูกวิเคราะห์ มัลแวร์ที่ถูกฝังไว้มีสองตัวหลักคือ Hiddengh0st ซึ่งใช้ควบคุมเครื่องจากระยะไกล และ Winos ซึ่งเน้นขโมยข้อมูล เช่น คีย์ที่พิมพ์, ข้อมูล clipboard, และข้อมูลจากกระเป๋าคริปโตอย่าง Tether และ Ethereum เพื่อให้มัลแวร์อยู่ในเครื่องได้นานที่สุด มันจะเปลี่ยนไฟล์ระบบและสร้างไฟล์ใหม่ที่เปิดตัวเองทุกครั้งที่เปิดเครื่อง พร้อมใช้เทคนิคหลอกตา เช่น การเปลี่ยนตัวอักษรในโดเมน (เช่น “google.com” กับ “ɢoogle.com”) เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ทันสังเกต ✅ วิธีการโจมตีแบบ SEO Poisoning ➡️ สร้างเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบเว็บซอฟต์แวร์จริง ➡️ ใช้ปลั๊กอินดันอันดับเว็บปลอมให้ขึ้นผลการค้นหา ➡️ ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นเว็บจริงและดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง ✅ ลักษณะของมัลแวร์ที่ใช้ ➡️ Hiddengh0st: ควบคุมเครื่องจากระยะไกล ➡️ Winos: ขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลคริปโต ➡️ ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงานเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ✅ เทคนิคการหลอกลวงเพิ่มเติม ➡️ ใช้โดเมนที่คล้ายกัน เช่น “ɢoogle.com” แทน “google.com” ➡️ ฝังมัลแวร์ไว้ในไฟล์ติดตั้งที่มีแอปจริงร่วมด้วย ➡️ เปลี่ยนไฟล์ระบบและสร้างไฟล์ใหม่เพื่อเปิดตัวเองอัตโนมัติ https://hackread.com/seo-poisoning-attack-windows-hiddengh0st-winos-malware/
    HACKREAD.COM
    SEO Poisoning Attack Hits Windows Users With Hiddengh0st and Winos Malware
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก GNOME 3.18 ถึง GNOME 49: เมื่อ Dash to Panel กลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ผู้ใช้เลือกเองได้

    Dash to Panel ซึ่งเป็นหนึ่งใน GNOME Shell Extension ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้ออกเวอร์ชันใหม่ v69 ที่รองรับ GNOME 49 อย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่น ความฉลาด และการปรับแต่งที่ลึกขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมหน้าจอของตนเองแบบละเอียด

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในระบบ intellihide ได้แก่ reveal delay, hide from window on monitor, และ disable cursor reveal ซึ่งช่วยให้การซ่อน/แสดงแผงควบคุมมีความแม่นยำและไม่รบกวนการใช้งาน

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการหน้าต่าง เช่น การเพิ่ม context action สำหรับการปิดหน้าต่างทั้งหมดจากไอคอนแบบไม่ grouped, การแสดงหมายเลข workspace บน preview, และการ sync เมนู alt-tab กับ workspace isolation

    Dash to Panel v69 ยังแก้ไขบั๊กจำนวนมาก เช่น shortcut Super+V และ Super+S ที่ไม่ทำงานเมื่อแผงถูกซ่อนไว้, ปัญหา intellihide ที่บล็อก input, การเปลี่ยน primary monitor เมื่อถอดสาย, และการ scroll preview ที่ไม่เสถียร

    ที่น่าสนใจคือการเพิ่มระบบติดตั้งแบบ system-wide และการปรับแต่งขอบแผง (panel border styling) ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ deploy ได้ง่ายขึ้นในองค์กรหรือสภาพแวดล้อมที่มีผู้ใช้หลายคน

    การรองรับ GNOME 49
    Dash to Panel v69 รองรับ GNOME 49 อย่างเป็นทางการ
    ปรับปรุงให้ทำงานได้เสถียรกับ desktop environment รุ่นล่าสุด

    ฟีเจอร์ใหม่ในระบบ Intellihide
    เพิ่ม reveal delay เพื่อควบคุมเวลาการแสดงแผง
    เพิ่ม hide from window on monitor เพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงแผงเมื่อมีหน้าต่างอยู่
    เพิ่ม disable cursor reveal เพื่อป้องกันการแสดงแผงโดยไม่ตั้งใจ

    การจัดการหน้าต่างและ workspace
    เพิ่ม context action สำหรับการปิดหน้าต่างทั้งหมดจากไอคอน
    แสดงหมายเลข workspace บน window preview
    sync เมนู alt-tab กับ workspace isolation เพื่อความสอดคล้อง

    การแก้ไขบั๊กและปรับปรุงระบบ
    แก้ปัญหา shortcut Super+V และ Super+S ไม่ทำงาน
    แก้ปัญหา intellihide บล็อก input และ scroll preview ไม่เสถียร
    แก้ปัญหาการเปลี่ยน primary monitor และ animation บน unlock

    การปรับปรุงด้าน deployment และ UI
    รองรับการติดตั้งแบบ system-wide สำหรับองค์กร
    เพิ่ม panel border styling เพื่อปรับแต่งขอบแผง
    ยกเลิก GTK4 FileChooser และเพิ่มข้อความขอบคุณ Zorin OS

    https://9to5linux.com/dash-to-panel-gnome-shell-extension-gets-gnome-49-support-and-new-features
    🎙️ เรื่องเล่าจาก GNOME 3.18 ถึง GNOME 49: เมื่อ Dash to Panel กลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ผู้ใช้เลือกเองได้ Dash to Panel ซึ่งเป็นหนึ่งใน GNOME Shell Extension ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้ออกเวอร์ชันใหม่ v69 ที่รองรับ GNOME 49 อย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่น ความฉลาด และการปรับแต่งที่ลึกขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการควบคุมหน้าจอของตนเองแบบละเอียด ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในระบบ intellihide ได้แก่ reveal delay, hide from window on monitor, และ disable cursor reveal ซึ่งช่วยให้การซ่อน/แสดงแผงควบคุมมีความแม่นยำและไม่รบกวนการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการหน้าต่าง เช่น การเพิ่ม context action สำหรับการปิดหน้าต่างทั้งหมดจากไอคอนแบบไม่ grouped, การแสดงหมายเลข workspace บน preview, และการ sync เมนู alt-tab กับ workspace isolation Dash to Panel v69 ยังแก้ไขบั๊กจำนวนมาก เช่น shortcut Super+V และ Super+S ที่ไม่ทำงานเมื่อแผงถูกซ่อนไว้, ปัญหา intellihide ที่บล็อก input, การเปลี่ยน primary monitor เมื่อถอดสาย, และการ scroll preview ที่ไม่เสถียร ที่น่าสนใจคือการเพิ่มระบบติดตั้งแบบ system-wide และการปรับแต่งขอบแผง (panel border styling) ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ deploy ได้ง่ายขึ้นในองค์กรหรือสภาพแวดล้อมที่มีผู้ใช้หลายคน ✅ การรองรับ GNOME 49 ➡️ Dash to Panel v69 รองรับ GNOME 49 อย่างเป็นทางการ ➡️ ปรับปรุงให้ทำงานได้เสถียรกับ desktop environment รุ่นล่าสุด ✅ ฟีเจอร์ใหม่ในระบบ Intellihide ➡️ เพิ่ม reveal delay เพื่อควบคุมเวลาการแสดงแผง ➡️ เพิ่ม hide from window on monitor เพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงแผงเมื่อมีหน้าต่างอยู่ ➡️ เพิ่ม disable cursor reveal เพื่อป้องกันการแสดงแผงโดยไม่ตั้งใจ ✅ การจัดการหน้าต่างและ workspace ➡️ เพิ่ม context action สำหรับการปิดหน้าต่างทั้งหมดจากไอคอน ➡️ แสดงหมายเลข workspace บน window preview ➡️ sync เมนู alt-tab กับ workspace isolation เพื่อความสอดคล้อง ✅ การแก้ไขบั๊กและปรับปรุงระบบ ➡️ แก้ปัญหา shortcut Super+V และ Super+S ไม่ทำงาน ➡️ แก้ปัญหา intellihide บล็อก input และ scroll preview ไม่เสถียร ➡️ แก้ปัญหาการเปลี่ยน primary monitor และ animation บน unlock ✅ การปรับปรุงด้าน deployment และ UI ➡️ รองรับการติดตั้งแบบ system-wide สำหรับองค์กร ➡️ เพิ่ม panel border styling เพื่อปรับแต่งขอบแผง ➡️ ยกเลิก GTK4 FileChooser และเพิ่มข้อความขอบคุณ Zorin OS https://9to5linux.com/dash-to-panel-gnome-shell-extension-gets-gnome-49-support-and-new-features
    9TO5LINUX.COM
    Dash to Panel GNOME Shell Extension Gets GNOME 49 Support and New Features - 9to5Linux
    GNOME Shell extension Dash to Panel gets a major update with new features, bug fixes, and support for the GNOME 49 desktop environment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงเองก็สนับสนุนให้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ครับ ไม่ว่าจะเป็น fission หรือ fusion

    เรื่องเล่าจากการฟ้องร้องของออสเตรียถึงชัยชนะของวิทยาศาสตร์: เมื่อศาลสูงสุดของยุโรปตัดสินว่า “นิวเคลียร์คือพลังงานสะอาด”

    ย้อนกลับไปในปี 2022 ออสเตรียได้ยื่นฟ้องต่อศาลสหภาพยุโรปเพื่อขอให้ยกเลิกการจัดให้นิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานที่ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ตามกฎเกณฑ์ของ EU Taxonomy ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กำหนดว่าโครงการใดสามารถรับเงินลงทุนในฐานะพลังงานสีเขียวได้

    ออสเตรียอ้างว่านิวเคลียร์มีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องกากกัมมันตรังสี และก๊าซธรรมชาติปล่อย CO₂ ซึ่งขัดกับหลักการ “ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ” ที่ควรใช้กับพลังงานสีเขียว

    แต่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 ศาลสูงสุดของ EU ได้ตัดสินยกฟ้อง โดยระบุว่า “การผลิตพลังงานนิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกแทบไม่มีเลย” และ “ยังไม่มีเทคโนโลยีอื่นที่สามารถทดแทนได้ในระดับที่เพียงพอ” จึงถือว่าเป็นพลังงานที่สามารถช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

    คำตัดสินนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันสิทธิ์ของนิวเคลียร์ในการรับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU แต่ยังส่งผลให้คดีอื่น ๆ เช่นของ Greenpeace มีแนวโน้มจะแพ้ตามไปด้วย

    แม้จะมีเสียงคัดค้านจากองค์กรสิ่งแวดล้อม เช่น Greenpeace ที่เรียกวันนี้ว่า “วันมืดมนของสภาพภูมิอากาศ” แต่หลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส โปแลนด์ และบัลแกเรีย กลับมองว่านี่คือโอกาสในการเร่งลงทุนในพลังงานที่มั่นคงและปลอดภัย

    คำตัดสินของศาลสูงสุด EU
    ยืนยันว่าพลังงานนิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติสามารถจัดเป็นพลังงานสีเขียว
    ปฏิเสธคำร้องของออสเตรียที่ขอให้ยกเลิกการจัดประเภทนี้
    ระบุว่านิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยมาก และยังไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในปัจจุบัน

    ผลกระทบต่อการลงทุนและนโยบาย
    เปิดทางให้โครงการนิวเคลียร์ได้รับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU
    อาจยุติการชะงักงันของการลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม
    ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงล่าสุดระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี

    การตอบสนองจากฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน
    Greenpeace เรียกคำตัดสินนี้ว่า “วันมืดมน” และเตือนว่าจะทำให้เงินไหลไปยังพลังงานที่ไม่ยั่งยืน
    ฝ่ายสนับสนุนชี้ว่านี่คือชัยชนะของวิทยาศาสตร์และความมั่นคงด้านพลังงาน
    ออสเตรียยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นสูงของ EU ได้

    https://www.weplanet.org/post/eu-court-rules-nuclear-energy-is-clean-energy
    ลุงเองก็สนับสนุนให้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ครับ ไม่ว่าจะเป็น fission หรือ fusion 🎙️ เรื่องเล่าจากการฟ้องร้องของออสเตรียถึงชัยชนะของวิทยาศาสตร์: เมื่อศาลสูงสุดของยุโรปตัดสินว่า “นิวเคลียร์คือพลังงานสะอาด” ย้อนกลับไปในปี 2022 ออสเตรียได้ยื่นฟ้องต่อศาลสหภาพยุโรปเพื่อขอให้ยกเลิกการจัดให้นิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานที่ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ตามกฎเกณฑ์ของ EU Taxonomy ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กำหนดว่าโครงการใดสามารถรับเงินลงทุนในฐานะพลังงานสีเขียวได้ ออสเตรียอ้างว่านิวเคลียร์มีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องกากกัมมันตรังสี และก๊าซธรรมชาติปล่อย CO₂ ซึ่งขัดกับหลักการ “ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมีนัยสำคัญ” ที่ควรใช้กับพลังงานสีเขียว แต่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 ศาลสูงสุดของ EU ได้ตัดสินยกฟ้อง โดยระบุว่า “การผลิตพลังงานนิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกแทบไม่มีเลย” และ “ยังไม่มีเทคโนโลยีอื่นที่สามารถทดแทนได้ในระดับที่เพียงพอ” จึงถือว่าเป็นพลังงานที่สามารถช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ คำตัดสินนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันสิทธิ์ของนิวเคลียร์ในการรับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU แต่ยังส่งผลให้คดีอื่น ๆ เช่นของ Greenpeace มีแนวโน้มจะแพ้ตามไปด้วย แม้จะมีเสียงคัดค้านจากองค์กรสิ่งแวดล้อม เช่น Greenpeace ที่เรียกวันนี้ว่า “วันมืดมนของสภาพภูมิอากาศ” แต่หลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส โปแลนด์ และบัลแกเรีย กลับมองว่านี่คือโอกาสในการเร่งลงทุนในพลังงานที่มั่นคงและปลอดภัย ✅ คำตัดสินของศาลสูงสุด EU ➡️ ยืนยันว่าพลังงานนิวเคลียร์และก๊าซธรรมชาติสามารถจัดเป็นพลังงานสีเขียว ➡️ ปฏิเสธคำร้องของออสเตรียที่ขอให้ยกเลิกการจัดประเภทนี้ ➡️ ระบุว่านิวเคลียร์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยมาก และยังไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในปัจจุบัน ✅ ผลกระทบต่อการลงทุนและนโยบาย ➡️ เปิดทางให้โครงการนิวเคลียร์ได้รับเงินลงทุนจากกองทุนสีเขียวของ EU ➡️ อาจยุติการชะงักงันของการลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม ➡️ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงล่าสุดระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ✅ การตอบสนองจากฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน ➡️ Greenpeace เรียกคำตัดสินนี้ว่า “วันมืดมน” และเตือนว่าจะทำให้เงินไหลไปยังพลังงานที่ไม่ยั่งยืน ➡️ ฝ่ายสนับสนุนชี้ว่านี่คือชัยชนะของวิทยาศาสตร์และความมั่นคงด้านพลังงาน ➡️ ออสเตรียยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นสูงของ EU ได้ https://www.weplanet.org/post/eu-court-rules-nuclear-energy-is-clean-energy
    WWW.WEPLANET.ORG
    EU Court Rules Nuclear Energy is Clean Energy
    The highest court in the EU just reaffirmed that nuclear energy meets the scientific and environmental standards to be included in sustainable finance, and Greenpeace still refuses to budge.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ”

    NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น

    Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

    การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก

    แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ

    จุดเด่นของ Nano11 Builder
    ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script
    หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB
    ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper
    ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด

    การใช้งานและการติดตั้ง
    เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ
    ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB
    ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น
    เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า
    โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ
    Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365
    Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก
    ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย
    การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน
    ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ
    การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    🧪 “Nano11 ลดขนาด Windows 11 เหลือแค่ 2.8GB — สคริปต์ทดลองสุดขั้วสำหรับสายทดสอบที่ไม่ต้องการ ‘ขยะ’ ใด ๆ” NTDEV นักพัฒนาผู้เคยสร้าง Tiny11 ได้เปิดตัวสคริปต์ใหม่ชื่อว่า “Nano11 Builder” ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ติดตั้ง Windows 11 ลงได้อย่างน่าทึ่ง โดยจาก ISO มาตรฐานขนาด 7.04GB สามารถลดเหลือเพียง 2.29GB และหากใช้ Windows 11 LTSC เป็นต้นฉบับ จะสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB เท่านั้น Nano11 ไม่ใช่แค่การลบฟีเจอร์ทั่วไป แต่เป็นการ “ปาดทิ้งทุกสิ่งที่ไม่จำเป็น” เช่น Windows Hello, .NET assemblies, IME, driver ที่ไม่จำเป็น, wallpaper และอื่น ๆ โดยใช้ PowerShell script ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน การติดตั้ง Nano11 บน VMware Workstation ใช้พื้นที่เพียง 20GB และหลังจากรันคำสั่ง ‘Compact’ ด้วย LZX compression และลบ page file แล้ว พื้นที่ใช้งานจริงเหลือเพียง 3.2GB ซึ่งถือว่าเบากว่าระบบปฏิบัติการมือถือบางตัวเสียอีก แม้จะดูน่าตื่นเต้นสำหรับสายทดสอบหรือผู้ที่ต้องการ VM ขนาดเล็ก แต่ NTDEV ก็เตือนชัดเจนว่า Nano11 เป็น “สคริปต์ทดลองสุดขั้ว” ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง และไม่มีระบบอัปเดตหรือความปลอดภัยที่เพียงพอ ✅ จุดเด่นของ Nano11 Builder ➡️ ลดขนาด ISO จาก 7.04GB เหลือ 2.29GB ด้วย PowerShell script ➡️ หากใช้ Windows 11 LTSC จะติดตั้งได้ในพื้นที่เพียง 2.8GB ➡️ ลบฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น Windows Hello, IME, .NET assemblies, driver, wallpaper ➡️ ใช้ LZX compression และลบ page file เพื่อให้ footprint ต่ำสุด ✅ การใช้งานและการติดตั้ง ➡️ เหมาะสำหรับการสร้าง VM ขนาดเล็กเพื่อทดสอบระบบ ➡️ ใช้ VMware Workstation ติดตั้งบน virtual disk ขนาด 20GB ➡️ ใช้เครื่องมือจาก Microsoft เช่น DISM และ oscdimg เท่านั้น ➡️ เหมาะกับผู้พัฒนา, นักทดสอบ, หรือผู้ที่ต้องการระบบเบาสุด ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tiny11 เคยลดขนาด Windows 11 ได้เหลือประมาณ 8GB — Nano11 เล็กกว่า 3.5 เท่า ➡️ โครงการนี้ได้รับความนิยมใน GitHub และฟอรั่มสายทดสอบ ➡️ Windows 11 LTSC เป็นเวอร์ชันที่ไม่มีฟีเจอร์ AI และแอป Microsoft 365 ➡️ Nano11 ยังสามารถใช้กับ Windows 11 รุ่นอื่นได้ แต่ผลลัพธ์อาจต่างกัน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Nano11 เป็นสคริปต์ทดลอง — ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงหรือเครื่องหลัก ⛔ ไม่มีระบบ Windows Update — ไม่สามารถอัปเดตหรือรับแพตช์ความปลอดภัย ⛔ การลบฟีเจอร์บางอย่างอาจทำให้แอปหรือบริการบางตัวไม่ทำงาน ⛔ ไม่มีการรับประกันความเสถียรหรือความปลอดภัยของระบบ ⛔ การใช้งานในองค์กรหรือเครื่องจริงอาจเสี่ยงต่อข้อมูลและความมั่นคง https://www.tomshardware.com/software/windows/nano11-compresses-windows-11-install-footprint-to-as-little-as-2-8gb-extreme-experimental-script-is-3-5-times-smaller-than-tiny11-and-comes-with-none-of-the-fluff
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เสธเบิร์ด” ลั่น กัมพูชาต้อง 'สิ้นสภาพภัยคุกคาม' ก่อนถึงเจรจา! สวนกลับ 'ประเทศที่สาม' ชี้ทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ไทยต้องทำเพื่ออธิปไตยของชาติ!
    https://www.thai-tai.tv/news/21437/
    .
    #ไทยไท #วันชนะสวัสดี #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    “เสธเบิร์ด” ลั่น กัมพูชาต้อง 'สิ้นสภาพภัยคุกคาม' ก่อนถึงเจรจา! สวนกลับ 'ประเทศที่สาม' ชี้ทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ไทยต้องทำเพื่ออธิปไตยของชาติ! https://www.thai-tai.tv/news/21437/ . #ไทยไท #วันชนะสวัสดี #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • “LUBA Mini AWD LiDAR: หุ่นยนต์ตัดหญ้าอัจฉริยะที่ไม่หลงทางอีกต่อไป — เมื่อ LiDAR, RTK และกล้อง 3D รวมพลังในระบบ Tri-Fusion”

    หุ่นยนต์ตัดหญ้าเคยเป็นของเล่นสำหรับคนรักเทคโนโลยี แต่วันนี้มันกลายเป็นเครื่องมือจริงจังสำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการความแม่นยำและความสะดวกสบาย ล่าสุด Mammotion เปิดตัว LUBA Mini AWD LiDAR หุ่นยนต์ตัดหญ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบนำทาง Tri-Fusion ซึ่งรวมเทคโนโลยีสามอย่างไว้ในเครื่องเดียว: RTK, กล้อง 3D และ LiDAR แบบ solid-state

    แต่ละเทคโนโลยีมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง — RTK เหมาะกับพื้นที่โล่งแต่สัญญาณดาวเทียมอาจถูกบังด้วยต้นไม้, LiDAR แม่นยำในพื้นที่มีสิ่งกีดขวางแต่ไม่ดีในพื้นที่โล่ง, ส่วนกล้อง 3D ช่วยหลบหลีกวัตถุแต่ต้องการแสงเพื่อทำงานได้ดี. LUBA Mini AWD LiDAR จึงใช้ระบบ Tri-Fusion เพื่อสลับการทำงานระหว่างสามเทคโนโลยีตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ได้ความแม่นยำระดับ ±1 ซม. ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าที่มีร่มเงา, ทางลาด, หรือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง

    ตัวเครื่องยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ที่สามารถไต่ทางลาดได้ถึง 80% และตัดหญ้าได้แม้ในพื้นที่ขรุขระหรือริมแม่น้ำ โดยไม่ต้องใช้สายล้อมเขตหรือสถานีฐานภายนอก ทำให้การติดตั้งง่ายขึ้นมาก

    เทคโนโลยี Tri-Fusion ใน LUBA Mini AWD LiDAR
    รวม RTK, LiDAR และกล้อง 3D เพื่อความแม่นยำระดับ ±1 ซม.
    สลับการทำงานระหว่างเทคโนโลยีตามสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ
    RTK ใช้ในพื้นที่โล่ง, LiDAR ใช้ในพื้นที่มีสิ่งกีดขวาง, กล้องใช้หลบหลีกวัตถุ
    ไม่ต้องใช้สายล้อมเขตหรือสถานีฐาน — ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว

    ความสามารถของตัวเครื่อง
    ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ไต่ทางลาดได้ถึง 80%
    ตัดหญ้าได้ในพื้นที่ขนาด 1,500 ตร.ม. ด้วยความแม่นยำสูง
    ใช้ LiDAR แบบ 144-beam สร้างแผนที่ 3D ด้วย 200,000 จุดต่อวินาที
    ตรวจจับวัตถุที่สะท้อนแสงต่ำ เช่น สัตว์เลี้ยงหรือของเล่นสีดำ

    การใช้งานจริงและความสะดวก
    ทำงานเงียบ (ต่ำกว่า 60 dB) เหมาะกับพื้นที่อยู่อาศัย
    รองรับการทำงานหลายโซนในสนามเดียวกัน
    ไม่ต้องตั้งค่าซับซ้อน — ระบบประเมินสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ
    เหมาะกับสนามหญ้าที่มีต้นไม้, เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง, หรือสิ่งกีดขวางอื่น ๆ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เทคโนโลยี LiDAR เคยใช้ในหุ่นยนต์ดูดฝุ่น แต่เพิ่งถูกนำมาใช้ในหุ่นยนต์ตัดหญ้า
    RTK คือเทคโนโลยีดาวเทียมที่ใช้ในงานเกษตรแม่นยำและโดรน
    กล้อง 3D ช่วยให้หุ่นยนต์หลบหลีกวัตถุได้แม่นยำขึ้น แต่ต้องการแสง
    Mammotion เคยใช้ระบบ dual-sensor ในรุ่นก่อนหน้า ก่อนพัฒนาเป็น Tri-Fusion

    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-new-robot-mower-switches-between-lidar-rtk-and-cameras-to-make-sure-it-never-gets-lost
    🌿 “LUBA Mini AWD LiDAR: หุ่นยนต์ตัดหญ้าอัจฉริยะที่ไม่หลงทางอีกต่อไป — เมื่อ LiDAR, RTK และกล้อง 3D รวมพลังในระบบ Tri-Fusion” หุ่นยนต์ตัดหญ้าเคยเป็นของเล่นสำหรับคนรักเทคโนโลยี แต่วันนี้มันกลายเป็นเครื่องมือจริงจังสำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการความแม่นยำและความสะดวกสบาย ล่าสุด Mammotion เปิดตัว LUBA Mini AWD LiDAR หุ่นยนต์ตัดหญ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบนำทาง Tri-Fusion ซึ่งรวมเทคโนโลยีสามอย่างไว้ในเครื่องเดียว: RTK, กล้อง 3D และ LiDAR แบบ solid-state แต่ละเทคโนโลยีมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง — RTK เหมาะกับพื้นที่โล่งแต่สัญญาณดาวเทียมอาจถูกบังด้วยต้นไม้, LiDAR แม่นยำในพื้นที่มีสิ่งกีดขวางแต่ไม่ดีในพื้นที่โล่ง, ส่วนกล้อง 3D ช่วยหลบหลีกวัตถุแต่ต้องการแสงเพื่อทำงานได้ดี. LUBA Mini AWD LiDAR จึงใช้ระบบ Tri-Fusion เพื่อสลับการทำงานระหว่างสามเทคโนโลยีตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ได้ความแม่นยำระดับ ±1 ซม. ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าที่มีร่มเงา, ทางลาด, หรือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง ตัวเครื่องยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ที่สามารถไต่ทางลาดได้ถึง 80% และตัดหญ้าได้แม้ในพื้นที่ขรุขระหรือริมแม่น้ำ โดยไม่ต้องใช้สายล้อมเขตหรือสถานีฐานภายนอก ทำให้การติดตั้งง่ายขึ้นมาก ✅ เทคโนโลยี Tri-Fusion ใน LUBA Mini AWD LiDAR ➡️ รวม RTK, LiDAR และกล้อง 3D เพื่อความแม่นยำระดับ ±1 ซม. ➡️ สลับการทำงานระหว่างเทคโนโลยีตามสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ ➡️ RTK ใช้ในพื้นที่โล่ง, LiDAR ใช้ในพื้นที่มีสิ่งกีดขวาง, กล้องใช้หลบหลีกวัตถุ ➡️ ไม่ต้องใช้สายล้อมเขตหรือสถานีฐาน — ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว ✅ ความสามารถของตัวเครื่อง ➡️ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ไต่ทางลาดได้ถึง 80% ➡️ ตัดหญ้าได้ในพื้นที่ขนาด 1,500 ตร.ม. ด้วยความแม่นยำสูง ➡️ ใช้ LiDAR แบบ 144-beam สร้างแผนที่ 3D ด้วย 200,000 จุดต่อวินาที ➡️ ตรวจจับวัตถุที่สะท้อนแสงต่ำ เช่น สัตว์เลี้ยงหรือของเล่นสีดำ ✅ การใช้งานจริงและความสะดวก ➡️ ทำงานเงียบ (ต่ำกว่า 60 dB) เหมาะกับพื้นที่อยู่อาศัย ➡️ รองรับการทำงานหลายโซนในสนามเดียวกัน ➡️ ไม่ต้องตั้งค่าซับซ้อน — ระบบประเมินสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ ➡️ เหมาะกับสนามหญ้าที่มีต้นไม้, เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง, หรือสิ่งกีดขวางอื่น ๆ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เทคโนโลยี LiDAR เคยใช้ในหุ่นยนต์ดูดฝุ่น แต่เพิ่งถูกนำมาใช้ในหุ่นยนต์ตัดหญ้า ➡️ RTK คือเทคโนโลยีดาวเทียมที่ใช้ในงานเกษตรแม่นยำและโดรน ➡️ กล้อง 3D ช่วยให้หุ่นยนต์หลบหลีกวัตถุได้แม่นยำขึ้น แต่ต้องการแสง ➡️ Mammotion เคยใช้ระบบ dual-sensor ในรุ่นก่อนหน้า ก่อนพัฒนาเป็น Tri-Fusion https://www.techradar.com/home/smart-home/this-new-robot-mower-switches-between-lidar-rtk-and-cameras-to-make-sure-it-never-gets-lost
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TSMC พลิกโรงงานเก่า สร้างสายการผลิต EUV Pellicle — ก้าวใหม่สู่การควบคุมคุณภาพชิประดับนาโนเมตร”

    ในโลกของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) คือหัวใจของการสร้างชิประดับ 2 นาโนเมตรและต่ำกว่า แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “pellicle” — แผ่นฟิล์มบางใสที่ยืดอยู่เหนือ photomask เพื่อป้องกันฝุ่นและอนุภาคระหว่างการยิงแสง EUV ซึ่งหากไม่มี pellicle อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำซ้อนบนแผ่นเวเฟอร์ และลด yield อย่างรุนแรง

    ล่าสุด TSMC ได้ประกาศนำโรงงานเก่า Fab 3 ขนาด 8 นิ้วใน Hsinchu Science Park กลับมาใช้งานใหม่ เพื่อผลิต EUV pellicle ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกอีกต่อไป เป้าหมายคือการลดต้นทุนต่อชิ้น เพิ่มความสามารถในการควบคุมคุณภาพ และทำให้การใช้งาน pellicle ในระดับ mass production เป็นไปได้จริง

    Pellicle สำหรับ EUV มีราคาสูงถึง $30,000 ต่อชิ้น เทียบกับ pellicle สำหรับ DUV ที่มีราคาเพียง $600 ซึ่งทำให้หลายโรงงานลังเลที่จะใช้แบบครอบคลุม ส่งผลให้เกิดช่องว่างด้าน yield ในบางกรณี TSMC จึงต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยน pellicle เพื่อรักษาคุณภาพ photomask ให้สูงสุด

    หนึ่งในเทคโนโลยีที่ TSMC กำลังพัฒนา คือการใช้ “carbon nanotube membrane” ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง โปร่งแสง และไม่บิดเบือนคลื่นแสง — เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสง EUV ความเข้มสูงถึง 400W และอุณหภูมิใกล้ 1,000°C

    การผลิต pellicle ภายในยังสอดคล้องกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยี N2 และ A16 ของ TSMC ซึ่งต้องการ yield ที่สูงขึ้นเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดชิประดับนาโนเมตร และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาซัพพลายเชนภายนอก

    การปรับโรงงาน Fab 3 เพื่อผลิต EUV pellicle
    TSMC นำโรงงานเก่าขนาด 8 นิ้วกลับมาใช้งานใน Hsinchu Science Park
    เป้าหมายคือผลิต pellicle สำหรับ EUV lithography ด้วยตนเอง
    ลดต้นทุนต่อชิ้น และเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนเพื่อรักษาคุณภาพ
    เพิ่มความสามารถในการควบคุม yield และลดการพึ่งพาซัพพลายภายนอก

    ความสำคัญของ pellicle ใน EUV
    ป้องกันฝุ่นและอนุภาคจาก photomask ระหว่างการยิงแสง
    ลดความเสี่ยงในการเกิด defect ซ้ำซ้อนบนเวเฟอร์
    EUV ใช้แหล่งแสง 400W และอุณหภูมิสูงถึง 1,000°C
    pellicle ต้องทนความร้อนและไม่บิดเบือนคลื่นแสง

    เทคโนโลยีใหม่ที่ TSMC กำลังพัฒนา
    ใช้ carbon nanotube membrane ที่โปร่งแสงและทนทาน
    ลด optical absorption และ wavefront distortion
    รองรับการใช้งานใน N2 และ A16 node ที่ต้องการ yield สูง
    เป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันกับ Intel และ Rapidus ในระดับ 2nm

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ASML เคยเป็นผู้ผลิต pellicle รายเดียว แต่เริ่มถ่ายโอนให้ Mitsui
    EUV pellicle เคยไม่พร้อมใช้งานในช่วงเริ่มต้น 7nm ทำให้ yield ต่ำ
    ราคาของ photomask EUV สูงถึง $300,000 — ต้องการการปกป้องที่ดี
    การใช้ pellicle ช่วยลดความต้องการ metrology และการตรวจสอบ defect

    https://www.techpowerup.com/340862/tsmc-repurposing-old-fabs-to-bring-euv-pellicle-production-in-house
    🔬 “TSMC พลิกโรงงานเก่า สร้างสายการผลิต EUV Pellicle — ก้าวใหม่สู่การควบคุมคุณภาพชิประดับนาโนเมตร” ในโลกของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง เทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) คือหัวใจของการสร้างชิประดับ 2 นาโนเมตรและต่ำกว่า แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “pellicle” — แผ่นฟิล์มบางใสที่ยืดอยู่เหนือ photomask เพื่อป้องกันฝุ่นและอนุภาคระหว่างการยิงแสง EUV ซึ่งหากไม่มี pellicle อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำซ้อนบนแผ่นเวเฟอร์ และลด yield อย่างรุนแรง ล่าสุด TSMC ได้ประกาศนำโรงงานเก่า Fab 3 ขนาด 8 นิ้วใน Hsinchu Science Park กลับมาใช้งานใหม่ เพื่อผลิต EUV pellicle ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกอีกต่อไป เป้าหมายคือการลดต้นทุนต่อชิ้น เพิ่มความสามารถในการควบคุมคุณภาพ และทำให้การใช้งาน pellicle ในระดับ mass production เป็นไปได้จริง Pellicle สำหรับ EUV มีราคาสูงถึง $30,000 ต่อชิ้น เทียบกับ pellicle สำหรับ DUV ที่มีราคาเพียง $600 ซึ่งทำให้หลายโรงงานลังเลที่จะใช้แบบครอบคลุม ส่งผลให้เกิดช่องว่างด้าน yield ในบางกรณี TSMC จึงต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยน pellicle เพื่อรักษาคุณภาพ photomask ให้สูงสุด หนึ่งในเทคโนโลยีที่ TSMC กำลังพัฒนา คือการใช้ “carbon nanotube membrane” ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง โปร่งแสง และไม่บิดเบือนคลื่นแสง — เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสง EUV ความเข้มสูงถึง 400W และอุณหภูมิใกล้ 1,000°C การผลิต pellicle ภายในยังสอดคล้องกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยี N2 และ A16 ของ TSMC ซึ่งต้องการ yield ที่สูงขึ้นเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดชิประดับนาโนเมตร และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาซัพพลายเชนภายนอก ✅ การปรับโรงงาน Fab 3 เพื่อผลิต EUV pellicle ➡️ TSMC นำโรงงานเก่าขนาด 8 นิ้วกลับมาใช้งานใน Hsinchu Science Park ➡️ เป้าหมายคือผลิต pellicle สำหรับ EUV lithography ด้วยตนเอง ➡️ ลดต้นทุนต่อชิ้น และเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนเพื่อรักษาคุณภาพ ➡️ เพิ่มความสามารถในการควบคุม yield และลดการพึ่งพาซัพพลายภายนอก ✅ ความสำคัญของ pellicle ใน EUV ➡️ ป้องกันฝุ่นและอนุภาคจาก photomask ระหว่างการยิงแสง ➡️ ลดความเสี่ยงในการเกิด defect ซ้ำซ้อนบนเวเฟอร์ ➡️ EUV ใช้แหล่งแสง 400W และอุณหภูมิสูงถึง 1,000°C ➡️ pellicle ต้องทนความร้อนและไม่บิดเบือนคลื่นแสง ✅ เทคโนโลยีใหม่ที่ TSMC กำลังพัฒนา ➡️ ใช้ carbon nanotube membrane ที่โปร่งแสงและทนทาน ➡️ ลด optical absorption และ wavefront distortion ➡️ รองรับการใช้งานใน N2 และ A16 node ที่ต้องการ yield สูง ➡️ เป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันกับ Intel และ Rapidus ในระดับ 2nm ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ASML เคยเป็นผู้ผลิต pellicle รายเดียว แต่เริ่มถ่ายโอนให้ Mitsui ➡️ EUV pellicle เคยไม่พร้อมใช้งานในช่วงเริ่มต้น 7nm ทำให้ yield ต่ำ ➡️ ราคาของ photomask EUV สูงถึง $300,000 — ต้องการการปกป้องที่ดี ➡️ การใช้ pellicle ช่วยลดความต้องการ metrology และการตรวจสอบ defect https://www.techpowerup.com/340862/tsmc-repurposing-old-fabs-to-bring-euv-pellicle-production-in-house
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    TSMC Repurposing Old Fabs to Bring EUV Pellicle Production In-House
    TSMC is repurposing its old, wound-down, 8-inch Fab 3 in Hsinchu Science Park to produce extreme ultraviolet pellicles, bringing this production in-house. An EUV pellicle is a thin, highly transparent membrane stretched above a photomask to prevent particles from contacting the mask during EUV expos...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • “EggStreme: มัลแวร์ไร้ไฟล์จากจีนเจาะระบบทหารฟิลิปปินส์ — ปฏิบัติการลับที่ซับซ้อนที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

    Bitdefender เผยการค้นพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า “EggStreme” ซึ่งถูกใช้โดยกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) จากจีนในการเจาะระบบของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพฟิลิปปินส์ และยังพบการใช้งานในองค์กรทหารทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

    EggStreme ไม่ใช่มัลแวร์ทั่วไป แต่เป็น “framework” ที่ประกอบด้วยหลายโมดูลทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจาก EggStremeFuel ซึ่งเป็นตัวโหลดที่เตรียมสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงเรียกใช้ EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลักที่สามารถสอดแนมระบบ, ขโมยข้อมูล, ลบหรือแก้ไขไฟล์ และฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่มีการเปิด session ใหม่

    ความน่ากลัวของ EggStreme คือมันเป็น “fileless malware” — ไม่มีไฟล์มัลแวร์อยู่บนดิสก์ แต่จะถอดรหัสและรัน payload ในหน่วยความจำเท่านั้น ทำให้ระบบป้องกันทั่วไปตรวจจับได้ยากมาก และยังใช้เทคนิค DLL sideloading เพื่อแอบแฝงตัวในโปรแกรมที่ดูปลอดภัย

    นอกจาก EggStremeAgent ยังมี EggStremeWizard ซึ่งเป็น backdoor รองที่ใช้ xwizard.exe ในการ sideload DLL และมีรายชื่อ fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) แม้เซิร์ฟเวอร์หลักจะถูกปิดไปแล้ว พร้อมกับเครื่องมือ proxy ชื่อว่า Stowaway ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลภายในเครือข่ายโดยไม่ถูกไฟร์วอลล์บล็อก

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์เผชิญกับการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% ตั้งแต่ต้นปี 2024 โดย EggStreme เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมของการจารกรรมไซเบอร์ — ไม่ใช่แค่เครื่องมือเดี่ยว แต่เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมเป้าหมายในระยะยาว

    โครงสร้างมัลแวร์ EggStreme
    เริ่มจาก EggStremeFuel ที่เตรียมระบบและเรียกใช้ EggStremeLoader
    EggStremeReflectiveLoader จะรัน EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลัก
    EggStremeAgent รองรับคำสั่ง 58 แบบ เช่น สแกนระบบ, ขโมยข้อมูล, ฝัง payload
    ฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่เปิด session ใหม่

    เทคนิคการแฝงตัว
    ใช้ DLL sideloading ผ่านไฟล์ที่ดูปลอดภัย เช่น xwizard.exe
    payload ถูกถอดรหัสและรันในหน่วยความจำเท่านั้น (fileless execution)
    สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน gRPC แบบเข้ารหัส
    มี fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อแม้เซิร์ฟเวอร์หลักถูกปิด

    เครื่องมือเสริมใน framework
    EggStremeWizard เป็น backdoor รองที่ให้ reverse shell และอัปโหลดไฟล์
    Stowaway proxy ช่วยส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายภายในโดยไม่ถูกบล็อก
    ระบบสามารถเคลื่อนย้ายภายในเครือข่าย (lateral movement) ได้อย่างแนบเนียน
    framework ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและปรับตัวตามเป้าหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bitdefender พบการโจมตีครั้งแรกในต้นปี 2024 ผ่าน batch script บน SMB share
    ฟิลิปปินส์เผชิญการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% จากความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
    EggStreme เป็นตัวอย่างของการพัฒนา “ชุดเครื่องมือจารกรรม” ที่มีความซับซ้อนสูง
    นักวิจัยเตือนว่าองค์กรใน APAC ควรใช้ IOC ที่เผยแพร่เพื่อป้องกันการโจมตี

    https://hackread.com/chinese-apt-philippine-military-eggstreme-fileless-malware/
    🕵️‍♂️ “EggStreme: มัลแวร์ไร้ไฟล์จากจีนเจาะระบบทหารฟิลิปปินส์ — ปฏิบัติการลับที่ซับซ้อนที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” Bitdefender เผยการค้นพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า “EggStreme” ซึ่งถูกใช้โดยกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) จากจีนในการเจาะระบบของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพฟิลิปปินส์ และยังพบการใช้งานในองค์กรทหารทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก EggStreme ไม่ใช่มัลแวร์ทั่วไป แต่เป็น “framework” ที่ประกอบด้วยหลายโมดูลทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจาก EggStremeFuel ซึ่งเป็นตัวโหลดที่เตรียมสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงเรียกใช้ EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลักที่สามารถสอดแนมระบบ, ขโมยข้อมูล, ลบหรือแก้ไขไฟล์ และฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่มีการเปิด session ใหม่ ความน่ากลัวของ EggStreme คือมันเป็น “fileless malware” — ไม่มีไฟล์มัลแวร์อยู่บนดิสก์ แต่จะถอดรหัสและรัน payload ในหน่วยความจำเท่านั้น ทำให้ระบบป้องกันทั่วไปตรวจจับได้ยากมาก และยังใช้เทคนิค DLL sideloading เพื่อแอบแฝงตัวในโปรแกรมที่ดูปลอดภัย นอกจาก EggStremeAgent ยังมี EggStremeWizard ซึ่งเป็น backdoor รองที่ใช้ xwizard.exe ในการ sideload DLL และมีรายชื่อ fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) แม้เซิร์ฟเวอร์หลักจะถูกปิดไปแล้ว พร้อมกับเครื่องมือ proxy ชื่อว่า Stowaway ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลภายในเครือข่ายโดยไม่ถูกไฟร์วอลล์บล็อก การโจมตีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์เผชิญกับการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% ตั้งแต่ต้นปี 2024 โดย EggStreme เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมของการจารกรรมไซเบอร์ — ไม่ใช่แค่เครื่องมือเดี่ยว แต่เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมเป้าหมายในระยะยาว ✅ โครงสร้างมัลแวร์ EggStreme ➡️ เริ่มจาก EggStremeFuel ที่เตรียมระบบและเรียกใช้ EggStremeLoader ➡️ EggStremeReflectiveLoader จะรัน EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลัก ➡️ EggStremeAgent รองรับคำสั่ง 58 แบบ เช่น สแกนระบบ, ขโมยข้อมูล, ฝัง payload ➡️ ฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่เปิด session ใหม่ ✅ เทคนิคการแฝงตัว ➡️ ใช้ DLL sideloading ผ่านไฟล์ที่ดูปลอดภัย เช่น xwizard.exe ➡️ payload ถูกถอดรหัสและรันในหน่วยความจำเท่านั้น (fileless execution) ➡️ สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน gRPC แบบเข้ารหัส ➡️ มี fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อแม้เซิร์ฟเวอร์หลักถูกปิด ✅ เครื่องมือเสริมใน framework ➡️ EggStremeWizard เป็น backdoor รองที่ให้ reverse shell และอัปโหลดไฟล์ ➡️ Stowaway proxy ช่วยส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายภายในโดยไม่ถูกบล็อก ➡️ ระบบสามารถเคลื่อนย้ายภายในเครือข่าย (lateral movement) ได้อย่างแนบเนียน ➡️ framework ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและปรับตัวตามเป้าหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bitdefender พบการโจมตีครั้งแรกในต้นปี 2024 ผ่าน batch script บน SMB share ➡️ ฟิลิปปินส์เผชิญการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% จากความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ➡️ EggStreme เป็นตัวอย่างของการพัฒนา “ชุดเครื่องมือจารกรรม” ที่มีความซับซ้อนสูง ➡️ นักวิจัยเตือนว่าองค์กรใน APAC ควรใช้ IOC ที่เผยแพร่เพื่อป้องกันการโจมตี https://hackread.com/chinese-apt-philippine-military-eggstreme-fileless-malware/
    HACKREAD.COM
    Chinese APT Hits Philippine Military Firm with New EggStreme Fileless Malware
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูแล้วไทยไม่ได้อะไรจากการเจรจาเลย ไทยยอมทุกอย่างเพื่ออะไร เร่งแต่จะเปิดด่าน ทั้งๆที่การปิดด่านเป็นยุทธวิธีการกดดัน "กัมพูชาเพราะถ้าเราปิดไปนานเท่าไหร่เขมรก็จะแตกเร็วเท่านั้นสภาพเศรษฐกิจมันจะพังประชาชนจะก่อการเอง.."ไทยยอมๆทำไม?"กัมพูชามันเริ่มก่อนเราสูญเสียชีวิตทหาร&ประชาชนไปมากมายบ้านเรือนเสียหายไฟไหม้"มันจะชดใช้ยังไงก่อน..#พื้นที่บ้านหนองจานเรายังไปไม่ถึงหลักเขตสยามเลย แล้วทำไม?ต้องให้ไทยคุยกับเขมรอีกมันเป็นพื้นที่ของไทยมีอะไรต้องคุย!!! หรือจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกคนไทยถือโฉลด เขมรยึดครองคนไทยได้แต่เช่าแผ่นดินตัวเองทำกิน เป็นที่พักของเถื่อน ลักรถเปลี่ยนทะเบียน บ่อนฯลฯอเมริกาจะคว่ำบาตรเขมรเราจะซวยไปด้วยไหม กำแพงล้อมรั้วจะทำไหมหรือปล่อยเดินเข้าออกตามสบายเหมือนก่อน อนาถใจประเทศเราจริงๆ "ดูอินโดนีเซีย&เนปาล จะเป็นโดมิโน่มาถึงไทยหรือเปล่ารู้ๆกันอยู่ว่าใครอยู่เบื้องหลังแต่เราต้องไม่นำพาเหตุปัจจัยให้ไปถึงจุดนั้นไม่งั้นพังทั้งประเทศแน่เขาหันมาอาเซียนแล้ว"นักการเมืองไทยยังนึกถึงแต่ผลประโยชน์สืบทอดอำนาจกันตามนามสกุลไม่ต้องสนเรื่องความสามารถ"กอดไว้นะMOU43-44..ระวังจะเป็นชนวนเข้าทางคนที่ต้องการให้ประเทศอ่อนแอแล้วเข้ายึด#ประชาชนเบื่อสุดๆแล้วจริงๆอยากได้เงินอยากขายแผ่นดินกันนักใช่ไหมเอาแบบไม่มีใครได้อะไรเลยเอาไหม"เหนื่อยใจ ท้อแท้มากๆพายเรืออยู่ในอ่างไม่ไปไหนกันล่ะวนลูปอยู่นี่แหละ♾#""ถ้าอนุมัติเปิดด่านคนเขมรจะทะลักเข้าไทยๆรับไม่ไหวนะคนไทยปว่ยยังต้องจ่ายเงินเลย&"แต่คนเขมรรักษาฟรีเรียนฟรีมีประเทศไหนในโลกนี้เขาทำกันล่ะพอทีกับคนประเทศนี้STOP
    ดูแล้วไทยไม่ได้อะไรจากการเจรจาเลย ไทยยอมทุกอย่างเพื่ออะไร เร่งแต่จะเปิดด่าน ทั้งๆที่การปิดด่านเป็นยุทธวิธีการกดดัน "กัมพูชาเพราะถ้าเราปิดไปนานเท่าไหร่เขมรก็จะแตกเร็วเท่านั้นสภาพเศรษฐกิจมันจะพังประชาชนจะก่อการเอง.."ไทยยอมๆทำไม?"กัมพูชามันเริ่มก่อนเราสูญเสียชีวิตทหาร&ประชาชนไปมากมายบ้านเรือนเสียหายไฟไหม้"มันจะชดใช้ยังไงก่อน..🙄#พื้นที่บ้านหนองจานเรายังไปไม่ถึงหลักเขตสยามเลย แล้วทำไม?ต้องให้ไทยคุยกับเขมรอีกมันเป็นพื้นที่ของไทยมีอะไรต้องคุย!!! หรือจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกคนไทยถือโฉลด เขมรยึดครองคนไทยได้แต่เช่าแผ่นดินตัวเองทำกิน เป็นที่พักของเถื่อน ลักรถเปลี่ยนทะเบียน บ่อนฯลฯอเมริกาจะคว่ำบาตรเขมรเราจะซวยไปด้วยไหม กำแพงล้อมรั้วจะทำไหมหรือปล่อยเดินเข้าออกตามสบายเหมือนก่อน อนาถใจประเทศเราจริงๆ "ดูอินโดนีเซีย&เนปาล จะเป็นโดมิโน่มาถึงไทยหรือเปล่ารู้ๆกันอยู่ว่าใครอยู่เบื้องหลังแต่เราต้องไม่นำพาเหตุปัจจัยให้ไปถึงจุดนั้นไม่งั้นพังทั้งประเทศแน่เขาหันมาอาเซียนแล้ว"นักการเมืองไทยยังนึกถึงแต่ผลประโยชน์สืบทอดอำนาจกันตามนามสกุลไม่ต้องสนเรื่องความสามารถ"กอดไว้นะMOU43-44..ระวังจะเป็นชนวนเข้าทางคนที่ต้องการให้ประเทศอ่อนแอแล้วเข้ายึด#ประชาชนเบื่อสุดๆแล้วจริงๆอยากได้เงินอยากขายแผ่นดินกันนักใช่ไหมเอาแบบไม่มีใครได้อะไรเลยเอาไหม"เหนื่อยใจ ท้อแท้มากๆพายเรืออยู่ในอ่างไม่ไปไหนกันล่ะวนลูปอยู่นี่แหละ♾🌑#""ถ้าอนุมัติเปิดด่านคนเขมรจะทะลักเข้าไทยๆรับไม่ไหวนะคนไทยปว่ยยังต้องจ่ายเงินเลย&"แต่คนเขมรรักษาฟรีเรียนฟรีมีประเทศไหนในโลกนี้เขาทำกันล่ะพอทีกับคนประเทศนี้🤚📣STOP
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า

    บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่
    ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว
    ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม
    แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง
    ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน
    ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป
    “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 เมย 57
    ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่ ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 เมย 57 ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    WWW.DROPBOX.COM
    old_track.pdf
    Shared with Dropbox
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13
    นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project
    บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี
    ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า
    ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table
    และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า
    นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13 นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Republic จับมือ Incentiv สร้าง Web3 ที่ง่ายและให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม — ไม่ใช่แค่สำหรับนักพัฒนา แต่สำหรับทุกคน”

    ถ้าคุณเคยรู้สึกว่าโลก Web3 นั้นซับซ้อนเกินไป มีแต่คนวงในที่ได้ประโยชน์ และคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นตรงไหน — ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Web3 กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และได้รับรางวัลจากการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

    Republic ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกด้านการลงทุนและการเร่งการเติบโตของ Web3 ได้ประกาศจับมือกับ Incentiv ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer 1 ที่รองรับ EVM โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ “ให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม” ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา, ผู้ใช้งาน, ผู้ให้สภาพคล่อง หรือแม้แต่คนที่ช่วยขยายเครือข่าย

    Incentiv มีจุดเด่นคือการรวมเทคโนโลยี Advanced Account Abstraction เข้าไว้ในระดับโปรโตคอล พร้อมโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใสไปยังทุกฝ่ายที่มีบทบาทในระบบ — ไม่ใช่แค่คนที่ถือโทเคนเยอะที่สุด

    ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Incentiv+ Engine ซึ่งเป็นกลไกกลางที่จัดสรรรางวัลตาม “ผลกระทบที่วัดได้จริง” เช่น จำนวนธุรกรรมที่สร้าง, การพัฒนาโค้ด, การให้บริการ หรือการแนะนำผู้ใช้ใหม่ โดยมีฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น เช่น passkey login, การกู้คืนกระเป๋าเงิน, การรวมธุรกรรมหลายรายการ, การจ่ายค่าธรรมเนียมด้วยโทเคนเดียว และกฎการโอนผ่าน TransferGate

    Republic ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra จะเข้ามาให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ พร้อมเปิดเครือข่ายระดับโลกที่ลงทุนไปแล้วกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ เพื่อช่วยให้ Incentiv เข้าถึงผู้ใช้งานจริงในระดับสากล

    ปัจจุบัน Incentiv มีผู้ใช้งานใน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน และเตรียมเปิดตัว mainnet พร้อม token generation event ในเร็วๆ นี้ — ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง Web3 ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของ “คุณค่าที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับ”

    ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv
    Republic ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ผ่าน Republic Research
    สนับสนุนการเติบโตของ Incentiv ด้วยเครือข่ายที่ลงทุนกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ
    เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ง่าย ยั่งยืน และให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม

    จุดเด่นของ Incentiv blockchain
    เป็น Layer 1 ที่รองรับ EVM และออกแบบเพื่อการใช้งานจริง
    ใช้ Advanced Account Abstraction ในระดับโปรโตคอล
    มีโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใส
    รางวัลถูกจัดสรรตามผลกระทบที่วัดได้จริงผ่าน Incentiv+ Engine

    ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย
    Passkey log-in และการกู้คืนกระเป๋าเงิน
    Bundled transactions และ unified token fee payments
    TransferGate transaction rules สำหรับควบคุมการโอน
    ระบบรางวัลรวมที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Republic เคยสนับสนุนโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra
    Incentiv มีผู้ใช้งาน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน
    เตรียมเปิดตัว mainnet และ token generation event ในเร็วๆ นี้
    เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่แค่คนวงใน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักลงทุน
    ระบบรางวัลที่อิงผลกระทบต้องมีการวัดผลที่แม่นยำ — หากไม่ชัดเจนอาจเกิดความเหลื่อมล้ำ
    การรวมฟีเจอร์หลายอย่างในโปรโตคอลอาจเพิ่มความซับซ้อนด้านความปลอดภัย
    การเปิด mainnet และ token event อาจมีความผันผวนด้านราคาในช่วงแรก
    ผู้ใช้ใหม่อาจยังไม่เข้าใจระบบ TransferGate หรือ bundled transactions
    หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี อาจเกิดการใช้ระบบเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

    https://hackread.com/republic-incentiv-partner-reward-web3-participation/
    🌐 “Republic จับมือ Incentiv สร้าง Web3 ที่ง่ายและให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม — ไม่ใช่แค่สำหรับนักพัฒนา แต่สำหรับทุกคน” ถ้าคุณเคยรู้สึกว่าโลก Web3 นั้นซับซ้อนเกินไป มีแต่คนวงในที่ได้ประโยชน์ และคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นตรงไหน — ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Web3 กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และได้รับรางวัลจากการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง Republic ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกด้านการลงทุนและการเร่งการเติบโตของ Web3 ได้ประกาศจับมือกับ Incentiv ซึ่งเป็นบล็อกเชน Layer 1 ที่รองรับ EVM โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ “ให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม” ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา, ผู้ใช้งาน, ผู้ให้สภาพคล่อง หรือแม้แต่คนที่ช่วยขยายเครือข่าย Incentiv มีจุดเด่นคือการรวมเทคโนโลยี Advanced Account Abstraction เข้าไว้ในระดับโปรโตคอล พร้อมโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใสไปยังทุกฝ่ายที่มีบทบาทในระบบ — ไม่ใช่แค่คนที่ถือโทเคนเยอะที่สุด ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วย Incentiv+ Engine ซึ่งเป็นกลไกกลางที่จัดสรรรางวัลตาม “ผลกระทบที่วัดได้จริง” เช่น จำนวนธุรกรรมที่สร้าง, การพัฒนาโค้ด, การให้บริการ หรือการแนะนำผู้ใช้ใหม่ โดยมีฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น เช่น passkey login, การกู้คืนกระเป๋าเงิน, การรวมธุรกรรมหลายรายการ, การจ่ายค่าธรรมเนียมด้วยโทเคนเดียว และกฎการโอนผ่าน TransferGate Republic ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra จะเข้ามาให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ พร้อมเปิดเครือข่ายระดับโลกที่ลงทุนไปแล้วกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ เพื่อช่วยให้ Incentiv เข้าถึงผู้ใช้งานจริงในระดับสากล ปัจจุบัน Incentiv มีผู้ใช้งานใน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน และเตรียมเปิดตัว mainnet พร้อม token generation event ในเร็วๆ นี้ — ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้าง Web3 ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของ “คุณค่าที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับ” ✅ ความร่วมมือระหว่าง Republic และ Incentiv ➡️ Republic ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ผ่าน Republic Research ➡️ สนับสนุนการเติบโตของ Incentiv ด้วยเครือข่ายที่ลงทุนกว่า $2.6 พันล้านใน 150 ประเทศ ➡️ เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ง่าย ยั่งยืน และให้รางวัลทุกการมีส่วนร่วม ✅ จุดเด่นของ Incentiv blockchain ➡️ เป็น Layer 1 ที่รองรับ EVM และออกแบบเพื่อการใช้งานจริง ➡️ ใช้ Advanced Account Abstraction ในระดับโปรโตคอล ➡️ มีโมเดลเศรษฐกิจแบบ regenerative ที่กระจายมูลค่าอย่างโปร่งใส ➡️ รางวัลถูกจัดสรรตามผลกระทบที่วัดได้จริงผ่าน Incentiv+ Engine ✅ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ใช้งานง่าย ➡️ Passkey log-in และการกู้คืนกระเป๋าเงิน ➡️ Bundled transactions และ unified token fee payments ➡️ TransferGate transaction rules สำหรับควบคุมการโอน ➡️ ระบบรางวัลรวมที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Republic เคยสนับสนุนโปรเจกต์อย่าง Avalanche และ Supra ➡️ Incentiv มีผู้ใช้งาน testnet แล้วกว่า 1.3 ล้านกระเป๋าเงิน ➡️ เตรียมเปิดตัว mainnet และ token generation event ในเร็วๆ นี้ ➡️ เป้าหมายคือสร้าง Web3 ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่แค่คนวงใน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งานและนักลงทุน ⛔ ระบบรางวัลที่อิงผลกระทบต้องมีการวัดผลที่แม่นยำ — หากไม่ชัดเจนอาจเกิดความเหลื่อมล้ำ ⛔ การรวมฟีเจอร์หลายอย่างในโปรโตคอลอาจเพิ่มความซับซ้อนด้านความปลอดภัย ⛔ การเปิด mainnet และ token event อาจมีความผันผวนด้านราคาในช่วงแรก ⛔ ผู้ใช้ใหม่อาจยังไม่เข้าใจระบบ TransferGate หรือ bundled transactions ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแลที่ดี อาจเกิดการใช้ระบบเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม https://hackread.com/republic-incentiv-partner-reward-web3-participation/
    HACKREAD.COM
    Republic and Incentiv Partner to Simplify and Reward Web3 Participation
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Claude สร้างไฟล์ได้แล้ว! จากแค่ตอบคำถาม สู่ผู้ช่วยที่จัดการเอกสาร Excel, PDF, PowerPoint ได้ครบวงจร — แต่ต้องระวังเรื่องข้อมูลส่วนตัว”

    ถ้าคุณเคยใช้ Claude เพื่อถามคำถามหรือให้ช่วยเขียนข้อความ ตอนนี้คุณสามารถก้าวไปอีกขั้นได้แล้ว — เพราะ Claude ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้ “สร้างและแก้ไขไฟล์จริง” ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น Excel, Word, PowerPoint หรือ PDF ผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้แผน Max, Team และ Enterprise ส่วนผู้ใช้ Pro จะได้รับสิทธิ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดข้อมูลดิบหรืออธิบายสิ่งที่ต้องการ แล้ว Claude จะสร้างไฟล์ที่มีสูตรคำนวณ, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาที่จัดรูปแบบเรียบร้อยให้ทันที

    ตัวอย่างเช่น คุณสามารถให้ Claude สร้างโมเดลการเงินที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์, เทมเพลตงบประมาณที่มีการคำนวณความคลาดเคลื่อน, หรือสไลด์นำเสนอจากรายงาน PDF ได้ในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือมีความรู้ด้านสถิติ

    เบื้องหลังคือ Claude ได้รับสิทธิ์เข้าถึง “สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัว” ที่สามารถเขียนโค้ดและรันโปรแกรมเพื่อสร้างไฟล์ตามคำสั่งของผู้ใช้ — เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำปรึกษาเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง

    อย่างไรก็ตาม Anthropic เตือนว่า ฟีเจอร์นี้ทำให้ Claude เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างและวิเคราะห์ไฟล์ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ผู้ใช้ควรตรวจสอบการสนทนาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อทำงานกับข้อมูลที่อ่อนไหว

    ฟีเจอร์ใหม่ของ Claude
    สร้างและแก้ไขไฟล์ Excel, Word, PowerPoint และ PDF ได้โดยตรง
    ใช้งานผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป
    รองรับการอัปโหลดข้อมูลดิบหรือคำอธิบายจากผู้ใช้
    สร้างไฟล์ที่มีสูตร, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาจัดรูปแบบครบ

    การใช้งานเบื้องต้น
    เปิดใช้งานฟีเจอร์ “Upgraded file creation and analysis” ใน Settings > Features > Experimental
    อัปโหลดไฟล์หรืออธิบายสิ่งที่ต้องการผ่านแชต
    ดาวน์โหลดไฟล์ที่เสร็จแล้ว หรือบันทึกลง Google Drive ได้ทันที
    เริ่มจากงานง่าย เช่น การทำความสะอาดข้อมูล ก่อนขยับไปสู่โมเดลการเงินหรือการวิเคราะห์เชิงลึก

    ความสามารถเบื้องหลัง
    Claude ใช้สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการเขียนโค้ดและรันโปรแกรม
    ทำให้สามารถสร้างไฟล์และวิเคราะห์ข้อมูลได้หลายขั้นตอน
    เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำแนะนำเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง
    ลดช่องว่างระหว่าง “ไอเดีย” กับ “การลงมือทำ” ให้เหลือแค่การสนทนา

    ตัวอย่างการใช้งาน
    สร้างโมเดลการเงิน, เทมเพลตงบประมาณ, ตัวติดตามโครงการ
    แปลง PDF เป็น PowerPoint, โน้ตประชุมเป็นเอกสาร, ใบแจ้งหนี้เป็น Excel
    วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, พยากรณ์ยอดขาย, ติดตามงบประมาณ

    https://www.anthropic.com/news/create-files
    📂 “Claude สร้างไฟล์ได้แล้ว! จากแค่ตอบคำถาม สู่ผู้ช่วยที่จัดการเอกสาร Excel, PDF, PowerPoint ได้ครบวงจร — แต่ต้องระวังเรื่องข้อมูลส่วนตัว” ถ้าคุณเคยใช้ Claude เพื่อถามคำถามหรือให้ช่วยเขียนข้อความ ตอนนี้คุณสามารถก้าวไปอีกขั้นได้แล้ว — เพราะ Claude ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้ “สร้างและแก้ไขไฟล์จริง” ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น Excel, Word, PowerPoint หรือ PDF ผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบพรีวิวสำหรับผู้ใช้แผน Max, Team และ Enterprise ส่วนผู้ใช้ Pro จะได้รับสิทธิ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดข้อมูลดิบหรืออธิบายสิ่งที่ต้องการ แล้ว Claude จะสร้างไฟล์ที่มีสูตรคำนวณ, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาที่จัดรูปแบบเรียบร้อยให้ทันที ตัวอย่างเช่น คุณสามารถให้ Claude สร้างโมเดลการเงินที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์, เทมเพลตงบประมาณที่มีการคำนวณความคลาดเคลื่อน, หรือสไลด์นำเสนอจากรายงาน PDF ได้ในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือมีความรู้ด้านสถิติ เบื้องหลังคือ Claude ได้รับสิทธิ์เข้าถึง “สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัว” ที่สามารถเขียนโค้ดและรันโปรแกรมเพื่อสร้างไฟล์ตามคำสั่งของผู้ใช้ — เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำปรึกษาเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง อย่างไรก็ตาม Anthropic เตือนว่า ฟีเจอร์นี้ทำให้ Claude เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างและวิเคราะห์ไฟล์ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ผู้ใช้ควรตรวจสอบการสนทนาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อทำงานกับข้อมูลที่อ่อนไหว ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Claude ➡️ สร้างและแก้ไขไฟล์ Excel, Word, PowerPoint และ PDF ได้โดยตรง ➡️ ใช้งานผ่าน Claude.ai และแอปเดสก์ท็อป ➡️ รองรับการอัปโหลดข้อมูลดิบหรือคำอธิบายจากผู้ใช้ ➡️ สร้างไฟล์ที่มีสูตร, แผนภูมิ, การวิเคราะห์ และเนื้อหาจัดรูปแบบครบ ✅ การใช้งานเบื้องต้น ➡️ เปิดใช้งานฟีเจอร์ “Upgraded file creation and analysis” ใน Settings > Features > Experimental ➡️ อัปโหลดไฟล์หรืออธิบายสิ่งที่ต้องการผ่านแชต ➡️ ดาวน์โหลดไฟล์ที่เสร็จแล้ว หรือบันทึกลง Google Drive ได้ทันที ➡️ เริ่มจากงานง่าย เช่น การทำความสะอาดข้อมูล ก่อนขยับไปสู่โมเดลการเงินหรือการวิเคราะห์เชิงลึก ✅ ความสามารถเบื้องหลัง ➡️ Claude ใช้สภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการเขียนโค้ดและรันโปรแกรม ➡️ ทำให้สามารถสร้างไฟล์และวิเคราะห์ข้อมูลได้หลายขั้นตอน ➡️ เปลี่ยน Claude จากผู้ให้คำแนะนำเป็นผู้ร่วมทำงานที่ลงมือจริง ➡️ ลดช่องว่างระหว่าง “ไอเดีย” กับ “การลงมือทำ” ให้เหลือแค่การสนทนา ✅ ตัวอย่างการใช้งาน ➡️ สร้างโมเดลการเงิน, เทมเพลตงบประมาณ, ตัวติดตามโครงการ ➡️ แปลง PDF เป็น PowerPoint, โน้ตประชุมเป็นเอกสาร, ใบแจ้งหนี้เป็น Excel ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, พยากรณ์ยอดขาย, ติดตามงบประมาณ https://www.anthropic.com/news/create-files
    WWW.ANTHROPIC.COM
    Claude can now create and use files
    Claude can now create and edit Excel spreadsheets, documents, PowerPoint slide decks, and PDFs directly in Claude.ai and the desktop app.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • กกร. ผนึก 3 หน่วยงานเศรษฐกิจ(ธปท.,สภาพัฒน์,สศค.) สร้างพลวัตใหม่ เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย พัฒนาแพลตฟอร์ม Reinvent Thailand เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วน ร่วมเสนอแนะแนวทางปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศ เป็น‘เข็มทิศ’ให้ทุกรัฐบาล แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง&ยั่งยืน
    กกร. ผนึก 3 หน่วยงานเศรษฐกิจ(ธปท.,สภาพัฒน์,สศค.) สร้างพลวัตใหม่ เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย พัฒนาแพลตฟอร์ม Reinvent Thailand เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วน ร่วมเสนอแนะแนวทางปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศ เป็น‘เข็มทิศ’ให้ทุกรัฐบาล แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง&ยั่งยืน
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “XCENA MX1: ชิปพันธุ์ใหม่ที่รวม RISC-V หลายพันคอร์ไว้ในหน่วยความจำ — เปลี่ยนโฉมเซิร์ฟเวอร์ด้วย CXL 3.2 และ SSD tiering!”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันงาน AI ขนาดใหญ่ หรือ query ฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ที่กินแรมมหาศาล แล้วพบว่า bottleneck ไม่ได้อยู่ที่ CPU หรือ GPU — แต่อยู่ที่การเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลกับหน่วยความจำ นั่นคือปัญหาที่ XCENA MX1 เข้ามาแก้แบบตรงจุด

    ในงาน FMS 2025 (Future of Memory and Storage) บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ชื่อ XCENA ได้เปิดตัว MX1 Computational Memory ซึ่งเป็นชิปที่รวม “หลายพันคอร์ RISC-V” ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง พร้อมรองรับมาตรฐาน PCIe Gen6 และ Compute Express Link (CXL) 3.2

    แนวคิดคือ “near-data processing” — ย้ายการประมวลผลมาอยู่ใกล้กับ DRAM เพื่อลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลในงานที่ใช้ข้อมูลหนัก เช่น AI inference, in-memory analytics และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    MX1 ยังรองรับการขยายหน่วยความจำด้วย SSD แบบ tiered storage ที่สามารถเพิ่มความจุได้ถึงระดับ petabyte พร้อมฟีเจอร์ด้านการบีบอัดข้อมูลและความเสถียร ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการทั้งความเร็วและความจุในเวลาเดียวกัน

    XCENA เตรียมเปิดตัวสองรุ่นคือ MX1P ในปลายปีนี้ และ MX1S ในปี 2026 โดยรุ่นหลังจะมี dual PCIe Gen6 x8 links และฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับงานระดับ data center ขนาดใหญ่ ทั้งสองรุ่นจะใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์และความยืดหยุ่นของ CXL 3.2 อย่างเต็มที่

    การเปิดตัว MX1 Computational Memory
    เปิดตัวในงาน FMS 2025 โดยบริษัท XCENA จากเกาหลีใต้
    ใช้ PCIe Gen6 และ CXL 3.2 เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ
    รวมหลายพันคอร์ RISC-V ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง

    แนวคิด near-data processing
    ลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM
    เพิ่มประสิทธิภาพในงาน AI, analytics และฐานข้อมูล
    ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในระบบเซิร์ฟเวอร์

    การขยายหน่วยความจำด้วย SSD tiering
    รองรับการขยายความจุถึงระดับ petabyte
    มีระบบบีบอัดข้อมูลและฟีเจอร์ด้าน reliability
    ใช้ SSD เป็น tier รองเพื่อเพิ่มความจุโดยไม่ลดความเร็ว

    แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์
    MX1P จะเปิดตัวปลายปี 2025 พร้อมตัวอย่างสำหรับพันธมิตร
    MX1S จะเปิดตัวในปี 2026 พร้อม dual PCIe Gen6 x8 links
    ทั้งสองรุ่นรองรับ CXL 3.2 เต็มรูปแบบ

    การสนับสนุนสำหรับนักพัฒนา
    มี SDK พร้อมไดรเวอร์, runtime libraries และเครื่องมือสำหรับ deployment
    รองรับแอปพลิเคชันตั้งแต่ AI inference ถึง in-memory analytics
    ออกแบบให้ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมมาตรฐาน

    รางวัลและการยอมรับ
    ได้รับรางวัล “Most Innovative Memory Technology” ในงาน FMS 2025
    เคยได้รับรางวัล “Most Innovative Startup” ในปี 2024
    ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน storage ว่าเป็นแนวทางใหม่ที่เปลี่ยนเกม

    https://www.techradar.com/pro/a-chip-with-thousands-of-cores-could-change-the-way-servers-are-designed-bringing-compute-nearer-to-ram-thanks-to-cxl-is-a-lightbulb-moment
    🧠 “XCENA MX1: ชิปพันธุ์ใหม่ที่รวม RISC-V หลายพันคอร์ไว้ในหน่วยความจำ — เปลี่ยนโฉมเซิร์ฟเวอร์ด้วย CXL 3.2 และ SSD tiering!” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันงาน AI ขนาดใหญ่ หรือ query ฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ที่กินแรมมหาศาล แล้วพบว่า bottleneck ไม่ได้อยู่ที่ CPU หรือ GPU — แต่อยู่ที่การเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลกับหน่วยความจำ นั่นคือปัญหาที่ XCENA MX1 เข้ามาแก้แบบตรงจุด ในงาน FMS 2025 (Future of Memory and Storage) บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ชื่อ XCENA ได้เปิดตัว MX1 Computational Memory ซึ่งเป็นชิปที่รวม “หลายพันคอร์ RISC-V” ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง พร้อมรองรับมาตรฐาน PCIe Gen6 และ Compute Express Link (CXL) 3.2 แนวคิดคือ “near-data processing” — ย้ายการประมวลผลมาอยู่ใกล้กับ DRAM เพื่อลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลในงานที่ใช้ข้อมูลหนัก เช่น AI inference, in-memory analytics และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ MX1 ยังรองรับการขยายหน่วยความจำด้วย SSD แบบ tiered storage ที่สามารถเพิ่มความจุได้ถึงระดับ petabyte พร้อมฟีเจอร์ด้านการบีบอัดข้อมูลและความเสถียร ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการทั้งความเร็วและความจุในเวลาเดียวกัน XCENA เตรียมเปิดตัวสองรุ่นคือ MX1P ในปลายปีนี้ และ MX1S ในปี 2026 โดยรุ่นหลังจะมี dual PCIe Gen6 x8 links และฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับงานระดับ data center ขนาดใหญ่ ทั้งสองรุ่นจะใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์และความยืดหยุ่นของ CXL 3.2 อย่างเต็มที่ ✅ การเปิดตัว MX1 Computational Memory ➡️ เปิดตัวในงาน FMS 2025 โดยบริษัท XCENA จากเกาหลีใต้ ➡️ ใช้ PCIe Gen6 และ CXL 3.2 เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ ➡️ รวมหลายพันคอร์ RISC-V ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง ✅ แนวคิด near-data processing ➡️ ลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพในงาน AI, analytics และฐานข้อมูล ➡️ ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในระบบเซิร์ฟเวอร์ ✅ การขยายหน่วยความจำด้วย SSD tiering ➡️ รองรับการขยายความจุถึงระดับ petabyte ➡️ มีระบบบีบอัดข้อมูลและฟีเจอร์ด้าน reliability ➡️ ใช้ SSD เป็น tier รองเพื่อเพิ่มความจุโดยไม่ลดความเร็ว ✅ แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ➡️ MX1P จะเปิดตัวปลายปี 2025 พร้อมตัวอย่างสำหรับพันธมิตร ➡️ MX1S จะเปิดตัวในปี 2026 พร้อม dual PCIe Gen6 x8 links ➡️ ทั้งสองรุ่นรองรับ CXL 3.2 เต็มรูปแบบ ✅ การสนับสนุนสำหรับนักพัฒนา ➡️ มี SDK พร้อมไดรเวอร์, runtime libraries และเครื่องมือสำหรับ deployment ➡️ รองรับแอปพลิเคชันตั้งแต่ AI inference ถึง in-memory analytics ➡️ ออกแบบให้ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมมาตรฐาน ✅ รางวัลและการยอมรับ ➡️ ได้รับรางวัล “Most Innovative Memory Technology” ในงาน FMS 2025 ➡️ เคยได้รับรางวัล “Most Innovative Startup” ในปี 2024 ➡️ ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน storage ว่าเป็นแนวทางใหม่ที่เปลี่ยนเกม https://www.techradar.com/pro/a-chip-with-thousands-of-cores-could-change-the-way-servers-are-designed-bringing-compute-nearer-to-ram-thanks-to-cxl-is-a-lightbulb-moment
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft จับมือวงการนิวเคลียร์! เตรียมใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชันป้อนศูนย์ข้อมูล AI ยุคใหม่”

    ลองจินตนาการว่าคุณคือผู้บริหารฝ่ายพลังงานของ Microsoft แล้วพบว่าศูนย์ข้อมูลของบริษัทกำลังใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จากการรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น GPT-5 หรือ Copilot — แม้จะลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างลมและแสงอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังไม่พอสำหรับการทำงานแบบ 24/7 ที่ไม่สะดุด

    นั่นคือเหตุผลที่ Microsoft ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ World Nuclear Association (WNA) ซึ่งถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วมองค์กรนี้อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในรูปแบบใหม่ เช่น Small Modular Reactors (SMRs) และฟิวชันพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลก

    Microsoft มองว่า SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคใหม่ เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องโดยไม่ขึ้นกับสภาพอากาศ และมีขนาดเล็กพอที่จะติดตั้งใกล้ศูนย์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับบริษัทฟิวชันอย่าง Helion เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในระยะยาว

    หนึ่งในโครงการสำคัญคือการฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane Clean Energy Center ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน Three Mile Island Unit 1 โดย Microsoft ได้ลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้าแบบระยะยาว 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อให้มั่นใจว่าศูนย์ข้อมูลจะมีไฟฟ้าใช้แบบไม่สะดุด

    แม้จะมีความหวังสูง แต่การพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ยังเผชิญกับความท้าทาย เช่น ต้นทุนสูง ความล่าช้าในการก่อสร้าง และข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ซึ่ง Microsoft จะเข้าไปมีบทบาทในการผลักดันให้เกิดการปรับปรุงด้านการออกใบอนุญาตและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน

    การเข้าร่วม World Nuclear Association ของ Microsoft
    เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วม WNA อย่างเป็นทางการ
    มุ่งเน้นการใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชัน
    สะท้อนความตั้งใจในการลดคาร์บอนและรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI

    โครงการพลังงานนิวเคลียร์ของ Microsoft
    ลงนามสัญญาซื้อไฟฟ้า 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane
    ร่วมมือกับ Helion เพื่อพัฒนาพลังงานฟิวชันเชิงพาณิชย์
    วางแผนใช้ SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานใกล้ศูนย์ข้อมูล

    บริบทของอุตสาหกรรมพลังงาน
    ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า
    พลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถให้กำลังไฟฟ้าแบบต่อเนื่องได้
    พลังงานนิวเคลียร์มีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าแบบ base-load ที่มั่นคง

    บทบาทของ Microsoft ใน WNA
    เข้าร่วมกลุ่มทำงานด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูง
    ผลักดันการออกใบอนุญาตที่รวดเร็วและห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น
    ทีม Energy Technology นำโดย Dr. Melissa Lott จะเป็นผู้ขับเคลื่อนกลยุทธ์

    คำเตือนจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานนิวเคลียร์
    การพัฒนา SMRs และฟิวชันยังอยู่ในช่วงต้น — อาจใช้เวลาหลายปี
    ต้นทุนการก่อสร้างและการบำรุงรักษายังสูงเมื่อเทียบกับพลังงานหมุนเวียน
    ความล่าช้าในการอนุมัติโครงการอาจกระทบต่อแผนพลังงานของ Microsoft
    การต่อต้านจากภาคประชาชนและการเมืองอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัว
    หากเทคโนโลยีไม่สามารถใช้งานได้จริงตามเป้า อาจส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานของบริษัท

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-joins-world-nuclear-association-as-it-doubles-down-on-small-modular-reactors-and-fusion-energy
    ⚛️ “Microsoft จับมือวงการนิวเคลียร์! เตรียมใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชันป้อนศูนย์ข้อมูล AI ยุคใหม่” ลองจินตนาการว่าคุณคือผู้บริหารฝ่ายพลังงานของ Microsoft แล้วพบว่าศูนย์ข้อมูลของบริษัทกำลังใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จากการรันโมเดล AI ขนาดมหึมา เช่น GPT-5 หรือ Copilot — แม้จะลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างลมและแสงอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังไม่พอสำหรับการทำงานแบบ 24/7 ที่ไม่สะดุด นั่นคือเหตุผลที่ Microsoft ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ World Nuclear Association (WNA) ซึ่งถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วมองค์กรนี้อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในรูปแบบใหม่ เช่น Small Modular Reactors (SMRs) และฟิวชันพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลก Microsoft มองว่า SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคใหม่ เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องโดยไม่ขึ้นกับสภาพอากาศ และมีขนาดเล็กพอที่จะติดตั้งใกล้ศูนย์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับบริษัทฟิวชันอย่าง Helion เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในระยะยาว หนึ่งในโครงการสำคัญคือการฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane Clean Energy Center ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน Three Mile Island Unit 1 โดย Microsoft ได้ลงนามในสัญญาซื้อไฟฟ้าแบบระยะยาว 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อให้มั่นใจว่าศูนย์ข้อมูลจะมีไฟฟ้าใช้แบบไม่สะดุด แม้จะมีความหวังสูง แต่การพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ยังเผชิญกับความท้าทาย เช่น ต้นทุนสูง ความล่าช้าในการก่อสร้าง และข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ซึ่ง Microsoft จะเข้าไปมีบทบาทในการผลักดันให้เกิดการปรับปรุงด้านการออกใบอนุญาตและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน ✅ การเข้าร่วม World Nuclear Association ของ Microsoft ➡️ เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกรายแรกที่เข้าร่วม WNA อย่างเป็นทางการ ➡️ มุ่งเน้นการใช้ Small Modular Reactors และพลังงานฟิวชัน ➡️ สะท้อนความตั้งใจในการลดคาร์บอนและรองรับความต้องการไฟฟ้าจาก AI ✅ โครงการพลังงานนิวเคลียร์ของ Microsoft ➡️ ลงนามสัญญาซื้อไฟฟ้า 20 ปี กับ Constellation Energy เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Crane ➡️ ร่วมมือกับ Helion เพื่อพัฒนาพลังงานฟิวชันเชิงพาณิชย์ ➡️ วางแผนใช้ SMRs เป็นโครงสร้างพื้นฐานใกล้ศูนย์ข้อมูล ✅ บริบทของอุตสาหกรรมพลังงาน ➡️ ความต้องการไฟฟ้าจากศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า ➡️ พลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถให้กำลังไฟฟ้าแบบต่อเนื่องได้ ➡️ พลังงานนิวเคลียร์มีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าแบบ base-load ที่มั่นคง ✅ บทบาทของ Microsoft ใน WNA ➡️ เข้าร่วมกลุ่มทำงานด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูง ➡️ ผลักดันการออกใบอนุญาตที่รวดเร็วและห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น ➡️ ทีม Energy Technology นำโดย Dr. Melissa Lott จะเป็นผู้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ ‼️ คำเตือนจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานนิวเคลียร์ ⛔ การพัฒนา SMRs และฟิวชันยังอยู่ในช่วงต้น — อาจใช้เวลาหลายปี ⛔ ต้นทุนการก่อสร้างและการบำรุงรักษายังสูงเมื่อเทียบกับพลังงานหมุนเวียน ⛔ ความล่าช้าในการอนุมัติโครงการอาจกระทบต่อแผนพลังงานของ Microsoft ⛔ การต่อต้านจากภาคประชาชนและการเมืองอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัว ⛔ หากเทคโนโลยีไม่สามารถใช้งานได้จริงตามเป้า อาจส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานของบริษัท https://www.techradar.com/pro/microsoft-joins-world-nuclear-association-as-it-doubles-down-on-small-modular-reactors-and-fusion-energy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา

    ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา

    ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล

    คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา

    โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท

    อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    #Newskit
    เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลนี้คนไทยก็ไร้ความหวัง "ประเทศไทยอาจมีสภาพเหมือนอินโดนีเซีย ประชาชนสุดจะทนกับนักการเมืองแล้ว...ผลประโยชน์ฯลฯ#นักการเมืองเราจะมีไว้ทำไม?"ประเทศมีสงคราม ประชาชนกับทหารช่วยกัน น้ำท่วมทหาร&กลุ่มอาสาฯลฯช่วยกัน ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนเลยออกมาช่วยเหลือประชาชน"ทหารเขาก็เป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกันเดินแช่น้ำเป็นวันๆจนเท้าเลือดออก เป็นเบาหวานเท้าเป็นแผลอาจสูญเสียขาได้เหมือนกัน "มีไหมพวกที่ชอบอ้าง'ปชช.11/14ล้านเสียง. ที่เลือกพวกคุณเข้าไปรับเงินเดือนกันเป็นแสน ค่าอาหารวันละ1พันบาท.ค่ายานพาหนะฟรีฯลฯ ออกมาช่วยประชาชนบ้างไหม ชายแดนคนไทยตายไม่มีใครสักคนออกมาประนามกัมพูชาเรื่องมนุษยธรรม ยิงใส่บ้านเรือนคนอพยพเป็นแสนมองไม่เห็น "ทหารกัมพูชาฆ่าคนไทยบอกต้องรับมารักษา เด็กกัมพูชาเหยียบธงชาติไทยบอกต้องให้สิทธิได้เรียนอ้างสิทธิสารพัด บล่าๆๆ🗣#กับคนไทยด้วยกับเงียบกริปมองไม่เห็น #เราขออยู่แบบไม่มีนักการเมืองดีกว่า ชายแดนไทย-เขมร "จะทำกำแพงล้อมรั้วลวดหนามคัดค้านกันจังทำไม??มันมีผลประโยชน์อะไรนักหรือ เพื่อนบ้านเลวกั้นรั้วถาวรไปเลยดีแล้วไว้ใจไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่ถ้าจะเข้ามาก็ต้องมีหนังสือเข้าออกตามกฎหมาย ขนาดคุณวีระเดินอยู่บนแผ่นดินไทยยังโดนจับไปขังคุกตั้งหลายปีบรรพบุรุษเราสอนไว้แล้วว่าอย่าไว้ใจ"พวกละแวกมันชอบหักหลัง"ดูซิจีนช่วยหักหลังจีนไปจับมือเมกา..คนแบบนี้คบได้หรือ?"มีแต่ขอๆๆแต่ประเทศไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย ผู้นำรวยมหาศาลประชาชนยากจนเข็นใจ แค่ห้องน้ำยังไม่มีคนต้องฉี่ใส่กำแพงวังอนาถแท้ๆประชาชนเขาถูกสอนฝังหัวในแบบเรียนเลยว่า"เสียม(สยาม)รุกรานปล้นสมบัติเขามา คนอยู่ในประเทศถูกปิดหูปิดตาก็พอเข้าใจได้ แต่เขมรนอกประเทศที่สามารถค้นคว้าหาข้อมูลที่แท้จริงได้ก็เปล่า เป็นเหมือนกันหมดฝังหัวข้อมูลเท็จกันมานาน#เราอย่าทิ้งมรดกบาปไว้ให้ลูกหลานต้องมารบฆ่าฟันกันในภายภาคหน้าเลย#เงินทองจะเอาไปไหนนักหนา #เกียรติยศศักดิ์ศรีเงินซื้อไม่ได้นะแม่ทัพภาค2พูดน่ะถูกต้องแล้ววันหนึ่งกินไม่ถึง300บ.ชีวิตก็นับถอยหลังแล้วที่มีก็พอแล้ว.."นกม.ไม่เคยพออุดมการณ์มันไม่เคยมีอยู่จริงอาสามารับใช้ชาติปากเป็นมัน"#หนูมีเล็กน้อยหนูก็บริจาคช่วยซื้อแอนตี้โดรนตามกำลังเพื่อเชฟชีวิตทหารๆของเรา ถ้าจะล้อมรั้วทำกำแพงก็จะร่วมบริจาค ต่อให้ไม่มีก็จะขายทองให้เลย ไม่มีแผ่นดินเราก็ไม่มีชีวิตหรอก""นกม.อย่าให้ประชาชนสุดทนจะเป็นแบบอินโดนีเซียๆดีนะทหารเขาอยู่ข้างประชาชน"ตอนนี้เงินเฟ้อข้าวของแพงไปหมด ถ้าอเมริกาล้มไทยมีผลกระทบแน่ไทยเราก็ถือเงินดอลล่าร์ไว้เยอะซะด้วย"พิมพ์เงินเป็นว่าเล่นเลยๆจะเป็นกระดาษเปล่าๆไร้ค่าแบบเวเนฯเงินตกเกลื่อนถนนคนยังไม่เก็บเลยเวเนฯทำงานทั้งวันซื้อใข่แพงเดียวยังไม่ได้เลย กาแฟแก้วละ6,000บาท."ไทยกินกาแฟเอสแก้วล่ะ45-50บ.ยังได้อยู่#คนอินโดนีเซียสุดยอดจริงๆบุกเข้าไปถึงในบ้านนักการเมืองเลย
    รัฐบาลนี้คนไทยก็ไร้ความหวัง "ประเทศไทยอาจมีสภาพเหมือนอินโดนีเซีย ประชาชนสุดจะทนกับนักการเมืองแล้ว🤚📣...ผลประโยชน์ฯลฯ#นักการเมืองเราจะมีไว้ทำไม?"ประเทศมีสงคราม ประชาชนกับทหารช่วยกัน น้ำท่วมทหาร&กลุ่มอาสาฯลฯช่วยกัน ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนเลยออกมาช่วยเหลือประชาชน"ทหารเขาก็เป็นประชาชนคนหนึ่งเหมือนกันเดินแช่น้ำเป็นวันๆจนเท้าเลือดออก เป็นเบาหวานเท้าเป็นแผลอาจสูญเสียขาได้เหมือนกัน "มีไหมพวกที่ชอบอ้าง'ปชช.11/14ล้านเสียง. ที่เลือกพวกคุณเข้าไปรับเงินเดือนกันเป็นแสน ค่าอาหารวันละ1พันบาท.ค่ายานพาหนะฟรีฯลฯ ออกมาช่วยประชาชนบ้างไหม ชายแดนคนไทยตายไม่มีใครสักคนออกมาประนามกัมพูชาเรื่องมนุษยธรรม ยิงใส่บ้านเรือนคนอพยพเป็นแสนมองไม่เห็น "ทหารกัมพูชาฆ่าคนไทยบอกต้องรับมารักษา เด็กกัมพูชาเหยียบธงชาติไทยบอกต้องให้สิทธิได้เรียนอ้างสิทธิสารพัด บล่าๆๆ🗣#กับคนไทยด้วยกับเงียบกริป🙊🙉🙈มองไม่เห็น #เราขออยู่แบบไม่มีนักการเมืองดีกว่า ชายแดนไทย-เขมร "จะทำกำแพงล้อมรั้วลวดหนามคัดค้านกันจังทำไม??มันมีผลประโยชน์อะไรนักหรือ เพื่อนบ้านเลวกั้นรั้วถาวรไปเลยดีแล้วไว้ใจไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่ถ้าจะเข้ามาก็ต้องมีหนังสือเข้าออกตามกฎหมาย ขนาดคุณวีระเดินอยู่บนแผ่นดินไทยยังโดนจับไปขังคุกตั้งหลายปีบรรพบุรุษเราสอนไว้แล้วว่าอย่าไว้ใจ"พวกละแวกมันชอบหักหลัง"ดูซิจีนช่วยหักหลังจีนไปจับมือเมกา..คนแบบนี้คบได้หรือ?"มีแต่ขอๆๆแต่ประเทศไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย ผู้นำรวยมหาศาลประชาชนยากจนเข็นใจ แค่ห้องน้ำยังไม่มีคนต้องฉี่ใส่กำแพงวังอนาถแท้ๆประชาชนเขาถูกสอนฝังหัวในแบบเรียนเลยว่า"เสียม(สยาม)รุกรานปล้นสมบัติเขามา คนอยู่ในประเทศถูกปิดหูปิดตาก็พอเข้าใจได้ แต่เขมรนอกประเทศที่สามารถค้นคว้าหาข้อมูลที่แท้จริงได้ก็เปล่า เป็นเหมือนกันหมดฝังหัวข้อมูลเท็จกันมานาน#เราอย่าทิ้งมรดกบาปไว้ให้ลูกหลานต้องมารบฆ่าฟันกันในภายภาคหน้าเลย#เงินทองจะเอาไปไหนนักหนา #เกียรติยศศักดิ์ศรีเงินซื้อไม่ได้นะแม่ทัพภาค2พูดน่ะถูกต้องแล้ววันหนึ่งกินไม่ถึง300บ.ชีวิตก็นับถอยหลังแล้วที่มีก็พอแล้ว.."นกม.ไม่เคยพออุดมการณ์มันไม่เคยมีอยู่จริงอาสามารับใช้ชาติปากเป็นมัน"#หนูมีเล็กน้อยหนูก็บริจาคช่วยซื้อแอนตี้โดรนตามกำลังเพื่อเชฟชีวิตทหารๆของเรา ถ้าจะล้อมรั้วทำกำแพงก็จะร่วมบริจาค ต่อให้ไม่มีก็จะขายทองให้เลย ไม่มีแผ่นดินเราก็ไม่มีชีวิตหรอก""นกม.อย่าให้ประชาชนสุดทนจะเป็นแบบอินโดนีเซียๆดีนะทหารเขาอยู่ข้างประชาชน"ตอนนี้เงินเฟ้อข้าวของแพงไปหมด ถ้าอเมริกาล้มไทยมีผลกระทบแน่ไทยเราก็ถือเงินดอลล่าร์ไว้เยอะซะด้วย"พิมพ์เงินเป็นว่าเล่นเลยๆจะเป็นกระดาษเปล่าๆไร้ค่าแบบเวเนฯเงินตกเกลื่อนถนนคนยังไม่เก็บเลยเวเนฯทำงานทั้งวันซื้อใข่แพงเดียวยังไม่ได้เลย กาแฟแก้วละ6,000บาท."ไทยกินกาแฟเอสแก้วล่ะ45-50บ.ยังได้อยู่#คนอินโดนีเซียสุดยอดจริงๆบุกเข้าไปถึงในบ้านนักการเมืองเลย
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้งเป้าแก้วิกฤติ 4 ด้าน ไม่ได้มาด้วยบุญคุณใคร : [NEWS UPDATE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นตั้งเป้าแก้ปัญหาวิกฤติ 4 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และภัยสังคม จะแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติภาพ แต่ไม่ยอมให้เสียดินแดนแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว จากนี้ไม่มีวันหยุด พักร้อน เจ็บป่วย บางครั้งถูกกลั่นแกล้งแต่ถือว่าผ่านมาแล้ว ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีการใส่ร้ายเหมือนที่มีมา การเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยบุญคุณของใครยกเว้นประชาชน ขอบคุณเสียงจากพรรคประชาชน ประกาศยุบสภาแน่ภายใน 4 เดือน



    รับสภาพฝ่ายค้าน

    ต้องเร่งแก้ปัญหาชายแดน

    โหวตเตอร์พลีชีพ เปิดปาก

    ปัญหาเศรษฐกิจรอไม่ได้
    ตั้งเป้าแก้วิกฤติ 4 ด้าน ไม่ได้มาด้วยบุญคุณใคร : [NEWS UPDATE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นตั้งเป้าแก้ปัญหาวิกฤติ 4 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และภัยสังคม จะแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติภาพ แต่ไม่ยอมให้เสียดินแดนแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว จากนี้ไม่มีวันหยุด พักร้อน เจ็บป่วย บางครั้งถูกกลั่นแกล้งแต่ถือว่าผ่านมาแล้ว ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีการใส่ร้ายเหมือนที่มีมา การเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยบุญคุณของใครยกเว้นประชาชน ขอบคุณเสียงจากพรรคประชาชน ประกาศยุบสภาแน่ภายใน 4 เดือน รับสภาพฝ่ายค้าน ต้องเร่งแก้ปัญหาชายแดน โหวตเตอร์พลีชีพ เปิดปาก ปัญหาเศรษฐกิจรอไม่ได้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก VLF ถึง OKM: เมื่อการตรวจจับโลหะกลายเป็นศาสตร์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

    ถ้าคุณเคยดูรายการล่าสมบัติแล้วสงสัยว่า “เครื่องตรวจจับโลหะของฉันจะเจออะไรลึกแค่ไหน?” คำตอบคือ—ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากกว่าที่คิด

    เครื่องตรวจจับโลหะทั่วไปแบบ VLF (Very Low Frequency) สามารถตรวจจับเหรียญหรือเครื่องประดับที่ฝังอยู่ลึกประมาณ 10–16 นิ้วได้สบาย ๆ โดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำในการส่งและรับสัญญาณจากวัตถุที่มีคุณสมบัติเป็นโลหะ

    แต่ถ้าเป้าหมายคือกล่องโลหะขนาดใหญ่หรือท่อใต้ดิน คุณต้องใช้เครื่องแบบ PI (Pulse Induction) ซึ่งสามารถทะลุผ่านดินที่มีแร่ธาตุสูงได้ และตรวจจับวัตถุขนาดใหญ่ที่ลึกหลายฟุต

    ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเครื่องระดับมืออาชีพ เช่น Fisher Gemini 3 ที่ใช้ระบบ “two-box” แยก transmitter และ receiver เพื่อเพิ่มความลึกในการตรวจจับได้ถึง 20 ฟุต หรือ Garrett GTI 2500 ที่มี Depth Multiplier สำหรับค้นหาวัตถุขนาดใหญ่โดยไม่สนใจเศษโลหะเล็ก ๆ

    และถ้าคุณจริงจังกับการค้นหาสมบัติหรือโบราณวัตถุ OKM eXp 6000 จากเยอรมนีคือสุดยอดของวงการ—เป็นเครื่องสแกนพื้นแบบ 3D ที่สามารถตรวจจับวัตถุได้ลึกถึง 82 ฟุต และเคยถูกใช้ในรายการ The Curse of Oak Island

    ปัจจัยที่ส่งผลต่อความลึกของการตรวจจับ ได้แก่ ขนาดของขดลวด (coil), ความถี่ของคลื่น, วัสดุของวัตถุ (ทองแดงและเงินให้สัญญาณแรงกว่าทองคำ), ทิศทางของวัตถุในดิน (แนวราบตรวจจับง่ายกว่าแนวตั้ง), และสภาพของดิน (ดินที่มีแร่เหล็กหรือเกลือจะรบกวนสัญญาณ)

    https://www.slashgear.com/1956784/how-deep-can-a-metal-detector-detect-tutorial/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก VLF ถึง OKM: เมื่อการตรวจจับโลหะกลายเป็นศาสตร์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ถ้าคุณเคยดูรายการล่าสมบัติแล้วสงสัยว่า “เครื่องตรวจจับโลหะของฉันจะเจออะไรลึกแค่ไหน?” คำตอบคือ—ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากกว่าที่คิด เครื่องตรวจจับโลหะทั่วไปแบบ VLF (Very Low Frequency) สามารถตรวจจับเหรียญหรือเครื่องประดับที่ฝังอยู่ลึกประมาณ 10–16 นิ้วได้สบาย ๆ โดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำในการส่งและรับสัญญาณจากวัตถุที่มีคุณสมบัติเป็นโลหะ แต่ถ้าเป้าหมายคือกล่องโลหะขนาดใหญ่หรือท่อใต้ดิน คุณต้องใช้เครื่องแบบ PI (Pulse Induction) ซึ่งสามารถทะลุผ่านดินที่มีแร่ธาตุสูงได้ และตรวจจับวัตถุขนาดใหญ่ที่ลึกหลายฟุต ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเครื่องระดับมืออาชีพ เช่น Fisher Gemini 3 ที่ใช้ระบบ “two-box” แยก transmitter และ receiver เพื่อเพิ่มความลึกในการตรวจจับได้ถึง 20 ฟุต หรือ Garrett GTI 2500 ที่มี Depth Multiplier สำหรับค้นหาวัตถุขนาดใหญ่โดยไม่สนใจเศษโลหะเล็ก ๆ และถ้าคุณจริงจังกับการค้นหาสมบัติหรือโบราณวัตถุ OKM eXp 6000 จากเยอรมนีคือสุดยอดของวงการ—เป็นเครื่องสแกนพื้นแบบ 3D ที่สามารถตรวจจับวัตถุได้ลึกถึง 82 ฟุต และเคยถูกใช้ในรายการ The Curse of Oak Island ปัจจัยที่ส่งผลต่อความลึกของการตรวจจับ ได้แก่ ขนาดของขดลวด (coil), ความถี่ของคลื่น, วัสดุของวัตถุ (ทองแดงและเงินให้สัญญาณแรงกว่าทองคำ), ทิศทางของวัตถุในดิน (แนวราบตรวจจับง่ายกว่าแนวตั้ง), และสภาพของดิน (ดินที่มีแร่เหล็กหรือเกลือจะรบกวนสัญญาณ) https://www.slashgear.com/1956784/how-deep-can-a-metal-detector-detect-tutorial/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Deep Can A Metal Detector Typically Detect? - SlashGear
    Most consumer metal detectors find coin-sized objects 8–16 inches deep, but pro models can find items several feet down. In some cases, as much as 80 feet.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่าจะเอาไอ้เหี้ยสองตัวนี้ไปเดินรอบๆตาควายนะ,ไปสัมผัสกับระเบิดที่ทหารเขมรมันวางไว้,เหน็บแม่ทัพภาค.2ที่ทำคุณงามความดีต่อชาติบ้านเมืองแบบนี้ เสียดายมันสมองความรู้กระแดะภาษาฝรั่งอวยโชว์สกิล ,มิสมควรอย่างยิ่ง,เห็นต่างได้ แต่มันผิดและต่างจากค่าจริงเกิน,ไม่ต่างจากสันดานเขมรที่มืดบอดในจิตในใจ,ที่คนไทยเห็นๆสภาพความคิดอ่านมัน,ใครสนับสนุนช่องมัน อุดหนุนช่องมันหากไงมีสติคิดอ่านดี รู้ผิดชั่ว คนแบบใดสันดานแบบใดสมควรส่งเสริมก็พิจารณาเอานะ,พวกนี้อาจต้องตรวจสอบกระแสเงินสด ช่องทางรายได้ ธุรกิจเครือญาติมันทั้งหมด ร่ำรวยอะไรมา มาอยู่ไทย ใครส่งมาก่อกวน อเมริกาให้เงินสนับสนุนเปิดช่องแบบหลายๆช่องสื่อหลายๆองค์กรที่เป็นบ่อนทำลายไทย สร้างความแตกแยกในประเทศด้วยหรือไม่,ปากกล้าหาญแบบนี้มีใบสั่งให้ทำลายภาพลักษณ์แม่ทัพกุ้งแน่นอน,เชื่อมโยงกับเดอะแก๊งสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์มั้ย,กิจการในเครือญาติฟอกเงินจนร่ำรวยมั้ย,ฮุนเซนสั่งมาทำลายแม่ทัพกุ้งมั้ย,หาแสงแบบนี้ไม่ธรรมดา,ใครคนไทยคนไหนค้าขายซื้อขายใช้บริการตระกูลนี้ อย่าไปซื้อไปอุดหนุนมันอีกเลย,ปิดด่านปิดช่องหาแดกมัน จากนั้นเราอาจจะรู้ชัดเจนว่า มันรับตังจากใครมา เสือกไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจกิจการมีตังใช้จ่ายสบายด่าเหน็บใครเป็นว่าเล่นได้ตามใบสั่งมา,กระแสตัง,คนถ้าไม่มีตังมาเกี่ยวมันไม่กล้าหรอก.,สามารถตามเด็ดหัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้อีก.
    ..สามารถเป็นไส้ศึกทำลายความแตกแยก ขัดขวางความสามัคคีของคนในชาติได้,คนจัญไรอัปรีย์ถือกำเนิดคู่คนดีเสนอ.
    https://youtube.com/watch?v=UOBbGa1SZ7Q&si=3o_HJ6EMMA4R4Hiw
    น่าจะเอาไอ้เหี้ยสองตัวนี้ไปเดินรอบๆตาควายนะ,ไปสัมผัสกับระเบิดที่ทหารเขมรมันวางไว้,เหน็บแม่ทัพภาค.2ที่ทำคุณงามความดีต่อชาติบ้านเมืองแบบนี้ เสียดายมันสมองความรู้กระแดะภาษาฝรั่งอวยโชว์สกิล ,มิสมควรอย่างยิ่ง,เห็นต่างได้ แต่มันผิดและต่างจากค่าจริงเกิน,ไม่ต่างจากสันดานเขมรที่มืดบอดในจิตในใจ,ที่คนไทยเห็นๆสภาพความคิดอ่านมัน,ใครสนับสนุนช่องมัน อุดหนุนช่องมันหากไงมีสติคิดอ่านดี รู้ผิดชั่ว คนแบบใดสันดานแบบใดสมควรส่งเสริมก็พิจารณาเอานะ,พวกนี้อาจต้องตรวจสอบกระแสเงินสด ช่องทางรายได้ ธุรกิจเครือญาติมันทั้งหมด ร่ำรวยอะไรมา มาอยู่ไทย ใครส่งมาก่อกวน อเมริกาให้เงินสนับสนุนเปิดช่องแบบหลายๆช่องสื่อหลายๆองค์กรที่เป็นบ่อนทำลายไทย สร้างความแตกแยกในประเทศด้วยหรือไม่,ปากกล้าหาญแบบนี้มีใบสั่งให้ทำลายภาพลักษณ์แม่ทัพกุ้งแน่นอน,เชื่อมโยงกับเดอะแก๊งสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์มั้ย,กิจการในเครือญาติฟอกเงินจนร่ำรวยมั้ย,ฮุนเซนสั่งมาทำลายแม่ทัพกุ้งมั้ย,หาแสงแบบนี้ไม่ธรรมดา,ใครคนไทยคนไหนค้าขายซื้อขายใช้บริการตระกูลนี้ อย่าไปซื้อไปอุดหนุนมันอีกเลย,ปิดด่านปิดช่องหาแดกมัน จากนั้นเราอาจจะรู้ชัดเจนว่า มันรับตังจากใครมา เสือกไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจกิจการมีตังใช้จ่ายสบายด่าเหน็บใครเป็นว่าเล่นได้ตามใบสั่งมา,กระแสตัง,คนถ้าไม่มีตังมาเกี่ยวมันไม่กล้าหรอก.,สามารถตามเด็ดหัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้อีก. ..สามารถเป็นไส้ศึกทำลายความแตกแยก ขัดขวางความสามัคคีของคนในชาติได้,คนจัญไรอัปรีย์ถือกำเนิดคู่คนดีเสนอ. https://youtube.com/watch?v=UOBbGa1SZ7Q&si=3o_HJ6EMMA4R4Hiw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts