• ด่วน!! รีบดู นี่คือแผ่นดินไทย มวลชนชาวไทยแสดงพลังบ้านหนองจาน (26/8/68)

    #TruthFromThailand
    #มวลชนไทย
    #BanNongJan
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #BorderConflict
    #ข่าวด่วน
    #กองทัพไทย
    #ชายแดนไทย
    #พลังประชาชน
    ด่วน!! รีบดู นี่คือแผ่นดินไทย มวลชนชาวไทยแสดงพลังบ้านหนองจาน (26/8/68) #TruthFromThailand #มวลชนไทย #BanNongJan #ThaiTimes #news1 #shorts #BorderConflict #ข่าวด่วน #กองทัพไทย #ชายแดนไทย #พลังประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รวมพลัง!!! ยามเฝ้าแผ่นดิน สู่กองทัพภาคที่2 (26/8/68)

    #TruthFromThailand
    #ยามเฝ้าแผ่นดิน
    #ทัพภาค2
    #แม่ทัพกุ้ง
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #BorderConflict
    #ข่าวด่วน
    #กองทัพไทย
    #พลังประชาชน
    รวมพลัง!!! ยามเฝ้าแผ่นดิน สู่กองทัพภาคที่2 (26/8/68) #TruthFromThailand #ยามเฝ้าแผ่นดิน #ทัพภาค2 #แม่ทัพกุ้ง #ThaiTimes #news1 #shorts #BorderConflict #ข่าวด่วน #กองทัพไทย #พลังประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เปิดเหตุผล ทำไมโดรนและอุปกรณ์เป็นฝีมือคนไทย (26/8/68)

    #TruthFromThailand
    #โดรนไทย
    #นวัตกรรมไทย
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ThailandTech
    #ข่าวด่วน
    #เทคโนโลยีไทย
    #พลังคนไทย
    #MadeInThailand
    เปิดเหตุผล ทำไมโดรนและอุปกรณ์เป็นฝีมือคนไทย (26/8/68) #TruthFromThailand #โดรนไทย #นวัตกรรมไทย #ThaiTimes #news1 #shorts #ThailandTech #ข่าวด่วน #เทคโนโลยีไทย #พลังคนไทย #MadeInThailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ปานเทพยืนยัน ทุกการบริจาคช่วยชาติแน่นอน (26/8/68)

    #TruthFromThailand
    #อาจารย์ปานเทพ
    #มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
    #บริจาคช่วยชาติ
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ThailandPolitics
    #ข่าวด่วน
    #พลังประชาชน
    #สนับสนุนกองทัพ
    ปานเทพยืนยัน ทุกการบริจาคช่วยชาติแน่นอน (26/8/68) #TruthFromThailand #อาจารย์ปานเทพ #มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน #บริจาคช่วยชาติ #ThaiTimes #news1 #shorts #ThailandPolitics #ข่าวด่วน #พลังประชาชน #สนับสนุนกองทัพ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “สวิตช์แสง” ที่อาจเปลี่ยนโลกของดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ไปตลอดกาล

    ลองจินตนาการว่าเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ที่เราพึ่งพาอยู่ทุกวันนี้สามารถเร็วขึ้นได้ถึง 1,000 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมหาศาล — นั่นคือสิ่งที่ Finchetto บริษัทสตาร์ทอัพด้านโฟโตนิกส์กำลังพัฒนาอยู่

    ปัญหาใหญ่ของการสวิตช์ข้อมูลในเครือข่ายคือการต้องแปลงสัญญาณแสงเป็นไฟฟ้าเพื่ออ่านหัวแพ็กเก็ต แล้วค่อยส่งต่อไปยังปลายทาง ซึ่งกระบวนการนี้ช้าและกินไฟมาก Finchetto เสนอวิธีใหม่โดยใช้ “สองความยาวคลื่น” — หนึ่งสำหรับข้อมูล และอีกหนึ่งสำหรับหัวแพ็กเก็ต — เพื่อให้สามารถสวิตช์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้วงจรไฟฟ้าเลย

    ผลลัพธ์คือการสวิตช์ข้อมูลด้วยแสงล้วน ที่เร็วระดับนาโนวินาที และใช้พลังงานเพียง 38 วัตต์ ซึ่งน้อยกว่าสวิตช์แบบเดิมถึง 26–53 เท่า! ที่สำคัญคือมันยัง “future-proof” เพราะสามารถรองรับความเร็วเครือข่ายในอนาคตได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์

    เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้น แต่ Finchetto คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานในห้องแล็บภายใน 12–18 เดือนข้างหน้า หากสำเร็จ มันอาจกลายเป็นหัวใจใหม่ของเครือข่าย AI และ AGI ที่กำลังจะมาถึง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Finchetto พัฒนา optical packet switch ที่ใช้แสงล้วนในการสวิตช์ข้อมูล
    ใช้เทคนิค “dual-wavelength” โดยส่งข้อมูลและหัวแพ็กเก็ตผ่านคลื่นแสงต่างกัน
    ลดเวลาในการสวิตช์เหลือระดับนาโนวินาที โดยไม่ต้องใช้สัญญาณควบคุมแบบไฟฟ้า
    ใช้พลังงานเพียง 38 วัตต์ ลดลงถึง 26–53 เท่าเมื่อเทียบกับสวิตช์แบบเดิม
    รองรับโปรโตคอล Ethernet และ Infiniband โดยไม่ต้องแปลงข้อมูล
    สถาปัตยกรรมแบบ passive optics ทำให้รองรับความเร็วเครือข่ายในอนาคตได้
    คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานในห้องแล็บภายใน 12–18 เดือน
    ได้รับรางวัลจากหลายเวที เช่น TechWorks และ Data Centre World Awards

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมากกว่า 2% ของพลังงานโลก และสวิตช์เครือข่ายกินไฟถึง 20% ของดาต้าเซ็นเตอร์
    เทคโนโลยี photonic switch ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเร่งความเร็ว AI และลด carbon footprint
    การใช้ passive optics ช่วยลดความซับซ้อนของระบบระบายความร้อนและการจัดการพลังงาน
    การสวิตช์ด้วยแสงล้วนช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ได้พร้อมกัน

    https://www.techradar.com/pro/clever-light-switch-breakthrough-could-make-hyperscale-networks-1000x-faster-just-in-time-for-agi-and-superintelligence
    🎙️ “สวิตช์แสง” ที่อาจเปลี่ยนโลกของดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ไปตลอดกาล ลองจินตนาการว่าเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ที่เราพึ่งพาอยู่ทุกวันนี้สามารถเร็วขึ้นได้ถึง 1,000 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมหาศาล — นั่นคือสิ่งที่ Finchetto บริษัทสตาร์ทอัพด้านโฟโตนิกส์กำลังพัฒนาอยู่ ปัญหาใหญ่ของการสวิตช์ข้อมูลในเครือข่ายคือการต้องแปลงสัญญาณแสงเป็นไฟฟ้าเพื่ออ่านหัวแพ็กเก็ต แล้วค่อยส่งต่อไปยังปลายทาง ซึ่งกระบวนการนี้ช้าและกินไฟมาก Finchetto เสนอวิธีใหม่โดยใช้ “สองความยาวคลื่น” — หนึ่งสำหรับข้อมูล และอีกหนึ่งสำหรับหัวแพ็กเก็ต — เพื่อให้สามารถสวิตช์ข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้วงจรไฟฟ้าเลย ผลลัพธ์คือการสวิตช์ข้อมูลด้วยแสงล้วน ที่เร็วระดับนาโนวินาที และใช้พลังงานเพียง 38 วัตต์ ซึ่งน้อยกว่าสวิตช์แบบเดิมถึง 26–53 เท่า! ที่สำคัญคือมันยัง “future-proof” เพราะสามารถรองรับความเร็วเครือข่ายในอนาคตได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้น แต่ Finchetto คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานในห้องแล็บภายใน 12–18 เดือนข้างหน้า หากสำเร็จ มันอาจกลายเป็นหัวใจใหม่ของเครือข่าย AI และ AGI ที่กำลังจะมาถึง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Finchetto พัฒนา optical packet switch ที่ใช้แสงล้วนในการสวิตช์ข้อมูล ➡️ ใช้เทคนิค “dual-wavelength” โดยส่งข้อมูลและหัวแพ็กเก็ตผ่านคลื่นแสงต่างกัน ➡️ ลดเวลาในการสวิตช์เหลือระดับนาโนวินาที โดยไม่ต้องใช้สัญญาณควบคุมแบบไฟฟ้า ➡️ ใช้พลังงานเพียง 38 วัตต์ ลดลงถึง 26–53 เท่าเมื่อเทียบกับสวิตช์แบบเดิม ➡️ รองรับโปรโตคอล Ethernet และ Infiniband โดยไม่ต้องแปลงข้อมูล ➡️ สถาปัตยกรรมแบบ passive optics ทำให้รองรับความเร็วเครือข่ายในอนาคตได้ ➡️ คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานในห้องแล็บภายใน 12–18 เดือน ➡️ ได้รับรางวัลจากหลายเวที เช่น TechWorks และ Data Centre World Awards ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมากกว่า 2% ของพลังงานโลก และสวิตช์เครือข่ายกินไฟถึง 20% ของดาต้าเซ็นเตอร์ ➡️ เทคโนโลยี photonic switch ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเร่งความเร็ว AI และลด carbon footprint ➡️ การใช้ passive optics ช่วยลดความซับซ้อนของระบบระบายความร้อนและการจัดการพลังงาน ➡️ การสวิตช์ด้วยแสงล้วนช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ได้พร้อมกัน https://www.techradar.com/pro/clever-light-switch-breakthrough-could-make-hyperscale-networks-1000x-faster-just-in-time-for-agi-and-superintelligence
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • Clearwater Forest — ซีพียูที่ Intel หวังใช้พลิกเกมในยุคเซิร์ฟเวอร์หลายร้อยคอร์

    ในงาน Hot Chips 2025 Intel ได้เปิดตัว “Clearwater Forest” ซึ่งเป็นซีพียู Xeon รุ่นใหม่ที่ใช้เฉพาะ E-core (Efficiency Core) จำนวนสูงสุดถึง 288 คอร์ต่อซ็อกเก็ต โดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ “Darkmont” ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการการประมวลผลแบบขนานจำนวนมาก เช่น cloud-native, edge computing และ AI inference

    Clearwater Forest ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 18A ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ backside power delivery และ gate-all-around transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน โดยมีการจัดวางแบบ 3D chiplet ด้วยเทคโนโลยี Foveros Direct และ EMIB ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างแน่นหนาและมีประสิทธิภาพ

    ในแพ็กเกจขนาดใหญ่ของซีพียูนี้ ประกอบด้วย 12 compute chiplets บน Intel 18A, 3 base tiles บน Intel 3 และ 2 I/O tiles บน Intel 7 โดยแต่ละกลุ่มคอร์ 4 คอร์จะใช้ L2 cache ขนาด 4MB และเชื่อมต่อกันด้วย fabric ความเร็วสูง ส่วน last-level cache รวมกันมากกว่า 1,152MB

    Intel ยืนยันว่า Clearwater Forest จะสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Xeon 69xxE/P เดิมได้ โดยรองรับ DDR5-8000, PCIe และ CXL พร้อมช่องหน่วยความจำ 12 ช่องต่อซ็อกเก็ต และสามารถใช้งานแบบสองซ็อกเก็ตรวมกันได้ถึง 576 คอร์

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Clearwater Forest เป็นซีพียู Xeon รุ่นใหม่ที่ใช้เฉพาะ E-core สูงสุด 288 คอร์ต่อซ็อกเก็ต
    ใช้สถาปัตยกรรม “Darkmont” ที่มี front-end กว้างขึ้นและ out-of-order engine ที่ลึกขึ้น
    ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A พร้อม backside power และ gate-all-around
    จัดวางแบบ 3D chiplet ด้วย Foveros Direct และ EMIB
    ประกอบด้วย 12 compute chiplets (18A), 3 base tiles (Intel 3), และ 2 I/O tiles (Intel 7)
    มี L2 cache ขนาด 4MB ต่อกลุ่ม 4 คอร์ และ last-level cache รวมกว่า 1,152MB
    รองรับ DDR5-8000, PCIe และ CXL พร้อมช่องหน่วยความจำ 12 ช่อง
    ใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Xeon 69xxE/P เดิมได้
    รองรับการใช้งานแบบสองซ็อกเก็ต รวมได้ถึง 576 คอร์
    เหมาะสำหรับงาน cloud-native, edge computing และ AI inference

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Darkmont เป็นรุ่นต่อยอดจาก Crestmont และ Sierra Glen โดยเพิ่ม execution port และ bandwidth
    Intel 18A เป็นกระบวนการที่เน้นประสิทธิภาพพลังงานและความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์
    Foveros Direct ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง chiplet มี latency ต่ำและประหยัดพลังงาน
    EMIB เป็นเทคโนโลยี interconnect ที่ใช้เชื่อม die ต่างชนิดกันในแพ็กเกจเดียว
    การใช้ E-core ล้วนช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มจำนวนคอร์ในพื้นที่จำกัด
    Clearwater Forest เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Xeon 6 ที่แบ่งเป็น P-core (Diamond Rapids) และ E-core (Clearwater Forest)

    https://www.techpowerup.com/340299/intel-details-clearwater-forest-xeon-with-288-e-cores-on-18a-process
    🎙️ Clearwater Forest — ซีพียูที่ Intel หวังใช้พลิกเกมในยุคเซิร์ฟเวอร์หลายร้อยคอร์ ในงาน Hot Chips 2025 Intel ได้เปิดตัว “Clearwater Forest” ซึ่งเป็นซีพียู Xeon รุ่นใหม่ที่ใช้เฉพาะ E-core (Efficiency Core) จำนวนสูงสุดถึง 288 คอร์ต่อซ็อกเก็ต โดยใช้สถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ “Darkmont” ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการการประมวลผลแบบขนานจำนวนมาก เช่น cloud-native, edge computing และ AI inference Clearwater Forest ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 18A ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ backside power delivery และ gate-all-around transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน โดยมีการจัดวางแบบ 3D chiplet ด้วยเทคโนโลยี Foveros Direct และ EMIB ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างแน่นหนาและมีประสิทธิภาพ ในแพ็กเกจขนาดใหญ่ของซีพียูนี้ ประกอบด้วย 12 compute chiplets บน Intel 18A, 3 base tiles บน Intel 3 และ 2 I/O tiles บน Intel 7 โดยแต่ละกลุ่มคอร์ 4 คอร์จะใช้ L2 cache ขนาด 4MB และเชื่อมต่อกันด้วย fabric ความเร็วสูง ส่วน last-level cache รวมกันมากกว่า 1,152MB Intel ยืนยันว่า Clearwater Forest จะสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Xeon 69xxE/P เดิมได้ โดยรองรับ DDR5-8000, PCIe และ CXL พร้อมช่องหน่วยความจำ 12 ช่องต่อซ็อกเก็ต และสามารถใช้งานแบบสองซ็อกเก็ตรวมกันได้ถึง 576 คอร์ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Clearwater Forest เป็นซีพียู Xeon รุ่นใหม่ที่ใช้เฉพาะ E-core สูงสุด 288 คอร์ต่อซ็อกเก็ต ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม “Darkmont” ที่มี front-end กว้างขึ้นและ out-of-order engine ที่ลึกขึ้น ➡️ ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A พร้อม backside power และ gate-all-around ➡️ จัดวางแบบ 3D chiplet ด้วย Foveros Direct และ EMIB ➡️ ประกอบด้วย 12 compute chiplets (18A), 3 base tiles (Intel 3), และ 2 I/O tiles (Intel 7) ➡️ มี L2 cache ขนาด 4MB ต่อกลุ่ม 4 คอร์ และ last-level cache รวมกว่า 1,152MB ➡️ รองรับ DDR5-8000, PCIe และ CXL พร้อมช่องหน่วยความจำ 12 ช่อง ➡️ ใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Xeon 69xxE/P เดิมได้ ➡️ รองรับการใช้งานแบบสองซ็อกเก็ต รวมได้ถึง 576 คอร์ ➡️ เหมาะสำหรับงาน cloud-native, edge computing และ AI inference ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Darkmont เป็นรุ่นต่อยอดจาก Crestmont และ Sierra Glen โดยเพิ่ม execution port และ bandwidth ➡️ Intel 18A เป็นกระบวนการที่เน้นประสิทธิภาพพลังงานและความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ ➡️ Foveros Direct ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง chiplet มี latency ต่ำและประหยัดพลังงาน ➡️ EMIB เป็นเทคโนโลยี interconnect ที่ใช้เชื่อม die ต่างชนิดกันในแพ็กเกจเดียว ➡️ การใช้ E-core ล้วนช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มจำนวนคอร์ในพื้นที่จำกัด ➡️ Clearwater Forest เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Xeon 6 ที่แบ่งเป็น P-core (Diamond Rapids) และ E-core (Clearwater Forest) https://www.techpowerup.com/340299/intel-details-clearwater-forest-xeon-with-288-e-cores-on-18a-process
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Intel Details "Clearwater Forest" Xeon with 288 E-Cores on 18A Process
    Intel used Hot Chips to pull back the curtain on "Clearwater Forest", its next-generation E-core Xeon. The company has paired major architectural upgrades with its newest 18A process and advanced 3D Foveros packaging paired with EMIB. The chip replaces "Sierra Forest" and is built around the new "Da...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • SK hynix กับก้าวกระโดดสู่ยุค SSD ความจุระดับ 244TB ด้วย NAND 321 ชั้น

    ในโลกที่ข้อมูลเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด SK hynix ได้ประกาศการเริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb (256GB) ที่มีโครงสร้างถึง 321 ชั้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND แบบ QLC ทะลุเกิน 300 ชั้นได้สำเร็จ

    เทคโนโลยีใหม่นี้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q ของบริษัท โดยมีความเร็ว I/O ที่ 3200 MT/s และใช้โครงสร้างแบบ 6 planes ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านข้อมูลแบบขนานได้มากขึ้น ส่งผลให้ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้นถึง 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับรุ่น V7Q เดิม

    นอกจากความเร็วแล้ว ยังมีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพพลังงาน โดยลดการใช้พลังงานในการเขียนลงกว่า 23% ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานต่ำ

    ในระยะเริ่มต้น SK hynix จะนำ NAND รุ่นนี้ไปใช้ใน SSD สำหรับผู้บริโภค เช่น SSD ขนาด 2TB ที่ใช้เพียง 8 ชิปเท่านั้น ก่อนจะขยายไปสู่ SSD ระดับองค์กรที่มีความจุสูงถึง 244TB โดยใช้เทคโนโลยี 32DP ที่สามารถบรรจุ NAND ได้ 32 ชิ้นในแพ็กเดียว

    เป้าหมายของ SK hynix คือการเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับยุค AI ที่ต้องการความเร็ว ความจุ และประสิทธิภาพพลังงานในระดับสูงสุด

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    SK hynix เริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb ด้วยโครงสร้าง 321 ชั้น
    เป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND QLC ทะลุเกิน 300 ชั้น
    อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q พร้อม I/O ที่ 3200 MT/s
    ใช้โครงสร้างแบบ 6 planes เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่านแบบขนาน
    ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้น 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% จากรุ่นก่อน
    ประสิทธิภาพพลังงานในการเขียนดีขึ้นกว่า 23%
    SSD ขนาด 2TB ใช้เพียง 8 ชิป NAND รุ่นใหม่ ลดต้นทุนการผลิต
    SSD ระดับองค์กรจะมีความจุสูงถึง 244TB ด้วยเทคโนโลยี 32DP
    SK hynix ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับตลาด AI
    เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงและประหยัดพลังงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    QLC (Quad-Level Cell) เก็บข้อมูลได้ 4 บิตต่อเซลล์ ทำให้มีความจุสูงแต่ความทนทานต่ำกว่ารุ่นอื่น
    การเพิ่มจำนวน planes ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลพร้อมกันได้มากขึ้น
    เทคโนโลยี 32DP เป็นการบรรจุ NAND 32 ชิ้นในแพ็กเดียว เพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล
    NAND แบบ 321 ชั้นช่วยลดต้นทุนต่อบิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
    ตลาด SSD กำลังเปลี่ยนจาก TLC ไปสู่ QLC เพื่อรองรับความต้องการด้านความจุที่เพิ่มขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/sk-hynix-announces-mass-production-of-its-2tb-3d-qlc-nand-cheaper-high-capacity-consumer-drives-and-244tb-enterprise-ssds-incoming
    🎙️ SK hynix กับก้าวกระโดดสู่ยุค SSD ความจุระดับ 244TB ด้วย NAND 321 ชั้น ในโลกที่ข้อมูลเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด SK hynix ได้ประกาศการเริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb (256GB) ที่มีโครงสร้างถึง 321 ชั้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND แบบ QLC ทะลุเกิน 300 ชั้นได้สำเร็จ เทคโนโลยีใหม่นี้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q ของบริษัท โดยมีความเร็ว I/O ที่ 3200 MT/s และใช้โครงสร้างแบบ 6 planes ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านข้อมูลแบบขนานได้มากขึ้น ส่งผลให้ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้นถึง 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับรุ่น V7Q เดิม นอกจากความเร็วแล้ว ยังมีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพพลังงาน โดยลดการใช้พลังงานในการเขียนลงกว่า 23% ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการใช้พลังงานต่ำ ในระยะเริ่มต้น SK hynix จะนำ NAND รุ่นนี้ไปใช้ใน SSD สำหรับผู้บริโภค เช่น SSD ขนาด 2TB ที่ใช้เพียง 8 ชิปเท่านั้น ก่อนจะขยายไปสู่ SSD ระดับองค์กรที่มีความจุสูงถึง 244TB โดยใช้เทคโนโลยี 32DP ที่สามารถบรรจุ NAND ได้ 32 ชิ้นในแพ็กเดียว เป้าหมายของ SK hynix คือการเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับยุค AI ที่ต้องการความเร็ว ความจุ และประสิทธิภาพพลังงานในระดับสูงสุด 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ SK hynix เริ่มผลิต NAND แบบ QLC ขนาด 2Tb ด้วยโครงสร้าง 321 ชั้น ➡️ เป็นครั้งแรกของโลกที่ NAND QLC ทะลุเกิน 300 ชั้น ➡️ อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ V9Q พร้อม I/O ที่ 3200 MT/s ➡️ ใช้โครงสร้างแบบ 6 planes เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่านแบบขนาน ➡️ ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้น 56% และความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้น 18% จากรุ่นก่อน ➡️ ประสิทธิภาพพลังงานในการเขียนดีขึ้นกว่า 23% ➡️ SSD ขนาด 2TB ใช้เพียง 8 ชิป NAND รุ่นใหม่ ลดต้นทุนการผลิต ➡️ SSD ระดับองค์กรจะมีความจุสูงถึง 244TB ด้วยเทคโนโลยี 32DP ➡️ SK hynix ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการหน่วยความจำแบบ full-stack สำหรับตลาด AI ➡️ เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงและประหยัดพลังงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ QLC (Quad-Level Cell) เก็บข้อมูลได้ 4 บิตต่อเซลล์ ทำให้มีความจุสูงแต่ความทนทานต่ำกว่ารุ่นอื่น ➡️ การเพิ่มจำนวน planes ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลพร้อมกันได้มากขึ้น ➡️ เทคโนโลยี 32DP เป็นการบรรจุ NAND 32 ชิ้นในแพ็กเดียว เพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล ➡️ NAND แบบ 321 ชั้นช่วยลดต้นทุนต่อบิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ➡️ ตลาด SSD กำลังเปลี่ยนจาก TLC ไปสู่ QLC เพื่อรองรับความต้องการด้านความจุที่เพิ่มขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/sk-hynix-announces-mass-production-of-its-2tb-3d-qlc-nand-cheaper-high-capacity-consumer-drives-and-244tb-enterprise-ssds-incoming
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk กับภารกิจสร้างจักรวาล AI ด้วย GPU หลายพันล้านตัว

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของนวัตกรรมระดับโลก Elon Musk ก็ไม่ยอมตกขบวน เขาออกมาประกาศเป้าหมายที่ฟังดูเกินจริงแต่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน: xAI บริษัทของเขาจะใช้ GPU ที่มีพลังเทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี และในอนาคตอาจขยายไปถึง “พันล้านตัว”

    GPU เหล่านี้จะถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา เช่น Colossus ที่ตั้งอยู่ในเมมฟิส ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 200,000 ตัว และกำลังสร้าง Colossus II เพื่อรองรับการขยายตัว

    ในขณะเดียวกัน Musk ก็เปิดโมเดล Grok 2.5 ให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่านแพลตฟอร์ม Hugging Face เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาเข้าถึงโค้ดและ weights ได้อย่างอิสระ โดยมีแผนจะเปิด Grok 3 ภายใน 6 เดือนข้างหน้า

    เป้าหมายของ Musk คือการสร้างระบบ AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด” และสามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่อย่าง OpenAI, Meta และ Google ซึ่งต่างก็เร่งสะสม GPU และพัฒนาโมเดลของตัวเองเช่นกัน

    แต่เบื้องหลังความทะเยอทะยานนี้ ก็มีคำถามตามมา: การใช้พลังงานมหาศาลในศูนย์ข้อมูลจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร? และการเปิดโมเดลให้สาธารณะจะนำไปสู่การใช้งานในทางที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่?

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Elon Musk ตั้งเป้าให้ xAI ใช้ GPU เทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี
    ปัจจุบัน xAI มี GPU ประมาณ 200,000 ตัวในศูนย์ข้อมูล Colossus ที่เมมฟิส
    กำลังสร้าง Colossus II เพื่อขยายขีดความสามารถด้าน AI
    Musk กล่าวว่าต้องการขยายไปถึง “พันล้าน GPU” ในอนาคต
    Grok 2.5 ถูกเปิดให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่าน Hugging Face
    Grok 3 จะเปิดโอเพ่นซอร์สภายใน 6 เดือน
    Grok 4 ยังไม่เปิดให้สาธารณะใช้งาน และมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาภายใน
    xAI ต้องการสร้าง AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด”
    คู่แข่งอย่าง Meta และ OpenAI ก็มีแผนสะสม GPU หลายล้านตัวเช่นกัน
    Meta กำลังสร้างศูนย์ข้อมูล Hyperion ที่ใช้พลังงานถึง 5GW เทียบเท่าฐานโหลดของ NYC

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Nvidia H100 เป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ มีความสามารถในการประมวลผลสูงมาก
    ราคาต่อหน่วยของ H100 อยู่ที่ประมาณ $30,000 ทำให้การสะสม GPU จำนวนมากเป็นการลงทุนมหาศาล
    Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้ในวงการ AI สำหรับการแชร์โมเดลและ weights
    การเปิดโมเดลให้สาธารณะสามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    การแข่งขันด้าน AI ระหว่างบริษัทใหญ่กำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนา hardware เฉพาะทาง เช่น ASIC และ custom chips

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musk-doubles-down-on-goal-of-50-million-h100-equivalent-gpus-in-the-next-5-years-envisions-billions-of-gpus-in-the-future-as-grok-2-5-goes-open-source
    🎙️ Elon Musk กับภารกิจสร้างจักรวาล AI ด้วย GPU หลายพันล้านตัว ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของนวัตกรรมระดับโลก Elon Musk ก็ไม่ยอมตกขบวน เขาออกมาประกาศเป้าหมายที่ฟังดูเกินจริงแต่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน: xAI บริษัทของเขาจะใช้ GPU ที่มีพลังเทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี และในอนาคตอาจขยายไปถึง “พันล้านตัว” GPU เหล่านี้จะถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา เช่น Colossus ที่ตั้งอยู่ในเมมฟิส ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 200,000 ตัว และกำลังสร้าง Colossus II เพื่อรองรับการขยายตัว ในขณะเดียวกัน Musk ก็เปิดโมเดล Grok 2.5 ให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่านแพลตฟอร์ม Hugging Face เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาเข้าถึงโค้ดและ weights ได้อย่างอิสระ โดยมีแผนจะเปิด Grok 3 ภายใน 6 เดือนข้างหน้า เป้าหมายของ Musk คือการสร้างระบบ AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด” และสามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่อย่าง OpenAI, Meta และ Google ซึ่งต่างก็เร่งสะสม GPU และพัฒนาโมเดลของตัวเองเช่นกัน แต่เบื้องหลังความทะเยอทะยานนี้ ก็มีคำถามตามมา: การใช้พลังงานมหาศาลในศูนย์ข้อมูลจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร? และการเปิดโมเดลให้สาธารณะจะนำไปสู่การใช้งานในทางที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่? 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Elon Musk ตั้งเป้าให้ xAI ใช้ GPU เทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี ➡️ ปัจจุบัน xAI มี GPU ประมาณ 200,000 ตัวในศูนย์ข้อมูล Colossus ที่เมมฟิส ➡️ กำลังสร้าง Colossus II เพื่อขยายขีดความสามารถด้าน AI ➡️ Musk กล่าวว่าต้องการขยายไปถึง “พันล้าน GPU” ในอนาคต ➡️ Grok 2.5 ถูกเปิดให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่าน Hugging Face ➡️ Grok 3 จะเปิดโอเพ่นซอร์สภายใน 6 เดือน ➡️ Grok 4 ยังไม่เปิดให้สาธารณะใช้งาน และมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาภายใน ➡️ xAI ต้องการสร้าง AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด” ➡️ คู่แข่งอย่าง Meta และ OpenAI ก็มีแผนสะสม GPU หลายล้านตัวเช่นกัน ➡️ Meta กำลังสร้างศูนย์ข้อมูล Hyperion ที่ใช้พลังงานถึง 5GW เทียบเท่าฐานโหลดของ NYC ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Nvidia H100 เป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ มีความสามารถในการประมวลผลสูงมาก ➡️ ราคาต่อหน่วยของ H100 อยู่ที่ประมาณ $30,000 ทำให้การสะสม GPU จำนวนมากเป็นการลงทุนมหาศาล ➡️ Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้ในวงการ AI สำหรับการแชร์โมเดลและ weights ➡️ การเปิดโมเดลให้สาธารณะสามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ➡️ การแข่งขันด้าน AI ระหว่างบริษัทใหญ่กำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนา hardware เฉพาะทาง เช่น ASIC และ custom chips https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musk-doubles-down-on-goal-of-50-million-h100-equivalent-gpus-in-the-next-5-years-envisions-billions-of-gpus-in-the-future-as-grok-2-5-goes-open-source
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • UltraRAM — หน่วยความจำแห่งอนาคตที่อาจเปลี่ยนโลกดิจิทัลไปตลอดกาล

    ลองจินตนาการถึงหน่วยความจำที่เร็วเท่า DRAM แต่เก็บข้อมูลได้ยาวนานกว่าพันปี และทนทานกว่านานด์แฟลชถึง 4,000 เท่า — นั่นคือ UltraRAM ที่กำลังจะกลายเป็นจริง

    เทคโนโลยีนี้เริ่มต้นจากงานวิจัยในมหาวิทยาลัย Lancaster และพัฒนาโดยบริษัท Quinas Technology ซึ่งร่วมมือกับ IQE plc ผู้เชี่ยวชาญด้านเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสร้างกระบวนการผลิตแบบ epitaxy ด้วยวัสดุแปลกใหม่อย่าง gallium antimonide และ aluminum antimonide ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมสำหรับหน่วยความจำ

    UltraRAM ใช้หลักการ quantum resonant tunneling ในการสลับสถานะข้อมูล ซึ่งใช้พลังงานต่ำมาก (ต่ำกว่า 1 femtojoule) และสามารถสลับสถานะได้ในเวลาเพียง 100 นาโนวินาที ทำให้มันเป็นหน่วยความจำที่มีศักยภาพจะรวมข้อดีของ DRAM และ NAND ไว้ในชิ้นเดียว

    หลังจากการทดสอบต้นแบบในปี 2023 ตอนนี้ UltraRAM ได้เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมผลิตในปริมาณมาก โดยมีแผนจะร่วมมือกับโรงงานผลิตชิปและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อเข้าสู่ตลาดจริง

    หากประสบความสำเร็จ UltraRAM อาจกลายเป็น “หน่วยความจำสากล” ที่ใช้ได้ทั้งในอุปกรณ์ IoT สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องแยกหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile อีกต่อไป

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    UltraRAM เป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ที่รวมข้อดีของ DRAM และ NAND
    มีความเร็วระดับ DRAM, ความทนทานสูงกว่า NAND 4,000 เท่า และเก็บข้อมูลได้นานถึง 1,000 ปี
    ใช้พลังงานต่ำมากในการสลับสถานะข้อมูล (<1 femtojoule) และทำงานเร็ว (100 ns)
    พัฒนาโดย Quinas Technology ร่วมกับ IQE plc และมหาวิทยาลัย Lancaster
    ใช้วัสดุ gallium antimonide และ aluminum antimonide ในกระบวนการ epitaxy
    กระบวนการ epitaxy ที่พัฒนาได้ถูกยกระดับเป็นระดับอุตสาหกรรมแล้ว
    UltraRAM ได้รับรางวัลจาก WIPO และ Flash Memory Summit ในปี 2025
    มีแผนเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ร่วมกับโรงงานและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์
    เป้าหมายคือการสร้าง “หน่วยความจำสากล” สำหรับทุกอุปกรณ์ดิจิทัล
    โครงการนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษในการสร้างอธิปไตยด้านเซมิคอนดักเตอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DRAM ต้องใช้พลังงานในการรีเฟรชข้อมูลตลอดเวลา ขณะที่ UltraRAM ไม่ต้องรีเฟรช
    NAND มีข้อจำกัดด้านความเร็วและความทนทานในการเขียนข้อมูลซ้ำ
    Quantum resonant tunneling เป็นหลักการที่ใช้ใน UltraRAM ซึ่งยังไม่เคยถูกใช้ในหน่วยความจำเชิงพาณิชย์มาก่อน
    หาก UltraRAM เข้าสู่ตลาดได้สำเร็จ อาจลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกอย่างมหาศาล
    การรวมหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile จะช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบคอมพิวเตอร์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/ultraram-scaled-for-volume-production-memory-that-promises-dram-like-speeds-4-000x-the-durability-of-nand-and-data-retention-for-up-to-a-thousand-years-is-now-ready-for-manufacturing
    🎙️ UltraRAM — หน่วยความจำแห่งอนาคตที่อาจเปลี่ยนโลกดิจิทัลไปตลอดกาล ลองจินตนาการถึงหน่วยความจำที่เร็วเท่า DRAM แต่เก็บข้อมูลได้ยาวนานกว่าพันปี และทนทานกว่านานด์แฟลชถึง 4,000 เท่า — นั่นคือ UltraRAM ที่กำลังจะกลายเป็นจริง เทคโนโลยีนี้เริ่มต้นจากงานวิจัยในมหาวิทยาลัย Lancaster และพัฒนาโดยบริษัท Quinas Technology ซึ่งร่วมมือกับ IQE plc ผู้เชี่ยวชาญด้านเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสร้างกระบวนการผลิตแบบ epitaxy ด้วยวัสดุแปลกใหม่อย่าง gallium antimonide และ aluminum antimonide ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมสำหรับหน่วยความจำ UltraRAM ใช้หลักการ quantum resonant tunneling ในการสลับสถานะข้อมูล ซึ่งใช้พลังงานต่ำมาก (ต่ำกว่า 1 femtojoule) และสามารถสลับสถานะได้ในเวลาเพียง 100 นาโนวินาที ทำให้มันเป็นหน่วยความจำที่มีศักยภาพจะรวมข้อดีของ DRAM และ NAND ไว้ในชิ้นเดียว หลังจากการทดสอบต้นแบบในปี 2023 ตอนนี้ UltraRAM ได้เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมผลิตในปริมาณมาก โดยมีแผนจะร่วมมือกับโรงงานผลิตชิปและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อเข้าสู่ตลาดจริง หากประสบความสำเร็จ UltraRAM อาจกลายเป็น “หน่วยความจำสากล” ที่ใช้ได้ทั้งในอุปกรณ์ IoT สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องแยกหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile อีกต่อไป 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ UltraRAM เป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ที่รวมข้อดีของ DRAM และ NAND ➡️ มีความเร็วระดับ DRAM, ความทนทานสูงกว่า NAND 4,000 เท่า และเก็บข้อมูลได้นานถึง 1,000 ปี ➡️ ใช้พลังงานต่ำมากในการสลับสถานะข้อมูล (<1 femtojoule) และทำงานเร็ว (100 ns) ➡️ พัฒนาโดย Quinas Technology ร่วมกับ IQE plc และมหาวิทยาลัย Lancaster ➡️ ใช้วัสดุ gallium antimonide และ aluminum antimonide ในกระบวนการ epitaxy ➡️ กระบวนการ epitaxy ที่พัฒนาได้ถูกยกระดับเป็นระดับอุตสาหกรรมแล้ว ➡️ UltraRAM ได้รับรางวัลจาก WIPO และ Flash Memory Summit ในปี 2025 ➡️ มีแผนเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ร่วมกับโรงงานและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ➡️ เป้าหมายคือการสร้าง “หน่วยความจำสากล” สำหรับทุกอุปกรณ์ดิจิทัล ➡️ โครงการนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษในการสร้างอธิปไตยด้านเซมิคอนดักเตอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DRAM ต้องใช้พลังงานในการรีเฟรชข้อมูลตลอดเวลา ขณะที่ UltraRAM ไม่ต้องรีเฟรช ➡️ NAND มีข้อจำกัดด้านความเร็วและความทนทานในการเขียนข้อมูลซ้ำ ➡️ Quantum resonant tunneling เป็นหลักการที่ใช้ใน UltraRAM ซึ่งยังไม่เคยถูกใช้ในหน่วยความจำเชิงพาณิชย์มาก่อน ➡️ หาก UltraRAM เข้าสู่ตลาดได้สำเร็จ อาจลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกอย่างมหาศาล ➡️ การรวมหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile จะช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบคอมพิวเตอร์ https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/ultraram-scaled-for-volume-production-memory-that-promises-dram-like-speeds-4-000x-the-durability-of-nand-and-data-retention-for-up-to-a-thousand-years-is-now-ready-for-manufacturing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • Humain กับภารกิจเปลี่ยนซาอุฯ ให้เป็นมหาอำนาจ AI ด้วยชิปจากสหรัฐฯ

    กลางปี 2025 ซาอุดีอาระเบียเปิดตัวบริษัทใหม่ชื่อว่า “Humain” ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Public Investment Fund) โดยมีเป้าหมายชัดเจน: เปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ของภูมิภาค

    Humain เริ่มต้นด้วยการสร้างศูนย์ข้อมูล (data centers) ขนาดใหญ่ในสองเมืองหลักคือ ริยาดและดัมมาม โดยแต่ละแห่งจะมีความสามารถในการใช้พลังงานสูงถึง 100 เมกะวัตต์ และมีกำหนดเปิดใช้งานในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2026

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Humain เลือกใช้ชิป AI จากบริษัทสหรัฐฯ เช่น NVIDIA และ AMD โดยได้รับอนุมัติให้นำเข้า “Blackwell” chips รุ่นล่าสุดจำนวน 18,000 ชิ้น ซึ่งถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างซาอุฯ กับสหรัฐฯ ที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ

    นอกจากนี้ Humain ยังมีแผนขยายศูนย์ข้อมูลให้มีขนาดรวมถึง 1.9 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 และร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Qualcomm, Cisco และแม้แต่ xAI ของ Elon Musk เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    เบื้องหลังทั้งหมดนี้คือวิสัยทัศน์ของมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman ที่ต้องการผลักดันประเทศให้พ้นจากการพึ่งพาน้ำมัน และเข้าสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคตผ่าน “Vision 2030”

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Humain เป็นบริษัท AI ใหม่ของซาอุดีอาระเบีย เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2025
    เริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลในริยาดและดัมมาม กำหนดเปิดใช้งานต้นปี 2026
    แต่ละแห่งมีความสามารถเริ่มต้นที่ 100 เมกะวัตต์
    ใช้ชิป AI จากสหรัฐฯ เช่น NVIDIA และ AMD
    ได้รับอนุมัติให้นำเข้า Blackwell chips จำนวน 18,000 ชิ้น
    มีแผนขยายศูนย์ข้อมูลรวมถึง 1.9 กิกะวัตต์ภายในปี 2030
    ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Qualcomm, Cisco และ xAI
    Humain อยู่ภายใต้การดูแลของกองทุน PIF และมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman
    เป้าหมายคือสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI และโมเดลขั้นสูงในภูมิภาค
    การเปิดตัว Humain เกิดขึ้นพร้อมกับการเยือนของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีการตกลงมูลค่า 600 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทสหรัฐฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Blackwell chips ของ NVIDIA เป็นชิป AI รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่องานประมวลผลขนาดใหญ่ เช่น LLM และการฝึกโมเดล deep learning
    การใช้ชิปจากสหรัฐฯ สะท้อนถึงการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกในช่วงเปลี่ยนผ่านของซาอุฯ
    Vision 2030 เป็นแผนยุทธศาสตร์ของซาอุฯ ที่มุ่งเน้นการลดการพึ่งพาน้ำมันและส่งเสริมเทคโนโลยี
    การลงทุนใน AI ยังรวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร 20,000 คนภายในปี 2030
    การสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ช่วยให้ซาอุฯ มีอำนาจในการประมวลผลข้อมูลในระดับภูมิภาค

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/26/saudi039s-humain-to-launch-data-centers-with-us-chips-in-early-2026-bloomberg-news-reports
    🎙️ Humain กับภารกิจเปลี่ยนซาอุฯ ให้เป็นมหาอำนาจ AI ด้วยชิปจากสหรัฐฯ กลางปี 2025 ซาอุดีอาระเบียเปิดตัวบริษัทใหม่ชื่อว่า “Humain” ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Public Investment Fund) โดยมีเป้าหมายชัดเจน: เปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ของภูมิภาค Humain เริ่มต้นด้วยการสร้างศูนย์ข้อมูล (data centers) ขนาดใหญ่ในสองเมืองหลักคือ ริยาดและดัมมาม โดยแต่ละแห่งจะมีความสามารถในการใช้พลังงานสูงถึง 100 เมกะวัตต์ และมีกำหนดเปิดใช้งานในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2026 สิ่งที่น่าสนใจคือ Humain เลือกใช้ชิป AI จากบริษัทสหรัฐฯ เช่น NVIDIA และ AMD โดยได้รับอนุมัติให้นำเข้า “Blackwell” chips รุ่นล่าสุดจำนวน 18,000 ชิ้น ซึ่งถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างซาอุฯ กับสหรัฐฯ ที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ Humain ยังมีแผนขยายศูนย์ข้อมูลให้มีขนาดรวมถึง 1.9 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 และร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Qualcomm, Cisco และแม้แต่ xAI ของ Elon Musk เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เบื้องหลังทั้งหมดนี้คือวิสัยทัศน์ของมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman ที่ต้องการผลักดันประเทศให้พ้นจากการพึ่งพาน้ำมัน และเข้าสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคตผ่าน “Vision 2030” 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Humain เป็นบริษัท AI ใหม่ของซาอุดีอาระเบีย เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2025 ➡️ เริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลในริยาดและดัมมาม กำหนดเปิดใช้งานต้นปี 2026 ➡️ แต่ละแห่งมีความสามารถเริ่มต้นที่ 100 เมกะวัตต์ ➡️ ใช้ชิป AI จากสหรัฐฯ เช่น NVIDIA และ AMD ➡️ ได้รับอนุมัติให้นำเข้า Blackwell chips จำนวน 18,000 ชิ้น ➡️ มีแผนขยายศูนย์ข้อมูลรวมถึง 1.9 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 ➡️ ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Qualcomm, Cisco และ xAI ➡️ Humain อยู่ภายใต้การดูแลของกองทุน PIF และมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman ➡️ เป้าหมายคือสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI และโมเดลขั้นสูงในภูมิภาค ➡️ การเปิดตัว Humain เกิดขึ้นพร้อมกับการเยือนของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีการตกลงมูลค่า 600 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Blackwell chips ของ NVIDIA เป็นชิป AI รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่องานประมวลผลขนาดใหญ่ เช่น LLM และการฝึกโมเดล deep learning ➡️ การใช้ชิปจากสหรัฐฯ สะท้อนถึงการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกในช่วงเปลี่ยนผ่านของซาอุฯ ➡️ Vision 2030 เป็นแผนยุทธศาสตร์ของซาอุฯ ที่มุ่งเน้นการลดการพึ่งพาน้ำมันและส่งเสริมเทคโนโลยี ➡️ การลงทุนใน AI ยังรวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร 20,000 คนภายในปี 2030 ➡️ การสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ช่วยให้ซาอุฯ มีอำนาจในการประมวลผลข้อมูลในระดับภูมิภาค https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/26/saudi039s-humain-to-launch-data-centers-with-us-chips-in-early-2026-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Saudi's Humain to launch data centers with US chips in early 2026, Bloomberg News reports
    (Reuters) -Humain, Saudi Arabia's new artificial intelligence company, has begun construction of its first data centers in the kingdom, and plans to bring them online in early 2026 using semiconductors imported from the U.S., Bloomberg News reported on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางใหม่ในโลกการทำงานยุค AI : คู่มือเชิงกลยุทธ์สำหรับคนไทยวัย 45 ปี

    ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานอย่างรวดเร็ว การถูกให้ออกจากงานหรือถูกบังคับเกษียณก่อนกำหนดในวัย 45 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนยังต้องแบกรับภาระครอบครัวและความรับผิดชอบสูงสุดในชีวิต กลายเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและสร้างความช็อกให้กับคนทำงานจำนวนมาก ความรู้สึกสิ้นหวัง การตั้งคำถามกับคุณค่าในตัวเอง และความรู้สึกด้อยค่าที่ว่า "ทำมา 10 ปีแต่ไม่รอด" ล้วนเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เข้าใจได้และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานระดับโลก รายงานนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมากกว่าแค่ข้อมูล แต่เป็นแผนที่ชีวิตที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤตนี้สามารถตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยเปลี่ยนมุมมองจากจุดจบไปสู่จุดเปลี่ยนที่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาส

    เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามที่ว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน" มักผุดขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อ AI กลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดเกมในตลาดแรงงานไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจาก AI เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ เช่น สังคมสูงวัย ในประเทศรายได้สูงและการเพิ่มขึ้นของแรงงานในประเทศรายได้ต่ำ ตลอดจนความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตามรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO คาดการณ์ว่าในอีกสองทศวรรษข้างหน้า ตำแหน่งงานในไทยมากกว่า 44% หรือราว 17 ล้านตำแหน่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังที่กำลังปรับโครงสร้างการจ้างงานอย่างถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ และงานประจำ ซึ่งแรงงานวัยกลางคนจำนวนมากรับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลของทักษะในตลาดแรงงาน แม้จะมีคนว่างงานมาก แต่พวกเขาก็ขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับงานใหม่ที่เทคโนโลยีสร้างขึ้น การทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คนทำงานมองเห็นปัญหาในมุมกว้างและวางแผนพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต

    เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น การจำแนกอาชีพตามระดับความเสี่ยงจาก AI ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงมักเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำหรือการจัดการข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ง่าย เช่น พนักงานแคชเชียร์หรือพนักงานขายหน้าร้านที่ถูกแทนที่ด้วยระบบ self-checkout และการซื้อขายออนไลน์ เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าหรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ chatbot และระบบตอบรับอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานป้อนและประมวลผลข้อมูลที่ระบบ OCR และ AI สามารถจัดการข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พนักงานขนส่งและโลจิสติกส์รวมถึงคนขับรถที่รถยนต์ไร้คนขับ และโดรนส่งของกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และพนักงานบัญชีที่โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปและ AI สามารถบันทึกและประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ในทางตรงกันข้าม อาชีพที่ทนทานต่อ AI และกำลังเติบโตมักต้องใช้ทักษะเชิงมนุษย์ชั้นสูงที่ซับซ้อนและเลียนแบบได้ยาก เช่น แพทย์ นักจิตวิทยา และพยาบาลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง ประสบการณ์ การตัดสินใจที่ซับซ้อน และความเข้าใจมนุษย์ ครู-อาจารย์ที่ต้องใช้ทักษะการสอนที่ละเอียดอ่อน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการสร้างแรงบันดาลใจ นักกฎหมายที่ต้องคิดเชิงวิเคราะห์ซับซ้อน 🛜 การสื่อสาร และการตัดสินใจในบริบทละเอียดอ่อน นักพัฒนา AI Data Scientist และ AI Ethicist ที่เป็นผู้สร้างและควบคุมเทคโนโลยีเอง โดยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทางระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญด้าน soft skills ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสาร ภาวะผู้นำ และการจัดการอารมณ์ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่รายการอาชีพ แต่เป็นแผนที่กลยุทธ์ที่ชี้ทิศทางของตลาดแรงงาน คุณค่าของมนุษย์ในยุค AI อยู่ที่ทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานวางแผนอัปสกิลหรือรีสกิลไปสู่อาชีพที่ยั่งยืนกว่า

    เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก การตั้งหลักอย่างมีสติและกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากจัดการคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา การถูกให้ออกจากงานอย่างกะทันหันอาจนำมาซึ่งความสับสน โกรธ สูญเสีย และด้อยค่า ผู้ที่เคยผ่านสถานการณ์นี้แนะนำให้ยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นและให้เวลาตัวเองจัดการ โดยวิธีต่างๆ เช่น พูดคุยกับคนรอบข้างเพื่อรับกำลังใจและมุมมองใหม่ เขียนระบายความรู้สึกเพื่อจัดระเบียบความคิดและลดภาระจิตใจ หรือฝึกสมาธิและโยคะเพื่อทำให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และตัดสินใจได้ดีขึ้น การปล่อยวางความคิดที่ว่าต้องชนะทุกเกมหรือชีวิตต้องเป็นไปตามแผนจะช่วยลดความกดดันและเปิดโอกาสให้คิดหาทางออกใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ การให้กำลังใจตัวเองและไม่ยอมแพ้จะเป็นพลังที่นำไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม

    ต่อจากนั้นคือการจัดการเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างสิทธิประโยชน์และแผนการเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน การใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงาน หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน และต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกจากงาน มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง การขึ้นทะเบียนสามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน เช่น e-service.doe.go.th หรือ empui.doe.go.th โดยลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ กรอกข้อมูลส่วนตัว วันที่ออกจากงาน สาเหตุ และยืนยันตัวตนด้วยรหัสหลังบัตรประชาชน จากนั้นเลือกเมนูขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานและกรอกข้อมูลการทำงานล่าสุด หลังจากนั้นยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม เช่น แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนว่างงาน (สปส. 2-01/7) สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองการออกจากงาน (ถ้ามี) และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ร่วมรายการ สุดท้ายต้องรายงานตัวทุกเดือนผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อควรระวังคือผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปีจะไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงาน แต่ต้องใช้สิทธิเบี้ยชราภาพแทน

    ถัดมาคือการประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อค้นหาคุณค่าจากประสบการณ์ที่สั่งสม การถูกเลิกจ้างในวัย 45 ปีไม่ได้หมายถึงคุณค่าหมดสิ้น แต่กลับกัน อายุและประสบการณ์คือทุนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ปัญหาที่แท้จริงคือทัศนคติที่ต้องปรับเปลี่ยน องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคนที่เปิดใจเรียนรู้และทำงานร่วมกับคนต่างวัย การเปลี่ยนจากการพูดถึงลักษณะงานไปสู่การบอกเล่าความสำเร็จที่จับต้องได้จะสร้างความน่าเชื่อถือ ทักษะที่นำไปปรับใช้ได้หรือ transferable skills คือขุมทรัพย์ของคนวัยนี้ เช่น ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจากประสบการณ์ยาวนานที่ทำให้มองปัญหาได้อย่างเป็นระบบ โดยนำเสนอด้วยตัวอย่างปัญหาที่เคยแก้ไขพร้อมขั้นตอนวิเคราะห์และผลลัพธ์จริง ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีมจากประสบการณ์นำทีมโครงการใหญ่ โดยระบุรายละเอียดเช่นนำทีม 10 คนลดต้นทุนได้ 15% ทักษะการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์จากการประสานงาน เจรจา และจัดการความขัดแย้ง โดยเล่าเรื่องที่แสดงถึงความเข้าใจผู้อื่น และการสร้างเครือข่ายจากความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม โดยใช้เพื่อขอคำแนะนำหรือหาโอกาสงาน การประยุกต์ทักษะเหล่านี้จะเปลี่ยนจุดอ่อนเรื่องอายุให้เป็นจุดแข็งที่ไม่เหมือนใคร

    ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การยกระดับทักษะเพื่อการแข่งขันในยุคใหม่จึงจำเป็น โดยการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือกุญแจสู่ความอยู่รอด มีแหล่งฝึกอบรมมากมายในไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือ DSD ที่ให้บริการฝึกอบรมหลากหลายทั้งหลักสูตรระยะสั้นสำหรับรีสกิลและอัปสกิล เช่น หลักสูตร AI สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์อย่าง Excel และ Power BI งานช่างอย่างช่างเดินสายไฟฟ้า และอาชีพอิสระอย่างทำอาหารไทย สามารถตรวจสอบและสมัครผ่านเว็บไซต์ dsd.go.th หรือ onlinetraining.dsd.go.th ต่อมาคือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่เปิดหลักสูตรฟรีเช่นการดูแลผู้สูงอายุและเสริมสวย และกรมการจัดหางานที่มีกิจกรรมแนะแนวอาชีพสำหรับผู้ว่างงาน สำหรับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดหลักสูตรสะสมหน่วยกิตสำหรับรีสกิลและอัปสกิล ส่วนแพลตฟอร์มเอกชนอย่าง FutureSkill และ SkillLane นำเสนอคอร์สทักษะแห่งอนาคตทั้ง hard skills ด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ธุรกิจ และ soft skills สำหรับทำงานร่วมกับ AI

    เมื่อพร้อมทั้งอารมณ์และทักษะ การกำหนดแผนปฏิบัติการ 3 เส้นทางสู่ความสำเร็จจะเป็นขั้นตอนต่อไป

    1️⃣ เส้นทางแรกคือการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้ประสบการณ์เป็นแต้มต่อ เทคนิคเขียนเรซูเม่สำหรับวัยเก๋าคือหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ทำให้ถูกเหมารวมอย่างปีจบการศึกษา ใช้คำสร้างความน่าเชื่อถือเช่นมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเน้นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม การสร้างโปรไฟล์ LinkedIn เพื่อนำเสนอประสบการณ์อย่างมืออาชีพ และใช้เครือข่ายอย่างเพื่อนร่วมงานเก่าหรือ head hunter เพื่อเปิดโอกาสงานที่ไม่ได้ประกาศทั่วไป

    2️⃣ เส้นทางที่สองคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่างฟรีแลนซ์หรือคอนซัลแทนต์ ซึ่งเหมาะกับผู้มีประสบการณ์สูงและต้องการกำหนดเวลาทำงานเอง อาชีพที่น่าสนใจเช่นที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับองค์กรขนาดเล็ก นักเขียนหรือนักแปลอิสระที่ยังต้องอาศัยมนุษย์ตรวจสอบเนื้อหาละเอียดอ่อน และนักบัญชีหรือนักการเงินอิสระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเตรียมพร้อมคือสร้างพอร์ตโฟลิโอที่น่าเชื่อถือเพราะผลงานสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา

    3️⃣ เส้นทางที่สามคือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กจากงานอดิเรก โดยใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน เช่นขายของออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ หรือเป็น influencer หรือ YouTuber โดยใช้ประสบการณ์สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ไอเดียธุรกิจที่ลงทุนน้อยและเหมาะสม เช่นธุรกิจอาหารและบริการอย่างทำอาหารหรือขนมขายจากบ้าน ขายของตลาดนัด หรือบริการดูแลผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยง ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อย่างขายเสื้อผ้าหรือเป็นตัวแทนขายประกัน ธุรกิจที่ปรึกษาหรือฟรีแลนซ์อย่างที่ปรึกษาองค์กร นักเขียนอิสระ หรือที่ปรึกษาการเงิน และธุรกิจสร้างสรรค์อย่างปลูกผักปลอดสารพิษ งานฝีมือศิลปะ หรือเป็น influencer

    เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ การดูเรื่องราวความสำเร็จจากผู้ที่ก้าวข้ามมาแล้วจะช่วยให้เห็นว่าการเริ่มต้นใหม่ในวัย 45 ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น Henry Ford ที่ประสบความสำเร็จกับรถยนต์ Model T ในวัย 45 ปี Colonel Sanders ที่เริ่มแฟรนไชส์ KFC ในวัย 62 ปี หรือในไทยอย่างอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดที่ถูกเลิกจ้างแต่ผันตัวเป็นผู้ค้าอิสระและประสบความสำเร็จ เรื่องราวเหล่านี้แสดงว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และความมุ่งมั่นคือกุญแจ

    สุดท้าย การเผชิญกับการถูกบังคับเกษียณในวัย 45 ปีไม่ใช่จุดจบแต่เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่ที่ทรงคุณค่า ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติคือตั้งสติจัดการอารมณ์ ใช้สิทธิประโยชน์ให้เต็มที่ ประเมินคุณค่าจากประสบการณ์ ยกระดับทักษะอย่างต่อเนื่อง และสำรวจทางเลือกใหม่ๆ ท้ายที่สุด วัย 45 ปีคือช่วงเวลาที่ทรงพลังที่สุดในการนำประสบการณ์กว่าสองทศวรรษไปสร้างคุณค่าใหม่ให้ชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    เส้นทางใหม่ในโลกการทำงานยุค AI 🤖: 📚 คู่มือเชิงกลยุทธ์สำหรับคนไทยวัย 45 ปี 🙎‍♂️ ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานอย่างรวดเร็ว การถูกให้ออกจากงานหรือถูกบังคับเกษียณก่อนกำหนดในวัย 45 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนยังต้องแบกรับภาระครอบครัวและความรับผิดชอบสูงสุดในชีวิต กลายเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและสร้างความช็อกให้กับคนทำงานจำนวนมาก ความรู้สึกสิ้นหวัง🤞 การตั้งคำถามกับคุณค่าในตัวเอง และความรู้สึกด้อยค่าที่ว่า "ทำมา 10 ปีแต่ไม่รอด" ล้วนเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เข้าใจได้และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานระดับโลก🌏 รายงานนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมากกว่าแค่ข้อมูล แต่เป็นแผนที่ชีวิตที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤตนี้สามารถตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยเปลี่ยนมุมมองจากจุดจบไปสู่จุดเปลี่ยนที่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาส 🌞 เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามที่ว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน" ⁉️ มักผุดขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อ AI กลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดเกมในตลาดแรงงานไทย 🙏 ซึ่งกำลังเผชิญกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจาก AI เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ เช่น สังคมสูงวัย 👴 ในประเทศรายได้สูงและการเพิ่มขึ้นของแรงงานในประเทศรายได้ต่ำ ตลอดจนความผันผวนทางเศรษฐกิจ📉 ตามรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO คาดการณ์ว่าในอีกสองทศวรรษข้างหน้า ตำแหน่งงานในไทยมากกว่า 44% หรือราว 17 ล้านตำแหน่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังที่กำลังปรับโครงสร้างการจ้างงานอย่างถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ และงานประจำ ซึ่งแรงงานวัยกลางคนจำนวนมากรับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลของทักษะในตลาดแรงงาน แม้จะมีคนว่างงานมาก แต่พวกเขาก็ขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับงานใหม่ที่เทคโนโลยีสร้างขึ้น การทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คนทำงานมองเห็นปัญหาในมุมกว้างและวางแผนพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต 🔮 เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น การจำแนกอาชีพตามระดับความเสี่ยงจาก AI ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงมักเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำหรือการจัดการข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ง่าย เช่น พนักงานแคชเชียร์หรือพนักงานขายหน้าร้านที่ถูกแทนที่ด้วยระบบ self-checkout 🏧 และการซื้อขายออนไลน์ 🌐 เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าหรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ chatbot 🤖 และระบบตอบรับอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานป้อนและประมวลผลข้อมูลที่ระบบ OCR และ AI สามารถจัดการข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พนักงานขนส่งและโลจิสติกส์รวมถึงคนขับรถที่รถยนต์ไร้คนขับ 🚗 และโดรนส่งของกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และพนักงานบัญชีที่โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปและ AI สามารถบันทึกและประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ในทางตรงกันข้าม อาชีพที่ทนทานต่อ AI และกำลังเติบโตมักต้องใช้ทักษะเชิงมนุษย์ชั้นสูงที่ซับซ้อนและเลียนแบบได้ยาก เช่น 🧑‍⚕️ แพทย์ 👩‍🔬นักจิตวิทยา และพยาบาลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง ประสบการณ์ การตัดสินใจที่ซับซ้อน และความเข้าใจมนุษย์ 👩‍🏫 ครู-อาจารย์ที่ต้องใช้ทักษะการสอนที่ละเอียดอ่อน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการสร้างแรงบันดาลใจ นักกฎหมายที่ต้องคิดเชิงวิเคราะห์ซับซ้อน 🛜 การสื่อสาร และการตัดสินใจในบริบทละเอียดอ่อน นักพัฒนา AI Data Scientist และ AI Ethicist ที่เป็นผู้สร้างและควบคุมเทคโนโลยีเอง โดยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทางระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญด้าน soft skills ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสาร ภาวะผู้นำ และการจัดการอารมณ์ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่รายการอาชีพ แต่เป็นแผนที่กลยุทธ์ที่ชี้ทิศทางของตลาดแรงงาน คุณค่าของมนุษย์ในยุค AI อยู่ที่ทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานวางแผนอัปสกิลหรือรีสกิลไปสู่อาชีพที่ยั่งยืนกว่า เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก การตั้งหลักอย่างมีสติและกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากจัดการคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา 🧘 การถูกให้ออกจากงานอย่างกะทันหันอาจนำมาซึ่งความสับสน โกรธ สูญเสีย และด้อยค่า ผู้ที่เคยผ่านสถานการณ์นี้แนะนำให้ยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นและให้เวลาตัวเองจัดการ โดยวิธีต่างๆ เช่น พูดคุยกับคนรอบข้างเพื่อรับกำลังใจและมุมมองใหม่ เขียนระบายความรู้สึกเพื่อจัดระเบียบความคิดและลดภาระจิตใจ หรือฝึกสมาธิและโยคะเพื่อทำให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และตัดสินใจได้ดีขึ้น การปล่อยวางความคิดที่ว่าต้องชนะทุกเกมหรือชีวิตต้องเป็นไปตามแผนจะช่วยลดความกดดันและเปิดโอกาสให้คิดหาทางออกใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ การให้กำลังใจตัวเองและไม่ยอมแพ้จะเป็นพลังที่นำไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม 💪 ต่อจากนั้นคือการจัดการเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างสิทธิประโยชน์และแผนการเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน การใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงาน หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน และต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกจากงาน มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง การขึ้นทะเบียนสามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน เช่น e-service.doe.go.th หรือ empui.doe.go.th โดยลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ กรอกข้อมูลส่วนตัว วันที่ออกจากงาน สาเหตุ และยืนยันตัวตนด้วยรหัสหลังบัตรประชาชน จากนั้นเลือกเมนูขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานและกรอกข้อมูลการทำงานล่าสุด หลังจากนั้นยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม เช่น แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนว่างงาน (สปส. 2-01/7) สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองการออกจากงาน (ถ้ามี) และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ร่วมรายการ สุดท้ายต้องรายงานตัวทุกเดือนผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อควรระวังคือผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปีจะไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงาน แต่ต้องใช้สิทธิเบี้ยชราภาพแทน 💷💶💵 ถัดมาคือการประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อค้นหาคุณค่าจากประสบการณ์ที่สั่งสม การถูกเลิกจ้างในวัย 45 ปีไม่ได้หมายถึงคุณค่าหมดสิ้น แต่กลับกัน อายุและประสบการณ์คือทุนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ปัญหาที่แท้จริงคือทัศนคติที่ต้องปรับเปลี่ยน องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคนที่เปิดใจเรียนรู้และทำงานร่วมกับคนต่างวัย การเปลี่ยนจากการพูดถึงลักษณะงานไปสู่การบอกเล่าความสำเร็จที่จับต้องได้จะสร้างความน่าเชื่อถือ ทักษะที่นำไปปรับใช้ได้หรือ transferable skills คือขุมทรัพย์ของคนวัยนี้ เช่น ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจากประสบการณ์ยาวนานที่ทำให้มองปัญหาได้อย่างเป็นระบบ โดยนำเสนอด้วยตัวอย่างปัญหาที่เคยแก้ไขพร้อมขั้นตอนวิเคราะห์และผลลัพธ์จริง 📊 ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีมจากประสบการณ์นำทีมโครงการใหญ่ โดยระบุรายละเอียดเช่นนำทีม 10 คนลดต้นทุนได้ 15% ทักษะการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์จากการประสานงาน เจรจา และจัดการความขัดแย้ง โดยเล่าเรื่องที่แสดงถึงความเข้าใจผู้อื่น และการสร้างเครือข่ายจากความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม โดยใช้เพื่อขอคำแนะนำหรือหาโอกาสงาน การประยุกต์ทักษะเหล่านี้จะเปลี่ยนจุดอ่อนเรื่องอายุให้เป็นจุดแข็งที่ไม่เหมือนใคร 🧍‍♂️ ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การยกระดับทักษะเพื่อการแข่งขันในยุคใหม่จึงจำเป็น โดยการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือกุญแจสู่ความอยู่รอด 🏫 มีแหล่งฝึกอบรมมากมายในไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือ DSD ที่ให้บริการฝึกอบรมหลากหลายทั้งหลักสูตรระยะสั้นสำหรับรีสกิลและอัปสกิล เช่น หลักสูตร AI สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์อย่าง Excel และ Power BI งานช่างอย่างช่างเดินสายไฟฟ้า และอาชีพอิสระอย่างทำอาหารไทย สามารถตรวจสอบและสมัครผ่านเว็บไซต์ dsd.go.th หรือ onlinetraining.dsd.go.th 🌐 ต่อมาคือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่เปิดหลักสูตรฟรีเช่นการดูแลผู้สูงอายุและเสริมสวย และกรมการจัดหางานที่มีกิจกรรมแนะแนวอาชีพสำหรับผู้ว่างงาน สำหรับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดหลักสูตรสะสมหน่วยกิตสำหรับรีสกิลและอัปสกิล ส่วนแพลตฟอร์มเอกชนอย่าง FutureSkill และ SkillLane 🕸️ นำเสนอคอร์สทักษะแห่งอนาคตทั้ง hard skills ด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ธุรกิจ และ soft skills สำหรับทำงานร่วมกับ AI เมื่อพร้อมทั้งอารมณ์และทักษะ การกำหนดแผนปฏิบัติการ 3 เส้นทางสู่ความสำเร็จจะเป็นขั้นตอนต่อไป 1️⃣ เส้นทางแรกคือการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้ประสบการณ์เป็นแต้มต่อ 👩‍💻 เทคนิคเขียนเรซูเม่สำหรับวัยเก๋าคือหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ทำให้ถูกเหมารวมอย่างปีจบการศึกษา ใช้คำสร้างความน่าเชื่อถือเช่นมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเน้นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม การสร้างโปรไฟล์ LinkedIn เพื่อนำเสนอประสบการณ์อย่างมืออาชีพ และใช้เครือข่ายอย่างเพื่อนร่วมงานเก่าหรือ head hunter เพื่อเปิดโอกาสงานที่ไม่ได้ประกาศทั่วไป 2️⃣ เส้นทางที่สองคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่างฟรีแลนซ์หรือคอนซัลแทนต์ 👨‍🏭 ซึ่งเหมาะกับผู้มีประสบการณ์สูงและต้องการกำหนดเวลาทำงานเอง อาชีพที่น่าสนใจเช่นที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับองค์กรขนาดเล็ก นักเขียนหรือนักแปลอิสระที่ยังต้องอาศัยมนุษย์ตรวจสอบเนื้อหาละเอียดอ่อน และนักบัญชีหรือนักการเงินอิสระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเตรียมพร้อมคือสร้างพอร์ตโฟลิโอที่น่าเชื่อถือเพราะผลงานสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา 3️⃣ เส้นทางที่สามคือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กจากงานอดิเรก 🏓 โดยใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน เช่นขายของออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ หรือเป็น influencer หรือ YouTuber โดยใช้ประสบการณ์สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ไอเดียธุรกิจที่ลงทุนน้อยและเหมาะสม เช่นธุรกิจอาหารและบริการอย่างทำอาหารหรือขนมขายจากบ้าน ขายของตลาดนัด หรือบริการดูแลผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยง ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อย่างขายเสื้อผ้าหรือเป็นตัวแทนขายประกัน ธุรกิจที่ปรึกษาหรือฟรีแลนซ์อย่างที่ปรึกษาองค์กร นักเขียนอิสระ หรือที่ปรึกษาการเงิน และธุรกิจสร้างสรรค์อย่างปลูกผักปลอดสารพิษ งานฝีมือศิลปะ หรือเป็น influencer เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ การดูเรื่องราวความสำเร็จจากผู้ที่ก้าวข้ามมาแล้วจะช่วยให้เห็นว่าการเริ่มต้นใหม่ในวัย 45 ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น Henry Ford ที่ประสบความสำเร็จกับรถยนต์ Model T ในวัย 45 ปี Colonel Sanders ที่เริ่มแฟรนไชส์ KFC ในวัย 62 ปี หรือในไทยอย่างอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดที่ถูกเลิกจ้างแต่ผันตัวเป็นผู้ค้าอิสระและประสบความสำเร็จ เรื่องราวเหล่านี้แสดงว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และความมุ่งมั่นคือกุญแจ 🗝️ สุดท้าย การเผชิญกับการถูกบังคับเกษียณในวัย 45 ปีไม่ใช่จุดจบแต่เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่ที่ทรงคุณค่า ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติคือตั้งสติจัดการอารมณ์ ใช้สิทธิประโยชน์ให้เต็มที่ ประเมินคุณค่าจากประสบการณ์ ยกระดับทักษะอย่างต่อเนื่อง และสำรวจทางเลือกใหม่ๆ ท้ายที่สุด วัย 45 ปีคือช่วงเวลาที่ทรงพลังที่สุดในการนำประสบการณ์กว่าสองทศวรรษไปสร้างคุณค่าใหม่ให้ชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมพลังปกป้องน่านฟ้า! ผบ.ทอ.เผยโครงการ “Peace Burapha” ต้อนรับ Gripen E/F เสริมเขี้ยวเล็บฝูงบิน 102 โคราช ย้ำคำขวัญ "เราจะหยุดไพรีที่ห้าวหาญ"
    https://www.thai-tai.tv/news/21121/
    .
    #GripenEF #กองทัพอากาศ #ฝูงบิน102 #PeaceBurapha #Gripen #ไทยไท
    รวมพลังปกป้องน่านฟ้า! ผบ.ทอ.เผยโครงการ “Peace Burapha” ต้อนรับ Gripen E/F เสริมเขี้ยวเล็บฝูงบิน 102 โคราช ย้ำคำขวัญ "เราจะหยุดไพรีที่ห้าวหาญ" https://www.thai-tai.tv/news/21121/ . #GripenEF #กองทัพอากาศ #ฝูงบิน102 #PeaceBurapha #Gripen #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lisuan G100 – การ์ดจอเกมจากจีนที่กลายเป็นเครื่องมือ AI อย่างไม่คาดคิด

    ในอดีต GPU จากจีนมักถูกมองว่าเป็นของเล่นที่ยังไม่พร้อมแข่งกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง NVIDIA หรือ AMD แต่วันนี้ Lisuan G100 ได้เปลี่ยนภาพนั้นไปอย่างสิ้นเชิง

    Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology โดยใช้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “TrueGPU Tiantu” ซึ่งเป็นการออกแบบภายในทั้งหมด ไม่พึ่งพา IP จากต่างประเทศ และมีซอฟต์แวร์ของตัวเองที่รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0

    ในด้านเกม G100 ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ถึง 111,290 คะแนน ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 และเหนือกว่า RX 9060 XT และ Intel Arc A770 โดยมี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2000 MHz

    แต่สิ่งที่ทำให้ G100 น่าสนใจยิ่งกว่าคือการรองรับ INT8 operations ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับงาน AI โดยเฉพาะการ inferencing และ edge computing ทำให้ G100 ไม่ใช่แค่การ์ดจอเกม แต่เป็นเครื่องมือสำหรับงาน AI ระดับผู้ใช้ทั่วไป

    Lisuan ยังมีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ของตัวเองชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดเกมยุคใหม่ และมีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาด accelerator สำหรับงาน AI หากการเปิดตัว G100 ประสบความสำเร็จ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology
    ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU Tiantu และซอฟต์แวร์ของตัวเอง
    รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0
    ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ 111,290 ใกล้เคียง RTX 4060
    มี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็ว 2000 MHz
    รองรับ INT8 operations สำหรับงาน AI inferencing และ edge computing
    เป็น GPU จีนรุ่นแรกที่รองรับ INT8 อย่างเป็นทางการ
    มีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR
    อาจเข้าสู่ตลาด accelerator หาก G100 เปิดตัวได้สำเร็จ
    การผลิตจำนวนมากเริ่มแล้ว และคาดว่าจะวางขายปลายปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    INT8 เป็นรูปแบบการคำนวณที่ใช้ในงาน AI inferencing เพื่อประหยัดพลังงานและเพิ่มความเร็ว
    GPU ที่รองรับ INT8 มักใช้ใน edge devices เช่นกล้องอัจฉริยะหรือหุ่นยนต์
    การพัฒนา GPU ภายในประเทศช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ
    สถาปัตยกรรม TrueGPU อาจเป็นก้าวแรกของจีนในการสร้าง GPU แบบ fully independent
    การรองรับ OpenCL 3.0 ช่วยให้สามารถใช้งานกับซอฟต์แวร์ AI ได้หลากหลาย
    การแข่งขันกับ RTX 4060 แสดงถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม GPU ในจีน

    https://wccftech.com/chinas-most-capable-gaming-gpu-the-lisuan-g100-becomes-the-first-domestic-offering-to-support-fp8-operations/
    🎙️ Lisuan G100 – การ์ดจอเกมจากจีนที่กลายเป็นเครื่องมือ AI อย่างไม่คาดคิด ในอดีต GPU จากจีนมักถูกมองว่าเป็นของเล่นที่ยังไม่พร้อมแข่งกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง NVIDIA หรือ AMD แต่วันนี้ Lisuan G100 ได้เปลี่ยนภาพนั้นไปอย่างสิ้นเชิง Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology โดยใช้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “TrueGPU Tiantu” ซึ่งเป็นการออกแบบภายในทั้งหมด ไม่พึ่งพา IP จากต่างประเทศ และมีซอฟต์แวร์ของตัวเองที่รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0 ในด้านเกม G100 ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ถึง 111,290 คะแนน ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 และเหนือกว่า RX 9060 XT และ Intel Arc A770 โดยมี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2000 MHz แต่สิ่งที่ทำให้ G100 น่าสนใจยิ่งกว่าคือการรองรับ INT8 operations ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับงาน AI โดยเฉพาะการ inferencing และ edge computing ทำให้ G100 ไม่ใช่แค่การ์ดจอเกม แต่เป็นเครื่องมือสำหรับงาน AI ระดับผู้ใช้ทั่วไป Lisuan ยังมีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ของตัวเองชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดเกมยุคใหม่ และมีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาด accelerator สำหรับงาน AI หากการเปิดตัว G100 ประสบความสำเร็จ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU Tiantu และซอฟต์แวร์ของตัวเอง ➡️ รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0 ➡️ ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ 111,290 ใกล้เคียง RTX 4060 ➡️ มี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็ว 2000 MHz ➡️ รองรับ INT8 operations สำหรับงาน AI inferencing และ edge computing ➡️ เป็น GPU จีนรุ่นแรกที่รองรับ INT8 อย่างเป็นทางการ ➡️ มีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ➡️ อาจเข้าสู่ตลาด accelerator หาก G100 เปิดตัวได้สำเร็จ ➡️ การผลิตจำนวนมากเริ่มแล้ว และคาดว่าจะวางขายปลายปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ INT8 เป็นรูปแบบการคำนวณที่ใช้ในงาน AI inferencing เพื่อประหยัดพลังงานและเพิ่มความเร็ว ➡️ GPU ที่รองรับ INT8 มักใช้ใน edge devices เช่นกล้องอัจฉริยะหรือหุ่นยนต์ ➡️ การพัฒนา GPU ภายในประเทศช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ➡️ สถาปัตยกรรม TrueGPU อาจเป็นก้าวแรกของจีนในการสร้าง GPU แบบ fully independent ➡️ การรองรับ OpenCL 3.0 ช่วยให้สามารถใช้งานกับซอฟต์แวร์ AI ได้หลากหลาย ➡️ การแข่งขันกับ RTX 4060 แสดงถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม GPU ในจีน https://wccftech.com/chinas-most-capable-gaming-gpu-the-lisuan-g100-becomes-the-first-domestic-offering-to-support-fp8-operations/
    WCCFTECH.COM
    China's Most Capable Gaming GPU, the Lisuan G100, Now Also Supports INT8 Operations, Becoming Ideal For AI Workloads
    The Chinese GPU Lisuan G100, which recently made headlines for its competitive performance, is now claimed to support INT8 operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลอังกฤษไม่กินน้ำอย่างที่คิด – พลิกภาพจำของเทคโนโลยีที่กระหายน้ำ

    ในยุคที่ AI และคลาวด์กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล หลายคนอาจนึกถึงศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่กินไฟมหาศาลและใช้น้ำจำนวนมากเพื่อระบายความร้อน แต่รายงานล่าสุดจาก techUK กลับพลิกภาพนั้นอย่างสิ้นเชิง

    จากการสำรวจศูนย์ข้อมูล 73 แห่งทั่วอังกฤษ พบว่า 64% ใช้น้ำไม่ถึง 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งน้อยกว่าศูนย์กีฬา Leisure Center ทั่วไป และใกล้เคียงกับการใช้น้ำของสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

    ที่สำคัญคือกว่า 51% ของศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ใช้ระบบระบายความร้อนแบบไม่ใช้น้ำ (waterless cooling) และอีกจำนวนมากใช้ระบบ closed-loop ที่รีไซเคิลน้ำภายในวงจรปิด ทำให้ 89% ของผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องติดตามการใช้น้ำอีกต่อไป

    แม้จะมีข้อสงสัยว่าตัวเลขเหล่านี้อาจไม่รวมการใช้น้ำทางอ้อม เช่น จากการผลิตไฟฟ้า แต่รายงานก็ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของอุตสาหกรรมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเสนอให้มีการจัดทำ “ดัชนีการใช้ประโยชน์น้ำ” เพื่อวัดความเครียดของแหล่งน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ

    ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถด้านการประมวลผล 20 เท่าภายในปี 2030 การออกแบบศูนย์ข้อมูลให้ใช้น้ำน้อยลงจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รายงานจาก techUK พบว่า 64% ของศูนย์ข้อมูลในอังกฤษใช้น้ำต่ำกว่า 10,000 ลบ.ม./ปี
    ปริมาณนี้น้อยกว่าศูนย์กีฬา Leisure Center และใกล้เคียงกับสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
    51% ของศูนย์ข้อมูลใช้ระบบระบายความร้อนแบบไม่ใช้น้ำ (waterless cooling)
    หลายแห่งใช้ระบบ closed-loop ที่รีไซเคิลน้ำภายในวงจร
    89% ของผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องติดตามการใช้น้ำอีกต่อไป
    การระบายความร้อนเป็นปัจจัยหลักที่เคยทำให้ศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมาก
    รายงานเสนอให้มีการจัดทำ “ดัชนีการใช้ประโยชน์น้ำ” เพื่อวัดความเครียดของแหล่งน้ำ
    ศูนย์ข้อมูลมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัลและเป้าหมายด้าน AI ของอังกฤษ
    รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถด้านการประมวลผล 20 เท่าภายในปี 2030
    ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนช่วยผลักดันการออกแบบที่ยั่งยืน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบ waterless cooling เช่น immersion cooling และ direct-to-chip กำลังได้รับความนิยม
    Closed-loop systems ใช้ของเหลวพิเศษที่มีจุดเดือดต่ำและหมุนเวียนภายในระบบ
    การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดการใช้น้ำทางอ้อมจากการผลิตไฟฟ้า
    ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ที่มีความเครียดด้านน้ำ เช่นลอนดอนและแมนเชสเตอร์ มีแนวโน้มใช้ระบบแห้งมากขึ้น
    การออกแบบศูนย์ข้อมูลแบบ modular ช่วยลด footprint และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ
    หลายบริษัทเริ่มใช้ AI เพื่อควบคุมระบบระบายความร้อนแบบเรียลไทม์

    https://www.techradar.com/pro/not-as-thirsty-as-we-thought-average-data-center-uses-less-water-than-a-typical-leisure-center-study-claims
    🎙️ ศูนย์ข้อมูลอังกฤษไม่กินน้ำอย่างที่คิด – พลิกภาพจำของเทคโนโลยีที่กระหายน้ำ ในยุคที่ AI และคลาวด์กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล หลายคนอาจนึกถึงศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่กินไฟมหาศาลและใช้น้ำจำนวนมากเพื่อระบายความร้อน แต่รายงานล่าสุดจาก techUK กลับพลิกภาพนั้นอย่างสิ้นเชิง จากการสำรวจศูนย์ข้อมูล 73 แห่งทั่วอังกฤษ พบว่า 64% ใช้น้ำไม่ถึง 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งน้อยกว่าศูนย์กีฬา Leisure Center ทั่วไป และใกล้เคียงกับการใช้น้ำของสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่สำคัญคือกว่า 51% ของศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ใช้ระบบระบายความร้อนแบบไม่ใช้น้ำ (waterless cooling) และอีกจำนวนมากใช้ระบบ closed-loop ที่รีไซเคิลน้ำภายในวงจรปิด ทำให้ 89% ของผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องติดตามการใช้น้ำอีกต่อไป แม้จะมีข้อสงสัยว่าตัวเลขเหล่านี้อาจไม่รวมการใช้น้ำทางอ้อม เช่น จากการผลิตไฟฟ้า แต่รายงานก็ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของอุตสาหกรรมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเสนอให้มีการจัดทำ “ดัชนีการใช้ประโยชน์น้ำ” เพื่อวัดความเครียดของแหล่งน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถด้านการประมวลผล 20 เท่าภายในปี 2030 การออกแบบศูนย์ข้อมูลให้ใช้น้ำน้อยลงจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รายงานจาก techUK พบว่า 64% ของศูนย์ข้อมูลในอังกฤษใช้น้ำต่ำกว่า 10,000 ลบ.ม./ปี ➡️ ปริมาณนี้น้อยกว่าศูนย์กีฬา Leisure Center และใกล้เคียงกับสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ➡️ 51% ของศูนย์ข้อมูลใช้ระบบระบายความร้อนแบบไม่ใช้น้ำ (waterless cooling) ➡️ หลายแห่งใช้ระบบ closed-loop ที่รีไซเคิลน้ำภายในวงจร ➡️ 89% ของผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องติดตามการใช้น้ำอีกต่อไป ➡️ การระบายความร้อนเป็นปัจจัยหลักที่เคยทำให้ศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมาก ➡️ รายงานเสนอให้มีการจัดทำ “ดัชนีการใช้ประโยชน์น้ำ” เพื่อวัดความเครียดของแหล่งน้ำ ➡️ ศูนย์ข้อมูลมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัลและเป้าหมายด้าน AI ของอังกฤษ ➡️ รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถด้านการประมวลผล 20 เท่าภายในปี 2030 ➡️ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนช่วยผลักดันการออกแบบที่ยั่งยืน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบ waterless cooling เช่น immersion cooling และ direct-to-chip กำลังได้รับความนิยม ➡️ Closed-loop systems ใช้ของเหลวพิเศษที่มีจุดเดือดต่ำและหมุนเวียนภายในระบบ ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดการใช้น้ำทางอ้อมจากการผลิตไฟฟ้า ➡️ ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ที่มีความเครียดด้านน้ำ เช่นลอนดอนและแมนเชสเตอร์ มีแนวโน้มใช้ระบบแห้งมากขึ้น ➡️ การออกแบบศูนย์ข้อมูลแบบ modular ช่วยลด footprint และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ➡️ หลายบริษัทเริ่มใช้ AI เพื่อควบคุมระบบระบายความร้อนแบบเรียลไทม์ https://www.techradar.com/pro/not-as-thirsty-as-we-thought-average-data-center-uses-less-water-than-a-typical-leisure-center-study-claims
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jetson AGX Thor – mini PC ที่แรงเกินตัวสำหรับยุค AI

    ถ้าคุณเห็นเจ้าเครื่องเล็ก ๆ นี้วางอยู่บนโต๊ะ คุณอาจคิดว่ามันคือการ์ดจอ RTX รุ่นใหม่ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ Jetson AGX Thor — mini PC ที่ Nvidia ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับสูงในรูปแบบ edge computing โดยเฉพาะ

    หัวใจของมันคือ Jetson T5000 system-on-module ที่ใช้ GPU สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว ให้พลังประมวลผลสูงถึง 2070 TFLOPS (FP4, Sparse) ซึ่งเทียบเท่ากับระบบ data center ขนาดใหญ่

    นอกจาก GPU ยังมี CPU แบบ 14-core Arm Neoverse-V3AE และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB พร้อมระบบเชื่อมต่อระดับสูง เช่น 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB และพอร์ต HDMI/DisplayPort สำหรับงานวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีม

    แม้จะมีขนาดเพียง 24 x 11 x 5.6 ซม. แต่ Jetson AGX Thor ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในหุ่นยนต์, ระบบ AI ด้านภาพ, และการประมวลผลเซนเซอร์จำนวนมาก โดยรองรับซอฟต์แวร์จากแพลตฟอร์ม Isaac, Metropolis และ Holoscan ของ Nvidia

    สำหรับผู้ที่ต้องการรุ่นเล็กลง ยังมี Jetson T4000 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งให้พลัง 1200 TFLOPS และใช้ GPU 1536 คอร์ พร้อมแรม 64GB — เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพแต่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Nvidia เปิดตัว Jetson AGX Thor Developer Kit พร้อมโมดูล Jetson T5000
    ใช้ GPU Blackwell 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว
    ให้พลังประมวลผลสูงสุด 2070 TFLOPS (FP4, Sparse)
    มี CPU Arm Neoverse-V3AE 14 คอร์ และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB
    รองรับการเชื่อมต่อ 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB
    รองรับวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีมพร้อมพอร์ต HDMI 2.0b และ DisplayPort 1.4a
    ขนาดเครื่อง 243.19 x 112.4 x 56.88 มม. ใหญ่กว่าพีซีธุรกิจทั่วไปแต่ยังถือว่าเล็ก
    รองรับซอฟต์แวร์ Isaac, Metropolis และ Holoscan สำหรับงาน AI
    มีรุ่นเล็ก Jetson T4000 อยู่ระหว่างพัฒนา ให้พลัง 1200 TFLOPS และแรม 64GB
    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $3,499 โดยจะเริ่มส่งมอบวันที่ 20 พฤศจิกายน 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สถาปัตยกรรม Blackwell ถูกออกแบบมาเพื่องาน AI และ HPC โดยเฉพาะ
    Jetson AGX Thor ใช้เทคโนโลยี Multi-Instance GPU เพื่อแบ่งงานได้หลายส่วนพร้อมกัน
    Cadence ใช้ระบบจำลอง Palladium Z3 และ Protium X3 เพื่อช่วยออกแบบชิประดับนี้
    การใช้ LPDDR5X ช่วยลด latency และเพิ่ม bandwidth สำหรับงาน AI
    Jetson AGX Thor เหมาะกับงาน edge robotics, autonomous systems และการประมวลผลภาพทางการแพทย์
    Nvidia วางตำแหน่ง Thor ไว้คู่กับ DGX Spark สำหรับงาน AI แบบ desktop และ edge

    https://www.techradar.com/pro/nvidia-quietly-unveiled-its-fastest-mini-pc-ever-capable-of-topping-2070-tflops-and-if-you-squint-enough-you-might-even-think-it-looks-like-an-rtx-5090
    🎙️ Jetson AGX Thor – mini PC ที่แรงเกินตัวสำหรับยุค AI ถ้าคุณเห็นเจ้าเครื่องเล็ก ๆ นี้วางอยู่บนโต๊ะ คุณอาจคิดว่ามันคือการ์ดจอ RTX รุ่นใหม่ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ Jetson AGX Thor — mini PC ที่ Nvidia ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับสูงในรูปแบบ edge computing โดยเฉพาะ หัวใจของมันคือ Jetson T5000 system-on-module ที่ใช้ GPU สถาปัตยกรรม Blackwell พร้อม 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว ให้พลังประมวลผลสูงถึง 2070 TFLOPS (FP4, Sparse) ซึ่งเทียบเท่ากับระบบ data center ขนาดใหญ่ นอกจาก GPU ยังมี CPU แบบ 14-core Arm Neoverse-V3AE และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB พร้อมระบบเชื่อมต่อระดับสูง เช่น 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB และพอร์ต HDMI/DisplayPort สำหรับงานวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีม แม้จะมีขนาดเพียง 24 x 11 x 5.6 ซม. แต่ Jetson AGX Thor ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในหุ่นยนต์, ระบบ AI ด้านภาพ, และการประมวลผลเซนเซอร์จำนวนมาก โดยรองรับซอฟต์แวร์จากแพลตฟอร์ม Isaac, Metropolis และ Holoscan ของ Nvidia สำหรับผู้ที่ต้องการรุ่นเล็กลง ยังมี Jetson T4000 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งให้พลัง 1200 TFLOPS และใช้ GPU 1536 คอร์ พร้อมแรม 64GB — เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพแต่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Nvidia เปิดตัว Jetson AGX Thor Developer Kit พร้อมโมดูล Jetson T5000 ➡️ ใช้ GPU Blackwell 2560 คอร์ และ Tensor Core รุ่นที่ 5 จำนวน 96 ตัว ➡️ ให้พลังประมวลผลสูงสุด 2070 TFLOPS (FP4, Sparse) ➡️ มี CPU Arm Neoverse-V3AE 14 คอร์ และแรม LPDDR5X ขนาด 128GB ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ 4 ช่อง 25GbE, WiFi 6E, NVMe SSD 1TB ➡️ รองรับวิดีโอ 4K และ 8K แบบหลายสตรีมพร้อมพอร์ต HDMI 2.0b และ DisplayPort 1.4a ➡️ ขนาดเครื่อง 243.19 x 112.4 x 56.88 มม. ใหญ่กว่าพีซีธุรกิจทั่วไปแต่ยังถือว่าเล็ก ➡️ รองรับซอฟต์แวร์ Isaac, Metropolis และ Holoscan สำหรับงาน AI ➡️ มีรุ่นเล็ก Jetson T4000 อยู่ระหว่างพัฒนา ให้พลัง 1200 TFLOPS และแรม 64GB ➡️ เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $3,499 โดยจะเริ่มส่งมอบวันที่ 20 พฤศจิกายน 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สถาปัตยกรรม Blackwell ถูกออกแบบมาเพื่องาน AI และ HPC โดยเฉพาะ ➡️ Jetson AGX Thor ใช้เทคโนโลยี Multi-Instance GPU เพื่อแบ่งงานได้หลายส่วนพร้อมกัน ➡️ Cadence ใช้ระบบจำลอง Palladium Z3 และ Protium X3 เพื่อช่วยออกแบบชิประดับนี้ ➡️ การใช้ LPDDR5X ช่วยลด latency และเพิ่ม bandwidth สำหรับงาน AI ➡️ Jetson AGX Thor เหมาะกับงาน edge robotics, autonomous systems และการประมวลผลภาพทางการแพทย์ ➡️ Nvidia วางตำแหน่ง Thor ไว้คู่กับ DGX Spark สำหรับงาน AI แบบ desktop และ edge https://www.techradar.com/pro/nvidia-quietly-unveiled-its-fastest-mini-pc-ever-capable-of-topping-2070-tflops-and-if-you-squint-enough-you-might-even-think-it-looks-like-an-rtx-5090
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rubin – GPU ที่แรงที่สุดของ Nvidia เกิดจากการร่วมมือที่ไม่คาดคิด

    ในโลกของการออกแบบชิปที่ซับซ้อนระดับพันล้านเกต การจำลองพลังงานและประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย และนั่นคือเหตุผลที่ Nvidia หันไปใช้เครื่องมือจาก Cadence เพื่อช่วยออกแบบ GPU รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า “Rubin” ซึ่งคาดว่าจะเป็น GPU ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    Rubin ถูกออกแบบให้รองรับงาน AI ที่มีความซับซ้อนสูง โดยมีจำนวนเกตมากกว่า 40 พันล้าน และอาจใช้พลังงานถึง 700W ต่อ die หรือสูงถึง 3.6kW ในระบบแบบหลายชิป ซึ่งถือว่าเป็นระดับ “megawatt-class” สำหรับ data center

    Cadence ใช้ระบบจำลอง Palladium Z3 และ Protium X3 เพื่อช่วยวิเคราะห์พลังงานแบบละเอียดในระดับ cycle ต่อ cycle โดย Palladium Z3 ใช้ DPU จาก Nvidia และระบบเครือข่าย Quantum Infiniband ในขณะที่ Protium X3 ใช้ FPGA จาก AMD Ultrascale เพื่อจำลอง RTL และทดสอบซอฟต์แวร์ก่อนผลิตจริง

    การใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ทีมออกแบบสามารถตรวจสอบ bottleneck และปรับขนาดเครือข่ายให้เหมาะสมก่อน tape-out ซึ่ง Rubin ได้ tape-out กับ TSMC แล้วในกระบวนการผลิต 3nm N3P แต่มีรายงานว่าอาจต้อง respin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพก่อนเปิดตัวจริงในปี 2026

    ที่น่าสนใจคือ แม้ AMD จะเป็นคู่แข่งโดยตรงในตลาด GPU แต่ฮาร์ดแวร์ของ AMD ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วย Nvidia สร้าง GPU ที่จะมาแข่งกับ MI450 ของ AMD เอง — เป็นความร่วมมือที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของอุตสาหกรรมชิปในยุค AI

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Nvidia พัฒนา GPU รุ่นใหม่ชื่อ “Rubin” โดยใช้เครื่องมือจาก Cadence
    Rubin มีจำนวนเกตมากกว่า 40 พันล้าน และใช้พลังงานสูงถึง 700W ต่อ die
    ระบบแบบหลายชิปอาจใช้พลังงานรวมถึง 3.6kW
    ใช้ Palladium Z3 emulator และ Protium X3 FPGA prototyping จาก Cadence
    Palladium Z3 ใช้ DPU จาก Nvidia และเครือข่าย Quantum Infiniband
    Protium X3 ใช้ AMD Ultrascale FPGA เพื่อจำลอง RTL และทดสอบซอฟต์แวร์
    การจำลองช่วยตรวจสอบ bottleneck และปรับขนาดเครือข่ายก่อนผลิตจริง
    Rubin tape-out กับ TSMC แล้วในกระบวนการผลิต 3nm N3P
    มีรายงานว่า Rubin อาจต้อง respin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    คาดว่า Rubin จะเริ่มส่งมอบช่วงปลายปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cadence เปิดตัว Palladium Z3 และ Protium X3 ในปี 2024 ด้วยความสามารถสูงกว่าเดิม 2 เท่า
    ระบบสามารถจำลองได้ถึง 48 พันล้านเกต และวิเคราะห์พลังงานได้ในระดับ cycle
    DPA (Dynamic Power Analysis) ของ Cadence เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2016 และกลายเป็นเครื่องมือหลักในยุค AI
    Rubin ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งกับ AMD MI450 ซึ่งเป็น GPU ระดับสูงในกลุ่ม AI
    การใช้ฮาร์ดแวร์จากคู่แข่งอย่าง AMD สะท้อนถึงความร่วมมือข้ามแบรนด์ในอุตสาหกรรม
    บทเรียนจาก Rubin จะถูกนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ consumer ในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/heres-how-nvidia-and-amd-hardware-are-being-used-in-surprising-ways-to-build-nvidias-fastest-gpu-ever
    🎙️ Rubin – GPU ที่แรงที่สุดของ Nvidia เกิดจากการร่วมมือที่ไม่คาดคิด ในโลกของการออกแบบชิปที่ซับซ้อนระดับพันล้านเกต การจำลองพลังงานและประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย และนั่นคือเหตุผลที่ Nvidia หันไปใช้เครื่องมือจาก Cadence เพื่อช่วยออกแบบ GPU รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า “Rubin” ซึ่งคาดว่าจะเป็น GPU ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา Rubin ถูกออกแบบให้รองรับงาน AI ที่มีความซับซ้อนสูง โดยมีจำนวนเกตมากกว่า 40 พันล้าน และอาจใช้พลังงานถึง 700W ต่อ die หรือสูงถึง 3.6kW ในระบบแบบหลายชิป ซึ่งถือว่าเป็นระดับ “megawatt-class” สำหรับ data center Cadence ใช้ระบบจำลอง Palladium Z3 และ Protium X3 เพื่อช่วยวิเคราะห์พลังงานแบบละเอียดในระดับ cycle ต่อ cycle โดย Palladium Z3 ใช้ DPU จาก Nvidia และระบบเครือข่าย Quantum Infiniband ในขณะที่ Protium X3 ใช้ FPGA จาก AMD Ultrascale เพื่อจำลอง RTL และทดสอบซอฟต์แวร์ก่อนผลิตจริง การใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ทีมออกแบบสามารถตรวจสอบ bottleneck และปรับขนาดเครือข่ายให้เหมาะสมก่อน tape-out ซึ่ง Rubin ได้ tape-out กับ TSMC แล้วในกระบวนการผลิต 3nm N3P แต่มีรายงานว่าอาจต้อง respin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพก่อนเปิดตัวจริงในปี 2026 ที่น่าสนใจคือ แม้ AMD จะเป็นคู่แข่งโดยตรงในตลาด GPU แต่ฮาร์ดแวร์ของ AMD ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วย Nvidia สร้าง GPU ที่จะมาแข่งกับ MI450 ของ AMD เอง — เป็นความร่วมมือที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของอุตสาหกรรมชิปในยุค AI 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Nvidia พัฒนา GPU รุ่นใหม่ชื่อ “Rubin” โดยใช้เครื่องมือจาก Cadence ➡️ Rubin มีจำนวนเกตมากกว่า 40 พันล้าน และใช้พลังงานสูงถึง 700W ต่อ die ➡️ ระบบแบบหลายชิปอาจใช้พลังงานรวมถึง 3.6kW ➡️ ใช้ Palladium Z3 emulator และ Protium X3 FPGA prototyping จาก Cadence ➡️ Palladium Z3 ใช้ DPU จาก Nvidia และเครือข่าย Quantum Infiniband ➡️ Protium X3 ใช้ AMD Ultrascale FPGA เพื่อจำลอง RTL และทดสอบซอฟต์แวร์ ➡️ การจำลองช่วยตรวจสอบ bottleneck และปรับขนาดเครือข่ายก่อนผลิตจริง ➡️ Rubin tape-out กับ TSMC แล้วในกระบวนการผลิต 3nm N3P ➡️ มีรายงานว่า Rubin อาจต้อง respin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ คาดว่า Rubin จะเริ่มส่งมอบช่วงปลายปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cadence เปิดตัว Palladium Z3 และ Protium X3 ในปี 2024 ด้วยความสามารถสูงกว่าเดิม 2 เท่า ➡️ ระบบสามารถจำลองได้ถึง 48 พันล้านเกต และวิเคราะห์พลังงานได้ในระดับ cycle ➡️ DPA (Dynamic Power Analysis) ของ Cadence เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2016 และกลายเป็นเครื่องมือหลักในยุค AI ➡️ Rubin ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งกับ AMD MI450 ซึ่งเป็น GPU ระดับสูงในกลุ่ม AI ➡️ การใช้ฮาร์ดแวร์จากคู่แข่งอย่าง AMD สะท้อนถึงความร่วมมือข้ามแบรนด์ในอุตสาหกรรม ➡️ บทเรียนจาก Rubin จะถูกนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ consumer ในอนาคต https://www.techradar.com/pro/heres-how-nvidia-and-amd-hardware-are-being-used-in-surprising-ways-to-build-nvidias-fastest-gpu-ever
    WWW.TECHRADAR.COM
    How Cadence, along with Nvidia and AMD hardware, is shaping the creation of Nvidia's fastest GPU ever
    Cadence's power modelling tool can address bottlenecks early in a chip's design
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • FugakuNEXT – ก้าวกระโดดของญี่ปุ่นสู่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ zetta-scale

    ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 ญี่ปุ่นเปิดตัว “Fugaku” ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เคยครองอันดับหนึ่งของโลก และมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับโควิด-19 ผ่านการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ แต่วันนี้ ญี่ปุ่นกำลังเตรียมก้าวครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมกับ “FugakuNEXT” ซึ่งตั้งเป้าเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ zetta-scale ตัวแรกของโลก

    FugakuNEXT เป็นความร่วมมือระหว่าง RIKEN, Fujitsu และ Nvidia โดยจะใช้ CPU รุ่นใหม่ชื่อ MONAKA-X ที่พัฒนาโดย Fujitsu ร่วมกับ GPU จาก Nvidia ซึ่งจะออกแบบระบบเชื่อมต่อ NVLink Fusion เพื่อให้ CPU และ GPU ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

    ระบบนี้จะไม่ใช่แค่เครื่องจำลองทางฟิสิกส์แบบเดิม แต่จะเป็นแพลตฟอร์ม AI-HPC ที่สามารถใช้ AI ในการสร้างสมมติฐาน วิจัย และจำลองการทดลองได้โดยอัตโนมัติ เป้าหมายคือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานจริงถึง 100 เท่าเมื่อเทียบกับ Fugaku เดิม โดยยังคงใช้พลังงานเท่าเดิมที่ 40 เมกะวัตต์

    นอกจากจะเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ FugakuNEXT ยังเป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ของญี่ปุ่นเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ และสร้างมาตรฐานใหม่ของการประมวลผลระดับโลก

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    FugakuNEXT เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ของญี่ปุ่นที่ตั้งเป้าเข้าสู่ระดับ zetta-scale
    เป็นความร่วมมือระหว่าง RIKEN, Fujitsu และ Nvidia
    ใช้ CPU MONAKA-X จาก Fujitsu และ GPU จาก Nvidia พร้อม NVLink Fusion
    เป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นใช้ GPU เป็นแกนหลักในระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับชาติ
    ตั้งเป้าเปิดใช้งานในปี 2030 ที่ศูนย์ RIKEN เมืองโกเบ
    งบประมาณพัฒนาเกิน 110 พันล้านเยน หรือประมาณ $740 ล้าน
    ประสิทธิภาพสูงสุดคาดว่าจะอยู่ที่ 600 exaFLOPS ใน FP8 sparse precision
    เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานจริงถึง 100 เท่าเมื่อเทียบกับ Fugaku เดิม
    ใช้พลังงานเท่าเดิมที่ 40 เมกะวัตต์ แต่ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้นมหาศาล
    ระบบจะรองรับงาน AI เช่น climate modeling, drug discovery, disaster resilience

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MONAKA-X เป็นรุ่นต่อยอดจาก MONAKA ที่เน้น SIMD และ matrix engine สำหรับ AI
    Nvidia อาจใช้ GPU รุ่น Feynman Ultra ที่มี Tensor Core เป็นหลัก
    NVLink Fusion อาจมีแบนด์วิดธ์สูงถึงหลาย TB/s ต่อพอร์ต
    ซอฟต์แวร์จะใช้ CUDA-X, TensorRT และ NeMo สำหรับงาน AI
    มีการใช้ Physics-Informed Neural Networks (PINNs) เพื่อแทนการคำนวณที่ซับซ้อน
    FugakuNEXT เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ญี่ปุ่นในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-gpus-and-fujitsu-arm-cpus-will-power-japans-next-usd750m-zetta-scale-supercomputer-fugakunext-aims-to-revolutionize-ai-driven-science-and-global-research
    🎙️ FugakuNEXT – ก้าวกระโดดของญี่ปุ่นสู่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ zetta-scale ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 ญี่ปุ่นเปิดตัว “Fugaku” ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เคยครองอันดับหนึ่งของโลก และมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับโควิด-19 ผ่านการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ แต่วันนี้ ญี่ปุ่นกำลังเตรียมก้าวครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมกับ “FugakuNEXT” ซึ่งตั้งเป้าเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ zetta-scale ตัวแรกของโลก FugakuNEXT เป็นความร่วมมือระหว่าง RIKEN, Fujitsu และ Nvidia โดยจะใช้ CPU รุ่นใหม่ชื่อ MONAKA-X ที่พัฒนาโดย Fujitsu ร่วมกับ GPU จาก Nvidia ซึ่งจะออกแบบระบบเชื่อมต่อ NVLink Fusion เพื่อให้ CPU และ GPU ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ระบบนี้จะไม่ใช่แค่เครื่องจำลองทางฟิสิกส์แบบเดิม แต่จะเป็นแพลตฟอร์ม AI-HPC ที่สามารถใช้ AI ในการสร้างสมมติฐาน วิจัย และจำลองการทดลองได้โดยอัตโนมัติ เป้าหมายคือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานจริงถึง 100 เท่าเมื่อเทียบกับ Fugaku เดิม โดยยังคงใช้พลังงานเท่าเดิมที่ 40 เมกะวัตต์ นอกจากจะเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ FugakuNEXT ยังเป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ของญี่ปุ่นเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ และสร้างมาตรฐานใหม่ของการประมวลผลระดับโลก 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ FugakuNEXT เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ของญี่ปุ่นที่ตั้งเป้าเข้าสู่ระดับ zetta-scale ➡️ เป็นความร่วมมือระหว่าง RIKEN, Fujitsu และ Nvidia ➡️ ใช้ CPU MONAKA-X จาก Fujitsu และ GPU จาก Nvidia พร้อม NVLink Fusion ➡️ เป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นใช้ GPU เป็นแกนหลักในระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับชาติ ➡️ ตั้งเป้าเปิดใช้งานในปี 2030 ที่ศูนย์ RIKEN เมืองโกเบ ➡️ งบประมาณพัฒนาเกิน 110 พันล้านเยน หรือประมาณ $740 ล้าน ➡️ ประสิทธิภาพสูงสุดคาดว่าจะอยู่ที่ 600 exaFLOPS ใน FP8 sparse precision ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานจริงถึง 100 เท่าเมื่อเทียบกับ Fugaku เดิม ➡️ ใช้พลังงานเท่าเดิมที่ 40 เมกะวัตต์ แต่ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้นมหาศาล ➡️ ระบบจะรองรับงาน AI เช่น climate modeling, drug discovery, disaster resilience ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MONAKA-X เป็นรุ่นต่อยอดจาก MONAKA ที่เน้น SIMD และ matrix engine สำหรับ AI ➡️ Nvidia อาจใช้ GPU รุ่น Feynman Ultra ที่มี Tensor Core เป็นหลัก ➡️ NVLink Fusion อาจมีแบนด์วิดธ์สูงถึงหลาย TB/s ต่อพอร์ต ➡️ ซอฟต์แวร์จะใช้ CUDA-X, TensorRT และ NeMo สำหรับงาน AI ➡️ มีการใช้ Physics-Informed Neural Networks (PINNs) เพื่อแทนการคำนวณที่ซับซ้อน ➡️ FugakuNEXT เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ญี่ปุ่นในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/nvidia-gpus-and-fujitsu-arm-cpus-will-power-japans-next-usd750m-zetta-scale-supercomputer-fugakunext-aims-to-revolutionize-ai-driven-science-and-global-research
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขุมทรัพย์ในถังขยะ – เมื่อ SSD ระดับโปรกลายเป็นของฟรี

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินผ่านถังขยะ แล้วพบกับ SSD ระดับโปรจำนวน 6 ตัว รวมความจุถึง 6TB ที่ยังใช้งานได้อยู่ — นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้ Reddit ชื่อ DogeBoi6 เจอเข้าโดยบังเอิญ

    เขาพบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัว ถูกทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจ และตัดสินใจนำกลับมาใช้เพื่อดาวน์โหลดคลังเกม Steam ทั้งหมดของเขา แม้จะไม่รู้ว่า SSD เหล่านี้เคยผ่านการใช้งานแบบไหนมาก่อน แต่เขาก็ไม่กังวล เพราะไม่ได้วางแผนจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในนั้น

    Samsung 850 Pro เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุดถึง 550MB/s และ 520MB/s ตามลำดับ พร้อม IOPS สูงถึง 100K/90K และมาพร้อมกับการรับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW ซึ่งถือว่ายาวนานและมั่นใจในความทนทาน

    แม้ SSD เหล่านี้จะหมดระยะรับประกันไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง และสามารถใช้งานได้ดีในงานที่ไม่ต้องการความเสถียรระดับมืออาชีพ เช่น การเก็บเกมหรือไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ผู้ใช้ Reddit พบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัวในถังขยะ
    รวมความจุทั้งหมด 6TB และวางแผนใช้เก็บคลังเกม Steam
    ไม่ทราบประวัติการใช้งาน SSD เหล่านี้ แต่คาดว่าอาจเคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์
    ผู้ใช้ไม่เก็บข้อมูลสำคัญใน SSD เหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
    Samsung 850 Pro เปิดตัวในปี 2014 และถือว่าเป็น SSD ระดับสูงในยุคนั้น
    ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุด 550/520MB/s
    มี IOPS สูงถึง 100K/90K และรองรับ AES encryption
    รับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW แล้วแต่รุ่นและแหล่งข้อมูล
    SSD เหล่านี้หมดระยะรับประกันแล้ว แต่ยังใช้งานได้ในระดับทั่วไป
    เป็นตัวอย่างของการนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Samsung 850 Pro เคยเป็น SSD SATA ที่เร็วที่สุดในตลาดช่วงเปิดตัว
    มีความทนทานสูงและใช้พลังงานต่ำ เหมาะกับงานหนักและเกมเมอร์
    ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ $730 ต่อ 1TB ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น
    รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Windows, Linux, Server
    สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Samsung Magician เพื่อตรวจสอบสุขภาพ SSD
    การใช้ SSD เก่าในงานที่ไม่สำคัญช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/lucky-user-finds-6tb-of-free-ssd-storage-while-dumpster-diving-finder-plans-to-use-the-six-1tb-samsung-850-pro-ssds-to-download-entire-steam-library
    🎙️ ขุมทรัพย์ในถังขยะ – เมื่อ SSD ระดับโปรกลายเป็นของฟรี ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินผ่านถังขยะ แล้วพบกับ SSD ระดับโปรจำนวน 6 ตัว รวมความจุถึง 6TB ที่ยังใช้งานได้อยู่ — นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้ Reddit ชื่อ DogeBoi6 เจอเข้าโดยบังเอิญ เขาพบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัว ถูกทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจ และตัดสินใจนำกลับมาใช้เพื่อดาวน์โหลดคลังเกม Steam ทั้งหมดของเขา แม้จะไม่รู้ว่า SSD เหล่านี้เคยผ่านการใช้งานแบบไหนมาก่อน แต่เขาก็ไม่กังวล เพราะไม่ได้วางแผนจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในนั้น Samsung 850 Pro เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุดถึง 550MB/s และ 520MB/s ตามลำดับ พร้อม IOPS สูงถึง 100K/90K และมาพร้อมกับการรับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW ซึ่งถือว่ายาวนานและมั่นใจในความทนทาน แม้ SSD เหล่านี้จะหมดระยะรับประกันไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง และสามารถใช้งานได้ดีในงานที่ไม่ต้องการความเสถียรระดับมืออาชีพ เช่น การเก็บเกมหรือไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ผู้ใช้ Reddit พบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัวในถังขยะ ➡️ รวมความจุทั้งหมด 6TB และวางแผนใช้เก็บคลังเกม Steam ➡️ ไม่ทราบประวัติการใช้งาน SSD เหล่านี้ แต่คาดว่าอาจเคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ผู้ใช้ไม่เก็บข้อมูลสำคัญใน SSD เหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ➡️ Samsung 850 Pro เปิดตัวในปี 2014 และถือว่าเป็น SSD ระดับสูงในยุคนั้น ➡️ ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุด 550/520MB/s ➡️ มี IOPS สูงถึง 100K/90K และรองรับ AES encryption ➡️ รับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW แล้วแต่รุ่นและแหล่งข้อมูล ➡️ SSD เหล่านี้หมดระยะรับประกันแล้ว แต่ยังใช้งานได้ในระดับทั่วไป ➡️ เป็นตัวอย่างของการนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Samsung 850 Pro เคยเป็น SSD SATA ที่เร็วที่สุดในตลาดช่วงเปิดตัว ➡️ มีความทนทานสูงและใช้พลังงานต่ำ เหมาะกับงานหนักและเกมเมอร์ ➡️ ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ $730 ต่อ 1TB ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น ➡️ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Windows, Linux, Server ➡️ สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Samsung Magician เพื่อตรวจสอบสุขภาพ SSD ➡️ การใช้ SSD เก่าในงานที่ไม่สำคัญช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/lucky-user-finds-6tb-of-free-ssd-storage-while-dumpster-diving-finder-plans-to-use-the-six-1tb-samsung-850-pro-ssds-to-download-entire-steam-library
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อแฟลชเมมโมรีกลายเป็นหน่วยความจำใกล้ GPU – ก้าวใหม่ของ Kioxia สู่ยุค AI

    ลองจินตนาการว่า SSD ที่คุณรู้จักไม่ใช่แค่ที่เก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่กลายเป็นหน่วยความจำที่อยู่ใกล้ GPU มากพอที่จะช่วยประมวลผลโมเดล AI ขนาดมหึมาได้แบบทันทีทันใด นั่นคือสิ่งที่ Kioxia กำลังทำอยู่กับโมดูลต้นแบบ High Bandwidth Flash (HBF) ขนาด 5TB ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64 GB/s

    ต่างจาก HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ DRAM เป็นหลัก HBF ใช้ NAND flash ซึ่งมีความจุมากกว่า 8–16 เท่า และยังคงข้อมูลได้ถาวร ทำให้เหมาะกับงาน AI ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่แบบต่อเนื่อง โดยใช้พลังงานน้อยลง

    โมดูลนี้เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 ซึ่งมีแบนด์วิดธ์รวมถึง 128 GB/s แบบ bidirectional โดยใช้เทคนิค PAM4 เพื่อเพิ่มความเร็วการส่งข้อมูล และลดปัญหาการรบกวนสัญญาณด้วยการจัดวาง controller แบบ daisy-chain ข้าง NAND โดยตรง

    แม้จะมีข้อจำกัดเรื่อง latency เพราะ NAND ยังช้ากว่า DRAM หลายเท่า แต่ Kioxia ใช้เทคนิค prefetching และ caching เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลต่อเนื่องเร็วขึ้นพอสำหรับงาน AI อย่างการวิเคราะห์กราฟขนาดใหญ่หรือ checkpoint โมเดล

    ที่น่าสนใจคือ โมดูลนี้ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ซึ่งมีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่าระบบ SSD แบบเดิมมาก และสามารถขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม ทำให้สามารถสร้างระบบที่มี 80TB และแบนด์วิดธ์รวมกว่า 1TB/s ได้ในอนาคต

    นี่ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยระดับชาติของญี่ปุ่น (NEDO) เพื่อรองรับยุค post-5G/6G และการประมวลผล AI ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วใน MEC (Mobile Edge Computing)

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Kioxia เปิดตัวโมดูลแฟลช HBF ขนาด 5TB ความเร็ว 64 GB/s
    ใช้ NAND flash แทน DRAM เพื่อเพิ่มความจุ 8–16 เท่า
    เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 พร้อม PAM4 signaling ความเร็ว 128 Gbps ต่อ link
    ใช้ controller แบบ daisy-chain ลดปัญหาคอขวดและสัญญาณรบกวน
    latency สูงกว่า DRAM แต่แก้ด้วย prefetching และ caching
    ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ต่อโมดูล มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูง
    ขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม
    รองรับการใช้งานใน MEC, AI checkpoint, Big Data และ IoT
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย NEDO เพื่อรองรับ post-5G/6G
    โมดูลยังอยู่ในขั้นต้นแบบ แต่มี roadmap สำหรับการใช้งานจริงในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PCIe 6.0 มีแบนด์วิดธ์รวม 128 GB/s bidirectional บน x16 lanes
    PAM4 เพิ่มความเร็วต่อสัญญาณแต่ไวต่อ noise ต้องใช้ error correction
    HBM2E มี throughput ต่อ stack ประมาณ 1024 GB/s แต่ใช้ DRAM
    MEC servers ช่วยลด latency โดยประมวลผลใกล้ผู้ใช้มากขึ้น
    Kioxia มีแผนขยายโรงงานในญี่ปุ่นเพื่อรองรับความต้องการ flash ที่เพิ่มขึ้น
    โมดูลนี้อาจกลายเป็น “near-memory” ที่อยู่ใกล้ GPU มากกว่าที่เคย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/kioxias-new-5tb-64-gb-s-flash-module-puts-nand-toward-the-memory-bus-for-ai-gpus-hbf-prototype-adopts-familiar-ssd-form-factor
    🎙️ เมื่อแฟลชเมมโมรีกลายเป็นหน่วยความจำใกล้ GPU – ก้าวใหม่ของ Kioxia สู่ยุค AI ลองจินตนาการว่า SSD ที่คุณรู้จักไม่ใช่แค่ที่เก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่กลายเป็นหน่วยความจำที่อยู่ใกล้ GPU มากพอที่จะช่วยประมวลผลโมเดล AI ขนาดมหึมาได้แบบทันทีทันใด นั่นคือสิ่งที่ Kioxia กำลังทำอยู่กับโมดูลต้นแบบ High Bandwidth Flash (HBF) ขนาด 5TB ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64 GB/s ต่างจาก HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ DRAM เป็นหลัก HBF ใช้ NAND flash ซึ่งมีความจุมากกว่า 8–16 เท่า และยังคงข้อมูลได้ถาวร ทำให้เหมาะกับงาน AI ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่แบบต่อเนื่อง โดยใช้พลังงานน้อยลง โมดูลนี้เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 ซึ่งมีแบนด์วิดธ์รวมถึง 128 GB/s แบบ bidirectional โดยใช้เทคนิค PAM4 เพื่อเพิ่มความเร็วการส่งข้อมูล และลดปัญหาการรบกวนสัญญาณด้วยการจัดวาง controller แบบ daisy-chain ข้าง NAND โดยตรง แม้จะมีข้อจำกัดเรื่อง latency เพราะ NAND ยังช้ากว่า DRAM หลายเท่า แต่ Kioxia ใช้เทคนิค prefetching และ caching เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลต่อเนื่องเร็วขึ้นพอสำหรับงาน AI อย่างการวิเคราะห์กราฟขนาดใหญ่หรือ checkpoint โมเดล ที่น่าสนใจคือ โมดูลนี้ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ซึ่งมีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่าระบบ SSD แบบเดิมมาก และสามารถขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม ทำให้สามารถสร้างระบบที่มี 80TB และแบนด์วิดธ์รวมกว่า 1TB/s ได้ในอนาคต นี่ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยระดับชาติของญี่ปุ่น (NEDO) เพื่อรองรับยุค post-5G/6G และการประมวลผล AI ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วใน MEC (Mobile Edge Computing) 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Kioxia เปิดตัวโมดูลแฟลช HBF ขนาด 5TB ความเร็ว 64 GB/s ➡️ ใช้ NAND flash แทน DRAM เพื่อเพิ่มความจุ 8–16 เท่า ➡️ เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 พร้อม PAM4 signaling ความเร็ว 128 Gbps ต่อ link ➡️ ใช้ controller แบบ daisy-chain ลดปัญหาคอขวดและสัญญาณรบกวน ➡️ latency สูงกว่า DRAM แต่แก้ด้วย prefetching และ caching ➡️ ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ต่อโมดูล มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูง ➡️ ขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม ➡️ รองรับการใช้งานใน MEC, AI checkpoint, Big Data และ IoT ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย NEDO เพื่อรองรับ post-5G/6G ➡️ โมดูลยังอยู่ในขั้นต้นแบบ แต่มี roadmap สำหรับการใช้งานจริงในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PCIe 6.0 มีแบนด์วิดธ์รวม 128 GB/s bidirectional บน x16 lanes ➡️ PAM4 เพิ่มความเร็วต่อสัญญาณแต่ไวต่อ noise ต้องใช้ error correction ➡️ HBM2E มี throughput ต่อ stack ประมาณ 1024 GB/s แต่ใช้ DRAM ➡️ MEC servers ช่วยลด latency โดยประมวลผลใกล้ผู้ใช้มากขึ้น ➡️ Kioxia มีแผนขยายโรงงานในญี่ปุ่นเพื่อรองรับความต้องการ flash ที่เพิ่มขึ้น ➡️ โมดูลนี้อาจกลายเป็น “near-memory” ที่อยู่ใกล้ GPU มากกว่าที่เคย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/kioxias-new-5tb-64-gb-s-flash-module-puts-nand-toward-the-memory-bus-for-ai-gpus-hbf-prototype-adopts-familiar-ssd-form-factor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากผู้ใช้สู่ผู้สร้าง – เมื่อการเขียน Agent กลายเป็นทักษะพื้นฐานของนักพัฒนา

    ในปี 2025 Geoffrey Huntley เปิดเวิร์กช็อปสอนสร้าง coding agent ด้วยแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง: “มันคือโค้ด 300 บรรทัดที่วนลูปกับ LLM tokens” ฟังดูเหมือนเรื่องเล่น ๆ แต่จริง ๆ แล้วนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการพัฒนา

    เขาเริ่มต้นด้วยการอธิบายว่า agent ไม่ใช่แค่ buzzword แต่คือระบบที่สามารถรับ input, เรียกใช้เครื่องมือ (tools), และตอบกลับอย่างชาญฉลาด โดยใช้ LLM ที่มีความสามารถ agentic เช่น Claude Sonnet หรือ Kimi K2

    ในเวิร์กช็อปนี้ ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การสร้าง agent ทีละขั้น เริ่มจาก chat interface → อ่านไฟล์ → ลิสต์ไฟล์ → รันคำสั่ง bash → แก้ไขไฟล์ → ค้นหาโค้ด ทั้งหมดนี้ทำผ่าน event loop ที่เชื่อมโยงกับ LLM และ tool registry

    Geoffrey เน้นว่า agent ที่ดีต้องมี context window ที่สะอาด ไม่ควรใช้ context เดียวกันสำหรับหลายกิจกรรม เพราะจะทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยน และควรระวังการใช้ Model Context Protocol (MCP) ที่กิน context window มากเกินไป

    เขายังแนะนำให้ใช้ LLM แบบ “agentic” สำหรับงานที่ต้องการการกระทำ และใช้ LLM แบบ “oracle” สำหรับงานวิเคราะห์หรือสรุปผล โดยสามารถเชื่อมต่อหลายโมเดลเข้าด้วยกันใน agent เดียวได้

    สุดท้าย เขาทิ้งท้ายว่า “AI ไม่ได้มาแย่งงานคุณ คนที่ใช้ AI ต่างหากที่จะแย่งงานคุณ” และการเรียนรู้การสร้าง agent คือการลงทุนในตัวเองที่สำคัญที่สุดในยุคนี้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    เวิร์กช็อปสอนสร้าง coding agent ด้วยโค้ดเพียง ~300 บรรทัด
    agent คือระบบที่รับ input, เรียกใช้ tools, และตอบกลับผ่าน LLM
    ใช้ LLM agentic เช่น Claude Sonnet หรือ Kimi K2 เป็นแกนหลัก
    agent มี event loop ที่จัดการ input, inference, และ tool execution
    เรียนรู้การสร้าง tools เช่น read_file, list_files, bash, edit_file, code_search
    สามารถเชื่อมต่อ LLM แบบ oracle เช่น GPT เพื่อช่วยตรวจสอบผลลัพธ์
    Claude Sonnet ถูกเปรียบเป็น “squirrel” ที่ bias ไปทางการกระทำมากกว่าการคิด
    context window ของ LLM มีขนาดจำกัด ต้องบริหารอย่างระมัดระวัง
    MCP คือฟังก์ชันที่ลงทะเบียนใน context window เพื่อเรียกใช้ tools
    agent ที่ดีต้องมี prompt ที่ชัดเจนและ context ที่ไม่ปะปนกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GitHub มีตัวอย่าง agent แบบ open-source เช่น Amp, Cursor, Windsurf, OpenCode
    mini-swe-agent เป็น agent ขนาด 100 บรรทัดที่ทำงานได้จริงและผ่านการทดสอบ SWE Bench
    การใช้ ripgrep เป็นพื้นฐานของการค้นหาโค้ดในหลาย coding agent
    การสร้าง agent ช่วยเปลี่ยนผู้ใช้ AI ให้กลายเป็นผู้ผลิต AI
    บริษัทอย่าง Canva เริ่มใช้ AI ในการสัมภาษณ์งาน และคาดหวังให้ผู้สมัครเข้าใจ agent

    https://ghuntley.com/agent/
    🎙️ จากผู้ใช้สู่ผู้สร้าง – เมื่อการเขียน Agent กลายเป็นทักษะพื้นฐานของนักพัฒนา ในปี 2025 Geoffrey Huntley เปิดเวิร์กช็อปสอนสร้าง coding agent ด้วยแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง: “มันคือโค้ด 300 บรรทัดที่วนลูปกับ LLM tokens” ฟังดูเหมือนเรื่องเล่น ๆ แต่จริง ๆ แล้วนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการพัฒนา เขาเริ่มต้นด้วยการอธิบายว่า agent ไม่ใช่แค่ buzzword แต่คือระบบที่สามารถรับ input, เรียกใช้เครื่องมือ (tools), และตอบกลับอย่างชาญฉลาด โดยใช้ LLM ที่มีความสามารถ agentic เช่น Claude Sonnet หรือ Kimi K2 ในเวิร์กช็อปนี้ ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การสร้าง agent ทีละขั้น เริ่มจาก chat interface → อ่านไฟล์ → ลิสต์ไฟล์ → รันคำสั่ง bash → แก้ไขไฟล์ → ค้นหาโค้ด ทั้งหมดนี้ทำผ่าน event loop ที่เชื่อมโยงกับ LLM และ tool registry Geoffrey เน้นว่า agent ที่ดีต้องมี context window ที่สะอาด ไม่ควรใช้ context เดียวกันสำหรับหลายกิจกรรม เพราะจะทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยน และควรระวังการใช้ Model Context Protocol (MCP) ที่กิน context window มากเกินไป เขายังแนะนำให้ใช้ LLM แบบ “agentic” สำหรับงานที่ต้องการการกระทำ และใช้ LLM แบบ “oracle” สำหรับงานวิเคราะห์หรือสรุปผล โดยสามารถเชื่อมต่อหลายโมเดลเข้าด้วยกันใน agent เดียวได้ สุดท้าย เขาทิ้งท้ายว่า “AI ไม่ได้มาแย่งงานคุณ คนที่ใช้ AI ต่างหากที่จะแย่งงานคุณ” และการเรียนรู้การสร้าง agent คือการลงทุนในตัวเองที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ เวิร์กช็อปสอนสร้าง coding agent ด้วยโค้ดเพียง ~300 บรรทัด ➡️ agent คือระบบที่รับ input, เรียกใช้ tools, และตอบกลับผ่าน LLM ➡️ ใช้ LLM agentic เช่น Claude Sonnet หรือ Kimi K2 เป็นแกนหลัก ➡️ agent มี event loop ที่จัดการ input, inference, และ tool execution ➡️ เรียนรู้การสร้าง tools เช่น read_file, list_files, bash, edit_file, code_search ➡️ สามารถเชื่อมต่อ LLM แบบ oracle เช่น GPT เพื่อช่วยตรวจสอบผลลัพธ์ ➡️ Claude Sonnet ถูกเปรียบเป็น “squirrel” ที่ bias ไปทางการกระทำมากกว่าการคิด ➡️ context window ของ LLM มีขนาดจำกัด ต้องบริหารอย่างระมัดระวัง ➡️ MCP คือฟังก์ชันที่ลงทะเบียนใน context window เพื่อเรียกใช้ tools ➡️ agent ที่ดีต้องมี prompt ที่ชัดเจนและ context ที่ไม่ปะปนกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GitHub มีตัวอย่าง agent แบบ open-source เช่น Amp, Cursor, Windsurf, OpenCode ➡️ mini-swe-agent เป็น agent ขนาด 100 บรรทัดที่ทำงานได้จริงและผ่านการทดสอบ SWE Bench ➡️ การใช้ ripgrep เป็นพื้นฐานของการค้นหาโค้ดในหลาย coding agent ➡️ การสร้าง agent ช่วยเปลี่ยนผู้ใช้ AI ให้กลายเป็นผู้ผลิต AI ➡️ บริษัทอย่าง Canva เริ่มใช้ AI ในการสัมภาษณ์งาน และคาดหวังให้ผู้สมัครเข้าใจ agent https://ghuntley.com/agent/
    GHUNTLEY.COM
    how to build a coding agent: free workshop
    It's not that hard to build a coding agent. 300 lines of code running in a loop with LLM tokens. You just keep throwing tokens at the loop, and then you've got yourself an agent.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลำบากก็นึกถึงบุญกุศลความดีที่เราสร้างมา..จิตใจก็สดชื่นขึ้น มีพลังขึ้น
    ลำบากก็นึกถึงบุญกุศลความดีที่เราสร้างมา..จิตใจก็สดชื่นขึ้น มีพลังขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว

  • จริงๆวิถีการปกครองเราตันและล้มเหลวแล้ว เทียบยุโรปคือมีแต่รอวันพังพินาศเพื่อเกิดใหม่,ยุโรปและตะวันตกอเมริกาจึงอยากเกิดใหม่ จึงเปิดสงครามกับรัสเชียและกำลังจะเปิดกับจีนกับเกาหลีเหนือ,
    ..จากนั้นใครชนะจะปกครองด้วยระเบียบโลกใหม่ของผู้ชนะ,
    ..
    ..เอาจริงๆคือผบ.ทบ.สูงสุดเรายังไม่กล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่รู้กังวลอะไร ก็แค่เชิญจิตอาสาคนเก่งคนดีคนมีองค์รู้มากมายมาร่วมเป็นเดอะทีมกอบกู้ชาติไทยด้านเศรษฐกิจรก็จบ ,ส่วนผบ.ทบ.ก็ดูแลค้ำประกันความสงบสุขภายในประเทศไป,เหมือนนั่งสั่งการและรอรับรายงานจากทีมงาน,ตัวแทนตนเองที่ชำนาญการในแต่ละด้าน,,โดยผบ.ทบ.ต้องยึดอำนาจเบ็ดเสร็จก่อน,จากนั้นสร้างทีมเศรษฐกิจทำตังขึ้นมาบริหารงานแบบตำแหน่งนายกฯคุมทีมตังเลย,ตนกำกับดูแลอำนวยหลังฉาก คณะยามเฝ้าแผ่นดิน คณะต่างๆที่มิใช่ไส้ศึกที่รวมตัวกันจนเป็นคณะรวมพลังแผ่นดินไทยฯเชิญผู้มีความสามารถเหล่านี้ขึ้นบริหารได้ อาทิ อาสนธิต้องให้เกียรติที่ต่อสู้เรื่องพลังงานไทยจุดเทียนคณะแรก ขึ้นเป็นนายกฯเลย จากนั้นสั่งโมฆะสัมปทานทาสด้านปิโตรเลียมทั้งหมดทันทีกว่า21ครั้งนั้น,ยึดคืนเป็นของไทยใหม่,ฉีกทิ้งพรบ.ทาสอย่างปิโตรเลียมเก่าๆนั้นด้วย.,คือยึดคืนทุกๆวัตถุดิบหลักเราคืนมาจากทุกๆเอกชนไทยและต่างชาติทั้งหมดหรือทรัพยากรมีค่ามากมายที่ผูกขาดโดยเอกชนไทยและต่างชาติยึดคืนสู่สามัญเป็นของประเทศไทยจริงใหม่อีกครั้ง,อธิปไตยไทยคืออธิปไตยไทย แล้วบริหารจัดการใหม่ทั้งหมด,หัวใจมหาสมุทรคือพลังงาน จะพลิกและฟื้นฟูประเทศไทยเราจริง,สิ่งต่างๆที่ดีๆจะตามมาเอง นี้คือสิ่งแรกที่ ผบ. ทบ.สูงสุดต้องลงมือจริง,
    ..ตอนนี้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยจริงๆเสียทีเถอะ.ประเทศไทยจะรุ่งโรจน์แน่นอน เพราะจะกวาดล้างกำจัดศัตรูภายในและภายนอกได้จริง ตัดตอนทุกๆปัญหาที่ก่อโกลาหลในไทยได้เป็นอันมากเพราะเราจับทางมันถูกหมดแล้ว, ไทยกับเขมรปะทะกันก็เฮี้ยฝรั่งนี้อยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทย ไม่มีห่าอะไร ฝรั่งและต่างชาติมันโลภ กว่าจะไปพลังงานสะอาดทางเลือกอื่นให้เสถียร แหล่งบ่อน้ำมันก็ยังจำเป็นไปหลายสิบปีร้อยปีแน่นอน,
    ..ประเทศไทยมีศักยภาพกว่า1ล้านล้านล้านบาท ยุทธภูมิของโลกด้านการค้าก็เป็น1ของโลก ฮับระดับโลกดีๆนี้เอง มีปัญญาดีหน่อย แทบไม่ต้องขุดทรัพยากรไทยอะไรเลยก็สามารถร่ำรวยในทุกๆคนไทยได้100,000ล้านล้านบาทก็ยังไหว.
    ..ทหารไทยและประชาชนคนไทยเราต้องร่วมกันปฏิวัติวิถีปกครองตนเอง,ทิ้งวิถีปกครองส่งออกของฝรั่งไป,ใช้ไปก็ล้มเหลวบวกประชาชนยากจนซ้ำซากแบบปัจจุบัน จิตใจศีลธรรมมีแต่ตกต่ำเสื่อมและทรามหยาบขึ้น.


    https://youtube.com/watch?v=z-ktoPX69ew&si=Y2zJXwzq1ML9qGgP
    จริงๆวิถีการปกครองเราตันและล้มเหลวแล้ว เทียบยุโรปคือมีแต่รอวันพังพินาศเพื่อเกิดใหม่,ยุโรปและตะวันตกอเมริกาจึงอยากเกิดใหม่ จึงเปิดสงครามกับรัสเชียและกำลังจะเปิดกับจีนกับเกาหลีเหนือ, ..จากนั้นใครชนะจะปกครองด้วยระเบียบโลกใหม่ของผู้ชนะ, .. ..เอาจริงๆคือผบ.ทบ.สูงสุดเรายังไม่กล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่รู้กังวลอะไร ก็แค่เชิญจิตอาสาคนเก่งคนดีคนมีองค์รู้มากมายมาร่วมเป็นเดอะทีมกอบกู้ชาติไทยด้านเศรษฐกิจรก็จบ ,ส่วนผบ.ทบ.ก็ดูแลค้ำประกันความสงบสุขภายในประเทศไป,เหมือนนั่งสั่งการและรอรับรายงานจากทีมงาน,ตัวแทนตนเองที่ชำนาญการในแต่ละด้าน,,โดยผบ.ทบ.ต้องยึดอำนาจเบ็ดเสร็จก่อน,จากนั้นสร้างทีมเศรษฐกิจทำตังขึ้นมาบริหารงานแบบตำแหน่งนายกฯคุมทีมตังเลย,ตนกำกับดูแลอำนวยหลังฉาก คณะยามเฝ้าแผ่นดิน คณะต่างๆที่มิใช่ไส้ศึกที่รวมตัวกันจนเป็นคณะรวมพลังแผ่นดินไทยฯเชิญผู้มีความสามารถเหล่านี้ขึ้นบริหารได้ อาทิ อาสนธิต้องให้เกียรติที่ต่อสู้เรื่องพลังงานไทยจุดเทียนคณะแรก ขึ้นเป็นนายกฯเลย จากนั้นสั่งโมฆะสัมปทานทาสด้านปิโตรเลียมทั้งหมดทันทีกว่า21ครั้งนั้น,ยึดคืนเป็นของไทยใหม่,ฉีกทิ้งพรบ.ทาสอย่างปิโตรเลียมเก่าๆนั้นด้วย.,คือยึดคืนทุกๆวัตถุดิบหลักเราคืนมาจากทุกๆเอกชนไทยและต่างชาติทั้งหมดหรือทรัพยากรมีค่ามากมายที่ผูกขาดโดยเอกชนไทยและต่างชาติยึดคืนสู่สามัญเป็นของประเทศไทยจริงใหม่อีกครั้ง,อธิปไตยไทยคืออธิปไตยไทย แล้วบริหารจัดการใหม่ทั้งหมด,หัวใจมหาสมุทรคือพลังงาน จะพลิกและฟื้นฟูประเทศไทยเราจริง,สิ่งต่างๆที่ดีๆจะตามมาเอง นี้คือสิ่งแรกที่ ผบ. ทบ.สูงสุดต้องลงมือจริง, ..ตอนนี้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยจริงๆเสียทีเถอะ.ประเทศไทยจะรุ่งโรจน์แน่นอน เพราะจะกวาดล้างกำจัดศัตรูภายในและภายนอกได้จริง ตัดตอนทุกๆปัญหาที่ก่อโกลาหลในไทยได้เป็นอันมากเพราะเราจับทางมันถูกหมดแล้ว, ไทยกับเขมรปะทะกันก็เฮี้ยฝรั่งนี้อยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทย ไม่มีห่าอะไร ฝรั่งและต่างชาติมันโลภ กว่าจะไปพลังงานสะอาดทางเลือกอื่นให้เสถียร แหล่งบ่อน้ำมันก็ยังจำเป็นไปหลายสิบปีร้อยปีแน่นอน, ..ประเทศไทยมีศักยภาพกว่า1ล้านล้านล้านบาท ยุทธภูมิของโลกด้านการค้าก็เป็น1ของโลก ฮับระดับโลกดีๆนี้เอง มีปัญญาดีหน่อย แทบไม่ต้องขุดทรัพยากรไทยอะไรเลยก็สามารถร่ำรวยในทุกๆคนไทยได้100,000ล้านล้านบาทก็ยังไหว. ..ทหารไทยและประชาชนคนไทยเราต้องร่วมกันปฏิวัติวิถีปกครองตนเอง,ทิ้งวิถีปกครองส่งออกของฝรั่งไป,ใช้ไปก็ล้มเหลวบวกประชาชนยากจนซ้ำซากแบบปัจจุบัน จิตใจศีลธรรมมีแต่ตกต่ำเสื่อมและทรามหยาบขึ้น. https://youtube.com/watch?v=z-ktoPX69ew&si=Y2zJXwzq1ML9qGgP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • กราบสวัสดีอาจารย์สนธิคะ หนูได้ดูรายการย้อนหลังที่ออกอากาศมื่อวันศุกร์แล้ว ดูแล้วเข้าใจชัดเจนเห็นภาพเลย ไม่เข้าใจเลยว่าคนไทยจะขายชาติขายแผ่นดินกินกันได้ขนาดนี้ น่าเศร้าใจจริงๆประเทศไทยๆให้บ้านให้ชีวิตให้ครอบครัว มีอิสระ คนพวกนั้นอดอยากไหมก็ไม่ ถ้ามีชีวิตแบบพอเพียงมีมากพอแล้วจะต้องการกอบโกยโกงกินกันไปถึงไหนจะพอมีฝั่งไหม ต่อให้บ้านปูด้วยทองคำทั้งหลังก็คงไม่พอ แค้นใจ เจ็บใจจริงๆ ประชาชนอยู่อย่างยากลำบาก รายได้ต่อเดือนๆแทบไม่ชนเดือน แพงทั้งแผ่นดิน น้ำมันแก๊สขุดในไทยอิงราคาไปสิงค์โปร์ คนไทยใช้พลังงานแพงไฟฟ้าแพงทั้งๆที่ผลิตเกินความต้องการในประเทศมันควรจะถูกจริงไหมอุปสงค์อุปทานมันสวนทางกับความเป็นจริง #นักการเมืองเป็นอาชีพที่รวยเร็วมาก คนหาเช้ากินค่ำจะมีเงินมีบ้านสักหลังทำงานทั้งชีวิตอดสูใจมาก #นักการเมืองมีไว้ทำไม ผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อ้างเป็นตัวแทนประชาชนๆเบื่อมมากๆข้าราชการที่รับใช้นักการเมืองอีกล่ะขายชาติ ขนแรงงานขายสัญชาติไทยให้ต่างชาติต่อไปมันก็จะมาเหยียบหัวคนไทยนั่นแหละ รุ่นลูกหลานเหลนจะใช้ชีวิตกันยังไง ไม่สนกูขอรวยตระกูลกูสบายใครจะเป็นยังไงไม่สน"ตอนอยู่นอกวงมองเห็นปัญหาสารพัดพอเข้าวงหน้ามือเป็นหลังมือ"หนูไม่เคยติดยึดตัวบุคคลใครผิดใครถูกว่าไปตามนั้น ยอมรับว่าเวลาเราศรัธทานับถือใครสักคน แล้วพบว่าภายหลังไม่ใช่ ก็เสียใจนะ แต่ก็ช่างมันเถอะใครทำกรรมใดกรรมนั้นก็จะติดตามเขาไปเอง#MOU43,44..มันควรยกเลิกไปได้เลยล้าน%เพราะคุณไปคุยไปตกลงกันเองสร้างมูลเหตุขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวทำไม.."ในเมื่อไม่มีพื้นที่ส่วนใดทับซ้อนไม่ว่าบนบกหรือในทะเล การปักปันเขตแดนเสร็จสิ้นตั้งแต่สมัยสยาม-ฝรั่งเศสแล้ว"หลักหมุดเขตแดนก็ชัดเจนตกไหนพื้นทับซ้อนไม่ทราบ?"ผลปนะโยชน์ทับซ้อนมากกว่า#เสด็จพ่อ.ร.5ท่านต้องยอมสละเกาะกง,เสียมราษฏร์,พระตะบอง,ศรีโสภณ..ให้ฝรั่งเศสแต่พอปลดปล่อยกลับไม่คืนให้สยามกับให้อยู่กับกัมพูชาซึ้งมันโกงชัดๆถ้าให้คนเขมรในจังหวัดเหล่านั้นลงประมติว่าจะอยู่กับไทยไหมเชื่อว่าเกินร้อยไม่ต้องการอยู่อย่างทาสในกัมพูชาหรอกแต่คนเขมรถูกปกครองแบบทาสมานานถูกล้างสมองให้รับรู้ข่าวสารด้านเดียวโดยผู้นำเผด็จการแยกดีชั่วไม่เป็นยากจะแก้ไข เราก็ไม่ได้อยากได้คนแล้ว "แต่คนไทยที่แยกถูกผิดไม่ได้ขายศักดิ์ศรีตนเองเพียงเพื่อเงินน่าละอายที่สุด"เงยหน้าอายฟ้า ก้มหน้าอายดิน ละอายใจกันบ้างไหม.สะสมทรัพย์สมบัติไปทำไมถ้าไร้แผ่นดินจะยืนตรงไหนให้มีเกียรติได้ถามจริงๆ"ตายไปจะบอกบรรพบุรุษได้ยังไงแผ่นดินที่ท่านเหล่านั้นใช้เลทอดเนื้อและชีวิตแลกมา ไอลูกหลานจัญไรกับมาขายกิน#ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเจรจากับเขมรที่มันไร้อริยะสับปรับไร้สัจจะหน้าไหว้หลักหลอกชอบแทงข้างหลัง"ส่วนตัวประสาทต่างๆสยามขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานก่อนจะมีประเทศกัมพูชาซะอีกให้ทหารเขมรเข้ามาลาดตระเวนร่วมกับทหารไทยทำไม#ฝากถึงท่านแม่ทัพภาค2กำแพงรั้วกันถาวรไทยควรทำให้เสร็จโดยไว ถ้าเกิดสงครามสั่งสอนคนเขมรจะหนีเข้าไทยเป็นภาระเหมือนพม่าที่พบพระ จ.ตากเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ชาวยิวเต็มที่แม่ฮ่องสอนฝ่ายความมั่นคงปล่อยใก้เข้ามาอยู่ยาวกันแบบมีกลุ่มชุมชนได้ยังไงต่อไปก็จะโดนยึดแบบปาเลสไตน์คนไทยไม่เป็นแบบกาซ่ารึ ภูเก็ตเขมรสลัมก็เต็มไปหมดแม้แต่ชาวรัสเซียกร่างมากมาย,ชลบุรีก็มีจีนเทาครองเมืองแล้ว"หลับตากันอยู่หรือ?ถึงไม่เห็น"#ประเทศไทยอยากเป็นแบบไหนละ"ซีเรีย,ลิเบีย,กาซ่า,ยูเครน,เวเนฯลฯ90%ตายในประเทศ...1%หนีไปเป็นผู้อพยพพลเมืองชั้น3ในประเทศคนอื่นเอาแบบไหนดีล่ะ"องค์กรต่างๆก็ปชช.ก็ขาดศรัธทาหมดแล้ว โปร่งใสอันดับ1ตลก#ขอรั้วกันถาวรแบบเวียดนามๆเขาก็มีระยะทางยาวแต่เขาทำเสร็จเร็วมากๆ ไทยจะทำรั้วบ้านเราคงไม่ต้องไปขออนุญาติข่างบ้านมั้งคะ ทำไม่ทันปชช.พร้อมช่วยงบไม่พอพร้อมโอน-ถ้าช้ากัมพูชาโดนจีนสั่งสอนมันต้องหนีเข้าไทยๆรับไม่ไหวเศรษฐกิจไทยก็ไม่ดีต้องมาเลี้ยงดูอีกคงไม่ไหว"พวก "UN.มันให้เรารับภาระแต่ไม่ให้เงินแย่นะว่าก็ว่าเถอะช่วยจัดการผลักดันพม่ากลับประเทศมันไปเถอะคอยช่วยคนพวกนี้ก็เหมือนเขมรเลี้ยงไม่เชื่องหรอกได้คืบจะเอาศอกไอนี่ก็เกรงใจเขมรเหลือเกินจะทำอะไรก็กลัวๆอะไร????
    กราบสวัสดีอาจารย์สนธิคะ หนูได้ดูรายการย้อนหลังที่ออกอากาศมื่อวันศุกร์แล้ว ดูแล้วเข้าใจชัดเจนเห็นภาพเลย ไม่เข้าใจเลยว่าคนไทยจะขายชาติขายแผ่นดินกินกันได้ขนาดนี้ น่าเศร้าใจจริงๆประเทศไทยๆให้บ้านให้ชีวิตให้ครอบครัว มีอิสระ คนพวกนั้นอดอยากไหมก็ไม่ ถ้ามีชีวิตแบบพอเพียงมีมากพอแล้วจะต้องการกอบโกยโกงกินกันไปถึงไหนจะพอมีฝั่งไหม ต่อให้บ้านปูด้วยทองคำทั้งหลังก็คงไม่พอ แค้นใจ เจ็บใจจริงๆ ประชาชนอยู่อย่างยากลำบาก รายได้ต่อเดือนๆแทบไม่ชนเดือน แพงทั้งแผ่นดิน น้ำมันแก๊สขุดในไทยอิงราคาไปสิงค์โปร์ คนไทยใช้พลังงานแพงไฟฟ้าแพงทั้งๆที่ผลิตเกินความต้องการในประเทศมันควรจะถูกจริงไหมอุปสงค์อุปทานมันสวนทางกับความเป็นจริง #นักการเมืองเป็นอาชีพที่รวยเร็วมาก คนหาเช้ากินค่ำจะมีเงินมีบ้านสักหลังทำงานทั้งชีวิตอดสูใจมาก #นักการเมืองมีไว้ทำไม ผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อ้างเป็นตัวแทนประชาชนๆเบื่อมมากๆข้าราชการที่รับใช้นักการเมืองอีกล่ะขายชาติ ขนแรงงานขายสัญชาติไทยให้ต่างชาติต่อไปมันก็จะมาเหยียบหัวคนไทยนั่นแหละ รุ่นลูกหลานเหลนจะใช้ชีวิตกันยังไง ไม่สนกูขอรวยตระกูลกูสบายใครจะเป็นยังไงไม่สน"ตอนอยู่นอกวงมองเห็นปัญหาสารพัดพอเข้าวงหน้ามือเป็นหลังมือ"หนูไม่เคยติดยึดตัวบุคคลใครผิดใครถูกว่าไปตามนั้น ยอมรับว่าเวลาเราศรัธทานับถือใครสักคน แล้วพบว่าภายหลังไม่ใช่ ก็เสียใจนะ แต่ก็ช่างมันเถอะใครทำกรรมใดกรรมนั้นก็จะติดตามเขาไปเอง#MOU43,44..มันควรยกเลิกไปได้เลยล้าน%เพราะคุณไปคุยไปตกลงกันเองสร้างมูลเหตุขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวทำไม.."ในเมื่อไม่มีพื้นที่ส่วนใดทับซ้อนไม่ว่าบนบกหรือในทะเล การปักปันเขตแดนเสร็จสิ้นตั้งแต่สมัยสยาม-ฝรั่งเศสแล้ว"หลักหมุดเขตแดนก็ชัดเจนตกไหนพื้นทับซ้อนไม่ทราบ?"ผลปนะโยชน์ทับซ้อนมากกว่า#เสด็จพ่อ.ร.5ท่านต้องยอมสละเกาะกง,เสียมราษฏร์,พระตะบอง,ศรีโสภณ..ให้ฝรั่งเศสแต่พอปลดปล่อยกลับไม่คืนให้สยามกับให้อยู่กับกัมพูชาซึ้งมันโกงชัดๆถ้าให้คนเขมรในจังหวัดเหล่านั้นลงประมติว่าจะอยู่กับไทยไหมเชื่อว่าเกินร้อยไม่ต้องการอยู่อย่างทาสในกัมพูชาหรอกแต่คนเขมรถูกปกครองแบบทาสมานานถูกล้างสมองให้รับรู้ข่าวสารด้านเดียวโดยผู้นำเผด็จการแยกดีชั่วไม่เป็นยากจะแก้ไข เราก็ไม่ได้อยากได้คนแล้ว "แต่คนไทยที่แยกถูกผิดไม่ได้ขายศักดิ์ศรีตนเองเพียงเพื่อเงินน่าละอายที่สุด"เงยหน้าอายฟ้า ก้มหน้าอายดิน ละอายใจกันบ้างไหม👎.สะสมทรัพย์สมบัติไปทำไมถ้าไร้แผ่นดินจะยืนตรงไหนให้มีเกียรติได้ถามจริงๆ"ตายไปจะบอกบรรพบุรุษได้ยังไงแผ่นดินที่ท่านเหล่านั้นใช้เลทอดเนื้อและชีวิตแลกมา ไอลูกหลานจัญไรกับมาขายกิน#ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเจรจากับเขมรที่มันไร้อริยะสับปรับไร้สัจจะหน้าไหว้หลักหลอก😱ชอบแทงข้างหลัง"ส่วนตัวประสาทต่างๆสยามขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานก่อนจะมีประเทศกัมพูชาซะอีกให้ทหารเขมรเข้ามาลาดตระเวนร่วมกับทหารไทยทำไม#ฝากถึงท่านแม่ทัพภาค2กำแพงรั้วกันถาวรไทยควรทำให้เสร็จโดยไว ถ้าเกิดสงครามสั่งสอนคนเขมรจะหนีเข้าไทยเป็นภาระเหมือนพม่าที่พบพระ จ.ตากเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ชาวยิวเต็มที่แม่ฮ่องสอนฝ่ายความมั่นคงปล่อยใก้เข้ามาอยู่ยาวกันแบบมีกลุ่มชุมชนได้ยังไงต่อไปก็จะโดนยึดแบบปาเลสไตน์คนไทยไม่เป็นแบบกาซ่ารึ ภูเก็ตเขมรสลัมก็เต็มไปหมดแม้แต่ชาวรัสเซียกร่างมากมาย,ชลบุรีก็มีจีนเทาครองเมืองแล้ว"หลับตากันอยู่หรือ?🙈ถึงไม่เห็น"#ประเทศไทยอยากเป็นแบบไหนละ"ซีเรีย,ลิเบีย,กาซ่า,ยูเครน,เวเนฯลฯ90%ตายในประเทศ...1%หนีไปเป็นผู้อพยพพลเมืองชั้น3ในประเทศคนอื่นเอาแบบไหนดีล่ะ🤔"องค์กรต่างๆก็ปชช.ก็ขาดศรัธทาหมดแล้ว โปร่งใสอันดับ1😆ตลก😜#ขอรั้วกันถาวรแบบเวียดนามๆเขาก็มีระยะทางยาวแต่เขาทำเสร็จเร็วมากๆ ไทยจะทำรั้วบ้านเราคงไม่ต้องไปขออนุญาติข่างบ้านมั้งคะ ทำไม่ทันปชช.พร้อมช่วยงบไม่พอพร้อมโอน-ถ้าช้ากัมพูชาโดนจีนสั่งสอนมันต้องหนีเข้าไทยๆรับไม่ไหวเศรษฐกิจไทยก็ไม่ดีต้องมาเลี้ยงดูอีกคงไม่ไหว"พวก "UN.มันให้เรารับภาระแต่ไม่ให้เงินแย่นะว่าก็ว่าเถอะช่วยจัดการผลักดันพม่ากลับประเทศมันไปเถอะ🍊คอยช่วยคนพวกนี้ก็เหมือนเขมรเลี้ยงไม่เชื่องหรอกได้คืบจะเอาศอก🍉ไอนี่ก็เกรงใจเขมรเหลือเกินจะทำอะไรก็กลัวๆอะไร????
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี้คือกฎหมายหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจริง,ประชาชนไม่สามารถใช้ระบบประชาธิปไตยร่วมลงมติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ใดๆได้เลย บังคับใช้เองตามอำเภอใจ สภาพความเป็นจริงก็ประชาชนไม่สามารถจ่ายได้อีก,ตลอดระยะเวลาที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจริง ถอยหลังไปสัก40-50ปี หรือ30-40ปี,ประชาชนยังใช้ชีวิตปกติสุขธรรมดา,ปัจจุบันหนักข้อมากขึ้น ประชาชนคือเหยื่อและแหล่งรายได้ทางข้อกฎหมายเสียแล้ว,เสมือนกฎหมายในปัจจุบันที่อ้างประชาชนบังหน้า ล่วงมุ่งแสวงหารายได้จากประชาชนผ่านกฎหมายข้อบังคับค่าปรับค่าธรรมเนียมสาระพัดนั้นเอง,จริงๆตำรวจจราจรมีหน้าที่สกัดจับโจรผู้ร้ายที่ปล้นจี้ชิงทรัพย์ก่ออาชญากรรมด้านร่างกายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ใช้ถนนเป็นที่หลบหนีจากการไล่ล่าทุกๆกรณี,ส่วนกฎหมายจราจรมากมายที่ออกมา,ไร้สาระทั้งสิ้นจากกรมขนส่งเอง,เพื่อให้การใช้ถนนในจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย,ขนส่งควบคุมตั้งแต่ต้นทางได้คือบุคคลจะซื้อรถยนต์รถมอไซค์ได้ต้องอายุเท่านี้เท่านั้น มีใบขับขี่ที่เพียงสแกนเลขบัตรก็รับรู้สถานะได้ ไม่จำเป็นต้องพกบัตรอะไรก็ได้ ส่วนสวมหมวกกันน็อคคือสิทธิอธิปไตยส่วนบุคคลใครจะใส่ไม่ใส่ก็ได้บังคับไม่ได้ รับความเสี่ยงภัยเอง.ใส่ก็ดีแก่ตัวเอง,รถไม่ได้มาตราฐานห้ามซื้อขาย,คือจบทั้งหมดที่ต้นทางหมด,แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีเป้ามียอดจริง,
    ..การจะกำจัดตังทุจริตสิ้นซากได้คือระบบ และกำจัดคนจริงด้วย,ที่สร้างความเดือดร้อนรังแกประชาชนผ่านกฎหมาย, จริงๆต้องแจ้งล่วงหน้าแก่ประชาชนในการตั้งจุดตรวจ เพื่ออะไรด้วย,สกัดจับโจรก็ลงแพลตฟอร์มพื้นที่ตนชัดเจน ประชาชนก็ร่วมมือสังเกตุคนร้ายได้ด้วย ระบุชื่อรูปลักษณ์คดี รายละเอียดไป ปกปิดทำซากอะไร รัศมีตาประชาชนสามารถร่วมจับได้อีก.

    ..รัฐล้มเหลวจึงเขียนกฎหมายรังแกบีบบังคับประชาชนได้หรือรัฐเผด็จการภายในระบบประชาธิปไตยที่ฝ่ายคนข้าราชการรัฐเขียนตีตรากันเอง ออกมาบังคับใช้ จริงๆประชาชนสามารถลงมติร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มสาธารณะยกเลิกกฎหมายเช่นค่าปรับ2,000นี้ได้ เช่นมีแพลตฟอร์มออนไลน์เชื่อมระบบรัฐจริง พอประชาชนลงมติคัดค้านกฎหมายนี้ร่วมกันถึง10ล้านคนออนไลน์สะสม,ภายใน1ปีหรือภายใน1ปีจริงแต่ประชาชนเรียกร้องยกเลิกทันทีโดยลงชื่อกดปุ่มจนครบคนที่10ล้านคน รุ่งขึ้นกฎหมายค่าปรับนี้สามารถยกเลิกได้ทันทีแม้ฝ่ายรัฐจะตีตรามาบังคับใช้แล้วจริงทั้งฉบับต้องเป็นตกไป,หรือประชาชนต้องการให้ข้าราชการเลวชั่วนี้พ้นอำนาจไป ร่วมกันลงชื่อครบ20ล้านคน ข้าราชการปลัดหรืออธิบดีนั้นหรือรัฐมนตรีนั้นๆต้องพ้นอำนาจพ้นตำแหน่งทันที,คือพลังมวลชนต้องสามารถแสดงพลังได้จริงในทางที่ถูกทางด้วย,ผู้ว่าในจังหวัดนั้นเลวชั่ว ประชาชนในจังหวัดนั้นๆสามารถลงมติร่วมลงชื่อเรียลไทม์ในแพลตฟอร์มแห่งชาตินั้น ครบ300,000คน ครบ5แสนคนเพราะจังหวัดนั้นๆมีประชากรแค่700,000คนหรือ1,500,000คนเอง,นายอำเภอก็ด้วยครบ2-3หมื่นคน จาก100,000กว่าคนเป็นต้นสามารถถีบผู้ว่าถีบนายอำเภอพ้นตำแหน่งข้าราชการได้เป็นต้น,แต่กฎหมายมากมายเก่ายุค รังแกกดขี่ประชาชนก็มาก ประชาชนไม่สามารถแสดงพลังตนในการจัดการปัญหาพื้นที่ตนที่กฎหมายผีบ้าใครเขียนบ้านั้นไมาสามารถฉีกทิ้งได้เลย,และกฎค่าปรับ2,000บาทนี้ก็ผีบ้าด้วย นี้คือการปล้นทรีพย์สินเงินทองจากกระเป๋าประชาชนคนไทยชัดเจนในค่าแรงแค่300-400บาทขั้นต่ำเอง.,กฎหมายนี้คือกฎหมายเผด็จการรังแกประชาชนชัดเจน ไม่ต่างจากmou43,44ที่เขียนออกมารอวันขายดินแดนและเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติไทยเรา.

    ..รัฐล้มเหลว
    ..วิถีปกครองล้มเหลว

    https://youtube.com/shorts/u6yWW47NGt4?si=qsQ8EWmgYHR1e2NX
    นี้คือกฎหมายหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจริง,ประชาชนไม่สามารถใช้ระบบประชาธิปไตยร่วมลงมติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ใดๆได้เลย บังคับใช้เองตามอำเภอใจ สภาพความเป็นจริงก็ประชาชนไม่สามารถจ่ายได้อีก,ตลอดระยะเวลาที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจริง ถอยหลังไปสัก40-50ปี หรือ30-40ปี,ประชาชนยังใช้ชีวิตปกติสุขธรรมดา,ปัจจุบันหนักข้อมากขึ้น ประชาชนคือเหยื่อและแหล่งรายได้ทางข้อกฎหมายเสียแล้ว,เสมือนกฎหมายในปัจจุบันที่อ้างประชาชนบังหน้า ล่วงมุ่งแสวงหารายได้จากประชาชนผ่านกฎหมายข้อบังคับค่าปรับค่าธรรมเนียมสาระพัดนั้นเอง,จริงๆตำรวจจราจรมีหน้าที่สกัดจับโจรผู้ร้ายที่ปล้นจี้ชิงทรัพย์ก่ออาชญากรรมด้านร่างกายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ใช้ถนนเป็นที่หลบหนีจากการไล่ล่าทุกๆกรณี,ส่วนกฎหมายจราจรมากมายที่ออกมา,ไร้สาระทั้งสิ้นจากกรมขนส่งเอง,เพื่อให้การใช้ถนนในจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย,ขนส่งควบคุมตั้งแต่ต้นทางได้คือบุคคลจะซื้อรถยนต์รถมอไซค์ได้ต้องอายุเท่านี้เท่านั้น มีใบขับขี่ที่เพียงสแกนเลขบัตรก็รับรู้สถานะได้ ไม่จำเป็นต้องพกบัตรอะไรก็ได้ ส่วนสวมหมวกกันน็อคคือสิทธิอธิปไตยส่วนบุคคลใครจะใส่ไม่ใส่ก็ได้บังคับไม่ได้ รับความเสี่ยงภัยเอง.ใส่ก็ดีแก่ตัวเอง,รถไม่ได้มาตราฐานห้ามซื้อขาย,คือจบทั้งหมดที่ต้นทางหมด,แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีเป้ามียอดจริง, ..การจะกำจัดตังทุจริตสิ้นซากได้คือระบบ และกำจัดคนจริงด้วย,ที่สร้างความเดือดร้อนรังแกประชาชนผ่านกฎหมาย, จริงๆต้องแจ้งล่วงหน้าแก่ประชาชนในการตั้งจุดตรวจ เพื่ออะไรด้วย,สกัดจับโจรก็ลงแพลตฟอร์มพื้นที่ตนชัดเจน ประชาชนก็ร่วมมือสังเกตุคนร้ายได้ด้วย ระบุชื่อรูปลักษณ์คดี รายละเอียดไป ปกปิดทำซากอะไร รัศมีตาประชาชนสามารถร่วมจับได้อีก. ..รัฐล้มเหลวจึงเขียนกฎหมายรังแกบีบบังคับประชาชนได้หรือรัฐเผด็จการภายในระบบประชาธิปไตยที่ฝ่ายคนข้าราชการรัฐเขียนตีตรากันเอง ออกมาบังคับใช้ จริงๆประชาชนสามารถลงมติร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มสาธารณะยกเลิกกฎหมายเช่นค่าปรับ2,000นี้ได้ เช่นมีแพลตฟอร์มออนไลน์เชื่อมระบบรัฐจริง พอประชาชนลงมติคัดค้านกฎหมายนี้ร่วมกันถึง10ล้านคนออนไลน์สะสม,ภายใน1ปีหรือภายใน1ปีจริงแต่ประชาชนเรียกร้องยกเลิกทันทีโดยลงชื่อกดปุ่มจนครบคนที่10ล้านคน รุ่งขึ้นกฎหมายค่าปรับนี้สามารถยกเลิกได้ทันทีแม้ฝ่ายรัฐจะตีตรามาบังคับใช้แล้วจริงทั้งฉบับต้องเป็นตกไป,หรือประชาชนต้องการให้ข้าราชการเลวชั่วนี้พ้นอำนาจไป ร่วมกันลงชื่อครบ20ล้านคน ข้าราชการปลัดหรืออธิบดีนั้นหรือรัฐมนตรีนั้นๆต้องพ้นอำนาจพ้นตำแหน่งทันที,คือพลังมวลชนต้องสามารถแสดงพลังได้จริงในทางที่ถูกทางด้วย,ผู้ว่าในจังหวัดนั้นเลวชั่ว ประชาชนในจังหวัดนั้นๆสามารถลงมติร่วมลงชื่อเรียลไทม์ในแพลตฟอร์มแห่งชาตินั้น ครบ300,000คน ครบ5แสนคนเพราะจังหวัดนั้นๆมีประชากรแค่700,000คนหรือ1,500,000คนเอง,นายอำเภอก็ด้วยครบ2-3หมื่นคน จาก100,000กว่าคนเป็นต้นสามารถถีบผู้ว่าถีบนายอำเภอพ้นตำแหน่งข้าราชการได้เป็นต้น,แต่กฎหมายมากมายเก่ายุค รังแกกดขี่ประชาชนก็มาก ประชาชนไม่สามารถแสดงพลังตนในการจัดการปัญหาพื้นที่ตนที่กฎหมายผีบ้าใครเขียนบ้านั้นไมาสามารถฉีกทิ้งได้เลย,และกฎค่าปรับ2,000บาทนี้ก็ผีบ้าด้วย นี้คือการปล้นทรีพย์สินเงินทองจากกระเป๋าประชาชนคนไทยชัดเจนในค่าแรงแค่300-400บาทขั้นต่ำเอง.,กฎหมายนี้คือกฎหมายเผด็จการรังแกประชาชนชัดเจน ไม่ต่างจากmou43,44ที่เขียนออกมารอวันขายดินแดนและเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติไทยเรา. ..รัฐล้มเหลว ..วิถีปกครองล้มเหลว https://youtube.com/shorts/u6yWW47NGt4?si=qsQ8EWmgYHR1e2NX
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรา..ประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อนมากมายและยากจนมาตลอดจากนักการเมืองที่ปกครองภายใต้ชื่อว่า "รัฐบาลประเทศไทย "นานพอแล้วหรือไง รัฐบาลแต่ละยุดสมัยอดีตถึงปัจจุบัน สร้างแต่ความยากจนให้กับประชาชนคนไทยไม่สิ้นสุดสักที บ่อน้ำมันมากมายก็ยกให้อเมริกา ให้ซาอุฯให้บริษัทต่างประเทศมากมายทำมาหาแดกจนร่ำรวยและเอกชนไทยด้วย ภายใต้ชื่อคำว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้สร้างคุณประโยชน์อะไรจริงแก่ประชาชนเลย,เป็นไปได้มั้ยสมควรยกเลิกการใช้ชื่อคำว่า"รัฐบาล"นี้ เลิกใช้ชื่อนี้จริงๆกันได้แล้ว ตั้งว่า "บริษัทไทย"เถอะ เป้าหมายคือหาตังเข้าประเทศเหมือนกันและพัฒนาบริษัทไทยนี้ให้มั่นคงแข็งแกร่งจริงๆ คนในบริษัทเป็นเจ้าของบริษัทนี้จริงจังเป็นรูปธรรมเช่นกัน.,ไม่ยกกิจการธุรกิจใดๆให้บริษัทต่างชาติมาทำแดกแทนบริษัทไทยตนจริงด้วย สร้างความร่ำรวยในวลีความรู้สึกทางตรงด้วย,ใครใช้ชื่อบริษัทที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็เปลี่ยนชื่อว่า "ครัว"แทน ครัวcp ครัวกสิกร ครัวปตท. ,บริษัทอเมริกาแบบบริษัทแอปเปิ้ล ก็ครัวแอปเปิ้ล ครัวเซฟรอนไป ครัวMG ครัวกระทิงแดงไป ,กระทรวงทบวงกรมก็เรียกว่า แขน ขา มือ ไป,คือตัวละลายบาลีพฤติกรรมความรับรู้ รู้สึกหมด รีเซ็ตเป็นของใหม่ล้างระบบเก่าทิ้งเลย,
    ..อนาคตบริษัทไทยทำแลนด์บริดจ์ ทำคลองคอดกระ สร้างรั้วลวดหนามกั้นไทย มาเลย์ติดกล้องชัดเจนแล้ว ปัญหาชายแดนใต้อาจยุติทันที,แจกมือถือควอนตัม ทำธุรกรรมการเงินผ่านมือถือควอนตัมของใครของมันทั่วไทยทั้งหมด เด็กทำมือถือหาย เสีย ประชาชนทำมือถือหาย เสีย สามารถรับเครื่องใหม่ได้ทันที ,ตัดตอนเม็ดเงินนอกระบบทั้งหมด เงินเถื่อนเงินฟอกทั้งหมด,อาชญากรเข้าประเทศ ป๊อบอัพเรียลไทม์ระบุพิกัดทันทีเลย,ชายแดนใต้มีปัญหาโดรนพลีชีพระเบิดโจรใต้ทันทีก่อนหนีออกรั้วลวดหนามไทยไปมาเลย์.,คนไทยเป็นเจ้าของคลองคอดกระ แลนด์บริดจ์และพื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด,รายได้ที่เกิดจากสาระพัดฮับบริเวณพื้นที่นี้กว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปี จะโอนกระจายปันส่วนอย่างยุติธรรมและเหมาะสมแก่เจ้าของบริษัทไทยเราร่วมกันทุกๆคนจริงมิใช่เหี้ยแบบปัจจุบัน,ขั้นต่ำได้แน่นอนต่อคนต่อปีที่1ล้านบาท,เข้าบัญชีคนไทยเราทุกๆคน ,เมื่อภูมิภูมิใจระดับจิตระดับใจองค์ความรู้เรามากมายดีแล้วมีภูมิคุ้มกันตนเองและบริษัทไทยเราขีดคุ้มร่วมด้วย,แบบอนาคตคือฮับเรือสำราญของโลก เรือสำราญขนาดใหญ่ทั่วโลกต้องผ่านคลองไทยหมด เม็ดเงินจะเข้าประเทศไทยต่อเนื่องมหาศาล บ่อนคาสิโนระดับโลกคือฮับที่ไทยนี้อีก ปลอดภัยทุกๆผู้เล่น,ไร้ใครหมดเนื้อหมดตัวด้วย,กำหนดเกรดคนเข้าเล่นชัดเจนด้วย ในแต่ละเรเวล.,ทั่วโลกจะมาสำราญที่ประเทศไทยเป็นอันมาก,ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยคนไทยถูกปกป้องคุ้มครองก่อนเสมอ,และร่ำรวยมั่งคั่งจริงไปด้วยกันด้วย,วัตถุดิบบ่อน้ำมันและพลังงานสะอาดเราทำเองลงทุนเองค้าขายเองอีก,เงินทองโคตรมหาศาลมากมายกระจายถึงคนไทยทุกๆคนด้วยจริงผ่านกระเป๋าตังดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์เรา,ใครชั่วเลว ใต้โต๊ะหรือสร้างธุรกรรมผิดปกติไม่ซื่อสัตย์สุจริตคตโกงตังบริษัทระบบควอนตัมจับได้ทันทีเรียลไทม์ด้วย,เราสามารถใช้สัมมาชีวิตแบบสมถะพอเพียงได้อีกมีเวลาพัฒนาจิตวิญญาณระดับเซียนได้ด้วยอย่างมีเวลามากมายไม่ใช้ชีวิตเลอะเทอะหรือดิ้นรนบ้าคลั่งแบบปัจจุบัน,เหมือนรากฐานเราตั้งไว้ชอบถูกทางอะไรก็ดีหมด ใครเข้ามาผิดผีผิดคนก็ดับอนาถทันทีซึ่งแบบระบบปกครองปัจจุบันถือว่ากากและล้มเหลวสิ้นเชิง,ผีบ้าคนเขียนระบบเลือกตั้ง ระบบนายกฯไม่ซื่อสัตย์ก็เอาคนอื่นขึ้นแทนทันทีจากพรรคเดิมเดอะแก๊งเดิมที่เข้าคนไม่ซื่อสัตย์ขึ้นมาล้วครั้งแรก จริงๆต้องลงโทษพรรคนั้นและคนด้วย ลงโทษพรรคร่วมทั้งหมดด้วย นอกจากยุบอำนาจทิ้งแล้วคัดสรรกันใหม่,เสือกทำการปกครองเหมือนเด็กปัญญาอ่อนเล่นของใบไม้ขายของ.นี้คือคุณภาพคนที่กาก ชนชั้นปกครองที่กากนั้นเอง.,ไม่สามารถนำพาประเทศให้อยู่ในคลองแห่งเจริญดีงาม นำพาผู้คนพ้นยากจนพ้นทุกข์พ้นทาสเงินทองด้วย ตลอดชั่วดีรู้เท่าทันได้ แม้ตรงหน้าก็ประมาณได้พอดี,ตามสถานะมนุษย์โลกเราพึงเป็นเพราะเรามิใช่นักบวชพระเณรก็ว่า, ประเทศเราอุดมสมบูรณ์มากมายมหาศาล วิถีปกครองกลับเอาแต่ได้เห็นแก่ตัว เบียดบังความร่ำรวยประชาชนตนเองมิให้มีชีวิตที่ร่ำรวยมั่งคั่งพอดีพองามทางสายกลางทั่วถึงกัน.วิถีปกครองที่ล้มเหลว.

    https://youtube.com/watch?v=vIt8z_DgtCI&si=2NMjI-1QSooq62jt
    เรา..ประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อนมากมายและยากจนมาตลอดจากนักการเมืองที่ปกครองภายใต้ชื่อว่า "รัฐบาลประเทศไทย "นานพอแล้วหรือไง รัฐบาลแต่ละยุดสมัยอดีตถึงปัจจุบัน สร้างแต่ความยากจนให้กับประชาชนคนไทยไม่สิ้นสุดสักที บ่อน้ำมันมากมายก็ยกให้อเมริกา ให้ซาอุฯให้บริษัทต่างประเทศมากมายทำมาหาแดกจนร่ำรวยและเอกชนไทยด้วย ภายใต้ชื่อคำว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้สร้างคุณประโยชน์อะไรจริงแก่ประชาชนเลย,เป็นไปได้มั้ยสมควรยกเลิกการใช้ชื่อคำว่า"รัฐบาล"นี้ เลิกใช้ชื่อนี้จริงๆกันได้แล้ว ตั้งว่า "บริษัทไทย"เถอะ เป้าหมายคือหาตังเข้าประเทศเหมือนกันและพัฒนาบริษัทไทยนี้ให้มั่นคงแข็งแกร่งจริงๆ คนในบริษัทเป็นเจ้าของบริษัทนี้จริงจังเป็นรูปธรรมเช่นกัน.,ไม่ยกกิจการธุรกิจใดๆให้บริษัทต่างชาติมาทำแดกแทนบริษัทไทยตนจริงด้วย สร้างความร่ำรวยในวลีความรู้สึกทางตรงด้วย,ใครใช้ชื่อบริษัทที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็เปลี่ยนชื่อว่า "ครัว"แทน ครัวcp ครัวกสิกร ครัวปตท. ,บริษัทอเมริกาแบบบริษัทแอปเปิ้ล ก็ครัวแอปเปิ้ล ครัวเซฟรอนไป ครัวMG ครัวกระทิงแดงไป ,กระทรวงทบวงกรมก็เรียกว่า แขน ขา มือ ไป,คือตัวละลายบาลีพฤติกรรมความรับรู้ รู้สึกหมด รีเซ็ตเป็นของใหม่ล้างระบบเก่าทิ้งเลย, ..อนาคตบริษัทไทยทำแลนด์บริดจ์ ทำคลองคอดกระ สร้างรั้วลวดหนามกั้นไทย มาเลย์ติดกล้องชัดเจนแล้ว ปัญหาชายแดนใต้อาจยุติทันที,แจกมือถือควอนตัม ทำธุรกรรมการเงินผ่านมือถือควอนตัมของใครของมันทั่วไทยทั้งหมด เด็กทำมือถือหาย เสีย ประชาชนทำมือถือหาย เสีย สามารถรับเครื่องใหม่ได้ทันที ,ตัดตอนเม็ดเงินนอกระบบทั้งหมด เงินเถื่อนเงินฟอกทั้งหมด,อาชญากรเข้าประเทศ ป๊อบอัพเรียลไทม์ระบุพิกัดทันทีเลย,ชายแดนใต้มีปัญหาโดรนพลีชีพระเบิดโจรใต้ทันทีก่อนหนีออกรั้วลวดหนามไทยไปมาเลย์.,คนไทยเป็นเจ้าของคลองคอดกระ แลนด์บริดจ์และพื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด,รายได้ที่เกิดจากสาระพัดฮับบริเวณพื้นที่นี้กว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปี จะโอนกระจายปันส่วนอย่างยุติธรรมและเหมาะสมแก่เจ้าของบริษัทไทยเราร่วมกันทุกๆคนจริงมิใช่เหี้ยแบบปัจจุบัน,ขั้นต่ำได้แน่นอนต่อคนต่อปีที่1ล้านบาท,เข้าบัญชีคนไทยเราทุกๆคน ,เมื่อภูมิภูมิใจระดับจิตระดับใจองค์ความรู้เรามากมายดีแล้วมีภูมิคุ้มกันตนเองและบริษัทไทยเราขีดคุ้มร่วมด้วย,แบบอนาคตคือฮับเรือสำราญของโลก เรือสำราญขนาดใหญ่ทั่วโลกต้องผ่านคลองไทยหมด เม็ดเงินจะเข้าประเทศไทยต่อเนื่องมหาศาล บ่อนคาสิโนระดับโลกคือฮับที่ไทยนี้อีก ปลอดภัยทุกๆผู้เล่น,ไร้ใครหมดเนื้อหมดตัวด้วย,กำหนดเกรดคนเข้าเล่นชัดเจนด้วย ในแต่ละเรเวล.,ทั่วโลกจะมาสำราญที่ประเทศไทยเป็นอันมาก,ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยคนไทยถูกปกป้องคุ้มครองก่อนเสมอ,และร่ำรวยมั่งคั่งจริงไปด้วยกันด้วย,วัตถุดิบบ่อน้ำมันและพลังงานสะอาดเราทำเองลงทุนเองค้าขายเองอีก,เงินทองโคตรมหาศาลมากมายกระจายถึงคนไทยทุกๆคนด้วยจริงผ่านกระเป๋าตังดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์เรา,ใครชั่วเลว ใต้โต๊ะหรือสร้างธุรกรรมผิดปกติไม่ซื่อสัตย์สุจริตคตโกงตังบริษัทระบบควอนตัมจับได้ทันทีเรียลไทม์ด้วย,เราสามารถใช้สัมมาชีวิตแบบสมถะพอเพียงได้อีกมีเวลาพัฒนาจิตวิญญาณระดับเซียนได้ด้วยอย่างมีเวลามากมายไม่ใช้ชีวิตเลอะเทอะหรือดิ้นรนบ้าคลั่งแบบปัจจุบัน,เหมือนรากฐานเราตั้งไว้ชอบถูกทางอะไรก็ดีหมด ใครเข้ามาผิดผีผิดคนก็ดับอนาถทันทีซึ่งแบบระบบปกครองปัจจุบันถือว่ากากและล้มเหลวสิ้นเชิง,ผีบ้าคนเขียนระบบเลือกตั้ง ระบบนายกฯไม่ซื่อสัตย์ก็เอาคนอื่นขึ้นแทนทันทีจากพรรคเดิมเดอะแก๊งเดิมที่เข้าคนไม่ซื่อสัตย์ขึ้นมาล้วครั้งแรก จริงๆต้องลงโทษพรรคนั้นและคนด้วย ลงโทษพรรคร่วมทั้งหมดด้วย นอกจากยุบอำนาจทิ้งแล้วคัดสรรกันใหม่,เสือกทำการปกครองเหมือนเด็กปัญญาอ่อนเล่นของใบไม้ขายของ.นี้คือคุณภาพคนที่กาก ชนชั้นปกครองที่กากนั้นเอง.,ไม่สามารถนำพาประเทศให้อยู่ในคลองแห่งเจริญดีงาม นำพาผู้คนพ้นยากจนพ้นทุกข์พ้นทาสเงินทองด้วย ตลอดชั่วดีรู้เท่าทันได้ แม้ตรงหน้าก็ประมาณได้พอดี,ตามสถานะมนุษย์โลกเราพึงเป็นเพราะเรามิใช่นักบวชพระเณรก็ว่า, ประเทศเราอุดมสมบูรณ์มากมายมหาศาล วิถีปกครองกลับเอาแต่ได้เห็นแก่ตัว เบียดบังความร่ำรวยประชาชนตนเองมิให้มีชีวิตที่ร่ำรวยมั่งคั่งพอดีพองามทางสายกลางทั่วถึงกัน.วิถีปกครองที่ล้มเหลว. https://youtube.com/watch?v=vIt8z_DgtCI&si=2NMjI-1QSooq62jt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts