• บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า

    “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ

    แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย

    ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก

    เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด

    ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้

    ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง

    เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว”

    แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

    ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี

    ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก

    สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว

    จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้

    แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม

    ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture

    ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media

    เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก

    พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง

    ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้

    จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”

    https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/

    #Thaitimes
    บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้ ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/ #Thaitimes
    WWW.SALIKA.CO
    UGC เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”
    User-Generated Content (UGC) หมายถึง Story ที่ผู้บริโภค หรือลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมาย สร้างขึ้นมาเอง โดยผู้คนเหล่านั้น จะพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาประทับใจ หรือให้ความสนใจ โดยที่ต้นเรื่องไม่ต้องเสียเงินจ้างแม้แต่บาทเดียว
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ แซนดี้ อะโลฮ่า ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความ รูปช้างเดินส่งเสบียงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตเทศบาลเมืองเชียงใหม่

    โดยมีข้อความระบุว่า "ล่าสุดเชียงใหม่เอาช้างมาช่วยส่งเสบียงให้ผู้ประสบภัย เป็นช้างที่พระครูอ๊อดดูแล ชื่อคุณเเสน & แสนทัพ รถหกล้อเข้าไม่ได้ ยังมีช้างเข้าไปส่งให้ มีคนเรียกเเสนทัพ พี่เขาหันไปทักกลับด้วย น่ารัก"

    #Thaitimes
    ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ แซนดี้ อะโลฮ่า ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความ รูปช้างเดินส่งเสบียงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตเทศบาลเมืองเชียงใหม่ โดยมีข้อความระบุว่า "ล่าสุดเชียงใหม่เอาช้างมาช่วยส่งเสบียงให้ผู้ประสบภัย เป็นช้างที่พระครูอ๊อดดูแล ชื่อคุณเเสน & แสนทัพ รถหกล้อเข้าไม่ได้ ยังมีช้างเข้าไปส่งให้ มีคนเรียกเเสนทัพ พี่เขาหันไปทักกลับด้วย น่ารัก" #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว้าวววว… ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรมาจ๊ะ หมูเด้ง "นักธุรกิจดูไบ" บินตรงมามอบเงินให้หมูเด้ง เพื่อสนับสนุนภารกิจของสวนสัตว์ 5 ล้านบาท

    กระแสความน่ารัก ตะมุตะมิของสาวน้อยหมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ดังไปไกลทั่วโลก โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลง นักท่องเที่ยวแห่เข้ารอชมหมูเด้งกันตั้งแต่สวนสัตว์ยังไม่เปิดทุกวัน

    https://mgronline.com/local/detail/9670000094811

    #Thaitimes
    ว้าวววว… ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรมาจ๊ะ หมูเด้ง "นักธุรกิจดูไบ" บินตรงมามอบเงินให้หมูเด้ง เพื่อสนับสนุนภารกิจของสวนสัตว์ 5 ล้านบาท กระแสความน่ารัก ตะมุตะมิของสาวน้อยหมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ดังไปไกลทั่วโลก โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลง นักท่องเที่ยวแห่เข้ารอชมหมูเด้งกันตั้งแต่สวนสัตว์ยังไม่เปิดทุกวัน https://mgronline.com/local/detail/9670000094811 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    เกินต้านจริงๆ เศรษฐีดูไบบินตรงหา “หมูเด้ง” มอบเงินให้ 5 ล้านบาท
    ศูนย์ข่าวศรีราชา - ว้าวววว … ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรมาจ๊ะ หมูเด้ง “นักธุรกิจ ดูไบ“ บินตรงมามอบเงินให้หมูเด้ง เพื่อสนับสนุนภารกิจของสวนสัตว์ 5 ล้านบาท
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นเอามั่ง! เปิดตัว คาปิฯ "แฝด 3" ที่สวนสัตว์ฟุกุโอกะ หวังดึงดูดนักท่องเที่ยว
    .
    สัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อญี่ปุ่นต่างรายงานว่าที่สวนสัตว์อุมิโนะนากามิจิ ในฟุกุโอกะ บนเกาะคิวชู ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ได้เมีการเผยโฉมเปิดตัวลูกคาปิบาราแฝด 3 อายุเพียงเดือนกว่า ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชม
    .
    สำหรับลูกคาปิบาราเกิดใหม่ทั้ง 3 ตัวนั้นเกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ สวนสัตว์อุมิโนะนากามิจิ (Uminonakamichi Seaside Park) โดยแรกเกิดมีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร และน้ำหนักราว 1.5 กิโลกรัม
    .
    อิริเอะ ฮิคารุ ผู้ดูแลกล่าวว่า ลูกคาปิบาร่าแฝด 3 มีลักษณะที่แตกต่างกันมาก โดยตัวหนึ่งมีลักษณะที่ค่อนข้างซุกซน ส่วนอีกตัวนึงค่อนข้างชิล ๆ พร้อมกล่าวว่าอยากให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสวนสัตว์ได้เห็นคาปิบาร่ากระโดดโลดเต้นไปมา และหวังว่าบรรดาลูก ๆ คาปิฯ เมื่อโตกว่านี้จะคุ้นเคยกับมนุษย์
    .
    อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันยังไม่มีการตั้งชื่อ ลูกคาปิบาร่าแฝด 3 แต่อย่างใด
    .
    สำหรับคาปิบรารา (Capybara) ถือเป็นสัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีเชื้อสายใกล้ชิดกับ หนูตะเภา โดยถิ่นอาศัยของมันอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ในสะวันนาและป่าหนาทึบใกล้กับแหล่งน้ำ เป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูงจำนวนมาก อาจพบได้มากถึง 100 ตัว แต่ส่วนมากจะอยู่เป็นฝูงราว 10-20 ตัว ทั้งนี้ คาปิบาราเมื่อโตเต็มที่อายุ 15–18 เดือน จะมีน้ำหนักมากถึง 35 ถึง 66 กิโลกรัม โดยลำตัวอาจยาวได้ถึงราว 45-60 เซนติเมตร
    .
    .
    ชมคลิปวีดิโอความน่ารักของ คาปิฯ แฝด 3 ที่สวนสัตว์ฟุกุโอกะได้ที่ >> https://www.youtube.com/watch?v=NMNJADrkjI4
    ญี่ปุ่นเอามั่ง! เปิดตัว คาปิฯ "แฝด 3" ที่สวนสัตว์ฟุกุโอกะ หวังดึงดูดนักท่องเที่ยว . สัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อญี่ปุ่นต่างรายงานว่าที่สวนสัตว์อุมิโนะนากามิจิ ในฟุกุโอกะ บนเกาะคิวชู ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ได้เมีการเผยโฉมเปิดตัวลูกคาปิบาราแฝด 3 อายุเพียงเดือนกว่า ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชม . สำหรับลูกคาปิบาราเกิดใหม่ทั้ง 3 ตัวนั้นเกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ สวนสัตว์อุมิโนะนากามิจิ (Uminonakamichi Seaside Park) โดยแรกเกิดมีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร และน้ำหนักราว 1.5 กิโลกรัม . อิริเอะ ฮิคารุ ผู้ดูแลกล่าวว่า ลูกคาปิบาร่าแฝด 3 มีลักษณะที่แตกต่างกันมาก โดยตัวหนึ่งมีลักษณะที่ค่อนข้างซุกซน ส่วนอีกตัวนึงค่อนข้างชิล ๆ พร้อมกล่าวว่าอยากให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสวนสัตว์ได้เห็นคาปิบาร่ากระโดดโลดเต้นไปมา และหวังว่าบรรดาลูก ๆ คาปิฯ เมื่อโตกว่านี้จะคุ้นเคยกับมนุษย์ . อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันยังไม่มีการตั้งชื่อ ลูกคาปิบาร่าแฝด 3 แต่อย่างใด . สำหรับคาปิบรารา (Capybara) ถือเป็นสัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีเชื้อสายใกล้ชิดกับ หนูตะเภา โดยถิ่นอาศัยของมันอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ในสะวันนาและป่าหนาทึบใกล้กับแหล่งน้ำ เป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูงจำนวนมาก อาจพบได้มากถึง 100 ตัว แต่ส่วนมากจะอยู่เป็นฝูงราว 10-20 ตัว ทั้งนี้ คาปิบาราเมื่อโตเต็มที่อายุ 15–18 เดือน จะมีน้ำหนักมากถึง 35 ถึง 66 กิโลกรัม โดยลำตัวอาจยาวได้ถึงราว 45-60 เซนติเมตร . . ชมคลิปวีดิโอความน่ารักของ คาปิฯ แฝด 3 ที่สวนสัตว์ฟุกุโอกะได้ที่ >> https://www.youtube.com/watch?v=NMNJADrkjI4
    Like
    Haha
    Yay
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิมานที่น่ารักมากปรารถนา
    วิมานที่น่ารักมากปรารถนา
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อุ๊ยคำคนหายอดนิยม
    ก็พี่คิงส์บอกแล้วไง แปลว่า น่ารัก
    เห็นหรือยัง เรื่องนี้ จบนะครับ
    จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเซิทจนติดเอสอีโออีก
    เหนื่อยกันแย่เลย
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #อุ๊ยคำคนหายอดนิยม ก็พี่คิงส์บอกแล้วไง แปลว่า น่ารัก เห็นหรือยัง เรื่องนี้ จบนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเซิทจนติดเอสอีโออีก เหนื่อยกันแย่เลย #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อุ๊ยโจมณฑนีเปลี่ยนเวย์เช็ดดดดดด
    #ใจร้ายมากอิป้า
    คิดจะเปลี่ยนเวย์ก็เปลี่ยนซะทุยจะตามไม่ทันเอานะ
    ด้นสดมันทุกวันเลยโจตกขาว
    สมแล้วที่จบถึงม.ต้น เป็นศ.ดร.มโนของเทพ DC
    หลังจากชิมลางแล้ว ทุกครั้งที่ไลฟ์ ยอดฟอลดิ่งๆๆ
    ยูซผีปั๊มไม่ทันยอดคนที่อันฟอล
    กลัวจะต่ำกว่า 1 M เอเจนซี่จะมีปัญหาได้
    นั่งแอบอิจ สาวจีนอย่างตาเขียวปั๊ด
    เลยปล่อยข่าว ว่าจะมาทวงบัลลังนายหญิง
    พี่คิงส์นี่ ขนลุก 5555555
    โจ มณทนี โจใจร้ายมาก ไม่นึกถึงหัวจิตหัวใจ
    ของไอ่เป็ด ที่ ตี๋หิด และบี๋ห้า เลย มันก็ฝันของมัน
    ไหนจะไอ่เฒ่าตันหากลับอีกตัว
    การประกาศแบบนี้ ก็เท่ากับดับฝันของกลุ่มทุยหน้ากระนูย(น่ารัก)
    ทั่วประเทศเลยนะ แล้วไหนจะบรรดาเทพ บรรดาชายทาแป้งผิดเบอร์อะไรนั่นอีก เป็นอาหวังฝันค้างเลย เธอมันร้าย โจ
    ไอ่ส่วนที่ปล่อยข่าวว่า แน๊กเค้าจะรีทงรีเทินอะไรนั่นหนะ
    ฝันน่ะ ได้ แต่ความจริงก็คือความจริง ครูปรีชาเคยพูดไว้
    และความจริงก็มีเพียงหนึ่งเดียว โคนันก็ได้พูดไว้
    ถามโจว่า ถ้าวันนึง สิ่งที่อยู่ในจานอาหาร ที่คิดว่ามันคือสเต็ก
    แต่ปรากฏว่า ดูจริงๆ ก็เป็นแค่โกเต็กค้างปีอันโสโครก
    ถ้าเป็นโจ โจจะหยิบมาแดรกอีกมั๊ย
    อิฟายยยย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #อุ๊ยโจมณฑนีเปลี่ยนเวย์เช็ดดดดดด #ใจร้ายมากอิป้า คิดจะเปลี่ยนเวย์ก็เปลี่ยนซะทุยจะตามไม่ทันเอานะ ด้นสดมันทุกวันเลยโจตกขาว สมแล้วที่จบถึงม.ต้น เป็นศ.ดร.มโนของเทพ DC หลังจากชิมลางแล้ว ทุกครั้งที่ไลฟ์ ยอดฟอลดิ่งๆๆ ยูซผีปั๊มไม่ทันยอดคนที่อันฟอล กลัวจะต่ำกว่า 1 M เอเจนซี่จะมีปัญหาได้ นั่งแอบอิจ สาวจีนอย่างตาเขียวปั๊ด เลยปล่อยข่าว ว่าจะมาทวงบัลลังนายหญิง พี่คิงส์นี่ ขนลุก 5555555 โจ มณทนี โจใจร้ายมาก ไม่นึกถึงหัวจิตหัวใจ ของไอ่เป็ด ที่ ตี๋หิด และบี๋ห้า เลย มันก็ฝันของมัน ไหนจะไอ่เฒ่าตันหากลับอีกตัว การประกาศแบบนี้ ก็เท่ากับดับฝันของกลุ่มทุยหน้ากระนูย(น่ารัก) ทั่วประเทศเลยนะ แล้วไหนจะบรรดาเทพ บรรดาชายทาแป้งผิดเบอร์อะไรนั่นอีก เป็นอาหวังฝันค้างเลย เธอมันร้าย โจ ไอ่ส่วนที่ปล่อยข่าวว่า แน๊กเค้าจะรีทงรีเทินอะไรนั่นหนะ ฝันน่ะ ได้ แต่ความจริงก็คือความจริง ครูปรีชาเคยพูดไว้ และความจริงก็มีเพียงหนึ่งเดียว โคนันก็ได้พูดไว้ ถามโจว่า ถ้าวันนึง สิ่งที่อยู่ในจานอาหาร ที่คิดว่ามันคือสเต็ก แต่ปรากฏว่า ดูจริงๆ ก็เป็นแค่โกเต็กค้างปีอันโสโครก ถ้าเป็นโจ โจจะหยิบมาแดรกอีกมั๊ย อิฟายยยย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสวย ความน่ารัก ดูสะอาดตา แต่จะมีความเที่ยงหรือไม่ เปลี่ยนแปลงหรือไม่ พิจารณาร่างกาย ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงแต่ความตายเป็นของเที่ยง เราไม่มีในร่างกายร่างกายไม่มีไม่มีเราเราไม่มีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ไม่มีในเรา
    ความสวย ความน่ารัก ดูสะอาดตา แต่จะมีความเที่ยงหรือไม่ เปลี่ยนแปลงหรือไม่ พิจารณาร่างกาย ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงแต่ความตายเป็นของเที่ยง เราไม่มีในร่างกายร่างกายไม่มีไม่มีเราเราไม่มีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ไม่มีในเรา
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาดู​ Cake รูปหมูเด้ง​..... น่ารักจนไม่กล้ากิน
    มาดู​ Cake รูปหมูเด้ง​..... น่ารักจนไม่กล้ากิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเซ็ง! โวยเยอรมันก็มี "ฮิปโปแคระ" แต่ทำไม "หมูเด้ง" ดังอยู่ตัวเดียว?
    .
    ไม่กี่วันที่ผ่านมาหญิงสาวผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อกว่า also.steph ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้ทำคลิปวีดิโอความยาว 1.08 นาที พูดถึงเรื่อง "หมูเด้ง" ฮิปโปแคระ แห่งสวนสัตว์เขาเขียว จ.ชลบุรี ประเทศไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยเธอพยายามวิเคราะห์ว่าเหตุใด "หมูเด้ง" ถึงเป็นฮิปโปแคระที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ตัวเดียว ทั้ง ๆ ที่สวนสัตว์ทั่วโลกมีฮิปโปแคระอยู่หลายตัว รวมถึงในสวนสัตว์กรุงเบอร์ลิน (Berlin Zoological Garden) ที่ก็เพิ่งเปิดตัว "โทนี (Toni)" สมาชิกฮิปโปแคระตัวใหม่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเช่นกัน แต่กลับไม่มีใครพูดถึง "โทนี" เท่าไรนัก
    .
    "โทนีเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน ก่อนหน้าหมูเด้งประมาณหนึ่งเดือน แต่ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องโทนีเลย เพิ่งได้ยินก็วันนี้? ... ก็เพราะว่ามันชื่อ 'โทนี' ยังไงล่ะ! 'โทนี' มันเป็นชื่อแสนธรรมดาสามัญที่สุด ขณะที่ชื่อ 'หมูเด้ง?' ชื่อโคตรดี เพราะมันแปลว่า 'หมูเด้งดึ๋ง (bouncy pork)' คุณได้ฟังก็รู้เลยว่ามันน่ารัก และติดหูขนาดไหน ... ด้วยเหตุนี้ 'โทนี' จึงถูกขโมยซีนไปเต็ม ๆ
    "นอกจากนี้ด้วยเหตุนี้ ชื่อ 'โทนี' นั้นเป็นชื่อที่ถูกตั้งตามนักฟุตบอลผิวสีทีมชาติเยอรมนีที่ชื่อ 'โทนี' อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ... ทั้ง ๆ ที่คนเยอรมันสามารถตั้งชื่ออื่นได้ คล้าย ๆ กับที่คนไทยตั้ง เช่น บูเลทเทียน (Boulettchen) ภาษาเยอรมันที่แปลว่า ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว (Little Meatball) ทำไมไม่ตั้ง? แล้วไปตั้งชื่อลูกฮิปโปแคระว่า 'โทนี' ทั้ง ๆ ที่ บูเลทเทียน (Boulettchen) หรือ ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว มันน่ารักจะตาย" เธอระบุ และว่า
    .
    หากลูกฮิปโปแคระที่สวนสัตว์เบอร์ลิน ถูกตั้งชื่อว่า "ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว" มันก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ "หมูเด้ง" ของไทยแน่นอน ทั้งนี้เธอยังชื่นชมคนไทยด้วยว่า กรณีหมูเด้งพิสูจน์ให้เห็นว่า คนไทยเชี่ยวชาญวิธีทำการประชาสัมพันธ์มากกว่าคนเยอรมันจริง ๆ
    .
    สำหรับคลิปดังกล่าวของ steph นั้นมีผู้เข้าชมมากกว่า 280,000 ครั้งอย่างไรก็ตามมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นต่อคลิปดังกล่าวโดยระบุว่า สาเหตุที่ "หมูเด้ง" โด่งดังกว่าลูกฮิปโปแคระตัวอื่น ๆ ก็เพราะว่า "แก้มสีชมพู" อันโดดเด่น และกิริยาอันแสบสันต์ ของมันด้วย ส่วนอีกคนก็บอกว่า ไม่ต้องเสียใจไปเพราะจริง ๆ "หมูเด้ง" ก็มีพี่น้องฮิปโปแคระที่โด่งดังไม่เท่ามันอีกหลายตัว
    .
    .
    .
    Cr : https://www.tiktok.com/@also.steph/video/7420095062907817248?_r=1&_t=8qCoV5CHjCU
    ฝรั่งเซ็ง! โวยเยอรมันก็มี "ฮิปโปแคระ" แต่ทำไม "หมูเด้ง" ดังอยู่ตัวเดียว? . ไม่กี่วันที่ผ่านมาหญิงสาวผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อกว่า also.steph ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้ทำคลิปวีดิโอความยาว 1.08 นาที พูดถึงเรื่อง "หมูเด้ง" ฮิปโปแคระ แห่งสวนสัตว์เขาเขียว จ.ชลบุรี ประเทศไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยเธอพยายามวิเคราะห์ว่าเหตุใด "หมูเด้ง" ถึงเป็นฮิปโปแคระที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ตัวเดียว ทั้ง ๆ ที่สวนสัตว์ทั่วโลกมีฮิปโปแคระอยู่หลายตัว รวมถึงในสวนสัตว์กรุงเบอร์ลิน (Berlin Zoological Garden) ที่ก็เพิ่งเปิดตัว "โทนี (Toni)" สมาชิกฮิปโปแคระตัวใหม่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเช่นกัน แต่กลับไม่มีใครพูดถึง "โทนี" เท่าไรนัก . "โทนีเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน ก่อนหน้าหมูเด้งประมาณหนึ่งเดือน แต่ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องโทนีเลย เพิ่งได้ยินก็วันนี้? ... ก็เพราะว่ามันชื่อ 'โทนี' ยังไงล่ะ! 'โทนี' มันเป็นชื่อแสนธรรมดาสามัญที่สุด ขณะที่ชื่อ 'หมูเด้ง?' ชื่อโคตรดี เพราะมันแปลว่า 'หมูเด้งดึ๋ง (bouncy pork)' คุณได้ฟังก็รู้เลยว่ามันน่ารัก และติดหูขนาดไหน ... ด้วยเหตุนี้ 'โทนี' จึงถูกขโมยซีนไปเต็ม ๆ "นอกจากนี้ด้วยเหตุนี้ ชื่อ 'โทนี' นั้นเป็นชื่อที่ถูกตั้งตามนักฟุตบอลผิวสีทีมชาติเยอรมนีที่ชื่อ 'โทนี' อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ... ทั้ง ๆ ที่คนเยอรมันสามารถตั้งชื่ออื่นได้ คล้าย ๆ กับที่คนไทยตั้ง เช่น บูเลทเทียน (Boulettchen) ภาษาเยอรมันที่แปลว่า ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว (Little Meatball) ทำไมไม่ตั้ง? แล้วไปตั้งชื่อลูกฮิปโปแคระว่า 'โทนี' ทั้ง ๆ ที่ บูเลทเทียน (Boulettchen) หรือ ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว มันน่ารักจะตาย" เธอระบุ และว่า . หากลูกฮิปโปแคระที่สวนสัตว์เบอร์ลิน ถูกตั้งชื่อว่า "ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว" มันก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ "หมูเด้ง" ของไทยแน่นอน ทั้งนี้เธอยังชื่นชมคนไทยด้วยว่า กรณีหมูเด้งพิสูจน์ให้เห็นว่า คนไทยเชี่ยวชาญวิธีทำการประชาสัมพันธ์มากกว่าคนเยอรมันจริง ๆ . สำหรับคลิปดังกล่าวของ steph นั้นมีผู้เข้าชมมากกว่า 280,000 ครั้งอย่างไรก็ตามมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นต่อคลิปดังกล่าวโดยระบุว่า สาเหตุที่ "หมูเด้ง" โด่งดังกว่าลูกฮิปโปแคระตัวอื่น ๆ ก็เพราะว่า "แก้มสีชมพู" อันโดดเด่น และกิริยาอันแสบสันต์ ของมันด้วย ส่วนอีกคนก็บอกว่า ไม่ต้องเสียใจไปเพราะจริง ๆ "หมูเด้ง" ก็มีพี่น้องฮิปโปแคระที่โด่งดังไม่เท่ามันอีกหลายตัว . . . Cr : https://www.tiktok.com/@also.steph/video/7420095062907817248?_r=1&_t=8qCoV5CHjCU
    Haha
    Like
    Yay
    Wow
    20
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!!

    ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!!

    ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009)
    ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว….
    แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ
    ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์)
    เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ
    การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!!

    ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง
    คราวนี้จะมาทำโลกสวย….
    เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ……

    แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า…
    “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …”

    ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา…

    แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ
    เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด
    กัดดาฟี
    เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น

    ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม……
    เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง
    เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า…
    “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน
    ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส
    รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ
    ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้”
    ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ
    เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น
    แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……”

    (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…)

    ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!!

    แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง
    เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก

    ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California
    และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน
    เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ
    แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times
    ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่?
    เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…”
    คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!!

    ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์
    ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ …
    ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว…

    เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats
    ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย
    หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น
    และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน

    การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์
    เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป)
    และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่
    ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน
    แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย

    ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
    ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir
    มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท
    ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา
    เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
    หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน
    ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!!
    เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม
    และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “***** Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR)

    กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์
    เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง

    ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน
    ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้…
    ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป
    กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย

    จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่
    จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63%
    นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน ……
    ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง
    ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004)
    ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า
    “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ
    เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……”

    ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ
    ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!! ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!! ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009) ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว…. แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์) เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!! ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง คราวนี้จะมาทำโลกสวย…. เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ…… แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า… “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …” ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา… แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด กัดดาฟี เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม…… เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า… “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้” ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……” (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…) ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!! แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่? เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…” คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!! ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์ ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ … ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว… เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์ เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป) และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่ ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!! เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Pussy Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR) กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์ เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้… ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่ จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63% นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน …… ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004) ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……” ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่ารักไหมงับ
    น่ารักไหมงับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🐱🐈ผู้น่ารัก และน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
    🐱🐈ผู้น่ารัก และน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 69 0 รีวิว
  • น่ารักไปหม
    น่ารักไปหม
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ตักกิ๊ปผมหางม้าดอกไม้หัวเข็มขัดหางม้าคลิปหนีบแบบถาวรสาวกิ๊ฟติดผมฤดูร้อนสะดวกและน่ารัก
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0Pgj?cc
    ที่ตักกิ๊ปผมหางม้าดอกไม้หัวเข็มขัดหางม้าคลิปหนีบแบบถาวรสาวกิ๊ฟติดผมฤดูร้อนสะดวกและน่ารัก พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0Pgj?cc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่ารัก❤️😁
    Cr.เจ้าของภาพ
    น่ารัก❤️😁 Cr.เจ้าของภาพ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • มากกว่า เจ้านาย คือ พี่ชายที่น่ารัก
    มากกว่า เจ้านาย คือ พี่ชายที่น่ารัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • แมวที่น่ารักและน่าสงสารของฉัน
    แมวที่น่ารักและน่าสงสารของฉัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/zFWuHNH9Ioo?si=qyk5ixTihqDe03ie
    สัตว์โลกกับมนุษย์ช่างผูกพันธ์น่ารักขนาดนี้เชียวหรือ
    https://youtube.com/shorts/zFWuHNH9Ioo?si=qyk5ixTihqDe03ie สัตว์โลกกับมนุษย์ช่างผูกพันธ์น่ารักขนาดนี้เชียวหรือ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/ZdVQYPcPhyA?si=fNGWnDitEu1hBmQ5
    ช้างแอฟริกาที่น่ารัก
    https://youtube.com/shorts/ZdVQYPcPhyA?si=fNGWnDitEu1hBmQ5 ช้างแอฟริกาที่น่ารัก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ

    People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!”

    ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย

    กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)

    #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!” ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    Like
    Sad
    Angry
    Haha
    15
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
  • (ภาพปกอยู่บนโพสต์ด้านบน)

    PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ

    People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!”

    ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย

    กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)

    #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    (ภาพปกอยู่บนโพสต์ด้านบน) PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!” ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • PETAเกาะกระแสหมูเด้ง ! ออกแถลงการณ์ประท้วง กรณีลูกฮิปโป”หมูเด้ง“และเรียกร้องบอยคอตให้ยุติวัฏจักรอันโหดทรมานสัตว์เพื่อความบันเทิง ขณะที่ ผอ.สวนสัตว์เขาเขียวโต้ว่าจัดการสวัสดิภาพสัตว์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสัตว์เป็นอย่างดี

    28 กันยายน 2567 -PETA เอเชียหรือ องค์กรพิทักษ์สัตว์ ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก PETA เนื้อหาระบุว่า

    การที่ลูกฮิปโปเกิดมาในกรงขังไม่ใช่เรื่องน่ารัก ฮิปโปเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า แต่ หมูเด้ง ไม่มีวันได้อยู่นอกกรงได้ ต้องเผชิญกับการถูกจำกัดตลอดชีวิต ขาดอิสรภาพ และโอกาสที่จะได้สัมผัสกับแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและโครงสร้างทางสังคมของสายพันธุ์ของมัน

    สัตว์ไม่ได้มีไว้เพื่อความบันเทิงของเรา การเพาะพันธุ์สัตว์เพื่อแสดงต่อสาธารณะทำให้สัตว์ต้องทนทุกข์ทรมาน PETA เรียกร้องให้ยุติวัฏจักรอันโหดร้ายนี้ และให้สวนสัตว์ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สัตว์เป็นอันดับแรก

    พร้อมทั้งเสนอว่า PETA พร้อมเสมอและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกในการขนย้ายสัตว์ไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และขอเรียกร้องให้ทุกคนหลีกเลี่ยงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้มีชีวิตและรู้สึกเหมือนถูกกักขัง

    ขณะที่นายณรงค์วิทย์ ชดช้อย ผอ.สวนสัตว์เขาเขียว ระบุว่า มีการการดูแลสัตว์ในสวนสัตว์เปิดเขาเขียวมีสัตว์ 2,000 ตัว ยืนยันมีการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสัตว์เป็นอย่างดี

    ส่วนการจัดคิวเข้าชมหมูเด้ง ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ยังการจัดระเบียบเข้ามาชมรอบละ 5 นาที และไม่เกิน 30-50 คนเพื่อไม่ให้เกิดการแออัด โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนมีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากกว่า 11,000 คน/วัน และคาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากกระแสฟีเวอร์ของหมูเด้ง

    ภาพจากผู้จัดการออนไลน์

    #Thaitimes
    PETAเกาะกระแสหมูเด้ง ! ออกแถลงการณ์ประท้วง กรณีลูกฮิปโป”หมูเด้ง“และเรียกร้องบอยคอตให้ยุติวัฏจักรอันโหดทรมานสัตว์เพื่อความบันเทิง ขณะที่ ผอ.สวนสัตว์เขาเขียวโต้ว่าจัดการสวัสดิภาพสัตว์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสัตว์เป็นอย่างดี 28 กันยายน 2567 -PETA เอเชียหรือ องค์กรพิทักษ์สัตว์ ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก PETA เนื้อหาระบุว่า การที่ลูกฮิปโปเกิดมาในกรงขังไม่ใช่เรื่องน่ารัก ฮิปโปเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า แต่ หมูเด้ง ไม่มีวันได้อยู่นอกกรงได้ ต้องเผชิญกับการถูกจำกัดตลอดชีวิต ขาดอิสรภาพ และโอกาสที่จะได้สัมผัสกับแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและโครงสร้างทางสังคมของสายพันธุ์ของมัน สัตว์ไม่ได้มีไว้เพื่อความบันเทิงของเรา การเพาะพันธุ์สัตว์เพื่อแสดงต่อสาธารณะทำให้สัตว์ต้องทนทุกข์ทรมาน PETA เรียกร้องให้ยุติวัฏจักรอันโหดร้ายนี้ และให้สวนสัตว์ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สัตว์เป็นอันดับแรก พร้อมทั้งเสนอว่า PETA พร้อมเสมอและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกในการขนย้ายสัตว์ไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และขอเรียกร้องให้ทุกคนหลีกเลี่ยงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้มีชีวิตและรู้สึกเหมือนถูกกักขัง ขณะที่นายณรงค์วิทย์ ชดช้อย ผอ.สวนสัตว์เขาเขียว ระบุว่า มีการการดูแลสัตว์ในสวนสัตว์เปิดเขาเขียวมีสัตว์ 2,000 ตัว ยืนยันมีการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสัตว์เป็นอย่างดี ส่วนการจัดคิวเข้าชมหมูเด้ง ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ยังการจัดระเบียบเข้ามาชมรอบละ 5 นาที และไม่เกิน 30-50 คนเพื่อไม่ให้เกิดการแออัด โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนมีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากกว่า 11,000 คน/วัน และคาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากกระแสฟีเวอร์ของหมูเด้ง ภาพจากผู้จัดการออนไลน์ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 904 มุมมอง 0 รีวิว
  • แส่ทุกเรื่อง!!

    PETA ชวนบอยคอต ‘สวนสัตว์เขาเขียว’
    อ้างเอา “หมูเด้ง” มาหากิน
    ชาวเน็ตสวนกลับ อเมริกาไม่มีสวนสัตว์เหรอ ?
    .
    นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นเดือดที่ทำเอาคนไทยหัวร้อนมากทีเดียว หลัง PETA องค์กรพิทักษ์สัตว์ ไม่แสวงผลกำไรด้านสิทธิสัตว์ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาโพสต์ข้อความชวนผู้คนบอยคอต “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” หลังความน่ารักของ “น้องหมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระประจำสวนสัตว์กลายเป็นไวรัลดัง จนถึงขั้นที่ไม่ว่าจะสื่อเล็ก สื่อใหญ่ หรือสื่อระดับตำนาน ต่างก็หยิบยกเรื่องราวของน้องหมูเด้งไปนำเสนอจนเจ้าหมูเด้ง พี่เบนซ์ ผู้ทำหน้าที่ดูแลเจ้าหมูเด้ง และสวนสัตว์เขาเขียวของประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
    .
    โดย PETA ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้ง ๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน!!”
    .
    แน่นอนว่าหลังจากเรื่องนี้ไปเข้าหูเข้าตาชาวเน็ต หลายคนต่างก็มองว่า ประเทศไหน ๆ ก็มีสวนสัตว์ทั้งนั้น หรืออเมริกาไม่มีสวนสัตว์ ?
    .
    อีกทั้งต่างก็พูดถึงการทำงานของทาง PETA ที่ควรรีเสิร์ชข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนจะออกมาโจมตีหรือชวนคนบอยคอตทางสวนสัตว์ เพราะทาง Zookeeper ประจำสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ไม่ได้เลี้ยงดูสัตว์เหล่านั้นเพราะเป็นแค่เพียงอาชีพหรือหน้าที่ แต่พวกเขาต่างก็เลี้ยงสัตว์เหล่านั้นด้วยความรัก ดูแลสัตว์ในความดูแลของตัวเองประดุจคนในครอบครัว ถึงขนาดที่ Zookeeper บางท่านแม้จะเกษียณอายุการทำงานไปแล้ว ก็ยังหาเวลากลับมาดูแลสัตว์ที่ตนเคยเลี้ยงและดูแล เพราะมันคือความผูกพันที่ดูแลกันมาหลายปี
    .
    @ThePublisher

    https://www.facebook.com/share/p/mPPuEJUAFPkyc9tF/?mibextid=oFDknk
    แส่ทุกเรื่อง!! PETA ชวนบอยคอต ‘สวนสัตว์เขาเขียว’ อ้างเอา “หมูเด้ง” มาหากิน ชาวเน็ตสวนกลับ อเมริกาไม่มีสวนสัตว์เหรอ ? . นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นเดือดที่ทำเอาคนไทยหัวร้อนมากทีเดียว หลัง PETA องค์กรพิทักษ์สัตว์ ไม่แสวงผลกำไรด้านสิทธิสัตว์ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาโพสต์ข้อความชวนผู้คนบอยคอต “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” หลังความน่ารักของ “น้องหมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระประจำสวนสัตว์กลายเป็นไวรัลดัง จนถึงขั้นที่ไม่ว่าจะสื่อเล็ก สื่อใหญ่ หรือสื่อระดับตำนาน ต่างก็หยิบยกเรื่องราวของน้องหมูเด้งไปนำเสนอจนเจ้าหมูเด้ง พี่เบนซ์ ผู้ทำหน้าที่ดูแลเจ้าหมูเด้ง และสวนสัตว์เขาเขียวของประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก . โดย PETA ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้ง ๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน!!” . แน่นอนว่าหลังจากเรื่องนี้ไปเข้าหูเข้าตาชาวเน็ต หลายคนต่างก็มองว่า ประเทศไหน ๆ ก็มีสวนสัตว์ทั้งนั้น หรืออเมริกาไม่มีสวนสัตว์ ? . อีกทั้งต่างก็พูดถึงการทำงานของทาง PETA ที่ควรรีเสิร์ชข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนจะออกมาโจมตีหรือชวนคนบอยคอตทางสวนสัตว์ เพราะทาง Zookeeper ประจำสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ไม่ได้เลี้ยงดูสัตว์เหล่านั้นเพราะเป็นแค่เพียงอาชีพหรือหน้าที่ แต่พวกเขาต่างก็เลี้ยงสัตว์เหล่านั้นด้วยความรัก ดูแลสัตว์ในความดูแลของตัวเองประดุจคนในครอบครัว ถึงขนาดที่ Zookeeper บางท่านแม้จะเกษียณอายุการทำงานไปแล้ว ก็ยังหาเวลากลับมาดูแลสัตว์ที่ตนเคยเลี้ยงและดูแล เพราะมันคือความผูกพันที่ดูแลกันมาหลายปี . @ThePublisher https://www.facebook.com/share/p/mPPuEJUAFPkyc9tF/?mibextid=oFDknk
    Haha
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราคือหมูเด้งที่น่ารัก
    เราคือหมูเด้งที่น่ารัก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าเหม็นจอมหงี่
    นิทานเรื่องนี้ มิได้ทำการอ้างอิงจากเนื้อหาที่ไม่จริง
    เรื่องนี้ ขอเอาแค่พอสรุปเนื้อหา เพราะแฟนเพจบ่นมาเยอะว่า อ่านแล้วตาลาย
    รับรองว่าโพสนี้สั้นๆครับ เอาแค่พอเข้าใจ ไม่เกิน 1000 บรรทัด
    เรามาเริ่มกันเลย
    -กลางครั้งหนึ่ง ประมาณต้นปีนี้ มีชาวนาผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง เป็นชาวนาหน้ามน ที่มีออร่ามาก หญิงสาวในหมู่บ้านต่างหมายปอง เพราะชาวนาคนนี้ ครบเครื่อง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมมีชื่อเสียงดังไกลข้ามหมู่บ้าน
    -วันหนึ่ง ชาวนา สนุกกับการทำนาแนวใหม่ ด้วยการชวนชาวนาด้วยกัน มาร่วมการแข่งขัน พาแฟนๆมาช่วยกันรุมปลูกข้าว ใครปักข้าวได้มากกว่าคนนั้นชนะ แต่ชาวนา ก็ชวนสนุกๆหอมปากหอมคอ ได้มิตรภาพ ได้เฮฮา
    -ระหว่างนั้น ที่ชาวนารูปหล่อกำลังสนุกสนาน ก็หันไปเจอ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาคล้ายคน หัวเป็นงู แต่ตัวเป็นเฮี้ย ลักษณะเป็นตัวเมีย มีกลิ่นเหม็น ซึ่งก็กำลังพยายามทำนาแนวใหม่แบบชาวหนาสุดหล่อ แต่ก็แสดงความสำออย อ้างว่าตัวเองน่าสงสาร และกำลังรู้สึกหนาวว ชาวนาหนุ่มจึงตัดสินใจ ชวนเพื่อนๆที่กำลังสนุกสนานในพื้นนาของตัวเอง กับการแข่งขันปลูกข้าว ให้มาช่วย นังงูที่นาผืนนี้
    -นังงูดีใจ ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่า จะสามารถต้มคนได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ จึงเริ่มออกอุบาย แปลงกายใส่หน้ากาก ว่าตัวเองนั้นคือคน ที่เป็นยายโกะที่น่ารัก ทั้งๆที่นังงู อายุมากกว่า 1000 ปีแล้ว และกรำศึกมาโชกโชน
    -ชาวนาเห็นว่า นังงูเหม็น น่าสงสาร และโดนมนต์ดำของนังงูไปชั่วขณะหนึ่ง จนพลาดนำนังงูเข้ามาในบ้าน แต่ลักษณะของนังงู มีความผิดปกตินับร้อยๆเรื่อง
    นังงูเหม็น เป็นลำยอง ทุกครั้งที่สโหลสะเหล จะมีอาการหงี่อย่างแรง เรียกว่า ขาดของไม่ได้ และมีหลายครั้งที่นังงู พยายามจะทำตัวเป็นนังงูขย่มตอ แต่ชาวนาหน้าหล่อกลับปัดป้อง ด้วยเพราะคุณธรรมของชาวนา และความซกมกของนังงู ทำให้ชาวนายังรอดปลอดภัย
    -มันจึงเกิดเรื่องขึ้น นั่งงูไม่ได้หยำเปย์แค่บางวัน แต่หยำเปย์เป็นลำยองทุกคืน ในเหยือกเยติที่เห็นนั้นน่ะ ไม่ใช่น้ำ มันเป็นแอล ในเมื่อชาวนาไม่สนอง ก็ต้องหาทางออก
    โดยแทบทุกคืน ช่วงเวลาประมาณตีสอง โดยเฉพาะวันที่แสงจันทราสาดส่อง ความหงี่จะเพิ่มเป็นทวีคุณ งูเหม็นจึงโทรเรียก ชายที่มาจากดินแดนมนุษย์งูเหมือนกัน ที่เรียกว่า เพื่อน ที่เป็นคนชวนให้นังงู รู้จักการทำนาแนวใหม่
    -ชาวนา รู้ และเห็นทุกอย่าง และห้าม ไม่ให้ทำแบบนี้ พยายามจะปรับให้นังงู ให้ดีขึ้น แต่นังงูกลับไม่ใยดี เพราะความหงี่บังตา เพื่อนชายนังงูจะมารับออกไปทุกตีสอง
    และแล้ว เพื่อนพ้องท้องก็เริ่มชนกัน แต่ไม่ได้นับว่าเป็นผัวเมียกัน เพราะตัวจริงที่เลี้ยงดูงู ก็มีอยู่แล้ว ส่วนเพื่อนพ้อท้องชนเกิน มันก็เหมือนเวลาหิวข้าว หิวก็กินกัน อิ่มก็แยกกัน แล้วก็เอามาส่งที่บ้านชาวนา ในเวลา 6 โมงเช้า
    -นอกจากความหงี่ขั้นสุดแล้ว ด้วยความที่นังงู มาโปรยเสน่ห์ และใช้มนต์ดำบดบัง นังงูไม่เคยรักชาวนาเลย แม้แต่วินาทีเดียว เพราะชาวนาทั้งสะอาดเกินไป เนี๊ยบเกินไป เป็นคนดีเกินไป อย่างนังงู ผัวตัวจริงต้องลักษณะดิบๆ และซาล่าดิส
    -ดังนั้นระยะเวลากว่า7 เดือน ที่ชาวนาต้องทนอยู่กับนังงู ทุกครั้งที่นังงูถูกขัดใจ จะกระโดดกัดชาวนา หรือเอาขาหน้าหยุมหัวชาวนา หรือเอาขาหน้าบักๆๆๆๆตามร่างกายของชาวนาหนุ่ม จนตัวมีแต่รอยฟกช้ำ คอสตูมและช่างแต่หน้าของชาวนา ต่างเป็นพยายานเรื่องนี้ได้
    แฟนเพจครับ เรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเพียง 1 ใน 1000 ของเนื้อหาทั้งหมด
    ขออนุญาตทะยอยเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน ในโอกาสต่อไป
    ถือว่า เป็น EP.1 ของนิทานเรื่อง ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่นะครับนะ
    ไม่ไหวฟังแฟนเพจบ่นว่าพิมพ์ยาวเกินไป
    นี่ก็ตัดให้สั้นๆ จะได้อ่านกันง่ายๆแล้ว
    คิดว่าแฟนเพจคงพอใจนะครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าเหม็นจอมหงี่ นิทานเรื่องนี้ มิได้ทำการอ้างอิงจากเนื้อหาที่ไม่จริง เรื่องนี้ ขอเอาแค่พอสรุปเนื้อหา เพราะแฟนเพจบ่นมาเยอะว่า อ่านแล้วตาลาย รับรองว่าโพสนี้สั้นๆครับ เอาแค่พอเข้าใจ ไม่เกิน 1000 บรรทัด เรามาเริ่มกันเลย -กลางครั้งหนึ่ง ประมาณต้นปีนี้ มีชาวนาผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง เป็นชาวนาหน้ามน ที่มีออร่ามาก หญิงสาวในหมู่บ้านต่างหมายปอง เพราะชาวนาคนนี้ ครบเครื่อง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมมีชื่อเสียงดังไกลข้ามหมู่บ้าน -วันหนึ่ง ชาวนา สนุกกับการทำนาแนวใหม่ ด้วยการชวนชาวนาด้วยกัน มาร่วมการแข่งขัน พาแฟนๆมาช่วยกันรุมปลูกข้าว ใครปักข้าวได้มากกว่าคนนั้นชนะ แต่ชาวนา ก็ชวนสนุกๆหอมปากหอมคอ ได้มิตรภาพ ได้เฮฮา -ระหว่างนั้น ที่ชาวนารูปหล่อกำลังสนุกสนาน ก็หันไปเจอ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาคล้ายคน หัวเป็นงู แต่ตัวเป็นเฮี้ย ลักษณะเป็นตัวเมีย มีกลิ่นเหม็น ซึ่งก็กำลังพยายามทำนาแนวใหม่แบบชาวหนาสุดหล่อ แต่ก็แสดงความสำออย อ้างว่าตัวเองน่าสงสาร และกำลังรู้สึกหนาวว ชาวนาหนุ่มจึงตัดสินใจ ชวนเพื่อนๆที่กำลังสนุกสนานในพื้นนาของตัวเอง กับการแข่งขันปลูกข้าว ให้มาช่วย นังงูที่นาผืนนี้ -นังงูดีใจ ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่า จะสามารถต้มคนได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ จึงเริ่มออกอุบาย แปลงกายใส่หน้ากาก ว่าตัวเองนั้นคือคน ที่เป็นยายโกะที่น่ารัก ทั้งๆที่นังงู อายุมากกว่า 1000 ปีแล้ว และกรำศึกมาโชกโชน -ชาวนาเห็นว่า นังงูเหม็น น่าสงสาร และโดนมนต์ดำของนังงูไปชั่วขณะหนึ่ง จนพลาดนำนังงูเข้ามาในบ้าน แต่ลักษณะของนังงู มีความผิดปกตินับร้อยๆเรื่อง นังงูเหม็น เป็นลำยอง ทุกครั้งที่สโหลสะเหล จะมีอาการหงี่อย่างแรง เรียกว่า ขาดของไม่ได้ และมีหลายครั้งที่นังงู พยายามจะทำตัวเป็นนังงูขย่มตอ แต่ชาวนาหน้าหล่อกลับปัดป้อง ด้วยเพราะคุณธรรมของชาวนา และความซกมกของนังงู ทำให้ชาวนายังรอดปลอดภัย -มันจึงเกิดเรื่องขึ้น นั่งงูไม่ได้หยำเปย์แค่บางวัน แต่หยำเปย์เป็นลำยองทุกคืน ในเหยือกเยติที่เห็นนั้นน่ะ ไม่ใช่น้ำ มันเป็นแอล ในเมื่อชาวนาไม่สนอง ก็ต้องหาทางออก โดยแทบทุกคืน ช่วงเวลาประมาณตีสอง โดยเฉพาะวันที่แสงจันทราสาดส่อง ความหงี่จะเพิ่มเป็นทวีคุณ งูเหม็นจึงโทรเรียก ชายที่มาจากดินแดนมนุษย์งูเหมือนกัน ที่เรียกว่า เพื่อน ที่เป็นคนชวนให้นังงู รู้จักการทำนาแนวใหม่ -ชาวนา รู้ และเห็นทุกอย่าง และห้าม ไม่ให้ทำแบบนี้ พยายามจะปรับให้นังงู ให้ดีขึ้น แต่นังงูกลับไม่ใยดี เพราะความหงี่บังตา เพื่อนชายนังงูจะมารับออกไปทุกตีสอง และแล้ว เพื่อนพ้องท้องก็เริ่มชนกัน แต่ไม่ได้นับว่าเป็นผัวเมียกัน เพราะตัวจริงที่เลี้ยงดูงู ก็มีอยู่แล้ว ส่วนเพื่อนพ้อท้องชนเกิน มันก็เหมือนเวลาหิวข้าว หิวก็กินกัน อิ่มก็แยกกัน แล้วก็เอามาส่งที่บ้านชาวนา ในเวลา 6 โมงเช้า -นอกจากความหงี่ขั้นสุดแล้ว ด้วยความที่นังงู มาโปรยเสน่ห์ และใช้มนต์ดำบดบัง นังงูไม่เคยรักชาวนาเลย แม้แต่วินาทีเดียว เพราะชาวนาทั้งสะอาดเกินไป เนี๊ยบเกินไป เป็นคนดีเกินไป อย่างนังงู ผัวตัวจริงต้องลักษณะดิบๆ และซาล่าดิส -ดังนั้นระยะเวลากว่า7 เดือน ที่ชาวนาต้องทนอยู่กับนังงู ทุกครั้งที่นังงูถูกขัดใจ จะกระโดดกัดชาวนา หรือเอาขาหน้าหยุมหัวชาวนา หรือเอาขาหน้าบักๆๆๆๆตามร่างกายของชาวนาหนุ่ม จนตัวมีแต่รอยฟกช้ำ คอสตูมและช่างแต่หน้าของชาวนา ต่างเป็นพยายานเรื่องนี้ได้ แฟนเพจครับ เรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเพียง 1 ใน 1000 ของเนื้อหาทั้งหมด ขออนุญาตทะยอยเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน ในโอกาสต่อไป ถือว่า เป็น EP.1 ของนิทานเรื่อง ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่นะครับนะ ไม่ไหวฟังแฟนเพจบ่นว่าพิมพ์ยาวเกินไป นี่ก็ตัดให้สั้นๆ จะได้อ่านกันง่ายๆแล้ว คิดว่าแฟนเพจคงพอใจนะครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1080 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน
    ดูพวกทุยนี่ เนี๊อยเหนื่อย
    กลุ่มนี้คือกลุ่มรวมตัวของเพจ
    ระดับหัวๆของทุยที่รุมเล่นงานแน๊กตลอด 24 ชม.
    แต่เหิมมาก แอบมาเม้นดักแฟนเพจพี่
    แอบฝากร้านประมาณว่าพวกเดียวกะคิงส์ฯ
    แต่ดันลืมเปลี่ยนยูซ 55555
    กลุ่มมีจำนวนคนเท่าเห็บหมา
    หาคนเข้าเยอะๆแหละดูออก
    แต่ยังไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่
    ไม่ใช่ เรียนม.6 ได้แค่ไม่ถึงกลางเทอม
    ก็บอกพ่อว่าขอลาออก เหมือนโจมณฑนี
    ไม่เอาสิ ทุยพลี ทุยหน้ากระนูย(แปลว่าทุยน่ารัก)
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน ดูพวกทุยนี่ เนี๊อยเหนื่อย กลุ่มนี้คือกลุ่มรวมตัวของเพจ ระดับหัวๆของทุยที่รุมเล่นงานแน๊กตลอด 24 ชม. แต่เหิมมาก แอบมาเม้นดักแฟนเพจพี่ แอบฝากร้านประมาณว่าพวกเดียวกะคิงส์ฯ แต่ดันลืมเปลี่ยนยูซ 55555 กลุ่มมีจำนวนคนเท่าเห็บหมา หาคนเข้าเยอะๆแหละดูออก แต่ยังไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่ ไม่ใช่ เรียนม.6 ได้แค่ไม่ถึงกลางเทอม ก็บอกพ่อว่าขอลาออก เหมือนโจมณฑนี ไม่เอาสิ ทุยพลี ทุยหน้ากระนูย(แปลว่าทุยน่ารัก) #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 948 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ที่แท้ถาโถมทุกปมในใจใส่น้องแน๊กชาลี
    จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ โจ มณฑนี
    และพฤติกรรม วาทะกรรมม และกายกรรม
    ของนังโจ พบว่า สิ่งที่ให้ร้ายเล่นงานแน๊กชาลี
    ที่ล้วนมีสารตั้งต้นจาก โจ ล้วนมีที่มาจากปมตัวเอง
    1. เล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการสะกดจิตทุยหน้ากระนูย(ทุยน่ารัก) เริ่มตั้งแต่ในห้อง DC ลามไปถึงกลุ่มเปิด บรรยายครั้งละ 3 - 4 ชม. แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ เพราะเป็นอิแอบลอบกัด แต่ในห้องต่างก็เข้าใจตรงกัน และพิมพ์คอมเม้นกันออกมาในทางเดียวกัน ว่าน้องแน๊กเปื่อยจิต และอิเหวิงเป็นเห..ื่อ
    ซึ่งเราได้พบที่มาว่า นังโจ ตกขาว เป็นผู้ป๋วยทางจิต ที่ผ่านการรักษาโดยจิตแ...ทย์ เป็นผู้ป๋วยเฉบติดดราม่า และการบรรยายต่างๆของนังโจ ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่ฟังจาก..มอ ที่รักษาตัวเองทั้งนั้น ซึ่งความเจ็บที่เป็นปมนี้ ก็ใช้วิธีการบรรเทา ด้วยการสร้างภาพว่าตนเองนั้นเป็นห-ม-อ ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งๆที่ชัดเจนแล้วว่าตัวเอง คือผู้ป๋วย พี่คิงส์มีแม้กระทั้งประวัติการรักฉา
    2. มีการสร้างวาทะกรรมเป็นสารตั้งต้นให้บรรดาทุยพลีหน้ากระนูย ไปส่งต่อๆกันจนเต็มฟีตในทุกแพลตฟอร์ม ตัวอย่างดังที่ปรากฏในภาพ เป็นการเล่นงานน้อง เรื่องจบแค่ม.6 โดยไม่สนใจว่าน้องแน๊กทำงานดูแลคนในครอบครัว และประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน
    ซึ่งเมื่อสืบค้นจึงพบว่า โจ มณฑนี ที่บรรดาทุยต่างยกให้เป็นศาสตราจารย์ ดร. ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยม วาทะกรรมอันสะอิดสะเอียน แต่หารู้ไม่ ความป๋วยจิตของนาง ทำให้นางไม่สามารถเรียนจนจบ.ม.6ได้
    สรุปว่า ทุยนั่งฟังทั้งคนที่ป๋วยจิตและไม่จบม.6 หลงคารม เชื่อทุกอย่างที่โจพูด แปลว่าคนที่ฟังและเชื่อมีความอ่อนด้อยทางสติปัญญาในการพิจารณา ไตร่ตรอง โดยโจเองก็ไมไ่ด้เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทรงความรู้ในสาขาใดเลย
    แต่ก็น่าแปลกใจ ว่ากล้าสร้างสาทะกรรมคายตะคาบให้สมาชิกทุย เรื่องน้องแน๊กจบแค่ม. 6 ทั้งๆที่ตัวเอง ม.หกก็ยังไม่จบ ไปเรียนพาณิชย์ ปวช.ก็เรียนไม่จบ ทำอะไรก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ คนแบบนี้ คือคนคุณภาพของทุยจริงๆ รอคลิปเรื่องนี้แปปนะ เดี๋ยวนังโจจะบอกว่า ไม่มีหลักต๋านอีก
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ที่แท้ถาโถมทุกปมในใจใส่น้องแน๊กชาลี จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ โจ มณฑนี และพฤติกรรม วาทะกรรมม และกายกรรม ของนังโจ พบว่า สิ่งที่ให้ร้ายเล่นงานแน๊กชาลี ที่ล้วนมีสารตั้งต้นจาก โจ ล้วนมีที่มาจากปมตัวเอง 1. เล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการสะกดจิตทุยหน้ากระนูย(ทุยน่ารัก) เริ่มตั้งแต่ในห้อง DC ลามไปถึงกลุ่มเปิด บรรยายครั้งละ 3 - 4 ชม. แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ เพราะเป็นอิแอบลอบกัด แต่ในห้องต่างก็เข้าใจตรงกัน และพิมพ์คอมเม้นกันออกมาในทางเดียวกัน ว่าน้องแน๊กเปื่อยจิต และอิเหวิงเป็นเห..ื่อ ซึ่งเราได้พบที่มาว่า นังโจ ตกขาว เป็นผู้ป๋วยทางจิต ที่ผ่านการรักษาโดยจิตแ...ทย์ เป็นผู้ป๋วยเฉบติดดราม่า และการบรรยายต่างๆของนังโจ ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่ฟังจาก..มอ ที่รักษาตัวเองทั้งนั้น ซึ่งความเจ็บที่เป็นปมนี้ ก็ใช้วิธีการบรรเทา ด้วยการสร้างภาพว่าตนเองนั้นเป็นห-ม-อ ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งๆที่ชัดเจนแล้วว่าตัวเอง คือผู้ป๋วย พี่คิงส์มีแม้กระทั้งประวัติการรักฉา 2. มีการสร้างวาทะกรรมเป็นสารตั้งต้นให้บรรดาทุยพลีหน้ากระนูย ไปส่งต่อๆกันจนเต็มฟีตในทุกแพลตฟอร์ม ตัวอย่างดังที่ปรากฏในภาพ เป็นการเล่นงานน้อง เรื่องจบแค่ม.6 โดยไม่สนใจว่าน้องแน๊กทำงานดูแลคนในครอบครัว และประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน ซึ่งเมื่อสืบค้นจึงพบว่า โจ มณฑนี ที่บรรดาทุยต่างยกให้เป็นศาสตราจารย์ ดร. ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยม วาทะกรรมอันสะอิดสะเอียน แต่หารู้ไม่ ความป๋วยจิตของนาง ทำให้นางไม่สามารถเรียนจนจบ.ม.6ได้ สรุปว่า ทุยนั่งฟังทั้งคนที่ป๋วยจิตและไม่จบม.6 หลงคารม เชื่อทุกอย่างที่โจพูด แปลว่าคนที่ฟังและเชื่อมีความอ่อนด้อยทางสติปัญญาในการพิจารณา ไตร่ตรอง โดยโจเองก็ไมไ่ด้เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทรงความรู้ในสาขาใดเลย แต่ก็น่าแปลกใจ ว่ากล้าสร้างสาทะกรรมคายตะคาบให้สมาชิกทุย เรื่องน้องแน๊กจบแค่ม. 6 ทั้งๆที่ตัวเอง ม.หกก็ยังไม่จบ ไปเรียนพาณิชย์ ปวช.ก็เรียนไม่จบ ทำอะไรก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ คนแบบนี้ คือคนคุณภาพของทุยจริงๆ รอคลิปเรื่องนี้แปปนะ เดี๋ยวนังโจจะบอกว่า ไม่มีหลักต๋านอีก #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทุยหน้ากระนูยแปลว่าทุยน่ารัก
    จากการหาข้อมูลถึงกระบวนการฟอกให้ขาวกับกลุ่มทุนดาร์คในประเทศ
    ต้องยอมรับในกลอุบายของกลุ่มนี้จริงๆ
    ปั้นนางเอกตกงานให้กลายเป็นขวัญใจคนไทย
    จากสตอรี่และการแสดง ที่เข้าถึงบทบาทสุดๆ
    และถึงแม้ว่า จะสร้างวีรกรรม จนดาราชายไทย
    ไม่สามารถให้ไปต่อได้ เพื่อปกป้องคนไทย
    จากกลุ่มเงินดาร์ค ที่อาศัยช่องโหว่ในการพีเคบิ๊กแม๊ต
    ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งฝั่งยุโรป และเอเชียรวมถึงตะวันออกกลาง
    เป็นข่าวโด่งดังที่ทั่วโลกต่างตื่นตัว
    แต่ก็มิวาย ด้วยพลังงบประมาณทุนดาร์ผ่านเอเจนซี่
    และมีคนอย่างโจมณฑนี ที่ยอมแลกทุกอย่างได้
    เพียงเพื่อผลประโยชน์ โดยไม่สนใจชะตากรรมของคนไทย
    และตัวเองต้องไปร่วมสร้างกรรมบาป จากที่มาของเงินดาร์ค
    แต่ข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่ต้องพูดถึงก็คือ
    มีคำถามที่พี่คิงส์ตั้งโจทย์ไว้แต่แรก
    ว่าโจ เอเจนซี่ และกามิจ ใช้วิธีการไหน
    ที่ทำให้ทุย ยอมที่จะให้จูงจมูก
    หัวๆทำแบบได้ค่าตอบแทนแบบฉ่ำๆ
    แต่ไอ่พวกทุย008นี่ ไม่ได้ห่านอะไรเลย
    แต่ออกแรงเล่นงานแน๊กได้ทุกวี่วัน
    ไม่ว่าหัวดำหัวหงอก งานการไม่ทำหาแต่เรื่องให้แน๊กชาลี
    ยิ่งขุด ยิ่งพบว่า โจมณฑนี ใช้วิธีการกำหนดเป้า
    โดยจะส่ง 3 สิ่ง ให้ทุยที่ทุ่มเทในการเล่นงานแน๊กชาลี
    1. ให้ข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือน และให้ร้าย โดยให้ทุกคนโพส
    เป็นเสียงเดียวกัน
    2. ให้ทีมยูซผี เข้ามาร่วมคอมเม้นซัพพอต เพื่อให้เพจ หรือช่องดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้ากดเข้าไปดูโปรไฟล์ จะเห็นชัดเจนว่า ทิพย์
    และข้อที่ 3 คือคำตอบของคำถามว่าทำไม ทุยยอมพลี เพื่อ
    เพียงแค่สก็อยกิมจิไร้ค่า ที่วันนี้รู้นะ ว่าที่ผ่านมาคือการแสดง
    อิเหวิงไปออกทีวีที่เกาหลี ก็พูดชัดเจน เอเจนซี่ก็นั่งข้างๆ
    แต่ที่ยอม มาจากการสร้างทุย ให้น่ากระนูย
    จริงๆแล้ว มันเริ่มเทคนิคนี้จากห้อง DC
    โดย โจจะกำหนดเป้า MVp ที่กระเป๋าหนัก รู้พื้นเพว่าคนนี้ มีศักยภาพในการเปย์หนักๆ เมื่อกำหนดเป้าได้แล้ว และสร้างสถานการณ์จากเชียร์ชาลี และกามิจ มาดูความน่ารักของสองคน แต่เมื่อชาลี เบรคเรื่องบิ๊กแม็ต และไม่อยากให้แฟนคลับของเค้า ต้องเสียเงินมากมาย ให้พอได้สนุกๆกัน
    ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นความขุ่นเคืองให้กับทั้งโจ เอเจนซี่ รวมถึงทุนดาร์ค ที่เวลานั้น พีเค อิเหวิงจัดบิ๊กแม็ตบ่อยมาก การฟอกที่สอดแทรกเข้ามาและทำการตกแต่งบัญชี กำลังไปได้สวย
    เมื่อโจ ได้คุยกับเอเจนซี่ จึงจะต้องแก้เกมส์ ด้วยการสร้างสตอรี่ใหม่
    ให้เป็นการบอกเล่าฉีกไปอีกทาง ว่าอิเหวิง เป็นเ..ยื่อ และชาลี เป็นตัวร้าย เป็นโ..คจิต
    หลังจากนั้น โจจะทำการชี้เป้าให้อิเหวิงทักเข้าไปในช่องแชทส่วนตัวของ Mvp คนนั้น แล้วส่งข้อความถึงลักษณะที่อ่อย "ฉันอยู่กับชาลีไม่มีความสุขเลย ฉันขอบคุณคุณมากๆที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ" แฟนเพจลองคิดดู ทั้งการปั้นแต่งสตอรี่ของโจ ที่ทำให้อิเหวิง หรืออิเหม็น เป็นดังเทพธิดา
    แล้วเธอคนนั้นทักส่วนตัวมาถึงฉัน ซึ่งเปย์ได้แทบไม่อั้น จะเกิดอะไรขึ้น
    นั่นไง ไม่มีการแสดงความรักใดที่ชัดไปกว่าการส่งของขวัญ ความบังลัยจึงเกิดกับหลายครอบครัว
    และวิธีการเดียวกันนี้นี่เอง
    ทั้งๆที่อิเหวิงเอง อ่านภาษาไทยไม่ออก ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่คนเกาหลี หรือคนต่างชาติ มาอยู่ประเทศไทยที่เค้าอยากเรียนรู้ภาษาไทยจริงๆ แค่ไม่เกินสามเดือน ก็พูดได้แล้ว แต่นี่ มาเจ็ดแปดเดือน ภาษาไทยยังไม่ได้เท่าเด็กอนุบาลสามเลย ตอนมารู้แค่ไหน ตอนนี้แม่มรู้เท่าเดิม ไม่มีพัฒนาการห่านอะไรส่วนทางกับที่ซุยว่าเรียนได้เอบวก สรุปเอบวกที่ทุยเป็นซุยขรี้สิงอะ
    มันเกรดการเรียน หรือเป็นผลเลือดไม่แน่ใจ
    มาต่อกันที่ สรุปว่า มันก็ยังอ่านภาษาไทยฟังภาษาไทยไม่ออก
    แต่สามารถรู้เป้าว่า ทุยพลี ที่ไม่ได้สะตุ้งสะตางค์
    แต่เล่นแน๊กแรงๆ แบบไม่กลัวกฏมงกฏหะมายอะไรเลย
    แล้วทำยังไงครับ "ส่งติ๊กเกอร์ ดอกไม้ ของขวัญ" เป็นการส่งกำลังใจ
    อย่างที่ไอ่โจ มันให้สัมภาษณ์ ก็ไม่ผิดหรอกที่บอกว่า
    อิเหวิง ไม่เคยทำอะไรไม่เคยพูดถึงชาลีไม่ดีเลย
    ก็ใช่ ก็ถูก ก็เมิงอยู่เบื้องหลัง ในการเชียร์นี่ไง
    ใช้ปากทุยพลีพูด แล้วทุยพลีที่ไม่ตังค์อะนะ
    พออิเหวิงทักมาเท่านั้นแหละ โอ๊ย โพสโชว์กันใหญ่
    หารู้ไม่ นั่นแหละหลักฐานตัวดีเลย ฟังภาษาไทยไม่ออก
    อ่านภาษาไทยไม่ได้ แล้วเมิงรู้ได้ไง ว่าคนไทยพิมพ์ห่านอะไร
    ถูกเป้าทุยพลีทุกตัว ไม่พลาดแม้แต่ตัวเดียว
    จนบางคน ทนไม่ไหว ควักตังค์เก็บ ที่กำลังร่อยหรอ
    เพราะวันๆไม่ทำงานทำการ ไปเข้าร้านสติ๊กเกอร์
    สั่งปริ๊นไวนิลรูปอิเหวิง 2 พีช ไว้ในห้องน้ำ
    เอาไว้สำเร็จโทษตัวเอง โครตไปกันใหญ่เลย
    เชื่อมั๊ย แม้กระทั่ง วัยรุ่นทรงเอ ที่ออกอาการพูดแบบคลั่งๆอะ
    ยังได้เลย ไอ่สติ๊กเกอร์จากแชทส่วนตัวอิเหวิง
    หรือลุงแก่ๆ ที่ชื่อเพจ ต้องสอนให้คนประดิษฐ์นั่นนี่
    แต่เอามาใช่ให้ร้ายแน๊ก แบบรัวๆ ทุกวันอีกตะหาก
    หรือจะคนหน้าลอยที่เหมือนทางแป้งผิดเบอร์
    คิวขมวดตลอดเวลา ที่พูดวนไปวนมา
    ทำเหมือนมีของ แต่ไม่มีห่านอะไรเลยอะนะ
    ยังได้ติ๊กเกอร์ ได้ของขวัญส่วนตัวจากอิเหวิงเลย
    เป็นไง ถ้าโจมณฑนีไม่ชี้เป้า จะไม่มีทางที่อิเหวิง
    จะส่งแชทส่วนตัวแบบนี้ไปแน่นอน เพราะมันฟังม่ายออก อิฉัด
    อย่างบาปเลย ล้อเล่นกับหัวใจทุย
    พี่คิงส์ จึงต้องไปหาข้อมูลเพื่อปลอบใจทุยทุกคน
    โดยเฉพาะทุยพลี ที่อาลาวาด เสี่ยงซึ่งซังเตอย่างมาก
    แล้วจะมีเดินเข้าคอกเป็นทิวแถวอีกไม่นาน
    คำนั้น เป็นภาษาไทย+ภาษาขแมร์
    ซึ่งตรงกับบุคลิกที่มีความจริงใจต่อน้องกามินอย่างมาก
    เทิดทูนขนาด เรียกนายหญิงกันตลอดว่า
    ทุยหน้ากระนูย ก็เอาไว้เรียกกันทักกันระหว่าง
    ทุยกับทุยครับ มันแปลว่า
    "ทุยน่ารัก" ครับ
    ราตรีสวัสดิ์ ทุยหน้ากระนูย
    ราตรีสวัสดิ์ แฟนเพจที่พี่คิงส์รักสุดใจ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทุยหน้ากระนูยแปลว่าทุยน่ารัก จากการหาข้อมูลถึงกระบวนการฟอกให้ขาวกับกลุ่มทุนดาร์คในประเทศ ต้องยอมรับในกลอุบายของกลุ่มนี้จริงๆ ปั้นนางเอกตกงานให้กลายเป็นขวัญใจคนไทย จากสตอรี่และการแสดง ที่เข้าถึงบทบาทสุดๆ และถึงแม้ว่า จะสร้างวีรกรรม จนดาราชายไทย ไม่สามารถให้ไปต่อได้ เพื่อปกป้องคนไทย จากกลุ่มเงินดาร์ค ที่อาศัยช่องโหว่ในการพีเคบิ๊กแม๊ต ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งฝั่งยุโรป และเอเชียรวมถึงตะวันออกกลาง เป็นข่าวโด่งดังที่ทั่วโลกต่างตื่นตัว แต่ก็มิวาย ด้วยพลังงบประมาณทุนดาร์ผ่านเอเจนซี่ และมีคนอย่างโจมณฑนี ที่ยอมแลกทุกอย่างได้ เพียงเพื่อผลประโยชน์ โดยไม่สนใจชะตากรรมของคนไทย และตัวเองต้องไปร่วมสร้างกรรมบาป จากที่มาของเงินดาร์ค แต่ข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่ต้องพูดถึงก็คือ มีคำถามที่พี่คิงส์ตั้งโจทย์ไว้แต่แรก ว่าโจ เอเจนซี่ และกามิจ ใช้วิธีการไหน ที่ทำให้ทุย ยอมที่จะให้จูงจมูก หัวๆทำแบบได้ค่าตอบแทนแบบฉ่ำๆ แต่ไอ่พวกทุย008นี่ ไม่ได้ห่านอะไรเลย แต่ออกแรงเล่นงานแน๊กได้ทุกวี่วัน ไม่ว่าหัวดำหัวหงอก งานการไม่ทำหาแต่เรื่องให้แน๊กชาลี ยิ่งขุด ยิ่งพบว่า โจมณฑนี ใช้วิธีการกำหนดเป้า โดยจะส่ง 3 สิ่ง ให้ทุยที่ทุ่มเทในการเล่นงานแน๊กชาลี 1. ให้ข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือน และให้ร้าย โดยให้ทุกคนโพส เป็นเสียงเดียวกัน 2. ให้ทีมยูซผี เข้ามาร่วมคอมเม้นซัพพอต เพื่อให้เพจ หรือช่องดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้ากดเข้าไปดูโปรไฟล์ จะเห็นชัดเจนว่า ทิพย์ และข้อที่ 3 คือคำตอบของคำถามว่าทำไม ทุยยอมพลี เพื่อ เพียงแค่สก็อยกิมจิไร้ค่า ที่วันนี้รู้นะ ว่าที่ผ่านมาคือการแสดง อิเหวิงไปออกทีวีที่เกาหลี ก็พูดชัดเจน เอเจนซี่ก็นั่งข้างๆ แต่ที่ยอม มาจากการสร้างทุย ให้น่ากระนูย จริงๆแล้ว มันเริ่มเทคนิคนี้จากห้อง DC โดย โจจะกำหนดเป้า MVp ที่กระเป๋าหนัก รู้พื้นเพว่าคนนี้ มีศักยภาพในการเปย์หนักๆ เมื่อกำหนดเป้าได้แล้ว และสร้างสถานการณ์จากเชียร์ชาลี และกามิจ มาดูความน่ารักของสองคน แต่เมื่อชาลี เบรคเรื่องบิ๊กแม็ต และไม่อยากให้แฟนคลับของเค้า ต้องเสียเงินมากมาย ให้พอได้สนุกๆกัน ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นความขุ่นเคืองให้กับทั้งโจ เอเจนซี่ รวมถึงทุนดาร์ค ที่เวลานั้น พีเค อิเหวิงจัดบิ๊กแม็ตบ่อยมาก การฟอกที่สอดแทรกเข้ามาและทำการตกแต่งบัญชี กำลังไปได้สวย เมื่อโจ ได้คุยกับเอเจนซี่ จึงจะต้องแก้เกมส์ ด้วยการสร้างสตอรี่ใหม่ ให้เป็นการบอกเล่าฉีกไปอีกทาง ว่าอิเหวิง เป็นเ..ยื่อ และชาลี เป็นตัวร้าย เป็นโ..คจิต หลังจากนั้น โจจะทำการชี้เป้าให้อิเหวิงทักเข้าไปในช่องแชทส่วนตัวของ Mvp คนนั้น แล้วส่งข้อความถึงลักษณะที่อ่อย "ฉันอยู่กับชาลีไม่มีความสุขเลย ฉันขอบคุณคุณมากๆที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ" แฟนเพจลองคิดดู ทั้งการปั้นแต่งสตอรี่ของโจ ที่ทำให้อิเหวิง หรืออิเหม็น เป็นดังเทพธิดา แล้วเธอคนนั้นทักส่วนตัวมาถึงฉัน ซึ่งเปย์ได้แทบไม่อั้น จะเกิดอะไรขึ้น นั่นไง ไม่มีการแสดงความรักใดที่ชัดไปกว่าการส่งของขวัญ ความบังลัยจึงเกิดกับหลายครอบครัว และวิธีการเดียวกันนี้นี่เอง ทั้งๆที่อิเหวิงเอง อ่านภาษาไทยไม่ออก ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่คนเกาหลี หรือคนต่างชาติ มาอยู่ประเทศไทยที่เค้าอยากเรียนรู้ภาษาไทยจริงๆ แค่ไม่เกินสามเดือน ก็พูดได้แล้ว แต่นี่ มาเจ็ดแปดเดือน ภาษาไทยยังไม่ได้เท่าเด็กอนุบาลสามเลย ตอนมารู้แค่ไหน ตอนนี้แม่มรู้เท่าเดิม ไม่มีพัฒนาการห่านอะไรส่วนทางกับที่ซุยว่าเรียนได้เอบวก สรุปเอบวกที่ทุยเป็นซุยขรี้สิงอะ มันเกรดการเรียน หรือเป็นผลเลือดไม่แน่ใจ มาต่อกันที่ สรุปว่า มันก็ยังอ่านภาษาไทยฟังภาษาไทยไม่ออก แต่สามารถรู้เป้าว่า ทุยพลี ที่ไม่ได้สะตุ้งสะตางค์ แต่เล่นแน๊กแรงๆ แบบไม่กลัวกฏมงกฏหะมายอะไรเลย แล้วทำยังไงครับ "ส่งติ๊กเกอร์ ดอกไม้ ของขวัญ" เป็นการส่งกำลังใจ อย่างที่ไอ่โจ มันให้สัมภาษณ์ ก็ไม่ผิดหรอกที่บอกว่า อิเหวิง ไม่เคยทำอะไรไม่เคยพูดถึงชาลีไม่ดีเลย ก็ใช่ ก็ถูก ก็เมิงอยู่เบื้องหลัง ในการเชียร์นี่ไง ใช้ปากทุยพลีพูด แล้วทุยพลีที่ไม่ตังค์อะนะ พออิเหวิงทักมาเท่านั้นแหละ โอ๊ย โพสโชว์กันใหญ่ หารู้ไม่ นั่นแหละหลักฐานตัวดีเลย ฟังภาษาไทยไม่ออก อ่านภาษาไทยไม่ได้ แล้วเมิงรู้ได้ไง ว่าคนไทยพิมพ์ห่านอะไร ถูกเป้าทุยพลีทุกตัว ไม่พลาดแม้แต่ตัวเดียว จนบางคน ทนไม่ไหว ควักตังค์เก็บ ที่กำลังร่อยหรอ เพราะวันๆไม่ทำงานทำการ ไปเข้าร้านสติ๊กเกอร์ สั่งปริ๊นไวนิลรูปอิเหวิง 2 พีช ไว้ในห้องน้ำ เอาไว้สำเร็จโทษตัวเอง โครตไปกันใหญ่เลย เชื่อมั๊ย แม้กระทั่ง วัยรุ่นทรงเอ ที่ออกอาการพูดแบบคลั่งๆอะ ยังได้เลย ไอ่สติ๊กเกอร์จากแชทส่วนตัวอิเหวิง หรือลุงแก่ๆ ที่ชื่อเพจ ต้องสอนให้คนประดิษฐ์นั่นนี่ แต่เอามาใช่ให้ร้ายแน๊ก แบบรัวๆ ทุกวันอีกตะหาก หรือจะคนหน้าลอยที่เหมือนทางแป้งผิดเบอร์ คิวขมวดตลอดเวลา ที่พูดวนไปวนมา ทำเหมือนมีของ แต่ไม่มีห่านอะไรเลยอะนะ ยังได้ติ๊กเกอร์ ได้ของขวัญส่วนตัวจากอิเหวิงเลย เป็นไง ถ้าโจมณฑนีไม่ชี้เป้า จะไม่มีทางที่อิเหวิง จะส่งแชทส่วนตัวแบบนี้ไปแน่นอน เพราะมันฟังม่ายออก อิฉัด อย่างบาปเลย ล้อเล่นกับหัวใจทุย พี่คิงส์ จึงต้องไปหาข้อมูลเพื่อปลอบใจทุยทุกคน โดยเฉพาะทุยพลี ที่อาลาวาด เสี่ยงซึ่งซังเตอย่างมาก แล้วจะมีเดินเข้าคอกเป็นทิวแถวอีกไม่นาน คำนั้น เป็นภาษาไทย+ภาษาขแมร์ ซึ่งตรงกับบุคลิกที่มีความจริงใจต่อน้องกามินอย่างมาก เทิดทูนขนาด เรียกนายหญิงกันตลอดว่า ทุยหน้ากระนูย ก็เอาไว้เรียกกันทักกันระหว่าง ทุยกับทุยครับ มันแปลว่า "ทุยน่ารัก" ครับ ราตรีสวัสดิ์ ทุยหน้ากระนูย ราตรีสวัสดิ์ แฟนเพจที่พี่คิงส์รักสุดใจ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗

    คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด

    1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel

    อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ

    📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม

    จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน

    🏨

    รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น

    🏨

    เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ

    🏨

    นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้

    🏨

    ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้

    งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ

    🏨

    ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง

    ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ

    🏨

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ

    🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง

    เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย

    🏨

    เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ

    🏨

    แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี

    🏨

    จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

    หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง

    บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน.

    .........................................

    2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve

    เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาย่อของเล่มนี้

    ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์

    🏨

    เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี

    🏨

    ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้

    🏨

    ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น

    🏨

    ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า

    ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น

    ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น

    นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ

    ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว

    ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า

    นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี

    ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย

    📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ

    ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด

    ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ

    #thaitimes
    #หนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #นิยายสืบสวน
    #สืบสวน
    #คดีฆาตกรรม
    #งานโรงแรม
    #พนักงานต้อนรับ
    #ตำรวจ
    #นักสืบ
    #ลูกค้า
    #งานบริการ
    #อาชีพ
    #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗ คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด 1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ 📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน 🏨 รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น 🏨 เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ 🏨 นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้ 🏨 ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้ งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ 🏨 ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ 🏨 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ 🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย 🏨 เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ 🏨 แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี 🏨 จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน. ......................................... 2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาย่อของเล่มนี้ ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์ 🏨 เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี 🏨 ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้ 🏨 ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น 🏨 ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย 📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ #thaitimes #หนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #นิยายสืบสวน #สืบสวน #คดีฆาตกรรม #งานโรงแรม #พนักงานต้อนรับ #ตำรวจ #นักสืบ #ลูกค้า #งานบริการ #อาชีพ #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 966 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวเลี้ยวแห่งความเป็นใหญ่……หัวต่อแห่งความโหดร้าย………
    ติ่งขา……พี่ปูแบกไว้ทั้งหมด……!!

    ตอนสิบสี่………ปีแห่งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกและจดจำ…….!!!

    หลังจากที่ปูตินได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย
    วันที่ 1 กันยายน 2004 ได้เดินทางไปที่ Sochi อีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้พักร่าง พักสมอง เพราะที่ผ่านมาต้องพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆจนไม่มีเวลาพักผ่อน เช่น กับ Jacques Chirac (ฝรั่งเศส) Gerhard Schröder (เยอรมัน)
    ผู้คนส่วนใหญ่จะพักร้อนกันในเดือนสิงหาคม……แต่ปูตินไม่ได้พักเลยเพราะกลุ่มกบฏในเชเชนได้ก่อตัวขึ้นในการปฎิบัติการก่อการร้ายที่หนักข้อขึ้นทุกวัน โดยมีตัวการเป็นหญิงสาวสี่คน คือ Rosa Nagayeva และน้องสาว Amanat….โดยมีเพื่อนสาว Satsita Dzhbirkhanova และ Maryam Taburova ที่ร่วมมือกันวางระเบิดก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่

    ในวันที่ปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจเปรียบเสมือนลางร้ายของผู้นำคนใหม่ นั่นคือ ไฟไหม้ที่ อาคาร Manezh ที่ตั้งอยู่ใน Alexsandr Gardens ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงข้ามกับเครมลิน ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทะลายลงมาทั้งหลัง
    ปูตินได้ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ที่ขั้นบนของสภา การกล่าวคำปราศรัยต้องเลื่อนออกไป เพราะไม่เช่นนั้นฉากหลังของการปราศรัยจะเป็นฉากที่เพลิงลุกไหม้ที่พร่าชีวิตของนักดับเพลิงไปสองนาย……

    เพื่อแสดงสปิริตของความเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เขาจึงลดกระแสด้วยการปล่อยตัว MK ให้มาสู้คดีหลังจากที่อยู่ในที่คุมขังประมาณห้าเดือน
    และ……นั่นคือการเปิดศึกระหว่าง ผู้ที่มีอำนาจกับผู้ที่มีเงิน (จนถึงทุกวันนี้)

    เป็นช่วงเดียวกันกับที่ปูตินกำลังก้าวขึ้นมาในเส้นทางของนักการเมืองเต็มตัว โดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยประกบเหมือนเมื่อก่อน (เยลซิน)
    และนับว่าเป็นปีทดสอบความเป็นผู้นำที่แสนโหด และแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวและชาติรอดมาได้อย่างไร..…?!!
    เริ่มจาก กระแสความเคลื่อนไหวในการจับกุม MK อภิมหาเศรษฐีคนดัง
    ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีของเขาเอง Mikhaïl Kesyanov ก็ยังแสดงความไม่พอใจ ถึงกับไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ว่า MK ไม่ได้โกงภาษี…เพียงแต่ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น……

    อย่างไรก็ตาม……ไม่ได้มีใครสนใจกับข้อโต้แย้งของเขานัก เพราะทั้งรัสเซียกำลังตื่นเต้นกับ ราคาน้ำมันส่งออกทะยานขึ้นเกินสิบเท่าของที่เคยได้ จาก หกพันล้าน พุ่งขึ้นมาเป็น แปดหมื่นล้านเหรียญ
    และรัสเซียได้กลายมาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าซาอุดิ อะเรเบีย
    และสินค้าอื่นๆเริ่มมีใบสั่งเข้ามายาวเป็นหางว่าว……
    แต่ปูตินไม่ได้ปล่อยให้ความคิดเห็นคัดค้านของนายกฯผ่านไป
    วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ หลังจากการประชุมบอร์ดผ่านไป ปูตินให้ นายกฯ
    คาเซียนอฟ เข้ามาพบ และพูดสั้นๆว่า……
    “ต่อไปนี้……คุณหมดหน้าที่แล้วนะ” เป็นการไล่ออกแบบง่ายๆที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง……
    และ……ไม่มีการประกาศว่า ใครจะมาแทน…ผู้คนก็เดากันไปต่างๆนานา
    ว่าอาจจะเป็นคนนั้นคนนี้ จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไป ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่ง คือ
    Mikhaïl Fradkov ที่แสน”โนเนม”จากปีเตอร์สเบอร์ก

    แต่ไม่โนเนมสำหรับปูติน เพราะ MF (Mikhaïl Fradkov) คนนี้เคยเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในสมัยเยลซิน เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายภาษา เป็นคนตรง…สมถะ และ ไม่สนใจในการเมือง
    ในขณะที่ปูตินติดต่อไปให้มารับตำแหน่ง ตอนนั้น MF อยู่ที่ Brussels กำลังทำหน้าที่เป็นทูตพานิชย์รัสเซียประจำ EU
    เมื่อเขาบินมาถึงมอสโคว์ในวันต่อมา เพื่อเข้ารับตำแหน่ง นัดข่าวได้ถามถึงนโยบายในการทำงาน เขาตอบสั้นๆว่า
    “ก็ทำตามนโยบายของท่านประธานาธิบดี……”

    วันที่ 1 กันยายน เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกลับเข้าโรงเรียน ที่มีธรรมเนียมที่น่ารัก คือเด็กๆแต่งตัวกันสวยงาม เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไปสวัสดีคุณครู
    ผู้ปกครองพากันตื่นเต้น จูงลูก พาหลานไปพบปะสังสรรกันที่หอประชุมโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก
    ที่เมือง Beslan, North-Ossetia (คอเคซัส) ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นภาพสวยงามนี้ ได้กลายมาเป็นโศกนาฏกรรม

    ผู้คนประมาณหลายร้อยคนได้ชุมนุมกันที่ลานหน้าโรงเรียน ทันใดนั้น ได้มีรถบรรทุกวิ่งผ่าเข้ามา……ผ่าใบคลุมหลังรถได้เปิดออก กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนเรียกพระนาม แล้วกระโดดลงมาพร้อมอาวุธ
    ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน กลุ่มกบฎได้ต้อนทุกคนเข้าไปอยู่ในโรงยิม ……
    กลุ่มกบฏ……มีผู้หญิงสองคนรวมอยู่ด้วย นั่นคือ Maryam Taburova และ Rosa Negayeva

    เป็นการกระทำที่อุกอาจที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาที่ผ่านมา……ที่เป็นวันฉลองชัยชนะของรัสเซีย ประธานาธิบดีเชเชน Akhmad Kadyrov ที่เพิ่งรับตำแหน่งสดๆร้อนๆได้ไปเป็นประธานในพิธี ได้ถูกลอบวางระเบิดที่กลางงานจนเสียชีวิต เหลือไว้คือลูกชายวัย 27 Ramzan ที่มีเลือดพ่อเต็มร้อย พร้อมลงสานต่อ แต่อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นผู้นำ
    จึงต้องคอยไปก่อน ปูตินแต่งตั้งให้ Aslan Maskhadov ขึ้นมาแทนไปก่อน
    แต่กลุ่มกบฏ……ก็ได้ให้คำเตือนมาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า……Ramzan จะเป็นรายต่อไป…เมื่อมีโอกาส…!!

    คราวนี้ที่ Beslan ที่ฝ่ายกบฏได้ยื่นความประสงค์กับปูตินว่า
    กองทัพรัสเซียจะต้องออกไปจากพื้นที่ และประกาศให้เชเชนเป็นเอกราช ซึ่งเชเชนจะร่วมเป็นพันธมิตรและยังคงใช้รูเบิ้ลเป็นสกุลเงินตรา
    เชเชนจะร่วมมือกับรัสเซียในการพัฒนากองกำลังและฟื้นฟูประเทศ (ที่เป็นเอกราช)

    ในนามของพระเจ้า
    ลงชื่อ Shamil Basayev

    ซึ่ง ชามิลตัวหัวหน้า……มาแต่เพียงในนาม ไม่ได้อยู่รวมในกลุ่ม และข้อเสนอนั้น ……เป็นไปไม่ได้ที่ทางรัสเซียจะยอมรับ

    การกักตัวผู้คนจำนวนหลายร้อยในที่ที่จำกัด ได้สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเด็กๆอย่างแสนสาหัส เพราะไม่มีอาการ ไม่มีน้ำ
    ผู้ที่ขัดขืนได้ถูกยิงทิ้ง แล้วนำศพโยนออกมาทางหน้าต่าง……จำนวนหลายศพ

    ในที่สุด วันที่สองของการควบคุมตัว ได้มีการเจรจาขอให้ปล่อยเด็กเล็กกว่าสามสิบคนออกมาได้

    วันที่สาม……ฝ่ายเจรจาขอให้มีการนำรถพยาบาลเข้าไปรับศพที่เริ่มบวมออกมาจากสถานที่
    ในเวลาตีหนึ่ง ที่หน่วยพยาบาลสี่คนได้เข้าไปพร้อมรถตามกำหนดการ
    เมื่อไปถึง……เพียงสองนาทีผ่านไป…..ได้เกิดระเบิดขึ้น ที่ทำให้ผนังของโรงยิมได้เปิดออก หลังคาเปิง
    คราวนี้……ฝ่ายกบฏได้เปิดฉากยิงมั่วซั่ว ขว้างระเบิดมือท่ามกลางฝุ่นที่ตลบคลุ้ง
    เป็นการโกลาหลจนสุดบรรยาย เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นเชลยไม่อยู่ในสภาพที่จะหลบหนีได้ พวกเขาอ่อนเปลี้ยจนเกินไป

    เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ทั้งหมดในนั้นเสียชีวิต จำนวนเชลย 334 คน (เด็กโต 186 คน) คอมมานโด 10 คน ผู้ก่อการ 30 คน (ผู้หญิง 2)
    อันเป็นข่าวที่น่าสลดใจไปยังรอบโลก ที่มีการค้นหาความจริง ว่า
    ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น มาจากระเบิดที่ทางฝ่ายคณะผู้ก่อการได้วางสายเอาไว้แล้วเกิดการผิดพลาด…จนเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหมู่
    ปูติน..พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้มีการสูญเสีย เพราะประสบการณ์จากโรงละครที่ทำให้เขาไม่ยอมใช้วิธีการยาสลบพ่นเข้าไป
    เขาหวังในการเจรจา……ที่ควรจะมีการต่อรองกับ Shamil โดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง
    แต่นั่นหมายถึงว่า แม้ว่าเขาจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียครั้งใหญ่เขายังต้องตอบคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาจากนักข่าว
    โดยเฉพาะฝ่ายศัตรูที่คอยเล่นงานทิ่มแทง

    วันที่ 13 กันยายน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญโลกที่ Beslan
    พวกที่นั่งในสภา 150 ที่นั่งที่ได้รับเลือกตั้งมา (จากต่างพรรค)
    ที่ปูตินเรียกสัมภาษณ์รายคน ถึง จุดมุ่งหมายในความคิดและนโยบายที่มีต่อประเทศ แต่ละรายเพ้อเจ้อในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตยที่เอนเอียงไปในทางที่จะให้เอกราชกับเชเชน…

    ปูตินจีงประกาศสั่งระงับการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือ นายกเทศมนตรี ทุกอย่างขะงักกึก………
    เท่ากับว่า มอสโคว์คือศูนย์กลางของการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เปรียบได้ว่าการปกครองได้กลับเข้าไปสู่ยุคของคอมมิวนิสต์
    เพราะเขาได้ประกาศว่า……
    “ประชากรชาวรัสเชี่ยนของเรา ยังมีความคิดล้าหลัง ยังไม่ปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่มาถึงพร้อมกับความชั่วร้าย ……เราต้องใช้เวลากับการทำความรู้จักกับมัน……เพราะสิ่งที่จะใช้ได้ผลที่สุดในยามนี้
    คือการยืนค่อนไปทางซ้าย..(ระบอบคอมมิวนิสต์)”

    พรรคฝ่ายซ้ายขานรับกันจ้าละหวั่น และ เสนอตัวกันอย่างแข็งขันในการร่วมมือ …

    ~~~หลังจากการก่อการร้ายของ Shamil Basayev ที่ได้สร้างความเขย่าขวัญนานหลายปี ตั้งแต่วางแผนจับตัวประกันที่โรงละคร และ ที่โรงเรียน
    รวมทั้งที่อื่นๆทั่วรัสเซียนานกว่าสิบปี
    ฝ่าย FSB ได้ถือว่า ชามิล คือ อาชญากรที่ทางแารรัสเซียต้องการตัวที่สุด
    ในที่สุด การ”ล่อซื้อ” ได้เกิดขึ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2006 นั่นคือ การค้าขายอาวุธให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่เป็นล๊อตขนาดใหญ่ ที่มีจุดรับของที่หมู่บ้าน Ekazhevo
    ชามิล และคณะมารอรับ และเมื่อรถบรรทุกอาวุธที่ว่ามาถึง ระหว่างที่มีการตรวจคุณภาพของกัน รถบรรทุกได้เกิดระเบิดขึ้น คร่าชีวิตของชามิลและคณะนับสิบคน…ตามวัตถุประสงค์ของ FSB ……!!!

    Wiwanda W. Vichit
    หัวเลี้ยวแห่งความเป็นใหญ่……หัวต่อแห่งความโหดร้าย……… ติ่งขา……พี่ปูแบกไว้ทั้งหมด……!! ตอนสิบสี่………ปีแห่งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกและจดจำ…….!!! หลังจากที่ปูตินได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย วันที่ 1 กันยายน 2004 ได้เดินทางไปที่ Sochi อีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้พักร่าง พักสมอง เพราะที่ผ่านมาต้องพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆจนไม่มีเวลาพักผ่อน เช่น กับ Jacques Chirac (ฝรั่งเศส) Gerhard Schröder (เยอรมัน) ผู้คนส่วนใหญ่จะพักร้อนกันในเดือนสิงหาคม……แต่ปูตินไม่ได้พักเลยเพราะกลุ่มกบฏในเชเชนได้ก่อตัวขึ้นในการปฎิบัติการก่อการร้ายที่หนักข้อขึ้นทุกวัน โดยมีตัวการเป็นหญิงสาวสี่คน คือ Rosa Nagayeva และน้องสาว Amanat….โดยมีเพื่อนสาว Satsita Dzhbirkhanova และ Maryam Taburova ที่ร่วมมือกันวางระเบิดก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่ ในวันที่ปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจเปรียบเสมือนลางร้ายของผู้นำคนใหม่ นั่นคือ ไฟไหม้ที่ อาคาร Manezh ที่ตั้งอยู่ใน Alexsandr Gardens ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงข้ามกับเครมลิน ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทะลายลงมาทั้งหลัง ปูตินได้ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ที่ขั้นบนของสภา การกล่าวคำปราศรัยต้องเลื่อนออกไป เพราะไม่เช่นนั้นฉากหลังของการปราศรัยจะเป็นฉากที่เพลิงลุกไหม้ที่พร่าชีวิตของนักดับเพลิงไปสองนาย…… เพื่อแสดงสปิริตของความเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เขาจึงลดกระแสด้วยการปล่อยตัว MK ให้มาสู้คดีหลังจากที่อยู่ในที่คุมขังประมาณห้าเดือน และ……นั่นคือการเปิดศึกระหว่าง ผู้ที่มีอำนาจกับผู้ที่มีเงิน (จนถึงทุกวันนี้) เป็นช่วงเดียวกันกับที่ปูตินกำลังก้าวขึ้นมาในเส้นทางของนักการเมืองเต็มตัว โดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยประกบเหมือนเมื่อก่อน (เยลซิน) และนับว่าเป็นปีทดสอบความเป็นผู้นำที่แสนโหด และแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวและชาติรอดมาได้อย่างไร..…?!! เริ่มจาก กระแสความเคลื่อนไหวในการจับกุม MK อภิมหาเศรษฐีคนดัง ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีของเขาเอง Mikhaïl Kesyanov ก็ยังแสดงความไม่พอใจ ถึงกับไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ว่า MK ไม่ได้โกงภาษี…เพียงแต่ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น…… อย่างไรก็ตาม……ไม่ได้มีใครสนใจกับข้อโต้แย้งของเขานัก เพราะทั้งรัสเซียกำลังตื่นเต้นกับ ราคาน้ำมันส่งออกทะยานขึ้นเกินสิบเท่าของที่เคยได้ จาก หกพันล้าน พุ่งขึ้นมาเป็น แปดหมื่นล้านเหรียญ และรัสเซียได้กลายมาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าซาอุดิ อะเรเบีย และสินค้าอื่นๆเริ่มมีใบสั่งเข้ามายาวเป็นหางว่าว…… แต่ปูตินไม่ได้ปล่อยให้ความคิดเห็นคัดค้านของนายกฯผ่านไป วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ หลังจากการประชุมบอร์ดผ่านไป ปูตินให้ นายกฯ คาเซียนอฟ เข้ามาพบ และพูดสั้นๆว่า…… “ต่อไปนี้……คุณหมดหน้าที่แล้วนะ” เป็นการไล่ออกแบบง่ายๆที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง…… และ……ไม่มีการประกาศว่า ใครจะมาแทน…ผู้คนก็เดากันไปต่างๆนานา ว่าอาจจะเป็นคนนั้นคนนี้ จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไป ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่ง คือ Mikhaïl Fradkov ที่แสน”โนเนม”จากปีเตอร์สเบอร์ก แต่ไม่โนเนมสำหรับปูติน เพราะ MF (Mikhaïl Fradkov) คนนี้เคยเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในสมัยเยลซิน เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายภาษา เป็นคนตรง…สมถะ และ ไม่สนใจในการเมือง ในขณะที่ปูตินติดต่อไปให้มารับตำแหน่ง ตอนนั้น MF อยู่ที่ Brussels กำลังทำหน้าที่เป็นทูตพานิชย์รัสเซียประจำ EU เมื่อเขาบินมาถึงมอสโคว์ในวันต่อมา เพื่อเข้ารับตำแหน่ง นัดข่าวได้ถามถึงนโยบายในการทำงาน เขาตอบสั้นๆว่า “ก็ทำตามนโยบายของท่านประธานาธิบดี……” วันที่ 1 กันยายน เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกลับเข้าโรงเรียน ที่มีธรรมเนียมที่น่ารัก คือเด็กๆแต่งตัวกันสวยงาม เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไปสวัสดีคุณครู ผู้ปกครองพากันตื่นเต้น จูงลูก พาหลานไปพบปะสังสรรกันที่หอประชุมโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก ที่เมือง Beslan, North-Ossetia (คอเคซัส) ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นภาพสวยงามนี้ ได้กลายมาเป็นโศกนาฏกรรม ผู้คนประมาณหลายร้อยคนได้ชุมนุมกันที่ลานหน้าโรงเรียน ทันใดนั้น ได้มีรถบรรทุกวิ่งผ่าเข้ามา……ผ่าใบคลุมหลังรถได้เปิดออก กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนเรียกพระนาม แล้วกระโดดลงมาพร้อมอาวุธ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน กลุ่มกบฎได้ต้อนทุกคนเข้าไปอยู่ในโรงยิม …… กลุ่มกบฏ……มีผู้หญิงสองคนรวมอยู่ด้วย นั่นคือ Maryam Taburova และ Rosa Negayeva เป็นการกระทำที่อุกอาจที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาที่ผ่านมา……ที่เป็นวันฉลองชัยชนะของรัสเซีย ประธานาธิบดีเชเชน Akhmad Kadyrov ที่เพิ่งรับตำแหน่งสดๆร้อนๆได้ไปเป็นประธานในพิธี ได้ถูกลอบวางระเบิดที่กลางงานจนเสียชีวิต เหลือไว้คือลูกชายวัย 27 Ramzan ที่มีเลือดพ่อเต็มร้อย พร้อมลงสานต่อ แต่อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นผู้นำ จึงต้องคอยไปก่อน ปูตินแต่งตั้งให้ Aslan Maskhadov ขึ้นมาแทนไปก่อน แต่กลุ่มกบฏ……ก็ได้ให้คำเตือนมาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า……Ramzan จะเป็นรายต่อไป…เมื่อมีโอกาส…!! คราวนี้ที่ Beslan ที่ฝ่ายกบฏได้ยื่นความประสงค์กับปูตินว่า กองทัพรัสเซียจะต้องออกไปจากพื้นที่ และประกาศให้เชเชนเป็นเอกราช ซึ่งเชเชนจะร่วมเป็นพันธมิตรและยังคงใช้รูเบิ้ลเป็นสกุลเงินตรา เชเชนจะร่วมมือกับรัสเซียในการพัฒนากองกำลังและฟื้นฟูประเทศ (ที่เป็นเอกราช) ในนามของพระเจ้า ลงชื่อ Shamil Basayev ซึ่ง ชามิลตัวหัวหน้า……มาแต่เพียงในนาม ไม่ได้อยู่รวมในกลุ่ม และข้อเสนอนั้น ……เป็นไปไม่ได้ที่ทางรัสเซียจะยอมรับ การกักตัวผู้คนจำนวนหลายร้อยในที่ที่จำกัด ได้สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเด็กๆอย่างแสนสาหัส เพราะไม่มีอาการ ไม่มีน้ำ ผู้ที่ขัดขืนได้ถูกยิงทิ้ง แล้วนำศพโยนออกมาทางหน้าต่าง……จำนวนหลายศพ ในที่สุด วันที่สองของการควบคุมตัว ได้มีการเจรจาขอให้ปล่อยเด็กเล็กกว่าสามสิบคนออกมาได้ วันที่สาม……ฝ่ายเจรจาขอให้มีการนำรถพยาบาลเข้าไปรับศพที่เริ่มบวมออกมาจากสถานที่ ในเวลาตีหนึ่ง ที่หน่วยพยาบาลสี่คนได้เข้าไปพร้อมรถตามกำหนดการ เมื่อไปถึง……เพียงสองนาทีผ่านไป…..ได้เกิดระเบิดขึ้น ที่ทำให้ผนังของโรงยิมได้เปิดออก หลังคาเปิง คราวนี้……ฝ่ายกบฏได้เปิดฉากยิงมั่วซั่ว ขว้างระเบิดมือท่ามกลางฝุ่นที่ตลบคลุ้ง เป็นการโกลาหลจนสุดบรรยาย เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นเชลยไม่อยู่ในสภาพที่จะหลบหนีได้ พวกเขาอ่อนเปลี้ยจนเกินไป เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ทั้งหมดในนั้นเสียชีวิต จำนวนเชลย 334 คน (เด็กโต 186 คน) คอมมานโด 10 คน ผู้ก่อการ 30 คน (ผู้หญิง 2) อันเป็นข่าวที่น่าสลดใจไปยังรอบโลก ที่มีการค้นหาความจริง ว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น มาจากระเบิดที่ทางฝ่ายคณะผู้ก่อการได้วางสายเอาไว้แล้วเกิดการผิดพลาด…จนเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหมู่ ปูติน..พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้มีการสูญเสีย เพราะประสบการณ์จากโรงละครที่ทำให้เขาไม่ยอมใช้วิธีการยาสลบพ่นเข้าไป เขาหวังในการเจรจา……ที่ควรจะมีการต่อรองกับ Shamil โดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง แต่นั่นหมายถึงว่า แม้ว่าเขาจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียครั้งใหญ่เขายังต้องตอบคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาจากนักข่าว โดยเฉพาะฝ่ายศัตรูที่คอยเล่นงานทิ่มแทง วันที่ 13 กันยายน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญโลกที่ Beslan พวกที่นั่งในสภา 150 ที่นั่งที่ได้รับเลือกตั้งมา (จากต่างพรรค) ที่ปูตินเรียกสัมภาษณ์รายคน ถึง จุดมุ่งหมายในความคิดและนโยบายที่มีต่อประเทศ แต่ละรายเพ้อเจ้อในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตยที่เอนเอียงไปในทางที่จะให้เอกราชกับเชเชน… ปูตินจีงประกาศสั่งระงับการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือ นายกเทศมนตรี ทุกอย่างขะงักกึก……… เท่ากับว่า มอสโคว์คือศูนย์กลางของการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เปรียบได้ว่าการปกครองได้กลับเข้าไปสู่ยุคของคอมมิวนิสต์ เพราะเขาได้ประกาศว่า…… “ประชากรชาวรัสเชี่ยนของเรา ยังมีความคิดล้าหลัง ยังไม่ปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่มาถึงพร้อมกับความชั่วร้าย ……เราต้องใช้เวลากับการทำความรู้จักกับมัน……เพราะสิ่งที่จะใช้ได้ผลที่สุดในยามนี้ คือการยืนค่อนไปทางซ้าย..(ระบอบคอมมิวนิสต์)” พรรคฝ่ายซ้ายขานรับกันจ้าละหวั่น และ เสนอตัวกันอย่างแข็งขันในการร่วมมือ … ~~~หลังจากการก่อการร้ายของ Shamil Basayev ที่ได้สร้างความเขย่าขวัญนานหลายปี ตั้งแต่วางแผนจับตัวประกันที่โรงละคร และ ที่โรงเรียน รวมทั้งที่อื่นๆทั่วรัสเซียนานกว่าสิบปี ฝ่าย FSB ได้ถือว่า ชามิล คือ อาชญากรที่ทางแารรัสเซียต้องการตัวที่สุด ในที่สุด การ”ล่อซื้อ” ได้เกิดขึ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2006 นั่นคือ การค้าขายอาวุธให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่เป็นล๊อตขนาดใหญ่ ที่มีจุดรับของที่หมู่บ้าน Ekazhevo ชามิล และคณะมารอรับ และเมื่อรถบรรทุกอาวุธที่ว่ามาถึง ระหว่างที่มีการตรวจคุณภาพของกัน รถบรรทุกได้เกิดระเบิดขึ้น คร่าชีวิตของชามิลและคณะนับสิบคน…ตามวัตถุประสงค์ของ FSB ……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะเอาเธอนั้นไปลอยทะเล 🤭…. งานวุ้นกะทิแฟนซี น่ารักน่าชัง #perfectgiftbyguitar#เค้กวุ้นกะทิ#วุ้นกะทิแฟนซี
    จะเอาเธอนั้นไปลอยทะเล 🤭…. งานวุ้นกะทิแฟนซี น่ารักน่าชัง #perfectgiftbyguitar#เค้กวุ้นกะทิ#วุ้นกะทิแฟนซี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cupcake 9 ชิ้น โทนสีพาสเทล น่ารัก น่ารับประทาน 🤭
    Cupcake 9 ชิ้น โทนสีพาสเทล น่ารัก น่ารับประทาน 🤭
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลายน่ารักๆ อยู่ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย

    เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้
    ตามลิงค์ไปนะจ๊ะ

    https://www.creationpiwat.com/creator/profile

    ลายน่ารักๆ อยู่ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ตามลิงค์ไปนะจ๊ะ https://www.creationpiwat.com/creator/profile
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำนานบทใหม่มีได้ทุกวัน! นักท่องเที่ยวสักลาย 'หมูเด้ง' เจอช็อตฟีลขั้นสุด นี่มันรูปหมูตุ๋น ชาวเน็ตเอ็นดู บอกก็น่ารักเหมือนกัน

    ติดตามรายละเอียดในคอมเมนต์

    #หมูเด้ง #ฮิปโปแคระ #สัก #รอยสัก #โหนกระแส
    ตำนานบทใหม่มีได้ทุกวัน! นักท่องเที่ยวสักลาย 'หมูเด้ง' เจอช็อตฟีลขั้นสุด นี่มันรูปหมูตุ๋น ชาวเน็ตเอ็นดู บอกก็น่ารักเหมือนกัน ติดตามรายละเอียดในคอมเมนต์ #หมูเด้ง #ฮิปโปแคระ #สัก #รอยสัก #โหนกระแส
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่น่ารัก คืนนี้ไม่ต้องรอ พี่จะนอนฟัง "ภาวะสิ้นยินดี" ทั้งคืน ราตรีสวัสดิ์
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงสโพธิ์แดงสำรอง
    แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่น่ารัก คืนนี้ไม่ต้องรอ พี่จะนอนฟัง "ภาวะสิ้นยินดี" ทั้งคืน ราตรีสวัสดิ์ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงสโพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🦛🦛มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ
    ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

    🦛ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
    ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส
    ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้,
    หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ
    โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น
    ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น

    🦛สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์
    เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า
    การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น

    🦛ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว
    และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว

    🦛ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง
    เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ

    🦛ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน
    พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก
    ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ
    หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้

    🦛"หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว
    ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444

    🦛"หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น
    ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
    เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192

    🦛"คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี
    ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น.
    สอบถามเพิ่ม#ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์

    ที่มา : wikipedia

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง
    #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น
    #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์
    🦛🦛มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 🦛ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้, หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น 🦛สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น 🦛ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว 🦛ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ 🦛ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้ 🦛"หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444 🦛"หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192 🦛"คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น. สอบถามเพิ่ม#ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ ที่มา : wikipedia #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 783 มุมมอง 172 0 รีวิว
  • 🦛🦛มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ
    ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

    🦛ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
    ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส
    ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้,
    หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ
    โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น
    ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น

    🦛สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์
    เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า
    การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น

    🦛ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ
    ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว
    และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว

    🦛ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง
    เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ

    🦛ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน
    พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก
    ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ
    หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้

    🦛"หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว
    ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444

    🦛"หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น
    ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
    เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192

    🦛"คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี
    ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น.
    สอบถามเพิ่มเติมโทร :045252761

    ที่มา : wikipedia
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง
    #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น
    #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ #thaitimes
    🦛🦛มูลค่าที่ประเมินไม่ได้ ของฮิปโปโปเตมัสแคระ ที่สถานะในปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ 🦛ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ (Pypmy hippopotamus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในวงศ์ของฮิปโปโปเตมัส ที่กินอาหารจำพวกพืชผักต่างๆ เช่น มันเทศ,ผลไม้, หญ้า และดินโปร่งตามธรรมชาติ โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แอฟริกาตะวันตก เช่น ไลบีเรีย, กินี, เซียร์ลาลีโอน, โกตดิวัวร์ เป็นต้น 🦛สถานะของฮิปโปแคระในปัจจุบันเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ เนื่องจากการคุกคามจากมนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า การนำเนื้อฮิปโปแคระมาบริโภคของคนท้องถิ่น 🦛ปัจจุบันฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ ที่อาศัยอยู่ตาธรรมชาติ ทั่วโลกมีเพียง 3,000 ตัว และเลี้ยงในสวนสัตว์ทั่วโลกรวมทั้งที่ไทย ประมาณ 350 ตัว 🦛ด้วยเหตุนี้ ฮิปโปโปเตมัสแคระ หรือ ฮิปโปแคระ จึง เป็นสัตว์คุ้มครองของหลายๆประเทศ 🦛ดังนั้น จึงขอชวนชวนให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่าน พาสมาชิกในครอบครัว ไปเยี่ยมชม ความน่ารัก ของฮิปโปแคระ ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ นั่นคือ หมูเด้ง, หมูด้วง และ คากิ ได้ตามที่อยู่นี้ 🦛"หมูเด้ง" สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่อยู่ : 235 หมู่7 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เวลาเปิดทำการ :08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :038318444 🦛"หมูด้วง" สวนสัตว์ขอนแก่น ที่อยู่ : 88 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เวลาเปิดทำการ :08.00-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :0864594192 🦛"คากิ" สวนสัตว์อุบลราชธานี ที่อยู่ : 112 หมู่17 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เวลาเปิดทำการ :08.30-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร :045252761 ที่มา : wikipedia #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ฮิปโปแคระ #หมูเด้ง #หมูด้วง #คากิ #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #สวนสัตว์ขอนแก่น #สวนสัตว์อุบลราชธานี #ขาหมูแอนเดอะแก๊งค์ #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1120 มุมมอง 0 รีวิว
  • 👍👍💛🇹🇭 น่ารักมาก #TikTok #THAILAND #Thaitimes
    👍👍💛🇹🇭 น่ารักมาก #TikTok #THAILAND #Thaitimes
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 247 0 รีวิว
  • #เป็นคำถามที่ดี
    อธิบายแบบนี้ มันมี 2 สเต็ป
    1. เริ่มต้น โดยที่จริงๆแล้ว น้องแน๊กชาลีสำหรับพี่คิงส์ก่อนหน้านี้ ก็เป็นน้องคนนึงที่เราเห็นในวงการบันเทิง มาปฏิสัมพันธ์กับกามิน เห็นผ่านๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ไม่ได้เป็นด้อม ที่มีความผูกพันเหมือนหลายๆคน แต่เหตุการณ์มันเริ่มต้นคือ วันที่แน๊กออกมาไลฟ์ตั้งแต่ค่ำยันเช้า พี่คิงส์มาเปิดตอนแปดโมงแล้ว ก็เลยสงสัยว่าใครทำให้น้องคนนี้ตกอยู่ในสภาพนี้ นั่นหละนิสัยที่ไม่ยอมให้ความสงสัยค้าคา ก็เลยเริ่มขุดข้อมูล และแล้วด้วยการมองเห็น ข บ ก ของโจ ในการให้ร้ายต่อแน๊ก สร้างเครือข่าย ทำให้คนไทยด้วยกัน เข้าใจแน็กผิด แต่พี่คิงส์มีข้อมูลที่มันสวนทาง และยิ่งขุด ยิ่งรู้จักคนไทย ที่ชื่อแน๊กชาลีมากขึ้น ทำให้เข้าใจสถานการณ์ ว่าน้อง ต้องอดทนแค่ไหน ในขณะที่ต้องย้อมกับแฟนคลับชาวไทย ถ้าไม่มีใครออกมาปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะทำ ถึงขนาดวางเรื่องการเมืองที่นำเสนอเรื่องเอ็กคลูซีฟ การวิเคราะห์ ที่แม่นยำ 99% จนแฟนเพจถามตลอดว่าเลขงวดนี้จะออกอะไร แฟนเพจดั้งเดิมช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ทุกคน เราจึงไม่ต้องการแสง เพราะเรามีแสงของตัวเราเองมานานมากแล้ว และไม่เคยให้ความสำคัญกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมาย ให้คนไทยได้รู้ว่าใครที่คิดร้ายกับคนในประเทศ ใครกำลังทำอะไรที่คนไทยเสียประโยชน์ นั่นคือความสำเร็จที่เราภูมิใจ
    2. เมื่อขุดไปเรื่อยๆ เพื่อตอบข้อสงสัยว่า ข บ ก นำโดยโจ มีใครเป็นเครือข่าย และเค้าทำเพื่ออะไร ก็ไปเจอกับสิ่งที่อึ้ง ที่มันเป็นเรื่องระดับ ฟอกข้ามชาติ บิ๊กแม็ต พีเค ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ในเวลานี้ ยุโปร ตะวันออกลาง และเอเชียหลายประเทศ กำลังตื่นตัว แต่ประเทศไทย แทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย เท่าที่ดู ก็จะมีแค่สื่อตำนาน อย่าง สนธิ ที่ได้ข้อมูลมาในชุดเดียวกัน แต่มีข้อมูลที่ลึกกว่าคิงส์โพธิ์แดงหลายสิบเท่า และมีความกล้าที่จะเปิดเผย
    ดังนั้น มาส่วนของคำถาม
    ว่า พี่คิงส์ไม่กลัวเหรอ
    ตอบ
    พี่คิงส์ อาจมีความไม่เหมือนกับคนทั่วไปอยู่ 1 ข้อ
    พี่คิงส์คิดว่า คนเราอายุขัยแค่ 70-80 ปี
    ยังไง วันหนึ่งก็ไม่มีเราอยู่บนโลกนี้แน่นอน
    ดังนั้น คุณค่าของชีวิต มันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับ
    เราอยู่นานแค่ไหน แต่การทำชีวิต 1 ชีวิตให้มีค่า
    มันขึ้นกับว่า เราอยู่เพื่อใครตะหาก
    ประเด็นการออกมาช่วยน้องชาลี พี่คิงส์ถูกให้ร้ายต่างๆนานา
    ว่าอยากได้ยอดไลค์บ้าง อยากดังบ้าง ซึ่งพวกนี้
    ไม่เคยรู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงมาก่อน
    ไม่เคยรู้ว่าเราสู้กับใครมาบ้าง
    ไม่เคยรู้ว่าคลิปที่เราสร้าง โพสที่เราเปิดข้อมูล
    มีคนดูกี่แสน และหลายคลิปก็ทะลุล้าน เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
    จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องหาอะไรมาอธิบาย
    มีแค่ข้อเดียวคือ ถ้าไม่ปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะปกป้องเรา
    และที่ลึกไปถึงกลุ่มทุนดาร์คที่ซัพพอตโจ และเครือข่าย
    ต้องสังเคราะห์ให้ลึกซึ้งก่อนว่า
    เงินดาร์ค ที่ว่าได้มายังไง
    1. การพานัน
    2. ค้ามานุษย์
    3. คอเซ็งเทอร์
    4. ยาเฉพติค
    นี่คือส่วนหลักๆของเงินดาร์ค ที่มันจะเอามาใช้ได้ ต้องผ่านกระบวนการฟอกเท่านั้น ไม่เช่นนั้น มีก็เหมือนไม่มี ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกประเทศต่างจับตาเรื่องนี้กันทั้งนั้น
    และข้อมูลที่พี่คิงส์ฯได้เปิดไปแล้วนั้น ว่าทั้งสหรัฐ ทั้งตุรกี ทั้งจีน ทั้งไต้หวัน ต่างตื่นตัวกันมาก กลุ่มเงินดาร์ค ใช้จังหวะที่ชาลีและคนไทยเข้าใจผิดไม่คิดว่าสิ่งที่กามินทำนั้น คือการแสดงที่มีเอเจนซี่กำกับอยู่ และมีชื่อเสียงก้องประเทศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วางแผนไกลถึงขนาดจะใช้ไทยเป็นฐานใหญ่ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา มีการนำเงินเข้าสู่ระบบ ตต. และฟอกไปแล้วจำนวนมหาศาล ผ่านการแต่งบช ว่าได้รับผลประโยชน์จากของขวัญในตน. สอดแทรกกับของขวัญจริงที่คนไทยส่งให้ด้วยความเอ็นดู
    คำถาม ถ้าพี่คิงส์ไม่เปิดเผยเรื่องนี้แบบตรงๆ
    ป่านนี้ พีเค บิ๊กแม็ต ก็กระหึ่มอยู่ เงินดาร์คก็ยังฟอกกันได้อย่างเฟื่องฟู
    และประเทศเราก็จะกลายเป็น ฐานใหญ่เงินดาร์คไปแล้วก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ มีเอเจนซี่ เริ่มเข้ามาเตรียมหาตัวแสดง และปั้น เพื่อเข้าสู่กระบวนการ ฟอกให้ขาว
    ดังนั้น ถ้าการที่เพจนี้ ได้ต่อสู้แล้วช่วยคนไทยได้ทั้งประเทศ
    อย่าถามว่ากลัวมั๊ย ต้องถามว่าคุ้มมั๊ย
    ถ้าคุณได้ใช้ชีวิตของคุณ ช่วยคนไทยได้กว่า 70 ล้านคน
    ซึ่งพี่คิงส์ มีคำตอบกับตัวเองแล้วว่า "คุ้มค่า"
    ขอตอบรอบนี้รอบเดียวนะครับ
    ถึงจะไม่ได้ทำทุกอย่างดีหมดถูกต้องหมดมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา
    แต่สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มั่นใจว่า "ถูกต้องที่สุด" แล้วจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เป็นคำถามที่ดี อธิบายแบบนี้ มันมี 2 สเต็ป 1. เริ่มต้น โดยที่จริงๆแล้ว น้องแน๊กชาลีสำหรับพี่คิงส์ก่อนหน้านี้ ก็เป็นน้องคนนึงที่เราเห็นในวงการบันเทิง มาปฏิสัมพันธ์กับกามิน เห็นผ่านๆ ก็ดูน่ารักดี แต่ไม่ได้เป็นด้อม ที่มีความผูกพันเหมือนหลายๆคน แต่เหตุการณ์มันเริ่มต้นคือ วันที่แน๊กออกมาไลฟ์ตั้งแต่ค่ำยันเช้า พี่คิงส์มาเปิดตอนแปดโมงแล้ว ก็เลยสงสัยว่าใครทำให้น้องคนนี้ตกอยู่ในสภาพนี้ นั่นหละนิสัยที่ไม่ยอมให้ความสงสัยค้าคา ก็เลยเริ่มขุดข้อมูล และแล้วด้วยการมองเห็น ข บ ก ของโจ ในการให้ร้ายต่อแน๊ก สร้างเครือข่าย ทำให้คนไทยด้วยกัน เข้าใจแน็กผิด แต่พี่คิงส์มีข้อมูลที่มันสวนทาง และยิ่งขุด ยิ่งรู้จักคนไทย ที่ชื่อแน๊กชาลีมากขึ้น ทำให้เข้าใจสถานการณ์ ว่าน้อง ต้องอดทนแค่ไหน ในขณะที่ต้องย้อมกับแฟนคลับชาวไทย ถ้าไม่มีใครออกมาปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะทำ ถึงขนาดวางเรื่องการเมืองที่นำเสนอเรื่องเอ็กคลูซีฟ การวิเคราะห์ ที่แม่นยำ 99% จนแฟนเพจถามตลอดว่าเลขงวดนี้จะออกอะไร แฟนเพจดั้งเดิมช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ทุกคน เราจึงไม่ต้องการแสง เพราะเรามีแสงของตัวเราเองมานานมากแล้ว และไม่เคยให้ความสำคัญกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมาย ให้คนไทยได้รู้ว่าใครที่คิดร้ายกับคนในประเทศ ใครกำลังทำอะไรที่คนไทยเสียประโยชน์ นั่นคือความสำเร็จที่เราภูมิใจ 2. เมื่อขุดไปเรื่อยๆ เพื่อตอบข้อสงสัยว่า ข บ ก นำโดยโจ มีใครเป็นเครือข่าย และเค้าทำเพื่ออะไร ก็ไปเจอกับสิ่งที่อึ้ง ที่มันเป็นเรื่องระดับ ฟอกข้ามชาติ บิ๊กแม็ต พีเค ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ในเวลานี้ ยุโปร ตะวันออกลาง และเอเชียหลายประเทศ กำลังตื่นตัว แต่ประเทศไทย แทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย เท่าที่ดู ก็จะมีแค่สื่อตำนาน อย่าง สนธิ ที่ได้ข้อมูลมาในชุดเดียวกัน แต่มีข้อมูลที่ลึกกว่าคิงส์โพธิ์แดงหลายสิบเท่า และมีความกล้าที่จะเปิดเผย ดังนั้น มาส่วนของคำถาม ว่า พี่คิงส์ไม่กลัวเหรอ ตอบ พี่คิงส์ อาจมีความไม่เหมือนกับคนทั่วไปอยู่ 1 ข้อ พี่คิงส์คิดว่า คนเราอายุขัยแค่ 70-80 ปี ยังไง วันหนึ่งก็ไม่มีเราอยู่บนโลกนี้แน่นอน ดังนั้น คุณค่าของชีวิต มันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับ เราอยู่นานแค่ไหน แต่การทำชีวิต 1 ชีวิตให้มีค่า มันขึ้นกับว่า เราอยู่เพื่อใครตะหาก ประเด็นการออกมาช่วยน้องชาลี พี่คิงส์ถูกให้ร้ายต่างๆนานา ว่าอยากได้ยอดไลค์บ้าง อยากดังบ้าง ซึ่งพวกนี้ ไม่เคยรู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงมาก่อน ไม่เคยรู้ว่าเราสู้กับใครมาบ้าง ไม่เคยรู้ว่าคลิปที่เราสร้าง โพสที่เราเปิดข้อมูล มีคนดูกี่แสน และหลายคลิปก็ทะลุล้าน เป็นเรื่องปกติไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องหาอะไรมาอธิบาย มีแค่ข้อเดียวคือ ถ้าไม่ปกป้องคนไทยด้วยกัน แล้วใครจะปกป้องเรา และที่ลึกไปถึงกลุ่มทุนดาร์คที่ซัพพอตโจ และเครือข่าย ต้องสังเคราะห์ให้ลึกซึ้งก่อนว่า เงินดาร์ค ที่ว่าได้มายังไง 1. การพานัน 2. ค้ามานุษย์ 3. คอเซ็งเทอร์ 4. ยาเฉพติค นี่คือส่วนหลักๆของเงินดาร์ค ที่มันจะเอามาใช้ได้ ต้องผ่านกระบวนการฟอกเท่านั้น ไม่เช่นนั้น มีก็เหมือนไม่มี ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกประเทศต่างจับตาเรื่องนี้กันทั้งนั้น และข้อมูลที่พี่คิงส์ฯได้เปิดไปแล้วนั้น ว่าทั้งสหรัฐ ทั้งตุรกี ทั้งจีน ทั้งไต้หวัน ต่างตื่นตัวกันมาก กลุ่มเงินดาร์ค ใช้จังหวะที่ชาลีและคนไทยเข้าใจผิดไม่คิดว่าสิ่งที่กามินทำนั้น คือการแสดงที่มีเอเจนซี่กำกับอยู่ และมีชื่อเสียงก้องประเทศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วางแผนไกลถึงขนาดจะใช้ไทยเป็นฐานใหญ่ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา มีการนำเงินเข้าสู่ระบบ ตต. และฟอกไปแล้วจำนวนมหาศาล ผ่านการแต่งบช ว่าได้รับผลประโยชน์จากของขวัญในตน. สอดแทรกกับของขวัญจริงที่คนไทยส่งให้ด้วยความเอ็นดู คำถาม ถ้าพี่คิงส์ไม่เปิดเผยเรื่องนี้แบบตรงๆ ป่านนี้ พีเค บิ๊กแม็ต ก็กระหึ่มอยู่ เงินดาร์คก็ยังฟอกกันได้อย่างเฟื่องฟู และประเทศเราก็จะกลายเป็น ฐานใหญ่เงินดาร์คไปแล้วก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ มีเอเจนซี่ เริ่มเข้ามาเตรียมหาตัวแสดง และปั้น เพื่อเข้าสู่กระบวนการ ฟอกให้ขาว ดังนั้น ถ้าการที่เพจนี้ ได้ต่อสู้แล้วช่วยคนไทยได้ทั้งประเทศ อย่าถามว่ากลัวมั๊ย ต้องถามว่าคุ้มมั๊ย ถ้าคุณได้ใช้ชีวิตของคุณ ช่วยคนไทยได้กว่า 70 ล้านคน ซึ่งพี่คิงส์ มีคำตอบกับตัวเองแล้วว่า "คุ้มค่า" ขอตอบรอบนี้รอบเดียวนะครับ ถึงจะไม่ได้ทำทุกอย่างดีหมดถูกต้องหมดมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มั่นใจว่า "ถูกต้องที่สุด" แล้วจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2033 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่ารัก☺️
    น่ารัก☺️
    Like
    Love
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♡มะลิ น่ารักมาก♡
    ☆กิจกรรม เดินป่า
    ไปเที่ยวน้ำตกไทรลอดบ่วง
    หมู่บ้านแม่แมะ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    ☆ระยะทาง ไป+กลับ 6.49 กม.
    》》ใช้เวลาเดิน 3 ช.ม.
    》》ค่าไกด์ 400 บาท
    □□□□□□□□□□□□□☆ชมวีดีโอฉบับเต็ม
    》》
    https://youtu.be/3_bGnhAzM6w?si=KDnnOEl2-cDFRQxH
    《《
    ■■■■■■■■■■■■■
    》》คนเดียวก็เที่ยวเชียงใหม่ได้
    》》 เป็นทริปที่เที่ยวภาคเหนือแบบยาวๆไม่ต้องรีบกลับ กิจกรรมที่ชอบคือไปเดินออกกำลังกาย
    การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว สนุกน่ะจะบอกให้♡
    ○○○○○○○○○○○○○○○○
    ☆ภูเมี่ยงคำโฮมสเตย์
    097-948-3448
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/FCzUiZonCe4BBpYd/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ☆บ้านต้นไม้ แม่แมะ
    081-958-5601
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/ctG4HXBQgRv4c2HR/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ○○○○○○○○○○○○○○○○
    ☆กิจกรรมแน่นๆ เที่ยวให้ครบ
    ☆ค่าเดินทางจบที่งบ =12,000 บาท
    》นอนรถไฟตู้นอน ไป 11 มีนาคม กลับ 20 มีนาคม = 838×2=1,676 บาท
    》พักที่ Rustic River Boutique 5 คืน= 600×5=3,000
    1.เดินเส้นทางป่าดอยสุเทพ(วัดผาลาด)= ฟรี
    2.กิ่วแม่ปาน = 250×2=500 + 200=700+60+50=810 บาท
    3.ผาดอกเสี้ยว= 200×2=400+220=620 บาท
    4.แม่กำปอง = 200×2=400
    5.น้ำพุร้อนสันกำแพง (รวมกับแม่กำปอง) ค่าเข้า 40+65+20= 125
    6.โฮมสเตย์ แม่แมะ ภู่เมี่ยงคำ 700+300=1,000 บาท
    7.ค่ารถตู้เชียงใหม่-ฝาง 190×2= 380
    8.บ้านต้นไม้ แม่แมะ = 850×2= 1,700 + 400 + 400 = 2,500 บาท
    ☆รวมโดยประมาณ 10,511 บาท
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●

    #คนเดียวก็เที่ยวเชียงใหม่ได้ #มะนาวก้าวเดิน #เที่ยวเชียงใหม่10วัน10คืน #ทริปเชียงใหม่ #คนเดียวก็เที่ยวได้ #เดินป่าบ้านแม่แมะ #บ้านต้นไม้แม่แมะ #ภูเมี่ยงคำ #แม่แมะ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ♡มะลิ น่ารักมาก♡ ☆กิจกรรม เดินป่า ไปเที่ยวน้ำตกไทรลอดบ่วง หมู่บ้านแม่แมะ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ☆ระยะทาง ไป+กลับ 6.49 กม. 》》ใช้เวลาเดิน 3 ช.ม. 》》ค่าไกด์ 400 บาท □□□□□□□□□□□□□☆ชมวีดีโอฉบับเต็ม 》》 https://youtu.be/3_bGnhAzM6w?si=KDnnOEl2-cDFRQxH 《《 ■■■■■■■■■■■■■ 》》คนเดียวก็เที่ยวเชียงใหม่ได้ 》》 เป็นทริปที่เที่ยวภาคเหนือแบบยาวๆไม่ต้องรีบกลับ กิจกรรมที่ชอบคือไปเดินออกกำลังกาย การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว สนุกน่ะจะบอกให้♡ ○○○○○○○○○○○○○○○○ ☆ภูเมี่ยงคำโฮมสเตย์ 097-948-3448 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/FCzUiZonCe4BBpYd/?mibextid=qi2Omg 《《 ☆บ้านต้นไม้ แม่แมะ 081-958-5601 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/ctG4HXBQgRv4c2HR/?mibextid=qi2Omg 《《 ○○○○○○○○○○○○○○○○ ☆กิจกรรมแน่นๆ เที่ยวให้ครบ ☆ค่าเดินทางจบที่งบ =12,000 บาท 》นอนรถไฟตู้นอน ไป 11 มีนาคม กลับ 20 มีนาคม = 838×2=1,676 บาท 》พักที่ Rustic River Boutique 5 คืน= 600×5=3,000 1.เดินเส้นทางป่าดอยสุเทพ(วัดผาลาด)= ฟรี 2.กิ่วแม่ปาน = 250×2=500 + 200=700+60+50=810 บาท 3.ผาดอกเสี้ยว= 200×2=400+220=620 บาท 4.แม่กำปอง = 200×2=400 5.น้ำพุร้อนสันกำแพง (รวมกับแม่กำปอง) ค่าเข้า 40+65+20= 125 6.โฮมสเตย์ แม่แมะ ภู่เมี่ยงคำ 700+300=1,000 บาท 7.ค่ารถตู้เชียงใหม่-ฝาง 190×2= 380 8.บ้านต้นไม้ แม่แมะ = 850×2= 1,700 + 400 + 400 = 2,500 บาท ☆รวมโดยประมาณ 10,511 บาท ●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●● #คนเดียวก็เที่ยวเชียงใหม่ได้ #มะนาวก้าวเดิน #เที่ยวเชียงใหม่10วัน10คืน #ทริปเชียงใหม่ #คนเดียวก็เที่ยวได้ #เดินป่าบ้านแม่แมะ #บ้านต้นไม้แม่แมะ #ภูเมี่ยงคำ #แม่แมะ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1059 มุมมอง 287 0 รีวิว
  • บางคนดูใจดี แต่ไม่เคยเสียสละ
    บางคนดูใจร้าย แต่มีอะไรพึ่งได้เสมอ🌺
    บางคนดูเก่ง แต่ไม่เคยเริ่มต้นอะไรใหม่📍
    บางคนดูไม่เก่ง แต่ลงมือแล้วสำเร็จทุกเรื่อง👍🏽

    บางคนดูน่ารัก แต่ได้ตลอดไม่เคยเสีย🤷🏻‍♀️
    บางคนดูไม่น่ารัก แต่ให้ตลอดไม่เคยได้😭

    บางคนดูน่าไว้ใจ แต่ไม่มีใจ
    บางคนดูไม่น่าไว้ใจ แต่ช่วยเหลือเต็มที่😁

    บางคนดูเป็นผู้ใหญ่ แต่อารมณ์เสียง่าย แถมไม่มีน้ำใจ🤷🏻‍♀️
    บางคนดูเป็นเด็ก แต่คุมกิริยาได้ดี
    บางคนดูเป็นมิตร แต่คิดเฉือนใจ
    บางคนดูเป็นภัย แต่ได้ใจทุกที❤️

    จงจำไว้...ว่าทุกสิ่งไม่ใช่แบบที่ตาเห็น🙅‍♀️
    จงให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์!❤️

    #รักนะคนเก่ง❤️
    #ชีวิตคิดบวก❤️
    ขอบคุณเจ้าของบทความ🙏

    Cr. หัวใจเสือ🙏
    บางคนดูใจดี แต่ไม่เคยเสียสละ บางคนดูใจร้าย แต่มีอะไรพึ่งได้เสมอ🌺 บางคนดูเก่ง แต่ไม่เคยเริ่มต้นอะไรใหม่📍 บางคนดูไม่เก่ง แต่ลงมือแล้วสำเร็จทุกเรื่อง👍🏽 บางคนดูน่ารัก แต่ได้ตลอดไม่เคยเสีย🤷🏻‍♀️ บางคนดูไม่น่ารัก แต่ให้ตลอดไม่เคยได้😭 บางคนดูน่าไว้ใจ แต่ไม่มีใจ บางคนดูไม่น่าไว้ใจ แต่ช่วยเหลือเต็มที่😁 บางคนดูเป็นผู้ใหญ่ แต่อารมณ์เสียง่าย แถมไม่มีน้ำใจ🤷🏻‍♀️ บางคนดูเป็นเด็ก แต่คุมกิริยาได้ดี บางคนดูเป็นมิตร แต่คิดเฉือนใจ บางคนดูเป็นภัย แต่ได้ใจทุกที❤️ จงจำไว้...ว่าทุกสิ่งไม่ใช่แบบที่ตาเห็น🙅‍♀️ จงให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์!❤️ #รักนะคนเก่ง❤️ #ชีวิตคิดบวก❤️ ขอบคุณเจ้าของบทความ🙏 Cr. หัวใจเสือ🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • แมวปลาส้มเวลาง่วง จะบ่นเยอะ พูดแยะ ขอให้แม่เปิดแอร์ให้นอน
    》》หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของแมวปลาส้ม《《

    #แมวปลาส้ม #แมว #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #thaitimes #thaitimesทาสแมว
    #หนึ่งวันพันเหตุการณ์ของแมวปลาส้ม
    แมวปลาส้มเวลาง่วง จะบ่นเยอะ พูดแยะ ขอให้แม่เปิดแอร์ให้นอน 》》หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของแมวปลาส้ม《《 #แมวปลาส้ม #แมว #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #thaitimes #thaitimesทาสแมว #หนึ่งวันพันเหตุการณ์ของแมวปลาส้ม
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1498 มุมมอง 707 0 รีวิว
  • ☆หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของแมวปลาส้ม
    》》แมวปลาส้มเป็นแมวจร พ่อแม่ดูแล และพาไปทำหมัน เป็นลูกของนุดมา 3-4 ปี ปลาส้มยังไม่ค่อยแสดงความรักกับพ่อแม่ ไม่มาอ้อนถ้าไม่หิว แต่ก็กอดได้ หอมได้ แบบเล่นตัวนิด ไม่ข่วน ไม่กัด จะน่ารักเวลาขอกิน

    #แมวปลาส้ม #แมว #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #thaitimes #thaitimesทาสแมว #เรื่องเล่าสัตว์เลี้ยง #มะนาวก้าวเดิน
    ☆หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของแมวปลาส้ม 》》แมวปลาส้มเป็นแมวจร พ่อแม่ดูแล และพาไปทำหมัน เป็นลูกของนุดมา 3-4 ปี ปลาส้มยังไม่ค่อยแสดงความรักกับพ่อแม่ ไม่มาอ้อนถ้าไม่หิว แต่ก็กอดได้ หอมได้ แบบเล่นตัวนิด ไม่ข่วน ไม่กัด จะน่ารักเวลาขอกิน #แมวปลาส้ม #แมว #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #thaitimes #thaitimesทาสแมว #เรื่องเล่าสัตว์เลี้ยง #มะนาวก้าวเดิน
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1386 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของแมวปลาส้ม
    》》แมวปลาส้มเป็นแมวจร พ่อแม่ดูแล และพาไปทำหมัน เป็นลูกของนุดมา 3-4 ปี ปลาส้มยังไม่ค่อยแสดงความรักกับพ่อแม่ ไม่มาอ้อนถ้าไม่หิว แต่ก็กอดได้ หอมได้ แบบเล่นตัวนิด ไม่ข่วน ไม่กัด จะน่ารักเวลาขอกิน

    #แมวปลาส้ม #แมว #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #thaitimes #thaitimesทาสแมว
    ☆หนึ่งวันพันเหตุการณ์ ของแมวปลาส้ม 》》แมวปลาส้มเป็นแมวจร พ่อแม่ดูแล และพาไปทำหมัน เป็นลูกของนุดมา 3-4 ปี ปลาส้มยังไม่ค่อยแสดงความรักกับพ่อแม่ ไม่มาอ้อนถ้าไม่หิว แต่ก็กอดได้ หอมได้ แบบเล่นตัวนิด ไม่ข่วน ไม่กัด จะน่ารักเวลาขอกิน #แมวปลาส้ม #แมว #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #thaitimes #thaitimesทาสแมว
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1494 มุมมอง 595 0 รีวิว
  • "โฮล​บน​เครือ​ซิ่นไกว​"
    ช่าง​ทอ​ใช้​ไหม​บ้าน​ทั้ง​เส้น​พุ่ง​และ​เส้น​ยืน​ โดย​ทำ​ออกมา​ ๒​ เฉดสี​ คือ​ เขียว​เหลือบ​ชมพู​ และ​ชมพู​เหลือบ​แดง​ เรา​เลือก​เขียว​เหนี่ยว​ทรัพย์​เหลือบ​ชมพู​หวาน​ๆ​
    ส่วน​ผืน​สี​ชมพู​เหลือบ​แดง​นั้น​ ได้​เลือก​ให้​กับ​น้อง​เภสัช​จุฬา​ที่​น่ารัก​ พอ​เธอ​เห็น​ผ้า​ถึง​กับ​กรีด​ บอกว่า​ ละออ​คลัง​ จะ​เอา​ไป​ให้​คุณ​หมอ​อีก​ท่าน​หนึ่ง​ เรา​ก็​ร้อง​เสียง​หลง​เหมือนกัน​ว่า​ อย่า​ๆ​... ให้​เก็บ​ไว้​ นาน​ๆ​ เจอ​ที​
    "โฮล​บน​เครือ​ซิ่นไกว​" ช่าง​ทอ​ใช้​ไหม​บ้าน​ทั้ง​เส้น​พุ่ง​และ​เส้น​ยืน​ โดย​ทำ​ออกมา​ ๒​ เฉดสี​ คือ​ เขียว​เหลือบ​ชมพู​ และ​ชมพู​เหลือบ​แดง​ เรา​เลือก​เขียว​เหนี่ยว​ทรัพย์​เหลือบ​ชมพู​หวาน​ๆ​ ส่วน​ผืน​สี​ชมพู​เหลือบ​แดง​นั้น​ ได้​เลือก​ให้​กับ​น้อง​เภสัช​จุฬา​ที่​น่ารัก​ พอ​เธอ​เห็น​ผ้า​ถึง​กับ​กรีด​ บอกว่า​ ละออ​คลัง​ จะ​เอา​ไป​ให้​คุณ​หมอ​อีก​ท่าน​หนึ่ง​ เรา​ก็​ร้อง​เสียง​หลง​เหมือนกัน​ว่า​ อย่า​ๆ​... ให้​เก็บ​ไว้​ นาน​ๆ​ เจอ​ที​
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผาฮี้ เชียงราย#2 ทีมลูกทัวร์น่ารัก
    ผาฮี้ เชียงราย#2 ทีมลูกทัวร์น่ารัก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ

    อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด

    ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ

    "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้"

    เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว

    📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า
    หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง)

    แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า

    หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้

    โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น

    สรุปเนื้อเรื่องคือ

    ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน

    หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ

    สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง

    ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป

    ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน

    ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย

    สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่

    #หนังสือ
    #นิยายแปล
    #ร้านหนังสือ
    #คนรักการอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ อ่านจบแล้วต้องรีบระบายความในใจที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ทันที ไม่อย่างนั้นคงจะอึดอัด ขอใช้ประโยคนี้ที่พิจารณาแล้วเห็นว่าซื่อตรงต่อตนเองมากที่สุดครับ "ผมหลงรักเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้" เดิมก็คาดการณ์ไว้ตอนตัดสินใจเลือกยืมมาจากห้องสมุด เล่มนี้ต้องดีแน่ คงจะมอบความอิ่มเอมให้เราพอสมควร เชื่ออย่างนั้นเพียงแค่ได้เห็นหน้าปก และชื่อที่ดึงความสนใจได้ชงัดนัก ประกอบกับบางส่วนที่เกริ่นไว้ด้านหลังปก เท่านี้ก็เหมือนเห็นแสงที่อบอุ่นขาวนวล สว่างออกมารอบ ๆ หนังสือ อาจจะเป็นคำบอกเล่าที่ดูเกินจริงไปหน่อย แต่รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะส่วนตัวค่อนข้างจะเปราะบางกับอะไรก็ตามที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือและเจ้าของที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว 📚 The Storied Life of A.j.Fikry หรือชื่อไทยว่า หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ (ชอบชื่อไทยมาก ตั้งได้ดีจริง) แพรวสำนักพิมพ์ ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ในขณะที่ต้นฉบับขายตั้งแต่ปี 2014 หนาเพียง 216 หน้า หลายคนคงเคยอ่านแล้ว แต่น่าจะมีอีกหลายคนที่มีอยู่ในมือแต่ยังไม่ได้อ่าน หวังว่าหลังจากอ่านสิ่งที่ผมเล่าจบแล้ว จะเกิดแรงขับมากพอทำให้คุณรู้สึกอยากหยิบขึ้นมาอ่านได้ โครงเรื่องจริง ๆ ก็ดังที่ชื่อไทยได้บอกไว้ ชัดเจนและสรุปเนื้อหาทั้งหมดในเล่มออกมาในประโยคเดียวได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื้อหาย่อยที่อยู่ในเล่มนี้สิ ที่แต่ละอย่างล้วนโดนใจทั้งนั้น สรุปเนื้อเรื่องคือ ชายวัยใกล้สี่สิบคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนเกาะอลิซ เป็นคนที่มีบุคลิกปิด ไม่ชอบสุงสิงใคร เพิ่งสูญเสียเมียอันเป็นที่รักไปไม่นานจากอุบัติเหตุ จึงจ่อมจมอยู่กับความเศร้าเฝ้าร้านที่ยอดขายก็ย่ำแย่ วันหนึ่งมีตัวแทนสาวสวยคนใหม่จาก สนพ.แห่งหนึ่ง เดินทางไกลมาเพื่อจะนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่จะออกในช่วงฤดูหนาว และแนะนำเล่มที่น่าสนใจที่น่าจะสั่งมาวางขายในร้าน ให้กับเขาแทนคนเก่าที่เสียชีวิตไป ทว่าเขากลับพูดจาด้วยอย่างหยาบคาย กลายเป็นความทรงจำเลวร้ายต่อเธอที่เพิ่งเริ่มต้นงาน หลังจากวันนั้นไม่นาน คืนหนึ่งเขาดื่มหนักมากและฟุบหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที ต้องตกใจเพราะของมีค่ามหาศาลชิ้นหนึ่งหายไปจากร้านของเขา จึงไปแจ้งความกับตำรวจหนุ่มใหญ่คนหนึ่งให้ช่วยตามหา เพราะเขากะว่าอีกไม่นานจะขายสมบัติชิ้นนั้นเพื่อนำเงินก้อนมาใช้ หลังจากปิดร้านหนังสือ แต่ตำรวจหาไม่พบ ขณะที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายอย่างถึงที่สุด ปรากฏว่ามีสถานการณ์ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อบังเกิดขึ้นกับเขาตามมาติด ๆ และการตัดสินใจต่อกรณีนี้ ได้นำพาให้ชีวิตของเขารวมถึงร้านหนังสือที่รักประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหญิง ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ ล้วนแต่มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ผู้เขียนช่างสร้างบุคลิก อุปนิสัย และปูมหลังของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งตกหลุมรัก คอยลุ้นเอาใจช่วยไปกับตัวละครแต่ละตัวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปให้ได้ ยามถึงฉากที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของตัวละครเด่น ก็พลอยตื่นเต้นและอยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างสมหวัง บางฉากก็ได้ยิ้งแก้มปริ บางฉากก็ขำ บางฉากก็ซึมเซา เศร้าและเสียดาย สุดท้ายฉากชีวิตของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านหนังสือจะลงเอยอย่างไร ลองไปตามอ่านกันให้ได้นะ สำนวนการเขียนของนักเขียนช่างกระชับ จับใจ ในหน้ากระดาษจำกัดเพียง 216 หน้านี้ แทบจะบอกได้ว่าไม่มีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ไหน ตัวละครใดที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเสียของ ไร้ความหมาย เพียงเป็นตัวประกอบไร้ค่าที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะแม้จะเพียงแค่ปรากฏมาไม่กี่หน้า แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะซึ่งสำคัญต่อการเดินเรื่อง อ่านไปช่วงแรกอาจยังไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ยิ่งจำนวนหน้าฝั่งซ้ายเริ่มมากขึ้นจนแซงฝั่งขวา ก็เห็นถึงการวางแผนมาแล้วอย่างดีและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก สิ่งที่ถูกเริ่มไว้ในตอนต้น ในหลายประเด็น และคาใจให้คนอ่านเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ หากไม่รู้หรือไม่ยอมเฉลยในตอนจบคงต้องนอนไม่หลับแน่ ก็ปรากฏว่านักเขียนได้เปิดจนหมดเปลือก ทว่าใช้วิธีเผยความจริงได้อย่างชาญฉลาด และน่าทึ่ง ช่วงต้นอาจจะยังจับทางไม่ถูกก็จะไม่คุ้นชินกับการตัดฉาก ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทันใดอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ย่อหน้าใหม่และอักษรเริ่มต้นประโยคของย่อหน้านั้นที่เป็นสีซีดจางต่างจากบรรทัดถัดไป และดำเนินในลักษณะนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการแบ่งเป็นบท หรือใส่เลขเพื่อบ่งบอกเมื่อขึ้นฉากหรือสถานการณ์ใหม่ ปล่อยให้คนอ่านได้ใช้สมองอย่างเต็มที่ ว่าอ๋อ..นี่จบเรื่องเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงตอนใหม่อย่างปุบปับ อาศัยเพียงคำบรรยายไม่ถึงครึ่งหน้าเพื่อนำให้คิดตาม พอรู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครหลักในเรื่องต่อไป ใช่ นี่คือหนังสือที่เดินหน้าด้วยการเน้นที่บทสนทนาของตัวละครหลักเพียงไม่กี่ตัว โดยมีการบรรยายความเพียงแค่เป็นส่วนประกอบฉาก ไม่มากแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะการคั่นจังหวะของแต่ละช่วงตอนของการเล่าเรื่อง ด้วยบันทึกของพ่อที่เขียนให้กับลูกสาว เกี่ยวกับหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่ตนเห็นว่ามีความน่าสนใจ และดีพอที่จะแนะนำต่อให้ลูกไปตามอ่านนั้น เป็นอะไรที่แสนจะน่ารักและน่าประทับใจในคราวเดียว มันทำให้เราได้ประเมินตัวเองเหมือนกัน ว่าฉันคือนักอ่านที่แท้จริงแล้วหรือไม่ โดยดูจากชื่อหนังสือที่พ่อแนะนำให้ลูกอ่านนี้แหละ มีสักกี่เรื่องที่เคยผ่านตาผ่านมือเราแล้วบ้าง และอีกกี่เรื่องที่แค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน กี่เรื่องกันที่แม้แต่ชื่อเรื่องยังไม่เคยได้ยิน ตลอดทั้งเล่มนี้ นอกจากจะมีหน้าคั่นที่เป็นบันทึกของพ่อแนะนำหนังสือให้ลูกดังได้กล่าวไป ยังมีกล่าวถึงหนังสือหลากหลายประเภท หลายเรื่อง ผ่านบทสนทนากับตัวละครอื่นอยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าอ่านเล่มนี้เพียงเล่มเดียว เราจะได้เปิดโลกเหมือนเข้าไปในร้านหนังสือแห่งหนึ่งจริง ๆ นักอ่านบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องลักษณะนี้ ยิ่งไม่เคยรู้จักหรือได้ยินหนังสือที่ถูกเอ่ยถึงเลยในเล่ม คงยิ่งจะอ่านแล้วเหมือนขาดความเชื่อมโยง หรือเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครในเรื่องได้น้อย แต่เชื่อเถิด ต่อให้คุณไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน เรื่องใดเลยที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าได้อ่านไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม สุดท้ายคุณจะพบว่า นี่คือหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง และไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น แต่ระหว่างทางหนังสือยังได้สร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับเราไม่มากก็น้อย สำหรับผมนั้น แน่นอนว่าอ่านด้วยความรู้สึกยินดีมีสุขในทุกหน้า ไม่ว่าเรื่องราวในนั้นจะมีครบ ทั้งสนุกสนาน ได้อมยิ้ม ได้หัวเราะ หรืออาจเศร้าซึมเซาบ้างในบางช่วง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะนี่แหละคือชีวิต เราจะหวังให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีไปตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ ..จริงหรือไม่ #หนังสือ #นิยายแปล #ร้านหนังสือ #คนรักการอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1801 มุมมอง 0 รีวิว

  • SHAW SHERRY DUCK [ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก]
    Single : น้ำกระเจี๊ยบ
    https://youtu.be/OFUq9ph0Wc0?si=8I3wv6L1KwHVMEAp
    Lyric&Composed : หรั่ง รณภัทร & Shaw Sherry Duck
    Arrange : ยา โซโลแมน / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    Mixdown : ต้องมนต์ / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    Master : ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    Producer : ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    ถ่ายทำ/กล้อง/ตัดต่อ - เฮียชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก
    นักแสดง : น้องดรีม ธนพร,น้องปันปัน
    Music Video : เฮียชอว์
    สำนักเพลง ดงเพลง (Dongpleng Record)
    #newsingle #shawsherryduck #newsongs
    #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต#Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #ดรีมธนพร#เพลงฮิตสาวน่ารัก
    SHAW SHERRY DUCK [ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก] Single : น้ำกระเจี๊ยบ https://youtu.be/OFUq9ph0Wc0?si=8I3wv6L1KwHVMEAp Lyric&Composed : หรั่ง รณภัทร & Shaw Sherry Duck Arrange : ยา โซโลแมน / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก Mixdown : ต้องมนต์ / ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก Master : ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก Producer : ชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก ถ่ายทำ/กล้อง/ตัดต่อ - เฮียชอว์ เชอร์รี่ดั๊ก นักแสดง : น้องดรีม ธนพร,น้องปันปัน Music Video : เฮียชอว์ สำนักเพลง ดงเพลง (Dongpleng Record) #newsingle #shawsherryduck #newsongs #Sherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต​ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #ดรีมธนพร​ #เพลงฮิตสาวน่ารัก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts