• เล่าเรื่องTikTok@wanggao7 #วังเก่า #รัชกาลที่10 #ทรงพระเจริญ #ว่างว่างก็แวะมา
    เล่าเรื่องTikTok@wanggao7 #วังเก่า #รัชกาลที่10 #ทรงพระเจริญ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • เล่าเรื่อง TikTok@wanggao7 #วังเก่า #ทรงพระเจริญ
    เล่าเรื่อง TikTok@wanggao7 #วังเก่า #ทรงพระเจริญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • TikTok@wang.gao7 #วังเก่า #ทรงพระเจริญ #ว่างว่างก็แวะมา
    TikTok@wang.gao7 #วังเก่า #ทรงพระเจริญ #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • TikTokอรุณรุ่งที่ประเทศไทย #ทรงพระเจริญ
    TikTokอรุณรุ่งที่ประเทศไทย #ทรงพระเจริญ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • 10/1/68

    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    08มกราคม2568ข่าวประชาสัมพันธ์

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงได้รับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์

    2025 0108 HG

    การพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์_NN_1
    ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ นายธาร์มัน ชานมูการัตนัม (ขวา) ทรงพระราชทานปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ซ้าย) แห่งราชอาณาจักรไทย

    วันนี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ทรงพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาวิชาอักษรศาสตร์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการอันยอดเยี่ยมของพระองค์ในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ ซึ่งส่งผลดีต่อชีวิตของผู้คนจำนวนมากและนำมาซึ่งประโยชน์อย่างสำคัญต่อประเทศไทยและชุมชนโลก

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังความคิดริเริ่มต่างๆ มากมายในการนำพาประชาชนของสิงคโปร์และประเทศไทย โดยเฉพาะเยาวชนของเราให้มารวมกัน
    ปริญญากิตติมศักดิ์ถือเป็นเกียรติคุณสูงสุดของมหาวิทยาลัยสำหรับบุคคลที่โดดเด่นซึ่งอุทิศตนเพื่อสังคมและสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก พิธีมอบปริญญากิตติมศักดิ์จัดขึ้นที่ Istana ในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยมีนาย Tharman Shanmugaratnam ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัย NUS เป็นประธาน

    08January2025Press Releases

    Princess Maha Chakri Sirindhorn of Thailand awarded NUS Honorary Degree

    2025 0108 HG

    Conferment_NN_1
    President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor Mr Tharman Shanmugaratnam (right) conferring the Honorary Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn (left) of the Kingdom of Thailand.

    The National University of Singapore (NUS) today conferred the Honorary Degree of Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn of the Kingdom of Thailand, in recognition of her remarkable contributions within Thailand and internationally, which have positively impacted the lives of many and brought significant benefits to Thailand and the global community.

    Princess Sirindhorn was the driving force behind several initiatives to bring the people of Singapore and Thailand, in particular our youths, together.

    The Honorary Degree is the University’s highest form of recognition for outstanding individuals who have rendered distinguished service and made significant impact, both locally and globally. A conferment ceremony, presided over by Mr Tharman Shanmugaratnam, President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor, was held at the Istana this afternoon.
    10/1/68 ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน 08มกราคม2568ข่าวประชาสัมพันธ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงได้รับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ 2025 0108 HG การพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์_NN_1 ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ นายธาร์มัน ชานมูการัตนัม (ขวา) ทรงพระราชทานปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ซ้าย) แห่งราชอาณาจักรไทย วันนี้ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ทรงพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาวิชาอักษรศาสตร์ แก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการอันยอดเยี่ยมของพระองค์ในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ ซึ่งส่งผลดีต่อชีวิตของผู้คนจำนวนมากและนำมาซึ่งประโยชน์อย่างสำคัญต่อประเทศไทยและชุมชนโลก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังความคิดริเริ่มต่างๆ มากมายในการนำพาประชาชนของสิงคโปร์และประเทศไทย โดยเฉพาะเยาวชนของเราให้มารวมกัน ปริญญากิตติมศักดิ์ถือเป็นเกียรติคุณสูงสุดของมหาวิทยาลัยสำหรับบุคคลที่โดดเด่นซึ่งอุทิศตนเพื่อสังคมและสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก พิธีมอบปริญญากิตติมศักดิ์จัดขึ้นที่ Istana ในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยมีนาย Tharman Shanmugaratnam ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัย NUS เป็นประธาน 08January2025Press Releases Princess Maha Chakri Sirindhorn of Thailand awarded NUS Honorary Degree 2025 0108 HG Conferment_NN_1 President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor Mr Tharman Shanmugaratnam (right) conferring the Honorary Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn (left) of the Kingdom of Thailand. The National University of Singapore (NUS) today conferred the Honorary Degree of Doctor of Letters on Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn of the Kingdom of Thailand, in recognition of her remarkable contributions within Thailand and internationally, which have positively impacted the lives of many and brought significant benefits to Thailand and the global community. Princess Sirindhorn was the driving force behind several initiatives to bring the people of Singapore and Thailand, in particular our youths, together. The Honorary Degree is the University’s highest form of recognition for outstanding individuals who have rendered distinguished service and made significant impact, both locally and globally. A conferment ceremony, presided over by Mr Tharman Shanmugaratnam, President of the Republic of Singapore and NUS Chancellor, was held at the Istana this afternoon.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๘

    "ความเป็นผู้รู้จักเวลา เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถดูแลรับผิดชอบตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต.

    เด็กทุกคนจึงควรได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้รู้จักเวลา รู้ว่าเวลาใดควรปฏิบัติสิ่งใด แล้วปฏิบัติให้ตรงเวลา ทันเวลา เหมาะแก่เวลาเสมอ."

    พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

    วันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    #ทรงพระเจริญ #วันเด็กแห่งชาติ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๘ "ความเป็นผู้รู้จักเวลา เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถดูแลรับผิดชอบตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต. เด็กทุกคนจึงควรได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้รู้จักเวลา รู้ว่าเวลาใดควรปฏิบัติสิ่งใด แล้วปฏิบัติให้ตรงเวลา ทันเวลา เหมาะแก่เวลาเสมอ." พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ #ทรงพระเจริญ #วันเด็กแห่งชาติ
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๘

    "ความเป็นผู้รู้จักเวลา เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถดูแลรับผิดชอบตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต.

    เด็กทุกคนจึงควรได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้รู้จักเวลา รู้ว่าเวลาใดควรปฏิบัติสิ่งใด แล้วปฏิบัติให้ตรงเวลา ทันเวลา เหมาะแก่เวลาเสมอ."

    พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

    วันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    #ทรงพระเจริญ #วันเด็กแห่งชาติ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๘ "ความเป็นผู้รู้จักเวลา เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถดูแลรับผิดชอบตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต. เด็กทุกคนจึงควรได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้รู้จักเวลา รู้ว่าเวลาใดควรปฏิบัติสิ่งใด แล้วปฏิบัติให้ตรงเวลา ทันเวลา เหมาะแก่เวลาเสมอ." พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ #ทรงพระเจริญ #วันเด็กแห่งชาติ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๘

    "ความเป็นผู้รู้จักเวลา เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถดูแลรับผิดชอบตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต.

    เด็กทุกคนจึงควรได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้รู้จักเวลา รู้ว่าเวลาใดควรปฏิบัติสิ่งใด แล้วปฏิบัติให้ตรงเวลา ทันเวลา เหมาะแก่เวลาเสมอ."

    พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

    วันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    #ทรงพระเจริญ #วันเด็กแห่งชาติ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๘ "ความเป็นผู้รู้จักเวลา เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถดูแลรับผิดชอบตนเองได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต. เด็กทุกคนจึงควรได้รับการปลูกฝังให้เป็นผู้รู้จักเวลา รู้ว่าเวลาใดควรปฏิบัติสิ่งใด แล้วปฏิบัติให้ตรงเวลา ทันเวลา เหมาะแก่เวลาเสมอ." พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันที่ ๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ #ทรงพระเจริญ #วันเด็กแห่งชาติ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ
    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

    ทรงพระเจริญ 🙏🏼✨

    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร 🇹🇭
    ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระเจริญ 🙏🏼✨ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร 🇹🇭
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ
    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

    ทรงพระเจริญ 🙏🏼✨

    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร 🇹🇭
    ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระเจริญ 🙏🏼✨ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร 🇹🇭
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ
    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

    ทรงพระเจริญ 🙏🏼✨

    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร 🇹🇭
    ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระเจริญ 🙏🏼✨ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร 🇹🇭
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/1/68

    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
    ทรงให้พรปีใหม่ 2568
    1/1/68 ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้พรปีใหม่ 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
    พระราชทาน ส.ค.ส. ๒๕๖๘ แก่ปวงชนชาวไทย 🙏🏼✨
    #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #สคสพระราชทาน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทาน ส.ค.ส. ๒๕๖๘ แก่ปวงชนชาวไทย 🙏🏼✨ #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #สคสพระราชทาน
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
    พระราชทาน ส.ค.ส. ๒๕๖๘ แก่ปวงชนชาวไทย 🙏🏼✨
    #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #สคสพระราชทาน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทาน ส.ค.ส. ๒๕๖๘ แก่ปวงชนชาวไทย 🙏🏼✨ #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #สคสพระราชทาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
    พระราชทาน ส.ค.ส. ๒๕๖๘ แก่ปวงชนชาวไทย 🙏🏼✨
    #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #สคสพระราชทาน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทาน ส.ค.ส. ๒๕๖๘ แก่ปวงชนชาวไทย 🙏🏼✨ #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #สคสพระราชทาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9/12/67

    ทรงพระเจริญ

    @เรื่องที่น้อยคนอาจไม่ทันสังเกต ความกตัญญูของพระราชินีสุทิดาที่ทรงมีต่อ
    พ่อหลวง “รัชกาลที่ 9” สู่สายตาชาวโลก 🙏💜
    .
    ถ้าหลายท่านสังเกตเมื่อครั้งที่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีสุทิดาทรงร่วมกิจกรรมวิ่ง "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2024"

    โดยทรงเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งกับคิปโชเก "นักวิ่งมาราธอนโอลิมปิก ผู้เป็นตำนานระดับโลก" ในการวิ่งรอบพระนคร ตามสถานที่สำคัญต่างๆอันสวยงามมากมายตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวได้จัดงานขึ้น

    ซึ่งถ้าเป็นเราๆ ก็คงวิ่งไปตามทางเพื่อให้เข้าเส้นชัยเพื่อให้จบๆไป เพื่อเป็นการออกกำลังกายวิ่งมาราธอนตามแบบทั่วๆไป

    แต่ด้วยเดชะบุญที่ประเทศไทยเรามี พระราชินีสุทิดาที่ทรงมีพระปฎิภาณไหวพริบ ระหว่างทางที่วิ่งพระราชินีท่านได้ทรงคิดนอกกรอบ ด้วยการแทนที่จะวิ่งไปเรื่อยๆเพื่อพาคุณคิปเชโก เข้าเส้นชัยตามที่รัฐบาลได้จัดทางไว้ให้ แต่พระราชินีท่านทรงได้แนะนำสถานที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9 แห่งนี้ให้นักกีฬาระดับโลกได้รู้จักกับสถานที่แห่งนี้ที่จะเป็นแลนมาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ ในอนาคตให้คุณคิปเชโกและสื่อต่างประเทศที่ติดตามคุณคิปเชโกมาให้รู้จักพร้อมทั้งได้วิ่งนำเพื่อพาเข้าไปชมในสถานที่แห่งนี้

    (ปล. ตอนแรกก็ดูสิ้นหวังมากตรงที่พอจะเข้าไปปุ้ป ประตูสวนอุทยานแห่งนี้ล็อค เข้าไม่ได้สะงั้น มีคลิปย้อนหลังตามเน็ตเยอะเลยไปตามดูกันได้ตอนที่พระองค์ท่านเข้าไม่ได้ 😂
    ซึ่งอุทยานก็กว้างเอามากๆ แต่สุดท้ายด้วยความโชคดีที่มีเจ้าหน้าที่สวนอุทยานเดินผ่านมาพอดี จึงได้เปิดประตูและได้เปิดให้เข้าไปชมสวนอุทยานแห่งนี้)

    พระราชินีสุทิดาท่านได้เดินนำพาเข้าไปและได้เล่าเรื่องราวของอุทยาน ร.9 ให้กับคุณคิปเชโกและสื่อต่างประเทศที่ติดตามคุณคิปเชโกมาให้ฟัง พร้อมทั้งได้ทรงถ่ายรูปร่วมกันกับคุณคิปเชโก ซึ่งภายหลังเวลาต่อมาภาพนี้ก็กระจายไปกันไกลมากๆในต่างประเทศ ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จัก “อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9” อันเป็นแลนมาร์คสวนสาธรณะที่เป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ

    ซึ่งสิ่งนี้เป็นการลบล้างข่าว Fake News เรื่องที่พระองค์จะเอาสนามม้านางเลิ้งไปทำเป็นวังคอมเพล็กซ์ตามที่มีกลุ่มคนได้โจมตีใส่ร้ายและทำให้มีความเข้าใจผิดแบบแย่ๆ จากคนไทยและคนต่างประเทศต่อในหลวง ร.9 และในหลวง ร.10 ไปโดยปริยาย ว่าไม่ได้เลิกสนามม้า เพื่อเพราะไปทำวังแต่ความจริง คือเอาไปทำสวนสาธารณะให้ประชาชน ซึ่งเป็นการทำให้คนได้รู้จักภาพจำใหม่ที่เป็น สวนสาธารณะแห่งใหม่อันสวยงามใจกลางกรุงเทพที่น่าดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวและพักผ่อนออกกำลังกายกัน

    💜 ...ซึ่งสิ่งที่พระราชินีท่านได้ทรงทำ หากเรามองให้ลึกๆลงไปแล้ว

    เราจะเห็นได้ถึงความกตัญญูกตเวทีและความภักดีของสมเด็จพระราชินีสุทิดา ที่ทรงมีต่อในหลวงท่านได้เป็นอย่างดี ที่ทรงตั้งใจให้คนทั่วโลกได้รู้จักกับ Unseen แลนมาร์คใจกลางกรุงเทพแห่งใหม่แห่งนี้ อันเป็นภาพจำแห่งใหม่ให้ไปสู่สายตาคนทั่วโลก

    #นักเรียนดี
    9/12/67 ทรงพระเจริญ @เรื่องที่น้อยคนอาจไม่ทันสังเกต ความกตัญญูของพระราชินีสุทิดาที่ทรงมีต่อ พ่อหลวง “รัชกาลที่ 9” สู่สายตาชาวโลก 🙏💜 . ถ้าหลายท่านสังเกตเมื่อครั้งที่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีสุทิดาทรงร่วมกิจกรรมวิ่ง "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก 2024" โดยทรงเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งกับคิปโชเก "นักวิ่งมาราธอนโอลิมปิก ผู้เป็นตำนานระดับโลก" ในการวิ่งรอบพระนคร ตามสถานที่สำคัญต่างๆอันสวยงามมากมายตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวได้จัดงานขึ้น ซึ่งถ้าเป็นเราๆ ก็คงวิ่งไปตามทางเพื่อให้เข้าเส้นชัยเพื่อให้จบๆไป เพื่อเป็นการออกกำลังกายวิ่งมาราธอนตามแบบทั่วๆไป แต่ด้วยเดชะบุญที่ประเทศไทยเรามี พระราชินีสุทิดาที่ทรงมีพระปฎิภาณไหวพริบ ระหว่างทางที่วิ่งพระราชินีท่านได้ทรงคิดนอกกรอบ ด้วยการแทนที่จะวิ่งไปเรื่อยๆเพื่อพาคุณคิปเชโก เข้าเส้นชัยตามที่รัฐบาลได้จัดทางไว้ให้ แต่พระราชินีท่านทรงได้แนะนำสถานที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9 แห่งนี้ให้นักกีฬาระดับโลกได้รู้จักกับสถานที่แห่งนี้ที่จะเป็นแลนมาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ ในอนาคตให้คุณคิปเชโกและสื่อต่างประเทศที่ติดตามคุณคิปเชโกมาให้รู้จักพร้อมทั้งได้วิ่งนำเพื่อพาเข้าไปชมในสถานที่แห่งนี้ (ปล. ตอนแรกก็ดูสิ้นหวังมากตรงที่พอจะเข้าไปปุ้ป ประตูสวนอุทยานแห่งนี้ล็อค เข้าไม่ได้สะงั้น มีคลิปย้อนหลังตามเน็ตเยอะเลยไปตามดูกันได้ตอนที่พระองค์ท่านเข้าไม่ได้ 😂 ซึ่งอุทยานก็กว้างเอามากๆ แต่สุดท้ายด้วยความโชคดีที่มีเจ้าหน้าที่สวนอุทยานเดินผ่านมาพอดี จึงได้เปิดประตูและได้เปิดให้เข้าไปชมสวนอุทยานแห่งนี้) พระราชินีสุทิดาท่านได้เดินนำพาเข้าไปและได้เล่าเรื่องราวของอุทยาน ร.9 ให้กับคุณคิปเชโกและสื่อต่างประเทศที่ติดตามคุณคิปเชโกมาให้ฟัง พร้อมทั้งได้ทรงถ่ายรูปร่วมกันกับคุณคิปเชโก ซึ่งภายหลังเวลาต่อมาภาพนี้ก็กระจายไปกันไกลมากๆในต่างประเทศ ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จัก “อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9” อันเป็นแลนมาร์คสวนสาธรณะที่เป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ ซึ่งสิ่งนี้เป็นการลบล้างข่าว Fake News เรื่องที่พระองค์จะเอาสนามม้านางเลิ้งไปทำเป็นวังคอมเพล็กซ์ตามที่มีกลุ่มคนได้โจมตีใส่ร้ายและทำให้มีความเข้าใจผิดแบบแย่ๆ จากคนไทยและคนต่างประเทศต่อในหลวง ร.9 และในหลวง ร.10 ไปโดยปริยาย ว่าไม่ได้เลิกสนามม้า เพื่อเพราะไปทำวังแต่ความจริง คือเอาไปทำสวนสาธารณะให้ประชาชน ซึ่งเป็นการทำให้คนได้รู้จักภาพจำใหม่ที่เป็น สวนสาธารณะแห่งใหม่อันสวยงามใจกลางกรุงเทพที่น่าดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวและพักผ่อนออกกำลังกายกัน 💜 ...ซึ่งสิ่งที่พระราชินีท่านได้ทรงทำ หากเรามองให้ลึกๆลงไปแล้ว เราจะเห็นได้ถึงความกตัญญูกตเวทีและความภักดีของสมเด็จพระราชินีสุทิดา ที่ทรงมีต่อในหลวงท่านได้เป็นอย่างดี ที่ทรงตั้งใจให้คนทั่วโลกได้รู้จักกับ Unseen แลนมาร์คใจกลางกรุงเทพแห่งใหม่แห่งนี้ อันเป็นภาพจำแห่งใหม่ให้ไปสู่สายตาคนทั่วโลก #นักเรียนดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • “พ่อดุเรา… บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวมและให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบๆ ด้วย”.…. สมเด็จพระเทพฯ เคยมีรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้อย่างมีความสุขกับนักข่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตำหนิที่พระองค์ทำตัวเหมือนเด็ก .-Behind the scenes- ....ย้อนกลับไปในวันมหามงคล วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี....เช้ามืดตี 4 วันนั้นผมทำหน้าที่ถ่ายภาพให้กับสำนักข่าว AP ผมเข้าจุดบนสแตนถ่ายภาพบริเวณโค้งด้านขวาประตูพระที่นั่งอนันตสมาคมฝั่งเขาดิน อยู่กับช่างภาพรุ่นพี่คนหนึ่ง ในเช้ามืดวันนั้นมีประชาชนใส่เสื้อเหลืองเดินทางมาถวายพระพรกันมากมายเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน แบบที่ว่าจนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นการรวมตัวกันของประชาชนไม่ว่าที่ใดในโลกที่มีผู้คนมารวมตัวกันได้มากมายเพียงนี้....รุ่นพี่ผมจึงให้ผมออกไปถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศผู้คน ประชาชนผู้จงรักภักดีที่กำลังเดินทางมาและหาจุดถ่ายภาพที่แตกต่างออกไปจากมุมบนสแตนนี้เมื่อพระราชพิธีเริ่มต้นขึ้น เพราะบนสแตนหนึ่งจะอนุญาติให้มีช่างภาพประจำอยู่สำนักละหนึ่งคนเท่านั้น....ผมจึงเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ จากบริเวณหน้าประตูพระที่นั่งฯ เดินสวนเบียดกับประชาชนที่กำลังรีบเข้ามาจับจองพื้นที่ ที่ตอนนี้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเต็มจนเกือบแน่นแล้วทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ซึ่งส่วนใหญ่มานอนจองกันไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน.....ผมเดินสวนออกไป ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวทีมวยราชดำเนิน ในใจคิดได้ว่า ไปถ่ายภาพเรือโดยสารบริเวณท่าเรือตรงภูเขาทองรูปคงจะสวยเพราะมีประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองทุกคนโดยสารกันมาเต็มลำเรือ.....ผมใช้เวลาเดินเบียดเสียดผู้คนและเดินถ่ายภาพไปด้วยกว่าชั่วโมงจนถึงที่หมาย ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงแล้ว ฟ้าสว่างประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองอยู่ทั่วไปหมด ทุกคนมุ่งสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า.....เสียงโทรศัพท์ดังและสั่นเตือนมา ปลายสายคือรุ่นพี่ช่างภาพจากสำนักข่าว AP ที่อยู่บนสแตน ถามผมว่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" ผมตอบว่า "ผมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ" ปลายสายอุทานคำไทยแท้ออกมาคำนึงอย่างดัง "..." "คุณรีบกลับมาที่สแตนเลย เขาอนุญาตให้ช่างภาพขึ้นสแตนได้ทุกคน ผมจองที่ไว้ให้คุณแล้ว แต่คุณต้องรีบมาเพราะมีช่างภาพมากันเยอะมากๆ" .....ตอนนี้เวลา 7.00 น. พระราชพิธีจะเริ่มเวลา 10.19 น. แต่เราต้องเข้าจุดก่อนพระราชพิธีเริ่มอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ในใจคิดว่างานลำบากรออยู่ข้างหน้าแน่นอน ที่จะต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนที่อัดตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า ที่แม้แต่เวลาเดินสวนออกมาตอนเช้ามืดยังเดินยากและใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงตรงที่ยืนนี้.....ผมเริ่มเดินกลับตั้งแต่ตอนรับสายแล้ว ทั้งเดินทั้งวิ่งในช่วงแรกที่พอมีพื้นที่ จนถึงสะพานมัฆวานฯ หน้ายูเอ็นคนเริ่มแน่น มีทั้งนั่ง ทั้งยืน ตรงนี้วิ่งไม่ได้แล้ว เดินยังลำบาก ผมไม่ถ่ายภาพอะไรแล้วตั้งแต่ออกตัวเดินกลับ ถ้าภาพนั้นไม่ดีจริงๆ ....8.30 น. ผมจำได้ว่าผมมาถึงหน้าลานพระรูปทรงม้า มันเป็นภาพจำที่จดจำได้มาจนทุกวันนี้ เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองนั่งโบกธงอยู่กันแน่นจนเต็มพื้นที่ มองหาที่ว่างที่เดินไม่มีเลย.....ผมเอาป้ายนักข่าวขึ้นมาแขวนคอ เผื่ออาจช่วยได้บ้างเมื่อเวลาเดินแหวกผู้คนที่นั่งเบียดกันแน่น จนคิดว่าแม้แต่มดตัวเล็กๆ ก็ไม่มีทางรอดออกไปจากจุดนี้ ผมเริ่มยกมือไหว้ ของทางแค่วางเท้าเดินไปได้ ปากก็บอกไม่ได้หยุดว่า "ขออนุญาตเข้าพื้นที่ถ่ายภาพหน่อยครับ" มือนึงก็ชูกล้อง มือนึงก็ไหว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางคนก็มีน้ำใจ เห็นใจก็ขยับเบียดหลบให้เดิน บางคนก็ด่าว่าสารพัด ว่าทำไมไม่มาเช้าๆ มาเดินจะเหยียบมือเหยีบดเท้าคนอื่นเค้าแบบนี้ทำไม ผมก็ก้มหน้าก้มตา ปากก็ขอโทษ มือก็ยกไหว้ ไม่แก้ตัวหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะจะเสียเวลา กว่าจะขยับได้ทีละเมตร ทีละศอกมันช่างลำบากเสียเหลือเกิน .....9.00 น. แล้วผมมาถึงแค่หางม้า ยังเหลืออีกครึ่งทางผมจึงจะถึงสแตน แต่ยิ่งใกล้ประชาชนที่นั่งอยู่นั้นยิ่งแน่นเท่าทวีคูณ ผมยกมือไหว้ขอทาง ปากร้องขอไม่ได้หยุด เสียงบ่นด่ามีให้ได้ยินตลอดเป็นระยะ แต่ผมเข้าใจว่าเขามา ณ จุดนี้ยากลำบากแค่ไหน ผมได้แต่ยิ้มรับ และไหว้ขอโทษ บางจุดเดินหรือขยับไม่ได้เลย ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนเขาเห็นใจ หลายครั้งผมเกือบถอดใจและหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะเกรงใจคนที่นั่งอยู่..... เสียงโทรศัพท์จากช่างภาพรุ่นพี่ดังมาถามไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วว่าอยู่ตรงไหน ผมก็ยังไปไม่ถึงสแตนสักที เวลาเสด็จก็งวดใกล้เข้ามาทุกที จะเก้าโมงแล้วผมยังอยู่หัวม้าด้านขวามือ อีก 50 เมตรผมจะถึงสแตนแล้ว .....คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่ผมโดนด่ามากที่สุด ที่ต้องเดินขอทางเบียดประชาชนที่นั่งเข้ามายังจุดถ่ายภาพ แต่เพราะโดยไม่ได้คาดคิดว่าการเดินกลับมาจะมีความยากลำบากขนาดนี้ เพราะเวลาเดินออกไปจะมีรั้วกั้นให้ไว้สำหรับเป็นทางเดินเข้าออก แต่ด้วยการที่ทุกคนต้องการเข้ามาใกล้ๆ พื้นที่จึงเต็มแน่นไปด้วยประชาชน ไม่มีที่ว่างแม้แต่ทางเดินเล็กๆ .....ผมจำได้ว่าผมเดินมาถึงสแตนในสภาพที่เหงื่อชุ่มในเวลาประมาณ 9.30 น. ผมใช้เวลาเดินจากสะพานผ่านฟ้ามาถึงโค้งด้านขวาพระที่นั่งฯ รวมเวลาสองชั่วโมงครึ่ง เป็นสองชั่วโมงครึ่งที่ยากลำบากใจเป็นที่สุด ท้อหลายครั้ง แต่โอกาสถ่ายงานนี้และร่วมอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ ผมต้องอดทนไปให้ถึงสแตนให้ได้ ในเมื่อมีการอนุญาตให้ขึ้นถ่ายได้แล้ว.....ผมมาถึงไม่มีเวลาให้พูดอะไรกันมาก เพราะใกล้เสด็จฯ และทุกคนตกใจ ผมมาได้ยังไงเพราะมองเห็นว่าประชาชนแน่นมากแค่ไหน ผมเช็กชื่อเข้าจุดขึ้นสแตนที่พี่เขาจองไว้ให้ ซึ่งเหลือพื้นที่ให้ยืนแค่สองขา ที่นั่งไม่มี..... จำได้ว่าต้องหยุดคิดทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาไว้ก่อน ต้องมีสติ สมาธิกับงานสำคัญตรงหน้า เพราะอีกไม่นานขบวนเสด็จของทุกพระองค์จะผ่านมาตรงนี้.....เสียงร้องทรงพระเจริญและเสียงชัตเตอร์จากกล้องหลายร้อยตัวดังสนั่นบนสแตนช่างภาพที่เบียดกันแบบไหล่ชนไหล่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อผ่านเข้าประตูพระที่นั่งฯไป.....เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ออกมหาสมาคมพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนนับแสนที่เดินทางมาถวายพระพร ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าและพื้นที่โดยรอบ เสียงเปร่งร้องตะโกนทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วบริเวณ เป็นเสียงเปร่งร้องทรงพระเจริญที่ดังที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา.....ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แย้มพระสรวล ทรงโบกพระหัตถ์ ทักทายประชาชน เสียงเปร่งร้องและเสียงชัตเตอร์ยังดังไม่หยุด....พระราชพิธีก็เริ่มดำเนินไป ผมก็ถ่ายภาพพระองค์ท่านบ้าง ประชาชนที่ร้องไห้ดีใจบ้าง สลับกันไป อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ไม่มีใครหลบถอยออกจากตรงนั้น บางคนเริ่มเป็นลม มีการอุ้มยกออกจากพื้นที่ไปหลายคน.....พระราชพิธีก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงร้องตะโกนและเสียงชัตเตอร์เริ่มเบาลงในช่วงรอยต่อของพระราชพิธี ช่างภาพหลายคนเริ่มขยับไปห้องน้ำ หลายคนเริ่มหาอะไรทาน หลายคนเริ่มวางกล้องลงเพราะเป็นช่วงรอยต่อ.....แต่ผมยังคงไม่ยอมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์กล้องที่ติดเลนส์ 600 มม.จับกับขาตั้งเดี่ยวในมือที่จับถืออยู่อย่างนิ่งแน่น สายตาที่ยังคงเฝ้ามองพ่อของแผ่นดินที่ทรงประทับนั่งอยู่ ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้าพระที่นั่งฯ พระองค์กำลังทอดพระเนตรประชาชนของพระองค์ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมกันถวายพระพรกันอย่างมากมายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา..... ณ วินาทีนั้น ที่เป็นช่วงรอยต่อของพระราชพิธี หลายคนเริ่มผ่อนคลาย หลายคนเริ่มขยับทำกิจกรรมอย่างอื่น แต่มีช่างภาพ 3 คนที่ดวงตายังคงไม่ทิ้งช่องมองภาพ ซึ่งผมเป็น 1 ใน 3 คนนั้น .....เสี้ยววินาทีนั้น สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเสด็จออกมาถ่ายรูป ผมกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาติญาน เพราะไม่คิดว่าจะมีภาพนี้ให้เราได้เห็น ผมกดชัตเตอร์ได้สามภาพ ภาพนี้เป็นภาพที่ผมชอบที่สุด เพราะทั้งสองพระองค์ทรงสบพระเนตรกันพอดี.....ณ​ ช่วงเวลานั้น ในใจคิดว่าภาพแนวนี้อาจไม่บังควรในการที่จะเผยแพร่ออกสื่อไป ถ้าต้องเลือกภาพเองก็คงไม่กล้าเลือกภาพนี้ไปเผยแพร่ แต่โชคดีเป็นของทุกคน ที่เวลานั้น ผมไม่มีเวลามานั่งเลือกภาพ ทำภาพเพื่อส่งเข้าไปยังระบบในต่างประเทศ ทางหัวหน้าช่างภาพซึ่งเป็นคนอเมริกัน ส่งคนมารับการ์ดเก็บภาพไปเลือกภาพ ทำภาพให้ .....หัวหน้าจึงเลือกภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพชุดวันนั้น เพื่อส่งเข้าระบบภาพของสำนักข่าว AP เพื่อเผยแพร่พระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ งดงามของประเทศไทยนี้ไปทั่วโลก เราจึงได้เห็นภาพๆ นี้กันจากหลายๆ สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ.....ผมถ่ายภาพมาหลายสิบปี ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้รับคำขอบคุณจากผู้ที่ได้เห็นภาพ ได้ชมภาพ และส่งข้อความ เขียนคอมเมนต์ขอบคุณช่างภาพผู้ถ่ายภาพนี้.....ผู้ใหญ่หลายคนเมื่อพูดถึงผมหรือจะแนะนำผมให้กับคนอื่น เขาก็จะบอกว่า "ภาพสมเด็จพระเทพฯที่ออกมาถ่ายรูปไง คนนี้เป็นคนถ่าย" .....จริงๆ ภาพใบนี้จะไม่มีทางได้มาเลย ถ้าผมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์ และที่ผมไม่ทิ้งช่องมองภาพก็เพราะว่า ผมมีเลนส์เทเลระยะไกลถึง 600 มม. อยู่ในมือ ผมจึงอยากมองในหลวงใกล้ๆ ให้นานที่สุดแค่นั้น ผมจึงให้เวลาทุกนาทีกับการจ้องมองพระองค์ท่านผ่านช่องมองภาพที่ติดเลนส์ขนาดใหญ่ตัวนี้.....ภาพๆ นี้ยังมีช่างภาพอีกสองท่านที่บันทึกไว้ได้ คนหนึ่งเป็นคุณน้าที่ผมเคารพมาก อีกคนเป็นน้องรักร่วมสำนักพิมพ์ มุมภาพ จังหวะอาจต่างกันแต่ทุกคนที่ได้เห็นภาพจะต้องอมยิ้มเหมือนกันแน่นอน.....ความเครียด ความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ในตอนเช้า ความอ่อนล้าทุกๆ อย่าง มันมลายหายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นและบันทึกรูปๆ นี้ไว้ได้ ."รูปที่มีทุกบ้าน"เครดิต:สุข กะ ภาพ(วสันต์ วณิชชากร)
    “พ่อดุเรา… บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวมและให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบๆ ด้วย”.…. สมเด็จพระเทพฯ เคยมีรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้อย่างมีความสุขกับนักข่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตำหนิที่พระองค์ทำตัวเหมือนเด็ก .-Behind the scenes- ....ย้อนกลับไปในวันมหามงคล วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี....เช้ามืดตี 4 วันนั้นผมทำหน้าที่ถ่ายภาพให้กับสำนักข่าว AP ผมเข้าจุดบนสแตนถ่ายภาพบริเวณโค้งด้านขวาประตูพระที่นั่งอนันตสมาคมฝั่งเขาดิน อยู่กับช่างภาพรุ่นพี่คนหนึ่ง ในเช้ามืดวันนั้นมีประชาชนใส่เสื้อเหลืองเดินทางมาถวายพระพรกันมากมายเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน แบบที่ว่าจนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นการรวมตัวกันของประชาชนไม่ว่าที่ใดในโลกที่มีผู้คนมารวมตัวกันได้มากมายเพียงนี้....รุ่นพี่ผมจึงให้ผมออกไปถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศผู้คน ประชาชนผู้จงรักภักดีที่กำลังเดินทางมาและหาจุดถ่ายภาพที่แตกต่างออกไปจากมุมบนสแตนนี้เมื่อพระราชพิธีเริ่มต้นขึ้น เพราะบนสแตนหนึ่งจะอนุญาติให้มีช่างภาพประจำอยู่สำนักละหนึ่งคนเท่านั้น....ผมจึงเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ จากบริเวณหน้าประตูพระที่นั่งฯ เดินสวนเบียดกับประชาชนที่กำลังรีบเข้ามาจับจองพื้นที่ ที่ตอนนี้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเต็มจนเกือบแน่นแล้วทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ซึ่งส่วนใหญ่มานอนจองกันไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน.....ผมเดินสวนออกไป ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวทีมวยราชดำเนิน ในใจคิดได้ว่า ไปถ่ายภาพเรือโดยสารบริเวณท่าเรือตรงภูเขาทองรูปคงจะสวยเพราะมีประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองทุกคนโดยสารกันมาเต็มลำเรือ.....ผมใช้เวลาเดินเบียดเสียดผู้คนและเดินถ่ายภาพไปด้วยกว่าชั่วโมงจนถึงที่หมาย ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงแล้ว ฟ้าสว่างประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองอยู่ทั่วไปหมด ทุกคนมุ่งสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า.....เสียงโทรศัพท์ดังและสั่นเตือนมา ปลายสายคือรุ่นพี่ช่างภาพจากสำนักข่าว AP ที่อยู่บนสแตน ถามผมว่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" ผมตอบว่า "ผมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ" ปลายสายอุทานคำไทยแท้ออกมาคำนึงอย่างดัง "..." "คุณรีบกลับมาที่สแตนเลย เขาอนุญาตให้ช่างภาพขึ้นสแตนได้ทุกคน ผมจองที่ไว้ให้คุณแล้ว แต่คุณต้องรีบมาเพราะมีช่างภาพมากันเยอะมากๆ" .....ตอนนี้เวลา 7.00 น. พระราชพิธีจะเริ่มเวลา 10.19 น. แต่เราต้องเข้าจุดก่อนพระราชพิธีเริ่มอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ในใจคิดว่างานลำบากรออยู่ข้างหน้าแน่นอน ที่จะต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนที่อัดตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า ที่แม้แต่เวลาเดินสวนออกมาตอนเช้ามืดยังเดินยากและใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงตรงที่ยืนนี้.....ผมเริ่มเดินกลับตั้งแต่ตอนรับสายแล้ว ทั้งเดินทั้งวิ่งในช่วงแรกที่พอมีพื้นที่ จนถึงสะพานมัฆวานฯ หน้ายูเอ็นคนเริ่มแน่น มีทั้งนั่ง ทั้งยืน ตรงนี้วิ่งไม่ได้แล้ว เดินยังลำบาก ผมไม่ถ่ายภาพอะไรแล้วตั้งแต่ออกตัวเดินกลับ ถ้าภาพนั้นไม่ดีจริงๆ ....8.30 น. ผมจำได้ว่าผมมาถึงหน้าลานพระรูปทรงม้า มันเป็นภาพจำที่จดจำได้มาจนทุกวันนี้ เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองนั่งโบกธงอยู่กันแน่นจนเต็มพื้นที่ มองหาที่ว่างที่เดินไม่มีเลย.....ผมเอาป้ายนักข่าวขึ้นมาแขวนคอ เผื่ออาจช่วยได้บ้างเมื่อเวลาเดินแหวกผู้คนที่นั่งเบียดกันแน่น จนคิดว่าแม้แต่มดตัวเล็กๆ ก็ไม่มีทางรอดออกไปจากจุดนี้ ผมเริ่มยกมือไหว้ ของทางแค่วางเท้าเดินไปได้ ปากก็บอกไม่ได้หยุดว่า "ขออนุญาตเข้าพื้นที่ถ่ายภาพหน่อยครับ" มือนึงก็ชูกล้อง มือนึงก็ไหว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางคนก็มีน้ำใจ เห็นใจก็ขยับเบียดหลบให้เดิน บางคนก็ด่าว่าสารพัด ว่าทำไมไม่มาเช้าๆ มาเดินจะเหยียบมือเหยีบดเท้าคนอื่นเค้าแบบนี้ทำไม ผมก็ก้มหน้าก้มตา ปากก็ขอโทษ มือก็ยกไหว้ ไม่แก้ตัวหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะจะเสียเวลา กว่าจะขยับได้ทีละเมตร ทีละศอกมันช่างลำบากเสียเหลือเกิน .....9.00 น. แล้วผมมาถึงแค่หางม้า ยังเหลืออีกครึ่งทางผมจึงจะถึงสแตน แต่ยิ่งใกล้ประชาชนที่นั่งอยู่นั้นยิ่งแน่นเท่าทวีคูณ ผมยกมือไหว้ขอทาง ปากร้องขอไม่ได้หยุด เสียงบ่นด่ามีให้ได้ยินตลอดเป็นระยะ แต่ผมเข้าใจว่าเขามา ณ จุดนี้ยากลำบากแค่ไหน ผมได้แต่ยิ้มรับ และไหว้ขอโทษ บางจุดเดินหรือขยับไม่ได้เลย ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนเขาเห็นใจ หลายครั้งผมเกือบถอดใจและหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะเกรงใจคนที่นั่งอยู่..... เสียงโทรศัพท์จากช่างภาพรุ่นพี่ดังมาถามไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วว่าอยู่ตรงไหน ผมก็ยังไปไม่ถึงสแตนสักที เวลาเสด็จก็งวดใกล้เข้ามาทุกที จะเก้าโมงแล้วผมยังอยู่หัวม้าด้านขวามือ อีก 50 เมตรผมจะถึงสแตนแล้ว .....คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่ผมโดนด่ามากที่สุด ที่ต้องเดินขอทางเบียดประชาชนที่นั่งเข้ามายังจุดถ่ายภาพ แต่เพราะโดยไม่ได้คาดคิดว่าการเดินกลับมาจะมีความยากลำบากขนาดนี้ เพราะเวลาเดินออกไปจะมีรั้วกั้นให้ไว้สำหรับเป็นทางเดินเข้าออก แต่ด้วยการที่ทุกคนต้องการเข้ามาใกล้ๆ พื้นที่จึงเต็มแน่นไปด้วยประชาชน ไม่มีที่ว่างแม้แต่ทางเดินเล็กๆ .....ผมจำได้ว่าผมเดินมาถึงสแตนในสภาพที่เหงื่อชุ่มในเวลาประมาณ 9.30 น. ผมใช้เวลาเดินจากสะพานผ่านฟ้ามาถึงโค้งด้านขวาพระที่นั่งฯ รวมเวลาสองชั่วโมงครึ่ง เป็นสองชั่วโมงครึ่งที่ยากลำบากใจเป็นที่สุด ท้อหลายครั้ง แต่โอกาสถ่ายงานนี้และร่วมอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ ผมต้องอดทนไปให้ถึงสแตนให้ได้ ในเมื่อมีการอนุญาตให้ขึ้นถ่ายได้แล้ว.....ผมมาถึงไม่มีเวลาให้พูดอะไรกันมาก เพราะใกล้เสด็จฯ และทุกคนตกใจ ผมมาได้ยังไงเพราะมองเห็นว่าประชาชนแน่นมากแค่ไหน ผมเช็กชื่อเข้าจุดขึ้นสแตนที่พี่เขาจองไว้ให้ ซึ่งเหลือพื้นที่ให้ยืนแค่สองขา ที่นั่งไม่มี..... จำได้ว่าต้องหยุดคิดทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาไว้ก่อน ต้องมีสติ สมาธิกับงานสำคัญตรงหน้า เพราะอีกไม่นานขบวนเสด็จของทุกพระองค์จะผ่านมาตรงนี้.....เสียงร้องทรงพระเจริญและเสียงชัตเตอร์จากกล้องหลายร้อยตัวดังสนั่นบนสแตนช่างภาพที่เบียดกันแบบไหล่ชนไหล่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อผ่านเข้าประตูพระที่นั่งฯไป.....เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ออกมหาสมาคมพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนนับแสนที่เดินทางมาถวายพระพร ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าและพื้นที่โดยรอบ เสียงเปร่งร้องตะโกนทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วบริเวณ เป็นเสียงเปร่งร้องทรงพระเจริญที่ดังที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา.....ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แย้มพระสรวล ทรงโบกพระหัตถ์ ทักทายประชาชน เสียงเปร่งร้องและเสียงชัตเตอร์ยังดังไม่หยุด....พระราชพิธีก็เริ่มดำเนินไป ผมก็ถ่ายภาพพระองค์ท่านบ้าง ประชาชนที่ร้องไห้ดีใจบ้าง สลับกันไป อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ไม่มีใครหลบถอยออกจากตรงนั้น บางคนเริ่มเป็นลม มีการอุ้มยกออกจากพื้นที่ไปหลายคน.....พระราชพิธีก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงร้องตะโกนและเสียงชัตเตอร์เริ่มเบาลงในช่วงรอยต่อของพระราชพิธี ช่างภาพหลายคนเริ่มขยับไปห้องน้ำ หลายคนเริ่มหาอะไรทาน หลายคนเริ่มวางกล้องลงเพราะเป็นช่วงรอยต่อ.....แต่ผมยังคงไม่ยอมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์กล้องที่ติดเลนส์ 600 มม.จับกับขาตั้งเดี่ยวในมือที่จับถืออยู่อย่างนิ่งแน่น สายตาที่ยังคงเฝ้ามองพ่อของแผ่นดินที่ทรงประทับนั่งอยู่ ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้าพระที่นั่งฯ พระองค์กำลังทอดพระเนตรประชาชนของพระองค์ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมกันถวายพระพรกันอย่างมากมายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา..... ณ วินาทีนั้น ที่เป็นช่วงรอยต่อของพระราชพิธี หลายคนเริ่มผ่อนคลาย หลายคนเริ่มขยับทำกิจกรรมอย่างอื่น แต่มีช่างภาพ 3 คนที่ดวงตายังคงไม่ทิ้งช่องมองภาพ ซึ่งผมเป็น 1 ใน 3 คนนั้น .....เสี้ยววินาทีนั้น สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเสด็จออกมาถ่ายรูป ผมกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาติญาน เพราะไม่คิดว่าจะมีภาพนี้ให้เราได้เห็น ผมกดชัตเตอร์ได้สามภาพ ภาพนี้เป็นภาพที่ผมชอบที่สุด เพราะทั้งสองพระองค์ทรงสบพระเนตรกันพอดี.....ณ​ ช่วงเวลานั้น ในใจคิดว่าภาพแนวนี้อาจไม่บังควรในการที่จะเผยแพร่ออกสื่อไป ถ้าต้องเลือกภาพเองก็คงไม่กล้าเลือกภาพนี้ไปเผยแพร่ แต่โชคดีเป็นของทุกคน ที่เวลานั้น ผมไม่มีเวลามานั่งเลือกภาพ ทำภาพเพื่อส่งเข้าไปยังระบบในต่างประเทศ ทางหัวหน้าช่างภาพซึ่งเป็นคนอเมริกัน ส่งคนมารับการ์ดเก็บภาพไปเลือกภาพ ทำภาพให้ .....หัวหน้าจึงเลือกภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพชุดวันนั้น เพื่อส่งเข้าระบบภาพของสำนักข่าว AP เพื่อเผยแพร่พระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ งดงามของประเทศไทยนี้ไปทั่วโลก เราจึงได้เห็นภาพๆ นี้กันจากหลายๆ สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ.....ผมถ่ายภาพมาหลายสิบปี ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้รับคำขอบคุณจากผู้ที่ได้เห็นภาพ ได้ชมภาพ และส่งข้อความ เขียนคอมเมนต์ขอบคุณช่างภาพผู้ถ่ายภาพนี้.....ผู้ใหญ่หลายคนเมื่อพูดถึงผมหรือจะแนะนำผมให้กับคนอื่น เขาก็จะบอกว่า "ภาพสมเด็จพระเทพฯที่ออกมาถ่ายรูปไง คนนี้เป็นคนถ่าย" .....จริงๆ ภาพใบนี้จะไม่มีทางได้มาเลย ถ้าผมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์ และที่ผมไม่ทิ้งช่องมองภาพก็เพราะว่า ผมมีเลนส์เทเลระยะไกลถึง 600 มม. อยู่ในมือ ผมจึงอยากมองในหลวงใกล้ๆ ให้นานที่สุดแค่นั้น ผมจึงให้เวลาทุกนาทีกับการจ้องมองพระองค์ท่านผ่านช่องมองภาพที่ติดเลนส์ขนาดใหญ่ตัวนี้.....ภาพๆ นี้ยังมีช่างภาพอีกสองท่านที่บันทึกไว้ได้ คนหนึ่งเป็นคุณน้าที่ผมเคารพมาก อีกคนเป็นน้องรักร่วมสำนักพิมพ์ มุมภาพ จังหวะอาจต่างกันแต่ทุกคนที่ได้เห็นภาพจะต้องอมยิ้มเหมือนกันแน่นอน.....ความเครียด ความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ในตอนเช้า ความอ่อนล้าทุกๆ อย่าง มันมลายหายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นและบันทึกรูปๆ นี้ไว้ได้ ."รูปที่มีทุกบ้าน"เครดิต:สุข กะ ภาพ(วสันต์ วณิชชากร)
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 7 ธันวาคม 2567 ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขอถวายพระพรให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง #ทรงพระเจริญ
    เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 7 ธันวาคม 2567 ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขอถวายพระพรให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง #ทรงพระเจริญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรงพระเจริญ🙏
    ทรงพระเจริญ🙏
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง ทรงมีพระราชดำรัสให้ทหารทุกนายร่วมแรงร่วมใจกับทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

    วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.11 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับยืน รองผู้บังคับกองผสมสั่งหมู่เชิญธง ทรงรับการถวายเคารพ แล้วประทับพระราชอาสน์

    จากนั้นพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกพันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลโทอชิรวิชญ์ ศรีไพบูลย์ ที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทบ เข้าประจำแถวหน้าพลับพลาที่ประทับ แล้วพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล พร้อมนำกำลังพลสวนสนามฯกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตน

    “ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า
    ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดี และถวายความปลอดภัย ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่
    ข้าพระพุทธเจ้า จักเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจะปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกประการ ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” เมื่อกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนจบ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ปืนใหญ่ยุงสลุตเฉลิมพระเกียรติ 21 นัด

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่กำลังพลสวนสนามทุกทั้ง 11 กองพัน ดังสรุปใจความว่า “ ขอให้ทหารทุกนายปฎิบัติตามคำสัตย์ปฏิญาณด้วยใจจริง..และขอให้ร่วมแรงร่วมใจกับทุกฝ่ายในบ้านเมือง..อันจะนำมาซึ่งความผาสุกของบ้านเมือง..”

    เมื่อพระราชทานพระบรมราโชวาทจบ กำลังพลสวนสนามฯ และผู้ร่วมในพิธี ร่วมกันร้องเพลงราชสวัสดิ์ถวาย รองผู้บังคับกองผสมสั่ง กองผสมถวายความเคารพธงชัยเฉลิมพล หมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลจัดแถว และเดินกลับเข้าประจำแถวทหาร

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จออกจากพระลานพระราชวังดุสิตกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ระหว่างที่รถพระที่นั่งกำลังเคลื่อนเข้าสู่ทางประตูภูธรลีลาศนั้น รองผู้บังคับกองผสมนำกำลังพลสวนสนามฯ และผู้ร่วมในพิธีเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วพระลานพระราชวังดุสิต

    นำมาซึ่งภาพแห่งความประทับใจยิ่ง ที่หน่วยทหารรักษาพระองค์จากเหล่าทัพต่าง ๆ พร้อมใจกันกระทําพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อถวาย ความเคารพต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นการแสดงให้ประชาชนชาวไทยได้ประจักษ์ว่า ทหารรักษาพระองค์จะปฏิบัติหน้าที่ ดํารงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ และถวายพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต ความผาสุกร่มเย็นของราชอาณาจักรไทยนี้ มีขึ้นได้ด้วยการหลอมรวมใจของ คนไทยทั้งแผ่นดิน โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมของจิตใจโดยแท้จริง

    #MGROnline #พิธีสวนสนาม #ถวายสัตย์ปฏิญาณ #ทหารราชวัลลภฯ
    ในหลวง ทรงมีพระราชดำรัสให้ทหารทุกนายร่วมแรงร่วมใจกับทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน • วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.11 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับยืน รองผู้บังคับกองผสมสั่งหมู่เชิญธง ทรงรับการถวายเคารพ แล้วประทับพระราชอาสน์ • จากนั้นพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกพันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลโทอชิรวิชญ์ ศรีไพบูลย์ ที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทบ เข้าประจำแถวหน้าพลับพลาที่ประทับ แล้วพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล พร้อมนำกำลังพลสวนสนามฯกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตน • “ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตาย เพื่อรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดี และถวายความปลอดภัย ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่ ข้าพระพุทธเจ้า จักเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจะปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกประการ ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” เมื่อกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนจบ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ปืนใหญ่ยุงสลุตเฉลิมพระเกียรติ 21 นัด • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่กำลังพลสวนสนามทุกทั้ง 11 กองพัน ดังสรุปใจความว่า “ ขอให้ทหารทุกนายปฎิบัติตามคำสัตย์ปฏิญาณด้วยใจจริง..และขอให้ร่วมแรงร่วมใจกับทุกฝ่ายในบ้านเมือง..อันจะนำมาซึ่งความผาสุกของบ้านเมือง..” • เมื่อพระราชทานพระบรมราโชวาทจบ กำลังพลสวนสนามฯ และผู้ร่วมในพิธี ร่วมกันร้องเพลงราชสวัสดิ์ถวาย รองผู้บังคับกองผสมสั่ง กองผสมถวายความเคารพธงชัยเฉลิมพล หมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลจัดแถว และเดินกลับเข้าประจำแถวทหาร • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จออกจากพระลานพระราชวังดุสิตกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ระหว่างที่รถพระที่นั่งกำลังเคลื่อนเข้าสู่ทางประตูภูธรลีลาศนั้น รองผู้บังคับกองผสมนำกำลังพลสวนสนามฯ และผู้ร่วมในพิธีเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วพระลานพระราชวังดุสิต • นำมาซึ่งภาพแห่งความประทับใจยิ่ง ที่หน่วยทหารรักษาพระองค์จากเหล่าทัพต่าง ๆ พร้อมใจกันกระทําพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อถวาย ความเคารพต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นการแสดงให้ประชาชนชาวไทยได้ประจักษ์ว่า ทหารรักษาพระองค์จะปฏิบัติหน้าที่ ดํารงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ และถวายพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต ความผาสุกร่มเย็นของราชอาณาจักรไทยนี้ มีขึ้นได้ด้วยการหลอมรวมใจของ คนไทยทั้งแผ่นดิน โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมของจิตใจโดยแท้จริง • #MGROnline #พิธีสวนสนาม #ถวายสัตย์ปฏิญาณ #ทหารราชวัลลภฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/12/67

    ทรงพระเจริญ

    ขอโทษนะ
    พระราชินีทรงอ่อนน้อม ขอเดินผ่านทีมรมต. มหาดไทย “ทรงวิ่งมาราธอน”

    https://youtube.com/shorts/fvinB2V5gTA?si=O63mdgUyOqEJwMjD
    2/12/67 ทรงพระเจริญ ขอโทษนะ พระราชินีทรงอ่อนน้อม ขอเดินผ่านทีมรมต. มหาดไทย “ทรงวิ่งมาราธอน” https://youtube.com/shorts/fvinB2V5gTA?si=O63mdgUyOqEJwMjD
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/12/67

    ทรงพระเจริญ

    เสด็จทอดพระเนตรคอน้สิร์ต เบิร์ด “ขนนกกับดอกไม้”23พย.2567 เป็นการส่วนพระองค์


    https://youtu.be/u0Dfb7md0L4?si=hzy9Uhoj6qB_iOvB
    1/12/67 ทรงพระเจริญ เสด็จทอดพระเนตรคอน้สิร์ต เบิร์ด “ขนนกกับดอกไม้”23พย.2567 เป็นการส่วนพระองค์ https://youtu.be/u0Dfb7md0L4?si=hzy9Uhoj6qB_iOvB
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว
    #ทรงพระเจริญ
    ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว #ทรงพระเจริญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ...ทรงพระเจริญ
    สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ...ทรงพระเจริญ
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 645 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ภาพหาชมยาก

    ภาพบน ภรรยาพระเจ้าแผ่นดิน ทั้ง สองรัชกาล

    ขวา : สมเด็จนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙

    กลาง : สมเด็จนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗

    ซ้าย : พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษษา พระราชธิดา ในรัชกาลที่ ๕

    ภาพล่าง

    ขวา พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕

    กลาง สมเด็จพระเจ้าภคิณี เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๖

    ซ้าย สมเด็จพระศรีนครินทรา พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ ๙

    ด้านหลัง สมเด็จพระศรีฯ คือ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชการที่ ๖

    จะเห็นว่า มีการยืนลำดับพระยศ ได้อย่างเกรงพระองค์กันทุกองค์ ด้วย พระราชีนีนาภ รัชกาลที่ ๙ พระชนมายุน้อยที่สุด ก็ทรงยืนเกรงพระองค์อื่นตามพระชันษา 🥰🥰🥰 พระองค์อื่น เลยทรงต้อง พยายามยืนเอียงเรียงปลายพระบาท กัน (หาภาพเต็มไม่เจอ) ถ้าใครเจอ กรุณาโพลต์ในคอมเมนต์ด้วยครับ ผมว่า เป็นการอ้อนน้อมถอมตน ที่งดงาม
    #ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
    🙏🏻🧡🙏🏻🇹🇭
    ❤️ #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ❤️
    ╔══╗
    ╚╗╔╝
    ╔╝(¯`v´¯)
    ╚══`.¸. #สถาบันพระมหากษัตริย์
    ❤️ #รักราชวงค์จักรีวงค์ ❤️
    ภาพหาชมยาก ภาพบน ภรรยาพระเจ้าแผ่นดิน ทั้ง สองรัชกาล ขวา : สมเด็จนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ กลาง : สมเด็จนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ ซ้าย : พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษษา พระราชธิดา ในรัชกาลที่ ๕ ภาพล่าง ขวา พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕ กลาง สมเด็จพระเจ้าภคิณี เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๖ ซ้าย สมเด็จพระศรีนครินทรา พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ ๙ ด้านหลัง สมเด็จพระศรีฯ คือ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชการที่ ๖ จะเห็นว่า มีการยืนลำดับพระยศ ได้อย่างเกรงพระองค์กันทุกองค์ ด้วย พระราชีนีนาภ รัชกาลที่ ๙ พระชนมายุน้อยที่สุด ก็ทรงยืนเกรงพระองค์อื่นตามพระชันษา 🥰🥰🥰 พระองค์อื่น เลยทรงต้อง พยายามยืนเอียงเรียงปลายพระบาท กัน (หาภาพเต็มไม่เจอ) ถ้าใครเจอ กรุณาโพลต์ในคอมเมนต์ด้วยครับ ผมว่า เป็นการอ้อนน้อมถอมตน ที่งดงาม #ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ 🙏🏻🧡🙏🏻🇹🇭 ❤️ #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ❤️ ╔══╗ ╚╗╔╝ ╔╝(¯`v´¯) ╚══`.¸. #สถาบันพระมหากษัตริย์ ❤️ #รักราชวงค์จักรีวงค์ ❤️
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts