• ข่าวเทคโนโลยี: IKEA เปิดตัวสมาร์ทโฮมไลน์ใหม่ รองรับ Matter

    IKEA แม้จะยุติความร่วมมือกับ Sonos ไปแล้ว แต่ก็ยังเดินหน้าตลาดสมาร์ทโฮมเต็มกำลัง ล่าสุดประกาศเปิดตัว ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมใหม่เกือบสองโหล ที่รองรับมาตรฐาน Matter ซึ่งช่วยให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์จากแบรนด์อื่นได้อย่างไร้รอยต่อ.

    จุดเด่นของไลน์สินค้าใหม่
    หลอดไฟ KAJPLATS: มากกว่า 11 รุ่น ทั้งแบบปรับสีและปรับเฉดแสงขาว รองรับขั้ว E26, E27 และ GU10
    เซ็นเซอร์อัจฉริยะ: เช่น MYGGSPRAY (ตรวจจับการเคลื่อนไหว), MYGGBETT (ตรวจจับการเปิด-ปิดประตู/หน้าต่าง), ALPSTUGA (ตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้น คุณภาพอากาศ และการรั่วซึมน้ำ)
    รีโมต BILRESA: มีทั้งแบบสองปุ่มและแบบวงล้อเลื่อน ปรับความสว่าง สี และโหมดไฟได้
    ปลั๊ก GRILLPLATS: ควบคุมการเปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน

    บริบทธุรกิจ
    การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก IKEA รายงานกำไรลดลงกว่า 32% จึงเป็นกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยยังจับมือกับ Best Buy เปิดมุมขายในสหรัฐฯ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น.

    อนาคตสมาร์ทโฮมของ IKEA
    ลูกค้าที่ใช้ฮับรุ่นเก่า TRÅDFRI หรือ DIRIGERA ยังสามารถใช้งานร่วมกับสินค้าใหม่ได้
    มีการคาดการณ์ว่า IKEA อาจพัฒนาลำโพงอัจฉริยะของตัวเอง หลังจากยุติการร่วมมือกับ Sonos
    ตลาดสมาร์ทโฮมทั่วโลกเติบโตจาก 128 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 คาดว่าจะถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 ซึ่ง IKEA ตั้งใจจะเป็นผู้เล่นหลักในตลาดนี้.

    สินค้าใหม่กว่า 20 รายการ
    เน้นหลอดไฟ เซ็นเซอร์ รีโมต และปลั๊กอัจฉริยะ
    รองรับมาตรฐาน Matter ใช้งานร่วมกับแบรนด์อื่นได้

    กลยุทธ์ธุรกิจ
    เปิดตัวหลังรายงานกำไรลดลง 32%
    ขยายตลาดผ่าน Best Buy ในสหรัฐฯ

    ความเข้ากันได้กับระบบเดิม
    ใช้งานร่วมกับ TRÅDFRI และ DIRIGERA ได้เต็มฟังก์ชัน
    อาจมีลำโพงอัจฉริยะของ IKEA ในอนาคต

    ยังไม่มีวันวางจำหน่ายและราคาแน่นอน
    ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและการเปิดตัวในแต่ละประเทศ

    การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฮมสูงมาก
    IKEA ต้องรักษาจุดแข็งด้านราคาและความง่ายในการใช้งาน

    https://www.slashgear.com/2024071/ikea-smart-home-gadgets-matter-compatible/
    🏠 ข่าวเทคโนโลยี: IKEA เปิดตัวสมาร์ทโฮมไลน์ใหม่ รองรับ Matter IKEA แม้จะยุติความร่วมมือกับ Sonos ไปแล้ว แต่ก็ยังเดินหน้าตลาดสมาร์ทโฮมเต็มกำลัง ล่าสุดประกาศเปิดตัว ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมใหม่เกือบสองโหล ที่รองรับมาตรฐาน Matter ซึ่งช่วยให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์จากแบรนด์อื่นได้อย่างไร้รอยต่อ. 💡 จุดเด่นของไลน์สินค้าใหม่ 🔰 หลอดไฟ KAJPLATS: มากกว่า 11 รุ่น ทั้งแบบปรับสีและปรับเฉดแสงขาว รองรับขั้ว E26, E27 และ GU10 🔰 เซ็นเซอร์อัจฉริยะ: เช่น MYGGSPRAY (ตรวจจับการเคลื่อนไหว), MYGGBETT (ตรวจจับการเปิด-ปิดประตู/หน้าต่าง), ALPSTUGA (ตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้น คุณภาพอากาศ และการรั่วซึมน้ำ) 🔰 รีโมต BILRESA: มีทั้งแบบสองปุ่มและแบบวงล้อเลื่อน ปรับความสว่าง สี และโหมดไฟได้ 🔰 ปลั๊ก GRILLPLATS: ควบคุมการเปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน 📉 บริบทธุรกิจ การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก IKEA รายงานกำไรลดลงกว่า 32% จึงเป็นกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยยังจับมือกับ Best Buy เปิดมุมขายในสหรัฐฯ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น. 🌍 อนาคตสมาร์ทโฮมของ IKEA 🔰 ลูกค้าที่ใช้ฮับรุ่นเก่า TRÅDFRI หรือ DIRIGERA ยังสามารถใช้งานร่วมกับสินค้าใหม่ได้ 🔰 มีการคาดการณ์ว่า IKEA อาจพัฒนาลำโพงอัจฉริยะของตัวเอง หลังจากยุติการร่วมมือกับ Sonos 🔰 ตลาดสมาร์ทโฮมทั่วโลกเติบโตจาก 128 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 คาดว่าจะถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 ซึ่ง IKEA ตั้งใจจะเป็นผู้เล่นหลักในตลาดนี้. ✅ สินค้าใหม่กว่า 20 รายการ ➡️ เน้นหลอดไฟ เซ็นเซอร์ รีโมต และปลั๊กอัจฉริยะ ➡️ รองรับมาตรฐาน Matter ใช้งานร่วมกับแบรนด์อื่นได้ ✅ กลยุทธ์ธุรกิจ ➡️ เปิดตัวหลังรายงานกำไรลดลง 32% ➡️ ขยายตลาดผ่าน Best Buy ในสหรัฐฯ ✅ ความเข้ากันได้กับระบบเดิม ➡️ ใช้งานร่วมกับ TRÅDFRI และ DIRIGERA ได้เต็มฟังก์ชัน ➡️ อาจมีลำโพงอัจฉริยะของ IKEA ในอนาคต ‼️ ยังไม่มีวันวางจำหน่ายและราคาแน่นอน ⛔ ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและการเปิดตัวในแต่ละประเทศ ‼️ การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฮมสูงมาก ⛔ IKEA ต้องรักษาจุดแข็งด้านราคาและความง่ายในการใช้งาน https://www.slashgear.com/2024071/ikea-smart-home-gadgets-matter-compatible/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    IKEA Goes All-In On Smart Home Gadgets With New Product Line - SlashGear
    IKEA has dropped a new line of smart home products that include lighting, remote controls, and sensors. Here's everything you need to know.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: IronKey แฟลชไดรฟ์สุดแกร่ง ปลอดภัยเหนือกว่า USB ทั่วไป

    ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวและเอกสารสำคัญถูกเก็บไว้ในระบบคลาวด์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการถูกลบหรือหายไป หลายคนจึงหันกลับมาใช้ สื่อบันทึกข้อมูลแบบพกพา อย่างแฟลชไดรฟ์อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกแฟลชไดรฟ์จะปลอดภัยเท่ากัน — และนี่คือจุดที่ IronKey เข้ามาเป็นตัวเลือกที่แตกต่าง.

    IronKey คืออะไร
    พัฒนาในช่วงต้นปี 2000 โดยบริษัทด้านความปลอดภัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก Homeland Security ก่อนถูกซื้อโดย Kingston
    ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานระดับ รัฐบาล, กองทัพ และธุรกิจ ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด

    จุดเด่นเหนือ USB ทั่วไป
    ใช้ การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ AES 256-bit ในโหมด XTS
    ผ่านมาตรฐาน FIPS 140-2 Level 3 พร้อมชิปจัดการคีย์เข้ารหัสในตัว
    ตรวจจับการพยายามเจาะระบบ หากใส่รหัสผิด 10 ครั้ง สามารถล็อกหรือทำลายข้อมูลอัตโนมัติ
    รองรับรหัสผ่านหรือวลีรหัส (passphrase) ยาวได้ถึง 255 ตัวอักษร

    คุ้มค่าหรือไม่
    ราคาสูงกว่ามาก เช่น 8GB ราคา $77
    หากใช้เก็บไฟล์ทั่วไป เช่น รูปภาพหรือการบ้าน อาจไม่คุ้มค่า
    แต่ถ้าเป็น ข้อมูลลับทางธุรกิจหรือเอกสารสำคัญระดับชาติ ถือว่าคุ้มกับการลงทุนเพื่อความปลอดภัย

    IronKey ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
    ใช้การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่ง
    ตรวจจับการเจาะระบบและทำลายข้อมูลอัตโนมัติ

    แตกต่างจาก USB ทั่วไป
    USB ปกติใช้ซอฟต์แวร์เข้ารหัสที่ไม่แข็งแรงเท่า
    IronKey มีชิปเข้ารหัสในตัวและมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง

    การใช้งานที่เหมาะสม
    เหมาะสำหรับรัฐบาล, กองทัพ, ธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัย
    ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการความปลอดภัยสูง

    https://www.slashgear.com/1461667/ronkey-vs-regular-usb-flash-drive-explained/
    🔐 ข่าวเทคโนโลยี: IronKey แฟลชไดรฟ์สุดแกร่ง ปลอดภัยเหนือกว่า USB ทั่วไป ในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวและเอกสารสำคัญถูกเก็บไว้ในระบบคลาวด์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการถูกลบหรือหายไป หลายคนจึงหันกลับมาใช้ สื่อบันทึกข้อมูลแบบพกพา อย่างแฟลชไดรฟ์อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกแฟลชไดรฟ์จะปลอดภัยเท่ากัน — และนี่คือจุดที่ IronKey เข้ามาเป็นตัวเลือกที่แตกต่าง. 🛡️ IronKey คืออะไร 🔰 พัฒนาในช่วงต้นปี 2000 โดยบริษัทด้านความปลอดภัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก Homeland Security ก่อนถูกซื้อโดย Kingston 🔰 ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานระดับ รัฐบาล, กองทัพ และธุรกิจ ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด ⚙️ จุดเด่นเหนือ USB ทั่วไป 🔰 ใช้ การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ AES 256-bit ในโหมด XTS 🔰 ผ่านมาตรฐาน FIPS 140-2 Level 3 พร้อมชิปจัดการคีย์เข้ารหัสในตัว 🔰 ตรวจจับการพยายามเจาะระบบ หากใส่รหัสผิด 10 ครั้ง สามารถล็อกหรือทำลายข้อมูลอัตโนมัติ 🔰 รองรับรหัสผ่านหรือวลีรหัส (passphrase) ยาวได้ถึง 255 ตัวอักษร 💰 คุ้มค่าหรือไม่ 🔰 ราคาสูงกว่ามาก เช่น 8GB ราคา $77 🔰 หากใช้เก็บไฟล์ทั่วไป เช่น รูปภาพหรือการบ้าน อาจไม่คุ้มค่า 🔰 แต่ถ้าเป็น ข้อมูลลับทางธุรกิจหรือเอกสารสำคัญระดับชาติ ถือว่าคุ้มกับการลงทุนเพื่อความปลอดภัย ✅ IronKey ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ➡️ ใช้การเข้ารหัสฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่ง ➡️ ตรวจจับการเจาะระบบและทำลายข้อมูลอัตโนมัติ ✅ แตกต่างจาก USB ทั่วไป ➡️ USB ปกติใช้ซอฟต์แวร์เข้ารหัสที่ไม่แข็งแรงเท่า ➡️ IronKey มีชิปเข้ารหัสในตัวและมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ✅ การใช้งานที่เหมาะสม ➡️ เหมาะสำหรับรัฐบาล, กองทัพ, ธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัย ➡️ ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการความปลอดภัยสูง https://www.slashgear.com/1461667/ronkey-vs-regular-usb-flash-drive-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Is An IronKey And How Is It Different From Regular Flash Drives? - SlashGear
    If you've shopped for external storage, you might have come across IronKey flash drives. They cost a lot more, but what makes them so special?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: วิธีฟรีๆ เคลียร์พื้นที่ Gmail โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

    หลายคนอาจเคยเจอข้อความเตือนว่า “Gmail storage is full” ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยเมื่อพื้นที่ฟรี 15GB ของ Google ถูกใช้งานครบ ทั้งจากอีเมล ไฟล์แนบ และ Google Drive แต่มีวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

    🛠 วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น
    หนึ่งในทางออกคือ สร้างบัญชี Gmail ใหม่ แล้วนำอีเมลเก่าทั้งหมดไปนำเข้า (Import) ผ่านการตั้งค่า POP3 ซึ่งช่วยให้คุณยังเข้าถึงข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องลบอะไรออกทันที หากไม่อยากยุ่งยากก็สามารถใช้บัญชีใหม่แทนไปเลย

    จัดการอีเมลขยะและการสมัครรับข่าวสาร
    อีกวิธีคือการ ยกเลิกการสมัครรับอีเมล (Unsubscribe) ที่ไม่จำเป็น ซึ่งช่วยลดการสะสมของข้อความที่กินพื้นที่ แต่ต้องระวังเพราะบางปุ่ม Unsubscribe อาจเป็นลิงก์หลอกลวงจากสแปมเมอร์

    ทางเลือกการจัดเก็บข้อมูล
    หากพื้นที่เต็มเพราะไฟล์หรือรูปภาพ การใช้บริการอื่นๆ เช่น iCloud, OneDrive, Box หรือแม้แต่ฮาร์ดดิสก์ภายนอกก็เป็นทางเลือกที่ดี และยังสามารถเลือกแพ็กเกจ Google One ที่เริ่มต้น 30GB ไปจนถึง 2TB ได้หากต้องการอัปเกรดในอนาคต

    🗑 เคล็ดลับเล็กๆ
    อย่าลืมว่า การลบอีเมลไม่เท่ากับการเคลียร์พื้นที่ทันที เพราะ Gmail จะเก็บไว้ในถังขยะอีก 30 วัน ดังนั้นควรเข้าไปล้างถังขยะด้วย

    วิธีฟรีในการแก้ปัญหา Gmail เต็ม
    สร้างบัญชีใหม่แล้วนำเข้าอีเมลเก่า
    ใช้บัญชีใหม่แทนหากไม่อยากจัดการ

    การจัดการอีเมลขยะและการสมัครรับข่าวสาร
    กด Unsubscribe เพื่อลดข้อความที่ไม่จำเป็น
    ใช้เครื่องมือช่วย เช่น Leave Me Alone, Clean Email

    ทางเลือกการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
    ใช้บริการคลาวด์อื่น เช่น iCloud, OneDrive
    ลงทุนในฮาร์ดดิสก์ภายนอกเพื่อเก็บไฟล์สำคัญ

    เคล็ดลับการเคลียร์พื้นที่ Gmail
    ล้างถังขยะหลังจากลบอีเมล
    ตรวจสอบไฟล์แนบขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่

    https://www.slashgear.com/2013474/free-easy-way-to-free-up-gmail-storage/
    📧 ข่าวเทคโนโลยี: วิธีฟรีๆ เคลียร์พื้นที่ Gmail โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม หลายคนอาจเคยเจอข้อความเตือนว่า “Gmail storage is full” ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยเมื่อพื้นที่ฟรี 15GB ของ Google ถูกใช้งานครบ ทั้งจากอีเมล ไฟล์แนบ และ Google Drive แต่มีวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม 🛠 วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น หนึ่งในทางออกคือ สร้างบัญชี Gmail ใหม่ แล้วนำอีเมลเก่าทั้งหมดไปนำเข้า (Import) ผ่านการตั้งค่า POP3 ซึ่งช่วยให้คุณยังเข้าถึงข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องลบอะไรออกทันที หากไม่อยากยุ่งยากก็สามารถใช้บัญชีใหม่แทนไปเลย 🚫 จัดการอีเมลขยะและการสมัครรับข่าวสาร อีกวิธีคือการ ยกเลิกการสมัครรับอีเมล (Unsubscribe) ที่ไม่จำเป็น ซึ่งช่วยลดการสะสมของข้อความที่กินพื้นที่ แต่ต้องระวังเพราะบางปุ่ม Unsubscribe อาจเป็นลิงก์หลอกลวงจากสแปมเมอร์ 💾 ทางเลือกการจัดเก็บข้อมูล หากพื้นที่เต็มเพราะไฟล์หรือรูปภาพ การใช้บริการอื่นๆ เช่น iCloud, OneDrive, Box หรือแม้แต่ฮาร์ดดิสก์ภายนอกก็เป็นทางเลือกที่ดี และยังสามารถเลือกแพ็กเกจ Google One ที่เริ่มต้น 30GB ไปจนถึง 2TB ได้หากต้องการอัปเกรดในอนาคต 🗑 เคล็ดลับเล็กๆ อย่าลืมว่า การลบอีเมลไม่เท่ากับการเคลียร์พื้นที่ทันที เพราะ Gmail จะเก็บไว้ในถังขยะอีก 30 วัน ดังนั้นควรเข้าไปล้างถังขยะด้วย ✅ วิธีฟรีในการแก้ปัญหา Gmail เต็ม ➡️ สร้างบัญชีใหม่แล้วนำเข้าอีเมลเก่า ➡️ ใช้บัญชีใหม่แทนหากไม่อยากจัดการ ✅ การจัดการอีเมลขยะและการสมัครรับข่าวสาร ➡️ กด Unsubscribe เพื่อลดข้อความที่ไม่จำเป็น ➡️ ใช้เครื่องมือช่วย เช่น Leave Me Alone, Clean Email ✅ ทางเลือกการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ➡️ ใช้บริการคลาวด์อื่น เช่น iCloud, OneDrive ➡️ ลงทุนในฮาร์ดดิสก์ภายนอกเพื่อเก็บไฟล์สำคัญ ✅ เคล็ดลับการเคลียร์พื้นที่ Gmail ➡️ ล้างถังขยะหลังจากลบอีเมล ➡️ ตรวจสอบไฟล์แนบขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ https://www.slashgear.com/2013474/free-easy-way-to-free-up-gmail-storage/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Gmail Storage Full, But Don't Want To Pay? Try This Instead - SlashGear
    If your Gmail account is reaching its storage limit, there is a free way you can go about clearing up space without losing anything. Here's something to try.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: "qBittorrent 5.1.3 รองรับ Wayland แบบเนทีฟใน AppImage พร้อมแก้บั๊กเพียบ"
    ทีมพัฒนา qBittorrent ได้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ 5.1.3 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาในซีรีส์ 5.1 โดยมีจุดเด่นสำคัญคือ AppImage ทำงานได้แบบเนทีฟบน Wayland ทำให้ผู้ใช้ Linux ที่ใช้ Wayland สามารถใช้งานได้ราบรื่นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง XWayland อีกต่อไป

    นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กจำนวนมากที่ผู้ใช้เจอมานาน เช่น
    ปัญหา crash ที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน getrandom() บนบางระบบ Linux
    ปัญหา ลิงก์ Transifex ที่ไม่ถูกต้อง
    ปัญหา ปุ่ม “Save as .torrent file” แสดงก่อน metadata ถูกดึงมา
    Crash ที่เกิดจากการจัดการลำดับของ libtorrent alerts
    ปัญหา accessibility สำหรับ screen reader ใน torrent list
    ปัญหา HTTP header ที่กระทบ reverse proxy ใน WebUI

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น
    ไม่ทิ้งโฟลเดอร์ว่างเมื่อย้ายหรือลบ torrent
    ปรับปรุงการ autofill path suggestion ให้ใช้ native separator
    แก้ไขการตรวจจับภาษาใน macOS
    เพิ่มการแปล Catalan และ Kurdish ใน Windows installer
    ปรับปรุงระบบตรวจสอบอัปเดตบน Windows

    AppImage รองรับ Wayland แบบเนทีฟ
    ทำงานได้บน Linux ที่ใช้ Wayland โดยไม่ต้องพึ่ง XWayland
    เพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพในการใช้งาน

    แก้ไขบั๊กจำนวนมาก
    Crash จาก getrandom() และ libtorrent alerts
    ปัญหาปุ่ม Save torrent file และ accessibility

    ปรับปรุงการทำงานทั่วไป
    ไม่ทิ้งโฟลเดอร์ว่างเมื่อย้ายหรือลบไฟล์
    ปรับปรุง WebUI และระบบตรวจสอบอัปเดต

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้
    แม้จะเสถียรขึ้น แต่ยังอาจพบบั๊กใหม่ใน Wayland เนื่องจากเพิ่งรองรับ
    ผู้ใช้ที่พึ่งพา plugin เสริมควรตรวจสอบความเข้ากันได้ก่อนอัปเดต

    https://9to5linux.com/qbittorrent-5-1-3-adds-native-wayland-support-to-the-appimage-fixes-more-bugs
    🌐 ข่าวเทคโนโลยี: "qBittorrent 5.1.3 รองรับ Wayland แบบเนทีฟใน AppImage พร้อมแก้บั๊กเพียบ" ทีมพัฒนา qBittorrent ได้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ 5.1.3 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาในซีรีส์ 5.1 โดยมีจุดเด่นสำคัญคือ AppImage ทำงานได้แบบเนทีฟบน Wayland ทำให้ผู้ใช้ Linux ที่ใช้ Wayland สามารถใช้งานได้ราบรื่นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง XWayland อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กจำนวนมากที่ผู้ใช้เจอมานาน เช่น 🪲 ปัญหา crash ที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน getrandom() บนบางระบบ Linux 🪲 ปัญหา ลิงก์ Transifex ที่ไม่ถูกต้อง 🪲 ปัญหา ปุ่ม “Save as .torrent file” แสดงก่อน metadata ถูกดึงมา 🪲 Crash ที่เกิดจากการจัดการลำดับของ libtorrent alerts 🪲 ปัญหา accessibility สำหรับ screen reader ใน torrent list 🪲 ปัญหา HTTP header ที่กระทบ reverse proxy ใน WebUI นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น 🔰 ไม่ทิ้งโฟลเดอร์ว่างเมื่อย้ายหรือลบ torrent 🔰 ปรับปรุงการ autofill path suggestion ให้ใช้ native separator 🔰 แก้ไขการตรวจจับภาษาใน macOS 🔰 เพิ่มการแปล Catalan และ Kurdish ใน Windows installer 🔰 ปรับปรุงระบบตรวจสอบอัปเดตบน Windows ✅ AppImage รองรับ Wayland แบบเนทีฟ ➡️ ทำงานได้บน Linux ที่ใช้ Wayland โดยไม่ต้องพึ่ง XWayland ➡️ เพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพในการใช้งาน ✅ แก้ไขบั๊กจำนวนมาก ➡️ Crash จาก getrandom() และ libtorrent alerts ➡️ ปัญหาปุ่ม Save torrent file และ accessibility ✅ ปรับปรุงการทำงานทั่วไป ➡️ ไม่ทิ้งโฟลเดอร์ว่างเมื่อย้ายหรือลบไฟล์ ➡️ ปรับปรุง WebUI และระบบตรวจสอบอัปเดต ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ ⛔ แม้จะเสถียรขึ้น แต่ยังอาจพบบั๊กใหม่ใน Wayland เนื่องจากเพิ่งรองรับ ⛔ ผู้ใช้ที่พึ่งพา plugin เสริมควรตรวจสอบความเข้ากันได้ก่อนอัปเดต https://9to5linux.com/qbittorrent-5-1-3-adds-native-wayland-support-to-the-appimage-fixes-more-bugs
    9TO5LINUX.COM
    qBittorrent 5.1.3 Adds Native Wayland Support to the AppImage, Fixes More Bugs - 9to5Linux
    qBittorrent 5.1.3 open-source BitTorrent client is now available for download with various bug fixes and improvements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: "KDE Plasma 6.4.6 ปิดฉากซีรีส์ด้วยการแก้บั๊กครั้งใหญ่"

    ทีมพัฒนา KDE ได้ปล่อย KDE Plasma 6.4.6 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4 ก่อนจะเข้าสู่ Plasma 6.5 ที่ใหม่กว่า จุดสำคัญของเวอร์ชันนี้คือการแก้ไขบั๊กจำนวนมากที่สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ เช่น

    ปัญหา Breeze GTK style ที่ไม่ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
    Crash ใน Plasma System Monitor และ KMenuEdit
    ปัญหาการแสดงผล widget เช่น Timer, Weather Report, Media Player และ Shortcuts
    ปัญหาการจัดการ session ที่ทำให้ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานผิดพลาด
    การแก้ไขบั๊กที่อาจนำไปสู่ การสูญหายของข้อมูลใน Sticky Notes

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Plasma Discover ให้จัดการ shutdown/restart ได้ดีขึ้นเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก และปรับปรุงการค้นหาแอปไม่ให้เลือก Flatpak/Snap โดยไม่เหมาะสม

    แม้จะเป็นเพียงการอัปเดตบำรุงรักษา แต่ Plasma 6.4.6 ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะแก้ไขทั้งปัญหาด้านเสถียรภาพและความปลอดภัย พร้อมทั้งเป็นการปิดฉากซีรีส์ 6.4 อย่างสมบูรณ์

    KDE Plasma 6.4.6 คือการอัปเดตครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4
    ทีมพัฒนาแนะนำให้ผู้ใช้ย้ายไป Plasma 6.5

    การแก้ไขบั๊กสำคัญ
    Breeze GTK style ไม่ถูกเปิดใช้งาน
    Crash ใน System Monitor และ KMenuEdit
    ปัญหาการแสดงผล widget หลายตัว

    ปรับปรุงการจัดการระบบ
    ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานถูกต้อง
    Plasma Discover ป้องกันการสูญหายของข้อมูลเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Sticky Notes อาจสูญหายหากสร้างด้วย middle-click paste และไม่เคยคลิกเข้าไปแก้ไข
    หาก Plasma crash หรือไฟดับ ข้อมูลที่ยังไม่บันทึกอาจหายไป

    https://9to5linux.com/kde-plasma-6-4-6-released-with-numerous-bug-fixes-for-plasma-6-4-users
    🖥️ ข่าวเทคโนโลยี: "KDE Plasma 6.4.6 ปิดฉากซีรีส์ด้วยการแก้บั๊กครั้งใหญ่" ทีมพัฒนา KDE ได้ปล่อย KDE Plasma 6.4.6 ซึ่งถือเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4 ก่อนจะเข้าสู่ Plasma 6.5 ที่ใหม่กว่า จุดสำคัญของเวอร์ชันนี้คือการแก้ไขบั๊กจำนวนมากที่สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ เช่น 🔰 ปัญหา Breeze GTK style ที่ไม่ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น 🔰 Crash ใน Plasma System Monitor และ KMenuEdit 🔰 ปัญหาการแสดงผล widget เช่น Timer, Weather Report, Media Player และ Shortcuts 🔰 ปัญหาการจัดการ session ที่ทำให้ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานผิดพลาด 🔰 การแก้ไขบั๊กที่อาจนำไปสู่ การสูญหายของข้อมูลใน Sticky Notes นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Plasma Discover ให้จัดการ shutdown/restart ได้ดีขึ้นเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก และปรับปรุงการค้นหาแอปไม่ให้เลือก Flatpak/Snap โดยไม่เหมาะสม แม้จะเป็นเพียงการอัปเดตบำรุงรักษา แต่ Plasma 6.4.6 ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะแก้ไขทั้งปัญหาด้านเสถียรภาพและความปลอดภัย พร้อมทั้งเป็นการปิดฉากซีรีส์ 6.4 อย่างสมบูรณ์ ✅ KDE Plasma 6.4.6 คือการอัปเดตครั้งสุดท้ายของซีรีส์ 6.4 ➡️ ทีมพัฒนาแนะนำให้ผู้ใช้ย้ายไป Plasma 6.5 ✅ การแก้ไขบั๊กสำคัญ ➡️ Breeze GTK style ไม่ถูกเปิดใช้งาน ➡️ Crash ใน System Monitor และ KMenuEdit ➡️ ปัญหาการแสดงผล widget หลายตัว ✅ ปรับปรุงการจัดการระบบ ➡️ ปุ่ม Shut Down/Restart/Log Out ทำงานถูกต้อง ➡️ Plasma Discover ป้องกันการสูญหายของข้อมูลเมื่อมีงานที่ยังไม่บันทึก ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Sticky Notes อาจสูญหายหากสร้างด้วย middle-click paste และไม่เคยคลิกเข้าไปแก้ไข ⛔ หาก Plasma crash หรือไฟดับ ข้อมูลที่ยังไม่บันทึกอาจหายไป https://9to5linux.com/kde-plasma-6-4-6-released-with-numerous-bug-fixes-for-plasma-6-4-users
    9TO5LINUX.COM
    KDE Plasma 6.4.6 Released with Numerous Bug Fixes for Plasma 6.4 Users - 9to5Linux
    KDE Plasma 6.4.6 is now available as the sixth andd last maintenance update to the KDE Plasma 6.4 desktop environment series.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: "D7VK – สะพานเชื่อมเกม Direct3D 7 สู่โลก Linux"

    ใครที่เติบโตมากับเกมยุคปลาย 90s ถึงต้น 2000s คงจำได้ว่าหลายเกมใช้ Direct3D 7 ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถรันบน Linux ได้โดยตรง แต่ล่าสุดมีโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สชื่อ D7VK ที่พัฒนาโดยนักพัฒนานาม WinterSnowfall ซึ่งเคยทำ D8VK มาก่อน และตอนนี้ก็หันมาสร้างตัวแปลคำสั่ง Direct3D 7 ให้ทำงานผ่าน DXVK (Direct3D 9 → Vulkan) บน Wine

    สิ่งที่น่าสนใจคือ D7VK ไม่ได้สัญญาว่าจะทำงานได้กับทุกเกม เพราะเกมที่ผสมการเรียกใช้ DirectDraw หรือ GDI อาจมีปัญหา เช่น ภาพหาย, จอดำ, หรือเกมเด้ง แต่ก็มีบางเกมที่ทำงานได้ดี และผู้ใช้สามารถติดตามสถานะได้จากหน้า Issues บน GitHub ของโปรเจกต์

    นอกจากนี้ D7VK ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น HUD overlay และ การจำกัดเฟรมเรต เพื่อช่วยตรวจสอบประสิทธิภาพและแก้บั๊กกราฟิก เหมาะสำหรับนักเล่นเกมที่อยากทดสอบและช่วยพัฒนาโปรเจกต์ให้สมบูรณ์ขึ้น

    D7VK คือโปรเจกต์ใหม่สำหรับ Linux
    ใช้ Vulkan-based translation layer แปลง Direct3D 7 → Direct3D 9 → Vulkan
    ทำงานร่วมกับ Wine และ DXVK

    นักพัฒนาคือ WinterSnowfall
    เคยทำ D8VK มาก่อน และถูก merge เข้ากับ DXVK
    โปรเจกต์นี้ยังคงเปิดซอร์สและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    ฟีเจอร์เสริม
    HUD overlay สำหรับดูข้อมูลการทำงาน
    Frame rate limiter เพื่อควบคุมประสิทธิภาพ

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ไม่รองรับทุกเกม โดยเฉพาะเกมที่ใช้ DirectDraw/GDI ร่วมกับ D3D7
    อาจเจอปัญหา texture หาย, crash, หรือจอดำ
    ยังไม่มีลิสต์เกมที่รองรับอย่างเป็นทางการ ต้องลองเอง

    https://itsfoss.com/news/play-d3d7-games-on-linux/
    🎮 ข่าวเทคโนโลยี: "D7VK – สะพานเชื่อมเกม Direct3D 7 สู่โลก Linux" ใครที่เติบโตมากับเกมยุคปลาย 90s ถึงต้น 2000s คงจำได้ว่าหลายเกมใช้ Direct3D 7 ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถรันบน Linux ได้โดยตรง แต่ล่าสุดมีโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สชื่อ D7VK ที่พัฒนาโดยนักพัฒนานาม WinterSnowfall ซึ่งเคยทำ D8VK มาก่อน และตอนนี้ก็หันมาสร้างตัวแปลคำสั่ง Direct3D 7 ให้ทำงานผ่าน DXVK (Direct3D 9 → Vulkan) บน Wine สิ่งที่น่าสนใจคือ D7VK ไม่ได้สัญญาว่าจะทำงานได้กับทุกเกม เพราะเกมที่ผสมการเรียกใช้ DirectDraw หรือ GDI อาจมีปัญหา เช่น ภาพหาย, จอดำ, หรือเกมเด้ง แต่ก็มีบางเกมที่ทำงานได้ดี และผู้ใช้สามารถติดตามสถานะได้จากหน้า Issues บน GitHub ของโปรเจกต์ นอกจากนี้ D7VK ยังมีฟีเจอร์เสริม เช่น HUD overlay และ การจำกัดเฟรมเรต เพื่อช่วยตรวจสอบประสิทธิภาพและแก้บั๊กกราฟิก เหมาะสำหรับนักเล่นเกมที่อยากทดสอบและช่วยพัฒนาโปรเจกต์ให้สมบูรณ์ขึ้น ✅ D7VK คือโปรเจกต์ใหม่สำหรับ Linux ➡️ ใช้ Vulkan-based translation layer แปลง Direct3D 7 → Direct3D 9 → Vulkan ➡️ ทำงานร่วมกับ Wine และ DXVK ✅ นักพัฒนาคือ WinterSnowfall ➡️ เคยทำ D8VK มาก่อน และถูก merge เข้ากับ DXVK ➡️ โปรเจกต์นี้ยังคงเปิดซอร์สและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ HUD overlay สำหรับดูข้อมูลการทำงาน ➡️ Frame rate limiter เพื่อควบคุมประสิทธิภาพ ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ไม่รองรับทุกเกม โดยเฉพาะเกมที่ใช้ DirectDraw/GDI ร่วมกับ D3D7 ⛔ อาจเจอปัญหา texture หาย, crash, หรือจอดำ ⛔ ยังไม่มีลิสต์เกมที่รองรับอย่างเป็นทางการ ต้องลองเอง https://itsfoss.com/news/play-d3d7-games-on-linux/
    ITSFOSS.COM
    You Can Play Classic D3D7 Games on Linux With This New Project, But Don’t Expect Perfection
    A new Vulkan-based translation layer brings old Windows games to Linux.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: "Flathub ถูกนักพัฒนาแอบใช้แท็ก NSFW เพื่อโกยดาวน์โหลด"

    ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์โอเพ่นซอร์สที่มีชื่อเสียงอย่าง Flathub ซึ่งเป็นศูนย์รวมแอป Flatpak สำหรับ Linux กลับไปติดอันดับ Google ด้วยคำค้นหาอย่าง “pornhub downloader” ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงเมื่อมีนักพัฒนาที่ชื่อ Warlord Software สร้างแอปดาวน์โหลดวิดีโอธรรมดา ๆ แต่ใส่แท็ก NSFW ลงไปในหน้าแอปบน Flathub

    ผลลัพธ์คือ แอปเหล่านี้ถูก Google จัดอันดับสูง เพราะ Flathub เป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเข้าใจผิดและดาวน์โหลดไปใช้ โดยยอดดาวน์โหลดทะลุ 250,000 ครั้ง ทั้งที่แอปไม่ได้มีฟีเจอร์พิเศษใด ๆ และยังขายเวอร์ชันพรีเมียมอีกด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือ บนเว็บไซต์ของนักพัฒนาเองกลับไม่มีการใช้คำ NSFW เลย แสดงให้เห็นว่าเป็นการจงใจใช้ชื่อเสียงของ Flathub เพื่อดึงคนเข้าไปดาวน์โหลด ถือเป็นการ “เอาเปรียบระบบโอเพ่นซอร์ส” อย่างชัดเจน

    Flathub ถูกใช้ชื่อเสียงเพื่อดันแอป
    แอปดาวน์โหลดวิดีโอธรรมดา ๆ แต่ใส่แท็ก NSFW
    ทำให้ติดอันดับ Google ในคำค้นหาที่แข่งขันสูง

    ผลลัพธ์คือยอดดาวน์โหลดมหาศาล
    แอปจากนักพัฒนารายเดียวมียอดดาวน์โหลดกว่า 250,000 ครั้ง
    ทั้งที่ไม่มีฟีเจอร์พิเศษและยังขายเวอร์ชันพรีเมียม

    เว็บไซต์นักพัฒนาไม่ใช้คำ NSFW
    แสดงถึงการจงใจใช้ Flathub เป็นเครื่องมือในการโปรโมต
    ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นแอปที่ถูกตรวจสอบแล้ว

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ Linux
    อย่าดาวน์โหลดแอปเพียงเพราะเห็นแท็กหรืออันดับสูงใน Google
    ตรวจสอบที่มาของแอปและรีวิวจากชุมชนก่อนติดตั้ง

    https://itsfoss.com/news/flathub-tag-exploited/
    🚨 ข่าวเทคโนโลยี: "Flathub ถูกนักพัฒนาแอบใช้แท็ก NSFW เพื่อโกยดาวน์โหลด" ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์โอเพ่นซอร์สที่มีชื่อเสียงอย่าง Flathub ซึ่งเป็นศูนย์รวมแอป Flatpak สำหรับ Linux กลับไปติดอันดับ Google ด้วยคำค้นหาอย่าง “pornhub downloader” ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงเมื่อมีนักพัฒนาที่ชื่อ Warlord Software สร้างแอปดาวน์โหลดวิดีโอธรรมดา ๆ แต่ใส่แท็ก NSFW ลงไปในหน้าแอปบน Flathub ผลลัพธ์คือ แอปเหล่านี้ถูก Google จัดอันดับสูง เพราะ Flathub เป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเข้าใจผิดและดาวน์โหลดไปใช้ โดยยอดดาวน์โหลดทะลุ 250,000 ครั้ง ทั้งที่แอปไม่ได้มีฟีเจอร์พิเศษใด ๆ และยังขายเวอร์ชันพรีเมียมอีกด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือ บนเว็บไซต์ของนักพัฒนาเองกลับไม่มีการใช้คำ NSFW เลย แสดงให้เห็นว่าเป็นการจงใจใช้ชื่อเสียงของ Flathub เพื่อดึงคนเข้าไปดาวน์โหลด ถือเป็นการ “เอาเปรียบระบบโอเพ่นซอร์ส” อย่างชัดเจน ✅ Flathub ถูกใช้ชื่อเสียงเพื่อดันแอป ➡️ แอปดาวน์โหลดวิดีโอธรรมดา ๆ แต่ใส่แท็ก NSFW ➡️ ทำให้ติดอันดับ Google ในคำค้นหาที่แข่งขันสูง ✅ ผลลัพธ์คือยอดดาวน์โหลดมหาศาล ➡️ แอปจากนักพัฒนารายเดียวมียอดดาวน์โหลดกว่า 250,000 ครั้ง ➡️ ทั้งที่ไม่มีฟีเจอร์พิเศษและยังขายเวอร์ชันพรีเมียม ✅ เว็บไซต์นักพัฒนาไม่ใช้คำ NSFW ➡️ แสดงถึงการจงใจใช้ Flathub เป็นเครื่องมือในการโปรโมต ➡️ ทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็นแอปที่ถูกตรวจสอบแล้ว ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ Linux ⛔ อย่าดาวน์โหลดแอปเพียงเพราะเห็นแท็กหรืออันดับสูงใน Google ⛔ ตรวจสอบที่มาของแอปและรีวิวจากชุมชนก่อนติดตั้ง https://itsfoss.com/news/flathub-tag-exploited/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยี: "FreeScout ทางเลือกใหม่แทน Help Scout – เปิดกว้าง ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกค่าใช้จ่าย"

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังใช้ระบบช่วยเหลือลูกค้า (Help Desk) ที่วันหนึ่งบริษัทเจ้าของปรับราคาขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นโดยไม่เต็มใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ Help Scout ที่เคยปรับราคา จนผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจ และแม้จะปรับลดลงภายหลัง แต่ความเชื่อมั่นก็สั่นคลอนไปแล้ว

    ตรงนี้เองที่ FreeScout โผล่ขึ้นมาเป็นพระเอกในโลกโอเพ่นซอร์ส — ระบบ Help Desk ที่คุณสามารถติดตั้งเองบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ ไม่ต้องกลัวถูกล็อกฟีเจอร์หรือปรับราคาแบบไม่ทันตั้งตัว จุดเด่นคือความยืดหยุ่นสูงและการควบคุมข้อมูลได้เต็มมือ

    นอกจากนั้น FreeScout ยังมีโมดูลเสริมที่เลือกใช้ได้ตามต้องการ เช่น การเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram หรือ CRM ต่าง ๆ รวมถึงโมดูล AI ที่ชุมชนพัฒนาขึ้นมาเอง ทำให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งระบบให้ตรงกับความต้องการจริง ๆ โดยไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น

    อย่างไรก็ตาม การใช้ FreeScout ก็มีข้อควรระวัง เพราะคุณต้องดูแลการติดตั้ง อัปเดต และสำรองข้อมูลเอง หากทีมไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์

    FreeScout ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกราคา
    เป็นโอเพ่นซอร์ส ใช้ฟรี ยืดหยุ่นสูง
    ค่าใช้จ่ายหลักคือการโฮสต์และโมดูลเสริมที่เลือกเอง

    ฟีเจอร์ที่ครบครัน
    มีระบบกล่องจดหมายรวม, การจัดการผู้ใช้, การตรวจจับการชนกันของเอเจนต์
    รองรับการเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram และ CRM

    ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่
    ผู้ใช้สามารถกำหนดวิธีเก็บและสำรองข้อมูลเอง
    เหมาะกับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

    รองรับการใช้งานบนมือถือ
    มีแอป Android และ iOS แต่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    ต้องมีทีมเทคนิคดูแลการติดตั้งและอัปเดต
    การย้ายระบบออกภายหลังอาจซับซ้อน แม้ข้อมูลยังอยู่กับผู้ใช้

    https://itsfoss.com/freescout-open-source-help-desk/
    📨 ข่าวเทคโนโลยี: "FreeScout ทางเลือกใหม่แทน Help Scout – เปิดกว้าง ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกค่าใช้จ่าย" ลองนึกภาพว่าคุณกำลังใช้ระบบช่วยเหลือลูกค้า (Help Desk) ที่วันหนึ่งบริษัทเจ้าของปรับราคาขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นโดยไม่เต็มใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ Help Scout ที่เคยปรับราคา จนผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจ และแม้จะปรับลดลงภายหลัง แต่ความเชื่อมั่นก็สั่นคลอนไปแล้ว ตรงนี้เองที่ FreeScout โผล่ขึ้นมาเป็นพระเอกในโลกโอเพ่นซอร์ส 🛠️ — ระบบ Help Desk ที่คุณสามารถติดตั้งเองบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ ไม่ต้องกลัวถูกล็อกฟีเจอร์หรือปรับราคาแบบไม่ทันตั้งตัว จุดเด่นคือความยืดหยุ่นสูงและการควบคุมข้อมูลได้เต็มมือ นอกจากนั้น FreeScout ยังมีโมดูลเสริมที่เลือกใช้ได้ตามต้องการ เช่น การเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram หรือ CRM ต่าง ๆ รวมถึงโมดูล AI ที่ชุมชนพัฒนาขึ้นมาเอง ทำให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งระบบให้ตรงกับความต้องการจริง ๆ โดยไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น อย่างไรก็ตาม การใช้ FreeScout ก็มีข้อควรระวัง ⚠️ เพราะคุณต้องดูแลการติดตั้ง อัปเดต และสำรองข้อมูลเอง หากทีมไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค อาจกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ✅ FreeScout ไม่ล็อกอิน ไม่ล็อกราคา ➡️ เป็นโอเพ่นซอร์ส ใช้ฟรี ยืดหยุ่นสูง ➡️ ค่าใช้จ่ายหลักคือการโฮสต์และโมดูลเสริมที่เลือกเอง ✅ ฟีเจอร์ที่ครบครัน ➡️ มีระบบกล่องจดหมายรวม, การจัดการผู้ใช้, การตรวจจับการชนกันของเอเจนต์ ➡️ รองรับการเชื่อมต่อกับ Slack, Telegram และ CRM ✅ ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่ ➡️ ผู้ใช้สามารถกำหนดวิธีเก็บและสำรองข้อมูลเอง ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ✅ รองรับการใช้งานบนมือถือ ➡️ มีแอป Android และ iOS แต่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ ต้องมีทีมเทคนิคดูแลการติดตั้งและอัปเดต ⛔ การย้ายระบบออกภายหลังอาจซับซ้อน แม้ข้อมูลยังอยู่กับผู้ใช้ https://itsfoss.com/freescout-open-source-help-desk/
    ITSFOSS.COM
    Tired of Help Scout Pulling the Rug from Under You? Try This Free, Open Source Alternative
    Discover how FreeScout lets you run your own help desk without vendor lock-in or surprise price hikes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวเทคโนโลยีวันนี้: WhatsApp บุก Apple Watch แบบเต็มตัว!

    ในที่สุดก็ถึงวันที่หลายคนรอคอย—Meta ประกาศเปิดตัวแอป WhatsApp แบบ native สำหรับ Apple Watch แล้ว! ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือนจาก iPhone อีกต่อไป แต่เป็นการใช้งานจริงจังบนข้อมือคุณ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การสื่อสารสะดวกขึ้นกว่าเดิม

    ลองนึกภาพคุณกำลังเดินเล่นอยู่ แล้วมีข้อความเข้ามา คุณไม่ต้องหยิบมือถือเลย แค่ยกข้อมือขึ้นก็สามารถอ่านข้อความเต็มๆ ตอบกลับด้วยเสียง หรือส่งอีโมจิได้ทันที นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ Apple Watch กลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่แท้จริง

    นอกจากฟีเจอร์ใหม่ WhatsApp ยังยืนยันว่าการเข้ารหัสแบบ end-to-end ยังคงอยู่ แม้จะใช้งานบน Apple Watch ซึ่งถือเป็นจุดแข็งด้านความปลอดภัยที่หลายคนให้ความสำคัญ

    ฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาในแอป WhatsApp บน Apple Watch

    รองรับการอ่านข้อความแบบเต็ม
    ไม่ต้องทนกับข้อความที่ถูกตัดอีกต่อไป อ่านได้ครบถ้วนบนหน้าปัด

    ส่งข้อความเสียงได้ทันที
    กดอัดเสียงและส่งได้จากนาฬิกาโดยตรง ไม่ต้องพึ่งมือถือ

    ตอบกลับด้วยอีโมจิ
    เพิ่มความเร็วและความสนุกในการสื่อสาร

    ดูข้อมูลสายเรียกเข้าแบบละเอียด
    ตัดสินใจรับสายได้ง่ายขึ้นจากข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอ

    รองรับภาพและสติกเกอร์
    ดูภาพและสติกเกอร์คุณภาพสูงได้อย่างลื่นไหล

    เข้าถึงประวัติแชทย้อนหลังได้มากขึ้น
    ไม่ต้องเปิดมือถือเพื่อดูแชตเก่าอีกต่อไป

    การเข้ารหัสแบบ End-to-End ยังคงอยู่
    ปลอดภัยแม้ใช้งานผ่านอุปกรณ์สวมใส่

    ข้อจำกัดในการใช้งาน
    ต้องใช้ Apple Watch Series 4 ขึ้นไป และต้องรัน watchOS 10 หรือใหม่กว่า
    ไม่สามารถใช้งานได้กับ Apple Watch รุ่นเก่า หรือ watchOS ต่ำกว่าเวอร์ชันที่กำหนด

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม
    Meta ใช้เวลานานในการพัฒนาแอป native สำหรับอุปกรณ์ Apple ที่ไม่ใช่ iPhone เช่น Instagram บน iPad ก็เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้
    การพัฒนาแอป native ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในด้านความเร็วและความเสถียร
    Apple Watch กำลังกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือสุขภาพอีกต่อไป

    นี่คือก้าวสำคัญของ WhatsApp และ Apple Watch ที่ทำให้การสื่อสารบนข้อมือคุณเป็นเรื่องจริงจังและปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม

    https://securityonline.info/finally-independent-whatsapp-launches-native-apple-watch-app-with-voice-messages/
    🕰️ ข่าวเทคโนโลยีวันนี้: WhatsApp บุก Apple Watch แบบเต็มตัว! ในที่สุดก็ถึงวันที่หลายคนรอคอย—Meta ประกาศเปิดตัวแอป WhatsApp แบบ native สำหรับ Apple Watch แล้ว! ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือนจาก iPhone อีกต่อไป แต่เป็นการใช้งานจริงจังบนข้อมือคุณ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การสื่อสารสะดวกขึ้นกว่าเดิม ลองนึกภาพคุณกำลังเดินเล่นอยู่ แล้วมีข้อความเข้ามา คุณไม่ต้องหยิบมือถือเลย แค่ยกข้อมือขึ้นก็สามารถอ่านข้อความเต็มๆ ตอบกลับด้วยเสียง หรือส่งอีโมจิได้ทันที นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ Apple Watch กลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่แท้จริง นอกจากฟีเจอร์ใหม่ WhatsApp ยังยืนยันว่าการเข้ารหัสแบบ end-to-end ยังคงอยู่ แม้จะใช้งานบน Apple Watch ซึ่งถือเป็นจุดแข็งด้านความปลอดภัยที่หลายคนให้ความสำคัญ 📱 ฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาในแอป WhatsApp บน Apple Watch ✅ รองรับการอ่านข้อความแบบเต็ม ➡️ ไม่ต้องทนกับข้อความที่ถูกตัดอีกต่อไป อ่านได้ครบถ้วนบนหน้าปัด ✅ ส่งข้อความเสียงได้ทันที ➡️ กดอัดเสียงและส่งได้จากนาฬิกาโดยตรง ไม่ต้องพึ่งมือถือ ✅ ตอบกลับด้วยอีโมจิ ➡️ เพิ่มความเร็วและความสนุกในการสื่อสาร ✅ ดูข้อมูลสายเรียกเข้าแบบละเอียด ➡️ ตัดสินใจรับสายได้ง่ายขึ้นจากข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอ ✅ รองรับภาพและสติกเกอร์ ➡️ ดูภาพและสติกเกอร์คุณภาพสูงได้อย่างลื่นไหล ✅ เข้าถึงประวัติแชทย้อนหลังได้มากขึ้น ➡️ ไม่ต้องเปิดมือถือเพื่อดูแชตเก่าอีกต่อไป ✅ การเข้ารหัสแบบ End-to-End ยังคงอยู่ ➡️ ปลอดภัยแม้ใช้งานผ่านอุปกรณ์สวมใส่ ‼️ ข้อจำกัดในการใช้งาน ⛔ ต้องใช้ Apple Watch Series 4 ขึ้นไป และต้องรัน watchOS 10 หรือใหม่กว่า ⛔ ไม่สามารถใช้งานได้กับ Apple Watch รุ่นเก่า หรือ watchOS ต่ำกว่าเวอร์ชันที่กำหนด 📚 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม 💠 Meta ใช้เวลานานในการพัฒนาแอป native สำหรับอุปกรณ์ Apple ที่ไม่ใช่ iPhone เช่น Instagram บน iPad ก็เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ 💠 การพัฒนาแอป native ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในด้านความเร็วและความเสถียร 💠 Apple Watch กำลังกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่เครื่องมือสุขภาพอีกต่อไป นี่คือก้าวสำคัญของ WhatsApp และ Apple Watch ที่ทำให้การสื่อสารบนข้อมือคุณเป็นเรื่องจริงจังและปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม ✨ https://securityonline.info/finally-independent-whatsapp-launches-native-apple-watch-app-with-voice-messages/
    SECURITYONLINE.INFO
    Finally Independent: WhatsApp Launches Native Apple Watch App with Voice Messages
    Meta launched a native WhatsApp app for Apple Watch (watchOS 10+). Users can now view full messages, send voice notes, and use E2EE without the iPhone.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วย AI ที่ตื่นก่อนคุณ — เปลี่ยนทุกเช้าให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวันอัจฉริยะ”

    OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “ChatGPT Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากผู้ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” และส่งข้อมูลที่คุณต้องการก่อนที่คุณจะถามเสียอีก

    Pulse ทำงานเบื้องหลังขณะคุณหลับ โดยวิเคราะห์ประวัติการสนทนา ความสนใจ และข้อมูลจากแอปที่คุณเชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar เพื่อสร้างสรุปประจำวันในรูปแบบ “การ์ดภาพ” ที่อ่านง่ายและเน้นการลงมือทำ เช่น แจ้งเตือนงานที่ใกล้ถึง เสนอสูตรอาหารเย็น หรือเตือนให้คุณออกกำลังกายตามแผนที่เคยตั้งไว้

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ โดย Pulse จะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป และอัปเดตทุกเช้า การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่คุณจะบันทึกไว้หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม

    ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Pulse ได้ด้วยปุ่ม “curate” เพื่อระบุหัวข้อที่ต้องการ เช่น “อัปเดตข่าวเทคโนโลยีใน Bay Area” หรือ “เตือนเรื่องสุขภาพวันศุกร์” และสามารถให้คะแนนแต่ละการ์ดเพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต

    Pulse ไม่ได้มาแทนแหล่งข้อมูลเดิม แต่ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการข้อมูล” ที่ช่วยกรองและเน้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน โดยมีระบบตรวจสอบความปลอดภัยในเนื้อหา และการเชื่อมต่อแอปทั้งหมดเป็นแบบ opt-in ผู้ใช้สามารถปิด Pulse ได้ทุกเมื่อใน Settings

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยน ChatGPT จากผู้ตอบคำถามเป็นผู้ช่วยเชิงรุก
    ทำงานเบื้องหลังขณะผู้ใช้หลับ เพื่อสร้างสรุปประจำวันแบบการ์ดภาพ 5–10 ใบ
    ใช้ข้อมูลจากการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar
    การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ผู้ใช้จะบันทึกหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหัวข้อที่ต้องการผ่านปุ่ม “curate” และให้คะแนนการ์ดแต่ละใบ
    Pulse ใช้ระบบ Memory และ Feedback เพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ
    มีแผนขยายไปยังผู้ใช้ Plus ($20/เดือน) และผู้ใช้ฟรีในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Agentic AI” ที่ AI ทำงานเชิงรุกแทนการรอคำสั่ง
    การ์ดภาพช่วยลดการ scroll แบบไร้จุดหมาย และเน้นข้อมูลที่ actionable
    การเชื่อมต่อกับ Gmail และ Calendar ช่วยให้ Pulse เสนอแนะที่ตรงกับบริบทชีวิตจริง
    ผู้ใช้สามารถขอรายงานอัตโนมัติ เช่น “สรุปข่าวทีมฟุตบอลโปรด” หรือ “แผนเดินทางสำหรับครอบครัว”
    การทดสอบกับนักศึกษาพบว่า Pulse มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อผู้ใช้กำหนดทิศทางการใช้งาน

    https://securityonline.info/chatgpt-pulse-arrives-the-proactive-ai-assistant-that-reshapes-your-morning-routine/
    🌅 “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วย AI ที่ตื่นก่อนคุณ — เปลี่ยนทุกเช้าให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวันอัจฉริยะ” OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “ChatGPT Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากผู้ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” และส่งข้อมูลที่คุณต้องการก่อนที่คุณจะถามเสียอีก Pulse ทำงานเบื้องหลังขณะคุณหลับ โดยวิเคราะห์ประวัติการสนทนา ความสนใจ และข้อมูลจากแอปที่คุณเชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar เพื่อสร้างสรุปประจำวันในรูปแบบ “การ์ดภาพ” ที่อ่านง่ายและเน้นการลงมือทำ เช่น แจ้งเตือนงานที่ใกล้ถึง เสนอสูตรอาหารเย็น หรือเตือนให้คุณออกกำลังกายตามแผนที่เคยตั้งไว้ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ โดย Pulse จะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป และอัปเดตทุกเช้า การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่คุณจะบันทึกไว้หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Pulse ได้ด้วยปุ่ม “curate” เพื่อระบุหัวข้อที่ต้องการ เช่น “อัปเดตข่าวเทคโนโลยีใน Bay Area” หรือ “เตือนเรื่องสุขภาพวันศุกร์” และสามารถให้คะแนนแต่ละการ์ดเพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต Pulse ไม่ได้มาแทนแหล่งข้อมูลเดิม แต่ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการข้อมูล” ที่ช่วยกรองและเน้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน โดยมีระบบตรวจสอบความปลอดภัยในเนื้อหา และการเชื่อมต่อแอปทั้งหมดเป็นแบบ opt-in ผู้ใช้สามารถปิด Pulse ได้ทุกเมื่อใน Settings ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยน ChatGPT จากผู้ตอบคำถามเป็นผู้ช่วยเชิงรุก ➡️ ทำงานเบื้องหลังขณะผู้ใช้หลับ เพื่อสร้างสรุปประจำวันแบบการ์ดภาพ 5–10 ใบ ➡️ ใช้ข้อมูลจากการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar ➡️ การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ผู้ใช้จะบันทึกหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหัวข้อที่ต้องการผ่านปุ่ม “curate” และให้คะแนนการ์ดแต่ละใบ ➡️ Pulse ใช้ระบบ Memory และ Feedback เพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ ➡️ มีแผนขยายไปยังผู้ใช้ Plus ($20/เดือน) และผู้ใช้ฟรีในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Agentic AI” ที่ AI ทำงานเชิงรุกแทนการรอคำสั่ง ➡️ การ์ดภาพช่วยลดการ scroll แบบไร้จุดหมาย และเน้นข้อมูลที่ actionable ➡️ การเชื่อมต่อกับ Gmail และ Calendar ช่วยให้ Pulse เสนอแนะที่ตรงกับบริบทชีวิตจริง ➡️ ผู้ใช้สามารถขอรายงานอัตโนมัติ เช่น “สรุปข่าวทีมฟุตบอลโปรด” หรือ “แผนเดินทางสำหรับครอบครัว” ➡️ การทดสอบกับนักศึกษาพบว่า Pulse มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อผู้ใช้กำหนดทิศทางการใช้งาน https://securityonline.info/chatgpt-pulse-arrives-the-proactive-ai-assistant-that-reshapes-your-morning-routine/
    SECURITYONLINE.INFO
    ChatGPT Pulse Arrives: The Proactive AI Assistant That Reshapes Your Morning Routine
    OpenAI's new ChatGPT Pulse feature delivers daily, personalized updates based on your interests, chats, and calendar. The proactive AI assistant is now available for Pro users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ยุค AI’! ‘DITP จับมือ 6 พันธมิตร’ เปิดตัว 3 ระบบใหม่! เดินหน้าใช้ ‘AI’ ช่วยผู้ส่งออกเสริมแกร่งธุรกิจไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21524/
    .
    #ไทยไท #กระทรวงพาณิชย์ #DITP #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าววันนี้ #AI
    ‘ยุค AI’! ‘DITP จับมือ 6 พันธมิตร’ เปิดตัว 3 ระบบใหม่! เดินหน้าใช้ ‘AI’ ช่วยผู้ส่งออกเสริมแกร่งธุรกิจไทย https://www.thai-tai.tv/news/21524/ . #ไทยไท #กระทรวงพาณิชย์ #DITP #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าววันนี้ #AI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'นพ. รุ่งเรือง' นำทีมไทยร่วมประชุมใหญ่ “พลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ครั้งที่ 69” เดินหน้าพลังงานนิวเคลียร์ สู่การพัฒนาประเทศไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21498/
    .
    #ไทยไท #ปรมาณูเพื่อสันติ #IAEA #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'นพ. รุ่งเรือง' นำทีมไทยร่วมประชุมใหญ่ “พลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ครั้งที่ 69” เดินหน้าพลังงานนิวเคลียร์ สู่การพัฒนาประเทศไทย https://www.thai-tai.tv/news/21498/ . #ไทยไท #ปรมาณูเพื่อสันติ #IAEA #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวง อว. มอบรางวัล “OAP Award 2568” ยกย่องหน่วยงานต้นแบบด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และรังสี
    https://www.thai-tai.tv/news/20920/
    .
    #OAPAward #ปส #ความปลอดภัยนิวเคลียร์ #วิทยาศาสตร์ #ข่าวเทคโนโลยี #ไทยไท
    ปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวง อว. มอบรางวัล “OAP Award 2568” ยกย่องหน่วยงานต้นแบบด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และรังสี https://www.thai-tai.tv/news/20920/ . #OAPAward #ปส #ความปลอดภัยนิวเคลียร์ #วิทยาศาสตร์ #ข่าวเทคโนโลยี #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา
    .
    ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย
    .
    ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป
    .
    โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ
    .
    ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา
    .
    ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย
    .
    โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก
    .
    เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย
    .
    ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา
    .
    ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย
    .
    ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้
    .
    อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่
    .
    ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน
    .
    นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา . ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย . ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป . โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ . ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา . ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย . โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก . เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย . ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา . ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย . ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้ . อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่ . ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน . นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2198 มุมมอง 0 รีวิว