• ลุ้นเปิดช่วงสงกรานต์ 68 มอเตอร์เวย์หินกอง-ปากช่อง

    โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) เปิดทดลองให้บริการช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ตั้งแต่จุดเข้า-ออกชั่วคราวถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 65 ถึงถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา รวมระยะทาง 77.493 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2566 เป็นต้นมา ล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

    โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม มอเตอร์เวย์ M6 ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง ระยะทาง 87 กิโลเมตร โดยได้ติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานก่อสร้าง พร้อมลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

    แม้ลักษณะทางกายภาพพบว่าตอนที่ 18 ถึงตอนที่ 23 ตั้งแต่ อ.แก่งคอย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ถึง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะตอนที่ 21 กำลังก่อสร้างสะพานด้านซ้ายทาง บริเวณหลัง อสค.มวกเหล็ก แต่ผู้รับจ้างจะเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเฉพาะช่วงซ้ายทางก่อน เพื่อใช้สำหรับระบายการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยสลับวันเปิดใช้ขาออกและขาเข้าเพียงขาเดียว ก่อนที่หลังสงกรานต์จะปิดการจราจรและก่อสร้างช่วงที่เหลือให้แล้วเสร็จต่อไป

    โดยการเปิดใช้ทางเริ่มจากด่านหินกอง ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 33 (ถนนภาชี-หินกอง) รับรถจากทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) จาก อ.บางปะหัน อ.นครหลวง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา, ด่านสระบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน ใกล้กับทางแยกต่างระดับพระพุทธฉาย, ด่านแก่งคอย ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 3222 (ถนนแก่งคอย-บ้านนา), ด่านมวกเหล็ก เชื่อมกับถนนมิตรภาพ บริเวณศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก และด่านปากช่อง บริเวณถนนธนะรัชต์

    สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้าง เดือน ม.ค. 2568 พบว่าคืบหน้า 97.156% โดยงานโยธาแล้วเสร็จ 33 ตอน จากทั้งหมด 40 ตอน ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่ม 1 ตอน ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างถนนเชื่อมทางต่างระดับบริเวณถนนมิตรภาพ เพื่อเข้า-ออกด่านมวกเหล็ก สะพานภายในทางแยกต่างระดับซึ่งเป็นสะพานโค้งคอนกรีตยันผาหินแห่งแรกในประเทศไทย และการก่อสร้างสะพานเชื่อมชุมชน อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 7 ตอน ได้แก่ ตอน 1, 4, 5, 18, 19, 21 และ 23 ส่วนงานระบบคืบหน้า 73.73%

    #Newskit
    ลุ้นเปิดช่วงสงกรานต์ 68 มอเตอร์เวย์หินกอง-ปากช่อง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) เปิดทดลองให้บริการช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ตั้งแต่จุดเข้า-ออกชั่วคราวถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 65 ถึงถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา รวมระยะทาง 77.493 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2566 เป็นต้นมา ล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม มอเตอร์เวย์ M6 ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง ระยะทาง 87 กิโลเมตร โดยได้ติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานก่อสร้าง พร้อมลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย แม้ลักษณะทางกายภาพพบว่าตอนที่ 18 ถึงตอนที่ 23 ตั้งแต่ อ.แก่งคอย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ถึง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะตอนที่ 21 กำลังก่อสร้างสะพานด้านซ้ายทาง บริเวณหลัง อสค.มวกเหล็ก แต่ผู้รับจ้างจะเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเฉพาะช่วงซ้ายทางก่อน เพื่อใช้สำหรับระบายการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยสลับวันเปิดใช้ขาออกและขาเข้าเพียงขาเดียว ก่อนที่หลังสงกรานต์จะปิดการจราจรและก่อสร้างช่วงที่เหลือให้แล้วเสร็จต่อไป โดยการเปิดใช้ทางเริ่มจากด่านหินกอง ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 33 (ถนนภาชี-หินกอง) รับรถจากทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) จาก อ.บางปะหัน อ.นครหลวง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา, ด่านสระบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน ใกล้กับทางแยกต่างระดับพระพุทธฉาย, ด่านแก่งคอย ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 3222 (ถนนแก่งคอย-บ้านนา), ด่านมวกเหล็ก เชื่อมกับถนนมิตรภาพ บริเวณศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก และด่านปากช่อง บริเวณถนนธนะรัชต์ สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้าง เดือน ม.ค. 2568 พบว่าคืบหน้า 97.156% โดยงานโยธาแล้วเสร็จ 33 ตอน จากทั้งหมด 40 ตอน ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่ม 1 ตอน ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างถนนเชื่อมทางต่างระดับบริเวณถนนมิตรภาพ เพื่อเข้า-ออกด่านมวกเหล็ก สะพานภายในทางแยกต่างระดับซึ่งเป็นสะพานโค้งคอนกรีตยันผาหินแห่งแรกในประเทศไทย และการก่อสร้างสะพานเชื่อมชุมชน อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 7 ตอน ได้แก่ ตอน 1, 4, 5, 18, 19, 21 และ 23 ส่วนงานระบบคืบหน้า 73.73% #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิศวกรใหญ่กรมทางหลวง ประชุมเตรียมความพร้อมเปิดมอเตอร์เวย์ M6 เพิ่มเติม ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง หลังสุริยะสั่งเร่งรัดงานก่อสร้าง ให้เปิดทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 แบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ

    เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยได้มีการติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานการก่อสร้างให้เป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ซึ่งได้มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

    ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์ช่วงดังกล่าว จะเป็นทางเลือกการเดินทางที่ช่วยแบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนที่เดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภูมิภาค ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกันนี้ กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญเพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000012988

    #MGROnline #กรมทางหลวง #มอเตอร์เวย์ #M6 #มอเตอร์เวย์โคราช
    วิศวกรใหญ่กรมทางหลวง ประชุมเตรียมความพร้อมเปิดมอเตอร์เวย์ M6 เพิ่มเติม ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง หลังสุริยะสั่งเร่งรัดงานก่อสร้าง ให้เปิดทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 แบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ • เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยได้มีการติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานการก่อสร้างให้เป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ซึ่งได้มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 • ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์ช่วงดังกล่าว จะเป็นทางเลือกการเดินทางที่ช่วยแบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนที่เดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภูมิภาค ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกันนี้ กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญเพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000012988 • #MGROnline #กรมทางหลวง #มอเตอร์เวย์ #M6 #มอเตอร์เวย์โคราช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระราม 2 เจ็บแต่จบ? ปิดทางหลักเร็วขึ้น 1 ทุ่มตรง

    วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.2568 คนที่บ้านอยู่โซนถนนพระรามที่ 2 ช่วงมหาชัยเมืองใหม่ ถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หากทำงานที่กรุงเทพฯ หลังเลิกงานคงต้องเดินทางกลับบ้านเร็วขึ้น หรือคนที่จะไปยังภาคใต้ คงต้องเผื่อเวลาในช่วงเย็นเป็นพิเศษ เพราะกรมทางหลวงจะปิดช่องทางหลักเร็วขึ้น จาก 2 ทุ่มเป็น 1 ทุ่มตรงทุกคืน เพื่อเร่งการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว จนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ

    นับเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่กรมทางหลวงตัดสินใจเจ็บแต่จบ ยอมรับเสียงตำหนิจากผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 256,000 คันต่อวัน เพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธามีเวลาเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในปลายปี 2568 ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม หลังจากที่ผ่านมาพบว่าการก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งต้องหยุดก่อสร้าง โดยเฉพาะเหตุการณ์คานสะพานถล่มลงมา บริเวณทางแยกต่างระดับเอกชัย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย

    ย้อนกลับไปก่อนเทศกาลปีใหม่ 2567 แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการก่อสร้างโดยปิดช่องทางหลัก ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึงตี 4 นั้นไม่เพียงพอ เพราะกว่าจะเตรียมการทั้งก่อนและหลังปิดถนนก็ใช้เวลานาน อีกทั้งระยะเวลาในการก่อสร้างก็มีเวลาให้น้อยมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน บางครั้งก็เกิดปัญหาทางเทคนิคระหว่างก่อสร้างก็มี ที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดขยายเวลาปิดช่องทางหลัก แม้จะมีผลกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติก็เจอแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็น้อมรับ

    กระทั่งวันที่ 1 เม.ย.2567 ได้ขยายเวลาเป็น 2 ทุ่มถึงตีห้าครึ่ง และในปี 2568 กำลังจะขยายเวลาเป็น 1 ทุ่มถึงตี 5 ครึ่ง

    โครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 เริ่มต้นก่อสร้างช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร มาตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. 2562 แบ่งเป็น 3 สัญญา ใช้งบประมาณแผ่นดิน 10,477.386 ล้านบาท ผ่านมาแล้วกว่า 5 ปีครึ่ง คืบหน้า 98.253% ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 แบ่งเป็น 10 สัญญา วงเงินก่อสร้าง 18,759 ล้านบาท ใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ ผ่านมาแล้ว 3 ปีเต็ม คืบหน้าเพียง 67.556%

    เดิมนายสุริยะประกาศว่าทั้งโครงการทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนฯ ตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.2568 แต่เมื่อเจออุบัติเหตุใหญ่ ประกอบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ต้องหยุดก่อสร้าง จึงเลื่อนเป้าหมายภายในปลายปี 2568 ถึงกระนั้นตำนานถนนเจ็ดชั่วโคตร ถึงวันนี้ก็ไม่อาจหมดไป

    #Newskit
    -----
    [วันนี้วันสุดท้าย] ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9

    ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 3 ก.พ. 2568 ที่เพจ Newskit ใน Thaitimes

    พระราม 2 เจ็บแต่จบ? ปิดทางหลักเร็วขึ้น 1 ทุ่มตรง วันจันทร์ที่ 3 ก.พ.2568 คนที่บ้านอยู่โซนถนนพระรามที่ 2 ช่วงมหาชัยเมืองใหม่ ถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หากทำงานที่กรุงเทพฯ หลังเลิกงานคงต้องเดินทางกลับบ้านเร็วขึ้น หรือคนที่จะไปยังภาคใต้ คงต้องเผื่อเวลาในช่วงเย็นเป็นพิเศษ เพราะกรมทางหลวงจะปิดช่องทางหลักเร็วขึ้น จาก 2 ทุ่มเป็น 1 ทุ่มตรงทุกคืน เพื่อเร่งการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว จนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ นับเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่กรมทางหลวงตัดสินใจเจ็บแต่จบ ยอมรับเสียงตำหนิจากผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 256,000 คันต่อวัน เพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธามีเวลาเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในปลายปี 2568 ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม หลังจากที่ผ่านมาพบว่าการก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งต้องหยุดก่อสร้าง โดยเฉพาะเหตุการณ์คานสะพานถล่มลงมา บริเวณทางแยกต่างระดับเอกชัย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ย้อนกลับไปก่อนเทศกาลปีใหม่ 2567 แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการก่อสร้างโดยปิดช่องทางหลัก ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มถึงตี 4 นั้นไม่เพียงพอ เพราะกว่าจะเตรียมการทั้งก่อนและหลังปิดถนนก็ใช้เวลานาน อีกทั้งระยะเวลาในการก่อสร้างก็มีเวลาให้น้อยมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน บางครั้งก็เกิดปัญหาทางเทคนิคระหว่างก่อสร้างก็มี ที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดขยายเวลาปิดช่องทางหลัก แม้จะมีผลกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติก็เจอแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็น้อมรับ กระทั่งวันที่ 1 เม.ย.2567 ได้ขยายเวลาเป็น 2 ทุ่มถึงตีห้าครึ่ง และในปี 2568 กำลังจะขยายเวลาเป็น 1 ทุ่มถึงตี 5 ครึ่ง โครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 เริ่มต้นก่อสร้างช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.2 กิโลเมตร มาตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. 2562 แบ่งเป็น 3 สัญญา ใช้งบประมาณแผ่นดิน 10,477.386 ล้านบาท ผ่านมาแล้วกว่า 5 ปีครึ่ง คืบหน้า 98.253% ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 แบ่งเป็น 10 สัญญา วงเงินก่อสร้าง 18,759 ล้านบาท ใช้เงินกองทุนมอเตอร์เวย์ ผ่านมาแล้ว 3 ปีเต็ม คืบหน้าเพียง 67.556% เดิมนายสุริยะประกาศว่าทั้งโครงการทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนฯ ตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.2568 แต่เมื่อเจออุบัติเหตุใหญ่ ประกอบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ต้องหยุดก่อสร้าง จึงเลื่อนเป้าหมายภายในปลายปี 2568 ถึงกระนั้นตำนานถนนเจ็ดชั่วโคตร ถึงวันนี้ก็ไม่อาจหมดไป #Newskit ----- [วันนี้วันสุดท้าย] ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 3 ก.พ. 2568 ที่เพจ Newskit ใน Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 449 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทช.ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำดักจับฝุ่น PM2.5 บริเวณถนนและสะพานทั่วกทม.สะพานพระราม 5 สะพานพระราม 7 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานซังฮี้ และสะพานภูมิพล 1, 2 พร้อมคุมเข้มพื้นที่ก่อสร้าง ฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาด ขอประชาชน หยุดเผาหญ้า เผาขยะ

    นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นจากฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวมีผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศ และรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กระจายอยู่ปริมาณมาก เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000009767

    #MGROnline #เครื่องพ่นละอองน้ำ #ดักจับฝุ่น
    ทช.ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำดักจับฝุ่น PM2.5 บริเวณถนนและสะพานทั่วกทม.สะพานพระราม 5 สะพานพระราม 7 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานซังฮี้ และสะพานภูมิพล 1, 2 พร้อมคุมเข้มพื้นที่ก่อสร้าง ฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาด ขอประชาชน หยุดเผาหญ้า เผาขยะ • นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นจากฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวมีผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศ และรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กระจายอยู่ปริมาณมาก เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000009767 • #MGROnline #เครื่องพ่นละอองน้ำ #ดักจับฝุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์

    ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่

    โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์

    กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก

    นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส

    อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ

    #Newskit
    มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่ โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์ กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ #Newskit
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 828 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวงชนบท สร้างถนนสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง กว่า 32 กม. เชื่อม จ.แพร่ - จ.อุตรดิตถ์ เสร็จแล้ว ยกระดับมาตรฐานทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางสะดวกในทุกฤดู ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

    นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ระยะทางรวม 32.457 กิโลเมตร โดยก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวจราจรกว้าง 5 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจรและสิ่งอำนวยความปลอดภัยให้กับประชาชน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 126.100 ล้านบาท

    เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชน เนื่องจากถนนเดิมได้รับผลกระทบในช่วงฤดูฝน ถูกน้ำป่าไหลหลากท่วมเส้นทาง ส่งผลให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์อุทยานเดินทางด้วยความยากลำบาก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000354

    #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท
    กรมทางหลวงชนบท สร้างถนนสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง กว่า 32 กม. เชื่อม จ.แพร่ - จ.อุตรดิตถ์ เสร็จแล้ว ยกระดับมาตรฐานทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางสะดวกในทุกฤดู ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ • นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ระยะทางรวม 32.457 กิโลเมตร โดยก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวจราจรกว้าง 5 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจรและสิ่งอำนวยความปลอดภัยให้กับประชาชน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 126.100 ล้านบาท • เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชน เนื่องจากถนนเดิมได้รับผลกระทบในช่วงฤดูฝน ถูกน้ำป่าไหลหลากท่วมเส้นทาง ส่งผลให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์อุทยานเดินทางด้วยความยากลำบาก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000354 • #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวงชนบท ชวนนักท่องเที่ยวเยือนสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย แวะกางเต็นท์รับลมชมดาว ริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนสาย นม.3052 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท โดยหมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว สังกัดแขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา ชวนนักท่องเที่ยวเยือนอีสาน สัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมจัดบริการพื้นที่กางเต็นท์ฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนทางหลวงชนบทสาย นม.3052 อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

    อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นดั่งสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพงหรืออ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง 1 ที่ใสสะอาดสะท้อนกับฉากหลังสีเขียวจากหุบเขาน้อยใหญ่สลับกับพื้นที่ลาดชันที่รายล้อมโดยรอบ จึงเกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเช้าจะมีหมอกบาง ๆ ลอยอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำและปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งเหมาะแก่การแวะพักเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ หมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว จึงได้จัดเตรียมพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000124209

    #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท #อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง
    กรมทางหลวงชนบท ชวนนักท่องเที่ยวเยือนสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย แวะกางเต็นท์รับลมชมดาว ริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนสาย นม.3052 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา • นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท โดยหมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว สังกัดแขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา ชวนนักท่องเที่ยวเยือนอีสาน สัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมจัดบริการพื้นที่กางเต็นท์ฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนทางหลวงชนบทสาย นม.3052 อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา • อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นดั่งสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพงหรืออ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง 1 ที่ใสสะอาดสะท้อนกับฉากหลังสีเขียวจากหุบเขาน้อยใหญ่สลับกับพื้นที่ลาดชันที่รายล้อมโดยรอบ จึงเกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเช้าจะมีหมอกบาง ๆ ลอยอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำและปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งเหมาะแก่การแวะพักเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ หมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว จึงได้จัดเตรียมพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000124209 • #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท #อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวร้ายโทลล์เวย์ขึ้นราคา ข่าวดีเคาะมอเตอร์เวย์ M5

    แม้ว่าทางด่วนอัปยศอย่างทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ผู้ประกอบการขึ้นราคาตามสัญญาสัมปทาน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2567 ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 80 เป็น 90 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 110 เป็น 120 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 35 เป็น 40 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 45 เป็น 50 บาท จะเรียกเสียงบ่นแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน แต่วันที่ 22 ธ.ค.2572 หรืออีก 5 ปีข้างหน้าจะขึ้นราคาอีกรอบ ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 90 เป็น 100 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 120 เป็น 130 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 40 เป็น 45 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 50 เป็น 55 บาท

    สัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์เป็นที่วิจารณ์จากสังคมถึงการขูดเลือดขูดเนื้อผู้ใช้รถใช้ถนน เริ่มต้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2532 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็น รมว.คมนาคม เดิมมีอายุ 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2532 ถึง 20 ส.ค.2557 แต่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงหลายรัฐบาล ฉบับล่าสุดเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็น รมว.คมนาคม ขยายสัมปทาน 27 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2550 ถึง 11 ก.ย.2577 เพื่อแลกกับการยกเลิกแผนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเอกชน

    ที่ผ่านมากรมทางหลวงพยายามไม่เก็บค่าผ่านทางช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต เพื่อบรรเทาเสียงด่าจากประชาชน ส่งผลทำให้กลายเป็นด่านร้าง มาถึงยุคนี้แม้มีความพยายามจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม จะเจรจากับนายสมบัติ พานิชชีวะ เจ้าของบริษัทดอนเมืองโทลล์เวย์ ให้ลดค่าผ่านทางเพื่อแลกกับการต่อสัญญาสัมปทาน แต่เจอเสียงก่นด่าจากสังคมว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอีกแล้วหรือ ในที่สุดกรมทางหลวงจึงประกาศว่าไม่ลดราคาเพราะไม่คุ้มทุน ยอมให้สัมปทานหมดแล้วทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของกรมทางหลวง ระหว่างนั้นเริ่มศึกษารูปแบบบริหารตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ไปด้วย

    จากข่าวร้ายมาถึงข่าวดี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2567 มีมติอนุมัติโครงการลงทุนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 5 รังสิต-บางปะอินของกรมทางหลวง ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ประเภท Gross Cost วงเงินลงทุนรวม 79,916.78 ล้านบาท ระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นจากปลายทางยกระดับอุตราภิมุข บริเวณโรงกษาปณ์ สิ้นสุดโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีทางขึ้น-ลง 7 จุด และปลายทางเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา คาดว่าลงนามสัญญาปี 2569 เปิดให้บริการปี 2572

    #Newskit
    ข่าวร้ายโทลล์เวย์ขึ้นราคา ข่าวดีเคาะมอเตอร์เวย์ M5 แม้ว่าทางด่วนอัปยศอย่างทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ผู้ประกอบการขึ้นราคาตามสัญญาสัมปทาน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2567 ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 80 เป็น 90 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 110 เป็น 120 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 35 เป็น 40 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 45 เป็น 50 บาท จะเรียกเสียงบ่นแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน แต่วันที่ 22 ธ.ค.2572 หรืออีก 5 ปีข้างหน้าจะขึ้นราคาอีกรอบ ช่วงดินแดง-ดอนเมือง จาก 90 เป็น 100 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 120 เป็น 130 บาท และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 40 เป็น 45 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 50 เป็น 55 บาท สัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์เป็นที่วิจารณ์จากสังคมถึงการขูดเลือดขูดเนื้อผู้ใช้รถใช้ถนน เริ่มต้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2532 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็น รมว.คมนาคม เดิมมีอายุ 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2532 ถึง 20 ส.ค.2557 แต่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงหลายรัฐบาล ฉบับล่าสุดเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็น รมว.คมนาคม ขยายสัมปทาน 27 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2550 ถึง 11 ก.ย.2577 เพื่อแลกกับการยกเลิกแผนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเอกชน ที่ผ่านมากรมทางหลวงพยายามไม่เก็บค่าผ่านทางช่วงอนุสรณ์สถาน-รังสิต เพื่อบรรเทาเสียงด่าจากประชาชน ส่งผลทำให้กลายเป็นด่านร้าง มาถึงยุคนี้แม้มีความพยายามจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม จะเจรจากับนายสมบัติ พานิชชีวะ เจ้าของบริษัทดอนเมืองโทลล์เวย์ ให้ลดค่าผ่านทางเพื่อแลกกับการต่อสัญญาสัมปทาน แต่เจอเสียงก่นด่าจากสังคมว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอีกแล้วหรือ ในที่สุดกรมทางหลวงจึงประกาศว่าไม่ลดราคาเพราะไม่คุ้มทุน ยอมให้สัมปทานหมดแล้วทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของกรมทางหลวง ระหว่างนั้นเริ่มศึกษารูปแบบบริหารตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ไปด้วย จากข่าวร้ายมาถึงข่าวดี ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2567 มีมติอนุมัติโครงการลงทุนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 5 รังสิต-บางปะอินของกรมทางหลวง ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ประเภท Gross Cost วงเงินลงทุนรวม 79,916.78 ล้านบาท ระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นจากปลายทางยกระดับอุตราภิมุข บริเวณโรงกษาปณ์ สิ้นสุดโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีทางขึ้น-ลง 7 จุด และปลายทางเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา คาดว่าลงนามสัญญาปี 2569 เปิดให้บริการปี 2572 #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 642 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 ธันวาคม วันนี้ดอนเมืองโทลล์เวย์ปรับราคาค่าผ่านทางเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับรถ 4 ล้อ ปรับเพิ่มขึ้น 5-10 บาท ด่านไหนจ่ายเท่าไหร่บ้าง ผมทำภาพมาให้ดูกันครับ 😀

    สำหรับการขึ้นราคารอบนี้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานระหว่างกรมทางหลวง กับบริษัททางยกระดับดอนเมือง ซึ่งตามสัญญาจะมีการปรับทุก 5 ปี โดยรอบต่อไปที่จะปรับขึ้นอีกคือวันที่ 22 ธันวาคม 2572 ซึ่งจะเป็นการปรับราคาครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหมดสัมปทานลงในปี 2577 ครับ

    หลังจากปี 2577 เส้นทางทั้งหมดจะกลับไปอยู่ในการบริหารของกรมทางหลวง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างก็ต้องดูกันต่อไปครับ

    แต่เบื้องต้นตอนนี้ทางกรมทางหลวงเตรียมจะต่อขยายจากรังสิตออกไปจนถึงแยกต่างระดับบางปะอิน ไปเชื่อมกับถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกและมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช ในชื่อ "มอเตอร์เวย์สาย M5" ซึ่งเป็นแผนงานที่กำลังต่อคิวรออนุมัติจาก ครม. กันอยู่ครับ
    22 ธันวาคม วันนี้ดอนเมืองโทลล์เวย์ปรับราคาค่าผ่านทางเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับรถ 4 ล้อ ปรับเพิ่มขึ้น 5-10 บาท ด่านไหนจ่ายเท่าไหร่บ้าง ผมทำภาพมาให้ดูกันครับ 😀 สำหรับการขึ้นราคารอบนี้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานระหว่างกรมทางหลวง กับบริษัททางยกระดับดอนเมือง ซึ่งตามสัญญาจะมีการปรับทุก 5 ปี โดยรอบต่อไปที่จะปรับขึ้นอีกคือวันที่ 22 ธันวาคม 2572 ซึ่งจะเป็นการปรับราคาครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหมดสัมปทานลงในปี 2577 ครับ หลังจากปี 2577 เส้นทางทั้งหมดจะกลับไปอยู่ในการบริหารของกรมทางหลวง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างก็ต้องดูกันต่อไปครับ แต่เบื้องต้นตอนนี้ทางกรมทางหลวงเตรียมจะต่อขยายจากรังสิตออกไปจนถึงแยกต่างระดับบางปะอิน ไปเชื่อมกับถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกและมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช ในชื่อ "มอเตอร์เวย์สาย M5" ซึ่งเป็นแผนงานที่กำลังต่อคิวรออนุมัติจาก ครม. กันอยู่ครับ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวง เปิดการจราจรถนนพระราม 2 กลับมาใช้งานเต็มรูปแบบได้แล้ว หลังรื้อถนอโครงสร้างเหล็กและชิ้นส่วนคอนกรีตออกจากพื้นที่หมด ส่วนเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 5.4 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120071

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมทางหลวง เปิดการจราจรถนนพระราม 2 กลับมาใช้งานเต็มรูปแบบได้แล้ว หลังรื้อถนอโครงสร้างเหล็กและชิ้นส่วนคอนกรีตออกจากพื้นที่หมด ส่วนเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 5.4 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120071 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1014 มุมมอง 1 รีวิว
  • กรมทางหลวง เสริมความแข็งแรงป้องกันการเคลื่อนตัว ก่อนตัดชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็ก Main Truss Beam ชิ้นกลางลงสู่พื้นดินสำเร็จ เร่งคืนผิวจราจร ถนนพระราม 2 ให้ประชาชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119440

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมทางหลวง เสริมความแข็งแรงป้องกันการเคลื่อนตัว ก่อนตัดชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็ก Main Truss Beam ชิ้นกลางลงสู่พื้นดินสำเร็จ เร่งคืนผิวจราจร ถนนพระราม 2 ให้ประชาชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119440 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1069 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อธิบดีกรมทางหลวง คาดเปิดการจราจรถนนพระราม 2 ได้ตามปกติ 14 ธ.ค. นี้ หลังทีมวิศวกร เร่งเคลียร์พื้นที่เครนและชิ้นส่วนคอนกรี ที่ถล่ม ไปแล้วกว่า 70% ล่าสุดวันนี้ เร่งตัดชิ้นส่วนก่อนเคลื่อนย้าย

    วันนี้ (10 ธ.ค. 67) นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตที่ได้รับความเสียหายบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีต มีความคืบหน้าแล้ว 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดการจราจรได้ตามปกติภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2567

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000118595

    #MGROnline #อธิบดีกรมทางหลวง #ถนนพระราม2
    #อธิบดีกรมทางหลวง คาดเปิดการจราจรถนนพระราม 2 ได้ตามปกติ 14 ธ.ค. นี้ หลังทีมวิศวกร เร่งเคลียร์พื้นที่เครนและชิ้นส่วนคอนกรี ที่ถล่ม ไปแล้วกว่า 70% ล่าสุดวันนี้ เร่งตัดชิ้นส่วนก่อนเคลื่อนย้าย • วันนี้ (10 ธ.ค. 67) นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตที่ได้รับความเสียหายบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อถอนโครงสร้างเหล็ก Launching Gantry (LG) และชิ้นส่วนสะพานคอนกรีต มีความคืบหน้าแล้ว 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดการจราจรได้ตามปกติภายในวันที่ 14 ธันวาคม 2567 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000118595 • #MGROnline #อธิบดีกรมทางหลวง #ถนนพระราม2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • อธิบดีกรมทางหลวง คาดเปิดการจราจรถนนพระราม 2 ได้ตามปกติ 14 ธ.ค. นี้ หลังทีมวิศวกร เร่งเคลียร์พื้นที่เครนและชิ้นส่วนคอนกรี ที่ถล่ม ไปแล้วกว่า 70% ล่าสุดวันนี้ เร่งตัดชิ้นส่วนก่อนเคลื่อนย้าย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118595

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อธิบดีกรมทางหลวง คาดเปิดการจราจรถนนพระราม 2 ได้ตามปกติ 14 ธ.ค. นี้ หลังทีมวิศวกร เร่งเคลียร์พื้นที่เครนและชิ้นส่วนคอนกรี ที่ถล่ม ไปแล้วกว่า 70% ล่าสุดวันนี้ เร่งตัดชิ้นส่วนก่อนเคลื่อนย้าย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118595 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 812 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นกาญจนาฯ เตรียมอัมพาต สร้างมอเตอร์เวย์ M9

    โซนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้านตะวันตก ประสบปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากการก่อสร้างมายาวนาน ตั้งแต่โครงการทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ โครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี กระทบกับทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ส่วนถนนกาญจนาภิเษก ปรับปรุงผิวทางเป็นคอนกรีตช่วงบางขุนเทียน-บางแค ตั้งแต่ปี 2563 ยังไม่แล้วเสร็จเพราะแก้ไขแบบเพิ่มเติม

    มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง (M9) ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก และเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษรอบกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2571

    จุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน กทม. จุดสิ้นสุดบริเวณจุดตัดทางแยกต่างระดับบางบัวทอง จ.นนทบุรี ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost (ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ) กรอบวงเงินร่วมลงทุน 47,521.04 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,253.30 ล้านบาท มีการเวนคืนที่ดิน 3 จุด รวม 33 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา

    ส่วนการเก็บค่าผ่านทาง ใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คิดค่าผ่านทางรถยนต์ 4 ล้อ คิด 10 บาท + 1.50 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์ 6 ล้อ คิด 15 บาท + 2.40 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ คิด 25 บาท + 3.45 บาทต่อกิโลเมตร โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าผ่านทาง ปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี ระยะเวลาโครงการรวม 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี ดำเนินงานและบำรุงรักษา 30 ปี

    ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเริ่มต้นก่อสร้างก็คือ ถนนกาญจนาภิเษกตั้งแต่บางขุนเทียนถึงบางบัวทอง โดยเฉพาะทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน ทางแยกต่างระดับฉิมพลี และทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นคอขวดอาจติดขัด บางวันถึงขั้นเป็นอัมพาต หากบริหารจัดการจราจรไม่ดี ส่วนถนนราชพฤกษ์ต้องแบกรับการจราจรมากขึ้น และอุบัติเหตุจากการก่อสร้างที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เฉกเช่นถนนพระรามที่ 2 อาจซ้ำรอยเกิดขึ้นกับถนนกาญจนาภิเษก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบอย่างกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม ทำได้แค่ วัวหายแล้วล้อมคอก

    #Newskit
    เส้นกาญจนาฯ เตรียมอัมพาต สร้างมอเตอร์เวย์ M9 โซนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้านตะวันตก ประสบปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากการก่อสร้างมายาวนาน ตั้งแต่โครงการทางยกระดับถนนพระรามที่ 2 โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ โครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี กระทบกับทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ส่วนถนนกาญจนาภิเษก ปรับปรุงผิวทางเป็นคอนกรีตช่วงบางขุนเทียน-บางแค ตั้งแต่ปี 2563 ยังไม่แล้วเสร็จเพราะแก้ไขแบบเพิ่มเติม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง (M9) ตามหลักการที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก และเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษรอบกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะก่อสร้างในปี 2568 แล้วเสร็จในปี 2571 จุดเริ่มต้นบริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน กทม. จุดสิ้นสุดบริเวณจุดตัดทางแยกต่างระดับบางบัวทอง จ.นนทบุรี ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost (ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ) กรอบวงเงินร่วมลงทุน 47,521.04 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4,253.30 ล้านบาท มีการเวนคืนที่ดิน 3 จุด รวม 33 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา ส่วนการเก็บค่าผ่านทาง ใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) คิดค่าผ่านทางรถยนต์ 4 ล้อ คิด 10 บาท + 1.50 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์ 6 ล้อ คิด 15 บาท + 2.40 บาทต่อกิโลเมตร รถยนต์มากกว่า 6 ล้อ คิด 25 บาท + 3.45 บาทต่อกิโลเมตร โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าผ่านทาง ปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี ระยะเวลาโครงการรวม 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี ดำเนินงานและบำรุงรักษา 30 ปี ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากเริ่มต้นก่อสร้างก็คือ ถนนกาญจนาภิเษกตั้งแต่บางขุนเทียนถึงบางบัวทอง โดยเฉพาะทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน ทางแยกต่างระดับฉิมพลี และทางแยกต่างระดับบางใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นคอขวดอาจติดขัด บางวันถึงขั้นเป็นอัมพาต หากบริหารจัดการจราจรไม่ดี ส่วนถนนราชพฤกษ์ต้องแบกรับการจราจรมากขึ้น และอุบัติเหตุจากการก่อสร้างที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เฉกเช่นถนนพระรามที่ 2 อาจซ้ำรอยเกิดขึ้นกับถนนกาญจนาภิเษก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบอย่างกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม ทำได้แค่ วัวหายแล้วล้อมคอก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คมนาคม”ลุ้นครม.โค้งสุดท้ายปลายปี ธ.ค. 67 นี้ ดัน 4 โปรเจ็กต์ 1.09 แสนล้านบาท จ่อคิวอนุมัติลงทุน”มอเตอร์เวย์”บางขุนเทียน-บางบัวทอง, ต่อขยายโทลล์เวย์,สีแดง มธ.รังสิต ส่วนต้นปี 68 ชงอีก 9 โครงการ”ทางด่วน -มอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่ -ไฮสปีดเฟส 2 “ต่อเนื่อง

    นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2567 ได้มีการติดตามโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคม ที่เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้มีโครงการที่ผ่านการพิจารณาความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างรอบรรจุวาระการประชุมครม. แล้ว จำนวน 5 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากครม.ภายในเดือนธ.ค. 2567

    ได้แก่ โครงการทางบก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือ M9 ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท ใช้รูปแบบการลงทุน PPP Net Cost ที่เอกชนลงทุนงานโยธาด้วยเป็นเส้นทางแรก

    โครงการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.วงเงินลงทุน 31,358 ล้านบาท โดยจะดำเนินการในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนลงทุนในส่วนก่อสร้างงานโยธาและงาน O&M ทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมได้เคยดึงเรื่องกลับมาเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการและรูปแบบการลงทุนที่มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน เช่น ให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการลงทุนก่อสร้างเองได้ แต่พบว่า รูปแบบ PPP Gross Cost เหมาะสมที่สุด จึงเสนอไปครม.อีกครั้ง

    #MGROnline #คมนาคม
    “คมนาคม”ลุ้นครม.โค้งสุดท้ายปลายปี ธ.ค. 67 นี้ ดัน 4 โปรเจ็กต์ 1.09 แสนล้านบาท จ่อคิวอนุมัติลงทุน”มอเตอร์เวย์”บางขุนเทียน-บางบัวทอง, ต่อขยายโทลล์เวย์,สีแดง มธ.รังสิต ส่วนต้นปี 68 ชงอีก 9 โครงการ”ทางด่วน -มอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่ -ไฮสปีดเฟส 2 “ต่อเนื่อง • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2567 ได้มีการติดตามโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคม ที่เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งขณะนี้มีโครงการที่ผ่านการพิจารณาความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างรอบรรจุวาระการประชุมครม. แล้ว จำนวน 5 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากครม.ภายในเดือนธ.ค. 2567 • ได้แก่ โครงการทางบก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) หรือ M9 ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท ใช้รูปแบบการลงทุน PPP Net Cost ที่เอกชนลงทุนงานโยธาด้วยเป็นเส้นทางแรก • โครงการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.วงเงินลงทุน 31,358 ล้านบาท โดยจะดำเนินการในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนลงทุนในส่วนก่อสร้างงานโยธาและงาน O&M ทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมได้เคยดึงเรื่องกลับมาเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการและรูปแบบการลงทุนที่มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน เช่น ให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการลงทุนก่อสร้างเองได้ แต่พบว่า รูปแบบ PPP Gross Cost เหมาะสมที่สุด จึงเสนอไปครม.อีกครั้ง • #MGROnline #คมนาคม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงเวลารื้อถนนสายสุพรรณฯ

    เคยมีคำกล่าวว่า "ชีวิตไม่ได้ราบเรียบเหมือนถนนเส้นสุพรรณบุรี" เพราะย้อนกลับไปราว 30 ปีก่อน จังหวัดสุพรรณบุรีได้ชื่อว่าถนนดีที่สุดในประเทศไทย ถนนสายหลัก เช่น ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ถนนสุพรรณบุรี-ชัยนาท ถนนมาลัยแมน เป็นถนนคอนกรีต 4 ช่องจราจร และถนนสายรองตามอำเภอต่างๆ ล้วนเป็นถนนลาดยาง ส่วนหนึ่งต้องยกให้เป็นผลงานของนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 แต่เวลาผ่านไปกว่า 30 ปี ถนนที่เคยราบเรียบผ่านร้อนผ่านหนาว กระทั่งวันหนึ่งรับไม่ไหว

    แขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 กรมทางหลวง อธิบายว่า ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2535 ปัจจุบันมีอายุ 33 ปี ผ่านสภาพอากาศและถูกน้ำท่วม ชั้นทางเสียหายอย่างหนัก ทำให้ผิวทางทรุดตัว ที่ผ่านมาพยายามซ่อมบำรุง ดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่ถนนถูกใช้งานมายาวนาน สภาพชำรุดเสียหายอย่างมาก อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้เส้นทางได้ ประกอบกับปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาล ที่บริเวณคอขวดสะพานบางยี่หน อ.บางปลาม้า

    ในที่สุดสำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ช่วงบ้านสาลี ถึงสุพรรณบุรี ระหว่างกิโลเมตรที่ 48+841 ถึงกิโลเมตรที่ 65+600 ระยะทาง 16.459 กิโลเมตร โดยรื้อถนนทำใหม่ตั้งแต่ชั้นโครงสร้างทาง พร้อมขยายสะพานบางยี่หน แบ่งออกเป็น 2 ตอน ผู้รับจ้างตอน 1 บริษัท เอส.เค.วาย. คอนสตรัคชั่น จำกัด ตอน 2 กิจการร่วมค้า ซีทีทีพีดี งบประมาณ 1,376.35 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย. 2570

    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป จะปิดการจราจรทีละฝั่งเป็นช่วงๆ แล้วเบี่ยงให้ไปวิ่งสวนทางกันอีกฝั่งหนึ่ง คาดว่าจะมีปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะช่วงวันหยุด แขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 ได้แนะนำเส้นทางเลี่ยง 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. ถนนพหลโยธิน ต่อด้วยถนนสายเอเชีย บางปะอิน-นครสวรรค์ ผ่านอยุธยา บางปะหัน ถึงทางแยกเข้าป่าโมก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุพรรณบุรี-ป่าโมก (ทางหลวงหมายเลข 33) เพื่อไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี

    2. จากบางบัวทอง ไปตามถนนกาญจนาภิเษก ถึงทางแยกต่างระดับสามโคก จ.ปทุมธานี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปทุมธานี-สามโคก ผ่านเสนา ถึงแยกหน้าโคก อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุพรรณบุรี-ป่าโมก เพื่อไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี และ 3. ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ถึงแยกลาดบัวหลวง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดบัวหลวง-สองพี่น้อง ข้ามสะพานแม่น้ำท่าจีน ถึงแยกบางสาม เลี้ยวขวาไปทาง อ.บางปลาม้า ถึงสามแยกเก้าห้องตรงไป ถึงถนนขุนช้าง เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี

    #Newskit #สุพรรณบุรี #ถนนสาย340
    ถึงเวลารื้อถนนสายสุพรรณฯ เคยมีคำกล่าวว่า "ชีวิตไม่ได้ราบเรียบเหมือนถนนเส้นสุพรรณบุรี" เพราะย้อนกลับไปราว 30 ปีก่อน จังหวัดสุพรรณบุรีได้ชื่อว่าถนนดีที่สุดในประเทศไทย ถนนสายหลัก เช่น ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ถนนสุพรรณบุรี-ชัยนาท ถนนมาลัยแมน เป็นถนนคอนกรีต 4 ช่องจราจร และถนนสายรองตามอำเภอต่างๆ ล้วนเป็นถนนลาดยาง ส่วนหนึ่งต้องยกให้เป็นผลงานของนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 แต่เวลาผ่านไปกว่า 30 ปี ถนนที่เคยราบเรียบผ่านร้อนผ่านหนาว กระทั่งวันหนึ่งรับไม่ไหว แขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 กรมทางหลวง อธิบายว่า ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2535 ปัจจุบันมีอายุ 33 ปี ผ่านสภาพอากาศและถูกน้ำท่วม ชั้นทางเสียหายอย่างหนัก ทำให้ผิวทางทรุดตัว ที่ผ่านมาพยายามซ่อมบำรุง ดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่ถนนถูกใช้งานมายาวนาน สภาพชำรุดเสียหายอย่างมาก อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้เส้นทางได้ ประกอบกับปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาล ที่บริเวณคอขวดสะพานบางยี่หน อ.บางปลาม้า ในที่สุดสำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ช่วงบ้านสาลี ถึงสุพรรณบุรี ระหว่างกิโลเมตรที่ 48+841 ถึงกิโลเมตรที่ 65+600 ระยะทาง 16.459 กิโลเมตร โดยรื้อถนนทำใหม่ตั้งแต่ชั้นโครงสร้างทาง พร้อมขยายสะพานบางยี่หน แบ่งออกเป็น 2 ตอน ผู้รับจ้างตอน 1 บริษัท เอส.เค.วาย. คอนสตรัคชั่น จำกัด ตอน 2 กิจการร่วมค้า ซีทีทีพีดี งบประมาณ 1,376.35 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย. 2570 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป จะปิดการจราจรทีละฝั่งเป็นช่วงๆ แล้วเบี่ยงให้ไปวิ่งสวนทางกันอีกฝั่งหนึ่ง คาดว่าจะมีปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะช่วงวันหยุด แขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 ได้แนะนำเส้นทางเลี่ยง 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. ถนนพหลโยธิน ต่อด้วยถนนสายเอเชีย บางปะอิน-นครสวรรค์ ผ่านอยุธยา บางปะหัน ถึงทางแยกเข้าป่าโมก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุพรรณบุรี-ป่าโมก (ทางหลวงหมายเลข 33) เพื่อไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี 2. จากบางบัวทอง ไปตามถนนกาญจนาภิเษก ถึงทางแยกต่างระดับสามโคก จ.ปทุมธานี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปทุมธานี-สามโคก ผ่านเสนา ถึงแยกหน้าโคก อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุพรรณบุรี-ป่าโมก เพื่อไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี และ 3. ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ถึงแยกลาดบัวหลวง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดบัวหลวง-สองพี่น้อง ข้ามสะพานแม่น้ำท่าจีน ถึงแยกบางสาม เลี้ยวขวาไปทาง อ.บางปลาม้า ถึงสามแยกเก้าห้องตรงไป ถึงถนนขุนช้าง เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี #Newskit #สุพรรณบุรี #ถนนสาย340
    Like
    Yay
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥 ประเด็นร้อน
    "กรมทางหลวง" สั่งเจ้าหน้าที่รื้อตรวจสอบ
    สัญญาจัดซื้อ-จัดจ้าง ทั้งหมด ย้อนหลัง 5 ปี
    ช่วงปี 2559-2563 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
    และ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

    ⚡ปม ถูกกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทย
    เช่น กองทัพอากาศ, กรมทางหลาง และ หน่วยงานอื่นๆ
    ถูกติดสินบนโดย บริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์
    เพื่อให้ได้งาน โดยการติดสนบนโดยการจ่ายเงินสด
    พาไปเที่ยวต่างประเทศ, พาไปเลี้ยงอาหาร,
    พาไปเที่ยวอาบ อบ นวด เป็นต้น

    ⚡โดยบริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เป็น บริษัทลูกของ
    เดียร์ คอมพานี บริษัท ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร
    รายใหญ่ ของสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งถูก ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC
    ปรับเงินจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    332 ล้านบาท โทษฐานปล่อยให้ บริษัทลูกคือ
    เวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อให้ได้งาน

    ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥 ประเด็นร้อน "กรมทางหลวง" สั่งเจ้าหน้าที่รื้อตรวจสอบ สัญญาจัดซื้อ-จัดจ้าง ทั้งหมด ย้อนหลัง 5 ปี ช่วงปี 2559-2563 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ⚡ปม ถูกกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทย เช่น กองทัพอากาศ, กรมทางหลาง และ หน่วยงานอื่นๆ ถูกติดสินบนโดย บริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เพื่อให้ได้งาน โดยการติดสนบนโดยการจ่ายเงินสด พาไปเที่ยวต่างประเทศ, พาไปเลี้ยงอาหาร, พาไปเที่ยวอาบ อบ นวด เป็นต้น ⚡โดยบริษัทเวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ เป็น บริษัทลูกของ เดียร์ คอมพานี บริษัท ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่ ของสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งถูก ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC ปรับเงินจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 332 ล้านบาท โทษฐานปล่อยให้ บริษัทลูกคือ เวิร์ทเก้น ไทยแลนด์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อให้ได้งาน ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1398 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥หลังจาก SEC หรือ ก.ล.ต.สหรัฐ ได้ปรับเงิน
    บริษัท Deere บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกลรายใหญ่
    ของสหรัฐอเมริกา จำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือประมาณ 336 ล้านบาท

    ฐานความผิด ปล่อยให้บริษัทลูกคือ
    เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) ติดสินบนเจ้าที่หน่วยงาน
    ภาครัฐ ของไทย เพื่อให้ได้งาน ช่วงปี 2560-2563
    ซึ่งระบุมีกองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง

    🚩ฐานเศรษฐกิจระบุ เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย)
    ได้รับงานจากภาครัฐทั้งหมด 16 งาน
    มูลค่ารวม 313.8 ล้านบาท
    จากกองทัพอากาศ 2 โครงการ มูลค่า 16.3 ล้านบาท
    และ กรมทางหลวง 7 โครงการ มูลค่า 171 ล้านบาท

    ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥หลังจาก SEC หรือ ก.ล.ต.สหรัฐ ได้ปรับเงิน บริษัท Deere บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกลรายใหญ่ ของสหรัฐอเมริกา จำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 336 ล้านบาท ฐานความผิด ปล่อยให้บริษัทลูกคือ เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) ติดสินบนเจ้าที่หน่วยงาน ภาครัฐ ของไทย เพื่อให้ได้งาน ช่วงปี 2560-2563 ซึ่งระบุมีกองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง 🚩ฐานเศรษฐกิจระบุ เวิร์ทเก้น (ประเทศไทย) ได้รับงานจากภาครัฐทั้งหมด 16 งาน มูลค่ารวม 313.8 ล้านบาท จากกองทัพอากาศ 2 โครงการ มูลค่า 16.3 ล้านบาท และ กรมทางหลวง 7 โครงการ มูลค่า 171 ล้านบาท ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1147 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย
    หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน
    ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่
    ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC
    เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท

    🚩ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท
    Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย
    ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย
    เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน
    เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น

    🚩โดย Deere & company บริษัทแม่ของ
    Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ
    ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ
    ต้องทำดังนี้

    🚩1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563
    🚩2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร
    🚩3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป
    🚩4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ
    ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด

    🚩ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า
    การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก
    รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ
    และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์
    สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท


    🚩โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere
    เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร
    เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล
    ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์
    ดูแลสนามหญ้า

    ที่มา : Reuters
    https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่ ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น 🚩โดย Deere & company บริษัทแม่ของ Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ ต้องทำดังนี้ 🚩1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563 🚩2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร 🚩3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป 🚩4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด 🚩ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์ ดูแลสนามหญ้า ที่มา : Reuters https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1015 มุมมอง 0 รีวิว
  • งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ
    ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!!
    Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด
    และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ

    เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ
    เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
    และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า
    บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ
    ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล
    และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์

    ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง
    และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand
    ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ
    เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม
    แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย
    และกรมทางหลวงของประเทศไทย

    ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน
    จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
    อย่างไม่เหมาะสม

    การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563
    นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม
    ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า
    "ความบันเทิง" ในร้านนวด

    ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี
    และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ

    การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง
    4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม
    4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ

    นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere
    ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน
    การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ
    และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
    และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน

    ที่มา : Reuters
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!! Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์ ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย และกรมทางหลวงของประเทศไทย ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไม่เหมาะสม การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563 นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า "ความบันเทิง" ในร้านนวด ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม 4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 950 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.ผนึกกำลังตร.บุกจับชุดเฉพาะกิจกรมทางหลวง เก็บส่วยรถบรรทุกในพื้นที่เป้าหมาย 11 จุด ทั่วประเทศ พบผู้เสียหายกว่า 30 ราย มูลค่าเสียหายรวม 120 ล้านบาท
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000081730

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.ผนึกกำลังตร.บุกจับชุดเฉพาะกิจกรมทางหลวง เก็บส่วยรถบรรทุกในพื้นที่เป้าหมาย 11 จุด ทั่วประเทศ พบผู้เสียหายกว่า 30 ราย มูลค่าเสียหายรวม 120 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000081730 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    18
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4686 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวงเป็นคนตัดสินใจไม่ขยายสัมปทาน แต่ สส.แบงก์ เคลมเป็นผลงานพรรคประชาชน ถนัดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กรมทางหลวงเป็นคนตัดสินใจไม่ขยายสัมปทาน แต่ สส.แบงก์ เคลมเป็นผลงานพรรคประชาชน ถนัดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพานสุไหงโก-ลก จะได้สร้างกี่โมง

    การพบปะหารือระหว่าง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก เชื่อมระหว่างด่านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส กับด่านรันเตาปันยัง เมืองปาซีร์มัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2567 ได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป

    สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย รายงานว่า นายอันวาร์ จะเร่งรัดโครงการโดยจัดทำรายงานให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมาเลเซียพิจารณา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน เม.ย. 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี แล้วเสร็จในปี 2570 แต่อาจจะเร่งรัดการก่อสร้างให้เร็วขึ้น แล้วเสร็จในปลายปี 2569 ส่วนสะพานเดิมที่เปิดใช้ตั้งแต่ปี 2516 จะได้รับการปรับปรุง

    นอกจากนี้ นายอันวาร์ยังมีแนวคิดสร้างโอกาสทางธุรกิจบริเวณโดยรอบด่านรันเตาปันยัง โดยปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์ แผงลอย และร้านค้าขนาดเล็ก เพื่อส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นในรัฐกลันตันอีกด้วย

    สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก เป็นการก่อสร้างสะพานใหม่คู่ขนานสะพานเดิมขนาด 2 ช่องจราจร กว้าง 14 เมตร ยาว 116 เมตร สถาปัตยกรรมออกแบบเป็นรูปเรือกอและ สะพานตัวเก่าจะใช้เป็นช่องทางขาออกไปมาเลเซีย ส่วนสะพานที่สร้างใหม่จะเป็นช่องทางขาเข้าไทย เสริมด้วยช่องทางของรถจักรยานยนต์ และทางเดินเท้ามีหลังคาคลุม

    ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยเเละฝ่ายมาเลเซียได้ร่วมประชุมหารือ เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้มีการจัดทำรายงานเรื่องผลกระทบด้านสิ่งเเวดล้อม (EIA) ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    สำหรับงบประมาณในการก่อสร้าง ฝั่งไทยและมาเลเซียจะดูแลรับผิดชอบกันคนละครึ่ง โดยฝั่งไทยได้ตั้งงบประมาณในการก่อสร้าง ราว 200 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะประกอบด้วยการก่อสร้างสะพานคู่ขนานกับสะพานเดิม รวมถึงการปรับปรุงสะพานเดิมให้มีความสะดวก ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยกรมทางหลวงได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณการก่อสร้าง ในปีงบประมาณ 2568

    อย่างไรก็ตาม เวลานี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเมืองไทย โดยเฉพาะนายเศรษฐา ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีการแต่งตั้งบุคคลที่ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค. ที่จะถึงนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล อาจกระทบกับโครงการไปบ้าง แต่ถ้ายังอยู่ในขั้วอำนาจเดิม ก็ไม่มีปัญหาที่โครงการนี้จะเดินหน้าต่อไป

    #Newskit #สุไหงโกลก #สะพานข้ามแม่น้ำโกลก
    สะพานสุไหงโก-ลก จะได้สร้างกี่โมง การพบปะหารือระหว่าง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก เชื่อมระหว่างด่านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส กับด่านรันเตาปันยัง เมืองปาซีร์มัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2567 ได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย รายงานว่า นายอันวาร์ จะเร่งรัดโครงการโดยจัดทำรายงานให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมาเลเซียพิจารณา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน เม.ย. 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี แล้วเสร็จในปี 2570 แต่อาจจะเร่งรัดการก่อสร้างให้เร็วขึ้น แล้วเสร็จในปลายปี 2569 ส่วนสะพานเดิมที่เปิดใช้ตั้งแต่ปี 2516 จะได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้ นายอันวาร์ยังมีแนวคิดสร้างโอกาสทางธุรกิจบริเวณโดยรอบด่านรันเตาปันยัง โดยปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์ แผงลอย และร้านค้าขนาดเล็ก เพื่อส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นในรัฐกลันตันอีกด้วย สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก เป็นการก่อสร้างสะพานใหม่คู่ขนานสะพานเดิมขนาด 2 ช่องจราจร กว้าง 14 เมตร ยาว 116 เมตร สถาปัตยกรรมออกแบบเป็นรูปเรือกอและ สะพานตัวเก่าจะใช้เป็นช่องทางขาออกไปมาเลเซีย ส่วนสะพานที่สร้างใหม่จะเป็นช่องทางขาเข้าไทย เสริมด้วยช่องทางของรถจักรยานยนต์ และทางเดินเท้ามีหลังคาคลุม ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยเเละฝ่ายมาเลเซียได้ร่วมประชุมหารือ เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันมาโดยตลอด นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้มีการจัดทำรายงานเรื่องผลกระทบด้านสิ่งเเวดล้อม (EIA) ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับงบประมาณในการก่อสร้าง ฝั่งไทยและมาเลเซียจะดูแลรับผิดชอบกันคนละครึ่ง โดยฝั่งไทยได้ตั้งงบประมาณในการก่อสร้าง ราว 200 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะประกอบด้วยการก่อสร้างสะพานคู่ขนานกับสะพานเดิม รวมถึงการปรับปรุงสะพานเดิมให้มีความสะดวก ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยกรมทางหลวงได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณการก่อสร้าง ในปีงบประมาณ 2568 อย่างไรก็ตาม เวลานี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเมืองไทย โดยเฉพาะนายเศรษฐา ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีการแต่งตั้งบุคคลที่ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค. ที่จะถึงนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล อาจกระทบกับโครงการไปบ้าง แต่ถ้ายังอยู่ในขั้วอำนาจเดิม ก็ไม่มีปัญหาที่โครงการนี้จะเดินหน้าต่อไป #Newskit #สุไหงโกลก #สะพานข้ามแม่น้ำโกลก
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 833 มุมมอง 0 รีวิว