• การคืนดีระหว่างทรัมป์และมัสก์

    หลังจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งมัสก์วิจารณ์ “เมกะบิล” ของรัฐบาลทรัมป์ว่าทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูง ทั้งคู่ก็มีการปะทะคารมทั้งในทำเนียบขาวและบนโซเชียลมีเดีย แต่ล่าสุด มัสก์ได้เดินทางไปทำเนียบขาวและเข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และผู้นำซาอุฯ สะท้อนว่าความสัมพันธ์เริ่มกลับมาดีขึ้น

    งานเลี้ยงและเวทีการลงทุน
    มัสก์เข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาอย่างคริสเตียโน โรนัลโด วันถัดมาเขายังเข้าร่วมเวที US-Saudi Investment Forum ซึ่งทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ การปรากฏตัวของมัสก์ในงานระดับนี้ถือเป็นการกลับเข้าสู่เวทีการเมืองและเศรษฐกิจอีกครั้ง

    สัญญาณบนโซเชียลมีเดีย
    มัสก์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ของเขา ขอบคุณทรัมป์สำหรับสิ่งที่ทำเพื่ออเมริกาและโลก ขณะที่ทรัมป์ก็กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์ โดยมีประโยคที่โดดเด่นว่า “You’re so lucky I’m with you, Elon” ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับและการคืนดี

    เงื่อนไขและความเสี่ยง
    แม้จะมีสัญญาณเชิงบวก แต่ความสัมพันธ์นี้ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากมัสก์เคยขู่จะตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่ายภาครัฐ หากนโยบายทรัมป์ยังคงขัดแย้งกับแนวทางของเขา ความร่วมมืออาจไม่ยั่งยืน และอาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    มัสก์และทรัมป์ปรากฏตัวร่วมกันในงานเลี้ยงกับผู้นำซาอุฯ
    สะท้อนการคืนดีและการกลับมาสู่เวทีการเมืองของมัสก์

    ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ในเวที US-Saudi Investment Forum
    มัสก์เข้าร่วมพร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาชื่อดัง

    มัสก์โพสต์ข้อความขอบคุณทรัมป์บนแพลตฟอร์ม X
    แสดงออกถึงการสนับสนุนและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    ทรัมป์กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์
    ประโยค “You’re so lucky I’m with you” กลายเป็นสัญลักษณ์การคืนดี

    ความเสี่ยงจากความเห็นต่างด้านนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐ
    มัสก์เคยขู่ตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่าย

    ความสัมพันธ์อาจไม่มั่นคงในระยะยาว
    หากนโยบายทรัมป์ยังขัดแย้งกับแนวทางของมัสก์ อาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/22/039youre-so-lucky-im-with-you039-is-the-trump-musk-feud-finally-over
    🤝 การคืนดีระหว่างทรัมป์และมัสก์ หลังจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งมัสก์วิจารณ์ “เมกะบิล” ของรัฐบาลทรัมป์ว่าทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูง ทั้งคู่ก็มีการปะทะคารมทั้งในทำเนียบขาวและบนโซเชียลมีเดีย แต่ล่าสุด มัสก์ได้เดินทางไปทำเนียบขาวและเข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และผู้นำซาอุฯ สะท้อนว่าความสัมพันธ์เริ่มกลับมาดีขึ้น 🏛️ งานเลี้ยงและเวทีการลงทุน มัสก์เข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาอย่างคริสเตียโน โรนัลโด วันถัดมาเขายังเข้าร่วมเวที US-Saudi Investment Forum ซึ่งทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ การปรากฏตัวของมัสก์ในงานระดับนี้ถือเป็นการกลับเข้าสู่เวทีการเมืองและเศรษฐกิจอีกครั้ง 📲 สัญญาณบนโซเชียลมีเดีย มัสก์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ของเขา ขอบคุณทรัมป์สำหรับสิ่งที่ทำเพื่ออเมริกาและโลก ขณะที่ทรัมป์ก็กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์ โดยมีประโยคที่โดดเด่นว่า “You’re so lucky I’m with you, Elon” ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับและการคืนดี ⚠️ เงื่อนไขและความเสี่ยง แม้จะมีสัญญาณเชิงบวก แต่ความสัมพันธ์นี้ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากมัสก์เคยขู่จะตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่ายภาครัฐ หากนโยบายทรัมป์ยังคงขัดแย้งกับแนวทางของเขา ความร่วมมืออาจไม่ยั่งยืน และอาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ มัสก์และทรัมป์ปรากฏตัวร่วมกันในงานเลี้ยงกับผู้นำซาอุฯ ➡️ สะท้อนการคืนดีและการกลับมาสู่เวทีการเมืองของมัสก์ ✅ ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ในเวที US-Saudi Investment Forum ➡️ มัสก์เข้าร่วมพร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาชื่อดัง ✅ มัสก์โพสต์ข้อความขอบคุณทรัมป์บนแพลตฟอร์ม X ➡️ แสดงออกถึงการสนับสนุนและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ✅ ทรัมป์กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์ ➡️ ประโยค “You’re so lucky I’m with you” กลายเป็นสัญลักษณ์การคืนดี ‼️ ความเสี่ยงจากความเห็นต่างด้านนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐ ⛔ มัสก์เคยขู่ตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่าย ‼️ ความสัมพันธ์อาจไม่มั่นคงในระยะยาว ⛔ หากนโยบายทรัมป์ยังขัดแย้งกับแนวทางของมัสก์ อาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/22/039youre-so-lucky-im-with-you039-is-the-trump-musk-feud-finally-over
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'You’re so lucky I’m with you': Is the Trump-Musk feud finally over?
    President Donald Trump and tech billionaire Elon Musk appeared to have made amends.
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar

    ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน
    มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก
    https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces

    เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear
    Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support

    ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก
    ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears

    SSD พกพาไร้สายจาก Kingston
    Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก
    https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket

    Android จับมือ AirDrop ของ Apple
    สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง
    https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10

    ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity
    มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device

    Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ
    Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns

    บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์
    บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know

    Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI
    Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro

    ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่
    ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว
    Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา
    https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks

    ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย
    มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร
    https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made

    กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก
    กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks

    แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร
    รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry

    Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู
    Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more

    รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน

    Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ
    https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan

    ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11
    ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026
    มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when

    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ
    ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ
    https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws

    การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย
    มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback

    iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon
    Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl
    นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot
    Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11
    หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games

    Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia
    Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028
    https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment

    หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats
    Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them

    ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก
    ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use

    Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5
    Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how

    คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา
    รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    📌📰🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📰📌 #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar 🛡️ ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces 📶 เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support 🌊 ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears 💾 SSD พกพาไร้สายจาก Kingston Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket 🤝 Android จับมือ AirDrop ของ Apple สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10 ⚠️ ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device 🧑‍💻 Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns 🎰 บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know 🖼️ Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro 🔒 ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่ ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks 📱 ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made 🐉 กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks 🛍️ แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry 📷 Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more 📺 รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan 💻 ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11 ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 📱 หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026 มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when ⚖️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws 🌐 การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback 📱 iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🖥️ Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11 หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games 📡 Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028 🔗 https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment 🛵 หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them 🤖 ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use 🔒 Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5 Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how 🎨 คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    0 Comments 0 Shares 348 Views 0 Reviews
  • Border Patrol สหรัฐฯ ขยายการสอดส่องผู้ขับรถภายในประเทศ

    หน่วยงาน Border Patrol ของสหรัฐฯ ได้พัฒนาโครงการสอดส่องการเดินทางของประชาชนผ่านระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมที่คัดกรองเส้นทาง "น่าสงสัย" โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์ การดำเนินการนี้ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย

    โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อราวสิบปีก่อนเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและการค้ามนุษย์ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้ขยายขอบเขตอย่างมาก โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น DEA และบริษัทเอกชนที่ให้บริการระบบอ่านป้ายทะเบียน ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้สร้าง "รูปแบบชีวิต" ของผู้ขับรถ เพื่อหาความผิดปกติในการเดินทาง

    นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเตือนว่า การสอดส่องในระดับมหภาคเช่นนี้อาจละเมิดสิทธิพลเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตีความมาตรา Fourth Amendment ที่คุ้มครองประชาชนจากการค้นและจับกุมโดยไม่มีเหตุผลอันควร หลายกรณีที่ถูกเปิดเผยพบว่าผู้ขับรถถูกหยุดเพียงเพราะเส้นทางสั้น ๆ ไปยังพื้นที่ชายแดน หรือเพราะใช้รถเช่า

    นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินทุนจากโครงการ Operation Stonegarden เพื่อสนับสนุนตำรวจท้องถิ่นติดตั้งระบบสอดส่องและทำงานร่วมกับ Border Patrol ทำให้เครือข่ายการเฝ้าระวังขยายตัวอย่างกว้างขวาง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสอดส่องของ Border Patrol
    ใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมตรวจจับเส้นทาง "น่าสงสัย"
    ขยายพื้นที่จากชายแดนเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ ฟีนิกซ์

    ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น
    DEA และบริษัทเอกชนให้ข้อมูลระบบอ่านป้ายทะเบียน
    ใช้งบประมาณจาก Operation Stonegarden สนับสนุนตำรวจท้องถิ่น

    ผลกระทบต่อประชาชน
    ผู้ขับรถถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานผิดกฎหมาย
    มีกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง

    คำเตือนด้านสิทธิมนุษยชน
    การสอดส่องในระดับมหภาคอาจละเมิดรัฐธรรมนูญ (Fourth Amendment)
    สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐ

    ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
    การเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางอาจถูกนำไปใช้เกินขอบเขต
    เสี่ยงต่อการถูกตีความผิดและสร้างผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์

    https://apnews.com/article/immigration-border-patrol-surveillance-drivers-ice-trump-9f5d05469ce8c629d6fecf32d32098cd
    🚨 Border Patrol สหรัฐฯ ขยายการสอดส่องผู้ขับรถภายในประเทศ หน่วยงาน Border Patrol ของสหรัฐฯ ได้พัฒนาโครงการสอดส่องการเดินทางของประชาชนผ่านระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมที่คัดกรองเส้นทาง "น่าสงสัย" โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์ การดำเนินการนี้ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อราวสิบปีก่อนเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและการค้ามนุษย์ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้ขยายขอบเขตอย่างมาก โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น DEA และบริษัทเอกชนที่ให้บริการระบบอ่านป้ายทะเบียน ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้สร้าง "รูปแบบชีวิต" ของผู้ขับรถ เพื่อหาความผิดปกติในการเดินทาง นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเตือนว่า การสอดส่องในระดับมหภาคเช่นนี้อาจละเมิดสิทธิพลเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตีความมาตรา Fourth Amendment ที่คุ้มครองประชาชนจากการค้นและจับกุมโดยไม่มีเหตุผลอันควร หลายกรณีที่ถูกเปิดเผยพบว่าผู้ขับรถถูกหยุดเพียงเพราะเส้นทางสั้น ๆ ไปยังพื้นที่ชายแดน หรือเพราะใช้รถเช่า นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินทุนจากโครงการ Operation Stonegarden เพื่อสนับสนุนตำรวจท้องถิ่นติดตั้งระบบสอดส่องและทำงานร่วมกับ Border Patrol ทำให้เครือข่ายการเฝ้าระวังขยายตัวอย่างกว้างขวาง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสอดส่องของ Border Patrol ➡️ ใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมตรวจจับเส้นทาง "น่าสงสัย" ➡️ ขยายพื้นที่จากชายแดนเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ ฟีนิกซ์ ✅ ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ➡️ DEA และบริษัทเอกชนให้ข้อมูลระบบอ่านป้ายทะเบียน ➡️ ใช้งบประมาณจาก Operation Stonegarden สนับสนุนตำรวจท้องถิ่น ✅ ผลกระทบต่อประชาชน ➡️ ผู้ขับรถถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานผิดกฎหมาย ➡️ มีกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง ‼️ คำเตือนด้านสิทธิมนุษยชน ⛔ การสอดส่องในระดับมหภาคอาจละเมิดรัฐธรรมนูญ (Fourth Amendment) ⛔ สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐ ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ⛔ การเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางอาจถูกนำไปใช้เกินขอบเขต ⛔ เสี่ยงต่อการถูกตีความผิดและสร้างผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ https://apnews.com/article/immigration-border-patrol-surveillance-drivers-ice-trump-9f5d05469ce8c629d6fecf32d32098cd
    APNEWS.COM
    Border Patrol is monitoring US drivers and detaining those with 'suspicious' travel patterns
    The U.S. Border Patrol is monitoring millions of American drivers nationwide in a secretive program to identify and detain people whose travel patterns it deems suspicious.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • บีบหนัก! ยุโรป–ยูเครนร้อนรุ่ม หลังรายงานว่า “ทรัมป์” รับสัญญาณโอเคแผนสันติภาพ 28 ข้อ เสนอให้เคียฟต้องยอมสละดินแดนบางส่วนให้รัสเซีย ลดกำลังพลเหลือ 4 แสน และถอนอาวุธพิสัยไกล ด้านยุโรปค้านสุดตัว ชี้แผนยุติสงครามต้องมีทั้งยูเครน–ยุโรปมีส่วนร่วม ไม่ใช่ดีลลับสหรัฐ–รัสเซีย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000111192

    #Trump #UkraineWar #Russia #PeacePlan #Geopolitics #Europe #NATO #News1live #News1
    บีบหนัก! ยุโรป–ยูเครนร้อนรุ่ม หลังรายงานว่า “ทรัมป์” รับสัญญาณโอเคแผนสันติภาพ 28 ข้อ เสนอให้เคียฟต้องยอมสละดินแดนบางส่วนให้รัสเซีย ลดกำลังพลเหลือ 4 แสน และถอนอาวุธพิสัยไกล ด้านยุโรปค้านสุดตัว ชี้แผนยุติสงครามต้องมีทั้งยูเครน–ยุโรปมีส่วนร่วม ไม่ใช่ดีลลับสหรัฐ–รัสเซีย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000111192 • #Trump #UkraineWar #Russia #PeacePlan #Geopolitics #Europe #NATO #News1live #News1
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 363 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ลงนามกฎหมายเปิด “แฟ้มลับเอปสตีน” ภายใน 30 วัน - DOJ เตรียมเผยเอกสารเครือข่ายค้ากามระดับโลก ด้าน แลร์รี ซัมเมอร์ส อดีต รมว.คลังสหรัฐฯ–อดีตอธิการบดีฮาร์วาร์ด ถูกพาดพิงจนต้องลาออกจากตำแหน่ง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110857

    #EpsteinFiles #Trump #USA #JeffreyEpstein #Politics #News1live #News1
    ทรัมป์ลงนามกฎหมายเปิด “แฟ้มลับเอปสตีน” ภายใน 30 วัน - DOJ เตรียมเผยเอกสารเครือข่ายค้ากามระดับโลก ด้าน แลร์รี ซัมเมอร์ส อดีต รมว.คลังสหรัฐฯ–อดีตอธิการบดีฮาร์วาร์ด ถูกพาดพิงจนต้องลาออกจากตำแหน่ง • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110857 • #EpsteinFiles #Trump #USA #JeffreyEpstein #Politics #News1live #News1
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • “AI กำลังบีบคั้นเป้าหมาย Climate ของ Big Tech”

    หลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Amazon, Google และ Meta ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่: การจัดหาพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการเติบโตของ AI ข้อมูลจาก BloombergNEF ระบุว่าอุตสาหกรรมนี้อาจต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035 ซึ่งมากกว่าการซื้อพลังงานสะอาดที่ทำได้ในปัจจุบันหลายเท่า

    Microsoft และบริษัทอื่น ๆ แม้จะยังคงประกาศเป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative แต่ก็ยอมรับว่าการขยาย AI ทำให้ การปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เช่น Meta เพิ่มขึ้น 64%, Google 51%, Amazon 33% และ Microsoft 23% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการเปิดตัว ChatGPT

    เพื่อแก้ปัญหา บริษัทต่าง ๆ จึงหันไปใช้กลยุทธ์ “ทุกทางเลือก” ทั้งการซื้อพลังงานสะอาดในสัดส่วนสูงสุด การลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์และธรณีความร้อน รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดไฟดับแม้เพียงนาทีเดียว อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก่อให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องความยั่งยืนและความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม

    นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองก็ซ้ำเติมสถานการณ์ เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ลดการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนและยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยมี ทำให้การลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดชะลอตัว และบีบให้บริษัทเทคโนโลยีต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    ความท้าทายด้านพลังงานของ Big Tech
    AI ต้องการไฟฟ้าจำนวนมหาศาล (362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035)
    ศูนย์ข้อมูลคือหัวใจของการใช้พลังงานมหาศาล

    ผลกระทบต่อเป้าหมาย Climate
    Microsoft, Google, Meta, Amazon มีการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นหลังการขยาย AI
    เป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative ถูกกดดันอย่างหนัก

    กลยุทธ์ที่บริษัทใช้
    ลงทุนในพลังงานสะอาด นิวเคลียร์ และธรณีความร้อน
    สร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อความมั่นคงทางไฟฟ้า

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจทำลายภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม
    การลดสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนจากรัฐบาลทำให้การลงทุนสะอาดชะลอตัว
    หากไม่หาทางออกที่ยั่งยืน อุตสาหกรรม AI อาจกลายเป็นตัวเร่งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/14/big-techs-climate-strategists-feeling-strain-of-ai-power-needs
    ⚡ “AI กำลังบีบคั้นเป้าหมาย Climate ของ Big Tech” หลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft, Amazon, Google และ Meta ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่: การจัดหาพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการเติบโตของ AI ข้อมูลจาก BloombergNEF ระบุว่าอุตสาหกรรมนี้อาจต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035 ซึ่งมากกว่าการซื้อพลังงานสะอาดที่ทำได้ในปัจจุบันหลายเท่า Microsoft และบริษัทอื่น ๆ แม้จะยังคงประกาศเป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative แต่ก็ยอมรับว่าการขยาย AI ทำให้ การปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เช่น Meta เพิ่มขึ้น 64%, Google 51%, Amazon 33% และ Microsoft 23% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการเปิดตัว ChatGPT เพื่อแก้ปัญหา บริษัทต่าง ๆ จึงหันไปใช้กลยุทธ์ “ทุกทางเลือก” ทั้งการซื้อพลังงานสะอาดในสัดส่วนสูงสุด การลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์และธรณีความร้อน รวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดไฟดับแม้เพียงนาทีเดียว อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก่อให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องความยั่งยืนและความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองก็ซ้ำเติมสถานการณ์ เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ลดการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนและยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยมี ทำให้การลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดชะลอตัว และบีบให้บริษัทเทคโนโลยีต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความท้าทายด้านพลังงานของ Big Tech ➡️ AI ต้องการไฟฟ้าจำนวนมหาศาล (362 กิกะวัตต์ภายในปี 2035) ➡️ ศูนย์ข้อมูลคือหัวใจของการใช้พลังงานมหาศาล ✅ ผลกระทบต่อเป้าหมาย Climate ➡️ Microsoft, Google, Meta, Amazon มีการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นหลังการขยาย AI ➡️ เป้าหมาย Net-zero และ Carbon-negative ถูกกดดันอย่างหนัก ✅ กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ ➡️ ลงทุนในพลังงานสะอาด นิวเคลียร์ และธรณีความร้อน ➡️ สร้างโรงไฟฟ้าแก๊สใกล้ศูนย์ข้อมูลเพื่อความมั่นคงทางไฟฟ้า ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจทำลายภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ การลดสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนจากรัฐบาลทำให้การลงทุนสะอาดชะลอตัว ⛔ หากไม่หาทางออกที่ยั่งยืน อุตสาหกรรม AI อาจกลายเป็นตัวเร่งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/14/big-techs-climate-strategists-feeling-strain-of-ai-power-needs
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Big tech's climate strategists feeling strain of AI power needs
    Weeks after ChatGPT was unleashed on the world in November 2022, sustainability executives at Microsoft Corp realised they had a big problem.
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • Doxing, Sealioning, and Rage Farming: The Language of Online Harassment and Disinformation

    We know all too well that the internet isn’t all fun memes and hamster videos. The darker side of online life is home to trolls, spammers, and many varieties of toxic behavior, spanning from tactics intended to harass one person to nefarious attempts to spread harmful disinformation as widely as possible. For many of the practices that play out exclusively online, specialized terms have emerged, allowing us to name and shine a light on some of these actions—and their real-life consequences.

    sealioning
    Sealioning is a specific type of trolling. The general term trolling refers to harassing someone online with the intent of getting a (negative) reaction out of them. In the case of sealioning, a troll will relentlessly harass someone with questions or requests for evidence in an attempt to upset them and make their position or viewpoint seem weak or unreasonable. Sealioning is often disguised as earnest curiosity or interest in debate, but the real goal is to troll someone until they get angry or upset.

    Sealioning is a common trolling tactic used on social media. For example, a Twitter user might say that they support a higher minimum wage. In response, a sealioning troll might repeatedly and relentlessly ask them for sources that would prove the merits of higher pay scales or demand that they write detailed explanations of how increased wages have affected the economies of the world. The troll will not stop until the other person angrily lashes out (or blocks them), thus allowing the troll to paint themselves as the victim and then claim to have won the “debate” over the issue. Those who engage in sealioning are never actually interested in legitimately debating—the point is to harass and attempt to diminish.

    doxing
    Doxing, or doxxing, is the act of publishing someone’s personal information or revealing their identity without their consent. The term comes from the word docs (short for documents). Doxing is often done in an attempt to intimidate someone by invading their privacy and causing them to fear for their safety, especially due to the threats they often receive after having been doxed.

    In many cases, doxing involves revealing the identity and information of people who were otherwise anonymous or using an alias. For example, a hacker might post the real name and home address of a popular streamer or influencer who is otherwise known by a fake name. Sometimes, celebrities are the target of doxing. In one prominent incident in 2013, several high-profile celebrities, including Beyoncé and Kim Kardashian, were the victims of doxing after a hacker publicly revealed their addresses, social security numbers, and financial documents online. In a more recent instance, a Twitch gaming streamer known online as XQc was doxed and then repeatedly targeted with the practice known as swatting.

    swatting
    The term swatting refers to the practice of initiating a law enforcement response on an unsuspecting victim. Though swatting results in real-world actions, it often originates online or with the aid of digital means, such as by using software to anonymously contact 911 and report a threat or illegal activity at the target’s residence. The practice is especially used to target public figures. The word is based on the term SWAT, referring to the special police tactical units that respond to emergencies. Obviously, swatting is extremely dangerous due to the unpredictable nature of such scenarios, when law enforcement officials believe they are entering a highly dangerous situation.

    brigading
    In online contexts, the word brigading refers to a practice in which people join together to perform a coordinated action, such as rigging an online poll, downvoting or disliking content, or harassing a specific individual or group. Brigading is similar to the online practice known as dogpiling, which involves many people joining in on the act of insulting or harassing someone. Unlike dogpiling, which may be spontaneous, brigading typically follows a coordinated plan.

    Both the practice and the name for it are often traced to the forum website Reddit, where brigading (which is explicitly against the site’s rules) typically involves one community joining together to mass downvote content or to disrupt a community by posting a large amount of spam, abuse, or trolling comments. For example, a person who posts a negative review of a TV show may be targeted by users of that show’s fan forum, whose brigading might consist of messaging the original poster with abusive comments.

    firehosing
    Firehosing is a propaganda tactic that involves releasing a large amount of false information in a very short amount of time. Due to the resources often needed to pull off such an expansive disinformation strategy, the term firehosing is most often used to refer to the alleged actions of large organizations or governments.

    For example, the term firehosing has been used to describe Russian propaganda during the 2014 annexation of Crimea and the 2022 invasion of Ukraine; Chinese propaganda in response to reporting on Uyghur Muslims in 2021; and numerous incidents in which President Donald Trump and members of his administration were accused of spreading false information.

    astroturfing
    Astroturfing is a deception tactic in which an organized effort is used to create the illusion of widespread, spontaneous support for something. The goal of astroturfing is to give the false impression that something has wide support from a passionate grassroots campaign when in reality the effort is (secretly) motivated by a person or group’s personal interest. Like firehosing, the term astroturfing is often used in the context of large organizations and governments due to the resources needed to perform it.

    For example, the term has been repeatedly applied to the deceptive information practices allegedly used by the Russian government, such as attempts to create the perception of universal support for Russian president Vladimir Putin or to create the illusion of widespread opposition to Ukrainian president Volodymyr Zelenskyy during the 2022 Russian invasion of Ukraine. Elsewhere, astroturfing has been used by the media and public figures to describe attempts by businesses and special interest groups to falsely create the impression of popular support, such as for fracking, vaping, and denial of the existence of climate change.

    rage farming
    Rage farming is a slang term that refers to the practice of posting intentionally provocative political content in order to take advantage of a negative reaction that garners exposure and media attention.

    The term rage farming emerged in early 2022, first being used to describe a social media tactic used by conservative groups, such as the Texas Republican Party. The term was applied to the practice of purposefully posting provocative memes and other content in order to anger liberal opponents. The word farming in the term refers to its apparent goal of generating a large amount of critical and angry comments in hopes that the negative response draws media exposure and attention and attracts support—and donations—from like-minded people.

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    Doxing, Sealioning, and Rage Farming: The Language of Online Harassment and Disinformation We know all too well that the internet isn’t all fun memes and hamster videos. The darker side of online life is home to trolls, spammers, and many varieties of toxic behavior, spanning from tactics intended to harass one person to nefarious attempts to spread harmful disinformation as widely as possible. For many of the practices that play out exclusively online, specialized terms have emerged, allowing us to name and shine a light on some of these actions—and their real-life consequences. sealioning Sealioning is a specific type of trolling. The general term trolling refers to harassing someone online with the intent of getting a (negative) reaction out of them. In the case of sealioning, a troll will relentlessly harass someone with questions or requests for evidence in an attempt to upset them and make their position or viewpoint seem weak or unreasonable. Sealioning is often disguised as earnest curiosity or interest in debate, but the real goal is to troll someone until they get angry or upset. Sealioning is a common trolling tactic used on social media. For example, a Twitter user might say that they support a higher minimum wage. In response, a sealioning troll might repeatedly and relentlessly ask them for sources that would prove the merits of higher pay scales or demand that they write detailed explanations of how increased wages have affected the economies of the world. The troll will not stop until the other person angrily lashes out (or blocks them), thus allowing the troll to paint themselves as the victim and then claim to have won the “debate” over the issue. Those who engage in sealioning are never actually interested in legitimately debating—the point is to harass and attempt to diminish. doxing Doxing, or doxxing, is the act of publishing someone’s personal information or revealing their identity without their consent. The term comes from the word docs (short for documents). Doxing is often done in an attempt to intimidate someone by invading their privacy and causing them to fear for their safety, especially due to the threats they often receive after having been doxed. In many cases, doxing involves revealing the identity and information of people who were otherwise anonymous or using an alias. For example, a hacker might post the real name and home address of a popular streamer or influencer who is otherwise known by a fake name. Sometimes, celebrities are the target of doxing. In one prominent incident in 2013, several high-profile celebrities, including Beyoncé and Kim Kardashian, were the victims of doxing after a hacker publicly revealed their addresses, social security numbers, and financial documents online. In a more recent instance, a Twitch gaming streamer known online as XQc was doxed and then repeatedly targeted with the practice known as swatting. swatting The term swatting refers to the practice of initiating a law enforcement response on an unsuspecting victim. Though swatting results in real-world actions, it often originates online or with the aid of digital means, such as by using software to anonymously contact 911 and report a threat or illegal activity at the target’s residence. The practice is especially used to target public figures. The word is based on the term SWAT, referring to the special police tactical units that respond to emergencies. Obviously, swatting is extremely dangerous due to the unpredictable nature of such scenarios, when law enforcement officials believe they are entering a highly dangerous situation. brigading In online contexts, the word brigading refers to a practice in which people join together to perform a coordinated action, such as rigging an online poll, downvoting or disliking content, or harassing a specific individual or group. Brigading is similar to the online practice known as dogpiling, which involves many people joining in on the act of insulting or harassing someone. Unlike dogpiling, which may be spontaneous, brigading typically follows a coordinated plan. Both the practice and the name for it are often traced to the forum website Reddit, where brigading (which is explicitly against the site’s rules) typically involves one community joining together to mass downvote content or to disrupt a community by posting a large amount of spam, abuse, or trolling comments. For example, a person who posts a negative review of a TV show may be targeted by users of that show’s fan forum, whose brigading might consist of messaging the original poster with abusive comments. firehosing Firehosing is a propaganda tactic that involves releasing a large amount of false information in a very short amount of time. Due to the resources often needed to pull off such an expansive disinformation strategy, the term firehosing is most often used to refer to the alleged actions of large organizations or governments. For example, the term firehosing has been used to describe Russian propaganda during the 2014 annexation of Crimea and the 2022 invasion of Ukraine; Chinese propaganda in response to reporting on Uyghur Muslims in 2021; and numerous incidents in which President Donald Trump and members of his administration were accused of spreading false information. astroturfing Astroturfing is a deception tactic in which an organized effort is used to create the illusion of widespread, spontaneous support for something. The goal of astroturfing is to give the false impression that something has wide support from a passionate grassroots campaign when in reality the effort is (secretly) motivated by a person or group’s personal interest. Like firehosing, the term astroturfing is often used in the context of large organizations and governments due to the resources needed to perform it. For example, the term has been repeatedly applied to the deceptive information practices allegedly used by the Russian government, such as attempts to create the perception of universal support for Russian president Vladimir Putin or to create the illusion of widespread opposition to Ukrainian president Volodymyr Zelenskyy during the 2022 Russian invasion of Ukraine. Elsewhere, astroturfing has been used by the media and public figures to describe attempts by businesses and special interest groups to falsely create the impression of popular support, such as for fracking, vaping, and denial of the existence of climate change. rage farming Rage farming is a slang term that refers to the practice of posting intentionally provocative political content in order to take advantage of a negative reaction that garners exposure and media attention. The term rage farming emerged in early 2022, first being used to describe a social media tactic used by conservative groups, such as the Texas Republican Party. The term was applied to the practice of purposefully posting provocative memes and other content in order to anger liberal opponents. The word farming in the term refers to its apparent goal of generating a large amount of critical and angry comments in hopes that the negative response draws media exposure and attention and attracts support—and donations—from like-minded people. สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 Comments 0 Shares 394 Views 0 Reviews
  • “จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 1 ปี – เปิดทางเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ”

    รัฐบาลจีนประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้เวลาผ่อนผัน 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

    มาตรการเดิมครอบคลุมทั้งแร่หายากที่ผลิตในจีน และเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบของแร่เหล่านี้เกิน 0.1% ของมูลค่ารวม ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่พึ่งพาแร่หายากจากจีนในหลายกระบวนการผลิต

    เบื้องหลังการตัดสินใจ
    การระงับมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมลับระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jinping ที่เมืองปูซาน ระหว่างการประชุม APEC 2025 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันในเรื่องการพักรบทางภาษี และเปิดทางให้การเจรจาเชิงเทคนิคดำเนินต่อไปโดยไม่ถูกกดดันจากระดับผู้นำ

    ความสำคัญของแร่หายากในอุตสาหกรรมชิป
    ใช้ในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและฮาร์ดดิสก์
    เป็นส่วนประกอบสำคัญในเลเซอร์และอุปกรณ์ออปติก
    จำเป็นต่อการผลิตชิป AI และอุปกรณ์สื่อสารขั้นสูง

    จีนระงับมาตรการควบคุมแร่หายาก
    ระงับการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี
    ครอบคลุมแร่หายากและเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบเกิน 0.1%
    ช่วยให้บริษัทต่างๆ มีเวลาสำรองวัตถุดิบและหาทางเลือกใหม่

    การเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ
    เกิดขึ้นหลังการประชุม APEC 2025 ที่ปูซาน
    Trump ขู่ขึ้นภาษีนำเข้า 100% และแบนซอฟต์แวร์สำคัญ
    การระงับช่วยลดแรงกดดันในการเจรจา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    Nvidia ยังไม่สามารถส่งชิป Blackwell ไปจีนได้
    จีนแบนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ไม่ให้ซื้อ GPU จาก Nvidia
    ตลาดจีนของ Nvidia ลดลงจาก 95% เหลือเกือบ 0%

    คำเตือนด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน
    การพึ่งพาแร่หายากจากจีนเป็นจุดอ่อนของสหรัฐฯ
    หากจีนกลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ
    การแบนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อาจนำไปสู่การแบ่งขั้วเทคโนโลยีระหว่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-suspends-rare-earth-export-control-measures-easing-key-flashpoint-in-us-china-trade-war-one-year-reprieve-allows-for-trade-talks-with-the-u-s-to-continue
    🌏🧲 “จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 1 ปี – เปิดทางเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ” รัฐบาลจีนประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้เวลาผ่อนผัน 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น มาตรการเดิมครอบคลุมทั้งแร่หายากที่ผลิตในจีน และเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบของแร่เหล่านี้เกิน 0.1% ของมูลค่ารวม ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่พึ่งพาแร่หายากจากจีนในหลายกระบวนการผลิต 🤝 เบื้องหลังการตัดสินใจ การระงับมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมลับระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jinping ที่เมืองปูซาน ระหว่างการประชุม APEC 2025 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันในเรื่องการพักรบทางภาษี และเปิดทางให้การเจรจาเชิงเทคนิคดำเนินต่อไปโดยไม่ถูกกดดันจากระดับผู้นำ 🧠 ความสำคัญของแร่หายากในอุตสาหกรรมชิป 🔖 ใช้ในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและฮาร์ดดิสก์ 🔖 เป็นส่วนประกอบสำคัญในเลเซอร์และอุปกรณ์ออปติก 🔖 จำเป็นต่อการผลิตชิป AI และอุปกรณ์สื่อสารขั้นสูง ✅ จีนระงับมาตรการควบคุมแร่หายาก ➡️ ระงับการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี ➡️ ครอบคลุมแร่หายากและเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบเกิน 0.1% ➡️ ช่วยให้บริษัทต่างๆ มีเวลาสำรองวัตถุดิบและหาทางเลือกใหม่ ✅ การเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ➡️ เกิดขึ้นหลังการประชุม APEC 2025 ที่ปูซาน ➡️ Trump ขู่ขึ้นภาษีนำเข้า 100% และแบนซอฟต์แวร์สำคัญ ➡️ การระงับช่วยลดแรงกดดันในการเจรจา ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ Nvidia ยังไม่สามารถส่งชิป Blackwell ไปจีนได้ ➡️ จีนแบนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ไม่ให้ซื้อ GPU จาก Nvidia ➡️ ตลาดจีนของ Nvidia ลดลงจาก 95% เหลือเกือบ 0% ‼️ คำเตือนด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน ⛔ การพึ่งพาแร่หายากจากจีนเป็นจุดอ่อนของสหรัฐฯ ⛔ หากจีนกลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ ⛔ การแบนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อาจนำไปสู่การแบ่งขั้วเทคโนโลยีระหว่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-suspends-rare-earth-export-control-measures-easing-key-flashpoint-in-us-china-trade-war-one-year-reprieve-allows-for-trade-talks-with-the-u-s-to-continue
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • “Nvidia ยังไม่ส่ง Blackwell GPU ไปจีน – ขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากปักกิ่ง”

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้ออกมายืนยันว่า ไม่มีแผนจะส่งชิป Blackwell GPU ไปยังประเทศจีนในตอนนี้ โดยระบุว่า “ไม่มีการพูดคุยใดๆ เกิดขึ้น” และการตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับทางการจีนว่าจะอนุญาตให้ Nvidia กลับมาทำตลาดได้หรือไม่

    คำพูดนี้สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการสงวนเทคโนโลยี AI ขั้นสูงไว้ใช้ภายในประเทศก่อน โดยอดีตประธานาธิบดี Trump และรัฐมนตรีการคลัง Scott Bessent ได้กล่าวว่า จีนจะสามารถเข้าถึงชิป Blackwell ได้ก็ต่อเมื่อมันล้าสมัยแล้ว 1–2 ปี

    ความซับซ้อนของเกมการค้า AI
    แม้จะไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่า ชิป Blackwell ยังคงหลุดเข้าไปในจีนผ่านช่องทางลับ ขณะเดียวกัน Nvidia ก็พยายามพัฒนาเวอร์ชันเฉพาะสำหรับจีน เช่น รุ่น B30A ที่มีประสิทธิภาพลดลงจากรุ่นมาตรฐาน และต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ หากได้รับอนุญาตให้ขาย

    จีนเดินหน้าพึ่งพาตนเองด้าน AI
    Beijing ได้สั่งห้ามบริษัทในประเทศทำธุรกิจกับ Nvidia เพื่อผลักดันการใช้ชิปภายในประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สของจีน ซึ่ง Huang ยอมรับว่า จีนมีนักวิจัย AI มากถึง 50% ของโลก และกำลังไล่ตามสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

    Nvidia ยังไม่ส่ง Blackwell GPU ไปจีน
    Jensen Huang ยืนยันว่า “ไม่มีการพูดคุย” กับจีน
    การตัดสินใจขึ้นอยู่กับทางการจีนว่าจะอนุญาตหรือไม่
    สหรัฐฯ ต้องการสงวนเทคโนโลยีไว้ใช้ภายในก่อน

    ความพยายามของ Nvidia
    พัฒนา Blackwell รุ่นลดสเปกสำหรับจีน เช่น B30A
    หากขายได้ ต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ
    ต้องขอใบอนุญาตส่งออกก่อนทุกครั้ง

    ท่าทีของจีน
    สั่งห้ามบริษัทในประเทศทำธุรกิจกับ Nvidia
    ผลักดันการใช้ชิปและโมเดล AI ภายในประเทศ
    มีนักวิจัย AI มากถึง 50% ของโลก

    คำเตือนด้านความมั่นคงของเทคโนโลยี
    การควบคุมการส่งออกอาจกระทบห่วงโซ่ AI ทั่วโลก
    การพึ่งพาชิปจากต่างประเทศทำให้จีนเสี่ยงต่อการถูกจำกัด
    ช่องทางลับในการนำเข้าอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jensen-huang-confirms-there-are-no-plans-to-ship-blackwell-gpus-to-china-right-now-chipmaker-at-beijings-mercy-nvidia-ceo-says-shipments-havent-been-approved-by-chinese-authorities
    🧠🚫 “Nvidia ยังไม่ส่ง Blackwell GPU ไปจีน – ขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากปักกิ่ง” Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้ออกมายืนยันว่า ไม่มีแผนจะส่งชิป Blackwell GPU ไปยังประเทศจีนในตอนนี้ โดยระบุว่า “ไม่มีการพูดคุยใดๆ เกิดขึ้น” และการตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับทางการจีนว่าจะอนุญาตให้ Nvidia กลับมาทำตลาดได้หรือไม่ คำพูดนี้สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการสงวนเทคโนโลยี AI ขั้นสูงไว้ใช้ภายในประเทศก่อน โดยอดีตประธานาธิบดี Trump และรัฐมนตรีการคลัง Scott Bessent ได้กล่าวว่า จีนจะสามารถเข้าถึงชิป Blackwell ได้ก็ต่อเมื่อมันล้าสมัยแล้ว 1–2 ปี 🧩 ความซับซ้อนของเกมการค้า AI แม้จะไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่า ชิป Blackwell ยังคงหลุดเข้าไปในจีนผ่านช่องทางลับ ขณะเดียวกัน Nvidia ก็พยายามพัฒนาเวอร์ชันเฉพาะสำหรับจีน เช่น รุ่น B30A ที่มีประสิทธิภาพลดลงจากรุ่นมาตรฐาน และต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ หากได้รับอนุญาตให้ขาย 🌏 จีนเดินหน้าพึ่งพาตนเองด้าน AI Beijing ได้สั่งห้ามบริษัทในประเทศทำธุรกิจกับ Nvidia เพื่อผลักดันการใช้ชิปภายในประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สของจีน ซึ่ง Huang ยอมรับว่า จีนมีนักวิจัย AI มากถึง 50% ของโลก และกำลังไล่ตามสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ✅ Nvidia ยังไม่ส่ง Blackwell GPU ไปจีน ➡️ Jensen Huang ยืนยันว่า “ไม่มีการพูดคุย” กับจีน ➡️ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับทางการจีนว่าจะอนุญาตหรือไม่ ➡️ สหรัฐฯ ต้องการสงวนเทคโนโลยีไว้ใช้ภายในก่อน ✅ ความพยายามของ Nvidia ➡️ พัฒนา Blackwell รุ่นลดสเปกสำหรับจีน เช่น B30A ➡️ หากขายได้ ต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ ต้องขอใบอนุญาตส่งออกก่อนทุกครั้ง ✅ ท่าทีของจีน ➡️ สั่งห้ามบริษัทในประเทศทำธุรกิจกับ Nvidia ➡️ ผลักดันการใช้ชิปและโมเดล AI ภายในประเทศ ➡️ มีนักวิจัย AI มากถึง 50% ของโลก ‼️ คำเตือนด้านความมั่นคงของเทคโนโลยี ⛔ การควบคุมการส่งออกอาจกระทบห่วงโซ่ AI ทั่วโลก ⛔ การพึ่งพาชิปจากต่างประเทศทำให้จีนเสี่ยงต่อการถูกจำกัด ⛔ ช่องทางลับในการนำเข้าอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jensen-huang-confirms-there-are-no-plans-to-ship-blackwell-gpus-to-china-right-now-chipmaker-at-beijings-mercy-nvidia-ceo-says-shipments-havent-been-approved-by-chinese-authorities
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • คดีฉ้อโกงคริปโต 25 ล้านดอลลาร์ของสองพี่น้อง MIT จบลงด้วยการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ หลังคณะลูกขุนไม่สามารถตัดสินได้

    คดีที่ถูกจับตามองอย่างมากในวงการคริปโตและเทคโนโลยีสิ้นสุดลงด้วยความไม่แน่นอน เมื่อศาลสหรัฐฯ ประกาศให้การพิจารณาคดีของสองพี่น้องจาก MIT ที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เป็น “โมฆะ” หลังคณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้

    Anton และ James Peraire-Bueno สองพี่น้องที่จบจาก MIT ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินจากการใช้เทคนิค “bait-and-switch” ความเร็วสูง เพื่อหลอกล่อบอตเทรดคริปโตให้ติดกับดัก และดูดเงินจากบัญชีของนักเทรดรายอื่นภายในเวลาเพียง 12 วินาที

    อัยการกล่าวว่าทั้งคู่ใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ MEV-boost ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ validator บนเครือข่าย Ethereum ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรม โดยพวกเขา “ปลูก” ธุรกรรมที่ดูเหมือนปกติ แต่แฝงกลไกที่ทำให้เหยื่อติดกับดัก

    ฝ่ายจำเลยโต้แย้งว่า กลยุทธ์นี้เป็นเพียงการใช้เทคนิคที่ชาญฉลาดในตลาดที่แข่งขันสูง และไม่ใช่การฉ้อโกงตามกฎหมาย

    แม้รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump จะมีแนวทางสนับสนุนคริปโตมากขึ้น แต่คดีนี้ยังคงถูกดำเนินการต่อเนื่องจนถึงการพิจารณาคดี ซึ่งจบลงด้วยการประกาศ “mistrial” โดยผู้พิพากษา Jessica Clarke

    รายละเอียดของคดี
    สองพี่น้อง MIT ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์
    ใช้ช่องโหว่ใน MEV-boost บน Ethereum blockchain
    กลยุทธ์ “bait-and-switch” หลอกบอตเทรดให้ติดกับดัก
    การดำเนินคดีเกิดขึ้นแม้รัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนคริปโต

    ผลการพิจารณาคดี
    คณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้
    ผู้พิพากษาประกาศให้คดีเป็นโมฆะ (mistrial)
    อาจมีการพิจารณาคดีใหม่ในอนาคต

    คำเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบบล็อกเชน
    ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ validator อาจถูกใช้ในการโจมตี
    การเทรดคริปโตผ่านบอตอาจมีความเสี่ยงจากกลยุทธ์ซับซ้อน
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบความปลอดภัยของระบบก่อนทำธุรกรรม
    การใช้เทคนิคที่ดูเหมือนถูกกฎหมาย อาจเข้าข่ายฉ้อโกงได้หากมีเจตนาแฝง

    คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบคริปโตที่แม้จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่สามารถถูกใช้ในการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังท้าทายขอบเขตของกฎหมายในยุคดิจิทัล.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/08/mistrial-declared-for-mit-educated-brothers-accused-of-25-million-cryptocurrency-heist
    ⚖️ คดีฉ้อโกงคริปโต 25 ล้านดอลลาร์ของสองพี่น้อง MIT จบลงด้วยการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ หลังคณะลูกขุนไม่สามารถตัดสินได้ คดีที่ถูกจับตามองอย่างมากในวงการคริปโตและเทคโนโลยีสิ้นสุดลงด้วยความไม่แน่นอน เมื่อศาลสหรัฐฯ ประกาศให้การพิจารณาคดีของสองพี่น้องจาก MIT ที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เป็น “โมฆะ” หลังคณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้ Anton และ James Peraire-Bueno สองพี่น้องที่จบจาก MIT ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินจากการใช้เทคนิค “bait-and-switch” ความเร็วสูง เพื่อหลอกล่อบอตเทรดคริปโตให้ติดกับดัก และดูดเงินจากบัญชีของนักเทรดรายอื่นภายในเวลาเพียง 12 วินาที อัยการกล่าวว่าทั้งคู่ใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ MEV-boost ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ validator บนเครือข่าย Ethereum ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรม โดยพวกเขา “ปลูก” ธุรกรรมที่ดูเหมือนปกติ แต่แฝงกลไกที่ทำให้เหยื่อติดกับดัก ฝ่ายจำเลยโต้แย้งว่า กลยุทธ์นี้เป็นเพียงการใช้เทคนิคที่ชาญฉลาดในตลาดที่แข่งขันสูง และไม่ใช่การฉ้อโกงตามกฎหมาย แม้รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump จะมีแนวทางสนับสนุนคริปโตมากขึ้น แต่คดีนี้ยังคงถูกดำเนินการต่อเนื่องจนถึงการพิจารณาคดี ซึ่งจบลงด้วยการประกาศ “mistrial” โดยผู้พิพากษา Jessica Clarke ✅ รายละเอียดของคดี ➡️ สองพี่น้อง MIT ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงคริปโตมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้ช่องโหว่ใน MEV-boost บน Ethereum blockchain ➡️ กลยุทธ์ “bait-and-switch” หลอกบอตเทรดให้ติดกับดัก ➡️ การดำเนินคดีเกิดขึ้นแม้รัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนคริปโต ✅ ผลการพิจารณาคดี ➡️ คณะลูกขุนไม่สามารถลงความเห็นร่วมกันได้ ➡️ ผู้พิพากษาประกาศให้คดีเป็นโมฆะ (mistrial) ➡️ อาจมีการพิจารณาคดีใหม่ในอนาคต ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบบล็อกเชน ⛔ ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ validator อาจถูกใช้ในการโจมตี ⛔ การเทรดคริปโตผ่านบอตอาจมีความเสี่ยงจากกลยุทธ์ซับซ้อน ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบความปลอดภัยของระบบก่อนทำธุรกรรม ⛔ การใช้เทคนิคที่ดูเหมือนถูกกฎหมาย อาจเข้าข่ายฉ้อโกงได้หากมีเจตนาแฝง คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบคริปโตที่แม้จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่สามารถถูกใช้ในการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังท้าทายขอบเขตของกฎหมายในยุคดิจิทัล. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/08/mistrial-declared-for-mit-educated-brothers-accused-of-25-million-cryptocurrency-heist
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Mistrial declared for MIT-educated brothers accused of $25 million cryptocurrency heist
    (Reuters) -A federal judge on Friday declared a mistrial in the case of two Massachusetts Institute of Technology-educated brothers charged with carrying out a novel scheme to steal $25 million worth of cryptocurrency in 12 seconds that prosecutors said exploited the Ethereum blockchain's integrity.
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • “ICC ปลดพันธนาการจาก Microsoft 365 – เลือกใช้ Open Desk เพื่ออธิปไตยดิจิทัล”
    ลองจินตนาการว่าองค์กรระดับโลกอย่างศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ตัดสินใจเลิกใช้ Microsoft 365 แล้วหันไปใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สของยุโรปแทน…นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาครัฐของยุโรป

    ICC ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก ได้ประกาศเปลี่ยนมาใช้ “Open Desk” ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์สำนักงานแบบโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zentrum Digitale Souveränität (Zendis) ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Digital Commons European Digital Infrastructure Consortium (DC-EDIC) ที่มุ่งเน้นการลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ Microsoft ตัดการเข้าถึงอีเมล Outlook ของหัวหน้าอัยการ ICC นาย Karim Khan โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยและอธิปไตยของข้อมูล

    นอกจาก ICC แล้ว รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็เริ่มทดลองใช้ Open Desk ภายใต้โครงการ “Mijn Bureau” ร่วมกับเทศบาลอัมสเตอร์ดัมและสมาคม VNG เพื่อสร้างระบบทำงานร่วมกันที่ไม่ขึ้นกับบริษัทเอกชนจากต่างประเทศ

    ICC เลิกใช้ Microsoft 365 และเปลี่ยนมาใช้ Open Desk
    เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zendis จากเยอรมนี
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ DC-EDIC เพื่ออธิปไตยดิจิทัลของยุโรป

    Microsoft เคยตัดการเข้าถึงอีเมลของหัวหน้าอัยการ ICC
    นาย Karim Khan ถูกตัดออกจากบริการ Outlook โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
    Microsoft ยืนยันว่าไม่ได้หยุดบริการต่อองค์กร ICC โดยรวม

    ความกังวลเรื่องการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
    โดยเฉพาะหลังจาก Donald Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี
    เกิดแรงผลักดันให้ภาครัฐยุโรปหันมาใช้ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมได้เอง

    โครงการ “Mijn Bureau” ในเนเธอร์แลนด์เริ่มทดลองใช้ Open Desk
    ร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลาง เมืองอัมสเตอร์ดัม และ VNG
    ใช้สำหรับอีเมลและการทำงานร่วมกันในภาครัฐ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Open Desk เป็นตัวอย่างของแนวคิด “Digital Sovereignty” ที่เน้นการควบคุมข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน
    หลายประเทศในยุโรปเริ่มหันมาใช้ LibreOffice, Nextcloud และ Matrix แทนบริการจาก Big Tech
    การใช้โอเพ่นซอร์สช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานภาครัฐ

    https://www.binnenlandsbestuur.nl/digitaal/internationaal-strafhof-neemt-afscheid-van-microsoft-365
    🏛️ “ICC ปลดพันธนาการจาก Microsoft 365 – เลือกใช้ Open Desk เพื่ออธิปไตยดิจิทัล” ลองจินตนาการว่าองค์กรระดับโลกอย่างศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ตัดสินใจเลิกใช้ Microsoft 365 แล้วหันไปใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สของยุโรปแทน…นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาครัฐของยุโรป ICC ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก ได้ประกาศเปลี่ยนมาใช้ “Open Desk” ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์สำนักงานแบบโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zentrum Digitale Souveränität (Zendis) ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Digital Commons European Digital Infrastructure Consortium (DC-EDIC) ที่มุ่งเน้นการลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ Microsoft ตัดการเข้าถึงอีเมล Outlook ของหัวหน้าอัยการ ICC นาย Karim Khan โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยและอธิปไตยของข้อมูล นอกจาก ICC แล้ว รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็เริ่มทดลองใช้ Open Desk ภายใต้โครงการ “Mijn Bureau” ร่วมกับเทศบาลอัมสเตอร์ดัมและสมาคม VNG เพื่อสร้างระบบทำงานร่วมกันที่ไม่ขึ้นกับบริษัทเอกชนจากต่างประเทศ ✅ ICC เลิกใช้ Microsoft 365 และเปลี่ยนมาใช้ Open Desk ➡️ เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย Zendis จากเยอรมนี ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ DC-EDIC เพื่ออธิปไตยดิจิทัลของยุโรป ✅ Microsoft เคยตัดการเข้าถึงอีเมลของหัวหน้าอัยการ ICC ➡️ นาย Karim Khan ถูกตัดออกจากบริการ Outlook โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ➡️ Microsoft ยืนยันว่าไม่ได้หยุดบริการต่อองค์กร ICC โดยรวม ✅ ความกังวลเรื่องการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ➡️ โดยเฉพาะหลังจาก Donald Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดี ➡️ เกิดแรงผลักดันให้ภาครัฐยุโรปหันมาใช้ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมได้เอง ✅ โครงการ “Mijn Bureau” ในเนเธอร์แลนด์เริ่มทดลองใช้ Open Desk ➡️ ร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลาง เมืองอัมสเตอร์ดัม และ VNG ➡️ ใช้สำหรับอีเมลและการทำงานร่วมกันในภาครัฐ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Open Desk เป็นตัวอย่างของแนวคิด “Digital Sovereignty” ที่เน้นการควบคุมข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ หลายประเทศในยุโรปเริ่มหันมาใช้ LibreOffice, Nextcloud และ Matrix แทนบริการจาก Big Tech ➡️ การใช้โอเพ่นซอร์สช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานภาครัฐ https://www.binnenlandsbestuur.nl/digitaal/internationaal-strafhof-neemt-afscheid-van-microsoft-365
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • “Blackwell สำหรับอเมริกาเท่านั้น! รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ย้ำชัด จีนต้องรอจนชิปตกยุค”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการแข่งขันระดับโลก สหรัฐฯ ยังคงเดินเกมควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง โดยล่าสุด Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่สอดคล้องกับประธานาธิบดี Donald Trump ว่า “ชิป AI ระดับสูงสุดจาก Nvidia จะถูกสงวนไว้ให้ใช้ภายในประเทศเท่านั้น”

    Bessent กล่าวผ่าน CNBC ว่า Blackwell — ชิป AI รุ่นล่าสุดจาก Nvidia — เป็น “อัญมณีแห่งเทคโนโลยี” และจะไม่ถูกส่งออกไปยังจีนจนกว่าจะตกยุค โดยอาจใช้เวลาราว 12–24 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเปิดตัว Vera Rubin รุ่นถัดไปในปีหน้า

    แม้จะไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาว แต่คำพูดของ Bessent สะท้อนแนวโน้มเชิงนโยบายที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดี และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและการค้า

    ขณะเดียวกัน Nvidia ก็เตรียมเปิดตัวรุ่น “ลดสเปก” สำหรับจีนในชื่อ B30A ซึ่งจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน และต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ หากมีการขายในจีน

    สหรัฐฯ ยืนยันไม่ส่งออกชิป Blackwell ไปจีนในช่วงแรก
    Scott Bessent ระบุว่า Blackwell จะถูกสงวนไว้ให้ใช้ในประเทศ
    อาจใช้เวลาราว 12–24 เดือนก่อนจะอนุญาตให้ส่งออก

    ความเห็นสอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดี Trump
    Trump เคยกล่าวว่า “จีนจะไม่ได้รับชิปที่ดีที่สุดจาก Nvidia”
    เป็นการควบคุมเทคโนโลยีเพื่อรักษาความได้เปรียบด้าน AI

    Nvidia เตรียมเปิดตัวรุ่นลดสเปกสำหรับจีน
    รุ่น B30A มีประสิทธิภาพต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน
    หากขายในจีน ต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ

    การพัฒนาในอนาคต
    Blackwell จะถูกแทนที่ด้วย Vera Rubin ในปีหน้า
    เมื่อ Blackwell ตกรุ่น อาจถูกอนุญาตให้ส่งออกไปยังจีน

    คำเตือนด้านการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    การจำกัดการส่งออกอาจกระทบต่อความร่วมมือด้านเทคโนโลยี
    จีนอาจเร่งพัฒนาเทคโนโลยีภายในเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

    คำเตือนด้านการละเมิดข้อจำกัด
    มีรายงานว่าชิป Blackwell ยังหลุดเข้าไปในจีนผ่านช่องทางสีเทา
    การนำเข้าแบบผิดกฎหมายอาจสร้างความตึงเครียดทางการค้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/echoing-trumps-sentiments-americas-finance-chief-bessent-says-the-most-advanced-ai-gpus-are-restricted-to-home-soil-china-can-have-blackwell-chips-once-theyre-outdated
    🇺🇸🚫 “Blackwell สำหรับอเมริกาเท่านั้น! รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ย้ำชัด จีนต้องรอจนชิปตกยุค” ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการแข่งขันระดับโลก สหรัฐฯ ยังคงเดินเกมควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง โดยล่าสุด Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่สอดคล้องกับประธานาธิบดี Donald Trump ว่า “ชิป AI ระดับสูงสุดจาก Nvidia จะถูกสงวนไว้ให้ใช้ภายในประเทศเท่านั้น” Bessent กล่าวผ่าน CNBC ว่า Blackwell — ชิป AI รุ่นล่าสุดจาก Nvidia — เป็น “อัญมณีแห่งเทคโนโลยี” และจะไม่ถูกส่งออกไปยังจีนจนกว่าจะตกยุค โดยอาจใช้เวลาราว 12–24 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเปิดตัว Vera Rubin รุ่นถัดไปในปีหน้า แม้จะไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาว แต่คำพูดของ Bessent สะท้อนแนวโน้มเชิงนโยบายที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดี และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและการค้า ขณะเดียวกัน Nvidia ก็เตรียมเปิดตัวรุ่น “ลดสเปก” สำหรับจีนในชื่อ B30A ซึ่งจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน และต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ หากมีการขายในจีน ✅ สหรัฐฯ ยืนยันไม่ส่งออกชิป Blackwell ไปจีนในช่วงแรก ➡️ Scott Bessent ระบุว่า Blackwell จะถูกสงวนไว้ให้ใช้ในประเทศ ➡️ อาจใช้เวลาราว 12–24 เดือนก่อนจะอนุญาตให้ส่งออก ✅ ความเห็นสอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดี Trump ➡️ Trump เคยกล่าวว่า “จีนจะไม่ได้รับชิปที่ดีที่สุดจาก Nvidia” ➡️ เป็นการควบคุมเทคโนโลยีเพื่อรักษาความได้เปรียบด้าน AI ✅ Nvidia เตรียมเปิดตัวรุ่นลดสเปกสำหรับจีน ➡️ รุ่น B30A มีประสิทธิภาพต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน ➡️ หากขายในจีน ต้องแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ✅ การพัฒนาในอนาคต ➡️ Blackwell จะถูกแทนที่ด้วย Vera Rubin ในปีหน้า ➡️ เมื่อ Blackwell ตกรุ่น อาจถูกอนุญาตให้ส่งออกไปยังจีน ‼️ คำเตือนด้านการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ⛔ การจำกัดการส่งออกอาจกระทบต่อความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ⛔ จีนอาจเร่งพัฒนาเทคโนโลยีภายในเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนด้านการละเมิดข้อจำกัด ⛔ มีรายงานว่าชิป Blackwell ยังหลุดเข้าไปในจีนผ่านช่องทางสีเทา ⛔ การนำเข้าแบบผิดกฎหมายอาจสร้างความตึงเครียดทางการค้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/echoing-trumps-sentiments-americas-finance-chief-bessent-says-the-most-advanced-ai-gpus-are-restricted-to-home-soil-china-can-have-blackwell-chips-once-theyre-outdated
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • NVIDIA หันหลังให้จีน ส่งชิป AI สู่ UAE — Microsoft ได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมลงทุนกว่า $7.9 พันล้านดอลลาร์

    บทความจาก Wccftech เผยว่า Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่หลังจากความตึงเครียดกับจีน โดย Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการอนุมัตินี้เกิดขึ้นหลังผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลสหรัฐฯ.

    หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนอย่างเข้มงวด NVIDIA จึงมองหาตลาดใหม่ และ UAE กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ โดย Microsoft กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งออกชิปเหล่านี้ พร้อมแผนลงทุนในภูมิภาคสูงถึง $7.9 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2026–2029

    การเปลี่ยนทิศนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump เดินทางเยือนกลุ่มประเทศอ่าว และมีการลงนามข้อตกลงระหว่าง NVIDIA กับองค์กรรัฐในภูมิภาค เช่น G42 และ HUMAIN AI ซึ่งสะท้อนว่าอุตสาหกรรม AI กำลังขยายตัวสู่ตะวันออกกลางอย่างจริงจัง

    Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยัง UAE
    ผ่านการตรวจสอบด้าน cybersecurity และ physical security จากรัฐบาลสหรัฐฯ

    Microsoft เตรียมลงทุน $7.9 พันล้านดอลลาร์ใน UAE
    ระหว่างปี 2026–2029 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI

    NVIDIA เซ็นสัญญากับองค์กรรัฐในอ่าว เช่น G42 และ HUMAIN AI
    หลังการเยือนของประธานาธิบดี Trump

    ตลาดตะวันออกกลางกลายเป็นโอกาสใหม่ของ NVIDIA
    หลังจากเผชิญข้อจำกัดในการส่งออกไปจีน

    UAE อาจกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของเทคโนโลยี AI
    ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก

    ความสัมพันธ์กับจีนยังคงตึงเครียด
    การส่งออกชิป AI ไปจีนยังถูกจำกัดอย่างเข้มงวด

    การลงทุนในภูมิภาคใหม่ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
    ต้องจับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายในตะวันออกกลาง

    https://wccftech.com/forget-china-nvidia-ai-chips-are-now-going-to-the-uae/
    🇦🇪 NVIDIA หันหลังให้จีน ส่งชิป AI สู่ UAE — Microsoft ได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมลงทุนกว่า $7.9 พันล้านดอลลาร์ บทความจาก Wccftech เผยว่า Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่หลังจากความตึงเครียดกับจีน โดย Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการอนุมัตินี้เกิดขึ้นหลังผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลสหรัฐฯ. หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนอย่างเข้มงวด NVIDIA จึงมองหาตลาดใหม่ และ UAE กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ โดย Microsoft กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งออกชิปเหล่านี้ พร้อมแผนลงทุนในภูมิภาคสูงถึง $7.9 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2026–2029 การเปลี่ยนทิศนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump เดินทางเยือนกลุ่มประเทศอ่าว และมีการลงนามข้อตกลงระหว่าง NVIDIA กับองค์กรรัฐในภูมิภาค เช่น G42 และ HUMAIN AI ซึ่งสะท้อนว่าอุตสาหกรรม AI กำลังขยายตัวสู่ตะวันออกกลางอย่างจริงจัง ✅ Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยัง UAE ➡️ ผ่านการตรวจสอบด้าน cybersecurity และ physical security จากรัฐบาลสหรัฐฯ ✅ Microsoft เตรียมลงทุน $7.9 พันล้านดอลลาร์ใน UAE ➡️ ระหว่างปี 2026–2029 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ✅ NVIDIA เซ็นสัญญากับองค์กรรัฐในอ่าว เช่น G42 และ HUMAIN AI ➡️ หลังการเยือนของประธานาธิบดี Trump ✅ ตลาดตะวันออกกลางกลายเป็นโอกาสใหม่ของ NVIDIA ➡️ หลังจากเผชิญข้อจำกัดในการส่งออกไปจีน ✅ UAE อาจกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของเทคโนโลยี AI ➡️ ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ‼️ ความสัมพันธ์กับจีนยังคงตึงเครียด ⛔ การส่งออกชิป AI ไปจีนยังถูกจำกัดอย่างเข้มงวด ‼️ การลงทุนในภูมิภาคใหม่ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ⛔ ต้องจับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายในตะวันออกกลาง https://wccftech.com/forget-china-nvidia-ai-chips-are-now-going-to-the-uae/
    WCCFTECH.COM
    Forget China — NVIDIA’s AI Chips Are Now Heading to the UAE as Microsoft Receives ‘Pivotal’ Approval from the Trump Administration
    NVIDIA's AI chips are now heading to the UAE, as, according to a new report, Microsoft has received the required export license.
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • พล.ต.ณัฏฐ์ ยัน ทหารไทยสมัยนี้ ไม่คุยเล่นกับเขมร หากไม่ทำตามที่ตกลง "ก็มีเรื่อง" ชี้ทางเอาคืน "ปราสาทตาควาย" มั่นใจสุดท้ายกลับมาเป็นของไทยแน่นอน.
    https://www.thai-tai.tv/news/22189/
    .
    #ไทยไท #รองแม่ทัพภาค2 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #ทหารไทย #DonaldTrump #ไลดาร์

    พล.ต.ณัฏฐ์ ยัน ทหารไทยสมัยนี้ ไม่คุยเล่นกับเขมร หากไม่ทำตามที่ตกลง "ก็มีเรื่อง" ชี้ทางเอาคืน "ปราสาทตาควาย" มั่นใจสุดท้ายกลับมาเป็นของไทยแน่นอน. https://www.thai-tai.tv/news/22189/ . #ไทยไท #รองแม่ทัพภาค2 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #ทหารไทย #DonaldTrump #ไลดาร์
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งแรก – ท้าชน Project Natick ของ Microsoft ด้วยพลังลมและคลื่น”

    จีนประกาศความสำเร็จในการเปิดใช้งานศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งแรกในโลกที่ Lin-gang, เซี่ยงไฮ้ ด้วยงบลงทุนกว่า 226 ล้านดอลลาร์ โดยใช้พลังงานลมและระบบทำความเย็นจากธรรมชาติใต้ทะเล พร้อมตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตถึง 500 เมกะวัตต์ในอนาคต.

    ในขณะที่ Microsoft เคยทดลองสร้างศูนย์ข้อมูลใต้น้ำในโครงการ Project Natick ซึ่งถูกยกเลิกไปในปี 2024 จีนกลับเดินหน้าสู่การใช้งานจริง โดยศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งนี้ถูกออกแบบให้ใช้พลังงานหมุนเวียนจากลมทะเลถึง 95% และใช้คุณสมบัติของน้ำทะเลในการระบายความร้อนแทนการใช้เครื่องทำความเย็นแบบเดิม

    เฟสแรกของโครงการ Lin-gang ให้กำลังการผลิต 2.3 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายถึง 24 เมกะวัตต์ในระยะถัดไป โดยมีหน่วยงานรัฐหนุนหลัง เช่น Shenergy, China Telecom และ CCCC Third Harbor Engineering

    เทคโนโลยีที่ใช้คือการบรรจุเซิร์ฟเวอร์ไว้ในแคปซูลกันน้ำ แล้วนำไปวางไว้ใต้ทะเลลึก 35 เมตร ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและน้ำจืดในการระบายความร้อน และยังสามารถลดค่า PUE (Power Usage Effectiveness) ให้ต่ำกว่า 1.15 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก

    แม้จะมีข้อดีด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุนพลังงาน แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น การบำรุงรักษาที่ยากและต้นทุนสูงเมื่ออุปกรณ์เสียหาย รวมถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ยังต้องรอการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ

    จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งแรกที่ Lin-gang, เซี่ยงไฮ้
    ใช้งบลงทุน 226 ล้านดอลลาร์ และเริ่มใช้งานเฟสแรกแล้ว

    ใช้พลังงานลมทะเลถึง 95%
    ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากกริดและลดการใช้น้ำจืด

    ระบบระบายความร้อนใช้คุณสมบัติของน้ำทะเล
    ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน

    กำลังการผลิตเริ่มต้น 2.3 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าขยายถึง 24 เมกะวัตต์
    มีแผนขยายถึง 500 เมกะวัตต์ในอนาคต

    ค่า PUE ต่ำกว่า 1.15
    ดีกว่าค่าเฉลี่ยของศูนย์ข้อมูลทั่วไป

    ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐและบริษัทเทคโนโลยีจีน
    เช่น Shenergy, China Telecom และ CCCC Third Harbor Engineering

    การบำรุงรักษาและอัปเกรดอุปกรณ์ใต้น้ำมีต้นทุนสูง
    ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากในการเข้าถึงแคปซูลใต้น้ำ

    ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ
    ต้องรอการประเมินผลกระทบทางทะเลและความร้อนในระยะยาว

    การเข้าถึงและเปลี่ยนอุปกรณ์ทำได้ยากเมื่อแคปซูลถูกปิดผนึกและจมอยู่ใต้ทะเล
    อาจส่งผลต่อความยืดหยุ่นในการอัปเกรดระบบในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/forget-project-natick-china-says-it-has-trumped-microsoft-and-launched-its-first-underwater-data-center
    🌊💻 หัวข้อข่าว: “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งแรก – ท้าชน Project Natick ของ Microsoft ด้วยพลังลมและคลื่น” จีนประกาศความสำเร็จในการเปิดใช้งานศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งแรกในโลกที่ Lin-gang, เซี่ยงไฮ้ ด้วยงบลงทุนกว่า 226 ล้านดอลลาร์ โดยใช้พลังงานลมและระบบทำความเย็นจากธรรมชาติใต้ทะเล พร้อมตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตถึง 500 เมกะวัตต์ในอนาคต. ในขณะที่ Microsoft เคยทดลองสร้างศูนย์ข้อมูลใต้น้ำในโครงการ Project Natick ซึ่งถูกยกเลิกไปในปี 2024 จีนกลับเดินหน้าสู่การใช้งานจริง โดยศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งนี้ถูกออกแบบให้ใช้พลังงานหมุนเวียนจากลมทะเลถึง 95% และใช้คุณสมบัติของน้ำทะเลในการระบายความร้อนแทนการใช้เครื่องทำความเย็นแบบเดิม เฟสแรกของโครงการ Lin-gang ให้กำลังการผลิต 2.3 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายถึง 24 เมกะวัตต์ในระยะถัดไป โดยมีหน่วยงานรัฐหนุนหลัง เช่น Shenergy, China Telecom และ CCCC Third Harbor Engineering เทคโนโลยีที่ใช้คือการบรรจุเซิร์ฟเวอร์ไว้ในแคปซูลกันน้ำ แล้วนำไปวางไว้ใต้ทะเลลึก 35 เมตร ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและน้ำจืดในการระบายความร้อน และยังสามารถลดค่า PUE (Power Usage Effectiveness) ให้ต่ำกว่า 1.15 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก แม้จะมีข้อดีด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุนพลังงาน แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น การบำรุงรักษาที่ยากและต้นทุนสูงเมื่ออุปกรณ์เสียหาย รวมถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ยังต้องรอการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ ✅ จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งแรกที่ Lin-gang, เซี่ยงไฮ้ ➡️ ใช้งบลงทุน 226 ล้านดอลลาร์ และเริ่มใช้งานเฟสแรกแล้ว ✅ ใช้พลังงานลมทะเลถึง 95% ➡️ ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากกริดและลดการใช้น้ำจืด ✅ ระบบระบายความร้อนใช้คุณสมบัติของน้ำทะเล ➡️ ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ✅ กำลังการผลิตเริ่มต้น 2.3 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าขยายถึง 24 เมกะวัตต์ ➡️ มีแผนขยายถึง 500 เมกะวัตต์ในอนาคต ✅ ค่า PUE ต่ำกว่า 1.15 ➡️ ดีกว่าค่าเฉลี่ยของศูนย์ข้อมูลทั่วไป ✅ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐและบริษัทเทคโนโลยีจีน ➡️ เช่น Shenergy, China Telecom และ CCCC Third Harbor Engineering ‼️ การบำรุงรักษาและอัปเกรดอุปกรณ์ใต้น้ำมีต้นทุนสูง ⛔ ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากในการเข้าถึงแคปซูลใต้น้ำ ‼️ ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ ⛔ ต้องรอการประเมินผลกระทบทางทะเลและความร้อนในระยะยาว ‼️ การเข้าถึงและเปลี่ยนอุปกรณ์ทำได้ยากเมื่อแคปซูลถูกปิดผนึกและจมอยู่ใต้ทะเล ⛔ อาจส่งผลต่อความยืดหยุ่นในการอัปเกรดระบบในอนาคต https://www.techradar.com/pro/forget-project-natick-china-says-it-has-trumped-microsoft-and-launched-its-first-underwater-data-center
    WWW.TECHRADAR.COM
    China’s underwater data center takes computing to new depths
    Offshore wind provides up to 95% of the energy powering the submerged servers
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • ดราม่าชิปโลกสะเทือน: Nexperia ได้ไฟเขียวส่งออกจากจีน หลังผู้นำสองชาติจับมือเจรจา

    เรื่องนี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับเนเธอร์แลนด์ ที่ลุกลามไปถึงสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก เมื่อจีนประกาศแบนการส่งออกชิปจากบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปยานยนต์รายใหญ่ที่ถือครองตลาดถึง 40% โดยเฉพาะในรถยนต์ที่ใช้ชิปกว่า 1,500 ตัวต่อคัน การหยุดส่งออกจึงเท่ากับหยุดสายการผลิตรถยนต์ในหลายประเทศ

    แต่หลังจากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเวที APEC ที่ปูซาน จีนก็เปิดช่องให้บริษัทต่างชาติสามารถขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง โดยต้องผ่านการพิจารณาแบบกรณีต่อกรณีจากกระทรวงพาณิชย์จีน (MOFCOM)

    อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่จบ เพราะสำนักงานใหญ่ของ Nexperia ในเนเธอร์แลนด์ยังคงหยุดส่งวัตถุดิบไปยังโรงงานในจีน ทำให้แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก แต่การผลิตก็ยังติดขัดอยู่ดี

    นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเรื่องกฎใหม่ของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ ซึ่งกระทบต่อ Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ที่ถูกขึ้นบัญชีดำไปแล้ว

    จีนเปิดให้บริษัทต่างชาติขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง
    ต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์จีนแบบกรณีต่อกรณี
    เป็นผลจากการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในเวที APEC

    Nexperia ถือครองตลาดชิปยานยนต์ถึง 40%
    รถยนต์หนึ่งคันใช้ชิปเฉลี่ย 1,500 ตัว
    การหยุดส่งออกส่งผลให้สายการผลิตทั่วโลกหยุดชะงัก

    สหรัฐฯ ออกกฎใหม่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ
    Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ถูกขึ้นบัญชีดำ
    ส่งผลให้ Nexperia เสี่ยงสูญเสียการเข้าถึงเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ

    โรงงาน Nexperia ในจีนผลิตชิปถึง 70% ของกำลังการผลิตทั่วโลก
    แต่ยังขาดวัตถุดิบจากสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์
    ทำให้การผลิตยังไม่สามารถกลับมาเต็มรูปแบบได้

    ความขัดแย้งระหว่างจีน-เนเธอร์แลนด์ยังไม่คลี่คลาย
    สำนักงานใหญ่ของ Nexperia ยังไม่ส่งวัตถุดิบไปจีน
    อาจทำให้การผลิตชิปยังติดขัด แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก

    กฎใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก
    บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทในบัญชีดำต้องปรับโครงสร้าง
    อาจต้องหาซัพพลายเชนใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด

    เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ชิป” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างลึกซึ้ง


    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/nexperia-allowed-to-resume-exports-from-china-following-trump-xi-talks-companies-may-seek-exemptions-from-the-ministry-of-commerce-to-restart-international-deliveries
    🧩 ดราม่าชิปโลกสะเทือน: Nexperia ได้ไฟเขียวส่งออกจากจีน หลังผู้นำสองชาติจับมือเจรจา เรื่องนี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับเนเธอร์แลนด์ ที่ลุกลามไปถึงสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก เมื่อจีนประกาศแบนการส่งออกชิปจากบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปยานยนต์รายใหญ่ที่ถือครองตลาดถึง 40% โดยเฉพาะในรถยนต์ที่ใช้ชิปกว่า 1,500 ตัวต่อคัน การหยุดส่งออกจึงเท่ากับหยุดสายการผลิตรถยนต์ในหลายประเทศ แต่หลังจากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเวที APEC ที่ปูซาน จีนก็เปิดช่องให้บริษัทต่างชาติสามารถขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง โดยต้องผ่านการพิจารณาแบบกรณีต่อกรณีจากกระทรวงพาณิชย์จีน (MOFCOM) อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่จบ เพราะสำนักงานใหญ่ของ Nexperia ในเนเธอร์แลนด์ยังคงหยุดส่งวัตถุดิบไปยังโรงงานในจีน ทำให้แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก แต่การผลิตก็ยังติดขัดอยู่ดี นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเรื่องกฎใหม่ของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ ซึ่งกระทบต่อ Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ที่ถูกขึ้นบัญชีดำไปแล้ว ✅ จีนเปิดให้บริษัทต่างชาติขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง ➡️ ต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์จีนแบบกรณีต่อกรณี ➡️ เป็นผลจากการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในเวที APEC ✅ Nexperia ถือครองตลาดชิปยานยนต์ถึง 40% ➡️ รถยนต์หนึ่งคันใช้ชิปเฉลี่ย 1,500 ตัว ➡️ การหยุดส่งออกส่งผลให้สายการผลิตทั่วโลกหยุดชะงัก ✅ สหรัฐฯ ออกกฎใหม่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ ➡️ Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ถูกขึ้นบัญชีดำ ➡️ ส่งผลให้ Nexperia เสี่ยงสูญเสียการเข้าถึงเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ✅ โรงงาน Nexperia ในจีนผลิตชิปถึง 70% ของกำลังการผลิตทั่วโลก ➡️ แต่ยังขาดวัตถุดิบจากสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ ➡️ ทำให้การผลิตยังไม่สามารถกลับมาเต็มรูปแบบได้ ‼️ ความขัดแย้งระหว่างจีน-เนเธอร์แลนด์ยังไม่คลี่คลาย ⛔ สำนักงานใหญ่ของ Nexperia ยังไม่ส่งวัตถุดิบไปจีน ⛔ อาจทำให้การผลิตชิปยังติดขัด แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก ‼️ กฎใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ⛔ บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทในบัญชีดำต้องปรับโครงสร้าง ⛔ อาจต้องหาซัพพลายเชนใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ชิป” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างลึกซึ้ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/nexperia-allowed-to-resume-exports-from-china-following-trump-xi-talks-companies-may-seek-exemptions-from-the-ministry-of-commerce-to-restart-international-deliveries
    0 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • SpaceX รับดีล $2 พันล้านจากโครงการ Golden Dome ของทรัมป์ — เตรียมส่งดาวเทียม 600 ดวงติดตามภัยคุกคามทางอากาศ

    SpaceX ของ Elon Musk คาดว่าจะได้รับเงินทุนกว่า $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการ Golden Dome ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธระดับชาติที่ใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายเคลื่อนที่ทางอากาศ

    Golden Dome เป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Donald Trump และรัฐมนตรี Pete Hegseth ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเป้าหมายสร้างระบบป้องกันที่สามารถสกัดขีปนาวุธจากทุกทิศทาง — แม้แต่จากอวกาศ

    SpaceX จะมีบทบาทสำคัญในระบบ “Air Moving Target Indicator” ซึ่งใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและอากาศยานไร้คนขับ

    เงินทุนนี้มาจาก “One Big Beautiful Bill” ที่ทรัมป์ลงนามในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยยังไม่มีการระบุชื่อผู้รับเหมาหลักอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวระบุว่า SpaceX จะเป็นหนึ่งในผู้รับงานหลัก

    นอกจาก SpaceX ยังมีบริษัทอื่นที่เสนอเทคโนโลยีเข้าร่วม เช่น Anduril, Palantir, Lockheed Martin, Northrop Grumman และ L3Harris โดยรัฐบาลไม่ต้องการพึ่งพาบริษัทเดียวเพื่อหลีกเลี่ยง “vendor lock” ที่อาจทำให้ราคาสูงและนวัตกรรมชะงัก

    รายละเอียดของดีล SpaceX
    รับเงินทุน $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหม
    พัฒนาเครือข่ายดาวเทียม 600 ดวงสำหรับระบบติดตามเป้าหมาย
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Golden Dome

    โครงการ Golden Dome
    ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ
    ใช้ดาวเทียม, interceptor, command & control และโครงสร้างพื้นฐานอื่น
    ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล
    คาดว่ามีงบรวมอย่างน้อย $175 พันล้าน และอาจสูงกว่านั้น

    ความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง
    Gen. Chance Saltzman ระบุว่า “เราพึ่งพาอุตสาหกรรมในการแสดงศักยภาพ”
    Sen. Rick Scott เตือนว่าไม่ควรพึ่งพาบริษัทเดียวในการสร้างระบบป้องกัน
    Pentagon ชี้ว่าการผูกขาดอาจขัดขวางนวัตกรรมและเพิ่มต้นทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musks-spacex-will-reportedly-receive-usd2-billion-for-trumps-golden-dome-project-system-to-include-up-to-600-satellites-to-track-fast-moving-airborne-targets
    🛰️💰 SpaceX รับดีล $2 พันล้านจากโครงการ Golden Dome ของทรัมป์ — เตรียมส่งดาวเทียม 600 ดวงติดตามภัยคุกคามทางอากาศ SpaceX ของ Elon Musk คาดว่าจะได้รับเงินทุนกว่า $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการ Golden Dome ซึ่งเป็นระบบป้องกันขีปนาวุธระดับชาติที่ใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายเคลื่อนที่ทางอากาศ Golden Dome เป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Donald Trump และรัฐมนตรี Pete Hegseth ในเดือนพฤษภาคม 2025 โดยมีเป้าหมายสร้างระบบป้องกันที่สามารถสกัดขีปนาวุธจากทุกทิศทาง — แม้แต่จากอวกาศ SpaceX จะมีบทบาทสำคัญในระบบ “Air Moving Target Indicator” ซึ่งใช้ดาวเทียมกว่า 600 ดวงในการติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกและอากาศยานไร้คนขับ เงินทุนนี้มาจาก “One Big Beautiful Bill” ที่ทรัมป์ลงนามในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยยังไม่มีการระบุชื่อผู้รับเหมาหลักอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวระบุว่า SpaceX จะเป็นหนึ่งในผู้รับงานหลัก นอกจาก SpaceX ยังมีบริษัทอื่นที่เสนอเทคโนโลยีเข้าร่วม เช่น Anduril, Palantir, Lockheed Martin, Northrop Grumman และ L3Harris โดยรัฐบาลไม่ต้องการพึ่งพาบริษัทเดียวเพื่อหลีกเลี่ยง “vendor lock” ที่อาจทำให้ราคาสูงและนวัตกรรมชะงัก ✅ รายละเอียดของดีล SpaceX ➡️ รับเงินทุน $2 พันล้านจากกระทรวงกลาโหม ➡️ พัฒนาเครือข่ายดาวเทียม 600 ดวงสำหรับระบบติดตามเป้าหมาย ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Golden Dome ✅ โครงการ Golden Dome ➡️ ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ ➡️ ใช้ดาวเทียม, interceptor, command & control และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ➡️ ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล ➡️ คาดว่ามีงบรวมอย่างน้อย $175 พันล้าน และอาจสูงกว่านั้น ✅ ความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ➡️ Gen. Chance Saltzman ระบุว่า “เราพึ่งพาอุตสาหกรรมในการแสดงศักยภาพ” ➡️ Sen. Rick Scott เตือนว่าไม่ควรพึ่งพาบริษัทเดียวในการสร้างระบบป้องกัน ➡️ Pentagon ชี้ว่าการผูกขาดอาจขัดขวางนวัตกรรมและเพิ่มต้นทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musks-spacex-will-reportedly-receive-usd2-billion-for-trumps-golden-dome-project-system-to-include-up-to-600-satellites-to-track-fast-moving-airborne-targets
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
  • “Jensanity” เขย่าตลาด! หุ้นไก่ทอดเกาหลีพุ่ง 30% หลัง Jensen Huang CEO Nvidia แวะกิน KFC สไตล์โซล

    การปรากฏตัวของ Jensen Huang ที่ร้านไก่ทอดเกาหลีในกรุงโซลกลายเป็นไวรัลทันที ส่งผลให้หุ้นแบรนด์ไก่ทอดพุ่งสูงถึง 30% ในวันเดียว พร้อมดันหุ้นหุ่นยนต์ทอดไก่และโรงงานแปรรูปไก่ให้พุ่งตามไปด้วย

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อร่วมประชุม APEC CEO Summit และพบปะผู้บริหารระดับสูงของ Samsung และ Hyundai แต่สิ่งที่กลายเป็นไวรัลกลับไม่ใช่การประชุม… แต่เป็นภาพของเขานั่งกินไก่ทอดเกาหลีที่ร้าน Kkanbu Chicken พร้อมเบียร์เย็น ๆ

    ภาพดังกล่าวถูกแชร์อย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย และกลายเป็น “Jensanity” — ปรากฏการณ์ที่การปรากฏตัวของ Jensen Huangสามารถกระตุ้นตลาดได้ทันที โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ที่นักลงทุนมักตอบสนองต่อเหตุการณ์ไวรัลหรือการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญ

    แม้ร้าน Kkanbu จะไม่อยู่ในตลาดหุ้น แต่แบรนด์คู่แข่งอย่าง Kyochon F&B กลับได้อานิสงส์ หุ้นพุ่งขึ้นถึง 20% ขณะที่ Cherrybro Co. ผู้ผลิตเนื้อไก่ และ Neuromeka ผู้ผลิตหุ่นยนต์ทอดไก่ ก็พุ่งแตะเพดาน 30% ในวันเดียว

    Bloomberg ระบุว่าเหตุการณ์นี้คล้ายกับตอนที่ Donald Trump เคยชมปากกายี่ห้อ MonAmi ในการเยือนเกาหลีใต้ ทำให้หุ้นบริษัทพุ่งขึ้นทันทีเช่นกัน

    เหตุการณ์ Jensanity ในเกาหลีใต้
    Jensen Huang ไปกินไก่ทอดที่ร้าน Kkanbu Chicken ในกรุงโซล
    ภาพไวรัลกระตุ้นตลาดหุ้นทันที
    เกิดปรากฏการณ์ “Jensanity” ที่การปรากฏตัวของเขาทำให้หุ้นพุ่ง

    หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงบวก
    Kyochon F&B พุ่งขึ้น 20%
    Cherrybro Co. ผู้ผลิตเนื้อไก่ พุ่งแตะ 30%
    Neuromeka ผู้ผลิตหุ่นยนต์ทอดไก่ พุ่งแตะ 30%

    บริบทของการเยือน
    Huang เดินทางเพื่อร่วมประชุม APEC CEO Summit
    ลงนามสัญญาใหม่ด้าน AI กับบริษัทเกาหลี
    เสริมความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากจีน

    นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของ “พลังแห่งบุคลิกภาพ” ที่สามารถเขย่าตลาดได้ในมื้อเย็นเดียว… และในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง CEO ที่มีเสน่ห์อาจกลายเป็น influencer ที่ทรงพลังที่สุดในสายธุรกิจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/korean-fried-chicken-stocks-surge-30-percent-as-nvidia-ceo-jensen-huang-dines-out-on-local-delicacy-entire-industry-buoyed-by-secret-ingredient-jensanity
    🍗📈 “Jensanity” เขย่าตลาด! หุ้นไก่ทอดเกาหลีพุ่ง 30% หลัง Jensen Huang CEO Nvidia แวะกิน KFC สไตล์โซล การปรากฏตัวของ Jensen Huang ที่ร้านไก่ทอดเกาหลีในกรุงโซลกลายเป็นไวรัลทันที ส่งผลให้หุ้นแบรนด์ไก่ทอดพุ่งสูงถึง 30% ในวันเดียว พร้อมดันหุ้นหุ่นยนต์ทอดไก่และโรงงานแปรรูปไก่ให้พุ่งตามไปด้วย Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia เดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อร่วมประชุม APEC CEO Summit และพบปะผู้บริหารระดับสูงของ Samsung และ Hyundai แต่สิ่งที่กลายเป็นไวรัลกลับไม่ใช่การประชุม… แต่เป็นภาพของเขานั่งกินไก่ทอดเกาหลีที่ร้าน Kkanbu Chicken พร้อมเบียร์เย็น ๆ ภาพดังกล่าวถูกแชร์อย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย และกลายเป็น “Jensanity” — ปรากฏการณ์ที่การปรากฏตัวของ Jensen Huangสามารถกระตุ้นตลาดได้ทันที โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ที่นักลงทุนมักตอบสนองต่อเหตุการณ์ไวรัลหรือการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญ แม้ร้าน Kkanbu จะไม่อยู่ในตลาดหุ้น แต่แบรนด์คู่แข่งอย่าง Kyochon F&B กลับได้อานิสงส์ หุ้นพุ่งขึ้นถึง 20% ขณะที่ Cherrybro Co. ผู้ผลิตเนื้อไก่ และ Neuromeka ผู้ผลิตหุ่นยนต์ทอดไก่ ก็พุ่งแตะเพดาน 30% ในวันเดียว Bloomberg ระบุว่าเหตุการณ์นี้คล้ายกับตอนที่ Donald Trump เคยชมปากกายี่ห้อ MonAmi ในการเยือนเกาหลีใต้ ทำให้หุ้นบริษัทพุ่งขึ้นทันทีเช่นกัน ✅ เหตุการณ์ Jensanity ในเกาหลีใต้ ➡️ Jensen Huang ไปกินไก่ทอดที่ร้าน Kkanbu Chicken ในกรุงโซล ➡️ ภาพไวรัลกระตุ้นตลาดหุ้นทันที ➡️ เกิดปรากฏการณ์ “Jensanity” ที่การปรากฏตัวของเขาทำให้หุ้นพุ่ง ✅ หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงบวก ➡️ Kyochon F&B พุ่งขึ้น 20% ➡️ Cherrybro Co. ผู้ผลิตเนื้อไก่ พุ่งแตะ 30% ➡️ Neuromeka ผู้ผลิตหุ่นยนต์ทอดไก่ พุ่งแตะ 30% ✅ บริบทของการเยือน ➡️ Huang เดินทางเพื่อร่วมประชุม APEC CEO Summit ➡️ ลงนามสัญญาใหม่ด้าน AI กับบริษัทเกาหลี ➡️ เสริมความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากจีน นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของ “พลังแห่งบุคลิกภาพ” ที่สามารถเขย่าตลาดได้ในมื้อเย็นเดียว… และในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง CEO ที่มีเสน่ห์อาจกลายเป็น influencer ที่ทรงพลังที่สุดในสายธุรกิจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/korean-fried-chicken-stocks-surge-30-percent-as-nvidia-ceo-jensen-huang-dines-out-on-local-delicacy-entire-industry-buoyed-by-secret-ingredient-jensanity
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • “เมื่อการคาดการณ์กลายเป็นธุรกิจ: Truth Predict กำลังจะมา!”

    Trump Media and Technology Group ประกาศเปิดตัว “Truth Predict” — ตลาดทำนายเหตุการณ์ (Prediction Markets) บนแพลตฟอร์ม Truth Social โดยร่วมมือกับ Crypto.com เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถลงทุนจากการคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ เช่น กีฬา การเมือง บันเทิง และเศรษฐกิจ

    ระบบนี้จะเริ่มทดลองใช้งาน (Beta) เร็วๆ นี้ ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ และมีแผนขยายสู่ระดับโลกในอนาคต โดยใช้แพลตฟอร์ม Truth+ สำหรับสตรีมมิ่ง และ Truth.Fi สำหรับบริการด้านการเงิน

    Prediction Markets เป็นตลาดที่ให้ผู้คนซื้อขาย “สัญญา” ตามผลลัพธ์ของเหตุการณ์ในอนาคต เช่น การเลือกตั้ง หรือผลการแข่งขันกีฬา ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 และถูกมองว่าอาจแม่นยำกว่าการสำรวจความคิดเห็นแบบดั้งเดิมในบางกรณี

    Devin Nunes ซีอีโอของ Trump Media กล่าวว่า “Truth Predict จะเปลี่ยนเสรีภาพในการพูดให้กลายเป็นพลังแห่งการคาดการณ์” โดยเน้นการกระจายอำนาจจากกลุ่มทุนใหญ่สู่ประชาชนทั่วไป

    สาระเพิ่มเติม: ตลาดทำนายเหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในหุ้น แต่แทนที่จะลงทุนในบริษัท นักลงทุนจะลงทุนใน “ความน่าจะเป็น” ของเหตุการณ์ เช่น “ใครจะชนะเลือกตั้ง” หรือ “ราคาน้ำมันจะเกิน $100 ในเดือนหน้า”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/trump-media-to-enter-prediction-markets-business
    📊🔮 “เมื่อการคาดการณ์กลายเป็นธุรกิจ: Truth Predict กำลังจะมา!” Trump Media and Technology Group ประกาศเปิดตัว “Truth Predict” — ตลาดทำนายเหตุการณ์ (Prediction Markets) บนแพลตฟอร์ม Truth Social โดยร่วมมือกับ Crypto.com เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถลงทุนจากการคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ เช่น กีฬา การเมือง บันเทิง และเศรษฐกิจ ระบบนี้จะเริ่มทดลองใช้งาน (Beta) เร็วๆ นี้ ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ และมีแผนขยายสู่ระดับโลกในอนาคต โดยใช้แพลตฟอร์ม Truth+ สำหรับสตรีมมิ่ง และ Truth.Fi สำหรับบริการด้านการเงิน Prediction Markets เป็นตลาดที่ให้ผู้คนซื้อขาย “สัญญา” ตามผลลัพธ์ของเหตุการณ์ในอนาคต เช่น การเลือกตั้ง หรือผลการแข่งขันกีฬา ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 และถูกมองว่าอาจแม่นยำกว่าการสำรวจความคิดเห็นแบบดั้งเดิมในบางกรณี Devin Nunes ซีอีโอของ Trump Media กล่าวว่า “Truth Predict จะเปลี่ยนเสรีภาพในการพูดให้กลายเป็นพลังแห่งการคาดการณ์” โดยเน้นการกระจายอำนาจจากกลุ่มทุนใหญ่สู่ประชาชนทั่วไป 💡 สาระเพิ่มเติม: ตลาดทำนายเหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในหุ้น แต่แทนที่จะลงทุนในบริษัท นักลงทุนจะลงทุนใน “ความน่าจะเป็น” ของเหตุการณ์ เช่น “ใครจะชนะเลือกตั้ง” หรือ “ราคาน้ำมันจะเกิน $100 ในเดือนหน้า” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/trump-media-to-enter-prediction-markets-business
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump Media to enter prediction markets business
    (Reuters) -Trump Media and Technology Group said on Tuesday it will introduce prediction markets on its social media platform Truth Social through a partnership with Crypto.com, as event-driven markets continue to make inroads into mainstream finance.
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS

    มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7

    แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน
    ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS
    เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน
    อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7

    ผลกระทบต่อจีน
    อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS
    อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน
    ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้
    มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน
    อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต
    การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    🇺🇸 สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7 แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต ✅ แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน ➡️ ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS ➡️ เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7 ✅ ผลกระทบต่อจีน ➡️ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS ➡️ อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน ➡️ ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้ ➡️ มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน ⛔ อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต ⛔ การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ⛔ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลทรัมป์เตรียมลงทุนในบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้ง – แลกเงินสนับสนุนกับหุ้นบริษัทเอกชน

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งชั้นนำเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กับหุ้นในบริษัทเหล่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีควอนตัมที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในอนาคต และเพิ่มบทบาทของรัฐบาลในฐานะนักลงทุนโดยตรงในภาคเอกชน

    บริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing โดยแต่ละแห่งต้องการเงินสนับสนุนอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับหุ้นหรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ตอบแทน การลงทุนนี้จะมาจากสำนักงาน Chips Research and Development ซึ่งดูแลงบประมาณจาก CHIPS Act

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลได้เปลี่ยนเงินสนับสนุนมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ให้กลายเป็นหุ้น 9.9% ใน Intel และ 15% ใน MP Materials ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากในสหรัฐฯ ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการให้เงินเปล่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทน

    ควอนตัมคอมพิวติ้งมีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการค้นคว้ายาและวัสดุใหม่ๆ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงต้องการเร่งผลักดันให้บริษัทในประเทศเติบโตและแข่งขันได้

    แผนการลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ
    เจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งเพื่อแลกเงินสนับสนุนกับหุ้น
    บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing
    เงินสนับสนุนมาจาก CHIPS Act ผ่านสำนักงาน Chips R&D
    เปลี่ยนบทบาทรัฐบาลจากผู้ให้เงินสนับสนุนเป็นนักลงทุนโดยตรง

    ตัวอย่างการลงทุนที่ผ่านมา
    รัฐบาลถือหุ้น 9.9% ใน Intel จากเงินสนับสนุน 9 พันล้านดอลลาร์
    Pentagon ถือหุ้น 15% ใน MP Materials ผู้ผลิตแร่หายาก

    ความสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง
    มีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    ส่งผลต่อการค้นคว้ายา วัสดุ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
    เป็นสนามแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยังไม่พิสูจน์อาจมีความเสี่ยงสูง
    หากบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลอาจสูญเสียเงินลงทุน
    การแทรกแซงของรัฐบาลในภาคเอกชนอาจกระทบต่อกลไกตลาด
    การแข่งขันกับประเทศอื่นในด้านควอนตัมอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/trump-administration-to-follow-up-intel-stake-with-investment-in-quantum-computing-report-claims-tens-of-millions-of-chips-act-dollars-could-be-paid-out-to-leading-companies-in-exchange-for-equity
    🇺🇸 รัฐบาลทรัมป์เตรียมลงทุนในบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้ง – แลกเงินสนับสนุนกับหุ้นบริษัทเอกชน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งชั้นนำเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กับหุ้นในบริษัทเหล่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีควอนตัมที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในอนาคต และเพิ่มบทบาทของรัฐบาลในฐานะนักลงทุนโดยตรงในภาคเอกชน บริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing โดยแต่ละแห่งต้องการเงินสนับสนุนอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับหุ้นหรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ตอบแทน การลงทุนนี้จะมาจากสำนักงาน Chips Research and Development ซึ่งดูแลงบประมาณจาก CHIPS Act การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลได้เปลี่ยนเงินสนับสนุนมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ให้กลายเป็นหุ้น 9.9% ใน Intel และ 15% ใน MP Materials ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากในสหรัฐฯ ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการให้เงินเปล่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทน ควอนตัมคอมพิวติ้งมีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการค้นคว้ายาและวัสดุใหม่ๆ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงต้องการเร่งผลักดันให้บริษัทในประเทศเติบโตและแข่งขันได้ ✅ แผนการลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ เจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งเพื่อแลกเงินสนับสนุนกับหุ้น ➡️ บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing ➡️ เงินสนับสนุนมาจาก CHIPS Act ผ่านสำนักงาน Chips R&D ➡️ เปลี่ยนบทบาทรัฐบาลจากผู้ให้เงินสนับสนุนเป็นนักลงทุนโดยตรง ✅ ตัวอย่างการลงทุนที่ผ่านมา ➡️ รัฐบาลถือหุ้น 9.9% ใน Intel จากเงินสนับสนุน 9 พันล้านดอลลาร์ ➡️ Pentagon ถือหุ้น 15% ใน MP Materials ผู้ผลิตแร่หายาก ✅ ความสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง ➡️ มีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ➡️ ส่งผลต่อการค้นคว้ายา วัสดุ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ➡️ เป็นสนามแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยังไม่พิสูจน์อาจมีความเสี่ยงสูง ⛔ หากบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลอาจสูญเสียเงินลงทุน ⛔ การแทรกแซงของรัฐบาลในภาคเอกชนอาจกระทบต่อกลไกตลาด ⛔ การแข่งขันกับประเทศอื่นในด้านควอนตัมอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/trump-administration-to-follow-up-intel-stake-with-investment-in-quantum-computing-report-claims-tens-of-millions-of-chips-act-dollars-could-be-paid-out-to-leading-companies-in-exchange-for-equity
    0 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
  • “Bitcoin Jesus” ยอมจ่ายเกือบ 50 ล้านเหรียญ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ

    ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี มีบุคคลหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า “Bitcoin Jesus” เขาคือ Roger Ver นักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการผลักดันให้บิตคอยน์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ล่าสุดเขาตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Ver ได้ตกลงจ่ายเงินสูงสุดถึง 49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีและฉ้อโกงทางไปรษณีย์

    ข้อตกลงนี้เป็นรูปแบบ “deferred prosecution agreement” หรือการเลื่อนการดำเนินคดี ซึ่งหมายความว่า หากเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน คดีจะไม่ถูกดำเนินต่อในศาล โดยก่อนหน้านี้ Ver ได้ออกมารณรงค์ให้ประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “lawfare” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง

    นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของการจัดเก็บภาษีในโลกคริปโต ที่ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในหลายประเทศ รวมถึงการที่นักลงทุนคริปโตต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมาย หากไม่จัดการเรื่องภาษีอย่างถูกต้อง

    ข้อมูลในข่าว
    Roger Ver หรือ “Bitcoin Jesus” เป็นนักลงทุนบิตคอยน์ยุคแรก
    เขาตกลงจ่ายเงินสูงสุด 49.9 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษี
    ข้อตกลงเป็นแบบ “deferred prosecution” ซึ่งอาจทำให้คดีไม่ถูกดำเนินต่อ
    Ver เคยรณรงค์ให้ประธานาธิบดี Trump ช่วยยุติการใช้กฎหมายโจมตีทางการเมือง

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    นักลงทุนคริปโตต้องระวังเรื่องการจัดการภาษีอย่างถูกต้อง
    การเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ อาจนำไปสู่คดีอาญาและค่าปรับมหาศาล
    การใช้คริปโตในธุรกรรมจำนวนมากโดยไม่เปิดเผย อาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้
    แม้จะมีข้อตกลงเลื่อนการดำเนินคดี แต่หากผิดเงื่อนไขก็อาจถูกดำเนินคดีเต็มรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/crypto-investor-039bitcoin-jesus039-reaches-deal-to-resolve-us-tax-charges
    🎯 “Bitcoin Jesus” ยอมจ่ายเกือบ 50 ล้านเหรียญ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี มีบุคคลหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า “Bitcoin Jesus” เขาคือ Roger Ver นักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการผลักดันให้บิตคอยน์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ล่าสุดเขาตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Ver ได้ตกลงจ่ายเงินสูงสุดถึง 49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีและฉ้อโกงทางไปรษณีย์ ข้อตกลงนี้เป็นรูปแบบ “deferred prosecution agreement” หรือการเลื่อนการดำเนินคดี ซึ่งหมายความว่า หากเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน คดีจะไม่ถูกดำเนินต่อในศาล โดยก่อนหน้านี้ Ver ได้ออกมารณรงค์ให้ประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “lawfare” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของการจัดเก็บภาษีในโลกคริปโต ที่ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในหลายประเทศ รวมถึงการที่นักลงทุนคริปโตต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมาย หากไม่จัดการเรื่องภาษีอย่างถูกต้อง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Roger Ver หรือ “Bitcoin Jesus” เป็นนักลงทุนบิตคอยน์ยุคแรก ➡️ เขาตกลงจ่ายเงินสูงสุด 49.9 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษี ➡️ ข้อตกลงเป็นแบบ “deferred prosecution” ซึ่งอาจทำให้คดีไม่ถูกดำเนินต่อ ➡️ Ver เคยรณรงค์ให้ประธานาธิบดี Trump ช่วยยุติการใช้กฎหมายโจมตีทางการเมือง ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ นักลงทุนคริปโตต้องระวังเรื่องการจัดการภาษีอย่างถูกต้อง ⛔ การเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ อาจนำไปสู่คดีอาญาและค่าปรับมหาศาล ⛔ การใช้คริปโตในธุรกรรมจำนวนมากโดยไม่เปิดเผย อาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้ ⛔ แม้จะมีข้อตกลงเลื่อนการดำเนินคดี แต่หากผิดเงื่อนไขก็อาจถูกดำเนินคดีเต็มรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/crypto-investor-039bitcoin-jesus039-reaches-deal-to-resolve-us-tax-charges
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Bitcoin Jesus' strikes deal with Trump administration to resolve US tax charges
    (Reuters) -An early cryptocurrency investor dubbed the "Bitcoin Jesus" has agreed to pay up to $49.9 million to resolve charges he evaded tens of millions of dollars in taxes, the U.S. Department of Justice said in a court filing on Tuesday.
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • Suspect using father indicator, ตะวันตก สอนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

    Why is Barron Trump being accused of ‘insider trading’? Crypto short around China tariff decision sparks row | Hindustan Times https://share.google/LyVIJZa07EltzPw33
    Suspect using father indicator, ตะวันตก สอนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน Why is Barron Trump being accused of ‘insider trading’? Crypto short around China tariff decision sparks row | Hindustan Times https://share.google/LyVIJZa07EltzPw33
    SHARE.GOOGLE
    Why is Barron Trump being accused of ‘insider trading’? Crypto short around China tariff decision sparks row
    Speculation links Barron Trump to a $200M Bitcoin short made before Trump’s China tariff move, but an anonymous trader denied any Trump family involvement.
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • “AI สหรัฐฯ ทิ้งห่างจีน — ผลทดสอบ 19 ด้านชี้ชัด DeepSeek ยังตามหลัง OpenAI และ Anthropic แบบไม่เห็นฝุ่น”

    สหรัฐฯ ประกาศชัยชนะในสนามแข่งขัน AI ระดับโลก หลังจากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) เผยผลการทดสอบเปรียบเทียบโมเดล AI ระหว่างฝั่งอเมริกันและจีน โดยโมเดลจาก OpenAI และ Anthropic เอาชนะ DeepSeek จากจีนในทุกหมวดหมู่ รวม 19 ด้าน ตั้งแต่ความรู้ทั่วไป การเขียนโปรแกรม ไปจนถึงความปลอดภัยจากการโจมตีแบบ hijack และ jailbreak

    รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ Howard Lutnick ขอบคุณประธานาธิบดี Donald Trump สำหรับ “AI Action Plan” ที่ผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐานด้าน AI จนทำให้สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำในด้านนี้ พร้อมเตือนว่า “การพึ่งพา AI จากประเทศคู่แข่งคือความเสี่ยงต่อความมั่นคงแห่งชาติ”

    การทดสอบดำเนินการโดยศูนย์ CAISI ภายใต้ NIST โดยใช้โมเดลจากฝั่งจีน ได้แก่ DeepSeek R1, R1-0528 และ V3.1 เปรียบเทียบกับ GPT-5, GPT-5-mini, GPT-oss จาก OpenAI และ Opus 4 จาก Anthropic ผลปรากฏว่าโมเดลสหรัฐฯ ทำคะแนนสูงกว่าทุกด้าน โดยเฉพาะงานด้าน cybersecurity และ software engineering ที่โมเดลสหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80% และยังมีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35%

    ที่น่ากังวลคือ DeepSeek มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูงมาก — โมเดล R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูกโจมตีด้วยเทคนิค jailbreak ในขณะที่โมเดลสหรัฐฯ ตอบสนองเพียง 8% นอกจากนี้ยังพบว่า DeepSeek มีแนวโน้มถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า และมีความลำเอียงทางการเมือง โดยหลีกเลี่ยงหัวข้ออ่อนไหว เช่น เหตุการณ์เทียนอันเหมิน และมักตอบสนองตามแนวทางรัฐบาลจีน

    แม้ DeepSeek จะออกโมเดลใหม่ V3.2 แล้วในสัปดาห์เดียวกัน แต่ CAISI เตือนว่า “การใช้งานโมเดลเหล่านี้อาจเป็นความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาแอป ผู้บริโภค และความมั่นคงของสหรัฐฯ”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NIST ทดสอบโมเดล AI จากสหรัฐฯ และจีนรวม 19 หมวดหมู่
    โมเดลจาก OpenAI และ Anthropic ชนะ DeepSeek ทุกด้าน
    ด้าน software engineering และ cybersecurity สหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80%
    โมเดลสหรัฐฯ มีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35%
    DeepSeek R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูก jailbreak
    โมเดลจีนถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า
    พบการเซ็นเซอร์เนื้อหาและความลำเอียงทางการเมืองใน DeepSeek
    CAISI เตือนว่าการใช้โมเดลจีนอาจเสี่ยงต่อความมั่นคง
    รัฐมนตรี Lutnick ขอบคุณ Trump สำหรับ AI Action Plan ที่ผลักดันการพัฒนา AI สหรัฐฯ
    DeepSeek มีการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 1,000% ตั้งแต่ต้นปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    jailbreak คือเทคนิคที่ใช้หลอกให้ AI ทำสิ่งที่ขัดกับข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
    hijack agent คือการควบคุม AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ เช่น สร้างมัลแวร์หรือขโมยข้อมูล
    CAISI เป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้ NIST ที่ดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของ AI
    GPT-5 และ Opus 4 เป็นโมเดลระดับสูงที่ใช้ในงานวิจัยและองค์กรขนาดใหญ่
    การเซ็นเซอร์ใน AI อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของระบบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-commerce-sec-lutnick-says-american-ai-dominates-deepseek-thanks-trump-for-ai-action-plan-openai-and-anthropic-beat-chinese-models-across-19-different-benchmarks
    🇺🇸🤖 “AI สหรัฐฯ ทิ้งห่างจีน — ผลทดสอบ 19 ด้านชี้ชัด DeepSeek ยังตามหลัง OpenAI และ Anthropic แบบไม่เห็นฝุ่น” สหรัฐฯ ประกาศชัยชนะในสนามแข่งขัน AI ระดับโลก หลังจากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) เผยผลการทดสอบเปรียบเทียบโมเดล AI ระหว่างฝั่งอเมริกันและจีน โดยโมเดลจาก OpenAI และ Anthropic เอาชนะ DeepSeek จากจีนในทุกหมวดหมู่ รวม 19 ด้าน ตั้งแต่ความรู้ทั่วไป การเขียนโปรแกรม ไปจนถึงความปลอดภัยจากการโจมตีแบบ hijack และ jailbreak รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ Howard Lutnick ขอบคุณประธานาธิบดี Donald Trump สำหรับ “AI Action Plan” ที่ผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและมาตรฐานด้าน AI จนทำให้สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำในด้านนี้ พร้อมเตือนว่า “การพึ่งพา AI จากประเทศคู่แข่งคือความเสี่ยงต่อความมั่นคงแห่งชาติ” การทดสอบดำเนินการโดยศูนย์ CAISI ภายใต้ NIST โดยใช้โมเดลจากฝั่งจีน ได้แก่ DeepSeek R1, R1-0528 และ V3.1 เปรียบเทียบกับ GPT-5, GPT-5-mini, GPT-oss จาก OpenAI และ Opus 4 จาก Anthropic ผลปรากฏว่าโมเดลสหรัฐฯ ทำคะแนนสูงกว่าทุกด้าน โดยเฉพาะงานด้าน cybersecurity และ software engineering ที่โมเดลสหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80% และยังมีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35% ที่น่ากังวลคือ DeepSeek มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสูงมาก — โมเดล R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูกโจมตีด้วยเทคนิค jailbreak ในขณะที่โมเดลสหรัฐฯ ตอบสนองเพียง 8% นอกจากนี้ยังพบว่า DeepSeek มีแนวโน้มถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า และมีความลำเอียงทางการเมือง โดยหลีกเลี่ยงหัวข้ออ่อนไหว เช่น เหตุการณ์เทียนอันเหมิน และมักตอบสนองตามแนวทางรัฐบาลจีน แม้ DeepSeek จะออกโมเดลใหม่ V3.2 แล้วในสัปดาห์เดียวกัน แต่ CAISI เตือนว่า “การใช้งานโมเดลเหล่านี้อาจเป็นความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาแอป ผู้บริโภค และความมั่นคงของสหรัฐฯ” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NIST ทดสอบโมเดล AI จากสหรัฐฯ และจีนรวม 19 หมวดหมู่ ➡️ โมเดลจาก OpenAI และ Anthropic ชนะ DeepSeek ทุกด้าน ➡️ ด้าน software engineering และ cybersecurity สหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า 20–80% ➡️ โมเดลสหรัฐฯ มีต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าถึง 35% ➡️ DeepSeek R1-0528 ตอบสนองต่อคำสั่งอันตรายถึง 94% เมื่อถูก jailbreak ➡️ โมเดลจีนถูก hijack ได้ง่ายกว่า 12 เท่า ➡️ พบการเซ็นเซอร์เนื้อหาและความลำเอียงทางการเมืองใน DeepSeek ➡️ CAISI เตือนว่าการใช้โมเดลจีนอาจเสี่ยงต่อความมั่นคง ➡️ รัฐมนตรี Lutnick ขอบคุณ Trump สำหรับ AI Action Plan ที่ผลักดันการพัฒนา AI สหรัฐฯ ➡️ DeepSeek มีการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 1,000% ตั้งแต่ต้นปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ jailbreak คือเทคนิคที่ใช้หลอกให้ AI ทำสิ่งที่ขัดกับข้อจำกัดด้านความปลอดภัย ➡️ hijack agent คือการควบคุม AI ให้ทำงานผิดวัตถุประสงค์ เช่น สร้างมัลแวร์หรือขโมยข้อมูล ➡️ CAISI เป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้ NIST ที่ดูแลมาตรฐานและความปลอดภัยของ AI ➡️ GPT-5 และ Opus 4 เป็นโมเดลระดับสูงที่ใช้ในงานวิจัยและองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ การเซ็นเซอร์ใน AI อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของระบบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-commerce-sec-lutnick-says-american-ai-dominates-deepseek-thanks-trump-for-ai-action-plan-openai-and-anthropic-beat-chinese-models-across-19-different-benchmarks
    0 Comments 0 Shares 450 Views 0 Reviews
  • “ดีลชิป AI ระหว่างสหรัฐฯ–UAE ติดเบรกนาน 5 เดือน — Nvidia หงุดหงิด, เจ้าหน้าที่วอชิงตันกังวลเรื่องความมั่นคง”

    ดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีเป้าหมายส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเคยถูกประกาศอย่างยิ่งใหญ่โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนพฤษภาคม 2025 กลับติดอยู่ในภาวะ “ชะงักงัน” มานานกว่า 5 เดือน สร้างความไม่พอใจให้กับ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ

    เดิมที UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการได้รับชิป AI จำนวนหลายแสนตัวต่อปี โดยเฉพาะรุ่น H100 และ H20 ที่ใช้ในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการลงทุนใดเกิดขึ้น ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยรัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการส่งออกชิปจนกว่า UAE จะดำเนินการลงทุนตามที่ตกลงไว้

    ความล่าช้านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของ UAE กับจีน และการที่บริษัท G42 ซึ่งเป็นผู้รับชิปโดยตรง มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองของรัฐและมีประวัติการลงทุนร่วมกับจีนในด้านเทคโนโลยี AI

    แม้จะมีแรงกดดันจาก Nvidia และผู้สนับสนุนดีลในทำเนียบขาว เช่น David Sacks ซึ่งมองว่าการชะลออาจเปิดช่องให้จีนเข้ามาแทนที่ แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังคงยืนกรานว่าต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนอนุมัติการส่งออก โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เทคโนโลยี AI ถูกนำไปใช้ในทางที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ดีลส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยัง UAE ติดค้างนานกว่า 5 เดือนหลังเซ็นสัญญา
    Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้า
    UAE เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับชิปหลายแสนตัวต่อปี
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่อนุมัติการส่งออก เพราะ UAE ยังไม่ลงทุน
    รัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันจะไม่ปล่อยชิปจนกว่าจะมีการลงทุนจริง
    บริษัท G42 ของ UAE เป็นผู้รับชิปโดยตรง และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรอง
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกังวลเรื่องการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังจีน
    David Sacks สนับสนุนดีล โดยมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรปล่อยให้จีนแย่ง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    G42 เป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ AI ของรัฐ UAE และเคยร่วมมือกับจีนในด้าน cloud และ genomics
    ชิป H100 และ H20 ของ Nvidia เป็นหัวใจของการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT และ LLaMA
    การส่งออกเทคโนโลยี AI ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมาย ITAR และ EAR ของสหรัฐฯ
    การลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ต้องผ่านการตรวจสอบจาก CFIUS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง
    จีนกำลังเร่งพัฒนา AI ด้วยชิปในประเทศ เช่น Ascend ของ Huawei และกำลังแย่งตลาดจาก Nvidia

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/delays-to-trump039s-uae-chips-deal-frustrate-nvidia039s-jensen-huang-officials-wsj-reports
    🇺🇸🤖 “ดีลชิป AI ระหว่างสหรัฐฯ–UAE ติดเบรกนาน 5 เดือน — Nvidia หงุดหงิด, เจ้าหน้าที่วอชิงตันกังวลเรื่องความมั่นคง” ดีลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีเป้าหมายส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเคยถูกประกาศอย่างยิ่งใหญ่โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนพฤษภาคม 2025 กลับติดอยู่ในภาวะ “ชะงักงัน” มานานกว่า 5 เดือน สร้างความไม่พอใจให้กับ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ เดิมที UAE ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการได้รับชิป AI จำนวนหลายแสนตัวต่อปี โดยเฉพาะรุ่น H100 และ H20 ที่ใช้ในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการลงทุนใดเกิดขึ้น ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยรัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันว่าจะไม่อนุมัติการส่งออกชิปจนกว่า UAE จะดำเนินการลงทุนตามที่ตกลงไว้ ความล่าช้านี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงระดับชาติ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของ UAE กับจีน และการที่บริษัท G42 ซึ่งเป็นผู้รับชิปโดยตรง มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองของรัฐและมีประวัติการลงทุนร่วมกับจีนในด้านเทคโนโลยี AI แม้จะมีแรงกดดันจาก Nvidia และผู้สนับสนุนดีลในทำเนียบขาว เช่น David Sacks ซึ่งมองว่าการชะลออาจเปิดช่องให้จีนเข้ามาแทนที่ แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังคงยืนกรานว่าต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนอนุมัติการส่งออก โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เทคโนโลยี AI ถูกนำไปใช้ในทางที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ดีลส่งออกชิป AI ของ Nvidia ไปยัง UAE ติดค้างนานกว่า 5 เดือนหลังเซ็นสัญญา ➡️ Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia แสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้า ➡️ UAE เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับชิปหลายแสนตัวต่อปี ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่อนุมัติการส่งออก เพราะ UAE ยังไม่ลงทุน ➡️ รัฐมนตรี Howard Lutnick ยืนยันจะไม่ปล่อยชิปจนกว่าจะมีการลงทุนจริง ➡️ บริษัท G42 ของ UAE เป็นผู้รับชิปโดยตรง และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรอง ➡️ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกังวลเรื่องการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังจีน ➡️ David Sacks สนับสนุนดีล โดยมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรปล่อยให้จีนแย่ง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ G42 เป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ AI ของรัฐ UAE และเคยร่วมมือกับจีนในด้าน cloud และ genomics ➡️ ชิป H100 และ H20 ของ Nvidia เป็นหัวใจของการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT และ LLaMA ➡️ การส่งออกเทคโนโลยี AI ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมาย ITAR และ EAR ของสหรัฐฯ ➡️ การลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ต้องผ่านการตรวจสอบจาก CFIUS เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง ➡️ จีนกำลังเร่งพัฒนา AI ด้วยชิปในประเทศ เช่น Ascend ของ Huawei และกำลังแย่งตลาดจาก Nvidia https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/03/delays-to-trump039s-uae-chips-deal-frustrate-nvidia039s-jensen-huang-officials-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Delays to Trump's UAE chips deal frustrate Nvidia's Jensen Huang, officials, WSJ reports
    (Reuters) -A multibillion-dollar deal to send Nvidia's artificial-intelligence chips to the United Arab Emirates is stuck in neutral nearly five months after it was signed, frustrating CEO Jensen Huang and some senior administration officials, the Wall Street Journal reported on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
More Results