• https://youtu.be/8Jv5tuPQUwU?si=sJFSZIjrwmViMQiX
    https://youtu.be/8Jv5tuPQUwU?si=sJFSZIjrwmViMQiX
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่าชื่อหนุน 'แพทยสภา' ทะลุหมื่นคน 'หมอยง' ร่วมลงชื่อด้วย
    https://www.thai-tai.tv/news/19059/
    ล่าชื่อหนุน 'แพทยสภา' ทะลุหมื่นคน 'หมอยง' ร่วมลงชื่อด้วย https://www.thai-tai.tv/news/19059/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍
    ปังมาก ไม่ถึงหมื่น 🔥🔥

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐

    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 บานาฮิลล์
    📍 POP MART
    📍 พักบนบานาฮิลล์
    📍 Apec Park
    📍 เมืองโบราณฮอยอัน
    📍 นั่งเรือกระด้ง
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 สะพานมังกร
    📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    อ่านน้อยลง
    เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍 ปังมาก ไม่ถึงหมื่น 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 บานาฮิลล์ 📍 POP MART 📍 พักบนบานาฮิลล์ 📍 Apec Park 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 สะพานมังกร 📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ อ่านน้อยลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 'โฆษกสธ.' แจงยิบเหตุ 'สมศักดิ์' วีโตแพทยสภา ฟาดกลับกลุ่มเกลียด 'ทักษิณ'
    https://www.thai-tai.tv/news/19057/
    'โฆษกสธ.' แจงยิบเหตุ 'สมศักดิ์' วีโตแพทยสภา ฟาดกลับกลุ่มเกลียด 'ทักษิณ' https://www.thai-tai.tv/news/19057/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพทย์จุฬาฯรุ่น 34 หนุน 'แพทยสภา' ยืนยันมติเดิม ยึดอิสระวิชาชีพ นักการเมืองอย่าจุ้น
    https://www.thai-tai.tv/news/19056/
    แพทย์จุฬาฯรุ่น 34 หนุน 'แพทยสภา' ยืนยันมติเดิม ยึดอิสระวิชาชีพ นักการเมืองอย่าจุ้น https://www.thai-tai.tv/news/19056/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพรัสเซียเป็นตัวแทนรับมอบเงินรางวัล 15 ล้านรูเบิล จากบริษัท FORES (ФОРЭС) ที่ประกาศไว้สำหรับเครื่องบิน F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตก

    จากรายงานของ TASS สำนักข่าวของรัสเซีย ระบุว่า ทหารรัสเซียจำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นหน่วยที่สามารถทำลายเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ ลำแรกในเขตปฏิบัติการพิเศษจะเป็นผู้ได้รับรางวัล 15 ล้านรูเบิลนี้

    รายงานยังระบุอีกว่า พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ที่บริเวณแนวหน้าในเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยมีผู้บัญชาการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

    .
    👉เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 กองทัพอากาศยูเครนประกาศยืนยันการเสียชีวิตของนักบิน F-16 "อเล็กซี่ เมส" (Alexey Mes / Алексея Меся) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye) โดยมีการกล่าวไว้อาลัยบนเฟสบุ้คของกองบัญชาการทางอากาศว่า "อเล็กซี่ ต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขาบนท้องฟ้าอย่างกล้าหาญ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เขาได้ทำลายขีปนาวุธร่อน 3 ลูก และ UAV โจมตี 1 ลูก" แหล่งข่าวระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเกิดจากการยิงกันเองโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    👉 เป็นที่ทราบว่ายูเครนได้รับเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และสูญเสียเครื่องแรกในช่วงปลายเดือนเดียวกันระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซีย นักบินผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นคือ Oleksii Mes ("Moonfish")

    👉เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2024 FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว

    👉ไม่เพียงเท่านี้ ฝนช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย

    👉รางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด

    👉 สำหรับ FORES (ФОРЭС) เมื่อปี 2023 บริษัทเคยประกาศรางวัลเงินสดสำหรับการทำลายรถถัง Abrams หรือรถถัง Leopard ที่จัดหาโดยชาติตะวันตก และมีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้วหลายครั้ง "Fores จะจ่ายเงิน 5 ล้านรูเบิล (ราว 2.3 ล้านบาท) สำหรับคนแรกที่ทำลายได้ ส่วนการจ่ายรางวัลถัดๆ ไป จะอยู่ที่ 500,000 รูเบิล (ราว 230,000 บาท)" Shmotyev อำนวยการทั่วไปของ Fores กล่าวเมื่อครั้งประกาศให้เงินรางวัลแก่ผู้ทำลายรถถังตะวันตก

    👉จากข้อมูลบนเว็บไซต์ บริษัท Fores ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายโพรเพนต์ ที่ทางบริษัทน้ำมันและก๊าซทั้งหลายใช้สำหรับ fracking (การใช้พลังน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทรายฉีดลงไปในชั้นหินดินดาน เพื่อกระเทาะชั้นหิน) ทั้งนี้ สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองยากาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซีย
    กองทัพรัสเซียเป็นตัวแทนรับมอบเงินรางวัล 15 ล้านรูเบิล จากบริษัท FORES (ФОРЭС) ที่ประกาศไว้สำหรับเครื่องบิน F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตก จากรายงานของ TASS สำนักข่าวของรัสเซีย ระบุว่า ทหารรัสเซียจำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นหน่วยที่สามารถทำลายเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ ลำแรกในเขตปฏิบัติการพิเศษจะเป็นผู้ได้รับรางวัล 15 ล้านรูเบิลนี้ รายงานยังระบุอีกว่า พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ที่บริเวณแนวหน้าในเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยมีผู้บัญชาการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย . 👉เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 กองทัพอากาศยูเครนประกาศยืนยันการเสียชีวิตของนักบิน F-16 "อเล็กซี่ เมส" (Alexey Mes / Алексея Меся) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye) โดยมีการกล่าวไว้อาลัยบนเฟสบุ้คของกองบัญชาการทางอากาศว่า "อเล็กซี่ ต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขาบนท้องฟ้าอย่างกล้าหาญ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เขาได้ทำลายขีปนาวุธร่อน 3 ลูก และ UAV โจมตี 1 ลูก" แหล่งข่าวระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเกิดจากการยิงกันเองโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ 👉 เป็นที่ทราบว่ายูเครนได้รับเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และสูญเสียเครื่องแรกในช่วงปลายเดือนเดียวกันระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซีย นักบินผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นคือ Oleksii Mes ("Moonfish") 👉เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2024 FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว 👉ไม่เพียงเท่านี้ ฝนช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย 👉รางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด 👉 สำหรับ FORES (ФОРЭС) เมื่อปี 2023 บริษัทเคยประกาศรางวัลเงินสดสำหรับการทำลายรถถัง Abrams หรือรถถัง Leopard ที่จัดหาโดยชาติตะวันตก และมีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้วหลายครั้ง "Fores จะจ่ายเงิน 5 ล้านรูเบิล (ราว 2.3 ล้านบาท) สำหรับคนแรกที่ทำลายได้ ส่วนการจ่ายรางวัลถัดๆ ไป จะอยู่ที่ 500,000 รูเบิล (ราว 230,000 บาท)" Shmotyev อำนวยการทั่วไปของ Fores กล่าวเมื่อครั้งประกาศให้เงินรางวัลแก่ผู้ทำลายรถถังตะวันตก 👉จากข้อมูลบนเว็บไซต์ บริษัท Fores ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายโพรเพนต์ ที่ทางบริษัทน้ำมันและก๊าซทั้งหลายใช้สำหรับ fracking (การใช้พลังน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทรายฉีดลงไปในชั้นหินดินดาน เพื่อกระเทาะชั้นหิน) ทั้งนี้ สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองยากาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'กองทัพบก' จ่อออกแถลงการณ์ ห้ามกัมพูชาใช้พื้นที่เนิน 745 ช่องบก
    https://www.thai-tai.tv/news/19055/
    'กองทัพบก' จ่อออกแถลงการณ์ ห้ามกัมพูชาใช้พื้นที่เนิน 745 ช่องบก https://www.thai-tai.tv/news/19055/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำสั่ง 4 ข้อ 'กัมพูชา' ยันไม่ยอมถอยจากช่องบก ตามข้อตกลงไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/19054/
    เปิดคำสั่ง 4 ข้อ 'กัมพูชา' ยันไม่ยอมถอยจากช่องบก ตามข้อตกลงไทย https://www.thai-tai.tv/news/19054/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เสธ.นิด' ยกอุทาหรณ์เสีย 'เขาพระวิหาร' เตือนทหารถอยออกจากดินแดนไทย เป็นการยอมแพ้
    https://www.thai-tai.tv/news/19053/
    'เสธ.นิด' ยกอุทาหรณ์เสีย 'เขาพระวิหาร' เตือนทหารถอยออกจากดินแดนไทย เป็นการยอมแพ้ https://www.thai-tai.tv/news/19053/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 Jumpbox: อุปกรณ์ที่อาจมาแทน VPN สำหรับธุรกิจ
    บริษัท Remote.It ได้เปิดตัว Jumpbox ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้ VPN โดย Jumpbox ถูกออกแบบมาให้เป็นโซลูชัน plug-and-play ที่ไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายเพิ่มเติม

    🕵️‍♂️ จุดเด่นของ Jumpbox
    Jumpbox ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ ควบคุมและตรวจสอบเครือข่ายหลายเครือข่ายพร้อมกัน โดยไม่ต้องพึ่งพา VPN ซึ่งมักมีข้อจำกัด เช่น ต้องมีการตั้งค่าที่ซับซ้อน และอาจมีจุดอ่อนด้านความปลอดภัย

    อุปกรณ์นี้มาพร้อมกับ 2 USB 2.0 ports, 2 USB 3.0 ports, 1 Gigabit Ethernet port, 1 HDMI และ 3.5mm audio jack รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6, 5G, Bluetooth และ Starlink

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Jumpbox เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลโดยไม่ต้องใช้ VPN
    - Remote.It พัฒนา Jumpbox ร่วมกับ Embedded Works เพื่อให้เป็นโซลูชันที่ง่ายต่อการใช้งาน
    - Jumpbox มาพร้อมกับ Remote.It software และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์
    - อุปกรณ์นี้มีราคา $99.99 และมาพร้อมกับ Remote.It Business Plan เป็นเวลา 1 ปี
    - Jumpbox มีฟีเจอร์ Zero Trust เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - VPN ยังคงเป็นที่นิยมในตลาด และ Jumpbox อาจไม่สามารถแทนที่ VPN ได้ทั้งหมด
    - Jumpbox ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโซลูชัน Zero Trust Network Access (ZTNA) อย่างเป็นทางการ
    - ต้องรอดูว่าธุรกิจจะยอมรับ Jumpbox แทน VPN หรือไม่
    - การใช้เครือข่ายเซลลูลาร์อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่าย

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครือข่าย
    Jumpbox อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องการ ลดความยุ่งยากในการตั้งค่า VPN และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร และว่ามันจะสามารถแทนที่ VPN ได้จริงหรือไม่

    https://www.techradar.com/pro/vpns-are-fragile-and-limited-startup-wants-to-replace-business-virtual-private-networks-with-physical-plug-and-play-device
    🔍 Jumpbox: อุปกรณ์ที่อาจมาแทน VPN สำหรับธุรกิจ บริษัท Remote.It ได้เปิดตัว Jumpbox ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้ VPN โดย Jumpbox ถูกออกแบบมาให้เป็นโซลูชัน plug-and-play ที่ไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายเพิ่มเติม 🕵️‍♂️ จุดเด่นของ Jumpbox Jumpbox ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ ควบคุมและตรวจสอบเครือข่ายหลายเครือข่ายพร้อมกัน โดยไม่ต้องพึ่งพา VPN ซึ่งมักมีข้อจำกัด เช่น ต้องมีการตั้งค่าที่ซับซ้อน และอาจมีจุดอ่อนด้านความปลอดภัย อุปกรณ์นี้มาพร้อมกับ 2 USB 2.0 ports, 2 USB 3.0 ports, 1 Gigabit Ethernet port, 1 HDMI และ 3.5mm audio jack รวมถึงรองรับ Wi-Fi 6, 5G, Bluetooth และ Starlink ✅ ข้อมูลจากข่าว - Jumpbox เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลโดยไม่ต้องใช้ VPN - Remote.It พัฒนา Jumpbox ร่วมกับ Embedded Works เพื่อให้เป็นโซลูชันที่ง่ายต่อการใช้งาน - Jumpbox มาพร้อมกับ Remote.It software และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ - อุปกรณ์นี้มีราคา $99.99 และมาพร้อมกับ Remote.It Business Plan เป็นเวลา 1 ปี - Jumpbox มีฟีเจอร์ Zero Trust เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - VPN ยังคงเป็นที่นิยมในตลาด และ Jumpbox อาจไม่สามารถแทนที่ VPN ได้ทั้งหมด - Jumpbox ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นโซลูชัน Zero Trust Network Access (ZTNA) อย่างเป็นทางการ - ต้องรอดูว่าธุรกิจจะยอมรับ Jumpbox แทน VPN หรือไม่ - การใช้เครือข่ายเซลลูลาร์อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและค่าใช้จ่าย 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครือข่าย Jumpbox อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องการ ลดความยุ่งยากในการตั้งค่า VPN และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร และว่ามันจะสามารถแทนที่ VPN ได้จริงหรือไม่ https://www.techradar.com/pro/vpns-are-fragile-and-limited-startup-wants-to-replace-business-virtual-private-networks-with-physical-plug-and-play-device
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress อาจทำให้กว่า 100,000 เว็บไซต์ตกอยู่ในความเสี่ยง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่า TI WooCommerce Wishlist ซึ่งเป็นปลั๊กอินยอดนิยมสำหรับร้านค้าออนไลน์ มีช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์สามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ ทำให้เว็บไซต์อาจถูกเข้าควบคุมโดยสมบูรณ์

    🕵️‍♂️ รายละเอียดของช่องโหว่
    ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-47577 และได้รับคะแนนความรุนแรง 10/10 (critical) ซึ่งหมายความว่าเป็นช่องโหว่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด

    ปลั๊กอินนี้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 100,000 เว็บไซต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น เว็บไซต์ e-commerce ที่มีการทำธุรกรรมทางการเงิน ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - TI WooCommerce Wishlist มีช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์อันตรายได้
    - ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-47577 และได้รับคะแนนความรุนแรง 10/10
    - ปลั๊กอินนี้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 100,000 เว็บไซต์
    - เว็บไซต์ที่มี WC Fields Factory plugin ติดตั้งอยู่จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
    - เวอร์ชันล่าสุดของปลั๊กอินคือ 2.9.2 และยังไม่มีแพตช์แก้ไข

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ควรปิดการใช้งานและลบปลั๊กอิน TI WooCommerce Wishlist จนกว่าจะแก้ไขช่องโหว่
    - เว็บไซต์ e-commerce ที่ใช้ปลั๊กอินนี้อาจถูกแฮกและข้อมูลลูกค้าถูกขโมย
    - WC Fields Factory plugin อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีได้ง่ายขึ้น
    - ต้องติดตามการอัปเดตจากนักพัฒนาปลั๊กอินเพื่อดูว่ามีแพตช์แก้ไขออกมาเมื่อใด

    🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม e-commerce
    ช่องโหว่นี้แสดงให้เห็นถึง ความสำคัญของการตรวจสอบความปลอดภัยของปลั๊กอิน WordPress โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน

    หากคุณใช้ TI WooCommerce Wishlist ควร ปิดการใช้งานและลบปลั๊กอิน จนกว่าจะแก้ไขช่องโหว่ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/critical-security-flaw-could-leave-over-100-000-wordpress-sites-at-risk
    🔍 ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress อาจทำให้กว่า 100,000 เว็บไซต์ตกอยู่ในความเสี่ยง นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่า TI WooCommerce Wishlist ซึ่งเป็นปลั๊กอินยอดนิยมสำหรับร้านค้าออนไลน์ มีช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์สามารถอัปโหลดไฟล์อันตรายได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ ทำให้เว็บไซต์อาจถูกเข้าควบคุมโดยสมบูรณ์ 🕵️‍♂️ รายละเอียดของช่องโหว่ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-47577 และได้รับคะแนนความรุนแรง 10/10 (critical) ซึ่งหมายความว่าเป็นช่องโหว่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด ปลั๊กอินนี้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 100,000 เว็บไซต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น เว็บไซต์ e-commerce ที่มีการทำธุรกรรมทางการเงิน ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - TI WooCommerce Wishlist มีช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์อัปโหลดไฟล์อันตรายได้ - ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-47577 และได้รับคะแนนความรุนแรง 10/10 - ปลั๊กอินนี้มีการติดตั้งใช้งานมากกว่า 100,000 เว็บไซต์ - เว็บไซต์ที่มี WC Fields Factory plugin ติดตั้งอยู่จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น - เวอร์ชันล่าสุดของปลั๊กอินคือ 2.9.2 และยังไม่มีแพตช์แก้ไข ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ควรปิดการใช้งานและลบปลั๊กอิน TI WooCommerce Wishlist จนกว่าจะแก้ไขช่องโหว่ - เว็บไซต์ e-commerce ที่ใช้ปลั๊กอินนี้อาจถูกแฮกและข้อมูลลูกค้าถูกขโมย - WC Fields Factory plugin อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีได้ง่ายขึ้น - ต้องติดตามการอัปเดตจากนักพัฒนาปลั๊กอินเพื่อดูว่ามีแพตช์แก้ไขออกมาเมื่อใด 🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม e-commerce ช่องโหว่นี้แสดงให้เห็นถึง ความสำคัญของการตรวจสอบความปลอดภัยของปลั๊กอิน WordPress โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน หากคุณใช้ TI WooCommerce Wishlist ควร ปิดการใช้งานและลบปลั๊กอิน จนกว่าจะแก้ไขช่องโหว่ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/critical-security-flaw-could-leave-over-100-000-wordpress-sites-at-risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงรออยู่พอดี รีบๆ ออกมาขายนะ !!

    🔥 AMD Ryzen 9000G APUs: สัญญาณการเปิดตัวที่ใกล้เข้ามา
    Gigabyte ได้อัปเดต หน้าความเข้ากันได้ของหน่วยความจำสำหรับเมนบอร์ด B650 โดยเปลี่ยนจาก Ryzen 9000 series เป็น Ryzen 9000G series ซึ่งเป็นสัญญาณว่า AMD อาจเตรียมเปิดตัว Ryzen 9000G APUs อย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ปี 2025

    Ryzen 9000G APUs คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU ซึ่งแตกต่างจาก Ryzen 9000 รุ่นปกติที่มี iGPU เพียงเพื่อการแสดงผลพื้นฐาน

    นอกจากนี้ มีข่าวลือว่า Ryzen 9000G อาจมาพร้อมกับ Radeon 890M ซึ่งเป็น iGPU ที่ใช้ใน Windows gaming handhelds หลายรุ่น ทำให้สามารถเล่นเกม e-sports และเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำได้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Gigabyte อัปเดตข้อมูลเมนบอร์ด B650 โดยเพิ่ม Ryzen 9000G series
    - Ryzen 9000G คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU
    - iGPU ใน Ryzen 9000G อาจรองรับการเล่นเกม e-sports และเกมเบา ๆ
    - AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G ในไตรมาสที่ 4 ปี 2025
    - Radeon 890M อาจเป็น iGPU ที่ใช้ใน Ryzen 9000G

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีการยืนยันจาก AMD เกี่ยวกับสเปกของ Ryzen 9000G
    - การเปลี่ยนแปลงข้อมูลของ Gigabyte อาจเป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ไม่ใช่การยืนยันการเปิดตัว
    - Ryzen 9000G อาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ CPU ที่ใช้ GPU แยก
    - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและวันวางจำหน่าย

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    หาก AMD เปิดตัว Ryzen 9000G พร้อม iGPU ที่มีประสิทธิภาพสูง อาจช่วยให้ตลาด APUs สำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้ทั่วไป มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าประสิทธิภาพของ RDNA 3.5 iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้หรือไม่

    AMD กำลังเตรียมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ของตน และ Ryzen 9000G อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ APU ที่สามารถเล่นเกมได้โดยไม่ต้องใช้ GPU แยก

    https://www.techpowerup.com/337466/amd-ryzen-9000g-apus-appear-in-gigabyte-am5-motherboard-leak
    ลุงรออยู่พอดี รีบๆ ออกมาขายนะ !! 🔥 AMD Ryzen 9000G APUs: สัญญาณการเปิดตัวที่ใกล้เข้ามา Gigabyte ได้อัปเดต หน้าความเข้ากันได้ของหน่วยความจำสำหรับเมนบอร์ด B650 โดยเปลี่ยนจาก Ryzen 9000 series เป็น Ryzen 9000G series ซึ่งเป็นสัญญาณว่า AMD อาจเตรียมเปิดตัว Ryzen 9000G APUs อย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 Ryzen 9000G APUs คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU ซึ่งแตกต่างจาก Ryzen 9000 รุ่นปกติที่มี iGPU เพียงเพื่อการแสดงผลพื้นฐาน นอกจากนี้ มีข่าวลือว่า Ryzen 9000G อาจมาพร้อมกับ Radeon 890M ซึ่งเป็น iGPU ที่ใช้ใน Windows gaming handhelds หลายรุ่น ทำให้สามารถเล่นเกม e-sports และเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำได้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Gigabyte อัปเดตข้อมูลเมนบอร์ด B650 โดยเพิ่ม Ryzen 9000G series - Ryzen 9000G คาดว่าจะใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 iGPU - iGPU ใน Ryzen 9000G อาจรองรับการเล่นเกม e-sports และเกมเบา ๆ - AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G ในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 - Radeon 890M อาจเป็น iGPU ที่ใช้ใน Ryzen 9000G ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีการยืนยันจาก AMD เกี่ยวกับสเปกของ Ryzen 9000G - การเปลี่ยนแปลงข้อมูลของ Gigabyte อาจเป็นเพียงการเตรียมความพร้อม ไม่ใช่การยืนยันการเปิดตัว - Ryzen 9000G อาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ CPU ที่ใช้ GPU แยก - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและวันวางจำหน่าย 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม หาก AMD เปิดตัว Ryzen 9000G พร้อม iGPU ที่มีประสิทธิภาพสูง อาจช่วยให้ตลาด APUs สำหรับเกมเมอร์และผู้ใช้ทั่วไป มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าประสิทธิภาพของ RDNA 3.5 iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้หรือไม่ AMD กำลังเตรียมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ของตน และ Ryzen 9000G อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ APU ที่สามารถเล่นเกมได้โดยไม่ต้องใช้ GPU แยก https://www.techpowerup.com/337466/amd-ryzen-9000g-apus-appear-in-gigabyte-am5-motherboard-leak
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Ryzen 9000G APUs Appear in Gigabyte AM5 Motherboard Leak
    It seems as though an official international launch for the elusive AMD Ryzen 9000G APUs might still be on the cards for later this year, after all. While an announcement was expected at Computex 2025, along with a full-scale retail launch later this year, AMD was suspiciously quiet about its CPUs a...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔧 ASRock ยืนยันปัญหา BIOS ทำให้ Ryzen 9000 เสียหาย
    ASRock ได้ออกมายอมรับว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ซึ่งทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย โดยบริษัทได้ออก BIOS เวอร์ชัน 3.25 เพื่อแก้ไขปัญหานี้

    ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับ Precision Boost Overdrive (PBO) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU โดย ASRock ตั้งค่า Electric Design Current (EDC), Thermal Design Current (TDC) และ shadow voltages สูงเกินไปใน BIOS เวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ CPU บางตัวเสียหาย

    ASRock ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ และบริษัทจะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA (Return Merchandise Authorization) ของเมนบอร์ดที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ASRock ยืนยันว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย
    - BIOS เวอร์ชัน 3.25 ได้รับการปรับปรุง เพื่อลดค่าของ EDC, TDC และ shadow voltages
    - AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ASRock รับผิดชอบทั้งหมด
    - ASRock จะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA ของเมนบอร์ด
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 ถูกติดตั้งบนเมนบอร์ดใหม่

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมี BIOS เวอร์ชันใหม่ แต่ยังมีรายงานว่า Ryzen 7 9800X3D บางตัวเสียหาย
    - ASRock เคยแก้ไขปัญหานี้มาก่อน แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่า PBO ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
    - ต้องจับตาดูว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 จะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่

    🔎 ผลกระทบต่อผู้ใช้และอุตสาหกรรม
    การตั้งค่า BIOS ที่ผิดพลาดของ ASRock ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Ryzen 9000 และอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ ความน่าเชื่อถือของเมนบอร์ด ASRock ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทออกมายอมรับและเสนอการแก้ไขปัญหาแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค

    หากคุณใช้ AM5 ASRock motherboard ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชันล่าสุดถูกติดตั้งแล้ว และหากพบปัญหา ควรติดต่อ ASRock เพื่อดำเนินการ RMA

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/asrock-confirms-its-bios-settings-are-killing-ryzen-cpus-is-fully-committed-to-fixing-any-damaged-motherboards
    🔧 ASRock ยืนยันปัญหา BIOS ทำให้ Ryzen 9000 เสียหาย ASRock ได้ออกมายอมรับว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ซึ่งทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย โดยบริษัทได้ออก BIOS เวอร์ชัน 3.25 เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับ Precision Boost Overdrive (PBO) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU โดย ASRock ตั้งค่า Electric Design Current (EDC), Thermal Design Current (TDC) และ shadow voltages สูงเกินไปใน BIOS เวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ CPU บางตัวเสียหาย ASRock ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ และบริษัทจะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA (Return Merchandise Authorization) ของเมนบอร์ดที่ได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ASRock ยืนยันว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย - BIOS เวอร์ชัน 3.25 ได้รับการปรับปรุง เพื่อลดค่าของ EDC, TDC และ shadow voltages - AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ASRock รับผิดชอบทั้งหมด - ASRock จะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA ของเมนบอร์ด - ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 ถูกติดตั้งบนเมนบอร์ดใหม่ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมี BIOS เวอร์ชันใหม่ แต่ยังมีรายงานว่า Ryzen 7 9800X3D บางตัวเสียหาย - ASRock เคยแก้ไขปัญหานี้มาก่อน แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ - ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่า PBO ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม - ต้องจับตาดูว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 จะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ 🔎 ผลกระทบต่อผู้ใช้และอุตสาหกรรม การตั้งค่า BIOS ที่ผิดพลาดของ ASRock ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Ryzen 9000 และอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ ความน่าเชื่อถือของเมนบอร์ด ASRock ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทออกมายอมรับและเสนอการแก้ไขปัญหาแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค หากคุณใช้ AM5 ASRock motherboard ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชันล่าสุดถูกติดตั้งแล้ว และหากพบปัญหา ควรติดต่อ ASRock เพื่อดำเนินการ RMA https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/asrock-confirms-its-bios-settings-are-killing-ryzen-cpus-is-fully-committed-to-fixing-any-damaged-motherboards
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎮 GPU รุ่นใหม่ของจีน: ก้าวสำคัญสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี
    Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกการ์ดของจีน ประกาศว่า G100 GPU ซึ่งเป็น กราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในประเทศ ได้เปิดใช้งานสำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ

    🔍 เรื่องน่าสนใจที่เสริมเพิ่มเติม
    Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Dongxin Semiconductor ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนา G100 ต่อไปได้แม้จะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน

    G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาเอง แตกต่างจากบริษัทจีนอื่น ๆ ที่มักใช้ IP จาก Imagination Technologies นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060

    📌 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - G100 เป็นกราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในจีน
    - Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley
    - G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งพัฒนาเองโดยไม่ใช้ IP จากบริษัทอื่น
    - Dongxin Semiconductor สนับสนุนเงินทุน 27.7 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทดำเนินการต่อไป
    - G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - จีนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 6nm จาก Samsung หรือ TSMC เนื่องจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ
    - G100 อาจผลิตโดย SMIC ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับโรงงานผลิตชิประดับโลก
    - ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ G100
    - การพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะกำหนดความสามารถของ G100 ในตลาด

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม GPU
    การเปิดตัว G100 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิตและซอฟต์แวร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อนที่ G100 จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้

    จีนกำลังเดินหน้าสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี แต่ต้องจับตาดูว่า G100 จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม GPU ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-domestic-gpu-with-purported-rtx-4060-like-performance-has-powered-on
    🎮 GPU รุ่นใหม่ของจีน: ก้าวสำคัญสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกการ์ดของจีน ประกาศว่า G100 GPU ซึ่งเป็น กราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในประเทศ ได้เปิดใช้งานสำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ 🔍 เรื่องน่าสนใจที่เสริมเพิ่มเติม Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Dongxin Semiconductor ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนา G100 ต่อไปได้แม้จะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาเอง แตกต่างจากบริษัทจีนอื่น ๆ ที่มักใช้ IP จาก Imagination Technologies นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060 📌 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - G100 เป็นกราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในจีน - Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley - G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งพัฒนาเองโดยไม่ใช้ IP จากบริษัทอื่น - Dongxin Semiconductor สนับสนุนเงินทุน 27.7 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทดำเนินการต่อไป - G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - จีนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 6nm จาก Samsung หรือ TSMC เนื่องจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ - G100 อาจผลิตโดย SMIC ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับโรงงานผลิตชิประดับโลก - ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ G100 - การพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะกำหนดความสามารถของ G100 ในตลาด 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม GPU การเปิดตัว G100 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิตและซอฟต์แวร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อนที่ G100 จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้ จีนกำลังเดินหน้าสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี แต่ต้องจับตาดูว่า G100 จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม GPU ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-domestic-gpu-with-purported-rtx-4060-like-performance-has-powered-on
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❄️ เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่สำหรับ SSD
    xMEMS ได้เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip ซึ่งเป็นโซลูชันระบายความร้อนแบบแอคทีฟที่สามารถลดอุณหภูมิของ SSD ได้ถึง 20% โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดปัญหา thermal throttling และเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ให้ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น

    SSD เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความเร็วสูง แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น NAND flash และ controller ICs อาจเกิดการ thermal throttling ทำให้ความเร็วลดลง เทคโนโลยี µCooling ของ xMEMS จะช่วยแก้ปัญหานี้โดยติดตั้ง ระบบระบายความร้อนขนาดเล็ก ลงบน SSD โดยตรง

    นอกจากนี้ xMEMS ยังขยายการใช้งาน µCooling ไปยัง AI data servers และ optical transceivers ที่ต้องการการระบายความร้อนในพื้นที่จำกัด

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - xMEMS เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip สำหรับ SSD
    - ลดอุณหภูมิ SSD ได้ถึง 20% และลด thermal resistance ลง 25-30%
    - ช่วยลดปัญหา thermal throttling ทำให้ SSD ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น
    - สามารถนำไปใช้กับ E3.S SSDs และ NVMe M.2 SSDs
    - ขยายการใช้งานไปยัง AI data servers และ optical transceivers

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอดูผลการใช้งานจริง
    - การติดตั้งระบบระบายความร้อนบน SSD อาจเพิ่มต้นทุนการผลิต
    - ต้องรอดูว่าผู้ผลิต SSD รายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่
    - การระบายความร้อนแบบแอคทีฟอาจมีข้อจำกัดด้านพลังงานและความทนทาน

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม SSD
    หากเทคโนโลยี µCooling สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจช่วยให้ SSD ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์พกพามีประสิทธิภาพสูงขึ้น และลดปัญหาความร้อนที่ส่งผลต่อความเร็วในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ และผลกระทบต่อราคาของ SSD ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/air-cooling/xmems-fan-on-a-chip-cooling-can-reduce-ssd-temperatures-by-up-to-20-percent
    ❄️ เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่สำหรับ SSD xMEMS ได้เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip ซึ่งเป็นโซลูชันระบายความร้อนแบบแอคทีฟที่สามารถลดอุณหภูมิของ SSD ได้ถึง 20% โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดปัญหา thermal throttling และเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ให้ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น SSD เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความเร็วสูง แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น NAND flash และ controller ICs อาจเกิดการ thermal throttling ทำให้ความเร็วลดลง เทคโนโลยี µCooling ของ xMEMS จะช่วยแก้ปัญหานี้โดยติดตั้ง ระบบระบายความร้อนขนาดเล็ก ลงบน SSD โดยตรง นอกจากนี้ xMEMS ยังขยายการใช้งาน µCooling ไปยัง AI data servers และ optical transceivers ที่ต้องการการระบายความร้อนในพื้นที่จำกัด ✅ ข้อมูลจากข่าว - xMEMS เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip สำหรับ SSD - ลดอุณหภูมิ SSD ได้ถึง 20% และลด thermal resistance ลง 25-30% - ช่วยลดปัญหา thermal throttling ทำให้ SSD ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น - สามารถนำไปใช้กับ E3.S SSDs และ NVMe M.2 SSDs - ขยายการใช้งานไปยัง AI data servers และ optical transceivers ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอดูผลการใช้งานจริง - การติดตั้งระบบระบายความร้อนบน SSD อาจเพิ่มต้นทุนการผลิต - ต้องรอดูว่าผู้ผลิต SSD รายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ - การระบายความร้อนแบบแอคทีฟอาจมีข้อจำกัดด้านพลังงานและความทนทาน 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม SSD หากเทคโนโลยี µCooling สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจช่วยให้ SSD ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์พกพามีประสิทธิภาพสูงขึ้น และลดปัญหาความร้อนที่ส่งผลต่อความเร็วในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ และผลกระทบต่อราคาของ SSD ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/air-cooling/xmems-fan-on-a-chip-cooling-can-reduce-ssd-temperatures-by-up-to-20-percent
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    xMEMS' fan-on-a-chip cooling can reduce SSD temperatures by up to 20%
    This cooling solution will reduce the temperatures of your SSDs and make them run faster for longer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 การโจมตี Asus Routers ด้วยมัลแวร์ ViciousTrap
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก GreyNoise พบว่ามีการโจมตี Asus routers กว่า 9,000 เครื่อง ด้วย ViciousTrap backdoor ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต

    แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่หลายจุด รวมถึง CVE-2023-39780 เพื่อเข้าถึงและควบคุมเราเตอร์ โดยใช้ brute-force login และเปิด SSH access ผ่านพอร์ตเฉพาะ จากนั้นพวกเขาจะฝัง public encryption key เพื่อให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้จากระยะไกล

    มัลแวร์นี้ถูกเก็บไว้ใน NVRAM ทำให้สามารถอยู่รอดได้แม้จะมีการรีบูตหรืออัปเดตเฟิร์มแวร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - GreyNoise พบว่า Asus routers กว่า 9,000 เครื่องถูกโจมตีด้วย ViciousTrap backdoor
    - แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ CVE-2023-39780 และ brute-force login เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์
    - มัลแวร์ถูกเก็บไว้ใน NVRAM ทำให้สามารถอยู่รอดได้แม้จะมีการรีบูตหรืออัปเดตเฟิร์มแวร์
    - Asus ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่แล้ว แต่ต้องมีการตรวจสอบและปิด SSH access ด้วยตนเอง
    - GreyNoise แนะนำให้ตรวจสอบการเชื่อมต่อจาก IP ที่น่าสงสัย เช่น 101.99.91.151 และ 79.141.163.179

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากไม่ได้ปิด SSH access ด้วยตนเอง มัลแวร์จะยังคงอยู่แม้จะอัปเดตเฟิร์มแวร์แล้ว
    - มัลแวร์นี้สามารถทำให้แฮกเกอร์ควบคุมเราเตอร์จากระยะไกลได้โดยไม่ถูกตรวจจับ
    - GreyNoise ยังไม่สามารถระบุเป้าหมายของแฮกเกอร์ได้ อาจเป็นการเตรียมการโจมตีขนาดใหญ่
    - ควรทำ factory reset หากสงสัยว่าเราเตอร์ถูกโจมตี และตั้งค่าความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด

    🔧 วิธีป้องกันและแก้ไข
    หากคุณใช้ Asus routers ควรตรวจสอบว่าเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุด และปิด SSH access ที่ไม่ได้ใช้งาน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบ IP ที่น่าสงสัย และทำ factory reset หากพบพฤติกรรมผิดปกติ

    การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอัปเดตเฟิร์มแวร์และการตั้งค่าความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่าย เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://www.techspot.com/news/108109-thousands-asus-routers-compromised-vicioustrap-backdoor.html
    🔍 การโจมตี Asus Routers ด้วยมัลแวร์ ViciousTrap นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก GreyNoise พบว่ามีการโจมตี Asus routers กว่า 9,000 เครื่อง ด้วย ViciousTrap backdoor ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่หลายจุด รวมถึง CVE-2023-39780 เพื่อเข้าถึงและควบคุมเราเตอร์ โดยใช้ brute-force login และเปิด SSH access ผ่านพอร์ตเฉพาะ จากนั้นพวกเขาจะฝัง public encryption key เพื่อให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้จากระยะไกล มัลแวร์นี้ถูกเก็บไว้ใน NVRAM ทำให้สามารถอยู่รอดได้แม้จะมีการรีบูตหรืออัปเดตเฟิร์มแวร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - GreyNoise พบว่า Asus routers กว่า 9,000 เครื่องถูกโจมตีด้วย ViciousTrap backdoor - แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ CVE-2023-39780 และ brute-force login เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ - มัลแวร์ถูกเก็บไว้ใน NVRAM ทำให้สามารถอยู่รอดได้แม้จะมีการรีบูตหรืออัปเดตเฟิร์มแวร์ - Asus ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่แล้ว แต่ต้องมีการตรวจสอบและปิด SSH access ด้วยตนเอง - GreyNoise แนะนำให้ตรวจสอบการเชื่อมต่อจาก IP ที่น่าสงสัย เช่น 101.99.91.151 และ 79.141.163.179 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากไม่ได้ปิด SSH access ด้วยตนเอง มัลแวร์จะยังคงอยู่แม้จะอัปเดตเฟิร์มแวร์แล้ว - มัลแวร์นี้สามารถทำให้แฮกเกอร์ควบคุมเราเตอร์จากระยะไกลได้โดยไม่ถูกตรวจจับ - GreyNoise ยังไม่สามารถระบุเป้าหมายของแฮกเกอร์ได้ อาจเป็นการเตรียมการโจมตีขนาดใหญ่ - ควรทำ factory reset หากสงสัยว่าเราเตอร์ถูกโจมตี และตั้งค่าความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด 🔧 วิธีป้องกันและแก้ไข หากคุณใช้ Asus routers ควรตรวจสอบว่าเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุด และปิด SSH access ที่ไม่ได้ใช้งาน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบ IP ที่น่าสงสัย และทำ factory reset หากพบพฤติกรรมผิดปกติ การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอัปเดตเฟิร์มแวร์และการตั้งค่าความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่าย เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต https://www.techspot.com/news/108109-thousands-asus-routers-compromised-vicioustrap-backdoor.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Thousands of Asus routers compromised by "ViciousTrap" backdoor
    Analysts at GreyNoise have uncovered a mysterious backdoor-based campaign affecting more than 9,000 Asus routers. The unknown cybercriminals are exploiting security vulnerabilities – some of which have...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤖 AI กับอนาคตของงานระดับเริ่มต้น
    Dario Amodei CEO ของ Anthropic เตือนว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายงานปัญญาชนหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี ซึ่งอาจนำไปสู่การว่างงานสูงถึง 20%

    Amodei ระบุว่า AI กำลังแทนที่งานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงสูงสุด

    ข้อมูลจาก SignalFire พบว่า การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และสตาร์ทอัพก็ลดการจ้างงานลงกว่า 30%

    อย่างไรก็ตาม บางบริษัท เช่น Klarna และ Duolingo เริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของ AI ยังไม่สามารถทดแทนแรงงานได้เต็มที่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี
    - อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา
    - การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2019
    - สตาร์ทอัพลดการจ้างงานลงกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน
    - บางบริษัทเริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจาก AI ยังมีข้อจำกัด

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - รัฐบาลและบริษัท AI ควรเตรียมมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้
    - การว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% หากไม่มีการปรับตัวที่เหมาะสม
    - AI อาจไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่แทนที่แรงงานในระยะยาว
    - OpenAI CEO เสนอแนวทาง Universal Basic Income (UBI) แต่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

    🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของแรงงาน
    AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจ

    https://www.techspot.com/news/108111-ai-could-erase-half-all-entry-level-white.html
    🤖 AI กับอนาคตของงานระดับเริ่มต้น Dario Amodei CEO ของ Anthropic เตือนว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายงานปัญญาชนหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี ซึ่งอาจนำไปสู่การว่างงานสูงถึง 20% Amodei ระบุว่า AI กำลังแทนที่งานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงสูงสุด ข้อมูลจาก SignalFire พบว่า การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และสตาร์ทอัพก็ลดการจ้างงานลงกว่า 30% อย่างไรก็ตาม บางบริษัท เช่น Klarna และ Duolingo เริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของ AI ยังไม่สามารถทดแทนแรงงานได้เต็มที่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี - อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา - การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2019 - สตาร์ทอัพลดการจ้างงานลงกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน - บางบริษัทเริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจาก AI ยังมีข้อจำกัด ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - รัฐบาลและบริษัท AI ควรเตรียมมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ - การว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% หากไม่มีการปรับตัวที่เหมาะสม - AI อาจไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่แทนที่แรงงานในระยะยาว - OpenAI CEO เสนอแนวทาง Universal Basic Income (UBI) แต่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของแรงงาน AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจ https://www.techspot.com/news/108111-ai-could-erase-half-all-entry-level-white.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI could erase half of all entry-level white-collar jobs within five years, warns Anthropic CEO
    Amodei made his comments during an interview with Axios. He said that AI companies and the government needed to stop "sugar-coating" the potential mass elimination of jobs...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☀️ พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ: ก้าวใหม่ของเทคโนโลยี
    นักวิจัยจาก Japan Space Systems (JSS) ประสบความสำเร็จในการส่งพลังงานแบบไร้สายจากเครื่องบินไปยังเสาอากาศบนพื้นดิน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การส่งพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศมายังโลก

    แนวคิดการส่งพลังงานจากอวกาศไม่ใช่เรื่องใหม่ Caltech เคยทดลองส่งพลังงานจากวงโคจรต่ำมายังพื้นโลกในปี 2023 และบริษัทสตาร์ทอัพในแคลิฟอร์เนียเคยเสนอแนวคิดใช้ดาวเทียมติดกระจกสะท้อนแสงอาทิตย์เพื่อผลิตพลังงาน

    ข้อดีของแผงโซลาร์เซลล์ในอวกาศคือ สามารถผลิตพลังงานได้มากกว่าบนโลกหลายเท่า เนื่องจากไม่มีชั้นบรรยากาศมาขวางกั้น และสามารถส่งพลังงานมายังโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - JSS ประสบความสำเร็จในการส่งพลังงานแบบไร้สายจากเครื่องบินไปยังพื้นดิน
    - พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ในอวกาศสามารถผลิตได้มากกว่าบนโลกหลายเท่า
    - การส่งพลังงานผ่านไมโครเวฟสูญเสียพลังงานเพียง 5% เมื่อผ่านชั้นบรรยากาศ
    - ระบบสามารถส่งพลังงานมายังโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    - JSS วางแผนส่งพลังงานจากดาวเทียมที่อยู่ห่างจากโลก 36,000 กิโลเมตร

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การแปลงพลังงานไปเป็นไมโครเวฟและกลับมาเป็นไฟฟ้าสูญเสียพลังงานจำนวนมาก
    - ดาวเทียมต้องเผชิญกับอันตรายจากอุกกาบาตขนาดเล็กและเศษซากอวกาศ
    - บางคนกังวลว่าเครื่องส่งพลังงานไมโครเวฟอาจถูกใช้เป็นอาวุธ
    - ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติมเพื่อให้ระบบนี้สามารถใช้งานได้จริง

    🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของพลังงาน
    หากเทคโนโลยีนี้สามารถใช้งานได้จริง อาจช่วยลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการพัฒนาและทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบนี้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techspot.com/news/108097-beaming-solar-power-space-closer-reality-after-breakthrough.html
    ☀️ พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ: ก้าวใหม่ของเทคโนโลยี นักวิจัยจาก Japan Space Systems (JSS) ประสบความสำเร็จในการส่งพลังงานแบบไร้สายจากเครื่องบินไปยังเสาอากาศบนพื้นดิน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การส่งพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศมายังโลก แนวคิดการส่งพลังงานจากอวกาศไม่ใช่เรื่องใหม่ Caltech เคยทดลองส่งพลังงานจากวงโคจรต่ำมายังพื้นโลกในปี 2023 และบริษัทสตาร์ทอัพในแคลิฟอร์เนียเคยเสนอแนวคิดใช้ดาวเทียมติดกระจกสะท้อนแสงอาทิตย์เพื่อผลิตพลังงาน ข้อดีของแผงโซลาร์เซลล์ในอวกาศคือ สามารถผลิตพลังงานได้มากกว่าบนโลกหลายเท่า เนื่องจากไม่มีชั้นบรรยากาศมาขวางกั้น และสามารถส่งพลังงานมายังโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ✅ ข้อมูลจากข่าว - JSS ประสบความสำเร็จในการส่งพลังงานแบบไร้สายจากเครื่องบินไปยังพื้นดิน - พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ในอวกาศสามารถผลิตได้มากกว่าบนโลกหลายเท่า - การส่งพลังงานผ่านไมโครเวฟสูญเสียพลังงานเพียง 5% เมื่อผ่านชั้นบรรยากาศ - ระบบสามารถส่งพลังงานมายังโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง - JSS วางแผนส่งพลังงานจากดาวเทียมที่อยู่ห่างจากโลก 36,000 กิโลเมตร ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การแปลงพลังงานไปเป็นไมโครเวฟและกลับมาเป็นไฟฟ้าสูญเสียพลังงานจำนวนมาก - ดาวเทียมต้องเผชิญกับอันตรายจากอุกกาบาตขนาดเล็กและเศษซากอวกาศ - บางคนกังวลว่าเครื่องส่งพลังงานไมโครเวฟอาจถูกใช้เป็นอาวุธ - ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติมเพื่อให้ระบบนี้สามารถใช้งานได้จริง 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของพลังงาน หากเทคโนโลยีนี้สามารถใช้งานได้จริง อาจช่วยลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการพัฒนาและทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบนี้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techspot.com/news/108097-beaming-solar-power-space-closer-reality-after-breakthrough.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Beaming solar power from space is closer to reality after breakthrough Japanese test
    Researchers from Japan Space Systems (JSS) recently beamed energy wirelessly from a speeding jet to antennae on the ground. The successful experiment confirms the viability of numerous...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรนในสนามรบเป็นครั้งแรก
    กองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ใช้ ระบบป้องกันด้วยเลเซอร์ ในการยิงโดรนของกลุ่ม Hezbollah เป็นครั้งแรกในสถานการณ์จริง โดยใช้ Lite Beam ซึ่งเป็นต้นแบบของ Iron Beam ที่จะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2025

    ระบบ Iron Beam เป็นเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อครั้ง เทียบกับระบบป้องกันแบบเดิมที่มีค่าใช้จ่าย 50,000 - 100,000 ดอลลาร์ต่อการยิงหนึ่งครั้ง

    นอกจากนี้ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ก็กำลังพัฒนาอาวุธเลเซอร์สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะระบบ DragonFire ของอังกฤษที่สามารถยิงโดรนได้จากระยะ 1 กิโลเมตร ด้วยต้นทุนเพียง 13 ดอลลาร์ต่อครั้ง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรน Hezbollah เป็นครั้งแรก ในสนามรบจริง
    - Lite Beam เป็นต้นแบบของ Iron Beam ซึ่งจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2025
    - Iron Beam ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือไม่กี่ดอลลาร์
    - ระบบสามารถยิงเป้าหมายได้ที่ความเร็วแสง และมี "กระสุน" ไม่จำกัดตราบใดที่มีพลังงาน
    - Iron Beam จะถูกบูรณาการเข้ากับระบบป้องกัน Iron Dome

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ประสิทธิภาพของเลเซอร์ลดลงในสภาพอากาศเลวร้าย เช่น หมอก, ฝนหนัก หรือพายุทราย
    - ระบบยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอการทดสอบเพิ่มเติม
    - การใช้เลเซอร์ในสนามรบอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นพัฒนาเทคโนโลยีคล้ายกัน
    - ต้องจับตาดูว่าการใช้เลเซอร์จะส่งผลต่อยุทธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศในอนาคต

    🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธ
    การใช้เลเซอร์ในสนามรบจริงเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาอาวุธในอนาคต โดยเฉพาะการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ

    https://www.techspot.com/news/108105-first-ever-operational-use-israel-reveals-shot-down.html
    🔥 อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรนในสนามรบเป็นครั้งแรก กองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ใช้ ระบบป้องกันด้วยเลเซอร์ ในการยิงโดรนของกลุ่ม Hezbollah เป็นครั้งแรกในสถานการณ์จริง โดยใช้ Lite Beam ซึ่งเป็นต้นแบบของ Iron Beam ที่จะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2025 ระบบ Iron Beam เป็นเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อครั้ง เทียบกับระบบป้องกันแบบเดิมที่มีค่าใช้จ่าย 50,000 - 100,000 ดอลลาร์ต่อการยิงหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ก็กำลังพัฒนาอาวุธเลเซอร์สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะระบบ DragonFire ของอังกฤษที่สามารถยิงโดรนได้จากระยะ 1 กิโลเมตร ด้วยต้นทุนเพียง 13 ดอลลาร์ต่อครั้ง ✅ ข้อมูลจากข่าว - อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรน Hezbollah เป็นครั้งแรก ในสนามรบจริง - Lite Beam เป็นต้นแบบของ Iron Beam ซึ่งจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2025 - Iron Beam ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือไม่กี่ดอลลาร์ - ระบบสามารถยิงเป้าหมายได้ที่ความเร็วแสง และมี "กระสุน" ไม่จำกัดตราบใดที่มีพลังงาน - Iron Beam จะถูกบูรณาการเข้ากับระบบป้องกัน Iron Dome ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ประสิทธิภาพของเลเซอร์ลดลงในสภาพอากาศเลวร้าย เช่น หมอก, ฝนหนัก หรือพายุทราย - ระบบยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอการทดสอบเพิ่มเติม - การใช้เลเซอร์ในสนามรบอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นพัฒนาเทคโนโลยีคล้ายกัน - ต้องจับตาดูว่าการใช้เลเซอร์จะส่งผลต่อยุทธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศในอนาคต 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธ การใช้เลเซอร์ในสนามรบจริงเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาอาวุธในอนาคต โดยเฉพาะการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ https://www.techspot.com/news/108105-first-ever-operational-use-israel-reveals-shot-down.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Israel confirms world-first combat use of laser-beam weapon, downs Hezbollah drones
    The 10kW Lite Beam prototype system that was used is a less powerful version of the Iron Beam laser interceptor, which is set to become operational sometime...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☀️ ดวงอาทิตย์กับผลกระทบต่อดาวเทียม
    การปะทุของดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้กำลังส่งผลให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในช่วง Solar Maximum ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัฏจักรพลังงานดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นทุก 11 ปี

    เมื่อดวงอาทิตย์เกิด geomagnetic storms หรือพายุแม่เหล็กโลก จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกขยายตัว ส่งผลให้แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้นและทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit - LEO) มีอายุการใช้งานสั้นลง

    นักวิจัยจาก NASA Goddard Space Flight Center พบว่า Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน แทนที่จะเป็น 15 วัน ภายใต้สภาวะปกติ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Solar Maximum ทำให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าปกติ
    - แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศขยายตัวจากพายุแม่เหล็กโลก
    - Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน
    - 523 Starlink satellites ถูกติดตามการกลับเข้าสู่โลกระหว่างปี 2020-2024
    - SpaceX มีแผนปล่อยดาวเทียมเพิ่มอีกหลายหมื่นดวง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ดาวเทียมที่กลับเข้าสู่โลกเร็วขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของเศษซากที่ตกลงสู่พื้นดิน
    - เศษซากจากดาวเทียมอาจไม่เผาไหม้หมดในชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสตกลงสู่พื้นโลก
    - พื้นที่ที่มีดาวเทียมโคจรหนาแน่น เช่น แคนาดา อาจพบเศษซากมากขึ้น
    - การดำเนินงานของดาวเทียมในวงโคจรต่ำกว่า 400 กิโลเมตร อาจมีความท้าทายมากขึ้น

    🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมอวกาศ
    การเพิ่มขึ้นของ mega-constellations เช่น Starlink ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่ที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของอวกาศและการจัดการเศษซากดาวเทียมในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108090-sun-unpredictable-outbursts-forcing-satellites-back-earth-sooner.html
    ☀️ ดวงอาทิตย์กับผลกระทบต่อดาวเทียม การปะทุของดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้กำลังส่งผลให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในช่วง Solar Maximum ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัฏจักรพลังงานดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นทุก 11 ปี เมื่อดวงอาทิตย์เกิด geomagnetic storms หรือพายุแม่เหล็กโลก จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกขยายตัว ส่งผลให้แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้นและทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit - LEO) มีอายุการใช้งานสั้นลง นักวิจัยจาก NASA Goddard Space Flight Center พบว่า Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน แทนที่จะเป็น 15 วัน ภายใต้สภาวะปกติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Solar Maximum ทำให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าปกติ - แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศขยายตัวจากพายุแม่เหล็กโลก - Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน - 523 Starlink satellites ถูกติดตามการกลับเข้าสู่โลกระหว่างปี 2020-2024 - SpaceX มีแผนปล่อยดาวเทียมเพิ่มอีกหลายหมื่นดวง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ดาวเทียมที่กลับเข้าสู่โลกเร็วขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของเศษซากที่ตกลงสู่พื้นดิน - เศษซากจากดาวเทียมอาจไม่เผาไหม้หมดในชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสตกลงสู่พื้นโลก - พื้นที่ที่มีดาวเทียมโคจรหนาแน่น เช่น แคนาดา อาจพบเศษซากมากขึ้น - การดำเนินงานของดาวเทียมในวงโคจรต่ำกว่า 400 กิโลเมตร อาจมีความท้าทายมากขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมอวกาศ การเพิ่มขึ้นของ mega-constellations เช่น Starlink ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่ที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของอวกาศและการจัดการเศษซากดาวเทียมในอนาคต https://www.techspot.com/news/108090-sun-unpredictable-outbursts-forcing-satellites-back-earth-sooner.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sun's unpredictable outbursts are forcing satellites back to Earth sooner
    A 2.5-kilogram chunk of metal found on a Canadian farm in August 2024 has become a symbol of a growing dilemma in space exploration. The fragment –...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

    Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย
    - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน
    - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา
    - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC
    - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์
    - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ
    - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

    การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์ - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US SEC dismisses lawsuit against Binance crypto exchange
    (Reuters) -The U.S. Securities and Exchange Commission on Thursday voluntarily dismissed its civil lawsuit against Binance, the world's largest cryptocurrency exchange, extending the regulator's new approach to cryptocurrencies since President Donald Trump reentered the White House.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marvell Technology คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสที่สองจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI แบบกำหนดเองที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล

    Marvell เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาด AI โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscalers ที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับงานประมวลผล AI นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดศูนย์ข้อมูลระดับประเทศและตลาดเกิดใหม่

    นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า ธุรกิจชิปแบบกำหนดเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Marvell คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.98 พันล้านเหรียญ
    - รายได้จากกลุ่มศูนย์ข้อมูลคิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด โดยอยู่ที่ 1.44 พันล้านเหรียญ ในไตรมาสแรก
    - ธุรกิจเครือข่ายสำหรับองค์กรและผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มฟื้นตัว หลังจากช่วงปรับลดสินค้าคงคลัง
    - Marvell เลื่อนการประชุมนักลงทุนออกไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ตลาดผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ โดยรายได้ลดลง 29% เนื่องจากความต้องการเกมที่ลดลงตามฤดูกาล
    - กลุ่มอุตสาหกรรมก็เผชิญกับความท้าทาย โดยรายได้ลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
    - หุ้นของ Marvell ลดลงประมาณ 2% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด แม้ว่าจะมีแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น
    - ต้องจับตาดูการประชุมเกี่ยวกับชิปแบบกำหนดเองในวันที่ 17 มิถุนายน ซึ่งอาจเปิดเผยโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด

    Marvell กำลังใช้ประโยชน์จากกระแส AI เพื่อขยายธุรกิจชิปแบบกำหนดเอง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/chipmaker-marvell-forecasts-second-quarter-revenue-above-estimates
    Marvell Technology คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาสที่สองจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI แบบกำหนดเองที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล Marvell เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาด AI โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscalers ที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับงานประมวลผล AI นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดศูนย์ข้อมูลระดับประเทศและตลาดเกิดใหม่ นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า ธุรกิจชิปแบบกำหนดเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - Marvell คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.98 พันล้านเหรียญ - รายได้จากกลุ่มศูนย์ข้อมูลคิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด โดยอยู่ที่ 1.44 พันล้านเหรียญ ในไตรมาสแรก - ธุรกิจเครือข่ายสำหรับองค์กรและผู้ให้บริการโทรคมนาคมเริ่มฟื้นตัว หลังจากช่วงปรับลดสินค้าคงคลัง - Marvell เลื่อนการประชุมนักลงทุนออกไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ตลาดผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ โดยรายได้ลดลง 29% เนื่องจากความต้องการเกมที่ลดลงตามฤดูกาล - กลุ่มอุตสาหกรรมก็เผชิญกับความท้าทาย โดยรายได้ลดลง 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า - หุ้นของ Marvell ลดลงประมาณ 2% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด แม้ว่าจะมีแนวโน้มรายได้ที่ดีขึ้น - ต้องจับตาดูการประชุมเกี่ยวกับชิปแบบกำหนดเองในวันที่ 17 มิถุนายน ซึ่งอาจเปิดเผยโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด Marvell กำลังใช้ประโยชน์จากกระแส AI เพื่อขยายธุรกิจชิปแบบกำหนดเอง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดผู้บริโภคและอุตสาหกรรม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/chipmaker-marvell-forecasts-second-quarter-revenue-above-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Marvell forecasts second-quarter revenue above estimates on strong demand for custom AI chips
    (Reuters) -Marvell Technology forecast second-quarter revenue above Wall Street estimates on Thursday, betting on strong demand for its custom chips powering artificial intelligence workloads in data centers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst เพื่อขยายแพลตฟอร์ม AI ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Grammarly เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการช่วยตรวจสอบและปรับปรุงการเขียน โดยมีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนา AI agent ที่สามารถช่วยจัดการเอกสารและการสื่อสารในองค์กร

    General Catalyst ใช้ Customer Value Fund (CVF) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดย Grammarly เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดจากกองทุนนี้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst
    - เงินทุนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา AI และขยายแพลตฟอร์ม
    - Grammarly มีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 700 ล้านเหรียญ
    - General Catalyst ไม่ได้รับหุ้นของ Grammarly แต่จะได้รับผลตอบแทนจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Grammarly กำลังเปลี่ยนจากเครื่องมือช่วยเขียนไปเป็นแพลตฟอร์ม AI เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้
    - การลงทุนใน AI มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทใหญ่ เช่น Google และ Microsoft
    - General Catalyst ใช้โมเดลการลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนทั่วไป ซึ่งอาจมีผลต่อการเติบโตของ Grammarly ในระยะยาว
    - Grammarly มีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้น แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/exclusive-grammarly-secures-1-billion-from-general-catalyst-to-build-ai-productivity-platform
    Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst เพื่อขยายแพลตฟอร์ม AI ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น Grammarly เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการช่วยตรวจสอบและปรับปรุงการเขียน โดยมีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนา AI agent ที่สามารถช่วยจัดการเอกสารและการสื่อสารในองค์กร General Catalyst ใช้ Customer Value Fund (CVF) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดย Grammarly เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดจากกองทุนนี้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst - เงินทุนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา AI และขยายแพลตฟอร์ม - Grammarly มีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 700 ล้านเหรียญ - General Catalyst ไม่ได้รับหุ้นของ Grammarly แต่จะได้รับผลตอบแทนจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Grammarly กำลังเปลี่ยนจากเครื่องมือช่วยเขียนไปเป็นแพลตฟอร์ม AI เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ - การลงทุนใน AI มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทใหญ่ เช่น Google และ Microsoft - General Catalyst ใช้โมเดลการลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนทั่วไป ซึ่งอาจมีผลต่อการเติบโตของ Grammarly ในระยะยาว - Grammarly มีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้น แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/exclusive-grammarly-secures-1-billion-from-general-catalyst-to-build-ai-productivity-platform
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Grammarly secures $1 billion from General Catalyst to build AI productivity platform
    (This story has been corrected to fix when Grammarly was founded, in paragraph 5, and to clarify the General Catalyst fund relationship, in paragraph 11)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta ได้เปิดเผยว่า Meta AI ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI เชิงสร้างสรรค์ของบริษัท มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน โดย AI นี้ถูกฝังอยู่ในแอปต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องค้นหาแยกต่างหาก

    Meta กำลังแข่งขันกับ Google, Microsoft และ OpenAI ในตลาด AI โดยเฉพาะหลังจากที่ Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สรุปผลการค้นหาแบบอัตโนมัติ และมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน

    นอกจากนี้ Meta ยังเปิดตัว แอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง AI ได้โดยตรง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Meta AI มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน
    - AI ถูกฝังอยู่ในแอปของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp
    - Meta เปิดตัวแอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025
    - Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน
    - Google Gemini AI มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าผู้ใช้ Meta AI ใช้งานโดยตั้งใจหรือเป็นการใช้งานแบบอัตโนมัติ
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดย Meta ต้องแข่งกับ Google, Microsoft และ OpenAI
    - AI ยังมีความท้าทายด้านการป้องกันข้อมูลผิดพลาดและโมเดลธุรกิจ
    - ต้องรอติดตามว่า Meta AI จะสามารถเป็นผู้นำในตลาด AI ส่วนบุคคลได้หรือไม่

    Meta กำลังผลักดัน Meta AI ให้เป็นผู้ช่วย AI ส่วนบุคคลที่มีผู้ใช้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่า Meta จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้หรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/zuckerberg-meta-ai-bot-used-a-billion-times-monthly
    Meta ได้เปิดเผยว่า Meta AI ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI เชิงสร้างสรรค์ของบริษัท มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน โดย AI นี้ถูกฝังอยู่ในแอปต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องค้นหาแยกต่างหาก Meta กำลังแข่งขันกับ Google, Microsoft และ OpenAI ในตลาด AI โดยเฉพาะหลังจากที่ Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สรุปผลการค้นหาแบบอัตโนมัติ และมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน นอกจากนี้ Meta ยังเปิดตัว แอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง AI ได้โดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Meta AI มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน - AI ถูกฝังอยู่ในแอปของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp - Meta เปิดตัวแอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 - Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน - Google Gemini AI มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าผู้ใช้ Meta AI ใช้งานโดยตั้งใจหรือเป็นการใช้งานแบบอัตโนมัติ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดย Meta ต้องแข่งกับ Google, Microsoft และ OpenAI - AI ยังมีความท้าทายด้านการป้องกันข้อมูลผิดพลาดและโมเดลธุรกิจ - ต้องรอติดตามว่า Meta AI จะสามารถเป็นผู้นำในตลาด AI ส่วนบุคคลได้หรือไม่ Meta กำลังผลักดัน Meta AI ให้เป็นผู้ช่วย AI ส่วนบุคคลที่มีผู้ใช้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่า Meta จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้หรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/zuckerberg-meta-ai-bot-used-a-billion-times-monthly
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Zuckerberg: Meta AI bot used a billion times monthly
    Meta chief Mark Zuckerberg touted the tech firm's generative artificial intelligence (Gen AI) assistant on May 28, telling shareholders it is used by a billion people each month across its platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มมัลแวร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในกลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ โดยมีการใช้ AI และเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี

    มัลแวร์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ infostealers ที่ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น คุกกี้เบราว์เซอร์, ข้อมูล VPN, โทเค็น MFA และกระเป๋าเงินคริปโต ซึ่งถูกขายในตลาดมืดเพื่อให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบองค์กรได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม (social engineering) กำลังเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คัดลอกและวางโค้ดที่เป็นอันตรายลงในระบบของตนเอง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - infostealers เพิ่มขึ้น 58% ในปีที่ผ่านมา และรับผิดชอบต่อ 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมย
    - มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในแพ็กเกจสำหรับนักพัฒนา เพิ่มขึ้น 156% โดยพบมากใน NPM, PyPI และ HuggingFace
    - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนไปใช้การโจมตีแบบเจาะจง โดยเน้นการขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัสไฟล์
    - มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม เช่น ClickFix กำลังแพร่หลายมากขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - องค์กรควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจาก infostealers
    - นักพัฒนาควรตรวจสอบแพ็กเกจที่ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงมัลแวร์ที่ฝังอยู่ในเครื่องมือพัฒนา
    - ผู้ใช้ควรระวังการโจมตีแบบ ClickFix ซึ่งอาจทำให้พวกเขาติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว
    - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการเข้ารหัสไฟล์ไปเป็นการขโมยข้อมูลและขู่กรรโชก

    แนวโน้มมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กรและผู้ใช้ทั่วไปต้องปรับตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3997388/6-rising-malware-trends-every-security-pro-should-know.html
    ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มมัลแวร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในกลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ โดยมีการใช้ AI และเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี มัลแวร์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ infostealers ที่ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น คุกกี้เบราว์เซอร์, ข้อมูล VPN, โทเค็น MFA และกระเป๋าเงินคริปโต ซึ่งถูกขายในตลาดมืดเพื่อให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบองค์กรได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม (social engineering) กำลังเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคนิค ClickFix ที่หลอกให้ผู้ใช้คัดลอกและวางโค้ดที่เป็นอันตรายลงในระบบของตนเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - infostealers เพิ่มขึ้น 58% ในปีที่ผ่านมา และรับผิดชอบต่อ 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมย - มัลแวร์ที่ฝังอยู่ในแพ็กเกจสำหรับนักพัฒนา เพิ่มขึ้น 156% โดยพบมากใน NPM, PyPI และ HuggingFace - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนไปใช้การโจมตีแบบเจาะจง โดยเน้นการขโมยข้อมูลก่อนเข้ารหัสไฟล์ - มัลแวร์ที่ใช้วิศวกรรมสังคม เช่น ClickFix กำลังแพร่หลายมากขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - องค์กรควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีจาก infostealers - นักพัฒนาควรตรวจสอบแพ็กเกจที่ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงมัลแวร์ที่ฝังอยู่ในเครื่องมือพัฒนา - ผู้ใช้ควรระวังการโจมตีแบบ ClickFix ซึ่งอาจทำให้พวกเขาติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว - แรนซัมแวร์กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการเข้ารหัสไฟล์ไปเป็นการขโมยข้อมูลและขู่กรรโชก แนวโน้มมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่องค์กรและผู้ใช้ทั่วไปต้องปรับตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3997388/6-rising-malware-trends-every-security-pro-should-know.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    6 rising malware trends every security pro should know
    From infostealers commoditizing initial access to a more targeted approach to ransomware attacks, cybercriminals’ malware tools, tactics, and techniques are evolving rapidly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts