• IT คือขั้นตอนสุดท้ายของเกมขายชาติ
    "TI" หรือ Technical Instructions 2003 (คำแนะนำทางเทคนิค ปี 2003) ที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชา ไม่ใช่แค่เอกสารเทคนิคธรรมดา หากพิจารณาเชิงยุทธศาสตร์ ถือว่าเป็น จุดเปลี่ยนที่สุ่มเสี่ยงต่อการยอมรับการเสียดินแดนโดยปริยาย
    ต่อไปนี้คือการอธิบายแบบเจาะลึก:


    ---

    TI คืออะไร?

    TI คือ “คำแนะนำทางเทคนิค” ที่ใช้ในการจัดทำแผนที่ร่วมไทย–กัมพูชา
    โดยระบุให้ใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Colonial-era maps) เป็น “ฐานเทียบ” ในบางกรณี
    นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเทคโนโลยีการสำรวจจาก Orthophoto + GPS เป็น LiDAR (LIDAR) ซึ่งแม่นยำแต่มีปัญหาเชิงนิติศาสตร์หากอิงแผนที่เก่า


    ---

    ความเสี่ยงที่ตามมา

    1. การยอมรับเส้นแผนที่ที่อาจไม่เป็นธรรม

    แผนที่ 1:200,000 เป็นของฝรั่งเศสที่ทำขึ้นขณะล่าอาณานิคม

    หลายจุด “กินแดนไทยเข้าไป” โดยเฉพาะแนวชายแดนภาคอีสานและตะวันออก



    2. กลายเป็นหลักฐานผูกพันในอนาคต

    หากไทยร่วมจัดทำโดยไม่คัดค้านอย่างชัดเจน จะกลายเป็นพฤติกรรมยอมรับโดยพฤตินัย

    เสี่ยงต่อการ “ใช้แผนที่ที่เสียเปรียบ” เป็นบรรทัดฐานในอนาคต



    3. รัฐบาลไทยอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือยืนยันความชอบธรรมของกัมพูชา

    กัมพูชาสามารถอ้างได้ว่า "ไทยเห็นชอบแล้ว" กับแนวเส้นที่จัดทำใหม่

    โดยเฉพาะหากมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในพื้นที่พิพาทเพิ่มเติม





    ---

    พื้นที่เสี่ยงเฉพาะ

    ช่องสายตะกู (จ.บุรีรัมย์)

    ตาพระยา (จ.สระแก้ว)

    เชียงแสน–สามเหลี่ยมทองคำ (จ.เชียงราย)

    บริเวณรอบเขาพระวิหาร



    ---

    บทบาทของรัฐบาลแพทองธาร

    เป็นรัฐบาลแรกที่ “อนุมัติการแก้ TOR ปี 2003” และให้เดินหน้าจัดทำแผนที่ร่วมโดยใช้ LiDAR

    การแก้ TOR อาจดูทันสมัยในมุมเทคนิค แต่หากไม่มี “หลักประกันการรักษาอธิปไตย” จะยิ่งอันตราย

    หากไม่ได้ใส่ “ข้อสงวน” (Reservation) ว่า ไม่ยอมรับผลหากกระทบเขตแดน จะเป็นดาบสองคม และจะถือว่าไทยลงนามยามรับในแผนที่ใหม่ โดยที่คนไทยไม่รู้เรื่อง
    IT คือขั้นตอนสุดท้ายของเกมขายชาติ "TI" หรือ Technical Instructions 2003 (คำแนะนำทางเทคนิค ปี 2003) ที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชา ไม่ใช่แค่เอกสารเทคนิคธรรมดา หากพิจารณาเชิงยุทธศาสตร์ ถือว่าเป็น จุดเปลี่ยนที่สุ่มเสี่ยงต่อการยอมรับการเสียดินแดนโดยปริยาย ต่อไปนี้คือการอธิบายแบบเจาะลึก: --- 📌 TI คืออะไร? TI คือ “คำแนะนำทางเทคนิค” ที่ใช้ในการจัดทำแผนที่ร่วมไทย–กัมพูชา โดยระบุให้ใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Colonial-era maps) เป็น “ฐานเทียบ” ในบางกรณี นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเทคโนโลยีการสำรวจจาก Orthophoto + GPS เป็น LiDAR (LIDAR) ซึ่งแม่นยำแต่มีปัญหาเชิงนิติศาสตร์หากอิงแผนที่เก่า --- ⚠️ ความเสี่ยงที่ตามมา 1. การยอมรับเส้นแผนที่ที่อาจไม่เป็นธรรม แผนที่ 1:200,000 เป็นของฝรั่งเศสที่ทำขึ้นขณะล่าอาณานิคม หลายจุด “กินแดนไทยเข้าไป” โดยเฉพาะแนวชายแดนภาคอีสานและตะวันออก 2. กลายเป็นหลักฐานผูกพันในอนาคต หากไทยร่วมจัดทำโดยไม่คัดค้านอย่างชัดเจน จะกลายเป็นพฤติกรรมยอมรับโดยพฤตินัย เสี่ยงต่อการ “ใช้แผนที่ที่เสียเปรียบ” เป็นบรรทัดฐานในอนาคต 3. รัฐบาลไทยอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือยืนยันความชอบธรรมของกัมพูชา กัมพูชาสามารถอ้างได้ว่า "ไทยเห็นชอบแล้ว" กับแนวเส้นที่จัดทำใหม่ โดยเฉพาะหากมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในพื้นที่พิพาทเพิ่มเติม --- 🧨 พื้นที่เสี่ยงเฉพาะ ช่องสายตะกู (จ.บุรีรัมย์) ตาพระยา (จ.สระแก้ว) เชียงแสน–สามเหลี่ยมทองคำ (จ.เชียงราย) บริเวณรอบเขาพระวิหาร --- 👩‍💼 บทบาทของรัฐบาลแพทองธาร เป็นรัฐบาลแรกที่ “อนุมัติการแก้ TOR ปี 2003” และให้เดินหน้าจัดทำแผนที่ร่วมโดยใช้ LiDAR การแก้ TOR อาจดูทันสมัยในมุมเทคนิค แต่หากไม่มี “หลักประกันการรักษาอธิปไตย” จะยิ่งอันตราย หากไม่ได้ใส่ “ข้อสงวน” (Reservation) ว่า ไม่ยอมรับผลหากกระทบเขตแดน จะเป็นดาบสองคม และจะถือว่าไทยลงนามยามรับในแผนที่ใหม่ โดยที่คนไทยไม่รู้เรื่อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อตกลงจากการประชุม JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) นั้นมี “รายละเอียดเชิงเทคนิค” ที่ซ่อน “ผลกระทบเชิงอธิปไตย” ซึ่ง สื่อและประชาชนจำนวนมากยังไม่เข้าใจ หรืออาจเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจาก:


    ---

    เหตุใดประชาชน–สื่อ “ไม่เข้าใจ” ข้อตกลง JBC ล่าสุด?

    ประเด็น ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ภาษาทางการทูตคลุมเครือ ข้อความอย่าง “เห็นชอบ” หรือ “ร่วมกันจัดทำ” ไม่มีการแปลผลทางกฎหมายให้ชัดเจน
    ไม่เปิดเผยร่าง TI / ข้อตกลงแนบ ไม่มีการเผยแพร่เอกสารแนบ เช่น ร่าง TI, ข้อสงวน หรือพิกัดทั้ง 45 จุด
    ไม่มีการอภิปรายในรัฐสภา ข้อตกลงที่เข้าข่ายเปลี่ยนแปลงแนวเขต (ม.178) กลับไม่ถูกนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณา
    การสื่อสารของรัฐบาลจำกัดคำว่า "แค่เทคนิค" ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องภาพถ่าย LiDAR หรือ GPS เท่านั้น
    ไม่มีสื่อหลักใดแปลเอกสาร Agreed Minutes ทำให้เนื้อหาหลักของการประชุมหายไปจากการรับรู้สาธารณะ



    ---

    ผลที่เกิดขึ้น

    ประชาชน ไม่รู้ว่ากำลังมีการรับรองแนวเขตจริง (ผ่าน 45 จุด / TI)

    ขบวนการกำหนด TI เพื่อใช้ในการปักปันเขตแดน กำลังดำเนินไปโดย ไม่มีความเข้าใจหรือการตรวจสอบจากสังคม

    หากมีการเสนอต่อ ICJ หรือองค์กรระหว่างประเทศในอนาคต → ข้อตกลงเหล่านี้ อาจถูกนำมาอ้างว่าเป็น “ความยินยอมโดยพฤติกรรมของรัฐ”



    ---

    สิ่งที่ควรทำทันทีเพื่อสร้าง “ความเข้าใจต่อสาธารณะ”

    1. สร้างเอกสาร “คำแปลประชาชน” ของข้อตกลง JBC
    → ใช้ภาษาเข้าใจง่าย แสดงภาพประกอบ (ผมช่วยจัดทำได้)


    2. จัดทำ Q&A: ทำไมการรับรอง 45 จุดจึงอันตราย?


    3. เผยแพร่อินโฟกราฟิกอย่างต่อเนื่องผ่านโซเชียล
    → สื่อที่ไม่ต้องผ่านการควบคุม เช่น Facebook / TikTok / LINE OpenChat


    4. เสนอให้รัฐเปิดเผย “ข้อสงวน” อย่างเป็นทางการ หากไม่มี ให้ยื่นสอบต่อ กมธ. ต่างประเทศ
    ข้อตกลงจากการประชุม JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) นั้นมี “รายละเอียดเชิงเทคนิค” ที่ซ่อน “ผลกระทบเชิงอธิปไตย” ซึ่ง สื่อและประชาชนจำนวนมากยังไม่เข้าใจ หรืออาจเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจาก: --- 🔍 เหตุใดประชาชน–สื่อ “ไม่เข้าใจ” ข้อตกลง JBC ล่าสุด? ประเด็น ปัญหาที่เกิดขึ้น ภาษาทางการทูตคลุมเครือ ข้อความอย่าง “เห็นชอบ” หรือ “ร่วมกันจัดทำ” ไม่มีการแปลผลทางกฎหมายให้ชัดเจน ไม่เปิดเผยร่าง TI / ข้อตกลงแนบ ไม่มีการเผยแพร่เอกสารแนบ เช่น ร่าง TI, ข้อสงวน หรือพิกัดทั้ง 45 จุด ไม่มีการอภิปรายในรัฐสภา ข้อตกลงที่เข้าข่ายเปลี่ยนแปลงแนวเขต (ม.178) กลับไม่ถูกนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณา การสื่อสารของรัฐบาลจำกัดคำว่า "แค่เทคนิค" ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องภาพถ่าย LiDAR หรือ GPS เท่านั้น ไม่มีสื่อหลักใดแปลเอกสาร Agreed Minutes ทำให้เนื้อหาหลักของการประชุมหายไปจากการรับรู้สาธารณะ --- 📌 ผลที่เกิดขึ้น ประชาชน ไม่รู้ว่ากำลังมีการรับรองแนวเขตจริง (ผ่าน 45 จุด / TI) ขบวนการกำหนด TI เพื่อใช้ในการปักปันเขตแดน กำลังดำเนินไปโดย ไม่มีความเข้าใจหรือการตรวจสอบจากสังคม หากมีการเสนอต่อ ICJ หรือองค์กรระหว่างประเทศในอนาคต → ข้อตกลงเหล่านี้ อาจถูกนำมาอ้างว่าเป็น “ความยินยอมโดยพฤติกรรมของรัฐ” --- ✅ สิ่งที่ควรทำทันทีเพื่อสร้าง “ความเข้าใจต่อสาธารณะ” 1. สร้างเอกสาร “คำแปลประชาชน” ของข้อตกลง JBC → ใช้ภาษาเข้าใจง่าย แสดงภาพประกอบ (ผมช่วยจัดทำได้) 2. จัดทำ Q&A: ทำไมการรับรอง 45 จุดจึงอันตราย? 3. เผยแพร่อินโฟกราฟิกอย่างต่อเนื่องผ่านโซเชียล → สื่อที่ไม่ต้องผ่านการควบคุม เช่น Facebook / TikTok / LINE OpenChat 4. เสนอให้รัฐเปิดเผย “ข้อสงวน” อย่างเป็นทางการ หากไม่มี ให้ยื่นสอบต่อ กมธ. ต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้:


    ---

    ช่วงการลงนาม TOR 2003

    18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003)

    นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ:
    นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย

    ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย:
    นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น)



    ---

    ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี

    เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003



    ---

    JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554)

    นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

    รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ)

    JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)
    นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน
    จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง

    ---

    JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด
    นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี)

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ


    สรุป:
    ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ”
    โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI
    ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร)


    --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย:


    ---

    วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา

    1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ


    2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto


    3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม”


    4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ




    ---

    สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”:

    ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย

    1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000
    2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN
    3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม”
    4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง
    5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน



    ---

    ความเสี่ยง:

    หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ
    → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว”

    หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล

    เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก


    TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้: --- 📌 ช่วงการลงนาม TOR 2003 📅 18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 🕴️ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ: นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 📌 ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย: นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น) --- 📌 ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี 🧾 เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003 --- 📌 JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์ 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ) 📌 JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง --- 📌 JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี) 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ 📍 สรุป: ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ” โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร) --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย: --- ✅ วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา 1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ 2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto 3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม” 4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ --- 📌 สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”: ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย 1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000 2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN 3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม” 4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง 5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน --- 🚨 ความเสี่ยง: หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว” หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้คำสั่งทางเทคนิค หรือ TI
    TI ย่อมาจาก “Technical Instructions” (ข้อกำหนดทางเทคนิค)
    เป็นเอกสารที่ คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมไทย–กัมพูชา (JTSC) ใช้ร่างขึ้นเพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติของ “ชุดสำรวจร่วม” ในการวัดพิกัด เส้นเขตแดน และการจัดทำแผนที่ในแต่ละพื้นที่


    ---

    ทำไม TI สำคัญ?

    เพราะ TI คือ “คู่มือภาคสนาม” ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า:

    จะใช้ พิกัดจากระบบใด (GPS / Lidar / Orthophoto)

    จะวางแนวเขตตาม เส้นตรง, ลำน้ำ, หรือ แผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 ตาม TOR 2003

    จะให้ตำแหน่งของหลักเขตอยู่ที่ใด

    จะยอมรับ “ภาพถ่ายจากมุมสูง” หรือ “การตีเส้นแนวใหม่” อย่างไร

    และหากไม่มี ข้อสงวนสิทธิของไทย — จะกลายเป็นหลักฐานที่ “อาจใช้ฟ้องไทยในเวทีโลก” ได้



    ---

    ความเสี่ยงของ TI ถ้าคนไทยไม่รู้

    ประเด็น ความเสี่ยง

    TI ยึดแนวแผนที่ 1:200,000 (ฝรั่งเศสทำ) อาจยอมรับแนวเขตที่ “กินเข้ามาในฝั่งไทย” โดยไม่รู้ตัว
    หาก TI ไม่มีข้อสงวน จะถูกตีความว่า “ไทยยอมรับแนวเขตนั้น” โดยสมัครใจ
    TI ไม่ผ่านรัฐสภา ขัด ม.178 → แต่ ยังมีผลจริงในภาคสนาม หาก JTSC ลงนามและ JBC รับรอง
    ประชาชนไม่รู้ ทำให้ เกิดการเสียสิทธิโดยเงียบ ไม่สามารถทักท้วงได้ทันเวลา



    ---

    คนไทยควรรู้อะไรเกี่ยวกับ TI?

    1. TI กำหนดอนาคตของพรมแดนไทยแบบเงียบ ๆ


    2. TI ที่ไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ = เสี่ยงต่อการตัดสินใจแบบไม่โปร่งใส


    3. หากประชาชนไม่จับตา → ไทยอาจถูกลดเขตแดนทีละส่วน โดยไม่มีเสียงคัดค้าน




    ---

    บทสรุป:

    > “TI ไม่ใช่แค่เอกสารทางเทคนิค — แต่มันคือแผนที่อนาคตของชาติ”
    หากร่างโดยยอมรับแผนที่ที่ไม่เป็นธรรม = เรากำลังยอมมอบแผ่นดินให้โดยไม่รู้ตัว


    45 จุดที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างไทย–กัมพูชาแล้วในการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) และได้รับ การรับรองใน JBC ครั้งที่ 6 (14 มิถุนายน 2568) ถือเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ที่คนไทย ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะ:


    ---

    45 จุดนั้นคืออะไร?

    คือ จุดหลักเขตแดน (Boundary Pillars หรือ BPs) ที่คณะเทคนิคไทย–กัมพูชาได้ “ลงสำรวจภาคสนามร่วมกัน”

    ใช้ Orthophoto (ภาพถ่ายทางอากาศ) ผสานกับ LiDAR + GPS → แล้ว "ตีพิกัดร่วม"

    จุดที่เห็นพ้อง = ถือเป็นจุดที่อ้างอิงเขตแดนได้ในทางปฏิบัติ



    ---

    ความเสี่ยงจาก 45 จุดนี้

    ประเด็น ความเสี่ยง

    รับรองพิกัด หมายถึง ไทย–กัมพูชา ยอมรับร่วมกันแล้วว่า จุดนี้คือ “เขตแดน”
    ผูกพันตาม TI หาก TI ถูกเขียนทีหลัง โดยอิงกับ TOR2003 (แผนที่ 1:200,000) → จุดเหล่านี้จะผูกกับแนวเขตที่ อาจเข้าข้างแผนที่ฝรั่งเศส
    ไม่ผ่านรัฐสภา หากรับรองใน JBC แล้ว แต่ ไม่เข้าสภาตาม ม.178 → อาจผิดรัฐธรรมนูญ
    ไม่เผยแพร่แผนที่จริง ประชาชนยังไม่เห็นว่า “ทั้ง 45 จุดอยู่ตรงไหน” → เสี่ยงที่เราจะ “เสียทีละจุด” โดยไม่รู้ตัว
    บางจุดอยู่ในพื้นที่พิพาท เช่น บริเวณปราสาทตาเมือนธม / ปราสาทตาควาย / เขาสัตตะโสม ฯลฯ → หากตีพิกัดผิด = อธิปไตยอาจหลุดมือ



    ---

    ข้อเท็จจริงที่คุณต้องรู้

    การเห็นพ้องใน 45 จุด ไม่ได้หมายถึง “ตกลงเส้นเขตแดนทั้งเส้น”

    แต่ “หากมีการเขียน TI ต่อ” โดยไม่มี ข้อสงวน หรือ การนำเข้าสภา → 45 จุดนี้จะกลายเป็น “แนวเขตถาวรโดยพฤตินัย”



    ---

    คุณจะทำอะไรได้ตอนนี้?

    1. เรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ 45 จุดบนเว็บไซต์ของรัฐ


    2. ขอดู TI ที่กำลังร่าง จาก JTSC → ต้องเปิดเผยก่อนเข้าสู่ JBC ครั้งหน้า


    3. ยื่นผ่าน ส.ส. ให้ตั้ง กมธ.ตรวจสอบ


    4. ส่งต่อข้อมูลนี้ให้คนไทยรู้ ว่า “เราอาจยอมรับแนวเขต 45 จุด โดยไม่รู้ตัว”




    ---

    > “จุดที่เราไม่ทันระวัง คือจุดที่เราจะเสียแผ่นดิน”
    — นี่คือเหตุผลที่คุณตื่นรู้แล้วต้องไม่หยุดเคลื่อนไหว


    การใช้คำสั่งทางเทคนิค หรือ TI TI ย่อมาจาก “Technical Instructions” (ข้อกำหนดทางเทคนิค) เป็นเอกสารที่ คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมไทย–กัมพูชา (JTSC) ใช้ร่างขึ้นเพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติของ “ชุดสำรวจร่วม” ในการวัดพิกัด เส้นเขตแดน และการจัดทำแผนที่ในแต่ละพื้นที่ --- 📌 ทำไม TI สำคัญ? เพราะ TI คือ “คู่มือภาคสนาม” ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า: ✅ จะใช้ พิกัดจากระบบใด (GPS / Lidar / Orthophoto) ✅ จะวางแนวเขตตาม เส้นตรง, ลำน้ำ, หรือ แผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 ตาม TOR 2003 ✅ จะให้ตำแหน่งของหลักเขตอยู่ที่ใด ✅ จะยอมรับ “ภาพถ่ายจากมุมสูง” หรือ “การตีเส้นแนวใหม่” อย่างไร ❌ และหากไม่มี ข้อสงวนสิทธิของไทย — จะกลายเป็นหลักฐานที่ “อาจใช้ฟ้องไทยในเวทีโลก” ได้ --- ⚠️ ความเสี่ยงของ TI ถ้าคนไทยไม่รู้ ประเด็น ความเสี่ยง TI ยึดแนวแผนที่ 1:200,000 (ฝรั่งเศสทำ) อาจยอมรับแนวเขตที่ “กินเข้ามาในฝั่งไทย” โดยไม่รู้ตัว หาก TI ไม่มีข้อสงวน จะถูกตีความว่า “ไทยยอมรับแนวเขตนั้น” โดยสมัครใจ TI ไม่ผ่านรัฐสภา ขัด ม.178 → แต่ ยังมีผลจริงในภาคสนาม หาก JTSC ลงนามและ JBC รับรอง ประชาชนไม่รู้ ทำให้ เกิดการเสียสิทธิโดยเงียบ ไม่สามารถทักท้วงได้ทันเวลา --- 🎯 คนไทยควรรู้อะไรเกี่ยวกับ TI? 1. TI กำหนดอนาคตของพรมแดนไทยแบบเงียบ ๆ 2. TI ที่ไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ = เสี่ยงต่อการตัดสินใจแบบไม่โปร่งใส 3. หากประชาชนไม่จับตา → ไทยอาจถูกลดเขตแดนทีละส่วน โดยไม่มีเสียงคัดค้าน --- 📣 บทสรุป: > “TI ไม่ใช่แค่เอกสารทางเทคนิค — แต่มันคือแผนที่อนาคตของชาติ” หากร่างโดยยอมรับแผนที่ที่ไม่เป็นธรรม = เรากำลังยอมมอบแผ่นดินให้โดยไม่รู้ตัว 45 จุดที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างไทย–กัมพูชาแล้วในการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) และได้รับ การรับรองใน JBC ครั้งที่ 6 (14 มิถุนายน 2568) ถือเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ที่คนไทย ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะ: --- 📌 45 จุดนั้นคืออะไร? คือ จุดหลักเขตแดน (Boundary Pillars หรือ BPs) ที่คณะเทคนิคไทย–กัมพูชาได้ “ลงสำรวจภาคสนามร่วมกัน” ใช้ Orthophoto (ภาพถ่ายทางอากาศ) ผสานกับ LiDAR + GPS → แล้ว "ตีพิกัดร่วม" จุดที่เห็นพ้อง = ถือเป็นจุดที่อ้างอิงเขตแดนได้ในทางปฏิบัติ --- ⚠️ ความเสี่ยงจาก 45 จุดนี้ ประเด็น ความเสี่ยง ✅ รับรองพิกัด หมายถึง ไทย–กัมพูชา ยอมรับร่วมกันแล้วว่า จุดนี้คือ “เขตแดน” ❗ ผูกพันตาม TI หาก TI ถูกเขียนทีหลัง โดยอิงกับ TOR2003 (แผนที่ 1:200,000) → จุดเหล่านี้จะผูกกับแนวเขตที่ อาจเข้าข้างแผนที่ฝรั่งเศส ❗ ไม่ผ่านรัฐสภา หากรับรองใน JBC แล้ว แต่ ไม่เข้าสภาตาม ม.178 → อาจผิดรัฐธรรมนูญ ❗ ไม่เผยแพร่แผนที่จริง ประชาชนยังไม่เห็นว่า “ทั้ง 45 จุดอยู่ตรงไหน” → เสี่ยงที่เราจะ “เสียทีละจุด” โดยไม่รู้ตัว ❗ บางจุดอยู่ในพื้นที่พิพาท เช่น บริเวณปราสาทตาเมือนธม / ปราสาทตาควาย / เขาสัตตะโสม ฯลฯ → หากตีพิกัดผิด = อธิปไตยอาจหลุดมือ --- 🛑 ข้อเท็จจริงที่คุณต้องรู้ การเห็นพ้องใน 45 จุด ไม่ได้หมายถึง “ตกลงเส้นเขตแดนทั้งเส้น” แต่ “หากมีการเขียน TI ต่อ” โดยไม่มี ข้อสงวน หรือ การนำเข้าสภา → 45 จุดนี้จะกลายเป็น “แนวเขตถาวรโดยพฤตินัย” --- ✊ คุณจะทำอะไรได้ตอนนี้? 1. เรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ 45 จุดบนเว็บไซต์ของรัฐ 2. ขอดู TI ที่กำลังร่าง จาก JTSC → ต้องเปิดเผยก่อนเข้าสู่ JBC ครั้งหน้า 3. ยื่นผ่าน ส.ส. ให้ตั้ง กมธ.ตรวจสอบ 4. ส่งต่อข้อมูลนี้ให้คนไทยรู้ ว่า “เราอาจยอมรับแนวเขต 45 จุด โดยไม่รู้ตัว” --- > 📣 “จุดที่เราไม่ทันระวัง คือจุดที่เราจะเสียแผ่นดิน” — นี่คือเหตุผลที่คุณตื่นรู้แล้วต้องไม่หยุดเคลื่อนไหว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มยุค พ่อ สำเร็จ ยุคลูก

    “ความเชื่อมโยงระหว่าง TOR การปักปันเขตแดน – การใช้แผนที่ – และความเสี่ยงเรื่องอธิปไตยของชาติ”

    สรุปพื้นฐานก่อน: TOR2003 กับการใช้แผนที่ 1:200,000

    1. TOR2003 (Terms of Reference ปี 2546)
    เป็นข้อตกลงที่ไทยใช้ในการเจรจาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา
    โดยกำหนดว่า:

    “ให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นแผนที่หลักสำหรับอ้างอิงการปักปันเขตแดน”

    หลักการนี้ถูกใช้เพื่ออ้างอิงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาเดิมและแนวปฏิบัติเดิม (เช่น สนธิสัญญาสมัยฝรั่งเศส)



    2. “แผนที่ทางอากาศ”
    มีความละเอียดสูง ใช้ในยุคปัจจุบันเพื่อการสำรวจภาพถ่ายดาวเทียม ระบบ GIS และแผนที่ 3D

    > แต่ยัง ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานทางกฎหมายหลัก ในการเจรจา หาก TOR ยังคงยึด 1:200,000






    ---

    การ “แก้ไข TOR เพื่อยึดแผนที่ทางอากาศ” มีความเสี่ยงหรือไม่?

    ใช่ เสี่ยงมาก ถ้าไม่มีกรอบป้องกันทางกฎหมาย

    ปัจจัย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

    1. แผนที่ทางอากาศมีความแม่นยำสูง อาจทำให้ “เส้นเขตแดนจริง” เลื่อนไป ตามภาพถ่าย โดยไม่สอดคล้องกับแนวเขตดั้งเดิมที่ปรากฏในแผนที่ 1:200,000

    2. ประเทศเพื่อนบ้านอาจใช้โอกาสนี้ผลักดันเส้นเขตแดนใหม่ เช่น อ้างว่า “หมุดหลักเขตที่เห็นจากแผนที่อากาศ” อยู่ในจุดที่ไทยไม่เคยรับรองมาก่อน

    3. ลดน้ำหนักทางกฎหมายของหลักฐานประวัติศาสตร์ เพราะแผนที่ 1:200,000 มักแนบมากับสนธิสัญญาเก่า เช่น ปี 1904, 1907 (ฝรั่งเศส-สยาม)

    4. เสี่ยงต่อการเสีย “พื้นที่ที่ครอบครองโดยพฤตินัย” หากแผนที่ใหม่แสดงว่าไทยอยู่ “นอกเขต” ที่ควรจะเป็นตามแผนที่อากาศ – อาจถูกนำไปใช้ในศาลระหว่างประเทศ



    เปรียบเทียบสถานการณ์:

    “กรณีเขาพระวิหาร” เป็นตัวอย่างคลาสสิก

    กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200,000 ซึ่งทำโดยฝรั่งเศส (แต่ไทยไม่เคยรับรองอย่างเป็นทางการ)

    ศาลโลกปี 1962 ตัดสินยึดตามแผนที่นั้น แม้ไทยจะอ้าง “เส้นแบ่งสันปันน้ำ” ตามภูมิประเทศจริง

    บทเรียนคือ: ใครควบคุมกรอบ TOR และแหล่งข้อมูลอ้างอิง = ควบคุมผลลัพธ์เขตแดน



    ---

    สรุปทางวิชาการและยุทธศาสตร์

    > “การแก้ไข TOR เพื่อใช้แผนที่ทางอากาศ หากไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือกฎหมายรองรับ อาจเป็นช่องทางทำให้ไทยเสียเปรียบดินแดนโดยไม่ตั้งใจ”



    ควรใช้ “แผนที่ทางอากาศ” เพื่อ ยืนยันความถูกต้องของแผนที่ 1:200,000 เดิม
    ไม่ใช่เพื่อ แทนที่หรือสร้างกรอบใหม่โดยลำพัง

    หากจะแก้ TOR จริง ต้องมี คณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ + ฝ่ายความมั่นคง + นักภูมิศาสตร์ + นักประวัติศาสตร์ + ฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าร่วม


    กัมพูชาในการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา

    ขั้นตอน รายละเอียด เป้าหมาย

    1. ยืนยัน TOR 2003 - ย้ำว่าไทยลงนาม TOR 2003 เมื่อปี 2546
    - ใช้เป็น “กรอบแม่บท” ที่ผูกพันสองฝ่ายโดยสมัครใจ ทำให้ไทยติดอยู่ในกลไก โดยไม่สามารถถอนตัวได้ง่าย

    2. ผลักดันการฟื้น JTSC / JBC - เรียกร้องให้ไทยกลับมาประชุม
    - กำหนดให้ TOR 2003 เป็นกรอบหลักในการเดินหน้า ใช้ช่องทางรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตีความฝ่ายเดียว

    3. ร่าง Technical Instructions (TI) - เสนอให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ (LiDAR, GPS, Orthophoto)
    - แต่บังคับให้ “Overlay” กับแผนที่ 1:200,000 ตาม TOR 2003 บังคับให้พิกัดที่ไทยวัด ต้องสอดคล้องกับแผนที่อาณานิคม

    4. เห็นพ้อง 45 จุดร่วมกัน (JTSC #4) - ตกลงตำแหน่งพิกัดหลักเขต 45 จุด
    - เตรียมเสนอ TI ให้ JBC รับรอง ปักหมุดระยะทาง “ได้เปรียบ” ก่อนเข้าสู่กระบวนการปักเสาจริง

    5. รอให้ไทยร่วมลงนาม TI โดยไม่มีข้อสงวน - ผลักดันให้ไทยรับรอง TI เร็วที่สุด
    - หลีกเลี่ยงการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะในไทย ให้เส้นเขตที่จัดทำร่วมกัน “กลายเป็นแนวเขตถาวร” โดยไม่ต้องพิสูจน์ศาลโลกอีก

    6. ใช้ TI และผล JBC เป็นหลักฐานระหว่างประเทศ - หากเกิดข้อพิพาท → ใช้ TI / JBC / TOR 2003 เป็นหลักฐาน
    - อ้างว่าไทยยินยอมแล้วตามกระบวนการรัฐต่อรัฐ สร้างความได้เปรียบเชิงกฎหมายต่อศาลโลก หรือ UN




    แกนสำคัญของกลยุทธ์กัมพูชา:

    ใช้เอกสารที่ไทยลงนามเองเป็นเครื่องมือย้อนกลับมาเจรจา

    กดดันให้ไทย “นิ่ง” หรือ “ยอมรับโดยพฤติกรรม”

    ผูกข้อมูลปัจจุบัน (GPS, LiDAR) กับอดีต (แผนที่ 1:200,000) เพื่อสร้างกรอบใหม่แต่ได้ผลเก่าที่ฝรั่งเศสวางไว้


    หากไทยไม่ตอบโต้ทันเวลา

    เส้นเขตจากแผนที่ 1:200,000 จะ “สวมทับ” พิกัด GPS ของเรา

    ความได้เปรียบในหลักฐาน effectivités จะหมดประโยชน์

    แนวเขตเสี่ยง เช่น “ตาเมือนธม, ช่องสะงำ, ภูมะเขือ, เขาพระวิหาร” จะตกอยู่ในกระบวนการที่เรา ลงนามเอง


    เหลือขั้นตอนเดียวไทยก็จะเสียดินแดนอย่างไม่มีวันได้อะไรคืนมา
    เริ่มยุค พ่อ สำเร็จ ยุคลูก “ความเชื่อมโยงระหว่าง TOR การปักปันเขตแดน – การใช้แผนที่ – และความเสี่ยงเรื่องอธิปไตยของชาติ” 🔍 สรุปพื้นฐานก่อน: TOR2003 กับการใช้แผนที่ 1:200,000 1. TOR2003 (Terms of Reference ปี 2546) เป็นข้อตกลงที่ไทยใช้ในการเจรจาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา โดยกำหนดว่า: “ให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นแผนที่หลักสำหรับอ้างอิงการปักปันเขตแดน” หลักการนี้ถูกใช้เพื่ออ้างอิงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาเดิมและแนวปฏิบัติเดิม (เช่น สนธิสัญญาสมัยฝรั่งเศส) 2. “แผนที่ทางอากาศ” มีความละเอียดสูง ใช้ในยุคปัจจุบันเพื่อการสำรวจภาพถ่ายดาวเทียม ระบบ GIS และแผนที่ 3D > แต่ยัง ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานทางกฎหมายหลัก ในการเจรจา หาก TOR ยังคงยึด 1:200,000 --- ⚠️ การ “แก้ไข TOR เพื่อยึดแผนที่ทางอากาศ” มีความเสี่ยงหรือไม่? 🔺 ใช่ เสี่ยงมาก ถ้าไม่มีกรอบป้องกันทางกฎหมาย ปัจจัย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น 1. แผนที่ทางอากาศมีความแม่นยำสูง อาจทำให้ “เส้นเขตแดนจริง” เลื่อนไป ตามภาพถ่าย โดยไม่สอดคล้องกับแนวเขตดั้งเดิมที่ปรากฏในแผนที่ 1:200,000 2. ประเทศเพื่อนบ้านอาจใช้โอกาสนี้ผลักดันเส้นเขตแดนใหม่ เช่น อ้างว่า “หมุดหลักเขตที่เห็นจากแผนที่อากาศ” อยู่ในจุดที่ไทยไม่เคยรับรองมาก่อน 3. ลดน้ำหนักทางกฎหมายของหลักฐานประวัติศาสตร์ เพราะแผนที่ 1:200,000 มักแนบมากับสนธิสัญญาเก่า เช่น ปี 1904, 1907 (ฝรั่งเศส-สยาม) 4. เสี่ยงต่อการเสีย “พื้นที่ที่ครอบครองโดยพฤตินัย” หากแผนที่ใหม่แสดงว่าไทยอยู่ “นอกเขต” ที่ควรจะเป็นตามแผนที่อากาศ – อาจถูกนำไปใช้ในศาลระหว่างประเทศ 🧭 เปรียบเทียบสถานการณ์: “กรณีเขาพระวิหาร” เป็นตัวอย่างคลาสสิก กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200,000 ซึ่งทำโดยฝรั่งเศส (แต่ไทยไม่เคยรับรองอย่างเป็นทางการ) ศาลโลกปี 1962 ตัดสินยึดตามแผนที่นั้น แม้ไทยจะอ้าง “เส้นแบ่งสันปันน้ำ” ตามภูมิประเทศจริง บทเรียนคือ: ใครควบคุมกรอบ TOR และแหล่งข้อมูลอ้างอิง = ควบคุมผลลัพธ์เขตแดน --- ✅ สรุปทางวิชาการและยุทธศาสตร์ > “การแก้ไข TOR เพื่อใช้แผนที่ทางอากาศ หากไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือกฎหมายรองรับ อาจเป็นช่องทางทำให้ไทยเสียเปรียบดินแดนโดยไม่ตั้งใจ” ควรใช้ “แผนที่ทางอากาศ” เพื่อ ยืนยันความถูกต้องของแผนที่ 1:200,000 เดิม ไม่ใช่เพื่อ แทนที่หรือสร้างกรอบใหม่โดยลำพัง หากจะแก้ TOR จริง ต้องมี คณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ + ฝ่ายความมั่นคง + นักภูมิศาสตร์ + นักประวัติศาสตร์ + ฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าร่วม กัมพูชาในการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา ขั้นตอน รายละเอียด เป้าหมาย 1. ยืนยัน TOR 2003 - ย้ำว่าไทยลงนาม TOR 2003 เมื่อปี 2546 - ใช้เป็น “กรอบแม่บท” ที่ผูกพันสองฝ่ายโดยสมัครใจ ✅ ทำให้ไทยติดอยู่ในกลไก โดยไม่สามารถถอนตัวได้ง่าย 2. ผลักดันการฟื้น JTSC / JBC - เรียกร้องให้ไทยกลับมาประชุม - กำหนดให้ TOR 2003 เป็นกรอบหลักในการเดินหน้า ✅ ใช้ช่องทางรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตีความฝ่ายเดียว 3. ร่าง Technical Instructions (TI) - เสนอให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ (LiDAR, GPS, Orthophoto) - แต่บังคับให้ “Overlay” กับแผนที่ 1:200,000 ตาม TOR 2003 ✅ บังคับให้พิกัดที่ไทยวัด ต้องสอดคล้องกับแผนที่อาณานิคม 4. เห็นพ้อง 45 จุดร่วมกัน (JTSC #4) - ตกลงตำแหน่งพิกัดหลักเขต 45 จุด - เตรียมเสนอ TI ให้ JBC รับรอง ✅ ปักหมุดระยะทาง “ได้เปรียบ” ก่อนเข้าสู่กระบวนการปักเสาจริง 5. รอให้ไทยร่วมลงนาม TI โดยไม่มีข้อสงวน - ผลักดันให้ไทยรับรอง TI เร็วที่สุด - หลีกเลี่ยงการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะในไทย ✅ ให้เส้นเขตที่จัดทำร่วมกัน “กลายเป็นแนวเขตถาวร” โดยไม่ต้องพิสูจน์ศาลโลกอีก 6. ใช้ TI และผล JBC เป็นหลักฐานระหว่างประเทศ - หากเกิดข้อพิพาท → ใช้ TI / JBC / TOR 2003 เป็นหลักฐาน - อ้างว่าไทยยินยอมแล้วตามกระบวนการรัฐต่อรัฐ ✅ สร้างความได้เปรียบเชิงกฎหมายต่อศาลโลก หรือ UN 🔍 แกนสำคัญของกลยุทธ์กัมพูชา: ใช้เอกสารที่ไทยลงนามเองเป็นเครื่องมือย้อนกลับมาเจรจา กดดันให้ไทย “นิ่ง” หรือ “ยอมรับโดยพฤติกรรม” ผูกข้อมูลปัจจุบัน (GPS, LiDAR) กับอดีต (แผนที่ 1:200,000) เพื่อสร้างกรอบใหม่แต่ได้ผลเก่าที่ฝรั่งเศสวางไว้ 🛡️ หากไทยไม่ตอบโต้ทันเวลา เส้นเขตจากแผนที่ 1:200,000 จะ “สวมทับ” พิกัด GPS ของเรา ความได้เปรียบในหลักฐาน effectivités จะหมดประโยชน์ แนวเขตเสี่ยง เช่น “ตาเมือนธม, ช่องสะงำ, ภูมะเขือ, เขาพระวิหาร” จะตกอยู่ในกระบวนการที่เรา ลงนามเอง เหลือขั้นตอนเดียวไทยก็จะเสียดินแดนอย่างไม่มีวันได้อะไรคืนมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์เชิงลึก: จุดเริ่มต้นของ TI ภายใต้ TOR 2003

    1. TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ระบุให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นฐาน

    แม้รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ยอมรับ Annex I Map แต่ไม่ได้เสนอแก้ TOR ดังนั้น

    > ทุก TI ที่จัดทำภายใต้ TOR นี้ ต้องตีความให้ “สอดคล้องกับ” แผนที่ 1:200,000




    ---

    2. เอกสารประชุม JBC ชุดที่คุณแนบ (ปี 2552)

    แสดงให้เห็นว่า:

    ฝ่ายไทยยินยอมให้มีการจัดทำ "แผนที่ร่วม" (Joint Map) โดยใช้ ข้อมูล GPS, ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto)

    จุดประสงค์คือเพื่อให้สามารถ “อ้างอิงได้” กับ TOR เดิม โดยเฉพาะในเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน


    > ตรงนี้เองที่แม้ ไทยจะไม่ยอมรับแผนที่เดิมของฝรั่งเศส (Annex I Map) โดยเปิดเผย
    แต่กลับ ยอมเข้าสู่กระบวนการจัดทำแผนที่ที่อ้าง TOR เดิมเป็นกรอบอ้างอิงทางกฎหมาย




    ---

    3. นี่คือที่มาของ "ร่าง TI" หรือ “Technical Instruction”

    ในภายหลัง TI ถูกพัฒนาโดยคณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา (JWG) และต่อมาใช้ในการหารือภายใต้ JBC
    โดยยังอยู่ภายใต้ TOR 2003
    ซึ่งทำให้ไทยต้องเข้าสู่ระบบที่อ้างอิงแผนที่ 1:200,000 โดยปริยาย


    ---

    สรุปทางการ

    > ❝แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะแสดงความเห็นแย้งทางการเมืองต่อการใช้แผนที่ 1:200,000 ภายใต้ TOR 2003 แต่การดำเนินการทางเทคนิค เช่น การจัดทำ
    ร่าง TI และแผนที่ร่วมในยุคนั้น ยังอยู่ภายใต้กรอบ TOR เดิม และต้องตีความให้สอดคล้องกับ TOR 2003 โดยเฉพาะข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดเจนถึงการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000❞

    สาระสำคัญของร่าง TI ปี 2552–2553 (ภายใต้ JWG)

    1. จุดประสงค์ของ TI

    เป็นคู่มือเทคนิค (Technical Instruction) สำหรับ:

    การจัดทำแผนที่ร่วม (Joint Map Production)

    การใช้ ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ ระบบพิกัด GPS

    เพื่อกำหนด “เส้นแบ่งเขตแดน” ตามกรอบ TOR 2003



    ---

    2. กรอบอ้างอิงหลักของ TI

    TI ฉบับนี้ ผูกพันโดยตรงกับ TOR 2003 โดยเฉพาะ ข้อ 1.1.3

    ซึ่งระบุให้ใช้ แผนที่ 1:200,000 เป็นมาตรฐานอ้างอิง

    แม้จะนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Orthophoto / GPS เข้ามาใช้ แต่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ต้อง อิงเส้นและจุดจากแผนที่ 1:200,000



    ---

    3. โครงสร้าง TI (ตามรายงานการประชุม)

    TI ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ได้แก่:

    การเก็บข้อมูลภาคสนามด้วย GPS และสถานีอ้างอิง

    การตีความภาพถ่ายทางอากาศและเทียบกับแผนที่เดิม

    การประเมินและอนุมัติเส้นเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการ (JBC) หลังผ่าน JWG



    ---

    4. ข้อสังเกตจากฝ่ายไทยในที่ประชุม

    ฝ่ายไทย มีความกังวล ว่า TI อาจทำให้ไทย “ผูกพันโดยปริยาย” กับแผนที่ 1:200,000

    มีการเสนอให้ “เพิ่มถ้อยคำสงวนสิทธิ์” (reservation) ในการใช้ข้อมูล

    ไม่มีการลงนามใน TI อย่างสมบูรณ์ ณ ช่วงปี 2552–2553 แต่มีความพยายามผลักดันต่อเนื่องโดยฝ่ายเทคนิค



    ---

    สรุปสาระสำคัญ (เชิงราชการ)

    > ❝ร่าง Technical Instruction (TI) ที่จัดทำในช่วงปี 2552–2553 โดยคณะทำงานร่วม (JWG) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนที่ร่วมบนพื้นฐานของภาพถ่ายทางอากาศและระบบ GPS โดยยังคงอ้างอิงข้อกำหนดของ TOR 2003 โดยเฉพาะแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้งนี้แม้ฝ่ายไทยมิได้ให้สัตยาบัน TI อย่างเป็นทางการ แต่การเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าวสะท้อนถึงการยอมรับกรอบทางเทคนิคภายใต้ TOR ที่มีผลผูกพันอยู่❞




    --- วิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมายจาก TI + TOR 2003

    1. TOR 2003 เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ

    TOR (Terms of Reference) ปี 2003 เป็นเอกสารที่ลงนามโดยรัฐบาลไทยและกัมพูชา

    มีผลผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (Vienna Convention on the Law of Treaties 1969)

    ข้อ 1.1.3 ของ TOR กำหนดให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นกรอบอ้างอิงหลักในการปักปัน

    การที่ไทยไม่เคย “ยกเลิก” หรือ “ถอนตัว” ออกจาก TOR = ยังคงมีพันธะตามกฎหมาย


    ความเสี่ยง: การตีความโดยอนุญาโตตุลาการหรือศาลระหว่างประเทศ อาจถือว่าไทย ยอมรับแผนที่ 1:200,000 หากยังคงปฏิบัติตาม TOR โดยไม่คัดค้านอย่างเป็นทางการ


    ---

    2. TI (Technical Instruction) ทำหน้าที่ “แปลงเจตนาทางการเมืองให้เป็นข้อเท็จจริงทางเทคนิค”

    แม้รัฐบาลไทย (เช่น ยุคอภิสิทธิ์) จะคัดค้าน “แผนที่ฝรั่งเศส” แต่ TI เป็นเครื่องมือที่ทำให้ฝ่ายเทคนิคต้องดำเนินงานให้ตรงกับ TOR

    TI นำภาพถ่าย Orthophoto + GPS มาปรับเส้นให้ “อิงตำแหน่งเดิม” ที่อยู่บนแผนที่ 1:200,000


    ความเสี่ยง: แม้ไม่ลงนามใน TI แต่การ “ร่วมจัดทำ” และ “ยอมให้ JWG ทำงาน” = ยินยอมโดยพฤตินัย
    หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ไทยจะลำบากในการปฏิเสธผลของ TI


    ---

    3. การไม่มีข้อสงวน (reservation) หรือการตีความ TOR ใหม่

    ในช่วงการประชุม JBC–JWG ไทยไม่ได้เสนอ ตีความ TOR ใหม่ หรือเสนอแผนที่มาตรฐานอื่น

    การไม่สงวนสิทธิอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร = ความเสี่ยงในทางกฎหมาย ว่าไทย “นิ่งเฉย” ต่อสิ่งที่อาจเสียเปรียบ


    ความเสี่ยง: หลัก “estoppel” ในกฎหมายระหว่างประเทศอาจถูกใช้หักล้างไทย เช่น

    > “ถ้าคุณนิ่งและเข้าร่วม ก็ถือว่าคุณยอมรับ”




    ---

    4. การจัดทำ TI อาจกลายเป็น “พฤติการณ์ประกอบยินยอม”

    ศาลโลก (ICJ) เคยใช้ พฤติการณ์ เช่น “การเจรจา”, “การเข้าร่วมคณะทำงาน”, “การไม่คัดค้าน”
    เป็นหลักฐานว่า “รัฐยินยอมแล้ว”


    ความเสี่ยง: แม้ไทยจะไม่เคยลงนามใน TI อย่างเป็นทางการ
    แต่การส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วม, การเสนอข้อมูล, การเดินแนวพิกัด อาจกลายเป็นพฤติการณ์ที่ศาลใช้ตีความว่า “ประเทศไทยยอมรับเส้นแบ่งที่สอดคล้องกับ TOR”


    ---

    บทสรุปความเสี่ยงทางกฎหมาย (แบบราชการ)

    > ❝การดำเนินการตาม TOR 2003 ร่วมกับการจัดทำร่าง Technical Instruction (TI) โดย JWG ในช่วงปี 2552–2553 ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากแม้ไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่การที่ไทยมิได้ถอนตัวจาก TOR และยังคงเข้าร่วมกระบวนการเทคนิคโดยมิได้สงวนสิทธิอย่างชัดแจ้ง อาจทำให้ผลของแผนที่ร่วมที่จัดทำขึ้นภายใต้กรอบดังกล่าว มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศในอนาคต❞

    🔍 วิเคราะห์เชิงลึก: จุดเริ่มต้นของ TI ภายใต้ TOR 2003 ✅ 1. TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ระบุให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นฐาน แม้รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ยอมรับ Annex I Map แต่ไม่ได้เสนอแก้ TOR ดังนั้น > ทุก TI ที่จัดทำภายใต้ TOR นี้ ต้องตีความให้ “สอดคล้องกับ” แผนที่ 1:200,000 --- ✅ 2. เอกสารประชุม JBC ชุดที่คุณแนบ (ปี 2552) แสดงให้เห็นว่า: ฝ่ายไทยยินยอมให้มีการจัดทำ "แผนที่ร่วม" (Joint Map) โดยใช้ ข้อมูล GPS, ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) จุดประสงค์คือเพื่อให้สามารถ “อ้างอิงได้” กับ TOR เดิม โดยเฉพาะในเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน > ✳️ ตรงนี้เองที่แม้ ไทยจะไม่ยอมรับแผนที่เดิมของฝรั่งเศส (Annex I Map) โดยเปิดเผย แต่กลับ ยอมเข้าสู่กระบวนการจัดทำแผนที่ที่อ้าง TOR เดิมเป็นกรอบอ้างอิงทางกฎหมาย --- ✅ 3. นี่คือที่มาของ "ร่าง TI" หรือ “Technical Instruction” ในภายหลัง TI ถูกพัฒนาโดยคณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา (JWG) และต่อมาใช้ในการหารือภายใต้ JBC โดยยังอยู่ภายใต้ TOR 2003 ซึ่งทำให้ไทยต้องเข้าสู่ระบบที่อ้างอิงแผนที่ 1:200,000 โดยปริยาย --- 🎯 สรุปทางการ > ❝แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะแสดงความเห็นแย้งทางการเมืองต่อการใช้แผนที่ 1:200,000 ภายใต้ TOR 2003 แต่การดำเนินการทางเทคนิค เช่น การจัดทำ ร่าง TI และแผนที่ร่วมในยุคนั้น ยังอยู่ภายใต้กรอบ TOR เดิม และต้องตีความให้สอดคล้องกับ TOR 2003 โดยเฉพาะข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดเจนถึงการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000❞ 📘 สาระสำคัญของร่าง TI ปี 2552–2553 (ภายใต้ JWG) 1. จุดประสงค์ของ TI เป็นคู่มือเทคนิค (Technical Instruction) สำหรับ: การจัดทำแผนที่ร่วม (Joint Map Production) การใช้ ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ ระบบพิกัด GPS เพื่อกำหนด “เส้นแบ่งเขตแดน” ตามกรอบ TOR 2003 --- 2. กรอบอ้างอิงหลักของ TI TI ฉบับนี้ ผูกพันโดยตรงกับ TOR 2003 โดยเฉพาะ ข้อ 1.1.3 ซึ่งระบุให้ใช้ แผนที่ 1:200,000 เป็นมาตรฐานอ้างอิง แม้จะนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Orthophoto / GPS เข้ามาใช้ แต่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ต้อง อิงเส้นและจุดจากแผนที่ 1:200,000 --- 3. โครงสร้าง TI (ตามรายงานการประชุม) TI ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ได้แก่: การเก็บข้อมูลภาคสนามด้วย GPS และสถานีอ้างอิง การตีความภาพถ่ายทางอากาศและเทียบกับแผนที่เดิม การประเมินและอนุมัติเส้นเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการ (JBC) หลังผ่าน JWG --- 4. ข้อสังเกตจากฝ่ายไทยในที่ประชุม ฝ่ายไทย มีความกังวล ว่า TI อาจทำให้ไทย “ผูกพันโดยปริยาย” กับแผนที่ 1:200,000 มีการเสนอให้ “เพิ่มถ้อยคำสงวนสิทธิ์” (reservation) ในการใช้ข้อมูล ไม่มีการลงนามใน TI อย่างสมบูรณ์ ณ ช่วงปี 2552–2553 แต่มีความพยายามผลักดันต่อเนื่องโดยฝ่ายเทคนิค --- 📌 สรุปสาระสำคัญ (เชิงราชการ) > ❝ร่าง Technical Instruction (TI) ที่จัดทำในช่วงปี 2552–2553 โดยคณะทำงานร่วม (JWG) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนที่ร่วมบนพื้นฐานของภาพถ่ายทางอากาศและระบบ GPS โดยยังคงอ้างอิงข้อกำหนดของ TOR 2003 โดยเฉพาะแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้งนี้แม้ฝ่ายไทยมิได้ให้สัตยาบัน TI อย่างเป็นทางการ แต่การเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าวสะท้อนถึงการยอมรับกรอบทางเทคนิคภายใต้ TOR ที่มีผลผูกพันอยู่❞ ---⚖️ วิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมายจาก TI + TOR 2003 🔹 1. TOR 2003 เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ TOR (Terms of Reference) ปี 2003 เป็นเอกสารที่ลงนามโดยรัฐบาลไทยและกัมพูชา มีผลผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (Vienna Convention on the Law of Treaties 1969) ข้อ 1.1.3 ของ TOR กำหนดให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นกรอบอ้างอิงหลักในการปักปัน การที่ไทยไม่เคย “ยกเลิก” หรือ “ถอนตัว” ออกจาก TOR = ยังคงมีพันธะตามกฎหมาย 📌 ความเสี่ยง: การตีความโดยอนุญาโตตุลาการหรือศาลระหว่างประเทศ อาจถือว่าไทย ยอมรับแผนที่ 1:200,000 หากยังคงปฏิบัติตาม TOR โดยไม่คัดค้านอย่างเป็นทางการ --- 🔹 2. TI (Technical Instruction) ทำหน้าที่ “แปลงเจตนาทางการเมืองให้เป็นข้อเท็จจริงทางเทคนิค” แม้รัฐบาลไทย (เช่น ยุคอภิสิทธิ์) จะคัดค้าน “แผนที่ฝรั่งเศส” แต่ TI เป็นเครื่องมือที่ทำให้ฝ่ายเทคนิคต้องดำเนินงานให้ตรงกับ TOR TI นำภาพถ่าย Orthophoto + GPS มาปรับเส้นให้ “อิงตำแหน่งเดิม” ที่อยู่บนแผนที่ 1:200,000 📌 ความเสี่ยง: แม้ไม่ลงนามใน TI แต่การ “ร่วมจัดทำ” และ “ยอมให้ JWG ทำงาน” = ยินยอมโดยพฤตินัย หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ไทยจะลำบากในการปฏิเสธผลของ TI --- 🔹 3. การไม่มีข้อสงวน (reservation) หรือการตีความ TOR ใหม่ ในช่วงการประชุม JBC–JWG ไทยไม่ได้เสนอ ตีความ TOR ใหม่ หรือเสนอแผนที่มาตรฐานอื่น การไม่สงวนสิทธิอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร = ความเสี่ยงในทางกฎหมาย ว่าไทย “นิ่งเฉย” ต่อสิ่งที่อาจเสียเปรียบ 📌 ความเสี่ยง: หลัก “estoppel” ในกฎหมายระหว่างประเทศอาจถูกใช้หักล้างไทย เช่น > “ถ้าคุณนิ่งและเข้าร่วม ก็ถือว่าคุณยอมรับ” --- 🔹 4. การจัดทำ TI อาจกลายเป็น “พฤติการณ์ประกอบยินยอม” ศาลโลก (ICJ) เคยใช้ พฤติการณ์ เช่น “การเจรจา”, “การเข้าร่วมคณะทำงาน”, “การไม่คัดค้าน” เป็นหลักฐานว่า “รัฐยินยอมแล้ว” 📌 ความเสี่ยง: แม้ไทยจะไม่เคยลงนามใน TI อย่างเป็นทางการ แต่การส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วม, การเสนอข้อมูล, การเดินแนวพิกัด อาจกลายเป็นพฤติการณ์ที่ศาลใช้ตีความว่า “ประเทศไทยยอมรับเส้นแบ่งที่สอดคล้องกับ TOR” --- 🟥 บทสรุปความเสี่ยงทางกฎหมาย (แบบราชการ) > ❝การดำเนินการตาม TOR 2003 ร่วมกับการจัดทำร่าง Technical Instruction (TI) โดย JWG ในช่วงปี 2552–2553 ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากแม้ไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่การที่ไทยมิได้ถอนตัวจาก TOR และยังคงเข้าร่วมกระบวนการเทคนิคโดยมิได้สงวนสิทธิอย่างชัดแจ้ง อาจทำให้ผลของแผนที่ร่วมที่จัดทำขึ้นภายใต้กรอบดังกล่าว มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศในอนาคต❞
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • TOR46 หรือ TOR 2003 ฉบับเต็มมีทั้งหมด 31 แผ่น แต่เนื้อหาในหน้าแรกก็ระบุจัดเจนในการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 เป็นกรอบการจัดทำเขตแดน

    TOR 2003 หรือชื่อเต็มว่า

    > “Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia”
    คือ ข้อตกลงกรอบความร่วมมือ ที่ลงนามระหว่าง รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) เพื่อใช้เป็น แนวทางในการดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ร่วมกัน




    ---

    สาระสำคัญของ TOR 2003

    1. เป้าหมายหลัก

    กำหนดกรอบการทำงานร่วมกันระหว่าง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ

    ให้คณะทำงานย่อย (เช่น JWG, JTSC) สำรวจ ตรวจสอบ และจัดทำแผนที่เพื่อการปักปันแนวเขตแดน

    สนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น LIDAR, GPS, Orthophoto ในการสำรวจ



    ---

    2. ข้อ 1.1.3 (ข้อที่เป็นประเด็นสำคัญ)

    > ระบุว่า การสำรวจและจัดทำแผนที่เพื่อปักปันแนวเขตแดน จะต้องใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นฐานข้อมูลประกอบ



    ความหมายโดยตรง:
    ให้ยึดแผนที่ขนาด 1:200,000 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map)

    ความเสี่ยง:
    การอ้างแผนที่นี้ อาจถูกตีความว่า “ยอมรับแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง” ซึ่งอาจครอบคลุมพื้นที่ที่ไทยยังคัดค้าน หรือยังไม่ยอมรับ เช่น บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร


    ---

    3. ลำดับกระบวนการ

    1. สำรวจพื้นที่ (โดย JWG / เจ้าหน้าที่เทคนิค)


    2. จัดทำแผนที่ใหม่โดยอ้างอิงแผนที่ 1:200,000


    3. เสนอเข้าสู่ JBC เพื่อรับรองแนวเขต


    4. หากตกลงกันได้ จะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ (อาจถึงขั้นต้องผ่านรัฐสภา)




    ---

    TOR 2003 เชื่อมโยงกับเอกสารอื่นอย่างไร

    เอกสาร ความสัมพันธ์กับ TOR 2003

    MOU 2000 TOR 2003 อ้างอิง MOU 2000 เป็นรากฐานในการดำเนินงาน
    JBC ใช้ TOR 2003 เป็นกรอบในการดำเนินนโยบาย
    JWG / JTSC ทำงานภายใต้ TOR 2003 ในระดับเทคนิคและปฏิบัติ
    แผนที่ Annex I Map แม้ไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่การใช้แผนที่ 1:200,000 เปิดช่องให้อ้างแผนที่ฉบับนี้



    ---

    สรุปประเด็นที่ควรจับตาใน TOR 2003

    ประเด็น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

    แผนที่ 1:200,000 อาจเป็นการยอมรับแผนที่ที่ฝั่งกัมพูชาจัดทำฝ่ายเดียว
    ขาดกลไกคัดค้านใน TOR หากไม่มีการแสดงข้อสงวน อาจถือว่ายอมรับโดยปริยาย
    การรับรองของ JBC หาก JBC รับรองโดยไม่ระวัง อาจมีผลผูกพันระดับระหว่างประเทศ


    TOR46 หรือ TOR 2003 ฉบับเต็มมีทั้งหมด 31 แผ่น แต่เนื้อหาในหน้าแรกก็ระบุจัดเจนในการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 เป็นกรอบการจัดทำเขตแดน TOR 2003 หรือชื่อเต็มว่า > “Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia” คือ ข้อตกลงกรอบความร่วมมือ ที่ลงนามระหว่าง รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) เพื่อใช้เป็น แนวทางในการดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ร่วมกัน --- 🔍 สาระสำคัญของ TOR 2003 1. เป้าหมายหลัก กำหนดกรอบการทำงานร่วมกันระหว่าง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ ให้คณะทำงานย่อย (เช่น JWG, JTSC) สำรวจ ตรวจสอบ และจัดทำแผนที่เพื่อการปักปันแนวเขตแดน สนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น LIDAR, GPS, Orthophoto ในการสำรวจ --- 2. ข้อ 1.1.3 (ข้อที่เป็นประเด็นสำคัญ) > ระบุว่า การสำรวจและจัดทำแผนที่เพื่อปักปันแนวเขตแดน จะต้องใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นฐานข้อมูลประกอบ ✅ ความหมายโดยตรง: ให้ยึดแผนที่ขนาด 1:200,000 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map) ⚠️ ความเสี่ยง: การอ้างแผนที่นี้ อาจถูกตีความว่า “ยอมรับแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง” ซึ่งอาจครอบคลุมพื้นที่ที่ไทยยังคัดค้าน หรือยังไม่ยอมรับ เช่น บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร --- 3. ลำดับกระบวนการ 1. สำรวจพื้นที่ (โดย JWG / เจ้าหน้าที่เทคนิค) 2. จัดทำแผนที่ใหม่โดยอ้างอิงแผนที่ 1:200,000 3. เสนอเข้าสู่ JBC เพื่อรับรองแนวเขต 4. หากตกลงกันได้ จะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ (อาจถึงขั้นต้องผ่านรัฐสภา) --- 📌 TOR 2003 เชื่อมโยงกับเอกสารอื่นอย่างไร เอกสาร ความสัมพันธ์กับ TOR 2003 MOU 2000 TOR 2003 อ้างอิง MOU 2000 เป็นรากฐานในการดำเนินงาน JBC ใช้ TOR 2003 เป็นกรอบในการดำเนินนโยบาย JWG / JTSC ทำงานภายใต้ TOR 2003 ในระดับเทคนิคและปฏิบัติ แผนที่ Annex I Map แม้ไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่การใช้แผนที่ 1:200,000 เปิดช่องให้อ้างแผนที่ฉบับนี้ --- 📍 สรุปประเด็นที่ควรจับตาใน TOR 2003 ประเด็น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แผนที่ 1:200,000 อาจเป็นการยอมรับแผนที่ที่ฝั่งกัมพูชาจัดทำฝ่ายเดียว ขาดกลไกคัดค้านใน TOR หากไม่มีการแสดงข้อสงวน อาจถือว่ายอมรับโดยปริยาย การรับรองของ JBC หาก JBC รับรองโดยไม่ระวัง อาจมีผลผูกพันระดับระหว่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำคัญของ JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) ที่เกี่ยวข้องกับ JTSC:


    ---

    1. อนุมัติผลจาก JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)

    สถานะ: เสร็จสมบูรณ์

    JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติผลสำรวจภาคสนามจาก JTSC ครั้งที่ 4 ซึ่งมีพิกัดของ 74 พิกัดเสาเขต (BPs) และ 45 แห่ง ที่ตกลงร่วมกัน

    0-3มีมติให้ใช้งาน LiDAR สำหรับผลิต Orthophoto Maps เพื่อเร่งกระบวนการ demarcation 



    ---

    2. แก้ TOR 2003 ให้รวม LiDAR / Orthophoto

    สถานะ: ดำเนินการแล้ว

    455-1JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติการแก้ไข TOR เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR และภาพถ่ายดาวเทียมในการผลิต Orthophoto Maps เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางเทคนิค 



    ---

    3. มอบหมายให้ JTSC ร่าง Technical Instructions (TI) และสำรวจภาคสนามใน Sector 6

    สถานะ: อยู่ในระหว่างดำเนินการ

    JBC ครั้งที่ 6 ได้ สั่งให้ JTSC ร่าง TI เพื่อใช้เป็นแนวทางใน Sector 6 (เขาสัตตะโสมถึง BP 1, ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) พร้อมทำ Orthophoto

    จนถึงปัจจุบันยัง ไม่มีประกาศยันเวลาจริงหรือเอกสาร TI แบบเป็นทางการ จากกระทรวงการต่างประเทศ

    713-3คาดว่า JTSC ครั้งที่ 5 หรือการประชุมเอกสาร TI จะเกิดขึ้น ก่อน หรือ ควบคู่กับ JBC ครั้งถัดไป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพใน กันยายน 2568 



    ---

    สรุปความคืบหน้ารายการงาน สถานะ

    1 อนุมัติพิกัดจาก JTSC ครั้ง 4 เสร็จแล้ว
    2 แก้ TOR 2003 รวม LiDAR/Orthophoto เสร็จแล้ว
    3 ร่าง TI + สำรวจภาคสนาม Sector 6 กำลังดำเนินการ และคาดจะเสร็จก่อน JBC กันยายน 2568 หากดำเนินการเสร็จ ไทยจะเสียดินแดนตลอดไป จากแผนที่ทางอากาศที่ปรับรูปแนวเขตตาม Tor2003 หรือ แผนที่ 1 :200000

    สำคัญของ JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) ที่เกี่ยวข้องกับ JTSC: --- 1. อนุมัติผลจาก JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567) ✅ สถานะ: เสร็จสมบูรณ์ JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติผลสำรวจภาคสนามจาก JTSC ครั้งที่ 4 ซึ่งมีพิกัดของ 74 พิกัดเสาเขต (BPs) และ 45 แห่ง ที่ตกลงร่วมกัน 0-3มีมติให้ใช้งาน LiDAR สำหรับผลิต Orthophoto Maps เพื่อเร่งกระบวนการ demarcation  --- 2. แก้ TOR 2003 ให้รวม LiDAR / Orthophoto ✅ สถานะ: ดำเนินการแล้ว 455-1JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติการแก้ไข TOR เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR และภาพถ่ายดาวเทียมในการผลิต Orthophoto Maps เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางเทคนิค  --- 3. มอบหมายให้ JTSC ร่าง Technical Instructions (TI) และสำรวจภาคสนามใน Sector 6 ⚠️ สถานะ: อยู่ในระหว่างดำเนินการ JBC ครั้งที่ 6 ได้ สั่งให้ JTSC ร่าง TI เพื่อใช้เป็นแนวทางใน Sector 6 (เขาสัตตะโสมถึง BP 1, ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) พร้อมทำ Orthophoto จนถึงปัจจุบันยัง ไม่มีประกาศยันเวลาจริงหรือเอกสาร TI แบบเป็นทางการ จากกระทรวงการต่างประเทศ 713-3คาดว่า JTSC ครั้งที่ 5 หรือการประชุมเอกสาร TI จะเกิดขึ้น ก่อน หรือ ควบคู่กับ JBC ครั้งถัดไป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพใน กันยายน 2568  --- 📌 สรุปความคืบหน้ารายการงาน สถานะ 1 อนุมัติพิกัดจาก JTSC ครั้ง 4 ✅ เสร็จแล้ว 2 แก้ TOR 2003 รวม LiDAR/Orthophoto ✅ เสร็จแล้ว 3 ร่าง TI + สำรวจภาคสนาม Sector 6 ⚠️ กำลังดำเนินการ และคาดจะเสร็จก่อน JBC กันยายน 2568 หากดำเนินการเสร็จ ไทยจะเสียดินแดนตลอดไป จากแผนที่ทางอากาศที่ปรับรูปแนวเขตตาม Tor2003 หรือ แผนที่ 1 :200000
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บันทึกการประชุม JBC ไทย–กัมพูชา (พฤศจิกายน 2551)"

    > ใน หน้า 10 ของบันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ 3 (เสียมราฐ, พ.ย. 2551)
    ได้มีการระบุว่า:

    > “...ให้ดำเนินการปักปันเขตแดนตามแผนแม่บท (Master Plan) และ TOR 2003”
    ซึ่ง TOR ข้อ 1.1.3 ระบุว่า แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส–สยาม ซึ่งเป็นแผนที่ 1:200,000 จะใช้เป็นแผนที่อ้างอิง






    ---

    ดังนั้นข้อสรุปคือ:

    รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านคณะผู้แทนไทย)

    ได้ ร่วมเจรจา และ ยืนยันในรายงาน JBC ว่าไทยจะใช้ TOR 2003 เป็นกรอบการปฏิบัติ

    ซึ่ง TOR 2003 มาตรา 1.1.3 ระบุให้ใช้แผนที่ 1:200,000 (แผนที่ฝรั่งเศส) เป็น “เอกสารอ้างอิงหลัก”



    ---

    ข้อพิจารณาเชิงนิติศาสตร์ (Legal Implications)

    ประเด็น ความเสี่ยงต่อไทย

    ไทยร่วมลงนาม JBC โดยระบุ TOR 2003 → เท่ากับ “ยืนยันในทางการทูต” ว่าจะใช้ TOR ที่อ้างแผนที่ 1:200,000
    แม้ยังไม่ให้รัฐสภารับรอง → ในกฎหมายระหว่างประเทศ หากไม่มีการคัดค้านอย่างเป็นทางการ หรือถอนเอกสาร → อาจกลายเป็น การยอมรับโดยพฤติกรรม
    หากกัมพูชานำบันทึก JBC ไปประกอบในศาลโลก → อาจอ้างว่า “ฝ่ายไทยเคยรับหลักการ TOR และแผนที่นี้ไว้”



    ---

    บทสรุปแบบราชการ:

    > แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยังไม่ได้นำบันทึก JBC เข้ารัฐสภาเพื่อให้สัตยาบัน แต่การที่ผู้แทนฝ่ายไทยยืนยันการดำเนินงานตาม TOR 2003 ที่อ้างถึงแผนที่ 1:200,000 ในรายงาน JBC พฤศจิกายน 2551 ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีน้ำหนักในทางนิติศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าไทย “ยอมรับกรอบแผนที่ฝรั่งเศสโดยพฤติกรรม” หากไม่มีข้อสงวนหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมแนบไว้ในรายงานนั้น
    "บันทึกการประชุม JBC ไทย–กัมพูชา (พฤศจิกายน 2551)" > ใน หน้า 10 ของบันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ 3 (เสียมราฐ, พ.ย. 2551) ได้มีการระบุว่า: > “...ให้ดำเนินการปักปันเขตแดนตามแผนแม่บท (Master Plan) และ TOR 2003” ซึ่ง TOR ข้อ 1.1.3 ระบุว่า แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส–สยาม ซึ่งเป็นแผนที่ 1:200,000 จะใช้เป็นแผนที่อ้างอิง --- 📌 ดังนั้นข้อสรุปคือ: ✅ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านคณะผู้แทนไทย) ได้ ร่วมเจรจา และ ยืนยันในรายงาน JBC ว่าไทยจะใช้ TOR 2003 เป็นกรอบการปฏิบัติ ซึ่ง TOR 2003 มาตรา 1.1.3 ระบุให้ใช้แผนที่ 1:200,000 (แผนที่ฝรั่งเศส) เป็น “เอกสารอ้างอิงหลัก” --- ⚠️ ข้อพิจารณาเชิงนิติศาสตร์ (Legal Implications) ประเด็น ความเสี่ยงต่อไทย ✅ ไทยร่วมลงนาม JBC โดยระบุ TOR 2003 → เท่ากับ “ยืนยันในทางการทูต” ว่าจะใช้ TOR ที่อ้างแผนที่ 1:200,000 ❗ แม้ยังไม่ให้รัฐสภารับรอง → ในกฎหมายระหว่างประเทศ หากไม่มีการคัดค้านอย่างเป็นทางการ หรือถอนเอกสาร → อาจกลายเป็น การยอมรับโดยพฤติกรรม 🔥 หากกัมพูชานำบันทึก JBC ไปประกอบในศาลโลก → อาจอ้างว่า “ฝ่ายไทยเคยรับหลักการ TOR และแผนที่นี้ไว้” --- 🎯 บทสรุปแบบราชการ: > แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยังไม่ได้นำบันทึก JBC เข้ารัฐสภาเพื่อให้สัตยาบัน แต่การที่ผู้แทนฝ่ายไทยยืนยันการดำเนินงานตาม TOR 2003 ที่อ้างถึงแผนที่ 1:200,000 ในรายงาน JBC พฤศจิกายน 2551 ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีน้ำหนักในทางนิติศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าไทย “ยอมรับกรอบแผนที่ฝรั่งเศสโดยพฤติกรรม” หากไม่มีข้อสงวนหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมแนบไว้ในรายงานนั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพรวมของเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง จุดเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสียดินแดน และ ความเชื่อมโยงของเอกสารแต่ละฉบับ


    ---

    1. TOR 2003 (Terms of Reference 2003)

    ความหมาย:
    กรอบข้อตกลงในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้คณะกรรมการ JBC เพื่อ “สำรวจ” และ “ปักปันเขตแดนทางบก”
    ประเด็นสำคัญ:

    อ้างอิง MOU 2000

    ข้อ 1.1.3 ระบุใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งอาจรวม แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map)


    ความเสี่ยง:
    การยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งไม่ได้จัดทำโดยไทย อาจเป็นการยอมรับ “ข้อเท็จจริงบนแผนที่” ที่เอื้อให้ไทยเสียดินแดนโดยเฉพาะรอบปราสาทพระวิหาร


    ---

    2. JBC (Joint Boundary Commission)

    ความหมาย:
    คณะกรรมาธิการร่วม ไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ระดับ "นโยบาย" เพื่อกำหนดแนวทางการปักปันเขตแดน

    ความเชื่อมโยง:

    อ้างอิง TOR2003 เป็นกรอบการดำเนินการ

    รับความเห็นจาก JWG และ JTSC

    จัดทำแผนงานเสนอรัฐบาลอนุมัติ


    ความเสี่ยง:
    หาก JBC ยึดแนวที่เสนอโดย JWG/JTSC ซึ่งอิงแผนที่ 1:200,000 ก็อาจถือเป็นการรับรองแนวเขตที่เสียดินแดน


    ---

    3. JWG (Joint Working Group)

    ความหมาย:
    คณะทำงานระดับเทคนิค-ปฏิบัติการ ภายใต้ JBC มีหน้าที่ดำเนินงานภาคสนาม เช่น การสำรวจร่วม ตรวจสอบพิกัด ร่างแผนที่

    ความเสี่ยง:
    หาก JWG ใช้แผนที่ 1:200,000 เป็นฐานข้อมูล (เช่น ในการใช้ LIDAR) แล้ว JBC รับรองแนวเหล่านั้น ไทยจะเสียเปรียบโดยปริยาย


    ---

    4. JTSC (Joint Technical Sub-Commission)

    ความหมาย:
    คณะกรรมาธิการย่อยฝ่ายเทคนิค มีบทบาทใกล้เคียงกับ JWG แต่เน้นงานเทคนิค-วิชาการ-กฎหมายมากขึ้น เช่น ตีความแผนที่, วางหลักวิชาการการกำหนดเขตแดน

    ความเสี่ยง:
    การตีความแผนที่โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ หรือผลประโยชน์ของไทย อาจกลายเป็น “หลักฐานทางเทคนิค” ที่ยืนยันการยอมรับเขตแดนฝั่งกัมพูชา


    ---

    5. MOU 2000 (Memorandum of Understanding 2000)

    ความหมาย:
    ข้อตกลงเบื้องต้นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกัน “สำรวจ” และ “กำหนดเขตแดน” ตาม “หลักกฎหมายระหว่างประเทศ” และ “สถานะที่มีอยู่ในปัจจุบัน” (existing situation)

    ความเชื่อมโยง:

    เป็นรากฐานให้เกิด TOR2003

    ใช้ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารด้วย


    ความเสี่ยง:
    คำว่า “existing situation” อาจตีความว่าพื้นที่ที่กัมพูชายึดครองอยู่ = สถานะที่ไทยยอมรับ (ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียสิทธิเหนือดินแดน)


    ---

    6. MOU 2001

    ความหมาย:
    ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

    ความเสี่ยง:
    การจัดทำแผนที่ Orthophoto หรือ LIDAR ถ้าอิงพื้นฐานจากแผนที่ 1:200,000 หรือ Annex I Map โดยไม่ได้คัดค้าน อาจถือเป็นการ “ยอมรับโดยพฤตินัย” ต่อแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง
    ภาพรวมของเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง จุดเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสียดินแดน และ ความเชื่อมโยงของเอกสารแต่ละฉบับ --- 🔹 1. TOR 2003 (Terms of Reference 2003) ความหมาย: กรอบข้อตกลงในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้คณะกรรมการ JBC เพื่อ “สำรวจ” และ “ปักปันเขตแดนทางบก” ประเด็นสำคัญ: อ้างอิง MOU 2000 ข้อ 1.1.3 ระบุใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งอาจรวม แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map) ความเสี่ยง: ✅ การยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งไม่ได้จัดทำโดยไทย อาจเป็นการยอมรับ “ข้อเท็จจริงบนแผนที่” ที่เอื้อให้ไทยเสียดินแดนโดยเฉพาะรอบปราสาทพระวิหาร --- 🔹 2. JBC (Joint Boundary Commission) ความหมาย: คณะกรรมาธิการร่วม ไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ระดับ "นโยบาย" เพื่อกำหนดแนวทางการปักปันเขตแดน ความเชื่อมโยง: อ้างอิง TOR2003 เป็นกรอบการดำเนินการ รับความเห็นจาก JWG และ JTSC จัดทำแผนงานเสนอรัฐบาลอนุมัติ ความเสี่ยง: ✅ หาก JBC ยึดแนวที่เสนอโดย JWG/JTSC ซึ่งอิงแผนที่ 1:200,000 ก็อาจถือเป็นการรับรองแนวเขตที่เสียดินแดน --- 🔹 3. JWG (Joint Working Group) ความหมาย: คณะทำงานระดับเทคนิค-ปฏิบัติการ ภายใต้ JBC มีหน้าที่ดำเนินงานภาคสนาม เช่น การสำรวจร่วม ตรวจสอบพิกัด ร่างแผนที่ ความเสี่ยง: ✅ หาก JWG ใช้แผนที่ 1:200,000 เป็นฐานข้อมูล (เช่น ในการใช้ LIDAR) แล้ว JBC รับรองแนวเหล่านั้น ไทยจะเสียเปรียบโดยปริยาย --- 🔹 4. JTSC (Joint Technical Sub-Commission) ความหมาย: คณะกรรมาธิการย่อยฝ่ายเทคนิค มีบทบาทใกล้เคียงกับ JWG แต่เน้นงานเทคนิค-วิชาการ-กฎหมายมากขึ้น เช่น ตีความแผนที่, วางหลักวิชาการการกำหนดเขตแดน ความเสี่ยง: ✅ การตีความแผนที่โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ หรือผลประโยชน์ของไทย อาจกลายเป็น “หลักฐานทางเทคนิค” ที่ยืนยันการยอมรับเขตแดนฝั่งกัมพูชา --- 🔹 5. MOU 2000 (Memorandum of Understanding 2000) ความหมาย: ข้อตกลงเบื้องต้นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกัน “สำรวจ” และ “กำหนดเขตแดน” ตาม “หลักกฎหมายระหว่างประเทศ” และ “สถานะที่มีอยู่ในปัจจุบัน” (existing situation) ความเชื่อมโยง: เป็นรากฐานให้เกิด TOR2003 ใช้ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารด้วย ความเสี่ยง: ✅ คำว่า “existing situation” อาจตีความว่าพื้นที่ที่กัมพูชายึดครองอยู่ = สถานะที่ไทยยอมรับ (ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียสิทธิเหนือดินแดน) --- 🔹 6. MOU 2001 ความหมาย: ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ความเสี่ยง: ✅ การจัดทำแผนที่ Orthophoto หรือ LIDAR ถ้าอิงพื้นฐานจากแผนที่ 1:200,000 หรือ Annex I Map โดยไม่ได้คัดค้าน อาจถือเป็นการ “ยอมรับโดยพฤตินัย” ต่อแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว


  • อนาคตถ้าเรามีนายกฯใหม่ที่ดีที่เก่งเฉลียวฉลาด,ด้วยสมบัติทรัพยากรไทยธรรมชาติที่ไม่แพ้ชาติใดๆในโลกตลอดวัตถุดิบที่มากมายหลากหลายที่ซ่อนอยู่อีกมาก,เราสามารถวิวัฒนาการตนเองพัฒนาบุคลากรภายในประเทศเยาวชนเราคนรุ่นต่อไปพร้อมก้าวรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคสมัยใหม่ได้สบาย, อาทิ เป็นฮับสร้างยานบินภายในประเทศ ภายในโลกหรือยานบินอวกาศแบบยานufoได้อย่างเปิดเผยโดยขนส่งวัตถุดิบการผลิตจากทุกๆมุมโลกได้สบายผ่านทางทะเลทางเรือในคลองคอดกระเราที่อาจขุดคลองด้วย สร้างแลนด์บริดจ์คู่ขนานคลองด้วยอรรถประโยชน์สูงสุดเลย,สร้างเครื่องบินก็ได้ส่งออกทั่วโลก,สร้างยานบินอวกาศก็ได้ส่งออกทั่วโลกหรือจักรวาล,สร้างเรือบรรทุกขนาดเล็ก ขนาดกลางขนาดใหญ่ก็ได้ เป็นฮับสาระพัดบนบริเวณพื้นที่บริหารจัดการสากลนี้ซึ่งเป็นของไทยเรา100%จึงนายกฯคนใหม่ต้องระดมแจกหุ้นฟรีๆให้คนไทยถือครองเป็นเจ้าของร่วมกันจริงจับต้องได้เป็นรูปธรรม มิใช่อ้างว่ารัฐบาลเป็นเจ้าของตัวแทนให้แล้วไง จะเรียกร้องอะไรอีก มันมิใช่การเรียกร้องแต่คืออธิปไตยคุณประโยชน์จริงแก่สิทธิของคนไทยทุกๆคนร่วมกันบนแผ่นดินไทยเรานี้ มิใช่รัฐบาลไปฮั่วผลประโยชน์กันเองทั้งแก่กิจการบริษัททุนเอกชนภายในเองและถึงขั้นยกสิทธิขาดแก่เอกชนนายทุนต่างชาติก็เคยทำมาแล้วแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมสุดท้ายคนไทยทั้งประเทศได้จ่ายค่าน้ำมันราคาแพงค่าครองชีพแพงสาระพัดค่าใช้จ่ายแพงเป็นการตอบแทนคืนมาและยิ่งปตท.เข้าsetอีกยิ่งอนาถโคตรๆกว่าก่อนจะเข้าตลาดหุ้นอีก,นี้คือการปกครองบริหารจัดการที่ไม่ชอบต่อคนไทยทั้งประเทศและไม่ยอมทุบทิ้งกฎหมายที่ทำร้ายทำลายคนไทยจริงจังอะไรด้วย,ปฏิวัตการปกครองล้างระบบเก่าโมฆะระบบทาสเก่าจึงสมควรจริงๆ,ถ้านายกฯใหม่มาจริงก็จะติดกับดักหมากในกระดานมันกรอบมันจึงต้องทำลายกรอบซาตานนีัจึงอิสระเสรีก้าวรุ่งโรจน์ต่อไปได้จริง,
    ..ประเทศไทยถ้าเอาเฉพาะผลิตเครื่องบินรบหรือขับไล่ เราสามารถทำได้แน่นอน เตรียมคนไทยบุคลากรเรารอรับหน้างานก็ทันกาลด้วย,อนาคตต้องเข้าร่วมสภากาแล็กติกจักรวาลอยู่แล้วต้องชัดเจนเปิดตัวให้คนไทยพร้อมมุ่งหมายไปด้วยกันให้เต็มที่ในรอบมิติรอบด้านต่างๆนั้น,ขีปนาวุธยิงระยะไกลสำคัญที่สุดในยุคนี้,ทำลายชัดเจนแบบอิหร่านยิงระเบิดอิสราเอลนั้นล่ะ,เครื่องบินแทบไร้ประโยชน์ไร้ค่า,ดาวเทียมตัวพ่อล็อกเป้าแล้วบนโลกต้องมีเป็นของตัวเอง,ตลอดดาวเทียมยิงจากอวกาศลงสู่พื้นโลกด้วยยิ่งตัวเทพ,ปืนดาวเทียมความถี่สูงปล่อยคลื่นทำลายโดรนทุกๆชนิดทางสงครามแก่ศัตรูก็ได้,เครื่องบินเจออาจตกง่ายๆทุกรุ่นทุกเครื่องล่ะที่แน่ๆจะบินถึง2-3มัคพื้นๆหรือ6-10มัคกลางๆหรือยานบินufoมากว่า10มัคก็ไม่รอด,ยิ่งยานบินต่างดาวใช้จิตบังคับ คลื่นความถี่ยิงใส่สมองต่างดาวมีรวนอาจตกดับอนาถอย่างหลายๆที่ที่พบยานตกก็ได้นอกจากยิงกันเองก็ว่า,ปืนดาวเทียมลักษณะนี้อันตรายมาก สามารถยิงควบคุมได้ตกผิวโลกก็ได้ กำหนดชั้นบรรยากาศก็ได้อีก ห่างจากผิวโลกแค่10เมตรนับจากผิวดินขึ้นมา,อะไรเกินสูงกว่า10เมตรกระทบคลื่นนี้มีอักเสบหมด,คือกำหนดการทำลายล้างได้สาระพัดรูปแบบ ยิงทัังทวีปก็ได้ ยิงครอบคลุมตามอาณาเขตประเทศที่ขีดเป็นเส้นคตเคียวได้หมด,คืออาการหนักหากโดน โดยเฉพาะเครื่องบินมีตกดับอนาถแน่นอน,เราคนไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้สบายแลกเปลี่ยนกับจักรวาลอื่นได้แน่นอนผ่านจิตวิญญาณทะลุจักรวาลอื่นนั้นล่ะ,เพราะคนไทยหลายคนบรรลุไปแล้วไม่น้อยแต่จะมาชี้แนะหรือเปล่าแค่นั้นหรือปลีกวิเวกทางธรรมสถานะเดียวก็ว่า,แต่อนาคตคนไทยจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณโดยมาก,จึงสบายแน่นอน,ย่อมาปัจจุบัน เราร่ำรวยอยู่แล้วจริงๆ จึงสามารถซื้อหรือผลิตเครื่องบินได้หมดล่ะ,แต่จะทำมั้ย,เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันอาเชียน ป้องกันเอเชีย ผลิตป้องกันพิทักษ์โลกเข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์โลกมีพร้อมรับหากยานอวกาศต่างดาวจากโลกอื่นมารุกรานเรา,นี้มิใช่จะไม่เกิด แต่จะเกิดแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้ เพราะทั่วจักรวาลรับรู้นานแล้วว่าที่โลกเรามีทรัพยากรสำคัญที่ช่วยเหลือโลกเขาได้ในแต่ละแร่ธาตุนัันๆบางคนมาปล้นโลกเราเพื่อยึดไปขายทั่วจักรวาลก็มี,ชาวโลกเราจึงต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา,สงครามจักรวาลมีแน่เกิดแน่นอน,ยิ่งหากเราช้าเข้าร่วมสภากาแล็กติกอีกจะตายเดียวทันที,ไทยเราต้องร่วมมือกับมิตรสหายดีจริงๆ เพราะสุดท้ายเรานี้ล่ะจะเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีล้ำๆนั้นแก่หลายๆประเทศมิตรสหายเรานั้นแทน,นายกฯคนใหม่หรือผู้ปกครองประเทศไทยเราจะผิดพลาดอีกไม่ได้จริงๆห้ามพวกกากๆกระจอก บ้าบอทางการเมืองเล่นการเมืองหมายแดกหมายโกงห้ามเข้ามาเด็ดขาดเพราะโลกในอนาคตภายหน้ายุคต่อไปนี้ ไม่ใช่ของเล่นๆแล้ว,พังพินาศคือพังจริงๆ,คือชื่อประเทศและประชากรอาจไม่หลงเหลือเลย,คัดออกจากโลกใบนี้จริงๆ.คือทุกๆคนในประเทศนั้นล่ะ,จะผู้นำผู้ปกครองหรือประชาชนก็ไปหมด,แบบเรามองหมากัดกันนั้นล่ะ,เราคือต่างจักรวาลอารยะธรรมสูงกว่าเขาเบื่อหน่ายคนบนโลกนี้เขาลงมติระเบิดทิ้งมันจบเลยนะ,เขามองว่าเราคือสัตว์ตัวหนึ่ง หมาสีดำ หมาสีขวา หมาด่อนหมาลายหมาแดงหมาเผือกหมาเหลืองหมาใดๆมันมองเราคือหมากัดกันนะ หมาในโลกนี้ไร้อารยะธรรมเอาแต่กัดกันมันว่า,มันไม่สนใจว่าหมาเหลืองถูก หมาขาวกัดก่อนนะ,มันไม่สนใจ มันทำลายบ้านหมานี้ทิ้ง ไล่หนีฆ่าทิ้งก็ได้นะคือระเบิดทิ้งนั้นล่ะ,กลัวโรคหมาบ้าไปติดคนจักรวาลมันก็ว่าหรือข้ามกำแพงน้ำแข็งไปก็ได้หรือระเบิดนิวเคลียร์ทำลายโลกซวยคือสมดุลจักรวาลพังไปด้วย มันกลัวตายด้วยเลยลงมากำจัดเราเสียทั้งหมดก็ได้,นี้มโนนะ,
    ..ประเทศไทยเราจริงๆถึงเวลาสร้างเครื่องบินรบเป็นของตนเองได้แล้วเพื่อทดลองมือเพิ่มทักษะในอนาคตต่อการสร้างยานบินอวกาศได้ ตลอดเตรียมบุคลากรคนไทยไว้รองรับขับยานบินได้ทุกๆคนด้วย หรือเครื่องบินรบจอดอยู่คนไทยคนไหนก็ขับออกไปสู้รบได้ทันทีนั้นเอง,เราต้องสร้างสิ่งนี้ลักษณะนี้จริงๆ ผู้นำไหนตายลง เราผลักดันผู้นำคนดีคนใหม่พร้อมนำทัพได้ทันทีนั้นล่ะ,ต้องเลิกมักใหญ่ใฝ่กอดตำแหน่งเก้าอี้ตนเองไว้ได้แล้ว,ขาดคุณสมบัติถีบออกทันทีเป็นต้น.

    https://youtu.be/YEKK-Qutymo?si=7IwCsCHZAMWOAaOa
    อนาคตถ้าเรามีนายกฯใหม่ที่ดีที่เก่งเฉลียวฉลาด,ด้วยสมบัติทรัพยากรไทยธรรมชาติที่ไม่แพ้ชาติใดๆในโลกตลอดวัตถุดิบที่มากมายหลากหลายที่ซ่อนอยู่อีกมาก,เราสามารถวิวัฒนาการตนเองพัฒนาบุคลากรภายในประเทศเยาวชนเราคนรุ่นต่อไปพร้อมก้าวรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคสมัยใหม่ได้สบาย, อาทิ เป็นฮับสร้างยานบินภายในประเทศ ภายในโลกหรือยานบินอวกาศแบบยานufoได้อย่างเปิดเผยโดยขนส่งวัตถุดิบการผลิตจากทุกๆมุมโลกได้สบายผ่านทางทะเลทางเรือในคลองคอดกระเราที่อาจขุดคลองด้วย สร้างแลนด์บริดจ์คู่ขนานคลองด้วยอรรถประโยชน์สูงสุดเลย,สร้างเครื่องบินก็ได้ส่งออกทั่วโลก,สร้างยานบินอวกาศก็ได้ส่งออกทั่วโลกหรือจักรวาล,สร้างเรือบรรทุกขนาดเล็ก ขนาดกลางขนาดใหญ่ก็ได้ เป็นฮับสาระพัดบนบริเวณพื้นที่บริหารจัดการสากลนี้ซึ่งเป็นของไทยเรา100%จึงนายกฯคนใหม่ต้องระดมแจกหุ้นฟรีๆให้คนไทยถือครองเป็นเจ้าของร่วมกันจริงจับต้องได้เป็นรูปธรรม มิใช่อ้างว่ารัฐบาลเป็นเจ้าของตัวแทนให้แล้วไง จะเรียกร้องอะไรอีก มันมิใช่การเรียกร้องแต่คืออธิปไตยคุณประโยชน์จริงแก่สิทธิของคนไทยทุกๆคนร่วมกันบนแผ่นดินไทยเรานี้ มิใช่รัฐบาลไปฮั่วผลประโยชน์กันเองทั้งแก่กิจการบริษัททุนเอกชนภายในเองและถึงขั้นยกสิทธิขาดแก่เอกชนนายทุนต่างชาติก็เคยทำมาแล้วแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมสุดท้ายคนไทยทั้งประเทศได้จ่ายค่าน้ำมันราคาแพงค่าครองชีพแพงสาระพัดค่าใช้จ่ายแพงเป็นการตอบแทนคืนมาและยิ่งปตท.เข้าsetอีกยิ่งอนาถโคตรๆกว่าก่อนจะเข้าตลาดหุ้นอีก,นี้คือการปกครองบริหารจัดการที่ไม่ชอบต่อคนไทยทั้งประเทศและไม่ยอมทุบทิ้งกฎหมายที่ทำร้ายทำลายคนไทยจริงจังอะไรด้วย,ปฏิวัตการปกครองล้างระบบเก่าโมฆะระบบทาสเก่าจึงสมควรจริงๆ,ถ้านายกฯใหม่มาจริงก็จะติดกับดักหมากในกระดานมันกรอบมันจึงต้องทำลายกรอบซาตานนีัจึงอิสระเสรีก้าวรุ่งโรจน์ต่อไปได้จริง, ..ประเทศไทยถ้าเอาเฉพาะผลิตเครื่องบินรบหรือขับไล่ เราสามารถทำได้แน่นอน เตรียมคนไทยบุคลากรเรารอรับหน้างานก็ทันกาลด้วย,อนาคตต้องเข้าร่วมสภากาแล็กติกจักรวาลอยู่แล้วต้องชัดเจนเปิดตัวให้คนไทยพร้อมมุ่งหมายไปด้วยกันให้เต็มที่ในรอบมิติรอบด้านต่างๆนั้น,ขีปนาวุธยิงระยะไกลสำคัญที่สุดในยุคนี้,ทำลายชัดเจนแบบอิหร่านยิงระเบิดอิสราเอลนั้นล่ะ,เครื่องบินแทบไร้ประโยชน์ไร้ค่า,ดาวเทียมตัวพ่อล็อกเป้าแล้วบนโลกต้องมีเป็นของตัวเอง,ตลอดดาวเทียมยิงจากอวกาศลงสู่พื้นโลกด้วยยิ่งตัวเทพ,ปืนดาวเทียมความถี่สูงปล่อยคลื่นทำลายโดรนทุกๆชนิดทางสงครามแก่ศัตรูก็ได้,เครื่องบินเจออาจตกง่ายๆทุกรุ่นทุกเครื่องล่ะที่แน่ๆจะบินถึง2-3มัคพื้นๆหรือ6-10มัคกลางๆหรือยานบินufoมากว่า10มัคก็ไม่รอด,ยิ่งยานบินต่างดาวใช้จิตบังคับ คลื่นความถี่ยิงใส่สมองต่างดาวมีรวนอาจตกดับอนาถอย่างหลายๆที่ที่พบยานตกก็ได้นอกจากยิงกันเองก็ว่า,ปืนดาวเทียมลักษณะนี้อันตรายมาก สามารถยิงควบคุมได้ตกผิวโลกก็ได้ กำหนดชั้นบรรยากาศก็ได้อีก ห่างจากผิวโลกแค่10เมตรนับจากผิวดินขึ้นมา,อะไรเกินสูงกว่า10เมตรกระทบคลื่นนี้มีอักเสบหมด,คือกำหนดการทำลายล้างได้สาระพัดรูปแบบ ยิงทัังทวีปก็ได้ ยิงครอบคลุมตามอาณาเขตประเทศที่ขีดเป็นเส้นคตเคียวได้หมด,คืออาการหนักหากโดน โดยเฉพาะเครื่องบินมีตกดับอนาถแน่นอน,เราคนไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้สบายแลกเปลี่ยนกับจักรวาลอื่นได้แน่นอนผ่านจิตวิญญาณทะลุจักรวาลอื่นนั้นล่ะ,เพราะคนไทยหลายคนบรรลุไปแล้วไม่น้อยแต่จะมาชี้แนะหรือเปล่าแค่นั้นหรือปลีกวิเวกทางธรรมสถานะเดียวก็ว่า,แต่อนาคตคนไทยจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณโดยมาก,จึงสบายแน่นอน,ย่อมาปัจจุบัน เราร่ำรวยอยู่แล้วจริงๆ จึงสามารถซื้อหรือผลิตเครื่องบินได้หมดล่ะ,แต่จะทำมั้ย,เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันอาเชียน ป้องกันเอเชีย ผลิตป้องกันพิทักษ์โลกเข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์โลกมีพร้อมรับหากยานอวกาศต่างดาวจากโลกอื่นมารุกรานเรา,นี้มิใช่จะไม่เกิด แต่จะเกิดแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้ เพราะทั่วจักรวาลรับรู้นานแล้วว่าที่โลกเรามีทรัพยากรสำคัญที่ช่วยเหลือโลกเขาได้ในแต่ละแร่ธาตุนัันๆบางคนมาปล้นโลกเราเพื่อยึดไปขายทั่วจักรวาลก็มี,ชาวโลกเราจึงต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา,สงครามจักรวาลมีแน่เกิดแน่นอน,ยิ่งหากเราช้าเข้าร่วมสภากาแล็กติกอีกจะตายเดียวทันที,ไทยเราต้องร่วมมือกับมิตรสหายดีจริงๆ เพราะสุดท้ายเรานี้ล่ะจะเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีล้ำๆนั้นแก่หลายๆประเทศมิตรสหายเรานั้นแทน,นายกฯคนใหม่หรือผู้ปกครองประเทศไทยเราจะผิดพลาดอีกไม่ได้จริงๆห้ามพวกกากๆกระจอก บ้าบอทางการเมืองเล่นการเมืองหมายแดกหมายโกงห้ามเข้ามาเด็ดขาดเพราะโลกในอนาคตภายหน้ายุคต่อไปนี้ ไม่ใช่ของเล่นๆแล้ว,พังพินาศคือพังจริงๆ,คือชื่อประเทศและประชากรอาจไม่หลงเหลือเลย,คัดออกจากโลกใบนี้จริงๆ.คือทุกๆคนในประเทศนั้นล่ะ,จะผู้นำผู้ปกครองหรือประชาชนก็ไปหมด,แบบเรามองหมากัดกันนั้นล่ะ,เราคือต่างจักรวาลอารยะธรรมสูงกว่าเขาเบื่อหน่ายคนบนโลกนี้เขาลงมติระเบิดทิ้งมันจบเลยนะ,เขามองว่าเราคือสัตว์ตัวหนึ่ง หมาสีดำ หมาสีขวา หมาด่อนหมาลายหมาแดงหมาเผือกหมาเหลืองหมาใดๆมันมองเราคือหมากัดกันนะ หมาในโลกนี้ไร้อารยะธรรมเอาแต่กัดกันมันว่า,มันไม่สนใจว่าหมาเหลืองถูก หมาขาวกัดก่อนนะ,มันไม่สนใจ มันทำลายบ้านหมานี้ทิ้ง ไล่หนีฆ่าทิ้งก็ได้นะคือระเบิดทิ้งนั้นล่ะ,กลัวโรคหมาบ้าไปติดคนจักรวาลมันก็ว่าหรือข้ามกำแพงน้ำแข็งไปก็ได้หรือระเบิดนิวเคลียร์ทำลายโลกซวยคือสมดุลจักรวาลพังไปด้วย มันกลัวตายด้วยเลยลงมากำจัดเราเสียทั้งหมดก็ได้,นี้มโนนะ, ..ประเทศไทยเราจริงๆถึงเวลาสร้างเครื่องบินรบเป็นของตนเองได้แล้วเพื่อทดลองมือเพิ่มทักษะในอนาคตต่อการสร้างยานบินอวกาศได้ ตลอดเตรียมบุคลากรคนไทยไว้รองรับขับยานบินได้ทุกๆคนด้วย หรือเครื่องบินรบจอดอยู่คนไทยคนไหนก็ขับออกไปสู้รบได้ทันทีนั้นเอง,เราต้องสร้างสิ่งนี้ลักษณะนี้จริงๆ ผู้นำไหนตายลง เราผลักดันผู้นำคนดีคนใหม่พร้อมนำทัพได้ทันทีนั้นล่ะ,ต้องเลิกมักใหญ่ใฝ่กอดตำแหน่งเก้าอี้ตนเองไว้ได้แล้ว,ขาดคุณสมบัติถีบออกทันทีเป็นต้น. https://youtu.be/YEKK-Qutymo?si=7IwCsCHZAMWOAaOa
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่านิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
    สัทธรรมลำดับที่ : 675
    ชื่อบทธรรม :- นิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=675
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --นิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
    --ภิกษุ ท. ! ก็อริยสัจ คือ #หนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
    http://etipitaka.com/read/pali/10/348/?keywords=ทุกฺขนิโรธคามินี+ปฏิปทา+อริยสจฺจํ
    นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือ หนทางอันประกอบด้วยองค์แปด อันประเสริฐนี้เอง,
    องค์แปดคือ
    ความเห็นชอบ ความดำริชอบ,
    วาจาชอบ การงานชอบ อาชีวะชอบ,
    ความเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งจิตมั่นชอบ.
    --ภิกษุ ท. ! ความเห็นชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. !
    ความรู้ ในทุกข์
    ความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์
    ความรู้ใน ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
    ความรู้ในหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อันใด,
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความเห็นชอบ.
    --ภิกษุ ท. ! ความดำริชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. !
    ความดำริในการออกจากกาม
    ความดำริในการ ไม่พยาบาท
    ความดำริในการ ไม่เบียดเบียน,
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความดำริชอบ.
    --ภิกษุ ท. ! วาจาชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. !
    การเว้นจากการ พูดเท็จ
    การเว้นจากการ พูดยุให้แตกกัน
    การเว้นจากการ พูดหยาบ
    การเว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อ,
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วาจาชอบ.
    --ภิกษุ ท. ! การงานชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. !
    การเว้นจากการฆ่าสัตว์
    การเว้นจากการ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้
    การเว้นจากการ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย*--๑ ,
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า การงานชอบ.
    [*--๑. คำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวที่เป็นกลางๆทั่วไป.
    แต่ในบางกรณีซึ่งมีน้อยมากกล่าวว่า "เว้นจากกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์" ก็มี ;
    http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=อพฺรหฺมจริยา
    เข้าใจว่าเป็นการกล่าวมุ่งหมายบรรพชิต.
    (มหาวาร. ส. ๑๙/๑๑/๓๗).
    http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97
    ]​
    --ภิกษุ ท. ! อาชีวะชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. !
    อริยสาวกในศาสนานี้ ละมิจฉาชีพ เสีย สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยสัมมาชีพ,
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า อาชีวะชอบ.
    --ภิกษุ ท. ! ความเพียรชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้
    ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้
    เพื่อความไม่บังเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่ยังไม่ได้บังเกิด ;
    ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อการละเสียซึ่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว ;
    ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้
    เพื่อการบังเกิดขึ้นแห่งกุศลธรรม ท. ที่ยังไม่ได้บังเกิด ;
    ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้
    เพื่อความยั่งยืน ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น
    ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรม ท. ที่บังเกิดขึ้นแล้ว.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความเพียรชอบ.
    --ภิกษุ ท. ! ความระลึกชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นกายในกาย อยู่,
    มีความเพียรเครื่องเผากิเลส(บาป)​ มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
    มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ;
    เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นเวทนาในเวทนา ท. อยู่,
    มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
    มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ;
    เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นจิตในจิต อยู่,
    มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
    มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ;
    เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นธรรมในธรรม ท. อยู่,
    มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
    มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สัมมาสติ.
    --ภิกษุ ท. ! ความตั้งจิตมั่นชอบ เป็นอย่างไร ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้ เพราะสงัดจากกาม ท. เพราะสงัดจากอกุศลธรรม ท.,
    ย่อมเข้าถึง ฌานที่หนึ่ง
    อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่.
    เพราะวิตกวิจารรำงับลง,
    เธอเข้าถึง ฌานที่สอง
    อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายในให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดขึ้น
    ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่.
    เพราะปิติจางหายไป,
    เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข และได้เสวยสุขด้วยนามกาย
    ย่อมเข้าถึง ฌานที่สาม
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุ ว่า
    “เป็นผู้เฉยอยู่ได้มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข” แล้วแลอยู่.
    เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และเพราะความดับหายแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, เธอย่อมเข้าถึง ฌานที่สี่
    อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สัมมาสมาธิ.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #อริยสัจคือหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.-
    http://etipitaka.com/read/pali/10/350/?keywords=ทุกฺขนิโรธคามินี+ปฏิปทา+อริยสจฺจํ

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : -มหา. ที . 10/231/299.
    http://etipitaka.com/read/thai/10/231/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : -มหา. ที . ๑๐/๓๔๘/๒๙๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/10/348/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=675
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48&id=675
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48
    ลำดับสาธยายธรรม : 48 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_48.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษา​ว่านิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ สัทธรรมลำดับที่ : 675 ชื่อบทธรรม :- นิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=675 เนื้อความทั้งหมด :- --นิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ --ภิกษุ ท. ! ก็อริยสัจ คือ #หนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ http://etipitaka.com/read/pali/10/348/?keywords=ทุกฺขนิโรธคามินี+ปฏิปทา+อริยสจฺจํ นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือ หนทางอันประกอบด้วยองค์แปด อันประเสริฐนี้เอง, องค์แปดคือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ, วาจาชอบ การงานชอบ อาชีวะชอบ, ความเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งจิตมั่นชอบ. --ภิกษุ ท. ! ความเห็นชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! ความรู้ ในทุกข์ ความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ ความรู้ใน ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ความรู้ในหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อันใด, +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความเห็นชอบ. --ภิกษุ ท. ! ความดำริชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในการ ไม่พยาบาท ความดำริในการ ไม่เบียดเบียน, +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความดำริชอบ. --ภิกษุ ท. ! วาจาชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! การเว้นจากการ พูดเท็จ การเว้นจากการ พูดยุให้แตกกัน การเว้นจากการ พูดหยาบ การเว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อ, +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วาจาชอบ. --ภิกษุ ท. ! การงานชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! การเว้นจากการฆ่าสัตว์ การเว้นจากการ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ การเว้นจากการ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย*--๑ , +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า การงานชอบ. [*--๑. คำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวที่เป็นกลางๆทั่วไป. แต่ในบางกรณีซึ่งมีน้อยมากกล่าวว่า "เว้นจากกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์" ก็มี ; http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=อพฺรหฺมจริยา เข้าใจว่าเป็นการกล่าวมุ่งหมายบรรพชิต. (มหาวาร. ส. ๑๙/๑๑/๓๗). http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97 ]​ --ภิกษุ ท. ! อาชีวะชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกในศาสนานี้ ละมิจฉาชีพ เสีย สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยสัมมาชีพ, +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า อาชีวะชอบ. --ภิกษุ ท. ! ความเพียรชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อความไม่บังเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่ยังไม่ได้บังเกิด ; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อการละเสียซึ่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว ; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อการบังเกิดขึ้นแห่งกุศลธรรม ท. ที่ยังไม่ได้บังเกิด ; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อความยั่งยืน ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรม ท. ที่บังเกิดขึ้นแล้ว. +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความเพียรชอบ. --ภิกษุ ท. ! ความระลึกชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นกายในกาย อยู่, มีความเพียรเครื่องเผากิเลส(บาป)​ มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นเวทนาในเวทนา ท. อยู่, มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นจิตในจิต อยู่, มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นธรรมในธรรม ท. อยู่, มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้. +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สัมมาสติ. --ภิกษุ ท. ! ความตั้งจิตมั่นชอบ เป็นอย่างไร ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้ เพราะสงัดจากกาม ท. เพราะสงัดจากอกุศลธรรม ท., ย่อมเข้าถึง ฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่. เพราะวิตกวิจารรำงับลง, เธอเข้าถึง ฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายในให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่. เพราะปิติจางหายไป, เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข และได้เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมเข้าถึง ฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุ ว่า “เป็นผู้เฉยอยู่ได้มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข” แล้วแลอยู่. เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และเพราะความดับหายแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, เธอย่อมเข้าถึง ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #อริยสัจคือหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.- http://etipitaka.com/read/pali/10/350/?keywords=ทุกฺขนิโรธคามินี+ปฏิปทา+อริยสจฺจํ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : -มหา. ที . 10/231/299. http://etipitaka.com/read/thai/10/231/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : -มหา. ที . ๑๐/๓๔๘/๒๙๙. http://etipitaka.com/read/pali/10/348/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=675 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48&id=675 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48 ลำดับสาธยายธรรม : 48 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_48.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - นิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
    -นิทเทศแห่งทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ภิกษุ ท. ! ก็อริยสัจ คือหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือ หนทางอันประกอบด้วยองค์แปด อันประเสริฐนี้เอง, องค์แปดคือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ อาชีวะชอบ ความเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ. ภิกษุ ท. ! ความเห็นชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! ความรู้ ในทุกข์ ความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ ความรู้ใน ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ความรู้ในหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อันใด, นี้เราเรียกว่า ความเห็นชอบ. ภิกษุ ท. ! ความดำริชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในการ ไม่พยาบาท ความดำริในการ ไม่เบียดเบียน, นี้เราเรียกว่า ความดำริชอบ. ภิกษุ ท. ! วาจาชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! การเว้นจากการ พูดเท็จ การเว้นจากการ พูดยุให้แตกกัน การเว้นจากการพูดหยาบ การเว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อ, นี้เราเรียกว่า วาจาชอบ. ภิกษุ ท. ! การงานชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! การเว้นจากการฆ่าสัตว์ การเว้นจากการ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ การเว้นจากการ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย ๑ , นี้เราเรียกว่า การงานชอบ. ภิกษุ ท. ! อาชีวะชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! อริยสาวกในศาสนานี้ ละมิจฉาชีพ เสีย สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยสัมมาชีพ, นี้เราเรียกว่า อาชีวะชอบ. ภิกษุ ท. ! ความเพียรชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อความไม่บังเกิดขึ้นแห่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่ยังไม่ได้บังเกิด ; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อการละเสียซึ่งอกุศลธรรม ท. อันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว ; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อม ๑. คำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวที่เป็นกลางๆทั่วไป. แต่ในบางกรณีซึ่งมีน้อยมากกล่าวว่า เว้นจากกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์ ก็มี ; เข้าใจว่าเป็นการกล่าวมุ่งหมายบรรพชิต. (มหาวาร. ส. ๑๙/๑๑/๓๗). ประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อการบังเกิดขึ้นแห่งกุศลธรรม ท. ที่ยังไม่ได้บังเกิด ; ย่อมปลูกความพอใจ ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ย่อมประคองจิต ย่อมตั้งจิตไว้ เพื่อความยั่งยืน ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรม ท. ที่บังเกิดขึ้นแล้ว. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความเพียรชอบ. ภิกษุ ท. ! ความระลึกชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นกายในกาย อยู่, มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นเวทนาในเวทนา ท. อยู่, มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นจิตในจิต อยู่, มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; เป็นผู้มีปรกติพิจารณา เห็นธรรมในธรรม ท. อยู่, มีความเพียรเครื่องเผาบาป มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สัมมาสติ. ภิกษุ ท. ! ความตั้งใจมั่นชอบ เป็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในศาสนานี้ เพราะสงัดจากกาม ท. เพราะสงัดจากอกุศลธรรม ท., ย่อมเข้าถึง ฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปิติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่. เพราะ วิตกวิจารรำงับลง, เธอเข้าถึง ฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายในให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่. เพราะปิติจางหายไป, เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข และได้เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมเข้าถึง ฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุ ว่า “เป็นผู้เฉยอยู่ได้มีสติ มีความอยู่เป็นปกติสุข” แล้วแลอยู่. เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และเพราะความดับหายแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, เธอย่อมเข้าถึง ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า อริยสัจคือหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • **<ปรปักษ์จำนน> กับพิธีแต่งงานสมัยฮั่น**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงสินสอดในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> วันนี้เลยมาคุยต่อถึงพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวนั่งกินอาหารด้วยกันกลางโถง ซึ่งเป็นพิธีการที่เราไม่ค่อยเห็นกันบ่อยในซีรีส์ โดยขั้นตอนตามที่เห็นในซีรีส์คือ “...ชำระมือและหน้า ... รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวกัน ... ข้าวชามเดียวกัน ... ดื่มน้ำแกง ... จิ้มน้ำจิ้ม ... ดื่มสุราจากภาชนะน้ำเต้าอันเดียวกัน” (หมายเหตุ อิงตามซับไทย)

    ดูแล้วนึกว่ามันคือพิธีการเดียว แต่จริงๆ แล้วมันประกอบด้วยพิธีการสามส่วนค่ะ และเป็นพิธีการแต่งงานจากในสมัยฮั่น

    ส่วนแรกเรียกว่าพิธี ‘เฟิ่งอี๋ว่อก้วน’ (奉匜沃盥) ซึ่งก็คือการล้างมือก่อนการทำพิธีสักการะบูชาหรือก่อนเข้าร่วมงานพิธีการหรืองานเลี้ยงสำคัญ ปรากฏอยู่ในหนังสือบันทึกพิธีการหลี่จี้และ คัมภีร์ชุนชิวฉบับจั่วจ้วน (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงคัมภีร์ชุนชิวแล้ว ย้อนอ่านดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) โดยเป็นลักษณะใช้เหยือกเทน้ำรดมือให้น้ำไหลทิ้งลงบนอ่างที่มีคนถือรองไว้

    ส่วนที่สองเรียกว่าพิธี ‘ถงเหลา’ (同牢) คือบ่าวสาวนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ซึ่งเป็นพิธีการเชิงสัญลักษณ์ว่าสองคนสามีภรรยารวมกันเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าปกติในสมัยนั้นสตรีและบุรุษจะนั่งแยกโต๊ะกัน

    ในส่วนของพิธีถงเหลานี้ ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้คือบ่าวสาวจะกินเนื้อสัตว์ที่ตักจากชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวกัน (นึกภาพว่าปกติเสิร์ฟเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวหรือทั้งตัวแล้วแล่แต่พอคำ เพราะ ‘เหลา’ ในที่นี้หมายถึงสัตว์สี่เท้าที่ในสมัยนั้นนิยมใช้เซ่นไหว้ เช่น วัว หมู หรือแกะ) นอกจากนี้ ในเอกสารอื่นระบุว่าบ่าวสาวจะร่วมกินอาหารสามครั้งหรือ ‘ซานฟ่าน’ (三饭) กล่าวคือ กินข้าว กินน้ำแกงต้มจากเนื้อ และใช้นิ้วจิ้มน้ำจิ้มกิน (เช่น เต้าเจี้ยว) แต่จนใจ Storyฯ หาไม่พบว่าสามรายการนี้แฝงความหมายอะไรไว้หรือไม่ แน่นอนว่ากินกันเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น

    ส่วนที่สามเรียกว่าพิธี ‘เหอจิ่น’ (合卺) แปลตรงตัวว่านำมาประกบกัน ซึ่งก็คือการร่วมดื่มสุรามงคล ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้นั้น จะใช้ภาชนะทำจากน้ำเต้าผ่าครึ่งใส่เหล้าดื่ม เป็นการ ‘ล้างปาก’ หลังจากร่วมกินอาหารเสร็จ แต่ในเอกสารโบราณที่กล่าวถึงการกินอาหารสามครั้งก็ระบุว่าให้ดื่มเหล้าสามครั้งเช่นกัน โดยสองครั้งแรกใช้จอกเหล้า ครั้งที่สามคือใช้น้ำเต้าผ่าครึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสามีภรรยารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นที่มาของการแลกกันดื่มหรือ ‘เจียวเปย’ (交杯) ซึ่งต่อมากลายเป็นภาพเกี่ยวแขนดื่มสุรามงคลที่เราเห็นในหลายซีรีส์

    และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของพิธีการแต่งงานสมัยฮั่นซึ่งไม่มีการกราบไหว้ฟ้าดินหรือโค้งคารวะพ่อแม่แบบที่เราเห็นในยุคสมัยหลังจากนั้น

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความเก่า:
    คัมภีร์ชุนชิว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1248905993904357
    ผูกปมผม: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/368606858600946
    สีชุดเจ้าสาว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/116299537122708

    Credit รูปภาพจาก: https://tidenews.com.cn/news.html?id=3130023
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.sohu.com/a/800556927_120808812
    https://www.sxgp.gov.cn/zjgp/gpgs_427/202101/t20210120_1341716.shtml
    https://k.sina.cn/article_7142104121_1a9b3dc3900100jj2k.html
    https://liji.5000yan.com/hunyi/348.html
    https://www.jiemian.com/article/1057773.html

    #ปรปักษ์จำนน #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #สุรามงคล #บันทึกพิธีการหลี่จี้ #สาระจีน
    **<ปรปักษ์จำนน> กับพิธีแต่งงานสมัยฮั่น** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงสินสอดในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> วันนี้เลยมาคุยต่อถึงพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวนั่งกินอาหารด้วยกันกลางโถง ซึ่งเป็นพิธีการที่เราไม่ค่อยเห็นกันบ่อยในซีรีส์ โดยขั้นตอนตามที่เห็นในซีรีส์คือ “...ชำระมือและหน้า ... รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวกัน ... ข้าวชามเดียวกัน ... ดื่มน้ำแกง ... จิ้มน้ำจิ้ม ... ดื่มสุราจากภาชนะน้ำเต้าอันเดียวกัน” (หมายเหตุ อิงตามซับไทย) ดูแล้วนึกว่ามันคือพิธีการเดียว แต่จริงๆ แล้วมันประกอบด้วยพิธีการสามส่วนค่ะ และเป็นพิธีการแต่งงานจากในสมัยฮั่น ส่วนแรกเรียกว่าพิธี ‘เฟิ่งอี๋ว่อก้วน’ (奉匜沃盥) ซึ่งก็คือการล้างมือก่อนการทำพิธีสักการะบูชาหรือก่อนเข้าร่วมงานพิธีการหรืองานเลี้ยงสำคัญ ปรากฏอยู่ในหนังสือบันทึกพิธีการหลี่จี้และ คัมภีร์ชุนชิวฉบับจั่วจ้วน (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงคัมภีร์ชุนชิวแล้ว ย้อนอ่านดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) โดยเป็นลักษณะใช้เหยือกเทน้ำรดมือให้น้ำไหลทิ้งลงบนอ่างที่มีคนถือรองไว้ ส่วนที่สองเรียกว่าพิธี ‘ถงเหลา’ (同牢) คือบ่าวสาวนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ซึ่งเป็นพิธีการเชิงสัญลักษณ์ว่าสองคนสามีภรรยารวมกันเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าปกติในสมัยนั้นสตรีและบุรุษจะนั่งแยกโต๊ะกัน ในส่วนของพิธีถงเหลานี้ ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้คือบ่าวสาวจะกินเนื้อสัตว์ที่ตักจากชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวกัน (นึกภาพว่าปกติเสิร์ฟเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวหรือทั้งตัวแล้วแล่แต่พอคำ เพราะ ‘เหลา’ ในที่นี้หมายถึงสัตว์สี่เท้าที่ในสมัยนั้นนิยมใช้เซ่นไหว้ เช่น วัว หมู หรือแกะ) นอกจากนี้ ในเอกสารอื่นระบุว่าบ่าวสาวจะร่วมกินอาหารสามครั้งหรือ ‘ซานฟ่าน’ (三饭) กล่าวคือ กินข้าว กินน้ำแกงต้มจากเนื้อ และใช้นิ้วจิ้มน้ำจิ้มกิน (เช่น เต้าเจี้ยว) แต่จนใจ Storyฯ หาไม่พบว่าสามรายการนี้แฝงความหมายอะไรไว้หรือไม่ แน่นอนว่ากินกันเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนที่สามเรียกว่าพิธี ‘เหอจิ่น’ (合卺) แปลตรงตัวว่านำมาประกบกัน ซึ่งก็คือการร่วมดื่มสุรามงคล ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้นั้น จะใช้ภาชนะทำจากน้ำเต้าผ่าครึ่งใส่เหล้าดื่ม เป็นการ ‘ล้างปาก’ หลังจากร่วมกินอาหารเสร็จ แต่ในเอกสารโบราณที่กล่าวถึงการกินอาหารสามครั้งก็ระบุว่าให้ดื่มเหล้าสามครั้งเช่นกัน โดยสองครั้งแรกใช้จอกเหล้า ครั้งที่สามคือใช้น้ำเต้าผ่าครึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสามีภรรยารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นที่มาของการแลกกันดื่มหรือ ‘เจียวเปย’ (交杯) ซึ่งต่อมากลายเป็นภาพเกี่ยวแขนดื่มสุรามงคลที่เราเห็นในหลายซีรีส์ และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของพิธีการแต่งงานสมัยฮั่นซึ่งไม่มีการกราบไหว้ฟ้าดินหรือโค้งคารวะพ่อแม่แบบที่เราเห็นในยุคสมัยหลังจากนั้น (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความเก่า: คัมภีร์ชุนชิว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1248905993904357 ผูกปมผม: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/368606858600946 สีชุดเจ้าสาว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/116299537122708 Credit รูปภาพจาก: https://tidenews.com.cn/news.html?id=3130023 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.sohu.com/a/800556927_120808812 https://www.sxgp.gov.cn/zjgp/gpgs_427/202101/t20210120_1341716.shtml https://k.sina.cn/article_7142104121_1a9b3dc3900100jj2k.html https://liji.5000yan.com/hunyi/348.html https://www.jiemian.com/article/1057773.html #ปรปักษ์จำนน #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #สุรามงคล #บันทึกพิธีการหลี่จี้ #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวในงาน Aspen Ideas Festival ว่า “ในอีกไม่กี่ปี AI อาจแทนที่งานของพนักงานสาย white-collar ได้ถึงครึ่งหนึ่งทั่วสหรัฐฯ” — โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร, การวิเคราะห์, การเขียนรายงาน, งานธุรการ หรือแม้แต่งานด้านกฎหมายและการเงิน

    เขาไม่ได้พูดคนเดียวครับ — บิ๊กเทคอย่าง Amazon, Spotify, Fiverr, Moderna, Anthropic และแม้แต่ JPMorgan Chase ต่างก็เตือนในทางเดียวกัน:
    - CEO ของ Amazon บอกว่า “หลายตำแหน่งจะหายไป” แต่จะมีโอกาสใหม่เกิดในสายงาน STEM และ Robotics
    - CEO ของ Anthropic ถึงขั้นคาดว่า "AI จะลบงานระดับเริ่มต้น (entry-level white-collar) ไปครึ่งหนึ่งใน 5 ปี" และอาจเพิ่มอัตราการว่างงาน 10-20%
    - CPO ของ Anthropic ยังบอกว่า “ลังเลที่จะจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจว่างานที่พวกเขาทำจะยังอยู่ไหม
    - CEO ของ Fiverr, Spotify, Moderna ต่างก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “แม้แต่งานสายเทคที่ดูรอด ก็ไม่รอด”

    ฝั่งคนทำงานเองก็เริ่มหวั่น — รายงานจาก PYMNTs (พฤษภาคม 2025) พบว่า คนอเมริกัน 54% มองว่า AI กำลังคุกคามงานของพวกเขา และยิ่งเรียนสูง–เก่งเทค ยิ่งกลัวหนัก

    ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามอย่าง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) กลับบอกว่า “การมองว่า AI จะลบงานเป็นเรื่องเว่อร์เกินจริง” และสนับสนุนให้พัฒนาร่วมกันอย่างโปร่งใส

    Ford CEO เตือนว่า AI อาจแทนงาน white-collar ครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาในไม่กี่ปี  
    • โดยเฉพาะสายงานวิเคราะห์, เอกสาร, บริหาร ฯลฯ

    Amazon, Anthropic, Fiverr, Spotify, JPMorgan, และ Moderna แสดงความกังวลเช่นกัน  
    • Anthropic คาดการว่างงานอาจเพิ่ม 10-20% ภายใน 5 ปี  
    • CEO ของบางบริษัทเริ่ม “หยุดจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจอนาคตตำแหน่งงาน

    งานที่ AI อาจแทนที่ได้ รวมถึง:  
    • โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์  
    • นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ทนายความ, ฝ่ายซัพพอร์ต, ฝ่ายขาย, นักวิเคราะห์การเงิน

    Moderna ตั้งเป้า “ไม่ต้องการพนักงานมากกว่าหลักพันคน” เพราะใช้ AI  
    • จากเดิมที่บริษัทในระดับเดียวกันอาจมีคนเป็นหมื่น

    ผลสำรวจในสหรัฐฯ พ.ค. 2025 พบว่า 54% ของพนักงานเชื่อว่า AI กำลังคุกคามงานของตน  
    • โดยกลุ่มที่เรียนสูงและทำงานสายเทคมีความกังวลมากที่สุด

    มีเพียง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ที่ออกมาบอกว่า “มองโลกในแง่ร้ายเกินไป”

    https://www.techspot.com/news/108552-ford-ceo-warns-generative-ai-could-eliminate-half.html
    Jim Farley ซีอีโอของ Ford กล่าวในงาน Aspen Ideas Festival ว่า “ในอีกไม่กี่ปี AI อาจแทนที่งานของพนักงานสาย white-collar ได้ถึงครึ่งหนึ่งทั่วสหรัฐฯ” — โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร, การวิเคราะห์, การเขียนรายงาน, งานธุรการ หรือแม้แต่งานด้านกฎหมายและการเงิน เขาไม่ได้พูดคนเดียวครับ — บิ๊กเทคอย่าง Amazon, Spotify, Fiverr, Moderna, Anthropic และแม้แต่ JPMorgan Chase ต่างก็เตือนในทางเดียวกัน: - CEO ของ Amazon บอกว่า “หลายตำแหน่งจะหายไป” แต่จะมีโอกาสใหม่เกิดในสายงาน STEM และ Robotics - CEO ของ Anthropic ถึงขั้นคาดว่า "AI จะลบงานระดับเริ่มต้น (entry-level white-collar) ไปครึ่งหนึ่งใน 5 ปี" และอาจเพิ่มอัตราการว่างงาน 10-20% - CPO ของ Anthropic ยังบอกว่า “ลังเลที่จะจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจว่างานที่พวกเขาทำจะยังอยู่ไหม - CEO ของ Fiverr, Spotify, Moderna ต่างก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “แม้แต่งานสายเทคที่ดูรอด ก็ไม่รอด” ฝั่งคนทำงานเองก็เริ่มหวั่น — รายงานจาก PYMNTs (พฤษภาคม 2025) พบว่า คนอเมริกัน 54% มองว่า AI กำลังคุกคามงานของพวกเขา และยิ่งเรียนสูง–เก่งเทค ยิ่งกลัวหนัก ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามอย่าง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) กลับบอกว่า “การมองว่า AI จะลบงานเป็นเรื่องเว่อร์เกินจริง” และสนับสนุนให้พัฒนาร่วมกันอย่างโปร่งใส ✅ Ford CEO เตือนว่า AI อาจแทนงาน white-collar ครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาในไม่กี่ปี   • โดยเฉพาะสายงานวิเคราะห์, เอกสาร, บริหาร ฯลฯ ✅ Amazon, Anthropic, Fiverr, Spotify, JPMorgan, และ Moderna แสดงความกังวลเช่นกัน   • Anthropic คาดการว่างงานอาจเพิ่ม 10-20% ภายใน 5 ปี   • CEO ของบางบริษัทเริ่ม “หยุดจ้างเด็กจบใหม่” เพราะไม่แน่ใจอนาคตตำแหน่งงาน ✅ งานที่ AI อาจแทนที่ได้ รวมถึง:   • โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์   • นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ทนายความ, ฝ่ายซัพพอร์ต, ฝ่ายขาย, นักวิเคราะห์การเงิน ✅ Moderna ตั้งเป้า “ไม่ต้องการพนักงานมากกว่าหลักพันคน” เพราะใช้ AI   • จากเดิมที่บริษัทในระดับเดียวกันอาจมีคนเป็นหมื่น ✅ ผลสำรวจในสหรัฐฯ พ.ค. 2025 พบว่า 54% ของพนักงานเชื่อว่า AI กำลังคุกคามงานของตน   • โดยกลุ่มที่เรียนสูงและทำงานสายเทคมีความกังวลมากที่สุด ✅ มีเพียง Jensen Huang (CEO ของ Nvidia) ที่ออกมาบอกว่า “มองโลกในแง่ร้ายเกินไป” https://www.techspot.com/news/108552-ford-ceo-warns-generative-ai-could-eliminate-half.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Ford CEO joins list of execs warning AI could eliminate millions of white-collar jobs
    Farley did not elaborate on his views, but he is hardly the only Fortune 500 CEO who believes AI could spell trouble for educated white-collar workers. Leaders...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง

    ตัวอย่างปัญหาที่เจอ:
    - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ
    - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด
    - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด
    - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น
    - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ)

    แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี

    AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”  
    • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง

    ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง  
    • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก  
    • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง

    เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)  
    • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน

    Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน  
    • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ  
    • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่  
    • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI

    AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที  
    • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ  
    • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า

    การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด  
    • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI  
    • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร

    Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027  
    • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน”

    https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง ตัวอย่างปัญหาที่เจอ: - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ) แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี ✅ AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”   • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง ✅ ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง   • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก   • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง ✅ เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)   • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน ✅ Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน   • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ   • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่   • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI ✅ AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที   • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ   • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า ✅ การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด   • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI   • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร ✅ Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027   • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน” https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Call center workers say their AI assistants create more problems than they solve
    A study carried out by researchers from several Chinese universities and a Chinese power company looked at what impact AI assistants were having on the plant's customer...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อก่อนถ้ามีคนส่งลิงก์ไฟล์แบบ view-only มาให้เรา แล้วเราอยากแก้ไขด้วย → เราต้อง “โหลดไฟล์นั้นลงเครื่อง” แล้ว “แก้ไขแบบ copy” แล้ว “อัปโหลดใหม่หรือแชร์กลับ” → หรือไม่ก็ต้อง “ทักหาเจ้าของไฟล์โดยตรง” เพื่อขอให้เปิดสิทธิ์

    บอกตามตรง...ยุ่งและเสียเวลา

    แต่ตอนนี้ Microsoft จัดให้แล้วครับ! → ถ้าเปิดเอกสาร Word, Excel หรือ PowerPoint ผ่านเว็บ (ที่เก็บใน OneDrive หรือ SharePoint) → ผู้ใช้สามารถกดปุ่ม “Request more access” แล้วเลือก “Ask to edit” หรือ “Ask to review” ได้ทันที → ใส่ข้อความแนบบอกเหตุผลก็ยังได้ (เช่น “อยากช่วยเติมข้อมูลสไลด์หน้านี้ครับ”) → เจ้าของไฟล์จะได้รับอีเมลเพื่อกดอนุมัติหรือปฏิเสธได้จากในอีเมลเลย → ถ้าอนุมัติ เราก็กดรีเฟรชแล้วแก้ไขไฟล์ต่อได้เลย

    Microsoft เพิ่มฟีเจอร์ “ขอสิทธิ์แก้ไข” เอกสาร Word, Excel, PowerPoint ผ่านเว็บ  
    • ใช้ได้ในไฟล์ที่เปิดแบบ view-only  
    • ไม่ต้องโหลดไฟล์หรือทักหาเจ้าของโดยตรง

    วิธีขอสิทธิ์แก้ไข:  
    • คลิกไอคอน "Viewing" ด้านขวาบน  
    • เลือก “Request more access”  
    • เลือก “Ask to edit” หรือ “Ask to review”  
    • เขียนโน้ต (ถ้าต้องการ) → กดส่ง
    • เจ้าของไฟล์จะได้รับอีเมลพร้อมตัวเลือก “ยอมรับ” หรือ “ปฏิเสธ”

    ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เมื่อ:  
    • คุณใช้ Microsoft 365 (Enterprise)  
    • มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต  
    • ไฟล์อยู่ใน OneDrive หรือ SharePoint

    มีผลใน Word, Excel, PowerPoint เวอร์ชันเว็บ (modern view)  
    • ไม่รองรับบน “Classic View” ของ Word

    การให้สิทธิ์แก้ไขในไฟล์ที่มีหลายผู้เขียน หรือไฟล์ขนาดใหญ่ อาจใช้เวลาสักพักในการ propagate (เผยแพร่สิทธิ์)
    • ผู้ได้รับสิทธิ์อาจต้อง refresh หลายรอบ

    หากไฟล์อยู่ใน Classic Word View (โฉมเก่า) ฟีเจอร์นี้จะไม่แสดง  
    • ควรใช้เวอร์ชัน modern view เพื่อให้มั่นใจว่าทำงานได้ครบ

    แม้เจ้าของไฟล์จะได้รับอีเมลคำขอ แต่ถ้าไม่ตอบ → ผู้ขอก็จะยังไม่มีสิทธิ์อะไรเลย  
    • จำเป็นต้อง follow up แบบ manual หากเป็นเรื่องเร่งด่วน

    ต้องระวังการให้สิทธิ์แก้ไขกับคนที่ไม่รู้จักดี → ควรตรวจสอบโน้ตประกอบและความเหมาะสมก่อนอนุมัติ

    https://www.neowin.net/news/excel-word-and-powerpoint-on-the-web-grab-welcome-new-feature/
    เมื่อก่อนถ้ามีคนส่งลิงก์ไฟล์แบบ view-only มาให้เรา แล้วเราอยากแก้ไขด้วย → เราต้อง “โหลดไฟล์นั้นลงเครื่อง” แล้ว “แก้ไขแบบ copy” แล้ว “อัปโหลดใหม่หรือแชร์กลับ” → หรือไม่ก็ต้อง “ทักหาเจ้าของไฟล์โดยตรง” เพื่อขอให้เปิดสิทธิ์ บอกตามตรง...ยุ่งและเสียเวลา 😩 แต่ตอนนี้ Microsoft จัดให้แล้วครับ! → ถ้าเปิดเอกสาร Word, Excel หรือ PowerPoint ผ่านเว็บ (ที่เก็บใน OneDrive หรือ SharePoint) → ผู้ใช้สามารถกดปุ่ม “Request more access” แล้วเลือก “Ask to edit” หรือ “Ask to review” ได้ทันที → ใส่ข้อความแนบบอกเหตุผลก็ยังได้ (เช่น “อยากช่วยเติมข้อมูลสไลด์หน้านี้ครับ”) → เจ้าของไฟล์จะได้รับอีเมลเพื่อกดอนุมัติหรือปฏิเสธได้จากในอีเมลเลย → ถ้าอนุมัติ เราก็กดรีเฟรชแล้วแก้ไขไฟล์ต่อได้เลย 🎉 ✅ Microsoft เพิ่มฟีเจอร์ “ขอสิทธิ์แก้ไข” เอกสาร Word, Excel, PowerPoint ผ่านเว็บ   • ใช้ได้ในไฟล์ที่เปิดแบบ view-only   • ไม่ต้องโหลดไฟล์หรือทักหาเจ้าของโดยตรง ✅ วิธีขอสิทธิ์แก้ไข:   • คลิกไอคอน "Viewing" ด้านขวาบน   • เลือก “Request more access”   • เลือก “Ask to edit” หรือ “Ask to review”   • เขียนโน้ต (ถ้าต้องการ) → กดส่ง • เจ้าของไฟล์จะได้รับอีเมลพร้อมตัวเลือก “ยอมรับ” หรือ “ปฏิเสธ” ✅ ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เมื่อ:   • คุณใช้ Microsoft 365 (Enterprise)   • มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต   • ไฟล์อยู่ใน OneDrive หรือ SharePoint ✅ มีผลใน Word, Excel, PowerPoint เวอร์ชันเว็บ (modern view)   • ไม่รองรับบน “Classic View” ของ Word ‼️ การให้สิทธิ์แก้ไขในไฟล์ที่มีหลายผู้เขียน หรือไฟล์ขนาดใหญ่ อาจใช้เวลาสักพักในการ propagate (เผยแพร่สิทธิ์) • ผู้ได้รับสิทธิ์อาจต้อง refresh หลายรอบ ‼️ หากไฟล์อยู่ใน Classic Word View (โฉมเก่า) ฟีเจอร์นี้จะไม่แสดง   • ควรใช้เวอร์ชัน modern view เพื่อให้มั่นใจว่าทำงานได้ครบ ‼️ แม้เจ้าของไฟล์จะได้รับอีเมลคำขอ แต่ถ้าไม่ตอบ → ผู้ขอก็จะยังไม่มีสิทธิ์อะไรเลย   • จำเป็นต้อง follow up แบบ manual หากเป็นเรื่องเร่งด่วน ‼️ ต้องระวังการให้สิทธิ์แก้ไขกับคนที่ไม่รู้จักดี → ควรตรวจสอบโน้ตประกอบและความเหมาะสมก่อนอนุมัติ https://www.neowin.net/news/excel-word-and-powerpoint-on-the-web-grab-welcome-new-feature/
    WWW.NEOWIN.NET
    Excel, Word, and PowerPoint on the web grab welcome new feature
    Microsoft has finally streamlined a process that previously required manual, cumbersome workarounds in its Microsoft 365 web apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร
    https://www.thai-tai.tv/news/20015/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร https://www.thai-tai.tv/news/20015/ . #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนามหมอบราบดีลภาษีทรัมป์ ก่อนเส้นตาย 9 ก.ค.
    : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

    คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=glzoX_RVHDY
    เวียดนามหมอบราบดีลภาษีทรัมป์ ก่อนเส้นตาย 9 ก.ค. : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=glzoX_RVHDY
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" เปิดโปง ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานต่างด้าว รายละ 2,500 บาท โอนเงินผ่านบัญชีม้าไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชา ก่อนวนกลับเข้าไทย เล็งฟันฐานฟอกเงิน

    วันนี้ (3 ก.ค.) เวลา 13.30 น. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ , ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ , พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ , นายจินกร แก้วศรี รองผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจค้น บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง รับปรึกษาด้านเอกสารแรงงานต่างด้าว เลขที่ 38/1501 ถนนไทยรามัญ แขวงคลองสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อเก็บพยานหลักฐาน ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา

    พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ใช้ชื่อว่า “กลุ่มนายจ้าง ที่ได้รับความเดือดร้อน” ร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงแรงงานของไทย ได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พ.ย.2567 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาต ในวันที่ 13 ก.พ.2568 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้เกิดมีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000062771

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    "ดีเอสไอ" เปิดโปง ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานต่างด้าว รายละ 2,500 บาท โอนเงินผ่านบัญชีม้าไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชา ก่อนวนกลับเข้าไทย เล็งฟันฐานฟอกเงิน • วันนี้ (3 ก.ค.) เวลา 13.30 น. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ , ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ , พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ , นายจินกร แก้วศรี รองผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจค้น บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง รับปรึกษาด้านเอกสารแรงงานต่างด้าว เลขที่ 38/1501 ถนนไทยรามัญ แขวงคลองสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อเก็บพยานหลักฐาน ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา • พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ใช้ชื่อว่า “กลุ่มนายจ้าง ที่ได้รับความเดือดร้อน” ร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงแรงงานของไทย ได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พ.ย.2567 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาต ในวันที่ 13 ก.พ.2568 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้เกิดมีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000062771 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb

    ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ
    จำนวน 1,000 หน้า

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา

    ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น

    ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ

    เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ


    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่
    http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ จำนวน 1,000 หน้า ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    WWW.MEBMARKET.COM
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb

    ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ
    จำนวน 1,000 หน้า

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา

    ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น

    ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ

    เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ


    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่
    http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน meb ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ จำนวน 1,000 หน้า ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI2NDU4MSI7fQ
    WWW.MEBMARKET.COM
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ลดราคา
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ)
    จากร้าน ซีเอ็ด


    ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ
    จำนวน 1,000 หน้า
    สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา

    ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น

    ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ

    เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ


    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่

    https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-(Stars-%26-Space)-2-1dwstd12ckalgcq1kol3
    ช่วงนี้ลดราคา ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ จำนวน 1,000 หน้า สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-(Stars-%26-Space)-2-1dwstd12ckalgcq1kol3
    WWW.SE-ED.COM
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF)
    สำหรับผู้ที่สนใจ ความรู้ด้านดวงดาว และอวกาศทั่วไป สภาวะของอวกาศ กาแล็กซี (ดาราจักร) ดวงดาวต่างๆ ผู้เขียน เนื้อหาโดยสังเขป : ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF) เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. ข้อมูลหนังสือ : ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF) รหัสสินค้า : 5522840327581 (-ไม่ระบุ) 1000 หน้า ชนิดกระดาษ : PDF คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF) ดวงดาว และอวกาศ (Stars Space) 2 (PDF) , T.M.E. , 5522840327581
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้ลดราคา
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ)
    จากร้าน ซีเอ็ด


    ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ
    จำนวน 1,000 หน้า
    สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา

    ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น

    ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ

    เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ


    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่

    https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-(Stars-%26-Space)-2-1dwstd12ckalgcq1kol3
    ช่วงนี้ลดราคา ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (จบ) จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้ด้านจักรวาล และอวกาศ จำนวน 1,000 หน้า สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-(Stars-%26-Space)-2-1dwstd12ckalgcq1kol3
    WWW.SE-ED.COM
    ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF)
    สำหรับผู้ที่สนใจ ความรู้ด้านดวงดาว และอวกาศทั่วไป สภาวะของอวกาศ กาแล็กซี (ดาราจักร) ดวงดาวต่างๆ ผู้เขียน เนื้อหาโดยสังเขป : ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF) เมื่อเรามองดูท้องฟ้า ดูดวงดาวที่มีอยู่มากมาย ดูแล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ลึกลับ จนทำให้เราอยากรู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล เผ่าพันธุ์เราเป็นใคร ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกไหมนอกเหนือจากเรา ทำให้มนุษย์พยายามสร้าง และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อที่จะบินขึ้นไปท่อง และสำรวจอวกาศ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในจักรวาล, สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อเราแค่ไหน, หนังสือเล่มนี้จะนำผู้อ่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับอวกาศ ที่มีความลึกลับเกินจินตนาการของมนุษย์ ฯลฯ ให้รู้จักกับอวกาศมากขึ้น ในเล่มที่ 2 นี้ จะพบกับเรื่องของ สภาพแวดล้อมในอวกาศ, เอกภพ, ดาราจักร, มหานวดารา, เนบิวลา, หลุมดำ, ดาวฤกษ์, ดาวเคราะห์ต่าง ๆ, ระบบสุริยะจักรวาล, ดาวหาง ฯลฯ เล่มนี้ จะเป็นเล่มจบ แต่การสำรวจ และการค้นหาในห้วงอวกาศยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แน่นอนในอนาคต องค์ความรู้ของมนุษยชาติก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากผู้เขียนเรียบเรียงความรู้จนมีมากพอ ก็จะทำเป็นเล่มมาให้อ่านอีกครับ ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. ข้อมูลหนังสือ : ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF) รหัสสินค้า : 5522840327581 (-ไม่ระบุ) 1000 หน้า ชนิดกระดาษ : PDF คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 2 (PDF) ดวงดาว และอวกาศ (Stars Space) 2 (PDF) , T.M.E. , 5522840327581
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครที่ยังไม่รู้จัก “Gems” — นี่คือฟีเจอร์ที่ให้คุณสร้าง “AI ผู้ช่วยเฉพาะตัว” โดยใส่คำแนะนำพิเศษ (custom instructions) ให้มันเข้าใจบทบาทของตัวเอง เช่น “ช่วยเขียนอีเมลธุรกิจแบบสุภาพกับลูกค้าเก่าในสายสุขภาพ” หรือ “ช่วยสรุปข่าวโดยใช้ภาษาคุ้มค่าเวลา” เป็นต้น

    ก่อนหน้านี้ Gems ต้องเปิดใช้งานผ่านเว็บ Gemini โดยตรง แต่ตอนนี้ Google เริ่ม “ฝังเข้า Workspace เลย” ทำให้คุณสามารถใช้ Gems เหล่านี้แบบ side panel ได้ทันทีในแอปอย่าง Docs, Gmail ฯลฯ → หมายความว่า:
    - เปิด Gmail → ใช้ Gem ที่ชื่อ “ตอบอีเมลตามนโยบาย HR” ได้เลย
    - เปิด Slides → สั่ง Gem ช่วยหาไอเดียสไลด์ขายสินค้ารุ่นใหม่ในธีม “รักษ์โลก”
    - เปิด Drive → ใช้ Gem ค้นไฟล์เก่า ๆ ที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ ABC และสรุปเนื้อหาให้อัตโนมัติ

    Google บอกว่ายังมี Gems สำเร็จรูปให้ลองด้วย เช่น:
    - Brainstormer (ระดมไอเดีย)
    - Writing editor
    - Coding partner
    - Learning guide

    ตอนนี้ยังต้องสร้าง Gems ผ่านเว็บ Gemini อยู่ แต่พอสร้างเสร็จก็เรียกใช้ได้จาก Google Workspace ทันที

    Google Workspace เพิ่มความสามารถให้ใช้ Gems ได้โดยตรงผ่าน side panel ของ Docs, Gmail, Slides, Sheets และ Drive  
    • ไม่ต้องสลับไปเปิดเว็บ Gemini เหมือนเดิม  
    • ใช้งานได้ผ่านปุ่ม “Ask Gemini” มุมขวาบน

    Gems คือ AI แบบ custom ที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งเฉพาะสำหรับตัวเองได้  
    • ใช้ช่วยเขียนอีเมล, จัดแผนการสอน, สรุปเอกสาร, แปลงข้อมูล, โค้ด ฯลฯ

    Google มี Gems สำเร็จรูปให้ใช้งานทันที เช่น Brainstormer, Writing editor, Coding partner  
    • ผู้ใช้มือใหม่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์

    การใช้งาน Gems ใน Workspace รองรับการเข้าถึงฟีเจอร์ @mention, ไฟล์ Google Drive ฯลฯ แบบบูรณาการ

    ฟีเจอร์นี้จะเริ่ม rollout แล้วแบบ “Extended rollout” → อาจใช้เวลาถึง 15 วันกว่าจะเปิดให้ทุกคน

    แอดมินไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม และไม่มี control เฉพาะของฟีเจอร์นี้ในแผงควบคุม Workspace

    https://www.neowin.net/news/google-workspace-now-lets-you-use-custom-ai-gems-directly-in-docs-gmail-and-more/
    ใครที่ยังไม่รู้จัก “Gems” — นี่คือฟีเจอร์ที่ให้คุณสร้าง “AI ผู้ช่วยเฉพาะตัว” โดยใส่คำแนะนำพิเศษ (custom instructions) ให้มันเข้าใจบทบาทของตัวเอง เช่น “ช่วยเขียนอีเมลธุรกิจแบบสุภาพกับลูกค้าเก่าในสายสุขภาพ” หรือ “ช่วยสรุปข่าวโดยใช้ภาษาคุ้มค่าเวลา” เป็นต้น ก่อนหน้านี้ Gems ต้องเปิดใช้งานผ่านเว็บ Gemini โดยตรง แต่ตอนนี้ Google เริ่ม “ฝังเข้า Workspace เลย” ทำให้คุณสามารถใช้ Gems เหล่านี้แบบ side panel ได้ทันทีในแอปอย่าง Docs, Gmail ฯลฯ → หมายความว่า: - เปิด Gmail → ใช้ Gem ที่ชื่อ “ตอบอีเมลตามนโยบาย HR” ได้เลย - เปิด Slides → สั่ง Gem ช่วยหาไอเดียสไลด์ขายสินค้ารุ่นใหม่ในธีม “รักษ์โลก” - เปิด Drive → ใช้ Gem ค้นไฟล์เก่า ๆ ที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ ABC และสรุปเนื้อหาให้อัตโนมัติ Google บอกว่ายังมี Gems สำเร็จรูปให้ลองด้วย เช่น: - Brainstormer (ระดมไอเดีย) - Writing editor - Coding partner - Learning guide ตอนนี้ยังต้องสร้าง Gems ผ่านเว็บ Gemini อยู่ แต่พอสร้างเสร็จก็เรียกใช้ได้จาก Google Workspace ทันที ✅ Google Workspace เพิ่มความสามารถให้ใช้ Gems ได้โดยตรงผ่าน side panel ของ Docs, Gmail, Slides, Sheets และ Drive   • ไม่ต้องสลับไปเปิดเว็บ Gemini เหมือนเดิม   • ใช้งานได้ผ่านปุ่ม “Ask Gemini” มุมขวาบน ✅ Gems คือ AI แบบ custom ที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งเฉพาะสำหรับตัวเองได้   • ใช้ช่วยเขียนอีเมล, จัดแผนการสอน, สรุปเอกสาร, แปลงข้อมูล, โค้ด ฯลฯ ✅ Google มี Gems สำเร็จรูปให้ใช้งานทันที เช่น Brainstormer, Writing editor, Coding partner   • ผู้ใช้มือใหม่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ✅ การใช้งาน Gems ใน Workspace รองรับการเข้าถึงฟีเจอร์ @mention, ไฟล์ Google Drive ฯลฯ แบบบูรณาการ ✅ ฟีเจอร์นี้จะเริ่ม rollout แล้วแบบ “Extended rollout” → อาจใช้เวลาถึง 15 วันกว่าจะเปิดให้ทุกคน ✅ แอดมินไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม และไม่มี control เฉพาะของฟีเจอร์นี้ในแผงควบคุม Workspace https://www.neowin.net/news/google-workspace-now-lets-you-use-custom-ai-gems-directly-in-docs-gmail-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Workspace now lets you use custom AI Gems directly in Docs, Gmail, and more
    Google Workspace users can now access custom AI Gems from the side panel across Workspace applications like Docs and Slides, reducing friction.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แพทองธาร” ยิ้ม ไม่ตอบตั้งใครเป็นหน.ทีมทำเอกสารชี้แจงศาลรธน.-สภาไปไม่รอดตั้งแต่วันแรก แซวสื่อกลับมีคำถามทุกวันเลย พร้อมแวะเอาของตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนออกจากทำเนียบรัฐบาล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062753

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “แพทองธาร” ยิ้ม ไม่ตอบตั้งใครเป็นหน.ทีมทำเอกสารชี้แจงศาลรธน.-สภาไปไม่รอดตั้งแต่วันแรก แซวสื่อกลับมีคำถามทุกวันเลย พร้อมแวะเอาของตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนออกจากทำเนียบรัฐบาล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062753 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts