• รมช.กลาโหม เผยรองราชเลขานุการในพระองค์ติดต่อมา ระบุ ในหลวงทรงห่วงใย พระราชทานเหรียญกล้าหาญ เตรียมขอพระราชทานเหรียญชั้นรามาธิบดี และเหรียญกล้าหาญให้กับทหาร ตำรวจ ตชด. และทหารพราน ทั้งรายบุคคลและหน่วยงาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079346

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รมช.กลาโหม เผยรองราชเลขานุการในพระองค์ติดต่อมา ระบุ ในหลวงทรงห่วงใย พระราชทานเหรียญกล้าหาญ เตรียมขอพระราชทานเหรียญชั้นรามาธิบดี และเหรียญกล้าหาญให้กับทหาร ตำรวจ ตชด. และทหารพราน ทั้งรายบุคคลและหน่วยงาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079346 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ในหลวง" ทรงห่วงใยทหาร! "รมช.กลาโหม" เผย...ทรงเตรียมพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้ "ทหาร-ตชด.-ทหารพราน" ปฏิบัติงานชายแดนไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/21031/
    .
    #ข่าวทหาร #เหรียญกล้าหาญ #ในหลวง #กระทรวงกลาโหม #พล.อ.ณัฐพล #ไทยไท

    "ในหลวง" ทรงห่วงใยทหาร! "รมช.กลาโหม" เผย...ทรงเตรียมพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้ "ทหาร-ตชด.-ทหารพราน" ปฏิบัติงานชายแดนไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/21031/ . #ข่าวทหาร #เหรียญกล้าหาญ #ในหลวง #กระทรวงกลาโหม #พล.อ.ณัฐพล #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำนานประวัติศาสตร์ EP.1: Little Round Top กลยุทธ์พลิกเกมของพันเอกอาจารย์มหาวิทยาลัยสายวาทศาสตร์

    เรื่องราวเกิดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1863 (พ.ศ.2406) ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา วันที่สองของสมรภูมิเก็ตตี้เบิร์ก ยุทธการนองเลือดที่จะตัดสินชะตากรรมของสหรัฐอเมริกา ณ บริเวณเนินลิตเติ้ลราวด์ท็อปกรมทหารราบรัฐเมนที่ 20 ภายใต้การนำของพันเอกโจชัวร์ ลอว์เรน แชมเบอร์เลน (Joshua Lawrence Chamberlain) ได้เข้ามาตั้งรับในบริเวณปีกซ้ายสุดของกองทัพโพโต (Army of Potomac) แมคภายใต้การนำของนายพลจอร์จ กอร์ดอน มีด (George Gordon Meades) หากเสียที่มั่นตรงนี้ไป กองทัพโพโตแมคที่เหลือจะถูกกวาดล้างโดยกองทัพเวอร์จิเนียเหนือ (Army of Northern Virginia) แห่งสมาพันธรัฐภายใต้การนำของนายพลโรเบิร์ต อี. ลี (Roberts E. Lee) ผู้เป็นตำนาน

    ในการสู้รบของวันนั้นกรมทหารราบรัฐเมนที่ 20 ภายใต้การนำของเขาได้เผชิญหน้ากับกรมทหารราบรัฐอะแลบามาที่ 15 ภายใต้การนำของพันเอกวิลเลี่ยม ซี. โอทส์ (William C. Oates) พวกเขาต่อสู้กับทหารข้าศึกจนกระสุนเริ่มร่อยหรอลง จนหมดลงในที่สุด ในทีแรกนายทหารคนสนิทของเขา…ร้อยเอกเอลลิส สเปียร์ (Ellis Spear) จะขอให้เขาถอนกำลัง แต่พวกเขาคือที่มั่นสุดท้ายแล้ว เพราะหากพวกเขาถอยทัพและกองทัพฝ่ายเหนือทั้งหมดถูกกวาดล้าง กองทัพฝ่ายใต้จะเคลื่อนพลสู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

    พันเอกแชมเบอร์เลนจึงตัดสินใจสั่งให้ทหารที่เหลือทั้งหมดติดดาบปลายปืนเพื่อเตรียมเข้าชาร์จศัตรู โดยเขาได้นำหลักตรรกะศาสตร์ที่เขาถนัดมาใช้ด้วยเขาเรียกว่า “กลยุทธ์บานพับประตู” โดยให้กองร้อยปีกซ้ายภายใต้การนำของร้อยเอกสเปียร์โจมตีจากทางด้านข้าง (Flanking Maneuver) ขณะที่เขาและน้องชายของเขา…ร้อยโทโธมัส เดวี่ แชมเบอร์เลน (Thomas Davee Chamberlain) ได้นำกองร้อยปีกขวาโจมตีข้าศึกจากด้านหน้า (Frontal Assault)

    สาเหตุที่พันเอกแชมเบอร์เลนใช้วิธีนี้เพราะว่ากองทหารข้าศึกที่เข้าโจมตีพวกเขานั้นรบติดพันกับพวกเขามาทั้งวันและน่าจะเหนื่อยจากการเดินทัพขึ้นเนินเข้ามาตีพวกเขา (ตามบันทึกประวัติศาสตร์จากยุทธการเก็ตตี้เบิร์ก กรมทหารราบรัฐอะแลบามาที่ 15 เดินทางมาถึงสนามรบในวันที่สองของการรบและถูกส่งเข้าตีปีกซ้ายของกองทัพสหภาพในทันทีตามคำสั่งของนายพลลี โดยที่พวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่ได้แม้แต่เติมน้ำดื่มก่อนออกรบเลย) ผลของการรบ…กรมทหารราบรัฐเมนที่ 20 สามารถขับไล่กองทหารฝ่ายใต้ออกไปได้และสามารถจับเชลยศึกที่ตกตะลึงกับการบุกและหมดแรงเกินกว่าจะหนีได้เป็นจำนวนมาก ในช่วงของการบุกพันเอกแชมเบอร์เลนเกือบถูกยิงด้วยปืนลูกโม่จากนายทหารฝ่ายใต้นายนึง สุดท้ายเขาจับนายทหารคนนั้นและยึดปืนของเขามาได้

    จากวีรกรรมของเขาในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญ Medal of Honor ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์สำหรับทหารที่มีชื่อเสียงเกียรติยศและระดับสูงสุดในสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจเป็นการปูนบำเหน็จเพื่อยกย่องแก่ทหารในกองทัพสหรัฐที่มีชื่อเสียงโดดเด่น

    ภายหลังสงครามจบลง แชมเบอร์เลนออกจากกองทัพ และด้วยชื่อเสียงของเขา เขาได้ลงสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเมน เขาชนะการเลือกตั้งถึงสี่สมัย ตั้งแต่ปี ค.ศ.1866-1869 (พ.ศ.2409-2412) โดยเขาสังกัดพรรครีพับลิกัน และในปี ค.ศ.1871 (พ.ศ.2414) เขาได้กลายมาเป็นอธิการบดีแห่งวิทยาลัยโบว์ดินที่เขาเคยสอนอยู่

    พันเอกโจชัวร์ ลอว์เรน แชมเบอร์เลนเสียชีวิตลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) ในวัย 85ปี ที่เมืองพอร์ทแลนด์, รัฐเมน, สหรัฐฯ เป็นอันปิดตำนานของพันเอกอาจารย์มหาวิทยาลัยสายวาทศาสตร์

    เรื่องราวของเขาและน้องชายของเขาได้ถูกนำไปตีแผ่ลงในนิยายเรื่อง The Killer Angels (1974) โดยนักเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์นาม…ไมเคิล ชารา ซึ่งต่อมาได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง Gettysburg (1993) และอีกครั้งในนวนิยายเรื่อง God and Generals (1996) ที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 2003 ในชื่อเดียวกัน ทั้งสองเรื่องนักแสดงผู้รับบทพันเอกแชมเบอร์เลนคือ เจฟ แดเนียล

    (เพิ่มเติม: ฉากการต่อสู้ที่เนินลิตเติ้ลราวด์ท็อปในภาพยนตร์ Gettysburg 1993 แอดบอกได้เลยว่าสนุกมาก)
    ตำนานประวัติศาสตร์ EP.1: Little Round Top กลยุทธ์พลิกเกมของพันเอกอาจารย์มหาวิทยาลัยสายวาทศาสตร์ เรื่องราวเกิดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1863 (พ.ศ.2406) ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา วันที่สองของสมรภูมิเก็ตตี้เบิร์ก ยุทธการนองเลือดที่จะตัดสินชะตากรรมของสหรัฐอเมริกา ณ บริเวณเนินลิตเติ้ลราวด์ท็อปกรมทหารราบรัฐเมนที่ 20 ภายใต้การนำของพันเอกโจชัวร์ ลอว์เรน แชมเบอร์เลน (Joshua Lawrence Chamberlain) ได้เข้ามาตั้งรับในบริเวณปีกซ้ายสุดของกองทัพโพโต (Army of Potomac) แมคภายใต้การนำของนายพลจอร์จ กอร์ดอน มีด (George Gordon Meades) หากเสียที่มั่นตรงนี้ไป กองทัพโพโตแมคที่เหลือจะถูกกวาดล้างโดยกองทัพเวอร์จิเนียเหนือ (Army of Northern Virginia) แห่งสมาพันธรัฐภายใต้การนำของนายพลโรเบิร์ต อี. ลี (Roberts E. Lee) ผู้เป็นตำนาน ในการสู้รบของวันนั้นกรมทหารราบรัฐเมนที่ 20 ภายใต้การนำของเขาได้เผชิญหน้ากับกรมทหารราบรัฐอะแลบามาที่ 15 ภายใต้การนำของพันเอกวิลเลี่ยม ซี. โอทส์ (William C. Oates) พวกเขาต่อสู้กับทหารข้าศึกจนกระสุนเริ่มร่อยหรอลง จนหมดลงในที่สุด ในทีแรกนายทหารคนสนิทของเขา…ร้อยเอกเอลลิส สเปียร์ (Ellis Spear) จะขอให้เขาถอนกำลัง แต่พวกเขาคือที่มั่นสุดท้ายแล้ว เพราะหากพวกเขาถอยทัพและกองทัพฝ่ายเหนือทั้งหมดถูกกวาดล้าง กองทัพฝ่ายใต้จะเคลื่อนพลสู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พันเอกแชมเบอร์เลนจึงตัดสินใจสั่งให้ทหารที่เหลือทั้งหมดติดดาบปลายปืนเพื่อเตรียมเข้าชาร์จศัตรู โดยเขาได้นำหลักตรรกะศาสตร์ที่เขาถนัดมาใช้ด้วยเขาเรียกว่า “กลยุทธ์บานพับประตู” โดยให้กองร้อยปีกซ้ายภายใต้การนำของร้อยเอกสเปียร์โจมตีจากทางด้านข้าง (Flanking Maneuver) ขณะที่เขาและน้องชายของเขา…ร้อยโทโธมัส เดวี่ แชมเบอร์เลน (Thomas Davee Chamberlain) ได้นำกองร้อยปีกขวาโจมตีข้าศึกจากด้านหน้า (Frontal Assault) สาเหตุที่พันเอกแชมเบอร์เลนใช้วิธีนี้เพราะว่ากองทหารข้าศึกที่เข้าโจมตีพวกเขานั้นรบติดพันกับพวกเขามาทั้งวันและน่าจะเหนื่อยจากการเดินทัพขึ้นเนินเข้ามาตีพวกเขา (ตามบันทึกประวัติศาสตร์จากยุทธการเก็ตตี้เบิร์ก กรมทหารราบรัฐอะแลบามาที่ 15 เดินทางมาถึงสนามรบในวันที่สองของการรบและถูกส่งเข้าตีปีกซ้ายของกองทัพสหภาพในทันทีตามคำสั่งของนายพลลี โดยที่พวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่ได้แม้แต่เติมน้ำดื่มก่อนออกรบเลย) ผลของการรบ…กรมทหารราบรัฐเมนที่ 20 สามารถขับไล่กองทหารฝ่ายใต้ออกไปได้และสามารถจับเชลยศึกที่ตกตะลึงกับการบุกและหมดแรงเกินกว่าจะหนีได้เป็นจำนวนมาก ในช่วงของการบุกพันเอกแชมเบอร์เลนเกือบถูกยิงด้วยปืนลูกโม่จากนายทหารฝ่ายใต้นายนึง สุดท้ายเขาจับนายทหารคนนั้นและยึดปืนของเขามาได้ จากวีรกรรมของเขาในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญ Medal of Honor ซึ่งเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์สำหรับทหารที่มีชื่อเสียงเกียรติยศและระดับสูงสุดในสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจเป็นการปูนบำเหน็จเพื่อยกย่องแก่ทหารในกองทัพสหรัฐที่มีชื่อเสียงโดดเด่น ภายหลังสงครามจบลง แชมเบอร์เลนออกจากกองทัพ และด้วยชื่อเสียงของเขา เขาได้ลงสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเมน เขาชนะการเลือกตั้งถึงสี่สมัย ตั้งแต่ปี ค.ศ.1866-1869 (พ.ศ.2409-2412) โดยเขาสังกัดพรรครีพับลิกัน และในปี ค.ศ.1871 (พ.ศ.2414) เขาได้กลายมาเป็นอธิการบดีแห่งวิทยาลัยโบว์ดินที่เขาเคยสอนอยู่ พันเอกโจชัวร์ ลอว์เรน แชมเบอร์เลนเสียชีวิตลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) ในวัย 85ปี ที่เมืองพอร์ทแลนด์, รัฐเมน, สหรัฐฯ เป็นอันปิดตำนานของพันเอกอาจารย์มหาวิทยาลัยสายวาทศาสตร์ เรื่องราวของเขาและน้องชายของเขาได้ถูกนำไปตีแผ่ลงในนิยายเรื่อง The Killer Angels (1974) โดยนักเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์นาม…ไมเคิล ชารา ซึ่งต่อมาได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง Gettysburg (1993) และอีกครั้งในนวนิยายเรื่อง God and Generals (1996) ที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 2003 ในชื่อเดียวกัน ทั้งสองเรื่องนักแสดงผู้รับบทพันเอกแชมเบอร์เลนคือ เจฟ แดเนียล (เพิ่มเติม: ฉากการต่อสู้ที่เนินลิตเติ้ลราวด์ท็อปในภาพยนตร์ Gettysburg 1993 แอดบอกได้เลยว่าสนุกมาก)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 685 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู

    ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit

    แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ

    จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย
    พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ

    ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน

    ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก
    วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก

    ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ

    ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ...

    จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน
    หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน

    ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง

    แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย

    Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน
    หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน

    Tap Code คืออะไร?
    เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก

    รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข

    ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร?
    ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย

    ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย

    หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา

    เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ
    หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ

    แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน

    แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon

    Hall of Heroes ที่ Pentagon
    พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ

    วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย
    วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน

    แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก

    วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป
    พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม
    มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน
    ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ
    เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes

    แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568

    #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู 📅 ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit 🏅 แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ 🇹🇭🇺🇸 👦 จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย 🔴 พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน ✈️ ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก 📅 วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ... 🏚️ จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน ⚠️ หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน 📌 ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง 😞 🔥 แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย 🔑 Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน 🛑🔨 🔹 Tap Code คืออะไร? เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข 🔹 ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร? ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย ☠️ ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา 🇺🇸 🏅 เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ 📅 หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ 💔 แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon 🔹 Hall of Heroes ที่ Pentagon พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ✈️ นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ 🕊️ วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย 📅 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน 🇹🇭 แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก ✨ วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป ✨ ✅ พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม ✅ มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน ✅ ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ✅ เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป 🙏🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568 📢 #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1720 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา
    .
    ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย
    .
    อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ"
    .
    "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน
    .
    เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง
    .
    "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน
    .
    "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030"
    .
    ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ
    .
    "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย"
    .
    ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้
    .
    รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229
    ..............
    Sondhi X
    ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา . ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย . อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ" . "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน . เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง . "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน . "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030" . ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ . "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย" . ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้ . รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1724 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว
    .
    เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ
    .
    ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย
    .
    ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย
    .
    โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน
    .
    อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา
    .
    เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009
    .
    โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ
    .
    ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์
    .
    เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา
    .
    เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน
    .
    เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ"
    .
    แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด"
    .
    รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532
    ..............
    Sondhi X
    ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว . เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ . ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย . ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย . โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน . อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่" . พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา . เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009 . โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ . ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์ . เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา . เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน . เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ" . แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด" . รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1925 มุมมอง 1 รีวิว
  • ภาพการต่อสู้ของทหารรัสเซียที่มีชื่อรหัสว่า "เดมเบล" และ "เทมิช" กำลังบุกโจมตีตำแหน่งของยูเครนใกล้เมืองโปครอฟสค์ (Pokrovsk)

    พวกเขาถูกศัตรูโจมตีตอบโต้จนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สามารถรักษาฐานที่มั่นเอาที่เพิ่งยึดครองเอาไว้ได้จนกระทั่งกำลังเสริมของรัสเซียมาถึง

    ขณะนี้ นักรบทั้งสองกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และได้รับการเสนอชื่อรับเหรียญรางวัลเหรียญกล้าหาญแห่งรัฐอีกด้วย
    ภาพการต่อสู้ของทหารรัสเซียที่มีชื่อรหัสว่า "เดมเบล" และ "เทมิช" กำลังบุกโจมตีตำแหน่งของยูเครนใกล้เมืองโปครอฟสค์ (Pokrovsk) พวกเขาถูกศัตรูโจมตีตอบโต้จนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สามารถรักษาฐานที่มั่นเอาที่เพิ่งยึดครองเอาไว้ได้จนกระทั่งกำลังเสริมของรัสเซียมาถึง ขณะนี้ นักรบทั้งสองกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และได้รับการเสนอชื่อรับเหรียญรางวัลเหรียญกล้าหาญแห่งรัฐอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • เซเลนสกีเผยแพร่ภาพวิดีโอการมาตรวจเยี่ยมเมืองโปครอฟสค์ (Pokrovsk) และมอบเหรียญกล้าหาญให้กับเจ้าหน้าที่ทหารของกองพลทหารราบแยกทางอากาศที่ 25 ซึ่งกำลังทำหน้าที่ปกป้องเมือง

    ที่ผ่านมาทหารยูเครนรวมถึงฝ่ายรัสเซีย มักจะล้อเลียนเกี่ยวกับเมืองที่เซเลนสกีมาตรวจเยี่ยม หลังผ่านไปไม่นาน เมืองเหล่านั้นมักถูกยึดครองอย่างง่ายดายจากฝ่ายรัสเซีย เช่น Avdiivka Bakhmut
    เซเลนสกีเผยแพร่ภาพวิดีโอการมาตรวจเยี่ยมเมืองโปครอฟสค์ (Pokrovsk) และมอบเหรียญกล้าหาญให้กับเจ้าหน้าที่ทหารของกองพลทหารราบแยกทางอากาศที่ 25 ซึ่งกำลังทำหน้าที่ปกป้องเมือง ที่ผ่านมาทหารยูเครนรวมถึงฝ่ายรัสเซีย มักจะล้อเลียนเกี่ยวกับเมืองที่เซเลนสกีมาตรวจเยี่ยม หลังผ่านไปไม่นาน เมืองเหล่านั้นมักถูกยึดครองอย่างง่ายดายจากฝ่ายรัสเซีย เช่น Avdiivka Bakhmut
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาส่งผู้แทนไปเบรุตหารือเงื่อนไขการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่กองทัพยิวเปลี่ยนเป้าหมาย อ้างมุ่งถล่มธนาคารเงาของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน ด้านนักการทูตและแหล่งข่าวในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า
    .
    มีรายงานว่า อเมริกาตั้งความหวังกับการผลักดันสันติภาพในตะวันออกกลางครั้งใหม่ ภายหลังยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาสและผู้วางแผนโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ที่จุดชนวนสงครามในกาซา ถูกสังหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพยายามเป็นตัวกลางการหยุดยิงในเลบานอนที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อเดือนที่แล้ว รวมทั้งสังหารผู้นำอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ที่ประกาศต่อสู้กับอิสราเอลในนามชาวปาเลสไตน์
    .
    รายงานระบุว่า ตลอดคืนวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีสถานที่หลายแห่งในกรุงเบรุต ทางใต้ของเลบานอน และหุบเขาเบกา ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของเลบานอน เป้าหมายคือสาขาต่างๆ ของอัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน แอสโซซิเอชัน ซึ่งเป็นระบบธนาคารทางเลือกในเลบานอนที่ฮิซบอลเลาะห์ดำเนินการและใช้เพื่อจัดการการเงินของกลุ่มที่รวมถึงการจ่ายเงินเดือนนักรบและซื้ออาวุธ
    .
    การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนหลายร้อยครอบครัวที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ซึ่งตกเป็นเป้าหมายต้องอพยพก่อนการโจมตี แม้ล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
    .
    อัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน ซึ่งเป็นองค์การที่ถูกอเมริกาแซงก์ชันอยู่แล้ว มีสาขากว่า 30 แห่งในเลบานอน รวมถึงสาขา 15 แห่งที่ตั้งอยู่ในย่านที่มีผู้คนแออัดบริเวณใจกลางและชานเมืองเบรุต
    .
    นอกจากนั้นโทรทัศน์ข่าวเอ็นเอ็นเอยังรายงานว่า มีการโจมตีใกล้ๆ กับท่าอากาศยานของเบรุต ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสู่เลบานอน และฮับการอพยพสำคัญ
    .
    ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานว่า อามอส ฮ็อกสทีน ผู้แทนของอเมริกา มีกำหนดเข้าพบ นาจิบ มิคาติ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน และนาบิห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฎรเลบานอน ที่เบรุตในวันจันทร์
    .
    เบอร์รีให้สัมภาษณ์สถานีอัล-อราบิยา เมื่อสุดสัปดาห์ว่า การเยือนของฮ็อกสทีนเป็นโอกาสสุดท้ายในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก่อนที่อเมริกาจะจัดการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี เขาคัดค้านการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อข้อตกลงที่ปิดฉากสงครามใหญ่ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเมื่อปี 2006
    .
    ขณะเดียวกัน แอกซิออส สื่อออนไลน์ของอเมริการายงานเมื่อวันอาทิตย์โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่อิสราเอลฝ่ายละ 2 คนว่า อิสราเอลส่งเงื่อนไขการยุติสงครามในเลบานอนด้วยแนวทางการทูตให้วอชิงตัน ซึ่งประกอบด้วยการที่อิสราเอลจะต้องได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการใช้กำลังบังคับเพื่อให้แน่ใจว่า ฮิซบอลเลาะห์จะไม่สามารถซ่องสุมกำลังใหม่ใกล้ชายแดนอิสราเอล และกองทัพอิสราเอลสามารถปฏิบัติภารกิจเหนือน่านฟ้าเลบานอนได้อย่างเสรี
    .
    ทว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สำทับกับแอกซิออสว่า เลบานอนและนานาชาติไม่มีแนวโน้มยอมรับเงื่อนไขของอิสราเอล
    .
    เวลาเดียวกัน นักการทูตและแหล่งข่าวอื่นๆ ในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า
    .
    นอกจากเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงต่อเนื่องทั้งในเลบานอนและฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลยังกำลังเตรียมการแก้แค้นอิหร่านที่ยิงขีปนาวุธใส่หลายร้อยลูกเมื่อต้นเดือน โดยที่วอชิงตันพยายามกดดันไม่ให้ยิวโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและที่ตั้งนิวเคลียร์ของเตหะราน
    .
    ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างเดินทางเยือนยูเครนว่า กองทัพสหรัฐฯ ส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงถึงอิสราเอลและติดตั้งแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่า มีการประจำการระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) หรือไม่
    .
    ทางด้านอิหร่านนั้น เอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศร้องเรียนกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เกี่ยวกับการคุกคามของอิสราเอลต่อที่ตั้งนิวเคลียร์ของตนระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.)
    .
    อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงว่า พันเอกอาห์ซาน ดัคซา ผู้บังคับการกองพลน้อยที่ 401 ของตน ถูกระเบิดเสียชีวิตระหว่างลงจากรถถังเพื่อตรวจสอบพื้นที่ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา นับเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารอาวุโสที่สุดที่เสียชีวิตในสงครามกาซา
    .
    นอกจากนั้นในเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีผู้บังคับการกองพลน้อยอีกนายหนึ่ง รวมถึงทหารอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
    .
    ด้านรัฐมนตรีกลาโหม โยอัฟ แกลลันต์ กล่าวในคำแถลงแยกต่างหากอีกฉบับหนึ่งว่า ดัคซาถูกสังหาร “ขณะกำลังสู้รบกับพวกผู้ก่อการร้ายฮามาส”
    .
    พวกเขาก้าวออกมานอกรถถัง “เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่บริเวณนั้น และถูกโจมตีด้วยวัตถุระเบิด” ฮาการี บอก
    .
    ดัคซา ซึ่งอยู่ในวัย 41 ปี เป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมชนดรูซ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการกองพลน้อยเมื่อ 4 เดือนก่อน ฮาการี บอกว่า กองพลน้อยของเขา “เป็นผู้นำการโจมตี” ใน จาบาเลีย
    .
    กองทหารอิสราเอลนั้นเปิดการถล่มโจมตีทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศแบบมุ่งทำลายล้างในจาบาเลีย และส่วนอื่นๆ ของภาคเหนือกาซามาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยที่รัฐยิวอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้พวกนักรบฮามาสกลับมารวมตัวกันได้อีก
    .
    สำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในพื้นที่ปกครองของฮามาสแถลงว่า มีผู้คนกว่า 400 คนแล้วที่ถูกเข่นฆ่าในช่วง 2 สัปดาห์ของการถูกถล่มโจมตี ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ในวันอาทิตย์ (20)
    .
    ดัคซา ได้รับเหรียญกล้าหาญจากการช่วยชีวิตพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างสงครามที่อิสราเอลทำกับฮิซบอลเลาะห์ในปี 2006 ขณะที่ประธานาธิบดีไอฉซค เฮอร์ซอค ของอิสราเอล กล่าวสรรเสริญ ดัคซา ในวันอาทิตย์ โดยเรียกเขาว่าเป็น “ฮีโร่” และบอกว่าการตายของเขาเป็น “ความสูญเสียของอิสราเอล และความสูญเสียสำหรับสังคมอิสราเอล”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101618
    ..............
    Sondhi X
    อเมริกาส่งผู้แทนไปเบรุตหารือเงื่อนไขการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่กองทัพยิวเปลี่ยนเป้าหมาย อ้างมุ่งถล่มธนาคารเงาของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน ด้านนักการทูตและแหล่งข่าวในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า . มีรายงานว่า อเมริกาตั้งความหวังกับการผลักดันสันติภาพในตะวันออกกลางครั้งใหม่ ภายหลังยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาสและผู้วางแผนโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ที่จุดชนวนสงครามในกาซา ถูกสังหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพยายามเป็นตัวกลางการหยุดยิงในเลบานอนที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อเดือนที่แล้ว รวมทั้งสังหารผู้นำอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ที่ประกาศต่อสู้กับอิสราเอลในนามชาวปาเลสไตน์ . รายงานระบุว่า ตลอดคืนวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีสถานที่หลายแห่งในกรุงเบรุต ทางใต้ของเลบานอน และหุบเขาเบกา ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของเลบานอน เป้าหมายคือสาขาต่างๆ ของอัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน แอสโซซิเอชัน ซึ่งเป็นระบบธนาคารทางเลือกในเลบานอนที่ฮิซบอลเลาะห์ดำเนินการและใช้เพื่อจัดการการเงินของกลุ่มที่รวมถึงการจ่ายเงินเดือนนักรบและซื้ออาวุธ . การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนหลายร้อยครอบครัวที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ซึ่งตกเป็นเป้าหมายต้องอพยพก่อนการโจมตี แม้ล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต . อัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน ซึ่งเป็นองค์การที่ถูกอเมริกาแซงก์ชันอยู่แล้ว มีสาขากว่า 30 แห่งในเลบานอน รวมถึงสาขา 15 แห่งที่ตั้งอยู่ในย่านที่มีผู้คนแออัดบริเวณใจกลางและชานเมืองเบรุต . นอกจากนั้นโทรทัศน์ข่าวเอ็นเอ็นเอยังรายงานว่า มีการโจมตีใกล้ๆ กับท่าอากาศยานของเบรุต ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสู่เลบานอน และฮับการอพยพสำคัญ . ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานว่า อามอส ฮ็อกสทีน ผู้แทนของอเมริกา มีกำหนดเข้าพบ นาจิบ มิคาติ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน และนาบิห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฎรเลบานอน ที่เบรุตในวันจันทร์ . เบอร์รีให้สัมภาษณ์สถานีอัล-อราบิยา เมื่อสุดสัปดาห์ว่า การเยือนของฮ็อกสทีนเป็นโอกาสสุดท้ายในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก่อนที่อเมริกาจะจัดการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี เขาคัดค้านการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อข้อตกลงที่ปิดฉากสงครามใหญ่ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเมื่อปี 2006 . ขณะเดียวกัน แอกซิออส สื่อออนไลน์ของอเมริการายงานเมื่อวันอาทิตย์โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่อิสราเอลฝ่ายละ 2 คนว่า อิสราเอลส่งเงื่อนไขการยุติสงครามในเลบานอนด้วยแนวทางการทูตให้วอชิงตัน ซึ่งประกอบด้วยการที่อิสราเอลจะต้องได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการใช้กำลังบังคับเพื่อให้แน่ใจว่า ฮิซบอลเลาะห์จะไม่สามารถซ่องสุมกำลังใหม่ใกล้ชายแดนอิสราเอล และกองทัพอิสราเอลสามารถปฏิบัติภารกิจเหนือน่านฟ้าเลบานอนได้อย่างเสรี . ทว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สำทับกับแอกซิออสว่า เลบานอนและนานาชาติไม่มีแนวโน้มยอมรับเงื่อนไขของอิสราเอล . เวลาเดียวกัน นักการทูตและแหล่งข่าวอื่นๆ ในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า . นอกจากเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงต่อเนื่องทั้งในเลบานอนและฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลยังกำลังเตรียมการแก้แค้นอิหร่านที่ยิงขีปนาวุธใส่หลายร้อยลูกเมื่อต้นเดือน โดยที่วอชิงตันพยายามกดดันไม่ให้ยิวโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและที่ตั้งนิวเคลียร์ของเตหะราน . ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างเดินทางเยือนยูเครนว่า กองทัพสหรัฐฯ ส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงถึงอิสราเอลและติดตั้งแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่า มีการประจำการระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) หรือไม่ . ทางด้านอิหร่านนั้น เอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศร้องเรียนกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เกี่ยวกับการคุกคามของอิสราเอลต่อที่ตั้งนิวเคลียร์ของตนระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) . อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงว่า พันเอกอาห์ซาน ดัคซา ผู้บังคับการกองพลน้อยที่ 401 ของตน ถูกระเบิดเสียชีวิตระหว่างลงจากรถถังเพื่อตรวจสอบพื้นที่ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา นับเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารอาวุโสที่สุดที่เสียชีวิตในสงครามกาซา . นอกจากนั้นในเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีผู้บังคับการกองพลน้อยอีกนายหนึ่ง รวมถึงทหารอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย . ด้านรัฐมนตรีกลาโหม โยอัฟ แกลลันต์ กล่าวในคำแถลงแยกต่างหากอีกฉบับหนึ่งว่า ดัคซาถูกสังหาร “ขณะกำลังสู้รบกับพวกผู้ก่อการร้ายฮามาส” . พวกเขาก้าวออกมานอกรถถัง “เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่บริเวณนั้น และถูกโจมตีด้วยวัตถุระเบิด” ฮาการี บอก . ดัคซา ซึ่งอยู่ในวัย 41 ปี เป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมชนดรูซ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการกองพลน้อยเมื่อ 4 เดือนก่อน ฮาการี บอกว่า กองพลน้อยของเขา “เป็นผู้นำการโจมตี” ใน จาบาเลีย . กองทหารอิสราเอลนั้นเปิดการถล่มโจมตีทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศแบบมุ่งทำลายล้างในจาบาเลีย และส่วนอื่นๆ ของภาคเหนือกาซามาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยที่รัฐยิวอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้พวกนักรบฮามาสกลับมารวมตัวกันได้อีก . สำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในพื้นที่ปกครองของฮามาสแถลงว่า มีผู้คนกว่า 400 คนแล้วที่ถูกเข่นฆ่าในช่วง 2 สัปดาห์ของการถูกถล่มโจมตี ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ในวันอาทิตย์ (20) . ดัคซา ได้รับเหรียญกล้าหาญจากการช่วยชีวิตพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างสงครามที่อิสราเอลทำกับฮิซบอลเลาะห์ในปี 2006 ขณะที่ประธานาธิบดีไอฉซค เฮอร์ซอค ของอิสราเอล กล่าวสรรเสริญ ดัคซา ในวันอาทิตย์ โดยเรียกเขาว่าเป็น “ฮีโร่” และบอกว่าการตายของเขาเป็น “ความสูญเสียของอิสราเอล และความสูญเสียสำหรับสังคมอิสราเอล” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101618 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1257 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!!

    ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!!

    จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง
    และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB
    ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ
    ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น
    นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์
    แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา

    วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด
    โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ
    การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ
    แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996
    ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ
    ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่
    เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม……
    จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ
    เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์
    ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน

    เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน
    เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย
    การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า
    “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……”
    ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่
    และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
    เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย
    ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้
    ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน……

    ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว

    ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
    ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน
    หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม

    วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก
    ชายขอบกรุงมอสโคว์
    พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า
    “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…”
    ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส
    ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า
    เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov
    แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง
    จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
    แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า
    “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…”

    เยลซินถามขึ้นมาว่า
    “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..”
    ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ”
    “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง”
    “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…”
    “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน”

    วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า
    “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย
    และมีความสามารถเหลือล้น”

    ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!!
    มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว
    อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว
    และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……”
    วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้

    ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko
    แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก
    และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด
    ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ …
    เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร
    ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง…
    และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!!

    ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม
    สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ

    ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ

    วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny
    ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว
    ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า
    “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?”
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า
    “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…”

    หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า..
    “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!”
    ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด……
    และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…”
    คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย

    วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า…
    วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน
    วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny
    ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก
    เขาให้สัมภาษณ์ว่า……
    เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้
    มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……”
    นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……”
    “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……”

    *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996
    ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000
    ที่รัสเซียได้ชัยชนะ……
    แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS
    บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร..

    NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน
    ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……???

    Wiwanda W. Vichit
    มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!! ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!! จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์ แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996 ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม…… จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์ ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……” ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่ และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้ ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน…… ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก ชายขอบกรุงมอสโคว์ พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…” ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…” เยลซินถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..” ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ” “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง” “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…” “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน” วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และมีความสามารถเหลือล้น” ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!! มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……” วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้ ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ … เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง… และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!! ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…” หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า.. “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!” ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด…… และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…” คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า… วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก เขาให้สัมภาษณ์ว่า…… เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้ มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……” นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……” “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……” *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996 ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000 ที่รัสเซียได้ชัยชนะ…… แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร.. NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……??? Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1102 มุมมอง 0 รีวิว