• “Athena1: ซีพียูสายพันธุ์ยุโรปเพื่อความมั่นคง — SiPearl เปิดตัวชิปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมชนคู่แข่งโลกในปี 2027”

    SiPearl บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศสประกาศเปิดตัว “Athena1” ซีพียูรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน “dual-use” ทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยเน้นความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการใช้งานในภาครัฐ การสื่อสารลับ ระบบข่าวกรอง และอุตสาหกรรมอวกาศ

    Athena1 เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท โดยใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านประสิทธิภาพและข้อจำกัดด้านความร้อนของแต่ละงาน

    แม้จะเป็นชิปที่ออกแบบในยุโรป แต่การผลิต die ยังต้องพึ่งพา TSMC จากไต้หวัน โดยการบรรจุ (packaging) จะเริ่มต้นในเอเชียก่อนจะย้ายกลับมาทำในยุโรป เพื่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค

    Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027 โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “อธิปไตยทางเทคโนโลยี” ของยุโรป ที่ต้องการลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเอเชีย โดยเฉพาะในช่วงที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Athena1 เป็นซีพียูรุ่นใหม่จาก SiPearl สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม
    ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 มีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์
    รองรับงานด้านการสื่อสารลับ, ข่าวกรอง, อุตสาหกรรมอวกาศ และระบบตรวจจับ
    เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท
    ผลิต die โดย TSMC และเริ่ม packaging ในไต้หวันก่อนย้ายกลับยุโรป
    วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อธิปไตยทางเทคโนโลยีของยุโรป
    ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, รังสี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rhea1 ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ European Processor Initiative (EPI)
    Athena1 ไม่มี HBM2e บนตัวชิป ใช้ DDR5 แทนเพื่อลดต้นทุน
    การใช้ Arm Neoverse V1 ช่วยให้รองรับงาน HPC และ AI ได้ดี
    SiPearl ได้รับเงินลงทุน €130 ล้านจากรัฐฝรั่งเศสและกองทุนยุโรปในปี 2025
    การย้าย packaging กลับยุโรปช่วยสร้าง ecosystem อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค

    https://www.techradar.com/pro/athena-1-is-probably-the-most-secure-cpu-ever-designed-but-i-dont-think-the-only-european-cpu-will-be-good-enough-to-challenge-rivals-when-it-launches-in-2027
    🛡️ “Athena1: ซีพียูสายพันธุ์ยุโรปเพื่อความมั่นคง — SiPearl เปิดตัวชิปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมชนคู่แข่งโลกในปี 2027” SiPearl บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศสประกาศเปิดตัว “Athena1” ซีพียูรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน “dual-use” ทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยเน้นความปลอดภัยระดับสูงสำหรับการใช้งานในภาครัฐ การสื่อสารลับ ระบบข่าวกรอง และอุตสาหกรรมอวกาศ Athena1 เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท โดยใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านประสิทธิภาพและข้อจำกัดด้านความร้อนของแต่ละงาน แม้จะเป็นชิปที่ออกแบบในยุโรป แต่การผลิต die ยังต้องพึ่งพา TSMC จากไต้หวัน โดยการบรรจุ (packaging) จะเริ่มต้นในเอเชียก่อนจะย้ายกลับมาทำในยุโรป เพื่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027 โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “อธิปไตยทางเทคโนโลยี” ของยุโรป ที่ต้องการลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเอเชีย โดยเฉพาะในช่วงที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Athena1 เป็นซีพียูรุ่นใหม่จาก SiPearl สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 มีให้เลือกตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ➡️ รองรับงานด้านการสื่อสารลับ, ข่าวกรอง, อุตสาหกรรมอวกาศ และระบบตรวจจับ ➡️ เป็นรุ่นปรับแต่งจาก Rhea1 ซึ่งเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัท ➡️ ผลิต die โดย TSMC และเริ่ม packaging ในไต้หวันก่อนย้ายกลับยุโรป ➡️ วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อธิปไตยทางเทคโนโลยีของยุโรป ➡️ ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, รังสี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rhea1 ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ European Processor Initiative (EPI) ➡️ Athena1 ไม่มี HBM2e บนตัวชิป ใช้ DDR5 แทนเพื่อลดต้นทุน ➡️ การใช้ Arm Neoverse V1 ช่วยให้รองรับงาน HPC และ AI ได้ดี ➡️ SiPearl ได้รับเงินลงทุน €130 ล้านจากรัฐฝรั่งเศสและกองทุนยุโรปในปี 2025 ➡️ การย้าย packaging กลับยุโรปช่วยสร้าง ecosystem อุตสาหกรรมภายในภูมิภาค https://www.techradar.com/pro/athena-1-is-probably-the-most-secure-cpu-ever-designed-but-i-dont-think-the-only-european-cpu-will-be-good-enough-to-challenge-rivals-when-it-launches-in-2027
    WWW.TECHRADAR.COM
    SiPearl’s Athena1 promises dual-use security for European defense and aerospace
    SiPearl's chip is designed to serve both civil and defense purposes
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • “Intel อาจผลิตชิปให้ AMD — เมื่อคู่แข่งตลอดกาลเริ่มเปิดใจร่วมมือในยุคที่อุตสาหกรรมต้องปรับตัว”

    ในสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “นรกยังต้องหยุดแช่แข็ง” Intel และ AMD ซึ่งเป็นคู่แข่งกันมายาวนานในตลาด x86 กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel รับหน้าที่ผลิตชิปบางรุ่นให้ AMD ผ่านบริการ Intel Foundry Services (IFS) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    รายงานจาก Semafor และ TechRadar ระบุว่า AMD กำลังพิจารณาใช้โรงงานของ Intel สำหรับผลิตชิปรุ่นที่ไม่ใช่เรือธง เช่น Embedded APU หรือชิปด้านเครือข่าย (Pensando) เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาซัพพลายเชนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ

    Intel เองก็อยู่ในช่วงพลิกฟื้นธุรกิจ โดยได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน เพื่อผลักดันให้ IFS กลายเป็นผู้ผลิตชิปแบบรับจ้างที่แข็งแกร่ง และลดการพึ่งพาตลาดยุโรปที่กำลังชะลอการลงทุน

    แม้ AMD จะยังไม่ยืนยันข้อตกลงใด ๆ และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิตโดย Intel แต่การเจรจานี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุทธศาสตร์ของทั้งสองบริษัท ที่เริ่มมองข้ามการแข่งขันระยะยาวเพื่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน

    หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นการยืนยันว่า Intel สามารถผลิตชิปให้กับคู่แข่งโดยไม่กระทบต่อความลับทางเทคโนโลยี และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือในระดับอุตสาหกรรมที่กว้างขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel และ AMD กำลังเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel ผลิตชิปรุ่นบางส่วนให้ AMD
    AMD ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
    ชิปรุ่นที่อาจถูกผลิตโดย Intel ได้แก่ Embedded APU และชิปเครือข่าย (Pensando)
    Intel ได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน
    Intel Foundry Services (IFS) เป็นหน่วยงานที่รับผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก
    AMD ยังไม่ยืนยันข้อตกลง และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิต
    การร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ AMD มีความยืดหยุ่นในการผลิตมากขึ้น
    Intel ต้องการพิสูจน์ว่าโรงงานของตนสามารถแข่งขันกับ TSMC ได้

    https://www.techradar.com/pro/hell-freezes-over-amd-may-team-up-with-intel-to-produce-chips-but-i-dont-expect-intel-foundries-to-push-out-ryzen-cpus-anytime-soon
    🤝 “Intel อาจผลิตชิปให้ AMD — เมื่อคู่แข่งตลอดกาลเริ่มเปิดใจร่วมมือในยุคที่อุตสาหกรรมต้องปรับตัว” ในสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “นรกยังต้องหยุดแช่แข็ง” Intel และ AMD ซึ่งเป็นคู่แข่งกันมายาวนานในตลาด x86 กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel รับหน้าที่ผลิตชิปบางรุ่นให้ AMD ผ่านบริการ Intel Foundry Services (IFS) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รายงานจาก Semafor และ TechRadar ระบุว่า AMD กำลังพิจารณาใช้โรงงานของ Intel สำหรับผลิตชิปรุ่นที่ไม่ใช่เรือธง เช่น Embedded APU หรือชิปด้านเครือข่าย (Pensando) เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาซัพพลายเชนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ Intel เองก็อยู่ในช่วงพลิกฟื้นธุรกิจ โดยได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน เพื่อผลักดันให้ IFS กลายเป็นผู้ผลิตชิปแบบรับจ้างที่แข็งแกร่ง และลดการพึ่งพาตลาดยุโรปที่กำลังชะลอการลงทุน แม้ AMD จะยังไม่ยืนยันข้อตกลงใด ๆ และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิตโดย Intel แต่การเจรจานี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในยุทธศาสตร์ของทั้งสองบริษัท ที่เริ่มมองข้ามการแข่งขันระยะยาวเพื่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นการยืนยันว่า Intel สามารถผลิตชิปให้กับคู่แข่งโดยไม่กระทบต่อความลับทางเทคโนโลยี และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือในระดับอุตสาหกรรมที่กว้างขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel และ AMD กำลังเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ Intel ผลิตชิปรุ่นบางส่วนให้ AMD ➡️ AMD ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ➡️ ชิปรุ่นที่อาจถูกผลิตโดย Intel ได้แก่ Embedded APU และชิปเครือข่าย (Pensando) ➡️ Intel ได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ, Nvidia และ SoftBank รวมกว่า $15.9 พันล้าน ➡️ Intel Foundry Services (IFS) เป็นหน่วยงานที่รับผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก ➡️ AMD ยังไม่ยืนยันข้อตกลง และยังไม่มีการเปิดเผยว่าชิปรุ่นใดจะถูกผลิต ➡️ การร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ AMD มีความยืดหยุ่นในการผลิตมากขึ้น ➡️ Intel ต้องการพิสูจน์ว่าโรงงานของตนสามารถแข่งขันกับ TSMC ได้ https://www.techradar.com/pro/hell-freezes-over-amd-may-team-up-with-intel-to-produce-chips-but-i-dont-expect-intel-foundries-to-push-out-ryzen-cpus-anytime-soon
    WWW.TECHRADAR.COM
    Reports suggest Intel could manufacture processors for AMD
    Intel's turnaround continues to surprise, who will be next to express an interest?
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ”

    ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026

    ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

    การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache

    ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
    ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน
    ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank
    มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache
    Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments
    ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร
    บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
    ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง
    การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์
    การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด
    หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน
    การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS
    ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี
    การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    💳 “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ” ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ➡️ ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ➡️ ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน ➡️ ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank ➡️ มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache ➡️ Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments ➡️ ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร ➡️ บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน ➡️ ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง ➡️ การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์ ➡️ การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด ⛔ หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน ⛔ การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS ⛔ ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี ⛔ การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • “AMD อาจผลิตชิปที่โรงงาน Intel — คู่แข่งเก่ากำลังกลายเป็นพันธมิตรใหม่ในยุคแห่งความมั่นคงด้านเทคโนโลยี”

    ในความเคลื่อนไหวที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Intel และ AMD กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ AMD กลายเป็นลูกค้าของ Intel Foundry ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตชิปตามสั่งของ Intel ที่กำลังพยายามฟื้นตัวจากการตามหลัง TSMC มาหลายปี

    แม้ AMD จะยังพึ่งพา TSMC เป็นหลักในการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง เช่น Ryzen และ EPYC แต่การเจรจากับ Intel ครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการให้บริษัทอเมริกันผลิตชิปภายในประเทศมากขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ 50% ของชิปที่ใช้ในสหรัฐฯ ถูกผลิตในประเทศ เพื่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาไต้หวัน

    Intel ได้รับแรงสนับสนุนจากหลายฝ่ายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งการลงทุนจาก SoftBank มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ การเข้าถือหุ้น 9.9% โดยรัฐบาลสหรัฐฯ และการร่วมมือกับ Nvidia ในการพัฒนาชิป x86 ที่ใช้ GPU ของ Nvidia ซึ่งรวมถึงการลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์จาก Nvidia ด้วย

    หาก AMD ตกลงร่วมมือกับ Intel จริง จะถือเป็นการยืนยันวิสัยทัศน์ของอดีต CEO Pat Gelsinger ที่เคยประกาศว่า Intel ต้องการผลิตชิปให้กับทุกบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ แม้จะเป็นคู่แข่งโดยตรงก็ตาม

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดว่าชิปประเภทใดของ AMD จะถูกผลิตที่ Intel และ Intel เองก็ยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถผลิตชิประดับสูงสุดของ AMD ได้ในตอนนี้ เช่น ชิปที่ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3nm หรือ 4nm ของ TSMC

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel และ AMD กำลังเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ AMD เป็นลูกค้า Intel Foundry
    AMD ปัจจุบันผลิตชิปที่ TSMC แต่กำลังพิจารณาทางเลือกในสหรัฐฯ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้ 50% ของชิปที่ใช้ในประเทศถูกผลิตในประเทศ
    Intel ได้รับการลงทุนจาก SoftBank, Nvidia และรัฐบาลสหรัฐฯ
    Nvidia ลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์ใน Intel และร่วมพัฒนาชิป x86 ร่วมกัน
    หาก AMD ตกลง จะเป็นการยืนยันวิสัยทัศน์ของอดีต CEO Pat Gelsinger
    Intel กำลังมองหาลูกค้ารายใหญ่เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยี 14A และ 18A
    การร่วมมืออาจช่วยให้ AMD ลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดการส่งออกไปจีน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Intel Foundry ยังตามหลัง TSMC ในด้านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง
    AMD เคยได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออก GPU ไปจีนในปี 2025
    การผลิตชิปในสหรัฐฯ อาจช่วยให้ AMD ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    Nvidia และ Apple ก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อใช้ Intel Foundry เช่นกัน
    การผลิตชิประดับกลางในสหรัฐฯ อาจเป็นจุดเริ่มต้นก่อนขยายไปสู่ชิประดับสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-in-early-talks-to-make-chips-at-intel-foundry-report-says
    🤝 “AMD อาจผลิตชิปที่โรงงาน Intel — คู่แข่งเก่ากำลังกลายเป็นพันธมิตรใหม่ในยุคแห่งความมั่นคงด้านเทคโนโลยี” ในความเคลื่อนไหวที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Intel และ AMD กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ AMD กลายเป็นลูกค้าของ Intel Foundry ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตชิปตามสั่งของ Intel ที่กำลังพยายามฟื้นตัวจากการตามหลัง TSMC มาหลายปี แม้ AMD จะยังพึ่งพา TSMC เป็นหลักในการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง เช่น Ryzen และ EPYC แต่การเจรจากับ Intel ครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการให้บริษัทอเมริกันผลิตชิปภายในประเทศมากขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ 50% ของชิปที่ใช้ในสหรัฐฯ ถูกผลิตในประเทศ เพื่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาไต้หวัน Intel ได้รับแรงสนับสนุนจากหลายฝ่ายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งการลงทุนจาก SoftBank มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ การเข้าถือหุ้น 9.9% โดยรัฐบาลสหรัฐฯ และการร่วมมือกับ Nvidia ในการพัฒนาชิป x86 ที่ใช้ GPU ของ Nvidia ซึ่งรวมถึงการลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์จาก Nvidia ด้วย หาก AMD ตกลงร่วมมือกับ Intel จริง จะถือเป็นการยืนยันวิสัยทัศน์ของอดีต CEO Pat Gelsinger ที่เคยประกาศว่า Intel ต้องการผลิตชิปให้กับทุกบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ แม้จะเป็นคู่แข่งโดยตรงก็ตาม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดว่าชิปประเภทใดของ AMD จะถูกผลิตที่ Intel และ Intel เองก็ยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถผลิตชิประดับสูงสุดของ AMD ได้ในตอนนี้ เช่น ชิปที่ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3nm หรือ 4nm ของ TSMC ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel และ AMD กำลังเจรจาเบื้องต้นเพื่อให้ AMD เป็นลูกค้า Intel Foundry ➡️ AMD ปัจจุบันผลิตชิปที่ TSMC แต่กำลังพิจารณาทางเลือกในสหรัฐฯ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้ 50% ของชิปที่ใช้ในประเทศถูกผลิตในประเทศ ➡️ Intel ได้รับการลงทุนจาก SoftBank, Nvidia และรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ Nvidia ลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์ใน Intel และร่วมพัฒนาชิป x86 ร่วมกัน ➡️ หาก AMD ตกลง จะเป็นการยืนยันวิสัยทัศน์ของอดีต CEO Pat Gelsinger ➡️ Intel กำลังมองหาลูกค้ารายใหญ่เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยี 14A และ 18A ➡️ การร่วมมืออาจช่วยให้ AMD ลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดการส่งออกไปจีน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Intel Foundry ยังตามหลัง TSMC ในด้านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ➡️ AMD เคยได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออก GPU ไปจีนในปี 2025 ➡️ การผลิตชิปในสหรัฐฯ อาจช่วยให้ AMD ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ➡️ Nvidia และ Apple ก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อใช้ Intel Foundry เช่นกัน ➡️ การผลิตชิประดับกลางในสหรัฐฯ อาจเป็นจุดเริ่มต้นก่อนขยายไปสู่ชิประดับสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-in-early-talks-to-make-chips-at-intel-foundry-report-says
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD in early talks to make chips at Intel Foundry, report says
    It could be their biggest partnership since Kaby Lake-G.
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • “Intel ยันเดินหน้าสร้างโรงงานชิปในโอไฮโอ แม้ล่าช้า 5 ปี — ส.ว.ตั้งคำถามแรง ‘นี่คือการหลอกลวงหรือไม่?’”

    ย้อนกลับไปในปี 2022 Intel เคยประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่รัฐโอไฮโอ ภายใต้ชื่อโครงการ “Ohio One” โดยมีเป้าหมายสร้างโรงงานถึง 8 แห่ง พร้อมดึงดูดการลงทุนกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ และเสริมความแข็งแกร่งให้สหรัฐฯ ในฐานะผู้นำด้านการผลิตชิปขั้นสูง

    แต่ในปี 2025 นี้ โครงการกลับล่าช้าอย่างหนัก โดย Intel ยืนยันว่าจะเลื่อนการเปิดโรงงานไปถึงปี 2030 ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ว. Bernie Moreno ที่ส่งจดหมายถึง CEO ของ Intel เพื่อขอคำชี้แจง พร้อมตั้งคำถามว่า “นี่คือการหลอกลวง หรืออาจเป็นการฉ้อโกง?”

    Moreno ระบุว่า รัฐโอไฮโอได้ให้เงินสนับสนุนโครงการไปแล้วกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่อีกเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ที่เป็นรูปธรรม ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นที่เตรียมรับการเติบโตกลับต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน

    Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไปว่า “ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตในสหรัฐฯ” และ “ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในรัฐโอไฮโออย่างใกล้ชิด” แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี

    แม้จะมีความล่าช้า แต่ Intel ยังได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเข้าถือหุ้น 10% ในบริษัท พร้อมกับการลงทุนจาก Nvidia และ SoftBank ที่ช่วยดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปีนี้ โดยรัฐบาลมองว่า Intel คือคู่แข่งสำคัญของ TSMC และต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel ยืนยันเดินหน้าโครงการ Ohio One แม้จะเลื่อนเปิดโรงงานไปถึงปี 2030
    โครงการเดิมตั้งเป้าสร้างโรงงาน 8 แห่ง มูลค่ารวมกว่า $28 พันล้าน
    ส.ว. Bernie Moreno ส่งจดหมายถาม Intel ว่าโครงการนี้เป็น “การหลอกลวงหรือไม่”
    รัฐโอไฮโอให้เงินสนับสนุนแล้วกว่า $2 พันล้าน และโครงสร้างพื้นฐานอีก $700 ล้าน
    Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไป ไม่ได้ชี้แจงผลกระทบหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี
    รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อสนับสนุนด้านความมั่นคง
    Nvidia และ SoftBank ลงทุนใน Intel ดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปี 2025
    โรงงานนี้เคยถูกวางให้เป็นฐานผลิตเทคโนโลยี 18A และ 14A ของ Intel

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intels-elusive-ohio-fab-project-scrutinized-by-u-s-senator-amid-5-year-delay-to-2030-chipmaker-reassures-ambitious-plan-is-still-on-track-despite-recent-cut-downs
    🏗️ “Intel ยันเดินหน้าสร้างโรงงานชิปในโอไฮโอ แม้ล่าช้า 5 ปี — ส.ว.ตั้งคำถามแรง ‘นี่คือการหลอกลวงหรือไม่?’” ย้อนกลับไปในปี 2022 Intel เคยประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่รัฐโอไฮโอ ภายใต้ชื่อโครงการ “Ohio One” โดยมีเป้าหมายสร้างโรงงานถึง 8 แห่ง พร้อมดึงดูดการลงทุนกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ และเสริมความแข็งแกร่งให้สหรัฐฯ ในฐานะผู้นำด้านการผลิตชิปขั้นสูง แต่ในปี 2025 นี้ โครงการกลับล่าช้าอย่างหนัก โดย Intel ยืนยันว่าจะเลื่อนการเปิดโรงงานไปถึงปี 2030 ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ว. Bernie Moreno ที่ส่งจดหมายถึง CEO ของ Intel เพื่อขอคำชี้แจง พร้อมตั้งคำถามว่า “นี่คือการหลอกลวง หรืออาจเป็นการฉ้อโกง?” Moreno ระบุว่า รัฐโอไฮโอได้ให้เงินสนับสนุนโครงการไปแล้วกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่อีกเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ที่เป็นรูปธรรม ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นที่เตรียมรับการเติบโตกลับต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไปว่า “ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตในสหรัฐฯ” และ “ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในรัฐโอไฮโออย่างใกล้ชิด” แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี แม้จะมีความล่าช้า แต่ Intel ยังได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งเข้าถือหุ้น 10% ในบริษัท พร้อมกับการลงทุนจาก Nvidia และ SoftBank ที่ช่วยดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปีนี้ โดยรัฐบาลมองว่า Intel คือคู่แข่งสำคัญของ TSMC และต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel ยืนยันเดินหน้าโครงการ Ohio One แม้จะเลื่อนเปิดโรงงานไปถึงปี 2030 ➡️ โครงการเดิมตั้งเป้าสร้างโรงงาน 8 แห่ง มูลค่ารวมกว่า $28 พันล้าน ➡️ ส.ว. Bernie Moreno ส่งจดหมายถาม Intel ว่าโครงการนี้เป็น “การหลอกลวงหรือไม่” ➡️ รัฐโอไฮโอให้เงินสนับสนุนแล้วกว่า $2 พันล้าน และโครงสร้างพื้นฐานอีก $700 ล้าน ➡️ Intel ตอบกลับด้วยถ้อยคำทั่วไป ไม่ได้ชี้แจงผลกระทบหรือแผนเยียวยาผู้เสียภาษี ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อสนับสนุนด้านความมั่นคง ➡️ Nvidia และ SoftBank ลงทุนใน Intel ดันราคาหุ้นขึ้นกว่า 66% ในปี 2025 ➡️ โรงงานนี้เคยถูกวางให้เป็นฐานผลิตเทคโนโลยี 18A และ 14A ของ Intel https://www.tomshardware.com/tech-industry/intels-elusive-ohio-fab-project-scrutinized-by-u-s-senator-amid-5-year-delay-to-2030-chipmaker-reassures-ambitious-plan-is-still-on-track-despite-recent-cut-downs
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • “RubyGems ถูกยึดครอง? เมื่อความมั่นคงของซัพพลายเชนกลายเป็นข้ออ้างในการล้มล้างชุมชนโอเพ่นซอร์ส”

    ในเดือนกันยายน 2025 โลกของ Ruby ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เขย่ารากฐานของชุมชนโอเพ่นซอร์สอย่างรุนแรง เมื่อ Ruby Central ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลโครงการสำคัญอย่าง RubyGems และ Bundler ได้ดำเนินการยึดอำนาจจากผู้ดูแลระบบเดิมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Hiroshi Shibata (HSBT) เปลี่ยนชื่อ GitHub enterprise จาก “RubyGems” เป็น “Ruby Central” และเพิ่ม Marty Haught เป็นเจ้าของใหม่ พร้อมถอดสิทธิ์ผู้ดูแลเดิมทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาใครเลย2 ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน Haught ได้ลบสิทธิ์แอดมินของทีม RubyGems และ Bundler ทั้งหมด รวมถึงปิดอีเมลและถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญจากผู้ดูแลที่เคยรับผิดชอบมานานหลายปี เช่น André Arko และ Ellen Dash

    Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจครั้งนี้เป็นเรื่อง “จำเป็น” เพื่อความมั่นคงของซัพพลายเชน โดยอ้างถึงคำแนะนำจากที่ปรึกษากฎหมาย การตรวจสอบความปลอดภัย และแรงกดดันจากผู้สนับสนุนหลัก อย่าง Shopify ที่ขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุนหากไม่ดำเนินการตามแผน

    ในขณะที่ความไว้วางใจของชุมชนถูกสั่นคลอน กลุ่มผู้ดูแลเดิมได้รวมตัวกันตั้งองค์กรใหม่ชื่อว่า Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของ rvm, rbenv, bundler, rubygems และอื่น ๆ เข้าไว้ในเครื่องมือเดียว เพื่อคืนอำนาจให้กับนักพัฒนา และหลีกเลี่ยงการพึ่งพาผู้สนับสนุนที่อาจเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ruby Central ยึดสิทธิ์การดูแล GitHub ของ RubyGems และ Bundler โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
    Marty Haught ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าของใหม่โดยไม่มีการเห็นชอบจากผู้ดูแลเดิม
    ผู้ดูแลเดิมถูกลบสิทธิ์แอดมิน ปิดอีเมล และถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญ
    Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของซัพพลายเชน
    Shopify ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุน
    ผู้ดูแลเดิมรวมตัวกันตั้ง Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned
    Spinel เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของเครื่องมือ Ruby หลายตัว
    rv สามารถติดตั้ง Ruby และ gem ได้ในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องคอมไพล์
    Spinel ใช้โมเดล retainer กับบริษัท เพื่อความยั่งยืนโดยไม่พึ่งผู้สนับสนุนรายใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RubyGems เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่สำคัญที่สุดในระบบนิเวศของ Ruby
    การโจมตีซัพพลายเชนใน npm และ PyPI เคยสร้างความเสียหายระดับโลกมาแล้ว
    การควบคุมโครงการโอเพ่นซอร์สโดยองค์กรเดียวอาจนำไปสู่การผูกขาดและลดความโปร่งใส
    Spinel มีผู้ร่วมก่อตั้งที่เคยดูแล Bundler, RubyGems และเป็นสมาชิกทีม Rails core
    rv ได้รับแรงบันดาลใจจาก uv, Homebrew, Cargo และ npm เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักพัฒนา

    https://news.itsfoss.com/corporate-takeover-of-ruby/
    💎 “RubyGems ถูกยึดครอง? เมื่อความมั่นคงของซัพพลายเชนกลายเป็นข้ออ้างในการล้มล้างชุมชนโอเพ่นซอร์ส” ในเดือนกันยายน 2025 โลกของ Ruby ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เขย่ารากฐานของชุมชนโอเพ่นซอร์สอย่างรุนแรง เมื่อ Ruby Central ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลโครงการสำคัญอย่าง RubyGems และ Bundler ได้ดำเนินการยึดอำนาจจากผู้ดูแลระบบเดิมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Hiroshi Shibata (HSBT) เปลี่ยนชื่อ GitHub enterprise จาก “RubyGems” เป็น “Ruby Central” และเพิ่ม Marty Haught เป็นเจ้าของใหม่ พร้อมถอดสิทธิ์ผู้ดูแลเดิมทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาใครเลย2 ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน Haught ได้ลบสิทธิ์แอดมินของทีม RubyGems และ Bundler ทั้งหมด รวมถึงปิดอีเมลและถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญจากผู้ดูแลที่เคยรับผิดชอบมานานหลายปี เช่น André Arko และ Ellen Dash Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจครั้งนี้เป็นเรื่อง “จำเป็น” เพื่อความมั่นคงของซัพพลายเชน โดยอ้างถึงคำแนะนำจากที่ปรึกษากฎหมาย การตรวจสอบความปลอดภัย และแรงกดดันจากผู้สนับสนุนหลัก อย่าง Shopify ที่ขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุนหากไม่ดำเนินการตามแผน ในขณะที่ความไว้วางใจของชุมชนถูกสั่นคลอน กลุ่มผู้ดูแลเดิมได้รวมตัวกันตั้งองค์กรใหม่ชื่อว่า Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของ rvm, rbenv, bundler, rubygems และอื่น ๆ เข้าไว้ในเครื่องมือเดียว เพื่อคืนอำนาจให้กับนักพัฒนา และหลีกเลี่ยงการพึ่งพาผู้สนับสนุนที่อาจเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ruby Central ยึดสิทธิ์การดูแล GitHub ของ RubyGems และ Bundler โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ➡️ Marty Haught ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าของใหม่โดยไม่มีการเห็นชอบจากผู้ดูแลเดิม ➡️ ผู้ดูแลเดิมถูกลบสิทธิ์แอดมิน ปิดอีเมล และถอนสิทธิ์การเข้าถึง gem สำคัญ ➡️ Ruby Central อ้างว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของซัพพลายเชน ➡️ Shopify ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยขู่ว่าจะถอนเงินสนับสนุน ➡️ ผู้ดูแลเดิมรวมตัวกันตั้ง Spinel ซึ่งเป็นสหกรณ์แบบ worker-owned ➡️ Spinel เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ “rv” ที่รวมความสามารถของเครื่องมือ Ruby หลายตัว ➡️ rv สามารถติดตั้ง Ruby และ gem ได้ในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องคอมไพล์ ➡️ Spinel ใช้โมเดล retainer กับบริษัท เพื่อความยั่งยืนโดยไม่พึ่งผู้สนับสนุนรายใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RubyGems เป็นระบบจัดการแพ็กเกจที่สำคัญที่สุดในระบบนิเวศของ Ruby ➡️ การโจมตีซัพพลายเชนใน npm และ PyPI เคยสร้างความเสียหายระดับโลกมาแล้ว ➡️ การควบคุมโครงการโอเพ่นซอร์สโดยองค์กรเดียวอาจนำไปสู่การผูกขาดและลดความโปร่งใส ➡️ Spinel มีผู้ร่วมก่อตั้งที่เคยดูแล Bundler, RubyGems และเป็นสมาชิกทีม Rails core ➡️ rv ได้รับแรงบันดาลใจจาก uv, Homebrew, Cargo และ npm เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักพัฒนา https://news.itsfoss.com/corporate-takeover-of-ruby/
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • “Cixi Vigoz — รถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ ‘ปั่น’ ด้วยขาไปถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวง พร้อมระบบ PERS และดีไซน์สุดล้ำ”

    ในยุคที่การเดินทางต้องการทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน Cixi Vigoz คือยานพาหนะที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการขับรถไปโดยสิ้นเชิง — เพราะมันคือรถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ “ปั่น” ด้วยขาเพื่อควบคุมความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวงอย่างถูกกฎหมาย

    Vigoz ถูกออกแบบโดยบริษัทวิศวกรรมจากฝรั่งเศสชื่อ Cixi โดยผสมผสานความเป็นจักรยาน, รถสามล้อ, ไมโครคาร์ และรถไฟฟ้าขนาดเล็กในยุโรป (L5e) เข้าด้วยกัน จุดเด่นคือระบบ PERS (Pedaling Energy Recovery System) ที่ไม่มีโซ่ แต่ใช้การปั่นเพื่อควบคุมการเร่งและเบรกผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง — ปั่นเร็ว รถก็เร็ว, ปั่นถอยหลัง รถก็เบรก พร้อมระบบ regenerative braking ที่ช่วยชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งาน

    ตัวรถมีล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว และล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน พร้อมระบบเอียงตัวอัตโนมัติเมื่อเข้าโค้งเพื่อความมั่นคงในการขับขี่ มีแบตเตอรี่ขนาด 22 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดราว 160 กม. และสามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 6 ชั่วโมงจากปลั๊กบ้านทั่วไป

    ภายใน Vigoz มีเบาะนั่งแบบปรับได้ พร้อมคันบังคับสองข้างแทนพวงมาลัย, เบรกมือ, จอแสดงผลความเร็ว และระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้นำทาง ตัวรถรองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเล็กน้อย

    แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ แต่ Cixi ระบุว่า Vigoz จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบ “สมัครสมาชิก” เท่านั้น ไม่ขายขาด โดยมีอายุการใช้งานออกแบบไว้ถึง 15 ปี พร้อมระบบอัปเดต OTA และโครงสร้างที่ซ่อมง่าย เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Vigoz เป็นรถสามล้อไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยการปั่นแบบไร้โซ่ผ่านระบบ PERS
    ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้งานได้บนถนนหลวงและทางหลวงในยุโรป
    แบตเตอรี่ 22 kWh ให้ระยะทางราว 160 กม. ชาร์จเต็มใน 6 ชั่วโมง
    ระบบ regenerative braking และการปั่นช่วยเพิ่มระยะทาง
    ล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว, ล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน
    ระบบเอียงตัวอัตโนมัติช่วยให้เข้าโค้งได้มั่นคง
    ภายในมีเบาะปรับได้, คันบังคับสองข้าง, เบรกมือ, จอแสดงผล และระบบนำทาง
    รองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
    ใช้ระบบสมัครสมาชิก ไม่ขายขาด พร้อมอายุการใช้งาน 15 ปี
    โครงสร้างซ่อมง่าย, เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และมีระบบอัปเดต OTA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Vigoz อยู่ในกลุ่ม L5e ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่วิ่งบนถนนหลวงได้ตามกฎหมายยุโรป
    ระบบ PERS ช่วยให้ผู้ใช้เลือกแรงต้านในการปั่นได้ตามต้องการ
    ความสูงรถ 165 ซม. ช่วยให้มองเห็นในจราจรและปลอดภัยจากรถใหญ่
    Vigoz ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ภูเขา เช่น French Alps
    มีระบบปรับอากาศ, ไฟ LED, ที่ปัดน้ำฝน และหน้าต่างเลื่อนเพื่อความสะดวก

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/forget-e-bikes-this-electric-trike-lets-you-pedal-your-way-to-75mph-on-public-highways
    🚲⚡ “Cixi Vigoz — รถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ ‘ปั่น’ ด้วยขาไปถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวง พร้อมระบบ PERS และดีไซน์สุดล้ำ” ในยุคที่การเดินทางต้องการทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน Cixi Vigoz คือยานพาหนะที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการขับรถไปโดยสิ้นเชิง — เพราะมันคือรถสามล้อไฟฟ้าที่ให้คุณ “ปั่น” ด้วยขาเพื่อควบคุมความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. บนถนนหลวงอย่างถูกกฎหมาย Vigoz ถูกออกแบบโดยบริษัทวิศวกรรมจากฝรั่งเศสชื่อ Cixi โดยผสมผสานความเป็นจักรยาน, รถสามล้อ, ไมโครคาร์ และรถไฟฟ้าขนาดเล็กในยุโรป (L5e) เข้าด้วยกัน จุดเด่นคือระบบ PERS (Pedaling Energy Recovery System) ที่ไม่มีโซ่ แต่ใช้การปั่นเพื่อควบคุมการเร่งและเบรกผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง — ปั่นเร็ว รถก็เร็ว, ปั่นถอยหลัง รถก็เบรก พร้อมระบบ regenerative braking ที่ช่วยชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างใช้งาน ตัวรถมีล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว และล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน พร้อมระบบเอียงตัวอัตโนมัติเมื่อเข้าโค้งเพื่อความมั่นคงในการขับขี่ มีแบตเตอรี่ขนาด 22 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดราว 160 กม. และสามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 6 ชั่วโมงจากปลั๊กบ้านทั่วไป ภายใน Vigoz มีเบาะนั่งแบบปรับได้ พร้อมคันบังคับสองข้างแทนพวงมาลัย, เบรกมือ, จอแสดงผลความเร็ว และระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อใช้นำทาง ตัวรถรองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเล็กน้อย แม้จะยังอยู่ในขั้นตอนต้นแบบ แต่ Cixi ระบุว่า Vigoz จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบ “สมัครสมาชิก” เท่านั้น ไม่ขายขาด โดยมีอายุการใช้งานออกแบบไว้ถึง 15 ปี พร้อมระบบอัปเดต OTA และโครงสร้างที่ซ่อมง่าย เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Vigoz เป็นรถสามล้อไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยการปั่นแบบไร้โซ่ผ่านระบบ PERS ➡️ ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้งานได้บนถนนหลวงและทางหลวงในยุโรป ➡️ แบตเตอรี่ 22 kWh ให้ระยะทางราว 160 กม. ชาร์จเต็มใน 6 ชั่วโมง ➡️ ระบบ regenerative braking และการปั่นช่วยเพิ่มระยะทาง ➡️ ล้อหน้า 2 ล้อสำหรับบังคับเลี้ยว, ล้อหลัง 1 ล้อสำหรับขับเคลื่อน ➡️ ระบบเอียงตัวอัตโนมัติช่วยให้เข้าโค้งได้มั่นคง ➡️ ภายในมีเบาะปรับได้, คันบังคับสองข้าง, เบรกมือ, จอแสดงผล และระบบนำทาง ➡️ รองรับเบาะเด็ก IsoFix และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ➡️ ใช้ระบบสมัครสมาชิก ไม่ขายขาด พร้อมอายุการใช้งาน 15 ปี ➡️ โครงสร้างซ่อมง่าย, เปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และมีระบบอัปเดต OTA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Vigoz อยู่ในกลุ่ม L5e ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่วิ่งบนถนนหลวงได้ตามกฎหมายยุโรป ➡️ ระบบ PERS ช่วยให้ผู้ใช้เลือกแรงต้านในการปั่นได้ตามต้องการ ➡️ ความสูงรถ 165 ซม. ช่วยให้มองเห็นในจราจรและปลอดภัยจากรถใหญ่ ➡️ Vigoz ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ภูเขา เช่น French Alps ➡️ มีระบบปรับอากาศ, ไฟ LED, ที่ปัดน้ำฝน และหน้าต่างเลื่อนเพื่อความสะดวก https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/forget-e-bikes-this-electric-trike-lets-you-pedal-your-way-to-75mph-on-public-highways
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี

    ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน

    เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก

    เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง

    เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944

    ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด

    การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน
    ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง
    ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป

    คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
    แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ
    ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย

    การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ
    เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร
    คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น”

    ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
    ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์
    หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้

    https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    📰 “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944 ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน ➡️ ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง ➡️ ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ✅ คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ➡️ แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ ➡️ ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย ✅ การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ ➡️ เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร ➡️ คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น” ✅ ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ➡️ ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์ ➡️ หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้ https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • 'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง

    //////////////////


    รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

    18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป

    สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
    นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง

    ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย

    “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น
    ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
    นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง
    ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป

    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี
    “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น
    เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ
    สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน

    สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
    นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา
    “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย
    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง ////////////////// รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 0 Reviews
  • คุณลุงพูดถูกใจ ปิดด่านถาวร เพราะ… (16/9/68)

    #ปิดด่านถาวร
    #เสียงจากประชาชน
    #ชายแดนไทย
    #เพื่อความมั่นคง
    #เพื่อแผ่นดินไทย
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    คุณลุงพูดถูกใจ ปิดด่านถาวร เพราะ… (16/9/68) #ปิดด่านถาวร #เสียงจากประชาชน #ชายแดนไทย #เพื่อความมั่นคง #เพื่อแผ่นดินไทย #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 0 Reviews
  • ..พล.อ.รังษี อย่าให้จีนมาถือการลงทุนมากกว่าไทยเลยนะ ไม่ดีแน่นอน นี้คือการครอบงำกิจการ ครอบงำการปฏิบัติงานอธิปไตยของชาตินะ จะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตจีนแล้วนะนั้น อันตรายมาก,แนวคิดนี้ท่านพลาดใหญ่หลวงเลยนะ,การดำรงอธิปไตยไทยได้ดีที่สุดคือเป็นเจ้าของ100% ให้บริการดูแลเขาเต็มที่ก็พอ เสมือนห้องประชุมงานเลี้ยงที่สถานที่คือของเรา100%ผลประโยชน์ด้านงานสถานที่คือรับเต็มๆ100%
    เราบริหารจัดการสั่งการบัญชาการอะไร ปรับปรุงแบบไหนอิสระเต็มที่ ไม่ต้องรออนุญาตอนุมัติจากใคร รอใครมาเห็นชอบด้วย บริหารจัดการได้100%.

    ..จะรถไฟระบบรางความเร็วสูงจะรีบร้อนอะไร เรามีกำลังเท่าไรก็ทำเองเท่านั้นก่อน,ที่ดินและระบบรางเป็นตังเป็นทุนของเราเองสร้าง ความเป็นเจ้าของเราก็100%เต็ม พื้นที่บริหารจัดการรางรถไฟทั้งหมดเราบริหารจัดการเอง,เชื่อมรถไฟจีน จีนแค่เอารถไฟจีนของตัวเองมาวิ่งแค่นั้น ห้ามมีสิทธิใดๆในอธิปไตยดินแดนบนแผ่นดินไทยเราให้บรืหารจัดการยุ่งยาก,ผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกแก่คนไทยในชาติเราเอง,เช่นสถานีพักระหว่างทางขึ้นลง คนไทยสร้างศูนย์การค้าการตลาดประชาชนเองร่วมกัน นักท่องเที่ยวลงจอดแวะซื้อขายบนเขตพื้นที่บริหารจัดการเราผู้เดียว ตังก็หมุนเวียนทันทีภายในประเทศไทยเรา รถไฟจีนมาหน้าที่ขนคนขนสินค้าบริการตนตามเป้าหมายปลายทางแค่นั้น,ไทยไม่เป็นหนี้ตังจีนมาเร่งรีบลงทุนงานก่อสร้างด้วย,เราจัดการข้าราชการทุจริตจริงจังจบก็สบายทันที โปร่งใสสร้างความเชื่อถือได้แล้ว ไม่ยากอะไร,อย่าเป็นแบบลาว จีนสร้างเแ็นของจีนหมดตลอดที่ดินสร้างรางรถไฟ นี้เสียอธิปไตยบริหารจัดการบนแผ่นดินตนชัดเจน,ความโลภลักษณะนี้อันตรายต่อลูกหลานเราเองในคนรุ่นหลังๆเราอาจด่าโคตรเหง้าว่าขายชาติขายสิทธิอธิปไตยตนเองได้,

    ..ขุดคลองคิดกระก็ขุดเอง100%ห้ามต่างชาติมายุ่ง
    ..สร้างแลนด์บริดจ์ข้างคลองคอดกระทั้งสองข้างก็ห้ามใครมายุ่ง,ระดมทุนจากภาคประชาชนทั้งประเทศไทยได้ สร้างมันขึ้นมาสิ.,ตั้งเป็นกองทุนคลองไทยแห่งชาติก็ได้ สร้างบริษัทบริหารจัดการคลองคอดกระและแลนด์บริดจ์เอง,ไม่ต้องให้มหาอำนาจใดมาแดกตังมากอบโกยเม็ดเงินมหาศาลนี้ง่ายๆจะจีนจะอเมริกาก็ตามที่เป็นเขตราชอาณาจักรอธิปไตยไทยนี้,เม็ดเงินมหาศาลจากการบริหารจัดการคลองคอดกระ จากแลนด์บริดจ์อาจกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้ทั่วประ้ทศไทยเราโดยเฉพาะเขตคลองคอดกระและแลนด์บริดจ์นี้.,จะไปให้จีนถือมากกว่าไทยทำไม,ใช่ไม่ได้ เสมือนหมอบกราบสยบใต้ตีนจีนเกินไป ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีเพราะนี้คือดินแดนแผ่นดินไทย เขตอธิปไตยไทยคลองไทยเราขุดเองระเบิดเองจะทำไม,จีนอเมริกามาบีบหมายบังคับจะแดกด้วยใช้ไม่ได้,ให้สามารถสร้างงานบริการเต็มที่ที่ลูกค้าทั่วโลกผ่านเข้าออกคลองไทยเรา,ต่างชาติจะมาแทรกแซงสั่งการใดๆไม่ได้ เราจะปิดจะเปิดคลองไทยมันคืออธิปไตยไทย100% รวมรางรถไฟความเร็วสูงด้วย ปิดระบบรางเพื่อความมั่นคงของไทยก็ได้ตลอดเวลาอีก ใครจะมาปรับเอาความเสียหายกับเราก็ไม่ได้,รางรถไฟเราสร้างเองไม่ต้องกู้ตังใครถูกต้องที่สุด ดำเนินทางสายกลางถูกแล้ว.

    ..จริงๆเราสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเราทันทีได้ง่ายๆ พลิกหน้ามือมารอดมาตั้งหลักตั้งฐานได้ทันทีกันเลย นั้นคือ ยกเลิกสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่ผ่านสภาประชาธิปไตยใดๆเลย ซึ่งเป็นกิจการความมั่นคงโดยตรงด้านพลังงานขับเคลื่อนทุกๆบริบทกิจกรรมภายในประเทศไทยเรา ต้องโมฆะทันที ยึดคืนสู่สามัญใหม่ให้ถูกต้องเป็นธรรมกว่าในอดีตๆที่ผ่านๆมา,เศรษฐกิจจะพลิกฟื้นทันที เราสามารถส่งทหารไปผลิตเองใช้ในประเทศก่อนได้ ขายน้ำมันราคาไม่แพงแก่ประชาชนแลัอุตสาหกรรมภายในประเทศที่เป็นของคนไทยก่อน สัญชาติไทย100%หุ้นไทยก่อน,ใครมีต่างชาติถือหุ้นด้วยก็อีกราคาต่างหาก,เกษตรกรสามารถซื้อน้ำมันราคาลิตรละ1-2บาทได้ ขนส่งก็อาจลิตรละ0.90บาท ,ค่าครองชีพค่าขนส่งจะลดลงทันที,ราคาสินค้าจะปรับฐานใหม่ภายในประเทศ ทุกๆอย่างจะปรับฐานใหม่หมดจะเชื่อมโยงกระทบทางที่ดีหมด,ราคาสินค้าเราจะต้นทุนต่ำ สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ทันที ข้าวจากตันละ400-600$,อาจลดเหลือ200-300$ ต้นทุนแค่10$ต่อตัน,กำไรกว่า100$พอใจมั้ย,คนซื้อก็พอใจประหยัดตังได้อีก,ความอุดมสมบูรณ์จะกลับคืนมาทันที,นักเรียนนักศึกษาจากปกติพกตังหลายร้อยบาทไปโรงเรียนไปมหาลัยตื๊ดๆทีก็หมดไปหลายร้อย,ปัจจุบันตื๊ดๆที ได้สินค้าอาหารกับข้าวกินจนอิ่มจนเหลือทุกๆวันเพราะ10-20บาทอาจเทียบกับพกตังไปในกระเป๋ากว่าพันกว่าหมื่นบาทกันเลย,ข้าวอาหารก๋วยเตี๋ยวอาจชามละ0.25บาทนั้นเอง,น้ำมันเติมมอไซค์ไปโรงเรียนไปมหาลัยอาจแค่ลิตรละ0.5-1บาทสำหรับนักเรียนนักศึกษาก็ได้,1บาทได้2ลิตรเกือบเต็มถัง.2บาท4ลิตรล้นถังมอไซค์แน่นอน,
    ..ต้นเหตุเศรษฐกิจจริงๆตอนนี้คือน้ำมันคือพลังงาน จะรบจะทำสงครามกันเครื่องจักรปัจจุบันกินน้ำมันหมด,
    ..ไทยเรายึดบ่อน้ำมันจากอีลิทต่างชาติdeep state หลายๆปัญหาจบแน่นอน,ยึดสัก20-30บ่อมาผลิตขายเองในไทยดูสิ จะเห็นผลทันที ทุกๆคนไทยใช้รถ ขนส่งสินค้าใช้รถ ราคาสินค้าบวกต้นทุนขนส่งหมด,ต้นทุนต้นน้ำแบบเกษตรกร โรงงานผู้ผลิตต่างๆลดลง กำไรเขาก็มากได้ ลดค่าใช้จ่ายรวมอีก,ต้นน้ำถูก ปลายน้ำก็ถูกทันที
    ..จริงๆปัญหาประเทศไทยตัวโคตรพ่อโคตรแมร่งจริงๆคือบ่อน้ำมันในไทยเรา,ยึดคืนมาทั้งหมดที่ถูกปล้นจากสัญญาสัมปทานเอาเปรียบประเทศไทยมานานก็จบแล้ว.,ไปเดินอ้อมปัญหาจริงๆทำไม.ลดค่าน้ำมันลิตรละ0.50-1บาทในไทย ลดค่าไฟฟ้า 0.15-0.25บาทต่อหน่วย ,เศรษฐกิจทั่วประเทศไทยฟื้นฟูทันที,จากนั้นค่อยแก้ไปทีละจุดๆต่อไป,ขายน้ำมันในราคาตลาดโลกเมื่อส่งออก,วิกฤติไทยแก้ได้แน่นอน.,ที่เขมรใช้1:200,000ก็ฝรั่งเศสอเมริกาหรือหลายชาติต่างอยากได้แดกบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเรานี้ด้วยล่ะ,ก่อนไปพลังงานสะอาดอื่นๆที่สร้างค่าเสถียรการใช้งานปลอดภัยได้แล้ว.,แต่คงหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีกันเลย.


    https://youtube.com/watch?v=41WZaOg8ZFo&si=RViZxHzSvx9JtmUZ
    ..พล.อ.รังษี อย่าให้จีนมาถือการลงทุนมากกว่าไทยเลยนะ ไม่ดีแน่นอน นี้คือการครอบงำกิจการ ครอบงำการปฏิบัติงานอธิปไตยของชาตินะ จะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตจีนแล้วนะนั้น อันตรายมาก,แนวคิดนี้ท่านพลาดใหญ่หลวงเลยนะ,การดำรงอธิปไตยไทยได้ดีที่สุดคือเป็นเจ้าของ100% ให้บริการดูแลเขาเต็มที่ก็พอ เสมือนห้องประชุมงานเลี้ยงที่สถานที่คือของเรา100%ผลประโยชน์ด้านงานสถานที่คือรับเต็มๆ100% เราบริหารจัดการสั่งการบัญชาการอะไร ปรับปรุงแบบไหนอิสระเต็มที่ ไม่ต้องรออนุญาตอนุมัติจากใคร รอใครมาเห็นชอบด้วย บริหารจัดการได้100%. ..จะรถไฟระบบรางความเร็วสูงจะรีบร้อนอะไร เรามีกำลังเท่าไรก็ทำเองเท่านั้นก่อน,ที่ดินและระบบรางเป็นตังเป็นทุนของเราเองสร้าง ความเป็นเจ้าของเราก็100%เต็ม พื้นที่บริหารจัดการรางรถไฟทั้งหมดเราบริหารจัดการเอง,เชื่อมรถไฟจีน จีนแค่เอารถไฟจีนของตัวเองมาวิ่งแค่นั้น ห้ามมีสิทธิใดๆในอธิปไตยดินแดนบนแผ่นดินไทยเราให้บรืหารจัดการยุ่งยาก,ผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกแก่คนไทยในชาติเราเอง,เช่นสถานีพักระหว่างทางขึ้นลง คนไทยสร้างศูนย์การค้าการตลาดประชาชนเองร่วมกัน นักท่องเที่ยวลงจอดแวะซื้อขายบนเขตพื้นที่บริหารจัดการเราผู้เดียว ตังก็หมุนเวียนทันทีภายในประเทศไทยเรา รถไฟจีนมาหน้าที่ขนคนขนสินค้าบริการตนตามเป้าหมายปลายทางแค่นั้น,ไทยไม่เป็นหนี้ตังจีนมาเร่งรีบลงทุนงานก่อสร้างด้วย,เราจัดการข้าราชการทุจริตจริงจังจบก็สบายทันที โปร่งใสสร้างความเชื่อถือได้แล้ว ไม่ยากอะไร,อย่าเป็นแบบลาว จีนสร้างเแ็นของจีนหมดตลอดที่ดินสร้างรางรถไฟ นี้เสียอธิปไตยบริหารจัดการบนแผ่นดินตนชัดเจน,ความโลภลักษณะนี้อันตรายต่อลูกหลานเราเองในคนรุ่นหลังๆเราอาจด่าโคตรเหง้าว่าขายชาติขายสิทธิอธิปไตยตนเองได้, ..ขุดคลองคิดกระก็ขุดเอง100%ห้ามต่างชาติมายุ่ง ..สร้างแลนด์บริดจ์ข้างคลองคอดกระทั้งสองข้างก็ห้ามใครมายุ่ง,ระดมทุนจากภาคประชาชนทั้งประเทศไทยได้ สร้างมันขึ้นมาสิ.,ตั้งเป็นกองทุนคลองไทยแห่งชาติก็ได้ สร้างบริษัทบริหารจัดการคลองคอดกระและแลนด์บริดจ์เอง,ไม่ต้องให้มหาอำนาจใดมาแดกตังมากอบโกยเม็ดเงินมหาศาลนี้ง่ายๆจะจีนจะอเมริกาก็ตามที่เป็นเขตราชอาณาจักรอธิปไตยไทยนี้,เม็ดเงินมหาศาลจากการบริหารจัดการคลองคอดกระ จากแลนด์บริดจ์อาจกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้ทั่วประ้ทศไทยเราโดยเฉพาะเขตคลองคอดกระและแลนด์บริดจ์นี้.,จะไปให้จีนถือมากกว่าไทยทำไม,ใช่ไม่ได้ เสมือนหมอบกราบสยบใต้ตีนจีนเกินไป ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีเพราะนี้คือดินแดนแผ่นดินไทย เขตอธิปไตยไทยคลองไทยเราขุดเองระเบิดเองจะทำไม,จีนอเมริกามาบีบหมายบังคับจะแดกด้วยใช้ไม่ได้,ให้สามารถสร้างงานบริการเต็มที่ที่ลูกค้าทั่วโลกผ่านเข้าออกคลองไทยเรา,ต่างชาติจะมาแทรกแซงสั่งการใดๆไม่ได้ เราจะปิดจะเปิดคลองไทยมันคืออธิปไตยไทย100% รวมรางรถไฟความเร็วสูงด้วย ปิดระบบรางเพื่อความมั่นคงของไทยก็ได้ตลอดเวลาอีก ใครจะมาปรับเอาความเสียหายกับเราก็ไม่ได้,รางรถไฟเราสร้างเองไม่ต้องกู้ตังใครถูกต้องที่สุด ดำเนินทางสายกลางถูกแล้ว. ..จริงๆเราสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเราทันทีได้ง่ายๆ พลิกหน้ามือมารอดมาตั้งหลักตั้งฐานได้ทันทีกันเลย นั้นคือ ยกเลิกสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่ผ่านสภาประชาธิปไตยใดๆเลย ซึ่งเป็นกิจการความมั่นคงโดยตรงด้านพลังงานขับเคลื่อนทุกๆบริบทกิจกรรมภายในประเทศไทยเรา ต้องโมฆะทันที ยึดคืนสู่สามัญใหม่ให้ถูกต้องเป็นธรรมกว่าในอดีตๆที่ผ่านๆมา,เศรษฐกิจจะพลิกฟื้นทันที เราสามารถส่งทหารไปผลิตเองใช้ในประเทศก่อนได้ ขายน้ำมันราคาไม่แพงแก่ประชาชนแลัอุตสาหกรรมภายในประเทศที่เป็นของคนไทยก่อน สัญชาติไทย100%หุ้นไทยก่อน,ใครมีต่างชาติถือหุ้นด้วยก็อีกราคาต่างหาก,เกษตรกรสามารถซื้อน้ำมันราคาลิตรละ1-2บาทได้ ขนส่งก็อาจลิตรละ0.90บาท ,ค่าครองชีพค่าขนส่งจะลดลงทันที,ราคาสินค้าจะปรับฐานใหม่ภายในประเทศ ทุกๆอย่างจะปรับฐานใหม่หมดจะเชื่อมโยงกระทบทางที่ดีหมด,ราคาสินค้าเราจะต้นทุนต่ำ สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ทันที ข้าวจากตันละ400-600$,อาจลดเหลือ200-300$ ต้นทุนแค่10$ต่อตัน,กำไรกว่า100$พอใจมั้ย,คนซื้อก็พอใจประหยัดตังได้อีก,ความอุดมสมบูรณ์จะกลับคืนมาทันที,นักเรียนนักศึกษาจากปกติพกตังหลายร้อยบาทไปโรงเรียนไปมหาลัยตื๊ดๆทีก็หมดไปหลายร้อย,ปัจจุบันตื๊ดๆที ได้สินค้าอาหารกับข้าวกินจนอิ่มจนเหลือทุกๆวันเพราะ10-20บาทอาจเทียบกับพกตังไปในกระเป๋ากว่าพันกว่าหมื่นบาทกันเลย,ข้าวอาหารก๋วยเตี๋ยวอาจชามละ0.25บาทนั้นเอง,น้ำมันเติมมอไซค์ไปโรงเรียนไปมหาลัยอาจแค่ลิตรละ0.5-1บาทสำหรับนักเรียนนักศึกษาก็ได้,1บาทได้2ลิตรเกือบเต็มถัง.2บาท4ลิตรล้นถังมอไซค์แน่นอน, ..ต้นเหตุเศรษฐกิจจริงๆตอนนี้คือน้ำมันคือพลังงาน จะรบจะทำสงครามกันเครื่องจักรปัจจุบันกินน้ำมันหมด, ..ไทยเรายึดบ่อน้ำมันจากอีลิทต่างชาติdeep state หลายๆปัญหาจบแน่นอน,ยึดสัก20-30บ่อมาผลิตขายเองในไทยดูสิ จะเห็นผลทันที ทุกๆคนไทยใช้รถ ขนส่งสินค้าใช้รถ ราคาสินค้าบวกต้นทุนขนส่งหมด,ต้นทุนต้นน้ำแบบเกษตรกร โรงงานผู้ผลิตต่างๆลดลง กำไรเขาก็มากได้ ลดค่าใช้จ่ายรวมอีก,ต้นน้ำถูก ปลายน้ำก็ถูกทันที ..จริงๆปัญหาประเทศไทยตัวโคตรพ่อโคตรแมร่งจริงๆคือบ่อน้ำมันในไทยเรา,ยึดคืนมาทั้งหมดที่ถูกปล้นจากสัญญาสัมปทานเอาเปรียบประเทศไทยมานานก็จบแล้ว.,ไปเดินอ้อมปัญหาจริงๆทำไม.ลดค่าน้ำมันลิตรละ0.50-1บาทในไทย ลดค่าไฟฟ้า 0.15-0.25บาทต่อหน่วย ,เศรษฐกิจทั่วประเทศไทยฟื้นฟูทันที,จากนั้นค่อยแก้ไปทีละจุดๆต่อไป,ขายน้ำมันในราคาตลาดโลกเมื่อส่งออก,วิกฤติไทยแก้ได้แน่นอน.,ที่เขมรใช้1:200,000ก็ฝรั่งเศสอเมริกาหรือหลายชาติต่างอยากได้แดกบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเรานี้ด้วยล่ะ,ก่อนไปพลังงานสะอาดอื่นๆที่สร้างค่าเสถียรการใช้งานปลอดภัยได้แล้ว.,แต่คงหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีกันเลย. https://youtube.com/watch?v=41WZaOg8ZFo&si=RViZxHzSvx9JtmUZ
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Scaling Laws: เมื่อ compute ไม่ใช่พระเจ้าองค์เดียว และ data คือสิ่งที่เรากำลังขาดแคลน

    Kushal Chakrabarti เขียนบทความที่พลิกความเข้าใจเดิมเกี่ยวกับ The Bitter Lesson โดยชี้ว่า เราอ่านบทเรียนนี้ “กลับด้าน” มานานหลายปี เพราะจริง ๆ แล้ว Scaling Laws บอกเราว่า compute (C) ไม่ได้ทำงานลอย ๆ—มันต้องจับคู่กับ data (D) อย่างถูกสัดส่วน และความสัมพันธ์นั้นคือ C ∼ D²

    แปลว่า ถ้าเราจะเพิ่ม GPU เป็นสองเท่า เราต้องเพิ่มข้อมูลอีก 40% ไม่งั้นก็เหมือนจุดไฟเผาเงินเล่น เพราะ compute ที่มากขึ้นจะไม่มีประโยชน์ถ้าไม่มีข้อมูลที่มากพอให้มันเรียนรู้

    ปัญหาคือ เรากินข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไปหมดแล้ว และไม่มี “อินเทอร์เน็ตที่สอง” ให้เทรน GPT-6 ได้อีกต่อไป ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงจริง ๆ เหลืออยู่แค่ประมาณ 10 ล้านล้าน token เท่านั้น ซึ่งไม่พอสำหรับโมเดลระดับ 100B+ parameters ที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลต่อ parameter

    ดังนั้น ทีม AI ต้องเลือกทางเดินใหม่: จะเป็น “Architect” ที่ออกแบบโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม หรือเป็น “Alchemist” ที่สร้างข้อมูลใหม่จากการเรียนรู้ของโมเดลเอง เช่น self-play, RLHF, หรือ agentic feedback loop

    Scaling Laws และความเข้าใจใหม่
    ความสัมพันธ์ระหว่าง compute กับ data คือ C ∼ D²
    เพิ่ม GPU โดยไม่เพิ่มข้อมูล = ประสิทธิภาพลดลง
    Chinchilla model ของ DeepMind ยืนยันว่า model size ควรสอดคล้องกับ data size

    ปัญหาคอขวดด้านข้อมูล
    อินเทอร์เน็ตถูกใช้หมดแล้ว ไม่มีแหล่งข้อมูลใหม่ขนาดใหญ่
    ข้อมูลคุณภาพสูงเหลือเพียง ~10T token หลังกรองซ้ำและคุณภาพ
    GPT-6 ต้องการข้อมูลระดับ ~20 token ต่อ parameter ซึ่งไม่พอในปัจจุบัน

    ทางเลือกของทีมวิจัย AI
    Architect: พัฒนาโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม เช่น Mamba, HRM, ParScale
    Alchemist: สร้างข้อมูลใหม่จาก self-play, RLHF, agentic feedback loop
    ทั้งสองแนวทางต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    กลยุทธ์สำหรับผู้นำองค์กร
    Incumbent’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Architect เพื่อความมั่นคง และ 30% กับ Alchemist เพื่อ hedge
    Challenger’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Alchemist เพื่อ leapfrog และ 30% กับ Architect เพื่อความต่อเนื่อง
    การจัดพอร์ตวิจัยต้องสะท้อนความเสี่ยงและเป้าหมายขององค์กร

    https://obviouslywrong.substack.com/p/the-bitter-lesson-is-misunderstood
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Scaling Laws: เมื่อ compute ไม่ใช่พระเจ้าองค์เดียว และ data คือสิ่งที่เรากำลังขาดแคลน Kushal Chakrabarti เขียนบทความที่พลิกความเข้าใจเดิมเกี่ยวกับ The Bitter Lesson โดยชี้ว่า เราอ่านบทเรียนนี้ “กลับด้าน” มานานหลายปี เพราะจริง ๆ แล้ว Scaling Laws บอกเราว่า compute (C) ไม่ได้ทำงานลอย ๆ—มันต้องจับคู่กับ data (D) อย่างถูกสัดส่วน และความสัมพันธ์นั้นคือ C ∼ D² แปลว่า ถ้าเราจะเพิ่ม GPU เป็นสองเท่า เราต้องเพิ่มข้อมูลอีก 40% ไม่งั้นก็เหมือนจุดไฟเผาเงินเล่น เพราะ compute ที่มากขึ้นจะไม่มีประโยชน์ถ้าไม่มีข้อมูลที่มากพอให้มันเรียนรู้ ปัญหาคือ เรากินข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไปหมดแล้ว และไม่มี “อินเทอร์เน็ตที่สอง” ให้เทรน GPT-6 ได้อีกต่อไป ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงจริง ๆ เหลืออยู่แค่ประมาณ 10 ล้านล้าน token เท่านั้น ซึ่งไม่พอสำหรับโมเดลระดับ 100B+ parameters ที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลต่อ parameter ดังนั้น ทีม AI ต้องเลือกทางเดินใหม่: จะเป็น “Architect” ที่ออกแบบโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม หรือเป็น “Alchemist” ที่สร้างข้อมูลใหม่จากการเรียนรู้ของโมเดลเอง เช่น self-play, RLHF, หรือ agentic feedback loop ✅ Scaling Laws และความเข้าใจใหม่ ➡️ ความสัมพันธ์ระหว่าง compute กับ data คือ C ∼ D² ➡️ เพิ่ม GPU โดยไม่เพิ่มข้อมูล = ประสิทธิภาพลดลง ➡️ Chinchilla model ของ DeepMind ยืนยันว่า model size ควรสอดคล้องกับ data size ✅ ปัญหาคอขวดด้านข้อมูล ➡️ อินเทอร์เน็ตถูกใช้หมดแล้ว ไม่มีแหล่งข้อมูลใหม่ขนาดใหญ่ ➡️ ข้อมูลคุณภาพสูงเหลือเพียง ~10T token หลังกรองซ้ำและคุณภาพ ➡️ GPT-6 ต้องการข้อมูลระดับ ~20 token ต่อ parameter ซึ่งไม่พอในปัจจุบัน ✅ ทางเลือกของทีมวิจัย AI ➡️ Architect: พัฒนาโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม เช่น Mamba, HRM, ParScale ➡️ Alchemist: สร้างข้อมูลใหม่จาก self-play, RLHF, agentic feedback loop ➡️ ทั้งสองแนวทางต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ✅ กลยุทธ์สำหรับผู้นำองค์กร ➡️ Incumbent’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Architect เพื่อความมั่นคง และ 30% กับ Alchemist เพื่อ hedge ➡️ Challenger’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Alchemist เพื่อ leapfrog และ 30% กับ Architect เพื่อความต่อเนื่อง ➡️ การจัดพอร์ตวิจัยต้องสะท้อนความเสี่ยงและเป้าหมายขององค์กร https://obviouslywrong.substack.com/p/the-bitter-lesson-is-misunderstood
    OBVIOUSLYWRONG.SUBSTACK.COM
    The Bitter Lesson is Misunderstood
    Together, the Bitter Lesson and Scaling Laws reveal that the god of Compute we worship is yoked to an even greater one — the god of Data.
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel

    ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ

    ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่

    แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต

    แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า?

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10%
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส
    รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung
    แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน
    การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ
    CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ
    Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด
    การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน
    รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
    การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน
    CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน
    Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี
    การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    🎙️ เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่ แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า? 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส ➡️ รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung ➡️ แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน ➡️ การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ ➡️ CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ ➡️ Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด ➡️ การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ➡️ รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ➡️ การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน ➡️ CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน ➡️ Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี ➡️ การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    0 Comments 0 Shares 398 Views 0 Reviews
  • “กองบัญชาการกองทัพไทย” ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่านงดเผยแพร่ภาพ-ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหาร เพื่อความมั่นคงของชาติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000069705

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “กองบัญชาการกองทัพไทย” ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่านงดเผยแพร่ภาพ-ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหาร เพื่อความมั่นคงของชาติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000069705 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 606 Views 0 Reviews
  • ทบ.ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน-ประชาชน งดเผยแพร่ภาพ- ข้อมูล
    ปฏิบัติการทางทหาร การลำเลียงอาวุธ การระดมกำลังทหาร เพื่อความมั่นคงของชาติและความได้เปรียบในการสู้รบ
    .
    พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกท่าน งดการบันทึกภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ หรือการเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ หรือยานพาหนะทางทหารขนาดใหญ่ รวมถึงการระบุสถานที่หรือเส้นทางการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะหรือสื่อออนไลน์ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

    ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลด้านความมั่นคงถูกนำไปใช้โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี อันอาจนำไปสู่ การบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของภารกิจทางทหาร

    กองทัพบกตระหนักถึง ความสำคัญของการดำเนินภารกิจด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย และมีเอกภาพ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ในการหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกำลังพลในพื้นที่ และเพื่อให้กองทัพสามารถทำหน้าที่ในการพิทักษ์อธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างเต็มศักยภาพ

    กองทัพบกขอขอบคุณในความเข้าใจ ร่วมมือ และกำลังใจที่ประชาชนมีให้แก่กำลังพลเสมอมา และขอยืนยันว่ากองทัพจะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องประเทศชาติด้วยความเสียสละและมุ่งมั่น เพื่อสร้างความสงบสุขให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
    ทบ.ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน-ประชาชน งดเผยแพร่ภาพ- ข้อมูล ปฏิบัติการทางทหาร การลำเลียงอาวุธ การระดมกำลังทหาร เพื่อความมั่นคงของชาติและความได้เปรียบในการสู้รบ . พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกท่าน งดการบันทึกภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ หรือการเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ หรือยานพาหนะทางทหารขนาดใหญ่ รวมถึงการระบุสถานที่หรือเส้นทางการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะหรือสื่อออนไลน์ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลด้านความมั่นคงถูกนำไปใช้โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี อันอาจนำไปสู่ การบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของภารกิจทางทหาร กองทัพบกตระหนักถึง ความสำคัญของการดำเนินภารกิจด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย และมีเอกภาพ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ในการหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกำลังพลในพื้นที่ และเพื่อให้กองทัพสามารถทำหน้าที่ในการพิทักษ์อธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างเต็มศักยภาพ กองทัพบกขอขอบคุณในความเข้าใจ ร่วมมือ และกำลังใจที่ประชาชนมีให้แก่กำลังพลเสมอมา และขอยืนยันว่ากองทัพจะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องประเทศชาติด้วยความเสียสละและมุ่งมั่น เพื่อสร้างความสงบสุขให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
    0 Comments 0 Shares 423 Views 0 Reviews
  • ดร.ศักดิ์ณรงค์ ก็ยังหาวิธีไม่ได้ว่าทำอย่างไร ผมเคยเสนอความเห็นได้เพียง คุณสมบัติของคนเลือก กับคนอาสา เราไม่รู้กฎหมาย บางอย่างคิด แต่เขียนคงไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญ นั้นต้องแก้ แต่จะให้เขียนใหม่ ตีเช็คเปล่า หรือไอ้หลอ เสนอ นั้นก็ไม่เหมือนความเห็นที่ผมเคยชวนคิดชวนเขียนถ้า มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ทำเวปให้คนมาโหวตให้รัฐบาลพ้นความชอบธรรม ในการบริหาร ให้นำร่างที่ประชาชนจริงๆ เขียนแก้ไขบางข้อ มาแก้ไข แล้วจัดตั้งรัฐบาลพิเศษบริหารงานชั่วคราว เมื่อกติกาใหม่เสร็จ นักการเมืองค่อยมาสมัคร การโหวตทางเวปนั้นไม่พอ แต่ต้องออกมาสนับสนุนด้วย แล้วถ้านักการเมืองไม่ไป ผู้มีหน้าที่ คุณก็รู้ว่าใคร ที่มีไม้กวาด น้ำยาล้างสิ่งสกปรก มาจับทิ้งลงถังอันนี้เป็นวิธีที่ยากในอีกหลายวิธี ที่ยากกว่า ไม่สามารถเขียนได้เรื่องยากๆ วิธีนี้ มันจะไม่ยากเลย ถ้าทุกคนที่คิดว่าตัวเองเป็นพลเมือง มาโหวต แล้วขอเกิน 3% ของคนทั้งประเทศ ที่สละเวลาได้ ออกมาแสดงตัวตนพร้อมกัน ไปบอกคนเก็บขยะของประเทศ เพื่อความมั่นคง มาช่วยกวาด ไป ไป ไป ให้ไกลๆ หรือถูกกักบริเวณ ริบทรัพย์ ยาก นะ จะให้คนออกความเห็น และออกมา แต่จะง่าย แค่ มีใจและทำเพื่อเธอ ประเทศไทยhttps://youtu.be/EkYXDH_GA6E?si=ry_UQVyW9m5AkBk5
    ดร.ศักดิ์ณรงค์ ก็ยังหาวิธีไม่ได้ว่าทำอย่างไร ผมเคยเสนอความเห็นได้เพียง คุณสมบัติของคนเลือก กับคนอาสา เราไม่รู้กฎหมาย บางอย่างคิด แต่เขียนคงไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญ นั้นต้องแก้ แต่จะให้เขียนใหม่ ตีเช็คเปล่า หรือไอ้หลอ เสนอ นั้นก็ไม่เหมือนความเห็นที่ผมเคยชวนคิดชวนเขียนถ้า มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ทำเวปให้คนมาโหวตให้รัฐบาลพ้นความชอบธรรม ในการบริหาร ให้นำร่างที่ประชาชนจริงๆ เขียนแก้ไขบางข้อ มาแก้ไข แล้วจัดตั้งรัฐบาลพิเศษบริหารงานชั่วคราว เมื่อกติกาใหม่เสร็จ นักการเมืองค่อยมาสมัคร การโหวตทางเวปนั้นไม่พอ แต่ต้องออกมาสนับสนุนด้วย แล้วถ้านักการเมืองไม่ไป ผู้มีหน้าที่ คุณก็รู้ว่าใคร ที่มีไม้กวาด น้ำยาล้างสิ่งสกปรก มาจับทิ้งลงถังอันนี้เป็นวิธีที่ยากในอีกหลายวิธี ที่ยากกว่า ไม่สามารถเขียนได้เรื่องยากๆ วิธีนี้ มันจะไม่ยากเลย ถ้าทุกคนที่คิดว่าตัวเองเป็นพลเมือง มาโหวต แล้วขอเกิน 3% ของคนทั้งประเทศ ที่สละเวลาได้ ออกมาแสดงตัวตนพร้อมกัน ไปบอกคนเก็บขยะของประเทศ เพื่อความมั่นคง มาช่วยกวาด ไป ไป ไป ให้ไกลๆ หรือถูกกักบริเวณ ริบทรัพย์ ยาก นะ จะให้คนออกความเห็น และออกมา แต่จะง่าย แค่ มีใจและทำเพื่อเธอ ประเทศไทยhttps://youtu.be/EkYXDH_GA6E?si=ry_UQVyW9m5AkBk5
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • โฆษก ศบ.ทก.ด้านการต่างประเทศ เผยสถานการณ์ภาพรวมจุดผ่านแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เรียกร้องกัมพูชาประสานเวลาเปิดด่านกับฝ่ายไทย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน พร้อมเรียกร้องกัมพูชาตระหนักถึงผลกระทบต่อการค้าในภูมิภาคจากการปิดด่านโดยไม่มีเหตุผล ยืนยัน กต.ไม่นิ่งนอนใจ รอผลตรวจสอบจากกองทัพ หากพบกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ พร้อมส่งหนังสือประท้วงตามกลไกทวิภาคีและช่องทางที่เหมาะสม

    วันนี้(18 ก.ค.) นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ด้านการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า สถานการณ์ในพื้นที่โดยรวมจุดผ่านแดนทุกแห่ง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายไทยยังคงความเข้มงวดในการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ เพื่อความมั่นคง ปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่ได้ปิดด่าน เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพิ่มเติม ที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ยังอนุโลมการผ่านแดนสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นตามหลักมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำในข้อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาประสานเวลาการเปิดปิดด่านกับฝ่ายไทย เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนที่มีความจำเป็นที่จะข้ามแดน และเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมความร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันทั้งสองประเทศ หากฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจที่จะจัดการกับเรื่องดังกล่าวตามที่ได้มีการประกาศไว้ ก็ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่สื่อจากต่างประเทศบางแห่งก็ได้ตั้งข้อสังเกต ถึงการจริงจังของฝ่ายกัมพูชา ว่าจะมีมาตรการเหล่านี้อย่างไร พร้อมย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าวได้ผลต่อเมื่อมีการประสานงานในเรื่องบริหารจุดผ่านแดนกับฝ่ายไทย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000067650

    #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา
    โฆษก ศบ.ทก.ด้านการต่างประเทศ เผยสถานการณ์ภาพรวมจุดผ่านแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เรียกร้องกัมพูชาประสานเวลาเปิดด่านกับฝ่ายไทย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน พร้อมเรียกร้องกัมพูชาตระหนักถึงผลกระทบต่อการค้าในภูมิภาคจากการปิดด่านโดยไม่มีเหตุผล ยืนยัน กต.ไม่นิ่งนอนใจ รอผลตรวจสอบจากกองทัพ หากพบกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ พร้อมส่งหนังสือประท้วงตามกลไกทวิภาคีและช่องทางที่เหมาะสม • วันนี้(18 ก.ค.) นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ด้านการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า สถานการณ์ในพื้นที่โดยรวมจุดผ่านแดนทุกแห่ง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายไทยยังคงความเข้มงวดในการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ เพื่อความมั่นคง ปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่ได้ปิดด่าน เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพิ่มเติม ที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ยังอนุโลมการผ่านแดนสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นตามหลักมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำในข้อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาประสานเวลาการเปิดปิดด่านกับฝ่ายไทย เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนที่มีความจำเป็นที่จะข้ามแดน และเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมความร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันทั้งสองประเทศ หากฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจที่จะจัดการกับเรื่องดังกล่าวตามที่ได้มีการประกาศไว้ ก็ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่สื่อจากต่างประเทศบางแห่งก็ได้ตั้งข้อสังเกต ถึงการจริงจังของฝ่ายกัมพูชา ว่าจะมีมาตรการเหล่านี้อย่างไร พร้อมย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าวได้ผลต่อเมื่อมีการประสานงานในเรื่องบริหารจุดผ่านแดนกับฝ่ายไทย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000067650 • #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 589 Views 0 Reviews
  • ..นี้คือความเหี้ยของคนขึ้นไปปกครอง,คนเขียนกฎหมายการเลือกตั้ง,พรรคแพ้การเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้,จริงๆต้องเลือกตั้งใหม่,ห้ามสส.คนสมัครเดิมลงเลือกตั้ง.ให้อนุญาตคนหน้าใหม่มาลงสมัครแทน.,กฎหมายการเลือกตั้งเราเองล่ะคือตัวปัญหาอีกกรณีในมุมมองนี้,จนประชาชนต้องลงสนามรบกันเลย,และเสือกไปลาออกด้วย พรรคร่วมก็หน้ามึน, นายกฯพระราชทานแก้หมากdeep stateต่างชาติได้,และสามารถอยู่เฉพาะกิจสัก10-20ปีก็ได้ เงื่อนไขคือยึดคืนบ่อน้ำมันทั้งหมดบนแผ่นดินไทยบนอ่าวไทยบนอันดามันบนราชอาณาจักรเราคืนมาอย่างจริงจังเสียที,สงครามสมัยนี้แม้อิสราเอลกับอิหร่าน ลึกๆจริงๆเรื่องวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าของแต่ละชาติแบบน้ำมันที่อิหร่านมีนั่นล่ะ ส่วนจะขายให้ใครอีกเรื่อง,อิหร่านขายน้ำมันให้คนในประเทศอิหร่านตนแค่ลิตรละ1-2บาท,ประเทศไทยมีบ่อน้ำมันมากกว่าอิหร่าน มีโรงกลั่นน้ำมันมากกว่าอิหร่านเสือกขายน้ำมันลดต้นทุนให้ชาวนาชาวเกษตรทุกๆอุตสากรรมสัญชาติไทยลิตระละ1-2บาทแบบอิหร่านไม่ได้เลย,เรา..มีวิถีการปกครองที่ล้มเหลวตกประเมินผลงาน สอบตกในการปกครองประเทศไทย.,ทหารชนะโดยไม่ต้องลงสนามหรือรบก็ได้,การลงสนามรบในยุคนี้เป็นบริบทหรือวิถีสุดท้ายซึ่งคนโง่ผู้นำโง่ๆมักสำคัญผิดว่าคือสิ่งแรกที่ต้องมี,โลกเรามิใช่ยุคจับดาบจับหอกมาสู้กันแล้ว,ระดับปัญญาภูมิจิตภูมิใจพัฒนาไปมากแล้ว,เพราะสงครามเต็มไปด้วยการพรากจากการสูญเสียซึ่งผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองฝั่งฝ่ายไม่จำเป็นต้องมาเป็นเหยื่อในกลไกการปกครองที่อุบาทก์ของผู้ปกครองชาตินั้นๆ.,ชาวโลกที่บริสุทธิ์ไม่สมควรตกเป็นเหยื่อแห่งภัยนี้เหมือนในอดีต,คนขายคนค้าอาวุธค้ากระสุนค้าเครื่องยิงมันได้ประโยชน์ทัังนั้นนั่งดูเจ้านายโง่ๆทำสงครามฆ่าฟันกัน.คนตายใช่เจ้านายสมองโง่พวกนั่นไม่,เสือกพลทหารประชาชนธรรมดานี้เองที่อยู่ในวิถีสงครามซวยต่างหาก.,สนองอารมณ์เจ้านายนักปกครองเลวไม่คุ้มอะไร,เราก็สูญเสีย เขาก็สูญเสียสะเหร่อยิงกันแทบตายเดี๋ยวก็มาจับมือแบบอิสราเอลหรืออิหร่านอีก,ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เลยยิ่งโหดอีก,ระเบิดทั้งประเทศขีปนาวุธยิงถล่มราบเรียบอีกก็ดับอนาถอีกคนบริสุทธิ์,หมากนี้แก้ง่ายจะตาย เอากำลังทหารมายึดอำนาจรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทหารสิ,ยึดอำนาจเด็ดเสร็จขาด,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยเรียกฑูตไทยเรากลับมาจริงทั้งหมดถีบฑูตเขมรคนเขมรออกจากประเทศทั้งหมดหรือส่งไปประเทศอื่นห้ามคนเขมรอยู่บนแผ่นดินไทยทุกๆตัว,ปิดพรมแดนจริงจังตลอดแนว ตัดทั้งหมดที่ไปเขมร,ระเบิดรางรถไฟทิ้ง ระเบิดถนนหนทางทิ้ง ปิดน่านฟ้าน่านน้ำไปเขมรทั้งหมด,คนไทยห้ามเข้าเขมรทุกๆกรณี นักพนันโทษประหารทันทีอยากเล่นนักไปเล่นในนรกเลย,แบนสกุลเงินเขมร,ลบสกุลเงินเขมรออกจากประเทศไทยห้ามรับห้ามแลกเปลี่ยนทั้งหมด,คว่ำบาตรเขมร,พันธมิตรไทยทั้งหมดห้ามค้าขายกับเขมร,น้ำมันไทยทุกๆบ่อที่สัมปทานไปมีคำสั่งให้ปิดทุกๆหลุมขุดเจาะบนอ่าวไทยยิ่งใกล้ๆเขมรปิดถาวรทันที,เปิดเจาะแค่ใช้ในประเทศไทยเท่านั้นและด้วยกฎอัยการศึกความมั่นคงของชาติโมฆะสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมดยึดคืนเพื่อความมั่นคงทางยุทธปัจจัยของประเทศไทยทั้งหมด,สมาชิกพันธมิตรใดไม่ทำตามที่ไทยร้องขอหากไทยส่งออกน้ำมันให้ชาตินั้นสามารถระงับการส่งออกทันที,กระแสเงินโอนไปเขมรจะอายัดทุกๆกรณีตลอดโอนมาไทยจากเขมรก็เดียวเช่นกันจะถูกอายัดหมดยึดทรัพย์หมด,นี้คือมาตราการเล็กน้อยในการไม่ต้องรบทางสนามจริง,ประชาชนไม่ถูกระเบิดอาวุธใดๆด้วย,ประชาชนเขมรต้องจัดการผู้นำตนเองที่ชั่วเลวเองภายในชาติเขมรเอง,เราจัดการคนทรยศผ่านในแล้วที่ทำให้อาเชียนไม่สงบสุข.


    https://youtube.com/shorts/H4gKf2Cv8m0?si=4REnp_d5oaWqkeh6
    ..นี้คือความเหี้ยของคนขึ้นไปปกครอง,คนเขียนกฎหมายการเลือกตั้ง,พรรคแพ้การเลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้,จริงๆต้องเลือกตั้งใหม่,ห้ามสส.คนสมัครเดิมลงเลือกตั้ง.ให้อนุญาตคนหน้าใหม่มาลงสมัครแทน.,กฎหมายการเลือกตั้งเราเองล่ะคือตัวปัญหาอีกกรณีในมุมมองนี้,จนประชาชนต้องลงสนามรบกันเลย,และเสือกไปลาออกด้วย พรรคร่วมก็หน้ามึน, นายกฯพระราชทานแก้หมากdeep stateต่างชาติได้,และสามารถอยู่เฉพาะกิจสัก10-20ปีก็ได้ เงื่อนไขคือยึดคืนบ่อน้ำมันทั้งหมดบนแผ่นดินไทยบนอ่าวไทยบนอันดามันบนราชอาณาจักรเราคืนมาอย่างจริงจังเสียที,สงครามสมัยนี้แม้อิสราเอลกับอิหร่าน ลึกๆจริงๆเรื่องวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าของแต่ละชาติแบบน้ำมันที่อิหร่านมีนั่นล่ะ ส่วนจะขายให้ใครอีกเรื่อง,อิหร่านขายน้ำมันให้คนในประเทศอิหร่านตนแค่ลิตรละ1-2บาท,ประเทศไทยมีบ่อน้ำมันมากกว่าอิหร่าน มีโรงกลั่นน้ำมันมากกว่าอิหร่านเสือกขายน้ำมันลดต้นทุนให้ชาวนาชาวเกษตรทุกๆอุตสากรรมสัญชาติไทยลิตระละ1-2บาทแบบอิหร่านไม่ได้เลย,เรา..มีวิถีการปกครองที่ล้มเหลวตกประเมินผลงาน สอบตกในการปกครองประเทศไทย.,ทหารชนะโดยไม่ต้องลงสนามหรือรบก็ได้,การลงสนามรบในยุคนี้เป็นบริบทหรือวิถีสุดท้ายซึ่งคนโง่ผู้นำโง่ๆมักสำคัญผิดว่าคือสิ่งแรกที่ต้องมี,โลกเรามิใช่ยุคจับดาบจับหอกมาสู้กันแล้ว,ระดับปัญญาภูมิจิตภูมิใจพัฒนาไปมากแล้ว,เพราะสงครามเต็มไปด้วยการพรากจากการสูญเสียซึ่งผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองฝั่งฝ่ายไม่จำเป็นต้องมาเป็นเหยื่อในกลไกการปกครองที่อุบาทก์ของผู้ปกครองชาตินั้นๆ.,ชาวโลกที่บริสุทธิ์ไม่สมควรตกเป็นเหยื่อแห่งภัยนี้เหมือนในอดีต,คนขายคนค้าอาวุธค้ากระสุนค้าเครื่องยิงมันได้ประโยชน์ทัังนั้นนั่งดูเจ้านายโง่ๆทำสงครามฆ่าฟันกัน.คนตายใช่เจ้านายสมองโง่พวกนั่นไม่,เสือกพลทหารประชาชนธรรมดานี้เองที่อยู่ในวิถีสงครามซวยต่างหาก.,สนองอารมณ์เจ้านายนักปกครองเลวไม่คุ้มอะไร,เราก็สูญเสีย เขาก็สูญเสียสะเหร่อยิงกันแทบตายเดี๋ยวก็มาจับมือแบบอิสราเอลหรืออิหร่านอีก,ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เลยยิ่งโหดอีก,ระเบิดทั้งประเทศขีปนาวุธยิงถล่มราบเรียบอีกก็ดับอนาถอีกคนบริสุทธิ์,หมากนี้แก้ง่ายจะตาย เอากำลังทหารมายึดอำนาจรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทหารสิ,ยึดอำนาจเด็ดเสร็จขาด,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยเรียกฑูตไทยเรากลับมาจริงทั้งหมดถีบฑูตเขมรคนเขมรออกจากประเทศทั้งหมดหรือส่งไปประเทศอื่นห้ามคนเขมรอยู่บนแผ่นดินไทยทุกๆตัว,ปิดพรมแดนจริงจังตลอดแนว ตัดทั้งหมดที่ไปเขมร,ระเบิดรางรถไฟทิ้ง ระเบิดถนนหนทางทิ้ง ปิดน่านฟ้าน่านน้ำไปเขมรทั้งหมด,คนไทยห้ามเข้าเขมรทุกๆกรณี นักพนันโทษประหารทันทีอยากเล่นนักไปเล่นในนรกเลย,แบนสกุลเงินเขมร,ลบสกุลเงินเขมรออกจากประเทศไทยห้ามรับห้ามแลกเปลี่ยนทั้งหมด,คว่ำบาตรเขมร,พันธมิตรไทยทั้งหมดห้ามค้าขายกับเขมร,น้ำมันไทยทุกๆบ่อที่สัมปทานไปมีคำสั่งให้ปิดทุกๆหลุมขุดเจาะบนอ่าวไทยยิ่งใกล้ๆเขมรปิดถาวรทันที,เปิดเจาะแค่ใช้ในประเทศไทยเท่านั้นและด้วยกฎอัยการศึกความมั่นคงของชาติโมฆะสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมดยึดคืนเพื่อความมั่นคงทางยุทธปัจจัยของประเทศไทยทั้งหมด,สมาชิกพันธมิตรใดไม่ทำตามที่ไทยร้องขอหากไทยส่งออกน้ำมันให้ชาตินั้นสามารถระงับการส่งออกทันที,กระแสเงินโอนไปเขมรจะอายัดทุกๆกรณีตลอดโอนมาไทยจากเขมรก็เดียวเช่นกันจะถูกอายัดหมดยึดทรัพย์หมด,นี้คือมาตราการเล็กน้อยในการไม่ต้องรบทางสนามจริง,ประชาชนไม่ถูกระเบิดอาวุธใดๆด้วย,ประชาชนเขมรต้องจัดการผู้นำตนเองที่ชั่วเลวเองภายในชาติเขมรเอง,เราจัดการคนทรยศผ่านในแล้วที่ทำให้อาเชียนไม่สงบสุข. https://youtube.com/shorts/H4gKf2Cv8m0?si=4REnp_d5oaWqkeh6
    0 Comments 0 Shares 522 Views 0 Reviews
  • โฆษกกองทัพบกชี้แจงกิจกรรมนักปั่นจักรยานเยี่ยมชมพื้นที่ตาเมือนธม แจ้งฝ่ายกัมพูชาก่อนแล้ว มีชุดประสานมาสังเกตการณ์ไม่เห็นคัดค้าน ยันอยู่ในเขตไทย ไม่ได้ละเมิดข้อตกลง ฝ่ายกัมพูชาสื่อสารภายในกันคลาดเคลื่อนเอง ส่วนช่องสายตะกูจำเป็นต้องปิดเพื่อความมั่นคงหลังพบทหารกัมพูชาเสริมกำลังในพื้นที่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000058688

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษกกองทัพบกชี้แจงกิจกรรมนักปั่นจักรยานเยี่ยมชมพื้นที่ตาเมือนธม แจ้งฝ่ายกัมพูชาก่อนแล้ว มีชุดประสานมาสังเกตการณ์ไม่เห็นคัดค้าน ยันอยู่ในเขตไทย ไม่ได้ละเมิดข้อตกลง ฝ่ายกัมพูชาสื่อสารภายในกันคลาดเคลื่อนเอง ส่วนช่องสายตะกูจำเป็นต้องปิดเพื่อความมั่นคงหลังพบทหารกัมพูชาเสริมกำลังในพื้นที่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000058688 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 602 Views 0 Reviews
  • สงครามโลกครั้งที่ 3: ตระกูลรอธส์ไชลด์เพิ่งจุดชนวนความขัดแย้งผ่านอิสราเอล
    การโจมตีอิหร่านไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นพิธีกรรม

    นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลกับอิหร่าน แต่เป็นเรื่องของพวกโลกาภิวัตน์ที่ดึงคันโยกสุดท้าย ชนชั้นสูงสายเลือดเดียวกันกับที่วางแผนสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 และ "ความขัดแย้ง" ทั้งหมดนับแต่นั้นมา 17 มิถุนายน 2025 — วันที่ลัทธิความตายของตระกูลรอธส์ไชลด์-ไซออนิสต์ประกาศสงครามกับมนุษยชาติ

    การโจมตีของอิสราเอลได้รับการสนับสนุนเงินทุนล่วงหน้า ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า และวางแผนไว้ล่วงหน้า การโจมตีทางอากาศที่กำหนดเป้าหมายที่นาตันซ์และฟอร์โดว์ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกัน แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความโกลาหลทั่วโลกเพื่อทำลายระบบ พลเรือน 60 คน เด็ก 20 คน ถูกเผาในเตหะราน นั่นไม่ใช่การกระทำโดยอ้อม แต่เป็นนามบัตร ข้อความจากกลุ่มผู้มีอำนาจลูซิเฟอร์ที่แสวงหากำไรจากเลือด

    แหล่งข่าววงในของ CENTCOM ยืนยันว่าดาวเทียมทหารของสหรัฐฯ ถูกเปลี่ยนเส้นทางเพื่อสนับสนุนอิสราเอลไม่กี่วันก่อนที่ระเบิดลูกแรกจะถูกทิ้ง นี่ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการประสานงาน เป็นกับดักที่ตั้งใจจะบีบให้ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่สงครามที่เขาไม่เคยต้องการ

    ศัตรูของทรัมป์เปิดฉากสงครามครั้งนี้เพื่อทำลายเขา พวกเขาไม่สามารถหยุดเขาในการเลือกตั้ง พวกเขาไม่สามารถควบคุมเขาด้วยโควิด การถอดถอน และการต่อสู้ทางกฎหมาย ตอนนี้พวกเขาต้องการบีบให้เขาสนับสนุนเครื่องจักรสงคราม เขาไม่ได้หวั่นไหว แต่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    เนทันยาฮูไม่ได้รับใช้อิสราเอล เขารับใช้คลาอุส ชวาบ แลร์รี ฟิงค์ และกลุ่มค้ายาในดาวอส อิสราเอลคือหุ่นเชิด ขีปนาวุธคือข้อความ

    การตอบสนองของอิหร่าน? โดรนและขีปนาวุธ 370 ลำ ไม่ใช่การแก้แค้น ความยุติธรรม การก่อวินาศกรรม การลอบสังหาร และการคว่ำบาตรหลายปี ตอนนี้? ตึกอพาร์ตเมนต์ของอิสราเอลถูกทำลาย โดมเหล็กล้นหลาม — ถูกรบกวนทางไซเบอร์โดยกองกำลังที่สนับสนุน BRICS รัสเซียและจีนกำลังเฝ้าดู — และพร้อมแล้ว

    ทำไมตอนนี้ เพราะกลุ่มโลกาภิวัตน์กำลังผลักดันขั้นตอนสุดท้าย:

    – ทำลายเปโตรดอลลาร์
    – เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลพร้อมการระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก
    – ระงับบัญชีเงินเกษียณ “เพื่อความมั่นคงของชาติ”

    – อ้างเหตุผลในการเฝ้าระวังและเซ็นเซอร์ AI ภายใต้กฎอัยการศึก
    – ท่วมยุโรปด้วยผู้อพยพเพื่อทำลายการต่อต้านของชาตินิยม
    – ใช้สงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อลบล้างอำนาจอธิปไตยของชาติ — ตลอดไป

    กาซ่าเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ ภารกิจที่แท้จริง: รีเซ็ตโลก บังคับให้มนุษยชาติควบคุมทั้งหมด แต่ความจริงกลับรั่วไหล:

    – ข่าวกรองของรัสเซียยืนยันว่าระเบิดของอิสราเอลกำหนดเป้าหมายพลเรือน
    – บุคคลภายในของ Mossad กำลังรั่วไหลแผนดังกล่าว
    – ผู้แจ้งเบาะแสของ CENTCOM ยอมรับว่าไม่เคยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์

    ตอนนี้ทรัมป์กำลังทำงานร่วมกับ BRICS เบื้องหลัง การประชุมสุดยอดสันติภาพคู่ขนาน ไม่มี NATO ไม่มี UN ไม่มี WEF เป้าหมายคืออะไร? ยุติการสังหารหมู่ ทำลายระบบ ปลดปล่อยโลก

    ถึงชนชั้นสูง: พิธีกรรมของคุณล้มเหลว มนุษย์มองเห็นคุณ และพายุที่คุณต้องการ? มันกำลังหันกลับมาต่อต้านคุณ

    นี่ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการกบฏเพื่อรีเซ็ตโลก
    และครั้งนี้ คุณแพ้
    สงครามโลกครั้งที่ 3: ตระกูลรอธส์ไชลด์เพิ่งจุดชนวนความขัดแย้งผ่านอิสราเอล การโจมตีอิหร่านไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นพิธีกรรม นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลกับอิหร่าน แต่เป็นเรื่องของพวกโลกาภิวัตน์ที่ดึงคันโยกสุดท้าย ชนชั้นสูงสายเลือดเดียวกันกับที่วางแผนสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 และ "ความขัดแย้ง" ทั้งหมดนับแต่นั้นมา 17 มิถุนายน 2025 — วันที่ลัทธิความตายของตระกูลรอธส์ไชลด์-ไซออนิสต์ประกาศสงครามกับมนุษยชาติ การโจมตีของอิสราเอลได้รับการสนับสนุนเงินทุนล่วงหน้า ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า และวางแผนไว้ล่วงหน้า การโจมตีทางอากาศที่กำหนดเป้าหมายที่นาตันซ์และฟอร์โดว์ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกัน แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความโกลาหลทั่วโลกเพื่อทำลายระบบ พลเรือน 60 คน เด็ก 20 คน ถูกเผาในเตหะราน นั่นไม่ใช่การกระทำโดยอ้อม แต่เป็นนามบัตร ข้อความจากกลุ่มผู้มีอำนาจลูซิเฟอร์ที่แสวงหากำไรจากเลือด แหล่งข่าววงในของ CENTCOM ยืนยันว่าดาวเทียมทหารของสหรัฐฯ ถูกเปลี่ยนเส้นทางเพื่อสนับสนุนอิสราเอลไม่กี่วันก่อนที่ระเบิดลูกแรกจะถูกทิ้ง นี่ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการประสานงาน เป็นกับดักที่ตั้งใจจะบีบให้ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่สงครามที่เขาไม่เคยต้องการ ศัตรูของทรัมป์เปิดฉากสงครามครั้งนี้เพื่อทำลายเขา พวกเขาไม่สามารถหยุดเขาในการเลือกตั้ง พวกเขาไม่สามารถควบคุมเขาด้วยโควิด การถอดถอน และการต่อสู้ทางกฎหมาย ตอนนี้พวกเขาต้องการบีบให้เขาสนับสนุนเครื่องจักรสงคราม เขาไม่ได้หวั่นไหว แต่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น เนทันยาฮูไม่ได้รับใช้อิสราเอล เขารับใช้คลาอุส ชวาบ แลร์รี ฟิงค์ และกลุ่มค้ายาในดาวอส อิสราเอลคือหุ่นเชิด ขีปนาวุธคือข้อความ การตอบสนองของอิหร่าน? โดรนและขีปนาวุธ 370 ลำ ไม่ใช่การแก้แค้น ความยุติธรรม การก่อวินาศกรรม การลอบสังหาร และการคว่ำบาตรหลายปี ตอนนี้? ตึกอพาร์ตเมนต์ของอิสราเอลถูกทำลาย โดมเหล็กล้นหลาม — ถูกรบกวนทางไซเบอร์โดยกองกำลังที่สนับสนุน BRICS รัสเซียและจีนกำลังเฝ้าดู — และพร้อมแล้ว ทำไมตอนนี้ เพราะกลุ่มโลกาภิวัตน์กำลังผลักดันขั้นตอนสุดท้าย: – ทำลายเปโตรดอลลาร์ – เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลพร้อมการระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก – ระงับบัญชีเงินเกษียณ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” – อ้างเหตุผลในการเฝ้าระวังและเซ็นเซอร์ AI ภายใต้กฎอัยการศึก – ท่วมยุโรปด้วยผู้อพยพเพื่อทำลายการต่อต้านของชาตินิยม – ใช้สงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อลบล้างอำนาจอธิปไตยของชาติ — ตลอดไป กาซ่าเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ ภารกิจที่แท้จริง: รีเซ็ตโลก บังคับให้มนุษยชาติควบคุมทั้งหมด แต่ความจริงกลับรั่วไหล: – ข่าวกรองของรัสเซียยืนยันว่าระเบิดของอิสราเอลกำหนดเป้าหมายพลเรือน – บุคคลภายในของ Mossad กำลังรั่วไหลแผนดังกล่าว – ผู้แจ้งเบาะแสของ CENTCOM ยอมรับว่าไม่เคยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ตอนนี้ทรัมป์กำลังทำงานร่วมกับ BRICS เบื้องหลัง การประชุมสุดยอดสันติภาพคู่ขนาน ไม่มี NATO ไม่มี UN ไม่มี WEF เป้าหมายคืออะไร? ยุติการสังหารหมู่ ทำลายระบบ ปลดปล่อยโลก ถึงชนชั้นสูง: พิธีกรรมของคุณล้มเหลว มนุษย์มองเห็นคุณ และพายุที่คุณต้องการ? มันกำลังหันกลับมาต่อต้านคุณ นี่ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการกบฏเพื่อรีเซ็ตโลก และครั้งนี้ คุณแพ้
    0 Comments 0 Shares 667 Views 0 Reviews
  • ..ส่งกำลังใจแรงใจให้เหล่าทหารดีๆของประเทศไทยเรา,ชั่วๆเลวๆหาแดกกับเขมร เนรคุณแผ่นดินไทยทรยศไม่ซื่อสัตย์ในมาตุภูมิของตนเองให้มันพังพินาศไปทั้งโคตรเหง้าบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งทั้งเชื้อสายบรมโคตรวงศ์ตระกูลมันตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เถิด.,พอแล้วกับทหารนายพลทรยศแผ่นดินไทยเราจริงๆ,กูรูมากมายออกมาแฉตรึมก็ว่า,ยุคนี้ต้องจบสิ้นคนเนรคุณคนทรยศแผ่นดินไทยจริงๆจะมามุกขายชาติแลกผลประโยชน์แหล่งน้ำมันและทรัพยากรมีค่าบนอ่าวไทยแบบรัฐบาลเสียเขาพระวิหารเหี้ยๆนั้นไม่สมควรอีกแล้ว,หลอกคนโง่ประจำชาวบ้านประเทศไทยได้แบบหลอดไปฉีดตายวัคซีนโควิดเพาะโรคลดภูมิคุ้มกันตัวเองจนสามารถก่อโรคได้ถึง1,291โรคแบบนั้นก็ว่าก็ตามได้ก็ตามแต่หลอกกูรูคนไทยมากมายที่ออกมาแฉตรึมหลังฉากไม่ได้หรอก,คนไทยดีๆเก่งๆมีมากมายนักเต็มแผ่นดินไทยเรายังมีอยู่,
    ..พรุ่งนี้สั่งปิดด่านตลอดแนวพรมแดนทั้งหมดเลย,อธิปไตยดินแดนปกป้องป้องกันภัยรุกรานคุกคามของประเทศไทยต้องมาก่อนศัตรูตอนนี้คือเขมรชัดเจน,จะไปห่วงใยเหี้ยทำไมชีวิตความเป็นอยู่ของคนเขมรจะข้ามไปมาอีกบนดินแดนฝั่งไทย,เวลานี้ตอนนี้ ทุกๆคนเขมรห้ามมีที่ยืนบนแผ่นดินไทยทั้งหมดต้องไม่ให้มีคนเขมรทุกๆกรณี,มีในปัจจุบันที่อาศัยอยู่ประเทศไทยจะสถานะไหนต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมด,เก็บไส้ศึกคนเขมรไว้ทำซากอะไร,ไล่ฑูตเขมรกลับไปด้วย เรียกฑูตไทยกลับคืนมา,ปล่อยให้สืบข่าวสารภายในบ้านเมืองเราทำไม,fbไทย รัฐบาลไทย แอปไทยแอปต้องชาติทั้งหมดที่ประจำประเทศไทย,โดยคำสั่งทหารด้านความมั่นคงต้องสั่งแอปในไทยปิดUSERคนเขมรทั้งหมดด้วยในประเทศไทยทุกๆช่องทาง ตัดตอนการข่าวหรือมือที่สามปั่นป่วนโกลาหลสร้างความวุ่นวายต่างๆใดๆภายในชาติไทยเรา,หรือเขมรมาใช้เน็ตไทยก็ด้วยตัดมันทุกๆช่องทางทันทีด้วย.ห่วงวิถีชีวิตความเป็นคนสองฝั่งทำซากอะไรด้วยอธิปไตยเราต้องมาก่อน,คนไทยตลอดพรมแดนหากไม่รักอธิปไตยชาติไทย รักความสะดวกสบายที่สัมพันธ์แบบเดิมว่าค้าขายกับคนเขมรมันดีเลิศอยู่กำลังหาผลประโยชน์มหาศาลดีๆกับคนเขมรอยู่มีความไม่พอใจทหารที่สั่งปิดด่านเพื่อรักษาอธิปไตยประเทศแต่ห่วงผลประโยชน์ตนและความสุขตนเองก็ไปเป็นคนสัญชาติเขมรเสียข้ามฝั่งไปอยู่ค้าขายเหมือนเดิมกับคนเขมรเสียอย่ามายืนอยู่อาศัยให้หนักแผ่นดินไทย,บนอธิปไตยประเทศไทยที่คนเขมรคุกคามดำเนินอยู่นี้,คนเขมรทุกๆคนที่อยู่ในประเทศไทยต้องออกไปจากแผ่นดินไทยภายใน48ชม.มิเช่นนั้นจะถูกจับกุมคุมขังทันที.,และคำสั่งทหารแบนห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยทุกๆคนที่เป็นคนเขมร สัญชาติเขมรเชื้อชาติเขมร พ่อแม่เป็นคนเขมร,แบนแบบทรัมป์ชี้แนะแนวทางแบนคน20ประเทศห้ามเข้าอเมริกานั้นล่ะเพื่อความมั่นคงด้านอธิปไตยภายในประเทศอเมริกาซึ่งของฝั่งไทยเราทำย่อมสามารถทำได้ทันทีเพราะมหาอำนาจอเมริกานำร่องวิธีการให้แล้วยิ่งแบบครเขมรคนเนรคุณทรยศไม่ซื่อสัตย์ในสันดานจิตใจจิตวิญญาณตน ไม่ซื่อตรงในศีลธรรมสำนึกขั้นพื้นฐานมนุษย์ปกติ,คนเช่นเขมรนี้สามารถแบนได้ในสิ่งที่สมควรและคู่ควร,คนไร้ศีลธรรมระดับจิตยังหยาบยังเลวอยู่หากมายืนบนแผ่นดินไทยแน่นอนจะสร้างแต่ความโกลาหลวุ่นวายแตกแยกได้,เคลมไทยต่างๆมันบ่งบอกสันดานจริตชัดเจนแล้ว.,ประเทศไทยเราต้องให้บทเรียนราคาแพงแก่คนเนรคุณคนทรยศเช่นคนเขมรจริงจังได้แล้วในยุคสมัยเรา.,เราไม่เคยแบ่งปันดินแดนพื้รที่ใดๆให้เขมรเป็นเพียงชาติฝรั่งเศสเลวสมัยล่าวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าทั่วโลกกอบโกยปล้นชิงแย่งชิงเอาไปจากไทยแค่นั้น,เหมือนจบยุคนั้นจริงๆฝรั่งเศสเลวนี้ต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่แย่งชิงดินแดนนั้นๆทั้งหมดไปจากไทยคืนมาทั้งหมดทันที,ตัวเขมรอีกไร้ค่าไร้น้ำยาไร้ราคาจะมาเสนอหน้าพูดคุยเรื่องนี้และจริงๆต้องคืนพื้นที่ดินแดนในเขมรทั้งหมดที่ฝรั่งเศสเอาไปจากไทยที่ไทยบันทึกเป็นหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว.
    ..
    ..https://youtu.be/mJwnEbq7V5c?si=GM3jQjsja3_yeld7
    ..ส่งกำลังใจแรงใจให้เหล่าทหารดีๆของประเทศไทยเรา,ชั่วๆเลวๆหาแดกกับเขมร เนรคุณแผ่นดินไทยทรยศไม่ซื่อสัตย์ในมาตุภูมิของตนเองให้มันพังพินาศไปทั้งโคตรเหง้าบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งทั้งเชื้อสายบรมโคตรวงศ์ตระกูลมันตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เถิด.,พอแล้วกับทหารนายพลทรยศแผ่นดินไทยเราจริงๆ,กูรูมากมายออกมาแฉตรึมก็ว่า,ยุคนี้ต้องจบสิ้นคนเนรคุณคนทรยศแผ่นดินไทยจริงๆจะมามุกขายชาติแลกผลประโยชน์แหล่งน้ำมันและทรัพยากรมีค่าบนอ่าวไทยแบบรัฐบาลเสียเขาพระวิหารเหี้ยๆนั้นไม่สมควรอีกแล้ว,หลอกคนโง่ประจำชาวบ้านประเทศไทยได้แบบหลอดไปฉีดตายวัคซีนโควิดเพาะโรคลดภูมิคุ้มกันตัวเองจนสามารถก่อโรคได้ถึง1,291โรคแบบนั้นก็ว่าก็ตามได้ก็ตามแต่หลอกกูรูคนไทยมากมายที่ออกมาแฉตรึมหลังฉากไม่ได้หรอก,คนไทยดีๆเก่งๆมีมากมายนักเต็มแผ่นดินไทยเรายังมีอยู่, ..พรุ่งนี้สั่งปิดด่านตลอดแนวพรมแดนทั้งหมดเลย,อธิปไตยดินแดนปกป้องป้องกันภัยรุกรานคุกคามของประเทศไทยต้องมาก่อนศัตรูตอนนี้คือเขมรชัดเจน,จะไปห่วงใยเหี้ยทำไมชีวิตความเป็นอยู่ของคนเขมรจะข้ามไปมาอีกบนดินแดนฝั่งไทย,เวลานี้ตอนนี้ ทุกๆคนเขมรห้ามมีที่ยืนบนแผ่นดินไทยทั้งหมดต้องไม่ให้มีคนเขมรทุกๆกรณี,มีในปัจจุบันที่อาศัยอยู่ประเทศไทยจะสถานะไหนต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมด,เก็บไส้ศึกคนเขมรไว้ทำซากอะไร,ไล่ฑูตเขมรกลับไปด้วย เรียกฑูตไทยกลับคืนมา,ปล่อยให้สืบข่าวสารภายในบ้านเมืองเราทำไม,fbไทย รัฐบาลไทย แอปไทยแอปต้องชาติทั้งหมดที่ประจำประเทศไทย,โดยคำสั่งทหารด้านความมั่นคงต้องสั่งแอปในไทยปิดUSERคนเขมรทั้งหมดด้วยในประเทศไทยทุกๆช่องทาง ตัดตอนการข่าวหรือมือที่สามปั่นป่วนโกลาหลสร้างความวุ่นวายต่างๆใดๆภายในชาติไทยเรา,หรือเขมรมาใช้เน็ตไทยก็ด้วยตัดมันทุกๆช่องทางทันทีด้วย.ห่วงวิถีชีวิตความเป็นคนสองฝั่งทำซากอะไรด้วยอธิปไตยเราต้องมาก่อน,คนไทยตลอดพรมแดนหากไม่รักอธิปไตยชาติไทย รักความสะดวกสบายที่สัมพันธ์แบบเดิมว่าค้าขายกับคนเขมรมันดีเลิศอยู่กำลังหาผลประโยชน์มหาศาลดีๆกับคนเขมรอยู่มีความไม่พอใจทหารที่สั่งปิดด่านเพื่อรักษาอธิปไตยประเทศแต่ห่วงผลประโยชน์ตนและความสุขตนเองก็ไปเป็นคนสัญชาติเขมรเสียข้ามฝั่งไปอยู่ค้าขายเหมือนเดิมกับคนเขมรเสียอย่ามายืนอยู่อาศัยให้หนักแผ่นดินไทย,บนอธิปไตยประเทศไทยที่คนเขมรคุกคามดำเนินอยู่นี้,คนเขมรทุกๆคนที่อยู่ในประเทศไทยต้องออกไปจากแผ่นดินไทยภายใน48ชม.มิเช่นนั้นจะถูกจับกุมคุมขังทันที.,และคำสั่งทหารแบนห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยทุกๆคนที่เป็นคนเขมร สัญชาติเขมรเชื้อชาติเขมร พ่อแม่เป็นคนเขมร,แบนแบบทรัมป์ชี้แนะแนวทางแบนคน20ประเทศห้ามเข้าอเมริกานั้นล่ะเพื่อความมั่นคงด้านอธิปไตยภายในประเทศอเมริกาซึ่งของฝั่งไทยเราทำย่อมสามารถทำได้ทันทีเพราะมหาอำนาจอเมริกานำร่องวิธีการให้แล้วยิ่งแบบครเขมรคนเนรคุณทรยศไม่ซื่อสัตย์ในสันดานจิตใจจิตวิญญาณตน ไม่ซื่อตรงในศีลธรรมสำนึกขั้นพื้นฐานมนุษย์ปกติ,คนเช่นเขมรนี้สามารถแบนได้ในสิ่งที่สมควรและคู่ควร,คนไร้ศีลธรรมระดับจิตยังหยาบยังเลวอยู่หากมายืนบนแผ่นดินไทยแน่นอนจะสร้างแต่ความโกลาหลวุ่นวายแตกแยกได้,เคลมไทยต่างๆมันบ่งบอกสันดานจริตชัดเจนแล้ว.,ประเทศไทยเราต้องให้บทเรียนราคาแพงแก่คนเนรคุณคนทรยศเช่นคนเขมรจริงจังได้แล้วในยุคสมัยเรา.,เราไม่เคยแบ่งปันดินแดนพื้รที่ใดๆให้เขมรเป็นเพียงชาติฝรั่งเศสเลวสมัยล่าวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าทั่วโลกกอบโกยปล้นชิงแย่งชิงเอาไปจากไทยแค่นั้น,เหมือนจบยุคนั้นจริงๆฝรั่งเศสเลวนี้ต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่แย่งชิงดินแดนนั้นๆทั้งหมดไปจากไทยคืนมาทั้งหมดทันที,ตัวเขมรอีกไร้ค่าไร้น้ำยาไร้ราคาจะมาเสนอหน้าพูดคุยเรื่องนี้และจริงๆต้องคืนพื้นที่ดินแดนในเขมรทั้งหมดที่ฝรั่งเศสเอาไปจากไทยที่ไทยบันทึกเป็นหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว. .. ..https://youtu.be/mJwnEbq7V5c?si=GM3jQjsja3_yeld7
    0 Comments 0 Shares 481 Views 0 Reviews
  • โฆษก ทบ. แจงปิดด่านไทย-กัมพูชาเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อความมั่นคง-ความปลอดภัยของประชาชน หากสถานการณ์เสี่ยงสูง เช่น อาจมียิงปืนใหญ่ระยะไกล ให้หน่วยงานระดับพื้นที่พิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน โดยภาพรวมสถานการณ์ยังเรียบร้อย มีเพียงบางจุดที่เป็นปัญหาบ้างแต่ยังไม่น่ากังวล

    วันนี้(31 พ.ค.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงภายหลังมีกระแสข่าวไทยเตรียมปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนวหลังจากมีการปลุกระดมต่อต้านสินค้าไทยว่า การปิดด่านเป็นส่วนหนึ่งของแผนสำหรับใช้ในการบริหารจัดการสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบความมั่นคงและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ของหน่วยงานในระดับพื้นที่ปัจจุบัน ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด

    ที่ผ่านมา การปิดด่านจะดำเนินการต่อเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ โดยในอดีตจะดำเนินการเฉพาะต่อเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่นั้นๆ มีปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระดับที่น่ากังวลสูง โดยเฉพาะข่าวสารที่น่าเชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธระยะไกล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน

    สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน หากพิจารณาในภาพรวมส่วนใหญ่มีความเรียบร้อย มีเพียงบางจุดบางพื้นที่เท่านั้นที่อาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความน่ากังวลมากนัก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้อาศัยกลไกที่มีอยู่ในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ยึดถือกันอยู่อย่างเคร่งครัด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051129

    #MGROnline #โฆษกกองทัพบก
    โฆษก ทบ. แจงปิดด่านไทย-กัมพูชาเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อความมั่นคง-ความปลอดภัยของประชาชน หากสถานการณ์เสี่ยงสูง เช่น อาจมียิงปืนใหญ่ระยะไกล ให้หน่วยงานระดับพื้นที่พิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน โดยภาพรวมสถานการณ์ยังเรียบร้อย มีเพียงบางจุดที่เป็นปัญหาบ้างแต่ยังไม่น่ากังวล • วันนี้(31 พ.ค.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงภายหลังมีกระแสข่าวไทยเตรียมปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนวหลังจากมีการปลุกระดมต่อต้านสินค้าไทยว่า การปิดด่านเป็นส่วนหนึ่งของแผนสำหรับใช้ในการบริหารจัดการสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบความมั่นคงและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ของหน่วยงานในระดับพื้นที่ปัจจุบัน ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด • ที่ผ่านมา การปิดด่านจะดำเนินการต่อเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ โดยในอดีตจะดำเนินการเฉพาะต่อเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่นั้นๆ มีปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระดับที่น่ากังวลสูง โดยเฉพาะข่าวสารที่น่าเชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธระยะไกล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน • สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน หากพิจารณาในภาพรวมส่วนใหญ่มีความเรียบร้อย มีเพียงบางจุดบางพื้นที่เท่านั้นที่อาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความน่ากังวลมากนัก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้อาศัยกลไกที่มีอยู่ในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ยึดถือกันอยู่อย่างเคร่งครัด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051129 • #MGROnline #โฆษกกองทัพบก
    0 Comments 0 Shares 425 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ของ SK hynix ที่ใช้ใน GPU รุ่น RTX 5070 Ti โดยพบว่ามีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกที่ใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 34 Gbps อย่างไรก็ตาม การทดสอบยังขาดข้อมูลด้านความร้อนและประสิทธิภาพพลังงาน

    การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า Nvidia ได้เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 นอกเหนือจาก Samsung เพื่อเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานว่า BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ ซึ่งอาจทำให้การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตทำให้การ์ดจอเสียหายได้

    การทดสอบโมดูล GDDR7
    - SK Hynix GDDR7 สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps
    - มีศักยภาพใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung

    การเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์
    - Nvidia เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50

    ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ BIOS
    - BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ
    - การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย

    เป้าหมายของ Nvidia
    - เพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์เพื่อความมั่นคงของการผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sk-hynix-gddr7-modules-hit-34-gbps-on-the-rtx-5070-ti-similar-oc-performance-to-samsung
    บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ของ SK hynix ที่ใช้ใน GPU รุ่น RTX 5070 Ti โดยพบว่ามีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกที่ใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 34 Gbps อย่างไรก็ตาม การทดสอบยังขาดข้อมูลด้านความร้อนและประสิทธิภาพพลังงาน การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า Nvidia ได้เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 นอกเหนือจาก Samsung เพื่อเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานว่า BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ ซึ่งอาจทำให้การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตทำให้การ์ดจอเสียหายได้ ✅ การทดสอบโมดูล GDDR7 - SK Hynix GDDR7 สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps - มีศักยภาพใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung ✅ การเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ - Nvidia เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 ✅ ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ BIOS - BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ - การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย ✅ เป้าหมายของ Nvidia - เพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์เพื่อความมั่นคงของการผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sk-hynix-gddr7-modules-hit-34-gbps-on-the-rtx-5070-ti-similar-oc-performance-to-samsung
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • ถึงคิว "บูร์กินาฟาโซ"

    สหรัฐกล่าวหาผู้นำบูร์กินาฟาโซ ใช้ทองคำสำรองของประเทศเพื่อปกป้องตนเองและพรรคพวก ด้านวุฒิสภาสหรัฐกำลังพูดถึงมาตรการที่เตรียมออกมาใช้กับประเทศที่เพิ่งหลุดพ้นจากอิทธิพลฝรั่งเศส

    นายพลไมเคิล แลงลีย์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐเขตแอฟริกา (AFRICOM) กล่าวหากัปตันอิบราฮิม ตราโอเร่ ผู้นำบูร์กินาฟาโซ ว่าใช้ทองคำของประเทศเพื่อปกป้องตนเองและกลุ่มผู้ปกครองประเทศที่มาจากคณะรัฐประหาร มากกว่าใช้เพื่อความมั่นคงของประชาชน ในระหว่างการตอบคำถามของ 'โรเจอร์ วิกเกอร์' สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 เกี่ยวกับการทุจริตและการติดสินบนที่เกี่ยวข้องกับการค้ากับจีน จนนำไปสู่การขับไล่ผู้บริหารบริษัทจีนออกนอกประเทศ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 เมษายน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของประเทศบูร์กินาฟาโซ "คาราโมโก ฌอง มารี ตราโอเร" ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าข้อกล่าวหา "ไม่มีมูลความจริง" และข้อกล่าวหาดังกล่าวยังไม่ชัดเจน หรือหลักฐานเพียงพอ

    สิ่งนี้เนื่องจากข้อมูลที่มีความขัดแย้งกันและหลักฐานที่ไม่เพียงพอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กว้างขึ้น เนื่องจากบูร์กินาฟาโซกำลังละทิ้งอิทธิพลของชาติตะวันตก จำเป็นต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าทองคำดังกล่าวถูกนำมาใช้อย่างไร

    เมื่อสหรัฐนำเรื่องใดก็ตามเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภา นั่นหมายความว่า พวกเขากำลังเตรียมสร้างเหตุผลเพื่อเพิ่มทำอะไรบางอย่างในบูร์กินาฟาโซ ซึ่งอาจส่งผลถึงอนาคตของกัปตันตราโอเร่ในอนาคต
    ถึงคิว "บูร์กินาฟาโซ" สหรัฐกล่าวหาผู้นำบูร์กินาฟาโซ ใช้ทองคำสำรองของประเทศเพื่อปกป้องตนเองและพรรคพวก ด้านวุฒิสภาสหรัฐกำลังพูดถึงมาตรการที่เตรียมออกมาใช้กับประเทศที่เพิ่งหลุดพ้นจากอิทธิพลฝรั่งเศส นายพลไมเคิล แลงลีย์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐเขตแอฟริกา (AFRICOM) กล่าวหากัปตันอิบราฮิม ตราโอเร่ ผู้นำบูร์กินาฟาโซ ว่าใช้ทองคำของประเทศเพื่อปกป้องตนเองและกลุ่มผู้ปกครองประเทศที่มาจากคณะรัฐประหาร มากกว่าใช้เพื่อความมั่นคงของประชาชน ในระหว่างการตอบคำถามของ 'โรเจอร์ วิกเกอร์' สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 เกี่ยวกับการทุจริตและการติดสินบนที่เกี่ยวข้องกับการค้ากับจีน จนนำไปสู่การขับไล่ผู้บริหารบริษัทจีนออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 เมษายน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของประเทศบูร์กินาฟาโซ "คาราโมโก ฌอง มารี ตราโอเร" ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าข้อกล่าวหา "ไม่มีมูลความจริง" และข้อกล่าวหาดังกล่าวยังไม่ชัดเจน หรือหลักฐานเพียงพอ สิ่งนี้เนื่องจากข้อมูลที่มีความขัดแย้งกันและหลักฐานที่ไม่เพียงพอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กว้างขึ้น เนื่องจากบูร์กินาฟาโซกำลังละทิ้งอิทธิพลของชาติตะวันตก จำเป็นต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าทองคำดังกล่าวถูกนำมาใช้อย่างไร เมื่อสหรัฐนำเรื่องใดก็ตามเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภา นั่นหมายความว่า พวกเขากำลังเตรียมสร้างเหตุผลเพื่อเพิ่มทำอะไรบางอย่างในบูร์กินาฟาโซ ซึ่งอาจส่งผลถึงอนาคตของกัปตันตราโอเร่ในอนาคต
    0 Comments 0 Shares 628 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน
    .
    สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล
    .
    มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้
    .
    การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู
    .
    นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้
    .
    รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม
    .
    เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น
    .
    การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้
    .
    (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ
    (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน
    (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี
    .
    ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท)
    .
    เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน . สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล . มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้ . การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู . นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้ . รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม . เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น . การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้ . (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี . ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท) . เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    0 Comments 0 Shares 796 Views 0 Reviews
More Results